ตัวร้าย
36
“พวกเพื่อนแฟนมึงโคตรเกรียนเลยไอ้ห่า”
“เออฮาสัดโดยเฉพาะไอ้เชน”
ผมยิ้มขำฟังเพื่อนตัวเองพูดถึงเพื่อนแฟน หลังจากวันนั้นที่ไปกินเหล้ากันมาดูท่าว่าผมคงจะไม่ต้องกังวลอะไรอีกแล้วเพราะนอกจากพวกมันจะพูดกับบีสท์เป็นปกติเหมือนเพื่อนคนหนึ่งพวกเพื่อนผมยังแท็กทีมกับไอ้พวกสี่กุมารพากันเกรียนจนปวดหัววันนั้นกว่าจะพากันกลับมาถึงบ้านได้เล่นเอาเหนื่อยกว่าวิ่งมาราธอนสิบกิโลฯอีก
เมาแล้วเรื้อนกันอย่างกับอะไรฮาสุดก็เชนนั่นแหละที่ไปนั่งเถียงกับถังขยะจะเป็นจะตายใครมาลากก็ไม่ยอมไป สุดท้ายเปามันเดินหายกลับเข้าไปในร้านสักครู่ก็ออกมาพร้อมกับถังขยะใบเล็กเดินไปยื่นให้เชนกอดมันถึงยอมเดินไปขึ้นรถดี ๆ ส่วนคนอื่นก็เมานะหลากหลายกันไปอย่างเช่นแจมเมาแล้วนั่งร้องไห้ร้อนถึงแฟนตัวเองต้องคอยกอดปลอบพอถามว่าร้องทำไมเธอก็ส่ายหน้าบอกว่าไม่รู้รู้แต่ว่ามันเศร้า เอากับเขาสิก่อนหน้านั้นยังหัวเราะงอหายกันอยู่เลยเอาแค่สองคนนี้ก่อนแล้วกัน คนอื่น ๆ ยังมีอีกแต่เอาไว้เล่าคราวหน้า
“พวกผู้หญิงเพื่อนไอ้บีสท์ก็โคตรแจ่มแต่เสียดายมีแฟนกันหมดแล้ว”
ซานย่นจมูกเท้าคางถอนหายใจด้วยความเสียดาย ผมได้แต่อมยิ้มไม่ตอบอะไรกลับไปไม่อยากบอกด้วยว่าจริง ๆ แล้วเมเปิ้ลยังว่างแต่ว่ารู้จักนิสัยเพื่อนตัวเองดีเกินไปนี่แหละเลยไม่อยากจะแนะนำให้รู้จัก คิงกับคริษฐ์หัวเราะน้อย ๆ กับท่าทีเสียดายของซาน
“แล้วน้องอะไรนะที่มึงหิ้วกลับไปไม่ถูกใจหรือไง” คริษฐ์เอ่ยถาม ซานส่ายหน้าหวือ
“ยังไม่ทันได้เข้าโรงแรมเลยมึงคุณเธออยู่ดี ๆ ก็ร่ำร้องอยากจะกลับบ้านกูล่ะเซ็งสาด”
“ไก่อ่อนว่ะ”
“ครับ ๆ ใครเขาจะหล่อเลือกได้แบบมึงล่ะไอ้คุณคริษฐ์ แหมแทบจะสวิงกิ้งแล้วนะไอ้ห่ากูเห็นนะเว้ย”
ซานทำเสียงเล็กเสียงน้อยลอยหน้าใส่คริษฐ์ ไอ้เพื่อนคนหล่อของผมก็ไม่มีถ่อมตัวหรอก ยักไหล่เก๊กหล่อได้น่าหมั่นไส้ที่สุดผมหันมาหาคิงที่นั่งอยู่ข้าง ๆ
“แล้วมึงล่ะลากใครกลับไปหรือเปล่า”
ผมถามมันเพราะว่าวันนั้นมัวแต่เก็บศพพวกเพื่อนของบีสท์เลยไม่ทันได้มองว่าเพื่อนตัวเองหิ้วใครกลับไปบ้าง คิงยิ้มมุมปากแล้วส่ายหัวปฏิเสธ
“เป็นไปได้?”
“เป็นไปแล้วว่ะซัน อยากให้กูบอกซันไหมคิงว่าทำไมมึงถึงไม่หิ้วสาวกลับ”
คิงขมวดคิ้วแล้วชูกำปั้นใส่ซานที่หัวเราะคิกคักรู้กันกับคริษฐ์ผมได้แต่มองคนนั้นทีคนนี้ทีแต่ไม่มีใครบอกอะไรผมสักคน
“อะไรกันอ่ะบอกบ้างสิ”
“เพื่อนบีสท์นอกจากมาร์คแล้วมีใครเป็นเกย์อีกป่ะ ไม่ต้องตอบว่าผัวมึงนะกูจะฟาดหน้าให้”
ผมกำลังจะเอ่ยปากบอกว่าบีสท์ไงเลยต้องอ้าปากค้างแล้วค่อย ๆ หุบลง อืม...นอกจากมาร์คกับบีสท์อย่างนั้นหรือ ยูตัดไปได้เลยเพราะมีแจมอยู่แล้ว เชนก็บอกว่าตัวเองมีผู้หญิงที่ชอบแล้ว เปาผมไม่รู้เลยเพราะนอกจากหมา โมเดล กล้อง เพื่อนก็ไม่เห็นว่าเขาจะสนใจอะไรนอกจากนั้นเลยสักอย่าง อ้อ...สกายไง
“ยูกับเชนมีแฟนเป็นผู้หญิง เปากูไม่รู้เขาเหมือนไม่ได้ให้ความสนใจเพศไหนเป็นพิเศษแต่คืนนั้นก็มองพี่พีทตาเยิ้มอยู่เหมือนกันนะ แล้วก็สกายตอนนี้มีประเด็นอยู่กับเพื่อนพี่สาวที่มันเคลมว่าเป็นแค่พี่น้องกันอยู่”
“ผู้หญิง?”
“มึงหมายถึงอะไร”
“เพื่อนพี่สาวสกายไง” ผมส่ายหน้า
“ผู้ชาย”
“เข้าทาง!” ซานตบเข่าฉาดพูดเสียงดัง
“เข้าทางเลยเว้ย! เฮ้ยแต่เดี๋ยวนะแค่คุยหรือเป็นแฟนกันแล้ววะสกายกับพี่ที่มึงว่าน่ะ”
ผมขมวดคิ้วมองซานอย่างไม่เข้าใจที่อยู่ดี ๆ มันก็ถามเกี่ยวกับเรื่องของสกายหรือว่ามันสนใจสกาย
“มึงชอบสกาย?”
พอผมถามคำถามนั้นพวกเขาก็ถอนหายใจส่ายหน้าปลง
“ไม่ใช่กูแต่เป็นเพื่อนมึงที่เพิ่งโสดต่างหาก”
ผมหันขวับไปมองคิงที่นั่งยักคิ้วอมยิ้มส่งมาให้ผมอยู่ คิงเนี่ยนะสนใจสกาย ผีอะไรเข้าสิงมันกันหรือว่าสกายมันจะเล่นมนต์ดำอะไรใส่เพื่อนของผม เหมือนคิงจะรู้ทันเขาผลักหัวผมเบา ๆ แล้วเริ่มเล่า
“มันเมาน่ารักดี”
“หา?”
สกายเนี่ยนะน่ารัก ความน่ารักของมันผมเคยเห็นแค่ครั้งเดียวคือตอนไปเที่ยวเชียงใหม่แล้วจากนั้นความกวนตีนของมันก็กลบทับจนผมเกือบลืมไปแล้วว่ามันเคยทำตัวน่ารัก
“แปลว่ามึงไม่เคยเจอมันตอนเมา”
ซานบอก ตอนเมาหรือก็เคยเห็นอยู่นะแต่มันก็ไม่ได้เมามากจะว่าไปเมื่อคืนสกายก็เมาเยอะอยู่เหมือนกันเพราะตอนพาขึ้นรถมันหลับไปเลย
“ไม่เคยเห็นตอนเมามาก ๆ”
ซานดีดนิ้วแล้วชี้หน้าผม
“นี่ไง ให้คิงมันพูดดีกว่าว่าทำไมอยู่ดี ๆ ก็ใจสั่นกับผู้ชายด้วยกัน”
ผมหันมองคิง เขานั่งอมยิ้มเหมือนกำลังนึกถึงสกาย ขอสารภาพเลยว่าขนแขนผมลุกซู่
“มันเมาแล้วอ้อน
น่ารักมาก”
รู้สึกปวดหัวตุบ ๆ เมื่อเห็นท่าทางพูดไปยิ้มไปของเพื่อนตัวเอง
“แหะ ๆ แต่ตอนมันไม่เมามันเกรียนมากเลยนะ ขี้วีนขี้เหวี่ยง ปากอย่างกับกรร...”
ป้าบ!!!!
“โอ๊ย!!!!”
ผมโดนตบหัวจากด้านหลังหน้าทิ่มกระแทกโต๊ะ เจ็บจนมึนแรงควายขนาดนี้ไม่ต้องหันไปมองก็รู้ว่าใคร
“นินทากู ๆ เดี๋ยวจะโดน”
หันไปก็เห็นสกายเท้าเอวสีหน้าเอาเรื่องอยู่ ข้าง ๆ เขามียูกับบีสท์ แฟนผมหัวเราะน้อย ๆ แล้วเดินเข้ามาคว้าผมไปกอดปลอบ ผมซุกหน้ากับหน้าท้องเขาอย่างออดอ้อนจนเพื่อน ๆ ส่งเสียงแซว
“โว๊ย! จะอ้อนผัวก็ไปอ้อนไกล ๆ ไปเห็นแล้วคันหัวใจยิบ ๆ”
ไม่พูดเปล่าซานมันยังยกมือขึ้นเกาหน้าอกตัวเองด้วย ผมหันไปแลบลิ้นใส่มันแล้วกลับมาซุกอ้อนผะ...แฟนตัวเองต่อ ก็มันเจ็บอ่ะ
“นี่ยังน้อย อยู่ที่บ้านนะกูอ้วกจนมีแต่น้ำย่อยออกมาละ”
สกายกลอกตาเบะปากมองเหยียดผมกับเพื่อนตัวเองแล้วหันไปบอกซานพร้อมกับเดินมานั่งลงข้าง ๆ คิง ยูเดินยิ้มส่ายหัวมานั่งอีกฝั่ง ผมคลายอ้อมกอดที่กอดบีสท์อยู่ขยับตัวให้เขานั่งลงข้าง ๆ
“ขี้เวอร์” ผมว่ามัน สกายง้างมือถลึงตาใส่
“เดี๋ยวเถอะไอ้เอ๋อ เดี๋ยวกูตบเกรียนแตก”
“เห็นป่ะคิง กูบอกแล้วว่ามันไม่ได้น่ารักซักนิด”
ผมเมินสกายหันไปฟ้องเพื่อนตัวเอง คิงอมยิ้มมองสกายซึ่งผมว่ามันมาทันได้ยินนะว่าเพื่อนผมบอกชอบมันเพราะตอนนี้มันเกาแก้มเก้อเขิน
“หูแดงนะ”
ยูยิ้มบอกแล้วชี้มาที่หูสกาย มันรีบยกมือขึ้นตะปบหูตัวเองได้ยินเสียงเพื่อนผมที่โดนมนต์ดำหัวเราะชอบใจแถมยังมองสกายด้วยสายตาเอ็นดูอีกต่างหาก
“อะ...เอ้อ คือมึงอ่ะคิงใช่ป่าวกูว่าอย่าหลงผิดมาชอบกูเลย”
“ทำไมล่ะ มึงรังเกียจหรือ?” สกายส่ายหัวเมื่อเห็นดังนั้นคิงจึงถามต่อ
“หรือมีคนที่ชอบอยู่แล้ว” คราวนี้สกายนิ่งไปสักครู่ก็ยักไหล่ตอบคิงเสียงสบาย
“ก็ไม่เชิง”
“ถ้ามึงไม่ได้รังเกียจแล้วก็ยังไม่มีใคร ให้โอกาสกูได้ไหมล่ะ”
คริษฐ์ผิวปากแซว ซานปรบมือหัวเราะชอบใจ ยูกับบีสท์ยิ้มขำส่วนผมนั้นอึ้งกับคำพูดเพื่อนตัวเองไปแล้ว ถ้าคิงพูดอย่างนี้แปลว่ามันคิดจะจริงจังกับความสัมพันธ์นี้เลยนะ
“กูกลัวจะเสียเวลามึง” สกายนี่ก็ตอบตรงดีเหลือเกิน
“ให้กูลองก่อนสิเผื่อมึงชอบกูมากกว่าเขานะ”
สกายเหลือบตามองเพื่อนตัวเองเหมือนจะถามความเห็นเมื่อบีสท์กับยูพยักหน้าเขาก็หันมามองคิงแล้วพยักหน้า
“ก็ได้ แต่ถ้าไม่รอดอย่ามาโทษกันนะ” คิงยิ้มพยักหน้า
“กูแฟร์พอน่า”
“คือพวกมึงจีบกันโต้ง ๆ อย่างนี้เลย”
ผมถาม คิงยักไหล่ส่วนสกายชะโงกหน้ามามองไม่ต้องพูดหน้ามันก็บ่งบอกแล้วว่า เสือก โอเคกูเข้าใจก็ได้
“แล้วมากันทำไม”
ผมหันมาถามบีสท์เพราะยูกับสกายอยู่คนละมหาวิทยาลัย บีสท์เลิกคิ้วยักไหล่
“กายมันว่างไม่รู้จะไปไหนยูก็ว่างพอดีมันเลยลากมาดูหนัง ดูเสร็จมันก็โทรมาหากูจะติดรถกลับบ้านพร้อมกันนี่แหละ”
“กลับเลยไหม”
“เดี๋ยวรอแพรวก่อนเรียนเสร็จตอนห้าโมงเย็น”
ผมยกนาฬิกาขึ้นดูเพิ่งจะบ่ายสามครึ่งเหลือเวลาอีกเยอะจึงหันไปถามแฟนตัวเอง
“แล้วจะไปไหนก่อนหรือเปล่า”
บีสท์ส่ายหน้าแล้วหันไปถามเพื่อนสองคนของตัวเอง
“จะไปไหนกันหรือเปล่า”
“หิวขนม” สกายพูดขึ้นมา
“งั้นไปหาร้านนั่งกันไหมหน้าม.มีร้านกาแฟอยู่ขนมอร่อยอยู่นะ”
คริษฐ์เสนอความคิด ยูเลิกคิ้วถามสกายเจ้าคนเรื่องมากพยักหน้าตกลงเราทั้งหมดจึงอพยพจากใต้ตึกคณะผมเดินออกจากมหาลัยมายังร้านกาแฟที่ผมมารอบีสท์ประจำ
“อะไรอร่อยบ้าง”
สกายเอ่ยถามลอย ๆ ไม่เจาะจงใครแต่เพื่อนผมที่ต้องการทำคะแนนก็รีบนำเสนอพาอีกคนไปเลือกด้วยตัวเอง คริษฐ์กับซานหัวเราะแล้วเดินตามหลังสองคนนั้นไป
“นั่งรอตรงนี้ก็ได้เดี๋ยวกูไปซื้อให้ เอาอะไรยูเอาไรเดี๋ยวกูไปซื้อให้”
บีสท์บอกกับผมแล้วหันไปถามเพื่อนตัวเองที่คุยโทรศัพท์อยู่คาดว่าปลายสายจะเป็นแจม ยูป้องปากบอกปลายสายให้รอก่อนจะเงยหน้าบอกบีสท์
“เอสเพรสโซ่เย็น อ่า...โอเคครับ บีสท์เปลี่ยนเป็นโกโก้เย็นไม่หวานแล้วกัน” บีสท์พยักหน้าแล้วก้มมาถามผม
“เอาเหมือนยูแล้วก็อยากกินเค้กมะพร้าว”
“โอเค”
เขาโยกหัวผมเบา ๆ ก้มลงหยิบกระเป๋าสตางค์แล้วเดินไปสั่งของที่เคาท์เตอร์พอดีกับยูวางสาย
“โดนแจมบ่นเลย”
“ทำไมล่ะ”
“เขาไม่อยากให้กูกินกาแฟเกินวันละสองแก้วแล้ววันนี้ก็เกินโควตาแล้วด้วย”
“เชื่อฟังดีเหลือเกิน” ยูยิ้มยักไหล่
“ก็นะเพราะเขาห่วงนี่”
“หมั่นไส้” เขาหัวเราะ
“พูดอะไรไม่ดูคู่ตัวเองเลยนะ”
ผมอมยิ้มยักคิ้วกวน ยูหัวเราะส่ายหน้าไม่นานพวกที่เหลือก็เดินกลับมาพร้อมกับขนมคนละถาดและพอวางปุ๊บผมก็ได้รู้ว่าไอ้คนละถาดน่ะพวกมันช่วยถือมาจริง ๆ แล้วคริษฐ์กับซานมีแค่กาแฟคนละแก้ว เค้กสี่ชิ้นนั้นของสกายคนเดียว
“จะไม่กินข้าวเย็นแล้วหรือไง”
ยูขมวดคิ้วถามเพื่อนตัวเองแล้วมองหน้าบีสท์ที่เดินถือถาดกาแฟและขนมเดินมาที่โต๊ะ แฟนผมยักไหล่
“กูบอกไปแล้วนะ แต่มันมีคนตามใจ” บีสท์บุ้ยหน้าไปทางคิงเพื่อนผมยิ้ม
“ก็แบ่ง ๆ กันกินไง กายมันแค่อยากลองชิมหลาย ๆ อย่างเฉย ๆ”
สกายพยักหน้าหงึกหงักเห็นด้วยทำท่าทางประหนึ่งว่ากูไม่ผิดนะ ซื้อมาแบ่งกันกินจริง ๆ ยูกับบีสท์ส่ายหัวปลง
“ให้จริงเถอะชิมของมึงน่ะ ส่วนมึงนะถ้ายังไม่รู้อะไรกูจะบอกให้ ไอ้นี่น่ะกินขนมอย่างกับยัดนุ่นมึงโดนมันหลอกแล้ว”
ยูบอกคิงที่ไม่มีทีท่าทุกข์ร้อนแถมยังมองสกายจ้วงเค้กด้วยความเอ็นดูอีกต่างหาก ดูท่าจะหลงจริง ๆ ผมย่นคิ้วแล้วหันมองหน้าเพื่อนทั้งสองคน คริษฐ์ยักไหล่ประมาณว่าความสุขของมันก็ปล่อยมันไปเถอะ ส่วนซานเหมือนกำลังดูอะไรสนุก ๆ อยู่
เราคุยเล่นกันเรื่อยเปื่อยได้พักใหญ่ จู่ ๆ เสียงโทรศัพท์ของคริษฐ์ก็ดังขึ้น เพื่อนผมหยิบขึ้นมาดูก่อนคิ้วเข้มจะขมวดแล้วเงยหน้ามองผม ผมเลิกคิ้วถามเขาถอนหายใจส่ายหัวลุกขึ้นทำสัญญาณบอกทุกคนว่าจะออกไปรับโทรศัพท์ด้านนอก
“ใครโทรมาวะ” ผมถามซานเพราะมันเห็นรายชื่อคนที่โทรเข้ามาสีหน้าเพื่อนผมดูเครียดขึ้นทันที
“พี่อิน” พอชื่อนี้หลุดออกจากปากซานทุกคนก็หยุดการกระทำตรงหน้าของตัวเอง สกายส่งเสียงจิ๊จ๊ะด้วยความหงุดหงิด
“มันยังไม่หยุดอีกหรือไง” ซานขมวดคิ้วแล้วส่ายหัว
“เขาหายไปสักพักแล้วนะตั้งแต่เกิดเรื่องน่ะ แล้วปกติถ้าเขาจะโทรถามความเป็นไปของซันส่วนมากก็จะโทรหากูนะ แต่วันนี้เขาโทรหาคริษฐ์ซึ่งกูว่ามันแปลก ๆ”
คิงพยักหน้าเห็นด้วยกับซาน ส่วนผมยักไหล่โคลงหัวเพราะไม่รู้ว่าเวลาพวกเพื่อนผมรายงานอินพวกมันรายงานกันผ่านใครอะไรยังไง
“อาจจะไม่เกี่ยวกับกูก็ได้” ผมบอกกับทุกคนแต่คิงส่ายหน้า
“กูว่าเกี่ยว”
มันบอกแล้วบุ้ยหน้าไปทางนอกร้าน พวกผมมองตามคริษฐ์ยืนคุยโทรศัพท์อยู่ด้วยใบหน้าเคร่งเครียด เขาเงยหน้าขึ้นมาสบตากับผม สายตาของเขาเต็มไปด้วยความยุ่งยากใจ พักใหญ่คริษฐ์ก็เดินกลับเข้ามาแต่ไม่ได้นั่งลงที่เดิม
“ซันขอคุยด้วยหน่อย”
“ซีเรียสหรือ?” ผมเอ่ยถามพอคริษฐ์พยักหน้าผมก็ลุกขึ้นเดินตามเขาออกมานอกร้าน
“มีอะไรหรือเปล่า” คริษฐ์มองผมนิ่งแล้วถอนหายใจยาว
“อือ”
“เรื่องอะไร”
“
พ่อมึงอยากคุยด้วย” ผมหน้าตึงขึ้นมาทันที
“กูไม่มีอะไรจะคุย”
“เขารู้เรื่องมึงกับบีสท์” ผมยักไหล่
“แล้วยังไง ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเขานี่” คริษฐ์หลับตาถอนหายใจยาว
“กูไม่รู้ว่าพี่อินไปพูดอะไรบ้าง แต่เขาโทรมาหากูบอกว่าพ่อมึงอยากคุยด้วยและตอนนี้เขาก็อยู่ฝั่งตรงข้ามแล้ว”
พูดจบคริษฐ์ก็บุ้ยหน้าไปทางมหาลัยผมมองตามสายตาเขาเห็นอินยืนอยู่กับผู้ชายวัยกลางคนที่ผมจำได้ขึ้นใจว่าเป็นใคร คนที่ครั้งหนึ่งผมเคยเรียกเขาว่า
พ่อ ผู้ชายคนนั้นมองตรงมาที่ผมด้วยสีหน้าเรียบนิ่งแต่สายตาบ่งบอกถึงการบังคับให้ผมต้องเดินข้ามกลับไปหาเขา
“กูต้องไปใช่ไหม” ผมหันกลับไปมองหน้าคริษฐ์
“ไปคุยกับเขาให้รู้เรื่องเถอะเดี๋ยวกูไปเป็นเพื่อน” ผมส่ายหน้า
“ไม่เป็นไร มึงกลับเข้าไปอยู่กับเพื่อน ๆ เถอะฝากบอกบีสท์ด้วย เดี๋ยวกูกลับมา”
“เอางั้น?”
“อือ” คริษฐ์พยักหน้ารับรู้ เขาบีบไหล่ผมเบา ๆ
“มีอะไรโทรมานะ”
“อือ”
ผมสูดหายใจลึกแล้วเดินข้ามถนนกลับมาทางฝั่งมหาลัย ยกมือไหว้ทั้งเขาและอิน สองคนรับไหว้ผมโดยมีอินที่ยิ้มให้แต่ผมมองเลยผ่านเขาไปหาอีกคน
“คุณมีอะไรจะคุยกับผมครับ”
“ไปหาที่นั่งก่อน”
เขาบอกเสียงเรียบแล้วหันหลังเดินไปนั่งตรงม้าหิน อินยิ้มบางผายมือให้ผมเดิน ผมถอนหายใจแล้วเดินไปนั่งฝั่งตรงข้ามเลือกนั่งตรงกลางเพื่อกันไม่ให้อินนั่งข้างเขาจึงต้องนั่งบนเก้าอี้อีกตัว
“มีอะไรจะคุยครับ” ผมถามย้ำ เขามองหน้าผมนิ่ง
“ทำไมไม่พามาด้วยกันล่ะ”
“จำเป็นด้วยหรือครับ”
“คบกันอยู่ไม่ใช่หรือไง” น้ำเสียงของเขาเปล่งออกมาบ่งบอกถึงการดูหมิ่นดูแคลนอย่างชัดเจน
“ผมไม่จำเป็นต้องบอกคุณ”
ปัง!
“ฉันเป็นพ่อแกนะซัน!”
“ครับ” ผมตอบรับ ผมรู้ดีว่าเขาเป็นใคร ผมรู้ว่าผมไม่สามารถหนีความจริงพ้นถึงจะไม่อยากยอมรับแค่ไหนก็ตาม
“จะทำให้ฉันขายหน้าไปถึงไหน!”
“ผมทำอะไรคุณ” เขาพ่นลมหายใจยิ้มเหยียด
“เหอะ! คราวแรกก็หนีออกจากบ้านทำเรื่องใหญ่โตจนต้องขึ้นโรงขึ้นศาลให้ฉันเสียชื่อเสียง พอมาครั้งนี้ยังทำเรื่องงามหน้ามีแฟนเป็นผู้ชายอีก! แกจะทำให้ฉันขายหน้าไปถึงไหน!!!”
ผมมองเขาด้วยแววตานิ่งเฉย ไม่ได้รู้สึกโกรธอะไรแต่เป็นเขาเสียอีกที่พอเห็นผมนิ่งแบบนี้คงรู้สึกว่าผมท้าทายเขา เขาเลยยิ่งออกอาการโกรธเป็นฟืนเป็นไฟอย่างนี้
“คุณอาใจเย็นก่อนนะครับ ผมว่าเราพูดกับน้องดี ๆ จะดีกว่านะครับ” ผมเลิกคิ้วเอียงคอมองอินแล้วเหยียดยิ้มมุมปาก เสแสร้งเก่งดีจัง ก็เป็นเขาเองไม่ใช่หรือไงที่พาคน ๆ นี้มา
“อินดูน้องเราเถอะ เดี๋ยวนี้ปีกกล้าขาแข็งต่อล้อต่อเถียงคงติดนิสัยกุ๊ย ๆ จากแฟนมาล่ะสิ” ผมหน้าตึงทันทีที่เขาพูดจบประโยค มองคนตรงข้ามด้วยสายตาไม่พอใจ
“คุณไม่รู้จักเขา ไม่มีสิทธิ์มาว่าเขาแบบนั้น”
“เข้าข้างกันดีจังนะ หึ เป็นไงล่ะให้ตายายแกดูแลแล้วเป็นไง ทำตัวเหลวแหลกผิดเพศไปหมด”
ปึง!
ผมตบโต๊ะเสียงดังจ้องมองเขาด้วยสายตาแข็งกร้าว ความโกรธของผมพุ่งปรี๊ดเมื่อเขาพาลไปถึงตากับยาย เขาเหยียดยิ้มเหมือนผู้ชนะเมื่อเห็นผมแสดงอาการเหล่านั้น
“อย่ามาว่าถึงตากับยายผม”
“หรือไม่จริงล่ะ ตามใจจนเสียคน งามหน้าไหมล่ะทีนี้มีหลานเป็นเกย์”
“ผมไปเป็นเกย์บนหัวคุณรึไง”
“ซัน!!!!! แกกล้าดียังไงพูดกับฉันแบบนี้หา!!!”
“คุณอาครับใจเย็น ๆ ครับ คุณคนเล็กขอโทษคุณพ่อก่อนครับ”
เขาลุกพรวดง้างมือขึ้นสูงเหมือนจะตบหน้าผมแต่อินรีบคว้าแขนเขาเอาไว้แล้วร้องบอกให้ผมขอโทษ แต่ผมไม่ทำเขาก็ยิ่งโกรธ
“อินดูสิ เมื่อก่อนเคยเป็นแบบนี้ที่ไหน อาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนกันมีลูกอย่างนี้”
“ก็เอาวางไว้บนบ่าคุณนั่นแหละครับ” ผมสวนทันควัน
“แก!! ไอ้ลูกไม่รักดี!” เขาถลาจะเข้ามาทำร้ายผมอีกครั้งและก็เป็นอินที่รั้งเขาเอาไว้เช่นเดิม คนแถวนั้นเริ่มมองมาแต่ผมสนที่ไหน ไม่ใช่คนหน้าบางเหมือนเขาเสียหน่อย
“คุณจะมาเพื่อว่าผมแค่นี้ใช่ไหมครับ ผมขอพูดอะไรสักนิดนะ คุณคงลืมไปแล้วว่าผมไม่ได้ใช้นามสกุลของคุณ คุณไม่จำเป็นเลยด้วยซ้ำที่จะต้องมาใส่ใจว่าผมจะเป็นอะไรจะมีชีวิตอย่างไร เพราะทุกสิ่งทุกอย่างผมเป็นคนเลือกเองและนี่มันคือความสุขของผม”
“แต่ทุกคนเขารู้ว่าแกคือลูกของฉัน!”
“อ้อ ถ้าอย่างนั้นคุณก็บอกไปสิครับว่าตัดขาดจากผมไปแล้ว”
“ซัน! แกจะทำให้ฉันตีแกให้ได้ใช่ไหม”
“ผมทำอะไร ผมอยู่ของผมดี ๆ มีความสุขกับชีวิตที่ผมเลือก มีแต่คุณนั่นแหละที่เข้ามาแล้วก็มาว่า ๆ ผมทำตัวไม่ดีอย่างนั้นอย่างนี้ ถามจริง ๆ เถอะครับ ต้องการอะไร”
“
เลิกกับมันซะ”
“ทำไมผมต้องเชื่อคุณ”
“ซันนี่ฉันหวังดีกับแกอยู่นะ! ผู้หญิงดี ๆ มีให้ชอบตั้งเยอะแยะทำไมไม่ชอบ ไปชอบอะไรกับผู้ชายแถมยังเป็นไอ้กุ๊ยข้างถนนชอบต่อยตีชาวบ้านเขาอีก!” เขาหอบหายใจแรงเหมือนพยายามข่มความโกรธ พยายามพูดกับผมดี ๆ ผมเหลือบตาไปมองหน้าอิน
“อ้อ ไปเป่าหูอะไรเขามาหรือครับถึงร้อนมาหาผมถึงที่นี่” อินสะอึกไปเล็กน้อยแล้วตอบผมออกมาเสียงเครียด
“ขอโทษครับ พี่แค่เห็นว่าน้องกำลังเดินผิดทางเลยไปปรึกษาคุณอา...” ผมเค่นหัวเราะ ไม่รอให้เขาพูดจบประโยค
“เดินผิดทาง? นี่พวกคุณครับผมบรรลุนิติภาวะแล้ว คิด วิเคราะห์ แยกแยะเป็นว่าใครเป็นอย่างไร ผมรู้ว่าแฟนผมเป็นอย่างไร ตากับยายเองก็ทราบเรื่องของบีสท์ดี ครอบครัวของบีสท์ก็รับรู้เรื่องของผมเองเช่นกัน ผมว่าเรื่องนี้มันก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับคุณเลยนะครับ อย่างที่ผมบอกไปแล้วนามสกุลคุณผมก็ไม่ได้ใช้ถ้ากลัวคนอื่นจะมาพูดจาดูถูกหรืออายที่มีลูกเป็นเกย์ คุณก็แค่บอกเขาไปสิครับว่าคุณกับผมไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกันอีกแล้ว”
“ซัน...แกเป็นลูกฉันนะ แกคิดหรือว่าฉันจะไม่รักแก ทอดทิ้งแกแล้วไปมีความสุขกับครอบครัวใหม่ ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงฉันจะมายืนอยู่ตรงนี้ทำไม”
น้ำเสียงของเขาอ่อนลง ผมกับเขายืนจ้องหน้ากันอยู่นาน สายตาของเขาที่มองมาที่ผมมันแผงไปด้วยความรู้สึกหลากหลายที่ผมไม่สามารถอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้ ผมถอนหายใจยาว
“ผมเลือกชีวิตของผมเอง ขอบคุณสำหรับความหวังดีที่มีให้ผมนะครับ แต่ผมก็อยากจะอธิบายให้คุณฟังเหมือนกันว่าการที่ผมรักใครสักคนผมไม่เคยกะเกณฑ์ว่าเขาจะต้องเป็นเพศไหน นิสัยอย่างไร ฐานะทางบ้านเป็นอย่างไร ผมสนแค่ว่าคน ๆ นั้นของผมเมื่อผมอยู่กับเขาผมมีความสุขไหม สบายใจหรือเปล่าและบีสท์ก็คือคน ๆ นั้นของผม”
“แกแค่กำลังหลงมัน” ผมส่ายหัว
“มันคือความรักครับ ผมรักเขา เรารักกันและไม่ว่าคุณจะพูดอย่างไรผมก็จะไม่เลิกกับเขา ขอโทษนะครับที่เป็นลูกที่ไม่ดีทำให้คุณผิดหวังมาตลอด ขอตัวนะครับ”
ผมยกมือไหว้เขาแล้วหันหลังเดินออกมา แต่เดินมาได้เพียงไม่กี่ก้าวก็ถูกชายชุดสูทสีดำยืนขวางอยู่สองคน
“ฉันคงปล่อยแกกลับไปหามันไม่ได้หรอก ถ้าอยู่ในการปกครองของตากับยายแล้วแกทำตัวเหลวไหลแบบนี้ฉันก็จะเอาแกกลับมาดูแลเอง” ผมตวัดสายตาหันกลับไปมองเขา
“คุณไม่มีสิทธิ์มาบังคับผม!”
“กลับบ้านกับฉัน”
เขาพูดแค่นั้นแล้วพยักหน้าส่งสัญญาณให้กับคนในชุดสูท สองคนเข้ามาล็อคแขนผมไว้คนละข้าง ผมทั้งดิ้นทั้งเตะร้องโวยวายเสียงดัง
“ปล่อย!!!!! คุณไม่มีสิทธิ์มาทำกับผมแบบนี้นะ!!! ปล่อยสิวะ!!! ช่วยด้วย!!!”
ผมสะบัดตัวอย่างแรงแต่ไอ้สองคนนี้ทั้งตัวใหญ่แล้วก็แรงเยอะเหลือเกินคนแถวนั้นก็ไม่มีใครเข้ามาช่วยผมสักคนเมื่อเห็นว่ามีอินอยู่ที่นี่
“ขอโทษครับที่เสียงดัง น้องผมทะเลาะกับพ่อเขานิดหน่อยครับกำลังจะพากลับไปเคลียร์ที่บ้านครับ” อินก้มหัวกล่าวขอโทษคนที่พากันมายืนดูเหตุการณ์
“ปล่อยกู!!!!! ช่วยด้วย!!!” ผมตะคอกไอ้บ้าสองคนที่เริ่มลากผมเดินออกมาโดยมีอินและเขาเดินตามหลัง
“ซัน!!!!”
“บีสท์!!! ช่วยด้วยบีสท์!!!”
บีสท์ตะโกนเรียกชื่อผมเสียงดัง ผมหันไปมองตามเสียงเขายืนทำหน้าตกใจอยู่อีกฟากของถนนพร้อมกับเพื่อน ๆ ของผม พอเห็นเขาผมก็ร้องตะโกนเสียงดังพยายามสะบัดตัวออกจนเจ็บไปหมด
“รอกูก่อนนะซัน!”
“บีสท์ช่วยกูด้วย!”
“รีบพาซันขึ้นรถ!!!”
“ไม่!! ปล่อยกูไอ้เหี้ยเอ๊ย ปล่อยกูสิวะ!! บีสท์ช่วยกูด้วย!!!!”
ผมร้องตะโกนหาบีสท์ในขณะที่เขาเร่งให้ไอ้สองคนที่จับตัวผมไว้ฉุดกระชากผมขึ้นรถตู้สีดำที่จอดอยู่ไม่ไกล ระยะทางใกล้เข้ามาทำผมสติจะแตก ผมหันไปมองหาบีสท์ เขามองหน้าผมท่าทางเขาร้อนรนแต่ด้วยอุปสรรคคือรถบนถนนที่วิ่งขวักไขว่ทำให้เขาข้ามมาไม่ได้อย่างใจนึก
ประตูรถอยู่ตรงหน้าผมอีกไม่กี่ก้าว ผมรวบรวมกำลังดิ้นสุดแรงจนแขนข้างหนึ่งหลุดจากการเกาะกุม ผมถีบไอ้บ้านั่นจนกระเด็นแล้วหันมาเตะผ่าหมากอีกคนเมื่อเป็นอิสระผมก็รีบวิ่งตรงไปหาบีสท์ที่อยู่อีกฝั่งของถนนก่อนแขนจะถูกกระชากกลับไปอย่างแรงจากอิน
“พี่ไม่ปล่อยให้น้องกลับไปหามันหรอก!” เขาตะคอกผมเสียงดัง
“ปล่อยผม!!!”
“ไม่!!!
ไม่มีวัน!!”
“ไอ้เหี้ยปล่อยแฟนกูนะ!!!”
บีสท์ร้องตะโกนมา อินตวัดสายตาไปมองพลางยิ้มเยาะ เขากระชากผมอย่างแรงให้เดินตามแล้วหันไปบอกผู้ชายคนนั้น
“คุณอาขึ้นไปรอบนรถก่อนครับเดี๋ยวผมจัดการเอง”
ผมขืนสุดแรงทิ้งตัวลงนั่งอินมองผมด้วยแววตาวาวโรจน์แล้วออกแรงกระชากผมจนผมล้มไถลไปกับพื้นคอนกรีต
“โอ๊ย!!”
“ไอ้เหี้ย!!!! ปล่อยแฟนกู!!!!!!!!”
บีสท์ตะโกนลั่น ผมซี๊ดปากด้วยความเจ็บปวดกางเกงนิสิตขาดตรงเข่า เลือดไหลซิบอินปรายตามองมาแต่ก็ไม่ยอมหยุด
“ตามพี่มาแล้วจะไม่เจ็บตัว”
“กูไม่ไป!!!”
“คุณคนเล็ก!!! พูดดี ๆ ไม่ฟังใช่ไหมครับ!!!”
เขาออกแรงกระชากผมอีกครั้ง ไอ้เหี้ยเอ๊ยผมยังไม่ทันลุกขึ้นทรงตัวแรงดึงของเขาทำให้ผมล้มลงเข่ากระแทกพื้นอีกครั้งซ้ำรอยเดิมเจ็บจนน้ำตาไหล หันไปมองบีสท์ที่เหมือนว่าเส้นความอดทนของเขาจะขาดไปแล้ว ร่างสูงสะบัดตัวออกจากการเกาะกุมของสกายและยูวิ่งข้ามถนนมาหาผม
อีกนิดเดียวบีสท์ก็จะมาถึงตัวของผมแล้ว
อีกนิดเดียว
“บีสท์!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”
เอี๊ยด!!!!!!!!
โครม!!!!!!!!!!!
I will wander ’til the end of time, torn away from you.
ฉันจะร่อนเร่ไปจนกว่าเวลาจะสิ้นสุดลง ถูกพรากจากเธอ
My Heart Is Broken – Evanescence
Tbc
talk. หัวใจสลายไปแล้ว

ฮืออออ น้องเจ็บปวดเหลือเกิน ท้ายตอนแย่งซีนทุกคนจริง ๆ ตัวร้ายออกมาหมดแล้วนะไม่มีแล้วมากกว่านี้เราคงขาดใจตาย ฮือออออ แล้วเจอกันในอีกวันสองวันข้างหน้าน้า อีกไม่กี่ตอนจะจบแล้วรู้สึกใจหายนิด ๆ แล้วเจอกันตอนหน้าค่า
#นิยายตัวร้าย