ตัวร้าย
39
“ไม่!!!”
ผมกอดอกมองคนที่กำลังทำท่าแบบเดียวกันคือกอดอกหน้างออยู่บนเตียงเรื่องของเรื่องก็คือเพราะบีสท์อ้อนจะให้ผมนอนบนเตียงกับเขาซึ่งที่ผ่านมาผมก็ยอมแต่โดยดี แต่เรื่องมันก็เกิดขึ้นเมื่อตอนเช้าที่ตื่นมาแล้วพบว่าผมไปนอนทับแขนของเขาจนเข็มหัก
ผมทั้งโกรธทั้งรู้สึกผิดที่ทำให้เขาต้องเจ็บตัวอีกแล้ว ที่โกรธก็เพราะไอ้คุณแฟนคนดีของผมเป็นคนดึงตัวผมเข้าไปกอดเองและเขาก็รู้ตัวตอนที่ผมหลับพลิกตัวไปทับแขนเขาแล้วเข็มก็หักไปตามระเบียบ
“ซันนนนน มันไม่เจ็บเลยจริง ๆ นะมึงแค่มดกัดอ่ะถ้ามันเจ็บมากจริง ๆ กูปลุกมึงไปแล้ว”
“ไม่ต้องมาแก้ตัว หักก็คือหัก” ผมยังยืนกรานคำเดิม เพราะบีสท์อ้อนจะให้ผมขึ้นไปนอนกับเขาบนเตียงอีกเหมือนเดิม ใครจะยอมกันเล่าไอ้บ้านี่
“กูนอนไม่หลับนะ” เขากล่าวเสียงหงอย
“อย่ามาเวอร์!”
ไม่ใช่เสียงของผมนะแต่เป็นเสียงของเชนที่คงทนเห็นสภาพเพื่อนตัวควายทำท่าทางเอาแต่ใจแบบเด็ก ๆ ไม่ไหวจึงพูดออกมาในที่สุด บีสท์ตวัดสายตาคาดโทษไปให้เพื่อนตัวเองที่ยืนเอาลิ้นดันกระพุ้งแก้มพิงกรอบประตูมองมาด้วยสีหน้าเหม็นเบื่อ
“เสือก!”
“นี่ไงกูคนไม่ใช่ทำอะไรก็เผียด!” เชนสะบัดหน้างอนเดินหายออกไปจากห้อง ผมส่ายหัวรู้สึกว่าพอกันทั้งคนป่วยคนไม่ป่วย
“กูนอนอยู่ตรงโซฟาข้าง ๆ นี่เองบีสท์” ผมพยายามเกลี้ยกล่อมแฟนที่ตอนนี้สวมบทเด็กเอาแต่ใจอยู่ บีสท์ส่ายหน้าไม่ยอม
“ไม่เอาจะนอนกอด”
“ถ้าอย่างนั้นกูกลับไปนอนบ้าน” ผมบอกพร้อมกับหันหลังไปเก็บของร้อนถึงคนบนเตียงรีบพูดตอบกลับมาด้วยความรวดเร็ว
“ไม่เอา ๆ สิ เออก็ได้! นอนบนเตียงคนเดียวก็ได้จะได้รู้ไปว่าแฟนไม่รัก!”
ผมเกือบหลุดขำแต่ยังเก็กหน้าขรึมอยู่หันหลังกลับไปมองเด็กโข่งขี้งอนเอียงคอเลิกคิ้วใส่เขาแล้วทวนคำพูดของเขาอีกรอบ
“ที่กูทำอยู่นี่คือไม่รัก?”
พร้อมกับเดินเข้าไปใกล้ในระยะทีบีสท์สามารถดึงตัวผมไปกอดได้ เขากระชับวงแขนรอบเอวของผมแล้วซบหน้าลงมาที่ท้องพูดตอบกลับเสียงอู้อี้
“ก็..ก็รู้ว่ารัก...แต่กูก็อยากอยู่ใกล้ ๆ มึงนี่”
ผมกอดลูบหัวเขาผมรู้ดีว่าบีสท์รู้สึกอย่างไร ผมเองก็รู้สึกเหมือนกัน อยากอยู่ใกล้ ๆ อยากดูแลอยู่ตลอดเวลาไม่ห่างไปไหน แต่กับเรื่องนี้ผมยอมไม่ได้แค่แยกกันนอนคงไม่ทำให้เราสองคนขาดใจตายหรอก
“ยังเจ็บแผลอยู่ไหม” ผมถามเสียงอ่อน บีสท์ส่ายหน้าแล้วผละออกมาเงยหน้ามองผม
“อยากจูบ ก้มมาหน่อย” เขาเอ่ยอ้อน ผมอมยิ้มแล้วโน้มตัวลงไปจูบตามคำขอของเขาเนิ่นนานกว่าเราจะผละออกมาจากกันและกัน บีสท์ยิ้มมองแล้วเกลี่ยแก้มผมเบา ๆ
“ไม่ต้องทำหน้าเป็นห่วงขนาดนั้นก็ได้ กูไม่ได้เป็นไรจริง ๆ”
“ห้ามได้ที่ไหนล่ะความรู้สึกเป็นห่วงมึงน่ะ” เขาอมยิ้มคลายอ้อมกอดแล้วดึงแขนผมให้นั่งลงข้างเขา
“ขอโทษนะที่ทำให้เป็นห่วง แล้วก็ขอโทษที่ไปช่วยไว้ไม่ได้” ผมส่ายหน้าจนผมปลิวกุมมือของบีสท์ไว้แน่น พูดถึงตอนนั้นน้ำตาก็พาลจะไหลออกมาอีกรอบ
“คำพูดนั้นควรเป็นของกูมากกว่า ถ้ากูมีปัญญามากกว่านี้ก็คงไม่ต้องร้องเรียกมึงให้มาช่วยและมึงก็คงไม่ต้องเจ็บถึงขนาดนี้” บีสท์วาดแขนกอดเอวผมเอาไว้
“พูดอะไรอย่างนั้น มึงเรียกกูน่ะถูกแล้วแต่ที่กูถูกรถชนมันเป็นอุบัติเหตุเองต่างหาก” ผมลูบเผือกตรงแขนเขาแผ่วเบา
“มันจะไม่เกิดขึ้นอีก เขาออกไปจากชีวิตพวกเราแล้วทั้งเขาทั้งอิน” บีสท์ยิ้มบางแล้วถอนหายใจตบหลังมือผมเบา ๆ
“เขาได้รับบทเรียนแล้วล่ะ อย่าไปจองเวรพวกเขาเลย” ผมอมยิ้มมองเขา บทจะใจดีก็ดีใจหายบทจะร้ายเขาก็ไม่สนใครหน้าไหนเหมือนกันแต่ก็ยอมรับเลยว่าไม่ว่าเขาจะเป็นแบบไหนเขาก็คือบีสท์ที่ผมรัก
“ใจดีตลอด” เขาอมยิ้มยักไหล่โคลงหัว
“ไม่หรอก อย่างที่เคยบอกไปสำหรับพี่อินน่ะแค่มึงไม่รักเขาก็ทรมานแย่แล้ว เราต่างก็รู้ว่าเขารักมึงแต่ความรักของเขามันทำร้ายทุกคนและในเมื่อเลือกที่จะดันทุรังบทสรุปก็ต้องเจ็บแบบนี้แหละมึงอาจจะบอกว่ากูใจดีแต่มึงก็รู้ใช่ไหมว่าถ้าจะมีใครมาแย่งมึงไปกูก็ไม่ยอมเหมือนกัน” ผมยิ้มพยักหน้าเอนตัวพิงไหล่เขา
“ส่วนเรื่องพ่อของมึงกูเชื่อว่าสักวันทิฐิของมึงจะค่อย ๆ ลดลงไปเอง” คราวนี้ผมหลุดหัวเราะออกมา บีสท์เลิกคิ้วก้มหน้ามองผมอย่างงงงวย
“ก็มึงพูดเหมือนพ่อมึงเป๊ะเลย” เขาหัวเราะเบา ๆ
“ก็พ่อลูกกันนี่นา แต่พ่อกูร้ายกว่ากูเยอะ”
“กูจะฟ้องพ่อมึง” บีสท์หัวเราะแล้วขยี้หัวผมจนฟู
“พอเป็นลูกรักเข้าหน่อยก็หัดเป็นเด็กขี้ฟ้องหรือไง” ผมพยักหน้าแล้วลอยหน้าลอยตาใส่เขาจึงถูกลงโทษโดยการจูบหนัก ๆ จากอีกคน
“ยัง ๆ พวกมึงจะพอกันได้ยัง เกรงใจหัวหลักหัวตอแบบกูบ้างเว้ย” เสียงเชนดังขึ้น บีสท์จิ๊ปากหงุดหงิดผละไปมองเพื่อนสนิทตัวเอง
“ทำไมยังไม่กลับบ้านไปอีกจะอยู่เกะกะกูสองคนทำไม” เชนเบิกตากว้างอ้าปากพะงาบชี้หน้าเพื่อนตัวเอง
“ไอ้ ๆ โว๊ยยยย กูจะโทรไปฟ้องไอ้พวกที่บ้านว่ามึงไม่รักกูแล้ว!!!!” เชนสะบัดตูดงอนออกไปผมกับบีสท์หัวเราะใส่กันสักครู่สกายก็เดินหัวเราะกลับเข้ามาพร้อมกับเชนที่เดินกระทืบเท้าหน้ามุ่ยตามหลังมา
“มึงไปทำอะไรมันถึงได้วิ่งโร่เป็นตุ๊ดออกไปฟ้องกูน่ะ”
“สกายฮะบีสท์เปลี่ยนไปฮ่ะบีสท์ไม่รักเชนเชนเหมือนเดิม บีสท์มีคนอื่น!!!เชนเชนไม่ยอมนะฮะฟ้าฟ้า”
“เดี๋ยวกูถีบเรียกกูว่าอะไร”
เชนทำท่าสะดีดสะดิ้งดัดเสียงเป็นตุ๊ดฟ้องสกาย ตอนแรกกายมันก็เล่นด้วยดีอยู่หรอกแต่พอเรียกมันฟ้าเท่านั้นแหละพี่ท่านก็ยกเท้าถีบตูดเชนมันทันทีและเหมือนว่าเชนมันจะรู้ว่าถ้าพูดแบบนั้นแล้วตัวเองจะโดนอะไรจึงหนีเอาตัวรอดได้ทัน
“แหมแค่นี้ก็โกรธทีพี่คุณเรียกฟ้าครับอย่างนั้นฟ้าครับอย่างนี้มึงเคยว่าอะไรเขาสักคำไหมถ่อ” สกายกลอกตาเซ็งแล้วเดินไปหย่อนตูดนั่งตรงโซฟา
“ฟังกูที่ไหนคนนั้นเอาแต่ใจกว่าไอ้บีสท์ตอนป่วยก็พี่คุณนั่นแหละแม่ง!”
พวกผมหัวเราะ ไม่รู้หรอกว่าพี่คุณเอาแต่ใจจริงไหมแต่ที่ทุกคนรู้ก็คือสกายมันไม่เคยขัดใจพี่คุณได้สักครั้งแล้วก็เถียงไม่เคยชนะพี่เขาเลยสักครั้งเลยด้วยถึงมันจะทำหน้ารำคาญยังไงสุดท้ายผมก็เห็นว่ามันทำตามที่พี่เขาบอกทุกทีไป
“กูไม่ได้เอาแต่ใจสักหน่อย” บีสท์เถียง พวกเพื่อนเขาเบะปากและส่งเสียงพร้อมกัน
“หรา!” เชนกับสกายลากเสียงยาวทำเสียงเล็กเสียงน้อยใส่ แฟนผมยักไหล่เบะปากไม่ใส่ใจแล้วหันกลับมาอ้อนผมต่อโดยไม่สนว่าอีกสองคนมันจะด่าอะไร
“กินผลไม้ไหมเดี๋ยวกูไปปอกให้” บีสท์พยักหน้าแต่ดึงแขนผมเอาไว้
“เชนกูอยากกินแอปเปิ้ล” เชนที่กำลังก้มหน้าดูสกายเล่นเกมอยู่เงยหน้าขึ้นมาเลิกคิ้วใส่บีสท์
“แล้ว?”
“ไปปอกให้กูหน่อย”
“แล้วทำไมไม่ให้ซันทำ”
“ซันต้องอยู่ข้าง ๆ กู”
บีสท์ตอบกลับเพื่อนด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย ผมกับสกายหลุดหัวเราะ เชนขยำหัวตัวเองแล้วลุกขึ้นเดินปึงปังเข้าไปในครัวสกายปรบมือหัวเราะชอบใจ บีสท์เองก็ขำผมว่าเขาตั้งใจที่จะแกล้งเชนมากกว่า ไม่ได้ติดผมอะไรขนาดนั้นหรอกมั้ง
“ทำไมไม่ใช้สกายล่ะ” บีสท์ส่ายหน้าหวือ
“ครัวได้พังพินาศสิดีไม่ดีทำมีดบาดมือตัวเองเดือดร้อนพวกกูอีก”
“กูได้ยินนะไอ้บีสท์ ไอ้ห่ากูแค่ใช้มีดไม่คล่องเว้ย” สกายรีบยกมือปกป้องตัวเองทันควัน
“อย่าเรียกว่าใช้ไม่คล่องกาย มึงใช้ไม่เป็นเลยต่างหาก”
“ไม่จริง! กูใช้มีดผ่าตัดเป็น โอะ! ไอ้เชี่ยบีสท์ฟาดเต็มหน้ากูเลย”
สกายร้องโวยวายเพราะบีสท์ขว้างหมอนใส่หน้าเขาด้วยความหมั่นไส้ สองเพื่อนรักเถียงกันไปเถียงกันมาได้สักครู่เชนก็เดินออกมาพร้อมกับจานผลไม้สองจาน จานแรกส่งให้บีสท์ส่วนอีกจานเขาเอาไปให้สกายพร้อมกับหันมาบอกผม
“ถ้าจะกินมากินจานนี้นะจานนั้นให้คนป่วยมันกิน”
“อื้อ”
“กินกับกูก็ได้ป้อนด้วย”
“กูชักรู้สึกอยากถีบไอ้บีสท์จริง ๆ แล้วว่ะเชน” สกายหันไปป้องปากบอกเชนแต่พูดด้วยน้ำเสียงโทนปกติให้บีสท์ได้ยิน แฟนผมพออ้าปากรับแอปเปิ้ลที่ผมป้อนเสร็จก็หันไปยักคิ้วกวนเพื่อน
“กวนตีนชิบหาย” เชนว่า
“ถอดเฝือกเมื่อไหร่นะกูจะถีบมันตกสระคอยดู” สกายแยกเขี้ยวใส่ บีสท์เบะปากแบบที่สกายกับเชนชอบทำแล้วหันมาอ้อนผม
“ซันดูสิพวกนี้จะแกล้งกูอ่ะ” แถมพร็อพด้วยการอ้อนซบไหล่ผม
“กูเกลียดดดดดดดดดดดดดดดดดด”
“กูชังน้ำหน้า!!!”
เสียงแรกเป็นของสกายเสียงที่สองเป็นของเชน บีสท์หัวเราะเพื่อนเสียงดังผมส่ายหัวแล้วพูดประโยคที่อีกสองคนฟังแล้วขำก๊ากปรบมือกันเสียงดัง
“ไม่ต้องห่วงบีสท์ไม่ต้องถึงมือสกายหรอก กูนี่แหละจะถีบมึงเอง”
“ฮ่า ๆ ๆ ซันมึงพูดถูกใจกูก็วันนี้”
“ทำดี ๆ” เชนกับสกายยกนิ้วให้เหลือบตามองแฟนตัวเองก็ทำหน้างอนตุ๊บป่องไปเสียแล้ว
“คึคึ สบายใจแล้วไปดีกว่า ไปเชนไปเล่นเกมข้างนอกกัน” สกายลุกขึ้นล้วงกระเป๋าผิวปากเดินออกไปตรงโซนรับแขกด้านนอก
“ใจร้ายว่ะ” บีสท์ตัดพ้อแล้วสะบัดหน้าหนี
“หึหึ ล้อเล่นน่าก็มึงไปกวนพวกมันก่อนเองนี่นา พวกนั้นอุตส่าห์มาเฝ้านะ” บีสท์หันกลับมายิ้มบางใส่
“ก็เพราะไม่อยากทำให้เป็นห่วงมากนี่แหละถึงกวน กูรู้ว่าพวกมันห่วงกูมากมีสักวันไหมล่ะที่พวกนั้นไม่มา”
“ไม่มี”
“นั่นแหละ เฮ่อ...อยากกลับบ้านไว ๆ อย่างน้อยพวกนั้นจะได้ไม่ต้องเทียวไปเทียวมา”
จริงอย่างที่บีสท์พูดทุกอย่างพวกเพื่อนของเขาแวะมาเยี่ยมทุกวันแล้วแต่ว่าใครจะว่างเวลาไหนสลับกันมาแต่ไม่มีสักวันที่พวกเขาคนใดคนหนึ่งจะไม่มาเยี่ยมบางคนอย่างสกายกับนาฟที่มีปิดเทอมก็เหมือนไม่มีถึงกับหอบเอาหนังสือมานั่งอ่านที่โรงพยาบาลนี่เลย
พวกเพื่อนผมก็แวะมานะบ่อยสุดก็คิงนี่แหละขยันมาทำคะแนนกับสกายมันเหลือเกินทั้งที่มันก็รู้นะว่าสกายกับพี่คุณเหมือนจะดูใจกันอยู่ ผมเคยถามมันไปตรง ๆ ก็ได้คำตอบกลับมาว่าในเมื่อเขายังไม่คบกันมันก็มีสิทธิ์วันที่มันแพ้คือวันที่สกายเลือกผมก็เลยไม่ได้ถามอะไรอีก
“อดทนอีกนิดนะ เอ้ากินเยอะ ๆ จะได้หาย” ผมยิ้มบอกเขาก่อนจะป้อนผลไม้ให้
“
รัก” ผมเม้มปากเขินแล้วพยักหน้า
“อื้อ”
“รักมาก ๆ”
“รักมากเหมือนกัน” เอ่ยบอกเขาก่อนจะยื่นหน้าไปจูบปากเขาเบา ๆ แล้วผละออก บีสท์ยิ้มกว้าง
“รู้ไหมว่าตอนที่ยังไม่ฟื้นกูฝันด้วยนะเป็นฝันที่กูไม่ค่อยโอเคเลย”
“ฝันว่าอะไร”
“ฝันว่ามึงนั่งร้องไห้เหมือนพูดกับตัวเอง โทษตัวเองว่าเป็นเพราะมึงกูถึงต้องเป็นแบบนี้แล้วก็ถามกูว่ากลับมาหามึงไหวไหมถ้าไม่ไหวก็ไม่ต้องฝืนมึงจะเป็นคนตามกูไปเอง” ผมเบิกตากว้างหลังจากบีสท์พูดจบ สิ่งที่เขาฝันมันคือสิ่งที่ผมคิดทุกอย่าง
“ทำหน้าแบบนี้อย่าบอกนะว่าคิดอย่างนั้นจริง ๆ” ผมพยักหน้าบีสท์รวบตัวผมเข้าไปกอดด้วยแขนข้างเดียว ใบหน้าหล่อซบลงที่ไหล่ของผม
“ไม่เอานะซันไม่คิดแบบนั้นต่อให้เกิดอะไรขึ้นกูก็จะเป็นฝ่ายกลับมาหามึงเอง ไม่ต้องกลัวกูไม่ทิ้งมึงไปไหนหรอก” ผมหลับตาปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาช้า ๆยกแขนกอดตอบเขาแน่น
“ตอนนั้นคิดอะไรไม่ออกเลยบีสท์ โลกที่ไม่มีมึงมันโคตรว่างเปล่าเลยไม่มีอะไรเลยจริง ๆ”
“ถึงไม่มีกูแล้วมึงก็ต้องใช้ชีวิตต่อไปนะซันห้ามคิดจะตายตามกูไปเด็ดขาด มีชีวิตต่อเพื่อกูได้ไหม” ผมส่ายหน้า เรื่องอะไรล่ะไม่มีบีสท์โลกของผมก็ไม่มีอีกต่อไป
“ขอโทษนะ เรื่องนี้คงให้สัญญาไม่ได้”
“ซัน...เฮ่อออเอาเถอะไม่พูดเรื่องนี้แล้วเพราะยังไงกูก็ไม่หนีมึงไปไหนหรอกจะอยู่ด้วยกันจนมึงเบื่อหน้าไปเลยดีไหม” ผมยิ้มกว้าง
“ไม่เบื่อหรอกน่า มึงเองก็ห้ามเบื่อกูนะ” บีสท์หัวเราะเบา ๆ
“แต่กูเนี่ยเบื่อมึงสองคนเหลือเกิน”
“จิ๊! กูล็อคโรงพยาบาลไม่ให้พวกมึงเข้าได้ไหมเนี่ย ขยันมาขัดเวลากูกันเหลือเกิน” บีสท์บ่นเพื่อนเขา เปายักไหล่ยิ้มกวนด้านหลังมีเจนกับเมเปิ้ลยิ้มกวนอยู่เช่นกัน
“ทำมาเป็นพูดดีพวกกูไม่มามึงได้ร้องไห้งอแงแน่” เมเปิ้ลบอกก่อนจะเดินหายไปยังโซนครัว บีสท์หัวเราะ
“เค้าไม่ใช่สกายนะเม”
“ไอ้เชี่ยบีสท์กูได้ยินนะ!” สกายตะโกนกลับมาจากด้านนอกเจนเดินเข้ามาสำรวจสภาพเพื่อนก่อนจะยิ้มกว้าง
“เมื่อกี้เจอแม่แก แม่บอกว่าอีกสองสามวันก็กลับบ้านได้แล้วผลแสกนสมองรอบสองกับผลตรวจร่างกายโอเค” ได้ยินดังนั้นบีสท์ก็ยิ้มกว้างด้วยความยินดี
“ดี ๆ อยากกลับจะแย่แล้ว”
“เบื่อโรงพยาบาลแล้วหรือไง” เธอหัวเราะถาม บีสท์พยักหน้าหงึกหงัก
“ไม่ค่อยชอบกลิ่นโรงพยาบาลเท่าไหร่น่ะแต่อย่างอื่นก็เหมือนอยู่บ้านนะเพราะได้เจอพวกแกทุกวัน”
“แล้วไม่ดีหรือไง” เจนเลิกคิ้วถาม
“ดีแต่เกรงใจ”
“มึงจะเกรงใจทำห่าอะไร พวกกูเสนอหน้ามากันเองถ้าเกรงใจก็ต้องรีบหายไอ้ห่า” เปาส่ายหัวบ่นแล้วแกะขนมกิน เจนยักไหล่ประมาณว่าตามที่เปาพูดมานั่นแหละ
“วันนี้เวรใครนอนเฝ้าไอ้อสูร” เมเปิ้ลเดินออกมาถามเปากดโทรศัพท์สองสามทีแล้วเงยหน้าตอบ
“ยูกับแจม”
“เออดีเป็นเบาหวานกันให้ตายห่าไปเลยห้องนี้” เจนทำหน้าเหม็นเบื่อมีเปากับเมเปิ้ลพยักหน้าเห็นด้วย
“เออเห็นยูมันจะซื้อที่ข้างบ้านเพิ่มใช่ป่ะบีสท์” เมเปิ้ลเอ่ยถามบีสท์พยักหน้า เปามองเมเปิ้ลทีมองบีสท์ที
“จะซื้อเพิ่มอีกทำไมอ่ะ” บีสท์หัวเราะหึหึ
“เขาก็จะเอาไว้สร้างเรือนหอของเขาน่ะสิ” ได้ยินดังนั้นเปาก็หัวเราะชอบใจ
“เออ ๆ ดี ๆ แต่ถ้ากูมีเมียกูไม่สร้างบ้านใหม่หรอกนะ จะอยู่บ้านนั้นแหละไม่มีตัง”
“ตามสบายมึงเลยพระเดชพระคุณท่าน” เจนยิ้มส่ายหัว เปาหรี่ตารู้ทัน
“เพราะแกก็จะทำใช่ไหมเจน” หญิงสาวถลึงตาใส่
“รู้ดี!!”
ผมฟังพวกเขาคุยเล่นกัน ตบมุกกันไปมาหันไปมองแฟนตัวเองที่ยิ้มอย่างมีความสุขผมก็มีความสุขไปกับเขาด้วย คำนิยามของเพื่อนแท้เป็นอย่างนี้เองสินะไม่ว่าจะทุกข์หรือจะสุขมองไปทางไหนพวกเขาก็จะอยู่เคียงข้างกันเสมอนั่งฟังเพลิน ๆ หันไปอีกทีแฟนผมก็เข้าสูห้วงนิทราไปเสียเลย
ผมขยับตัวลงจากเตียงแผ่วเบาดึงผ้าห่มมาคลุมให้เขาส่งสัญญาณบอกพวกเพื่อนแล้วพวกเขาก็พากันออกไปนั่งเล่นข้างนอก ผมหยิบหนังสือนิยายมานั่งอ่านเล่นตรงเก้าอี้ข้างเตียงถึงจะไม่สบายเท่าที่โซฟาแต่มันใกล้บีสท์มากกว่านี่นาอีกอย่างถ้าอีกคนตื่นมาจะได้ไม่งอแงว่าผมไปนั่งไกลจากตัวเขา
เธอคือดวงใจของฉัน จากนี้ฉันจะมีแค่เธอ
ฉันจะทำให้เธอไม่เสียน้ำตาตลอดไป
จากนี้สัญญา ฉันจะดูแลเธอไปอย่างดี
ขอมีเธอจนวันตาย ขอเป็นคนสุดท้ายของเธอ
เธอคือดวงใจของฉัน – อ๊อฟ ปองศักดิ์
tbc
talk. ตอนหน้าจบแล้วน้า แงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง รู้สึกวูบโหวงประหนึ่งเพื่อนรักจะย้ายบ้านไปอยู่ที่อื่น ฮรึก แต่ทุกงานเลี้ยงต้องมีวันเลิกเรา จบเรื่องนี้จับมือกันไปตรวจเบาหวานนะคะ โดยเฉพาะคนที่อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เรื่องที่แล้ว น่าจะต้องตัดขากันแล้วล่ะ 555555 หายไปหลายวันเพราะเริ่มงานใหม่ทันใจมากและเหนื่อยมากค่ะบวกกับต้องไปอยู่ที่อื่นชั่วคราวเลยไม่ได้เอาคอมติดตัวไปด้วย ขอโทษคนที่รอด้วยน้า แล้วเจอกันตอนหน้าค่ะ รักทุกคนมากมาย
#นิยายตัวร้าย