ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END  (อ่าน 2134215 ครั้ง)

ออฟไลน์ แพรพลอย

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
โอโห ค่ายยย ทีงี้ละเปลี่ยนอย่างไวเลยนะ จากหลังที-นเป็นหน้ามือทันทีเลย 555555
ส่วนเติร์ดอย่าเพิ่งเลิกรอนะ เนี่ยค่ายรักกลับแล้ว อยากให้ครองคู่ชูชื่นน
เอาใจช่วยให้ได้คบกันไวๆเน้อออ  :-[

ออฟไลน์ clairon

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 64
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
 :angry2:
นังค่ายแกอย่าทำเป็นร้ายตาใสร้ายบริสุทธิร้ายแบบไม่รู้ตัว ทั้งๆที่การกระทำแกมันตั้งใจทำเพราะแกมั่นใจมั่นหน้ามั่นเป้าไม่สนใจคสรอบข้างอยู่แล้วแกควรรู้ว่าความรักจริงๆแล้วไม่ได้ใช้แค่sex ขอจงเซ็กซ์เสื่อมไปสักพัก  :laugh:
แกจะมาไม้ไหนชั้นจะรอดู #ทีมเติร์ด ลูกแม่ .. จงสตรองต่อไปเฉยๆดูว่าจะมีความพยายามถึง2ปีเท่าลูกชั้นไม๊ ..

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
ตอนก่อนหน้านี่หน่วงๆเศร้าๆไปกับเติร์ด พอตัดมาพาร์ทของอิค่ายทำไมมันป่วงอย่างนี้ โอ้ยยย 555555

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
ค่ายย ความเสื่อมไม่ได้ลดเลย 55555 แต่ยอมเปลี่ยนตัวเองขนาดนี้ พยายามต่อไปนะ

เติร์ดมีงง แต่ไม่ง่ายแล้วนะ

โบนทูตลกอะ คือห้ามมยิ่งกว่าคนโดนจีบอีก

ออฟไลน์ QueenPlai

  • twitter - @khunhappymoon gmail - JangPlailiiz@gmail.com
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 85
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
ขำอิค่าย5555555 โอ้ยทำไมต้องเป็นคนตลกขนาดนี้วะ55555

ออฟไลน์ alien.aiiwz

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 164
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
เหยยย
นี่มันใช่ค่ายคนที่เราเคยด่าไหมอ่ะ5555
มีความถอดเขี้ยวถอดเล็บ
จากเสือก็กลายเป็นลูกแมวดีๆนี่เอง
ขอให้ชดใช้กรรมให้สมใจ
เติร์ดเอาคืนให้หนัก55
#ค่ายคนกาก

ออฟไลน์ mpp

  • malynn
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-0
โถไอ้ค่าย ไอ้เหี้ย55555555555555555555555

feeling - สะใจ

สะใจไม่ไหวแล้วโว้ย555555555555555555555555

ออฟไลน์ bpyt

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1319
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-2
ค่ายเหมือนคนใกล้บ้า 555 ทพอะไรก็เูผิดที่ผิดทาง ผิดสถานการณ์ไปหมด

ออฟไลน์ jupjiper

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 1
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
 :sad11: :sad11: :sad11:มารอออออ

ออฟไลน์ Moose

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1257
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
อยากอ่านตอน 8 แล้วววว ฮือออ  ช่วยลงเป็นกำลังใจให้มนุษย์เงินเดือนได้อ่านก่อนวันจันทร์ทีนะคะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 7 [22/06/60] *หน้า19
« ตอบ #639 เมื่อ: 25-06-2017 00:46:40 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ em1979

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 464
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-1
ค่ายจีบได้น่ารักมาก... เทใจให้เลย

ออฟไลน์ Rebtur

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 119
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
อย่าไปยอมอีจิ้งจอกนี่ง่ายๆนะเติร์ด!!! ไม่ต้องเอามันได้ยิ่งดีค่ะ!!
ใครทำเราเจ็บ เขาต้องเจ็บกว่าเราร้อยเท่า ฮึ่มมมม :katai4: :katai1:

ออฟไลน์ WinterRose

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 97
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
นังค่าย นังหน้าด้าน นังรู้ตัวเมื่อสาย นังวัวหายล้อมคอก
เติร์ดลูกแม่อย่าไปคุยกับอิค่ายมันนะลูก
เราจะโสดๆ เริ่ดๆ ของเราไปอย่างงี้ ไม่ต้องรักใคร ไม่เจ็บใจฟรีค่ะ
ปล่อยให้มันบ้าไป ช่างหัวมัน ไม่ต้องใจอ่อน(ตอนนี้)เลยนะลูกแม่
เอาให้สาแก่ใจ ใกล้ตายเมื่อไหร่ค่อยกลับมาดูใจนังเติร์ดมัน
พี่โบนพี่ทูต้องดูแลเติร์ดดีๆนะ อย่าให้นังค่ายมันได้เข้าใกล้แตะเนื้อต้องตัวน้องได้ เดี๋ยวน้องจะมัวหมอง

อิค่าย นี่ฉันคาดหวังกะแกนะ ถ้าดีแตก จะยุให้เติร์ดหาผัวใหม่
พี่ทูก็ได้ ใกล้ตัวดี 555555

ขอบคุณจิตติมากค่ะสำหรับนิยายสนุกๆ เพิ่งมาอ่านรวดเดียว
จะรอต่อไปนะคะ  :mew1:

ออฟไลน์ lemonpreaw

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 882
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
ดีแล้วเติร์ดตั้งกำแพงสูงๆหนาๆเข้าไว้ อย่าเพิ่งให้นังค่ายมันได้ใจ

ออฟไลน์ Pe_no

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 375
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
เรื่องน่ารัก ตามต่อไปค่ะ :mew2:

ออฟไลน์ ทั่วหล้า

  • ไม่ช่างพูดแต่ช่างพิมพ์
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1049
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-3
ตอนแรกเฉยๆกับค่ายนะไม่เกลียดแต่ก็ไม่ได้ชอบมากมาย
อาจเป็นเพราะยังไม่รู้จัก ไม่รู้ความคิดและจิตใจของค่ายก็ได้
แต่บางคนก็ไม่ควรรู้จักจริงๆ
คือค่ายก็ไม่ผิดนะที่คิดหาวิธีทำให้เพื่อนรักที่แอบรักตัวเองตัดใจ
แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ต้องไม่ใช่วิธีนี้อ่ะ
ไอ้วิธีจูบเขาแล้วเรียกชื่อคนอื่นแม่งโคตรเลวเลยว่ะ
ไอ้เรียกชื่อคนอื่นน่ะไม่เท่าไหร่
แต่จูบเขาทั้งๆที่ตัวเองไม่ได้คิดอะไรเนี่ยนะ
เหี้ยอ่ะ
ค่ายแม่งมีไอคิวเรื่องเลวๆสูงจริงๆ

สงสารเติร์ด โคตรเข้าใจความรู้สึกเติร์ดเลย
แล้วพอจะตัดใจอีค่ายก็ยังหันกลับมาชอบ
เชอะ!เชิดใส่แรงๆเลยค่ะน้องเติร์ด

ออฟไลน์ Jittirain12

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 353
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1238/-18

ตอนที่ 8
ความพยายามมีค่าติดลบ



   “จะเที่ยงแล้วหิว จะเที่ยงแล้ว”

   “บ่นห่าไรมึง รำคาญ”

   “อีกสองนาที กระเพาะกูจะเริ่มบีบตัวละ ถ้าอาจารย์ไม่ปล่อยกูลงไปก่อนนะ”

   “ไอ้เวร มึงแม่งไม่มีความอดทนเลยว่ะไอ้ค่าย”

   จะด่าอะไรกูก็เชิญตามสบายพวกมึงเลยครับเพราะกูไม่สน ตอนนี้ได้แต่ทุรนทุรายนั่งแทบไม่ติดเบาะ รออาจารย์ทวดแกเลื่อนสไลด์กระดึ๊บๆ อยู่บนโปรเจ็กเตอร์ คนนี้แม่งตรงเวลาด้วยดิ ไม่เที่ยงไม่เลิก

   “นิสิตคะ วันนี้อาจารย์ขอเลทนิดนึงนะ อยากให้จบสไลด์จริงๆ”

   “ครับ/ค่า”

   ม่ายยยยยยยยยยย มีกูคนเดียวที่ไม่อยากให้เป็นอย่างนั้น ชีทเหลืออีกหนึ่งหน้า สี่สไลด์ กับรูปแน่นๆ ที่ไม่มีตัวหนังสือเลยนั่นหมายความว่ายังไงครับ หมายความว่าเราต้องจดกันอีกยาว แล้ววันนี้ผมเสือกรีบมากจนลืมหาของกินติดกระเป๋ามาอีก

   “กูขออนุญาตออกไปก่อนดีมั้ยวะ” ผมถามไอ้โบนอย่างร้อนรน

   “ถ้ามึงออกไป คลาสนี้คือมึงจะถูกกาหัวว่าไม่ได้เข้าเรียนเลยนะ นั่งต่ออีกนิดเดียว”

   “นิดพ่องดิ”

   “เฮ้ยเติร์ด มึงมีของกินติดกระเป๋ามาบ้างมั้ยวะ ไอ้ค่ายแม่งบ่นยิกๆ เลยเนี่ย” เจ้าของชื่อที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาเรียนหันมามองคนถามอย่างไอ้ทู เมื่อก่อนเวลาผมหิวไอ้เติร์ดจะชอบพกของกินเล่นมาให้เสมอ นี่เลยเป็นอีกเหตุผลที่ผมติดนิสัยไม่ชอบพกอะไรมาเอง หวังจะกินจากมันแค่คนเดียว

   “ไม่แน่ใจนะ ดูก่อน” ว่าแล้วก็ไม่รอช้าล้วงมือลงไปในกระเป๋าเป้แล้วยื่นของสิ่งหนึ่งให้ไอ้ทู ส่งต่อให้ไอ้โบน ก่อนจะมาถึงผมในเวลาเพียงไม่กี่วิ

   น้ำตาจะไหล มีข้าวปั้นญี่ปุ่นติดมาด้วย

   รู้หรอกว่าไอ้เติร์ดก็ห่วงผม แต่ก็ไม่กล้าพูดออกไปเพราะกลัวมันจะเขิน เลยได้แต่ก้มหน้าแอบกินเงียบๆ เพื่อไม่ให้อาจารย์รู้ พอกัดเข้าไปคำแรกเท่านั้นล่ะความรู้สึกแหม่งๆ ก็แผ่ซ่านเข้ามาในปากทันที

   “ข้าวปั้นยี่ห้อเหี้ยไรเนี่ย ทำไมข้าวมันแฉะๆ วะ” ผมกินไปบ่นไป แต่ก็ไม่คิดหยุดเพราะกองทัพต้องเดินด้วยท้องดังนั้นคำที่สองและสามจึงตามมาติดๆ

   “ข้าวญี่ปุ่นก็เงี้ย มันจะเหนียวหน่อย”

   “เหรอวะ”

   คือกูก็กลั้นใจแดกต่อจนหมดนะครับแม้รสชาติจะหมาไม่แดกแค่ไหนก็ตาม แต่พอกินจนเหลือแค่ห่อพลาสติกใสในมือเท่านั้นแหละหน้ากูชาทันที

   “เติร์ด มึงซื้อมาเมื่อไหร่”

   “จำไม่ได้ ติดกระเป๋าเป็นอาทิตย์ละ”

   ฟัค!

   “ไอ้สัดหมดอายุ!” เสียงสบถดังก้องทั่วห้อง อาจารย์ทวดแกเลยหันมามองด้วยสายตาเอาเรื่อง ผมรีบก้มหัวขอโทษขอโพยแกยกใหญ่ ส่วนไอ้เติร์ดก็พูดแก้ต่างออกมาทั้งที่สายตาไม่ได้จดจ่ออยู่กับผม

   “โทษที ไม่รู้ว่าหมดอายุแล้ว”

   ปากบอกสำคัญแต่การกระทำกลับตรงข้าม เหมือนไอ้เติร์ดพยายามรักษาความสัมพันธ์ของเราเอาไว้ แต่ผมก็รู้สึกได้ว่าความพยายามเหล่านั้นมันเรียกว่าฝืน เพราะเราเริ่มห่างไกลกันมากทุกที

   ยิ่งผมขยับเข้าใกล้มากเท่าไหร่ มันก็จะถอยห่างออกไปมากเท่านั้น

   รู้สึกแย่ แต่ก็ใช่ว่าจะเรียกร้องอะไรได้ เออ! กูทำตัวเองมาตลอดทั้งรู้ตัวและไม่รู้ตัว

   พักกลางวันเราลงมาที่โรงอาหารคณะ ผมที่ยัดข้าวปั้นบูดไปแล้วก้อนหนึ่งเลยเบาใจ ได้แต่ภาวนาว่าตอนบ่ายกูจะไม่ชิงปวดขี้ในคลาสอีก เราสี่คนแยกย้ายเดินไปสั่งข้าวตามร้านโปรดของตัวเอง ก่อนเดินกลับมาสุมหัวอีกครั้งพร้อมของแดกเต็มจาน

   และที่พิเศษกว่านั้น...คือผมซื้อน้ำเปล่าให้ไอ้เติร์ดมันด้วยครับ แต่ไม่กล้าให้ตรงๆ เพราะกลัวมันไม่รับเลยได้แต่เลื่อนขวดน้ำไปไว้ใกล้ๆ มือของมันแทน

   ไม่รู้ความหน้าด้านหน้าทนที่เคยมีมาตลอดหายไปไหน รู้ตัวอีกทีผมก็ไม่มีความกล้าพอจะจีบใครเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว ต้องคิดซ้ำคิดซ้อนวนเวียนอยู่แบบนั้นจนรำคาญตัวเอง

   “ข้าวร้านนี้อร่อยมั้ยวะ ขอชิมหน่อย” ผมทำท่าจะจิ้มส้อมลงบนหมูในจานของคนข้างๆ แต่ไอ้เติร์ดไวกว่านั้น มันรีบขยับจานหนีทันที

   “ซื้อเองดิ”

   “แค่ชิม”

   “ไม่ได้”

   “หวงทำไม แค่หมู”

   “กูหวงทุกอย่างแหละ อยากกินก็ไปซื้อเอง” ไอ้โบนที่นั่งฝั่งตรงข้ามเตะขาผมไปมา ในใจคงกำลังก่นด่าถึงวิธีการเข้าหาที่ดูปัญญาอ่อนสิ้นดี นี่กูยังดูไม่เป็นธรรมชาติอีกเหรอวะ ผมคิดในใจครู่หนึ่ง ก่อนร่างบางของเพื่อนสนิทจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ทำท่าจะเดินออกไปที่ไหนสักแห่ง

   “ไอ้เติร์ด” และผมก็ทนไม่ได้ต้องรั้งเจ้าตัวเอาไว้

   “อะไร” มันถามหน้ามึน โคตรน่ารักเลยไอ้สัด

   “จะออกไปไหน”

   “ซื้อน้ำ”

   “แต่นี่น้ำมึง” ว่าแล้วก็รีบชี้นิ้วไปยังขวดน้ำที่ผมตั้งใจซื้อให้อีกฝ่ายตั้งแต่แรก

   “กูมีตังค์”

   “ไม่ แต่กูซื้อให้แล้วไง”

   “พอดีกูอยากกินชามะนาว” พูดจบก็เดินตัวปลิวไปกับฝูงชนในโรงอาหาร เล่นเอาผมกับไอ้โหดสองตัวมองหน้ากันอย่างสิ้นหวัง

   “หมดแล้วไอ้ค่าย มึงใช้สิทธิ์ความเห็นใจจากมันหมดแล้ว” ไอ้ทูพูดไปก็ส่ายหน้าไป นั่งเขี่ยข้าวในจานด้วยอาการปลงตก

   “ทำไงดีวะมึง”

   “จะถอนตัวมั้ยล่ะ”

   “ไม่!”

   “กูว่าบางทีมึงอาจถามตัวเองเร็วไป จริงๆ มึงอาจจะไม่อยากเสียมันเพราะคำว่าเพื่อนก็ได้ ลองคิดใหม่มั้ย”

   “กูคิดแล้ว คิดจนหัวแทบแตก และกูก็คงทนไม่ได้ที่มันหนีไปคบกันคนอื่นด้วย พูดถึงเรื่องนี้ก็ดีเลย ไอ้ทู มึงไปสืบให้กูหน่อยสิว่าไอ้เติร์ดมันคุยกับใครอยู่” ช่วงหลังมานี้เราต่างแยกย้ายไปทำงานส่วนสำคัญของละครเวที ไอ้เติร์ดก็เริ่มปลีกตัวเข้ากลุ่มอื่นๆ เพิ่มขึ้น ที่สำคัญมันไปกับไอ้พี่เชนทร์ปีสี่บ่อย

   แล้วไอ้พี่เชนทร์เนี่ยตัวดีเลย เพื่อนมันมีเป็นพรวน ตัวเอ้ๆ คารมดีแถมฉลาดกว่ากูทั้งนั้น ผมกลัวจะมารู้เอาทีหลังก็ตอนที่ไอ้เติร์ดหนีไปคบกับแก๊งนี้เนี่ยแหละ หวั่นใจฉิบหาย

   “สืบยังไงวะ กูไม่ชอบเสือกเรื่องส่วนตัวของเพื่อน”

   “เหรออออ ที่ผ่านมามึงไม่เสือกเลยนะ”

   “มันบอกเหอะกูถึงรู้”

   “สรุปว่าจะไม่ช่วย แล้วความเป็นเพื่อนของเราอ่ะ”

   “โธ่ไอ้ค่าย ไอ้ควาย มัดมือชกกูอย่างนี้ตลอด”

   “แล้วทำมั้ย”

    “เออ! เดี๋ยวกูหลอกดูในมือถือมันให้จบยัง”

   “ตอนเย็นไม่ว่าง มีซ้อมละคร” กูรีบเปลี่ยนเรื่องแทบจะทันทีที่ร่างโปรงเดินเข้ามาประชิด ไอ้เติร์ดวางชามะนาวในมือไว้บนโต๊ะ ก่อนแทรกตัวนั่งลงตรงตำแหน่งเดิมเพื่อกินข้าวไม่พูดไม่จา

   “ไอ้เติร์ด เลิกเรียนแล้วไปห้องซ้อมด้วยกันเลยมั้ย” ผมจุดประเด็นใหม่ กะชวนคนที่นั่งเงียบคุยไร้สาระกันบ้าง ช่วงหลังมานี้มันพูดน้อยลง และก็ไม่ร่าเริงเหมือนแต่ก่อนด้วย

   “เอาดิ กูนัดกับพี่เชนทร์ด้วย”

   “คำก็พี่เชนทร์ สองคำก็พี่เชนทร์ นี่พวกมึงกิ๊กกันหรือเปล่าวะ”

   “เดี๋ยวเมียเขาได้มาลากมึงไปตบ” ฉิบหาย ไอ้เติร์ดเกรี้ยวกราดอีกจนได้ คือกูก็ไม่ชอบให้มันอยู่กับเขามากๆ ป่ะวะ ไม่ได้หวงกับพี่เชนทร์นะ กูหวงกับเพื่อนพี่มันต่างหาก

   “แล้ว...”

   “กูให้โอกาสมึงถามให้จบ คนจะกินข้าว วุ่นวายจังวะ”

   “วันนี้กูไปกินข้าวห้องมึงได้ใช่มั้ย”

   “...”

   “ตอบกูก่อน”

   “อืม คำถามต่อไป”

   “พรุ่งนี้ว่างมั้ย ไปกินชาบูกัน”

   “ไม่อ่ะ”

   “ไปไหน”

   “หลายที่ จบยัง”

   “ที่ไหนบ้าง”

   “แล้วทำไมมึงถึงถามกูไม่หยุดเลยวะ ปกติก็แยกย้ายตัวใครตัวมันไม่ใช่เหรอ ผู้หญิงของมึงอ่ะ ไหนจะกิ๊กอีก ไม่ไปเที่ยวกับเขาวะ จะตามติดกูทำไม” คำพูดยาวเหยียดหลุดออกมาจากปากของคนข้างๆ จังหวะการหายใจหอบๆ นั้นทำให้เพื่อนผมอีกสองคนมองหน้ากันเหลอหลา

   ผมจึงหันไปสบสายตากับเจ้าของคำพูด ไม่รู้หรอกว่าไอ้เติร์ดจะแปลความหมายพวกนี้ว่ายังไง แต่ผมก็อยากบอกถึงความตั้งใจของตัวเองอยู่ดี

   “ที่ถามไม่หยุดเพราะอยากรู้ ที่ไม่แยกไปไหนเพราะไม่มีใครแล้ว ผู้หญิงก็ไม่มี กิ๊กก็ตัดหมด”

   “...”

   “กูเลยว่างมากมาตามติดมึง”

   “...”

   “ก็สำคัญกับกูมากเลยเลือกแค่มึง”
   












   ในหนึ่งสัปดาห์นักแสดงทุกคนจะต้องมาซ้อมแอคติ้งกันอย่างน้อยสามถึงสี่วันแล้วแต่ตารางที่ปีสี่จัด ผมเดินมาที่ห้องซ้อมกับไอ้เติร์ดสองคน เพราะไอ้ทูต้องไปเก็บภาพรับบริจาคที่ตลาดนัดนิสิต ส่วนไอ้โบนแยกไปกับรุ่นพี่คุมซาวนด์

   ก่อนเริ่มบทเรียนการแสดง เราจะมีการวอร์มอัพกันก่อนทั้งออกกำลังกายและฝึกสมาธิ โดยพวกโค้ชได้สั่งให้เรานั่งเป็นวงกลม แจกกระดาษคนละห้าแผ่นพร้อมกับดินสอและสีไม้ให้เลือกสรรอีกหลากหลาย

   “ทุกคน นี่เป็นกิจกรรมที่เราจะได้รู้ความคิดเห็นและทัศนคติของนักแสดงก่อนเริ่มฝึก โดยพี่จะให้ทุกคนวาดภาพจากคำพูดที่พี่พูดขึ้น เช่น ถ้าพี่บอกว่าหมี น้องไม่จำเป็นต้องวาดหมี อาจจะเป็นอีอ้วนสักคนในความคิดของน้อง อันนี้เป็นการยกตัวอย่างเฉยๆ นะ แค่วาดสิ่งที่เราต้องการสื่อจากคำคำนั้นแทน เข้าใจยัง”

   ทุกคนพยักหน้าอย่างพร้อมเพรียง แต่ผมแม่งก็อดใจไม่ได้หันกลับไปมองคนที่นั่งขัดสมาธิอยู่กับทีมเขียนบทด้านหลังอยู่ดี ไอ้เติร์ดไม่ได้สนใจกลุ่มผมเท่าไหร่ เอาจริงๆ นี่ก็ไม่ใช่หน้าที่ที่มันต้องสนใจด้วยซ้ำ แต่กูหวังอะไรอยู่วะ

   “คำแรกเลยนะคะ คำว่าบ้านค่ะ”

   ต้องบอกเลยว่ากับการวาดรูปนี่อย่ามายุ่งกับกู เพราะนับเป็นศาสตร์ที่ด้อยพัฒนาที่สุดในหัวแล้ว ให้มาคิดเลขทำอย่างอื่นยังพอทน มีศิลปะอยู่ในหัวก็จริงแต่พอเป็นเรื่องวาดปุ๊บสมองจะโล่งขึ้นมาทันที

   ดังนั้นบ้านในความคิดของผมเลยเป็นแค่...

   ชาร์ล หรือชาวีเท่านั้น

   “ค่าย...” พิงค์ซึ่งรับหน้าที่เป็นนางเอกของเรื่องเรียกชื่อผม

   “หืม”

   “บ้านของค่ายเป็นตั๊กแตนตำข้าวเหรอ น่ารักจัง” โหยกูอยากเอาหัวโขกพื้น บิ๊กไบค์กูแปลงร่างเป็นตั๊กแตนตำข้าวซะงั้น นี่ต้องระบายสีเขียวด้วยเลยมั้ยจะได้รีบขับไปไต่ใบไม้ต่อ

   นี่ถ้าไม่ติดว่าสวยนะ พ่อจะด่าสวนกลับไปให้หน้าชาเลย แต่ด้วยความเป็นเพลย์บอยเพิ่งหยุดตัวเองใหม่ เราจำพูดได้แค่ว่า...

   “ขอบคุณน้า”

   “น้องๆ วาดและลงสีเสร็จแล้ว หยิบกระดาษเปล่าแผ่นใหม่ขึ้นมาเลยค่ะ คำต่อมาที่พี่จะพูดก็คือ...ดวงดาวค่ะ” สมองผมโล่งทันที เพราะจะให้วาดดาวห้าแฉกมันก็ดูไม่คูล อยากคิดอะไรที่มันแตกต่างแต่ผิดเองที่เสือกโง่ เลยได้แต่ชะโงกหน้าแอบดูของชาวบ้านเขา

   หลายคนก็วาดภาพคน วาดการ์ตูน วาดดอกไม้ ดูแล้วไม่น่าจะลอกได้ จึงใช้เวลาครุ่นคิดอีกพักใหญ่แล้วภาพภาพหนึ่งก็แว๊บเข้ามาในหัว มันคือภูเขาลูกหนึ่งที่ปรากฏขึ้นมาก่อนหนังจะฉาย

   พาราเมาต์พิกเจอส์ เกร๋แสรดดดดดดด



   
   “คำต่อมาเลยค่ะ ด้ายแดง”

   อ๋อ อันนี้ง่าย รีบจรดปลายดินสอลงบนกระดาษวาดอย่างรวดเร็ว แถมมีเวลาเยี่ยมชมผลงานของคนอื่นอีกต่างหาก   

   “มาต่อที่คำที่สี่เลย...เพื่อน” สิ้นสุดคำพูดของพี่เบิ้ม ผมก็ก้มลงวาดรูปอย่างตั้งใจแม้สภาพที่ออกมานั้นจะเละเทะแค่ไหนก็ตาม รู้สึกโชคดีฉิบหายที่ตอน ม.6 ไม่ได้ตัดสินใจเรียนต่อในสายวาด ไม่งั้นกูตายหยั่งเขียดแน่ๆ

   “เสร็จกันหรือยังคะ”

   “ค่าาาาาา/คร้าบบบบบบ”

   “และคำสุดท้ายคือคำว่า...นาฬิกา” โจทย์พวกพี่มึงโคตรยาก นี่จะฝึกสมองกูไปแข่งวิชาการเหรอ แค่เล่นละครเวทีทำไมต้องเข้าใจอะไรแบบนี้ด้วย ในใจก็ทำได้แค่บ่นๆ ไปงั้นแหละครับ คิดอะไรไม่ออกเลยหันไปลอกเพื่อน ซึ่งเพื่อนก็ไม่ได้ครีเอทอะไรเลย จนกระทั่งสายตาหันไปเจอใครคนหนึ่งเข้า...

   ภาพนั้นจึงลอยเข้ามาในหัวฉับพลัน

   หลังจากรวบรวมผลงานของตัวเองเสร็จ แอคติ้งโค้ชปีสี่เลยให้เราจัดแถวใหม่เป็นแถวตอนห้าแถว เสร็จสรรพไอ้พี่เบิ้มก็เริ่มพูดคุยกับเราอีกครั้ง

   “เอาล่ะค่ะทุกคน หลังจากที่เราได้ทำกิจกรรมก่อนหน้าไปแล้ว หลายคนคงอยากได้ฟีดแบ็กใช่มั้ยล่ะคะ ที่พี่ต้องการคืออยากรู้ทัศนคติของแต่ละคน มันจำเป็นมากในการทำกิจกรรมร่วมกัน เริ่มที่คนแรกก่อนเลย น้องค่ายพระเอกของเรื่องค่า” เสียงปรบมือดังขึ้น ก่อนคนตรงหน้าจะพยักพเยิดให้ผมเดินออกจากแถวไป

   “ให้ทำอะไรนะครับ”

   “เอากระดาษที่วาดมาด้วยนะคะ”

   “อ๋อ”

   “เมื่อเรียบร้อยแล้ว ช่วยนำเสนอให้เพื่อนๆ พี่ๆ และน้องๆ รู้หน่อยว่าสิ่งที่เราวาดนั้นสื่อถึงอะไร” ขุ่นพระ!! ราวกับมีคนเอารองเท้าเสริมส้นสามนิ้วตบจนหน้าพัง

   เรื่องหล่อนี่ไม่หวง แต่เรื่องวาดรูปกูอยากตาย

   “ไม่สวยนะครับ”

   “โอ๊ยยยไม่เป็นไรค่า คนเขาก็รู้กันหมดว่าน้องค่ายเป็นยังไงเนาะ” ที่จะบอกคือรู้ว่ากูโง่งี้เหรอ พี่มึ๊ง ได้แต่กัดฟันยื้อแย่งกระดาษห้าแผ่นในมือกันอุตลุด แต่สุดท้ายก็พ่ายแพ้ต่อแรงของพี่เบิ้มอยู่ดี จากนั้นพี่มันก็จับภาพวาดมาโชว์ให้ทุกคนดูอย่างเด่นหรา สร้างเสียงหัวเราะให้กับคนที่เหลือเป็นอย่างมาก

   “ภาพแรกคือคำว่าบ้าน น้องค่ายวาดก้อนอิฐมอนเหรอคะลูก” เหยดแหม่! หนักกว่าตั๊กแตนตำข้าวก็พี่มึงเนี่ยแหละ

   “ไม่ใช่ครับ นี่ภาพบิ๊กไบค์ผม ชาวี”

   “ทำไมถึงวาดภาพชาวีคะ”

   “รถที่ผมขับทุกวันก็เหมือนบ้านอีกหลังของผม”

   “เคยได้เสียกับผู้หญิงบนรถเหรอคะ”

   “ไม่ใช่โว้ยยยยย”

   “ฮ่าๆ” ไอ้เรื่องทำให้น้องเสื่อมเสียและหน้าแตกนี่ถนัดนัก แก๊งนักแสดงละครเวทีไม่ได้มีแค่เด็กนิเทศฯ นี่หว่า แต่รวมทุกคณะในมหา’ลัย คนก็ไม่ใช่น้อยๆ ทั้งตัวหลักและสมทบแล้วก็ตั้งสามสิบสี่คน คงตั้งใจหักหน้าคนโหดอย่างกูมานานละ

   “มาที่ภาพที่สองดีกว่า คำว่าดาว”

   “ตรงตัวเลยครับ ดาวที่อยู่บนโลโก้หนังค่าย Paromount เห็นบ่อยที่สุดในชีวิตผมละ”

   “ภาพที่สามต่อ ด้ายแดงค่ะ”

   “ที่ผมวาดคือเนื้อครับ สเต๊กสองชิ้น”

   “เกี่ยวอะไรกันคะ น้องค่ายชักจะแอบสแตร็กส์จนพี่ปวดหัวแล้วนะลูก” กูปวดหัวกับพี่มึงเยอะกว่าภาพที่วาดลงบนกระดาษอีกสัด

   “ก็เวลาคนพูดถึงด้ายแดงก็มักจะนึกถึงเนื้อคู่ นี่ไง เนื้อเป็นคู่”

   “โอ๊ยยยยยยยยยยย” เสียงโวยวายดังลั่นทั่วห้อง แม้แต่ไอ้พี่เชนทร์ที่นั่งหลังห้องยังไม่วายตะโกนด่ามาแต่ไกล เอ้า! ผมก็เป็นอย่างนี้แหละ เรียนรู้ที่จะมีความรัก แต่ก็ไม่ได้ละเอียดอ่อนอะไรขนาดนั้น

   “มาที่ภาพที่สี่เลยแล้วกัน เดี๋ยวจะปวดหัวกันมากกว่านี้ ที่วาดคือ...ขวดเหล้าเหรอคะ”

   “ใช่แล้ว เพื่อนของผมก็เหมือนกับเหล้า มีทั้งประโยชน์และโทษแต่ไม่มีวันหมดอายุ”

   “หูยยยยยยยยย” ผมยักคิ้วส่งให้กลุ่มเพื่อน เป็นไง กูกอบกู้ความหล่อได้ละ

   “ดูฉลาดขึ้นมาทันทีเลยน้องค่าย มาที่ภาพสุดท้ายดีกว่า...นาฬิกาในความหมายของเราคืออะไร พี่จะโชว์ภาพแล้วนะคะ

   ผ่าง!!



 
   เสียงฮือฮาดังระงมไปทั่ว ที่ตื่นตะลึงกันอยู่ตรงนี้อาจเป็นเพราะศิลปะที่มนุษย์ธรรมดาอาจเข้าไม่ถึงก็เป็นได้ ผมภูมิใจมากครับกับการวาดรูปนี้ น้ำตาจะไหล

   “รูปนี้คืออะไรคะ”

   “รูปนี้เหรอ...เติร์ด”

   “...!!”

   จู่ๆ เสียงเจื้อยแจ้วก็เงียบงันในพริบตา ผมมองตรงไปยังหลังห้อง เห็นเจ้าของชื่อนั่งตาโปนอยู่กับรุ่นพี่ปีสี่และกำลังมองผมกลับเช่นกัน กับภาพนี้ผมคิดอย่างหนักสุดท้ายก็เห็นแค่มันเนี่ยแหละที่เป็นความหมายของคำว่านาฬิกา

   “ช่วยบอกหน่อยว่าทำไมคำว่านาฬิกาถึงเป็นน้องเติร์ด”

   “ก็นาฬิกาบอกบอกเวลาทั้งในตอนหลับ และก็ปลุกให้ตื่นขึ้นมาในตอนเช้า”

   “...”

   “เติร์ดก็เหมือนกัน มันบอกให้รู้ถึงการมีตัวตนทั้งในฝันและความเป็นจริง”

   เพราะในฝันผมมองเห็นมัน ตื่นขึ้นมาก็ยังมีมันอยู่ในชีวิต

   เหมือนอย่างเคย...

   

อ่านต่อด้านล่างค่ะ

ออฟไลน์ Jittirain12

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 353
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1238/-18

   พาร์ทหลังของการทำกิจกรรมเริ่มเข้าสู่การซ้อมแอคติ้งจากบทคร่าวๆ โดยไอ้เติร์ด พี่ย้งยี้ และก็ไอ้พี่เชนทร์เป็นคนช่วยดูแลเรื่องรายละเอียดและอารมณ์ของบทให้ในกรณีแอคติ้งโค้ชไม่เคลียร์กับฉากนั้นๆ และนักแสดงยังสื่ออารมณ์ในตอนนั้นไม่ได้

   ผมรับกระดาษในมือของเพื่อนรักมา มันเคยแจกให้ผมแบบนี้อยู่หลายครั้ง แต่ซีนที่กำลังลองเล่นในวันนี้แตกต่างออกไป

   ตัวคาแร็กเตอร์ของตฤณเรื่องไลค์บรารี่นั้นดูภายนอกเหมือนจะไม่แตกต่างจากพระเอกหนังหรือละครทั่วไป คือหล่อ เท่ แบดบอย และใช้เสน่ห์จีบสาวได้แพรวพราวมาก แต่มีอย่างหนึ่งที่แตกต่างนั่นก็คือนิสัยจำเพาะเจาะจง คือแม่งเป็นคนที่ถ้าชอบใครแล้วมันจะทำตัวปรัชญาด้วยเว้ย

   เออฟังไม่ผิด สร้างปรัชญาทุกอย่างที่อยู่บนโลกใบนี้ และพยายามทำเรื่องนั้นให้ดูดราม่าด้วย ตอนได้บทมาครั้งแรกนี่ถึงกับนอนเอาตีนก่ายหน้าผาก คนคิดคาแร็กเตอร์คือไอ้พี่เชนทร์ คนเขียนพล็อตคือได้เติร์ด ส่วนไดอาล็อกเป็นเจ๊ย้งยี้ นี่แม่งรวมพลคนหายนะทั้งนั้น

   ผมถูกเรียกให้ไปซ้อมบทอยู่นาน นับแล้วก็เกือบสองชั่วโมงจนไม่ได้พัก พอปีสี่หันไปโฟกัสคนอื่นบ้างผมเลยเดินมานั่งพิงผนังเคียงข้างกับคนตัวขาวที่อยู่หลังห้องอย่างหมดสภาพแทน

   “ไง จะตายแล้วเหรอ”

   “นี่คือคำให้กำลังใจกูชะ?”

   “ตั้งใจหน่อยดิ ได้เป็นพระเอกทั้งที” นี่จะให้กำลังใจหรือประชดวะ แยกไม่ออกจริงๆ

   “ร้อนมาก เหนื่อย” ผมบ่นออกมาอีก มือก็พยายามเสยผมหน้าสุดเท่ขึ้นจนสุดเพราะเหงื่อที่ไหลลงมาสร้างความรำคาญให้ชีวิตค่อนข้างมาก

   “ผมยาวมากแล้วมึง รุงรัง” บ่นเหมือนแม่กูเลยครับ

   “ถ้ามึงตัดให้กูก็ยอม”


   “เออ เดี๋ยวตัดให้”

   “ตัดผม?”

   “ตัดหัวมึงออกเนี่ย”

   “ง่ายขนาดนั้นเลย”

   “ก็ไม่ยากเท่าตัดใจอ่ะ”

   อาจจะดูเหมือนไอ้เติร์ดพูดเล่น แต่สีหน้าและแววตาที่ส่งออกมากำลังบอกว่าเจ้าตัวกำลังคิดอย่างนั้นจริงๆ นี่ถ้าวันนั้นไม่เข้าไปเสือกวิดีโอของมันในยูทูป ผมคงได้ทำร้ายใจมันต่อไปอีกเรื่อยๆ

   คิดแล้วก็ได้แต่ก้มมองปากกาในมือของอีกฝ่ายนิ่ง ลองใส่ความรู้สึกของพระเอกเข้าไปเหมือนเป็นการท่องบทไปพลางๆ

   “ทำไมคนเราถึงชอบพรากชีวิตของคนอื่น ขนาดปากกาเรายังค่อยๆ พรากชีวิตของมันลงไปทีละนิด และเมื่อไหร่ที่หมึกหมด เราก็จะสูญเสียมันไปตลอดกาล”

   “ดราม่าปากกา?” ไอ้เติร์ดเอียงคอถาม ผมเลยพยักหน้าเศร้าๆ

   “ลมที่พัดเอื่อยจากเครื่องปรับอากาศ พัดพาความเย็นเข้ามาให้เรารู้สึกในตอนนี้ และครั้งหนึ่ง...มันก็เคยพัดลมหายใจของเราเอาไว้ด้วยกัน”

   ดราม่าแอร์ อิอิ

   ผมเลื่อนสายตามองไปรอบตัวของไอ้เติร์ด เห็นโทรศัพท์มือถือนอนแอ้งแม้งอยู่ตรงพื้นก็รู้สึกหนาวจับใจ

   “มือถือเครื่องโปรด มันจะรู้สึกสงสารกูมั้ย ทุกครั้งที่สัมผัสหน้าจอทัชสกรีน ทำไมน้ำตาของกูถึงชอบไหลกระทบจออยู่ทุกครั้ง นี่เรียกว่าความเศร้าอย่างนั้นเหรอ”

   “มือถือก็มา เก่งแล้วเนี่ย เป็นพระเอกได้ละ”

   “จริงดิ”

   “แต่ภาษามึงกากเว่อร์ ไปปรับใหม่”

   “เอ้าทุกคนพักเบรกได้ค่ะ เดี๋ยวสวัสดิการจะเข้ามาแจกของว่าง” เสียงที่แทรกขึ้นมาทำให้ผมหยุดชะงัก ผลไม้และไอศกรีมถูกเข็นเข้ามาพร้อมกับการมารุมมาตุ้มของมนุษย์ผู้หิวโหย

   “ไหนช่วยดราม่าเรื่องส้มหน่อย” คือผลไม้วันนี้มีส้มครับ ส่วนของหวานเป็นไอติม

   “นานแค่ไหนแล้วที่เราไม่ได้กินส้ม นึกกลับไปก็ใจหาย จนทุกวันนี้เกือบจะจำกลิ่นและรสชาติของมันไม่ได้แล้ว จำได้แต่ความสุขที่เคยได้รับจากผลไม้ที่ชื่อว่าส้ม”

   ผมรอฟีดแบ็กกลับมา แต่ไอ้เติร์ดไม่ได้บอกนอกจากกุมขมับ กูเลยต้องดราม่าไอศกรีมต่อ

   “โธ่...ไอติม เขาไม่น่าพรากมึงมาจากตู้เย็นเลย มึงคงเกิดมาเพื่อกันและกันจริงๆ มิน่า...ถึงได้ตรอมใจละลายไปก่อนที่กูจะได้สัมผัสลิ้นลงไป ไอติมผู้น่าสงสาร...”

   ก่อนมันจะเหลวเป๋วกลายเป็นน้ำ ว่าแล้วก็รีบแดกเถอะครับ เรานั่งกินกันเงียบๆ ไอ้เติร์ดไม่ได้โต้ตอบอะไรกลับมาปล่อยให้ผมได้โชว์สกิลดราม่าบวกปรัชญาพิลึกลั่นของตัวเองไม่หยุดหย่อน

   “ความน่ารัก เรานิยามคำนี้จากอะไรกันแน่ ใช่ความรู้สึกที่เกิดจากแต่ละคนมั้ย ตุ๊กตาสำหรับกูมันไม่น่ารัก ผู้หญิงบางคนก็ไม่ หมาบางพันธุ์ก็น่ากลัว อะไรคือนิยามคำว่าน่ารักอย่างจริงจัง”

   “...”

   “สำหรับกู ชาวีน่ารัก หนังบางเรื่องน่ารัก แมวน่ารัก และ...”

   “...”

   “มึงน่ารัก”

   ผมตลกหน้าไอ้เติร์ดตอนนี้ฉิบหายเลยว่ะ เออ! ทำตาโตๆ แบบนี้ยิ่งเข้าข่ายคำว่าน่ารักเลย แถมหูยังแดงอีกต่างหาก แต่ดูเหมือนเจ้าตัวพยายามจะเก็บอาการไว้ไม่แสดงออกมา ผมเลยปรัชญาต่อแม่งเลย

   “นาฬิกา ช่วยลดความห่างของแต่ละวินาทีลงเถอะ กูแทบจะรอต่อไปไม่ไหวละ”

   “รออะไรไม่ทราบ” คนเคียงข้างถามขึ้น

   “รอไปกินข้าวเย็นห้องมึง”

   “เนียนเลยนะ แต่เลิกแล้วใช่ว่าจะกลับเลย กูต้องคุยเรื่องแก้บทกับพี่มันอีกนิดหน่อย”

   “รอได้” ผมบอกอย่างสบายใจ

   “ไม่บ่นอีกเหรอ ปกติไม่ใช่อย่างงี้”

   “ปกติเป็นแบบไหน”

   “ไม่ได้ดั่งใจก็โวยวาย”

   “กูเป็นคนใจร้อนนะ แต่กับเรื่องบางเรื่องจะใจช้าขึ้นมาทันที”

   “...”

   “และก็แปลกด้วยที่เรื่องบางเรื่องนั้น...เสือกเป็นมึง”










   หลังซ้อมการแสดงเสร็จทุกคนก็แยกย้าย ผมปลีกตัวมานั่งรอไอ้เติร์ดกับรุ่นพี่ถกเถียงกันเรื่องแก้บทบางส่วนอยู่ แม่งนานจนเวลาล่วงเลยเกือบสามทุ่ม แถมข้าวเย็นก็ยังไม่ได้กินกันสักคน ผมไม่เท่าไหร่หรอกเพราะยัดมาหนักแล้ว แต่ไอ้เติร์ดเนี่ยดิ ทำให้ห่วงได้ตลอดเวลา

   “เติร์ด มึงใกล้เสร็จยัง” ผมกระเถิบตัวนั่งซ้อนหลังของมัน พร้อมกับกระซิบถามเบาๆ

   “ยังเลย เดี๋ยวไปถกกันที่ห้องกูต่อ”

   “หา”

   “มึงหิวข้าวก็ไปกินก่อนเลย”

   “ได้ไง ก็บอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าจะไปกินที่ห้องมึง”

   “งั้นก็ไปพร้อมกัน” คำพูดแม่งทำเอากูหน้างอเลยสัด นึกว่าจะได้อยู่กันแค่สองคน ไหงกลายเป็นว่าลากไอ้พี่เชนทร์มาเป็นก้างขวางคออีกวะ เสียเวลาได้โบนกับไอ้ทูเคลียร์ทางให้ฉิบหาย

   แถมไม่หยุดอยู่แค่นั้นเมื่อเพื่อนสนิทผู้ชายหุ่นหมีอย่างพี่อั้นเสือกแวะมาที่ห้องด้วย ผมเลยกลัวว่าจะได้ยินประโยคที่ไม่อยากฟังหลุดออกมาจากปากของใครบางคน

   “เติร์ด เดี๋ยวไปกันเลยมั้ยวะ” พี่เชนทร์ถามขึ้น หลังจากพี่ย้งยี้สละเรือไปแดกข้าวกับเพื่อน

   “ได้ๆ ผมขอเก็บของก่อน”

   “ให้ซื้ออะไรเข้าไปมั้ย”

   “ที่ห้องมีของสดกับของกินตุนไว้เยอะอยู่นะ แต่ถ้าจะซื้ออะไรก็แล้วแต่พี่เลย”

   “โอเค...เออนี่ พาไอ้อั้นไปด้วยได้มั้ย พอดีมันมากับกู”

   อย่านะไอ้เติร์ด ผมได้แต่ส่งสายตาเป็นเชิงขอร้อง แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่เข้าใจเลยหันกลับไปพยักหน้าหงึกหงักเป็นการตกลง

   “เอาดิ”

   ม่ายยยยยยยยยยยย แผนการจีบไอ้เติร์ด มีก้างขวางคอเต็มไปหมดเลยว่ะ

   ผมมาถึงห้องไล่เลี่ยกับเพื่อนรัก ส่วนไอ้ปีสี่สองคนตามมาหลังจากนั้นไม่นาน ซึ่งผมรำคาญมาก ไลน์หาแก๊งโหดอีกสองคนเพื่อให้มันมาช่วยแก้ปัญหาแต่คำตอบที่ได้คือคุณชายเขากำลังมั่วหญิงอยู่ กูนี่อยากจะตาย แต่ไม่วายต้องทำคะแนนด้วย

   “ให้ช่วยอะไรมั้ยวะ” ว่าแล้วก็ปรี่เข้าไปถามเจ้าของห้องที่กำลังง่วนกับการทำอะไรสักอย่างตรงเคาน์เตอร์

   “ไม่มีอ่ะ”

   “มีดิ ให้ช่วยล้างผักมั้ย”

   “งั้นก็เอาไปล้าง” แม้เจ้าตัวจะพยายามผลักไส ผมก็ยังพาตัวเองเข้าไปเสือกจนได้

   “ล้างนานมั้ย” จริงๆ ก็อยากคุยกับมันนั่นแหละ จะจีบแล้วได้คุยไม่พอ ต้องได้ใจด้วยสิวะ

   “ดูเอง” คนที่กำลังง่วนอยู่กับการหมักหมูในชามเงียบไปอึดใจหนึ่ง ก่อนจะถามต่อ “วันนี้ไม่เห็นแพรว ไม่มาซ้อมเหรอ” เอาแล้วววววววว ช่วงนี้ทำไมถามหาแพรวบ่อยจังวะ ส่วนตัวผมก็ไม่ค่อยได้คุยกับเขาหรอก เพราะหลังจากยกเลิกคำขอเราก็ใช้ชีวิตตัวใครตัวมันตลอด

   “อาจจะติดเรียนมั้ง ไม่ได้คุยอ่ะ”

   “อืม สมมติถ้าแพรวมีคนใหม่แล้วมึงจะโกรธหรือเปล่า”

   “โกรธทำไมอ่ะ เราเลิกกันแล้ว จะคบใครใหม่ก็ได้”

   “เหรอ” คำถามแปลกๆ แฮะ แปลกจนกลัวว่าไอ้เติร์ดคงไม่เผลอรู้อะไรอีก ส่วนตัวถามจากไอ้โบนกับไอ้ทูมาแล้ว มันยืนยันเสียงแข็งด้วยเกียรติลูกผู้ชายว่าไม่เคยบอกเรื่องนี้กับไอ้เติร์ด ส่วนแพรวเองก็สัญญาเป็นมั่นเป็นเหมาะ คงไม่เกิดเรื่องซ้ำสองอีกหรอกนะ

   อาจเพราะกลัวความผิดของตัวเองหรืออะไรไม่รู้ ผมจึงรีบเปลี่ยนเรื่องคุยกันใหม่อย่างรวดเร็ว

   “ให้หั่นผักเลยมั้ย”

   “อือ” ไอ้เติร์ดตอบมาสั้นๆ ไม่คิดจะเงยหน้าขึ้นมามองผมเลยสักเสี้ยว

   “แล้วนี่เหลือแก้บทอีกเยอะเหรอ”

   “อือ”

   “คงดึกเลยดิวะ”

   “อือ”

   “นี่มึงไม่คิดจะตอบอย่างอื่นบ้างเหรอ”

   “อือ”

   “งั้นคืนนี้ขอนอนด้วยนะ”

   “อือ เฮ้ย! ไม่ต้อง กลับห้องมึงไป”

   “คงอยู่ดึกมาก ขับรถตอนกลางคืนโคตรอันตราย มึงเคยบอกกูอย่างนี้ไม่ใช่เหรอ” คนข้างๆ กรอกตาไปมาราวกับกำลังใช้ความคิด ไม่นานก็ตอบกลับเสียงเรียบ

   “ห้องไอ้ทูกับไอ้โบนอยู่ชั้นล่าง ลงไปเคาะดูดิ”

   “มันไม่อยู่ ไลน์ไปหาแล้วเห็นบอกว่าเหยื่อกำลังติดเบ็ด”

   “กูไม่สะดวกว่ะ ยังไม่ได้เก็บเตียงเลย”

   “ปกติกูก็นอนห้องมึงได้ไม่ใช่เหรอ ห้องรกแค่ไหนก็นอนมาแล้ว อีกอย่างพรุ่งนี้วันเสาร์ด้วยไม่ต้องรีบไปเรียน กูขอซุกหัวนอนแค่คืนเดียวเอง”

   “...”

   “นะไอ้เติร์ด น้า...” เชื่อว่าสกิลตอแหลที่ตัวเองเคยทำกับผู้หญิงมาตลอดชีวิตต้องใช้ได้ผลบ้างล่ะ อย่างน้อยก็ขอให้เราได้ใช้เวลาร่วมกันบ้าง

   “เออ ถ้าไม่มีเสื้อผ้าเปลี่ยนก็เอาของกูไปใส่แล้วกัน”

   เยส! น่ารักมากครับเตชภณ

   ผมช่วยมันทำอาหารง่ายๆ  ตามประสาผู้ชายสกิลต่ำ เสร็จสรรพก็เอาออกไปประเคนให้ปีสี่ที่นั่งหน้าสลอนอยู่ตรงโต๊ะกินข้าวเล็กๆ

   “เออเติร์ด อังคารหน้าเขาจะให้สต๊าฟไปประชาสัมพันธ์กับขอรับเงินบริจาคที่ตลาดนัดนิสิตอีกรอบ ไปด้วยกันดิ” ไอ้พี่อั้นที่นั่งแดกเงียบๆ อยู่นานเอ่ยขึ้น ผมชักรู้สึกตงิดกับมันมาสักพักละ เด็กฟิล์มปีสามกับปีสี่สนิทกันน่ะพอรู้ แต่ที่รู้อีกอย่างคือนิสัยเจ้าชู้ของมันด้วย

   “วันอังคารเหรอ”

   “อังคารไม่ว่าง มึงต้องไปร้านต้นฉบับกับกู” ผมรีบแทรกทันทีเพื่อตัดไฟตั้งแต่ต้นลม ร้านต้นฉบับเป็นร้านขายแผ่นหนังตั้งแต่รุ่นเดอะ แต่นิเทศฯ ทุกรุ่นรู้จักกันดีเพราะเจ้าของร้านแกอินดี้มาก แถมอยากหาเรื่องไหนหรือเก่าเท่าไหร่แม่งก็ยังหามาให้ได้

   “กูจะไปพรุ่งนี้ เพราะงั้นวันอังคารไปได้ครับพี่”

   “งั้นดีเลย อังคารเจอกัน”

   หกเด็กฟิล์มในแบล็กลิสต์ที่หลายคนบอกต่อว่าอย่าเอาตัวเข้าไปยุ่ง เพราะความเหลี่ยมจัดทำให้เหยื่อตกหลุมพรางมานักต่อนัก คนแรกกูเอง คนแม่งด่าขรมทั้งคณะแต่ก็ยังรู้สึกปลอดภัยที่ผมเลือกกินแต่คนนอกไม่ลากคนในเข้าไปมีสัมพันธ์ลับ

   คนที่สองคือไอ้ทู เชี่ยนี่สายโหดอยู่แล้ว ไม่เว้นเด็กคณะตัวเองด้วย เรียกได้ว่าลากหมดตั้งแต่ปากซอยยันลูกสาวอธิการ เห็นใครหุ่นดีเป็นต้องหยอดทิ้งไว้ให้เขามาถ่ายแบบที่ห้อง สุดท้ายก็ไม่เหลือรอดกลับมาสักราย

   คนที่สาม ไอ้โบน เวลาใครเรียกไอ้หัวสกินเฮด คนเดียวที่หมายถึงคือสมาชิกแก๊งโหดอย่างมัน รายนี้ไม่ต่าง ไม่มีแฟนเป็นตัวเป็นตน เปลี่ยนสาวน้อยกว่าผมสองคนก็จริงแต่ความดิบของการฟันแล้วทิ้งอีกวันกลายเป็นคนแปลกหน้านี่มันโหดกว่าผมหลายเท่า

   คนที่สี่เป็นเด็กปีสอง ฮอตมากเพราะครองตำแหน่งเดือน ฟันรุ่นพี่หลีดในคณะมาตั้งแต่ปีหนึ่งจนใครต่างเล่าต่อกันเป็นทอดๆ ส่วนคนที่ห้าอยู่ปีสี่ เพื่อนกลุ่มเดียวกับไอ้พี่เชนทร์หุ่นหมี หน้าตาพอไปวัดไปวาแต่ซิกแพคแน่นมาก ใช้ความตลกพ่วงความคารมดีเข้าสู้ สุดท้ายแดกสาวเยอะสุดในบรรดาทั้งหมด

   และคนสุดท้าย...ก็กลุ่มไอ้พี่เชนทร์อีกเหมือนกัน ไอ้พี่อั้น!

   นี่ยิ่งกว่าสามทหารเสือเพราะมันคือกลุ่มทหารหมา หมาล่าเหยื่อของจริงแบบไม่มีใครกล้าสู้ ลึกๆ เป็นพวกเจ้าชู้ประตูดิน มองภายนอกสร้างภาพเป็นคนจิตใจดี สนุกสนาน รักเพื่อนฝูง แถมยังร่าเริงกับทุกคนโคตรๆ

   เรื่องหน้าตาก็ไม่มีใครอยากเอาไปสู้เพราะเท่แบบผู้ชายด้วยกันต้องร้องโอ้โห ยิ่งเอาผิวแทนกับความสูงชะลูดมาไฝว้แล้ว ผู้หญิงร้อยทั้งร้อยถึงกับต้องยอมสยบ ปล่อยมันแดกเรียบแทบไม่เหลือกระดูก แต่นิสัยแอ๊บเป็นคนดีของมันก็ยังใช้ได้กับทุกคนเสมอ ถ้าไม่ใช่คนวงในที่รู้ว่ามันกินเหยื่อไปเยอะเท่าไหร่ก็ไม่มีใครเชื่อหรอกว่ามันจะเจ้าชู้ระยำตำบอนได้ขนาดนี้

   ในวงการคนเหี้ยๆ มันมีไม่กี่คน และเราต่างรู้จักกันหมด แต่ทำไมมึงต้องเสือกเข้ามาในชีวิตไอ้เติร์ดตอนนี้ด้วยวะ พวกผมเคยร่วมงานกับพี่มันก็จริง แต่ตอนนั้นแม่งไม่ได้ใหญ่ถึงขนาดมาทำตำแหน่งสูงๆ ปีนี้เลยเป็นปีซวยของผมซะงั้น

   “อันนี้มึงทำเหรอวะ อร่อยดี” นั่นไง มันเริ่มเผยธาตุแท้ออกมาละ

   “ผมช่วยทำ จริงๆ ไอ้เติร์ดทำกับข้าวไม่อร่อยหรอก” จะไม่ปล่อยให้ใครหน้าไหนมายุ่งกับไอ้เติร์ดทั้งนั้น กูจะทำทุกวิถีทางเพื่อขัดขวาง

   “มึงก็ทำกับข้าวเป็นด้วยเหรอวะไอ้ค่าย”

   “แน่นอน”

   “ทำไปอ่อยหญิงอ่ะดิ” พี่มันพูดพลางหัวเราะร่วน ไอ้สัดนี่ตัดกำลังกูชัดๆ

   “ฝึกไว้ทำให้เพื่อนกินต่างหาก”

   “เหรอ แต่อร่อยดี กูชอบ”

   “พี่อั้นเอาข้าวอีกมั้ยวะ เดี๋ยวผมตักให้” ไอ้เติร์ดพูดแทรกขึ้นมาอีก ผมเลยหันไปมองหน้ามันทั้งที่พยายามสะกดกลั้นอารมณ์เต็มที่

   “เอาๆ อร่อย อยากมากินบ่อยๆ เลยกู”

   “ข้าวจะหมดหม้อแล้วนะ กินแค่นี้ก็น่าจะพอมั้ง”

   “มึงนี่ตลกว่ะไอ้ค่าย ข้าวห้องมึงเหรอ”

   จึ่ก! เจ็บราวกับโดนมีดแทงอก หวงโว้ยยยยยยยยย มึงไม่ไปหาเหยื่อคนอื่นวะ ทำไมถึงต้องเป็นเพื่อนกู

   “ผมกลัวไอ้เติร์ดไม่อิ่ม”

   “ไม่เป็นไร กูกินจนอิ่มแล้วเนี่ย” ว่าแล้วก็ยื่นมือมารับจานของคนตรงหน้าไป ไอ้พี่เชนทร์ปลีกวิเวกออกไปคุยโทรศัพท์กับแฟนก่อนหน้า งานนี้เลยกลายเป็นสงครามประสาทระหว่างผมกับไอ้อั้นแทน

   “งั้นกูขอข้าวเพิ่มด้วย” ผมรีบพูดอย่างเร็วรี่

   “เอาเยอะๆ ไอ้เติร์ดกูยังไม่อิ่ม”

   “ของกูก็เอาให้พูนจาน หิวมาก!”

   หลังกินข้าวเสร็จเราต่างช่วยกันล้างจาน เก็บกวาดและทำความสะอาดโต๊ะ ก่อนจะย้ายไปนั่งถกประเด็นเรื่องบทละครเวทีกันต่อ คนที่ไม่มีหน้าที่อย่างผมเลยเดินออกมาสูบบุหรี่ตรงระเบียงด้านนอก ไม่นานประตูเลื่อนก็ดังขึ้นพร้อมกับร่างสูงของรุ่นพี่ปีสี่

   “มีไฟแช็คมั้ย” มันถาม ผมเลยล้วงกระเป๋ากางเกงส่งไปให้

   มือหนาคีบบุหรี่มาไว้ที่ปากแล้วจุดไฟแช็คอย่างช่ำชอง ควันสีขาวที่พ่นออกมาแข่งกับผมทำให้บริเวณนี้ปกคลุมไปด้วยความขมุกขมัว

   “ได้ข่าวว่ามึงเลิกแล้ว” จู่ๆ เสียงทุ่มต่ำก็ถามขึ้น เป็นประโยคลอยๆ ที่ดูจับต้นชนปลายไม่ถูก

   “เลิกอะไร”

   “มั่ว” ผมก็ไม่ได้บอกใครเรื่องนี้นะ แต่คนวงในก็คงรู้ดี ตอนนี้กูถอดเล็บละ

   “ชีวิตมันก็ต้องจริงจังบ้าง โตแล้วป่ะวะ”

   “ได้ยินแบบนี้ก็ดี แต่ส่วนใหญ่คนที่คิดจะหยุดมันไม่หยุดได้ในทีเดียวหรอก มึงก็เห็นๆ กันอยู่ เหี้ยกันจนเป็นสันดาน”

   “เหมือนพี่มึงอ่ะนะ”

   “ฮ่าๆ กูเหี้ยน้อยกว่ามึงอีก” ฉิบหาย กลายเป็นว่าตอนนี้ผมและมันต่างแข่งกันว่าใครจะพ่นคำด่าได้เจ็บแสบกว่ากันซะมากกว่า สำหรับพี่อั้น มันเหี้ยเรื่องผู้หญิงก็จริง แต่กับรุ่นพี่รุ่นน้องและความเป็นเพื่อนในคณะมันก็ให้ใจอยู่ แต่การให้ใจของมันนั้นไม่รู้เหมือนกันว่าอยู่ในระดับไหน

   และจะจัดใครบางคนเข้าไปอยู่ในโหมดไหนบ้าง แต่ถ้าเป็นเรื่องรักๆ ใคร่ๆ ฉิบหายทุกรายแน่นอน

   “ถามจริง ทำไมถึงเลิก”

   “พอดีเจอคนที่อยากจริงจังด้วยแล้ว”

   “เชร้ด ดีว่ะ”

   “แล้วพี่อ่ะ ไม่เคยคิดเรื่องนี้บ้างเหรอ”

   “คิดอยู่ ก็เลยลองดูกันไป” จู่ๆ ลำคอของผมก็รู้สึกแห้งผาก ไม่กล้าแม้จะหันกลับเข้าไปในห้องซึ่งมีใครบางคนกำลังนั่งอยู่ เพราะกลัวว่าคนที่พี่มันอยากลองดูจะกลายเป็นคนคนเดียวกับที่ผมหวง

   “ทำไมจู่ๆ ถึงคิดอย่างนั้นวะ ทำตัวเหี้ยมาตั้งสี่ปี หรือเพราะเพิ่งรู้ตัว”

   “มึงไม่น่าถามคำถามนี้นะ ใจมึงเองยังรู้ดีเลยว่าตอนไหนควรหยุดหรือทำตัวเลวไปเรื่อยๆ กูก็ไม่ต่างกัน ว่าแต่มึงเถอะ ไปตกหลุมพรางเด็กคณะไหนเข้าล่ะ”

   ผมยกบุหรี่ขึ้นมาสูบ เพราะมันช่วยให้สมองโล่งและมีความกล้าจะทำอะไรหลายอย่างมากกว่าตอนที่อยู่ในอารมณ์ปกติ

   “คณะเราเนี่ยแหละ”

   “โหย แหกกฎของตัวเองด้วยว่ะ” รู้ลึกถึงไส้ถึงพุงกูดีจัง

   “พี่รู้จักผมดี เพราะงั้นพี่ก็คงรู้อีกอย่าง ใครยุ่งกับคนของผมผมเอาตาย”

   “กูก็เหมือนกัน” ผมหันไปมองเสี้ยวหน้าคมของรุ่นพี่ปีสี่ ดวงตาคู่นั้นมองออกไปด้านนอก แต่รู้ดีว่าสองหูคงกำลังรอฟังถ้อยคำบางอย่างจากผมอยู่

   “พี่อั้น...”

   “ไร”

   “ผมชอบเติร์ด”

   “...”

   “เพราะงั้นใครหน้าไหนก็ห้ามยุ่ง”











   สี่ทุ่มกว่าแล้วไอ้เติร์ดกับพี่เชนทร์เพิ่งคุยงานกันเสร็จ แต่แทนที่จะรับกลับแม่งกลับนั่งยึดโซฟาหาหนังมานั่งดูอย่างอารมณ์ดี กูล่ะเกลียดฉิบหาย ทำได้แค่ปั้นหน้าไม่พอใจอยู่กับพวกแม่งมัน แถมต้องนั่งข้างล่างอีกต่างหาก

   “อันนี้เป็นหนังสั้นปีก่อน อิโรติกหน่อยนะ แต่โคตรอาร์ตเลย” เอ็กเทอนอลถูกต่อเข้ากับจอโทรทัศน์โดยตรง รีโมทคอนโทรลที่อยู่ในมือถูกกดไปเรื่อยๆ และไม่นานหนังเรื่องหนึ่งก็เริ่มต้นฉาย

   นี่เป็นหนังสั้นเด็กฟิล์มปีก่อน และได้รับรางวัลด้วยแต่จำไม่ได้ว่าอันดับที่เท่าไหร่

   เรานั่งดูกันไปเรื่อยๆ ปากก็ร้องซีดซ๊าดออกมาจนห้ามไปอยู่ อะโหยยยยยย พวกมึงคนหนึ่งควรจะรู้ว่ากูอดอยากปากแห้งกับเรื่องเซ็กซ์มาพักใหญ่แล้ว พอได้มาดูหนังแนว 18+ แม้จะมองว่ามันคืองานศิลปะแต่อารมณ์กูไม่ศิลปะด้วย

   น้องชายที่หลับใหลพร้อมจะตั้งเด่อยู่ตลอดเวลา ได้แต่ควานหายาดมมาซุกรูจมูกเพื่อผ่อนคลายอารมณ์แม้มันจะไม่ได้ผลก็ตาม แป๊บๆ ทนไม่ไหวกูหนีเข้าส้วมก่อนเลย

   “เดี๋ยวมา ปวดฉี่”

   “ไม่น่าใช่ อยากล่ะสิมึง” ไอ้พี่เชนทร์ ไอ้หัวฆวย

   “แดกน้ำเยอะเว้ย” พูดจบก็รีบสับเท้าเข้าไปใช้ห้องน้ำที่อยู่ในห้องนอนของไอ้เติร์ดทันที จัดการจนพาลูกชายกลับมาอยู่ในสภาพเดิมเสร็จผมก็เปิดประตูออกมา แต่คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าทำเอาชะงักเท้าในทันที

   “เข้าส้วมเหรอ” ผมถามพี่เชนทร์

   “เออจะเข้า แล้วก็มาคุยกับมึงด้วย”

   “คุยอะไร”

   “สัพเพเหระ”

   “คุยข้างนอกก็ได้ เนี่ยจะออกไปแล้ว”

   ผมตั้งท่าเดินออกไป แต่กลับถูกผลักอกให้ยืนอยู่ที่เดิมอย่างงงๆ

   “พี่ต้องการอะไรกันแน่วะ”

   “กูไม่อยากให้มึงรีบเข้าไปขัดจังหวะ คือจะบอกว่าไงดี...”

   “ก็บอกมาสิ!” น้ำเสียงที่เปล่งออกไปฉายแววความโกรธจัด และผมก็ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ค่อยได้แล้ว แม่งกลัวไปหมด ขณะเดียวกันก็อยากรู้คำตอบใจแทบขาด

   “เพื่อนกูชอบเพื่อนมึง”

   “...!”

   “ในฐานะที่เป็นเพื่อนสนิท”

    “...”

   “กูขออนุญาตมึงเปิดทางให้ไอ้อั้นจีบไอ้เติร์ดได้มั้ยวะ”
   

   

โฮร่ลอีค่ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
น่าสงสารจังค่ะ
 o22

ออฟไลน์ ceylon

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 389
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
กอดนะคะ โอ๋ๆ สงสารแต่ก็สะใจอ่ะ โทษทีนะค่ายนะ สู้สู้ 55555555

ออฟไลน์ abbaba

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 35
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
ไม่รู้จะสงสารหรือสมน้ำหน้าดี 555555555555555 ท่ดๆ
แต่เติร์ดนี่ตัดแล้วตัดเลยจริงๆ เราเข้าใจนะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 7 [27/06/60] *หน้า22
« ตอบ #649 เมื่อ: 27-06-2017 20:05:08 »





ออฟไลน์ IRA

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 7
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เป็นไงละค่าย
สมน้ำหน้าว้อยยยยยยยยย
วันหลังอย่ารู้ใจตัวเองช้าไปอีกนะ ไม่ต้องวันหลังละ วันนี้เลย
คิดถึงพาร์ทเติร์ดจัง รักเติร์ดคนดี สมน้ำหน้าไอ้ค่ายคนจริง วรั้ยยยยยยยย

ออฟไลน์ pui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2178
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +177/-3
 :laugh: พยายามเข้านะค่าย5555555

ออฟไลน์ bulldog17

  • ❤GOT7
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3689
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +265/-12
สู้ๆนะค่าย

/กลั้นขำ อิอิ

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
เช้ดดดด อิค่าย ศัตรูมาถึงเรือน จะนิ่งให้มันหมิ่นศักดิ์ศรีอย่างนั้นหรือ ฆ่ามัน ๆๆๆ

ออฟไลน์ Ouizzz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 640
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
เอาละค่าย งานยากละทีนี้

ออฟไลน์ SeaBreeze

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 151
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
ควรสงสารค่ายไหมตอนนี้
จะรู้ใจตัวเองทั้งทีคู่แข่งก็ดันมีซะได้ :katai5:

ออฟไลน์ akashita

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 151
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ค่ายเอ๊ยยยยยยยยยยยย  o22
มีคู่แข่งและเมิงงงง เค้าคารมณ์ดี ไม่มีคดีติดตัวด้วย
สงสารนังค่ายขึ้นมาเลย.. เหอ ๆ

ออฟไลน์ poommy_TY

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 56
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ม่ายยยยยยยยยย

ถึงอิค่ายมันจะเฟี้ยมากก่อน แต่มันก็คิอพระเอกของเรา
หนึ่งเดียวในใจ อย่าตัดกำลังมันเลยพี่อั้นนนนน

โอ้ยย อกอีแม่จะแตก ลูกฮอท

ออฟไลน์ เจ้าหญิงขี้ลืม

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-4
โอ๊ย ค่าย จะสรรหาคำพูดอะไรดี
ตอนที่แล้วด่าไปเยอะ ตอนนี้เจ้ขอเชียร์ค่ายละกัน
สู้ๆแล้วกันนะลูกขอให้ได้ขอให้โดนเร็วๆนะ

ออฟไลน์ GOLDMIND

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 198
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
โอ้ยยยย เหมือนจะสงสารนาง แต่ตอนเติร์ดเจ็บนี่ก็เจ็บด้วย เฮ่อ ถ้าไอ้พี่อั้นไรนั้นชอบจริง จริงดิ ดูไม่มีเหตุ รอดูล่ะกัน อิค่ายสำนึกซะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด