ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END  (อ่าน 2134323 ครั้ง)

ออฟไลน์ EoBen

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3306
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-6
นี่น้อยใจแทนค่าไปสามร้อยสี่สิบรอบ

แต่มั่นไส้มันไง เมื่อก่อนน้องเตริดของเบนก็รู้สึกแบบนี้แหละ 55555



มุงเละแน่ค่าย ทำอะไรไม่อายประชาชี  :hao6:

ออฟไลน์ จอมจุ้น6002

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 83
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
ตอนหน้าอีค่ายเป็นศพอ่ะ พูดเลย  :laugh: :laugh: :laugh:

ออฟไลน์ ก้อนขี้เกียจ

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 580
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-1
อิค่ายแบบนี้ก็ได้หรอ55555555

ออฟไลน์ Cardiac

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 355
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
ค่าย :hao5:

ออฟไลน์ Lord Art

  • ยินดีที่ได้รู้จัก ♥
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 4
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
รู้สึกเหมือนได้ลอยไปในอากาศน่ารัก  :hao5:

ออฟไลน์ oohsg94

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 92
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
นังค่ายยยย คนผีทัลเล๊  :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
กรี๊ดดดดดดดด อีค่าย  คนอ่านยังไม่ได้ตั้งกล้อง  :hao7:

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
อิค่ายรุกได้รุกเอาเลยนะ ยังไม่ได้หวานกันเลยแอดวานซ์ไปจุบเค้าซะละ
ขอแช่งให้อิเติร์ดโกรธหมั่นไส้ ไม่ทันทำดีกับเค้าเท่าไหร่จะมาเรียกร้องอะไรกับเค้าเยอะแยะ

ออฟไลน์ fahsai

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 815
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-2
ช็อคกันไปหมดแล้วม้างงงงงงงงไม่ธรรมดาจริงๆค่าย

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
โหหหหหห เด็ดมากอิค่าย 55555555 เอาอีกๆ รุกเยอะๆ รุกบ่อยๆ :hao7:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 11 [12/07/60] *หน้า30
« ตอบ #939 เมื่อ: 13-07-2017 22:15:15 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ clairon

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 64
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
 :oo1:
มันต้องอย่างงี้ซิลูก
เป็นพระเอกหล่อเลว แนวเรามันต้องอย่างงี้ 5555
จีบแบบกากๆกวนทีน มิสนหินมนแดดใดๆ  :laugh:
มันด้านจริงๆ โดนใจแม่ยกนัก :m20:
แอบคิดว่าทั้งหมดที่ค่ายทำเติร์ดรู้ทุกอย่างแต่ต้องแอ๊บไว้เพื่อดัดนิสัยอิค่ายมัน จริงม่ะ  :impress2:

ออฟไลน์ QueenPlai

  • twitter - @khunhappymoon gmail - JangPlailiiz@gmail.com
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 85
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
อิค่ายยย อิค่ายยยย ฮืออออออ เขินนน อมยิ้มจนปวดแก้มไปหมด

ออฟไลน์ badbadsumaru

  • ♡ caramel macchiato
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2458
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-2
โอ้ย อิค่ายยยยย
ใจเย็นสิว้อยยย

ออฟไลน์ makuto

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 13
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
อิค่ายยยยยยยยย

ออฟไลน์ miejhx_

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 16
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-1
เออ คนก็บอกค่ายน่ารักแต่พ่วงยศให้ว่าอีค่ายทุกคนเลย ด้วยรักและเกลียดชังที่แท้จริง55555555

ออฟไลน์ basza2x

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 796
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-1
 :hao6: โอ้ยยยย ชอบมากๆๆ ชอบตอนอิพระเอกรุกเนี่ยแหละ นี่แหละน้า คนรู้ตัวช้า ที่จริงรักเทอซั่มเหมอ  :ling1:

ออฟไลน์ MSeraph

  • This too shall pass
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1751
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-3
อ่านไปด้วยความหวั่นใจว่าอิค่ายจะโดนอะไรอีกมั้ย
แต่ตอนนนี้อิค่ายทำดีค่าาาาาาาา
รำคาญพี่อั้นอะ ไปไกลๆเติร์ดเลยนะ

ออฟไลน์ rikulism♡

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 26
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
วรั้ยตรั่ยแล้วววนังค่ายย เป็นเรื่องแน่แก เดี๋ยว3มีปั้นปึ่งนะเหวยย :katai5:

ออฟไลน์ ทั่วหล้า

  • ไม่ช่างพูดแต่ช่างพิมพ์
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1049
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-3
ใครจะไปคิดว่าแกจริงจังคะอีค่าย
ทำเป็นเล่นตลอด
เดี๋ยวแถ เดี๋ยวแหล เดี๋ยวแรด แถมยังไปกวนตีนเขาอีก
โอ๊ยยยยยยยยยยย..ปวดกบาล

ออฟไลน์ naja-kitase

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 470
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-0
อิค่ายเป็นเอามาก ประกาศศักดาสุดดดดดด  555555555555
แต่ชั้นเชียร์แกอยู่นะ หวังว่าน้องเติร์ดจะไม่ใจร้ายกับแกอีก

ส่วนน้องเติร์ดคะ มันทำเราเจ็บมาเยอะ อย่าไปใจอ่อนให้ง่ายๆนะคะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 11 [12/07/60] *หน้า30
« ตอบ #949 เมื่อ: 14-07-2017 21:53:48 »





ออฟไลน์ tae1234

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 380
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
สู้ๆ นะ ค่าย

ออฟไลน์ KM8WS

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 3
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
อิพี่ค่ายทำดีมากกก ทำต่อไป กรี๊ดดดดด

ออฟไลน์ daisyskies

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 26
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ในตอนนี้บอกได้เลยว่า
เยี่ยมจริงๆ! เยี่ยมจริงๆ! เยี่ยมจริงๆ!'
ในที่สุดดดด พระเอกก็เริ่มทำอะไรๆแบบพระเอกทั่วไปแล้ว55555
พยายามเข้านะอิค่ายเอ้ยยย

ออฟไลน์ 05th_of_06th

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 102
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
จะโดนเติร์ดซัดหน้าเอาไม๊อ่ะ 555555555

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
55555 สมใจค่ายเลยทีเดียว หลังจากหงุดหงิดมาข้ามวันข้ามคืน

เติร์ดไม่ได้ใจแข็งหรอก แต่ใจอ่อนไม่ลงมากกว่า ค่ายทำแต่ละอย่าง น่ายอมมาก

ค่ายตลก หึงบ้าบอ หวงไปเรื่อย พอรู้ว่ารักแล้วไม่มีเก็บอาการเลยนะ

ฮาโบนทูมาก จะแหย่ค่ายไปทำเพื่อ แต่เห็นแล้วคงสนุกจริง 5555

ออฟไลน์ Jittirain12

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 353
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1238/-18

ตอนที่ 12
ถ้าอยากจะรุกทำไมต้องปิด



   ตุบ!

   ร่างของผมถูกผลักจนก้นจ้ำเบ้า และคนที่ลงมืออุกฉกรรจ์ครั้งนี้ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เพราะมันคือคนเดียวกันกับที่ผมบี้ปากจนพอใจตรงหน้านี่แหละ สังเกตจากสีหน้ามันตอนนี้แม่งคงโกรธจนอยากเผาผมให้ตายทั้งเป็น

   “ทำเหี้ยไรวะ!” ยังไม่ทันได้หยัดกายขึ้น ไอ้เติร์ดก็ตั้งท่าถลาเข้ามาซ้ำผมอีกรอบ ดีที่ได้สต๊าฟที่อยู่โดยรอบมาช่วยชีวิตเอาไว้ทัน ไม่อย่างนั้นก็ไม่อยากคิดสภาพตัวเลยว่าจะเละด้วยตีนมันแค่ไหน

   พี่ใบบัวเข้ามาช่วยผมคนแรก ก่อนพี่เชนทร์จะเข้าไปแยกไอ้เติร์ดออกบ้าง

   “มึงนอกบททำไมวะไอ้ค่าย” หลังถูกพยุงให้ลุกขึ้นยืนด้วยสองขา คนที่โพล่งประเด็นนี้ขึ้นมาก็คือพี่อั้น เห็นแม่งจ้องกูมานานแล้วบวกกับความขุ่นข้องหมองใจที่มีตั้งแต่แรก ส่งผลให้ผมตอกกลับไปแบบไม่ถนอมน้ำใจคนฟังเท่าไหร่ หรือจะเรียกง่ายๆ ว่ากวนตีนนั่นเอง

   “ผมไม่ได้นอกบทนะ ก็เห็นคุ้นๆ ว่ามันมี”

   “คุ้นมาจากไหนไม่ทราบ กูไม่เคยเขียน” ไอ้เติร์ดเถียงกลับปากสั่นคอสั่น เห็นแล้วสงสารมากครับ อยากเดินเข้าไปหาแล้วขยี้ปากอีกรอบให้ระบม เกลียดการเบะปากของแม่งฉิบหาย น่ารักไม่บันยะบันยังสายตากูเลย

   “คุ้นมาจากบทพระเอกที่เคยท่องเมื่อนานมาแล้วไง อะไรว้า พลาดนิดพลาดหน่อยจะซ้ำกันเลยเหรอ” ผมตีหน้าตอแหลใส่ไปทีนึง ทุกคนก็พร้อมให้อภัยและแยกย้ายไปทำหน้าที่ของใครของมัน จะมีก็แต่ไอ้โบนเนี่ยแหละที่ยึดผมเอาไว้พร้อมกับกระซิบประโยคหนึ่งอย่างรู้ทัน

   “ทำดีว่ะ”

   “กูใครครับ กูเพื่อนมึง”

   “แต่ระวังไอ้ทูด้วย แม่งจ้องเหมือนจะแดกหัวมึงได้อยู่ละ” ผมหันขวับไปยังบุคคลที่สาม อูย...แม่งจ้องจะเอากูหนักจริงๆ ไม่รู้เป็นห่าอะไร ช่วงหลังมานี้แม้ไอ้ทูจะบอกว่าอยากช่วยผมจริงๆ แต่ใจมันกลับเป็นปรปักษ์เพราะสุดท้ายมันก็เข้าข้างไอ้เติร์ดมากกว่า   

   “มันไม่อยู่ทีมกูแล้วเหรอวะ”

   “มันก็ช่วยมึงเนี่ยแหละ แต่มึงก็อย่าโง่สิ ไอ้เติร์ดเป็นเพื่อนรักมันนะ” จึ่ก! คำว่าโง่เสียดแทงเข้ามาในหัวใจ เอาจริง ตั้งแต่รู้หัวใจตัวเอง มีใครไม่ด่ากูว่าโง่รัวๆ บ้างวะ

   “แล้วกูไม่ใช่เพื่อนรักเหรอ”

   “คนเหี้ยๆ อย่างมึงยังกล้าเอาตัวเองไปเทียบกับไอ้เติร์ดอีกนะ” จึ่กที่สอง

   “ก็คนมันผิดไปแล้ว กำลังแก้ไขตัวเองอยู่นี่ไง”

   “งั้นรีบเลย แม่งเดินงอนไปโน่นละ” ไอ้โบนตบบ่าให้กำลังใจ ผมเลยรีบก้าวเท้าตามเพื่อนสนิทที่กำลังทำหน้าบูดบึ้งออกจากห้องซ้อมอย่างรีบเร่ง ไอ้เติร์ดหนีมาที่ห้องน้ำ ผมเห็นมันเอาแต่วักน้ำลูบหน้าไปมาหากแต่สายตาที่เงยมองกระจกเต็มไปด้วยความขุ่นข้องหมองใจ

   “ล้างหน้าแรงขนาดนั้นเดี๋ยวผิวก็แดงหมดหรอก” ไม่รู้หรอกว่าระดับความโกรธของไอ้เติร์ดอยู่ในจุดไหน แต่ก็คิดว่าคงมากพอจะต่อยปากผมแรงๆ ได้

   แต่กูไม่กลัวหรอก นอกจากเดินเข้าใกล้กับอีกฝ่ายพร้อมกับกระโดดขึ้นไปนั่งบนเคาน์เตอร์อ่างล้างมือ พลางมองคนที่อยู่ข้างๆ ไม่คลาดสายตา

   ผมชอบมันจริงๆ นะ ชอบจนอดใจไม่ไหว ผู้ชายต่างรู้กันดีว่าเสือหิววัยกลัดมันถ้าไม่ได้ปลดปล่อยอาการมันจะเป็นยังไง และผมก็คือไอ้เสือตัวนั้น

   “โกรธกูเหรอ” ผมพูดเสียงอ้อน ถ้ามีแจกรางวัลให้เด็กสาขาภาพยนตร์ก็ต้องยกให้กูเนี่ยแหละเพราะผมคงคว้ารางวัลตอแหลแห่งปีไปแบบไม่มีเงื่อนไข

   “ไปไกลๆ ตีนไป”

   “โกรธจริงว่ะ ง้อ~” พูดไปก็สะกิดไหล่ไอ้เติร์ดยิกๆ

   “มึงทำเหี้ยอะไรลงไปวะ” อารมณ์มาเต็ม สิ่งที่ทำได้คือการเอาน้ำเย็นเข้าลูบ ดีที่ตัวเองมีทักษะแบบนี้มาตั้งแต่เริ่มเป็นวัยรุ่น ไม่งั้นคงเกี้ยวสาวไม่ได้เป็นกอบเป็นกำเหมือนที่ผ่านมา แต่คราวนี้มันยากกว่าตรงที่คนข้างๆ ไม่ใช่ใครอื่น มันคือเพื่อนสนิทแถมยังรู้สึกจริงจังจนไม่อยากเสียมันไปอีกต่างหาก

   “กูขอโทษที่ทำให้มึงรู้สึกอาย”

   “มันไม่ใช่เรื่องนั้น ไอ้ค่ายกูจะถามย้ำมึงอีกสักครั้ง เราเป็นเพื่อนกันมานานเท่าไหร่แล้ววะ” นัยน์ตานั้นแฝงความจริงจัง ผมเลยไม่กล้าเล่นอีก

   “สองปีกว่า”

   “นั่นดิ กูเป็นเพื่อนมึงมานานขนาดนี้ มึงยังทำร้ายกูไม่พออีกเหรอวะ”

   “เดี๋ยวเติร์ด มึงหมายถึงอะไร”

   “ก็เรื่องเหี้ยๆ ที่มึงทำกับกู เล่นกับความรู้สึกของกูอยู่นี่ไง เพื่ออะไรวะ ต้องการให้กูรู้สึกหวั่นไหว ต้องการปั่นหัวกูเล่นนี่คือสิ่งที่มึงต้องการใช่มั้ย”

   “มันไม่ใช่แบบนั้น” ผมกระโดดลงจากเคาน์เตอร์แล้วหันไปเผชิญหน้ากับไอ้เติร์ดตรงๆ

   “กูรู้แล้วว่ามึงกับแพรวไม่ได้คบกัน มึงตั้งใจจะปั่นหัวกู”

   “กูก็รู้แล้วว่ามึงไม่ได้ชอบกูแค่เพื่อน”

   “…!”

   การโต้เถียงหยุดชะงัก เราต่างเงียบใส่กันแต่ผมก็ยังสังเกตเห็นดวงตาที่ไหวระริกของคนตรงหน้าอยู่ ผมไม่อยากหลอกไอ้เติร์ดอีกแล้วไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น อยากให้มันเชื่อใจ อยากให้มันเป็นคนสำคัญที่สุด

   ผมเอะใจมาพักใหญ่แล้วว่าพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของมันอาจเกิดมาจากความลับเรื่องแพรว ซึ่งแม่งก็เป็นอย่างที่คิดจริงๆ วันนี้เมื่อได้โอกาสก็ไม่อยากยื้อเอาไว้อีก ถึงพูดไป...ต่อให้ไอ้เติร์ดเหมือนเดิมหรือเกลียดผมมากขึ้น มันก็คงถึงจุดที่ควรยอมรับความจริงได้แล้ว

   “ไอ้เติร์ด เราหันหน้ามาคุยกันดีๆ เหอะว่ะ” ดวงตาที่มองกลับมาฉายแววแดงก่ำราวกับจะร้องไห้ ผมสงสารเลยดึงมันมากอดแต่เจ้าตัวก็ผลักอกผมอย่างแรงไม่ให้เข้าใกล้

   ความเป็นเพื่อนของเรามันหมดไปตั้งแต่วันนั้นแล้ว วันที่กูรู้ใจตัวเองว่าไม่ได้รักมึงแค่เพื่อน

   แต่มันก็เป็นเวลาเดียวกับที่ผมได้สูญเสียไอ้เติร์ดไปเพราะความเหี้ยของตัวเอง ผมแค่อยากแก้ไข เพื่อที่สุดท้ายเราจะกลับมารักกันได้

   “กูรู้แล้วว่ามึงชอบกู รู้ตั้งแต่วันที่ได้ดูวิดีโอบอกรักของมึงในยูทูบ รู้ทุกอย่าง...”

   “แล้วมึง...ก็รังเกียจกูใช่มั้ย” ใบหน้ากับรอยยิ้มเย็นของไอ้เติร์ดกำลังบอกกับผมว่ารู้สึกสมเพชตัวเองมากแค่ไหน

   “ใช่”

   “...!”

   “ใช่กูเคยคิดอย่างนั้น กูรู้สึกแย่มากที่มึงคิดกับกูเกินเลย รู้สึกแย่ที่เพื่อนในกลุ่มปกปิดความจริงจนกูเหมือนคนโง่ มึงรู้อะไรมั้ยว่ากูผ่านอะไรมาบ้างในการตัดสินใจทำเรื่องโง่ๆ อยู่คนเดียว กูขอให้แพรวช่วยมาเป็นแฟนปลอมๆ กูแกล้งจูบมึงแล้วเรียกชื่อเขา ทุกอย่างที่ทำไปกูตั้งใจ”

   “เพื่ออะไรวะ” คนฟังถามกลับ ดวงตาที่แดงก่ำในคราแรกมีน้ำตาเอ่อคลออยู่ แต่เจ้าตัวก็พยายามกะพริบตาถี่เพื่อไม่ให้ตัวเองร้องไห้ออกมา

   “เพื่อให้มึงตัดใจไง ทุกอย่างที่ทำไปเพราะความโง่ของกูล้วนๆ แล้วมึงรู้อะไรมั้ย...กูหนีตัวตนของตัวเอง กูพยายามกลับไปทำตัวเหี้ยๆ เหมือนเดิม มั่วผู้หญิงเหมือนเดิมเพื่อปลอบใจตัวเองว่ากูไม่ได้เปลี่ยนไป แต่สุดท้ายกูก็คิดถึงมึง”

   “...”

   “เพราะขาดมึงไม่ได้กูเลยต้องกลับมา เพราะความสัมพันธ์บ้าๆ ของเรามันเปลี่ยนเป็นรักไปแล้วกูถึงกลับมาแก้ตัว มาขอโอกาสจากมึงแม้มันจะสายไปแล้ว”

   “ทั้งที่รู้ว่ากูชอบมึงก็ยังปกปิด มีความสุขใช่มั้ยที่เห็นกูโง่ขนาดนี้”

   “นั่นเพราะกูไม่อยากเสียมึงไปต่างหาก เพราะมึงเปลี่ยนไปกูถึงไม่พูด ไอ้ทูแม่งบอกว่ามึงตัดใจแล้วกูเลยทำอะไรไม่ได้นอกจากทำเรื่องโง่ๆ เหมือนที่เป็นอยู่นี่ไง”

   “ใช่ กูตัดใจจากมึงแล้ว งั้นเลิกทำเรื่องโง่ๆ นี่สักทีเหอะว่ะ” น้ำเสียงขึ้นจมูกตอบกลับมา ผมอยากกอดมันอีกครั้งแต่ก็ไม่กล้า ได้แต่ฟังความคิดเห็นของคนตรงหน้าต่อไป “ไอ้ค่ายกูรู้จักมึงดี ความจริงแล้วมึงไม่ได้ชอบกูหรอก”

   “รู้จักกูดีแค่ไหนถึงพูดแบบนี้ออกมาวะ” บางทีผมก็อยากจับไอ้เติร์ดมาตีก้นแรงๆ ขนาดกูกว่าจะรู้ใจตัวเองยังแทบตายเลย แต่ไอ้บ้านี่เสือกบอกว่ารู้ดีไปกว่ากูอีก

   “มึงมันพวกโลเลเปลี่ยนใจไปตามสถานการณ์ ถ้าไม่บังเอิญรู้ว่ากูแอบชอบ มึงไม่มีทางชอบกูกลับหรอก”

   “อาจเป็นอย่างนั้น แต่สักวันกูก็คงรู้ด้วยตัวเองอยู่ดี ความสัมพันธ์เราเป็นแบบไหนวะ ผูกพันแบบเพื่อนสนิทในกลุ่มแค่นั้นเหรอ มึงพิเศษกว่านั้นแต่เมื่อก่อนกูแค่ไม่รู้ว่ามันพิเศษยังไง”

   “...”

   “กูไม่เคยคิดถึงอนาคตที่ไม่มีมึง เรียนจบไปแล้วก็คิดว่าต้องทำงานกับมึง เจอกันทุกวัน ในหัวกูคิดแบบนั้นและก็ได้แต่ถามว่าถ้าไม่มีมึงกูจะอยู่ได้มั้ย คำตอบที่ได้คือช่วงเวลาหลายวันที่กูหายไป...กูอยู่ไม่ได้หรอก” ผมพูดประโยคยืดยาวเท่าที่สมองไร้รอยหยักนี้จะกลั่นออกมาได้ อย่างน้อยก็เพื่อยื้อให้ไอ้เติร์ดทนฟังประโยคบ้าบอของผมต่ออีกสักหน่อย

   “ตั้งแต่เรารู้จักกันมาไม่มีวันไหนที่มึงบอกชอบหรือตัดสินใจคบกับใคร รู้มั้ยว่ากูรู้สึกสบายใจทุกครั้งที่มึงยังอยู่ข้างๆ กูคิดว่ายังไงก็ไม่มีทางเสียมึงไป แต่พอวันหนึ่งที่มึงตัดสินใจจะออกจากชีวิตของกูแล้วมีใครคนหนึ่งเข้ามาแทนที่ กูแม่งก็ทนไม่ได้และเอาแต่ดิ้นพล่านอย่างที่เห็น เติร์ด...”

   ผมอยากขอโอกาส แม้ความหวังแทบไม่เหลือแล้วก็ตาม...

   อย่างน้อยก็ขอให้คนที่เหี้ยมาตลอดชีวิตอย่างผมได้พยายามทำอะไรดีๆ อย่างที่ควรจะทำบ้าง

   “เรามาเริ่มกันใหม่ได้มั้ยวะ”

   “แต่กูไม่อยากเจ็บอีกแล้วว่ะ” คำตอบนั้นไม่ได้แย่เท่าไหร่ถ้าเทียบกับสิ่งที่ผมทำกับมัน ซึ่งคนหน้าด้านอย่างผมคงไม่ยอมแพ้กับคำตอบแค่นี้แน่

   “งั้นไม่เป็นไร แต่กูก็อยากปรับปรุงตัว”

   “...”

   “มึงว่าถ้ากูเลิกเจ้าชู้ เลิกหม้อไปทั่ว เลิกคบซ้อนแล้วเปลี่ยนตัวเองให้เป็นคนที่ดีขึ้นมันจะโอเคมั้ยวะ”

   “อืม” คนตรงหน้าตอบสั้นๆ

   “ถ้ากูทำขนาดนี้มึงว่าใครสักคนจะชอบกูป่ะ”

   “ชอบดิ”

   “งั้นมึงก็ชอบกูเหรอ”

   “...”

   “กูจะรอนะ วันที่มึงกลับมาชอบกูอีกครั้ง”

   วันที่กูเป็นคนที่ดีพอสำหรับมึง...

   ไอ้เติร์ดไม่ได้ตอบตรงๆ นอกจากกะพริบตาช้าๆ เป็นเชิงตอบรับ แค่นั้นแม่งก็ทำให้ผมยิ้มออกมาได้แล้ว บรรยากาศในห้องน้ำมันอาจไม่โรแมนติกเท่าไหร่

   แต่ผมกลับค้นพบว่า ที่ไหนมีไอ้เติร์ด ที่นั่นมักเรียกว่าความสุขเสมอ...
   








   ปฏิบัติการจีบเพื่อนสนิทยังคงเป็นไปเรื่อยๆ แม้ไม่มีความคืบหน้ามากนักแต่อีกฝ่ายก็ไม่ได้ปิดกั้นตัวเองขนาดหมดหนทาง โชคดีที่มีไอ้ทูกับไอ้โบนคอยช่วยผมเลยพอทำคะแนนได้บ้างเมื่อเทียบกับพี่อั้นที่มีพี่เชนทร์เป็นพ่อสื่อ

   ตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ความเป็นเพื่อนระหว่างผมกับสมาชิกโหดสองคนแน่นแฟ้นขึ้นเพราะเราผนึกกำลังทำภารกิจเดียวกันอยู่ ส่วนอีกหนึ่งโหดที่โคตรใจแข็งก็ทำเอาผมเลือดตาแทบกระเด็น สถานะของเรายังคงเป็นเพื่อนเพื่อนสนิท แต่มันก็แค่ชื่อเท่านั้นแหละ ส่วนความสัมพันธ์แท้จริงแล้วมีเส้นบางๆ กั้นอยู่ระหว่างความไว้วางใจกับความกลัว

   ช่วงนี้งานละครเวทีต้องหยุดชะงัก เพราะเป็นเวลาที่เราต้องอ่านหนังสือสอบมิดเทอมจนหัวยุ่ง ประธานเมเจอร์ฟิล์มเลยนัดรวมกลุ่มติวสำหรับคนโง่ๆ ซึ่งแน่นอนมีกูอยู่ในนั้น...

   เกลียดความโง่ที่ทำให้เราต้องเสียใจ ร้องเพลงต่อไปเผื่อสักวันจะฉลาดขึ้น

   เราใช้ห้องไพรเวทในหอสมุดเป็นสถานที่ติว หลังจากอาบน้ำกินข้าวเสร็จสรรพ สองทุ่มเป๊ะๆ ทุกคนต้องมาเจอกันหน้าห้อง รวมแล้วก็สิบสองชีวิต ซึ่งหนึ่งในนั้นมีไอ้โหดที่ผมตามจีบมาเป็นคนติวให้ด้วย

   ไอ้เติร์ดใส่เสื้อยืดสีขาวกับกางเกงขาสั้นเสมอเข่า สวมรองเท้าแตะสบายๆ ให้ความรู้สึกเป็นเมียที่ทำงานบ้านรอผัวอย่างกูสุดๆ และสิ่งแรกที่คนหน้าด้านอย่างผมจะทำคือเดินเข้าไปนั่งแทรกกลางเพื่อนในกลุ่มเพื่อให้ได้นั่งติดกับไอ้เติร์ดอย่างเนียนๆ

   “แหมมมมม ที่นั่งก็มีเป็นสิบนะ ยังจะมานั่งตรงนี้อีก” ประธานเอกพูดเสียงดัง ผมเลยหันไปถลึงตาใส่ให้

   “กูคาดว่าเบาะมันน่าจะนุ่ม ทำไม นั่งไม่ได้เหรอ”

   “ตามสบายมึงเลยครับไอ้ค่าย กูไม่อยากยุ่งอะไรกับคนขาหัก”

   “รอกูถอดเฝือกก่อนแม่งจะเอามาแกว่งตบปากมึงเล่น”

   “กลัวจังเลยครับขุนพล ลำพังจะพาตัวเองวิ่งยังทำไม่ได้เลย”

   “ไอ้สัด!” ตัวเอ้ของเอกฟิล์มก็รวมผีทั้งนั้นแหละครับ อย่าคิดว่าฟิล์มจะมีแต่แก๊งโหด ไอ้พี่เชนทร์ หรือเชี่ยอั้น มนุษย์ผู้ชายคนอื่นก็บ้าบอสติไม่ปกติเหมือนกัน เรียกได้ว่ารวมติสต์ที่ทุกคนไม่อยากยุ่งเลยก็ว่าได้

   “พอๆ ติวกันเถอะ” เสียงเมียในอนาคตเบรกเราได้ชะงัก ก่อนผมจะเห็นร่างขาวโปร่งลุกจากเก้าอี้ แล้วหยิบปากกาไวท์บอร์ดเดินไปที่กระดานด้วยสายตามุ่งมั่น

   แม่งเก่งที่สุดในเอกแล้วครับ ใครหน้าไหนก็เอามันไม่อยู่

   “วันนี้กูติวภาษาอังกฤษบวกเก็งข้อสอบ essay สั้นๆ วิชาที่เหลือไอ้โมจะเป็นคนติวให้นะ” ทุกคนพยักหน้าพลางหยิบสมุดกับปากกาขึ้นมาจดอย่างตั้งใจ

   มีสลับถามตอบกันไปมาเรื่อยๆ ก็ผลัดกันตอบถูกบ้างผิดบ้างตามความรู้ที่หลงเหลืออยู่ในหัว แต่กูนี่ดิ...

   “ค่าย ข้อนี้ตอบไร” ไอ้เติร์ดถามผม ขณะติวกันไปได้เกือบครึ่งทาง

   “ดีด็อกมั้ย”

   “ผิด กูถามทีไรมึงก็ผิดทุกรอบเลย ตั้งใจหน่อยดิ” กูโง่ไม่พอยังเสือกไม่มีสมาธิด้วยไงเพราะมองแต่หน้ามึง น่ารักขนาดนี้ใจพี่เริ่มสั่นไหว

   “ก็ตั้งใจไง”

   “กูสอนไม่รู้เรื่องเหรอ”

   “เปล่า มึงสอนโคตรดีแต่กูโง่เอง”

   “กาก”

   “แต่ถึงแม้กูจะทำข้อสอบไม่ได้ อย่างน้อยก็ยังมีเรื่องดีอยู่นะ”

   “มึงค้นพบไสยศาสตร์ของการมั่วหรือไง”

   “ใช่ที่ไหน วันนี้กูได้มองหน้ามึงนานๆ ต่างหาก”

   “ฮิ่ววววววววววว อะไรยังไง” เสียงที่แทรกเข้ามาทำให้ห้องที่เคยเงียบสงบเต็มไปด้วยความครึกครื้น คนในเอกมันก็พอระแคะระคายอยู่บ้างเพราะช่วงหลังมานี้ผมตามหยอดไอ้เติร์ดไม่เว้นวัน หลายคนรู้ หลายคนพอเดาออก แต่ก็ไม่เคยบอกกับใครว่ากูจะจีบนะ เดี๋ยวไอ้เติร์ดแม่งโมโหใส่อีก

   “เอาเวลาที่พูดไร้สาระของมึงมาทำข้อสอบให้ถูกก่อนมั้ย” สุดท้ายคนที่ทำลายความฝันของผมก็คือเพื่อนสนิทคนนี้อีกตามเคย

   “ถ้ากูตอบถูกจะได้อะไร” ผมเริ่มต่อรอง

   “ก็ได้คะแนนเก็บไง”

   “ไม่อยากได้คะแนนเก็บ แต่อยากได้ใจใครบางคนนี่มีโอกาสป่ะ”

   “หนึ่งดอก!” ไอ้โบนคอยพากย์เสียงอยู่ใกล้ๆ

   “ใจคงให้ยาก แต่ตีนนี่ได้เร็วเลยจะเอามั้ย” เงียบกริบไปถึงสรวงสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ต่างคนต่างรูดซิบจากอย่างรวดเร็วแล้วตั้งหน้าตั้งตาติวแบบลืมตาย

   ในเอกไม่มีใครกล้าหือกลับมัน เวลาฮาไอ้เติร์ดฮาสุด เวลาตั้งใจหรืออยู่ในอารมณ์เคร่งเครียดบอกเลยมันมาเต็มเหมือนกัน ดังนั้นแม้แต่ประธานเอกผู้เก่งกาจอย่างไอ้โมยังไม่กล้าไฝว้

   เราใช้เวลาไปเกือบชั่วโมงครึ่งในการจดๆ เขียนๆ ก่อนจะได้เวลาอิสระยี่สิบนาทีในการพักเบรก เพื่อนในห้องเลยแยกตัวออกไปหาน้ำและของกินด้านล่างประทังชีวิต ส่วนผมที่กำลังลุกออกจากโต๊ะน่ะเหรอ...

   “จะไปไหน” นั่นไง ความรักเรียกหา

   “ลงไปหาอะไรกิน จะแอบซื้อกลับมาให้มึงด้วย”

   “นั่งลง เดี๋ยวกูติวให้ มึงสองคนจะลงไปหรือจะอยู่ด้วยกันที่นี่” เจ้าของเสียงหันไปหาสองสมาชิกของแก๊งโหด แต่ดูจากสีหน้าเหมือนมันไม่ได้ถามครับ แม่งกำลังบังคับพวกกูมากกว่า

   “ทำหน้าแบบนี้กูก็ต้องอยู่มั้ย” ไอ้ทูนั่งลงกับที่ ตามด้วยไอ้โบนที่ตอนแรกเหมือนจะหนีออกไปแชตกับสาว

   “งั้นดูชีทนี้ใหม่ โดยเฉพาะมึงไอ้ค่าย ตอบเหี้ยไรไม่ได้เลย” ผมยอมทำตามคำสั่งอย่างว่าง่าย ไอ้เติร์ดกลับมานั่งข้างผม อธิบายแต่ละเรื่องใหม่ซ้ำไปซ้ำมาอยู่อย่างนั้น สมองของผมเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง ส่วนใหญ่ก็เสียเวลาไปกับมองเสี้ยวหน้าตั้งอกตั้งใจของมันซะมากกว่า

   “น่ารักว่ะ” สัด! ปากพาซวย

   “มึงว่าอะไรนะ” เจ้าตัวส่งตาขวางมาให้ ผมจึงรีบบ่ายเบี่ยงไปเรื่อย

   “เปล่า กูพูดถึงเรื่องหนัง”

   “ตั้งใจฟัง ถ้าสอบตกขึ้นมากูจะตบกะโหลกพวกมึงสามตัวให้สลบเลย” กลัวตายแหละ แต่ที่ไม่ปริปากพูดแค่ไม่อยากเถียงเท่านั้น โด่...

   ไอ้เติร์ดเป็นสมาชิกแก๊งโหดมาสองปีกว่า คอยช่วยเหลือทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนตอนสังสรรค์ เป็นครูตอนใกล้สอบ เป็นเจ้ามือในวันเกิด เป็นขี้ข้าในงานกิจกรรม เป็นคนคอยรับฟังความทุกข์ของเพื่อนทุกคน แต่มันไม่เคย...เล่าเรื่องทุกข์ใจให้ใครฟังเลย

   ผมไม่รู้ว่าที่ผ่านมาเป็นเพื่อนเหี้ยๆ สำหรับมันแค่ไหน ผู้หญิงของผมวุ่นวายกับมัน ตอนลำบากเราช่วยเหลือกันก็จริง แต่ถ้ามันไม่บอกเราก็ทำเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ไม่ได้สนใจมันมากนัก ผมเลยรู้สึกแย่ทุกครั้งเวลาคิดถึงอดีตที่ผ่านมา และอยากสร้างความทรงจำที่ดีในวันนี้แทน

   “อันนี้ทำไมถึงตอบเอวะ ชอยส์บีก็เหมือนจะถูกไม่ใช่เหรอ”

   “ไม่ถูก ประโยคนี้เป็นอดีตใช้คำนี้ไม่ได้ เดี๋ยวจะอธิบายให้ฟัง...” แล้วไอ้เติร์ดก็ร่ายยาวเป็นมหากาพย์ กว่าจะจบไอ้โบนก็แทบเลื้อยตัวไปบนเก้าอี้ แล้วยกตีนขึ้นมาก่ายหน้าผาก

   “อ่านหนังสือมันเครียดว่ะ คืนนี้พากูไปอ่างหน่อยซิ”

   “ไปด้วย เสี้ยนอยู่พอดี”

   “อ่างคืออะไร ใช่ร้านนมหรือเปล่า” กูตอแหลถามไปงั้น ทันทีที่ไอ้ทูกับเชี่ยโบนจุดประเด็น ไอ้เติร์ดก็หันขวับมามองเราสามคนด้วยสายตาอ่านไม่ออกทันที ซึ่งคิดว่าสายตานี้ไม่ได้น่ายินดีเท่าที่ควร

   “ใช่ นมเต็มไปหมดเลย สนใจมั้ยไอ้ค่าย”

   “ให้กูไปมั้ย” ผมหันไปถามติวเตอร์เฉพาะกิจ

   “เรื่องของมึงสิ”

   “ทำหน้าเหมือนไม่พอใจ มึงสองคนไปกันเถอะ เติร์ดไม่ให้ไป”

   “กูยังไม่ได้พูดแบบนั้นเลย”

   “ปากไม่ได้พูดแต่สายตามึงฟ้อง เอาเถอะ กูเลิกทำตัวเหี้ยๆ แบบนี้ละ” พูดไปก็กะพาดพิงถึงเพื่อนอีกสองคนด้วย แต่เหมือนไอ้โบนกับไอ้ทูจะไม่สะเทือนจิตใจเท่าไหร่ แถมตั้งท่าโดดติวพาร์ทหลังไปเที่ยวอ่างอีกต่างหาก

   “ถึงมึงจะพูดแบบนั้นกูก็ไม่แคร์หรอก เบื่อติวฉิบหาย เจอกันพรุ่งนี้”

   “แล้วเจอกันเพื่อนยาก”

   ไอ้เติร์ดทำท่าจะทักท้วงแต่ก็ไม่ทันความเร็วของมันสองตัวอยู่ดี

   “เพราะมึงเลย”

   “เกี่ยวอะไรกับกูเนี่ย มันเที่ยวก็ปล่อยมันไปดิ อีกอย่างกูรู้หรอกว่าแม่งฉลาดพอจะเอาตัวรอด เห็นสอบทีไรมันก็ผ่านตลอด” ไม่งั้นคงโดนไอ้เติร์ดกักตัวไว้เหมือนกับผมแหง

   “ใช่! มีแต่มึงเนี่ยที่เอาตัวไม่รอด ได้ข่าวไอ้โบนบอกมึงเคยเป็นสังคังด้วยหนิ”

   “โหยนานแล้วมั้ย สมัยกูยังไม่หย่านมแม่”

   “กูเป็นเพื่อนก็ได้แค่เตือน”

   “ต่อไปด่าเลยเถอะ ไม่ได้อยากเป็นเพื่อน มึงรู้ดีว่ากูหมายถึงอะไร”

   “...”

   “อยากได้เป็นเมียจัง”

   “ไปตายป่ะ”

   “งงจุงเบย”

   “ไอ้กวนตีน”

   “ชอบๆ คนรักกันเวลาด่าแปลว่ารัก”

   “ที่กูให้โอกาสมึงไม่ได้หมายความว่ากูจะเปิดใจคบกับมึงนะ” น้ำเสียงนั้นดูไม่จริงจังเท่าไหร่ ออกจะติดรำคาญหน่อยๆ ซึ่งก็เป็นนิสัยของไอ้เติร์ดอยู่แล้ว ผมเลยไม่กลัวหยอกต่ออย่างมีความสุข

   “โอเคมึงยังไม่ต้องใจอ่อนก็ได้ ไม่เป็นไรเนาะๆ” ปากว่าหากตัวกลับโน้มลงไปเรื่อยๆ สุดท้ายเลยถือโอกาสนอนตักแม่งเลย ไอ้เติร์ดทั้งบิดหูทั้งตบหน้า บางทีก็จิกผมแรงๆ ให้ลุกขึ้นนั่ง แต่กูก็ยังคงสตรองกอดเอวนั้นไว้แล้วลุยต่อหน้าตาเฉย

   เสียงประตูถูกเปิดออกพร้อมกับฝีเท้าของใครหลายๆ คนที่เดินเข้ามา และเสียงที่ผมได้ยินชัดเจนที่สุดคงเป็นไอ้โมประธานเอก

   “ไอ้ค่ายหลับเหรอ เมื่อกี้เห็นไอ้ทูกับไอ้โบนข้างล่าง หนีเที่ยวอ่างซะละ”

   “ความเหี้ยของพวกมันอ่ะดิ”

   “ว่าแต่ไอ้ค่ายเถอะ เก้าอี้เหลือตั้งเยอะตั้งแยะทำไมไปซุกนอนตักมึงได้วะ”

   “สำออยไง”

   “เห็นมันวอแวกับมึงก็ตลกดี นี่ถ้าเป็นแฟนกันจริงกูเชื่อเลยนะเนี่ย”

   “มึงอย่าพูดมั่ว!” เสียงของไอ้เติร์ดดังแทรกเข้ามาในหู ผมเลยกอดกระชับเอวบางเข้ามามากขึ้น

   “กูพูดตามที่เห็นไง”

   “ไม่มีอะไรทั้งนั้น”

   “เออ”

   “ไอ้ค่ายเป็นแค่เพื่อน นี่มันนอนเฉยๆ กูเลยไม่ว่าอะไร”

   “อ่า”

   “แต่ตอนที่มาช่วยติวเสริมเพราะเห็นมันโง่แค่นั้น”

   “เข้าใจ”

   “เชื่อกูดิไม่มีอะไร มันยังทำข้อสอบข้อง่ายๆ ผิดอยู่เลย กูถึงมาช่วยติว”

   “...”

   “อย่างข้อนี้ควรตอบเอมันก็ตอบซี กูเลยงงว่าทำไมมันถึงคิดแบบนั้น มึงรู้ใช่มั้ย”

   “ไอ้เติร์ด...กูรู้แล้ว มึงจะร้อนตัวทำไมเนี่ย เอ้ออออ”

   เท่านั้นแหละครับ มือขาวที่เคยจิกหัวเล่นในคราแรกก็หันมาลงแรงกับใบหูของผมย่างเกรี้ยวกราด จนกูต้องกัดฟันร้องโอดโอยอยู่ในใจ ไอ้เหี้ย! ร้อนตัวเองแล้วผิดอะไรที่กูวะเนี่ย โอ๊ยยยยยยย

   บ้าจริง

   พรหมลิขิตบันดาลให้เรามาเจอกัน หลังจากนั้นเวรกรรมกูล้วนๆ เลย แม่มเอ๊ย!


อ่านต่อด้านล่างค่ะ

ออฟไลน์ Jittirain12

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 353
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1238/-18
Khunpol Krichpirom
มาละครับวิชาแรก ผจญภัยใต้มีน

Manut Molitkul ชีวิตมึงเคยมีขึ้นบ้างมั้ยไอ้ค่าย สงสารอาจารย์
Bone Chone สงสารไอ้เติร์ดที่สอนมึงดีกว่า
Khunpol Krichpirom จะร้องไห้มั้ยน้า จะโกรธมั้ยน้า ง้อ - Third Thachapol



“ปากดีจริงมึงเนี่ย” เจ้าของชื่อที่ถูกแท็กล่าสุดลดมือถือลงจนเห็นใบหน้าถมึงทึง คะแนนวิชาแรกออกแล้วหลังจากมิดเทอมผ่านพ้นไปแค่หนึ่งสัปดาห์ แถมคะแนนที่ออกมาก็เหี้ยสลดอีกต่างหาก

   “โกรธเหรอ”

   “กูจะโกรธทำไม คะแนนของมึง อนาคตก็ของมึงอีกนั่นแหละ”

   “แต่กูผ่านครึ่งนะ แค่ต่ำกว่ามีนเอง ดีกว่าปกติเย้ออออ”

   “เรื่องของมึง”

   “สนุกหน่อยดิ นี่มาปาร์ตี้นะเว้ย”

   ตู้ม!!

   เสียงกระโดดน้ำดังแว่วจากสระที่อยู่ด้านหน้าของเรา แน่นอนว่าทุกคนนัดรวมตัวกันอีกครั้งตามธรรมเนียมของเด็กฟิล์ม หลังสอบเสร็จเรามักมีงานเลี้ยงเพื่อผ่อนคลายความเครียด เพื่อที่ทุกคนจะได้มีแรงและคิดไอเดียดีๆ ไปลุยโปรเจ็กต์กันต่อ

   ปาร์ตี้พูลถูกจัดขึ้นเป็นการส่วนตัว แต่ก็รวมเอานิสิตตั้งแต่ปีหนึ่งถึงปีสี่ของเอกฟิล์มมาพบปะสังสรรค์เพื่อกระชับความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นด้วย

   ผมนอนเปื่อยๆ อยู่ตรงเบาะเพราะยังไม่ได้ถอดเผือกเลยหนีไปแหวกว่ายกับสาวๆ ที่ใส่บิกินี่ในสระไม่ได้ แม่งน่าเสียดายฉิบหายที่บรรยากาศซึ่งเต็มไปด้วยแอลกอฮอล์เคล้าเสียงเพลงขนาดนี้ แต่กลับพาตัวเองออกไปกระโดดโลดเต้นไม่ได้อย่างใจคิด ถ้าเทียบกับไอ้ทูและไอ้โบนแล้ว กูนี่อยากจะร้องไห้ขึ้นมาทันที

   แหม...ดำผุดดำว่ายเกี้ยวสาวในสระอย่างดี๊ด๊าเชียวนะ

   ตัดภาพกลับมาที่ขุนพลครับ กางเกงขาสั้นตัวเดียว เสื้อไม่ใส่ ขาข้างซ้ายใส่เฝือกพาดอยู่บนเบาะผ้าใบ ขณะที่ข้างตัว ไม่ได้มีแค่ไอ้เติร์ด แต่ยังมีพี่เชนทร์กับเหี้ยอั้นนั่งคุมความประพฤติกูอยู่ด้วย รำคาญ

   “ไอ้ค่ายเหล้าหน่อยมั้ย” เหมือนพี่มันจะรู้ตัวว่าผมกำลังนินทาในใจอยู่ มนุษย์หมีเลยถามขึ้น

   “ก็ดีพี่”

   “แชมเปญหรือว้อดก้า”

   “ว้อดก้า” เครื่องดื่มถูกรินใส่แก้วขนาดพอดีมือก่อนส่งมาให้ผมแบบไม่ปรุงแต่งอะไรเลย แม้แต่น้ำแข็งก็ไม่ใส่ให้กู

   “เพียวเลย”

   “เออ” ผมกระดกแอลกอฮอล์ลงคอจนหมดแก้ว ความร้อนผ่าวแทรกเข้ามาในท้อง ความขมแล่นพล่านไปทั่วก้านสมองจนต้องเบ้หน้าด้วยความสะใจ นานแค่ไหนแล้ววะที่ไม่ได้กินเหล้า พอได้แตะทีเลือดในร่างกายก็พลุ่งพล่านเต็มกำลัง

   ไอ้เติร์ดไม่ได้ห้ามผม เพราะในมือของมันก็ถือแก้วเครื่องดื่มเอาไว้เหมือนกัน เรานั่งดื่มกันเงียบๆ คลอกับเสียงเพลงและเสียงหัวเราะมีความสุขของคนในสระ ไม่นานเพื่อนสองคนในแก๊งโหดที่ตัวเปื่อยกับการว่ายน้ำแต๊ะอั๋งสาวจนพอใจก็เดินขึ้นมาร่วมวงกัน

   แน่นอนยิ่งดึกยิ่งคึก ยิ่งดื่มก็ยิ่งบ้า ผู้ชายวัยกลัดมันที่เรียกว่าพวกพ้องเลยมารวมตัวเป็นกลุ่มใหญ่เพื่อพูดคุยอย่างออกรสออกชาติ ในปาร์ตี้มีหลายกลุ่มหลายวง พวกปีหนึ่งกับปีสองก็จะสนิทกัน ปีสามก็จะสนิทกับปีสี่อย่างที่กำลังเป็นอยู่ตอนนี้

   “ว้อดก้าอีกมั้ย”

   “จัดมา!” ผมเป็นพวกคอทองแดง ถ้าไม่กินปนกับเบียร์หรือพวกบักเก็ตที่สาวๆ ถือแดกไปทั่วสระ ต่อให้ยกซดทั้งคืนก็ยังไหว

   “นี่ครับเพื่อนโหด” เพื่อนในวงเหล้ายื่นแก้วคืนมาให้

   “เดี๋ยวนี้กูไม่โหดแล้ว รักเดียวใจเดียว”

   “โว้ววววว จะเปลี่ยนชื่อกลุ่มว่างั้น”

   “ไม่เปลี่ยน แค่ไม่โหด”

   “เปลี่ยนเถอะ เป็นคำว่ากากมั้ยเพื่อน”

   “อย่าเสือก เดี๋ยวเหงือกสั่น”

   “ปากดีฉิบหาย”

   “ก็ดีแค่กับบางคน” ไม่พูดเปล่าผมหันไปมองคนข้างๆ ที่นั่งดื่มด้วย เดิมไอ้เติร์ดมันเป็นคนตลกครับแต่พออยู่กับผมไม่รู้ทำไมต้องคีปเคร่งขรึมตลอดเวลาด้วย เซ็ง

   “กากก็ยอมรับว่ากาก ไม่เห็นต้องอายเลย”

   “เออกูยอมรับว่ากูแม่งเหี้ย กาก สำส่อน โง่ ไม่เอาไหน แต่หน้าตาดี”

   “จนได้อ่ะมึง ไอ้ควาย”

   “โธ่...ปรีชา”

   “ไอ้สัดนั่นพ่อกู” แม่งเล่นจนพ่อนอนจามอยู่บ้านแล้วมั้ง เกลียดฉิบหายนิสัยล้อชื่อพ่อแม่เนี่ย แถมพวกมันยังสนุกหัวเราะกันอย่างมีความสุขอีก

   เราดื่มกันไปเรื่อยๆ ร้องเพลง ดีดกีตาร์ด้วยความเมา นานทีก็สลับผลัดเปลี่ยนกันไปโดดน้ำแก้ร้อน พอกลับมาก็รินเหล้าแดกกันใหญ่ ดีที่พรุ่งนี้เป็นวันเสาร์ ต่อให้แฮงก์จนตายยังไงก็ไม่มีใครด่า กระทั่งเวลาย่างเข้าสี่ทุ่มปาร์ตี้ก็ยิ่งสนุก สาวๆ วิ่งมาชักชวนเราไปแดนซ์บ้าง เสิร์ฟเครื่องดื่มให้บ้าง และคราวนี้...

   “หูยยยยย มีอะไรเหรอครับหนูนา” บิกินี่สีชมพูแสบตาพี่มว้าก

   รุ่นน้องปีสองมาพร้อมกับกระดานในมือ ส่วนข้างๆ ก็มีอีกกระดานหนึ่งพร้อมด้วยสาวนมโตแน่นม่านสายตาอีกหลายคน ถ้าเป็นเมื่อก่อนแข็งแล้วครับ รีบถลาเข้าไปคว้าให้หายอยาก แต่ตอนนี้แม้แต่แข็งยังไม่กล้าเพราะว่าข้างกายมียักษ์หนึ่งตัวคอยเฝ้าอยู่ ไอ้เติร์ด...

   ถึงกูจะเหี้ยแต่ว่าที่เมียกูน่ารักนะ

   ลองถ้าได้คบกับไอ้เติร์ดผมแม่งจะโพสต์ Happy anniversary ทุกสองนาทีเลยคอยดู เอาให้ใครบางคนแถวนี้กระอักเลือดตาย

   “คืนนี้มีโหวตหนุ่มฮอตและสาวฮอตของฟิล์มปาร์ตี้พูลด้วย แบ่งเป็นฝ่ายชายกับฝ่ายหญิง พี่ๆ ถูกใจคนไหนแปะสติ๊กเกอร์ไว้ที่ชื่อได้เลย”

   “เหย้ดดดดด แปะบนตัวน้องได้ป่ะครับ”

   “ไม่ได้ค่ะ แปะบนกระดานพอ” หน้าหม้อกันฉิบหาย

   แต่ละกระดานจะมีรายชื่อที่ถูกคัดเลือกมาก่อนหน้านั้นประมาณสิบชื่อ ฝ่ายหญิงผมรู้จักทุกคน สวยๆ เซ็กซี่ทั้งนั้น ส่วนฝั่งชายแก๊งโหดเข้ารอบทุกคน ที่เหลือก็ประปรายเป็นปีอื่นบ้าง แต่คู่แข่งสำคัญอย่างไอ้พี่อั้นนี่ดิที่ติดโผมาด้วย

   งานหนักไม่ได้อยู่ที่ใครครับ อยู่ที่ไอ้เติร์ดเนี่ยว่าจะโหวตใครกันแน่

   เราได้สติ๊กเกอร์คนละสามดวง แปะให้ใครก็ได้ที่ชอบ ฝั่งสาวๆ ผมไม่เครียดใครนมใหญ่สุดก็ได้ไป พอหันมาฝั่งผู้ชายแน่นอนว่าต้องเป็นไอ้เติร์ด ผมเลยขอสติ๊กเกอร์จากไอ้โบนกับไอ้ทูมาเพิ่มคะแนนความพิศวาสให้ด้วย

   เติร์ด : ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥

   แปะหัวใจให้เยอะๆ เลย

   แค่กูก็เก้าดวงแล้วอ่ะ แต่ที่ลุ้นกว่าคือผมกำลังรอดูว่าคนตัวขาวข้างๆ จะแปะสติ๊กเกอร์ให้ใครกันแน่ เอาให้สมกับหัวใจที่กูให้ไปนะครับมึง

   “ไอ้เติร์ดจัดไปครับเพื่อน โหวตใคร”

   มือขาวเอื้อมไปที่กระดานรายชื่อตรงหน้า ก่อนจะแปะสติ๊กเกอร์สีแดงเล็กๆ ไว้บนชื่อของใครคนหนึ่ง

   “ไอ้ทูหนึ่งดวง!” คนที่อยู่รายรอบคอยอัพเดตสถานการณ์

   ดวงที่สองเป็นของไอ้โบน ส่วนอันที่สามนั้น...

   “อะแฮ่ม” ผมกระแอมไอเล็กน้อยเป็นการเรียกร้องความสนใจ ไอ้เติร์ดเลยหันมามองด้วยสายตาน่ารักน่าชังของมันก่อนจะแปะสติ๊กเกอร์ลงบนกระดานอย่างจำยอม

   ค่าย : ♥

   “แค่อันเดียวอ่ะ” ผมพูดเป็นทีเล่นทีจริง

   “อันเดียวก็บุญละ ดีกว่าไม่ได้อะไรเลย” นี่คือคำตอบที่หักหาญน้ำใจเป็นที่สุด เพื่อนที่นั่งลุ้นกันมันส์หยดเลยพากันสมน้ำหน้ากูยกใหญ่

   “จะบอกว่ารักเดียวใจเดียวก็พูด”

   “ดีกว่ามึง ให้มาเยอะแบบนี้เรียกหลายใจ”

   “ก็หลายใจนะ แต่ก็ให้มึงคนเดียวเห็นป่ะ”

   หนึ่งดอก!

   “ฮิ่วววววววววว อะไรยังไงครับมึงสองตัว”

   “ไม่ต้องอาย คนเยอะแยะ” เท่านั้นแหละครับคนถูกพาดพิงเลยไม่รู้จะเอาหน้าไปมุดไว้ที่ไหน ผมจึงต้องแก้ต่างให้มันอยู่นานกว่าจะกลับมานั่งแดกเหล้าเหมือนเดิมโดยไม่โดนด่าเช็ด เหนื่อยนะ แต่ถ้ามันแลกกับการทำให้พี่เชนทร์กับพี่อั้นเจ็บยอกในใจได้ผมว่ามันก็คุ้มค่าอยู่ดี

   ไม่รู้หรอกว่าสุดท้ายแล้วใครคือหนุ่มฮอตในคืนนี้ สำหรับผม...ไอ้เติร์ดเป็นคนนั้น

   ดึกแล้ว แอลกอฮอล์ยิ่งไหลเวียนในกระแสเลือดมาขึ้น เราทั้งร้องและเต้นตามประสาผู้ชายห่ามๆ ก่อนจะโดนดึงตัวมาเล่นเกมวงเหล้าพิสดารมากมาย เรียกว่าจัดมาตั้งแต่ไพ่ยันล้วงความลับ นี่ก็เกมที่สามแล้ว ใครแพ้หมดแก้ว เดาว่ากูคงไม่รอดเหมือนกัน เพราะโลกเริ่มโคลงไปมาหลายทีจนจะอ้วก

   Never have I Ever

   “กูไม่เคยสวิงกิ้ง”

   “กูเคย!”

   “ไอ้เหี้ยยยยยย” เสียงกระดกเครื่องดื่มดังขึ้นมาหลายครั้งหลายครา เราหมุนวนผู้เล่นตามเข็มนาฬิกา โดยคนพูดเริ่มต้นว่า ‘ไม่เคย’ ในสิ่งที่ตัวเองไม่เคยทำ แต่ถ้าคนไหนเคยก็ให้ยกเหล้าขึ้นมาดื่ม เกมนี้จับไต๋ความเหี้ยได้ทุกงาน ตอนเมาแม่งมักตอบความจริงเสมอมันเลยสนุก

   “กูไม่เคยเยี่ยวใส่ที่นอน”

   “กูเคย!” แสรดดดดด ยกแดกทั้งกลุ่ม คือมึงเกิดมาในโลกนี้ได้ยังไงวะโดยไม่เยี่ยวรดที่นอน

   “กูไม่เคย...มีแฟนน้อยกว่าสิบคน”

   “แต่กูเคย!” มีหลายคนยกแก้วขึ้นมากระดกรวมถึงไอ้เติร์ดด้วย ส่วนผม ไอ้ทู ไอ้โบน ไอ้พี่อั้นงี้เหรอ นั่งนิ่งมองหน้ากันเลิกลักเชียว

   อย่าให้นับว่าที่ผ่านมามีใครบ้าง กูจำไม่ได้จริงๆ ขออภัย แต่ดูเหมือนว่าอดีตที่ผ่านมาจะตามหลอกหลอนทั้งผมและไอ้เติร์ด สายตาขี้เล่นของมันจางหายไป เหลือเพียงรอยยิ้มเฝื่อนๆ จนผมอยากคว้าตัวแม่งมากอดปลอบฉิบหาย

   เออกูขอโทษ กูผิดไปแล้ว

   “ต่อๆ กูไม่เคยได้เกรดเอ”

   “กูเคย!” คราวนี้ก็ยกดื่มกันพร้อมเพรียงยกเว้น...ผม   

   “โหยไอ้ค่าย เกิดมาเป็นสังคังไม่พอยังง่าวอีก ไม่เป็นไรนะน้องรักอย่าร้องไห้ ฮ่าๆ” ไอ้สัด เจ็บกว่านั่งเงียบๆ ก็ตอนโดนรุ่นพี่แซวเนี่ยแหละ ไอ้เชนทร์ ไอ้หมีหมา!

   เกลียดตัวเองที่เกิดมาโง่

   คราวนี้เป็นตาไอ้โบนบ้าง มันหันมองไปรอบวงเหล้าพลางกรอกตาไปมาเหมือนใช้ความคิด คำถามนั้นยิ่งทำให้คนยกดื่มได้มากเท่าไหร่ก็ยิ่งดี แต่ที่สำคัญคำถามนั้นต้องล้วงความลับคนในกลุ่มมากพอด้วยมันถึงจะสนุก

   “กูไม่เคย...ชอบเพื่อนสนิท”

   “กูเคย” น้ำเสียงราบเรียบของไอ้เติร์ดแทรกเข้ามาในโสตประสาท มือขาวหยิบแก้วบรรจุว้อดก้าขึ้นดื่มจนหมดก่อนจะกระแทกก้นแก้วลงกับโต๊ะ ความเงียบปกคลุมไปทั่วบริเวณ ไม่นานไอ้ทูก็พูดขึ้น

   “แดกดิไอ้ค่าย หรือจะให้ใส่น้ำแข็ง”

   “เออ กูเคย” ว่าแล้วก็แดกรวดเดียวหมดแก้ว สายตาของเพื่อนในกลุ่มเลยละล่ำละลัก กลุ่มผมมีกันอยู่แค่สี่คนเราเลยสนิทกันมาก ถ้าบอกว่าเพื่อนสนิทก็คงมีแค่นี้

   นี่ยกแดกไปสอง คงไม่มีใครโง่คิดว่ากูชอบไอ้โบนหรอกนะ

   ลำดับเวียนไปถึงไอ้เติร์ด เราต่างรอฟังคำพูดจากมันอย่างจดจ่อ...

   “กูไม่เคยสอบตก”

   “ไอ้เติร์ด ไอ้สาดดดดดดดดด” ไปแม่งทั้งโต๊ะ เหลือเจ้าของคำพูดชนะอยู่คนเดียว

   หลังๆ เริ่มมีคนระวังตัวไม่พูดความลับสุดยอดให้ใครรู้เลยมีหัวโจกปีสี่เสนอให้เปลี่ยนเกมส์ใหม่ แน่นอนว่าความมึนเมาทำให้ใครหลายคนตอบตกลง และเพิ่มกฎบังคับไม่ให้ออกจากเกมก่อนเวลา

   วิธีเล่นคือคนเริ่มเกมส์จะต้องพูดถึงสิ่งของ สถานที่ หรือคำอะไรก็ได้ที่เกี่ยวกับคนในวงเหล้าขึ้นมา ถ้าใครตอบถูกก็จะรอด ที่เหลือยกแดกรวดเดียวให้สำลักตาย

   คนแรกที่เริ่มคือพี่อั้น

   “Leica M”

   “พี่เชนทร์”

   “ผิด”

   “ไอ้ทู”

   “ถูก” เยส! กูดูฉลาดกว่าชาวบ้านก็คราวนี้แหละ เลยนั่งดูคนเมาดื่มเหล้าจนหมดแก้วอย่างมีความสุข Leica M เป็นกล้องฟิล์มตัวเก๋าของไอ้ทู แต่ที่ไม่เห็นมันเอาออกมาใช้เพราะเป็นของหวงไว้เก็บสะสม ซึ่งก็งงเหมือนกันว่าพี่อั้นแม่งรู้ได้ไง สงสัยนั่งทางในมาเสือกเรื่องพวกกูอีกแน่ๆ

   “ไอ้มายด์มึงตอบผิดคนแรก เอาหัวเขกโต๊ะสามที”

   “แรงจังไอ้สัด”

   “อย่าโอ้เอ้น่า” เสียงหัวโขกกับโต๊ะดังขึ้นมาสามรอบติด หลายคนปรบมือมีความสุขที่ได้เห็นหน้าผากเพื่อนแดงเป็นปื้น แต่พวกมันก็ไม่มีท่าทีว่าจะหยุด วนถามคำถามต่อเรื่อยๆ

   “AV480XX”

   “ไอ้ค่าย”

   “ผิด!”

   “ไอ้โบน”

   “ถูกต้องนะคร้าบบบบ” โหย เหี้ยๆ อะไรโยนใส่กูคนแรกก่อนเลย นี่มันหนังโป๊เรื่องโปรดของไอ้โบนครับ ผมไม่รู้จักอะไรเลย น้องมิคามิ น้องมายูโกะ กูไม่รู้จักเลยทำไมต้องใส่ร้ายค่ายด้วยไม่เข้าใจ

   ด้วยความคับแค้นฝังลึก ผมเลยสั่งปีสี่ที่ตอบชื่อกูให้แม่งว่ายน้ำไปกลับหนึ่งรอบถ้วน ดีจุง

   คราวนี้ก็ถึงตาผมออกโรงบ้างละ

   “Flipped ปี 2010”

   “พี่เชนทร์เหรอ หรือไอ้บีม”

   “ผิด”

   “เมธีๆ แม่งชอบอะไรโรแมนติก”

   “ผิด”

   “ไอ้อั้น มึงเหรอ”

   “ผิดครบสามครั้งแล้ว คำตอบคือเติร์ด”

   “โอยยยยยยยย” จะมีกี่คนที่รู้ว่าไอ้เติร์ดชอบหรือไม่ชอบอะไร แม้แต่ไอ้ทูกับไอ้โบนก็รู้ความชอบของเพื่อนคนนี้แค่บางอย่าง แต่กับผมทุกอย่างของมัน...คือเรื่องสำคัญที่ต้องใส่ใจ

   คนเมาเรื้อนสามคนโดนส่งไปปั่นจิ้งหรีดยี่สิบรอบ เดินตกน้ำไปคนนึงก่อนจะตะเกียกตะกายขึ้นมาเล่นต่อ ซึ่งคำถามต่อไปเป็นของไอ้ทู

   “เมียเป็นเด็กคณะวิดยา”

   “ไอ้ต้อง” ผมตอบอย่างมั่นใจ

   “ผิด”

   “เมียไอ้มายด์”

   “ถูกต้องนะคร้าบ เมียวิดยานะครับไม่ใช่วิดแพทย์ ควายจัง” เหมือนโดนตีนตบหน้าไปอีกหนึ่งที ทำกับคนอื่นไว้เยอะคงโดนเล่นหนักแน่

   “อ่ะ จะให้กูทำอะไรก็ว่ามา” ให้แดกเหล้าไม่หยุดกูยังผ่านมาได้เลย แค่นี้จิ๊บๆ

   “จูบไอ้โบนทีนึงพอ”

   “เหี้ย!” โหดสัดรัสเซีย คนโดนพาดพิงเตรียมยกเท้าขึ้นมาสกัด แต่เพราะผมโดนแรงยุหนักเข้าเลยกลั้นใจถลาเข้าไปกุมหน้าอีกฝ่ายแล้วจุ๊บเหม่งแรงๆ ทีนึง ได้ทีต้องเอาให้คุ้มครับ

   “ไอ้ควาย มึงต้องทำกับไอ้โบนโว้ย” เพื่อนแม่งโวยวายใหญ่ ก็ใช่สิ ข้างไอ้โบนคือเชี่ยเติร์ด ผมเห็นแล้วทนไม่ไหวเลยเปลี่ยนไปกระทำชำเราซะเลย

   เห็นตอนนี้เจ้าตัวได้แต่ทำตาโปนอยู่ผมก็หลุดเสียงหัวเราะออกมาทันที คนเกรี้ยวกราดทำไมน่ารัก

   “เอ้า! ลืมอ่าทำไงดี”

   “ตอแหล”

   “โทษที คนมันตาลาย”

   “ตาลายเหี้ยไร”

   “ขอโทษน้าเติร์ด มาวววววไม่ไหวแร้ว”

   “ไปปั่นจิ้งหรีดอีกยี่สิบรอบเลยสัด รำคาญ” เราเล่นเกมส์กันอีกพักใหญ่ จนกระทั่งลำดับเวียนมาถึงไอ้โบนอีกครั้ง คราวนี้มันมองหน้าผมด้วยสายตาฉ่ำเยิ้มเพราะน้ำเมา ก่อนจะโพล่งประโยคหนึ่งขึ้นมา

   “คนที่ไอ้ค่ายชอบ”

   “มัดหมี่” พี่อั้นตอบเสียงเข้ม คิดว่ามันคงรู้ความลับกูมาเยอะ แต่ขอโทษครับ มัดหมี่นั่นยังไม่ถึงไหนเลยเพราะกูเลิกมั่วก่อน

   “ผิด”

   “น้องพิงค์นางเอกละครเวที”

   “ผิด”

   “มะปราง”

   “ผิด ครบสามรอบแล้ว”

   “เดี๋ยวๆ กูขอตอบใหม่ ฟ้าเศรษฐศาสตร์”

   “ผิด มีใครทายอีกมั้ย”

   “กูเอง” พี่เชนทร์เสนอตัว

   “อ่ะจัดมาครับพี่”

   “ไอ้เติร์ด”

   เชี่ยโบนไม่ยอมเฉลย ปล่อยให้ทุกสายตาจดจ้องมาที่ผมและไอ้เติร์ดสลับกันไปมา ก็ในเมื่อคำถามนี้เกี่ยวกับผม เพราะฉะนั้นผมก็ควรตอบป่ะวะ

   “เออถูก กูชอบเติร์ด”

   “...”

   “เพราะงั้นใครกล้ายุ่งกูเอาตาย”

   “เหยดดดดดดดดดดดดเข้!”
   

   

ถ้าจะบ้าๆ บอๆ ไปหน่อย
แต่ก็เป็นทีมพี่ค่ายค่ะ #ทฤษฎีจีบเธอ ง้างงงงงงง

 :laugh:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-07-2017 01:45:34 โดย Jittirain12 »

ออฟไลน์ boboman

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-2
 :z13:
ค่ายชัดเจนดีค่ะ เจ้ชอบ 555555555555555  ออร่าความเป็นพระเอกเริ่มมาแล้วว แม้จะยังโง่ไป (ไม่) นิด  :hao7:
อย่างน้อยตอนนี้เติร์ดก็ให้โอกาสค่ายแล้วนะ อย่าทำให้เติร์ดเสียใจอีกล่ะะ
รอตอนหน้าค่ะ  :-[
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-07-2017 21:52:07 โดย boboman »

ออฟไลน์ Apinnoolek

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
หึๆ

ออฟไลน์ me12inzy

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 458
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
เกร้ดดดดดดดดดด  :katai2-1:
มันต้องยังงี้แหละอีค่ายยย คนจริง2k17
่หยอดเติร์ดได้เป็หยอด ถ้าจะหยอดขนาดนี้ก็เป็นแฟนกันเลยค่าาา  :katai3:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด