ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END  (อ่าน 2134335 ครั้ง)

ออฟไลน์ wichiwiwie

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 69
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เออ!! ค่าย.. คนกากคนจริง 2017  :katai2-1:

เอาใจช่วยค่ายนะลูก ประกาศออกไปขนาดนี้แล้วขอให้เติร์ดใจอ่อนสักที
อิอิ

ออฟไลน์ bpyt

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1319
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-2
ประกาศให้ทราบโดยทั่วกันสินะนังค่าย 555

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
55555 ค่ายประกาศตัวแล้วค่ะ เติร์ดจะว่าไง

ค่ายรุกแบบบื้อๆ เนียนๆ แต่ก็ยังทำไปได้เนาะ
ใช้โอกาสความเป็นเพื่อน รู้จักรู้ใจดีเหลือเกิน เอาใจช่วยค่ายนะ 55555

เติร์ดจะตอบรับไหมนะ ตอนนี้ก็ไม่ได้ปิดโอกาส แต่ก็ไม่ได้บอกว่าเปิด จะยอมให้ค่ายสู้ศึกรึป่าว

ลุ้นมากค่ะ เปิดตัวกลางวงแบบนี้ มีทั้งคนเฮ คนด่าอะนะ

ออฟไลน์ netto007

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 7
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ออกตัวแรงงง รอตอนต่อไป~

ออฟไลน์ ChocoPop

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
อ่านแล้วก็ยอมใจในความกากของค่ายจริงๆ
แต่ให้อภัยเพราะความขี้ตื้อของนางด้วยเช่นกัน 5555

ออฟไลน์ ujangzaa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 2
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
 :impress2: ค่ายเริ่มอ่อยบ้างแล้ว

ออฟไลน์ ujangzaa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 2
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
อร๊าย!! ค่ายชัดเจนมาก  :-[

ออฟไลน์ Ploypailin112

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 3
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ในที่สุดก็ตามอ่านจนทันน!!!(น้ำตาจะไหล5555)
 พี่จิตติมาต่อด่วนเลยค่าาาา นี่อินกับค่ายเติร์ดจนไม่อ่านหนังสือสอบกันเลยทีเดียว 5555 :sad4: :sad4:

ออฟไลน์ funnyvix

  • hello , how are you?
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 161
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-1
    • fb.com/viqsaiyaeh
สนุกมากๆเลย ทำไมเพิ่งมาอ่านเนี่ย

ออฟไลน์ ButteflyBeBe

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 1
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
งื้ออ :impress2:รู้สึกหลงรักค่าย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 12 [17/07/60] *หน้า32
« ตอบ #1029 เมื่อ: 10-08-2017 00:29:41 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Piima

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 660
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
งื้อออ

ทำไมหายไปเลย

ออฟไลน์ Jittirain12

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 353
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1238/-18

ตอนที่ 13
ตื๊อไม่ได้ครองโลก ตื๊อครองใจ



   ‘เออถูก กูชอบเติร์ด เพราะงั้นใครกล้ายุ่งกูเอาตาย’

   ประโยคเดียวทำเอาตะลึงงันกันยกกลุ่ม ไม่รู้ว่าพอตื่นขึ้นมาทุกคนยังจำได้อยู่มั้ย แต่สำหรับผมแม่งจำได้จนขึ้นใจว่าไอ้ค่ายพูดอะไรออกไปบ้าง ถึงจะเมาก็ยังพอมีสติ แต่คนปากมอมที่พูดประโยคก่อนหน้าออกมานี่สิที่ดูเหมือนไม่มีสติเหลือเลย ไม่อย่างนั้นมันคงไม่โพล่งประโยคนี้แน่

   ที่สำคัญคือผมถูกซักไซ้ไล่เรียงให้ตอบคำถามมากมายทั้งที่ตัวเองไม่ได้ก่อ ใช่! เราเคยตกลงกัน ผมเคยพูดกับไอ้ค่ายว่าจะให้โอกาสมันได้พิสูจน์ตัวเอง ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบเรียบมาโดยตลอดจนกระทั่งเกิดเรื่องในคืนนี้ โชคดีที่เพื่อนอย่างมันยังพอมีความรับผิดชอบบ้างเลยเป็นฝ่ายยกเลิกเกมส์ ก่อนทุกคนจะแยกย้ายตัวใครตัวมัน

   “ไม่อยากเชื่อเลยว่าไอ้ค่ายจะใจเด็ดขนาดนี้ ออกตัวหวงมึงโคตรแรง”

   ผมล้มตัวลงนอนบนเบาะผ้าใบริมสระ ข้างๆ มีพี่เชนทร์คนเดียวที่เป็นคู่สนทนาด้วย ส่วนเพื่อนคนอื่นก็ดื่มเหล้าเมาเยี่ยงหมาอยู่กลางฟลอร์เต้นอีกด้าน ดังนั้นจึงไม่มีใครรบกวนผมมากนัก

   “พี่รู้มานานแค่ไหนแล้วว่าผมกับไอ้ค่าย...” ไม่ทันพูดจบประโยคผมก็หันไปมองหน้ารุ่นพี่ปีสี่ที่มองมาอยู่ก่อนแล้ว

   “ตั้งแต่แรกที่เริ่มละครเวที”

   “ชัดเจนขนาดนั้นเลยเหรอวะ”

   “เมื่อก่อนกูก็เคยสงสัยนะ เห็นมึงตัวติดกันมากเลยคิดว่าคงสนิทกันตามประสาเพื่อน แต่มันมาหนักตรงช่วงที่มึงตามติดพวกปีสี่แจและหมางเมินเพื่อนในกลุ่มเนี่ยแหละ คนเราเวลาทนกับอะไรไม่ได้จะเฟดตัวเองออกมา และมึงก็เลือกเฟดตัวออกจากไอ้ค่ายมากที่สุด”

   “แหม ชีวิตรุ่นน้องนี่รู้ดีจังนะ”

   “ก็มึงเป็นน้องกูป่ะวะ”

   “จริงๆ ผมไม่ได้อยากให้ใครรู้เรื่องความสัมพันธ์งงๆ ที่เราเป็นอยู่เท่าไหร่ บอกตรงๆ ก็คือผมไม่มีความมั่นใจในตัวไอ้ค่ายเลย” ใครก็รู้จักมันดี เวลานึกถึงแก๊งโหด ทุกคนมักนึกถึงไอ้ค่ายคนแรกเสมอ

   ผู้หญิงทุกคนที่เข้าหาได้รับการตอบสนองกลับ

   ผมจำไม่ได้แล้วว่ามันมีแฟนมาแล้วกี่คน ช่วงแรกมีเวลานั่งนับดูสนุกๆ แต่หลังจากนั้นก็เหนื่อยเกินกว่าจะทำเพราะเริ่มไร้สาระเต็มทน

   ช่วงปีหนึ่งถึงปีสามตอนต้นไอ้ค่ายเสียเงินมากสุดไปกับการซื้อถุงยาง รองลงมาเสื้อผ้าและลิปสติกของผู้หญิง

   มันไม่เคยซื้ออะไรให้ตัวเองเท่าไหร่ แต่เจ้าตัวก็มักบอกว่าทุกอย่างเสียไปเพราะได้ผลประโยชน์ชั่วข้ามคืนเป็นการตอบแทน เซ็กซ์คือชีวิตหยำเปที่มันชอบ ขณะที่ผมโคตรเกลียดสิ่งที่มันเป็นแต่ก็ทำอะไรไม่ได้มากกว่านั้น

   แล้วจู่ๆ วันหนึ่งมันก็เดินมาบอกว่าชอบผม มาบอกว่าจะเดินหน้าจีบทั้งที่ผมกำลังตัดใจ สำหรับเพื่อนคนนี้ผมไม่มีความมั่นใจอะไรเลย

   ไม่มั่นใจว่าไอ้ค่ายหยุดตัวเองจริงมั้ย และก็ไม่มั่นใจว่าวันหนึ่งผมจะกลับไปร้องไห้อีกหรือเปล่า ไม่มีใครรับประกันได้เพราะงั้นผมจึงไม่กล้าเสี่ยง

   “กูเข้าใจ ไอ้ค่ายเหี้ยยังไงทำไมกูจะไม่รู้ แต่ตอนนี้มันก็เปลี่ยนไปมากแล้วเหมือนกัน”

   “...”

   “เปลี่ยนไปจนกูตกใจ”

   “และแล้วก็ถึงช่วงเวลาสำคัญกันแล้วค่า” บทสนทนาถูกตัดไปเมื่อเสียงใสแจ๋วของรุ่นน้องปีสองที่อยู่อีกฟากของสระดังขึ้น เจ้าตัวถือไมค์เอาไว้ในมือ แววตาและสีหน้าเต็มไปด้วยความตื่นเต้น

   เสียงดนตรีจากลำโพงถูกหรี่เกือบสุด นิสิตฟิล์มทุกคนต่างหันไปให้ความสนใจกับเจ้าของคำพูดนั้น ก่อนเธอจะกรอกเสียงลงไมค์อีกครั้ง

   “เราจะมาประกาศรางวัลหนุ่มฮอตและสาวฮอตจากฟิล์มปาร์ตี้พูลในคืนนี้กันค่ะ ทางฟากของสาวๆ ผู้ชนะได้แก่...น้องเมย์สุดสวยจากชั้นปีที่หนึ่งนั่นเอง ปรบมือค่า” บรรยากาศที่แสนครึกครื้นกลับมาอีกครั้ง ผมมองตามรุ่นน้องปีหนึ่งที่โคตรน่ารักวิ่งอ้อมจากอีกฟากของสระเพื่อไปรับสายสะพาย ก่อนการประกาศรางวัลอีกรอบจะเริ่มขึ้น

   “ส่วนฟากหนุ่มๆ ก็ไม่น้อยหน้าเพราะคะแนนสูสีกันมาก แต่ขอบอกเลยว่าคนนี้หล่อใสสไตล์น่ารัก ขอแสดงความยินดีกับพี่เติร์ดปีสาม หนึ่งในแก๊งสี่โหดของเอกฟิล์มด้วยนะค้า”

   เอ้า! กูเหรอ

   “นี่ไง ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับไอ้ค่าย ทุ่มโหวตให้มึงจนชนะอ่ะคิดดู” พี่เชนทร์พยักเพยิดให้ผมลุกขึ้นไปรับรางวัลซึ่งใจจริงก็ไม่อยากได้เท่าไหร่เพราะเป็นแค่สายสะพายทำจากกระดาษแข็ง

   “กรี๊ดดดดดดดดดดด”

   “เฮ้ย! เกิดอะไรขึ้นวะ” ยังไม่ทันพาตัวเองไปรับรางวัลขวัญใจมหาชน ทุกคนก็พุ่งประเด็นไปอีกด้านหนึ่งทันที

   รุ่นพี่ปีสี่กลุ่มใหญ่วิ่งลงบันไดไปยังด้านล่างซึ่งเป็นห้องน้ำ ก่อนปีสามบางส่วนจะกรูตามกันไปราวกับมด ผมมองหน้าผู้ชายร่างหมีบนเบาะผ้าใบก่อนจะพากันวิ่งไปดูสถานการณ์ด้านล่าง

   ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้น แต่นิสัยไทยมุงแม่งติดตัวจนสลัดไม่ออก ต้องเสือกให้บรรลุก่อนไม่งั้นกลัวจะนอนไม่หลับ

   บรรยากาศหน้าห้องน้ำเต็มไปด้วยความวุ่นวาย มีปีสูงกำลังเคลียร์ทางให้ปีต้นๆ เดินออกจากบริเวณนั้น พี่เชนทร์แหวกทางให้ผมเข้าไปข้างในก่อนจะพบว่าไอ้ค่ายกับพี่อั้นถูกเพื่อนยื้อตัวห้ามไว้ไม่ให้ก่อเรื่องชกต่อย ตอนนี้สภาพที่เห็นคือไม่มีใครอยู่ในอารมณ์ปกติสักคน

   เลือดที่ติดอยู่ตรงมุมปากและหางคิ้วของไอ้ค่าย กับเบ้าตาที่เขียวช้ำของพี่อั้นบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าทั้งคู่มีปัญหากันมาก่อนแน่

   “มันเกิดอะไรขึ้นวะ” พี่เชนทร์แทรกตัวไปยืนข้างพี่อั้น ส่วนผมก็มองดูเหตุการณ์อยู่ใกล้ๆ กับไอ้โบน ซึ่งมันก็กำลังรั้งตัวไอ้ค่ายที่กำลังคลั่งเป็นหมาบ้าอยู่

   “เชี่ยค่ายดิ ไม่รู้เป็นเหี้ยไร อยู่ๆ ก็มาต่อยกูหน้าตาเฉย”

   “มึงสิเป็นเหี้ย กูเห็นนะว่ามึงกำลังทำอะไร”

   “แล้วกูทำอะไรไม่ทราบ!”

   “มึงพาเด็กปีสองมานัวในส้วมทำไมกูจะไม่รู้”

   “เกี่ยวอะไรกับมึง กูจะทำอะไรมันก็เรื่องของกูอย่าเสือกให้มาก”

   “ไม่เสือกได้ไงวะ ไอ้เติร์ดมึงดูให้ดีๆ เลย ไอ้พี่อั้นแม่งเหี้ยแค่ไหนมึงมาดู!” และผมก็ถูกดึงเข้าไปฟังเหตุผลของคนเมาสองคน ทั้งที่ไม่รู้เลยว่ากูเกี่ยวอะไรกับเขาด้วย

   “แล้วไง มึงจะให้กูดูอะไร” ผมถามอย่างไม่เข้าใจ ไอ้ค่ายเลยสะบัดแขนออกจากการเกาะกุมของเพื่อน แล้วขยับมายืนประชิดกับผมพลางชี้หน้าด่ารุ่นพี่ปีสี่เสียงแข็ง

   “ก็พี่มันแม่งจูบกับผู้หญิงคนอื่นมึงเห็นมั้ย”

   “แล้วมันเกี่ยวอะไรกับกูวะ”

   “ก็มันจีบมึงอยู่ไงไอ้สัด ทำไมถึงได้โง่ขนาดนี้”

   “มึงนั่นแหละโง่ เขาไม่ได้จีบกู” เรื่องมันชักไปกันใหญ่แล้ว แถมคำหยาบยังมารัวๆ จนรุ่นน้องที่มุงอยู่ห่างๆ ให้ความสนใจกันอย่างล้นหลาม

   “มึงอย่าออกตัวปกป้องมัน โดนหลอกอยู่ยังทำเป็นปากดีอีก”

   “มึงสิปากดีมาออกตัวเพื่อกูทำไม”

   “ก็กูหึงมึงอ่ะไอ้เหี้ย”

   “แล้วมึงมาหึงกูทำส้นตีนไรวะ”

   “เอ้ากูชอบมึงก็ต้องหึงมึงดิ ทำไมถามโง่ๆ งี้วะเติร์ด”

   ฮือฮา...

   เกิดเสียงเซ็งแซ่ไปทั่วพื้นที่ ผมยืนตัวแข็ง มองดูไอ้ค่ายที่เอาแต่ดึงทึ้งหัวตัวเองอย่างบ้าคลั่ง แม่งอยู่ในสภาพเมาเละเป็นหมาไม่พอสติยังเลอะเลือนอีกต่างหาก

   คำพูดทุกคำ ประโยคทุกประโยคที่พ่นออกมาไม่ได้มีแค่ผมกับมันที่รับรู้ แต่หมายถึงเด็กฟิล์มทุกชั้นปีที่อยู่ในเหตุการณ์นี้ด้วย

   “สงบสติอารมณ์ก่อนมั้ยมึง” ผมพูดเสียงเรียบ

   “จะให้สงบได้ไง กูจะบ้าตายเพราะมึงอยู่แล้วเนี่ย”

   “เดี๋ยวไอ้ค่าย มึงต่อยกูเพราะกูจูบผู้หญิงเนี่ยนะ” คราวนี้เป็นพี่อั้นที่เริ่มออกความเห็นบ้าง เห็นหน้าช้ำเลือดน้ำหนองแล้วก็อดสยองแทนไม่ได้

   “เออ!” คนตัวสูงตอบกระแทกกระทั้น

   “และเพราะกูจีบไอ้เติร์ดกูเลยจูบผู้หญิงคนอื่นไม่ได้”

   “ก็เออไง! จะมาแข่งกับกูทำตัวเองให้ดีก่อนมั้ย”

   “ไอ้ควายกูไม่ได้จีบไอ้เติร์ด”

   “มึงไปหลอกหมาที่บ้านป่ะ ที่ผ่านมามึงจีบไอ้เติร์ด”

   “กูได้บอกตอนไหนว่าจีบ กูเป็นพี่มันจะมาจีบแม่งทำฆวยไร”

   “แต่ไอ้พี่เชนทร์บอกมึงจีบ”

   ขวับ!!

   ทุกสายตาหันไปมองมนุษย์หุ่นหมีที่เป็นตัวต้นเหตุของเรื่องทุกอย่าง หลังจากถูกจับไต๋ได้พี่มันก็ได้แต่ส่งยิ้มแหยมาให้พร้อมกับคำแก้ตัวที่โคตรน่ากระทืบสิ้นดี

   “อุ๊ย! รู้แล้วเหรอ ฮ่าๆ”

   “ไอ้เชนทร์!!”

   “กูไม่ผิดที่จะปกป้องน้องกู ไอ้ค่ายมันไม่ชัดเจนเองนี่หว่า สรุปทุกวันนี้มึงคิดกับไอ้เติร์ดแบบไหนกันแน่วะ” งานโบ้ยขี้นี่ของถนัดรุ่นพี่หุ่นหมีนี่เลย ส่วนไอ้ค่ายที่ยืนอยู่ตรงหน้าผมก็พ่นลมหายใจที่มีแอลกอฮอล์ออกมา ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงชัดเจน

   “เป็นเพื่อน”

   ว่าแล้ว สุดท้าย...

   “เป็นครอบครัว เป็นว่าที่แฟน เป็นที่ปรึกษา”

   “...”

   “เป็นทุกอย่างสำหรับกู พอใจยัง”

   “โอเคพอใจแล้ว เจ๊าๆ กันไปเนาะ”

   เจ๊าบ้านพี่มึงสิ...













   ปาร์ตี้พูลในคืนนั้นไม่มีอะไรน่าจดจำไปกว่าการชกต่อยของไอ้ค่ายกับพี่อั้นอีกแล้ว และทุกคนก็ไม่ได้พุ่งเป้าไปที่ใครอื่นนอกจากกู...ที่กลายเป็นจำเลยของสังคมแบบงงๆ

   พี่เชนทร์ออกมาสารภาพความผิดกับผม ด้วยเหตุผลที่ว่าอยากให้ไอ้ค่ายรู้ใจตัวเองเลยจัดแจงทุกอย่างจนหมด แม้แต่เพื่อนสนิทอย่างพี่อั้นก็ยังไม่รู้ โง่ให้โดนหลอกอยู่นาน แถมไอ้พี่หมีมันยังฉลาดใช้การกระทำหวังดีตามประสาพี่น้องมาเป็นเหตุผลว่าอีกฝ่ายกำลังจีบผมอยู่ ไอ้ค่ายเลยน็อตหลุดก่อปัญหาขึ้นอย่างที่เห็น

   ตอนนี้เลยต้องออกมาขอโทษขอโพยกันอย่างเป็นทางการ แต่กว่าจะผ่านมาได้ก็แลกหมัดกันไปหลายแผล พ่วงด้วยคำเอ่ยแซวของเด็กฟิล์มที่พอเห็นผมกับไอ้ค่ายที่ไหนก็มักออกตัวกันเอิกเกริกเสมอ แม้กระทั่งโรงอาหารคณะ...

   ผมกับไอ้ค่ายยืนอยู่หน้าร้านข้าว ไม่นานปีสี่กลุ่มหนึ่งก็เดินเข้ามาต่อแถวด้านหลังทันที

   “เสือร้ายจะขย้ำเหยื่อละต้องช่วยกันปกป้อง” เสียงหักนิ้วมือดังกรอดๆ แทรกเข้ามาในโสตประสาท สักพักรุ่นพี่ก็พูดต่ออย่างใจเย็น

   “อย่าเข้าใกล้โหดน้อยของพวกกูมากนะครับ หวง!”

   “ผมยังไม่ทันได้ทำอะไรเลยพี่” เสียงทุ้มต่ำของคนด้านหลังพูดขึ้น เป็นอย่างนี้มาหลายวันแล้วครับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์

   พวกปีสี่ที่รู้ข่าวว่าไอ้ค่ายกำลังตามจีบผม เริ่มหันมาแบ่งฝักแบ่งฝ่าย กลุ่มแรกอยู่ทีมหวง ขัดขวางไม่ให้ไอ้ค่ายเข้าใกล้ผมมากเกินไปเพราะจะเป็นภัยต่อความมั่นคงของคณะ ส่วนอีกกลุ่มหนึ่งก็ทีมกากของไอ้ค่าย ส่วนใหญ่เป็นปีสาม

   ทุกวันนี้ผมไม่ซีเรียสอะไรหรอกยกเว้นชื่อที่แม่งเรียกกูเนี่ย

   ไอ้ค่าย เป็นทีมโหดกาก

   ส่วนกูเหรอ ทีมโหดน้อย

   ถุย! ขอความสตรองให้กันหน่อยเถอะ จะบ้าตาย

   “อยู่ห่างๆ ก็ดี แถวนี้แม่งเถื่อน” ฟังแล้วตลก ความจริงเด็กฟิล์มก็ติงต๊องเหมือนกันนะ สงสัยว่างมากเลยมานั่งเจือกชีวิตคนอื่น

   “ได้ข้าวแล้วใช่มั้ย กูถือให้” ไม่รู้เพราะต้องการหลีกหนีรุ่นพี่หรือเปล่า ไอ้ค่ายถึงรีบคว้าจานข้าวของผมไปถือไว้ ส่วนตัวมันก็เลือกไม่สั่งอาหารแล้วเดินกะเผลกตรงไปที่โต๊ะทันที

   “ไม่กินข้าวเหรอวะ” สุดท้ายก็อดถามออกไปไม่ได้

   “ทีมผู้พิทักษ์มึงเยอะขนาดนั้นใครจะกล้าสั่งวะ ขอกินจานเดียวกับมึงได้มั้ย” เจ้าตัวถามกะลิ้มกะเหลี่ย จนกูล่ะอยากจิ้มตาแตก

   “ไปหาแดกร้านอื่นเองสิ”

   “โอเคๆ แต่นี่กูถือจานมาให้มึงและคิดว่าจะไปซื้อน้ำให้ด้วย”

   “แล้วไง”

   “มึงติดหนีกูแล้ว เพราะงั้นพรุ่งนี้พากูไปกินบุฟเฟต์หน่อยดิ”

   “ทำดีหวังผลฉิบหาย”

   “ไม่ได้หวัง กูตั้งใจเลย”

   “ต้องถามพี่เชนทร์กับพี่อั้นก่อนว่าพรุ่งนี้มีงานอะไรอีกมั้ย”

   “โอยยยยย มันกล้ามีเหรอ เดี๋ยวกูจะบุกไปต่อยปากมันคาห้องเรียนเลย ทำกูฟุ้งซ่านตั้งนานห่าเอ๊ย” จานข้าวถูกวางไว้บนโต๊ะ ก่อนไอ้ค่ายจะหมุนตัวไปยังร้านน้ำที่อยู่ถัดไปไม่ไกลนัก

   ไอ้โบนกับไอ้ทูมองเหตุการณ์ตรงหน้าไปมาพลางจ้วงข้าวเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย ในคืนนั้นไอ้สองตัวนี่แหละที่ขำไม่หยุดหลังจากหามไอ้ค่ายกลับไปทำแผลที่ห้อง ไม่รู้ว่าสรุปตอนนี้อยู่ทีมใครกันแน่ ดูแล้วไว้ใจไม่ได้สักคน

   “โดนรุ่นพี่แซวมาอีกอ่ะดิ” ไอ้ทูถาม ผมเลยพยักหน้าเป็นคำตอบ

   “ทำใจนะ ปีสี่เอฟซีมึงเยอะด้วย แต่ยังไงกูก็เชียร์ค่ายกากมากกว่าโหดน้อยนะ” รู้ละว่าจะตบบ้องหูใครคนแรก ไอ้โบนนี่เอง สาระแน

   ผมแทรกตัวนั่งลงตรงเก้าอี้ตัวยาวตรงข้ามกับมันสองตัว ไม่นานไอ้ค่ายก็ได้เดินกลับมาพร้อมน้ำเปล่าในซอกจักแร้สองขวด และข้าวในมืออีกหนึ่งจาน

   จริงสิ ใกล้เที่ยงแล้วสงสัยกระเพาะประท้วงอีกแหงๆ

   “น้ำมึง”

   “เท่าไหร่”

   “ซื้อให้ ไม่ต้องยัดใส่กระเป๋ากูนะ ในนั้นมีแมงป่องยักษ์อยู่” ดูคำขู่มัน

   “กลัวจังเลยอ่ะครับ”

   “กลัวแมงป่องยักษ์หรือกลัวหนอนค่ายยักษ์มากกว่ากันครับ”

   “ไอ้สัด” เรื่องกามนี่งานถนัดมันเลย แต่นี่ไม่ใช่เวลามาเล่นไร้สาระ เนื่องจากประธานเอกอย่างไอ้โมแจ้งข่าวในคลาสตอนเช้า เด็กฟิล์มปีสามหลายคนเลยต้องกระตือรือร้นเริ่มต้นโปรเจ็กต์ที่ใกล้เข้ามาอย่างรีบเร่ง   

   “เป็นงานเป็นการหน่อย โปรเจ็กต์ไฟนอลของปีสามที่ต้องทำหนังสั้นอ่ะ กูคิดว่าเราน่าจะเริ่มคิดกันได้แล้วนะ เดี๋ยวถึงเวลามันจะไม่ทันเอา ใครมีไอเดียดีๆ มั้ย”

   “กูเคยคิดไว้คร่าวๆ ตอนไปถ่ายรูปนอกรอบกับชมรมโฟโต้อ่ะ” ไอ้ทูเสนอขึ้น

   “เออว่าไง”

   “คอนเส็ปความสัมพันธ์ระหว่างการนั่งรถไฟไปทะเล”

   “ฟังดูดีว่ะ คือถ้าให้ไอ้เติร์ดเขียนความสัมพันธ์ของคนเราที่มันแปลกๆ ขึ้นมา แล้วใช้แบ็กกรานด์ของรถไฟกับวิวข้างทางประกอบมันคงดีมากเลยนะ” ผมเพิ่งเห็นไอ้ค่ายดูฉลาดก็วันนี้แหละ

   “กูเสนออีกนิด นั่งรถไฟไปทะเลหน้าฝนดิ เหมือนใช้ธีมหลักของเรื่องคือรถไฟกับฝน” ไอ้โบนยกมือเสนอความคิดเห็นบ้าง

   “แล้วความสัมพันธ์อ่ะ คู่รักมั้ย”

   “เพื่อนเถอะ รู้สึกคำนี้มีมนต์ขลัง”

   “นี่พวกมึงพูดเหมือนจะใช้คอนเส็ปนี้เลย”

   “หรือมึงคิดอะไรที่เจ๋งกว่านี้ครับเพื่อนเติร์ด เรื่องไซไฟอวกาศอะไรไว้เก็บไว้ทำตอนปีสี่นะ” ฉิบหายนี่รู้ใจกูอีก ผมมีความคิดอยากทำอะไรที่แหวกแนวดู แต่คิดว่าคงต้องยกยอดไปทำโปรเจ็กต์จบของตัวเองปีหน้าแทน

   “คือถ้าจะลงมือก็ค่อยๆ คิดตั้งแต่ตอนนี้ แต่เราต้องไปดูโลเคชั่นที่จะใช้ถ่ายด้วย”

   “แนะนำตอนปิดเทอมหนึ่งเลย ช่วงมรสุมเนี่ยแหละ” โหยไอ้เวร ชีวิตกูกำลังแขวนอยู่บนอะไรวะเนี่ย

   “เอาเป็นว่าลองยึดที่เราคิดไว้คร่าวๆ ก่อน แต่ถ้าใครมีไอเดียจะทำหนังสั้นแนวอะไรก็เสนอมาได้อีก แต่กูชอบคอนเส็ปที่เสนอมานะ”

   “เหมือนกัน Friends I Train I Rain แปลกดี” คำพูดของไอ้ทูทำให้เราสี่คนนั่งมองตากันเหมือนเจอจุดลงตัวอะไรบางอย่างที่ไม่ต้องบอกเป็นคำพูด แต่รับรู้ได้ด้วยความรู้สึก

   ผมคิดว่าคงไม่มีใครคิดพล็อตอื่นมาโต้งแย้งแล้วล่ะ เพราะสิ่งที่คิดอยู่นี้ดีสำหรับเราแล้ว

   “งั้นกูเสนออีกอย่าง ความสัมพันธ์นี่เริ่มต้นรักแบบเพื่อน ตอนจบรักแบบแฟนดีมั้ย” ไอ้ค่ายดูจะตื่นเต้นกับการทำหนังเรื่องนี้มาก แต่ดูจากสีหน้าที่มองมายังผมแล้วกลับรู้สึกขนลุกขึ้นมาฉับพลัน

   “ยังไง” เชี่ยโบนถาม

   “ก็เอาเรื่องกูกับไอ้เติร์ดไปเขียนดิ ตอนจบได้คบกันแน่นอน”

   “สัด” นี่คลังสมองมึงมีปัญหาถูกมั้ย

   “แบบ...กูเลิกเจ้าชู้แล้วตั้งแต่รู้ว่าไอ้เติร์ดโหดเหมือนปืนไรงี้”

   “ยิงกลับดิมึง”

   “ยิงกลับได้กูจัดพรุนไปละ”

   “พูดเหี้ยอะไรกันเนี่ย”

   “เอ้า! ยังไม่รู้อีกเหรอ”

   “...”

   “เติร์ด สำหรับมึงกูถือคติได้ก็ดี ฟรีก็เบิ้ล เพราะงั้นอย่ามาน่ารักแถวนี้เดี๋ยวคุมไม่อยู่”

   “อู้วววววววววว” เป็นอันจบบทสนทนาหลังจากความกามคุกคามเป็นวงกว้าง

   ไอ้ค่ายมันเหมือนคนอื่นซะที่ไหน นอกจากความเจ้าชู้ที่ไม่รู้จะหยุดจริงหรือเปล่า มันยังมีความหื่นติดตัวมาตั้งแต่เป็นวัยรุ่นด้วย ใครจะอยากไปไฝว้กับมันวะ ผมคนหนึ่งที่คงไม่ไหวกับความบ้าเซ็กซ์ของมัน เพราะงั้นก็ไม่ต้องเปิดใจรับมันมากกว่านี้เป็นพอ

   กลัวว่าสุดท้าย...คนจะซวยอาจเป็นกู












   ผมกลับมาถึงห้องหลังจากพาคุณชายค่ายลากสังขารไปที่คอนโด จัดการผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็มานั่งเล่นคอมเงียบๆ ไม่นานไอ้ทูก็เดินมาเคาะประตูห้อง แล้วถือวิสาสะกระโดดขึ้นเตียง นอนกดมือถือเล่นราวกับเป็นห้องของตัวเองสักพัก กว่าจะได้ฤกษ์งามยามดีเริ่มประเด็นขึ้นมา

   “พรุ่งนี้ว่างป่ะ”

   “เอ่อ...น่าจะไม่ มีนัดกับพี่เชนทร์ ละครเวทีมันเริ่มเป็นรูปเป็นร่างแล้วไง” จริงๆ พรุ่งนี้ไม่มีนัดหรอก คือผมดันไปตบปากรับคำว่าจะไปกินบุฟเฟ่ต์กับไอ้ค่ายเนี่ยดิ

   แต่เพื่อไม่ให้เสียฟอร์มจนเกินไปผมจึงเลือกที่จะไม่พูด

   “แล้วนี่ไอ้ค่ายรู้ยัง”

   “รู้แล้วมั้ง”

   “ได้ข่าวว่าพรุ่งนี้มันนัดมึงด้วยหนิ”

   “หึ! กูไม่ไปหรอก”

   “จริงดิ บางทีก็สงสารมันนะ มาบอกกูว่าพรุ่งนี้จะพามึงไปกินบุฟเฟ่ต์”

   “มันก็ควรรู้ป่ะวะว่ากูยังไม่ยอมรับมันขนาดนั้น”

   “อ้าว แล้วที่ผ่านมาคือยังไม่เปิดใจให้มันเหรอ”

   “กูตัดใจจากมันแล้ว”

   “อ๋อ กูพอเข้าใจ มึงเจ็บกับมันมาเยอะนี่หว่า”

   “กูเลยใช้สมองให้มากกว่าหัวใจอย่างที่พี่เชนทร์บอก” อย่างน้อยก็ปกป้องตัวเองในระดับหนึ่ง ไม่ใช่ว่าจะหนีเลย แต่อย่างน้อยก็เป็นเกราะป้องกันในวันที่ทุกอย่างไม่เป็นอย่างหวัง

   ประสบการณ์ที่ผ่านมาทำให้ผมรู้ว่าความรู้สึกคนเราเอาแน่เอานอนไม่ได้ ยิ่งพวกโลเลอย่างไอ้ค่ายด้วยแล้วยิ่งเป็นไปได้ยากมาก

   “พี่เชนทร์บอกให้มึงใช้สมองมากกว่าหัวใจ”

   “อืม”

   “แล้วมึงรู้มั้ย ทุกวันนี้พี่มันใช้หัวใจมากกว่าสมองอีกนะ”

   “...!”

   “ไม่งั้นมันจะอ้อนเมียหนักขนาดนั้นเหรอวะไอ้เติร์ด ไอ้โง่”

   เจ็บกว่าโดนหลอก คือตอนที่ถูกเพื่อนด่านี่แหละ

   
อ่านต่อด้านล่างค่ะ

ออฟไลน์ Jittirain12

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 353
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1238/-18

   แก๊งโหดแยกย้ายหลังเลิกคลาสช่วงห้าโมงเย็น ผมบอกกับทุกคนว่าจะไปส่งไอ้ค่ายที่คอนโดเพราะงั้นวันนี้จะไม่มีใครรู้ว่าเราแวะไปกันต่อที่ไหน พอถามเพื่อนตัวสูงเพื่อเช็กความมั่นใจมันก็บอกว่าไม่ได้พูดต่อให้ใครฟัง ดังนั้นผมจึงสบายใจมากที่ไม่ต้องถูกไอ้ทูกับไอ้โบนด่าเรื่องกลืนน้ำลายตัวเอง

   “ไปหาไรกินก่อนมั้ย เลิกเรียนแล้วหิว” ไอ้ค่ายเชิญชวน ผมก็พยักหน้าตามคำขอ

   “อยากกินร้านไหน”

   “บุฟเฟ่ต์ร้านนี้อร่อย”

   “เออ”

   เราเข้ามาด้านใน ไอ้ค่ายพิงไม้ค้ำยันของมันไว้ข้างๆ ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ เรานั่งตรงโซนเคาน์เตอร์ที่มีอาหารเลื่อนตามสายพาน อย่างน้อยก็สะดวกเวลาจะหยิบคีบอะไรที่อยากกิน

   “อยากได้น้ำอะไรเดี๋ยวกูไปเอาให้”

   “ไม่ต้อง เดินลำบากแล้วยังทำเก่งอีก”

   “ปกติก็ทำให้มึงตลอด” ผมไม่ฟังอีกฝ่ายโต้เถียง รีบผละออกมาหยิบแก้วและกดเครื่องดื่มไปประเคนให้คนขาหักถึงที่

   “อีกไม่นานก็ถอดเฝือกละ จะได้หายรำคาญสักที” เสียงทุ้มบ่นอยู่ใกล้หู มือก็หยิบจานใส่อาหารบนสายพานออกมา ทั้งคีบแดกเอง ทั้งเทใส่หม้อต้ม สรุปจะกินหรือจะพูด

   “แต่ก็ยังวิ่งไม่ได้” หมอบอกหลังถอดเฝือกสามเดือนให้งดวิ่ง กูล่ะสะใจฉิบหาย

   “รู้แล้วน่า ต่อไปมึงคงไม่มารับกูแล้ว”

   “มันก็ควรเป็นอย่างนั้นป่ะวะ”

   “กูเลยขอรถที่บ้านมาใช้ คันนี้กว้างมากมึงจะได้นั่งสบาย”

   “รถกูก็มีป่ะ เกี่ยวไรกับมึง”

   “ก็จะได้เท่าเทียมกับที่มึงไปรับไปส่งกูไง คราวนี้กูจะทำบ้าง” โถพ่อสารถีของเติร์ด ถุย! ไม่อยากได้หรอกครับ ทำดีหวังผลแน่ถ้ามาไม้นี้

   “ไม่ต้อง”

   “มึงตกลงแล้วนะ ดีเลยๆ”

   “ฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องเหรอ”

   “ก็ไม่ได้ฟังภาษาคน นี่ฟังตามเสียงหัวใจตัวเอง”

   ไหน ขอกระโถนหน่อยซิ

   “จะขับไปๆ กลับๆ ทำไมวะในเมื่อมหา’ลัยแม่งใกล้คอนโดมึงขนาดนั้น ถ้ากูลำบากเชี่ยโบนกับเชี่ยทูก็ต้องช่วยอยู่แล้ว”

   “มันไม่เหมือนกัน ตอนแรกกูก็คิดนะว่าจะย้ายไปอยู่กับพวกมึง แต่ตอนนี้ไม่เอาดีกว่า เผื่อวันนึงมึงย้ายมาอยู่ที่นี่ด้วยกัน”

   “ฝันเหรอ”

   “คนเราก็ต้องมีความหวังนะมึง” เห้ออออออ เอาที่มึงสบายใจ

   ผมกำลังตั้งหน้าตั้งตาหยิบจานอาหารจากสายพาน หลังเสียเวลาโต้เถียงเรื่องไร้สาระกับไอ้ค่ายอยู่นาน แต่พอตั้งท่าเอื้อมมือจะหยิบจานไหน จานนั้นเป็นอันต้องถูกฉกจากคนใจบาปอย่างมันตลอดเลย

   “นี่มึงตั้งใจแกล้งกูป่ะเนี่ย” ถามออกไปเสียงขุ่น แต่คนฟังกลับยิ้มร่า

   “ไม่ได้แกล้ง”

   ผมเอื้อมมือหยิบจานใหม่อีก

   “นี่ไง” สุดท้ายก็โดนฉกไปอย่างรู้ทัน

   “บ่นอะไรแง้วๆ ข้างหู รำคาญจังครับ”

   “กูหิว กูจะกินเนี่ย!”

   “ก็นี่ไง หยิบมาให้ ไม่ได้จะกินเองซะหน่อย” หลังจากนั้นมันก็ลอบหัวเราะเหมือนมีความสุข

   ผมก้มมองของกินหลายๆ จานครู่หนึ่ง ก่อนจะพบว่าทุกอย่างที่ไอ้ค่ายหยิบมาเป็นของที่ผมชอบกินทั้งนั้น ปกติของที่จะไม่ชอบผมจะไม่หยิบเลย และในทุกจานที่อยู่ตรงหน้าก็ไม่มีอาหารที่ผมเกลียดแม้แต่อย่างเดียว

   “กุ้งนี้ลวกนะ เดี๋ยวแกะให้” มันพูดอย่างอารมณ์ดี

   “ไม่ต้อง จะแกะเอง”

   “เจ็บมือน้า กว่าจะได้กินลำบากเลย”

   “เค็มขี้มือของมึง กูไม่อยากกิน”

   “งั้นเอามือจุ่มน้ำร้อนก่อน”

   “เฮ้ยทำไรวะ” ผมแหวขึ้นทันทีเมื่อเห็นว่าฝ่ามือหนากำลังจ่ออยู่ตรงปากหม้อร้อนๆ เหี้ยนี่ต้องเล่นสงครามประสาทกับผมแน่ๆ มันจะอะไรนักหนาวะ

   สุดท้ายก็เลยต้องปล่อยเลยตามเลย กินไปเถียงกันไป แถมโชคดีมีคนแกะกุ้งให้ด้วย รวมๆ แล้วไอ้ค่ายแทบไม่กินอะไรเลยนอกจากบริการให้ผม

   “ค่าย” และจู่ๆ ความสุขในการกินของผมก็ต้องหยุดชะงักเมื่อใครคนหนึ่งเรียกชื่อของคนตัวสูง

   ถ้าจำไม่ผิดคนนี้น่าจะเคยไปไหนมาไหนกับไอ้ค่ายช่วงหนึ่งเลยมั้ง แค่ผมไม่รู้ว่าเธอชื่ออะไร เพราะบรรดากิ๊กของเพื่อนคนนี้เยอะจนนับนิ้วไม่ครบ

   “อ้าว หวัดดี”

   “มากินบุฟเฟ่ต์เหรอ”

   “อืม แล้วนี่มากับใคร” มันถามต่อ

   “กับเพื่อนน่ะ งั้นไปนั่งที่โต๊ะก่อนนะ”

   “โอเค”

   “บาย”

   “บาย”

   อาลัยอาวรณ์กันจังวะ

   “เป็นอะไร โหดน้อยหึงผมเหรอ” พอหลุดโฟกัสจากเขาหน่อยก็มาเขี่ยคางกูเล่นเลยนะ บอกเลยไม่ตลก ผมรีบสะบัดมืออีกฝ่ายออกอย่างเร็วรี่

   “กูได้แสดงออกว่าหึงเหรอ ประสาท”

   “โอเคไม่หึงก็ได้ เมื่อกี้โจทก์เก่า”

   “เออ พอจำได้”

   “มึงนี่เก่งเนาะ เอาจริงกูยังจำชื่อเขาไม่ได้ด้วยซ้ำ ฮ่าๆ” โคตรเหี้ย เหี้ยบรม นี่เหรอวะคนที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาจีบผม ไม่ใช่พอวันนึงห่างหายกันไป มันไม่ลืมชื่อไปด้วยเหรอ

   “ไอ้ค่าย กูถามอะไรหน่อยสิ”

   “ว่ามา” ปากว่า หากแต่มือกำลังขะมักเขม้นกับการแกะกุ้งเค็มๆ ใส่จานผมอยู่

   “คนที่ผ่านมาใครเป็นที่สุด กูหมายถึงผู้หญิงที่มึงรักและเคยคบอ่ะ” ไม่รู้ดิ ผมเคยบอกแล้วว่าผมไม่มั่นใจในตัวมัน เพราะลึกๆ ยังรู้สึกกลัวความไม่แน่นอนในใจของไอ้ค่ายอยู่ ดังนั้นเลยถือโอกาสถามถึงสิ่งที่ค้างคาในใจมาเนิ่นนาน

   “ก็ไม่มีใครเป็นที่สุดนะ”

   “แล้วผู้หญิงคนก่อนที่มึงตัดสินใจคบเป็นแฟนอ่ะ”

   “แจมเหรอ ที่เวลางอนแล้วให้กูเดาใจว่าผิดอะไรอ่ะนะ กูถามก็ไม่ยอมบอก ชอบท้าเลิกเป็นประจำ พอกูรำคาญบอกเลิกกลับก็โกรธ แม่งจำได้ขึ้นใจเลย”

   สัด ที่พูดมามีแต่ข้อเสีย

   “ความจริงแจมก็ดีนะ เอาใจใส่ดีถึงจะขี้งอแงอยู่นิดหน่อย แต่เพราะกูไม่หยุดเรื่องแจมก็เลยจบลงง่ายๆ ที่ผ่านมากูเหี้ยแค่ไหนมึงก็รู้ เขาควรเจอคนที่ดีกว่ากู”

   “ก็รู้ตัวหนิ”

   “ไม่เหมือนมึงที่ไม่อยากให้เจอคนดีๆ เลย”

   “...”

   “อยากให้อยู่กับคนเหี้ยๆ อย่างกูต่อไปเนี่ยแหละ” ฟังแล้วอยากจะตบหูหลุด

   “รำคาญ เดี๋ยวกูสาดน้ำร้อนใส่หน้ามึงนะ”

   “แลกกันมั้ย ให้กูทำรอยบนคอมึงเป็นการตอบแทน” ไอ้เห็บหมา มึง…หยาบโลนเกินมนุษย์มนา เมื่อก่อนตอนเป็นเพื่อนมันก็ไม่เคยจาบจ้วงกับผมหนักขนาดนี้นะ ตอนนี้ไม่รู้เป็นห่าอะไรแสดงสันดานดิบออกมาทุกสองนาที

   ต่อไปผมคงต้องสมัครเว็บ 18+ ออนไลน์เอาไว้ซื้อเซ็กซ์ทอยบำบัดอาการหื่นกามขั้นสุดของมันซะละ

   “กินต่อๆ โอ๋นะ...กูพูดเล่น” แต่หน้าแม่งจริงจังมาก

   กินได้แป๊บๆ มันก็สะกิดอีก ผมที่กินไม่อิ่มกับไอ้ค่ายที่นั่งอืดถ่วงเวลาทำให้ผมต้องหันไปมองคนเจ้าปัญหาตาขวาง

   “มีไร”

   “ขอดูมือถือหน่อย” มาล้วงความลับอะไรอีกล่ะ คราวก่อนที่ให้ไอ้ทูมาแอบเช็กไลน์กูยังไม่ได้คิดบัญชีเลย

   “ไม่ให้”

   “ขอบคุณนะ” เท่านั้นแหละครับมือแม่งตะปบลงบนกระเป๋ากางเกงผมทันที หน้าด้านแค่ไหนถึงขนาดล้วงมือเข้ามาฉกมือถือของชาวบ้านไปหน้าตาเฉยขนาดนี้ กดไปได้สักพักมันก็บ่นอีก “เปลี่ยนรหัสเหรอ”

   “ใครจะใช้รหัสเดิมให้โง่วะ”

   “นี่ไง ได้ละ”

   “เชี่ย มึงรู้ได้ไง”

   “ตัวเลขในชีวิตมึงจะมีกี่ตัวกันเชียว”

   Rrrr..!

   “มีคนโทรมา ส่งมือถือมาให้กูเดี๋ยวนะ” ผมกระดิกนิ้วรัวแต่เหมือนไอ้ค่ายจะไม่ให้ความร่วมมือเท่าที่ควร เมื่อมันเอาแต่ส่ายหน้าและหยิบมือถือที่วางอยู่ข้างตัวขึ้นมามองชื่อที่ปรากฎบนหน้าจอ

   “เสียงจากเครื่องกูต่างหาก”

   “แต่มึงควรคืนของกูมาก่อนมั้ย”

   “ไอ้โบนว่ะ มึงรับให้หน่อย” มือหนาส่งต่อมือถือของมันมาให้ผม

   “ทำไมกูต้องรับด้วยวะ มึงนั่นแหละรับ แล้วห้ามบอกด้วยว่ากำลังอยู่กับกู” ผมย้ำเสียงเข้ม ก่อนคนตัวสูงจะทำตามคำสั่งพลางกรอกเสียงลงไป

   “ว่าไง...อยู่ข้างนอก”

   “บอกไปว่าไม่ได้อยู่กับกู” พยายามกระซิบบอกอีกฝ่ายด้วยเสียงที่เบาที่สุดเท่าที่จะทำได้

   “ไอ้เติร์ดไม่อยู่ มึงโทรมามีอะไร อ๋อ...ไว้วันหลังแล้วกัน แค่นี้นะพอดีกำลังยุ่ง” จากนั้นก็กดตัดสายไป ผมจึงถามต่ออย่างอยากรู้

   “ไอ้โบนโทรมาทำไมวะ”

   “มันบอกจะชวนกูมาหาอะไรกินข้างนอก แต่ไม่ต้องห่วงปฏิเสธไปละ”

   “เออดี” ถ้ามันรู้ไอ้ทูก็ต้องรู้ เมื่อวานยังทำตัวเย่อหยิ่งบอกจะไม่มากินข้าวกับไอ้ค่ายเด็ดขาด ขืนมันรู้ว่านั่งอยู่ด้วยกันก็หน้าแตกกระจายกันหมดดิ

   “เฮ้ย ใครเอ่ย”

   แต่ไม่รู้ว่านรกชังหรือสวรรค์แกล้งนะครับ ร้านก็มีเป็นร้อย ทำม๊ายทำไมลูกค้ารายใหม่ที่เดินเข้ามาถึงได้หน้าตาคุ้นเคยขนาดนี้

   “ไอ้ค่าย ไอ้เติร์ด มาได้ไงว้าาาาาา” ผีเปรตเจาะปากมันมาพูดชัวร์ เพราะมาทีเล่นเป็นแพ็คคู่ทั้งไอ้ทูและไอ้โบน จะมุดโต๊ะตอนนี้ก็คงไม่ทันเลยได้แต่เนียนๆ ไปกับไอ้ค่าย

   “อ้าววววววววว มึงสองตัวก็มาเหรอ เฮ้ย! บังเอิญว่ะ ฮ่าๆ”

   “บังเอิญจริงๆ นี่เมื่อกี้กูยังโทรหาไอ้ค่ายอยู่เลยกะชวนมันมาหาไรกินที่ร้านนี้แหละ”

   “ดีเนอะ”

   “ว่าแต่มึงเถอะไอ้เติร์ด ไหนบอกมีนัดกับพี่เชนทร์”

   “เลิกเร็วไงเลยออกมาหาไรกิน แล้วบังเอิญเจอไอ้ค่ายอีก แย่จัง”

   “ใช่ๆ ทำไมโลกกลมขนาดนี้วะ มึงสองคนก็นั่งด้วยกันดิ” คนตัวสูงช่วยพูด แต่เหมือนทุกอย่างไม่ได้ดีขึ้นเลย

   “ไม่ๆ ขี้เกียจบังเอิญนั่งด้วยกันอีก เดี๋ยวกูขอจองมุมโน้นแล้วกัน”

   “กูขอบังเอิญตามมึงไปด้วยนะไอ้โบน รอด้วย”

   แล้วมันสองตัวก็เดินตรงไปยังมุมหนึ่งของร้านซึ่งเป็นที่นั่งส่วนตัว ในใจกูก็คิดนะว่าโดนเข้าให้แล้วแต่ทุกอย่างยังไม่หนักหนาเท่ากับตอนที่ไลน์ในมือถือของผมกับไอ้ค่ายเด้งขึ้นมาพร้อมกัน

   ติ๊ง!

   วินาทีนั้นผมรีบคว้าโทรศัพท์จากมือหนาทันควัน ก่อนจะเปิดแจ้งเตือนที่โชว์หราตรงหน้าโฮมอย่างไวว่อง เท่านั้นแหละครับ
   

BoneChone
ไอ้สัดไม่เนียน ไปเรียนมาใหม่

Tatt’oo
กูเห็นตั้งแต่มึงเดินเข้าร้านแล้ว
*แนบรูป*


BoneChone
แกะกุ้งมันยากขนาดนั้นเลยเหรอครับ ถึงต้องแกะให้กันด้วย
*แนบรูป*


Tatt’oo
ล้วงกางเกงกันคาร้านก็มี
*แนบรูป*


BoneChone
ยังจะมาเนียนบอกบังเอิญเจอกันอีก
มึงคิดว่ากูแดกหญ้าเหรอ ไอ้ฟาย



แสรดดดดดดดดดดดดดดด พอแล้วเลิกตอกย้ำกู พอ! อายจนไม่รู้จะมุดหน้าไปไว้ที่ไหน ไอ้เหี้ยสองตัวมันเล่นถ่ายมาทุกช็อตราวกับจะรวมอัลบั้มทำโฟโต้บุ๊ค แม่งยังมีน่ามาเล่นเกมตอแหลกับกูตั้งนานสองนาน นี่เรายังเป็นเพื่อนกันอยู่มั้ย

หักหน้าแล้ว หักหน้าอีกจนไม่เหลือสภาพ

แต่อะไรก็ไม่เจ็บใจเท่าข้อความใหม่ที่เด้งขึ้นมาจากใครบางคน



K.Khunpol
แผนแตกแล้วทำไงดี
เปิดตัวเป็นแฟนกันเลยมั้ยไอ้เติร์ด

(✿◕‿◕)


   แฟนพ่องดิสาด!










   บรรยากาศตอนขับรถกลับเต็มไปด้วยความขมุกขมัว รู้สึกอารมณ์ยังไม่คงที่เลยเปิดเพลงเสียงดังเพื่อทำลายความรำคาญที่เกิดขึ้นจากคนข้างๆ

   ไอ้ค่ายมันก็พูดติดตลกไม่หยุด ก่อนจะกดเปลี่ยนเพลงของผมจนเผลอเอื้อมมือไปตบหัวมันฉาดใหญ่ ก็บอกแล้วว่าฟอร์มจัดกับไอ้ทูไปเยอะ สุดท้ายพอมันมารู้อย่างนี้ผมเลยอายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน

   “งอนเหรอ” ยังมีหน้าเอานิ้วมาจิ้มแขนกูอีก พ่อจะหลังแหวนให้

   “เงียบไป”

   “เพื่อนในกลุ่มป่ะวะ อายไร”

   “ก็กูบอกไอ้ทูว่าจะไม่มากับมึง”

   “เอ้า สุดท้ายเปลี่ยนใจไม่ได้เหรอ เพื่อนมันล้อไม่เกินสองวันหรอก” เรื่องเก่าตอนไอ้ค่ายฝันเปียกเชี่ยโบนยังเล่ามาจนถึงทุกวันนี้

   ลืมห่าอะไร สมองมันจำเรื่องเหี้ยๆ แม่นจะตาย

   “ฟังเพลงดีกว่า นี่กูชอบเพลงนี้มาก She will…be loved ฟังตอนขับรถนี่อารมณ์ดีขึ้นเลยนะเว้ย”

   “อย่าร้อง กูรำคาญเสียงมึง”

   “พรุ่งนี้พาไปเลี้ยงหนัง”

   “พอ พรุ่งนี้กูมีนัดกับพี่เชนทร์จริงๆ ส่วนมึงก็ทำงานทำการบ้าง”

   “งั้นมึงอยากได้อะไร กูจะซื้อมาให้”

   “กูไม่เคยอยากได้อะไรและก็ไม่ต้องซื้อให้กูเหมือนที่มึงชอบทำกับคนอื่น แค่ดูแลกูเหมือนเพื่อนก็พอ” เบื่อนิสัยชอบซื้อของเพื่อมัดใจฉิบหาย มันอาจจะได้ผลเฉพาะบางคนแต่กับผมไม่ใช่อย่างนั้น

   ไอ้ค่ายเติบโตมาในครอบครัวที่มีกินมีใช้เหลือเฟือ โดนเลี้ยงดูปลูกฝังด้วยวัตถุนิยมเป็นสำคัญ ดังนั้นตอนเจอมันครั้งแรกตอนปีหนึ่ง ผมถึงได้เห็นมันชอบเอาขนมหรือของต่างๆ มาซื้อใจเพื่อนเต็มไปหมด

   “มึงกับกูเราเลยจุดจะดูแลกันเหมือนเพื่อนไปแล้ว”

   “มันต่างกับที่มึงทำกับกูเมื่อก่อนตรงไหน” บอกตามตรงว่าตอนนี้ผมไม่มีสมาธิในการขับรถเลย เพราะเอาแต่จมจ่อมกันการฟังคำตอบจากคนข้างๆ มากกว่า

   “ก็ต่างตรงความรู้สึกเนี่ยแหละ นี่มีอะไรจะเล่าให้ฟัง”

   “อืม”

   “จะเลยแยกหน้าแล้ว ตบเลี้ยวซ้ายสิ” เออว่ะ มัวแต่ขับเพลินจนลืมว่าควรไปไหน “เล่าต่อ...”

   “เดี๋ยว ไม่ใช่เรื่องที่กูขับเลยแยกเหรอ”

   “ใช่ที่ไหนล่ะ กูจะเล่าสิ่งที่กูชอบในตัวมึงให้ฟัง คงไม่ใช่เพราะเราชอบอะไรเหมือนกันอย่างเดียวหรอกถึงมาเป็นเพื่อนสนิทกันได้”

   “จริงๆ กูต่างกับมึงแค่เลเวลความหื่น มึงควรอยู่ในหมวดไอ้ทูกับไอ้โบน”

   “สัด! หมดโรแมนติกเลย”

   “มีงี้ด้วย”

   “ตอนเจอแล้วได้คุยกับมึงครั้งแรกกูเหมือนได้เปิดโลกนอกกะลาของกูเยอะมาก โลกของเพื่อนที่ชอบชวนกูไปทำโน่นทำนี่ที่มีสาระ เวลากูบอกว่าไม่ชอบอะไร มึงจะบอกให้กูเปิดใจและลองทำมัน และสุดท้ายกูก็ชอบเหมือนกัน”

   “...”

   “อย่างกูบอกมึงตลอดว่าไม่ชอบหนังรัก แต่มึงก็ชอบลากกูไปดูหนังรัก”

   “แล้วชอบมั้ย”

   “บางเรื่อง ดีกว่าแต่ก่อนเพราะเกลียดทุกเรื่อง”

   “ก็ดีแล้ว”

   “ปีหนึ่งช่วงรับน้องกูเกลียดระบบรุ่นพี่ เขาให้ใส่เสื้อดำกูใส่เสื้อขาว เขาสั่งให้ใส่รองเท้าผ้าใบขาวกูใส่สีดำ แต่มึงบอกให้กูเปลี่ยนและพยายามทำความเข้าใจกับระบบมากกว่า” นึกย้อนกลับไปตอนนั้นก็ตลก รุ่นพี่นิเทศฯ มักแปะรูปของไอ้ค่ายในตำนานนั้นเอาไว้ตามบอร์ดกิจกรรมเสมอ

   รูปที่มันแปลกแยกกว่าชาวบ้าน ขาวอยู่คนเดียวในกลุ่มเสื้อดำ ตัดผมทรงกวนตีน ใส่ต่างหูรูปไม้กางเขนอันมหึมา ด้วยหน้าตาและความแบดของมันทำให้รุ่นพี่ผู้ชายหมั่นไส้กันครึ่งคณะ ผมไม่ได้อยากให้มันเรียนรู้ระบบ แต่ผมแค่อยากให้มันเอาตัวรอดในช่วงเวลานั้นต่างหาก

   จุดประสงค์มีอยู่แค่นี้ แต่คิดว่าปล่อยให้รู้แบบนั้นต่อไปก็คงไม่ต่างกัน

   “กูยังคิดด้วยซ้ำว่าตอนเลือกเมเจอร์ก่อนขึ้นปีสามกูจะชอบฟิล์มจริงๆ อย่างที่ปากพูดมั้ย”

   “แล้วชอบจริงป่ะ หรือพลาด”

   “ชอบจริงดิ ตกหลุมรักเลย” ผมเหลือบมองร่างสูงที่นั่งอยู่เบาะข้างๆ สายตามันดูไม่ค่อยปกติเท่าไหร่

   “ชอบก็ดีแล้ว มันจะเป็นอาชีพของมึงตลอดชีวิต”

   “งั้นกูจะชอบต่อไป ช่วยอยู่กับกูตลอดชีวิตด้วย”

   “มาอ้อนวอนกับอาชีพทำไมตอนนี้”

   “กูไม่ได้หมายถึงอาชีพ กูหมายถึงมึง”

   “หยอดได้ตลอดเวลาเลยนะมึง ถึงว่าสาวติดตรึม” ผมรีบเปลี่ยนเรื่อง เลี้ยวรถเข้าคอนโดของไอ้ค่ายก่อนจะเดินส่งมันถึงหน้าห้องตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายจากแม่และพี่สาวของมัน

   “เดี๋ยวกูกลับละ เจอกันพรุ่งนี้” ผมโบกมือลา ตั้งท่าเดินหันหลังกลับแต่มือหนาของคนตรงหน้าไวกว่านั้นเมื่อมันคว้าข้อมือผมและยืดเอาไว้ให้อยู่ที่เดิม

   “ยังไม่ดึกเลย เข้ามาก่อนดิ พอดีมีแผ่นหนังที่ได้จากร้านต้นฉบับมา”

   “...”

   “อยากให้”

   ผมยืนชั่งใจอยู่นานสุดท้ายก็ตกหลุมพรางคนเจ้าเล่ห์จนได้ หลังจากทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาไอ้ค่ายก็กุลีกุจอหาแผ่นหนังของมันอย่างตั้งใจก่อนจะยื่นให้กับผม

   “Spirit Away”

   “ใช่ กูเคยดูไปก่อนหน้านั้นจากช่องเคเบิ้ล แต่เพิ่งหาซื้อแผ่นนึงมาให้มึง”

   “ปกติมึงไม่ชอบดูแอนิเมชั่นนี่หว่า”

   “ตอนนี้เริ่มเปิดใจแล้วว่ะ” ร่างสูงนั่งแปะตรงโซฟาเคียงข้างผม มือข้างหนึ่งกดรีโมทเปลี่ยนช่องทีวีไปเรื่อย ส่วนสายตาก็จ้องมองจอไม่ลดละ

   “เติร์ด...กูเป็นคนยังไงในสายตามึง” จู่ๆ ผมก็ได้ยินคำถามที่ไม่คิดว่าจะหลุดออกจากปากของไอ้ค่ายซะอย่างนั้น ตอนนี้ก็ยังไม่ดึกคงไม่ง่วงมาก เมาก็คงไม่ใช่เพราะไม่ได้แตะแอลกอฮอล์แม้แต่ปลายลิ้น คนที่ไม่แคร์ใครอย่างมันทำไมถึงถามแบบนี้ได้วะ

   “แคร์ด้วยเหรอ”

   “คนอื่นไม่แคร์ แต่กับมึงเลยอยากรู้”

   “อย่างมึงเหรอ ก็คนเหี้ยๆ คนหนึ่งอ่ะ ใช้ความหล่อ ความรวย และคารมไว้มัดใจคน” นี่คือความจริงที่ใครก็สังเกตเห็น เพราะตลอดหลายปีที่ผ่านมาเจ้าตัวเป็นแบบนั้น

   “แล้วความหล่อ ความรวย และคารมมันไม่ดีเหรอวะ” ทีวียังถูกกดเปลี่ยนช่องไปเรื่อยๆ โดยไม่มีท่าทีว่าจะหยุด แต่ผมก็ไม่ได้สนใจนอกจากตอบคำถาม

   “มันดีถ้ามึงรู้จักใช้ แต่ที่ผ่านมามึงใช้พร่ำเพรื่อเกินไป”

   “ตอนนี้เลิกแล้ว”

   “เออ”

   และทีวีก็มาหยุดอยู่ที่ช่องฉายหนังเก่าช่องหนึ่ง แต่เราต่างรู้ว่าไม่มีใครจดจ่อกับหนังที่กำลังฉายหรอก สายตามองตรงไปก็จริง หากแต่สมองกลับคิดวนเวียนคิดแต่เรื่องที่คุยกัน

   “เติร์ด...”

   “อะไรอีก”

   “มึงเคยจูบใครมั้ย”

   “...” ก็มึงไง แต่ผมเลือกที่จะไม่พูด เรื่องแย่ๆ จะพูดถึงมันทำไม

   “คงมีแค่กูแน่ๆ ที่จูบมึงหลายครั้ง และทุกครั้งมึงก็ร้องไห้ตลอด”

   “ความเหี้ยของมึงล้วนๆ” ผมเถียงกลับ ครั้งแรกตอนที่มันจูบผมแล้วเรียกชื่อผู้หญิงคนอื่น ครั้งที่สองคือตอนที่รอแก๊งปีสี่ที่ใต้ถุนคณะและผมพูดว่ารังเกียจมัน

   ใครจะรู้ว่าในใครลึกๆ แม่งก็เจ็บไม่ต่างกันนั่นแหละ

   “แล้วมึงเคยจูบใครแบบไม่ร้องไห้ป่ะ”

   “...”

   “เดาว่าไม่เคยแน่ๆ”

   “...”

   “อยากรู้มั้ยว่าจูบแบบมีความสุขเป็นยังไง เดี๋ยวสอนให้”

   “ไม่ต้อง” ผมรีบปัดปฏิเสธอย่างรวดเร็ว แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือรอยยิ้มเย็นกับท่าทางคุกคามที่ส่งผลให้ผมต้องทำตัวลีบแทบติดกับโซฟา

   ไอ้ค่ายเขยิบเข้ามาใกล้มากขึ้นจนลมหายใจแทบเป่ารดหน้า กายสูงเลื่อนตัวประชิดและล็อกผมเอาไว้ไม่ให้ขยับไปไหน ก่อนหัวใจจะเต้นโครมครามหนักขึ้นเมื่อมันพูดประโยคหนึ่งออกมา

   “จูบแบบมีความสุขมือต้องผสานกันแบบนี้” มือหนาสอดนิ้วทั้งห้าของมันเข้ามาตรงช่องว่างระหว่างนิ้วของผมจนแนบสนิท พลางดันร่างผมจนหลังติดกับผนักโซฟา จากนั้นก็กดมือที่ผสานกันอยู่นั้นฝังเอาไว้กับความนุ่มจนไม่เหลือช่องว่าง

   “มองตากันแบบนี้”

   ผมไม่กล้ามอง ให้ตายยังไงก็ไม่มอง

   “เติร์ด มองตากูหน่อย”

   “ปล่อยได้ละ กูจะกลับห้อง”

   “งั้นมองตากูก่อนสิเดี๋ยวจะปล่อย” ผมใช้เวลาคิดทบทวนประโยคของคนตรงหน้าในหัวครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ยอมเงยหน้าขึ้นมาสบตากับอีกฝ่ายตรงๆ

   แววตาของไอ้ค่ายไม่เหมือนกับทุกครั้งที่มอง มันไม่ได้เมา แต่คิดว่าคงเสียสติพอประมาณที่ทำแบบนี้ เพียงเสี้ยววินาทีที่สายตาสบกัน ความร้อนผ่าวก็แผ่ซ่านเข้ามาบนใบหน้าของผม หนักหน่วงถึงขนาดรู้สึกได้เลยว่าหน้าคงแดงมากหากมองใกล้ๆ

   และผมรู้ในตอนนั้นว่าโดนหลอกซะสนิท

   “จูบอย่างมีความสุขไม่ต้องใช้อะไรมากแค่ขอให้มึงเปิดใจและรับความรู้สึกของกู ส่วนกูก็จะรับความรู้สึกจากมึงแบบนี้”

   ก่อนที่โลกทั้งใบจะขาดอากาศหายใจ...

   ก่อนที่ผมจะรู้สึกว่าตัวเองโอนอ่อนให้กับการกระทำของเพื่อนคนนี้ไปมากแค่ไหน แต่มันก็ไม่ทันแล้ว

   ริมฝีปากร้อนประกบจูบนิ่มนวลไม่มีท่าทีเร่งเร้า ให้โอกาสเราได้สัมผัสกันเพื่อซึมซับความรู้สึกบางอย่าง หรือบางทีอาจเป็นความรู้สึกที่เรียกว่าโหยหา

   ผมได้แต่หลับตา ปล่อยให้คนเหนือร่างเป็นฝ่ายควบคุมอย่างช่ำชอง ก่อนลิ้นร้อนจะค่อยๆ แทรกเข้าไปภายใน ร่างกายผมกระตุกวูบในช่วงแรกแต่สมองก็ว่างเปล่าเกินกว่าจะคิดอะไรออก รู้ตัวอีกทีผมก็ไม่ได้รู้สึกรังเกียจที่ถูกจูบแบบนี้แล้ว

   เรียวลิ้นร้อนชื้นเกี่ยวกระหวัดหยอกล้ออย่างชำนาญและเต็มไปความรู้สึกหลากหลาย คราแรกแผ่วเบา แต่ไม่นานกลับหนักหน่วงขึ้นราวกับจะสูบวิญญาณออกจากร่าง เร่งเร้าให้ผมทนไม่ไหวจนเผลอเปล่งเสียงครางผะแผ่วตอบรับอย่างลืมตัว

   มันน่าอายแต่ก็ห้ามตัวเองไม่ได้

   อยากผลักอีกฝ่ายออก แต่อีกใจหนึ่งก็โหยหา ซึ่งแม่งเป็นความย้อนแย้งที่ผมก็ไม่สามารถอธิบายให้ตัวเองเข้าใจได้เหมือนกัน

   ริมฝีปากได้รูปยังคงตะโบมจูบปนขบกัดเบาๆ ไม่ยอมปล่อยให้ผมได้พักหายใจ มากกว่านั้นยังใช้ปลายลิ้นร้อนนั้นสัมผัสกับสบฟันก่อนชักนำและหยอกล้อแลกเปลี่ยนความหวานในโพรงปาก

   ฝ่ามือหนากระชับแน่นขึ้น เมื่อใบหน้าหล่อเหลาเอียงองศาของใบหน้าเพื่อให้เราได้สัมผัสกันมากกว่าเดิม ทั้งดวงตา จมูก ริมฝีปาก ทุกอย่างแทบหลอมรวมเป็นเนื้อเดียว กระทั่งออกซิเจนในร่างกายก็ค่อยๆ ลดลงเรื่อยๆ ลมหายใจของคนอ่อนประสบการณ์อย่างผมเริ่มติดขัด ถึงได้ร้องประท้วงด้วยเสียงอู้อี้ออกมา

   ไอ้ค่ายยอมผละริมฝีปากอย่างว่าง่ายก่อนจะปล่อยให้ผมได้หายใจด้วยตัวเอง หากแต่ดวงตาที่มองสบมานั้นยังคงเต็มไปด้วยแรงอารมณ์มากมาย

   ผมปล่อยให้มันจูบอีกครั้งและทำแบบนี้ซ้ำๆ โดยไม่โต้แย้งใดๆ เพราะเพิ่งได้สัมผัสกับความสุขจากการจูบครั้งแรก ความสุขที่ไอ้ค่ายทำให้ผมได้รู้จักมัน

   “ร้องไห้อีกแล้ว จูบของกูมันแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ” เสียงทุ้มแทรกเข้ามาแทนที่ความอื้ออึงในหู ก่อนจะค้นพบว่าริมฝีปากของตัวเองถูกคนตรงหน้าปล่อยเป็นอิสระแล้ว แถมมันกำลังเอื้อมมือขึ้นมาเช็ดน้ำตาให้อีกต่างหาก

   “ก็มึง...”

   “แย่ก็เก็บไว้ในใจ ถ้ามีความสุขก็เก็บไว้”

   “แต่กู...”

   “ชู่ววววว กูเป็นคนหวงวิชา ห้ามไปใช้กับคนอื่นนะ”

   “...”

    “เพราะงั้นเราต้องเก็บไว้ใช้ด้วยกันสองคน”





หายไปนานกลับมาเจอกันอีกครั้ง
คราวนี้พี่ค่ายจิไม่ยอมให้ใครว่าได้ว่ากาก แต่ก็ยังกากอยู่นั่นแหละ
ขอกำลังใจจากทุกคนหน่อยค่า ช่วงนี้ชีวิตเพลียมาก
รักและคิดถึงเสมอ #ทฤษฎีจีบเธอ

ออฟไลน์ boboman

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-2
 :z13:
กรี๊ดดด โอ้ละหนอ ฉากจูบ หวานดีจัง ชอบจังเลยย :-[
อิค่ายนี่หื่นดีจริงๆ 555555 :hao7:
เนียนเว่อร์ พูดเยอะแยะ อยากจูบเติร์ดก็บอกตรงๆ 555555
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-08-2017 21:02:46 โดย boboman »

ออฟไลน์ เจ้าหญิงขี้ลืม

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-4
โอ๊ย เหม็นความรัก :hao7:

ออฟไลน์ wichiwiwie

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 69
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เย้ๆ กลับมาแล้ววววว กลับมาพร้อมความสัมพันธ์ที่ดูเหมือนจะพัฒนาขึ้น(?) ของค่ายกับเติร์ด
แล้วก็ความจริงที่ว่า พี่เชนทร์หลอกค่ายเรื่องพี่อั๋น 55555555
เป็นกำลังใจให้นุ้งค่ายยยย~~ แล้วก็เป็นกำลังใจให้ไรท์ด้วยน้าา
 :mew1: :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
เติร์ดปากช้ำไปหมดแล้วมั้ง  :z1:

ออฟไลน์ ก้อนขี้เกียจ

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 580
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-1
 :hao7: :hao7: :hao7: เขิน55555

ออฟไลน์ AmiTiel

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 6
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ช่วงที่เค้าจูบกันมันควรจะเขินใช่ไหมอ่ะ ทำไมเราอ่านแล้วร้องไห้ รู้สึกอินไปกับเติร์ดมากเลย  :hao5: ได้อ่านพาร์ทของเติร์ดแล้ว ก็รู้สึกว่าเติร์ดรักค่ายมากจริงๆอ่ะ ถึงจะบอกว่าตัดใจแล้วก็เหอะ  :mew6: เป็นกำลังใจให้ทั้งสองคนเลย ชอบความรักแบบนี้นะ ค่อยๆเป็นค่อยๆไป ปรับเข้าหากันทีละนิดทีละหน่อย (ถึงค่ายจะออกตัวแรงขนาดนั้นก็ตาม555)

ขอบคุณจิตติมากๆเลยสำหรับนิยายดีๆอีกตอน  :heaven

ออฟไลน์ Xll

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 12
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
 :z3:  :z3: :z3: :z3:
 :ling1: :ling1: :ling1: :ling1:

โอ๊ยยยยยยยยยยยยยยยย อีค่ายโว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย ฮื่ออออ ทำลุกชุ้นล้องห้ายอีกล้าววววว (ถึงจะเป็นน้ำตาแห่งความปีติสุขก็เถอะ) แต่แหมมม แกเอ้ยยยยยยย ทำมาเปงสอนจูบแบบมีความสุข กูนี่เขิลสุด นอกจากจะเขิลแล้วยังอินกะลูกเติร์ดด้วยย ฮื่อออ ในที่สุดหนูก็จะมีความสุขจริงๆซักทีใช่ไหมลูกกกก ใช้สมองมาเยอะแล้วบางทีหนูก็ควรเปิดใจบ้าง โอ๊ยยยย ดีใจมากที่ลูกชุ้นจะมีความสุขกะเค้าซักที ฮื่อออออ ส่วนอีค่าย หมั่นไส้มึงว่ะ 5555555555555555


ส่วนอีพี่เชนทร์นี่คือวางแผนทุกอย่าง พอโป๊ะแตกแล้วแบบ อีเหี้ยยยย 555555555555555

อยากอ่านตอนที่14ล้าววว รอไม่ไหวล้าวววววว  :katai4: :hao7:

 :z3: :z3: :z3:

ปล.เหม็นความรักว่ะะะะะะ :z6:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-08-2017 21:11:35 โดย Xll »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 13 [11/08/60] *หน้า35
« ตอบ #1039 เมื่อ: 11-08-2017 21:08:24 »





ออฟไลน์ Apinnoolek

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
อ่านแล้วเขิน พี่ค่ายรุกหนักมากค่ะ อิอิ :hao3: :hao3:

ออฟไลน์ O-RA DUNGPRANG

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-5
เราทีมโหดกาก

ออฟไลน์ fahsai

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 815
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-2
มีพัฒนาการรรรรรร ฉากจูบหวานมากกก

ออฟไลน์ pui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2178
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +177/-3
โอ้โหหหหหหหหหหหหหหห ค่ายยยยยยยยยยยยยยยย เติร์ดน้อยของพี่อย่าพึ่งยอมมันลูก
ขอบคุณค่ะ^^

ออฟไลน์ Cinnamon Roll!!!

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 102
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ทีมค่ายคนเลิกกาก โหดน้อยระวังหัวใจไว้ให้ดี  :hao3: :hao3: :hao3:

ออฟไลน์ กฤษณ์

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 649
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
โอ้ย กลัวค่าย หื่นได้ทุกที่ทุกเวลาจริงๆ

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
ค่ายว่ากากแล้ว
เจอเตืร์ดไม่เนียนได้กากยิ่งกว่า

ปรบมือรัว ๆ ให้เพื่อนชั่วสองคนที่กระหน่ำซ้ำเติมแบบไม่มีบันยะบันยัง ขอให้ชีวิตนี้ไม่เจอแบบนี้ ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ

แหม่ บทจะหวานพี่ค่ายก็ไม่น้อยหน้าใครนะครัช :impress2:

ออฟไลน์ AeRoMoZa

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 429
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-1
จบตอนได้กรี๊ดมากค่ะ ค่ายก็รุกหนักมากเช่นกัน

ออฟไลน์ ka[ze]na

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +192/-6
ฟิน~~~~~

ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
แอร๊ยย มาแบบไม่ตั้งตัวเลยนึกว่าจะมาต้นเดือนหน้าซะอีกค่ะ เห็นชื่อตอนนี้ละคิดว่าเติร์ดใจอ่อนยอมคบกับอิค่ายแล้วซะอีกแต่ก็ไม่ใช่ แต่...ยังไงก็ได้หลายจูบละนะ แหมมมม อิค่ายยยยได้ทีเอาใหญ่เลยนะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด