ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ THE END  (อ่าน 2134350 ครั้ง)

ออฟไลน์ toou

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1051
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-3
ฮี๊ววววววววววว :-[

ออฟไลน์ sasithornae

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 25
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
กี๊ดดดดดดดดด แอดมินขุนพลนี่หยอดทุกสามวิเลยอ่ะ เขินเบอร์แรงมาก เขินมาก บู้มเลยหัวใจ เติร์ดใจอ่อนยังน้าา บอกเลยคนอ่านคนนี้ใจอ่อนยวบแล้ว ทีมค่ายคนกากค่ะ เรามาเพื่อชนะใจโหดน้อย กัปตันไปไปไป  o13

ออฟไลน์ wichiwiwie

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 69
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
สู้นะลูกก! ค่ายต้องสู้!!!  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
 o13

ออฟไลน์ why yyy

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +309/-8
ขอบคุณ :)

ออฟไลน์ klaew

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1237
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-2
พี่ค่าย คนจริง2107 ฮ่าๆๆ

อ้ะ อันนี้เห็นด้วย

ออฟไลน์ ป่ามป๊ามป่ามปาม

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 482
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
ง่ออออออออออออออว ประโยคบอกรักที่ไม่มีคำว่ารัก

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
ทำไมทีมซัพพอร์ตอิค่ายเยอะจัง 5555555
ค่ายเล่นใหญ่ขนาดนี้เติร์ดไม่ใจอ่อนก็ไม่รู้จะพูดไงแล้ว  :-[

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
ทำคะแนนอย่างต่อเนื่องนะค่าย

ออฟไลน์ pamhicc

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 264
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
โถ่ค่ายย รุกหนักมากก เติร์ดจะใจอ่อนแล้ว
 :pig4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 14 [16/08/60] *หน้า37
« ตอบ #1119 เมื่อ: 18-08-2017 21:59:19 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Ahjumma1212

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 11
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
NC จงมา NC จงมา NC จงมา NC จงมา

ออฟไลน์ amornthip

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 4
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
 :pighaun:ชอบบบบบบบบบบบบบบบบบ เม้นครั้งแรกในเล้า ทำงี้ป่ะ

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
55555 จะซึ้งก็ไม่ไหวอะ ฮานำหน้าไปไกลแล้ว ดึงกลับไม่ทัน

ค่ายเอ้ยย ไปฝึกมาจากสำนักไหน ทำไมเกรียนแบบนี้ มาแต่ละมุก จบท้ายทำเติร์ดสงบไปเลย
เติร์ดอย่าพึ่งยอมแพ้นะ อย่าพึ่งใจพองให้ค่ายได้ใจนะ รอดูค่ายจีบไปก่อน


ออฟไลน์ QueenPlai

  • twitter - @khunhappymoon gmail - JangPlailiiz@gmail.com
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 85
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
ค่ายยยยยย ฮื้อออ เขินว่ะ

ออฟไลน์ Jittirain12

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 353
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1238/-18

ตอนที่ 15
รักที่เธอบอกมา



Khunpol Krichpirom
ค่อยๆ รักกันเบาๆ – กับ Third Thachapol


   ‘แฮร่! ไอ้ค่ายมึงมันร้ายยยยยยยย’
   ‘อะไรยังไงครับ เบาจริงเหรอ กูว่าน่าจะหนักนะนั่น’
   ‘ไอ้เหี้ย อย่าทำโหดน้อยกูระบม’
   ‘กูจะไปเตะปากมึง #ทีมต่อต้านสันดานไพร่ของไอ้ค่าย’
   ‘ไอ้เติร์ดยังอยู่มั้ย กูกลัวมันจะพังคามือไอ้ค่ายว่ะ’

   

   “พังพ่อง!” ผมสบถกับตัวเองหลังจากเลื่อนอ่านข้อความในมือถือจนจบ นี่แค่ส่วนน้อยของการแสดงความคิดเห็นที่ถึงแม้ไม่ได้เปิดเป็นสาธารณะ แต่พี่น้องนิเทศฯ ก็พากันมาระดมยิงจนแจ้งเตือนเด้งขึ้นมาไม่หยุด

   ตั้งแต่เมื่อวานที่ไอ้ค่ายก่อเรื่องในแฟนเพจขึ้น สายตาที่ทุกคนมองผมก็เปลี่ยนไป จากที่เคยแยกเป็นสองทีมในตอนแรก เดี๋ยวนี้ยิ่งหนักหนากว่าเดิมเป็นเท่าตัว ฝั่งหนึ่งเชียร์ไอ้ค่าย ฝั่งหนึ่งปกป้องผม ส่วนอีกฝั่งก็กำลังเสือกอย่างเมามันส์ เรื่องของกูมันกลายเป็นเรื่องที่ทุกคนควรรู้ตั้งแต่เมื่อไหร่วะ

   แม้กระทั่งตอนที่เดินเข้าคลาสในเช้าวันต่อมาก็เช่นกัน ด้วยวันนี้ตัดสินใจทิ้งไอ้ค่ายไว้โรงอาหารกับไอ้โบน ผมกับไอ้ทูเลยต้องเผชิญหน้ากับสายตาอยากรู้อยากเห็นของเพื่อนเอกฟิล์มปีสามก่อนเป็นคนแรก

   “โอ้ความรักโอบกอดฉัน บางเวลาเราพบกันเมื่อวันช้ำใจ~”

   “เพลงนั้นมันใช้ได้ที่ไหนล่ะ ต้องเพลงนี้ ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย ในความคุ้นเคยกันอยู่มันแฝงอะไรบางอย่างที่มากกว่านั้น~”

   “เขารักกันแล้วไอ้ฟาย ต้องเพลงนี้สิ! หยุดหยุดชีวิต หยุดกับคนนี้ แม้ว่าใครจะดีสักแค่ไหน~”

   “เติร์ดมึงเลือกเลยว่าชอบเพลงไหน”

   “แล้วทำไมกูต้องเลือกด้วยวะ โว้ยยยยยย” ผมแหกปากลั่น เดินก้มหน้าก้มตาขึ้นบันไดสโลปไปยังที่นั่งหลังสุด ท่ามกลางสายตาล้อเลียนของเพื่อนๆ

   รอคอยก็แต่อาจารย์ประจำวิชาเข้ามาสอนเนี่ยแหละ แต่ก็เหมือนว่าเราจะมาก่อนเวลาค่อนข้างมาก เลยได้แต่นั่งมองเด็กฟิล์มคนแล้วคนเล่าเปิดประตูทักทายเพื่อนๆ แต่ไม่มีคนไหนไม่พุ่งเป้ามาที่ผม โดยไม่พูดชื่อไอ้ค่ายออกมาเลยสักคน

   สารเลวทั้งหลายเอ๊ย!

   แอ๊ด~ และเหยื่อรายต่อไปก็ได้ปรากฏตัวต่อหน้าฝูงแร้งของเอกฟิล์ม

   ไอ้ค่ายกับไอ้โบนเดินเข้าสู่สมรภูมิรบ ไม่นานเสียงจอแจของเพื่อนแต่ละคนก็ค่อยๆ โหมดังขึ้นทีละนิด ขนาดผมที่ต้านแรงแซวของเพี่อนไม่ไหวต้องรีบเดินมานั่งประจำที่อย่างเร็วที่สุด แต่กับไอ้ค่ายไม่ใช่อย่างนั้นครับ เมื่อมันไปยืนอยู่กลางห้องท่ามกลางเสียงปรบมือชอบอกชอบใจอย่างล้นหลาม

   “คนจริงแห่งเอกฟิล์มโว้ย กูไม่รู้จะแซวอะไรเลย ฮ่าๆ” เสียงจากเพื่อนแถวหน้าดังขึ้น ก่อนอีกคนจะแทรกถามขึ้นมาอีก

   “ไหนบอกไม่กินเพื่อนไงไอ้ค่าย ไอ้คนไม่รักษาคำพูด”

   “ก็ถ้าเพื่อนไม่น่ากินกูจะแดกมั้ยล่ะ”

   “ฮ่าาาาาา ชอบๆ” พวกเหี้ยทั้งหลาย สุดท้ายกลายเป็นกูที่โดนระดมยิงทางอ้อม

   “ขอสัมภาษณ์หน่อยค่า จะคบกันเมื่อไหร่คะ”   

   “ถามเติร์ดเลย” ญุ๋งหญิงอดีตเพื่อนรัก ตอนนี้เริ่มกลายเป็นเพื่อนแค้นสำหรับผมละ ทำอะไรให้มันมีสาระหน่อยดิ เพราะตอนนี้ไอ้ค่ายได้โบ้ยภาระอันหนักอึ้งมาทิ้งไว้ที่กูเรียบร้อย

   “กูไม่รู้! พวกมึงจะอยากรู้ทำไมนักหนา”

   “ก็เพื่อนอ่า อยากยินดีกับเพื่อน”

   “ไม่ได้อยากให้ใครมายินดี”

   “งั้นถามไอ้ค่ายใหม่ อยู่กันมาตั้งนาน มีของน่ากินอยู่ใกล้ตัวทำไมโง่กินช้าขนาดนี้วะ” คำถามใหม่จู่โจมเข้ามาแทบไม่เปิดโอกาสให้ผมได้ท้วงติงจากคำถามเก่า

   “เมื่อก่อนผลมันยังไม่สุกกินไม่ได้ มันต้องรอเวลาก่อน”

   “ไม่ใช่มึงคัฟเวอร์เป็นควายอยู่เหรอถึงรู้ตัวช้า”

   “อย่าว่าไอ้ค่ายเป็นควายสิ มันเป็นกวางต่างหาก”

   “ทำไมวะ”

   “เขายาวกว่าควายอีก ฮ่าๆ” มุกนี้ผ่าน! กูชอบ เอาไปเลยสิบ สิบ สิบ แม้แต่ไอ้ทูกับไอ้โบนเองยังหัวเราะชอบใจยกไม้ยกมือเห็นด้วยจนน่าหมั่นไส้

   “โธ่เพื่อนครับ ถึงทุกคนจะบอกว่าเขากูยาว แต่อย่างอื่นกูก็ยาวด้วยนะ”

   “อะไรยาวกูอยากรู้”

   “ถามเติร์ด” โหยไอ้เห้ สุดท้ายก็วกกลับมาที่กูอีกจนได้

   “ไม่ต้องมาถามกู! ไอ้ค่าย เมื่อไหร่มึงจะกลับมานั่งที่วะ รำคาญ”

   “โอเค เมียเรียกกลับแล้วกูก็ต้องทำตามคำสั่งนะเพื่อนๆ ใครมีอะไรถามทิ้งไว้ในอินบ็อกซ์เลยเดี๋ยวกูไปตอบ”

   “จัดไปเพื่อนค่าย กิ้วๆ”

   พวกเวร...

   เอกฟิล์มก็เป็นอย่างนี้แหละครับ ชีวิตหรรษาในแต่ละวันล้วนเป็นเรื่องของคนอื่น ส่วนใหญ่ถ้าคนในเอกมีความรักก็มักเกิดกระแสและเสียงแซวจากเพื่อนทุกคนแบบนี้เป็นประจำ

   อย่างว่า เราอยู่กันเป็นครอบครัว เป็นเพื่อน เป็นพี่น้อง เวลาใครมีความสุขก็อยากมีส่วนร่วมในความสุขนั้นด้วย พอถึงคราวทุกข์มันก็เฮกันมานั่งปลอบให้หายกังวล แต่บางทีเพื่อนมันก็ลืมคิดไปนะครับว่าเรื่องบางเรื่องกูขอเก็บเอาไว้เป็นการส่วนตัวดีกว่า ไม่งั้นมันจะเป็นเหมือนวันนี้

   ห้านาทีให้หลังอาจารย์เข้ามาในห้องเรียน แกเก่งมากที่จับอาการของนิสิตได้ดังนั้นหัวข้อสนทนาเลยเป็นการแซวผมกับไอ้ค่ายอีกหลายระรอก ฟังแล้วแทบอยากมุดหน้าลงซอกขาหนีบไอ้ทูให้มันรู้แล้วรู้รอดไป กว่าจะเลิกคลาสก็เล่นเอาผมแทบละลายติดเก้าอี้ ส่วนไอ้ค่ายเหรอ ยิ้มแย้มมีความสุขอยู่คนเดียว

   ช่วงดึกผมกับมันมีนัดดูหนังด้วยกัน เพราะงั้นตอนเย็นเลยซัดโฮกข้าวแถวห้างและซื้อตั๋วรอบสุดท้ายของวันเพราะชอบบรรยากาศที่ไม่ค่อยมีคนเท่าไหร่ ผมเป็นคนดูหนังแล้วต้องการสมาธิค่อนข้างมาก เผื่อจับไปวิเคราะห์และใช้ในการเรียนรวมถึงการทำงานในอนาคต

   แต่ก่อนเข้าโรงหนัง เพื่อนรักกลับถามคำถามที่ทำเอาผมขมวดคิ้วมุ่น

   “น้ำกับป๊อปคอร์นมั้ย”

   “มึงก็รู้ว่ากูไม่ชอบกินอะไรตอนดูหนัง ถ้ามึงอยากกินก็ซื้อไป” สงสัยจะติดมาจากผู้หญิงทุกคนที่มันชอบควง เวลาดูหนังทีไรก็มักเซอร์วิสเขาด้วยของกินแบบนี้ตลอด

   จะว่าไป ภาพๆ นั้นยังติดตาของผมอยู่เลย โรงหนังในวันนั้นและน้ำตาของผม...

   “คิดมากอะไร กูไม่ได้จะซื้อ แค่ถามเผื่อมึงหิวไง” สุดท้ายมือหนาก็ขยี้หัวผมไปมาจนยุ่งเหยิงเป็นการเปลี่ยนเรื่องและพากันเดินเข้ามาด้านในทันที

   “เรานั่งแถว E เขาบอกว่าที่นั่ง E13 เอาไว้ให้เจ้าที่นั่ง”

   “ประสาทเหรอ เขากันไว้ฉุกเฉินเผื่อน้ำแอร์ตกหรือเบาะนั่งไม่ได้เว้ย” กะจะบิวด์กูรอชาติหน้าเถอะ ผมไม่ใช่พวกกลัวผีจนหัวหดขนาดนั้น หนังสยองขวัญก็ดูมาไม่รู้กี่เรื่องต่อกี่เรื่อง

   “แย่จัง มึงไม่อิน”

   “ไปหัดมาใหม่นะ”

   ผมทิ้งตัวลงนั่งเบาะด้านใน ส่วนไอ้ค่ายก็เดินกะเผลกมาทิ้งตัวนั่งข้างๆ เดี๋ยวนี้แม่งแอดวานซ์แล้วนะครับ ไม่ต้องมีไม้ค้ำยันก็เดินปร๋อ แผลหายช้าก็เพราะพฤติกรรมแผลงๆ ของแม่งนี่แหละ

   “เอาพนักขึ้นทำไม” ผมถามเสียงขุ่นเมื่อเห็นมือหนาดึงพนักวางแขนที่กั้นเราเอาไว้ขึ้น

   “มันไม่มีแก้วน้ำให้วางก็ต้องเอาขึ้นดิ อึดอัด”

   “งั้นมึงย้ายไปนั่งไกลๆ เลยก็ได้ สามสี่เบาะติดไม่มีคนนั่งหรอก” อย่างที่บอก รอบดึกสุดไม่ค่อยมีคนเท่าไหร่

   “ไม่เอา กูชอบนั่งกลางจอเหมือนตอนนี้”

   “ข้างหน้าเลยครับ”

   “ชู่ววววว เดี๋ยวหนังฉายแล้วเงียบหน่อย” ความกะล่อนปลิ้นปล้อนไม่เคยมีใครทุบสถิติไอ้ค่ายได้สักคน ดีที่วันนี้มาดูหนังสงคราม อีกฝ่ายจะได้ไม่หาเรื่องมายุ่งกับผมอีก

   พอหนังเริ่มฉาย สิบนาทีผ่านไปมือเริ่มเลื้อย

   ผมหันไปจ้องหน้ามันเป็นชิงปราม แต่ไอ้ค่ายก็ทำหน้าเหมือนคนไม่เข้าใจผสานฝ่ามือของผมแน่นหนากว่าเดิม จนซอกนิ้วกูเปียกไปหมดแล้วสัด

   “กูจะดูหนัง”

   “ก็ดูไปดิ ใครปิดตาไว้”

   “มันไม่มีสมาธิ”

   “หวั่นไหวก็บอก กูเข้าใจ...” ผมเลือกเงียบ ไม่หันไปมองหน้าอีกฝ่ายแม้แต่เสี้ยว เพราะกลัวว่าจะโดนหยอดจนเสียค่าตั๋วมาดูหนังที่เก็บอะไรไม่ได้นอกจากคำพูดบ้าๆ บอๆ ของไอ้ค่าย

   “น่ารักเนอะ ทำไมโง่มาตั้งนาน”

   “หนังสงครามน่ารักตรงไหน”

   “ไม่ได้หมายถึงหนัง แต่เป็นมึง”

   “เงียบ”

   “ไม่อินเหรอ”

   “เออ”

   “โนแลนดีกว่ากูตรงไหน”

   “ทุกตรง”

   “แต่โนแลนจับมือมึงเหมือนกูไม่ได้ หึๆ” ยอมรับสภาพแต่โดยดี ด้วยไม่อยากเถียงให้เหนื่อยเลยทำให้ผมจำต้องนั่งจับมือกับไอ้ค่ายจนหนังจบ กระทั่งเอนเครดิตขึ้น ร่างสูงถึงได้ยอมปล่อยมือผมให้เป็นอิสระ แล้วต่างคนต่างหันไปจดจ่อกับจอหนังขนาดใหญ่แทน

   “คงจะดีถ้ามีชื่อมึงกับกูอยู่บนนั้น” คราวนี้น้ำเสียงที่เปล่งออกมาไม่ได้เป็นเชิงล้อเล่นเหมือนอย่างเคย

   “ไว้รอเรียนจบมึงก็มีโอกาสได้เดินตามฝันแล้ว”

   “ในนั้นต้องมีมึงด้วยนะ”

   “ใครจะไปรู้ กูอาจเบนสายไปทำอย่างอื่น”

   “ทั้งที่หนังคือทั้งชีวิตของมึงอ่ะนะ” รู้กูดีจัง ใช่! ตั้งแต่ครั้งแรกที่ก้าวเข้ามาเรียนนิเทศฯ จนปีสามที่มีโอกาสได้เลือกสายเฉพาะ ผมก็คิดเสมอว่าตัวเองเลือกไม่ผิดที่เรียนภาพยนตร์ ขณะที่ไอ้ค่ายยังดูงงๆ กับชีวิต แต่สุดท้ายก็ชัดเจนกับตัวเองเหมือนกัน

   “ก็โลกนี้ไม่มีอะไรแน่นอนไง”

   “แต่มึงที่อยู่กับกูต้องแน่นอนอยู่แล้ว”

   “มั่วฉิบหาย”

   “เอ้า! ขนาดกูขาหักเดินลำบากมึงยังช่วยกูไม่ไปไหนเลย”

   “กูจำใจสัด แม่มึงเล่นโทรมาขอร้องกูเช้าเย็นขนาดนั้น ไม่ช่วยก็รู้สึกเกรงใจยังไงอยู่”

   “ไม่เห็นต้องเกรงใจเลย คิดซะว่าเป็นครอบครัวของมึง” รู้สึกอบอุ่นจังเล้ย เอาเข้าจริงผมกับไอ้ค่ายก็เป็นเพื่อนกันมานานพอสมควร ไอ้สองโหดที่เหลือก็สนิทกับครอบครัวไอ้ค่ายเป็นอย่างดี ไม่เห็นว่าตัวเองจะพิเศษกว่าคนอื่นตรงไหนเลย

   “รู้แล้วๆ กลับได้ยัง เอนด์เครดิตจบแล้วเนี่ย”

   “กลับตอนมึงตกลงเป็นแฟนกูอ่ะ”

   “คงได้นอนที่นี่ยันแก่เลยมั้ง กูกลับก่อนแล้วกัน” ว่าแล้วก็รีบลุกขึ้นเต็มความสูง เดินนำไปยังทางออกของโรงหนังโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง

   ดึกแล้วครับ กูกลัว...

   “เมื่อไหร่จะใจอ่อนคบกับกูอ่ะ” เสียงของไอ้ค่ายยังดังตามหลังไม่ห่าง

   “เวลาจะพิสูจน์มึงเอง”

   นี่แหละคำตอบที่ผมให้ได้ในตอนนี้ ไม่ใช่เพราะอยากจะเล่นตัว แต่ผมยังไม่เห็นความจริงใจที่มันมีต่อผมเลยสักนิด ถ้าไม่นับที่เดินเป็นผีเลือดสาดมารับที่คณะ ไอ้ค่ายก็แค่ผู้ชายเจ้าชู้คนหนึ่งที่ปากบอกว่าจะหยุด แต่การกระทำยังไม่เห็นเป็นรูปธรรมเลย

    ผมเคยบอกว่าจะลองเสี่ยงดู แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะหน้ามืดตามัวกระโจนลงไปในเหวทั้งที่ไม่รู้ว่าตรงนั้นมีน้ำอยู่หรือเปล่าหรอก บางทีก่อนตกอาจค้นพบว่าตรงพื้นเป็นแค่ดินแข็งๆ ไม่ตกลงมาเจ็บ ก็คงตายอยู่ตรงนั้น...













   วันมรณะของกองละครนิเทศฯ มาถึง งานหนักไม่ได้อยู่ที่ผมซึ่งเป็นคนเขียนบท แต่ไปอยู่ที่คอสตูม ทีมช่างภาพ และฝ่ายโสต

   พี่เชนทร์กับพี่อั้นนัดคนที่เกี่ยวข้องให้แหกขี้ตาขึ้นมารวมตัวที่คณะตั้งแต่เช้า แม้จะเป็นวันเสาร์เราก็จำใจต้องตื่น อย่างที่บอกไปคร่าวๆ แม้ผมจะไม่มีหน้าที่แต่ก็ต้องติดสอยห้อยตามแก๊งโหดทั้งสามออกมาอยู่ดี

   ไอ้ทูเป็นตากล้องมือหนึ่งที่รับหน้าที่ถ่ายโปสเตอร์ประชาสัมพันธ์ละครเวที ส่วนไอ้ค่ายกับไอ้โบนก็เตรียมความพร้อมสำหรับออดิชั่นนักร้องที่จะมาร้องเพลงประกอบละครในปีนี้ ผมจึงคิดว่านี่อาจเป็นงานยุ่งแห่งชาติอีกหนึ่งวัน

   เราแยกย้ายกันทำหน้าที่ของตัวเอง ผมที่ไม่ค่อยถนัดงานภาพเลยได้แต่ยืนดูไอ้ทูทำหน้าที่เป็นตากล้อง และคอยช่วยเหลือหยิบอุปกรณ์เล็กน้อยให้กับทีมตบเอ็ฟเฟ็กต์และจัดแสง นักแสดงก็ต้องเตรียมพร้อมสำหรับการถ่าย ทั้งเสื้อผ้า หน้า และทรงผม

   “ธีมโปสเตอร์นี่แนวไหนวะ” ผมถามเพื่อนตัวสูงที่ถือกล้องสีดำหนักๆ อยู่

   “ไอ้พี่เชนทร์อยากได้อะไรที่ดูหวานๆ ฟุ้งๆ แม่งไม่ใช่สไตล์กูเลย”

   “เอาน่า มึงเก่งอยู่ละ ถ่ายเสร็จให้ทีมกราฟิกไปจัดการต่อได้”

   “มันก็ไม่ได้ยากหรอกเรื่องฝืนถ่ายเนี่ย แต่คงจะดีถ้าน้องพิงค์แม่งใส่ยกทรงตัวเดียวมาถ่ายแทน” หรรม! กับงานมึงก็ยังจะหื่นนะเชี่ยทู

   “กูฟ้องพี่เชนทร์แน่”

   “ฟ้องเลย ขนาดพี่อั้นเพื่อนมันยังเห็นด้วยกับกู” ผมแทบจะยกมือขึ้นมาตบหน้าผากอย่างปลงตก ไม่อยากจะคิดว่าอนาคตเมียมันจะหน้าตาเป็นยังไง รู้สึกสงสารขึ้นมาครามครัน

   “กูรู้นะว่ามึงคิดอะไรในใจ” เสียงทุ้มขัดจังหวะ

   “กูคิดไร”

   “คิดว่าทำไมกูหล่อใช่มั้ย ช่วงนี้ใช่ครีมดี น้องนางแบบเอามาฝาก ทาอย่างเดียวจะไม่เห็นผลนะ ต้องเอานมถูหน้าแทนนิ้วมือด้วย”

   “ไอ้สัด” คนเหี้ย 2017 ก็มันเนี่ยแหละ

   “ขอบคุณครับเพื่อน น้องพิงค์ยืนตรงกลางได้เลยครับ ไอ้เหี้ยฟานมึงรีบเดินมาว่องๆ!” เปลี่ยนเรื่องเร็วฉิบหาย งานสองมาตรฐานนี่สันดานไอ้ทูมันเลย ผมจึงยอมหลีกทางให้เจ้าตัวไอ้ทำงานอย่างเต็มที่ ก่อนร่างสูงของเพื่อนรักจะหันมาบอกด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

   “ตรงนี้ไม่มีอะไรทำ ไปดูแฟนมึงที่ห้องออดิชั่นได้”

   “ใครแฟน!” ผมแหวใส่เสียงดัง

   “ก็ไอ้ค่ายไง”

   “มันไม่ใช่แฟนกูเว้ย”

   “เออนั่นแหละ บางทีตรงโน้นอาจต้องการความช่วยเหลือ ฝั่งกูไม่มีอะไรละรีบเฉดหัวไปเลยเกะกะ” โอ้โห้เจ็บกระดองใจ แต่ทำอะไรไม่ได้นอกจากเดินฮึดฮัดออกจากสตูดิโอถ่ายภาพ แล้วมุ่งหน้าไปยังห้องออดิชั่นที่อยู่ถัดไปไม่ไกลนัก

   และทันทีที่ฝ่ามือจับลูกบิดประตูและออกแรงผลักเข้าไป ผมก็ได้ยินเสียงเพราะๆ ของผู้หญิงคนหนึ่งแทรกเข้ามาในโสตประสาท

   โชคดีที่ประตูอยู่ด้านหลังกรรมการที่คัดเลือก เลยไม่มีใครหันมาสนใจผมแม้แต่คนเดียว และเพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนผมจึงแง้มประตูฟังอยู่ตรงจุดเดิม ไม่คิดเข้าไปภายในให้คนอื่นเสียอรรถรส
   

♪ So open your eyes and see
The way our horizons meet
And all of the lights will lead
Into the night with me ♪


   “หูยยยยยยยย น่ารัก”

   เสียงของใครหลายๆ คนที่อยู่ภายในห้องต่างพูดเป็นเสียงเดียวกัน ผมจ้องมองผู้หญิงที่ขึ้นไปนั่งเก้าอี้บนสเตจซึ่งยกสูงขึ้นมาเล็กน้อย เธอถือกีตาร์ไว้ในมือและกำลังเล่นมันอย่างมีความสุข


♪ And I know these scars will bleed
But both of our hearts believe
All of these stars will guide us home ♪


   เพราะมาก เพราะจนลืมหายใจ

   เป็นเพลง All of the stars ของ Ed Sheeran ในเวอร์ชั่นผู้หญิงที่ดีที่สุดเท่าที่เคยฟังมา

   ผมคิดว่าคนคนนี้คงถูกเลือกให้มาร้องเพลงประกอบเวทีแน่ๆ แม้ตัวเองจะไม่ได้ฟังคนที่เริ่มต้นออดิชั่นตั้งแต่คนแรกก็ตาม แต่เมื่อดูจากปฏิกิริยาของคนที่เข้ามาออดิชั่น กับท่าทางของทีมที่คัดนักร้องเข้ามาก็บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าเจ้าของเสียงนี้ต้องเป็นตัวเต็งของงานแน่นอน

   จวบจนเพลงจบลง    เสียงปรบมือก็ดังขึ้นอย่างล้นหลาม ผมเห็นไอ้ค่ายนั่งอยู่ตรงเก้าอี้ เป็นหนึ่งในคนที่คัดเลือกนักร้องสำหรับละครเวที แม้จะไม่เห็นว่ามันกำลังทำหน้ายังไงอยู่ แต่ผมคิดว่าเจ้าตัวคงพอใจไม่น้อย

   “เดี๋ยวคิวต่อไปขึ้นมาเตรียมตัวเลยนะครับ” อารมณ์คนฟังเริ่มซาลงแล้วจดจ่อกับการฟังเพลงใหม่ ผมเองก็เหมือนกัน ยืนอยู่ที่เดิมไม่คิดขยับไปไหน

   คนแล้วคนเล่าผ่านไปจนหมด เลยมีเวลาสำหรับพักเบรกเล็กน้อยก่อนประกาศผล แน่นอนว่าผู้ชนะคือเจ้าของเสียงหวานที่ร้องเพลง All of the stars ตามคาด หลายคนทยอยออกมาจากห้องหลังเสร็จสิ้นการคัดเลือกนักร้อง ดังนั้นผมจึงเปลี่ยนไปป่วนไอ้ทูที่กำลังเคร่งเครียดกับการถ่ายโปสเตอร์อย่างแข็งขันบ้าง

   “พ่อมึงแคสต์เสร็จแล้วเหรอ” ปากถามไป มือก็ถ่ายรูปไปด้วย

   “เออ คนได้นี่เสียงสวรรค์มาก น่ารักด้วย”

   “นมใหญ่มะ เผื่อกูจองตัวเขาไปถ่ายแบบ”

   “มึงไม่หื่นสักนาทีได้มั้ย ไม่ได้สวยเซ็กซี่เว้ย แต่น่ารักเหมือนตุ๊กตาอ่ะ”

   “หมดสิทธิ์ ถ้าเป็นไอ้ค่ายได้อยู่ เชี่ยนี่ชอบแบบโมเอะๆ” ผมสตั๊นไปพักหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมานอกจากมองไอ้ทูถ่ายภาพไปเรื่อยๆ กว่าจะเสร็จก็ปาไปอีกเกือบสองชั่วโมงเพราะส่งรูปให้กราฟิกนั่งแต่ง ณ เดี๋ยวนั้นเลย รากงอกฉิบหายกู

   คิดดู ขนาดผมช่วยทุกคนเก็บของและเคลียร์สตูดิโอจนเสร็จ แม่งก็ยังไม่เห็นเงาไอ้ค่ายกับฝ่ายโสตโผล่หัวมาทักทายสักราย ทั้งที่การออดิชั่นเสร็จสิ้นไปตั้งแต่สองชั่วโมงก่อนแล้วนี่หว่า

   “เดี๋ยวแยกย้ายกันเลยนะทุกคน ขอบคุณมากๆ เว้ย” พี่เชนทร์ซึ่งเป็นเป็นฝ่ายสำรวจในขั้นตอนสุดท้ายเอ่ยขอบคุณ ก่อนพี่น้องนิเทศฯ ที่เหนื่อยกันมาหลายชั่วโมงจะแยกย้ายกลับ เหลือแต่ผมกับไอ้ทูเนี่ยแหละที่ยืนมองหน้ากันนิ่ง

   “เอาไง”

   “มึงนั่นแหละไอ้เติร์ดไปตามเพื่อนมึงอีกสองตัวมา เดี๋ยวไปแดกข้าวพร้อมกัน”

   “มึงก็มาด้วยกันสิวะ”

   “ปวดเยี่ยว ถ่ายมาหลายชั่วโมงยังไม่ได้พักเยี่ยวเลย หรือมึงจะไปส่งกูที่ส้วมก่อน”

   “ไม่อ่ะ เสียเวลา”

   “งั้นก็รีบไปตาม กูจะลงไปรอที่ลานจอดรถโอเคนะ”

   “เออ” ไอ้ทูแยกไปเข้าส้วมทางขวามือ ผมเดินไปทางซ้ายกลับเข้าไปยังห้องออดิชั่น พอลองแง้มประตูดูก็เห็นว่าไฟยังเปิดสว่างอยู่ และคนที่อยู่ด้านในก็คือพวกสิงห์สาราสัตว์ที่เหลือเนี่ยแหละ แต่ที่แปลกคือน้องผู้หญิงที่ได้รับเลือกก็ยังอยู่ตรงนั้นด้วย

   ฝ่ายโสตที่อยู่ในห้องทั้งหมดเป็นผู้ชาย ผมแปลกใจมากที่ทำไมผู้หญิงคนเดียวถึงอยู่ในห้องที่มีพวกเหี้ยๆ นี่ได้โดยไม่ตะขิดตะขวงใจ

   “น้องชิงชิงเพื่อนพี่ชอบ!” เพื่อนปีสามที่อยู่ในกลุ่มโพล่งเสียงดังพลางหัวเราะร่วน เจ้าของชื่อก็อายม้วนต้วนส่งยิ้มมาให้อย่างเขินๆ

   หืม...หม้อสาวอยู่นี่เอง แล้วผู้หญิงฝ่ายโสตมันหายไปไหนกันหมดวะ งงใจ

   “คนนี้นะครับน้อง เผื่อสนใจ” ดวงตาของผมเบิกโพลง จิตใจเต้นรัวขึ้นมาดื้อๆ ทันทีที่รุ่นพี่ปีสี่ชี้นิ้วไปที่คนตัวสูงอย่างไอ้ค่าย

   “อ๋อพี่ค่าย”

   “รู้จักด้วย ฮิ้วววววว เพื่อนกูมีหวังแล้วโว้ย” หลายคนยังคงคอยเชียร์คอยหยอดให้ไม่ขาด ซึ่งไอ้เพื่อนรักก็ไม่ได้มีท่าทีโต้แย้งใดๆ เสียดายที่ผมไม่เห็นหน้าของมันว่ากำลังยิ้มหรือมีปฏิกิริยาตอบโต้อะไรหรือเปล่า ไม่งั้นพัง!

   “เพื่อนพี่เจ้าชู้หน่อยนะน้อง”

   “เจ้าชู้หนูก็คิดว่าเอาอยู่นะ”

   “โหยยยยยยยยย ปั้งๆๆ ไปเลยครับ ค่ายมึงเอาไง” ผมหวังจะฟังประโยคซื่อสัตย์ของมัน ครั้งหนึ่งไอ้ค่ายเคยพูดเอาไว้ว่ามันจะจริงใจกับผมแค่คนเดียว มาวันนี้ผมยังไม่ลืมนะ

   แต่ก็ไม่ได้มีประโยคใดตอบกลับมานอกจากเสียงของไอ้โบนที่แทรกขัดจังหวะขึ้นซะก่อน...

   “เชี่ยเติร์ด มาตั้งแต่เมื่อไหร่วะ” ทุกสายตาหันมามองที่ผมเป็นจุดเดียว เล่นเอากูทำตัวไม่ถูกนอกจากผลักประตูเข้ามาและยืนตอบอย่างเก้ๆ กังๆ

   “เอ่อ...กะ...กูเพิ่งมา โปสเตอร์ถ่ายเสร็จแล้ว”

   “จริงดิ”

   “ไอ้ทูก็รออยู่ข้างล่างแล้วด้วย แต่ถ้ามึงสองตัวยังไม่เสร็จก็อยู่ต่อเลยนะ”

   “เสร็จแล้ว! ไปได้” คราวนี้ไอ้ค่ายเป็นฝ่ายพูดออกมาบ้าง มันรีบสาวเท้าที่ติดเฝือกมาถึงตัวผมอย่างรวดเร็ว ก่อนจะโบกมือให้เพื่อนและรุ่นพี่เป็นการบอกลา

   ไอ้โบนรีบตามมาขนาบข้างอย่างไวว่อง มันแอบกระซิบถามผมว่าเห็นหรือไอ้ยินอะไรมั้ย แต่ผมก็ตอบปฏิเสธกลับไปเพื่อความสบายใจ ก็ไม่เห็นมีอะไรนี่หว่า แค่ผู้ชายเถื่อนๆ ที่ชอบแซวผู้หญิงด้วยความสนุกปาก ขนาดเรื่องของผมกับไอ้ค่ายยังถูกเพื่อนล้อเป็นอาทิตย์ นับประสาอะไรกับคนน่ารักแบบนั้นวะ

   แต่ถึงอย่างนั้นก็อดไม่ได้ที่จะถามออกไป

   “คนที่ออดิชั่นได้ชื่ออะไรวะ” ตอนนี้เราอยู่กันที่ร้านข้าวข้างมหา’ลัย โดยมีแก๊งโหดนั่งอยู่กันพร้อมหน้า

   “ชื่อชิงชิง อยู่ปีสอง”

   “ชิงชิงบัญชีอ่ะเหรอ หูยยยยย ของเด็ดของดี” แม้แต่ไอ้ทูยังรู้จัก

   “ไหนมึงบอกไม่ชอบคนน่ารักยังไงวะ” ผมถามอย่างข้องใจ

   “ไม่ชอบคนน่ารักที่นมเล็ก แต่คนนี้เต็มไม้เต็มมือมากครับเพื่อน ว่าแต่เหตุผลที่ได้รับคัดเลือกมาเพราะคะแนนความน่ารักของน้องเขาใช่มั้ย”

   “อะแค่กๆ ไม่ใช่” ไอ้ค่ายรีบปฏิเสธอย่างไวว่อง

   “ปากดี คะแนนส่วนใหญ่ก็มาจากมึง” ไอ้โบนแซะบ้าง อ๋อ...ชอบแบบนี้นี่เอง อ๋อ...

   “เขาร้องเพลงเพราะ ถ้ามึงได้ฟังก็คงคิดเหมือนกัน”

   “กูไปฟังมาแล้ว แต่ไม่ได้แวะเข้าไปด้านในน่ะ ร้องเพราะอย่างที่พวกมึงพูดจริงๆ” เพื่อตัดปัญหาและจบประเด็นนี้ลงผมจึงเลือกบอกความจริง

   “จริงดิ แล้วทำไมไม่เข้าไปนั่งฟังด้วยกันวะ”

   “ต้องออกมาช่วยไอ้ทูไง”

   “อ้าว แต่มึง...” ผมรีบเตะเท้าไอ้ทูยิกๆ ก่อนที่มันจะโพล่งอะไรออกมาจนจับไต๋ได้อีก ความจริงก็คือผมยืนฟังจนออดิชั่นครบทุกคนเลยล่ะ ส่วนเรื่องโกหกเหรอ...กูมาแป๊บเดียว

   ชิงชิงเป็นใครผมไม่สนใจหรอก ผมสนแต่ความรู้สึกของไอ้ค่ายที่ตอนนี้เอนเอียงไปหาเขาหรือยัง น่ารักแบบนี้สเป็คมึงด้วยสิ ร้องเพลงเพราะอีกต่างหาก ต่อไปถ้ามาร้องเพลงให้ละครเวทีต้องดังเปรี้ยงปร้างชัวร์ ถึงตอนนั้นทุกอย่างยังเป็นเหมือนเดิมอยู่มั้ยวะ

   อดีตที่ไอ้ค่ายเคยเป็นมันลบออกจากหัวไม่ได้จริงๆ ว่ะ

   เรื่องรักง่ายหน่ายเร็ว เลิกกับคนนี้และคบกับอีกคน มีความสัมพันธ์แบบวันไนต์สแตนด์ยุ่งเหยิงเต็มไปหมด แต่ผมเคยคิดเอาไว้แล้ว หากวันไหนก็ตามที่ไอ้ค่ายมีอะไรกับใครชั่วข้ามคืนในระหว่างที่จีบผมอยู่ ผมก็พร้อมจะตัดมันในฐานะคนรักเหมือนกัน

   จริงๆ เป็นเพื่อนกันก็ไม่ได้แย่ แค่เจ็บ

   “แล้วเดี๋ยวไปไหนกันต่อ”

   “ขอตัวไปนอน ตื่นเช้าไม่ไหวจะเคลียร์” เชี่ยทูพูดเสียงงัวเงียพร้อมกับตักข้าวใส่ปาก ไอ้โบนก็พยักหน้าเห็นด้วย คงเหลือผมกับไอ้ค่ายที่นั่งมองหน้ากันไปมา สุดท้ายอีกฝ่ายก็หมดความอดทนเป็นฝ่ายถามขึ้นก่อน

   “มึงจะกลับไปนอนมั้ยเติร์ด”

   “ถ้ากูบอกว่าจะกลับล่ะ มึงจะเรียกแท็กซี่ไปส่งที่ห้องตัวเองได้มั้ย”

   “ไม่อ่ะ กูจะให้มึงมานอนห้องกูแทน”


อ่านต่อด้านล่างค่ะ

ออฟไลน์ Jittirain12

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 353
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1238/-18

   ไอ้สัด! เกลียดคำพูดแม่งไม่พอต้องมาเกลียดรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของมันอีก แล้วสุดท้ายปฏิเสธได้มั้ย ไม่ได้ครับ นอกจากเป็นขี้ข้าพาคุณชายขุนพลขาหักมาส่งที่ห้อง ผมก็ถูกอีกฝ่ายกักตัวให้นอนโง่ๆ ที่อยู่บนเตียงของมันเกือบค่อนวัน ตื่นมาอีกฟ้าก็มืดซะแล้ว

   ผมได้ยินเสียงเจ้าของห้องผิวปากอยู่ในครัว เลยตั้งใจจะเดินไปดูสักหน่อยว่าแผลงฤทธิ์อะไรอีก แต่สายตาเจ้ากรรมดันไปเห็นโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนหัวเตียงของมันเข้า หน้าจอที่ล็อกเอาไว้มีแจ้งเตือนค้างอยู่
 
   เท่าที่รู้ไลน์ของไอ้ค่ายมีไว้สำหรับติดต่อเพื่อนในกลุ่มและรุ่นพี่รุ่นน้องที่สนิทของนิเทศฯ ส่วนคู่กรณีเก่าก็ลบไปหมดแล้ว ผมไม่เคยมีความคิดจะเสือกหรือเข้าไปยุ่มย่ามเรื่องส่วนตัวของมัน แต่ทุกครั้งที่รู้คือเจ้าตัวเป็นฝ่ายบอกเองว่าอยากลบและเคลียร์ปัญหาทุกอย่างให้จบ

   แต่ทำไมวันนี้ถึงมีไลน์ที่ชื่อ ChingChing ได้

   ความจริงอาจจะคุยกันเรื่องเพลงมั้ง คิดได้เท่านั้นก็รีบสะบัดหัวให้หายฟุ้งซ่าน เดินไปหาคนตัวสูงที่กำลังฮัมเพลงสลับผิวปากราวกับคนบ้า

   “ทำอะไร” เอ่ยถามพลางก้มลงมองบางอย่างในกระทะ

   “เจียวไข่”

   “คราวก่อนแค่ทอดไข่ดาวยังเละเลย คราวนี้ยังมีหน้ามาทำอีกเหรอ”

   “ไว้กินข้าวเย็นกับมึงไง”

   “งั้นก็ทำมาเถอะ แดกไม่ได้ก็แค่ทิ้ง” สุดท้ายทิ้งจริงครับ กูเนี่ยแหละต้องมายืนทำให้มันซะทุกอย่าง คุณชายเขาอยากกินไข่เจียวกับผัดผัก เวรกรรมกูฉิบหายเลยครับ

   กว่าจะเสร็จกว่าจะตั้งโต๊ะแดกทุ่มนึงพอดี ไอ้ค่ายวิ่งก้นขวิดเข้าไปในห้อง ก่อนจะเดินขาเป๋ออกมาอย่างอารมณ์ดี เรานั่งกินข้าวกันไปทะเลาะกันไปตามประสา จะมีก็แต่เสียงจากไลน์เนี่ยแหละที่ดังขึ้นมาไม่หยุดไม่หย่อน ลองเหลือบไปดูทางเห็นตาเห็นชื่อชิงชิงเด่นหราอยู่เลยกดเสียงต่ำถามออกไป

   “ใครวะ”

   “เปล่า ไม่มีไร”

   “สำคัญมั้ย ถ้าสำคัญคุยให้เสร็จก่อนแล้วค่อยกิน”

   “ไม่ว่ะ มึงก็กินเยอะๆ” มือหน้าเอื้อมมาผลักหัวผมเล่นไปทีหนึ่งก่อนจะก้มหน้าก้มตากินข้าวต่อ ไอ้สัด! เรื่องกลบเกลื่อนอ่ะเก่งจัง

   ถ้าไม่มีอะไรมึงคงบอกกูแต่แรกแล้วใช่มั้ยว่าคุยกับน้องเขา ต้องปล่อยให้กูโง่ไปอีกนานแค่ไหนกัน

   ผมพยายามบอกตัวเองว่าให้คิดเป็นกลางเข้าไว้ ไม่ว่าจะเรื่องส่วนตัวหรืออะไร ถ้าไอ้ค่ายไม่ต้องการบอกนั่นก็เพราะมันไม่อยากให้ผมรู้ อาจจะเพื่อความสบายใจหรืออะไรบางอย่าง ดังนั้นเรื่องของนักร้องคนใหม่ที่ชื่อชิงชิงเลยไม่ใช่เรื่องที่ผมต้องกังวล แต่...
   


   ตอนที่มากองละครเวที ผมมักเห็นน้องเขาอยู่กับไอ้ค่ายเสมอ

   “ชิงชิงนี่เติร์ดเพื่อนสนิทพี่ ส่วนไอ้เติร์ดนี่นักร้องที่จะมาร้องเพลงประกอบละครปีนี้”

   “หวัดดีค่ะพี่เติร์ด”

   “หวัดดีครับ แล้วนี่ทำอะไรกันอยู่วะ”

   “ดูน้องแม่งซ้อมร้องเพลง พรุ่งนี้อัดเสียง”

   “อ่อ...”
   






   ตอนที่กำลังกินข้าวกับเพื่อนกลุ่มใหญ่อยู่ที่โรงอาหาร

   “น้องชิงชิงมานั่งนี่ได้”

   “นั่งได้เหรอคะ”

   “ที่สาธารณะนั่งได้ แล้วนี่ลมอะไรหอบมากินข้าวที่ตึกนิเทศฯ เนี่ย”

   “ข้าวที่ตึกบัญชีไม่อร่อย”

   “งั้นขอให้ข้าวไม่อร่อยทุกวันเลยนะ จะได้มากินด้วยกันที่นี่”

   ท่ามกลางความครื้นเครงในกลุ่มเพื่อน กลับมีผมคนเดียวที่รู้สึกไม่สบายใจเอาซะเลย ถึงแม้ไอ้ค่ายจะไม่ใช่คนเอ่ยชวน ถึงมันจะไม่ได้เอ่ยปากคุยกับเขา แต่สายตาที่ทั้งคู่มองกันมันทำให้ผมรู้สึก

   ว่าหัวใจของไอ้ค่ายไม่ได้เปลี่ยนไป มันยังเหมือนเดิม เหมือนตอนที่ยังรักใครไม่เป็น...










   ตอนที่ไอ้ค่ายถอดเฝือกออกจากขา และตัดสินใจโพสต์รูปลงเฟซบุ๊กของมัน

   ‘เพื่อนผมหล่อแล้วครับ อย่างนี้ต้องฉลอง’
   ‘เฮ่ๆ ดีใจ’
   ‘อ้าว ขุนพลไม่เป๋แล้วเหรอครับ แย่จัง’
   ‘หล่อเลย’


   ผมเลื่อนข้อความมากมายมหาศาล แต่สุดท้ายสายตาก็มาหยุดที่คอมเมนต์ของใครคนหนึ่งที่มีชื่อของ ‘ชิงชิง’ ปรากฏอยู่

   มีสิ่งที่กูยังไม่รู้อยู่มากมายสินะ แต่นั่นไม่ใช่สิทธิ์ที่กูจะรู้ต่อไป







   แล้ววันนี้...

   “มีเลี้ยงฉลองฝ่ายโสตจริงเหรอวะ” ไอ้ทูเอ่ยถามเพื่อนสนิทอีกสองคนที่ทำหน้าที่สำคัญทางฝ่ายโสต ศุกร์หรรษามาถึงเร็วมาก แต่สุดท้ายเราก็ไม่ได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันสักที

   “เออดิ มึงสองตัวก็อยู่ดูหนังแล้วนั่งดื่มสงบๆ ที่ห้องแล้วกัน” ไอ้ค่ายเป็นฝ่ายตอบคำถาม เท้าสองข้างก้าวมาด้านหน้าพลางทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาเคียงข้างกับผม

   “ขยับไปไกลๆ เหม็นบุหรี่ฉิบหาย”

   “ไอ้โบนเลย กูบอกว่าเหม็นมึงก็ยังจะสูบนะ”

   “โอ๊ยไอ้เหี้ย เรื่องโบ้ยขี้นี่งานถนัดมึงเลยสัด”

   “โหดน้อย ไอ้โบนบังคับกูสูบ” พอเถียงไม่ชนะก็แถข้างๆ คูๆ ทำอย่างกับรู้ไม่รู้ไส้รู้พุงมึงเลย ไอ้ค่ายมักสูบบุหรี่จัดอยู่ไม่กี่ช่วง ตอนเครียด ตอนดื่มเหล้า และตอน...เซ็กซ์จัดเท่านั้น

   ฟาย กูขอให้มึงแค่เครียดนะขอร้อง

   “แล้วไปกี่โมง” ผมถามอีก

   “นัดกันสองทุ่ม”

   “ก็ใกล้เวลาแล้วหนิ ไปเถอะ ศุกร์หรรษาของแก๊งโหดมันวนมาทุกศุกร์อยู่แล้ว” ถือเป็นการปลอบใจไม่ให้ไอ้สองตัวมันรู้สึกผิด แต่หลังจากที่ไอ้ค่ายกับไอ้โบนออกจากห้อง ก็เหลือผมกับไอ้ทูที่นั่งมองหน้ากันเลิกลัก

   คิวถูกเปลี่ยนมาใช้ที่ห้องของผม ในตู้ตรงเคาน์เตอร์มีน้ำแข็งและโซดาพร้อมสรรพ กับแกล้มก็ด้วย ทุกอย่างถูกเตรียมไว้หมดแล้ว แต่เสือกมารู้ว่าเขานัดกันก็ตอนสี่โมงเย็น ถ้าบอกแต่แรกกูคงไม่รู้สึกแย่ขนาดนี้อ่ะ

   “เอาไงต่อดีวะ” แววตาของเพื่อนติสต์แตกถามเหมือนอยากออกเริงร่าข้างนอกสุดใจขาดดิ้น

   “แล้วมึงเอาไง”

   “กินกันสองคนไม่สนุกหรอก ไปร้านเหล้ากันมั้ย”

   “ก็ดีนะ อยู่ที่ห้องสองคนนั้นมันเนือยๆ ยังไงไม่รู้ว่ะ” ไม่คิดอย่างเดียวกูทำเลย รีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าไปร้านเหล้าแถวมอ จะบอกร้านเหล้าก็ไม่เชิงเพราะมันเป็นผับ มีโซนนั่งชิลล์และโซนแดนซ์แยกกันอย่างเป็นระบบ ดึกๆ เวลาคึกก็ไปเต้น แต่ผมสายปลีกวิเวกก็นั่งยกดื่มอยู่ตรงนี้แหละ

   “กูว่าจะถามมึงนานละ เห็นเดือนหลังๆ มานี้มึงเหมือนมีเรื่องค้างคาใจ มีอะไรบอกกูได้นะ” พอเริ่มดื่มกันได้สักพัก ไอ้ทูก็เป็นฝ่ายเริ่มคำถาม จะว่าไปในสี่แก๊งโหด ถ้าตัดไอ้ค่ายออกไอ้ทูก็เป็นคนที่อยู่กับผมเสมอไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์

   คิดดู ตอนที่ร้องไห้เพราะความรักฉิบหายมันก็ยังอยู่ข้างๆ นั่นเลยเป็นเหตุผลที่ผมเลือกไม่ปกปิดความลับกับมัน

   “มึงรู้จักกับน้องชิงชิงเป็นการส่วนตัวมั้ยวะ”

   “ชิงชิงบัญชีอ่ะนะ ไม่ว่ะ แต่ก็พอได้ยินข่าวอยู่บ้าง”

   “เขาเป็นไง”

   “พอตัวนะ นมน่ะพอตัวเลย”

   “กูไม่ตลก” ตอนเครียดแม่งก็ยังสรรหาคำพูดมากวนประสาทกูอยู่ได้ ไอ้เรื่องนมใหญ่แต่น่ารักนี่รู้อยู่แล้ว ไม่งั้นพวกผู้ชายกองละครเวทีไม่หลงกันจนโงหัวไม่ขึ้นหรอก นี่ขนาดพิงค์ที่เป็นนางเอกยังตกกระป๋องไปแล้วเลย

   “โอเคจริงจังละ ที่บอกว่าพอตัวนี่พอตัวจริงๆ”

   “...” ผมเอียงคอมองเป็นเชิงถาม ซึ่งเพื่อนคนนี้มันก็รู้งานรีบไขความกระจ่างให้อย่างเร็วรี่

   “แบบเก่งในเรื่องมัดใจผู้ชาย เรื่องรักๆ ใคร่ๆ อะไรแบบนี้เนี่ยแหละ”

   “ชิงชิงเนี่ยนะ”

   “มึงอย่ามองคนที่หน้าตา เรียบร้อยน่ารักแบบนี้ไม่ได้เหมือนภายนอกที่มึงเห็นนะเว้ย”

   “ขนาดนั้น?”

   “แล้วนี่ถามถึงเขาทำไม อย่าบอกนะว่าเกี่ยวกับไอ้ค่าย”

   “มั้ง”

   “อย่าไปคิดมาก ไอ้ค่ายมันบอกจะหยุดก็คือหยุด”

   “กูไม่เห็นรู้สึกอย่างนั้นเลย มึงรู้ดี สันดานเจ้าชู้ไม่ได้เลิกกันง่ายๆ ไม่งั้นมึงก็หยุดไปแล้วดิ”

   “ก็กูยังไม่เจอคนที่ชอบนี่หว่า ใช้กรณีไอ้ค่ายไม่ได้หรอก” ผมกระดกเบียร์ลงคอจนหมดแก้ว ไม่นานไอ้ทูก็เป็นฝ่ายหยิบแก้วใส่ๆ ไปเติมน้ำแข็งและรินแอลกอฮอล์ให้จนเต็มเหมือนเดิม

   “มันมีความลับกับกู” เสียงที่เค้นออกมาติดสั่นเล็กน้อย ไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่ลึกๆ ในใจก็รู้สึกเจ็บจี๊ดอย่างบอกไม่ถูก “หรือกู...ไม่ควรให้ใจมันแต่แรกวะ”

   “เดี๋ยวใจเย็น มึงแม่งชอบคิดเป็นตุเป็นตะ”

   “กูเห็นหลายครั้งละ ไอ้ค่ายมันคุยไลน์กับน้องชิงชิงแล้วไม่ยอมบอกกู เวลามีเหี้ยไรกูก็มักเจอมันอยู่กับน้องเขาตลอด”

   “ก็แม่งทำงานด้วยกันไง”

   “มึงกำลังเข้าข้างไอ้ค่ายอยู่ รู้ตัวมั้ย”

   “เชี่ยเติร์ด กูไม่ได้เข้าข้างใคร แต่ถ้ามึงสงสัยก็ควรเปิดใจคุยกันนะเว้ย” ก็ถ้ามันบริสุทธิ์ใจจริงก็ควรบอกให้รู้ป่ะวะ ผมก็ไม่อยากเป็นพวกก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวหรอกถึงได้เงียบมาจนถึงทุกวันนี้

   “มันจะมองว่ากูงี่เง่ามั้ยวะ” พูดไปก็หยิบแก้วเบียร์ขึ้นมากระดกไป

   “ทำแบบนี้แหละที่เรียกว่างี่เง่า ไม่สมกับเป็นมึงเลยว่ะ” เหมือนโดนแม่นั่งสั่งสอนให้ฟัง โอเค ถ้าพรุ่งนี้ได้เจอไอ้ค่ายผมก็จะคุยกับมันตรงๆ เหนื่อยจะเดาสถานการณ์ต่อไปละ

   อย่างน้อยมันก็ต้องมีเรื่องที่ดีบ้างแหละ อย่างผมเข้าใจผิดไปเอง ไอ้ค่ายกับชิงชิงไม่ได้มีอะไรกัน อะไรประมาณนั้น...

   “แต่ถ้าจะระวังกูว่าระวังน้องเขาดีกว่า เหมือนน้องก็ค่อนข้างแรงในเรื่องนี้นะ”

   “ถ้าไอ้ค่ายไม่เล่นด้วย อ่อยแค่ไหนก็ไม่มีทางได้ผลป่ะวะ นอกจากมันนั่นแหละที่สนองเอง”

   “เออน่ะเชื่อกู ไม่มีอะไรเลวร้ายขนาดนั้นหรอก อ้าวเฮ้ย พี่เคน!”

   “อะไรวะ”

   “ไอ้พี่เคนแม่งมั่วหญิงอยู่บนฟลอร์เต้น โลกกลมสัด” ชื่อที่ไอ้ทูโพล่งขึ้นนั้นเป็นรุ่นพี่ปีสี่ซึ่งทำงานอยู่ฝ่ายโสต ถ้ารุ่นพี่แกนัวกับผู้หญิงที่ฟลอร์ขนาดนี้ก็หมายความว่าฝ่ายโสตที่เหลือก็อยู่ที่ร้านนี้ด้วยน่ะสิ

   โลกกลมจริงอะไรจริง เพราะไม่ได้ถามไอ้ค่ายกับไอ้โบนก่อนว่ามีฉลองกันที่ไหนผมเลยไม่รู้ สุดท้ายแจ็กพอร์ตหวยดันมาออกที่ร้านเดียวกัน

   “ต้องไปทักทายมั้ยวะ” ผมเอ่ยถามความเห็นไอ้ทูไป มันก็คิดอยู่พักหนึ่งก่อนจะส่ายหัวไปมา โอเคบางทีเราควรแดกกันสองคนไปเรื่อยๆ

   เบียร์หกขวดหมดไปอย่างรวดเร็ว ขณะที่เวลายังอยู่ที่สี่ทุ่มครึ่งอยู่เลย เพื่อนรักโบกมือเรียกบริกรเพื่อสั่งเบียร์เพิ่ม ผมกับมันเลยได้จัดหนักกันต่ออีกสามขวดยาวๆ เล่นเอาตาปรือไปเลยครับ ปกติจะค่อยๆ จิบทำให้เมาช้า วันนี้ไม่รู้เป็นห่าอะไร หรือเพราะเมาแสงไฟจัดร่างกายถึงได้อ่อนยวบไปหมด

   “ไอ้ทูกูไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ” ว่าแล้วก็รีบลุกออกจากเก้าอี้อย่างรวดเร็ว

   “เดินไหวมั้ยนั่น”

   “ได้อยู่ แรงยังมีเหลือเฟือ”

   “กูหมายถึงสติของมึงต่างหากไอ้เติร์ด รีบไปรีบมา กูกลัวโดนสาวอุ้ม” ไม่รู้จะด่าเป็นภาษาอะไรเลยส่งนิ้วกลางไปให้เป็นการตอบแทน

   ผมเดินฝ่านักท่องราตรีไปเรื่อยๆ ภาพตรงหน้ามีเอนเอียงบ้างเป็นบางครั้ง แต่หลังจากชะงักเท้าและปรับโฟกัสอีกนิดหน่อยก็สามารถเดินตรงได้อย่างไม่มีปัญหา

   “ไอ้เติร์ด” เสียงของใครคนหนึ่งดังขึ้น ก่อนฝ่ามือของเขาจะรั้งหัวไหล่ของผมเอาไว้ให้หยุดอยู่กับที่ ผมหันไปมองยังต้นเสียงก็เห็นพี่เคนรุ่นพี่ปีสี่ยืนอยู่ด้านหลังแล้ว

   “อ้าวพี่”

   “มาเที่ยวที่นี่เหรอวะ แล้วมากับใคร”

   “ไอ้ทูอ่ะ”

   “บังเอิญฉิบหาย เพื่อนมึงสองตัวก็นั่งอยู่ที่โต๊ะกู ไปแจมด้วยกันดิ”

   “ไม่ดีกว่าครับ พี่มาฉลองกับพวกโสตนี่หว่า”

   “คนกันเองมั้ยวะ โน่นโต๊ะกูอยู่ตรงโน้น ซอกร้านมุมสุด โต๊ะ 113 นะ เดี๋ยวกูขอตัวไปเต้นก่อนแล้วจะตามไป” พี่มันชี้นิ้วฝ่าฝูงชนไปยังความมืดที่ไม่เห็นเหี้ยอะไรสักอย่าง เลยกะหันไปถามให้แน่ใจอีกรอบ แต่กลับพบว่าแกมุดเข้าไปในฟลอร์เต้นเรียบร้อยแล้ว

   หลังจากยืนคิดอยู่พักหนึ่งผมก็ตัดสินใจเดินคลำทางเดี๋ยวมืดเดี๋ยวสว่างจากการสาดของแสงไฟในผับไปยังมุมหนึ่งของร้าน แน่นอนว่าผมเห็นพี่น้องนิเทศฯ กำลังสนุกกับการดื่มและเต้นอยู่ที่โต๊ะ แต่สิ่งที่ทำเอาตกตะลึงไปกว่านั้นก็คือภาพของผู้หญิงคนหนึ่งที่นั่งอยู่ตรงตักของไอ้ค่ายและกำลังนัวจูบกันอย่างดุเดือดโดยไม่สนใจคนรอบข้าง

   กูนึกว่ามึงจะเปลี่ยน แต่สุดท้ายแม่งก็กลับมาใช้สันดานเดิมๆ

   ผมแทบล้มทั้งยืนในวินาทีนั้น ความเชื่อใจที่มีมาตลอดพังทลายไม่เป็นท่า กว่าจะรู้ว่าผู้หญิงคนนั้นคือใครก็ใช้เวลายืนกัดฟันมองอยู่นาน

   ใช่คนเดียวกับที่ร้องเพลงประกอบละครใช่มั้ย ใช่คนที่ชื่อชิงชิงที่ไอ้ค่ายบอกว่าเสียงเพราะมากคนนั้นหรือเปล่า

   เท้าทั้งสองข้างค่อยๆ เซถอยหลัง คิดอะไรไม่ออกเพราะสมองตื้อไปหมด ที่ทำได้คือพาตัวเองออกไปให้ห่างจากจุดนั้น รู้ตัวอีกทีผมก็ยืนอยู่ตรงทางเข้าห้องน้ำตรงส่วนเอาท์ดอร์เรียบร้อยแล้ว

   สิงห์รมควันหลายคนยืนสูบบุหรี่ในจุดที่เตรียมไว้ของทางร้าน ด้านหน้ามีผู้หญิงกลุ่มใหญ่กำลังเต้นไปมาอย่างเมามาย ผมมองหาทางออกของตัวเอง ก่อนจะพบแสงสว่างที่พาดผ่านมาในม่านสายตาจนเผลอละเมอออกไปอย่างลืมตัว

   “ไอ้โบน...”

   “เฮ้ยไอ้เติร์ด มาได้ยังไงวะ” เสียงทุ้มของเพื่อนในกลุ่มเอ่ยถาม

   น้ำตาเหมือนจะไหล แต่สุดท้ายก็ไม่ไหลอย่างที่คิด ได้แต่ยืนมองคนตรงหน้าเดินเข้ามาประชิดและถามประโยคสารพัดซึ่งผมจับใจความอะไรไม่ได้เลย รู้แต่ว่า...

   “โบน”

   “เมาหนักแล้วนะมึง เดี๋ยวกูพากลับ”

   “จูบกู”

   “สัดเติร์ด มึงเป็นอะไรเนี่ย”

   “จูบกู กัดกู ทำรอยบนตัวกู มึงทำได้มั้ย” ผมเงยหน้าถาม ไม่รู้ว่าคิดบ้าอะไร แต่จูบกับใครแม่งก็คงเหมือนกัน

   เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่มีท่าทีจะทำตามคำสั่ง ผมจึงใช้จังหวะนั้นคว้าต้นคอคนตรงหน้าลงมาแล้วประทับริมฝีปากทันที มันเจ็บไปหมดแล้วไอ้เหี้ย ความรัก ความเชื่อใจ หมดลงในวันนี้ วันที่มาเห็นทุกอย่างกับตา

   ผมแม่งโคตรโง่เลย โง่ซ้ำซากกับเรื่องเดิมๆ ไม่รู้จักหลาบจำ สุดท้ายก็ต้องน้ำตาตกกับความจริงที่ได้รู้ สำหรับหุบเหวของไอ้ค่ายข้างใต้ไม่มีน้ำอยู่จริงๆ มีแต่ดินแข็งๆ ที่ทำเอาเจ็บจนทนไม่ไหว

   ลิ้นที่มีกลิ่นของแอลกอฮอล์พยายามแทรกเข้าไปในโพรงปากของเพื่อนสนิท ไอ้โบนพตั้งท่าจะดึงผมออกแต่ผมดื้อด้านกว่านั้น ยังตั้งหน้าตั้งตาจูบต่อไปอย่างลืมอาย

   ตรงนี้มีคนเยอะแล้วไง ให้มันรู้ไปสิว่ากูเป็นเกย์!

   ให้มันรู้ไปสิว่าคนหน้าไม่อายอย่างกูทำอะไรได้บ้าง

   ผั่วะ!

   เสี้ยววินาทีนั้นผมค้นพบว่าตัวเองเสียศูนย์ถึงขนาดเซถอยหลังไปหลายก้าว เสียงหมัดหนักๆ ดังแหวกเข้ามาในแก้วหู แต่คนที่โดนและล้มลงไปกลับไม่ใช่ผม

   ผั่วะ! ผั่วะ! ผั่วะ!

   “ไอ้เหี้ยโบน มึง!” เสียงเข้มดังก้องไปทั้งบริเวณ สายตาที่ค่อนข้างเบลอในคราแรกกระจ่างชัดขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นว่าไอ้ค่ายกำลังต่อยไอ้โบนอย่างแรงจนร่างสูงล้มลงกับพื้น

   ผมรีบรวบรวมแรงทั้งหมดที่มีเข้าไปแยกคนทั้งคู่ออกจากกัน ก่อนไอ้ค่ายจะหันมาจ้องหน้าผมเขม็ง แล้วหันมาใช้มือข้างหนึ่งบีบคอของผมเอาไว้ จากนั้นก็ดันร่างไปติดกับกำแพงห้องน้ำ

   แรงบีบนั้นรุนแรงจนทำให้หายใจไม่ออก น้ำตาไหลเป็นทาง พูดไม่ได้ บอกไม่ได้ ทำได้แค่ร้องไห้อยู่อย่างนั้นจนกว่าจะขาดอากาศหายใจ ผมมองหน้ามัน มองไม่กะพริบด้วยความรู้สึกที่อธิบายเป็นคำพูดไม่ได้ รู้แค่ว่าเจ็บมาก เจ็บเพราะโดนหักหลัง

   “โธ่เว้ย!”

   “อะแค่กๆ” ผมไอโขลกออกมาอย่างหนักหลังจากไอ้ค่ายยอมปล่อยมือให้ผมเป็นอิสระ ระหว่างนั้นก็ได้ยินเสียงดังแทรกเข้ามาในกกหูอยู่หลายครั้ง ก่อนจะพบว่ากำปั้นหนักๆ กำลังต่อยเข้ากับกำแพงไม่ยั้งจนเลือดอาบฝ่ามือ

   กลิ่นคาวเลือดลอยคว้างอยู่ใกล้จมูกจนอยากอาเจียน แต่ถึงอย่างนั้นผมกลับพยายามรั้งกำปั้นที่กระหน่ำชกอย่างบ้าคลั่งเอาไว้สุดความสามารถ ด้วยการจับข้อมือของคนตรงหน้าไว้แน่นพร้อมกับเค้นเสียงที่เหลืออยู่ออกมา

   “ต่อยกูเถอะ ต่อยแรงๆ เลย”

   “ไอ้เติร์ด มึง...”

   “กูจูบไอ้โบนไปแล้วเพราะงั้นมึงต่อยกูเถอะ”

   “...”

   “แล้วเราจบกันเถอะนะ กูไม่อยากรักมึงแล้ว กูเจ็บฮือออออออ กูเจ็บ” เหมือนความอัดอั้นตันใจที่มีมาทั้งหมดได้พังครืนลงมา พังลงตรงหน้าของคนที่แอบรักมานาน

   สุดท้ายก็สูญเปล่า สุดท้ายก็ไม่เหลืออะไร บอกว่าเผื่อใจเอาไว้มากมายแต่เอาเข้าจริงก็หนีความเจ็บปวดไม่พ้น ไอ้ค่ายไม่ได้เปลี่ยนอะไรเลย มันไม่ได้รักผมอย่างที่พูด ไม่ได้รัก...แม้แต่เสี้ยว

   “เติร์ดกูขอโทษ”

   “...”

   “กู...ขอโทษ” ข้อมือที่ผมจับอยู่กำลังสั่น ไอ้ค่ายเอ่ยขอโทษผมทั้งน้ำเสียงสั่นเครือ และตอนนี้ผมก็กำลังเห็นว่าใบหน้าแดงก่ำ...มีน้ำตาไหลออกมา

   ร้องไห้ทำไมไอ้ค่าย ไม่ต้องร้องให้คนอย่างกูหรอก ไม่มีประโยชน์ที่ต้องทำอย่างนั้น

   “กูสามารถจูบกับคนอื่นที่ไม่ใช่มึงได้”

   “...”

   “กูสามารถมีอะไรกับคนอื่นที่ไม่ใช่มึงได้ กูอยากเป็นเหมือนมึงที่ไม่ต้องรักใคร ไม่ต้องเสียใจที่ต้องสูญเสียไปเหมือนตอนนี้ มึงรู้สึกเสียใจบ้างมั้ยที่กำลังเสียกูไป มึงรู้สึกเสียใจบ้างมั้ยที่กูจูบคนอื่น”

   “เติร์ดกูขอโทษ” ร่างของผมถูกดึงเข้าไปกอด เป็นอ้อมกอดที่แน่นมากแต่กลับรู้สึกหนาวเหน็บไปถึงขั้วหัวใจ วันนั้นที่เคยบอกเอาไว้ว่าจะเป็นทั้งครอบครัวและที่ปรึกษา

   เป็นคนที่อยู่เคียงข้างเสมอไม่ว่าสุขหรือเศร้า

   เป็นคนที่พร้อมจะสร้างฝันไปด้วยกันจนกว่าจะสำเร็จ

   และก็เป็นคนที่สัญญากับปากว่าจะหยุดทุกอย่างเพื่อกู

   “ที่กูเป็นขนาดนี้ เสียใจขนาดนี้ก็เพราะรักมึง”

   “...”

   “แต่มึงไม่รู้สึกอยากรักษาความรักของกูเอาไว้บ้างเลยเหรอ”

   คำถามเดียวที่อยากถาม แม้ผมจะได้คำตอบตั้งแต่เห็นเจ้าของอ้อมกอดนี้กำลังมีความสุขกับคนอื่นแล้วก็ตาม...






ถ้าใครสักคนจะโดนด่า
ขอให้คนนั้นเป็นค่ายเถอะค่ะไม่ใช่จิตติ ฮ่า
ตอนนี้อยากบอกคำเดียวว่า “พาพี่โบนไปส่งโรงบาลก่อน” คนอะไรซวยแท้

ออฟไลน์ me12inzy

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 458
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
อีค่ายอีเหี้ยยยยยยยยยยยยยยย :beat: :beat: :beat: โกรธ มากกกกก
ชั้นจะเลิกทีมแกแล้ว ชั่วอินฟินิตี้จริงๆ
สงสารเติร์ดอะ เห็นภาพเหี้ยๆงี้ต่อหน้าต่อตา โอ้ย เสนียดลูกตาเว่อ
อยากตีอีค่าย และอยากตบอิชะนีให้แหก

ออฟไลน์ jannie

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 782
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-0
ดีค่ะ เติร์ดจะได้รู้ๆ กันไปเลย ส่วนค่ายก็ควรเปลี่ยนจริงๆ สักที

ออฟไลน์ Pook_zaa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 2
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
น้ำตาไหลเลย ปวดหัวใจ  :sad11: :m15:

ออฟไลน์ plafishy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 10
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ฮือออออออออออออ
ตอนท้ายๆบีบหัวใจเรามาก อินมากจนร้องไห้เอง
ไม่เข้าใจค่ายเลย ทำไมเป็นคนแบบนี้ คิดว่าจะกลับใจได้แล้ว แต่ก็ไม่เลย
ยิ่งอ่านยิ่งเจ็บอ่ะ สงสารเติร์ดมาก อยากเข้าไปกอดปลอบ ฮือออออออ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ทฤษฎีจีบเธอ ∞ ตอนที่ 15 [21/08/60] *หน้า38
« ตอบ #1129 เมื่อ: 21-08-2017 20:45:36 »





ออฟไลน์ Carina

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 73
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ปวดใจแทนเติร์ด คนเราสมควรจะโดนคนๆ เดิมทำร้ายหัวใจสักกี่รอบกัน  :hao5: :hao5:

ออฟไลน์ Dealta

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 95
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
อีสันดานเสียยยยย อีคนไม่รักษาคำพูด สงสารเติร์ด ร้องไห้ตามแล้วเนี่ยยยย     ตัดใจเหอะเติร์ดดดดดดดดด  จิติค้าาเปลี่ยนพระเอกทันไหมมมอะ ไม่อยากได้ค่ายเเล้ว  ไม่เอาเเล้ว ไม่ไหวแล้ว ฮือๆๆๆๆๆๆๆ :m15: :m15:

ออฟไลน์ Cardiac

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 355
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
 :o12:

ออฟไลน์ oilzaza001

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 619
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
 :katai1: :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ Chise

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
ไม่อยากด่าค่ายแล้ว ขอกระทืบอย่างเดียวเลยละกัน
สงสัยว่าเติร์ดให้โอกาสเร็วไป อยากถามค่ายจริงๆว่าคิดอะไรอยู่ สิ่งที่ทำมาพังหมดในครั้งเดียวจริงๆ

ออฟไลน์ Apinnoolek

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ไอ้ค่ายยย มึง!!!

ออฟไลน์ OrangeryLemon

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 129
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
เอิ่ม เคยคิดว่าประโยค "เจ็บแล้วจำคือคน เจ็บแล้วทนคือควาย" มันแรงไปมากๆ

แต่มันใช่เลยอ่ะกับตอนนี้..

ออฟไลน์ ก้อนขี้เกียจ

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 580
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-1
#ทีมต่อต้านสันดานไพร่ของไอ้ค่าย :z6: :z6: :z6:

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
เอ้า อิค่ายทำท่ามาเหมือนจะดี สุดท้ายสันดานโผล่อีกเหรอ จะมาแก้ตัวว่าเมาว่าน้องมาจูบเองนี่ รับไม่ได้นะ
สงสารเติร์ดจริงๆ เจ็บช้ำซ้ำๆ รักคนอื่นได้ก็รักไปเถอะ ถึงแม้ว่าค่ายจะรักจริงแต่ต้องให้มันสูญเสียซะบ้างจะได้รุ้สึก
 :ling1:

ออฟไลน์ ืNtop

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 49
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ถ้าไม่ใช่เรื่องที่เติร์ดเข้าใจผิดหรือเหตุการณ์ที่ผู้หญิงทำเองนะ อิค่ายแกไม่ควรได้รับความรักจากเติร์ดอีก ไม่ทีมค่ายแล้วค่ะ ทีมหาพระเอกคนใหม่ให้เติร์ด  จิตติคะหาผู้ชายคนใหม่ให้เติร์ดที    :ling3:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด