บทที่ 9
เหตุเกิดเพราะ...เพื่อนเก่า
“แอลชอบพู”เฮือก!
ผมรีบหลบหลังต้นไม้ทันทีที่คำพูดนั้นออกจากปากแอล จากที่ตั้งใจจะไปหาคนตัวเล็กกลับนิ่งฟังคำสารภาพโดยไม่ตั้งใจ
อะ...แอลชอบผมอย่างนั้นเหรอ
ผม...หวังได้ใช่ไหม
แต่ทำไมบอกพี่เจตล่ะ
ผมโคลงหัวอย่างไม่เข้าใจ แต่ก็แอบฟังบทสนทนาของสองคนนั้นอย่างใจจดใจจ่อ
“พูดอะไรของนายน่ะแอล” พี่เจตยืนหน้าเครียด เขาคงไม่อยากให้น้องชายสุดที่รักมาชอบผมอย่างแน่นอน
พี่ครับ คนจะชอบกันห้ามไม่ได้หรอกนะ หึหึ
“แอลพูดเรื่องจริงไง ถ้าเจตไม่คิดอะไร คงไม่ผิดใช่ไหมถ้าแอลจะคบกับพู”
อ้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
ผมปิดปากแน่น กลั้นเสียงเล็ดลอดสุดกำลัง ยืนดีดดิ้นอยู่หลังต้นไม้ด้วยหัวใจเต้นรัว
แอลจะคบกับโผ้มมมมมมม
“พี่ไม่อนุญาต!” เสียงแข็งดุน้อง ยืนกอดอกจ้องคนตัวเล็กเขม็ง
พี่จะกีดกันอะไรนักหนาครับ ผมไม่ดีตรงไหน ออกจะชัดเจนชอบน้องชายพี่คนเดียวเนี่ย
“งั้นบอกเหตุผลมาสิครับ” คนตัวเล็กพูดยิ้มๆ
ใช่ๆ บอกมาเลย ถ้าผมไม่ดีตรงไหนจะได้รีบปรับปรุงตัวให้เหมาะสมกับน้องชายพี่เอง คนนี้ผมจริงจังจริงใจมากนะพี่
“ไม่มีเหตุผลอะไรทั้งนั้นแหละ ไปๆ รีบกลับบ้านเดี๋ยวรถเมล์หมด” พี่เจตบอกปัดก่อนจะโอบไหล่น้องชายตัวเล็กพาเดินออกจากโรงเรียน
ไรว้า ผมอยากรู้มากเลยนะว่าทำไมพี่เจตถึงไม่อยากให้แอลคบกับผม
.
.
.
“สวัสดีครับ” ชายแปลกหน้าโผล่พรวดเข้ามาทันทีที่ผมเดินพ้นจากประตูโรงเรียน
“เอ่อ...ครับ” สัญชาตญาณบอกให้ผมรีบออกไปจากตรงนี้ แต่ใบหน้าประดับด้วยรอยยิ้มดูไม่มีพิษมีภัยทำให้ผมหยุดฟัง สมองผลักไสสัญชาตญาณนั่นทิ้งไป
คนหล่อลากขนาดนี้จะมาทำร้ายใครได้ล่ะ
“ผมรันครับ นายชื่ออะไร”
“พูครับ มีอะไรให้ช่วยหรือเปล่า” ผมยิ้มตามรอยยิ้มเขา คนอะไรแค่ยิ้มโลกก็สว่างสดใสไปหมด เขาหัวเราะนิดๆ พลางมองผมที่ยิ้มเก้ออย่างไม่เข้าใจว่าเขาหัวเราะทำไม
“คือ...ผมตามหาแอลอยู่น่ะครับ ทราบมาว่าเขาอยู่ที่โรงเรียนนี้ นายรู้จักไหม” ทันทีที่ชื่อคนตัวเล็กหลุดจากปาก สัญชาตญาณอันแรงกล้าก็ร้องลั่นเตือน
“ตามหาทำไมเหรอครับ” ผมขมวดคิ้วสงสัย หรือจะเป็นคนที่เคยทำร้ายแอล แต่คนนั้นชื่อต้นกับตั้นนี่นา คงไม่ใช่หรอกมั้ง
“ผมเป็นเพื่อนแอลครับ และอยาก...ขอโทษ” เขาก้มหน้าอย่างรู้สึกผิด “ขอโทษที่ไม่ได้ปกป้องเขาในฐานะเพื่อน” สายตาเว้าวอนส่งมายังผม
“นายพาเขามาพบผมได้ไหม ให้ผมได้ขอโทษในสิ่งที่ทำผิดไป ถึงเขาไม่ให้อภัยผมก็ยังอยากขอโทษ” ไม่มีแววล้อเล่นในสายตาคู่นั้น เขามองผมอย่างขอร้องจนผมเกือบใจอ่อน
ผมชั่งใจ ใจหนึ่งก็อยากให้แอลตัดขาดจากเพื่อนเก่าไปเสียแล้วเริ่มต้นใหม่ แต่อีกใจก็ไม่อยากให้คนตัวเล็กต้องเสียใจที่บาดหมางกับเพื่อนไปตลอดชีวิต ถ้าปรับความเข้าใจและให้อภัยกันอาจจะทำให้ความสัมพันธ์ที่เคยแตกร้าวกลับมาสมานอีกครั้งก็ได้
“ผมไม่รับปากว่าจะพาแอลมา แต่จะถามเขาให้ว่าอยากเจอนายหรือเปล่า”
“แค่นั้นก็ดีแล้วครับ เอ่อ ขอเบอร์นายหน่อยสิ ถ้าแอลตกลงเราจะได้นัดเจอกัน” ผมพยักหน้ารับ หยิบโทรศัพท์ส่งให้เขาเมมเบอร์มือถือ “ขอบคุณมากนะครับ” เขาเอ่ยทิ้งท้ายก่อนจะเดินจากไปอีกทาง
เรื่องนี้คงต้องให้แอลตัดสินใจเอง
คืนนั้นผมคุยไลน์กับแอลทั้งคืนเรื่องเพื่อนของเขา แอลตอบตกลงทันทีที่ผมบอกชื่อเพื่อนคนนั้นไป
‘รันเป็นเพื่อนที่ดี เขาคอยรับผิดพร้อมเราทุกครั้ง บางทีเขาอาจถูกบังคับให้ใส่ร้ายเราก็ได้ เราอยากคุยกับเขาอีกสักครั้งพาเราไปหาเขานะพู’
ผมตกลงกับแอลว่าเราจะไปหาเขาหลังเลิกเรียนด้วยกัน เพราะใจหนึ่งผมไม่ไว้ใจเพื่อนแอลคนนี้เท่าไรนัก รู้สึกกังวลแปลกๆ แต่เพราะใบหน้ารู้สึกผิดประกอบกับความไว้ใจของแอลทำให้ผมตัดความสงสัยทิ้งไปทั้งหมด
“วันนี้เจตไม่อยู่” แอลบอกผมเมื่อหันซ้ายหันขวาไม่เห็นร่างสูงตามประกบคนตัวเล็กเช่นเคย แอลบอกว่าวันนี้พี่เจตต้องช่วยงานห้องสภานักเรียนเลยให้แอลกลับบ้านเอง คนตัวเล็กจึงรีบมานั่งรอผมที่หน้าห้องเรียนทันที นั่งอ่านหนังสือเงียบๆ อยู่หน้าห้องเรียนจนกระทั่งหมดคาบ
พอครูออกจากห้องเสียงโห่แซวเรื่องที่ผมกิ๊กกั๊กกับแอลลามไปทั่วทั้งห้อง ยิ่งพอเห็นแอลมารอผมเลิกเรียนยิ่งทำให้พวกมันพูดมากกว่าปกติ
“คบกันหรือยังเนี่ย” เพื่อนคนหนึ่งในห้องเป็นตัวแทนเอ่ยถามคำถามที่ทุกคนอยากรู้
“วู้ พูดอะไรของมึง” ผมร้องปฏิเสธพลางยัดของใส่กระเป๋าอย่างรวดเร็ว
“หน้าอย่างมัน กว่าจะได้คบคงต้องรอชาติหน้านั่นแหละ” ผมตบหัวเพื่อนซี้ที่พูดไม่เข้าหู เหลือบมองแอลที่เบือนหน้าไปทางอื่นด้วยใบหน้าขึ้นสี
วันนี้ผมจะขอคนตัวเล็กเป็นแฟนครับ
ในเมื่อใจตรงกันก็ไม่จำเป็นต้องรออีกต่อไป
“รันนัดพูที่นี่เหรอ” แอลถามเมื่อเราเดินเข้ามาในตรอกแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ใกล้ๆ โรงเรียน แต่ไม่ค่อยมีคนผ่านเท่าไรนักเพราะข้างในเป็นซอยตัน น้อยคนนักจะรู้ว่าซอยนี้เชื่อมกับภายในโรงเรียน และผมกับแบงค์ก็เป็นส่วนน้อยที่ใช้ทางนั้นโดดเรียนเป็นประจำ เด็กดีไม่ควรเอาเยี่ยงอย่างนะครับ
“อื้ม เห็นบอกว่ากลัวพี่ตั้นรู้ว่ามาหาแอลเลยต้องหาที่ลับๆ นัดเจอน่ะ”
ครืดๆ
ผมหยิบโทรศัพท์ออกมา มองหน้าจอที่ปรากฏรูปเพื่อนซี้ยืนโชว์ซิกแพ็คที่ไม่รู้มาจากไหนโชว์หรารอให้ผมกดรับสาย
แล้วมันเอาโทรศัพท์ผมไปเปลี่ยนรูปตัวเองตอนไหนวะ
“ว่า” ผมกรอกเสียงอย่างไร้อารมณ์ ไร้อารมณ์เพราะภาพหน้าจอนี่แหละครับ
(อยู่ไหนเนี่ย มึงลืมสมุดเลขไว้ที่ห้อง จะไม่ทำการบ้านรึไงห้ะ แล้วกูจะลอกใคร) โถ ผมก็นึกว่ามันจะเป็นห่วง กลัวผมว่าจะไม่มีงานส่ง แต่ที่แท้กลัวไม่มีคนให้ลอก ผมส่ายหัวนิดๆ แล้วตอบกลับไป
“อยู่ตรอกลับมารอเจอเพื่อนแอล แล้วมึงน่ะหัดทำการบ้านเองบ้าง!”
(เหอะน่า ช่วงนี้กูต้องเก็บไอเท็ม ไม่ว่างทำ แบ่งเพื่อนนิดหน่อยทำเป็นงก งั้นเดี๋ยวกูเอาไปให้ แป๊บเดียว รออยู่ตรงนั้นนะ)
“เออๆ รีบมา” วางสายเสร็จปั๊บเสียงฝีเท้าหลายคู่ก็เข้ามาใกล้ ผมหันกลับไปมองทางออกที่มีชายหลายคนเดินดาหน้าเข้ามา พอวิ่งเข้าไปในซอยก็เห็นรันนั่งอยู่บนลังไม้ใกล้ๆ ผู้ชายคนหนึ่งที่ผมคุ้นหน้าแต่จำไม่ได้ว่าเคยเห็นที่ไหน
“พะ...พี่ต้น” รันฉีกยิ้มหวานเดินเข้ามาใกล้เรา ผมดึงแอลไปอยู่ข้างหลังประจันหน้ากับผู้ชายที่หลอกผมว่าเขาชื่อรัน
“หึหึ ขอโทษด้วยนะที่หลอกนาย แต่ฉันจำเป็นต้องทำ ไม่อยากให้น้องชายโกรธนี่นา” สิ้นคำนั้นผู้ชายอีกคนก็ก้าวเข้ามาหาเรา ดวงตาคมกริบของเขาและรอยยิ้มแสยะทำให้ผมนึกขึ้นได้ว่าเขาคือคนเดียวกับที่มองแอลที่โรงหนังวันนั้น
“ตั้น” เจ้าของชื่อแย้มยิ้มน่าขนลุกเมื่อผมเอ่ยชื่อของเขา
“คิดไม่ผิดจริงๆ” เขากวาดตาไปทั่วตัวผมด้วยสายตากระหายอยาก ผมขนลุกซู่ไปทั้งตัวแต่ก็ทำใจกล้าบังแอลที่ยืนตัวสั่นด้วยความกลัว
“ต้องการอะไร” ผมเอ่ยถามร่างสูงเสียงแข็ง เขาหัวเราะนิดๆ ก่อนจะยื่นหน้าเข้ามาใกล้
“ตัวนาย” ผมก้าวถอยหลังหนี ผู้ชายคนนี้อันตรายเกินไป ผมไม่รู้เลยว่าจะหาทางรอดจากสถานการณ์นี้อย่างไรดี
“ไอ้เด็กเวรนั่นของมึง จะไปจัดการอะไรก็เรื่องของมึง ส่วนคนนี้” ไอ้ตั้นบอกน้องชายที่ยืนยิ้มหวานก่อนจะแลบลิ้นเลียริมฝีปากมองผมตาวาว “ของกู”
“อย่ายุ่งกับแอล!” ผมกอดแอลแน่นเมื่อรันทำท่าจะเข้ามาคว้าคนตัวเล็ก ไม่สิ เขาคือต้น ผู้ชายสารเลวที่เคยหลอกแอล
ไม่ยอม ยังไงก็ไม่ยอมให้พวกสวะทำอะไรแอลได้อีก
“จิ๊ พวกมึงน่ะ จัดการแยกมันสองคนดิ๊” ต้นตะโกนบอกพรรคพวกที่ยืนเรียงรายกั้นทางออกอยู่ให้เข้ามาแยกผมออกจากแอล “ช้ำนิดๆ หน่อยๆ ได้ไหมมึง” มันหันไปถามแฝดน้องด้วยใบหน้ายิ้มๆ
“ซาดิสม์ไม่เปลี่ยนนะมึง เอาเถอะ จะทำอะไรก็ทำ เหลือให้กูเล่นสนุกกับหนูน้อยน่ารักคนนั้นก็พอ” ตั้นมองผมก่อนจะเดินกลับไปนั่งสูบบุหรี่
“เต็มที่เลยพวกมึง” สิ้นคำสั่ง ลูกน้องที่ดูคร่ำศึกและมีบาดแผลฉกรรจ์ตามเนื้อตัวก็เริ่มเข้ามาแยกผมออกจากแอล
ผมยังคงกอดแอลไว้ ยกเท้าถีบเมื่อพวกมันเข้ามาใกล้ นึกเสียดายที่ไม่ได้ฝึกซ้อมกับแม่จนเก่งมากกว่านี้
ผมถูกชกสวนกลับมา ตามด้วยฝ่าเท้าไม่เบาแรง แต่แม้จะถูกเตะถูกชกมากแค่ไหน ผมจะไม่ยอมให้แอลต้องเจ็บแม้แต่ปลายเล็บ
“หึหึ อึดดีนี่หวา” หนึ่งในพวกมันยกเท้าถีบผมอย่างแรง
ผลัก
ผมใช้มือบังศีรษะของแอลไว้ไม่ให้กระแทกพื้น แล้วกอดแอลไว้แนบอก กัดฟันรับฝ่าเท้าหลายสิบคู่กระหน่ำแรงลงมาไม่ยั้งผมเริ่มเจ็บหน่วงไปทั่วทั้งตัวแต่ก็อดทนเพื่อความปลอดภัยของคนในอ้อมแขน
“ฮึก พู ฮือ” เสียงสั่นเครือของคนตัวเล็กเรียกให้ผมก้มลงยิ้มปลอบใจ
“ไม่เป็นไรแอล อึก ระ...เราจะต้องปลอดภัย”
เสียงไซเรนของรถตำรวจดังแว่วเข้ามา ฝีเท้าเหล่านั้นหยุดนิ่งค้างไว้ก่อนจะรีบเพ่นหนีกันออกไปทันที
“ไอ้ตั้นไปโว้ย พ่อมึงมากแล้ว” ต้นตะโกนลั่นแล้ววิ่งพรวดไปอีกทาง สายตาคมกริบเหลือบมองผมก่อนจะขยี้บุหรี่อย่างแรง
“คราวหน้ากูจะพามึงขึ้นสวรรค์” มันก้มลงตบแก้มผมเบาๆ ก่อนจะวิ่งหนีไปพร้อมกับพี่ชาย
“อึก” เมื่อไม่มีใครอยู่บริเวณนั้นผมก็ปล่อยแอลออก นอนแผ่หลาอย่างหมดสภาพแล้วหายใจสูดกลิ่นชื้นเข้าเต็มปอด
“เชี่ยถั่ว เป็นยังไงบ้างวะ” เพื่อนซี้ของผมพุ่งเข้ามาหาพร้อมโทรศัพท์มือถือของมันที่ยังค้างอยู่ที่โปรแกรมเล่นเสียง เคยถามเหมือนกันว่าจะเก็บเสียงไซเรนไว้ทำไม แบงค์ตอบแค่ว่าเท่ดี
หึ คงต้องขอบคุณความเท่บ้าบอของแบงค์ที่ทำให้ผมกับแอลรอดตาย
“ยิ้มเชี่ยอะไรของมึงห้ะ” แบงค์โวยลั่น น้ำตาซึมเมื่อเห็นสภาพของผม
“คะ...ความผิดเราเอง ฮึก ขอโทษนะพู ฮือ” แอลปาดน้ำตา จับมือผมไว้แน่นด้วยมืออันสั่นเทา ผมค่อยๆ ยันตัวเองขึ้นแล้วลูบหลังแอลอย่างปลอบประโลม
“ไม่เป็นไรแล้ว เราปลอดภัยแล้วนะ” ผมกอดคนตัวเล็กแน่น รู้สึกกลัวอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ถ้าวันนี้ผมติดธุระอีกคนหรือปล่อยให้แอลมาคนเดียวจะเกิดอะไรขึ้น ผมคงรู้สึกผิดไปตลอดชีวิต
“ไปหาหมอกันมึง” ผมพยักหน้ารับคำแบงค์ก่อนที่ทั้งคู่จะช่วยพยุงผมพาออกจากตรอกนั้น
“ต๊าย ไปทำอะไรกันมาเนี่ย” แม่ร้องลั่นทันทีที่ผมเดินเข้ามาในบ้านพร้อมแบงค์ ส่วนแอล เราพาเขาไปส่งที่บ้านก่อนหน้านี้แล้วครับ ตอนแรกคนตัวเล็กจะมาส่งผมด้วยกัน แต่ผมปฏิเสธเพราะไม่อยากให้แอลอยู่ข้างนอกนาน กลัวพวกมันจะดักทำร้ายแอลอีก
“แหะๆ” แบงค์ยิ้มแห้งก่อนจะพาผมไปนั่งโซฟาให้แม่ซักฟอก จัดการวางกระเป๋าไว้ข้างโดยไม่ลืมสอดสมุดเลขใส่กระเป๋าให้ก่อนจากไป
“เล่ามาซิ” แม่นั่งกอดอกนั่งอยู่ข้างๆ ผมเหลือบมองพ่อที่เดินถือจานข้าวเข้ามาหาด้วยสายตาเป็นห่วง
คงปิดบังไม่ได้แล้วสินะ
ผมเล่าเรื่องราวของแอลให้พ่อกับแม่ฟังและย้ำว่าสิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้เป็นเพราะผม ถ้าผมไม่หลงคิดว่ารันเป็นเพื่อนของแอล ไม่พาคนตัวเล็กไป เรื่องทั้งหมดก็คงไม่เกิดขึ้น
“จำไว้เป็นบทเรียนเลยนะพู อย่าไว้ใจคนแปลกหน้า แล้วเพื่อนเราเขาเป็นอะไรมากไหม” ผมส่ายหน้า
“ปลอดภัยก็ดีแล้วลูก” พ่อลูบหัวผม “แจ้งความไหม เดี๋ยวพ่อให้ลุงโก้จัดการให้”
“แจ้งเรื่องไว้ก็ดีครับพ่อ ผมกลัวว่าพวกเขาจะไม่หยุดแค่นี้” พ่อพยักหน้ารับก่อนจะลุกขึ้นโทรหาลุงโก้เพื่อนตำรวจที่สนิทกันดีให้ช่วยรับเรื่องไว้เพราะผมมีหลักฐานใบรับรองแพทย์อยู่
“พรุ่งนี้ไม่ต้องไปโรงเรียน พักรักษาตัวให้หายก่อนเข้าใจไหม” แม่กำชับก่อนจะปล่อยให้ผมกินข้าวกินยาแล้วสั่งให้ขึ้นไปอาบน้ำนอนทันที
พอออกจากห้องน้ำแสงวูบวาบหน้าจอก็แสดงข้อความจากคนตัวเล็ก ผมยิ้มนิดๆ ก่อนจะกดตอบไป
Purin : ไม่เป็นไรแล้วคร้าบบบบบบบบบบ
Omyim: พู...เราขอโทษนะ
Purin : เราจะดีใจมากถ้าแอลเลิกขอโทษเรา
Omyim: ...
Purin : อ้อ แอล เรามีเรื่องจะขอ
ผมนึกขึ้นได้ว่ามีเรื่องสำคัญต้องตกลงกับแอลก่อน ก่อนจะหัวเราะนิดๆ เมื่ออ่านข้อความที่เพิ่งส่งเข้ามา
Omyim: ขอเลย แอลให้ได้หมดทุกอย่าง
ขอตัวและหัวใจแอลได้ไหม งื้อ แม้จะคิดอย่างนั้นแต่ผมก็พิมพ์ตอบไปอีกอย่าง
Purin : ห้ามบอกเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ให้พี่เจตรู้นะ
Omyim: ทำไมล่ะ เรื่องใหญ่มากนะ
Purin : ตอนนี้เขาบาดเจ็บอยู่นะ ถ้าเกิดเขาไปหาเรื่องพวกนั้นแล้วบาดเจ็บกว่าเดิมล่ะ
ผมไม่กล้าพูดว่าแอลจะคลุ้มคลั่งขึ้นมาอีก ไม่อยากทำร้ายใจคนตัวเล็กแต่ผมจำเป็นต้องหยุดเหตุการณ์ที่อาจจะส่งผลกระทบต่อคนตัวเล็กให้มากที่สุด
Omyim: อือ ก็ได้ แต่พูจะบอกเจตยังไงล่ะเรื่องแผล
Purin : พรุ่งนี้เราไม่ไปโรงเรียน ก็มั่วเอาว่าไปชกกับคู่อริก็ได้ โดนเรียกเข้าห้องปกครองสักครั้งคงไม่เป็นไรหรอก
Omyim: ขอโทษนะ
Purin : ถ้าพูดอีกเราจะไม่คุยกับแอลแล้วนะ -*-
Omyim: เราไม่พูดแล้ว
Purin : ดีมาก
ผมนอนคุยกับแอลไปเรื่อยจนกระทั่งสายโทรเข้าจากคนที่หายหน้าหายตาไปนานจู่ๆ ก็ติดต่อมา
‘ถั่วพี่’
ผมชอบเมมชื่อพี่ชายแบบนี้แหละครับ ส่วนชื่อแอลน่ะเหรอ ที่รักไงคิคิ
“นึกว่าตายไปแล้วนะเนี่ย” ผมพูดกวนใส่คนปลายสาย อีกฝ่ายพ่นลมหายใจแล้ววางสายทันที
“อ้าว” พอผมโทรกลับพี่ชายบังเกิดเกล้าก็ปิดเครื่องไปแล้ว
อะไรของพี่ลันเตาวะ
Tbc.
⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀
ช่วงนี้ให้โอกาสน้องพูทำคะแนนก่อนค่ะ พี่เจตยังไม่เผยความลับค่า 555
แต่พาร์ทหน้าให้พี่เจตมาตอบเองดีกว่าว่าเขาคิดอะไรอยู่ 
ศัตรูเริ่มมาแล้ว และไม่จบแค่ครั้งนี้อย่างแน่นอน
และเรื่องราวจะเป็นอย่างไรนั้นต้องติดตามคิคิ
ปล.พี่ลันเตาคือชายผู้มีบทบาทในอนาคตค่ะ 555
ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นต์ค่ะ 