บทที่ 14
เหตุเกิดเพราะ...ข้อความ
[แอล]
ผมเป็นห่วงพู ทั้งอาการป่วยของเขาและความเจ้าเล่ห์ของพี่ชาย ยิ่งเห็นท่าทีแบบนั้นผมยิ่งมั่นใจว่าเจตชอบพูมากจริงๆ
แต่เอาเถอะ ผมไม่คิดสู้รบปรบมือกับพี่ตัวเองหรอก เห็นอยู่ชัดๆ ว่าแพ้ทางกายภาพ ผมปกป้องพูไม่ได้เหมือนที่เขาปกป้องผม ยังดีที่ผมไม่ได้คิดอะไรกับพูลึกซึ้ง และดึงตัวเองกลับมาได้ทันเพื่อเปิดทางให้ทั้งคู่
“หลานย่ามาแล้ว” ผมยกมือไหว้คุณย่าแล้วสวมกอดท่าน สูดกลิ่นน้ำอบหอมชื่นใจของคุณย่าด้วยความคิดถึง
“คิดถึงคุณย่าจังเลย”
“ดูสิตาพจน์หนูณี มาถึงก็อ้อนเชียวนะเจ้าหลานคนนี้” ผมกอดคุณย่าแน่นกว่าเดิม ชดเชยหลายปีที่ไม่ได้มาหาเพราะเกิดเรื่องขึ้นมากมาย และพ่อกับแม่ก็ไม่อยากให้คุณย่าไม่สบายใจจึงไม่ได้บอกเรื่องของผม
“ก็ผมคิดถึงอะ ผมอยากกินบุหลันดั้นเมฆฝีมือคุณย่า” ขนมไทยฝีมือคุณหญิงอิศราเป็นที่เลื่องลือไปทั่วตำบลครับ หากใครอยากสั่งขนมไทยต้องจองคิวล่วงหน้าหลายเดือนเพราะขนมของคุณย่าอร่อยมาก ผมเองก็ติดใจจนกินร้านไหนก็รู้สึกว่าสู้ฝีมือคุณย่าไม่ได้เลย
“ดีเลย ย่ามีนักศึกษามาเรียนทำขนมไทย ดูซิว่าจะถูกปากเราไหม”
“ไม่มีใครสู้ฝีมือคุณย่าได้หรอกครับ”
“แหน่ะ ปากหวานจริงเชียว” พ่อกับแม่หัวเราะตามคำพูดคุณย่าก่อนจะขอตัวขึ้นไปเก็บของบนห้อง ปล่อยให้คุณย่าพาผมไปรู้จักกับลูกศิษย์คนใหม่
“อ่าว พ่อหนุ่มคนนั้นไปไหนซะล่ะแม่แช่ม” คุณย่าถามแม่ครัวคนสนิท ผมยกมือไหว้เธอก่อนจะสวมกอดด้วยความคิดถึงเช่นกัน
“เห็นบอกว่ามีนัดค่ะ แต่ขนมที่สั่งให้ทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว คุณหนูลองชิมไหมคะ บุหลันดั้นเมฆของโปรดคุณหนูเลยนะคะ” ยายแช่มหมุนตัวกลับไปเปิดซึ้ง หยิบขนมสีฟ้าตรงกลางเป็นสีเหลืองนวลตาน่ารับทานจัดใส่จานแล้วส่งให้ผม
“จะอร่อยรึเปล่าน้า” ผมมองของชอบแล้วลังเลใจ เหลือบมองคุณหญิงอิศราและยายแช่มที่จับมือกันอย่างลุ้นๆ
อะไรจะขนาดนั้นครับคุณย่า ก็แค่ขนมฝีมือลูกศิษย์เองผมกัดชิมคำหนึ่ง รสชาติคุ้นเคยจนผมตาโต มองหญิงชราทั้งสองที่รอคำตอบจากผม
“รสชาติเดียวกับที่คุณย่าทำเลยครับ” ผมบอกอย่างไม่ปิดบัง หยิบเข้าปากกินต่ออย่างเอร็ดอร่อย
“พี่เขาเก่งจัง ขอมาเป็นหลานสะใภ้ดีไหมครับ สืบทอดกิจการต่อจากคุณย่าไปเลย” ผมแอบหยิบขนมในซึ้งเพิ่มแต่ถูกผู้เป็นย่าตีมือแล้วบอกให้พอเพราะอีกไม่นานจะตั้งโต๊ะอาหาร
“ถ้าได้ก็ดี อยู่ที่เรานั่นแหละจะชอบเขาไหม”
“ทำไมครับ เขาไม่สวยเหรอ” ผมยกน้ำเก๊กฮวยขึ้นดื่ม
“เขาเป็นผู้ชายค่ะคุณหนู”
พรวดดดดดด
“แค่กๆ อะไรนะครับ” ยายแช่มรีบถลาเข้ามารับแก้วน้ำจากผมแล้วนั่งลงเช็ดพื้นที่เปียก “ไม่ต้องครับ เดี๋ยวผมทำเอง” ผมนั่งยองๆ ถูพื้น คุณหญิงอิศราพยักหน้ารับยิ้มๆ
“ย่าไม่ว่าอะไรนะถ้าแอลจะหาหลานเขยให้ย่า”
เอ่อ...ไม่เป็นไรครับคุณย่า
⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀
“เดี๋ยวแม่กับพ่อจะไปหาผู้ใหญ่บ้านนะลูก อยู่บ้านดูแลคุณย่าดีๆ ล่ะ” ผมพยักหน้ารับ แล้วเดินเข้าไปหาคุณย่าในครัว กลิ่นหอมเทียนอบดึงดูดผมให้เข้าไป
คุณย่ากำลังสอนผู้ชายคนหนึ่งทำขนม แผ่นหลังกว้างและส่วนสูงที่มากกว่าเจตหลายขุมทำให้เขาดูแข็งแรง ผมสีน้ำตาลอ่อนของเขาพลิ้วไหวตามลมอ่อนที่พัดเข้ามาทางหน้าต่างบานเล็ก
ผมไม่เห็นใบหน้าของเขา แต่ดูจากท่าทีหยิบจับอุปกรณ์คล่องแคล่วก็คาดว่าคงฝึกกับคุณย่านานพอดู ไม่รู้ว่าทำไมผู้ชายอย่างเขาถึงสนใจทำอาหารไทยมากอย่างนั้น
“หลานมาพอดีเลยมา เข้ามาสิ ย่าจะแนะนำลูกศิษย์คนโปรดให้เรารู้จัก เห็นเก่งแบบนี้กว่าจะผ่านมาได้ก็ฝึกหนักเหมือนกันนะ” คุณหญิงอิศรากวักมือเรียกผมเข้าไปหา วินาทีเดียวกับที่ผู้ชายคนนั้นหันมาสบตากัน
ดวงตาสีดำคู่นั้นมองผมนิ่งๆ ใบหน้าเรียบเฉยของเขาทำให้ผมโล่งใจเปราะหนึ่งว่าเขาคงไม่สนใจผมในแง่ที่คุณย่ายุแยง
“ยินดีที่ได้รู้จักครับ” ผมส่งยิ้มให้อย่างเป็นมิตร แต่อีกฝ่ายหันกลับไปตั้งใจตีไข่เหมือนเดิม ไม่สนใจจะทักทายตอบ อย่างกับว่าแค่เห็นหน้ากันก็พอแล้ว
เอ่อ...ผมทำอะไรผิดหรือเปล่า
“ยังไม่เลิกนิสัยนี้อีกนะเรา” คุณหญิงอิศราตีแขนลูกศิษย์เบาๆ แล้วหันมาถามผมว่าหิวไหมเพราะลูกศิษย์ของเธอทำขนมไว้หลายอย่าง
“กินได้เหรอครับคุณย่า” ผมกระซิบถามเสียงเบา กลัวจะทำให้เขารำคาญ คุณย่าหัวเราะนิดหน่อยก่อนจะบอกให้ลูกศิษย์ของเธอหยิบขนมให้ผม
สายตาคมเหลือบมองผมนิดๆ ก่อนจะหยิบขนมใส่จานแล้วยื่นให้
พี่มองแบบนั้นผมจะกล้ากินเหรอครับ“กินสิ” เสียงนุ่มทุ้มไม่เข้ากับใบหน้าทำเอาผมชะงักมือที่จับจานอยู่
เพล้ง!
“ว้าย หลบเร็วลูก” คุณย่าดึงผมให้ห่างจากเศษจานที่กระจายอยู่บนพื้น
ร่างสูงนั่งยองๆ เก็บเศษจานโดยไม่พูดอะไร แต่ผมแอบเห็นว่านิ้วของเขาเลือดออกเล็กน้อย พอจะก้าวเข้าไปหา สายตาคมก็ตวัดขึ้นอย่างหงุดหงิด
ผมชะงักเท้าแล้วถอยกลับมายืนข้างคุณย่าตามเดิม
ไม่เข้าไปก็ได้เขาเดินออกไปหยิบไม้กวาดมาโกยเศษจานและเศษขนมที่เหลือ
“ไปนั่งรอขนมอร่อยข้างนอกดีกว่านะ” คุณย่าพาผมออกจากครัว ผมมองแผ่นหลังกว้างอย่างกังวล
เขาจะโกรธไหมที่ผมทำขนมของเขาตกคุณย่าเดินออกไปรับโทรศัพท์ข้างนอกและให้ผมนั่งโซฟารอขนมชุดใหม่ ผมจับมือตัวเองด้วยความกังวล เจอกันวันแรกก็ทำให้เขาเกลียดขี้หน้าแล้ว ถ้าเขาไม่ยอมให้ผมกินขนมของคุณย่าจะทำยังไงล่ะ หรือถ้าเขาเลือกขนมชิ้นเละๆ ไม่น่ากินมาแกล้งผมล่ะ ผมต้องฝืนกินไหม
แกร็ก
เสียงจานกระตบโต๊ะดึงผมออกจากภวังค์ เงยหน้ามองร่างสูงที่วางจานขนมหลากชนิดในระยะใกล้ ผมเพิ่งสังเกตว่าหน้าเขามีเค้าโครงฝรั่งนิดๆ เหมือนจะเป็นลูกครึ่ง สีตาของเขาก็ไม่ใช่ดำขลับ มีสีน้ำตาลแซมอยู่นิดๆ ถ้าไม่สังเกต เขาก็คงเป็นคนไทยคนหนึ่งที่สูงกว่าคนทั่วไป
“มองอะไร” ผมผละออกจากเขาเมื่อรู้ตัวว่ายื่นหน้าเข้าใกล้เขามากเกินไป
“ขะ...ขอโทษครับ” ผมนั่งยืดตัวตรง ขาชิดกัน
“กินสิ” พูดจบเขาก็นั่งโซฟาตัวข้างๆ ยกขาขึ้นไขว่ห้างเสมือนที่นี่เป็นบ้านของเขา เอ่อ นี่บ้านคุณย่าของผมนะ
“ครับ...” ผมรีบตักขนมกิน ตั้งใจว่าจะกินให้หมดแล้วรีบหนีขึ้นห้องเพราะบรรยากาศรอบตัวเขาดูไม่เป็นมิตร ผมรู้สึกว่าเขาไม่ชอบขี้หน้าผมทั้งที่เราเพิ่งเจอกันเพียงไม่กี่นาที
แต่ขนมของเขาอร่อยมาก แม้ไม่อยากยอมรับแต่กลมกล่อมกว่าฝีมือคุณย่า รสชาตินุ่มลิ้นของขนมลืมกลืนทำเอาผมเคลิ้ม อดไม่ได้ต้องหยิบชิ้นอื่นกินอีกเพราะอยากรู้ว่าจะอร่อยเหมือนกันไหม
“อื้มมมม” ผมร้องอย่างมีความสุข กระดิกเท้าเหมือนทุกครั้งที่ได้กินของอร่อยจนลืมไปว่าผมไม่ได้อยู่กับพ่อ แม่ หรือคุณย่า
“อร่อยขนาดนั้น”
“อื้อ อร่อยมากเลย ขออีกๆ...อ้ะ” ผมชะงักเมื่อรู้ตัวว่านั่งอยู่กับใคร รีบก้มหน้างุดไม่กล้าสบตาลูกศิษย์คุณย่าที่มองนิ่งๆ
ผมคงแสดงกริยาประหลาดให้เขาเห็นไปแล้วสินะ น่าอายจริงๆ เลย
เขายื่นมือมาหยิบจานเปล่าแล้วลุกขึ้นเดินหายเข้าไปในครัว ระหว่างนั้นเสียงข้อความเข้าก็ดึงความสนใจของผมให้หยุดคิดถึงเรื่องที่เพิ่งผ่านไป ดูเบอร์ที่ส่งเข้ามาก็เห็นว่าไม่ใช่คนรู้จัก แต่ภาพที่ส่งมากลับทำให้ผมชาวาบไปทั้งร่าง
คิดว่าจะหนีพ้นเหรอหนูแอล อย่าลืมสิว่าฉันมีนี่ แนบภาพผมที่กำลังทำเรื่องอุจาดให้แฝดคู่นั้น ซูมให้เห็นใบหน้าผมเพียงคนเดียวแต่ไม่เห็นว่าผมทำให้ใคร
นอกจากนั้นยังมีคลิปวีดีโอแนบมาด้วย ผมไม่กล้ากดเล่น เพราะรู้ดีว่าคือคลิปอะไร
ทำไมต้องทำร้ายกัน ทำไมไม่ปล่อยผมไป“ร้องไห้ทำไม” ร่างสูงวางจานแล้วมองผมด้วยใบหน้าเรียบเฉยของเขา ผมไม่ตอบอะไร ยกโทรศัพท์แนบอกแล้ววิ่งออกจากบ้าน
จะให้ใครรู้เรื่องนี้ไม่ได้“ต้องการอะไร”
ผมโทรหาเจ้าของข้อความ หากมีวิธีใดที่ลบภาพและคลิปพวกนั้นได้ผมก็จะทำ ตอนนี้เจตอาจดีขึ้นแต่ผมไม่อยากให้เขามีปัญหาเพราะผม ส่วนพู เขาไม่สบาย แค่เขาเจ็บเพราะช่วยผมครั้งนั้นก็มากเกินไปแล้ว ผมไม่อาจให้ใครเข้ามาแก้ปัญหาให้อีกแล้ว ผมจะเผชิญหน้าด้วยตัวเอง
(ตัวมึงไง ให้กูเอาสักครั้งทุกอย่างก็จบลงด้วยดี) ปลายสายคือพี่ต้น คนที่ทำลายชีวิตของผมมาตลอด
“อยากปล่อยคลิปก็ปล่อยไป ผมไม่สนใจ” แม้จะพูดเหมือนไม่ใส่ใจ แต่ในหัวเต็มไปด้วยความกังวล กว่าจะรู้ตัวก็รู้สึกถึงรสเฝื่อนที่ปลายลิ้นเพราะกัดปากตัวเอง แต่ผมตัดสินใจดีแล้ว ผมจะไม่ยอมให้พวกเขาทำอะไรผมได้อีก
(หึ ปีกกล้าขาแข็งเชียวนะหนูแอล แต่ถ้ามึงไม่ทำตาม...กูไม่รับประกันนะว่าน้องชายของกูจะจับเพื่อนมึงไปทำอะไรบ้าง เอ หรือว่าเอาจนไม่ให้เห็นเดือนเห็นตะวันเลยดีนะ)
“สารเลว อย่ายุ่งกับพูนะ!” แค่คิดถึงสิ่งที่พูต้องเจอผมก็กลัวไปหมด
(ทุกอย่างอยู่ที่มึงทั้งนั้นแอล ยอมกูแค่ครั้งเดียวแลกกับเพื่อนของมึง) ผมกัดปากแน่นอย่างขมขื่น
ทำไมผมไม่เคยหลุดพ้นจากพวกมัน ทำไมพวกมันต้องกลับมาหลอกหลอนมาทำร้ายผมซ้ำๆ
“ตอนนี้ผมไม่ได้อยู่บ้าน ผมอยู่ต่างจังหวัด” ผมเอ่ยอย่างจำยอม แค่ครั้งเดียวคงไม่เป็นไร ผมเป็นผู้ชายยังไงก็ไม่ท้องหรอก
(วันจันทร์ก็ได้ เลิกเรียนแล้วมาหากูที่ xxx มึงน่าจะรู้จักดีนะ) ใช่ รู้จักดีเลยล่ะ พวกเขาพาผมไปที่นั่นบ่อยๆ ตอนที่ผมยังเป็นทาสให้พวกเขา
“ครับ”
(ดี ให้มันว่าง่ายๆ อย่างนี้จะได้ไม่ต้องตามตัวให้ยุ่งยาก) ปลายสายตัดไปพร้อมกับน้ำตาของผมที่ไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ ผมฟุบหน้ากอดขาตัวเองไว้เพื่อเป็นที่ยึดเหนี่ยว
ผมทำถูกใช่ไหม
เสียงขยับข้างกายข้างๆ ไม่ทำให้ผมเงยหน้าขึ้นมอง เพราะเดาได้ว่าเป็นใครจากกลิ่นควันเทียน และผมไม่ต้องการให้เขารับรู้เรื่องราวใดๆ
เขาเองก็เงียบ แค่นั่งอยู่ข้างผมเงียบๆ เราต่างคนต่างปล่อยให้เวลาผ่านไปจนกระทั่งแสงตะวันลับขอบฟ้า ผมเงยหน้ามองหนุ่มลูกครึ่งที่มองตรงไปข้างหน้าทอดยาวไปทางทุ่งนาพลางยกมือบีบนวดต้นคอเพราะนั่งก้มหน้านานไปหน่อย
“อยากเล่าไหม” เสียงทุ้มถามโดยไม่มองหน้า ผมส่ายหัว เขาเป็นคนนอก ไม่จำเป็นต้องมารู้เรื่องมืดดำของผม
“แต่ฉันจะเล่า” เขาเอ่ยขึ้น ถามความเห็นผมก่อนไหมว่าอยากฟังหรือเปล่า
“ฉันเกลียดการทำอาหาร และทำได้แย่จนครอบครัวต้องส่ายหน้า มีเพียงพ่อกับน้องที่ทำอาหารเป็น” หืม ผู้ชายบ้านนี้ทำอาหารเก่งเหรอ ผมไม่กล้าถามถึงแม่เขา กลัวว่าคำตอบที่ได้รับจะทำร้ายจิตใจอีกฝ่าย
“แต่แล้ววันหนึ่ง น้องของฉันไม่สบาย ฉันกับแม่ไม่มีกับข้าวกิน พ่อก็ไปต่างประเทศหลายวัน จำได้ว่าหิวมากจนพาลน้องที่นอนป่วย ออกไปเตะบอลกับเพื่อนคลายหิวแต่ก็ถูกแม่ตีเพราะไม่อยู่ดูแลน้อง” ผมเบิกตากว้าง เป็นพี่ประสาอะไรครับเนี่ย
“ฉันโมโหมากที่ถูกแม่ตี แต่พอน้องชักฉันก็กลัวน้องจะเป็นอะไรไป” เขาเงียบไปนิด “รู้ไหมว่าวินาทีนั้นหัวใจฉันแทบหยุดเต้น กังวลไปหมด ถ้าน้องของฉันตายใครจะทำอาหารให้ฉันกินตอนพ่อไม่อยู่”
มันใช่ไหมครับ ผมสงสารน้องชายของเขาจังเลยที่มีพี่แบบนี้
“พอย้ายออกมาเรียนที่นี่ ฉันก็ตั้งหน้าตั้งตาเรียนทำอาหารที่ชอบกิน ฉันอยากทำอาหารกินเองได้ ไม่ต้องพึ่งน้อง ไม่สิ ฉันจะดูแลแม่กับน้องตอนป่วยด้วยตัวเอง ทำอาหารดีๆ ให้พวกเขากิน”
ผมเช็ดน้ำตา ทำไมเรื่องแย่ๆ เมื่อกี้ถึงกลายเป็นเรื่องซาบซึ้งไปได้ล่ะ
“คุณทำขนมอร่อยมาก ผมเชื่อว่าน้องและแม่ของคุณจะต้องดีใจที่ได้ชิม” ผมรีบเอาใจ เพราะขนมของเขาอร่อยมากจริงๆ
“อืม ถ้าพวกเขายอมให้ฉันแตะครัวนะ” เขายิ้มนิดๆ นิดมากจนถ้าไม่สังเกตก็คงไม่เห็น “ตานายเล่า”
ห้ะ ทำไมวกมาเรื่องผมได้ล่ะ
“ฉันเล่าแล้ว ทีนี้ตานาย หรือว่าคิดจะเบี้ยว” เขาขมวดคิ้ว
หืม แบบนี้ก็ได้เหรอ
ผมสบตาดุดันของเขา ราวกับว่าถ้าผมไม่ยอมเล่าเขาจะไม่ปล่อยผมไป
เอาเถอะ เขาเป็นคนนอก เป็นแค่ลูกศิษย์คุณย่า ยังไงก็คงช่วยอะไรไม่ได้หรอก เรื่องของผมก็คงเหมือนสายลมที่พัดผ่านไป เดี๋ยวเขาก็คงลืมไปเอง
ผมเล่าให้เขาฟังแค่เฉพาะเรื่องพี่ต้นกับพี่ตั้นตามรังควานผมและจะเข้ามายุ่งเกี่ยวกับพู ส่วนเรื่องอาการป่วย ผมไม่จำเป็นต้องบอกเขา ไม่อยากให้เขามองผมเป็นคนน่าสงสารเหมือนคนอื่นๆ
เขาขมวดคิ้วและกำมือแน่นตลอดเวลาที่ผมเล่า ก่อนสีหน้าของเขากลับมาเรียบนิ่งเมื่อผมเล่าจบ
“แล้วนายจะทำยังไง ยอมเป็นเมียมันเหรอ ฟังดูก็รู้ว่ามันหลอกนาย ดีไม่ดีจะแอบถ่ายคลิปนี้มาแบล็คเมล์นายอีก” ผมนิ่งฟังคำเขา ไม่ใช่ว่าไม่เคยคิด แต่ผมห่วงพูเกินกว่าตัวของตัวเอง ผมแปดเปื้อนแล้ว แต่พูยังบริสุทธ์ ผมไม่อยากให้รอยยิ้มสดใสของเพื่อนใหม่จางหายไป
“ผมห่วงพู”
“แล้วไม่ห่วงคนที่รักนายบ้างเหรอ ทั้งพ่อ แม่ คุณท่าน หรือแม้แต่เพื่อนนายที่ชื่อพู เขาจะรู้สึกยังไงที่เพื่อนของเขาต้องมาถูกคนเลวๆ พวกนั้นทำร้ายซ้ำซากโดยที่ช่วยอะไรไม่ได้”
“แล้วจะให้ผมทำยังไง ผมไม่มีอะไรต่อรองพวกเขาได้เลย”
“ขอโทรศัพท์นาย” เขาแบมือ
“เอาไปทำไม”
“เอามาเถอะ ฉันรับรองว่าวันจันทร์นี้นายจะไม่ต้องเสียตัว กลับบ้านอย่างสบายใจหายห่วง” ผมเริ่มหวาดระแวงเขานิดๆ
“ฉันไม่คิดร้ายกับนายหรอก คุณหญิงท่านมีพระคุณต่อฉันมาก ก็แค่อยากช่วย”
“ผมให้โทรศัพท์คุณแล้วผมจะใช้อะไรล่ะ”
“อะ” เขาโยนโทรศัพท์รุ่นปุ่มกดให้ผม เอ่อ เขาใช้รุ่นนี้แล้วจะใช้หน้าจอสไลด์ของผมได้เหรอ
“ไม่ต้องมองอย่างนั้น ใช้ปุ่มกดก็ไม่ได้หมายความว่าใช้ทัชสกรีนไม่เป็น” พยักหน้ารับแล้วก้มลงมองโทรศัพท์ใหม่
ครืดๆ
เสียงโทรศัพท์สั่น หมายเลขโทรศัพท์ของผมโชว์หราอยู่หน้าจอ “ไว้จะโทรไปขอโทรศัพท์คืน”
“เอ่อ แล้วผมต้องใช้เครื่องนี้นานแค่ไหนครับ”
“ยังไม่บอก แต่อย่าแอบเปลี่ยนเครื่องล่ะ ปุ่มกดก็มีความคลาสิคเป็นของตัวเอง” ผมหัวเราะคำพูดของเขา ก่อนจะชะงักเมื่อเห็นรอยยิ้มของเขา
“หัวเราะได้ก็ดีแล้ว เด็กอย่างนายไม่เหมาะกับความเศร้าหรอกนะ ไปเถอะเดี๋ยวคุณท่านเป็นห่วง ตอนออกมาก็อุตส่าห์บอกว่าจะมากระชับความสัมพันธ์ หายไปนานแบบนี้กลัวคุณท่านจะคิดไปไกล” หืม อย่างนั้นเหรอ
หมับ
เขาก้มหน้า มองมือผมที่จับมือของเขาไว้
“งั้นเราต้องทำให้คุณย่าเห็นว่าเราเข้ากันได้ดีสิ” ผมพูดยิ้มๆ
“หึ เด็กน้อยเอ้ย” เขาผลักหัวผมแต่ไม่ยอมปล่อยมือ บีบกระชับแน่นขึ้นเหมือนบอกผมกลายๆ ว่าเรื่องทุกอย่างจะไม่เป็นไร
และไม่รู้ทำไมผมถึงเชื่อใจเขา
ตึกตักตึกตัก
ผมจับหน้าอกตัวเอง
หรือว่า...
[จบพาร์ทแอล]
Tbc.
⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀
คั่นด้วยการพบกันครั้งแรกของคู่รองจ้า
เดาได้ไหมว่าชายหนุ่มคนนี้เป็นครายยยย คิคิ
ตอนหน้าคู่หลักจะกลับมา จะเกิดอะไรขึ้นกับพูนั้น
โปรดติดตามตอนต่อไป 
ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนต์ค่ะ
มีคนทายถูกด้วยแฮะ 