บทที่ 16
เหตุเกิดเพราะ...พี่ข้างบ้าน
หลังจากพี่เปรมประกาศว่าจะนอนค้างบ้านผม เขาก็รีบดันผมให้ขึ้นห้องไปแต่งตัว ส่วนตัวเองก็ลงมานั่งจ้องพี่เจตเขม็ง ร่างสูงเองก็ไม่ได้มีทีท่าอะไร เดินสำรวจรอบบ้านรอจนผมลงมานั่นแหละถึงได้เดินเข้ามาคุย
“ชอบวาดรูปเหรอ” พี่เจตจ้องภาพทะเลหมอกยามเช้าที่ผมเคยส่งเข้าประกวดเมื่อปีที่แล้ว ภาพนี้ผมได้แรงบันดาลใจจากตอนที่ไปเที่ยวภูทับเบิกกับครอบครัว
บ้านนี้ก็เหมือนพิพิธภัณฑ์รูปวาดของผมขนาดย่อม พ่อชอบภาพของผมมากก็เลยใส่กรอบติดไว้เต็มไปหมด
“ครับ แต่ผมชอบถ่ายภาพมากกว่านะ อยากเก็บความทรงจำไว้ในภาพ เพราะกว่าจะวาดได้หนึ่งภาพใช้เวลาตั้งนาน แต่ถ่ายรูปแป๊บเดียวก็ได้ภาพแล้ว”
“แล้วทำไมไม่เห็นมีภาพถ่ายเลยล่ะ”
“กล้องผมมันกากน่ะพี่” ผมชูโทรศัพท์รุ่นเก่าแต่ใช้ทน รุ่นนี้ผมใช้มาห้าปีแล้วยังดีอยู่เลย “ผมกำลังเก็บเงินซื้อกล้องอยู่ แต่ยังไม่ถึงพันเลย แหะๆ”
ครับ เก็บทีไรไอ้แบงค์หาเรื่องพาผมไปเสียเงินทุกที แอบแงะไปใช้จนไม่รู้ชาตินี้จะเก็บเงินซื้อกล้องได้หรือเปล่า
พี่เจตพยักหน้าเบาๆ แล้วชี้ภาพหนึ่งที่ดูไม่ต่างจากการสะบัดพูกันเล่นใส่กระดาษ ดูเป็นเส้นยุ่งเหยิงซ้อนทับกันเต็มพื้นที่
“จะเกาะน้องกูเป็นปลิงไปถึงไหนห้ะ! หลบเลย” พี่เปรมเดินพรวดเข้ามาขวางขณะที่ผมกำลังอธิบายให้พี่เจตฟังว่ารูปนั้นหมายถึงอะไร
“พี่เปรมครับ เรายืนห่างกันตั้งเยอะ เกาะเกอะอะไรกัน” ผมบอกเพื่อนพี่ชายที่จับแขนผมพาเดินไปทางครัว
“ไม่ต้องไปอยู่ใกล้มันมาก เสือด้วยกันดูออก เห็นนิ่งๆ อย่างนั้น พูไม่รู้หรอกว่ามันคิดอะไร”
“แล้วเขาคิดอะไรล่ะครับ” ผมถามพลางเปิดตู้เย็น ลากผมมาในครัวรู้แล้วว่าพี่เปรมคงหิวและอยากให้ผมทำอะไรสักอย่างให้เขากิน โชคดีที่ในตู้เย็นมีของสดมากมาย
ผมเลือกทำผัดเปรี้ยวหวานของโปรดพี่เปรม นาน ๆ เจอกันทีต้องเอาใจเขาหน่อย เห็นต๊องๆ แบบนี้เรียนนายร้อยนะครับ ช่วงแรกที่กลับมาผมแทบจำไม่ได้เพราะผิวเขาคล้ำกว่าเดิมแถมตัดผมสั้นมาก เขาหน้าเสียเลยล่ะเพราะวันนั้นผมตกใจแล้ววิ่งหนีเข้าบ้าน
“คิดเรื่องอกุศลกับเราน่ะสิ ระวังตัวไว้บ้างรู้ไหม พี่ไม่ได้กลับมาปกป้องเราได้บ่อยๆ หรอกนะ”
“พี่เปรม ผมก็ผู้ชายปะวะ มือเท้าก็มี ถ้าพี่เจตคิดอะไรอย่างที่พี่บอกผมไม่อยู่เฉยหรอกนะ” ผมหั่นหมูเป็นชิ้นๆ แล้วใส่ถ้วยไว้ แล้วหันไปหยิบแตงกวาและมะเขือเทศมาล้างให้สะอาดแล้วหั่นเป็นชิ้นใส่ถ้วยไว้
“แล้วอย่างเราน่ะจะไปสู้อะไรมันได้” พี่เปรมจิ้มต้นแขนผมที่นิ่มเหมือนเต้าหู้เพราะไม่ค่อยออกกำลังกาย “เดี๋ยวทำกับข้าวให้พี่เสร็จไปซิทอัพต่อด้วยวิดพื้นอย่างละห้าสิบครั้ง จะได้เพิ่มความแข็งแรงสู้มันได้”
“โหพี่ ทำตามที่พี่บอกแขนขาผมคงไม่มีแรงแม้แต่จะยกขึ้นด้วยซ้ำมั้ง” ผมก็มองหาหอมใหญ่ เพราะผัดเปรี้ยวหวานจะขาดสิ่งนี้ไปไม่ได้
เสียงเรียกเข้าดังลั่นไปทั่วห้อง แต่ดูเหมือนเจ้าของโทรศัพท์ไม่คิดจะรับสาย เดินวนไปรอบๆ ตัวผมเพื่อดูว่าอาหารจะเสร็จเมื่อไร
“พี่ออกไปรับโทรศัพท์ก่อนไหม ผมไม่มีสมาธิทำกับข้าวเลย” ผมเริ่มหงุดหงิดนิดๆ เมื่อหาวัตถุดิบอย่างสุดท้ายไม่เจอ
“เออๆ นี่เห็นแก่ผัดเปรี้ยวหวานนะถึงยอมออกไป เสร็จแล้วเรียกพี่ด้วยล่ะ” พูดจบพี่เปรมก็รับโทรศัพท์แล้วเดินออกจากครัวไป หลังจากนั้นไม่กี่วินาทีพี่เจตก็เดินเข้ามา ผมที่กำลังหงุดหงิดจึงหันไปมองเขาตาขวาง พี่เจตยกมือขึ้นสองข้าง
“พี่ไม่ได้ทำอะไรนะ”
ผมพ่นลมหายใจแล้วเดินเข้าไปหาเขา พี่เจตผงะไปนิดเมื่อผมเอื้อมมือผ่านสีข้างเขาเพื่อหยิบหัวหอมที่อยู่ข้างตู้เย็น ลืมไปเลยว่าผมวางทิ้งไว้ตรงนี้ พอผละออกมาก็เห็นหน้าพี่เจตดูแดงๆ
เขาจะติดไข้ผมหรือเปล่านะ“พี่ไปนั่งรอที่โซฟาก็ได้ หรืออยากกินอะไรเดี๋ยวผมทำให้” ผมปลอกเปลือกหอมใหญ่ เขยิบไปล้างที่ซิงค์แล้วหั่นเป็นหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ
“นายดูคล่องดีนะ” พี่เจตวางคางบนไหล่ผม รู้สึกแปลกๆ นิดๆ แต่เพราะพี่ลันเตาก็ชอบทำแบบนี้เหมือนกัน ผมปัดความคิดนั้นทิ้งไปแล้วตั้งใจหั่นหอมใหญ่ต่อไป
ดูๆ ไปพี่เจตก็คล้ายพี่ชายผม มองภายนอกดูเป็นคนเงียบๆ แต่ความจริงแล้วคนละเรื่องเลย ดูตอนนี้สิครับ ทิ้งน้ำหนักจนผมเริ่มทำอาหารไม่ถนัดแล้ว
“ถอยไปหน่อยดิพี่ ผมทำอาหารไม่ได้ โอ๊ะ” ผมยกมือขยี้ตาเมื่อน้ำจากหอมใหญ่กระเด็นเข้าตา
“หันมานี่” พี่เจตถือชามปริ่มน้ำที่ไม่รู้เขาไปหยิบมาจากไหน
ผมก้มลงลืมตาในน้ำเพื่อลดการระคายเคือง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นเมื่อหายแสบแล้ว
“โอเคขึ้นไหม หรือให้พี่ไปซื้อยาให้ไหม” ร่างสูงถามอย่างร้อนรน ผมสายหน้า กระพริบตาถี่ๆ เพื่อไล่น้ำตา มองเขาที่ยื่นหน้าเข้ามาใกล้จนรู้สึกถึงลมหายใจ
เอ่อ ใกล้ไปไหมพี่ผมจะดันพี่เจตออก แต่พี่เปรมดันโผล่พรวดเข้ามาชนหลังพี่เจตอย่างแรง หน้าพี่เจตจึงเคลื่อนเข้ามาใกล้จนปากเราสัมผัสกัน
จุ๊บ“เห้ย!”
ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก และร่างสูงก็ถูกพี่เปรมกระชากออกไปทันที
เมื่อได้สติผมก็เห็นใบหน้าคมถูกชกเต็มแรงด้วยฝีมือพี่ชายข้างบ้านจึงรีบเข้าไปจับแขนพี่เปรมไว้
เขาหยุดมือแล้วหันมาเชยคางผมขึ้น รู้สึกเจ็บจี๊ดที่มุมปากคิดว่าปากคงแตกนิดหน่อย
“แม่งเอ้ย! ไสหัวไปเลยมึงน่ะ!” พี่เปรมดูหงุดหงิดมาก เขาเตรียมจะเข้าไปซ้ำพี่เจตแต่ผมดึงเขาไว้สุดแรงแล้วอธิบายให้เขาฟัง อันที่จริงความผิดเขานะที่วิ่งเข้ามาไม่ดูตาม้าตาเรือ
พอพี่เปรมได้ฟังก็หยุดนิ่งทุกการกระทำ หลบตาผม แต่ไม่มีท่าทีจะขอโทษพี่เจตเลยสักนิด ทำเนียนจับแก้มผมไปดูว่ามีแผลตรงอื่นอีกไหมทั้งที่ก็มีแค่ที่เดียวนั่นแหละ
ที่ปากไง“ขอโทษพี่เจตเลยนะครับ ทำผิดก็ต้องยอมรับสิ” แทนที่ผมจะได้อายเพราะถูกจูบกลับกลายเป็นต้องมานั่งพูดบอกให้คนตัวโตขอโทษร่างสูง
พี่เปรมอิดออดไม่ยอมทำ แต่พอเห็นสายตาดุๆ ของผมก็ยอมหันไปขอโทษแบบขอไปที
“ขอโทษทั้งทีก็ทำให้ดีๆ หน่อยสิพี่” ผมบ่น
“ช่างเถอะพู พี่ผิดเอง นายทำอาหารไปเถอะ เดี๋ยวพี่จะกลับแล้ว” พี่เจตพูดเสียงเบาแล้วเดินออกจากห้องครัว ผมมองค้อนพี่เปรมแล้ววิ่งตามร่างสูงไป
พี่เจตบอกว่าจะไปก็ไปจริงๆ ครับ เดินคอตกออกจากบ้านท่ามกลางฟ้าครึ้มที่ดูท่าอีกไม่นานฝนคงตก
“พี่เจต!” ผมวิ่งไปหยุดอยู่ข้างๆ กัน เขาเบนสายตามาหาผมด้วยใบหน้าเศร้าๆ ผมรู้ดีว่าตอนนี้เขาคงไม่อยากกลับบ้าน แต่ที่บอกว่าจะไปคงเพราะไม่อยากให้ผมมีปัญหากับพี่เปรม
“มีอะไรหรือเปล่า” พี่เจตยิ้มบาง เป็นรอยยิ้มที่ดูฝืนจนผมต้องเอื้อมมือไปจับมือเขาไว้ กลัวว่าถ้าผมผลักไสเขาไป พี่เจตจะยิ่งเศร้ามากกว่าเดิม
พี่เจตก้มมองมือผมที่จับมือเขาไว้ด้วยแววตาสั่นๆ
“กลับบ้านกันเถอะ ฝนจะตกแล้วนะพี่” ผมฉุดพี่เจตให้กลับเข้าบ้านไปด้วยกันแต่เขาแกะมือผมออก
“อย่าเลย พี่ชายเราคนนั้นก็ดูไม่ปลื้มพี่เท่าไร อย่ามีปัญหากันเพราะพี่เลย” ผมรีบส่ายหน้า
“นี่บ้านผม ผมเต็มใจให้พี่อยู่ อย่าคิดมากสิ” เขาสบตาผมแล้วเบนสายตาไปทางอื่นด้วยใบหน้าขึ้นสี
“จะเป็นไข้หรือเปล่าพี่ ไปๆ เข้าไปพักในบ้านเลย ห้ามดื้อนะ” ไม่สนใจแล้วครับว่าจะฝืนใจอีกฝ่ายหรือไม่ รีบลากพี่เจตเข้ามาในบ้านแล้วจับไหล่เขาให้เอนลงนอนบนโซฟา วิ่งวุ่นไปทั่วบ้านเพื่อหากล่องปฐมพยาบาลที่ไม่ได้ใช้มาหลายปี
“พาราอยู่ไหนวะ” ผมค้นยาในกล่องปฐมพยาบาลแต่ไม่เจอเลยสักเม็ดเลยหยิบกระเป๋าเงินเตรียมออกไปซื้อยา
“จะไปไหน” พี่เปรมเดินเข้ามาหาผม ปรายตามองร่างสูงที่นอนมองมาที่เราทั้งคู่เงียบๆ
“ไปซื้อยา ฝากดูพี่เจตด้วยนะพี่ เขาเฝ้าไข้ผมทั้งคืนไม่รู้ติดหวัดหรือเปล่า”
“เราไม่สบายเหรอ ยังปวดหัวอยู่ไหม เจ็บคอหรือเปล่า พี่ว่าเราขึ้นไปนอนพักบนห้องดีกว่านะ” พี่เปรมอังหน้าผากวัดอุณหภูมิให้ผมเสร็จสรรพแล้วดันหลังผมให้ขึ้นห้องไปนอนพัก ผมรีบปฏิเสธ แล้วชี้ไปที่พี่เจตซึ่งนอนตะแคงหันหน้าเข้าหาโซฟาไปแล้ว
“ผมหายดีแล้ว คนที่ไม่สบายคือพี่เจตต่างหาก”
“ทำไมเราคิดว่ามันไม่สบายล่ะ” พี่เปรมกอดอก
“ก็หน้าเขาแดงอะ อาจจะเป็นไข้ก็ได้นะพี่”
พี่เปรมพยักหน้ารับและสัญญากับผมว่าจะดูแลพี่เจตอย่างดีไม่ขาดตกบกพร่อง แม้น้ำเสียงที่ใช้จะดูไม่น่าไว้ใจเท่าไรนักแต่ผมก็ต้องฝากเขาไว้ก่อน
หวังว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นนะ
⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀
[เจต]
ผมเงี่ยหูฟังจนกระทั่งพูออกไปจากบ้าน อันที่จริงไม่ได้ป่วยอะไรหรอกครับ ผมแค่เขินที่พูบอกว่าเต็มใจให้ผมอยู่
จะมีอะไรดีไปกว่าคนที่เราชอบยินดีจะให้เราอยู่ใกล้เขาล่ะครับ
“เลิกตอแหลได้ล่ะ น้องกูไปแล้ว ลุกขึ้นมาคุยกับกูเดี๋ยวนี้เลย” มาแล้วครับ เพิ่งชกหน้าผมแต่กลับไม่มีท่าทีสลดเลยสักนิด ทั้งที่ตัวเองผิดแท้ๆ ที่โผล่เข้ามาแบบนั้น
แต่เอาเถอะครับ ผมได้จูบจากน้องเป็นของขวัญปลอบใจแถมด้วยคำหวานซึ้งก็มีความสุขดีแล้ว
“มึงชอบพูเหรอ” ถามตรงประเด็นดีจัง อยากให้น้องรู้ตัวเหมือนที่คนตรงหน้ารู้บ้าง อุตส่าห์เอาคางไปเกยไหล่ แต่น้องกลับไม่มีท่าทีปฏิเสธหรือเขินอาย คล้ายกับว่าสิ่งที่ผมทำเป็นเรื่องปกติในชีวิตประจำวันเสียอย่างนั้น
“ครับ” ผมสบตาอีกฝ่ายด้วยแววตาจริงจัง เขาก็จ้องกลับมาเช่นกัน คงหวังให้ผมละสายตายอมแพ้ไปก่อน แต่ขอโทษครับ เรื่องพูผมยอมถอยไม่ได้ บอกว่าจะจีบก็หมายความว่าผมจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้อยู่ใกล้เขา และให้เขารู้ว่าผมชอบเขามากจริงๆ
“มึงชอบพูที่ตรงไหน มันก็ผู้ชายเหมือนกับมึง ถึงจะเตี้ยกว่าแต่น้องกูก็แมนนะ”
“ผมรู้ครับ” รู้ดีว่าเขาไม่มีทางชอบผู้ชายถึกๆ แบบผมหรอก ต้องแบบแอลถึงจะใช่สำหรับพู “แต่ผมไม่ยอมแพ้หรอกครับ”
ใช่ ผมไม่มีวันยอมแพ้ ต่อให้พูจะชอบแอลมากแค่ไหนผมจะเปลี่ยนใจเขาให้เป็นผมให้ได้
“หึ กล้าดีนะ งั้นมึงช่วยกล้าพูดกับน้องกูหน่อยสิว่ามึงคิดยังไง” เขายิ้มร้าย เหมือนรู้คำตอบว่าถ้าผมสารภาพรักพูตอนนี้คงหนีไม่พ้นถูกปฏิเสธไปตามระเบียบ
และคงไม่มีโอกาสใกล้พูเป็นครั้งที่สองแน่
“หึ เงียบแบบนี้แสดงว่านายก็รู้อยู่แก่ใจว่าเรื่องระหว่างนายกับพูมันเป็นไปไม่ได้” เขาเว้นจังหวะ
“เพราะพูไม่ใช่เกย์เหมือนมึง!”“ผมเป็นเกย์แล้วผิดมากเหรอ” เสียงแผ่วขัดขึ้น พูเดินเข้ามาใกล้พวกเรา วางถุงยาลงบนโต๊ะก่อนจะมองพี่ของเขาด้วยแววตาไม่มั่นคง ผมเดาว่าเขาคงไม่ได้บอกใครเรื่องที่เขาชอบผู้ชาย
“อะไรนะ! พู...พูดอะไร” เขาทำเสียงตื่นแล้วจับไหล่พูแน่นจนน้องทำหน้าเหยเก ผมลุกขึ้นแล้วดึงมือเขาออก เมินสายตาแค้นอาฆาตที่ส่งมาอย่างปิดไม่มิด แต่ก็ซ่อนความเจ็บปวดไว้อย่างแนบเนียน
คิดว่าผมเดาไม่ออกเหรอว่าอีกฝ่ายคิดอะไร เขาเองก็ชอบพูเหมือนผม อาจจะนานกว่าผมด้วยซ้ำ เพียงแต่น้องไม่เคยมองเขาด้วยสายตาแบบอื่น ผมเห็นแววตาจริงใจ แววตาเป็นห่วงเป็นใยที่พูมีต่อพี่เปรมในฐานะพี่น้องที่สนิทกันดี แต่ไม่มีความรู้สึกอื่นอื่นนอกเหนือจากนั้น
เขาเป็นมากว่าพี่ชายไม่ได้อีกแล้ว
เขาเป็นตัวอย่างให้ผมให้รู้ หากคิดจะเฝ้ามองต่อไปโดยไม่ทำอะไร สุดท้ายก็จะได้เพียงตำแหน่งพี่ชาย
ตำแหน่งที่ผมเองก็ไม่อยากได้ จึงต้องสู้ต่อเพื่อชนะใจพู
เพราะผมอยากอยู่ในใจเขาในฐานะคนรัก ไม่ใช่พี่ชายของแฟน
“ผม...เป็นเกย์ครับพี่เปรม และชอบผู้ชายคนหนึ่งมาได้สักพักแล้ว” พูเงยหน้าขึ้นสบตาอีกฝ่ายด้วยสายตาจริงจัง เขาต้องชอบแอลมากแค่ไหนถึงได้เปลี่ยนใจจากชอบผู้หญิงมาเป็นผู้ชาย
ผมไม่เคยรู้สึกแบบนั้น เพราะตั้งแต่ที่ผมรู้ว่ารักคืออะไร ผมก็ชอบผู้ชายเพียงคนเดียวมาตลอด นอกจากแม่แล้วไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนมีโอกาสเข้ามาอยู่ในใจผม
“เรามีความสุขไหมที่ได้อยู่กับเขา”
น่าแปลกที่พี่เปรมไม่ได้แสดงออกว่าเสียใจหรือตัดพ้อใส่พูว่าทำไมไม่เป็นเขา แค่ลูบหัวร่างบางเบาๆ แล้วยิ้มให้อย่างที่เคย พูเองก็ยิ้มตอบแล้วสวมกอดพี่อีกฝ่ายแน่น
“มีความสุขดีครับ กำลังจีบอยู่ เขาน่ารักมากเลย”
“หืม...” เขาเหลือบมามองผมที่ส่งยิ้มเศร้า เพราะรู้ดีว่าคนที่พูหมายถึงคือน้องชายตัวน้อยของผม
เฮ้อ สู้ๆ นะเจต แข่งอะไรก็แข่งได้ แต่แข่งบุญแข่งวาสนากับน้องแอล ดูเหมือนจะยากกว่าที่คิดแฮะผมปลอบใจตัวเองพลางมองสองคนนั้นเดินหายเข้าไปในครัว พูโผล่หน้ามาบอกให้ผมกินยาแล้วกลับเข้าไปทำอาหารต่อ
พี่เปรมเดินกลับออกมาพร้อมน้ำหนึ่งแก้ว ดูออกว่าเขาไม่พอใจเท่าไรแต่ก็ไม่ได้แสดงท่าทีคุกคามเหมือนก่อนหน้านี้ คงเพราะเขาเองก็รู้ว่าเราทั้งคู่มีชะตากรรมเดียวกัน
“พูชอบคนอื่นสินะ” ผมพยักหน้ารับ เรานั่งข้างกัน ดูรายการตลกทั้งที่หัวใจเราทั้งคู่ไม่ได้ตลกสักนิด
“มึงยังโชคดี ไม่ได้สนิทกับน้องมากจนเปลี่ยนความสัมพันธ์ไม่ได้แบบกู” พี่เปรมแค่นยิ้ม ผมจึงเสนอความคิดเห็นของตัวเองตามที่รู้สึกออกไปบ้าง
“พี่คิดไปเองว่าเปลี่ยนไม่ได้ หรือเพราะกลัวว่าจะไม่ได้อยู่ใกล้เขาอย่างที่เป็นอยู่” ผมถามคำถามนี้กับตัวเองทุกวัน ทุกครั้งที่คิดจะหยุด เป็นรุ่นพี่เหมือนเดิมก็ดีอยู่แล้ว ไม่ต้องฝันจะได้มากไปกว่านั้น
“มึงพูดจี้ใจดำชะมัด แต่ก็นะ กูคงกลัวอย่างที่มึงพูดนั่นแหละ คงช้าเกินไปที่จะบอกพูว่ากูชอบเขา” พี่เปรมยิ้มเศร้า
“ไม่มีใครช้าไปสำหรับความรักหรอกพี่ พี่แค่ต้องกล้าเสี่ยงสักครั้งเพื่อให้ได้ความรักมา”
“พูดเหมือนง่ายนะไอ้สัด กูไม่อยากเปลี่ยนความสัมพันธ์แล้วว่ะ กูมีความสุขดีกับสิ่งที่เป็นอยู่ เป็นพี่ชายที่พูรักพูแบบนี้ก็พอแล้ว กูไม่อยากให้เขามองกูเปลี่ยนไป จะว่าขี้ขลาดก็ได้กูยอมรับ เพราะกูไม่พร้อมที่จะเสียพูไป มึงเป็นคนกล้านะเจต อย่ายอมแพ้เหมือนกู” ดวงตาแดงก่ำพยายามอดกลั้นความรู้สึกจนถึงที่สุด เขาต้องกดมันไว้ลึกแค่ไหนผมคงไม่รู้เท่าตัวของเขาเอง
“พี่ยอมรับผมเป็นน้องเขยแล้วสินะ” ผมแหย่คนที่ทำท่าเหมือนจะร้องไห้ หวังให้เขาหลุดจากความรู้สึกนั้นชั่วครู่ก็ยังดี
“หึ ไม่มีทาง มึงยังต้องพิสูจน์อะไรอีกมาก เพราะยังมีคนที่หวงพูยิ่งกว่ากูอีก ทุกวันนี้กูยังผ่านด่านมันไม่ได้เลย” พี่เปรมหัวเราะนิดๆ เหมือนเป็นเรื่องขำขัน
“ใครครับ”
พ่อพูเหรอ?
“กูบอกมึงไม่ได้ แต่อยากเตือนไว้ล่วงหน้าจะได้ทำใจแต่เนิ่นๆ เพราะถ้ามึงเอาชนะใจมันไม่ได้ ต่อให้พูกับมึงชอบกันก็ไม่มีวันได้คบกันหรอก”
“ทำไม...”
“หึ มันจะขัดขวางมึงทุกวิถีทาง ยิ่งกว่าที่กูขัดมึงวันนี้ร้อยเท่าพันเท่า เตรียมใจไว้เลย”
“แล้ว...” ยังไม่ทันทีผมจะสืบความลับร่างบางก็ถือจานกับข้าวเข้ามา พวกเราจึงยุติบทสนทนาเพียงเท่านั้น
หลังจากกินข้าวเสร็จพี่เปรมก็รับโทรศัพท์แล้วออกจากบ้านไป เราไม่รู้ว่าเขาจะกลับมาอีกไหมจึงนั่งดูหนังรอไปเรื่อยๆ ระหว่างนั้นฝนก็ตกหนัก ลมแรงจนกระจกหน้าต่างสั่นกึกๆ ไฟกระพริบถี่เหมือนใกล้จะดับเต็มทน
“เป็นอะไร” ผมเอ่ยถามเมื่อพูต้องขยับเข้ามานั่งชิดผม ทั้งที่ตอนแรกเรานั่งห่างกันหลายช่วงแขน
“ผมว่าไฟมันติดๆ ดับๆ แปลกอะพี่” แขนเรียวยึดแขนผมไว้แน่น
ผมลอบยิ้ม มองท่าทีหวาดกลัวโดนที่เจ้าตัวไม่รู้ พูกวาดตาไปทั่วเหมือนกลัวว่าอะไรจะโผล่มา
พรึ่บ
ไฟทุกดวงพร้อมใจกันดับ ผมเร่งกระพริบตาเพื่อปรับแสง พอจะมองเห็นสิ่งต่างๆ ภายในบ้านอย่างสลัวๆ ผมรู้สึกเจ็บแขนขวาเพราะถูกรัดแน่นโดยร่างบางที่สั่นเป็นลูกนก พร่ำกระซิบเสียงเบาเคล้าเสียงสะอื้นซ้ำไปซ้ำมา
“ฮือ พี่เจตห้ามทิ้งผมนะ” ผมยิ้มนิดๆ
“พี่ไม่มีวันทิ้งพูหรอกนะ” ผมลูบหัวพู สัญญากับเขาด้วยหัวใจแม้ว่าอีกฝ่ายจะเข้าใจว่าผมกำลังปลอบขวัญก็ตาม
“ฮือ” ผมฉวยโอกาสนี้กอดพูไว้ ปกป้องเขาจากความมืดด้วยอ้อมแขนของผมเอง
ข้างนอกนั่น ฝนยังคงตกหนักและดูท่าว่าคงจะอีกนานกว่าจะซาและหยุดลง
ค่ำคืนนี้อาจจะหนาวเหน็บสำหรับใครบางคน
แต่สำหรับผม ฝนวันนี้ทำให้อุ่นไปทั้งใจ
“พี่ชอบพูนะ”
จนเผลอตัดสินใจบอกรักไป...
Tbc.
⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀
ไม่รู้ว่าพี่เปรมเข้ามาป่วนหรือเข้ามาทำให้ทั้งคู่ใกล้กันมากกว่าเดิมนะเนี่ย 555
เอาล่ะเซ่ พี่เจตเผลอบอกน้องไปแล้วว่าชอบ ผลจะเป็นยังไงนะ 
ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนต์จ้า สุขสันต์วันสงกรานต์ค่ะทุกคน 
อยากเขียนตอนพิเศษสงกรานต์ของหนุ่มๆ INSIDE LOVE จัง
จะมีคนอ่านไหม 555
พี่เจต เคยลองคุยดีๆ กับคุณพ่อหรือยังค่ะ ลองดูเผื่อพ่ออาจจะ อาจจะนะ อาจจะเข้าใจพี่มากขึ้นก็ได้
พี่เจตจะคุยกับพ่ออย่างแน่นอนค่ะ แต่ยังไม่ใช่เร็วๆ นี้เน้อ จะมีช่วงให้พ่อลูกคู่นี้เขาคุยกันค่ะ