☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ Sp3. [31-10-17]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ Sp3. [31-10-17]  (อ่าน 90129 ครั้ง)

ออฟไลน์ janeta

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 155
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +74/-2
บทที่ 18
เหตุเกิดเพราะ...สารภาพ




หลายวันมานี้ผมรู้สึกว่าแอลดูห่างจากผมไปเรื่อยๆ แม้เขาจะพูดคุยกับผมเหมือนปกติแต่ผมก็ยังรู้สึกว่าคนตัวเล็กเปลี่ยนไป


“กินไหม” ร่างสูงยื่นสาหร่ายทอดกรอบมาให้ ผมส่ายหน้า มองคนตัวเล็กที่นั่งอยู่โต๊ะถัดไปเงียบๆ


พี่เจตยังคงเข้าหาผมอยู่ทุกวัน กลางวันก็พากลุ่มเพื่อนมานั่งกินข้าวด้วยกัน ตอนเย็นก็นั่งรถเมล์กลับพร้อมผมเพราะแอลมีเรียนพิเศษหลังเลิกเรียนและพ่อของแอลก็ไปรับเขาเอง พี่เจตก็เลยว่างมาตามผมต้อยๆ อยู่ทุกวี่ทุกวัน


ผมก็อยากไปเรียนกับแอลนะ แต่วิชาที่เขาเรียนน่ะผมได้ท็อปตลอด ไม่มีข้ออ้างอะไรขอแม่เรียนได้เลย


“วันนี้พี่มีประชุมกับสภานักเรียน นายกลับเองได้ไหม” พี่เจตถามเสียงเบา


“พี่ ผมกลับคนเดียวมาตั้งหลายปีแล้วนะ แค่นี้จิ๊บๆ เถอะ” บางทีก็ตลกพี่เจต ทำอย่างกับเขาไปส่งผมตลอดอย่างนั้นล่ะ


“ไม่ได้กลับคนเดียวสักหน่อย” ร่างสูงพึมพำ ผมไม่ได้สนใจเขา เห็นแอลลุกขึ้นแล้วเดินตามเพื่อนไปเก็บจานด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ผมก็ยิ้มตามเขาทันที


หรือบางที...แค่มองก็พอแล้ว


“ชอบแอลมากเหรอ...”


ผมหันกลับมาสบตาพี่เจต แววตาของเขาหม่นแสงแต่ก็ส่งยิ้มบางให้ผม เมื่อผมไม่ตอบอะไรเขาก็ลุกขึ้นยืน


“ขึ้นห้องกันเถอะ” เขาหันไปชวนเพื่อนอีกสองคนให้ลุกตามไปด้วยกัน รุ่นพี่ทั้งสองยิ้มให้ผมก่อนจะเดินตามร่างสูงออกไป


“กูว่าบรรยากาศแปลกๆ ว่ะ” แบงค์กระเถิบเข้ามานั่งเบียดผม “ไม่สิ กูว่าแปลกตั้งแต่พวกพี่แจ้มานั่งกับพวกเราแล้วนะ”


“เฮ้อ” ผมถอนหายใจใส่หน้าเพื่อนแล้วฟุบหน้าลงกับโต๊ะ


ทำไมวันนี้รู้สึกแย่จังวะ ทั้งที่ปกติเห็นแอลยิ้มโลกก็สดใสขึ้นมาทันตา





แต่วันนี้...มีแต่ภาพแววตาของพี่เจตติดอยู่ในหัว







ไลน์~


ผมนั่งเช็ดผมเปียกชื้นของตัวเองแล้วหยิบโทรศัพท์บนหัวเตียงมาดู แอลส่งข้อความมาขอให้ผมไปช่วยเลือกของขวัญตอบแทนผู้มีพระคุณของเขาในวันพรุ่งนี้หลังเลิกเรียน


ผมตอบตกลง พร้อมกับหัวใจที่เรียกร้องให้บอกความรู้สึกไปสักที


ผมกลัวว่าหลังจากวันพรุ่งนี้ สถานะของเราจะเปลี่ยนแปลงไม่ได้อีกแล้ว


“พู!” แอลกวักมือเรียก วันนี้ผมไม่รอพี่เจตเหมือนเช่นเคย แม้เขาจะส่งข้อความมากำชับว่าให้อยู่รอ แต่ผมก็จงใจเมินข้อความนั้นแล้วมาตามนัดหมายกับแอล


“ไปที่ห้างละกัน มีร้านขายของน่ารักเปิดใหม่ให้แอลเลือกเยอะเลย” ผมพูดเอาใจ


แอลบอกข้อมูลคร่าวๆ ว่าผู้มีพระคุณของเขาชอบทำอาหารและทำขนมไทยเก่งมาก เขาชอบของน่ารักๆ และมักจะมีของเหล่านั้นติดตัวเสมอ


จู่ๆ ผมก็นึกถึงพี่ชายสายติสท์ของผม เสียแต่ว่ารายนั้นทำอาหารไม่เป็น เรียกว่าระเบิดครัวยังง่ายกว่า


เขามักจะห้อยตุ๊กตาผ้าเน่าๆ ฝีมือเด็กประถมที่ผมทำให้ติดตัวไว้เสมอ แม้จะบอกว่าให้ทิ้งไปซะเพราะผมอาย เขาก็ไม่ยอมทิ้งจนผมต้องทำให้ใหม่แบบที่สวยกว่าเดิม พี่ลันเตาก็รับตัวใหม่ไปนะ แต่ก็เก็บตุ๊กตาผ้าเน่าของผมไว้อย่างดีจนทุกวันนี้ผมก็ไม่รู้ว่าเขาเอาไปซ่อนไว้ที่ไหน


พี่มันคงรู้ว่าถ้าผมเจอแล้วจะเอาไปทิ้งละมั้งถึงได้ล็อกห้องของตัวเองแบบนั้น


“พูว่าตัวไหนน่ารักกว่ากัน” แอลชูตุ๊กตาหมีตัวเท่าฝ่ามือให้ผมเลือก ทั้งสองตัวก็หมีเหมือนกันนั่นแหละครับ ต่างกันที่สีขาวกับสีน้ำตาล


“ตัวสีน้ำตาลไหมเปื้อนยากดี จะได้เก็บไว้นานๆ” ผมคิด “แต่สาวๆ น่าจะชอบสีขาวมากกว่านะ ดูนุ่มนิ่มน่าทะนุถนอม”


แอลยืนคิ้วขมวดก่อนจะวางตุ๊กตาหมีสีขาวไว้ที่เดิมแล้วยิ้มแป้นให้ผม


“เราเชื่อพูดีกว่า” ผมยิ้มตาม เหลือบไปเห็นตุ๊กตาหมาแล้วนึกถึงพี่ชายของคนตัวเล็ก


หน้ามึนๆ อึนๆ เหมือนกันเลยแฮะ มีปลอกแขนเหมือนกันด้วย


“แอลว่าเหมือนพี่เจตไหม” ผมถามคนตัวเล็กที่เดินดุ๊กๆ เข้ามาหา แอลเอียงคอมองก่อนจะหัวเราะคิกคัก


“เหมือนมากเลยพู นี่! เสื้อนายออกนอกกางเกงนะ ฮ่าๆ เหมือนมากเลย” ผมยิ้มขำท่าทางเลียนแบบพี่เจตของแอลก่อนจะหยิบตุ๊กตาเจ้าหมาตัวนั้นไปคิดเงินด้วยกัน


ถือว่าเป็นของขวัญขอโทษที่เบี้ยวนัดวันนี้ละกันนะพี่


ผมพาคนตัวเล็กไปกินข้าวเย็นต่อด้วยไอศกรีมร้านดัง แอลก็กินทุกอย่างด้วยสีหน้ามีความสุข


“งื้อ เย็นจัง” ผมอมยิ้มเล็กๆ เมื่อเห็นแอลงับเนื้อไอศกรีม เราออกมาเดินเล่นย่อยอาหารอยู่ที่สวนสาธารณะ มองเหล่าคนรักสุขภาพออกมาวิ่งออกกำลังกาย บ้างก็ถีบเรือเป็ดอยู่ในน้ำ


ผมรู้สึกดีที่เราได้ใช้เวลาเหล่านี้ร่วมกัน และอยากให้เป็นแบบนี้ไปทุกวัน


“แอล”


“หือ” คนตัวเล็กเงยหน้าขึ้นมองผมยิ้มๆ มุมปากของเขาเลอะไอศกรีม ผมจึงเอื้อมมือไปเช็ดออกให้อย่างแผ่วเบาแล้วเดินเข้าไปหยุดอยู่ตรงหน้าเขา สบตาคนตัวเล็กอย่างมีความหมาย


ดูเหมือนแอลจะรับรู้ได้เขาจึงกระพริบตาปริบๆ เหมือนคนไม่รู้จะทำยังไงกับสถานการณ์นี้


อ่า มันเป็นสัญญาณเตือนอะไรหรือเปล่านะ


ผมปัดความคิดนั้นทิ้งไปแล้วก้าวเข้าหาแอลด้วยให้ใจเต้นรัว จะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้ผมจะไม่เสียใจที่ทำมัน


“เราชอบแอลนะ ชอบตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นเลย แอลเป็นคนสดใสร่าเริง บางมุมแอลก็ดูอ่อนแอจนเราอยากปกป้องและอยากดูแลแอลไปตลอด” ผมก้มหน้านิดๆ เมื่อรับรู้สายตาที่เขาส่งมา “ปะ...เป็นแฟนกับเราได้ไหม”


ดวงตาของผมร้อนผ่าว ผมข่มความเสียใจทั้งหมดแล้วรอฟังคำตอบจากปากแอลเท่านั้น ผมจะทำเมินสายตานั้นไปเหมือนไม่เคยเห็นก็ได้


แค่พูดมา ผมรับได้ทุกอย่าง ขอแค่แอลพูดมา


“คะ...คือ เอ่อ...พู เรา...” คนตัวเล็กอ้ำอึ้ง


“เรา...ขอโทษ” แอลพูดเสียงเบาจนน่าใจหาย พอผมเงยหน้าขึ้นก็เห็นอีกฝ่ายก้มหน้าลงแล้วปาดน้ำตาเงียบๆ จนถึงตอนนี้แอลก็เสียน้ำตาให้ผมอีกจนได้ คราวนั้นที่ผมเจ็บเขาก็ร้องไห้เหมือนกัน


“ไม่เอาสิ ปฏิเสธเราแล้วมาร้องไห้แบบนี้ได้ไงกัน” ผมรวบตัวแอลเข้ามากอดไว้เพราะรู้ดีว่าคงไม่มีโอกาสได้ทำแบบนี้อีกแล้ว


ผมกอดแอลแน่น พยายามเข้มแข็งและพูดบอกอีกฝ่ายว่าผมไม่เป็นไร


“ดูสิ ร้องไห้จนตาบวมหมดแล้วเนี่ย” ผมลูบดวงตาบวมช้ำของแอลแผ่วเบา “ไม่เอาไม่ร้องแล้วครับ ดูสิ เรายังไม่ร้องเลยเนี่ย”


“ขอโทษนะพู ฮึก เราขอโทษ” พอคนตัวเล็กจะเริ่มก๊อกสองผมก็บีบจมูกเขาไว้ทันที


“พอเลย ไม่งั้นเราไม่พูดกับแอลแล้วนะ” พอผมพูดจบ แอลก็รีบฮึบก้อนสะอื้นทันที ผมจึงยิ้มให้เขาแล้วลูบผมเบาๆ


“ชอบเขาคนนั้นมากเหรอ” ผมไม่รู้หรอกว่าใครอยู่ในใจแอล แต่ก็พอเดาได้จากท่าทีที่เขาเลือกของให้อีกฝ่าย คงจะเป็นผู้หญิงน่ารักๆ ที่มีอายุมากกว่าแน่นอน


เฮ้อ แพ้ผู้หญิงจนได้นะเรา


แม้แอลจะตัวเล็กน่ารัก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะเป็นเกย์แล้วชอบผู้ชายแบบผม ขอแค่เขามีความสุขกับคนที่เขาเลือกผมก็พอใจแล้ว


“อืม ชอบมากเลย” คนตัวเล็กหยุดร้องไห้แล้ว ใบหน้าขึ้นสีบอกได้อย่างดีว่าแอลชอบเขาคนนั้นมากแค่ไหน


“เขา...ดียังไงเหรอ” ดีกว่าเราตรงไหนเหรอ ถามแบบนี้คงไม่ผิดใช่ไหม ผมแค่อยากรู้ว่าคนแบบไหนที่คว้าใจแอลไปได้


“เขาน่ะทำขนมอร่อยมาก! เหมือนที่คุณย่าทำเลยล่ะ ไม่สิ อร่อยกว่าที่คุณย่าทำอีก” ผมก็ทำอาหารเก่งนะ ถึงจะไม่รู้ว่าอร่อยกว่าคุณย่าของแอลหรือเปล่าแต่ผมก็ทำเป็นนะ


“แล้ว...เขาก็ช่วยเราไว้ เขาให้กำลังใจเรา พาเราผ่านเรื่องยากๆ ไปได้” ผมไม่เคยทำแบบนั้นเหรอ ผมก็ทำนะ


หรือเพราะว่าไม่ใช่คนที่ใช่ ต่อให้ทำเหมือนกันยังไง ก็ไม่ใช่สำหรับเขาอยู่ดี


“พู” แอลมองผมด้วยสายตาเป็นห่วง หืม เขาห่วงอะไรผมเหรอ ห่วงว่าผมจะเจ็บเพราะเขาไม่ชอบผมตอบรึไง คิดได้ไม่นานนักแอลก็จับมือของผมไว้แน่น


“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น สัญญากับเรานะว่าพูจะบอกเราทุกอย่าง” แม้จะสงสัยคำพูดของแอลแต่ผมก็พยักหน้ารับ ในใจก็เอ่ยขอโทษแอลไปด้วย


ขอโทษนะ แต่เราไม่สัญญาหรอกนะแอล เพราะเราบอกแอลไม่ได้หรอกว่าตอนนี้เราเจ็บมากแค่ไหน


“ดีมาก” แอลยิ้มให้ผมก่อนมือถือรุ่นเดอะของเขาจะดังขึ้น แอลคุยตกลงเรื่องสถานที่นัดหมายเสร็จก็หันมาบอกผม


“พ่อมารับแล้ว เราไปก่อนนะ” ผมมองแผ่นหลังเล็กที่หมุนตัวกลับไป


ผมโบกมือลาอีกฝ่ายที่วิ่งไกลออกไป


โบกมือลาความรัก...ที่กำลังจากผมไปตลอดกาล


แหมะ


ผมปล่อยให้น้ำตาที่ทนกลั้นไว้ไหลออกมาโดยไม่ปาดออก





ปล่อยให้ไหล ไป

ให้ลอยลงสู่ทะเลให้หาย ไป

ให้มันอย่าคืนย้อนมา

ทิ้ง ไป

เพราะรักนั้นทำกับเรา

ให้เสีย ใจ

ให้ลอยไปไกล ให้ไปไกลๆ

ไม่มีอะไรต้องเหลือ

ทิ้งแล้วทุกอย่าง





แม่ง เปิดเพลงได้ตรงใจกูจริงๆ เลย


ผมนั่ทรุดตัวลงฟังเพลงทิ้งรักลงแม่น้ำ ปล่อยน้ำตาให้ไหลตามเสียงเพลง ทอดมองเรือเป็ดที่มีคู่รักนั่งคุยกันสวีทหวานกันจนอยากแช่งให้เรือล่มๆ ไปซะ


จะว่าผมพาลก็ได้ ก็คนมันเสียใจอะเข้าใจไหม


“ฮึก ฮือ ชีวิตกูแม่งจะไม่สมหวังเลยใช่ไหม รักใครเขาก็นกตลอด แม่งเอ้ย!” ผมทึ้งหัวตัวเอง


“รักคนที่เขารักเราสิ เท่านี้ก็สมหวังแล้ว” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นก่อนจะทรุดตัวนั่งลงข้างผม ยื่นขวดน้ำที่มีไอเย็นมาให้ “ดื่มซะ ร้องไห้จนน้ำหมดตัวแล้วมั้ง” ผมตวัดสายตาไปมองเขาด้วยใบหน้าบึ้งๆ แต่อีกฝ่ายก็ไม่ได้ดูทุกข์ร้อนอะไร


“พี่มาได้ไง” ผมรับน้ำมาดื่มพรวดจนสำลัก เดือดร้อนให้คนข้างๆ ลูบหลังผมเบาๆ


“ก็คนแถวนี้เบี้ยวนัดนี่นา พี่ก็เลยต้องมาตามดูว่าเบี้ยวนัดกันเพราะอะไร” พี่เจตสบตาผมด้วยสายตาเป็นห่วง


“เจ็บมากไหม”


สิ้นคำนั้น ความเสียใจทุกอย่างที่หยุดไปแล้วกลับมาอีกครั้ง ผมเบือนหน้าไปทางอื่นแล้วร้องไห้เงียบๆ


“เห็นสภาพผมแล้วนี่ ถ้าไม่อยากเป็นอย่างนี้ผมแนะนำให้พี่หยุดซะ” ผมเตือนเขาด้วยความหวังดี อันที่จริงก็เตือนมาตลอดแต่เขาไม่เคยฟัง ตัวอย่างของผมในวันนี้คงทำให้เขาเห็นชัดแล้วว่าอกหักมันเป็นยังไง


ถ้าเขายังดันทุรังจะชอบผม จีบผมต่อไป ความผิดหวังของเขาก็คงไม่ต่างจากผมมากนักหรอก


“นายกำลังขอให้พี่ไปในวันที่นายอ่อนแอน่ะเหรอ เหอะ พี่ไม่ไปหรอกนะ” ผมหันกลับมามองเขา


“ทำไม” ผมไม่เข้าใจเขาเลยจริงๆ


“นายว่างแล้วนี่ เรื่องอะไรพี่จะถอยไปง่ายๆ” เขาทำหน้ากวนๆ ได้น่าถีบมาก


“พี่นี่มันดื้อจริงๆ เลย!” ผมบ่นอย่างหัวเสีย พอๆ เตือนเท่าไรก็ไม่ฟัง ช่างหัวพี่เจตแล้ว!


“ที่ไล่พี่น่ะ เพราะนายกลัวว่าจะหวั่นไหวกับพี่ละสิ ใช่ไหม” นั่น มีการยื่นหน้าเข้ามาใกล้ทำซากอะไรวะครับ ผมดันหน้าพี่เจตออกไปแล้วโวยวายใส่เลยครับ


“ไม่ใช่โว้ย!” เรื่องอะไรมาคิดเองเออเองด้วยประโยคน่าขนลุกแบบนั้นวะ


คิดไปเองแล้วพี่!







Tbc.







⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀
มาแล้วค่ะ สัปดาห์แรกของการทำงานทำเอาทรุดเหมือนกันนะ 5555  ได้หยุดวันเดียวเองงงงงง   :m15:

เอาล่ะค่ะ น้องพูว่างแล้วนะ รอแค่ว่าเมื่อไหร่พูจะหวั่นไหว เพราะพี่เจตเองก็ไม่ถอยนะเออ

ส่วนถั่วพี่ ดูเหมือนจะเป็นที่ฮือฮามากเลย 5555 เขาเป็นบ๊กบอสจ้า คือท่านชูการ์นั่นเอง อดีตท่านพี่ก็ไม่เบาน้า แต่ถึงเฮียจะเป็นคนมีอิทธิพลอย่างไรก็มีมุมมุ้งมิ้งห้อยตุ๊กตาของน้องนะ กร๊ากๆ  :z2:

ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนต์จ้า เจอกันตอนหน้าค่ะ  :mew1:
   
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-04-2017 14:10:11 โดย janeta »

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8896
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
พูกับแอลไม่มีอะไรติดค้างกันแล้วนะ ลุยเลยพี่เจต

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
ถ้าพูรู้ว่าเป็นอิพี่ลันเตา พูคงช๊อคหนักกว่าเดิม 555555

ออฟไลน์ EARTHYSS :)

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
อยากให้เจตน์ห่างออกไปจริงๆ อย่างน้อยพูจะได้รู้สึกอะไรบ้าง ไม่ใช่ปฏิเสธตลอดว่าไม่ชอบๆ

ออฟไลน์ utamon

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 706
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-2
ในเมื่อใจน้องพูว่างแล้ว ก็เปิดใจรับพี่เจตหน่อยสิ :mew2:

ออฟไลน์ GuoJeng

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1268
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
อ่านตอนนี้แล้ว สงสารพูนะแต่ก็ขำไปด้วย 555 พี่เจตมาเห็นตอนอกหักพอดี ต่อไปรอพี่เจตด้วยนะ

ออฟไลน์ MSeraph

  • This too shall pass
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1753
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-3
พี่เจตสู้ๆๆๆๆ
พูว่างแล้ววว

ออฟไลน์ kaokorn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 903
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-2
เอาใจช่วยเจตฮะ ขอให้พูใจอ่อนเร็วๆ แอลเขามีคนที่จะดูแลแล้ว 555+

ออฟไลน์ Readyaoi

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 212
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
พี่เจตรุกอย่างหนักหน่วง(?)ไปเลยนะ ใจพูว่างแล้ว คอยเชียร์ๆๆ :katai2-1: :katai2-1: :mc4: :mc4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ janeta

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 155
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +74/-2
บทที่ 19
เหตุเกิดเพราะ...พี่รหัส


และแล้ววันที่ผมรอคอยก็มาถึง


“เชี่ยถั่ว! ทางนี้โว้ย!” ผมหันไปตามเสียงเรียกของเพื่อนสนิท เห็นพ่อเทพบุตรขวัญใจชาวประชายืนกวักมือเรียกผมยิกๆ ท่ามกลางเพื่อนกลุ่มใหญ่


“มาช้าฉิบหาย แล้วที่กูฝากซื้ออะ” แบงค์ยื่นมือมาทวงของที่ฝากผมซื้อ แม้จะอยากแกล้งมันมากแค่ไหน แต่ก็ทำไม่ลงเพราะรู้ดีว่ามันเหนื่อยแค่ไหนกว่าจะหาของชิ้นนี้เจอ


“อะ กูห่อของขวัญมาให้เรียบร้อยล่ะ” ผมส่งกล่องของขวัญชิ้นเล็ก ผูกโบสวยงามให้มัน เป็นของที่หาซื้อได้ยากมากจริงๆ โชคดีที่จังหวะนั้นผมเห็นเด็กแถวบ้านถือ’ไอ้นั่น’ผ่านมาผมจึงรีบเข้าชาร์จเพื่อถามว่าจะซื้อของชิ้นนี้ได้จากที่ไหน


“เหอะ ถ้ากูรู้ว่าพี่รหัสเป็นใครนะ กูจะผสมยาถ่ายใส่แก้วให้แม่งแดก เรียกร้องของขวัญได้บัดซบมาก”


“เอาน่าๆ ยังดีที่หาเจอนะมึง ราคาก็ถูก มึงควรจะดีใจนะที่พี่เขาไม่เรียกร้องรถสักคันน่ะ”


“รถยังหาซื้อง่ายกว่าไอ้ของชิ้นนี้อีกนะมึง คนบ้าอะไรเกิดอยากได้ขลุ่ยชัก”ครับ ขลุ่ยชัก หาซื้อยากโคตรจนผมไม่เข้าใจว่าพี่รหัสไอ้แบงค์อยากได้ไปทำไม


“แลกกับเสื้อมาเวลครบทุกลายมันก็คุ้มอยู่นะมึง” ผมปลอบใจเพื่อน อย่างน้อยของแลกเปลี่ยนก็คุ่มค่ากว่าราคาและเวลาที่เสียไปนะครับ


“เออ ถ้าไม่ใช่เพราะเสื้อนอกกูไม่ตามหาให้วุ่นวายหรอก เสียเวลาเล่นเกมชะมัด” ยืนฟังแบงค์บ่นไปได้สักพักพี่ม.6ก็เรียกรวมตัว รุ่นพี่ยืนล้อมพวกผมเป็นวงกลมด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม พวกผมเองก็ลุ้นว่าใครจะเป็นพี่รหัสของตัวเอง


ยิ่งเห็นรุ่นพี่บางคนหอบของมาเต็มไม้เต็มมือก็อยากจะขอเป็นน้องรหัสเลยครับ น้องพี่ทำบุญด้วยอะไร ทำไมถึงได้ของเยอะปานนั้น


แต่คงไม่ใช่ของผมหรอก เพราะพี่เขาใส่เสื้อสีดำ


ผมสอดสายตาไปทั่วบริเวณว่าจะมีใครใส่เสื้อสีฟ้าเหมือนผมบ้าง เพราะพี่รหัสของผมบอกว่าจะใส่เสื้อสีฟ้ามาเปิดตัว


แต่เท่าที่มองมีแต่ตัวผู้ที่ใส่เสื้อสีฟ้ามา รุ่นพี่คนสวยใส่สีอื่นกันทั้งนั้น ไม่เว้นแม้แต่พี่แมร์ที่ใส่เสื้อแขนกุดสีแดงเผยผิวขาวเนียนให้เพื่อนร่วมห้องผมแซวกันระนาว


เมื่อคืนผมแอบถามพี่เจตเพื่อสืบหาข้อมูลพี่รหัสของผม รายนั้นก็ตอบบ้างไม่ตอบบ้าง จนผมคิดว่าอาจเป็นคนใกล้ตัวอย่างพี่แมร์ก็ได้ เพราะพี่แมร์น่ารักและนิสัยดี เหมาะจะเป็นพี่รหัสของผมสุดๆ


แต่ก็นั่นแหละ พี่แมร์ไม่ได้ใส่เสื้อสีฟ้า


“สวัสดีค่ะน้องๆ วันนี้เราจะได้รู้กันแล้วนะคะว่าใครคือพี่รหัสของน้องๆ อันที่จริงวันนี้ไม่มีกิจกรรมอะไรหรอก ก็แค่มาเฉลยแล้วให้พี่ๆ พาน้องไปเลี้ยงกันเอง เอาล่ะ พี่คิดว่าน่าจะมากันครบแล้วนะ ตามหาพี่รหัสกันได้เลยจ้า” เมื่อพี่ส้มพูดจบ ฝูงเด็กม. 5 กว่าสี่สิบคนก็วิ่งพรวดไปหาเป้าหมายที่หมายตาไว้ทันที


บางคนก็โชคดีได้เจอพี่รหัสของตัวเอง บางคนก็โชคร้ายเพราะคนที่คิดว่าใช่กลับไม่ใช่เสียอย่างนั้น


โดยเฉพาะแถวพี่เจตที่สาวๆ ทำหน้าผิดหวังเดินคอตกกันออกมา เพราะรุ่นพี่สุดหล่อไม่ใช่พี่รหัสของพวกเธอ


“เชี่ย!” เสียงร้องลั่นของเพื่อนซี้เรียกความสนใจของผมให้หันไปมอง แบงค์ยืนอ้าปากพะงาบๆ ชี้หน้ารุ่นพี่ผิวสีแทนที่ยืนถือของขวัญกล่องใหญ่ เขายิ้มขำเมื่อเห็นท่าทีเพื่อนซี้ของผม


“เป็นพี่ได้ไงวะ คือแบบ...เห้ย เป็นพี่จริงดิ” ไอ้แบงค์ดูประสาทเสียไปแล้วครับเมื่อคนที่เห็นหน้าค่าตากันทุกวันกลายเป็นพี่รหัสตัวเองไปเสียอย่างนั้น


“มึงจะตกใจอะไรนักหนา เอ้า เอาของขวัญมึงไปแล้วเอาขลุ่ยชักมาให้กูไวๆ เลย” แบงค์ส่งของขวัญไปให้อย่างมึนๆ งงๆ แต่พอได้ของขวัญกลับมาก็เลิกสนใจพี่รหัสตัวเอง รีบกระชากกระดาษห่อของขวัญที่มันเฝ้ารอโดยไม่สนใจสีหน้าพี่แจ้ที่ยืนอึ้งเลยสักนิด


ครับ พี่แจ้เป็นพี่รหัสไอ้แบงค์


“กูอุตส่าห์ห่อตั้งหลายชั่วโมงกว่าจะออกมาสวย มึงฉีกออกง่ายๆ งี้เลยเหรอวะ”


“เปลือกนอกไม่สำคัญเท่าของข้างในโว้ยพี่ ห่อสวยไม่สวยผมไม่ถือเพราะสุดท้ายก็ทิ้งอยู่ดี” พอหยิบของในกล่องออกมาเท่านั้นแหละ ไอ้คนชอบโชว์ก็ถอดเสื้อต่อหน้าสาวๆ แล้วสวมเสื้อตัวใหม่ทับทันที ไม่ได้ใส่ใจสายตาวาวๆ ของเหล่าเก้งกวางที่ยืนจ้องตาเป็นมันเลยสักนิด


“เย้ดเข้ เท่ว่ะพี่ ขอบคุณคร้าบบบบบบ” พอได้ของถูกใจ มันก็เข้าไปประจบพี่แจ้ทันที อีกฝ่ายก็หัวเราะแกะของขวัญออกอย่างเบามือ พอเห็นของแลกเปลี่ยนก็ตบบ่าขอบใจแบงค์


“อยากได้ไปทำไมวะพี่ เอาไว้ช่วยตัวเองเหรอ” พูดอย่างเดียวไม่พอยังทำท่าชักเข้าชักออกน่าเกลียดสมเป็นตัวมัน


“เออ ช่วยตัวเอง ช่วยให้ตัวกูสมหวังในรักนี่ล่ะ น้องจอยโรงเรียนหญิงล้วนเขาต้องใช้เรียนดนตรีว่ะ กูก็เลยอยากเอาใจเขา แต่ไอ้ขลุ่ยเชี่ยนี่แม่งหายากฉิบหาย”


“มากอะพี่ นี่ผมแทบจะพลิกแผ่นดินเพื่อตามหามันมาให้พี่เลยนะ” ได้ข่าวว่าคนที่หาเจอคือกูนะไอ้แบงค์


ผมส่ายหัวให้กับคำแอบอ้างของเพื่อนซี้ก่อนจะหันกลับมาอีกทางเพื่อตามหาพี่รหัสตัวเองบ้าง


พลั่ก


“อ้ะ ขอโทษครับ” หัวผมชกกับอกของใครบางคนเข้า พอเงยหน้าขึ้นก็เห็นว่าเป็นพี่เจตนั่นเอง ในมือของเขามีกล้องโพลารอยด์ยี่ห้อดังกันน้ำได้ อยู่ในมือ


โฮ อยากได้อะ แต่ไม่มีปัญญาซื้อ


“อยากได้?” ร่างสูงถามเมื่อเห็นสีหน้าของผมพร้อมกับยื่นกล้องราคาแพงมาให้ ผมส่ายหน้ารัวๆ เคยเปิดราคาในเว็บดูแล้วอยากจะร้องไห้ จะแพงไปไหนวะครับ ยิ่งเห็นของจริงยิ่งไม่กล้าแตะ กลัวทำของเขาพังแล้วไม่มีปัญญาซื้อคืน


“พี่ให้ เอาไปเถอะ ถือว่าเป็นของขวัญการพบกันของสายรหัส”


“ห้ะ” ผมมองกล้องในมือพี่เจตสลับกับใบหน้าของเขา ก่อนจะไล่สายตามายังเสื้อเชิร์ตสีฟ้าพอดีตัวของอีกฝ่ายแล้วเบิกตากว้าง


“พี่เป็นพี่รหัสผมเหรอ!” ผมอ้าปากค้าง คาดไม่ถึงเลยจริงๆ ครับว่าร่างสูงจะเป็นพี่รหัสของผม


เนียนมาก ทำทีมาแอบดูจดหมายของผมทั้งที่ตัวเองเป็นคนเขียน


เขียนจดหมายมาให้คำปรึกษาผม ทั้งที่นั่งอยู่ข้างกันมาตลอด


ชอบบ่นว่าผมไม่ตั้งเรียน


แต่ในจดหมายก็ให้กำลังใจกันเสมอ...



“อื้ม” พี่เจตพยักหน้ารับ หยิบโทรศัพท์ห้อยตุ๊กตาหมาหน้ามึนที่ผมซื้อให้เขาขึ้นมาส่ายไปมาตรงหน้าผม “พี่ได้ของขวัญจากนายแล้วก็ต้องตอบแทนไง”


เขาจับมือผมไปถือกล้องราคาแพงของเขา ด้วยความกลัวว่ามันจะตกผมจึงรีบโอบกล้องไว้ทันที


“พะ...พี่ มันแพงนะโว้ย ผมรับไม่ได้หรอก” ผมรีบประคองกล้องคืนให้เขา ส่งสายตาบอกให้อีกฝ่ายรีบรับไปเร็วๆ แต่พี่เจตก็ทำเมินมองไปทางอื่น


“พี่เจตตตตตตตตตตตต” ผมเห็นนะว่าเขายิ้มที่มุมปาก สนุกมากใช่ไหมที่เห็นผมลำบากใจเนี่ย


ก็อยากได้นะ แต่มันแพงอะ


“พี่ไม่รับคืนของที่ให้ไปแล้ว” เขาหันกลับมาสบตาผม “หัวใจของพี่ก็เหมือนกัน”


ผมได้แต่อ้ำอึ้ง ไปต่อไม่ถูกเลย ได้แต่เกาหัวแก้เก้อแล้วกระชับมือจับกล้องไว้แน่น


“หาเรื่องหยอดตลอดว่ะพี่” ผมบ่นนิดๆ แล้วก้มลงมองลูกรักตัวใหม่


“ผมรับไว้ก็ได้” ก็ดีเหมือนกัน ผมจะได้ถ่ายรูปอย่างที่ชอบสักที บอกลากล้องมือถือสองล้านพิกเซลไปเลย ถ่ายภาพอะไรหาความชัดไม่ได้สักอย่าง


“นี่...” ผมเงยหน้ามองพี่เจตที่สะกิดเรียกผมเบาๆ


“หืม”


“พูรับกล้องไปแล้ว...” ร่างสูงที่ค่อยๆ โน้มตัวลงมาพูดใกล้ๆ จนได้กลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่ม “แล้วเมื่อไหร่พูจะใจอ่อนรับรักพี่สักทีล่ะครับ”


ผมชะงัก เล่นอย่างนี้เลยเหรอพี่


“อีกนานนนนนนนนนนนนนนนน” ผมลากเสียงยาว เพื่อบอกอีกฝ่ายให้เลิกหวังได้แล้ว แต่พี่เจตก็คือพี่เจต


“งั้นพี่จะรอออออออออออออออออ” พี่เจตเองก็ลากเสียงตามผมด้วยใบหน้ายิ้มๆ แถมยักคิ้วให้ผมด้วย


เออ เอากับเขาสิ


“เห้ย ไอ้พู มึงจะถ่ายรูปคู่กับพี่รหัสมึงไหม” ตากล้องประจำห้องผมเดินถือกล้องโปรเข้ามาหาเรา พี่เจตพยักหน้ารัวๆ โอบไหล่ผมเข้าไปใกล้เพื่อถ่ายรูปร่วมกัน แต่ผมส่ายหน้า


“มึงไปถ่ายคนอื่นเถอะ” ผมบอกเพื่อน ร่างสูงจึงสบตาผมอย่างไม่เข้าใจ


“ไม่อยากถ่ายรูปกับพี่ขนาดนั้นเลยเหรอ” เขาปล่อยมือจากไหล่ผมแล้วขยับออกห่างไปนิด คงคิดว่าผมรังเกียจที่จะถ่ายรูปคู่กับเขา


“ใครว่าล่ะ” ผมชูกล้องในมือ “มีกล้องของตัวเองแล้วจะไปถ่ายกล้องคนอื่นทำไม กล้องของเราเจ๋งกว่าตั้งเยอะ ถ่ายปุ๊บได้รูปปั๊บ”


สีหน้าของพี่เจตดีขึ้น เขายิ้มกว้างแล้วขยับเข้ามาใกล้ผม


“พี่ชอบคำว่ากล้องของเราจัง” เขาพึมพำเบาๆ แต่เพราะผมมัวแต่สนใจฟังก์ชั่นกล้องโพราลอยด์จึงไม่ได้ฟังคำพูดของเขา


“เปิดตรงไหนวะพี่” ผมถามร่างสูงที่เขยิบเข้ามาใกล้ๆ แล้วกดปุ่มถ่ายภาพ


ไม่นานภาพใบเล็กก็ค่อยๆ ออกมา พี่เจตฉวยภาพนั้นไปสะบัดอยู่สักพัก ผมจึงยื่นหน้าไปดูว่าภาพที่ออกมาเป็นยังไงบ้าง ถ้าออกมาดีผมจะได้เก็บไว้ แต่ถ้าแย่มากผมจะรีบเผาทิ้งทันที


ไม่มีใครอยากเก็บภาพแย่ๆ ของตัวเองไว้หรอกครับ


ผมจ้องภาพที่ค่อยๆ ชัดขึ้นก่อนจะสบถในใจ


เชี่ย!


หน้าผมโคตรเอ๋อเลย ต่างจากรุ่นพี่หนุ่มสุดฮอตที่ส่งรอยยิ้มพิฆาตใส่กล้อง องศาที่ถ่ายภาพทำให้หน้าเราชิดกันจนดูเหมือนคู่รักโอบกอดกัน เพียงแต่ผมไม่ได้มองกล้อง


“รูปโอเคมาก พี่ขอนะ” พูดจบร่างสูงก็หยิบกระเป๋าสตางค์ออกมาแล้วสอดภาพไว้ด้านในทันที ไม่เปิดโอกาสให้ผมฉกรูปนั้นไปฉีกทิ้งเลย


เบ้าหน้ากูไม่โอเคครับพี่เจต


“พี่ รูปผมแย่มากอะ ผมขอได้ไหม ผมอยากเผามันทิ้งอะ เรามาถ่ายใหม่กันเถอะนะ นะ” ผมอ้อนวอนอีกฝ่าย “หรือตัดหน้าผมออกเอาแต่หน้าพี่ไว้ก็ได้อะ นะ”


“เอาสิ ถ่ายใหม่เลยไหม พูจะถ่ายกี่ภาพก็ได้นะพี่โอเค” พี่เจตยิ้มขำแล้วถือกล้องไว้เอง “แต่ภาพนี้พี่คงให้พูไม่ได้”


“พี่จะเก็บภาพแย่ๆ ไว้ทำไมวะ เดี๋ยวผมถ่ายหล่อๆ ให้ไม่ดีกว่าเหรอ”


“พี่ชอบความเป็นธรรมชาติของนายมากกว่า นายไม่จำเป็นต้องเก๊กหล่อหรอกนะ เพราะนายน่ะ...” ร่างสูงเว้นจังหวะ “เหมาะกับคำว่าน่ารักมากกว่า”


“ผมหล่อต่างหาก!” ผมเถียงสุดใจ แต่เถียงยังไงก็ไม่ชนะหรอกครับ เพราะคนที่ผมเถียงด้วยน่ะหล่อกว่าผมหลายขุมเลย


“เลิกมโนว่ามึงหล่อได้ล่ะไอ้พู” ไอ้ตัวหวงเสื้อเดินเชิดหน้าโชว์เสื้อลายกัปตันอเมริกาเข้ามาหาพวกเรา ตามมาด้วยพี่แจ้ พี่แมร์ และฟ้าที่เอาแต่จับจี้รูปหัวใจสีเงินยิ้มๆ สายตามองตรงมาที่คนข้างกายผม


“ขอบคุณนะคะพี่เจต” ฟ้าเอ่ยยิ้มๆ


“ไปขอบคุณมันทำไมคะน้องฟ้า คนจ่ายเงินคือพี่นะคะ เจตมันแค่ช่วยเลือกเท่านั้นเอง”


อื้อหือ บอกว่าจีบผมแต่ไปเลือกของให้สาวนี่ยังไงกันครับ


ผมเหลือบตามองคนข้างๆ ที่ส่ายหน้าหวือเป็นเชิงปฏิเสธว่าเขาไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับสิ่งที่สองสาวพูดกัน


เอ๊ะ แล้วทำไมผมรู้ว่าพี่มันจะสื่ออะไรวะ ทั้งๆ ที่อีกฝ่ายไม่ได้พูดอะไรเลยนอกจากส่ายหน้า


“ผมหิวแล้วว่ะ พี่เลี้ยงใช่ปะ ไหนๆ ก็ไม่ค่อยให้ขนมน้องแล้ว เลี้ยงเลยๆ” แบงค์เอ่ยขัดขึ้น ผมจึงปัดความคิดนั้นทิ้งไป


ผมจะไปรู้ใจพี่เจตได้ยังไงล่ะจริงไหม


“แหม พอรู้ว่ากูเป็นพี่มึงนี่เอาใหญ่เลยนะ บางทีกูก็ต้องเปย์สาวปะวะ แล้วระหว่างสาวสวยกับน้องรหัสอย่างมึงกูจะเลือกใครล่ะ”


แบงค์ทำหน้าครุ่นคิด “เออ ก็จริงนะ ให้เลือกระหว่างพี่กับเกม ผมก็เลือกเกมว่ะ”


“เอ๊ะไอ้นี่!” พี่แจ้จี๊ปากใส่แบงค์ก่อนจะหันไปถามสองสาวที่ยืนคุยกันอยู่ “เอาไงครับสาวๆ เราจะไปกินอะไรกันดี”


“บิงซูหน้าโรงเรียนละกัน อากาศร้อนๆ  ฉันอยากกินอะไรเย็นๆ” พี่แมร์ตอบ


“มึงละเจต”


“พูอยากกินอะไร” พี่เจตถามผม ซึ่งทุกคนก็มองมาที่ผมเป็นตาเดียว เหมือนให้ผมเป็นคนตัดสินใจ


“บิงซูก็ได้ครับ ง่ายดี” ผมทนสายตากดดันจากพี่แมร์ไม่ไหวครับ ความอยากกินของเธอแซงทะลุความอยากของคาวของผมไปแล้ว แม้จะหิวข้าวเพราะยังไม่ได้กินอะไรตั้งแต่เช้าแต่ได้กินของหวานกับพี่ๆ ก็คงไม่ได้แย่นัก


“พวกนายไปก่อนเลย เดี๋ยวเราพาพูตามไปทีหลัง” พี่เจตเอ่ยขัดเมื่อพวกเราตกลงเดินไปหน้าโรงเรียน


“หืม ทำไมต้องไปทีหลังล่ะพี่ ไปพร้อมกันเลยสิ” ผมหิวจะตายอยู่แล้ว ขอของหวานลงกระเพาะก่อนได้ไหม


“พี่จะพานายไปกินข้าวก่อน คงไม่ได้กินมื้อเช้ามาล่ะสิ พี่อุตส่าห์โทรเตือนให้กินทุกเช้า แต่วันนี้ไม่ได้กินมาใช่ไหม” แหน่ะ รู้ทันผมอีก


“ก็...กินไม่ทัน” ผมตอบอ้อมแอ้ม ตื่นสายนี่หว่าจะเอาเวลาที่ไหนไปกินล่ะ


“มานี่เลย” ร่างสูงโบกมือลาเพื่อนแล้วถือวิสาสะลากผมไปอีกทาง ตรงไปยังมอเตอร์ไซค์สีซีดของเขา


“เก่าหน่อยนะ เพิ่งซื้อมือสองมา” พี่เจตยื่นหมวกกันน็อคของตัวเองให้ผม


“ทำไมพี่ไม่ซื้อมือหนึ่งมาล่ะ บ้านพี่ออกจะรวย” ผมแอบสืบมาแล้ว พ่อพี่เจตเป็นถึงนักธุรกิจคนดัง มีรายได้หลายร้อยล้าน กะอีแค่รถคันเดียวทำไมจะซื้อให้ลูกไม่ได้ล่ะ


“เขารวย แต่พี่ไม่ใช่ หรือนายรังเกียจที่จะซ้อนท้ายคนจนๆ แบบพี่” ร่างสูงพูดเสียงเรียบและดูเย็นชาเมื่อเอ่ยถึงพ่อของเขา


“รังเกียจอะไรเล่า จักรยานบ้านผมขึ้นสนิมทั้งคันผมยังปั่นไปซื้อของให้แม่ได้เลย” ผมยกตัวอย่างให้เขาฟัง พี่เจตก็หัวเราะนิดๆ แล้วขยี้หัวผมจนเสียทรง


“โว้ะ คนอุตส่าห์เซตมา ยุ่งหมดแล้วเนี่ย” ผมบ่น ยืนส่องกระจกรถจัดทรงผมให้เข้าที่ แต่ก็ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว


“แบบนี้ดูเหมาะกับนายมากกว่าอีก” พูดจบพี่เจตก็สวมหมวกกันน็อคให้ผม พยายามแกะออกเท่าไหร่ก็แกะไม่ได้ ก็เลยปล่อยเลยตามเลย


“ทำไมพี่ไม่ใส่หมวกกันน็อค มันอันตรายนะ คนขับควรจะใส่มากกว่า” พูดให้สวยหรูไปอย่างนั้นแหละครับ ความจริงผมไม่ชอบใส่หมวกกันน็อคหรอกเพราะมันร้อนนนนนนนนน


“เพราะพี่ไม่อยากให้นายเป็นอันตราย” เขาสบตาผมผ่านหมวกกันน็อคก่อนจะหันกลับไปสตาร์ทรถ “จับแน่นๆ นะ” เขาคว้าแขนผมไปจับไว้แล้วค่อยๆ ขับรถไปตามทาง


ผมหมายความตามที่พูดครับ พี่เจตขับรถช้าๆ ช้าแบบที่เรียกว่าผมวิ่งยังเร็วกว่ารถเลย


แถมรถยังส่ายไปส่ายมาเหมือนคนขับรถไม่เป็นเสียอย่างนั้น


เดี๋ยวนะ...


“พี่ได้ใบขับขี่มาเมื่อไหร่” ผมเอ่ยถามคนตัวโตที่ยึดมือผมไว้ไม่ยอมปล่อย เนียนไปไหมพี่ รถไม่ได้ขับเร็วอะไรเลย ช้ายิ่งกว่าเต่าคลานอีก


“ยังไม่ได้ทำ พี่กำลังหัดขับรถ”


เชี่ย! กูฝากความปลอดภัยไว้กับคนขับรถไม่แข็งเหรอวะเนี่ย!


“จอดเลยพี่จอดเลย!” ผมร้องลั่นพร้อมกับพยายามดึงมือตัวเองออก พี่เจตขับรถส่ายไปส่ายมาเมื่อผมดิ้นสุดแรง สุดท้ายเขาก็ปล่อยมือผมแล้วจอดรถข้างทาง ผมลงจากรถแล้วยกมือทาบอกตัวเอง


ขวัญเอ๊ยขวัญมา ขอบคุณที่อีกฝ่ายไม่ได้เหยียบตีนผี


“ให้จอดทำไม นายทำของหล่นเหรอ” ยัง...ยังจะมาถามหน้าซื่ออีก


โครกกกกกกกกก


“อ๋อ นายทนหิวไม่ไหวสินะ ไปๆ พี่เลี้ยงข้าวหน้าเนื้อก็ได้ ร้านนี้เขาว่าอร่อยอยู่นะ”


หิวก็หิว แต่ต้องเคลียร์เรื่องนี้ก่อน


“ผมขอนะพี่ อย่าเพิ่งขับออกถนนใหญ่จนกว่าพี่จะขับรถแข็งกว่านี้ หรือถ้าให้ดีสอบใบขับขี่ให้ผ่านไปเลยดีกว่า”


“เป็นห่วงพี่เหรอ” เขาหยอก แต่ผมตอบกลับไปด้วยสีหน้าจริงจัง


“ก็เออน่ะสิ! ชีวิตคนทั้งคนนะพี่ จะมาเสี่ยงชีวิตบนถนนไปเพื่ออะไร ขนาดคนที่ขับรถแข็งมันยังตายเพราะประมาทเลย” ผมกลั้นก้อนสะอื้นไว้ในลำคอ หลับตาลงและพยายามลบเรื่องในอดีตออกไป


“นะพี่ ถือว่าผมขอ” ผมลืมตาขึ้น เมื่อร่างสูงพยักหน้าผมก็ยิ้มบางให้เขา อย่างน้อยแค่เขาฟังที่ผมเตือนบ้างก็ยังดี แม้บางเรื่องเตือนเท่าไรก็ยอมไม่ฟังก็เถอะ


“ขอบคุณนะที่เป็นห่วงพี่” พี่เจตเอื้อมมือมาจับมือผมไว้ “พี่ดีใจนะ ที่ได้ชอบนาย” เขาสบตาผมยิ้มๆ แล้วจูงมือพาผมที่ยังอึ้งๆ กับคำพูดของเขาไปยังร้านอาหารใกล้ๆ


เราสั่งข้าวคนละอย่าง แรกๆ ผมก็กระอักกระอ่วนกับสายตาที่พี่เจตมองมา ก็ไม่ถึงกับหวานเชื่อมหรอครับ แต่ อืม ไม่รู้สิ มันละมุนละไมเหมือนคนที่มีความสุขมากๆ จนเก็บไว้ไม่อยู่ ซึ่งความรู้สึกของเขาก็เผื่อแผ่มาเต็มที่จนผมทำตัวไม่ถูก


แต่พอเริ่มคุยเรื่องสอบที่ใกล้เข้ามา ความกระอักกระอ่วนทั้งหมดก็สลายไปทันที เหลือแต่ความเครียดว่าจะสอบได้หรือไม่เปล่านี่ล่ะ ซึ่งร่างสูงก็อาสาติวให้ผมในวันหยุดเพราะถือว่ายังไงเราก็เป็นพี่รหัสน้องรหัสกัน แม้อีกฝ่ายจะคิดไปไกลกว่านั้นก็ตาม


เราคุยลากยาวไปจนกระทั่งพี่แมร์โทรมา พี่เจตถามความเห็นผมว่าอยากไปกินบิงซูต่อหรือเปล่า ผมส่ายหัว ตอนนี้อิ่มมากครับ ไม่อยากกินอะไรต่ออีกแล้ว เราสองคนจึงตกลงกลับบ้านกัน


และแน่นอนว่าคนขับรถคือผม


ถึงจะยังไม่มีใบขับขี่ แต่ผมก็ขับรถเป็นกว่าพี่เจต ผมจึงอาสาไปส่งเขาพร้อมกับรถของเขาแล้วค่อยนั่งรถเมล์กลับบ้าน ตลอดทางก็โดนแต๊ะอั๋งไปตามเรื่องเพราะมือปลาหมึกของพี่เจตอยู่ไม่สุขเลยครับ


ผมต้องตีมือที่จับเอวผมไว้หลายครั้งจนเริ่มหงุดหงิด จับอย่างเดียวไม่พอจะบีบทำไมวะ ถ้าผมบ้าจี้มีแหกโค้งแน่นนอน


“ถึงแล้ว! ปล่อยได้ล่ะ” ผมโวยวายแล้วรีบลงจากรถ พยายามถอดหมวกกันน็อคคืนอีกฝ่าย แต่ก็ทำไม่ได้ พี่เจตจึงขยับเข้ามาถอดออกให้


จังหวะที่หมวกกันน็อคค่อยๆ เลื่อนขึ้นหลุดจากหัว สัมผัสเปียกชื้นก็จู่โจมริมฝีปากผมแผ่วเบาก่อนจะผละออก


ผมได้แต่อ้าปากพะงาบๆ อย่างคนไม่รู้จะทำยังไง


“ขอบคุณที่มาส่งนะครับ” รุ่นพี่สุดหล่อส่งรอยยิ้มมาให้ก่อนจะเดินเข้าบ้านไป ทิ้งให้ผมยืนหน้าร้อนอยู่หลายนาที พอตั้งสติได้ผมก็รีบวิ่งออกจากซอยบ้านพี่เจตทันที ตลอดทางกลับบ้านก็ได้แต่ตบอกข้างซ้ายตัวเองอย่างเครียดๆ


ไอ้หัวใจบ้า มึงจะเต้นแรงทำไมห้ะ!














Tbc.










⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀
พูใจเต้นแล้ววววววววววว พี่เจตมีความหวังแล้วนะคะทุกคน 555555

ขอบคุณสำหรับคอมเมนต์จากคนอ่านทั้งเก่าและใหม่เลยนะคะ ดีใจที่เข้ามาอ่านกัน

ตอนนี้สนุกไหม เม้นบอกกันด้วยน้า อยากรู้ว่ายังมีคนอ่านอยู่ไหมมมมมม  :mew2:

ขอตัวไปนอนแล้วค่า ทำงานสัปดาห์ละหกวันเลย เพลียร่างมากๆ ฮือ
   

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
ดีใจกับพี่เจตด้วย รีบโกยคะแนนเลยจ้า

ออฟไลน์ Readyaoi

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 212
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1

ออฟไลน์ ป่ามป๊ามป่ามปาม

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 483
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
พูใจเต้นแล้ว พี่เจตมีหวังแล้ว หยอดน้องไปเรื่อยๆเลยก่อนที่ถั่วพี่จะมา  :laugh:
คนเขียนสู้ๆค่า  :กอด1:

ออฟไลน์ kunt

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 702
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +42/-1
อุย... เขาหวั่นไหวกันละตัวเธอ ใจเต้นผิดจังหวะกันเลยทีเดียว

ออฟไลน์ EARTHYSS :)

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
เขินอ่ะเด้ ยอมรับเถอะว่าก็ชอบเขาแล้วเหมือนกัน

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8896
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ MSeraph

  • This too shall pass
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1753
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-3
พี่เจตรุกแรงมากกกก
มีคนหวั่นไหว1eaแหละ
รอค่าา

ออฟไลน์ GuoJeng

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1268
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
โดนจุบ1ทีใจเต้นเลยนะ
 รออ่านต่อ

ออฟไลน์ buathongfin

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1251
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-3
ง่อวว น่ารักกก

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ wutwit

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 259
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-2
โอ้ยน่ารักกก พี่เจตรีบจีบให้ติดไวๆๆนะ ส่วนคู่ถั่วพี่กับแอลเค้าไปถึงไหนกันแล้ว อยากรู้อะ :-[

ออฟไลน์ janeta

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 155
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +74/-2
บทที่ 20
เหตุเกิดเพราะ...ของต่างหน้า



“พี่เขาอยู่ที่หอแถวนี้ล่ะ ถ้าหลานอยากเจอก็ไปตามที่อยู่นี้นะ”


คำพูดของคุณย่าที่เอ่ยขึ้นก่อนหน้านี้ยังคงก้องอยู่ในหัวผม


หลังจากสวัสดีคุณย่าแล้ว สายตาผมก็กวาดไปทั่วบ้านหลังใหญ่เพื่อมองหาเขาคนนั้น แต่ไม่เห็นวี่แววของลูกศิษย์คนโปรดของคุณหญิงอิศราเลย ผมจึงเดินคอตกกลับไปนั่งซบตักคุณย่าที่พอจะเดาได้ว่าผมเป็นอะไร


ท่านหยิบกระดาษแผ่นเล็กแล้วเขียนชื่อหอพักใกล้ๆ แล้วยื่นให้ผม ก่อนจะบอกว่านั่นเป็นที่อยู่ของพี่ลัน ผู้ซึ่งหายไปทั้งสัปดาห์แล้ว โทรเข้ามาเพียงแค่ว่าติดธุระแล้วก็หายเงียบไปเลย


และตอนนี้ผมก็ยืนอยู่หน้าหอพักของเขา หอชายล้วนที่เต็มไปด้วยชายหนุ่มนักศึกษาที่ส่งสายตาโลมเลียมาเป็นระยะ นึกอยากทุบหัวตัวเองที่มายืนล่อเป้าอยู่ตรงหน้าประตูทางเข้าออก ทั้งที่ไม่รู้เลยว่าพี่ลันจะกลับมาเมื่อไหร่


“หลงทางเหรอครับตัวเล็ก หรือว่า...มาหาใครที่นี่ ไปอยู่ห้องพี่ก่อนไหม มีคนขนมอร่อยให้กินเยอะแยะเลย” เสียงชักชวนจากผู้ชายคนหนึ่งไม่ทำให้ผมเงยหน้าขึ้น กลับกันผมยิ่งก้มหน้าลงต่ำ เหลือบตามองหาทางออกจากสถานการณ์นี้


แต่จะเดินออกไปทางประตูก็มีคนอีกกลุ่มหนึ่งยืนสูบบุหรี่ขวางทางอยู่ พวกเขาสักแขนและมีรอยบากที่ใบหน้า ดูน่ากลัวจนผมไม่กล้าเยียบย่างเข้าไปใกล้ ได้แต่กลืนน้ำลายและกำตุ๊กตาหมีในกระเป๋าเสื้อไว้เป็นที่พึ่ง


“ว่าไงครับ ไปกันเลยไหม อย่างน้อยไปกับพี่ก็ปลอดภัยกว่าไอ้นักเลงสามตัวนั่นแน่ๆ” เขาก้มลงมากระซิบข้างหูผม และยื่นหน้าเข้ามาใกล้จนเกือบชิดแก้ม


ผลัก!


“มึงว่าใครนักเลง! ไอ้จั่น” พี่ผู้ชายคนนั้นถอยหลังไปไกลเมื่อเหล่านักเลงทั้งสามดาหน้าเข้ามา “คิดว่าพวกกูไม่ได้ยินรึไง!”


“เออ เล่นแม่งเลยได้ชัด กวนตีนกูหลายทีล่ะ” นักเลงเบอร์สองสนับสนุนเพื่อนเข้าปะทะคารมกันอย่างดุเดือด ขณะที่คนสุดท้ายกระชากแขนผมให้เดินตามเขาไปอีกทาง


“ทีหลังอย่าไปยืนเซ่อตรงนั้น ถ้ามาหาเพื่อนละก็รีบโทรบอกให้มันลงมารับมึงไวๆ เลย ยืนล่อเสือล่อตะเข้ เดี๋ยวก็โดนของดีเข้าหรอก” เขาเอ่ยอย่างใจดีขัดกับหน้าดุๆ และรอยสักมังกรบนต้นแขนของเขา คิดว่าอีกฝ่ายจะฉุดกระชากผมไปขมขืนซะอีก


สงสัยต้องมองคนใหม่แล้วเรา


“ขอบคุณนะครับ” ผมรีบหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาพี่ลันทันที แม้ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะอยู่หรือเปล่า แต่อย่างน้อยผมก็ควรบอกเขาว่าผมมาหา


แต่โทรกี่ครั้ง อีกฝ่ายก็ไม่ยอมรับสาย สุดท้ายก็ได้แต่ส่งยิ้มเจื่อนๆ ให้พี่หน้าโหดที่ยืนกอดอกอยู่ข้างกัน ผมสังเกตว่าคนอื่นๆ ดูเกรงๆ พี่เขานะ เดินผ่านก็ต้องก้มหัวนิดๆ ให้เสมอ


หรือว่าเขาจะคุมหอพักนี้


“มึงมาหาใคร หอนี้กูรู้จักทุกคน เดี๋ยวพาไปส่งที่ห้องให้” เขาพ่นลมหายใจอย่างรู้สึกหน่ายๆ แล้วรอฟังคำตอบจากผม


“ไม่เป็นไรครับ พี่เขาอาจจะไม่อยู่ห้องก็ได้” ผมหลีกเลี่ยงที่จะอยู่ใกล้เขา แม้อีกฝ่ายจะไม่มีท่าทีคุกคามแต่ผมก็กลัวเกินกว่าจะอยู่ใกล้


ประสบการณ์เลวร้ายครั้งนั้นสอนผมได้ดีว่าอย่าไว้ใจใครง่ายๆ


“แล้วแต่มึง เดี๋ยวกูพาออกไปเอง ทะเล่อทะล่าออกไปคนเดียวถ้าโดนฉุดขึ้นมาเสียชื่อสถาบันท่านชูการ์หมด”


ท่านชูการ์?


ผมเดินมึนๆ งงๆ ตามพี่โหดออกไป เขาพาผมเดินออกจากซอยหอมาไกลมาก เกือบถึงถนนใหญ่เลยล่ะ จากนั้นเขาก็หมุนตัวกลับไปไม่สนใจใยดีผมอีกเลย


“เฮ้อ แล้วผมจะหาพี่เจอไหมเนี่ย”





“ลันคะ!” เสียงหวานใสเรียกความสนใจของผมให้หันไปมองร่างบาง เธอสวมกอดแผ่นหลังแกร่ง ซุกใบหน้าเข้าหาหวังให้อีกฝ่ายหันมา


ผมคงไม่สนใจแล้วเดินกลับบ้านถ้าไม่ใช่เพราะจำได้ดีว่าแผ่นหลังนั้นเป็นของใคร


“เลิกยุ่งกับฉันสักที” เสียงเย็นชาที่ผมไม่เคยได้ยินดังออกมาจากริมฝีปากของเขา พี่ลันดึงมือของเธอออกจากเอวแล้วเดินถอยหลังเว้นระยะห่างออกไป “อย่ามาเข้าใกล้ฉัน”


“ทะ...ทำไมลันทำแบบนี้กับบีคะ เราคบกันไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงได้ทำท่ารังเกียจบีแบบนั้น” หญิงสาวร้องไห้สะอึกสะอื้น พยายามยื่นมือมาคว้ามืออีกฝ่ายไว้ แต่พี่ลันก็หลบเก่ง เธอจึงไม่อาจแตะเนื้อต้องตัวเขาได้


“เธอคิดไปเองทั้งนั้น” พี่ลันหมุนตัวกลับไปในจังหวะที่หญิงสาวเอื้อมมือไปกระชากตุ๊กตาผ้าเน่าจนหลุดออกจากโทรศัพท์มือถือของผมที่ฝากอีกฝ่ายไว้


“เธอทำบ้าอะไร!” ร่างสูงขบกรามแน่นผลักหญิงสาวอย่างแรงจนเธอล้มลงไป ในมือของเธอกำตุ๊กตาของพี่ลันไว้แน่นก่อนจะวิ่งไปทางสะพานแล้วขว้างตุ๊กตาตัวนั้นลงไปในแม่น้ำ


“หึ ไม่มีของต่างหน้านังนั่นแล้ว ทีนี้ลันก็กลับมาคบกับบีเถอะ นะคะ” เธอโผเข้ากอดแขนพี่ลันแน่น “ไม่อย่างนั้นบีจะตามล่านังนั่นจนกว่ามันจะตาย”


“ฉันเตือนเธอแล้วนะ” คราวนี้ร่างสูงไม่กระชากแขนเธอออก เพียงแค่พูดนิ่งๆ แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรหาใครบางคน


“เอ เรื่องที่มึงเคยขอกูไว้ กูให้ไม่ได้ว่ะ ถ้ามึงไม่มาจัดการปัญหานี้ด้วยตัวเอง กูจะจัดการด้วยวิธีของกู” เมื่อพี่ลันพูดจบเขาก็ปรายตามองหญิงสาวนิดๆ ก่อนจะตัดสาย แล้วออกเดินไปยังสะพานไม้ วางโทรศัพท์ของผมไว้บนพื้นแล้วขึ้นไปยืนบนขอบสะพาน


“ละ...ลันจะทำอะไรคะ” เธอพยายามดึงมือออกจากมือพี่ลันที่บีบมือเธอไว้แน่นไม่ยอมปล่อย


“อยากคบกันก็ไปอยู่ด้วยกันในนรกสิ” พี่ลันฉุดดึงเธอให้ขึ้นมาด้วยกัน แต่เธอดิ้นหนีแล้วผลักพี่ลันออกห่างตัว


“ปล่อยฉันนะไอ้บ้า ปล่อย!” เธอเผยธาตุแท้ออกมาเมื่อรู้ตัวว่าจะถูกลากไปสู่ความตาย จนกระทั่งพี่ลันปล่อยมือเธอ


“หากเธอไม่กล้าที่จะตายพร้อมฉัน ก็อย่ามาพูดว่าเราคบกัน” พูดจบร่างสูงก็กางแขนออกกว้างแล้วทิ้งตัวลงสู่แม่น้ำ


“พี่ลัน!” ผมวิ่งพรวดเข้าไปแล้วกระโดดสะพานตามอีกฝ่ายไป มองคนที่หลับตาพริ้ม ไม่ได้สนใจเลยว่าสิ่งที่ตัวเองทำนั้นเสี่ยงอันตรายมากแค่ไหน


“พี่ลัน!”


เพียงเสี้ยวนาที เขาลืมตาขึ้นมามองผมอย่างแปลกใจ ก่อนสายน้ำเย็นเฉียบจะกลืนกินเขาจนหายไปจากสายตาของผม


พรวด


เมื่อร่างของผมจมดิ่ง น้ำมากมายก็ไหลทะลักเข้าโพรงจมูกจนแสบร้อน ต้องป่ายมือไปมาหวังพยุงตัวเองขึ้นจากน้ำ แต่ความรู้สึกชาที่ปลายเท้ากลับฉุดรั้งให้ร่างผมให้ดิ่งลงพร้อมกับลมหายใจที่ค่อยๆ ถูกพรากไปทีละน้อยจนเกือบจะหมดลง


ในวินาทีนั้นผมเห็นแสงสว่างวาบเข้ามาใกล้ ก่อนทั้งร่างจะถูกกระชากอย่างแรงจนโผล่พ้นน้ำ


“ไอ้เด็กบ้า! อยากตายหรือไงห้ะ!” เสียงตะโกนมาพร้อมกำปั้นที่ทุบอกผมหลายที


“แค่กๆ” ผมพ่นน้ำออกมาจนหมด ตวัดสายตาไปมองคนที่นั่งทำหน้าโหดใส่อย่างเคืองๆ คนอุตส่าห์ช่วยยังจะมาพูดแบบนี้อีกนะ


“ผมดิต้องถามพี่ว่าอยากตายหรือไงถึงได้ทำอะไรบ้าๆ แบบนั้น!” ผมเองก็เถียงเขากลับอย่างไม่ยอมเช่นกัน


ปกติผมไม่ใช่คนชอบเถียงหรอกครับ แต่เรื่องนี้ยอมไม่ได้ เรื่องอะไรมาว่าผมเป็นบ้า คนบ้ามันพี่ลันต่างหาก คนสติดีที่ไหนจะพาคนรักไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตายพร้อมกันล่ะ


ผมลูบอกตัวเองแล้วค่อยๆ ลุกขึ้นนั่ง เดาว่าแรงที่ถูกทุบคงจะหนักเอาการผมถึงได้เจ็บอกขนาดนี้


“เจ็บมากไหม” เขาพูดเสียงเบาก่อนจะช่วยพยุงผมขึ้น แม้จะอยากผลักออกแต่เรี่ยวแรงไม่มีเหลือแล้วครับ ได้แต่เดินตามแรงประคองของอีกฝ่ายจนมาถึงม้านั่งในสวนสาธารณะ


พี่ลันวิ่งกลับไปหยิบโทรศัพท์ของผมแล้วเดินกลับมานั่งข้างกัน ทันใดนั้นผมก็นึกขึ้นได้ว่าโทรศัพท์พี่ลันอยู่ในกระเป๋ากางเกงตัวเอง


“อ้ะ” เสียงร้องอย่างตกใจของผมดึงความสนใจของร่างสูงให้หันมามองกัน ผมหยิบโทรศัพท์ชุ่มน้ำของเขาออกมาถือไว้อย่างรู้สึกผิดเพราะหน้าจอดับไปแล้ว และไม่มีสัญญาณว่ามันจะฟื้นคืนมาได้อีก


“เดี๋ยวผมซื้อให้ใหม่นะครับ มันคงพังแล้ว”


พี่ลันไม่ตอบอะไร คว้าโทรศัพท์รุ่นเดอะในมือผมไปแกะออกเพื่อแยกชิ้นส่วนแล้วเอาไปวางผึ่งแดดบนหินก้อนใหญ่


“เดี๋ยวก็กลับมาใช้ได้” เขาดูไม่เดือดร้อนอะไร นั่งจิ้มโทรศัพท์ของผมเล่นเกมอย่างไม่ทุกข์ร้อน


เอ่อ พี่ลืมหรือเปล่าว่าตัวเราทั้งคู่เปียกปอน


“ฮัดเช่ย!” ผมจามออกมา เป็นสัญญาณให้อีกฝ่ายรู้ตัวสักทีว่าควรพาผมไปเปลี่ยนเสื้อผ้าได้แล้ว พี่ลันปรายตามองผมนิดๆ ก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินนำไปยังทิศทางที่ตรงข้ามกับบ้านคุณย่า


“กลับบ้านคุณหญิงต้องใช้เวลา ไปเปลี่ยนที่หอพี่ก็แล้วกัน” พูดจบพี่ลันก็เดินนำไปยังทิศทางเดียวกลับที่ผมเพิ่งจากมา ผมเร่งฝีเท้าเพื่อเดิมตามอีกฝ่ายโดยไม่ลืมหยิบซากโทรศัพท์ของเขามาด้วย


ทันทีที่เราสองคนเดินมาถึงหน้าหอพัก ผมก็รีบเดินเข้าไปชิดหลังพี่ลันทันที กลัวว่าคนพวกนั้นจะคอยมองผมอยู่


แม้ผมจะวางใจว่าพี่ลันเตาปกป้องผมได้ แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีคนที่เหนือกว่าเขา


“ท่านชูการ์สวัสดีครับ!” เสียงดังฟังชัดมาพร้อมท่าทางโค้งเก้าสิบองศาพอดีเป๊ะเหมือนในการ์ตูนญี่ปุ่น ทุกคนที่เคยใช้สายตาโลมเลียผมโค้งคำนับเหมือนกันหมด ไม่มีแต่จะเหลือบตาขึ้นมอง กลับก้มหน้าลงต่ำเหมือนไม่อยากให้ใครเห็นใบหน้าของตน


ผมหันไปมองรอบๆ เพราะอยากรู้ว่าท่านชูการ์เป็นใคร เห็นพี่โหดคนนั้นพูดถึงว่าหอนี้เป็นถิ่นของท่านชูการ์ ไม่รู้ว่าจะน่ากลัวขนาดไหน


แต่คนที่ยืนอยู่ข้างหน้าผมก็ไม่เห็นโค้งตามคนอื่นเลย


หรือว่าจะไม่น่ากลัวอย่างที่คิด


“น่าเบื่อชะมัด ล้มเลิกไปบ้างก็ได้มั้งไอ้พิธีรีตองไรเนี่ย” พี่ลันบ่นแล้วเดินนำผมเข้าไปในตัวอาคาร ซึ่งพอคนในหอพักเห็นพี่ลันเตาก็รีบโค้งคำนับแบบเดียวกับคนข้างนอกทันที


หรือว่าท่านชูการ์คือพี่ลันเตา?


“โว้ ไอ้พวกนี้นี่พูดกันไม่รู้เรื่อง” ร่างสูงไม่ได้ขึ้นเสียงเลยแม้แต่น้อย เหมือนบ่นๆ มากกว่า แต่ก็ทำเอาคนที่ยืนคำนับสั่นเป็นเจ้าเข้า


“ก็ทำตัวแบบนี้ใครจะกล้าแหยมกับมึง” ชายหนุ่มผิวเข้มในชุดนายตำรวจเดินเข้ามาใกล้เรา พี่ลันเหลือบตามองอีกฝ่ายนิดๆ ก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงบนพื้นง่ายๆ กวักมือเรียกอีกฝ่ายให้ตามลงมานั่งข้างกัน


“ช่วยไปนั่งโต๊ะเหมือนคนอื่นเขาได้ไหม นั่งเกะกะขวางทางคนอื่นเขา”


“หึ มารยาทดีจังนะ ไปครับๆ คุณนายร้อยตำรวจ อย่าเพิ่งจับกูข้อหากวนบาทานะ”


“กูจะจับหมาในปากมึงไปขังก่อนนี่ล่ะ อะ สวัสดีครับตัวเล็ก โอ้ ตัวเปียกเชียว ไอ้เวรนี่ไปแกล้งอะไรเรารึเปล่า พี่จัดการให้ได้นะ” คุณนายร้อยตำรวจพูดเสียงนุ่ม ส่งสายตาหวานเชื่อมหวังกระชับมิตรกับผม


แต่ร่างหนาเอนตัวเข้ามาบังผมจากสายตาเพื่อนจนมิด


“สัด มาบังของสวยงามทำเชี่ยอะไร”


“คนนี้ห้ามยุ่ง”


“กับน้องมึงก็ห้าม กับคนนี้ก็ห้าม มีคนไหนที่มึงไม่ห้ามไหม”


“ในนี้มึงก็เลือกเอาไปเลี้ยงสักตัวสิ ซนๆ กันทั้งนั้น แต่น้องกูกับไอ้เด็กนี่” เขาชี้มาที่ผม “ห้ามยุ่ง”


“มีหวงๆ ตกลงคบกันแล้ว?”


ผมลุ้นคำตอบของคำถามนี้ด้วยหัวใจเต้นรัว อันที่จริงผมก็ไม่รู้หรอกว่าสถานะระหว่างเรานั้นคืออะไร ถึงจะคุยกันแค่อาทิตย์เดียว แต่ความรู้สึกที่ค่อยๆ ก่อตัวขึ้นก็เกินกว่าคนรู้จักไปแล้ว มันอาจจะเป็นความรู้สึกของผมฝ่ายเดียว แต่ใจหนึ่งผมก็หวังว่าเขาเองก็อาจจะชอบผมเหมือนกัน


“ไม่ได้เป็นอะไรกัน”


คำตอบของพี่ลันทำผมชะงัก นึกว่าเขาจะตอบอะไรน่ารักอย่างกำลังศึกษาดูใจหรืออะไรที่เป็นไปในทิศทางนั้น


แต่เขากลับตอบว่า ‘ไม่เป็นอะไรกัน’


แล้วที่ผ่านมามันคืออะไร


หรือว่าเขา...ไม่ได้คิดอะไรกับผมเลย






“เฮ้อ กว่าจะกลับไปได้”  พี่ลันเอ่ยถึงเพื่อนรักที่เดินทางมาจากเมืองหลวงเพื่อคุยธุระกัน ส่วนธุระที่ว่าคืออะไรนั้นผมเองก็ไม่รู้เพราะถูกทิ้งให้อยู่กับพี่โหดที่บังเอิญเดินเข้ามาพอดี พี่ลันจึงฝากฝังผมไว้กับเขา พี่โหดทำตาโตไปแล้วเมื่อเห็นว่าผมเป็นคนรู้จักของพี่ลัน


“ก็คิดอยู่ว่าหน้าตาแบบนี้คงเป็นเด็กของใครสักคน คาดไม่ถึงว่าจะเป็นถึงเด็กของท่านชูการ์”


ไม่ทันที่ผมจะได้ถามว่าท่านชูการ์เกี่ยวข้องอะไรกับพี่ลันผมถูกดึงตามร่างสูงขึ้นมาบนห้องแล้ว


“เอ้านี่ผ้าขนหนู ไม่ต้องห่วง ยังไม่ได้ใช้ แล้วนี่ก็เสื้อผ้า เคยใส่แล้วแต่ซักสะอาด รับรองไม่เป็นเกลื้อน” พี่ลันยัดเสื้อผ้าและผ้าขนหนูใส่มือผมก่อนจะหยิบส่วนของเขาเดินออกจากห้องไป เห็นบอกว่าจะไปอาบน้ำห้องเพื่อน ผมจึงเข้าไปอาบน้ำ


พอชำระร่างกายเสร็จแล้วผมก็เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเดินออกมา พี่ลันกำลังเช็ดผมของตัวเองด้วยใบหน้าเคร่งเครียด จ้องโทรศัพท์ของผมที่ตอนนี้ไร้ตุ๊กตาผ้าตัวเดิม พอนึกขึ้นได้ผมก็รีบล้วงกระเป๋าเสื้อตัวเก่าแล้วหยิบตุ๊กตาหมีสีน้ำตาลออกมา โชคดีที่มันไม่ได้จมหายไปกับน้ำ ผมหยิบมันมาเป่าไดร์จนแห้ง เหลือบมองร่างสูงที่ยังคงนั่งนิ่งในท่าเดิมด้วยใบหน้าเศร้าสร้อย


เขาคงเสียใจที่ตุ๊กตาตัวโปรดหายไปสินะ


หรือไม่ ก็คงเสียใจที่สูญเสียของต่างหน้าคนรัก...


ผมรู้สึกหน่วงในหัวใจนิดๆ เมื่อรู้ตัวว่ากำลังแพ้คนในใจของอีกฝ่าย ท่าทางพี่ลันคงจะรักเขามากถึงได้อาลัยอาวรณ์นัก ไม่สิ บางทีเขาอาจจะไม่เคยลืมเธอคนนั้นเลยก็ได้ ถึงได้ห้อยของต่างหน้าติดตัวอยู่ตลอดเวลา


แล้วอย่างนี้...ผมจะมีสิทธิ์เข้าไปอยู่ในใจของพี่ลันบ้างไหม


“พี่ลัน” ผมเรียกเขาให้หันมามองกันแล้วยื่นตุ๊กตาหมีสีน้ำตาลให้ “ผมให้”


“นายคิดว่าพี่ง๊องแง๊งถึงขึ้นเล่นตุ๊กตารึไง” เขามองผมอย่างขบขันแต่ก็ยอมรับตุ๊กตาตัวนั้นไปถือไว้ ก้มลงมองแล้วบีบแก้มตุ๊กตาหมีจนเสียทรง


“ก็เห็นห้อยติดตัว ก็เลยนึกว่าชอบ” แต่ความจริงพี่คงชอบเจ้าของมากกว่าสินะ ผมได้แต่ถอนหายใจพลางมองอีกฝ่ายเสียบสายห้อยเข้ากับรูโทรศัพท์จนเสร็จเรียบร้อยแล้วยิ้มกริ่มอย่างมีความสุข


ไหนบอกไม่ชอบตุ๊กตา ทำไมดูดี๊ด๊าจังล่ะพี่


“ก็ไม่ได้ชอบหรอก มันพิเศษที่คนให้” เขาสบตาผมนิ่งๆ ก่อนที่ผมจะเป็นฝ่ายหลบตาไป


ก็พี่ลันเป็นแบบนี้ จะไม่ให้ผมเข้าข้างตัวเองได้ยังไง


“แล้วตัวเก่าล่ะ คนให้ก็พิเศษมากเหรอ” ผมถามเสียงตัดพ้อ อีกฝ่ายก็ตอบเสียงดังฟังชัด ไม่ได้รู้เลยว่าประโยคนั้นทำร้ายจิตใจคนฟังอย่างผมเหลือเกิน


“ใช่สิ สำคัญมากเลยล่ะ สำคัญแบบที่ว่าไม่มีอะไรในโลกแทนตุ๊กตาตัวนั้นได้” ร่างสูงมีสีหน้าเศร้าลงเมื่อนึกถึงเรื่องก่อนหน้า ผมจึงทำใจกล้าเอ่ยปลอบเขาไป


“งั้นให้ตุ๊กตาหมีตัวนี้อยู่ข้างๆ พี่ได้ไหม ถึงจะแทนตัวเก่าไม่ได้ แต่มันจะไม่มีวันทิ้งพี่ไปไหนแน่นอน”


พี่ลันเงยหน้ามองผมอึ้งๆ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นหัวเราะจนตัวโยน


“คิดไปถึงไหนล่ะนั่น”


“คิดอะไร” ผมทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ไม่อยากให้เขารู้หรอกว่าคำพูดก่อนหน้านี้แฝงความหมายว่าผมจะอยู่เคียงข้างเขาไปตลอด


“อืม ไม่คิดก็ไม่คิด” พี่ลันพูดเสียงเบา “ปล่อยให้เป็นแบบนี้ก็ไม่เลวแฮะ”


“หืม” เพราะไม่ได้ยินประโยคท้ายผมจึงส่งเสียงถาม


“เปล่าๆ ไม่มีอะไร”


ทำไมผมรู้สึกว่าคำว่าไม่มีอะไรของเขากับรอยยิ้มนั่น ‘ดูมีอะไร’ กันนะ






Tbc.










⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀
ขอโทษที่มาช้าค่ะ เราทำงานทั้งสัปดาห์เลย บางงานก็เครียดจนเขียนไม่ออกเหมือนกัน  :mew6:

ตอนนี้ตัดช่วงมาที่คู่รองก่อน พี่ลันเตาคงไม่มีวันบอกแอลว่าเจ้าของตุ๊กตาผ้าเน่าเป็นใคร 5555 ไม่ได้ผิดคาแร็คเตอร์น้าพี่ลันเป็นคนแบบนี้ล่ะ เพี้ยนๆ ติสท์ๆ ขี้แกล้ง แต่เดี๋ยวตอนหน้าเจตพูก็มา 55555 ให้เวลาน้องพูไปเคลียร์ตัวเองแป๊บนึงน้า

ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนต์ค่า ตามอ่านกันต่อไปนะ เจอคำผิดบอกได้จ้า คนเขียนเองก็มึนๆ เหมือนกัน สนุกกันไหมเม้นบอกกันบ้างน้า  :mew1:
 
   

ออฟไลน์ GuoJeng

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1268
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
 แอลรุกก่อนได้ไง ลันเตายังไว้ท่าอยู่เลย 555

ออฟไลน์ Readyaoi

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 212
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
พี่ลันเตาจะอำน้องทำไมเนี่ยยยย

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
ตุ๊กตาอันเดิมนั่นถั่วพูทำให้ ?

ออฟไลน์ MSeraph

  • This too shall pass
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1753
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-3
เหมือนแอลจะรุกนะ
แต่ดูดีๆคือน้องเดินตามเกมพี่ลันชัดๆอะ
อิพี่มันร้ายยยยค่ะ
มีการไม่บอก ปล่อยน้องเข้าใจผิด
กลัวน้องได้ใจแล้วเลิกตามตื้อละสิ5555
รอค่าาา

ออฟไลน์ janeta

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 155
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +74/-2
บทที่ 21
เหตุเกิดเพราะ...หมวก



[เจต]



คาเฟ่ใกล้บ้านผมเป็นตัวเลือกเดียวที่ผมกับพูเลือกมาติวกัน ตอนแรกเจ้าตัวก็อิดออดไม่ยอมมา คงเพราะยังเขินที่โดนผมฉวยจูบไป ถึงได้พยายามเลี่ยงมาตลอด ผมจึงเสนอแอลเป็นตัวล่อเพื่อให้เขายอมมา


นี่ผมจนมุมถึงขั้นต้องใช้น้องเป็นตัวล่อเลยเหรอเนี่ย แต่แอลก็เป็นคนเดียวที่ทำให้พูตอบตกลงทันที


เฮ้อ แพ้น้องอีกตามเคย


ไม่รู้ว่าเป็นโชคร้ายหรือโชคดีเพราะวันนี้แอลก็ไปเยี่ยมคุณย่าที่ต่างจังหวัด ช่วงนี้เห็นไปบ่อยจนน่าแปลกใจ ไม่ค่อยโทรหาผมเหมือนอย่างเคย ยังดีที่น้องดูมีความสุข ถ้าเป็นแบบนั้นน้องจะไม่ติดผมแล้วก็ไม่เป็นไร เพราะบางทีแอลอาจจะอยากมีชีวิตส่วนตัวบ้าง


เพราะผมเองก็กำลังมีความสุขแม้น้องไม่มา และไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องโทรบอกพูว่าแอลมาไม่ได้ สุดท้ายก็ยอมรับฟังคำโวยวายจากร่างโปร่งที่เดินเข้ามาด้วยใบหน้ายิ้มแย้มก่อนจะเปลี่ยนเป็นบึ้งตึงเมื่อคนที่เขาอยากเจอไม่มา


แต่นอกจากนั้นแล้วเราทั้งคู่ก็ไม่มีปัญหาอะไรกันอีก ผมทำหน้าที่ของพี่รหัสที่ดี คอยติวเนื้อหาในส่วนที่พูไม่เข้าใจ เจ้าตัวก็คอยถามโน่นนี่เรื่อยไปจนถึงเรื่องจดหมายที่ผมส่งหาเขาในช่วงที่ยังไม่เปิดสาย


“จนถึงตอนนี้ผมก็ยังไม่อยากเชื่อว่าพี่เป็นพี่รหัสผมว่ะ ขนมพวกนั้นพี่ห่อให้เองเหรอ” ผมพยักหน้า พอรู้ว่าน้องชอบอะไรผมก็รีบไปซุปเปอร์แล้วเหมามาหมดเลย เรียกได้ว่าช่วงนั้นงดข้าวเย็นไปหลายมื้อเหมือนกัน และแจ้ก็ชอบชวนผมไปทำงานพิเศษยกของบ้างก็เลยทำให้หุ่นผมดีไปโดยปริยาย


ตอนเช้าผมก็ชอบไปวิ่งแถวๆ ซอยบ้านพู แต่ไม่รู้ว่าเป็นหลังไหนก็เลยได้แต่วิ่งฟิตหุ่นต่อไป หวังให้โลกเหวี่ยงเรามาใกล้กัน


เพราะตามนิสัยของผมแล้ว ผมไม่กล้าเข้าหาใครก่อน คนส่วนใหญ่มักจะเข้าหาผมเสมอ มีแต่พูที่พยายามตีตัวออกห่างและทำหน้าเหม็นเบื่อทุกครั้งที่เราเดินสวนทางกัน พอผมจะเข้าใกล้ เขาก็ทำหน้าตกใจกลัวจนผมต้องเป็นฝ่ายเดินหนีไปเอง


แจ้กับแมร์มักจะบอกว่าผมคิดมาก บางทีพูอาจจะไม่ได้คิดอะไรกับผมในแง่ร้ายแบบนั้น แต่คนที่แอบมองเขาเป็นประจำย่อมสังเกตได้ดีว่าสีหน้าของเขาหมายถึงอะไร


และใบหน้านั้นก็บอกชัดเจนว่าเขาไม่ชอบผม


ถ้าก่อนหน้านี้พูไม่ได้ชอบแอล ไม่พยายามเข้ามาใกล้ชิดน้องชายผม ผมก็คงไม่มีโอกาสได้อยู่ใกล้เขาแบบนี้


เราต่างคนต่างอ่านหนังสือในวิชาที่ตนถนัด จึงไม่มีเสียงร้องถามเพราะไม่เข้าใจอีก


ผมมุ่งมั่นและตั้งใจที่จะสอบเข้าคณะแพทย์ หนังสือที่ผมอ่านตอนนี้จึงไม่ใช่เนื้อหาวิชาเรียนทั่วไป แต่เป็นแนวข้อสอบที่จำเป็นในการสอบครั้งนี้มาก เพราะอีกไม่นานก็จะสอบแล้ว แต่สมาธิของผมกลับถูกทำลายเพราะสายตาคู่หนึ่งที่จ้องมองมาตั้งแต่เมื่อห้านาทีที่แล้ว


“ทำไมต้องแอบมอง” เอ่ยถามร่างโปร่งที่รีบก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือทันที พอผมกลับมาสนใจหนังสือต่อก็รู้สึกถึงสายตาเรียวคู่นั้นจ้องมองมา เป็นแบบนี้หลายครั้งจนต้องเอ่ยถาม


“ใครมอง” พูหันซ้ายหันขวาทำทีเป็นหาคนที่มองผม ซึ่งก็มีอยู่บ้างประปราย แต่ไม่มีใครจ้องแบบเจ้าเด็กคนนี้หรอก


“ไม่ต้องไปมองหาคนอื่นหรอก พี่หมายถึงเรานั่นแหละ ทำไม หลงรักพี่เข้าแล้วล่ะสิ” หยอกสักนิดเผื่อว่าพูจะตอบรับบ้าง


แต่สุดท้ายก็ไม่พ้นถูกปฎิเสธอีกตามเคย


“จะบ้าเหรอพี่!” พูร้องลั่น รีบเขยิบเก้าอี้ออกห่างจากผม


เฮ้อ ถูกน้องปฏิเสธกี่ครั้งผมก็ไม่ชินสักที ใจมันเจ็บไปหมด ได้แต่ฝืนยิ้มให้พูเห็นว่าผมไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรกับคำพูดของเขา แต่ความจริงผมแค่พยายามหลอกตัวเองว่าถ้าพยายามต่อไปน้องอาจจะหันมาชอบกันบ้าง


“ก็เห็นอยู่ว่ามอง มองทำไมพี่อยากรู้” ผมนั่งเท้าคางมองอีกฝ่ายที่หลบตาไป


“ก็...เปล่า แค่สงสัยว่าคนหน้าตาดีอย่างพี่มาสนใจอะไรเด็กอย่างผม” พูบุ้ยปากไปยังโต๊ะที่ห่างไปไม่มาก ผมมองตามไป เห็นหญิงสาวสองคนที่นั่งโต๊ะนั้นส่งยิ้มให้เรานิดๆ “พี่ออกจะเป็นที่สนใจขนาดนี้ เปลี่ยนใจตอนนี้ยังทันนะ” พูพูดเสียงเบาในตอนท้ายแล้วก้มหน้าลงพลิกหน้ากระดาษไปเรื่อยๆ


ผมลอบยิ้ม คิดเข้าข้างตัวเองได้ไหมว่าน้องเริ่มคิดอะไรกับผมบ้างแล้ว เดาจากน้ำเสียงที่เหมือนจะไล่ผมให้ไปหาคนอื่น แต่ก็ติดอ้อนเหมือนไม่อยากให้ไป


ขอพี่ลองพิสูจน์หน่อยนะ


“อืม...หรือพี่ควรจะเปลี่ยนใจดี สาวๆ โต๊ะนั้นก็สวยใช่ย่อยนะ” 


“ไม่ได้นะ...” พูรีบยกมือปิดปากตัวเองหลังจากหลุดคำนั้นออกมา “เอ่อ...ผมไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ” พูดจบเจ้าตัวก็ลุกพรวดแล้วตรงดิ่งไปยังห้องน้ำทันที


หึ น่าจะพอมีลุ้นบ้างแล้วล่ะมั้งเรา


พูหายไปสักพักก็กลับออกมา ผมทึ่งในท่าทางเปลี่ยนกลับมาเป็นพูคนเดิมได้อย่างไม่ผิดเพี้ยน ราวกับว่าเรื่องก่อนหน้านี้ไม่ได้ส่งผลอะไรต่อความรู้สึกของเขา


“อ่านหนังสือต่อดิพี่ มองหน้าผมทำไม” น้ำเสียงราบเรียบและสายตาที่จดจ่ออยู่กับหนังสือทำเอาผมไม่กล้าพูดอะไร


ได้แต่นั่งอ่านหนังสือของตัวเองไปเงียบๆ แต่อ่านเท่าไรก็ไม่อาจซึมซับเนื้อหา แอบลอบมองอีกคนก็เห็นพูคิ้วขมวดจ้องเนื้อหาหน้าเดิมที่มีข้อความเพียงไม่กี่บรรทัดนานหลายนาที  พอแตะไหล่เบาๆ พูก็สะดุ้งก่อนจะฟุบหน้าลงบนหนังสือ


“ขอผมอยู่เงียบๆ แป๊บนึงนะ อย่าเพิ่งหยอกอะไรผมล่ะ” ผมไม่ตอบอะไรเขา ทำเพียงลูบหัวพูเบาๆ ก่อนจะผละออกเมื่อเจ้าตัวเอ่ยขึ้น น้ำเสียงฟังดูอู้อี้เพราะเจ้าตัวเอาแต่ซุกหน้าอยู่บนท่อนแขนของตัวเอง แต่ก็พอจับใจความได้


“ตอนนี้ผมยังไม่ได้ชอบพี่หรอกนะ...” พูเงียบไปนิดเหมือนชั่งใจ “ตะ..แต่ว่า...อย่าเพิ่งยอมแพ้ล่ะ”


ผมมองร่างโปร่งด้วยหัวใจลิงโลด อยากจับหน้าพูขึ้นมาจูบให้หนำใจเพราะความน่ารักของเขา ตอนที่ยอมให้จีบผมก็ดีใจมากแล้วนะ แต่พอน้องบอกไม่ให้ยอมแพ้ แรงใจที่หดหายก็มีไฟลุกพรึบพรับจนน่าตกใจ


“หมายความว่า...” ผมลากเสียง หวังให้พูบอกชัดเจนว่าเขาหมายถึงอะไร


“ไม่รู้โว้ย!” เสียงโวยวายกับหูแดงๆ ดูจะไม่เข้ากันสักเท่าไรนัก แต่เท่านี้ก็ทำให้ผมมีความสุขมากแล้ว

.
.
.
.
.
.

“พี่ไม่จำเป็นต้องมาส่งผมหรอก เดินย้อนกลับไปกลับมาทำไม เสียเวลา” คนข้างๆ บ่นแบบนี้เป็นประจำ เรียกว่าทุกครั้งที่ผมมาส่งเขาเลยก็ว่าได้


“ก็ทำจนชินแล้ว อยากมาส่งพูให้ถึงหน้าบ้าน อยากเห็นว่าพูปลอดภัยดี พี่ก็แค่ทำเพื่อความสบายใจของพี่”


“ลำบากล่ะสิไม่ว่า แดดร้อนๆ แบบนี้เดี๋ยวก็ไม่สบาย” พูเหล่มองเข้าไปในบ้าน “รอผมแป๊บนึงนะ” พูดจบเจ้าตัวก็เปิดรั้วบ้านเข้าไป ผมมองแผ่นหลังโปร่งเหมือนเช่นเคย


เมื่อก่อนนี้ทำได้แค่นั่งรถตามมาส่ง ขึ้นรถเมล์ก็พยายามหาที่ยืนเพื่อหลีกเลี่ยงสายตาจากอีกฝ่าย เพราะถ้าเขาตัวรู้ว่าผมขึ้นรถมาด้วยท่าทางเป็นธรรมชาติยามคุยหยอกล้อกับเพื่อนก็จะไม่ปรากฏ



เพราะทันทีที่เห็นผม สายตาไม่เป็นมิตรก็ส่งตรงมาให้ผมเสมอ ทั้งที่ผมก็ไม่รู้ว่าไปทำอะไรให้อีกฝ่ายไม่พอใจ จึงพยายามที่จะทำตัวล่องหนไม่ให้เป็นที่สนใจของใคร ลอบมองเขาจนกระทั่งถึงที่หมาย


พอถึงซอยบ้านพูก็มองส่งเขาเดินเข้าซอยไป ส่วนผมก็ลงป้ายหน้าแล้วนั่งรถย้อนกลับมาบ้านตัวเอง


ผมทำแบบนั้นมาห้าปี ก่อนแอลจะย้ายมาเรียนที่นี่ มีเพียงช่วงนั้นที่ผมไม่ได้มาส่งพู


“อะ” ร่างโปร่งยื่นหมวกสีดำใบสวยมาให้ ดูแล้วน่าจะมีราคาอยู่เพราะเป็นแบรนด์ชื่อดัง


ถ้าจำไม่ผิดปีที่แล้วน่าจะเป็นรุ่นเดียวกับที่แจ้ร้องโอดครวญว่าเป็นของลิมิเต็ดและมันสั่งซื้อไม่ทัน ซึ่งผมเองก็รู้จักพูดีพอ เขาไม่ใช่คนแฟชั่นจ๋าหรือร่ำรวยมากพอที่จะฟุ่มเฟือยกับหมวกใบนี้


แสดงว่ามีคนให้มา


“ของนายเหรอ”


พูพยักหน้ารับพร้อมกับอวดว่าเป็นของขวัญจากพี่ชายที่นานๆ จะซื้อของเป็นชิ้นเป็นอันให้ แต่เจ้าตัวก็ไม่ได้ใส่ใจว่าจะเป็นแบรนด์อะไรหรือมีมูลค่าเท่าไร พูดูสนใจเพียงเพราะพี่ชายซื้อให้เขา

รู้สึกหงุดหงิดแปลกๆ ทั้งๆ ที่พูพูดถึงพี่ชายของเขา


“ถ้าพี่ทำหายนายจะโกรธไหม”


“โห พูดแบบนี้ขอคืนครับ” มือเรียวกระดิกนิ้วขอหมวกคืน ผมตีมึนแล้วยื่นมือตัวเองไปจับมือเขาแทน


“มันใช่ไหมพี่เจต” พูปรายตามองมือผมที่จับมือเขาไว้ก่อนจะพยายามดึงมือออก “ปล่อยเลย”


“อ้าว นึกว่าอยากให้พี่จับมือ” ผมพูดยิ้มๆ แต่ก็ยอมปล่อยมือออก


“รักษาหมวกผมดีๆ นะพี่เจต” พูมองหมวกในมือผมตาละห้อย ดูท่าจะสำคัญต่อเขามากจริงๆ


“หวงขนาดนี้จะให้พี่ยืมทำไมล่ะ” ผมยื่นหมวกคืน “เก็บไว้เถอะ พี่ไม่เป็นไร เดินกลับแค่นี้เอง” ถ้าต้องเสียสละของรักของหวงให้ผมดูท่าจะมากเกินไป ผมไม่อยากให้น้องเสียสละอะไรให้ ผมอยากให้น้องมากกว่า


“ไม่เป็นไร ผมเชื่อว่าพี่ดูแลหมวกผมได้” พูดันหมวกคืนผม “หวงแค่ไหนผมก็ห่วงพี่มากกว่า”


ผมชะงักเมื่อได้ยินคำนั้น ร่างโปร่งเองพอรู้ตัวว่าพูดอะไรออกมาก็รีบหันหลังเปิดประตูรั้วทันที


หมับ


ผมคว้าแขนพูได้ทันก่อนที่เขาจะวิ่งเข้าบ้านไป ไม่ได้บังคับให้เขาหันมามองกันเพราะรู้ดีว่าพูคงไม่พร้อมจะมองหน้าผม


“ขอบคุณที่เป็นห่วงครับ” พูพยักหน้ารับรัวๆ ก่อนจะขืนตัวหนีเข้าบ้านไปในที่สุด


มองจนเขาผิดประตูดังปังก็หันหลังยกหมวกขึ้นสวม เดินผิวปากอย่างอารมณ์ดีไปตลอดทาง


แต่พอถึงหน้าบ้าน ก็มีหญิงสาวร่างบางคนหนึ่งยืนรออยู่ ใบหน้าชุ่มเหงื่อบอกได้ดีว่าเธอมายืนรอผมนานแล้ว


“คุณเจต...” ทันทีที่ผมเดินเข้าไปใกล้เธอก็เดินเข้ามาหาทันที


“คุณพรมีอะไรครับ” ผมทักผู้หญิงของพ่อที่มองผมด้วยใบหน้าซีดเซียว


ใช่ครับ เธอเป็นแม่เลี้ยงของผมเอง


“คุณพิศิษฐ์ไม่สบายค่ะ ตอนนี้อยู่โรงพยาบาล คุณเจตไปเยี่ยมเขาหน่อยนะคะ” เธอขอร้อง ผมเองก็ตกใจนิดนึงเมื่อรู้ข่าวว่าพ่อเข้าโรงพยาบาล ผมรีบเบือนหน้าไปทางอื่น


“ไม่จำเป็นหรอกครับ แค่มีคุณพรและเด็กๆ แค่นั้นก็เพียงพอสำหรับเขาแล้ว”


“ไม่จริงเลยนะคะ คุณพิศิษฐ์ต้องการคุณ เขาเพ้อเรียกคุณทุกครั้งที่ไข้ขึ้น เขารักคุณมากนะคะคุณเจต” ผมจงใจเมินคำว่ารักนั้น แม้จะรู้อยู่เต็มอกว่าพ่อรัก แต่เพราะความคิดเรื่องรสนิยมไม่ตรงกันปัญหาถึงบานปลายมาจนถึงวันนี้


มีแค่เรื่องเดียวที่ผมยอมพ่อไม่ได้ กว่าจะรู้ใจตัวเองผมต้องต่อสู้กับความสับสนนั้นมาหลายปี หลายปีที่พ่อโหมงานอย่างหนักและเปิดใจรับคุณพรเข้ามา หลายปีที่พ่อแค่เข้ามาหา ให้เงิน แล้วก็จากไป ไปสร้างครอบครัวใหม่ที่ผมกลายเป็นส่วนเกิน


หลายปีที่ผมต้องอยู่คนเดียวและต้องคอยสำรวจว่าตัวเองรู้สึกกับเพศเดียวกันแบบไหน ทำไมกับบางคนผมถึงขยาด แต่ทำไมกับเด็กผู้ชายคนหนึ่งผมถึงใจเต้นแรง แต่ไม่มีใครให้คำตอบผมได้


ช่วงนั้นผมอยู่กับความไม่เข้าใจ ในโรงเรียนก็เริ่มมีการแบ่งเพศอย่างชัดเจน เพื่อนที่เป็นเพศที่สามถูกแบ่งแยกและถูกมองในแง่ลบ


ส่วนผมอยู่ตรงกลางไม่รู้ว่าควรแต่งหน้าทาปากเหมือนพวกเขา หรือพูดจาหยาบคายเหมือนเพศชายทั่วไป ด้วยวัยของเด็กประถมทำให้ผมตัดสินใจเลือกเองเป็นครั้งแรก


ผมเลือกที่จะเป็นผู้ชาย แต่เป็นผู้ชายที่ไม่ได้ชอบผู้หญิง


ผมไม่รู้หรอกว่าคำจำกัดความนั้นคืออะไร จนกระทั่งโตขึ้นและได้รู้จักคำที่บ่งบอกสถานะของผม และผมไม่เคยเสียใจที่เลือกเป็นในสิ่งนี้


แม้จะต้องถูกพ่อเกลียดก็ตาม...


“คุณพรกลับไปเถอะครับ ผมไปหาเขาไม่ได้ ตราบใดที่ความชอบของผมสวนทางกับเขา เราไม่ควรเจอกันหรอก ดีไม่ดีเขาจะอาการแย่ลงกว่าเดิมอีก” ผมเดินเลี่ยงไปที่ประตู


“แล้วถ้าคุณพิศิษฐ์ยอมรับความรักของคุณได้ล่ะคะ” เธอถามต่อ ผมนิ่งไปนิด แต่ก็คิดคำตอบสำหรับคำถามนี้นานแล้ว


“ถึงตอนนั้นผมจะกลับไปหาเขาเอง” ผมบิดลูกบิดประตู กรอกตาไปมาเพื่อไล่น้ำตาที่ปริ่มอยู่


“แต่ถ้าเรื่องนั้นไม่มีวันเกิดขึ้น” ผมหันกลับไปสบตาเธอ “ผมจะไปตามทางของผมเอง”


คุณพรกลับไปหลายชั่วโมงแล้ว แต่ผมก็ยังข่มตานอนไม่ได้ ลุกขึ้นจากเตียงแล้วเดินออกไปทิ้งตัวลงบนโซฟาในห้องรับแขก หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรหาใครคนหนึ่ง เดาว่าเวลานี้อีกฝ่ายคงจะหลับไปแล้ว


“โหล...” เสียงยานคางของคนยังไม่ตื่นดีเรียกรอยยิ้มจากผม เรื่องหนักๆ ก่อนหน้านี้พลันสลายไปเพียงได้ยินเสียงจากปลายสาย


“โทรผิดเหรอวะ...อ้าว เบอร์พี่เจตนี่หว่า โทรมาทำไมวะพี่ คนจะหลับจะนอน” ผมเดาสีหน้าจากเสียงบ่นของเขาแล้วหัวเราะออกมาเบาๆ “พรุ่งนี้วันจันทร์ ถ้าตื่นสายละก็...คร่อก ฟี้”


“หึๆ หลับซะแล้ว ฝันดีครับพู” ผมกระซิบเบาๆ เพื่อไม่ให้รบกวนคนหลับ วางโทรศัพท์ที่ไม่ยอมตัดสายไว้ข้างหมอน นอนฟังเสียงลมหายใจเข้าออกเป็นจังหวะกล่อมนอนจนหลับตามอีกฝ่ายไปในที่สุด


ชีวิตนี้พี่ไม่ต้องการอะไร แค่มีนายก็พอแล้ว


[จบพาร์เจต]




Tbc.






⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀
มาเติมน้ำตาลให้คู่นี้ค่า มีดราม่านิดๆ พอกรุบกริบ ไม่ต้องห่วงค่ะไม่หนักแน่นอนเพราะเราเขียนดราม่าไม่เก่ง

สำหรับตอนนี้ พูยังไม่ได้ตกลงอะไรทั้งนั้นนะ เจ้าตัวก็พอจะรู้ตัวแล้วว่าความรู้สึกมันเปลี่ยนจากศูนย์เป็นหนึ่งแล้ว แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นที่จะเปิดใจคบกัน นี่ขนาดยังไม่ได้เป็นแฟนกันนะ  พี่เจตมีความเนียน 5555

เจอกันตอนหน้าค่ะ ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนต์ :bye2:
 


ตุ๊กตาอันเดิมนั่นถั่วพูทำให้ ?
ใช่ค่ะ น้องพูทำให้พี่ลันเตา
 

ออฟไลน์ MSeraph

  • This too shall pass
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1753
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-3
สงสารพี่เจตตตตต
มากอดปลอบบมาาา //เนียนนน

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
รอตอนต่อไปค่ะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด