☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ Sp3. [31-10-17]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ Sp3. [31-10-17]  (อ่าน 90131 ครั้ง)

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
 :hao7: :hao7: :hao7:  อีพูคลั่งตายไปละมั่ง คิดมากไปถึงไหนละ 5555

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
ทำไมกลายเป็นนิยายซับซ้อน ซ่อนเงื่อนขนาดนี้
อ๊ากกกกกกกก

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2685
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
เจตคงไม่ทำจริงนะ สงสารพู 55555

ลงเอยด้วยดีแล้วนะ กว่าจะเข้าใจกัน ก็ต้องเสียเวลาไปตั้งนาน

น้ำตาปริ่มมากเลยค่ะ พ่อลูกผูกพัน

ออฟไลน์ GuoJeng

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1268
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
เอ้า พูก็หาเจต ติดต่อไม่ได้ทั้งคืนเลย

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ peettato

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 13
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
อยากอ่านจัง มาเมื่อไหร่น้อ :katai5:

ออฟไลน์ janeta

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 155
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +74/-2
บทที่ 26.2
เหตุเกิดเพราะ...ความลับ




[ลันเตา]


จัดการเรียบร้อยแล้วครับท่านชูการ์


ผมก้มมองข้อความจากลูกน้อง พิมพ์ตอบไปสั้นๆ ก่อนจะหันกลับมาสนใจน้องชายที่ไม่ได้เจอกันมานาน พูหลับไปแล้ว เอื้อมมือเช็ดคราบน้ำตาบนใบหน้าน้องพลางลูบหัวไปด้วย


ไม่ได้เจอกันนานแค่ไหนแล้วนะ หึ ยังขี้แยเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน


นั่งมองพูอยู่สักพักก็ลุกไปจัดการเรื่องที่ต้องทำ ผมกลับห้องตัวเอง กดรหัสเซฟแล้วหยิบชิ้นส่วนโน้ตบุ๊กเครื่องเก่าออกมา ซึ่งมีรอยเลือดจากเจ้าของเดิมอยู่ แต่ก็นานเกินกว่าจะเช็ดคราบนั้นออกแล้ว พอประกอบเครื่องเสร็จผมก็ต่อสายชาร์จแล้วเปิดเครื่องพลางนึกถึงวันแรกที่เข้ามายุ่งเกี่ยวกับวงจรบ้าบอนี้


4 ปีก่อน

“ไอ้เปรม! ไอ้เชี่ยนี่แม่งแฮกเกมกู!” ผมร้องลั่นแล้ววิ่งแบกคอมไปหาเพื่อนซี้ที่นั่งอ่านหนังสือเตรียมสอบอยู่


โคตรเป็นเพื่อนที่ดีเลยกู


“มึงเป็นคนสร้างไม่ใช่เหรอวะ ใครมันแฮกของมึงได้เนี่ย” เปรมหัวเราะพลางก้มมองหน้าจอโน้ตบุ๊กของผมที่ขึ้นจอแสดงว่าโดนแฮกเต็มๆ ผมก็ใส่โค้ดสู้กับมันครับ ใครจะไปยอมไอ้ชั่วที่ไหนไม่รู้มาแย่งของๆ ตัวเองล่ะ กว่าจะสร้างเกมนี้ได้เสียเงินไปไม่ใช้น้อย มา! มาสู้กันให้รู้ดำรู้แดงกันไปเลย


แพ้ราบคาบ แพ้แบบไม่มีอะไรสู้ได้เลย แม้หน้าจอจะกลับมาเป็นแบบเดิมแล้ว แต่ตัวละครที่ผมสร้างโดนมันขโมยไปหมดแล้ว สัด อย่าให้กูรู้นะว่าใคร กูจะเอาเลือดหัวมึงออก!!!


Salt : ดี


จู่ๆ ตัวละครในเกมของผมก็ทักมา ตอนแรกนึกว่าได้คืนมาแล้ว เปล่าเลย ไอ้หัวขโมยชั่วมันส่งข้อความมาเยาะเย้ย


GU : เป็นเชี่ยอะไรของมึงถึงมาแฮกเกมกู แฮกไม่พอยังเอาตัวของกูไปอีก เลว มึงเลวมาก


Salt : โทษทีด้วยว่ะ พอดีเกมของมึงสนุกมาก เสียแต่อัพเลเวลได้ไม่กี่ระดับ มีแค่ตัวละครของมึงที่ไปต่อได้ กูก็เลยอยากขอยืมตัวของมึงมาเล่นก็เท่านั้น พอครบทุกด่านเดี๋ยวก็คืน


ผมไม่สนแล้วว่ามันจะคืนไม่คืน เพราะตอนนี้...


GU: เห้ย สนุกเหรอวะ


ช่างเรื่องบาดหมางก่อนหน้านี้ไปเลย ไอ้แฮกเกอร์ตัวฉกาจมันชอบเกมผม ขอภูมิใจแป๊บนึง แล้วก็ถามความเห็นมันเรื่องเกมที่กำลังพัฒนาอยู่ ตั้งใจไว้ว่ากูไม่เรียนแล้ว เอาเกมไปขายแล้วเที่ยวรอบโลกดีกว่า มันก็ใจดีนะ ช่วยบอกข้อดีข้อเสียของเกมให้ผมได้เอาไปปรับแก้ รวมถึงวิธีป้องกันการแฮกหากเกิดกรณีคนชั่วแบบมันเข้ามาขโมยอีก ผมกับมันเลยคุยกันยาวจนไอ้เปรมคิดว่าผมตกหลุมรักแฮกเกอร์ไปแล้ว เวรเถอะ!


จนวันหนึ่งที่เกมของผมพัฒนาไปไกลมาก ยิ่งได้คนเก่งๆ อย่างไอ้ซอลท์มาช่วยปรับให้ดีขึ้น ยิ่งเจ๋งสุดๆ ไปเลย ผมจึงไม่พลาดที่จะเอาเกมนี้ไปขายให้บริษัทเกม หวังได้เงินเยอะๆ จะได้เอาไปซื้อของขวัญให้น้องชายเพราะใกล้ถึงวันเกิดมันแล้ว


แต่เรื่องเชี่ยๆ ก็เกิดขึ้น


ผมเซ็นสัญญาเพราะคิดว่านั่นคือการซื้อขายเกมระหว่างเรา เพราะจากที่ดูท่าทีและการพูดคุยเรื่องสัญญา พวกเขาเองก็สนใจเกมของผมอยู่พอตัว แต่พอถึงวันเปิดตัวกลับโกงเกมผมไปอย่างหน้าด้านๆ


“เด็กม.ปลายอย่างนายน่ะเหรอจะได้มาทำอะไรซับซ้อนแบบนี้ หึ เป็นไปไม่ได้หรอก” ผมยืนเคว้งคว้างท่ามกลางผู้ใหญ่ที่มองมาอย่างเหยียดหยามและดูถูก ชื่นชมทีมออกแบบเกมของบริษัทที่แค่เพิ่มสัญลักษณ์บริษัทเข้าไปในเกมเท่านั้น ส่วนผมที่สร้างและพัฒนามาตลอดหลายปีกลับไม่มีความหมาย


ไม่มีแม้แต่ชื่อในเกมที่ตัวเองสร้างมากับมือ


ผมเศร้าไปเป็นเดือน เลิกแตะคอม เลิกหมดทุกสิ่งอย่างจนน้องชายแปลกใจ แต่มันก็ไม่ได้ถามอะไรผมหรอก มีแต่มาเมียงมองจนผมทนไม่ไหวจับมันมาฟัดแก้มช้ำเลยโดนแม่ด่าเปิง ไล่ไปซื้อน้ำตาลทรายหน้าปากซอย ซึ่งแม่ไม่ได้รู้เลยว่าลูกชายตัวดีอย่างผมเป็นพวกหน้าบอกบุญไม่รับ


“เห้ย! มองหน้าหาเรื่องกูเหรอ!” มาอีกล่ะพวกนักเลงหัวไม้ ผมโคตรเบื่อพวกมันเลย แดกเหล้าจนเดินเซยังคิดจะมีเรื่องกับคนอื่นอีก นี่ศิษย์คุณสมศรีนะ เตะป๊าบหนึ่งพวกมันคงนอนหยอดข้าวต้มกันหมดนี่ล่ะ


“หลีก” ผมอุตส่าห์เอ่ยเตือนด้วยความหวังดี แต่พวกมันไม่ถอย ดาหน้าเข้ามารองตีนผมกันหมด ก็เลยแจกน้ำตาลไปคนละป๊าบสองป๊าบจนน่าจะหายสร่างแล้วล่ะ


“ท่านชูการ์!” ไอ้เด็กม.ต้นสามสี่คนที่ยืนแอบมองหลังเสารีบโผล่พรวดเข้ามาพร้อมกับฉายาบ้าๆ บอๆ ของพวกมัน


“อะไรของพวกมึง ดึกแล้วกลับบ้านไปไป๊” ผมไล่พวกมันก่อนจะหันหลังเตรียมตัวกลับ ตอนแรกคิดว่าเป็นเพื่อนพู แต่ชุดนักเรียนที่เด็กพวกนั้นใส่เป็นตราโรงเรียนเดียวกับผม ซึ่งอยู่คนละโรงเรียนกับน้อง ไอ้พูมันติดเพื่อนเลยเลือกที่จะทิ้งพี่ชายผู้แสนดีไปอยู่กับไอ้เด็กบ้าเสื้อ หึ เห็นเพื่อนดีกว่าพี่


“เดี๋ยวครับ พี่เป็นไอดอลของพวกผมเลย” ไอ้สองตัวหลังพยักหน้าหงึกหงักตาม “ขอเรียกท่านชูการ์ได้ไหมครับ”


ส่งสายตาลูกหมามาแล้วกูจะทำอะไรได้วะ


“จะเรียกอะไรก็เรื่องของพวกมึงเถอะ กลับบ้านได้แล้ว พ่อแม่เป็นห่วงตายห่า” บ่นจบผมก็เดินหน้านิ่งออกมาก่อนจะหลุดยิ้ม ท่านชูการ์เหรอวะ ก้มมองถุงน้ำตาลที่แตกแล้วก็ได้แต่หน้าซีด “จะโดนแม่ก้านคอใส่ไหมวะเนี่ย” ล้วงเศษเงินในกระเป๋า นับดูแล้วน่าจะพอซื้อใหม่อีกถุงพอดี เลยเดินกลับไปซื้อน้ำตาลทรายถุงใหม่ให้แม่ กันไว้ดีกว่าแก้ครับ


“ไม่กลับพรุ่งนี้เลยล่ะลัน” แม่ยิ้มเหี้ยม ใบหน้าบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าคงเริ่มโมโหแล้ว ผมมองหาตัวช่วยอย่างพ่อหรือพู แต่สองคนนั้นไม่อยู่บริเวณนี้เลย ถึงถั่วน้องมันจะโดนแม่บ่นโน่นนี่และชมผมให้มันฟังบ่อยๆ ก็ตาม แต่ลูกรักแม่ก็คนโน้นล่ะ ทำอาหารและงานบ้านเป็นทุกอย่าง ส่วนผมน่ะเหรอ


“วันนี้เรามาซ้อมกันสักหน่อยไหมคะลูกลัน” เสียงกรอบแกรบของนิ้วที่แม่หักเล่นทำผมใจฝ่อ


ทำไมกูต้องเกิดมาหัวไวเรื่องชกต่อยด้วยวะเนี่ย


แม้เข้ามาล็อคคอผมแล้วพาเดินไปอีกทาง เฮ้อเป็นกระสอบทรายอีกแล้วสิเนี่ย
.
.
.

หลายวันผ่านไป ผมกลับมาเล่นเกมแก้เซ็งอีกครั้งเพราะน้องชายไปค่ายลูกเสือ จึงได้รับข้อความจากซอลท์ มันถามว่าทำไมผมไม่ออนเลย ผมจึงเล่าเรื่องให้มันฟัง พอรู้มันก็โวยวายก่อนจะหายตัวไปหลายสัปดาห์ กลับมาอีกครั้งก็ทำผมอึ้งจนพูดไม่ออก


 มันแฮกข้อมูลของทุกคนที่เล่นเกมที่ผมสร้าง แล้วขู่ว่าถ้าไม่ส่งเงินให้มันก็จะเผยแพร่ข้อมูลลับเหล่านั้น บริษัทเกมเดือดร้อนอย่างมากเพราะไม่รู้จะกู้คืนข้อมูลอย่างไร ซอลท์ปิดทุกเส้นทาง จนสุดท้ายมันก็เปลี่ยนคำขู่ให้เลิกซื้อเกมบริษัทนั้นเพื่อคืนข้อมูลแก่ทุกคนทั้งหมด


ทุกอย่างดูเหมือนจะจบสวยงามหากไม่ใช่เพราะมันก็อปปี้ข้อมูลลับของใครบางคนเข้า


ซอลท์แฮกข้อมูลขนส่งอาวุธที่มีไอ้โง่คนหนึ่งใช้คอมฯบริษัทลงเกมพอดี มันเลยได้ข้อมูลนั้นมา แต่ซอลท์ก็ไม่เปิดเผยว่าเป็นของใคร บอกแค่ว่าได้ข้อมูลสำคัญมา ก่อนเจ้าตัวจะหายไปและไม่ตอบผมอีกเลย


แต่วันหนึ่งผมก็ได้รับข้อความจากซอลท์ว่ามันกำลังถูกล่า เลยต้องหนีมาอยู่กับป้า ซึ่งก็ไม่ได้สนใจมันมากนัก แต่ตอนนี้กำลังเข้ากันได้ดีกับเพื่อนใหม่ พอได้รู้ผมก็ยินดีกับมัน เพราะเท่าที่คุยกันซอลท์ไม่เคยมีเพื่อนคนอื่นนอกจากผม ดีใจที่มันออกไปหาเพื่อนที่เป็นคนจริงๆ มากกว่าเพื่อนในโลกไซเบอร์ แม้จะเหงานิดหน่อย แต่ได้แกล้งน้องชายทุกวันชีวิตผมก็มีความสุขดี พอโทรไปบอกมันว่าจะเข้าครัว พูก็รีบแจ้นกลับมาบ้านทันที สีหน้าตื่นตระหนกของน้องทำผมหัวเราะได้เสมอ


แต่เริ่มจะหัวเราะไม่ออกตอนที่ได้รับข้อความจากเพื่อนแฮกเกอร์


ซอลท์นะ กูมีเวลาไม่มาก มาเจอกันที่...


ผมจับน้องมาฟัดแก้มก่อนจะเดินหน้ามึนหนีออกมาไม่ทันให้มันได้โวยวายอะไร รีบไปตามนัดเพราะคิดว่าคงเป็นเรื่องสำคัญ


เอี๊ยด...โครม


เสียงรถชนดึงความสนใจของผมไปทันที ร่างเล็กที่ขับมอเตอร์ไซค์นอนนิ่งอยู่บนพื้น ผมรีบวิ่งเข้าไปยังจุดเกิดเหตุ บอกไทยมุงให้แหวกทางแล้วโทรเรียกรถพยาบาล ภาวนาให้สิ่งที่คิดไว้ไม่ใช่ความจริง


“ไอ้เกลือ...” ผมเรียกชื่อเพื่อนสนิทน้องชายเสียเบา เด็กชายที่เข้ามาเที่ยวหาที่บ้านบ่อยๆ ตลอดหนึ่งปี เพื่อนพูคนเดียวที่ยกมือไหว้ผมพร้อมส่งลักยิ้มเล็กๆ ข้างแก้มมาให้เสมอ


“พี่..ลัน” เกลือมันคงเจ็บมาก สีหน้ามันบิดเบี้ยวดูไม่ได้เลย “ผะ...ผมฝากพี่เก็บนั่นให้ผมหน่อย” มันชี้ไปยังกระเป๋าเป้ซึ่งอยู่ห่างไปไม่มาก ผมวาดมืดไปหยิบมาอย่างรวดเร็วแล้วตั้งใจจะรูดซิบเปิด


“อย่า...พี่ห้ามเปิดมันเด็ดขาด”


“ทำไมวะ หวงเชี่ยอะไรนักหนา”


“เก็บไว้ให้ชูการ์...เขาจะมารับมันไป” ผมชะงักมือที่จับมือมันไว้


อะไรนะ ชูการ์? ฉายาบ้าๆ นั่นมันกูไม่ใช่เหรอ


“มึง...ซอลท์เหรอวะ”


“มึง...ชูการ์เหรอวะ”


“สัด กูรุ่นพี่มึงไหม จะตายห่าอยู่แล้วใช้คำให้มันดีๆ หน่อย”


“หึๆ ดีใจที่ได้เจอว่ะ ใกล้ตัวชิบหาย ซี๊ด เจ็บว่ะ” เลือดบนหัวมันยังไหลไม่หยุด ผมเร่งกวาดตามองหารถโรงพยาบาลซึ่งยังไม่มีแม้แต่วี่แวว ส่วนไอ้คนที่ขับรถชนไอ้เกลือแม่งยืนพิงรถยนต์กดโทรศัพท์ยิกๆ มึงยังเป็นคนอยู่ไหมวะ


“เห้ย มึงอะ! พาน้องกูไปโรงพยาบาลด่วนเลย! ชนแล้วก็รับผิดชอบสิวะ” มันกลอกตาไปมาแล้วหันหลังเมินพวกผม ชาวบ้านก็ก่นด่ามัน แต่ก็ไม่มีแม้แต่รถสักคันที่จะมีน้ำใจพาไอ้ซอลท์ไปโรงพยาบาล จนกระทั่งรถโรงพยาบาลมาถึง บุรุษพยาบาลช่วยทำแผลให้มันเบื้องต้น แต่ก่อนจะถูกนำตัวขึ้นรถมันก็ดึงผมให้โน้มตัวเข้าไปใกล้เพื่อกระซิบบอก


“สามปีต่อจากนี้ วันเกิดพู พาสเวิร์สกูอยู่ที่มัน” เกลือส่งยิ้มเศร้ามาให้ ปฏิเสธที่จะให้ตามไป ซึ่งผมก็รู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีเลยรีบกวักเรียกแท็กซี่ตามรถโรงพยาบาลไป สิ่งที่ผมสังเกตเห็นเป็นอย่างแรกคือชื่อโรงพยาบาล ถึงจะเขียนเหมือนกัน แต่สีและฟอนต์ตัวอักษรไม่เหมือนกันเลย รวมถึงไม่มีป้ายทะเบียนรถด้วย


“ไอ้หนุ่ม จะให้ลุงตามไปถึงไหนเนี่ย จะออกนอกเมืองแล้วนะ”


“ตามไปเหอะลุง เงินผมมีจ่าย” สิ้นคำผม ลุงก็ไม่ถามอะไรอีก ขับตามไปเงียบๆ จนกระทั่งรถคันนั้นเริ่มส่ายไปส่ายมาก่อนจะพุ่งชนเสาไฟฟ้า


เอี๊ยด


ผมรีบลงจากรถจังหวะเดียวกับที่เกลือเปิดหลังรถออกมาพอดี ใบหน้าของมันเต็มไปด้วยบาดแผลแต่ก็ยังยิ้มร่าเข้ามาหาผมช้าๆ ผมวิ่งไปรับร่างมันไว้ก่อนจะล้มลง ประคองมันกลับมาหาลุงคนขับแท็กซี่เร่งให้พาเราไปยังโรงพยาบาล ลุงแกอิดออดนิดหน่อยเพราะร่างกายของเกลือเต็มไปด้วยบาดแผลและคราบเลือด แต่เพราะผมยังไม่จ่ายเงินเลยต่อรองจ่ายเป็นสองเท่าก่อนที่ไอ้เกลือจะซี้แหงแก๋ไปก่อน


ลุงพาเรามายังโรงพยาบาลเล็กๆ ที่อยู่ไม่ไกลมากนัก ผมส่งตัวไอ้เกลือให้บุรุษพยาบาลพาไปยังห้องฉุกเฉิน ระหว่างนั้นก็มีรถหรูเข้ามาจอดเทียบ อ้างตัวว่าเป็นพี่ชายเกลือ ชื่อว่าธร ผมยกแขนกางกั้นไม่ยอมให้เขาผ่านเข้าไป แม้ใบหน้าจะคล้ายคลึงกัน แต่ใครจะไปรู้ คนๆ นี้อาจเป็นเจ้าของความลับที่ไอ้เกลือขโมยมาก็ได้ ยิ่งมีพรรคพวกชุดดำติดสอยห้อยตามมายิ่งไม่น่าไว้ใจ


ไม่นานนักพยาบาลก็วิ่งออกมาขอกรุ๊ปเลือดด่วน เพราะโรงพยาบาลมีไม่พอ ผมซึ่งกรุ๊ปเลือดไม่ตรงเลยช่วยอะไรมันไม่ได้ ขณะที่ร่างสูงใหญ่เข้าไปให้เลือดอย่างง่ายดาย รวมถึงอนุญาตให้ไอ้เกลือผ่าตัดได้ทันทีเพราะสิทธิความเป็นญาติ


คุณธรนั่งข้างผม พลางเล่าถึงไอ้เกลือที่ก่อเรื่องจนพ่อไล่มันออกจากบ้าน ไอ้เด็กโง่นั่นก็ไปหาห้องเช่าอยู่ หาเงินจากการแฮกข้อมูลลับแล้วจ่ายเงินจ้างคนเร่ร่อนมาสวมบทป้าเพื่อให้มันได้เข้าเรียน ส่วนเอกสารทั้งหมดมันก็ปลอมแปลงเองทั้งนั้น ครอบครัวจึงหาตัวมันได้ยากเพราะเล่นเปลี่ยนชื่อแส้ใหม่หมด เพิ่งมาเจอตัวมันเพราะข่มขู่เรียกเงินนั่นล่ะ ซึ่งคนที่มันไปแหยมก็เป็นมาเฟียตัวเอ้เหมือนกัน ฝ่ายนั้นก็เลยไล่ล่ามัน พ่อกับพี่ชายมันก็พยายามขัดขวางให้อยู่


แต่ก็ช้าเกินไป พวกเขาคิดไม่ถึงว่าฝ่ายนั้นจะเล่นแรงถึงขั้นเอาชีวิตกัน จึงพยายามจะเจรจาต่อรองเพื่อคืนข้อมูลเหล่านั้นจะได้ไม่ต้องไล่ล่ากันอีก


“นายรู้อะไรบ้าง” ผมส่ายหน้า นอกจากเรื่องที่มันบอกไว้ผมก็ไม่รู้อะไรอีกเลย ถึงสัญชาตญาณจะบอกว่าคุณธรไว้ใจได้ แต่ผมก็ยังไม่บอกเรื่องนั้นอยู่ดี


พอหมอออกมาจากห้องพยาบาล บอกว่าไอ้เกลือพ้นขีดอันตรายแล้วผมก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก คุณธรเองก็ดูผ่อนคลายลง ต่อสายหาพ่อของเขาแล้วว่าน้องชายปลอดภัยดี ผมจึงขอตัวกลับ แต่คุณธรรั้งตัวผมไว้ ขอให้เก็บเรื่องที่เกลือยังมีชีวิตอยู่ไว้เป็นความลับ ที่เหลือเขาจะจัดการเอง ผมให้สัญญาแล้วแลกเบอร์ติดต่อกับเขาก่อนที่เราจะแยกกัน


ผมกลับมาเจอพูนั่งร้องไห้ก็รีบเข้าไปปลอบ แม้จะทรมานที่เห็นน้องร้องไห้ แต่ก็คงดีกว่าให้เพื่อนของมันตายไปจริงๆ เอาไว้เรื่องเงียบผมค่อยบอกความจริงมัน


แต่ความจริงนั้นไม่เคยได้บอก


ผ่านไป 1 ปี ผมก็ถูกเรียกตัวเพราะเกมที่เคยสร้างขึ้น นักธุรกิจหน้าใหม่คนหนึ่งสนใจผลงานของผมจึงขอเซ็นสัญญาเพื่อพัฒนาเกมใหม่ๆ ผมเข็ดจากครั้งก่อนจึงไม่อยากเซ็นสัญญาบ้าบออะไรพวกนี้อีก แต่เขาก็ยื่นข้อเสนอแสนยั่วใจ ให้อาคารหลังหนึ่งให้ผมพัฒนาเกมได้อย่างไม่จำกัด และยังอยู่ใกล้มหาวิทยาลัยชื่อดังที่ผมตั้งใจจะเรียนต่อพอดี ไหนๆ ผมก็ใกล้จะเรียนจบแล้วก็เลยตอบตกลงไป


แต่สัญญานั้นก็ทำร้ายผมอีกครั้ง สัญญาทาสรั้งผมไว้กับการสืบหาข้อมูลที่หายไปเพราะเกมที่ผมเคยสร้าง รู้ดีว่าคนที่ขโมยไปคือเกลือ แต่ตอนนี้กลับโทษไอ้เด็กนั่นไม่ได้เพราะมันความจำเสื่อม ไม่ว่าใครก็ไม่อาจล้วงความลับจากเกลือได้ และพี่ชายมันก็ช่างแสนดี จับน้องชายทำศัลยกรรมก่อนที่มันจะฟื้น เป็นอันว่าเกลือคนเก่าได้ตายจากโลกนี้ไปแล้วจริงๆ เหลือเพียงไอ้เด็กโง่ๆ คนหนึ่ง ซึ่งผมก็เพิ่งแวะเวียนเข้าไปหาเพื่อถามมันว่ารหัสคืออะไร มันก็ทำหน้าโง่ไม่รู้เรื่องอะไรจนผมหงุดหงิด สุดท้ายก็ระเห็จกลับมาหาคำตอบที่บ้านตัวเอง เดาว่าตอนเช้าเกลือมันอาจจะส่งแฟรชไดร์ใส่กล่องมาให้พู และผมจะได้รู้รหัสผ่านสักที แต่ความจริงที่เกิดขึ้นอยู่ใกล้ตัวมาตลอด ซึ่งผมไม่เคยเอะใจเลยเพราะพูมันหวงโน้ตบุ๊กมาก การที่เกลือจะฝังบางอย่างไว้จึงไม่อยู่ในความคิดของผม


หน้าจอแสดงผลยังคงเป็นโน้ตบุ๊กทั่วไป แต่ความลับที่ซ่อนไว้ต้องเข้าด้วยรหัสลับ ผมกรอกตัวเลขตามที่เกลือบอกพู ไม่นานหน้าจอแสดงผลก็เปลี่ยนไป ผมนั่งอ่านทุกสิ่งที่เกลือทิ้งไว้ ทบทวนกับตัวเองในใจก่อนจะส่งข้อมูลทั้งหมดไปยังที่ต่างๆ ตามความต้องการของเกลือ






TBC.









⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀
สวัสดีครึ่งหลังจ้า...เกลือยังอยู่อิอิ

ช่วงนี้งานเราค่อนข้างเครียดและหนักพอสมควร หากเขียนไม่สนุกก็ขออภัยด้วยนะคะ เห็นมีคนรอเลยเร่งเคลียร์งานแล้วมาเขียนก่อน นี่ก็จะกลับไปทำงานต่อแล้วค่ะ 5555

ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นที่ติดตามกัน เจอกันตอนหน้าค่ะ สนุกไหมเม้นบอกกันบ้างน้า...

ตอนหน้าเจอเจตพูมาแน่ แต่มาแบบไหนนั้นโปรดติดตาม!!!!

ปล. สอบถามว่ามีใครอยากอ่านคู่เกลือไหม ถ้าไม่เราจะเบนเข็มให้จบในเรื่องนี้ แต่ถ้ามีคนอยากอ่านเราจะเปิดอีกเรื่องจ้า


ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
Thanks krab!

 :pig4:

ออฟไลน์ cchompoo

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-4

ออฟไลน์ peettato

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 13
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
นี่มันโคนันรึเปล่าเนี่ย  :m20: สู้ๆคุนนักเขียน รออ่านต่อไป

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ GuoJeng

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1268
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
อดีตของลันเตา แล้วเจตกับพูจะเจอกันมั้ย
รออ่านตอนต่อไป

ออฟไลน์ MSeraph

  • This too shall pass
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1753
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-3
เจตพูมาแต่ แต่คนอ่านเนี่ยกว่ามาม่าค่าา
เห็นสภาพพูแล้วพี่เจตที่ไม่รู้อะไรเลยน่าจะโดนนอยู่
เกลือยังไม่ตายจริงๆด้วยย
แต่ศัลยกรรมใหม่แถมปอดบังงี้ก้สงสารแบงค์อยู่ดี

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2685
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
ลึกลับซับซ้อนไปอีก แล้วเกลือยังอยู่ไหม
สงสารพู น้องเสียใจซ้ำๆ

แล้วพี่ถั่วไปเกี่ยวอะไรอีก ยังทำอะไรอีก แล้วที่มีความลับแบบนี้ พี่ถั่วทำอะไรอยู่

รอความจริงจากพี่ถั่วนะคะ


ออฟไลน์ janeta

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 155
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +74/-2
บทที่ 27
เหตุเกิดเพราะ...พบกัน




“พี่ลัน ผมไม่ว่าง” ผมโอดครวญทันทีที่พี่ชายรั้งตัวไว้ไม่ให้ก้าวออกจากบ้าน มือแกร่งฉุดผมกลับเข้าไปด้านในแล้วจับไหล่ผมให้นั่งลงบนโซฟา เงยหน้ามองพี่ลันที่หายวับเข้าไปในครัวก็เกิดสังหรณ์ใจไม่ดีเลยรีบตามเข้าไป ก่อนจะได้กลิ่นหอมฉุยของเครื่องเทศส่งกลิ่นมาจากหม้อใบหนึ่ง


“อะไรอะพี่ลัน” ผมชะโงกหน้าเข้าไปดู พี่ลันตักเนื้อแกงใส่ถ้วยแล้วยื่นมาให้ผม มองมันฝรั่งและอกไก่ชิ้นโตก็เข้าใจ “มัสมั่นเหรอ” กลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์ชวนน้ำลายสอทำเอาผมต้องมองหาข้าวเพื่อกินคู่กัน


“ตักไปให้แล้ว เดินมาไม่เห็นข้าวบนโต๊ะรึไง” พี่ลันบ่นนิดหน่อยก่อนจะหยิบเหยือกน้ำส้มคั้นนำผมออกจากครัว


“พี่ทำเหรอ” ใจหนึ่งก็ไม่อยากเชื่อ แต่เห็นอุปกรณ์และวัตถุดิบในครัวยังไม่ถูกเก็บทิ้ง เลยเดาไว้ก่อนว่ากับข้าวมื้อนี้พี่ชายเป็นคนทำ แม้จะเป็นสิ่งที่เป็นไปได้ยากก็ตาม


“เออ ทำเอง ทำไม กลัวท้องเสีย?” พี่ลันหรี่ตาเหมือนรู้ทันว่าผมคิดอะไร ก็ไม่แปลกนี่ครับ พี่ลันเคยเข้าครัวที่ไหน จู่ๆ มาทำอาหารให้กินอย่างนี้ก็ต้องระแวงเป็นธรรมดา


ถั่วพี่อาจจะอยากใช้ผมเป็นหนูทดลองก็ได้


“ก็พี่เคยทำอาหารที่ไหนล่ะ” พูดไปผมก็ตักแกงเข้าปาก รสชาติกลมกล่อมเคล้ากลิ่นเครื่องเทศเป็นสิ่งแรกที่ผมรู้สึกได้ ชวนให้ตักกินอีกเรื่อยๆ กว่าจะรู้ตัวก็กินข้าวหมดจานแล้ว


“หึ” พี่ลันส่งเสียงในลำคอก่อนจะยกน้ำขึ้นดื่ม ข้าวในจานพี่ลันเองก็พร่องไปเกือบครึ่ง


“อร่อยว่ะพี่ลัน อร่อยกว่าที่พูกับพ่อทำอีก นี่แอบไปเรียนกับสาวที่ไหนมาคร้าบบบบ” ผมกระแซะพี่ก่อนจะโดนรวบไปฟัดแก้มซ้ายขวาเหมือนที่เคย “โว้ย นี่ก็ชอบจังฟัดแก้มน้องเนี่ย พูโตแล้วนะเฟ้ย!”


“โตยังไงมึงก็เป็นน้องกูอยู่ดี”


ฟอด


กว่าผมจะดิ้นหลุดจากพี่ชายตัวโตก็นานหลายนาที พี่ลันสั่งให้ผมเก็บล้างจานแล้วก็เก็บกวาดครัวให้เรียบร้อยเพราะเขาทำอาหารแล้ว หน้าที่เก็บล้างจึงเป็นของผมแทน ผมเลยต้องก้มหน้าก้มตาจัดการไป ขณะที่พี่ชายขึ้นห้องไปอาบน้ำตัวหอมฉุยกลับลงมาพอดี


“วันนี้ไปห้างด้วยกันนะ”


“เห้ย พูบอกแล้วไงว่าไม่ว่าง มีธุระ” ต้องไปดักพี่เจตก่อนครับ ไม่รู้จะงอนอะไรนักหนา ตอนนี้ยังไม่เปิดเครื่องเลย


“รึมึงไม่อยากได้แผ่นเกมแล้ว” พี่ลันกอดอกเลิกคิ้วถาม ผมส่ายหน้า วินาทีนี้ของ้อว่าที่แฟนก่อนครับ เรื่องเกมไว้อ้อนถั่วพี่ซื้อให้ทีหลัง


“ไว้วันหลังนะพี่ลัน ธุระสำคัญจริงๆ”


“บุฟเฟ่ต์เค้กก็ไม่สน?”


เชี่ย ทำไมถัวพี่ทำกับกูแบบนี้


ผมหายใจเข้าลึกๆ พยายามลบภาพครีมสดบนหน้าเค้กชวนให้ลิ้มลอง ไม่ได้ กูจะมาพ่ายแพ้ตอนนี้ไม่ได้


“ว้า แย่จัง เห็นเป็นร้านเปิดใหม่ชื่อดังจากญี่ปุ่นซะด้วย พรุ่งนี้ก็กลับแล้วคงไม่ได้พาน้องชายไปกินแล้วล่ะ”


ว่าไงนะ!


“ถั่วพี่จะกลับพรุ่งนี้จริงดิ” เรื่องของหลอกล่อช่างมันครับ ประเด็นคือพี่ชายจะกลับแล้วนี่สิ ผมรีบเข้าไปเกาะแขนพี่ไว้ทันที


“เออ กูกลับพรุ่งนี้ครับถั่วน้อง จะแดกไหม กูให้โอกาสวันนี้วันเดียว”


“อยู่อีกสองสามวันไม่ได้เหรอ มหาลัยน่าจะปิดเทอมแล้วนี่” ถูหน้าไปกับไหล่พี่ชาย จำได้ว่าทำแบบนี้แล้วมันจะใจอ่อน แต่พี่ลันกอดอก ปรายตามองผมอย่างคนเหนือกว่า


“กูก็มีธุระไหมล่ะ เลือกเอาระหว่างธุระของมึงกับพี่ชายคนนี้ มึงจะเลือกอะไร” ถั่วพี่ยื่นคำขาดได้ทำร้ายจิตใจผมมากครับ แล้วคิดดูสิว่าผมจะเลือกอะไร


“ไปกับพี่ลันก็ได้” ผมตอบเสียงอ่อย ได้แต่ขอโทษพี่เจตในใจ หวังว่าเขาจะไม่โกรธผมมากนักที่ไปหาเขาช้านิดหน่อย เพราะพี่ลันเองก็ไม่ได้กลับมาบ่อย โอกาสเจอกันน้อยกว่ามากผมถึงต้องไปกับพี่ชาย


แค่แป๊บเดียวนะพี่เจต รอผมอีกแป๊บเดียวเอง


.............................................
.........................................................................


แป๊บเดียวที่ไหนล่ะ พี่ชายผมเล่นพาเข้าร้านนู้นออกร้านนี้เป็นว่าเล่น ไหนจะชวนไปดูหนังอินดี้อีก เรียกได้ว่าใช้เวลาคุ้มทุกหยาดหยดจริงๆ ครับ


“มือถือมึงล่ะพู” พี่ลันแบมือของโทรศัพท์จากผมเมื่อเราเดินออกจากโรงหนังแล้ว


“แล้วไอ้เครื่อง2Gของพี่ล่ะ”


“หมดยุคแล้วไหมล่ะ อีกอย่างรุ่นที่กูใช้ก็3Gโว้ย มีกล้องด้วยนะมึงอย่าดูถูก”


“เออ เพื่อนผมก็เพิ่งใช้เหมือนกัน ช่วงนี้เขาฮิตใช้โทรศัพท์รุ่นเก่ากันเหรอ” ผมถามพลางล้วงหาโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกง แต่ตบเท่าไหร่ก็ไม่พบ “พี่ลัน! โทรศัพท์ผมหายว่ะ”


“หายที่ไหนล่ะ ก็กูเห็นมึงวางไว้บนโต๊ะในห้องนั่งเล่น” ถั่วพี่พูดหน้าตาย


“อ่าว! แล้วทำไมไม่บอก” ผมขยี้หัวตัวเองอย่างหงุดหงิด ถ้าพี่เจตเปิดเครื่องแล้วโทรหาผมล่ะ โอ้ย ไม่อยากจะคิดเลย คงโกรธผมมากว่าเดิมแน่ๆ


“เอาน่า มากับป๋ามือถือไม่สำคัญ” พี่ลันยกแขนพาดไหล่ผมแล้วพาเดินต่อ เข้าร้านเสื้อผ้าแบรนด์ดังที่เห็นป้ายราคาแล้วอยากถามว่านี่เสื้อฝังเพชรหรือเปล่า พี่ลันก็จับชุดโน้นชุดนี้มาทาบตัวผม สั่งให้เข้าไปลองในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วใส่มาให้เขาดู บางชุดก็ไม่เข้าตาจนต้องสั่งเปลี่ยนอย่างไว บางชุดก็ดูดีเกินหนังหน้าผมไปอีก สุดท้ายก็เลยได้มาแค่สองชุดที่ราคาไม่น่ารักเลย


“พี่ลัน มันแพงอะ พูไม่เอานะ” ผมรีบส่งเสื้อผ้าคืนพนักงานขายแล้วลากพี่ชายออกมา


“กูจะซื้อให้มึง เงินกู กูจะเปย์น้องมีอะไรไหม” ผมถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายกับความป๋าของพี่ลัน คือเป็นอย่างนี้มาตังแต่เริ่มไปมหาวิทยาลัยใหม่ๆ แล้วครับ ไม่รู้ถั่วพี่มันไปลักลอบส่งยาหรือเป็นบอร์ดิการ์ดให้พวกมาเฟียรึไงถึงได้มีเงินส่งกลับมาบ้าทั้งที่ยังเรียนไม่จบ และแม้ตัวไม่อยู่ของขวัญก็ถูกกส่งมาทุกเทศกาลไม่ขาดสาย เรียกได้ว่าถ้าไม่ใช่พี่น้องกันผมคงคิดว่าได้เสี่ยเลี้ยงแน่ๆ


“พูรู้ว่าเงินพี่ แต่มันแพงไง ถ้าอยากซื้ออะพูมีร้านประจำ ราคาน่าคบ นะพี่ลันนะ ร้านนี้มันแพงไป”


“เฮ้อ กูไม่น่าสอนให้มึงรู้จักคุณค่าของเงินเลย” ถั่วพี่ยกมือนวดขมับ “เออๆ ไปร้านที่มึงชอบก็ได้ อยากได้ตัวไหนมึงเลือกมาเลยนะ ไม่ต้องมาเกรงใจ”


“คร้าบบบบบบ ถั่วพี่สุดหล่อของน้อง” ผมยิ้มกว้างเมื่อพี่ชายยอมลงให้


“หึๆ มึงนี่มันน่ารักจริงๆ” พูดจบ พี่ลันก็โน้มตัวลงมา ยื่นมือสองข้างจับแก้มผมก่อนจะยื่นหน้าเข้ามาจุ๊บที่ริมฝีปากผมเหมือนตอนที่เรายังเด็กๆ


“พี่ลัน!” ผมร้องลั่นด้วยใบหน้าแดงก่ำ นี่ถั่วพี่มันจะไม่แคร์เลยหรือไงว่าเราอยู่ในห้างที่มีประชาการอยู่เต็มไปหมด กูก็อายเป็นนะโว้ย


“มึง!” ชั่ววินาทีนั้นหมัดข้างหนึ่งถูกปล่อยมาโดยที่ไม่มีใครทันตั้งตัว แต่ถั่วพี่ของผมกลับหลบได้เพียงแค่เบี่ยงตัวเล็กน้อย แขนข้างหนึ่งคว้าตัวผมให้หลบอยู่ข้างกาย


หมับ


“หึ กระจอก” ถั่วพี่จับแขนของใครคนนั้นไว้ ขณะที่ผมได้แต่ยืนอึ้งเมื่อเห็นว่าคนปล่อยหมัดประทุษร้ายพี่ชายเป็นใคร


“พี่เจต...” ผมมองใบหน้าโกรธจัดของพี่เจตอย่างไม่เข้าใจ สายตาของเขาจ้องมองพี่ลันเหมือนคนที่พร้อมปะทะตลอดเวลา


“พี่ลัน...” น้ำเสียงแผ่วเบาดังมาจากคนตัวเล็กข้างกายพี่เจต แอลมองอ้อมแขนที่โอบกอดผมไว้ด้วยใบหน้าซีดๆ ก่อนจะพยายามดึงพี่เจตออกห่างจากเรา “เจต...ไปเถอะ”


“พู มากับพี่” พี่เจตยื่นมือมาหาผม แววตาของเขาอ่อนลงก่อนจะกลับไปคมกริบอีกครั้งเมื่อพี่ลั้นรั้งผมไว้


“พูมากับกู ก็จะกลับกับกู” พี่ลันแสยะยิ้มร้าย กระชับอ้อมแขนไว้ไม่ให้ผมหลุดไปได้


“พูเป็นของกู มึงไม่มีสิทธิ์” พี่เจตพุ่งเข้ามาจับดึงผมออกจากพี่ลัน แต่ถั่วพี่ก็ไหวตัวทันดันผมไปไว้ข้างหลังไม่ให้พี่เจตแตะตัวได้


“พูไม่ใช่ของๆ มึง มันไม่ใช่สิ่งของ มันมีชีวิตจิตใจของมันเอง”


“งั้นมึงก็ให้พูเลือกสิ”


“หึ ไอ้พู เลือกมาว่ามึงจะไปกับไอ้นี่แล้วไม่เจอกูอีก หรือจะกลับไปกับกูตอนนี้เดี๋ยวนี้” พี่ลันยื่นคำขาดให้ผมเลือก จะมาบ้าอะไรตอนนี้ครับถั่วพี่ ยังไงผมก็ต้องง้อพี่เจตก่อนไหมล่ะ เที่ยวเล่นกับพี่มาทั้งวันแล้วด้วย


“ผม...”


“เลือกให้ดีนะพู กูมีเวลาไม่มาก” พี่ลันจ้องตาให้ผมตอบตกลงกลับไปกับเขาแต่โดยดี ขณะที่พี่เจตไม่พูดอะไรสักคำนอกจากค่อยๆ ชักมือกลับไป วินาทีนั้นทำให้ผมกลับขึ้นมาจับใจ


กลัว...ว่าจะเสียพี่เจตไป


“พี่ลัน ผมขอโทษว่ะ” ผมเลือกที่จะจับมือพี่เจต มองแววตาของเขาที่กลับมามีความหวังอีกครั้ง บีบกระชับมือผมก่อนดึงมาอยู่ข้างตัวเอง


“หึ กูรู้อยู่แล้วล่ะ” พี่ลันแค่นยิ้มก่อนจะหันไปจ้องตาพี่เจตแล้วพูดด้วยเสียงนิ่งๆ “กูยังไม่ยอมรับหรอกนะ ข้างกายพูไม่ใช่ที่สำหรับคนที่มีดีแค่นี้หรอก” พูดจบถั่วพี่ก็เดินหันหลังจากไป โดยที่คนตัวเล็กก็เดินตามไปด้วย หันมาบอกพี่เจตว่าจะกลับเอง ก่อนจะส่งสายตาอ่านยากมาให้ผม ลึกๆ ในแววตานั้นเหมือนจะเศร้าลงอย่างไรบอกไม่ถูก


แอลมีเรื่องเครียดอะไรหรือเปล่านะ


“เรามีเรื่องต้องคุยกัน” พี่เจตพูดเท่านั้นก็จะพาผมเดินออกจากห้าง มายังสวนสาธารณะด้านหน้าที่มีบริเวณกว้างขวางและน้ำพุเย็นชื่นใจ เรานั่งอยู่ในร่มไม้ใหญ่ใต้เงาแดด ลมพัดเย็นสบาย


เอ่อ นี่คงไม่ใช่เวลามาชื่นชมบรรยากาศสินะ


“พู” พี่เจตเอ่ยทำลายความเงียบ “พี่ขอโทษนะ”


“ห้ะ” คนที่ควรขอโทษมันต้องเป็นผมไม่ใช่เหรอ


“ก็...เห็นพูโทรมาตั้งแต่เมื่อวาน พอดีโทรศัพท์พี่แบตเสียน่ะ เลยเพิ่งเอามาเปลี่ยนที่นี่ นี่ตั้งใจว่าจะไปหาพูที่บ้านอีกรอบเลยนะ”


“เดี๋ยวนะ อีกรอบ หมายความว่าไง พี่เจตไปหาผมมาเหรอ”


“อื้อ เพิ่งไปมาเมื่อเช้า แต่เราไม่อยู่ พี่ก็ไม่รู้จะไปตามหาที่ไหน คิดได้แค่ว่าต้องรีบไปซื้อแบตใหม่ก่อนเผื่อพูโทรมา คิดไม่ถึงว่าจะเจอพูที่นี่ แถมอยู่กับ...” ร่างสูงเงียบไปพร้อมกับใบหน้าที่เรียบตึง “มัน”


“’มัน’ พี่ลันน่ะเหรอ นี่พี่สองคนไปมีเรื่องอะไรกันมาวะ ทำไมต้องโกรธขนาดนั้น”


“มันซ้อมเด็กโรงเรียนเรา”


“เห้ย! พี่ลันอะนะ เป็นไปไม่ได้อะ พี่ลันไม่ทำร้ายใครก่อน จะสู้กันก็โน่นแหละ ฝ่ายนั้นมาหาเรื่องก่อน”


“นี่พูเข้าข้างมันเหรอ!” พี่เจตมองผมด้วยแววตาวาวโรจน์


“ผมพูดความจริงต่างหาก เด็กเราไปหาเรื่องพี่มันก่อนหรือเปล่าเลยโดนกลับมา” จะหาว่าผมเข้าข้างพี่ก็เถอะ แต่ผมรู้ดี แม่สอนเสมอว่าไม่ให้พี่ลันใช้กำลังทำร้ายใครก่อน เราจะสู้เพื่อป้องกันตัวเองเท่านั้น หรือเพราะฝ่ายนั้นทำเราก่อน และพี่ลันเองก็ไม่เคยทำนอกเหนือจากที่แม่สอนเลยสักครั้ง ผมคิดว่าปัญหาอาจจะอยู่ที่หน้าตาแบดๆ  นั่นมากกว่าที่ดึงพวกนักเลงเข้าหาไม่เว้นแต่ละวัน


“ทำไมพูถึงเชื่อมันมากกว่าพี่” พี่เจตส่งสายตาตัดพ้อเมื่อผมดูเหมือนจะเข้าข้างพี่ชายมากกว่า


“ก็พี่ลันเป็นพี่ผมนี่! เข้าข้างพี่ชายมันผิดตรงไหนวะ!” เรื่องนี้ผมเถียงไม่ยั้งจริงๆ ด้วย


“พี่ชาย...”


“ก็เออน่ะสิ ไม่เชื่อคนในครอบครัวแล้วจะให้เชื่อใคร ยังไงผมก็ยืนยันว่าพี่ลันไม่...”


หมับ


พี่เจตสวมกอดผม ไม่ทันให้เอ่ยคำใดต่อ มีเพียงอ้อมแขนที่โอบกอดแน่นขึ้น ใบหน้าคมซุกอยู่บนไหล่ผมเงียบๆ นานหลายนาที


“พี่คิดว่าเสียเราไปแล้ว...” พี่เจตเอ่ยออกมาในที่สุด ก่อนจะผละออกจากผมแล้วก้มหน้าลงสบตากัน “งี่เง่าโน๊ะว่าไหม”


“ผมต่างหากที่คิดว่าเสียพี่ไปแล้ว” นึกถึงเมื่อวานทีไร ความรู้สึกแย่ๆ ก็ตีตื้นขึ้นมาทันที “ผมแย่นี่แย่โน๊ะ ทั้งที่พี่ออกจะชัดเจน แต่ผมกลับทำทีเหมือนผลักไสพี่ไปให้คนอื่น...ขอโทษนะ” ร่างสูงส่ายหน้าแล้วส่งยิ้มให้


“ไม่เป็นไร” พี่เจตจับมือผม “แค่ตอนนี้เราได้อยู่ด้วยกันมันก็พอแล้ว จริงไหมล่ะ”


“อื้อ” ผมพยักหน้ารับคำเขา ก่อนจะตัดสินใจเอ่ยคำที่พี่เจตคงรอฟังมานาน


“เป็นแฟนกันนะ”


“หืม” พี่เจตมองผมอย่างอึ้งๆ


“พูดไปแล้ว ไม่พูดซ้ำแล้วด้วย” ผมบอกเขาก่อนจะลุกขึ้นเมื่อเริ่มทำอะไรไม่ถูก หน้ามันร้อนๆ แปลกๆ


“เดี๋ยวสิพู”


หันหน้าหนีเมื่อเห็นรอยยิ้มของร่างสูงที่วิ่งมาดักหน้า “ยังไม่ได้ฟังคำตอบจากพี่เลยนะ”


“ไม่ต้องฟังผมก็รู้ว่าพี่จะตอบอะไร” ผมบอกอย่างมั่นใจ ซึ่งพี่เจตก็ยืนยันให้อย่างดี


“อื้ม เราเป็นแฟนกันแล้วนะ”


ผมพยักหน้ารับเงียบๆ ก่อนจะถูกดึงเข้าไปกอดโดยคนที่ยิ้มกว้างอย่างมีความสุข ซึ่งผมก็ยิ้มตามด้วยความสุขเช่นเดียวกัน


...............................................
...............................................................


[แอล]


“เดี๋ยวครับพี่ลัน” ผมเอ่ยเรียกร่างสูงที่เดินไปเรื่อยๆ ไม่มีท่าทีว่าจะหยุดอยู่ที่ใด ทั้งที่นี่ก็ออกจากห้างมาไกลมากแล้ว ผมเองก็ยังไม่ได้กินอะไรตั้งแต่เช้าเพราะเจตโทรมาชวนไปเลือกของขวัญวันเกิดให้พู ซึ่งผมเองก็ถือโอกาสบอกเรื่องที่พูตามหาตัวเขาให้วุ่น พอเจตรู้ก็รีบเปิดโทรศัพท์เพื่อจะติดต่อหาพูแต่กลับเปิดไม่ได้เสียอย่างนั้น ผมเลยอาสาโทรให้แต่พูก็ไม่รับสายผมเหมือนกัน สุดท้ายเราจึงเลือกไปหาพูที่บ้าน แต่กลับไม่มีใครอยู่เลย


ไม่รู้จะปลอบใจพี่ชายที่ยืนทำหน้าเศร้าอย่างไรนอกจากพาเขาไปซื้อแบตใหม่ เผื่อว่าพูจะโทรกลับมา พี่เจตก็ยอมทำตามคำแนะนำของผม แต่ขณะที่เราเดินออกจากร้านโทรศัพท์พี่เจตกลับหยุดชะงัก ก่อนจะวิ่งไปง้างหมัดใส่ใครบางคนเข้า เร่งให้ผมต้องวิ่งตามไปรั้งพี่ชายไว้


และได้เห็นว่าใครคนนั้น...คือพี่ลัน


ยิ่งเขาแสดงท่าทีให้เจตเห็นว่าหวงพูมากเท่าไหร่ ผมยิ่งรู้สึกแย่ลงมากเท่านั้น แต่ก็เลือกที่ยืนฟังเพราะอยากรู้ว่าพูจะเลือกใคร อย่างน้อยถ้าพูไม่เลือกเจต ผมก็จะได้อยู่ปลอบใจพี่ชายของผม


แต่คำตอบของพูก็ทำให้ผมใจชื้น เขาเลือกเจตมากกว่าพี่ลัน ซึ่งอีกฝ่ายก็ดูเหมือนจะเดินจากไปเงียบๆ อย่างที่เคยเป็น เช่นเดียวกับครั้งนั้นที่เขาเลือกจะไปจากผม


ผมเดินตามเขาไปเรื่อยๆ จนเริ่มรู้สึกล้า คงเหมือนกับใจผมที่เริ่มเหนื่อยแล้วเหมือนกัน แต่เพราะห่วงความรู้สึกของอีกฝ่ายผมจึงฝืนทนเดินต่อไป ก่อนจะตัดสินใจเรียกเขา เพราะขาของผมไม่มีแรงก้าวต่อไปแล้ว


พี่ลันหันมาหาผมแล้วเดินเข้ามาใกล้ๆ “ก็รออยู่ว่าจะเรียกเมื่อไหร่” พูดจบพี่ลันก็ทิ้งตัวลงนั่งลงบนเก้าอี้ในสวนสาธารณะแล้วดึงแขนผมให้นั่งลงข้างกัน พอได้นั่งก็เหมือนความอ่อนล้าทั้งหมดถาโถมเข้ามาในทีเดียว รู้สึกปวดขาไปหมด ถ้าพี่ลันลุกเดินต่อผมคงตามเขาไปไม่ไหวแล้ว


“หึ ปวดขาล่ะสิ” พี่ลันลุกขึ้นยืน ผมเลยเผลอจับชายเสื้ออีกฝ่ายไว้ด้วยกลัวว่าอีกฝ่ายจะเดินหนีไป “ไม่ได้จะไปไหนหรอก”


ร่างสูงย่อตัวลงนั่งยองๆ ตรงหน้าผม ยื่นมือสองข้างมาบีบนวดขาผมด้วยแรงพอดีไม่หนักจนเกินไป ผมทำตัวไม่ถูกกับสัมผัสที่ได้รับจึงได้แต่นั่งตัวเกร็ง พี่ลันก็บอกให้ผ่อนคลาย ผมจึงต้องทำตามอย่างเสียไม่ได้ ลอบมองใบหน้านิ่งที่ดูตั้งอกตั้งใจกับการบีบนวดคลายเส้นให้ผม


มีหลายคนเดินผ่านไปมาและหยุดมองเรา ผมเลยบอกให้ร่างสูงพอได้แล้ว แต่เมื่อพี่ลันก็เงยหน้าสบตากันนิ่งๆ กลายเป็นผมที่ต้องเป็นฝ่ายเงียบไป ส่วนเขาบีบนวดต่ออย่างไม่สนใจใครหลายคนที่มองมา


“ออกกำลังกายบ้างสิแอล อย่าเอาแต่อ่านการ์ตูน” ผมสะดุ้ง พี่ลันรู้ได้ไงว่าผมชอบอ่านการ์ตูน ซึ่งเขาเองก็เหมือนจะเดาออกว่าผมคิดอะไรอยู่


“ส่งมาแต่ข้อความว่าตอนนี้ลูฟี่ทำอะไรบ้าง พี่คงไม่รู้เลยโน๊ะ” พี่ลั่นตอบยิ้มๆ ผมเม้มปาก ไม่รู้เลยว่าพี่ลันอ่านข้อความพวกนั้นด้วยเพราะไม่เคยมีข้อความตอบกลับมาเลยสักครั้ง ผมเลยคิดว่าเขาคงรำคาญกันไปแล้ว


“พอดีโทรศัพท์แอลเสีย พี่เลยเอาไปส่งซ่อมศูนย์” พี่ลันพูดขึ้นก่อนจะผละมือออกจากขาผม “เพิ่งได้อ่านทั้งหมดเมื่อวานนี้เอง”


“ครับ” ผมก้มหน้างุด ไม่อยากให้พี่ลันรู้เลยว่าผมเศร้าไปหลายอาทิตย์เพียงเพราะเขาไม่ตอบ


“ไม่โกรธโน๊ะ” พี่ลันยื่นหน้าเข้ามาหาผม ซึ่งผมก็หลบตาเขา พูดตอบกลับไปด้วยเสียงเบา


“ผมไม่ได้เป็นอะไรกับพี่นี่ครับ ไม่จำเป็นต้องโกรธ” ใช่ ผมไม่ได้เป็นอะไรกับพี่ลันเลย ต่างจากพูที่คงพิเศษกว่าใคร


“ก็เป็นซะสิ จะให้สิทธิ์โกรธได้เต็มที่เลย” ร่างสูงพูดยิ้มๆ อย่างอารมณ์ดี แต่ผมไม่รู้เลยว่าเขาคิดอะไรอยู่


“เลิกล้อเล่นเถอะครับ!” ผมลุกขึ้นยืน “ถ้าพี่ไม่เป็นอะไรแล้วผมขอตัว”


“เดี๋ยวสิ” มือหยาบจับแขนผมไว้ “โกรธอะไรพี่หรือเปล่า” เขาขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ ซึ่งผมก็ไม่ได้ตอบอะไรเขานอกจากดึงแขนตัวเองออกมาจากการเกาะกุม


“ไม่หรอกครับ ผมแค่เหนื่อย”  เหนื่อย...ที่จะรักพี่แล้วเท่านั้นเอง


“ถ้าเรื่องเมื่อกี้บอกเลยว่ายอมให้นายโกรธได้เต็มที่ เพราะพี่ไม่ยอมให้นายเจตอะไรนั่นคบกับพูแน่ๆ” ร่างสูงกอดอกไม่ยอมแพ้ต่อให้ผมอ้อนวอนก็ตาม เป็นครั้งแรกที่เห็นเขาดื้อเพ่งแบบนี้


“พวกเขารักกัน พี่จะขัดขวางให้ได้อะไรขึ้นมา” ผมพยายามอธิบายให้เขารู้ว่าไม่ควรขัดขวางทั้งคู่ ถึงตอนนี้เพื่อนและพี่ชายของผมจะยังไม่ได้คบกัน แต่เรื่องวันนี้คงทำให้ทั้งคู่เข้าใจกันมากขึ้นและอาจจะมีข่าวดีเร็วๆ นี้


“ก็นั่นน้องชายพี่ พี่ก็ต้องหวงเป็นธรรมดาสิ” เขาเหล่ตามองผมที่ยืนพูดไม่ออกไปแล้ว


น้องชาย


“น้องชาย...”


“ก็ใช่ไง คิดว่ามันเป็นคนรักพี่รึไง”


“เปล่าครับ”


“อ๋อเหรอ” พี่ลันส่งยิ้มแปลกๆ มาให้ เป็นรอยยิ้ม...ที่เหมือนรู้ทันอะไรบางอย่าง “อืม จะว่าไปพี่ก็มีคนที่ชอบอยู่แล้วนะ”


“ใคร...”


“ก็คนที่กำลังสบตาอยู่นี่ไง”


เราสองคนสบตากันอยู่...





TBC.







⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀
เอาความหวานมาเสิร์ฟจ้า เพราะเสาร์-อาทิตย์เราไม่ว่างค่ะ 5555 ตอนนี้โดนแอทแทคใครไปบ้างคะ เจนโดนพี่ลันไปแล้ว555 ชอบแกล้งแอลจริงๆ เลย ร้ายนัก

เป็นตอนที่ได้พบกันทั้งสี่คนแล้วค่ะ เราไม่อยากให้ดราม่ามากเลยให้เขาพูดความจริงกันไปเลยดีกว่าอิอิ

ขอบคุณสำหรับคอมเมนต์ค่ะ เจอกันตอนหน้า



ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ MSeraph

  • This too shall pass
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1753
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-3
สองคู่ชูชื่นมากๆๆๆ

ออฟไลน์ GuoJeng

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1268
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
ในที่สุดก็มาถึงตอนนี้ โมเม้นนี้แล้ว โล่งอกไปเลย
รออ่านต่อ

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4365
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
รอโมเม้นนี้แล่ะ 555

ออฟไลน์ kunt

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 702
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +42/-1
โว้ะ บทจะชัดเจนก็ยิงตรงกันทั้ง 2 คู่งี้เลยเรอะ

ออฟไลน์ peettato

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 13
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ยอมในความชัดเจน :katai2-1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ janeta

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 155
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +74/-2
บทที่ 28
เหตุเกิดเพราะ...ความทรงจำ




อึดอัด ความรู้สึกอึดอัดนี้มันคืออะไรวะ


ผมลืมตา เหลือบมองแขนที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามและท่อนขายาวพาดผ่านลำตัวผม ไล่มาจนถึงใบหน้าหลับพริ้มสบายของพี่ชายตัวโตที่ไม่รู้โผล่มานอนเตียงเดียวกันตั้งแต่เมื่อไหร่


“พี่ลัน...หนัก” ผมยกท่อนแขนพี่ชายออก ซึ่งฝ่ายนั้นก็ไม่ให้ความร่วมมือเลย ซ้ำยังดึงผมเข้าไปกอดแน่นเหมือนหมอนข้างประจำตัว ผมก็ดิ้นสิครับ จะดิ้นจนกว่าพี่ลันจะตื่นนี่ล่ะ


“ไอ้พู กูง่วง กูจะนอน อยู่นิ่งๆ สิวะ”


“ทำไมพี่ไม่ไปนอนห้องตัวเองล่ะ แล้วเลิกกอดพูได้แล้ว พูจะไปฉี่” ดิ้นต่อไปครับ จนกว่าพี่ลันจะรำคาญแล้วปล่อยผมออกสักที พี่มันก็คิ้วขมวดนิดๆ ก่อนจะลืมตามองผมแล้วยื่นหน้าเข้ามาหอมแก้มทันที


ฟอด


หอมเสร็จมันก็กลับไปนอนตามเดิม เพิ่มเติมคือปล่อยผมเป็นอิสระแล้ว ผมเลยรีบลุกออกจากเตียงก่อนที่พี่ชายจะดึงกลับไปนอนด้วยกันอีก


เฮ้อ ถึงเนื้อถึงตัวทุกที นี่กูเป็นน้องหรือเมียมันวะเนี่ย


ล้างหน้าแปรงฟันเสร็จผมก็ลงไปทำอาหารเช้าง่ายๆ ให้พ่อแม่และพี่ชาย ที่วันนี้คงจะตื่นสายกันหน่อยเพราะเป็นวันหยุด พี่ลันเองก็กลับบ้านมาได้สองอาทิตย์แล้ว ไม่ได้มีธุระไปไหนอย่างที่เคยพูดหรอก วันนั้นมันก็แค่ลองใจผมเท่านั้น


ครืด


ผมกดรับสายด้วยรอยยิ้มแล้วเปิดลำโพงวางไว้บนเคาน์เตอร์ เอ่ยทักทายปลายสายพร้อมกับหั่นเนื้อหมูไปด้วย


(อรุณสวัสดิ์ครับพู)


“โห พี่เจต ไม่ต้องสุภาพขนาดนั้นก็ได้มั้ง” ผมหัวเราะนิดหน่อยกับคำทักทายนั้น ตั้งแต่ที่เราตกลงเป็นแฟนกันพี่เจตก็เปลี่ยนไปนิดหน่อย โดยเฉพาะคำพูดของเขาที่ดูสุภาพขึ้นจนพ่อกับแม่แซว อ้อ ครอบครัวผมรู้เรื่องที่คบกับพี่เจตแล้วล่ะครับ พี่ชายผมคาบข่าวมาฟ้องหวังให้ทั้งคู่คัดค้านเรื่องของผมกับพี่เจต แต่เปล่าเลย พ่อกับแม่ไม่ได้ต่อต้านอะไรเพราะท่านทั้งสองรู้อยู่แล้วว่าผมชอบผู้ชาย ผมสารภาพไปตั้งแต่ตอนที่ชอบแอลแล้ว มีเพียงพี่ลันเท่านั้นที่ไม่ได้รู้ เลยตีโพยตีพายหาว่าผมปิดบังเขา ทั้งที่ตัวเขาติดต่อยากยิ่งกว่าอะไร จะปรึกษาเรื่องแอลยังไม่ได้เลย


ส่วนพี่เจตก็แวะเวียนมาหาผมบ้างสลับกับไปดูแลพ่อของเขาที่เพิ่งออกจากโรงพยาบาลมาได้ไม่กี่วันก่อน มาทีไรก็จะมีขนมมาฝากพ่อกับแม่ของผมเสมอ ทำตัวเป็นลูกอีกคนจนผมกับพี่ลันแทบจะกลายเป็นหมาหัวเน่า ตอนนี้อะไรก็พี่เจตๆ เหอะๆ ส่วนพ่อพี่เจตผมก็มีโอกาสได้ไปเยี่ยมบ้าง แรกๆ ก็มีเกร็งๆ เวลาที่คุยกัน แต่พอผ่านไปได้สักพักผมก็ได้รู้ว่าเนื้อแท้พ่อพี่เจตเป็นคนสบายๆ และคุยสนุกมาก มากจนพี่เจตงอนไปเลยที่ผมสนใจพ่อเขามากกว่าตัวเขาซะอีก


(พี่อยากพูดกับพูแบบนี้นี่) เสียงกระเง้ากระงอดจากปลายสายทำเอาผมยิ้มนิดๆ


“ตามใจครับ แล้ววันนี้จะพาคุณพ่อไปตรวจสุขภาพใช่ปะ”


(อื้ม น่าจะเสร็จบ่ายๆ ให้พี่ไปรับมากินข้าวด้วยกันไหม)


“ไม่ต้องเลย ย้อนไปย้อนมาทำไม พูกินที่บ้านนี่แหละ” พูดไปก็ถึงถึงมื้อกลางวัน ท่าทางวันนี้พี่ชายผมคงจะลากออกไปกินอะไรข้างนอกอีกแน่ๆ พ่อกับแม่ก็คงไม่ปฏิเสธเพราะวันหยุดทั้งทีพวกท่านก็คงอยากพักผ่อน


(เฮ้อ)


“เป็นอะไรอีกล่ะ” ผมถามพลางเทหมูใส่กระทะ วันนี้จะทำหมูกระเทียมครับ ง่ายๆ อร่อยดี


(คิดถึงพู)


ฉ่า


“เชี่ย!” ผมสะดุ้งสุดตัว รีบถอยห่างจากกระทะเล็กน้อย


(พูเป็นอะไร!)


“เปล่าๆ” ยกท่อนแขนขึ้นดูก็เห็นรอยแดงจากน้ำมันกระเด็นเมื่อครู่ รู้สึกแสบนิดๆ แต่ก็พอทนได้ “พูทำกับข้าวอยู่นะ อย่าพูดอะไรแปลกๆ แบบนั้นสิ”


(ฮ่าๆ พี่คิดถึงพูมันแปลกตรงไหน เราไม่ได้เจอหน้ากันตั้ง 1 วันเลยนะ)


“เว่อร์ เมื่อวานก็เพิ่งเจอกันเอง”


(มันไม่พอนี่...) พี่เจตเงียบไปนิด (พู...ไว้พูเรียนจบ เราไปอยู่คอนโดด้วยกันไหม) พี่เจตเอ่ยชวนเสียงเบา


“เอ่อ...” แล้วผมควรตอบยังไงเนี่ย ถ้าบอกว่าไป เขาจะหาว่าผมใจง่ายหรือเปล่า แล้วถ้าไม่ไป พี่เจตจะตีความว่าผมรังเกียจเขาไหม เหมือนพี่เจตจะรู้ว่าผมคิดอะไรเลยอาสาหาทางออกให้


(ยังไม่ต้องรีบตอบพี่ตอนนี้ก็ได้ ยังมีเวลาอีกตั้งหนึ่งปี ไม่ว่าพูจะตอบแบบไหนพี่ก็เคารพการตัดสินใจของพูนะ ไม่ต้องคิดมาก)


“ขอบคุณครับ...ถ้าพูคิดได้ยังไง พูจะบอกพี่เจตละกัน”


(น่ารัก)


“ห้ะ” อารมณ์ไหนวะเนี่ย


(พี่ชอบที่พูแทนตัวเองว่าพูกับพี่ นี่แอบอิจฉาตลอดเลยนะเวลาได้ยินพูแทนตัวเองด้วยชื่อกับพี่ชายแบบนี้ แถมยังใกล้ชิดสนิทสนมเกินไปอีก)


“แล้วไง จำเป็นต้องแคร์มึงเหรอ” ผมไม่ได้ตอบครับ ร่างสูงเปลือยท่อนบนอวดซิกแพ็คเดินเข้ามาคว้าโทรศัพท์ผมไปคุยหน้าตาเฉย จะเอื้อมมือไปคว้าคืนก็ไม่ได้เพราะกำลังผัดหมูกับกระเทียมอยู่


“พี่ลัน เอามาคืนพูเลย”


“ไม่” พี่ลันตอบผมก่อนจะพูดกับคนปลายสายต่อ “อ้อ แล้วอีกอย่างนะ เมื่อคืนพูกับกูแนบแน่นกันมาก ตัวพูโคตรหอมโคตรนุ่มนิ่มเลย” นั่นคนหรือตุ๊กตาวะ ผิวกูก็สากแบบผู้ชายทั่วไปนะโว้ยพี่ลัน


(มึง!)


“อะๆ พูดกับหยาบกับพี่แฟนแบบนี้ได้เหรอ” ที่ลันแสยะยิ้ม ดูท่าคงวางแผนร้ายอยู่แน่ๆ ซึ่งพี่เจตเองก็แสบไม่แพ้กัน


(หึ งั้นมึงก็ยอมรับกูเป็นแฟนพูแล้วสินะ) หนึ่งดอกครับพี่ลัน


“กูไม่มีวันยอมรับมึง!” พูดจบพี่ลันก็ตัดสายทิ้งเลยครับ พอดีกับที่ผมเทหมูใส่จานพอดี วางกระทะเสร็จก็เดินไปขอโทรศัพท์คืน พี่ชายก็เดินหนีไม่ยอมให้ ยึกยือกันอยู่นานจนพ่อกับแม่ลงมาพอดี


“ฉันได้กลิ่นอะไรหอมๆ กับข้าวเสร็จแล้วสินะพู ไปตักข้าวมาซิลัน” คุณนายสมศรีสั่งเสร็จก็จูงมือสามีเดินผ่านหน้าพวกเราไปยังโต๊ะม้าหินอ่อนหน้าบ้าน เป็นอันยุติสงครามระหว่างผมกับพี่ลันเพราะเราต้องรีบนำอาหารเช้าไปบริการคุณหญิงก่อนเธอจะพิโรธ


“กลับเมื่อไหร่ล่ะลัน” พ่อเอ่ยถามเมื่อพวกเรากินข้าวเรียบร้อยแล้ว พี่ลันเอียงคอนึกก่อนจะตอบ


“อาทิตย์หน้าก็กลับแล้วครับ”


“ปีสามแล้วนี่ จะฝึกงานที่ไหนล่ะ ให้พ่อฝากเพื่อนให้ไหม เขากำลังอยากได้โปรแกรมเมอร์สักคนอยู่พอดี” พี่ลันส่ายหน้าหวือ เดาว่าคงไม่อยากอยู่ใกล้บรรดาเพื่อนพ่อที่อาจคาบข่าวมารายงานตลอดแน่ๆ


“ไม่ดีกว่าครับ ผมมีรุ่นพี่ที่รู้จักฝากงานให้แล้ว”


“เป็นบริษัทเล็กๆ หรือเปล่า พ่อกลัวว่าเขาจะให้ความรู้ลูกได้ไม่เต็มที่” พ่อเอ่ยอย่างกังวล เห็นพ่อให้อิสระลูกๆ อย่างนี้ บางทีผมก็เคยได้ยินพ่อพูดถึงอนาคตพี่ลันเหมือนกันนะครับ เพราะเขาไม่รู้ว่าสายที่พี่ลันเรียนไปต่อยอดอะไรได้บ้าง บางทีก็แอบเห็นพ่อซื้อหนังสือมาศึกษาว่าพี่ลันเรียนอะไรบ้าง จบไปจะไปต่อสายอาชีพไหนได้บ้าง เป็นความใส่ใจเล็กๆ ที่แม้เจอกันน้อยครั้งพ่อแต่ก็ยังให้ความสำคัญไม่ต่างจากเดิม


“ก็ไม่เล็กนะพ่อ ดารารายกรุ๊ปน่ะ”


พ่อ แม่ และผม เปิกตากว้างเท่าไข่ห่านเมื่อได้ยินที่ฝึกงานของพี่ชาย นั่นบริษัทรักษาความปลอดภัยชื่อดังเชียวนะ แม้แต่รัฐมนตรีหลายคนก็เรียกใช้บริการของบริษัทนี้ ซึ่งทุกที่ในประเทศต่างก็รักษาความปลอดภัยข้อมูลและทรัพย์สินด้วยระบบนี้ทั้งนั้น ซึ่งใครๆ ต่างก็รู้ดีว่าการเป็นหนึ่งในองค์กรนี้ยากยิ่งกว่าอะไร ข้อสอบเข้าตามตำแหน่งก็ว่ายากแล้ว ทดสอบความพร้อมของร่างกายยิ่งหนักกว่าฝึกทหารอีก


“เขาให้เงินแกเท่าไหร่” แม่รีบถามทันที ขณะที่ผมกับพ่อได้แต่นั่งนิ่งๆ ไม่ได้ให้ความช่วยเหลือพี่ลันแต่อย่างใด


“ก็คงตามมาตรฐานเด็กฝึกงานนั่นแหละแม่” พี่ลันหลบตา ซึ่งไม่พ้นสายตาเหยี่ยวของแม่ไปได้หรอกครับ


“ตอบมา...”


“เอ่อ...” นาทีนี้อย่าคิดแหยมคุณนายสมศรีเลยพี่ ตอบๆ ไปเถอะ ผมพยักหน้าให้พี่ชายที่กลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก


“สะ...สามหมื่นครับ” พี่ลันพูดเสียงแผ่ว


“จริงดิ!” ผมถลาไปหาพี่ชายเลยครับ โห เรียนจบป.ตรีได้ครึ่งเดียวเองมั้ง นี่ยังเรียนไม่จบได้เท่านี้เลยเหรอ


“เออ ไม่งั้นกูจะเอาเงินที่ไหนมาเปย์มึงห้ะไอ้พู”


“เดี๋ยวๆ นี่หมายความว่าตอนนี้ลูกฝึกงานกับเขาแล้วเหรอ” พ่อเอ่ยถามอย่างงงๆ ซึ่งก็ตรงใจผมกับแม่มาก เราสามคนเลยจ้องพี่ลันคาดคั้นเอาคำตอบ


“อื้ม...อันที่จริงผมทำงานกับเขามาสามปีแล้วล่ะ”


“แล้วเงินที่แกบอกว่าเป็นทุนการศึกษา...”


“ก็...เงินจากงานที่ผมทำนี่แหละ แต่แม่ไม่ต้องห่วงนะ ผมไม่เคยขาดเรียน กิจกรรมครบ งานที่ทำให้บริษัทนั้นก็ไม่ได้ยากอะไร” พี่ลันรีบละล่ำละลักบอกเมื่อเห็นแม่ขมวดคิ้วไม่ชอบใจนักที่พี่ลันทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย คงกลัวว่าจะเสียการเรียน แต่จากผลงานที่ผ่านมาพี่ลันก็ทำให้พวกเรามั่นใจได้ว่าเขาดูแลตัวเองได้ทั้งเรื่องงานและเรื่องเรียนจริงๆ


“เอาเถอะ จะทำอะไรก็เรื่องของแก อย่าให้เสียคนก็พอ พูก็เหมือนกัน ที่พ่อกับแม่ไม่ห้ามให้แกมีความรักกับพ่อทูนหัวเจตของแม่ก็เพราะเขาเป็นคนดีมีสัมมาคารวะแถมพ่อรวยอีกต่างหาก ฉะนั้นอย่าโง่ปล่อยไปล่ะ”


“แม่...” ผมโอดครวญ ขณะที่พี่ลันกอดอกต่อต้านเรื่องนี้อย่างแข็งขัน


“แต่ผมไม่อยากได้มันเป็นน้องเขย...”


แม่หรี่ตามมองพี่ลันเล็กน้อยให้อีกฝ่ายรู้สึกกระสักกระส่าย


“เรื่องของแกสิ ฉันอยากได้เขามาเป็นลูกเขย ถ้าแกไม่พอใจก็ไสหัวไปพร้อมกับเงินเดือนเว่อร์วังของแกเลย” แม่เชิดหน้าใส่พี่ลัน “ไปคุณ ปล่อยเจ้าเด็กชอบเก็บความลับนี่ไปเถอะ มันคงไม่เห็นหัวพ่อแม่ หึ ทำอะไรไม่เคยบอก”


“แม่...” พี่ลันร้องเรียก แต่ผู้ใหญ่ทั้งสองเดินเข้าบ้านไปแล้ว ร่างสูงเลยหันกลับมาหาผม “เพราะมึงเลยพู”


“อ้าว ผมเกี่ยวอะไรวะ”


“ถ้ามึงไม่เป็นแฟนกับมัน ก็จะไม่เป็นประเด็นให้แม่พูดถึง ฮึ่ย!” พี่ลันทึ้งหัวตัวเองอย่างหงุดหงิด


“ถ้าพี่ไม่ทำตัวลึกลับแม่ก็คงไม่งอนหรอก กว่าจะกลับบ้านก็นานเป็นปี เดี๋ยวก็มาเดี๋ยวก็หาย ไม่เห็นใจคนรออย่างพวกเราบ้างเลย แถมยังปิดบังตั้งหลายเรื่อง มันน่าน้อยใจไหมล่ะ”


“เฮ้อ ก็มันพูดไม่ได้นี่ แต่ตอนนี้มันจบแล้ว พี่เป็นอิสระจากทุกอย่างแล้ว” พี่ลันคว้าตัวผมไปกอดไว้ “มันจบแล้วพู”


“จบอะไร...”


“จบความลับที่กูปิดมึงมาตลอด 3 ปี” พี่ลันผละออก ก้มลงสบตาผม


“กูจะพามึงไปหามัน...”
.
.
.
.
.
.
.
“โทรตามกูมาทำไมวะไอ้ถั่ว” แบงค์เดินปาดเหงื่อเข้ามาหาเรา ผมเลยส่งผ้าเช็ดหน้าให้มันเช็ดดีๆ พลางปรายตาไปยังที่ลันที่ก้าวมายืนข้างๆ ผม ซึ่งแบงค์เห็นเข้าพอดี


“กูให้โทรตามเอง” พี่ลันพูดเสียงเรียบ แบงค์รีบยกมือไหว้พี่ชายผมพร้อมกับเอ่ยแซ็ว


“หวัดครับพี่ลัน หายหน้าหายตาไปนาน นึกว่าหลุดวงโคจรออกนอกทางช้างเผือกไปแล้วนะเนี่ย”


“ปากหมาศัพท์ยากเหมือนเดิม มึงมาก็ดีแล้ว กูจะได้พาพวกมึงไปทีเดียวเลย” พี่ลันเดินนำไปยังโรงเรียนเขาที่มีนักเรียนเข้าออกประปราย เหมือนว่าโรงเรียนนี้จะสอบช้ากว่าโรงเรียนเรานิดหน่อย


“โห พี่ลัน หลอกพาพวกผมมาให้รุ่นน้องพี่กระทืบปะเนี่ย มาเยือนถิ่นศัตรูกันเลยทีเดียว” แบงค์รีบเกาะแขนผมแน่นเลยครับ เห็นกล้าไปทั่วแบบนี้มันก็กลัวโดนยำตีนเหมือนกันนะ


“มากับกู ไม่มีใครกล้ายุ่งกับพวกมึงหรอก” พี่ลันเดินไปทักทายลุงยามที่ดูดีใจเมื่อได้พบพี่ลัน


“ท่านชูการ์ หายหน้าหายตาไปนานเลยนะ” ท่านชูการ์?


“โถ่ลุง ลืมๆ ฉายาบ้าๆ นั่นไปเถอะ เด็กพวกนั้นมันก็พูดเพ้อเจ้อไปเรื่อย”


“ลุงว่าไม่เพ้อเจ้อนา ฝีมือเราไม่เบาเลย เด็กเกรียนๆ กลายเป็นเด็กเรียบร้อยในพริบตา แต่เฮ้อ...ตั้งแต่ท่านชูการ์ไปเด็กกร่างๆ ก็เพิ่มขึ้นทันตาเลยล่ะ” ลุงส่ายหน้าปลงๆ ขณะที่ผมเอาแต่คิดว่าท่านชูการ์ที่ว่านี่ได้ยินมาจากไหน เหมือนจะสำคัญด้วยสิ


“ฮ่ะๆ ประธานนักเรียนเอาไม่อยู่แล้วเหรอครับ”


“สารวัตรนักเรียนก็ไม่ไหวเหมือนกัน อะ...โน่นไง ตัวร้ายประจำโรงเรียน หาเรื่องชกต่อยไม่เว้นแต่ละวัน น่าเสียดายจริงๆ อุตส่าห์เป็นถึงลูกเจ้าของบริษัทชื่อดังขนาดนั้นแท้ๆ” เราสามคนหันไปตามทิศทางที่ลุงยามมองอยู่


ร่างสูงเจ้าของใบหน้าฟกช้ำ เสียบหูฟังเปิดเพลงดังมาถึงฝั่งที่พวกผมอยู่ เขาเดินเอื่อยๆ กดพิมพ์โทรศัพท์ไปเรื่อยๆ ขณะข้ามถนนโดยไม่ได้สนใจรอบข้างเลยสักนิด


บรื้น!


เสียงเร่งเครื่องยนต์มาพร้อมกับรถมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งที่พุ่งเข้ามาใกล้ผู้ชายคนนั้น แต่คนข้างตัวผมเร็วกว่า วิ่งเข้าไปช่วยอีกฝ่ายได้ทันแบบเฉียดฉิว เป็นเหตุให้หูฟังหลุดออกจากหูของฝ่ายนั้น


“มึงมายุ่งอะไรด้วยห้ะ!” ชายคนนั้นตะคอกใส่แบงค์พร้อมกับกระชากคอเสื้อเข้าหาอย่างหงุดหงิด


“จะตายห่าอยู่แล้วยังไม่สำนึกอีก” แบงค์พูดหน้าหงิก ดึงมือหนาออกจากคอเสื้อแสนรักของมัน ซึ่งนอกจากฝ่ายนั้นจะไม่ให้ความร่วมมือแล้วยังถลึงตาใส่อีก


“เรื่องของกูปะวะ!”


ผมเกรงว่าจะเกิดเรื่องจึงรีบลากพี่ลันเข้าไปห้ามสองคนนั้น ซึ่งพอผู้ชายคนนั้นเห็นพี่ลันก็รีบปล่อยมือจากแบงค์ทันที


“พี่มาได้ไง...”


“กูสอนไว้ว่าไง” พี่ลันกอดอกจ้องอีกฝ่ายนิ่งๆ ซึ่งดูเหมือนเขาจะสงบสติลงทันที


“ไม่ให้มีเรื่องมั่วซั่ว...”


“แล้วเมื่อกี้มึงกระชากคอเสื้อมันทำไม” พี่ลันชี้ไปทางแบงค์ที่เลิกคิ้วกวนๆ ชวนให้อีกคนหงุดหงิดใจแต่ไม่กล้าทำอะไรเมื่ออยู่ต่อหน้าพี่ลัน


“มันมายุ่งกับผมก่อน!” ฝ่ายนั้นโวยวาย แต่พี่ลันก็ตอบกลับไปนิ่งๆ


“มันช่วยชีวิตมึงต่างหาก มึงเกือบโดนรถชนแล้วนะธาร”


“โดนอีกสักครั้งจะเป็นอะไรวะพี่ บางทีไอ้ความทรงจำพวกนั้นอาจจะกลับคืนมาอีกก็ได้ พี่จะได้รู้ในสิ่งที่พี่ถามผม และผมจะได้ไม่ต้องหงุดหงิดใจอยู่แบบนี้ที่นึกอะไรไม่ออกสักที!”


“เพราะอย่างนั้น กูถึงพาความทรงจำที่ขาดหายมาให้มึงแล้วไง” พี่ลันจับไหล่ผมกับแบงค์ให้เผชิญหน้ากับผู้ชายคนนั้น เขาเหลือบตามองผมแล้วขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ ยิ่งหันไปสบตาแบงค์เขายิ่งทำหน้าหงุดหงิดกว่าเดิม




“อะไรของพี่วะ พาไอ้หน้าจืดกับหน้าตี๋นี่มาให้ผมทำไม”


“กูจะถือว่าไม่ได้ยินที่มึงว่าน้องชายกูนะ เอาล่ะสองคนนี้เป็นเพื่อนของมึงไง นี่น้องชายกู...ไอ้พู ส่วนนี่...ไอ้แบงค์” พี่ลันบอกเขาก่อนจะหันมาบอกพวกเรา “ส่วนนั่นก็เพื่อนพวกมึง”


“เพื่อนอะไรวะพี่ลัน ผมไม่เคยมีเพื่อนสันดานแบบนี้” แบงค์ออกตัวก่อน สายตายังเขม่นฝ่ายนั้นไม่เลิก ดูท่าจะไม่ถูกชะตากันซะแล้ว ผมเองก็ได้แต่มองหน้าพี่ชายงงๆ สลับกับมองอีกฝ่ายที่หันมาสบตาผมพอดี


ทั้งที่ใบหน้าหล่อเหลาใต้รอยช้ำนั้นไม่น่าใช่คนในความคิด แต่สายตาอ่อนโยนที่เคยมอบให้กันไม่อาจปิดบังได้


“มันคือไอ้เกลือ...” คำตอบของพี่ชายไขทุกสิ่งที่ผมสงสัยเรียบร้อยแล้ว


“พูดเชี่ยอะไรของพี่วะ!” แบงค์เป็นคนแรกที่พุ่งเข้าใส่พี่ลัน กับเรื่องเกลือแบงค์อ่อนไหวมากครับ มันไม่ยอมให้ใครมาหลอกหรือให้ความหวังอีกแล้วว่าเกลือยังมีชีวิตอยู่ ขณะที่ผมก้าวเข้าไปหาผู้ชายที่ยืนนิ่งให้ผมพิจารณาใบหน้านั้นอย่างไม่เข้าใจ


เพียงแค่สามปี คนเราจะเปลี่ยนไปได้มากขนาดนี้เชียวเหรอ


“มันประสบอุบัติเหตุอย่างที่พวกมึงรู้ แต่มันไม่ใช่เด็กกำพร้าอย่างที่บอกพวกมึง มันเป็นทายาทดารารายกรุ๊ปที่หนีออกจากบ้านแล้วไปก่อเรื่องมาเลยโดนล่า พ่อกับพี่มันเลยตัดสินใจแปลงโฉมมันตอนที่กำลังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล แต่อุบัติเหตุครั้งนั้นทำให้มันความจำเสื่อม มันจำพวกมึงไม่ได้หรอก”


“แล้วพี่มาบอกพวกเราทำไม...” ผมเอ่ยถามพี่ชายเสียงแผ่ว ในเมื่อเลือกปิดบังแล้วจะมาบอกอีกทำไมวะ มาบอกทั้งที่เรากลายเป็นคนแปลกหน้าต่อกัน


เพื่อนของผม...ไม่มีอะไรเหมือนเดิมอีกแล้ว


“นี่พี่กุเรื่องขึ้นหรือเป็นเรื่องจริง” แบงค์จ้องหน้าพี่ลันเขม็ง เมื่อพี่ลันพยักหน้าแบงค์ก็หันหลังกลับไปเผชิญหน้ากับร่างสูงขณะที่อีกฝ่ายกอดอกระวังตัวแจเพราะไม่รู้ว่าแบงค์จะทำอะไร คงเพราะเขาไม่มีความทรงจำเหล่านั้นเหมือนกับผมและแบงค์เขาจึงไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดของการได้พบกันอีกครั้งของพวกเรา


“เป็นมึงเหรอวะ” แบงค์เอ่ยขึ้น กวาดตาขึ้นลงสำรวจเพื่อนเก่า “แม่งไม่มีเชี่ยอะไรหลงเหลือความเป็นมึงไว้สักอย่างเลยนะ หึ แต่ก็สมกับเป็นมึงดี”


“เออ กูไม่มีความทรงจำอะไรทั้งนั้นแหละ” เขาหันไปหาพี่ลัน “สองคนนี้จะช่วยผมได้เหรอวะพี่”


“กูไม่รู้หรอกนะธาร มึงต้องลองดูเอง เอาล่ะ หมดหน้าที่กูแล้ว กูบอกในสิ่งที่ควรบอกไปแล้ว ที่เหลือก็อยู่ที่พวกมึงว่าจะทำยังไงต่อ จะคบกันเป็นเพื่อน หรือจะเลือกกลบฝังความทรงจำพวกนั้นไว้ก็เป็นเรื่องของพวกมึง”


พี่ลันกล่าวเท่านั้นก่อนจะเดินไปอีกทาง ทิ้งให้เราสามคนอยู่ด้วยความกระอักกระอ่วน จะเรียกเพื่อนก็ทำได้ไม่เต็มปาก ฝ่ายนั้นเห็นว่าเราคงมีเรื่องคุยกันยาวเลยเดินนำไปยังบริเวณเก้าอี้ม้าหินอ่อนข้างสนามฟุตบอล


“เอาล่ะ กูเป็นคนตรงๆ ช่วยเล่าเรื่องของกูที่พวกมึงรู้จักให้ฟังหน่อย” เขาเปิดการสนทนาระหว่างเรา ซึ่งคนเล่าก็มีเพียงผมเพราะแบงค์เอาแต่จ้องหน้าอีกฝ่ายไม่วางตา จนเขาเริ่มอึดอัดแล้วยกมือเบรกผม


“พอก่อนพู มึงอะ จะจ้องหน้ากูทำไมนักหนาวะ”


“กูอยากรู้ว่ามีอะไรที่มึงเหมือนเดิมบ้าง”


“หึ ทำไมวะ อยากเป็นเพื่อนกับกูขนาดนั้น”


“ไม่เคยอยากเป็นเพื่อน...”


“ห้ะ!”


“เอ่อ...ฟังกูเล่าต่อดีกว่าโน๊ะ เผื่อมึงจะจำอะไรได้บ้าง” ผมรีบหยุดก่อนที่แบงค์จะเผลอเผยอะไรออกไปให้เสียเรื่อง ความรู้สึกมันผมไม่อยากละเลยหรอกครับ แต่สภาพไอ้เกลือตอนนี้แทนที่จะสมหวังอาจจะมีปล่อยหมัดช้ำในกันซะมากกว่า


“กูเริ่มไม่อยากจำล่ะ แค่คิดว่าเป็นเพื่อนกับไอ้หมอนี่ก็ขนลุกขนพองล่ะ”


“อย่างอื่นก็พองได้นะ” แบงค์พูดยิ้มๆ ขณะที่อีกคนหน้าบึ้งไปแล้ว


“มึงเลิกคบมันเถอะพู เพื่อนแบบนี้มีไปก็เสื่อมสมอง”


“โห เล่นศัพท์ยากเหมือนกันนี่เรา” เอาแล้วครับ นิสัยเดิมของไอ้แบงค์เริ่มออกลายล่ะ สมัยที่มีกันสามคนไอ้นิสัยกวนบาทาของแบงค์ไม่เคยแพ้ใครนะครับ ก็เห็นมันกวนอยู่คนเดียวนี่แหละ


“สัดแบงค์ มึงจะไม่หยุดใช่ไหม...อึก” ร่างสูงกุมขมับด้วยใบหน้าบิดเบี้ยว เราสองคนจึงรีบถลาเข้าไปดูอาการทันที


“ปวดหัวเหรอวะไอ้เกลือ” ผมถามด้วยความเป็นห่วงขณะที่ไอ้แบงค์รีบต่อสายเรียกรถพยาบาลจนร่างสูงต้องคว้าโทรศัพท์มากดตัดสายไป


“กูไม่ได้เป็นอะไรมาก หยุดเลยนะมึงไม่ต้องมาทำปากเบะ น่าเกลียดชิบหาย” เขาชี้หน้าแบงค์ดุๆ ก่อนจะหันมาหาผม “กูชื่อธาร เรียกกูว่าธารเถอะ อย่างน้อยนั่นก็ชื่อที่แท้จริงของกู”


“ยังไงมึงก็คือไอ้เกลือสำหรับพวกกู และกูจะไม่เปลี่ยนชื่อเรียกมึง” แบงค์พูดเสียงหนักแน่น มันสบตาผมอย่างที่เรารู้กัน ธารคือเพื่อนใหม่ที่เราเพิ่งรู้จัก แต่เกลือคือเพื่อนที่เราผูกพันมานาน


อย่างน้อยถ้าจะต้องเปลี่ยนคำเรียก พวกเราจะยอมเปลี่ยนก็ต่อเมื่อมันจำเราทั้งคู่ได้แล้วจริงๆ








Tbc.










⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀
เมื่อไม่มีความคิดเห็นในเรื่องของเกลือ เราเลยตัดสินใจให้เกลือจบในเรื่องนี้ค่ะ 555 เพราะงั้นจึงต้องมาพบกัน และถึงจะจำกันไม่ได้ แต่ความเป็นเพื่อนยังซ่อนอยู่นะเออ ส่วนความรู้สึกลึกไปกว่านั้นยังตอบไม่ได้ค่ะ ต้องรอติดตาม :hao3:


กลับจากที่ทำงานก็รีบเขียนเลย 555 วันนี้ใครๆ เขาหยุดกัน แต่เราไม่ได้หยุด  :mew6: แต่งนิยายย้อมใจกันไปค่ะ มีตรงไหนติดใจสงสัยเม้นบอกได้นะคะ คนเขียนก็เบลอๆ 5555


ขอบคุณสำหรับคอมเมนต์ค่ะ เจอกันตอนหน้า  :mew1:


ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2685
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
โอ๊ยยยย มาเจอกันจนได้ พูกับแบงค์ก็เจ็บไป เพราะจำไ้ด้ว่าเคยเสียเพื่อน
เกลือหรือธารก็คนเดียวกัน แต่เมื่อไหร่จะจำได้ล่ะ ต้องรักมาก สนิทมาก เพราะไม่ลืมกันเลย

ถั่วน้องน่ารัก น่ายำมาก สมควรถั่วพี่จะชอบฟัด ชอบแกล้ง
เค้าสารภาพรักกันแล้ว เป็นแฟนกันแล้ว เจตได้อ้อนสมใจแล้ว

แอลน่ารักมากค่ะ ถั่วพี่รับรักแล้วนะ คบกันยัง


ออฟไลน์ peettato

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 13
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
สู้ๆน้องแบงค์  o13

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
รอคู่รอง อิอิ

ออฟไลน์ janeta

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 155
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +74/-2
บทที่ 29
เหตุเกิดเพราะ...ลักพาตัว




[ลัน]


หลังจากบอกความลับให้น้องชายได้รู้ผมก็เดินจากมา ปล่อยให้พวกมันได้คุยกันเผื่อความทรงจำเหล่านั้นจะกลับมา ส่วนตัวผมก็มาหยุดอยู่หน้าบ้านหลังหนึ่งเช่นเคย


“อ้าว ลัน มาแล้วทำไมไม่กดกริ่งล่ะจ้ะ” หญิงสาววัยกลางคนเดินสะพายกระเป๋าใบเล็กออกมาจากบ้านหลังนั้น เธอส่งยิ้มให้ผมก่อนจะตะโกนเรียกลูกชายของเธอ


“แอล ลันมาหาน่ะ”


ไม่นานนักคนตัวเล็กก็วิ่งพรวดออกมาจากกรอบประตูด้วยสีหน้าแตกตื่น ก่อนจะผลุบซ่อนอยู่หลังประตูอย่างคนขี้อาย


ก็สภาพของแอลน่ะเพิ่งตื่นเอง ผมเผ้าชี้ฟู แต่ก็ยังดูน่ารักในสายตาผมอยู่ดี


ผมยกมือไหว้สวัสดีคุณน้าก่อนจะขอตัวเข้าไปหาเด็กดื้อที่หลบหน้าผมมา 2 สัปดาห์แล้ว ตั้งแต่วันที่ผมบอกชอบเขา แอลก็มักจะหาเรื่องหนีไปตลอด มาหากี่ครั้งก็ได้รับคำตอบจากแม่แอลเช่นเคย ว่าไปเที่ยวกับเพื่อนบ้าง ออกไปซื้อของบ้าง ผมก็ยอมอดทนรอดักเจอเขา แต่พอเจ้าตัวรู้ว่าผมยังอยู่ก็โทรมาขอค้างบ้านเพื่อนทันที


พอเห็นว่าฝ่ายนั้นไม่อยากเจอผมก็ยอมถอย ไม่อยากให้แอลต้องไปค้างบ้านคนอื่นแม้จะเป็นเพื่อนสนิทก็ตาม คุณน้าเองก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะเรารู้จักกันดีอยู่แล้ว บางวันที่แอลไม่อยู่ก็ชวนเข้าครัวทำอาหาร แอบกระซิบบอกว่าทุกครั้งที่ผมทำอาหารแอลจะกินมากกว่าทุกที ช่วงนี้เลยดูมีน้ำมีนวลมากขึ้น ผมเองก็พลอยมีความสุขไปด้วย แม้ระยะหลังจะไม่ค่อยได้เข้ามาหาเพราะผมเองก็ต้องอยู่กับครอบครัวให้สมกับที่หายหัวไปนาน


“แอล ไม่ต้องมาหลบเลย” ผมจับแขนแอลพยายามจะหนีให้หันมาเผชิญหน้ากัน แอลเสตาหลบด้วยใบหน้าแดงก่ำ คงกำลังคิดเรื่องที่ผมวันนั้นพูดอยู่แน่ๆ หรือไม่ก็คงอายที่ผมเห็นเขาในสภาพแบบนี้


“ไม่ได้หลบนะ” แอลตอบเสียงเบา พยายามดึงมือผมออก แต่เรื่องอะไรจะยอมล่ะ ก็จะเข้าถึงตัวได้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย


“งั้นก็หันมาคุยกับพี่สิ” ผมแตะใบหน้าใสให้หันมามองกัน ดวงตาคู่นั้นมีแวววูบไหว และผมรู้ดีว่าแอลคงไม่มั่นใจในสิ่งที่ผมพูดเท่าไรนัก “พี่ไม่ได้ขอให้แอลเชื่อว่าพี่ชอบแอล แต่พี่ทำให้แอลเห็นอยู่ตลอดไม่ใช่เหรอว่าชอบน่ะ” ผมเน้นคำว่าชอบเป็นพิเศษ ซึ่งดูเหมือนแอลก็คงได้ยินชัดเจนถึงได้หน้าแดงก่ำอย่างนั้น


“ก็ผมไม่รู้ว่าพี่พูดจริงหรือล้อเล่น บางทีพี่ก็ทำเหมือนชอบ แต่บางที...คำพูดพี่ก็เหมือนว่าเราไม่ได้เป็นอะไรกันเลย” แอลเบือนหน้าไปทางอื่นด้วยสีหน้าหมองลง


“ขอโทษนะที่ทำให้นายคิดมาก คือพี่...ชอบแกล้งคนที่ชอบน่ะ ยิ่งเห็นนายคิดเรื่องพี่มากเท่าไหร่พี่ยิ่งรู้สึกเหมือนเป็นคนสำคัญมากเท่านั้น อย่าว่าแต่นายเลย ไอ้พูพี่ก็แกล้งมันประจำ แกล้งให้มันโกรธมันจะได้เข้ามาโจมตีคืน แล้วพี่ก็จะกอดมันไว้แบบนี้” ผมดึงคนตัวเล็กเข้ามากอดไว้อย่างเนียนๆ ซึ่งเด็กหัวอ่อนอย่างแอลตามเกมผมไม่ทันหรอก กว่าจะรู้ตัวก็ถูกผมตอดเล็กตอดน้อยไปแล้ว


“พี่ลัน!”


“ครับ”


“ปล่อยแอลเลย”


“เรื่องอะไรล่ะ กอดแฟนมันผิดตรงไหน”


“ผะ...ผมไม่ใช่”


“เป็นสิ แอลเป็นตั้งแต่วันที่กระโดดน้ำตามพี่ไปแล้วรู้ไหม” ผมมองคนที่สบตากันอย่างไม่เข้าใจ แอลคงไม่รู้หรอกว่าสิ่งที่เขาทำมันกระทบใจผมมากแค่ไหน ที่ผมทำวันนั้น ที่บอกให้เธอตายไปพร้อมกันเป็นเพียงข้ออ้าง เพราะรู้ดีอยู่แล้วว่าผู้หญิงคนนั้นแค่หลงใหลรูปลักษณ์ภายนอก เธอไม่มีวันกระโดดลงน้ำไปพร้อมกัน


ขณะที่ชั่ววินาทีนั้นผมเองก็คิดที่จะตายและจมหายไปในน้ำเพราะหลายอย่างมันสุมทุมอยู่ในอกจนแทบจะหาทางออกไม่ได้ บางทีหากผมตายทุกอย่างคงจบ ครอบครัวผมจะปลอดภัยหากความลับพวกนั้นจมหายไปตลอดกาล


แต่พอลืมตาขึ้นและเห็นแอลที่กระโดดตามมา หัวใจของผมก็เต้นแรงขึ้นและปรารถนาที่จะมีชีวิตอยู่ ผมมีแรงสู้ต่อไปก็เพราะแอล ยิ่งได้รู้ว่าศัตรูเล็งทำร้ายแอลด้วย ผมยิ่งพร้อมจะถอนรากถอนโคนพวกมัน ซึ่งป่านนี้คงดิ้นเร่าๆ เพราะความชั่วของพวกมันคืนสนอง


“ผมเป็นได้เหรอครับ” แอลพูดเสียงอู้อี้อยู่ในลำคอ ก่อนจะเงยหน้าสบตาผมอย่างคาดหวัง


ผมไม่ตอบแต่โน้มหน้าลงจุมพิตแผ่วเบาที่ริมฝีปากแอล ไม่ได้ล่วงล้ำแต่ก็กดเน้นย้ำดูดดึงก่อนจะผละออก


“พี่ไม่ได้จูบใครก็ได้นะ สิทธิ์นี้มอบให้แค่แฟน” ส่งยิ้มละไมยืนยันคำพูด กอดแล้วแน่นและฟังเสียงหัวใจของเราเต้นดังไปพร้อมกัน
.
.
.
.
.
“นี่สรุปว่าพี่เป็นแฟนแอล” ไอ้พูมองผมสลับกับแอลด้วยใบหน้าบึ้งตึง ผมคิดว่ามันจะดีใจซะอีกที่แอลมาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวเรา “ไอ้คนที่เหมือนเราทุกอย่างคือไอ้พี่ลันเหรอ” พูหันไปถามคนตัวเล็กด้วยสีหน้าเซ็งๆ พอแอลพยักหน้ารับเขินๆ พูก็หรี่ตาใส่ผมอย่างไม่พอใจ


“ให้เกียรติพี่มึงบ้างพู มาใช้ไอ้นำหน้าชื่อพี่ได้ไง”


“ทีพี่ยังเรียกผมไอ้เลย เหอะ ปาดหน้าเค้กว่ะ น้องยังไม่ทันสารภาพรักไปรู้จักกันตอนไหนวะ”


“เรื่องของพวกกู ที่พาแอลมาก็แค่บอกให้มึงรู้ ส่วนพ่อกับแม่เดี๋ยวกูคุยเอง”


“เขารู้กันนานเป็นชาติล่ะ” ผมขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ รู้ได้ไงวะ กูยังไม่ได้บอกหรือมีท่าทีว่าชอบผู้ชายเลยนะ “พูบอกเองอะ ใสๆ” น้องชายผมเฉลยด้วยใบหน้ากวนๆ เห็นแล้วทนไม่ได้ต้องจับมันมาฟัดให้หายมันเขี้ยว


“ไอ้พี่ลัน! พอโว้ยพอ ต่อหน้าแฟนยังไม่หยุดอีก แอลดูดิ ผู้ชายแบบนี้ไม่เหมาะกับแอลหรอก ฟัดน้องได้ไง มันต้องฟัดแฟนมันใช่เหรอ” พูรีบดิสเครดิตผมทันทีเลยครับ ไอ้น้องเวร แอลยิ่งคิดมากอยู่ ผมหยุดการกระทำลง ลอบมองแฟนหมาดๆ ที่มองมาทางพวกผมยิ้มๆ


“เราไม่คิดมากหรอก ดีซะอีก พี่น้องสนิทกัน เรากับเจตน่ะไม่ค่อยแสดงความรักกันแบบนี้สักเท่าไร”


“ดีแล้วๆ ถ้าเป็นเรานะหึงตายเลย เราไม่ชอบให้แฟนตัวเองไปกระหนุงกระหนิงกับคนอื่นหรอก ยิ่งน่ารักแบบแอลนะ พูคงเอาเรื่องพี่เจตแน่ๆ แม้จะเป็นญาติกันก็เถอะ”


“อ้าว ไม่โกรธแอลเหรอ”


“แอลน่ารัก เราไม่โกรธ” พูพูดยิ้มๆ ส่งสายตาให้แอลแบบที่ผมต้องขัดขึ้น


“นี่แฟนกู” ผมโอบไหล่แอลเข้าหาตัว ประกาศใส่น้องชายให้เลิกยุ่งกับคนของผมสักที แฟนมันก็มีเป็นตัวเป็นตนแล้วนะ


“โห่ ไรวะ ขี้หวงว่ะ พูไม่ขัดขวางความรักของพี่ก็ดีแค่ไหนแล้ว เลิกขวางเรื่องผมกับพี่เจตบ้างสิ”


“กูจะขวางมีไรไหม” ผมยักคิ้วอย่างเหนือกว่า


“หมายความว่าพี่ลันไม่ยอมรับเจตเหรอครับ” แอลพูดนิ่งๆ ขยับตัวออกจากอ้อมแขนของผมแล้วหันมาเผชิญหน้ากัน “เจตผิดอะไร”


“ก็พี่ไม่ชอบขี้หน้ามันอะ” หลบตาแอลที่มองมาอย่างผิดหวัง ก่อนจะเอ่ยต่อด้วยเสียงอ้อมแอ้ม “ก็พี่หวงพู จะเลือกคนรักสักทีพี่ก็อยากให้ได้ดีๆ หน่อย ถ้าเป็นผู้หญิงพี่จะไม่คิดมากอะไรเลย แต่นี้ผู้ชายอะ มันต้องคิดจะเสียบน้องชายพี่แน่ๆ”


“อย่างกับพี่ไม่เคยคิดจะเสียบแอล อุ๊ปส์” ไอ้พู ไอ้น้องเวร!


“พี่คิดจะทำกับผมแบบนั้นหรือเปล่าครับ” แอลถามด้วยใบหน้าขึ้นสี คงรู้ดีว่าความหมายที่พูว่าคืออะไร


“ก็...มีบ้าง” ผมหลบตาเล็กน้อย ไม่กล้าบอกเลยว่าคิดอยู่ทุกครั้งที่เราอยู่ใกล้กัน


“แล้วจะแปลกอะไรครับที่เจตจะคิดกับพูแบบนั้น”


“ช่ายยยย เลิกขัดขวางได้แล้ว ไว้พี่เจตมีชู้พูยอมให้พี่ตื้บเลย”


“กูไม่ทำร้ายน้องตัวเอง”


“ก็ไม่ได้หมายถึงพู หมายถึงพี่เจตต่างหาก ถ้าเขาทำพี่ก็จัดการให้พูไง”


“ทำไมกูต้องยอมเสี่ยงให้น้องอย่างมึงต้องเจ็บก่อน สู้ตัดไปเลยไม่ดีกว่าเหรอ มึงจะได้ไม่ต้องรอวันเจ็บ”


“แล้วถ้าผมบอกให้พี่เลิกกับแอลเพราะไม่อยากให้พี่เจ็บล่ะ พี่จะเลิกไหม”


“ไม่มีวัน”


“นั่นไง ไม่มีวัน คำตอบผมก็เหมือนพี่ ให้ผมได้เรียนรู้เรื่องนี้ด้วยตัวเองเถอะพี่ลัน ผมอยากรู้จักความรัก และถ้าปลายทางมันไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ พูก็จะคิดเสียว่ามันไม่ใช่ทางของเรา”


“พูดดีชิบหาย จะให้กูไปขัดอะไรต่อได้วะ เออ อยากเรียนรู้อะไรก็เรื่องของมึง แต่ถ้าร้องไห้ขึ้นมาอกกูว่างให้ซบเสมอมึงรู้ใช่ไหม”


“อื้ม” ผมลูบหัวน้องชายเบาๆ ก่อนที่เจ้าของเขาจะรีบเดินเข้ามา


“ของโทษที่ช้านะพู สอบวันนี้มันยากน่ะเลยทำจนหมดเวลาสอบเลย” เจตทิ้งตัวลงนั่งข้างพู ก่อนจะหันมามองผมที่โอบเอวแอลไว้หลวมๆ แอลสะดุ้งนิดๆ แล้วดันแขนผมออก แต่เรื่องอะไรผมจะยอม


“กูคบกับแอล” ทันทีที่สิ้นประโยคนั้นผมก็เห็นประกายโทสะในตาของเจต ก่อนที่มันจะลุกพรวดมากระชากคอเสื้อผม ซึ่งผมเองก็ปล่อยให้มันทำ ไม่อย่างนั้นมันคงถลาหน้าคว่ำกับโต๊ะเพราะผมเบี่ยงตัวหลบ


“มึงไม่ชอบที่กูคบกับพูกูไม่ว่า แต่ถ้ามึงจะแก้แค้นโดยการเอาน้องกูไปเป็นของมึง มันมากเกินไปว่ะ”


“เจต...”


“พี่เจต ปล่อยพี่ลันก่อน” พูพยายามช่วยดึงมือแฟนออกไป แต่เด็กอย่างมันจะไปทำอะไรได้ ผมเลยจัดการง้างข้อมือมันออกเอง เจตมีสีหน้าเรียบนิ่งเหมือนไม่รู้สึกอะไร แต่ข้างในผมรู้ว่ามันเจ็บเพราะผมจัดการบิดข้อมือมันในท่าที่อันตรายพอสมควร เรียกได้ว่าถ้าไม่ยั้งแรงละก็คงมือมันคงได้หักแน่ๆ


“มีดีแค่นี้มีสิทธิ์อะไรมาขอให้กูยอมรับมึง” ผมสบตาคนที่มองมาอย่างไม่พอใจ “และอีกอย่าง เรื่องของแอลกับกูเราตัดสินใจร่วมกัน ไม่มีใครฝืนใจใคร อย่ามาดูถูกความรักของกู” พูดจบผมก็พาแอลออกจากตรงนั้น ก่อนที่จะระเบิดเผลอชกหน้าแฟนน้องชาย กล้าดียังไงมาคิดว่าผมคบแอลเพื่อแก้แค้นที่มันแย่งน้องชายไป ไร้สาระสิ้นดี


“ใจเย็นๆ นะครับพี่ลัน” แอลลูบแขนผมปลอบใจ หันเข้าหาเขาแล้วโอบกอดร่างเล็กไว้ ขอบคุณที่เขาไม่คิดอย่างเดียวกับพี่ชาย เพราะผมคงทนไม่ไหวหากต้องเสียแอลไป


บรื้น! เอี๊ยด!


ชั่ววินาทีที่เสียงบดล้อจอดลงด้านหลังของผม กระแสไฟฟ้ารุนแรงก็แล่นวาบไปทั้งตัว ผมรีบผลักแอลออกไม่ให้เขาได้รับอันตราย แอลมองผมด้วยสีหน้าตกใจและพยายามวิ่งเข้ามาหาผมที่ทรุดลงอย่างอ่อนแรง


ภาพสุดท้ายที่ผมเห็นในระยะสายตาคือใครบางคนที่ส่งยิ้มจอมปลอมให้คนตัวเล็กที่ถอยหลังหนีด้วยใบหน้าตื่นกลัว ก่อนที่มันจะฉุดลากตัวแอลขึ้นรถอีกคันไป


ทิ้งให้ผมมองตามพร้อมสติที่ค่อยๆ ดับวูบ


แอล...






Tbc.






⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀⇀

แอลโดนลักพาตัวไปแล้ววววววว โดยคนที่คุณก็รู้ว่าใครรรรร ส่วนพี่ลันไม่ได้กากนะ เขาโดนไฟฟ้าช็อตโดนไม่ทันตั้งตัว เก่งแค่ไหนก็สู้ไม่ไหวค่ะ เอาใจช่วยพี่ลันน้องแอลด้วยน้า

ขอบคุณสำหรับคอมเมนต์ค่ะ เจอกันตอนหน้า  :mew1:


ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ GuoJeng

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1268
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
คู่อริเก่าแอลอีกแล้วเหรอ คราวนี้คงจะโดนถอนรากหมดแน่ๆ
 รออ่านต่อ

ออฟไลน์ MSeraph

  • This too shall pass
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1753
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-3
ปมสุดท้ายยยแล้ว
พี่ลันตามไปช่วยแอลเรววว

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด