บทที่ 31
เหตุเกิดเพราะ...แผนลับ (แบงค์xธาร)
ผมวนเวียนอยู่ในความฝันที่หาทางออกไม่เจอมาตลอดสามปี สามปีที่ตื่นขึ้นมาแล้วจำไม่ได้ว่าตัวเองฝันว่าอะไร มันน่าหงุดหงิดนะ แต่ผมก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากออกไปหาคำตอบด้วยตัวเอง มีเรื่องชกต่อยกับคนอื่นไปทั่วเผื่อจะเจอคู่อริที่เคยทำร้ายผม แต่ถึงแม้จะสู้เท่าไหร่ ผมก็รู้ดีว่า...ไม่มีใครจำผมได้อีกแล้ว
การตัดสินใจของพ่อและพี่ชายอาจจะดีสำหรับชีวิตของผม แต่ไม่ดีเลยที่จะตามหาคนในความทรงจำเหล่านั้น คนที่ยิ้มและหัวเราะไปพร้อมกัน คนที่ผม...จำใบหน้าของเขาไม่ได้เลย
จนกระทั่งวันหนึ่งที่พี่ลัน รุ่นพี่ที่มักจะเข้ามาเยี่ยมผมทุกวันหลังเกิดอุบัติเหตุเลือกที่จะพาเด็กหนุ่มสองคนมาเจอผม แม้ผมจะมั่นใจว่าไม่มีทางรู้จักคนทั้งคู่ แต่สายใยที่ขาดหายคล้ายกับถูกเชื่อมกันอีกครั้ง โดยเฉพาะสายตาของใครคนหนึ่งที่เปลี่ยนไปทันทีที่รู้ว่าผมเป็นคนในอดีตของเขา
“วันนี้ไปไหนดีวะมึง”
เจ้าของเสียงทุ้มที่มักจะมาหาผมที่บ้านทุกวันกลายเป็นสีสันของทุกคนในบ้าน เขาเดินเข้ามาหาผมเมื่อได้รับอนุญาตจากคุณหญิงดาราราย แม่ของผมเอง
“ไม่ไปไหนทั้งนั้น กูจะนอนเล่นเกม” ผมนอนเหยียดบนโซฟาเล่นเกมมือถืออย่างไม่สนใจมัน ซึ่งอีกฝ่ายก็ไม่หยี่ระกับท่าทางที่ผมไล่กรายๆ นั่น กลับทิ้งตัวนั่งบนโซฟาอีกตัวแล้วกดเล่นเกมเงียบๆ ระหว่างเรามีเพียงเสียงจากเกมเท่านั้น
“ฉันน่าจะให้แกมาพัฒนาเกมบริษัทนะ”
ไม่ทันไรพี่ชายของผมก็เดินเข้ามาพร้อมกลิ่นน้ำหอมฟุ้ง เดาได้ไม่ยากว่าวันนี้พี่ชายคงมีนัดเดทกับแฟนหนุ่มของเขาเช่นเคย
“พี่ก็ให้ผมออกจากโรงเรียนดิ แล้วจะต่อยอดงานให้” ผมบอกพี่ชายเป็นครั้งที่ร้อยแต่ก็ได้รับคำตอบเดิมกลับมา
“เรียนให้จบก่อนแล้วค่อยว่ากัน”
เหอะ พูดงี้ทุกทีแล้วจะถามทำไมวะ ผมได้แต่บ่นในใจ ปรายตามองคนที่นั่งเล่นเกมอย่างเมามัน สายตาของแบงค์เวลาจดจ่ออยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่งไม่รู้ทำไมถึงดึงดูดสายตาของผมนัก ผมมองมันเล่นเกมแพ้บ้างชนะบ้างอย่างเพลินๆ แต่พออีกฝ่ายจะเงยหน้าขึ้นผมก็รีบก้มลงกดเข้าเกมต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น พอได้ยินเสียงเล่นเกมต่อของอีกฝ่ายผมก็เงยหน้ามองมันอีกครั้ง ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไปเพื่ออะไร
“มองแบบนั้น จำกูได้แล้วใช่ปะ” แบงค์พูดขึ้นโดยไม่ละสายตาจากเกม รอยยิ้มมุมปากของมันทำผมหงุดหงิดเล็กน้อยปฏิเสธไม่ได้เพราะมองมันอยู่จริงๆ ผมทำเมินสิ่งที่มันพูด กวักมือเรียกแม่บ้านให้ยกน้ำมาเสิร์ฟเพราะเริ่มรู้สึกกระหายน้ำ
“เมื่อไหร่มึงจะเลิกยุ่งกับกูสักที บอกแล้วไงว่ากูจำไม่ได้ อีกอย่างรู้จักกันแค่ปีเดียวไม่ใช่เหรอวะ มึงจะมาวุ่นวายอะไรกับกูนักหนา ตอนนี้กูไม่ใช่คนที่มึงเคยรู้จักอีกแล้วนะ”
“เอาน่า เจอหน้ากันบ่อยๆ เดี๋ยวมึงก็จำกูได้เอง หล่อๆ แบบกูลิมิเต็ดเอ็ดดิชั่นนะครับ”
“กูไม่อยากจำมึงได้” ผมตัดบท รับน้ำจากแม่บ้านมาดื่มก่อนจะลุกขึ้นเตรียมตัวออกไปข้างนอก
“จะไปไหนวะ”
“เรื่องของกูไหมล่ะ”
“งั้นกูไปด้วย”
“ยุ่งจริง” ผมบ่นใส่มัน แต่สุดท้ายก็ยอมให้มันตามไปด้วย
ผมเดินนำเข้ามาในร้านอาหารอิตาเลียนชื่อดังก่อนจะสั่งเมนูที่อยากกินมาสองสามอย่าง ยื่นเมนูให้อีกฝ่ายที่ส่ายหน้าปฏิเสธ
“กูไม่แดกของเลี่ยน”
“ทีบิงซู ไม่เห็นมึงจะบอกว่าเลี่ยน...” ผมบ่นพึมพำก่อนจะชะงักไป เช่นเดียวกับคนตรงข้ามที่ชะโงกหน้าเข้ามาหาอย่างตื่นเต้น
“เมื่อกี้มึงพูดว่าไงนะ!”
ผมไม่ตอบ เลือกที่จะนั่งเงียบเพื่อทบทวนคำพูดของตัวเองเมื่อครู่ มันไม่เคยบอกผมว่าชอบกินอะไร แล้วทำไมผมถึงรู้ว่ามันชอบกินบิงซู
“สั่งเยอะแบบนี้กะจะขุนกูให้อ้วนรึไงวะ” เสียงโวยวายแว่วมาจากโต๊ะข้างๆ ผมหันไปมองเจ้าของเสียงด้วยความรู้สึกคุ้นหน้าอย่างประหลาด แต่จำไม่ได้ว่าเคยเห็นที่ไหน ขณะที่คนตรงข้ามลุกพรวดไปหาอีกฝ่ายทันที
“แหมๆ มาเดทกันเหรอครับพวกมึง” แบงค์เอ่ยขึ้นก่อนจะแทรกตัวนั่งข้างผู้ชายคนหนึ่ง
“ยุ่งจริงนะมึงน่ะ แล้วก็เลิกหาเรื่องชวนไอ้เผือกไปเหล่สาวได้แล้ว กูขี้เกียจตามหึง” เผือก...ชื่อนี้คุ้นหูมากจริงๆ ผมไล่สายตาสำรวจผู้ชายที่แบงค์โอบคออยู่ ทั้งส่วนสูงและหน้าตาบ่งบอกได้ชัดเจนว่าผมต้องเคยรู้จักคนๆ นี้ น่าแปลกที่รู้สึกมากกว่าพูหรือแบงค์เสียอีก
“กูว่ามึงได้หึงอีกนาน เมื่อวานกูเพิ่งเห็นเมียชั่วของมึงออกไปแรดกับสาวๆ อยู่เลย” แบงค์เหล่ตามองคนข้างตัวแล้วยิ้มร้าย ซึ่งอีกฝ่ายก็ถองศอกใส่ดังพลั่ก ท่าทางมันคงเจ็บน่าดู
“แต่ก่อนจะยุแยงความรักของพวกกู หันไปมองคนที่มึงมาด้วยกันก่อนไหม มองเมียกูแบบนั้นหมายความว่าไง”
“ห้ะ!” แบงค์หันมาตามคำพูดของคนๆ นั้น กลายเป็นว่าทุกคนหันมามองผมกันหมด ก่อนที่แบงค์จะแนะนำผมให้ทั้งคู่รู้จัก
“อ้อ กูลืมแนะนำไปเลย ไอ้เฟรมเพิ่งเข้ามาตอนม.ปลายมึงคงไม่รู้จัก แต่ไอ้เผือกอยู่กับพวกกูมานานมึงน่าจะรู้จักกันดี” แบงค์ส่งยิ้มให้ผมก่อนจะเอ่ยแนะนำ
“นี่ไอ้เกลือ เพื่อนซี้ปึ้กของกู”
เพล้ง!
ช้อนสแตนเลสร่วงกระทบจานทันทีที่แบงค์เอ่ยจบ ผมลอบสังเกตใบหน้าของเผือกที่ซีดลงเรื่อยๆ ก่อนที่ฝ่ายนั้นจะลุกพรวดเข้าห้องน้ำไปอย่างว่องไว
“อ้าว ไปไหนละนั่น หึ มันคงปวดฉี่ละมั้ง” แบงค์หัวเราะนิดๆ ก่อนจะเอ่ยแนะนำผมให้เฟรมรู้จักต่อไป อีกฝ่ายก็ฟังซื่อๆ ต่างจากผมที่สงสัยในตัวของเผือกมาก จึงอดไม่ได้ที่จะตามเขาไป แอบฟังเสียงกระซิบที่ดังลอดออกมาจากห้องน้ำห้องหนึ่ง
“ขะ...เขา ยังไม่ตาย”
(ใคร...)
“กะ...เกลือ เกลือยังอยู่”
(มึงว่าไงนะ เวรชิบ! เดี๋ยวกูโทรหามึงอีกที) ปลายสายถูกตัดไปพร้อมกับเสียงสะอึกสะอื้นของคนในห้องน้ำ
“กูขอโทษ...กูไม่ได้ตั้งใจ”
ผมกดล็อกประตูห้องน้ำโดยไม่ลืมแขวนป้ายทำความสะอาดไว้ด้านหน้า กวาดตาดูรอบๆ ไม่เห็นใครคนอื่นอยู่ในห้องน้ำจึงเอ่ยขึ้น
“หมายความว่ายังไง”
“มะ...มึง” เกลือเปิดประตูห้องน้ำออกมาเผชิญหน้ากับผม ก่อนจะรีบวิ่งพรวดเพื่อหนีผ่านผมไป แต่ยังช้ากว่ามากนักเมื่อผมดึงแขนมันไว้แล้วลากกลับเข้าไปในห้องน้ำ
“เล่ามา...ทั้งหมดทุกเรื่องที่มึงรู้เกี่ยวกับตัวกู” ผมจ้องเข้าไปในดวงตาสั่นไหวนั่น และรับฟังเรื่องราวที่ผมไม่เคยรู้เลย
“อึก” ผมกุมหัวเมื่อรับรู้ทุกเรื่องราวทั้งหมด จิ๊กซอว์ที่ขาดหายคือเรื่องนี้นี่เอง
“เกลือ!” เผือกเข้ามาพยุงผมทันทีที่เห็นท่าทางไม่สู้ดีของผม แต่ผมส่ายหน้าเอ่ยปลอบมันที่รู้สึกผิดกับเรื่องเมื่อหลายปีก่อน มันเลือกทรยศผมเพื่อคนที่มันรัก
ผมกลับออกมาจากห้องน้ำก็เห็นแบงค์เดินทำหน้ากังวลเข้ามาหา
“เป็นอะไรหรือเปล่าวะ กูเห็นมึงหายไปนานเลย หรือว่าปวดหัว” มือหนายกขึ้นแตะหน้าผากผม ผมมองหน้าเพื่อนเก่าด้วยความรู้สึกที่ต่างออกไป บางที...เราอาจไม่ควรรู้จักกันตั้งแต่แรก
“ปวดขี้รึไงมึง” เฟรมเอ่ยทักแฟนตัวเองด้วยน้ำเสียงหยอกล้อก่อนจะลุกพรวดเข้าไปหาเมื่อเห็นดวงตาแดงก่ำของคนรัก เผือกเหลือบตามองผมนิดๆ เมื่อเห็นผมส่ายหน้าไม่ให้มันเล่าอะไร เผือกก็ทำตามแล้วเดินนำแฟนตัวเองออกจากร้านไป
“มีปัญหาอะไรกันหรือเปล่าวะ” แบงค์เดาได้จากท่าทางของเรา ผมส่ายหน้านั่งลงกินอาหารทั้งที่หมดความอยากแล้ว แต่ก็กินเพื่อจะสานต่อในสิ่งที่ทำค้างไว้
“กูมีธุระต่อ มึงกลับไปได้แล้ว” ผมเอ่ยขึ้นเมื่อจ่ายเงินเสร็จเรียบร้อย แต่แบงค์กลับไม่ฟังคำที่ผมพูด
“กูจะไปกับมึง”
“แต่กูไม่ให้มึงไป เลิกยุ่งกับกูได้แล้ว!” ผมเลือกที่จะพูดตรงข้ามกับความรู้สึก แล้วหันหลังเดินจากมา ผมรู้ดีว่ามันยังตามผมอยู่ผมจึงเลือกที่จะกวักมือเรียกวินมอเตอร์ไซค์โดยไม่ฟังเสียงคนข้างหลัง
จ่ายเงินค่ารถเสร็จผมก็เดินเข้าซอยไปยังห้องเช่าโทรมๆ หลังหนึ่ง อดีตห้องพักที่เคยหลบพ่อมาซ่อนตัว ตอนนี้มีคนอื่นเข้ามาพักอาศัยแล้ว แต่ก็นะ สิ่งที่ผมเช่าไม่ใช่ห้องบนดินสักหน่อย
ผมเปิดฝาท่อระบายน้ำแล้วไต่บันไดลงไปจนถึงพื้นข้างล่าง แล้วเดินเลียบไปตามทางท่ามกลางกลิ่นเน่าคละคลุ้ง กระทั่งถึงประตูเหล็กบานหนึ่งที่สนิทเกาะจนแทบหาช่องใส่รหัสไม่เจอ กดรหัสที่จำได้อย่างขึ้นใจแล้วผลักประตูเข้าไปทันที
ทุกอย่างยังคงอยู่ที่เดิมไม่เปลี่ยนไปไหน ปัดฝุ่นสักหน่อยทุกอย่างก็กลับมาใช้ได้ดี ผมจึงเลือกนั่งเก้าอี้ตัวโปรด เปิดเครื่องคอมที่ไม่ได้ใช้มานานแล้วส่งรหัสมอสไปยังคนที่เผือกเพิ่งโทรคุย
กูกลับมาแล้ว............................................
...................................................................
เมื่อสามปีก่อน ตอนที่ผมเพิ่งหนีพ่อมาใหม่ๆ ผมได้พบฝาแฝดคู่หนึ่งที่เพิ่งถูกนักเลงซ้อมมา สองคนนั้นดูตัวเล็กนักในความคิดของผม ตัวสั่นเทาด้วยความกลัวอยู่ในอ้อมแขนเล็กๆ ของเด็กชายคนหนึ่งที่กล้าเงยหน้าต่อกรกับอีกฝ่าย ก่อนที่เด็กคนนั้นจะถูกใครคนหนึ่งลากตัวออกไป เป็นความทรงจำที่แย่แต่ผมก็ต้องยอมรับมัน
ตอนนั้นผมเป็นเพียงคนนอก เป็นแค่เด็กอายุสิบสี่ ไม่ได้มีพละกำลังจะต่อสู้เพื่อช่วยเหลือใครแต่ก็ไม่คิดที่จะปล่อยผ่าน ผมเลือกช่วยเหลือพวกเขาในแบบที่ตัวเองถนัด...นั่นคือการแฮก
ผมแค่ต้องการให้คนเลวพวกนั้นอับอาย หรืออย่างน้อยก็เรื่องผิดกฎหมายที่ทำให้ตำรวจจับพวกมันเข้าคุก แฝดคู่นั้นจะได้เป็นอิสระ แต่สิ่งที่ผมค้นพบมันมากไปกว่านั้น ข้อมูลค้าอาวุธทั้งหลายถูกถ่ายโอนมายังผม ผมไม่ได้โง่ที่จะไม่รู้ว่าข้อมูลเหล่านั้นอันตรายเพียงใด แต่ในเมื่อผมเจาะเข้าระบบแล้ว ต่อให้ผมไม่ได้ดึงข้อมูลเหล่านั้นมาเก็บไว้ ชีวิตผมก็ไม่ปลอดภัยอีกแล้ว
ผมจึงเลือกลบฐานข้อมูลของพวกมันเพื่อให้ข้อมูลนั้นอยู่ที่ผมเพียงคนเดียว ก็อปปี้บางส่วนส่งให้ตำรวจโดยไม่รู้ว่ามีหนอนบ่อนไส้อยู่ในนั้น ซึ่งไม่นานพวกมันก็ตามหาผมเจอ โชคดีที่ผมไม่เคยออกงานสังคมกับครอบครัวจึงไม่มีใครรู้ว่าตัวตนที่แท้จริงของผมเป็นใคร
และก่อนที่จะถูกทำร้ายผมก็แอบฝังข้อมูลนั้นในคอมพิวเตอร์ของพู ตั้งเวลาให้มันแสดงในอีกสามปีต่อมาเพราะผมไม่มั่นใจเลยว่าจะอยู่รอดเปิดโปงพวกมัน ผมไม่อยากยืมมือพ่อและพี่ชายด้วยรู้ดีว่าพวกเขาก็มีโลกสีเทาอยู่เบื้องหลังเช่นกัน การเข้ามาช่วยเหลือผมอาจทำให้พวกเขามีปัญหาตามมา
คนที่ผมไว้ใจจึงมีแค่ท่านชูการ์ เพื่อนแฮกเกอร์ของผม แม้ไม่รู้ว่าเขาเป็นใครแต่ผมเชื่อว่าเขาจะตามหาพูเจอและคงจัดการสิ่งที่ผมฝากฝังไว้ได้ แต่เหมือนฟ้าแกล้งกัน ให้ท่านชูการ์ที่ผมไม่รู้จักกลายเป็นพี่ชายของเพื่อนสนิทไปเสียอย่างนั้น แต่อย่างน้อยก็ดีใจที่ได้รู้จักกันสักที
TT มึงยังอยู่ เป็นไปได้ไง
Salt ขอโทษที่ช่วยพวกมึงไม่สำเร็จนะ
ผมขอโทษพวกเขา ความจริงวันที่ผมประสบอุบัติเหตุผมตั้งใจจะมอบข้อมูลทั้งหมดให้พวกเขาใช้สู้กับคนพวกนั้น แต่พวกมันไหวตัวทันชิงลงมือทำร้ายผมก่อน
TT พวกกูต่างหากที่ต้องขอโทษ ขอโทษที่ทำให้เผือกต้องเปิดเผยที่อยู่ของมึงแลกกับชีวิตพวกกู ขอโทษที่กูไม่เชื่อใจว่ามึงจะช่วยกูได้ หึ พวกกูเลยต้องรับกรรมอยู่อย่างนี้ไง แต่ก็ต้องขอบใจมึงที่ปล่อยข้อมูลชั่วๆ ของบอสออกมา ตอนนี้วิ่งโร่หาทนายวุ่นวายเชียวล่ะ
Salt กูไม่ได้ปล่อย ท่านชูการ์ต่างหากที่ปล่อยข้อมูลพวกนั้น
ผมเดาว่าคงเป็นพี่ลันที่จัดการทุกอย่างให้ขณะที่ผมความจำเสื่อม
TT ที่ชื่อลันใช่ไหม
Salt มึงรู้ได้ไง
ผมไม่เคยบอกชื่อจริงของพี่ลันจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่อีกฝ่ายจะรู้
TT บอสกูใช้สัญญาล่ามตัวมันไว้สองปีแล้ว แต่มันก็หักหลังปล่อยข้อมูลลับของบอสออกมา คงรวมถึงข้อมูลที่มึงมีด้วย ร้ายไม่เบาเลย ตอนนี้บอสกูคลั่งเร่าๆ อยากจะลากตัวมันมากระทืบแต่ติดที่ยังทำอะไรไม่ได้
Salt มึงยังอยากเป็นอิสระอยู่ไหมตั้น
TT หึ ทุกวินาทีที่หายใจอยู่นั่นแหละ แต่บางทีไม่หายใจอาจจะเป็นอิสระกว่าด้วยซ้ำ ห่วงก็แค่ไอ้ต้นจะทนไม่ไหวชิงตายไปก่อนกู
Salt งั้นร่วมมือกับกู แล้วกูจะให้อิสระมึงกับพี่ชาย
TT แล้วเผือก
ตั้นเอ่ยถึงน้องชายต่างสายเลือด ถึงพวกมันจะอยู่บ้านกำพร้าเดียวกันแต่กลับผูกพันกันเหมือนพี่น้อง โชคดีที่เผือกถูกรับเลี้ยงในครอบครัวที่ดีมันถึงยังเป็นคนดี ต่างจากสองแฝดที่ถูกคนชั่วรับเลี้ยงและทำร้ายทั้งคู่ไม่เว้นแต่ละวัน จึงไม่น่าแปลกใจที่สิ่งเหล่านั้นจะหล่อหลอมให้ทั้งสองมีพฤติกรรมเลวร้ายเกินเยียวยา
Salt น้องชายพวกมึงไม่เป็นอะไรหรอกนะ แบ็กใหญ่ขนาดนั้น
ผมไล่อ่านข่าวตระกูลของเฟรม หึ เป็นสะใภ้บ้านนี้คนอื่นอย่าได้คิดแหยมเลย
ผมวางแผนกับตั้นอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนหน้านี้บอสของตั้นสั่งให้ลูกน้องกำจัดเด็กผู้ชายสองคนคือไอ้พูและแอลเพราะเริ่มรู้สึกว่าพี่ลันเอนเอียงไปหาฝ่ายนั้นมากเกินไป คิดไม่ถึงว่าพี่ลันจะรู้ตัวแล้วแข็งข้อกับบอส เป็นเหตุให้สัญญาระหว่างกันสิ้นสุดลง และตอนนี้บอสของตั้นจึงเลือกที่จะกุมหัวใจของพี่ลันไว้เพื่อบังคับให้อีกฝ่ายรับใช้จนวันตาย
Salt นายให้ต้นไปจับตัวคนที่ชื่อแอลไว้ และอย่าลืมว่าต้องใช้ไฟฟ้าช็อตพี่ลันเท่านั้นนะ ห้ามสู้ตัวต่อตัวเด็ดขาดถ้าไม่อยากให้แผนล่ม
แม้จะรู้จักกันไม่นานแต่ผมรู้ฝีมือพี่ลันมากพอ คนระดับนี้ประมาทไม่ได้เลย ทางเดียวที่จะทำให้แผนนี้สำเร็จคือจู่โจมทีเผลอเท่านั้น
Salt รายงานบอสของมึงว่าจับตัวแอลไว้เรียบร้อยใช้แลกกับข้อมูล ส่วนพู...กูจะทำให้มันไปหามึงเอง
TT มั่นใจเหรอว่าเด็กนั่นจะโง่มา
Salt กูรู้จักมันดี
ผมร่ายยาวถึงแผนการทั้งหมด จัดการแผงไวรัสในแฟลชไดร์ แม้เปิดข้อมูลดูจะเป็นสิ่งที่พวกนั้นต้องการ แต่หากเสียบเข้าเครื่องแล้วไวรัสจะลบข้อมูลอย่างช้าๆ สุดท้ายจะไม่เหลือข้อมูลใดให้พวกมันได้นำไปใช้ได้เลย
TT แล้วลันเตาล่ะ มึงจะจัดการยังไงไม่ให้มันบุกก่อนบอสมา
Salt กูมีวิธีก็แล้วกัน
เมื่อตกลงแผนการเรียบร้อยก็เข้าสู่วันที่สอง มิสคอลเข้าเยอะจนผมได้แต่ถอนหายใจ ที่บ้านสายหนึ่ง เดาว่าคุณหญิงดาราราย อีกสายเป็นของพี่ชาย และอีกเกือบห้าสิบสายนั่นเป็นของคนที่ตามตื้อผมอยู่...แบงค์
ผมเลือกที่จะกดโทรออกหามัน แป๊บเดียวอีกฝ่ายก็รับสายด้วยน้ำเสียงร้อนรน
“เกลือ...มึงอยู่ไหนวะ ที่บ้านก็ไม่อยู่ ร้านเกมก็ไม่อยู่...” เสียงแบงค์สั่นเครือจนผมอดใจอ่อนไม่ไหว แต่ก็เลือกที่จะโกหกออกไป
“กูออกมาเที่ยวกับสาว” โกหกเพื่อให้มันตัดใจ แต่อีกฝ่ายก็ไม่เคยไปไหน
“งั้นเหรอ ไม่เป็นไรโว้ย เรื่องปกติ มึงโอเคดีกูก็สบายใจล่ะ” แบงค์พยายามทำเสียงร่าเริง แต่ผมรู้ดีว่าตอนนี้มันอ่อนล้ามากแค่ไหน
“อืม งั้นแค่นี้นะ” ผมกดตัดสายแล้วปิดเครื่อง ล้มตัวนอนบนเตียงที่เต็มไปด้วยฝุ่น สูดกลิ่นหืนแล้วไอค่อกแค่กออกมา
น้ำตาที่รินไหล ผมเชื่อว่าเป็นเพราะฝุ่นฟุ้ง
ไม่ใช่...เพราะใครบางคน
............................
.................................................
(ไอ้พูถูกยิง)
สองวันต่อมาผมก็ได้รับสายจากแบงค์ น้ำเสียงร้อนรนนั้นทำให้ผมต้องรีบเร่งไปยังโรงพยาบาลที่เพื่อนรักษาตัวอยู่ เปิดประตูเข้าไปในห้องก็เห็นร่างสูงที่ผมไม่รู้จักนั่งอยู่ข้างเตียง แขนขวามีผ้าพันแผลพันอยู่ เขากุมมือพูด้วยสีหน้าหม่นหมอง ขณะที่เพื่อนผมยังคงหลับใหลไม่ได้สติ
“ไอ้เกลือ” เสียงเรียกมาพร้อมอ้อมแขนที่โอบกอดผมแน่น ได้แต่ลูบหลังปลอบใจแบงค์ที่เสียขวัญ พยักหน้าให้พี่ลันที่ยืนกอดอกหน้าเครียดลูบไหล่ปลอบใจคนข้างกายที่สะอึกสะอื้นเบาๆ
ครืดๆ
แรงสั่นในกระเป๋ากางเกงทำให้ผมต้องผละจากแบงค์เพื่อรับสาย แล้วเดินเลี่ยงออกมาคุยนอกห้องไม่ให้รบกวนพู
“ว่าไง”
(ตอนนี้ไอ้สารเลวนั่นมันเข้าคุกแล้วนะ)
“อืม แล้วมึงเป็นไง ไอ้ต้นล่ะ”
(พวกกูปลอดภัยแต่ไอ้ต้นถูกยิง แผลเล็กนิดเดียวไกลหัวใจมาก พวกกูหนีมาอยู่ต่างจังหวัดเลยโทรมาบอกมึงไว้ อย่าลืมที่สัญญา)
“กูไม่ลืมหรอก แถมเงินให้พวกมึงไปตั้งตัวด้วยเลยเอ้า” ผมพูดกลั้วหัวเราะ ดีใจที่พวกมันปลอดภัยดี หนี้ระหว่างเราจะได้จบสิ้นกันสักที
(ขอบใจมึงมากนะ ทั้งเรื่องในอดีต และอิสระของพวกกูในตอนนี้ ถ้ามึงไม่ยื่นมือเข้ามาช่วยพวกกูคงแย่)
“กูก็คน ทนเห็นพวกมึงถูกทำร้ายไม่ได้หรอก แต่วิธีของกูก็ใช่ว่าจะดี ลากคนที่ไม่รู้เรื่องอะไรมาเสี่ยงอยู่เรื่อยเลย” ผมเอนตัวพิงผนัง มองประตูห้องพักพู เพื่อนผมถูกลูกหลงทั้งที่มันไม่ได้ทำอะไรผิด ไหนจะพี่ลันที่ผมสอดมือเข้าไปยุ่งจนเขาต้องกลายเป็นทาสตั้งสองปี บางที...ผมควรจะอยู่ห่างทุกคนซะ นั่นอาจจะดีกว่า
ผมวางสายแฝดน้องแล้วเดินออกจากโรงพยาบาลแทนที่จะกลับเข้าไปหาพู ผมรู้สึกผิดต่อมันและครอบครัวของมันมากเกินกว่าจะร้องขอความเป็นเพื่อน ผมรู้ว่าพูคงจะบอกว่าไม่เป็นไรตามนิสัยของมัน แต่สำหรับผมที่เพิ่งเคยมีเพื่อนคนสำคัญไม่อยากให้เกิดเรื่องแบบนี้อีกแล้ว
“ตองครับ ตองงงงงงงงง” เสียงโหยหวนของพี่ชายดังออกมาจากตัวบ้าน ก่อนเจ้าตัวจะวิ่งหน้าตื่นออกมาพร้อมหมอนอิง
“พี่นี่มัน! ฮึ่ย! ตองบอกแล้วไงว่าอย่าทำรอย แล้วนี่อะไรวะ!” คนตัวขาวกระชากคอเสื้อตัวเองออกเผยให้เห็นผิวเนื้อที่เต็มไปด้วยรอยคิสมาร์ก ซึ่งสำหรับคนที่มีถ่ายแบบคืนนี้รอยนั่นเป็นสิ่งที่ไม่ควรมี
“ก็ตองของพี่น่ารักใครจะห้ามใจไหว” พี่ธรบ่นอุบ ก่อนจะรีบวิ่งมาหลบหลังผมเพราะเป็นคนเดียวที่พี่ตองไม่โมโหใส่ “ไอ้ธารช่วยกูด้วย”
หมดมาดมาเฟียเลยพี่ชายกู
“พี่ตองครับ” ผมทำหน้าอ้อนๆ แล้วเดินไปกอดแขนพี่สะใภ้คนงาม สีหน้าบึ้งตึงดูอ่อนลงเมื่อเห็นผม พี่ตองใจอ่อนกับผมเสมอแหละครับ เป็นอย่างนี้มาตั้งแต่ตอนที่ผมยังเด็กๆ แล้ว
“น้องธาร...”
“พี่ธรเขาทำก็เพราะรักเพราะหวงพี่ตองไม่ใช่เหรอครับ...” ผมเหล่ตามองพี่ชายที่รีบพยักหน้าสนับสนุนคำพูดผม “อีกอย่าง...นายแบบคนนั้นก็ชอบมองพี่ ดีไม่ดีอาจฉวยโอกาสแต๊ะอั๋งก็ได้นา” หึหึ เรื่องสุมไฟให้อกพี่ชายร้อนรุ่มไม่ใช่เรื่องยากเลยครับ เพียงแป๊บเดียวพี่ชายตัวน้อยของผมก็ผงาดเป็นราชสีห์กอดอกตีหน้าเครียดทันที
“นายแบบคนคนไหนครับตอง ใครมันกล้ายุ่งกับคนของพี่” เสียงต่ำทันทีครับพี่ชายผม
“น้องธาร ทำไมหาเรื่องให้พี่แบบนี้ล่ะครับ” คนตัวขาวกระเง้ากระงอดใส่ผมก่อนจะเชิดใส่พี่ธร “เก่งไงจะใครล่ะ แล้วไม่ต้องห่วงหรอกนะว่าเขาจะมายุ่มย่ามกับผม ไอ้หลามหวงยิ่งกว่าอะไรดี” ทันทีที่เอ่ยชื่อพี่หลามเพื่อนสนิทพี่ตองพี่ธรก็ยกมือยอมแพ้
“โอเคครับๆ พี่เองก็ไม่อยากยุ่งกับคนของหลามหรอก เดี๋ยวหาเรื่องมาให้พี่ปวดหัวอีก ไปครับที่รัก เราไปหาอะไรอร่อยๆ กินกันดีกว่า” พี่ธรโอบเอวพี่ตองเดินผ่านหน้าผมไป แต่พี่สะใภ้ผมเป็นคนน่ารักครับ ไม่เคยลืมเอ่ยชวนผมเลยสักครั้ง แต่ถ้าเขาหันไปมองหน้าแฟนตัวเองสักนิดก็จะรู้ว่าทำไมผมต้องปฏิเสธทุกครั้งไป
ผมนอนเอื่อยเฉื่อยเล่นเกมจนค่ำพ่อกับแม่ก็กลับมา ไม่ทันเอ่ยทักทายร่างสูงของใครบางคนก็เดินตามเข้ามา
“ดูซิเนี่ย ยุงกัดหมดแล้ว” แม่ผมสำรวจคนๆ นั้นก่อนจะเรียกให้แม่บ้านเอาคาลาไมน์มาให้อีกฝ่ายทา “แล้วทำไมเราไม่เรียกเพื่อนเข้าบ้านห้ะน้องธาร”
“ผมจะไปรู้ได้ไงว่ามันมา” ผมเม้มปาก ดูจากรอยแดงแล้วมันคงรออยู่หน้าบ้านนานหลายชั่วโมง แต่ผมก็จงใจเมินเดินไปนั่งโต๊ะรอพ่อกับแม่กินข้าวพร้อมกัน
“ทำแบบนี้ไม่น่ารักเลยนะน้องธาร” พูดจบแม่ก็พาแบงค์มานั่งข้างผม เรานั่งกินข้าวกันเงียบๆ ก่อนพ่อกับแม่จะขึ้นไปอาบน้ำพักผ่อน
ทิ้งผมไว้กับคนที่นั่งนิ่งไม่พูดไม่จา
“มีอะไรก็ว่ามา” ผมวางโทรศัพท์ ปรายตามองเพื่อน แบงค์หันมาสบตากันแล้วยิ้มบาง
“กูแค่อยากมาหามึง อยากเห็นหน้าเท่านั้นเอง เมื่อกลางวันมึงรีบกลับไปก่อนเลยไม่ได้บอกลากัน” มันมาหาผมเพราะเรื่องแค่นี้เองเหรอ ทนรออยู่หน้าบ้านแทนที่จะเรียกผมออกไปหาเนี่ยนะ
“ประสาท โทรมาก็ได้มั้งเดี๋ยวกูออกไปให้มึงเจอหน้ามึงจะได้ไม่ต้องมายืนรอเป็นพระเอกเอ็มวี บอกเลยว่าไม่เท่”
“ก็ไม่ได้อยากเท่ กูไม่ชอบให้เสื้อเปื้อนเลยสักนิด” ผมชะงัก เพิ่งเห็นว่าเสื้อแบงค์เต็มไปด้วยฝุ่น แต่มันกลับไม่สะทกสะท้านต่างจากเมื่อก่อนที่คงร้องห่มร้องไห้เพียงเพราะเสื้อเปื้อน หึ จะว่าไปก็ตลกชะมัดคนบ้าอะไรจะหวงเสื้อขนาดนั้น
“เจอหน้ากูแล้วก็กลับไปได้ล่ะ ที่บ้างมึงเป็นห่วงแล้วมั้งเนี่ย”
“ไม่ห่วงหรอก ครอบครัวกูไปต่างจังหวัดพอดี ไม่มีใครอยู่บ้าน”
“ดีเลยจ้ะน้องแบงค์ งั้นคืนนี้ก็นอนที่นี่ซะเลยสิ นอนห้องน้องธารก็ได้” แม่ผมที่ไม่รู้มาจากไหนโผล่เข้ามาพร้อมแผ่นมาร์กบนใบหน้า เสนอในสิ่งที่ผมส่งสายตาให้แบงค์ปฏิเสธไปซะ
“ดีเลยครับคุณแม่ ผมง๊วงง่วง ฮ้าว ห้องธารไปทางไหนครับ” ไอ้แบงค์เนียนตามแม่ผมไปแล้ว ยิ่งแม่บอกทางไปยังห้องนอนผมร่างสูงก็เร่งฝีเท้าขึ้นบันไดไปทัน แล้วผมจะรออะไรละครับก็ต้องวิ่งตามขึ้นไปขวางไง
“กลับบ้านมึงไปเลยนะ!” ผมยืนขวางประตูห้องตัวเอง ไม่ยอมให้อีกฝ่ายเข้าไปแน่ๆ ขืนมันรู้ว่าของในห้องนั้นมีแต่ของๆ มันผมก็แย่ดิ ตั้งแต่ที่จำได้ผมก็หยิบโน่นนี่ที่เป็นความทรงจำเก่าๆ มาวางไว้เต็มห้องไปหมด ยังไม่ได้เก็บเลยสักชิ้น
“ไม่ไป” แบงค์เน้นคำพร้อมกับยื่นหน้าเข้ามาใกล้จนผมต้องเบือนหน้าหนี ซึ่งมันก็ใช้จังหวะนั้นเปิดประตูห้องผมจนได้
แต่ผมที่ยืนดันหลังชนประตูไว้กลับเซล้มไม่เป็นท่า
“อ้ะ”
หมับ
อ้อมแขนของมันโอบหลังผมไว้ไม่ให้ล้มลง แต่เพราะน้ำหนักตัวผมมากกว่ามันสุดท้ายเราก็ล้มไปด้วยกันอยู่ดี
พลั่ก
จุ๊บ
ริมฝีปากเราทั้งคู่แตะกันอย่างไม่ตั้งใจ ผมรีบดึงหัวออกแต่อีกฝ่ายกลับรั้งศีรษะผมให้เอนเข้าหาเพื่อมอบจูบหอมหวานให้อย่างนุ่มนวล
ผมไม่เคยคาดหวังจูบระหว่างเราเพราะไม่คิดจะสานต่อความรู้สึกที่ก่อตัวขึ้นตั้งแต่สามปีก่อน เคยคิดว่าสามปีคงนานพอที่ความรู้สึกเหล่านั้นจะลดลง
แต่ตอนนี้หัวใจผมกลับสั่นคลอนไม่เป็นท่า
Tbc.
.................................................
คั่นคู่หลักด้วยคู่ม้ามืดจ้า 555 คู่นี้มีตอนเดียวค่ะ เสริมในส่วนของแผนการที่ขาดหายไป ใครชอบคู่นี้อย่าลืมเม้นน้า ใจหายเบาๆ คนอ่านลดลง 555 แต่ไม่เป็นไรเราชอบเขียนเดี๋ยวมาต่ออีก
คู่พี่ธรน้องตองตามได้ในเซ็ตผิดแผนค่ะ เป็นเรื่องสั้น สั้นจริงๆ 555 จบแล้วด้วย 
ตอนหน้าพี่เจตน้องพูจะกลับมา ขอบคุณสำหรับคอมเม้นต์ค่ะ เจอกันตอนหน้า 