☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ Sp3. [31-10-17]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ Sp3. [31-10-17]  (อ่าน 90251 ครั้ง)

ออฟไลน์ janeta

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 155
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +74/-2
บทที่ 30
เหตุเกิดเพราะ...ชิงตัว







“พู...พี่ลันเป็นลม”


นั่นคือประโยคที่เป็นไปไม่ได้มากที่สุดเท่าที่ผมเคยได้ยินมา อย่างพี่ลันน่ะเหรอจะเป็นลม ผมจำได้ว่าตอนนั้นหัวเราะจนท้องแข็งกับมุกตลกของเพื่อน พี่เจตเองก็ถามว่าผมหัวเราะอะไร พอเล่าให้เขาฟังเขากลับทำหน้าเครียดจนผมต้องเอ่ยถาม


“ทำไมเหรอพี่”


“มันอาจไม่ใช่มุกก็ได้นะพู” พี่เจตพูดเท่านั้นก่อนจะแย่งโทรศัพท์ไปคุยเอง ได้ความตามที่เผือกบอกผมทุกประการ ผมกับพี่เจตจึงรีบไปยังที่เกิดเหตุทันทีเพราะไม่ไกลจากที่พวกเราอยู่นัก กวาดตาหาอยู่สักพักก็เห็นพี่ชายตัวเองนอนไร้สติอยู่บนสนามหญ้า เดาว่าไอ้เผือกคงพามานอนตรงนี้


“เกิดอะไรขึ้นวะ”


“กูไม่รู้ เดินเลี้ยวมาทางนี้ปั๊บก็เห็นพี่มึงนอนสลบอยู่ กูเลยพาเขามานอนดีๆ แล้วโทรหามึงนี่ล่ะ”


“แล้วแอลล่ะ” พี่เจตเอ่ยถามพลางต่อสายหาแอล นั่นสิ แล้วแอลล่ะ ทั้งสองคนออกมาด้วยกันไม่ใช่เหรอ


“กูไม่เห็นใครเลยนะ อ้อ กูเจอโทรศัพท์ตกอยู่ แต่มันเปิดไม่ได้ว่ะ” เผือกส่งโทรศัพท์รุ่นเก่ามาให้ ซึ่งผมจำได้ดีว่าเป็นของใคร


“โทรศัพท์แอล...” ผมบอกร่างสูงที่ชะงักไป เขาขอมือถือเครื่องนั้นไปสำรวจให้แน่ชัดว่าเป็นของแอลจริงๆ


“ใช่ ของแอล พี่ว่าแบบนี้ไม่ดีแล้ว ต้องปลุกมันขึ้นมาคุยกันให้รู้เรื่อง” ว่าแล้วพี่เจตก็เขย่าตัวพี่ลัน “ตื่น! ตื่นสิวะ”


“อือ...” พี่ลันขยับตัวเล็กน้อยก่อนจะเด้งตัวขึ้นมานั่งพลางกวาดตาไปทั่ว “แอลล่ะ!”


“พวกผมสิต้องถามพี่ว่าแอลอยู่ไหน แล้วเกิดอะไรขึ้น”


“แอล...ถูกจับตัวไป”


“ห้ะ! มึงว่าไงนะ” พี่เจตถลาเข้าไปกระชากคอเสื้อพี่ลันเข้าหาตัว “มึงบอกว่าน้องกูถูกจับตัวไปอย่างนั้นเหรอ มึงดูแลประสาอะไรวะ ตอบกูสิ!” พี่เจตมีท่าทีโมโหมาจนผมรีบดึงตัวเขาออกมา


“พี่เจต ใจเย็นๆ ก่อน” ผมบอกคนรักก่อนจะหันไปหาพี่ชายตัวเอง “ใครจับแอลไป”


“พวกฝาแฝด” พี่ลันกัดฟันกรอด สายตาดุดันของพี่ชายทำเอาผมขนลุกซู่ “มึงไม่ต้องห่วงหรอกไอ้เจต กูจะพาแอลกลับมาด้วยตัวของกูเอง” พูดจบพี่ลันหยิบโทรศัพท์มากดโทรหาใครบางคนก่อนจะผลุนผลันออกไปก่อนที่ใครจะคว้าตัวไว้


“พูกลับไปกับเผือกก่อนนะ พี่จะไปตามหาแอล” พี่เจตพูดเท่านั้นก่อนจะรีบโบกเรียกแท็กซี่หายหัวไปอีกคน


เหอะ ทิ้งกูให้อยู่ในเซฟโซนตลอดพวกพี่บ้าเอ้ย!


“เอาไงต่อวะมึง” เผือกเกาหัวแกรกๆ ซึ่งผมก็ทำอะไรไม่ได้นอกจาก...กลับบ้าน


เออ กลับบ้านนี่แหละครับ ก่อนจะรู้ว่าพี่ชายไม่ได้หายหัวไปไหนหรอก อยู่บ้านพี่เปรมนี่แหละ ผมเลยถือวิสาสะลูกชายเพื่อนข้างบ้านปีนกำแพงเข้าไปแอบฟังสองคนนั้นคุยกันอย่างเนียนๆ


“แกะรอยได้ไหมมึง” พี่ลันเอ่ยถามพลางรัวนิ้วบนแป้นพิมพ์รัวจนผมมองตามไม่ทัน ส่วนพี่เปรมก็กำลังทำแบบเดียวกันแต่สวมเฮดโฟนคุยกับใครบางคนอยู่


“ใจเย็นๆ สิวะมึง กูแฮกกล้องวงจรปิดอยู่เนี่ย สัด ถ้าหัวหน้ารู้ว่ากูมาทำอะไรแบบนี้นะ โดนกูปลดแน่ๆ”


“แต่ถ้าสำเร็จมึงก็ได้เลื่อนขั้นเลยนะ อีกอย่างแก๊งค์เชี่ยนี่จะได้ถึงคราวอวสานสักที”


“สรุปว่าหลักฐานพร้อม”


“พร้อมเป็นชาติแล้ว แต่กูต้องได้ตัวแอลก่อน เพราะถ้าไม่มีอะไรต่อรองพวกมันไม่เอาแอลไว้แน่”


“มึงแน่ใจเหรอวะว่าสิ่งที่มันต้องการคือข้อมูลที่มึงมี”


“อย่างน้อยก็ต้องมีอะไรต่อรอง สลับที่กับกู” พูดจบพี่ลันก็เลื่อนเก้าอี้สลับที่กับพี่เปรม ก่อนจะเคาะแป้นพิมพ์ต่อด้วยภาษาคอมพิวเตอร์ที่ผมไม่เข้าใจ “กูเจอล่ะ มึงนี่มันกากจริงๆ” พี่ลันบ่นนิดๆ ก่อนจะลุกขึ้นแล้วคว้าเสื้อแจ็กเก็ตมาสวมไว้


“มึงจะบุกไปคนเดียวเนี่ยนะ”


“เออ กูไม่อยากรอให้ความเครียดมันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ...สัด ใครโทรมาอีกวะ” พี่ลันกดรับโทรศัพท์ก่อนจะยืนนิ่ง “มึงว่าไงนะ”


“อะไรวะมึง”


“เออ กูจะทำตามที่มึงบอก แต่กูรอได้ถึงแค่ตอนเช้า ถ้าเกินกว่านั้นกูจะบุกไปทันที” แล้วพี่ลันก็กดวางสายก่อนจะหันมาหาพี่เปรม “ช่วยห้ามไม่ให้กูก้าวออกจากบ้านที ล่ามโซ่กูไว้ด้วยก็ได้เพราะกูไม่ไว้ใจตัวเองเลยว่ะ”


“ทำไมวะ แล้วเมื่อกี้ใครโทรมา”


“มึงจำไอ้เด็กซอลท์ได้ไหม ตอนนี้มันจำทุกอย่างได้แล้วนะ มันบอกว่าถ้ากูออกไปตอนนี้กูจะโดนกับดักที่พวกมันวางแผนไว้ และถ้ากูไม่ทำตามที่มันบอก นอกจากกูจะไม่ได้แอลคืนมาแล้ว กูก็คงไม่รอดออกมาจากที่นั่นแน่ๆ” ซอลท์ ใครอีกวะนั่น


“แล้วมันมีแผนอะไร” พี่เปรมถามต่อ ไม่ได้มีสีหน้าแปลกใจเมื่อเอ่ยถึงบุคคลปริศนา


“แผนของมันคือกูต้องไม่ออกไปจากที่นี่ก่อน 9 โมงเช้าวันพรุ่งนี้เด็ดขาด เพราะฉะนั้นมีแค่มึงที่ช่วยกูได้”


“หาเรื่องให้กูอีกล่ะ นั่งอยู่เฉยๆ เลยนะมึง” พี่เปรมลุกขึ้นแล้วเดินหายเข้าไปในครัว ก่อนจะเดินออกมาพร้อมน้ำหนึ่งแก้วและยาสองเม็ดส่งให้พี่ลัน “เอาไปแดกซะ รับรองหลับยาวถึงพรุ่งนี้เช้า ช่วยให้มึงไม่ฟุ้งซ่านหรือวิ่งโร่ออกไปช่วยพ่อหนุ่มน้อยน่ารักคนนั้น”


พี่ลันพยักหน้าเล็กน้อย ตบยาเข้าปากตามด้วยน้ำก่อนจะลุกขึ้นเดินไปล้มตัวนอนบนโซฟา “พรุ่งนี้อย่าลืมปลุกกูล่ะ”


“เออ นอนๆ ไปมึงน่ะ” พูดจบพี่เปรมก็หันไปรัวแป้นพิมพ์ตามเดิม ปล่อยให้พี่ชายผมเข้าสู่ห้วงนิทราไปทีละนิด


ผมละสายตาจากพวกพี่ๆ ดูท่าเรื่องที่แอลถูกลักพาตัวไปคงเป็นเรื่องใหญ่มาก ผมต่อสายหาพี่เจตแต่อีกฝ่ายก็ไม่รับสายผมเลย สุดท้ายผมก็ได้แต่นั่งรออยู่ในบ้านตัวเอง พอพ่อกับแม่กลับมาแล้วถามถึงพี่ลันผมก็บอกแค่ว่าค้างบ้านพี่เปรม กินข้าวเสร็จก็ขึ้นห้องเตรียมตัวนอน เพราะผมทำอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง


จนกระทั่งข้อความหนึ่งถูกส่งเข้ามายังมือถือของผม


“ถ้าอยากช่วยแอล ให้มาที่นี่ด้วยตัวคนเดียว”


ประโยคสั้นๆ จากเบอร์แปลก ใครเห็นก็คงไม่ไปตามที่อีกฝ่ายบอกหรอก มีแค่ตัวเอกในละครเท่านั้นแหละที่มักจะไปคนเดียว ซึ่งผมอยากเป็นตัวเอกไงแหะๆ ก็เลยมาที่มืดๆ เปลี่ยวๆ นี่ด้วยตัวคนเดียว


กวาดตามองซ้ายขวาก็เห็นเพียงโกดังเก่าๆ แห่งหนึ่ง แสงไฟสว่างวาบบอกได้ดีว่ามีคนอยู่ในนั้น แต่ผมไม่ได้โง่ที่จะเดินเข้าไปให้คนในนั้นเห็นแล้วจับตัวไว้ ผมแอบซุ่มดูอยู่ห่างๆ ฉลาดใช่ไหมล่ะครับ ลอดตาแมวดูว่าภายในนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้าง


ในนั้นผมเห็นร่างเล็กของแอลถูกมัดไพล่ติดกับเก้าอี้ คนที่เดินวนเวียนอยู่รอบตัวแอลด้วยรอยยิ้มคือต้น คนร้ายในคราบเทพบุตร มันจับหน้าแอลให้หันไปมองกันก่อนจะบดจูบอย่างหนักหน่วงโดยที่แอลทำได้เพียงดิ้นหนีให้หลุดจากพันธนาการนั้น


กล้าดียังไงมาจูบนางฟ้าของกู!


ไม่สิ ตอนนี้แอลเป็นแฟนของพี่ลัน


โอ้ย มันใช่เรื่องที่กูต้องมานั่งคิดตอนนี้ไหมเนี่ย


ผมก่นด่าตัวเองก่อนจะยกมือถือขึ้นถ่ายภาพผ่านช่องนั้น ตอนนี้แอลเป็นอิสระแล้วครับ ใบหน้าใสเต็มไปด้วยคราบน้ำตา แอลคงรู้สึกแย่ที่ถูกคนเลวๆ แบบนั้นจูบ ซึ่งผมก็รู้สึกแย่ไม่ต่างกัน


ไม่ต้องห่วงนะแอล ภาพนี้จะถึงพี่ลัน เราเชื่อว่าพี่ชายเราไม่ปล่อยให้คนรังแกแฟนตัวเองรอดไปได้แน่ๆ


“ทำอะไรอยู่”


“ก็กำลังถ่ายภาพอยู่ไงวะ” ผมตอบคนถามแล้วกดส่งภาพถึงพี่ลัน


เอ๊ะ เดี๋ยวนะ กูมาคนเดียว แล้วใครถามกู


“หึ มาไม่ให้สุ้มให้เสียงกันเลยนะ” ไอ้ตั้นส่งยิ้มร้ายให้ผม “แถมมาถูกซะด้วยอย่างนี้คงต้องให้รางวัล”


หมับ


มันโอบเอวผมเข้าประชิดตัวก่อนจะโน้มหน้าเข้ามาใกล้ๆ กระซิบแผ่วเบาที่ข้างหู “รางวัล...เป็นสวรรค์ชั้นเจ็ดกับกูเป็นไง”


“เชี่ย” ผมผลักมันออกเมื่อลิ้นสากแตะเข้าที่ใบหู รีบถอยหลังหนีพลางกวาดตาไปรอบๆ เผื่อจะเจออาวุธไว้สู้กับอีกฝ่าย “ให้ตายก็กูไม่ขึ้นสวรรค์กับมึงเด็ดขาด คนอย่างมึงนรกยังไม่ต้องการด้วยซ้ำ”


“หึ งั้นเหรอ”


“ก็เออน่ะสิ เห้ย! ปล่อยกูเดี๋ยวนี้เลยนะ!” มันคว้าข้อมือผมแล้วพาเข้าไปข้างใน ซึ่งทำให้ผมเห็นชัดขึ้นว่านอกจากไอ้ต้นและแอลแล้ว ยังมีพวกนักเลงอีกหลายคนนั่งซุ่มอยู่ตามมุมต่างๆ เรียกได้ว่าสิ่งที่ผมเห็นผ่านรู้นั่นแค่หนึ่งในสิบเท่านั้นเอง


“ลูกพี่ไปเจอไอ้เด็กนี่จากไหนวะ” ชายร่างใหญ่ท่าทางหื่นกามเดินตรงเข้ามาพลางสำรวจตัวผม ก่อนจะถูกบดบังด้วยไอ้พี่ตั้น


“จากไหนก็เรื่องของกู และรู้ไว้ด้วย ของกูห้ามยุ่ง” มันปรายตาไปรอบๆ โกดังเพื่อประกาศเป็นนัยๆ ว่าผมเป็นของๆ มัน ก่อนจะพาผมเข้าไปหาแอลที่ร้องไห้ตัวสั่น


“แอล” ผมเอ่ยเรียกร่างเล็ก และแอลก็รีบเงยหน้าขึ้นทันทีที่ได้ยินเสียงผม


“พู”


“แอล ไม่เป็นไรนะ” ผมถลาเข้าไปหาคนตัวเล็ก ลูบไล้เนื้อตัวเพื่อปลอบประโลมเขาก่อนจะถูกลากออกมานอกโกดัง “ทำอะไรของมึงวะ!”


“อย่ามาขึ้นวะกับกูนะไอ้พู ที่มึงยังมีชีวิตอยู่ก็เพราะกู ขืนเป็นคนอื่นไปเจอมึงมึงได้ตายไปแล้วแน่ๆ”


“หึ เป็นพระคุณมากที่ไว้ชีวิตกู แต่จะดีกว่านี้ถ้ามึงปล่อยกูกับแอลไปซะ” มันถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน


“ไม่มีทาง มึงกับแอลต้องอยู่ที่นี่จนกว่าบอสจะมา” บอสเชี่ยอะไรอีกเนี่ย “เขาต้องการบางอย่างจากพี่ชายของมึง”


“มึงแน่ใจเหรอวะว่าสิ่งที่มันต้องการคือข้อมูลที่มึงมี”


ผมนึกถึงประโยคที่พี่เปรมเคยพูดกับพี่ลัน และถ้าเป็นอย่างนั้นก็คงต้องรอพี่ลันตื่นขึ้นมาก่อน ซึ่งคงอีกประมาณ 11 ชั่วโมง แล้วตอนนี้เพิ่งจะสี่ทุ่ม คือกูต้องนั่งตบยุงรอไหม


“มีอะไรให้กูทำบ้างระหว่างรอพี่ชายมาช่วย” ผมเอ่ยถามอีกฝ่ายที่ดูอึ้งๆ มันคงคิดไม่ถึงว่าตัวประกันอย่างผมจะถามอะไรอย่างนั้น


“ฮ่าๆ มึงนี่มัน...น่าสนใจจริงๆ อยากทำกิจกรรมเรียกเหงื่อกับกูไหมล่ะ” มันถามยิ้มๆ


“ไม่มีวัน ว่าแต่มึงเถอะ กูเป็นตัวประกันไม่ใช่เหรอ ทำไมไม่มัดกูไว้ล่ะ”


“กูชอบเล่นกับเหยื่อที่มีแรง จับมัดไว้แล้วกูจะสนุกอะไรล่ะ นี่กูก็รอให้มึงวิ่งหนีอยู่นะกูจะได้ล่า...” มันยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ซึ่งผมก็ดันหน้ามันออกทันที


“งั้นกูจะนั่งเฉยๆ ทำตัวเป็นเด็กดี” ผมทิ้งตัวลงนั่งกับพื้น ปล่อยให้อีกคนหัวเราะต่อไปเพราะผมไม่ได้หนีอย่างที่มันคิด ก่อนที่อีกฝ่ายจะทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ ดูเป็นมิตรมากขึ้นจนน่าแปลกใจ “ทำไมมึงไม่ร้ายแล้วล่ะ มึงควรจะร้ายแบบตัวโกงในละครนะ”


“หึ กูพอแล้วกับเรื่องร้ายๆ” มันเงยหน้ามองท้องฟ้ายามค่ำคืน “บางทีกูก็อยากออกไปใช้ชีวิตปกติบ้าง แต่มันคงยากไปใช่ไหมสำหรับคนอย่างกู”


“เกิดอะไรขึ้นกับมึง เอาตรงๆ นะคือกูไม่เข้าใจ ท่าทางมึงตอนนี้เปลี่ยนจากหลังตีนเป็นหน้ามือแบบสุดๆ เลย”


“กูก็แค่...รู้สึกผิด” มันเหลือบมองไปทางน้องของชายมันที่ยังคงหัวเราะคิกคักอยู่ข้างแอล เห็นแล้วก็อยากพุ่งไปชกหน้า ไม่รู้จะวุ่นวายอะไรกับแอลของผมนักหนา “เอาน่า ให้มันได้อยู่อย่างมีความสุขบ้างเถอะ มันไม่ได้ทำร้ายแอลเลยนะ”


“มันจูบแอล!” ผมโวยลั่น แต่อีกฝ่ายแค่ยิ้มแล้วลุกขึ้น


“ก็แค่นั้นเอง ชีวิตมันโดนมาเยอะกว่านี้ด้วยซ้ำ แค่ได้อยู่ใกล้คนที่ชอบก็ถือว่าดีพอแล้ว”


“ชอบ? มึงใช้คำว่าชอบกับคนที่พวกมึงทำร้ายเหรอ แอลต้องเจอกับอะไรบ้างพวกมึงลืมรึไง มึงกับน้องของมึงทำกับเขาไว้มากแค่ไหน จำไม่ได้เหรอวะ!”


“กูยอมรับว่าตอนนั้นพวกกูสารเลวมากแค่ไหน และพวกกูก็ได้รับกรรมแล้วด้วย หึ ถ้ามึงรู้มึงก็คงสะใจ”


“ทำไมกูต้องสะใจ สิ่งที่กูต้องการไม่ใช่พวกมึงชดใช้กรรมกันมากแค่ไหน ที่กูต้องการคือให้พวกมึงรู้สึกผิดที่เคยทำเรื่องชั่วๆ ไว้ต่างหาก ความรู้สึกผิดมันบอกได้ว่าพวกมึงจะดีขึ้น นั่นแหละคือสิ่งที่กูต้องการ”


ตั้นชะงัก มันมองหน้าผมด้วยสีหน้าบิดเบี้ยวเหมือนพยายามข่มความรู้สึกบางอย่าง ก่อนสีหน้าของมันจะกลับมาเรียบนิ่งดังเดิม


“หึ มึงนี่...ทำให้กูแปลกใจอยู่เรื่อยเลย”


“อะไรวะ เห้ยๆ ทำอะไรของมึง” ผมร้องลั่นเมื่อมันรวบตัวผมไปกอดไว้แน่นและไม่ยอมปล่อยออก


“ขออยู่แบบนี้สักพักเถอะ กูมีเวลาไม่มาก ขอเวลาสั้นๆ ให้กูเป็นคนดีหน่อยนะ”


“คนดีเชี่ยอะไรมากอดคนที่เขาไม่เต็มใจเนี่ย! ปล่อยกูโว้ย!”


“ทำอะไรวะตั้น” แฝดเทพบุตรเดินยิ้มร่าเข้ามา เอ่ยทักทายผมนิดหน่อย “ยินดีที่ได้พบนะ เด็กน้อย”


“น้อยพ่อง”


“อุ้ย ปากไม่ดี ด้วยลงโทษโทษด้วยปากเลย” ต้นยื่นหน้าเข้ามาใกล้ผม แต่โดนแฝดพี่ดันหน้าออกไป “อะไรของมึง”


“อย่ายุ่งกับมัน”


“คร้าบ ไม่ยุ่งก็ได้คร้าบ แต่เด็กกูอยากคุยกับเด็กมึง ทีนี้กูยุ่งได้ไหมล่ะ”


“ก็ให้มันไปคุยกัน” ตั้นตอบน้องชายก่อนจะหันมาพูดกับผม “ไปสิ แต่อย่าคิดหนีล่ะ เพราะที่นี่มีแค่พวกกูที่คุ้มหัวมึงได้” ผมพยักหน้าให้สองคนนั้นก่อนจะรีบเข้าไปหาแอล


“พู”


“ไม่เป็นไรนะแอล เดี๋ยวพี่ลันก็มาช่วย” ผมนั่งคุกเข่าปลอบใจแอล แอลพยักหน้ารับพลางเหลือบมองไปยังสองแฝดที่ยืนคุยกันอยู่ไม่ไกลก่อนจะกระซิบกับผม


“พูแก้มัดเชือกให้เราที แล้วเดี๋ยวเราวิ่งหนีไปด้วยกันนะ” ผมก็อยากพาแอลหนีไปด้วยกัน แต่ผมทำไม่ได้ จะว่าโง่ก็ได้ที่เลือกเชื่อใจคนร้ายมากกว่าตัวเอง ผมแค่คิดว่าผมมองคนไม่ผิด ตอนนี้สองคนนั้นไม่มีเค้ารางความร้ายกาจเหมือนแต่ก่อนเลย ผมไม่รู้อะไรเปลี่ยนพวกเขาให้กลายเป็นแบบนี้ แต่ในใจคงมีคุณธรรมมากพอที่จะไม่ทำร้ายพวกผมอย่างที่พูด


“ขอโทษนะแอล แต่ตอนนี้เรายังหนีไปไม่ได้”


“ทำไม”


“แอลว่าสองแฝดนั่นเปลี่ยนไปไหม” ผมไม่ตอบแต่ถามแอลกลับ คนตัวเล็กมีสีหน้าลังเลย เหลือบมองคู่แฝดนิดๆ พอต้นหันมายิ้มให้แอลก็รีบส่ายหน้าหวือทันที


“ไม่เห็นเปลี่ยน เขายังทำร้ายเราอยู่เหมือนเดิม”


“แอลเจ็บตรงไหนบ้าง พวกนั้นซ้อมแอลเหรอ”


“เปล่า...แต่ก็เลวร้ายไม่ต่างกัน” แอลทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ “เราไม่มีหน้าจะไปสู้พี่ลันแล้ว เรา...มันน่ารังเกียจ”


“เฮ้ เรื่องแค่นั้นช่างมันเถอะ พี่ลันไม่ถือสาหรอก” แต่น่าจะกระทืบใครบางคนแน่ๆ “เอาเป็นว่าตอนนี้พวกนั้นไม่ได้คิดร้ายกับเราแล้วก็พอ อยู่เฉยๆ รอให้พี่ลันมาช่วยดีกว่า หนีไปตอนนี้ยังไงก็ถูกจับมาอยู่ดี เหนื่อยเปล่า เผลอๆ ไปเจอพวกหื่นๆ เข้า บรื๋อ แค่คิดก็ขนลุกล่ะ” ผมพยายามโน้มน้าวแอล เพราะไม่เห็นข้อดีเลยว่าหนีไปตอนนี้แล้วจะปลอดภัย อยู่ข้างในให้สองคนนั้นคุ้มครองยังดีซะกว่า


“ถ้าพูว่าแบบนั้น เราก็จะทำอย่างที่พูว่า เพราะตอนนี้มีแค่พูที่เราเชื่อใจ”


“อื้ม ไม่ต้องห่วงนะ เราจะปกป้องแอลเอง” ผมยิ้มให้เพื่อน ซึ่งแอลก็ยิ้มตอบกลับมา แม้ตอนนี้สถานการณ์รอบข้างจะเลวร้ายแต่ผมเชื่อว่าเราทั้งคู่จะปลอดภัย


“งั้นก็ไม่มีเหตุผลต้องมัดนายแล้วสินะ” ต้นเดินยิ้มเข้ามา เขาเดินไปด้านหลังเก้าอี้แล้วแก้มัดเชือกให้แอล


“อย่าลืมทำอย่างที่พูดนะแอล กูไม่อยากทำร้ายพวกมึง อยู่เฉยๆ รอพี่ชายมารับดีกว่านะ” ตั้นพูดต่อ


“อะ...อืม” แอลยังคงตื่นกลัวทั้งคู่จึงรีบขยับเข้ามาหลบหลังผม ซึ่งสองคนนั้นก็ไม่ถือสาอะไร กลับกันผมสังเกตเห็นแววตาเศร้าสร้อยของพวกเขา คงเพราะสิ่งที่เกิดขึ้นเลวร้ายเกินไป ต่อให้พวกเขาทำดีแค่ไหนบาดแผลก็ยังฝังอยู่ในใจของเหยื่ออยู่ดี


(ต่อด้านล่างค่ะ)

ออฟไลน์ janeta

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 155
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +74/-2
พอลับสายตาสองคนนั้นผมก็พาแอลมาหาที่นั่งเงียบๆ ปราศจากผู้คน ไม่สิ พวกนั้นก็เดินตรวจตราอยู่รอบๆ นี่แหละ แต่ตรงที่พวกผมอยู่มันไม่ตกเป็นเป้าสายตาไง


“ระหว่างที่แอลอยู่ที่นี่ สองคนนั้นโทรศัพท์คุยกับใครบ้าง เรื่องอะไรแอลพอจำได้ไหม” ผมรีบเข้าประเด็น เพราะแม้จะไว้ใจสองคนนั้นแต่ก็ยังต้องระวังตัว ผมต้องรีบรวบรวมข้อมูลทั้งหมดเพื่อประมวลผลว่าควรทำอย่างไรต่อเพื่อหาทางหนีทีไล่กรณีฉุกเฉิน วิธีนี้พี่ชายผมนี่แหละสอน เพราะพี่ลันไม่ค่อยอยู่เวลาที่ผมมีปัญหาสักเท่าไร


“เราไม่รู้ว่าพอจะช่วยพูได้ไหมนะ แต่เท่าที่เราจำได้ พี่ต้นคุยกับบอส น่าจะเป็นคนที่สั่งให้จับตัวเรามา เขาบอกว่าได้ตัวเราแล้ว ส่วนพี่ตั้นเหมือนจะคุยกับใครบางคนที่ชื่อซอลท์ก่อนพูจะมา เราได้ยินพี่ตั้นบอกว่าจะทำตามแผน...”


แผนอย่างนั้นเหรอ คนที่ชื่อซอลท์เกี่ยวข้องกับถั่วพี่ไม่พอยังเกี่ยวข้องกับตั้นอีก หมอนี่ชักจะยังไงๆ แฮะ


“มีอะไรอีกไหมแอล”


“ไม่มีแล้วพู พอจะช่วยอะไรได้บ้างไหม”


“ได้เยอะเลยแอล ฮ้าว เราชักจะง่วงล่ะ” ผมเอนตัวพิงผนัง กางแขนข้างหนึ่งออกพลางมองใบหน้าใสยิ้มๆ “ถ้าไม่รังเกียจซบไหล่เราได้นะแอล”


“โหพู เราเป็นแฟนพี่ชายนายแล้วนะยังจะอ่อยเราอีก”


“โอ๊ะ รู้ด้วย” ผมแสร้งทำหน้าตกใจก่อนจะยิ้มอย่างมีเลศนัย  “งั้นก็ต้องให้เราอ่อยจนกว่าพี่ลันจะมานะ เร็ว มานอนซบเราเร็ว” ผมพูดยิ้มๆ มองคนตัวเล็กที่หัวเราะออกมาจากใจ แค่นี้ก็คุ้มแล้วครับ


“โอเคๆ ยอมให้อ่อยวันหนึ่งก็ได้ พรุ่งนี้พี่ลันมาเห็นเข้าคงโวยวายแน่ๆ เลย”


“ปล่อยให้โวยวายไปเลย มีอย่างที่ไหนปล่อยให้แฟนถูกจับตัวมาง่ายๆ อย่างนี้ ใช้ไม่ได้”


“อย่าโทษพี่ลันเลย” แอลยิ้มเจื่อน “เป็นเราเองที่อ่อนแอจนถูกเขาจับมาได้ อีกอย่างพี่ลันถูกไฟช็อตแบบนั้นไม่รู้ป่านนี้จะเป็นยังไงบ้าง”


“เดินคล่องปรื๋อ ไม่เป็นอะไรหรอก อย่าห่วงเลย มานอนกันดีกว่า เผื่อพรุ่งนี้ไอ้พี่บ้าตื่นมาไม่ทันเราจะได้มีแรงวิ่งหนีไง” ผมพูดติดตลก ซึ่งก็คงช่วยให้แอลเบาใจได้บ้างคนตัวเล็กถึงได้ขยับเข้ามาใกล้แล้วพิงไหล่ผม


“ถ้าพรุ่งนี้เราไม่รอดล่ะพู ถ้า...”


“ชู่ว์” ผมยกนิ้วขึ้นแตะปากแอลไม่ให้พูดต่อ “ไม่มีถ้า เราทั้งคู่ต้องได้กลับบ้านครบสามสิบสองอย่างแน่นอน”


“อื้ม เราเชื่อพู”


ผมลูบหัวแอลพลางคิดทบทวนถึงเรื่องราวทั้งหมด ใจผมไม่ได้สงบลงอย่างที่ปากพูดหรอก เต็มไปด้วยความกังวลทั้งนั้นแหละ เพียงแต่ผมเลือกที่จะเชื่อในสัญชาตญาณของตัวเอง พรุ่งนี้ผมจะต้องปลอดภัยและจะไม่ปล่อยให้แอลตกอยู่ในอันตรายแน่ๆ


..........................................
............................................................


ยามเช้ามาเยือนอย่างรวดเร็ว ผมและแอลถูกปลุกให้ตื่นมากินอาหารเช้าเพราะอีกไม่นานบอสของคู่แฝดจะมาถึง ผมยังคงสวาปามอาหารเช้าด้วยความหิวโหย ต่างจากแอลที่กินน้อยมาก


นั่งเล่นนอนเล่นได้ไม่นานเสียงรถยนต์ก็ใกล้เข้ามา ทุกคนที่อยู่บริเวณโดยรอบรีบลุกขึ้นยื่นเป็นแถวทันที เสียงรองเท้าหนังกระทบพื้นใกล้เข้ามาเรื่อยๆ และผมก็ได้เห็นบอสของพวกเขา


นักธุรกิจไฟแรงที่เพิ่งมีขาวฉาวเรื่องลักลอบค้าของผิดกฎหมาย


เขาเดินตรงเข้ามาทางผม ก่อนจะดึงแขนแอลเข้าไปใกล้เพื่อพิจารณาใบหน้านั้น “เด็กผู้ชายสมัยนี้น่ากินกันทุกคนเลยนะ” เขาปล่อยแอลก่อนจะเดินเข้าประชิดตัวผม “เด็กนี่ก็อีกคน” เขามองผมแล้วยิ้มกริ่ม "ยิ่งพยศยิ่งน่าสนใจ มิน่าลันเตาถึงหวงนัก"


“อย่ามาแตะตัวน้องกู!” เสียงคุ้นเคยดังขึ้นตรงทางเข้า พวกนักเลงรีบชักปืนขึ้นมาขู่พี่ลันทันที ซึ่งถั่วพี่ก็ไม่มีท่าทีกลัวกระสุนปืนเลย ยังคงเดินตรงเข้ามาหาพวกผมเรื่อยๆ จนกระทั่งบอสสั่งให้พี่ลันหยุด


“หยุดอยู่ตรงนั้นลัน เรามีข้อแลกเปลี่ยนที่ต้องตกลงกันก่อน”


“กูไม่แลกเชี่ยอะไรกับมึงทั้งนั้น ปล่อยพวกเขามาเดี๋ยวนี้ ก่อนที่กูจะอารมณ์เสีย”


“ใจเย็นๆ สิลัน ยื่นหมูยื่นแมวไงล่ะ เอาข้อมูลพวกนั้นมาให้ฉันซะ แล้วนายจะได้คนรักกลับไป” พี่ลันดูหงุดหงิด แต่ก็ยอมล้วงกระเป๋ากางเกงเพื่อหยิบแฟลชไดร์ส่งให้อีกฝ่าย บอสส่งต่อให้ลูกน้องเปิดดู พอได้ข้อมูลครบถ้วนก็พยักหน้าให้พี่ต้นพาแอลไปส่งถึงมือพี่ลัน


“แล้วน้องกูล่ะ”


“โอ๊ะ นั่นสินะ ฉันลืมไปเลย” เขาปรายตามองผมแล้วยิ้มร้าย “คงต้องเพิ่มข้อแลกเปลี่ยน”


“มันจะมากไปแล้วนะ” พี่ลันกำหมัดแน่นดูโมโหสุดขีด


“ไม่มากเลยลัน นายก็แค่เซ็น” เขากระดิกนิ้วเรียกให้ลูกน้องหยิบแฟ้มบางส่งให้ถั่วพี่ “สัญญาว่าจ้าง จงรับใช้ฉันตลอดชีวิตของนายเป็นไง”


“ฉันไม่ทำ!” พี่ลันประกาศกร้าว ก่อนจะก้มลงมองนาฬิกาข้อมือด้วยความหงุดหงิด


“งั้นน้องนายก็ไม่จำเป็นต้องมีชีวิตอยู่” เขายกปืนเล็งมาทางผม


วินาทีนั้นความรู้สึกกลัวแล่นไปทั่วร่าง แต่ผมก็ฝืนใจที่จะไม่ร้องตะโกนบอกพี่ชายว่าช่วยด้วย ผมไม่อยากให้เขาต้องเซ็นสัญญาทาสนั้น แม้จะหมายความว่าต้องสังเวยชีวิตผมก็ตาม


“อย่า...”


“งั้นก็ซะเซ็นสิ”


“จำไว้ว่ากูไม่มีวันภักดีต่อมึง” พี่ลันรับปากกาจากลูกสมุนคนหนึ่งก่อนจะโน้มตัวลงพลางดึงแอลเข้ามากอดไว้ ปากกาค่อยๆ เข้าใกล้แผ่นกระดาษมากขึ้นจนผมต้องตะโกน


“พี่ลันอย่าเซ็น!”


พลั่ก


ผมถูกผลักให้ล้มลงพอดีกับที่ห่ากระสุนสาดไปทั่วโกดัง


“อุดหูไว้พู” เสียงทุ้มที่ผมจำได้ดีดังขึ้นก่อนที่ใบหน้านั้นจะแทรกเข้ามาให้เห็น เป็นพี่เจตที่ผลักผมลงและกำลังโอบกอดผมไว้ ผมเหลือบไปมองคนยิงก็เห็นว่าเป็นพี่ต้นกับพี่ตั้นที่เปิดศึกปะทะกับเหล่านักเลง โดยมีพรรคพวกส่วนหนึ่งของพี่ตั้นจัดการยิงสวนฝ่ายนั้นร่วงลงไปทีละคน


“พาพูหนีไป!” พี่ลันตะโกนแหวกเสียงกระสุนก่อนจะพาแอลหลบออกจากโกดังไป ส่วนผมกับพี่เจตยังคงอยู่ในนี้ เราซุ่มหลบอยู่หลังลังไม้เพื่อรอจังหวะหนีออกไปด้วยกัน


ปังๆ!


“โอ้ย!” ผมหันกลับมาหาร่างสูงที่ถูกยิงเข้าที่ไหล่ขวา ดึงเขาหลบก่อนที่กระสุนนัดต่อไปจะยิงตัดขั้วหัวใจ


“พี่เจต...”


“พี่ไม่เป็นไรพู รีบไปกันเถอะ”


ผมประคองพี่เจตเดินหลบกระสุนไปตามทางเรื่อยๆ เราสองคนเป็นแค่เด็กมัธยม ลืมไปได้เลยเรื่องแย่งปืนคนร้ายมายิงสวน มันเป็นไปไม่ได้หรอกครับ แค่จับปืนมือผมก็คงสั่นล่ะ ทำได้เพียงมองหาทางหนีทีไล่แต่กลัวจะเจอคนร้ายนี่ล่ะ


“จะไปไหน!” บอสฝ่ายนั้นพุ่งเข้ามากระชากตัวผมไปอย่างรวดเร็ว พี่เจตพยายามเข้ามาช่วยผมทันที แต่กลับถูกปืนจ่อหัวเตรียมลั่นไก “อยากตายนักกูก็จะจัดให้”


“อย่านะ!” ผมร้อง ผลักแขนข้างนั้นให้ปืนเบี่ยงออกจากร่างสูง ซึ่งพี่เจตก็ใช่จังหวะนั้นเตะปืนให้หลุดออกจากมือคนร้ายก่อนจะปล่อยหมัดรัวใส่ไม่ยั้งมือ


วี้หว่อ


เสียงรถตำรวจดังเข้ามาใกล้ๆ ผมจึงรีบดึงพี่เจตออกจากร่างไร้สติของคนร้าย พาเขาวิ่งออกจากโกดังได้ทันก่อนตำรวจจะพบเรา


“ปลอดภัยดีใช่ไหม” พี่เปรมที่ไม่รู้โผล่มาจากไหนจับตัวผมสำรวจไปทั่ว ข้างกายเขามีชายหนุ่มหน้าอ่อนคนหนึ่งถือกล้องค้างไว้ พี่เปรมหันมองตามสายตาผมก่อนจะดันกล้องลง “กรุณาให้เกียรติน้องชายผมด้วย ห้ามเผยแพร่ภาพตัวประกันเด็ดขาด”


“รับทราบครับผม งั้นขออนุญาตไปเก็บภาพข่าวก่อนนะครับ ท่าทางเสียงปืนจะเงียบล่ะ” ว่าแล้วผู้ชายคนนั้นก็เดินเข้าโกดังไปโดยไม่สนอันตรายเลย


“เฮ้อ ให้ตายสิ พวกนายออกไปกันเองได้ใช่ไหม พี่ต้องตามไปลากนักข่าวคนนั้นออกมาก่อน”


“ครับ” ผมพยักหน้ารับ ประคองพี่เจตออกมาสวนทางกับพี่เปรมที่เดินเข้าไปข้างใน


“พู!” พอออกมาได้ก็เจอพี่ลันเลยครับ ยืนอยู่ข้างรถยนต์คันหรูที่ติดเครื่องไว้เรียบร้อยแล้ว ซึ่งแอลที่นั่งอยู่ด้านในก็รีบลงจากรถมาหาพวกเราทันที


“เจต” คนตัวเล็กสวมกอดพี่ชายแน่น ซึ่งพี่ลันก็ทำกับผมแบบนั้นเหมือนกัน เราใช้เวลาด้วยกันไม่นานนักก็ต้องรีบออกจากที่เกิดเหตุ โดยมีพี่เปรมวิ่งไปขึ้นรถโฟลค์อีกคันพร้อมด้วยนักข่าวหนุ่มคนนั้นที่ยังโวยวายไม่เลิก จะว่าไปเหมือนผมเห็นรถอีกคันขับออกไปก่อนหน้าพวกเรานะ


“พี่ลัน เจตเลือดออก ฮึก พาไปหาหมอ” แอลนั่งเบาะหลังกับพี่เจตครับ คงกำลังดูอาการกันอยู่ ส่วนผมที่นั่งอยู่ข้างที่ลันก็ทำได้เพียงมองข้างทางด้วยดวงตาพร่าเลือน


อ่า...นี่กูไปถูกยิงตอนไหนวะเนี่ย


ผมยกมือกุมท้องตัวเอง คงเพราะใส่เสื้อน้ำเงินทับด้วยเสื้อฮูดสีดำเลยอำพรางเลือดได้ อีกทั้งตอนนั้นเอาแต่คิดจะพาพี่เจตหนีเลยไม่ได้สนใจว่ากระสุนผ่านเข้าทะลุเนื้อตอนไหน


แต่ตอนนี้โคตรเจ็บเลยว่ะ


“เป็นอะไรวะพู” พี่ลันเอ่ยขึ้นทั้งที่สายมองถนนอยู่ ไม่มองก็แย่แล้วครับเล่นเยียบเกินร้อยแบบนี้ “ดูหน้ามึงซีดๆ นะ” พี่หันมามองหน้าผมตอนไหนวะ


“พูตกใจ...ไม่ได้เป็นอะไร” ผมพยายามข่มอาการด้วยรู้ว่าถ้าพี่ชายรู้เข้า เราได้ไปโลกหน้าก่อนโรงพยาบาลแน่ๆ


พวกเรามาถึงโรงพยาบาลในครึ่งชั่วโมง ถือว่าเร็วครับสำหรับโรงพยาบาลในตัวจังหวัด เราส่งตัวพี่เจตให้บุรุษพยาบาลรับช่วงต่อก่อนจะเดินมานั่งรอหน้าห้องฉุกเฉิน


“พี่ลัน เดี๋ยวผมมานะ”


“จะไปไหนวะ”


“เหอะน่า” ผมเดินเข้าไปหาพี่พยาบาล รูดซิบเสื้อกันหนาวแล้วเปิดแผลให้เธอดูโดยไม่ลืมยกนิ้วขึ้นจรดปากเพื่อไม่ให้เธอส่งเสียง พอเห็นเธอก็รีบให้บุรุษพยาบาลพาผมเข้าห้องฉุกเฉินทันที แต่จังหวะที่ประตูปิดลงผมกลับได้ยินเสียงแว่วจากพี่ชายที่อยู่ข้างนอก


“เห้ย! จะพาน้องกูไปไหน ไอ้พู มึงเป็นอะไร! ปล่อยกูสิวะไอ้สัด! พู!!!!!”


ก็เพราะรู้ไงว่าถ้าบอกพี่ผมจะคลั่งแบบนี้ ดังนั้นพูขอเข้าไปรักษากับหมอเงียบๆ เถอะนะครับ






Tbc.








.................................................
มาอัพเงียบๆ แล้วรีบหนีไป 5555 (เป็นครั้งแรกที่เขียนยาวจนต้องเพิ่มกระทู้เลย)

จะบอกว่าเป็นปมสุดท้ายของเรื่องแล้ว อีกไม่กี่ตอนก็จบล่ะ แอบใจหายเบาๆ อยากจะให้ดราม่ากว่านี้นะแต่เราเขียนไม่เก่ง 5555 จบตอนด้วยความบ้าน้องของพี่ลันก็แล้วกันค่ะ  :laugh:

ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนต์ เจอกันตอนหน้าจ้า  :mew1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-01-2019 23:58:38 โดย janeta »

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ cchompoo

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-4

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
โอ้ยยยย พู ขนาดนี้ยังตลกได้เนเะ

ออฟไลน์ no.fourth

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 888
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
ลุ้นสุดติ่งค่ะ

เกิดอะไรขึ้นกับต้นตั้น แต่ยังไงก็ยังโชคดีที่เปลี่ยนใจได้

เกลือจำได้แล้วหรอ แล้วตอนเจอถั่วน้องกับเผือก จำได้ยังคะ

เปรมตลก เคาะแป้นตั้งนาน พี่ถั่วเลาะแปบๆ เจอเลย
แอลปลอดภัยแล้ว แล้วถั่วน้องก็กล้าเสี่ยง เชื่อใจ

เจตโดนยิง ไม่เท่ากับถั่วน้องก็โดน แต่ทำเงียบ งานนี้ถั่วน้องอดทนได้ดีมากจริงๆ
ขอให้ปลอดภัยนะคะ

แล้วนักธุรกิจคนนั้นเป็นใครกันนะ พี่ชายเกลือหรอ

ออฟไลน์ GuoJeng

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1268
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
เจตกับพูโดนยิง ลันจะโดนแม่กับพ่อว่าไรมั้ยน่ะ รออ่านต่อ

ออฟไลน์ janeta

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 155
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +74/-2
บทที่ 31
เหตุเกิดเพราะ...แผนลับ (แบงค์xธาร)




ผมวนเวียนอยู่ในความฝันที่หาทางออกไม่เจอมาตลอดสามปี สามปีที่ตื่นขึ้นมาแล้วจำไม่ได้ว่าตัวเองฝันว่าอะไร มันน่าหงุดหงิดนะ แต่ผมก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากออกไปหาคำตอบด้วยตัวเอง มีเรื่องชกต่อยกับคนอื่นไปทั่วเผื่อจะเจอคู่อริที่เคยทำร้ายผม แต่ถึงแม้จะสู้เท่าไหร่ ผมก็รู้ดีว่า...ไม่มีใครจำผมได้อีกแล้ว


การตัดสินใจของพ่อและพี่ชายอาจจะดีสำหรับชีวิตของผม แต่ไม่ดีเลยที่จะตามหาคนในความทรงจำเหล่านั้น คนที่ยิ้มและหัวเราะไปพร้อมกัน คนที่ผม...จำใบหน้าของเขาไม่ได้เลย


จนกระทั่งวันหนึ่งที่พี่ลัน รุ่นพี่ที่มักจะเข้ามาเยี่ยมผมทุกวันหลังเกิดอุบัติเหตุเลือกที่จะพาเด็กหนุ่มสองคนมาเจอผม แม้ผมจะมั่นใจว่าไม่มีทางรู้จักคนทั้งคู่ แต่สายใยที่ขาดหายคล้ายกับถูกเชื่อมกันอีกครั้ง โดยเฉพาะสายตาของใครคนหนึ่งที่เปลี่ยนไปทันทีที่รู้ว่าผมเป็นคนในอดีตของเขา


“วันนี้ไปไหนดีวะมึง”


เจ้าของเสียงทุ้มที่มักจะมาหาผมที่บ้านทุกวันกลายเป็นสีสันของทุกคนในบ้าน เขาเดินเข้ามาหาผมเมื่อได้รับอนุญาตจากคุณหญิงดาราราย แม่ของผมเอง


“ไม่ไปไหนทั้งนั้น กูจะนอนเล่นเกม” ผมนอนเหยียดบนโซฟาเล่นเกมมือถืออย่างไม่สนใจมัน ซึ่งอีกฝ่ายก็ไม่หยี่ระกับท่าทางที่ผมไล่กรายๆ นั่น กลับทิ้งตัวนั่งบนโซฟาอีกตัวแล้วกดเล่นเกมเงียบๆ ระหว่างเรามีเพียงเสียงจากเกมเท่านั้น


“ฉันน่าจะให้แกมาพัฒนาเกมบริษัทนะ”


ไม่ทันไรพี่ชายของผมก็เดินเข้ามาพร้อมกลิ่นน้ำหอมฟุ้ง เดาได้ไม่ยากว่าวันนี้พี่ชายคงมีนัดเดทกับแฟนหนุ่มของเขาเช่นเคย


“พี่ก็ให้ผมออกจากโรงเรียนดิ แล้วจะต่อยอดงานให้” ผมบอกพี่ชายเป็นครั้งที่ร้อยแต่ก็ได้รับคำตอบเดิมกลับมา


“เรียนให้จบก่อนแล้วค่อยว่ากัน”


เหอะ พูดงี้ทุกทีแล้วจะถามทำไมวะ


ผมได้แต่บ่นในใจ ปรายตามองคนที่นั่งเล่นเกมอย่างเมามัน สายตาของแบงค์เวลาจดจ่ออยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่งไม่รู้ทำไมถึงดึงดูดสายตาของผมนัก ผมมองมันเล่นเกมแพ้บ้างชนะบ้างอย่างเพลินๆ แต่พออีกฝ่ายจะเงยหน้าขึ้นผมก็รีบก้มลงกดเข้าเกมต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น พอได้ยินเสียงเล่นเกมต่อของอีกฝ่ายผมก็เงยหน้ามองมันอีกครั้ง ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไปเพื่ออะไร


“มองแบบนั้น จำกูได้แล้วใช่ปะ” แบงค์พูดขึ้นโดยไม่ละสายตาจากเกม รอยยิ้มมุมปากของมันทำผมหงุดหงิดเล็กน้อยปฏิเสธไม่ได้เพราะมองมันอยู่จริงๆ ผมทำเมินสิ่งที่มันพูด กวักมือเรียกแม่บ้านให้ยกน้ำมาเสิร์ฟเพราะเริ่มรู้สึกกระหายน้ำ


“เมื่อไหร่มึงจะเลิกยุ่งกับกูสักที บอกแล้วไงว่ากูจำไม่ได้ อีกอย่างรู้จักกันแค่ปีเดียวไม่ใช่เหรอวะ มึงจะมาวุ่นวายอะไรกับกูนักหนา ตอนนี้กูไม่ใช่คนที่มึงเคยรู้จักอีกแล้วนะ”


“เอาน่า เจอหน้ากันบ่อยๆ เดี๋ยวมึงก็จำกูได้เอง หล่อๆ แบบกูลิมิเต็ดเอ็ดดิชั่นนะครับ”


“กูไม่อยากจำมึงได้” ผมตัดบท รับน้ำจากแม่บ้านมาดื่มก่อนจะลุกขึ้นเตรียมตัวออกไปข้างนอก


“จะไปไหนวะ”


“เรื่องของกูไหมล่ะ”


“งั้นกูไปด้วย”


“ยุ่งจริง” ผมบ่นใส่มัน แต่สุดท้ายก็ยอมให้มันตามไปด้วย


ผมเดินนำเข้ามาในร้านอาหารอิตาเลียนชื่อดังก่อนจะสั่งเมนูที่อยากกินมาสองสามอย่าง ยื่นเมนูให้อีกฝ่ายที่ส่ายหน้าปฏิเสธ


“กูไม่แดกของเลี่ยน”


“ทีบิงซู ไม่เห็นมึงจะบอกว่าเลี่ยน...” ผมบ่นพึมพำก่อนจะชะงักไป เช่นเดียวกับคนตรงข้ามที่ชะโงกหน้าเข้ามาหาอย่างตื่นเต้น


“เมื่อกี้มึงพูดว่าไงนะ!”


ผมไม่ตอบ เลือกที่จะนั่งเงียบเพื่อทบทวนคำพูดของตัวเองเมื่อครู่ มันไม่เคยบอกผมว่าชอบกินอะไร แล้วทำไมผมถึงรู้ว่ามันชอบกินบิงซู


“สั่งเยอะแบบนี้กะจะขุนกูให้อ้วนรึไงวะ” เสียงโวยวายแว่วมาจากโต๊ะข้างๆ ผมหันไปมองเจ้าของเสียงด้วยความรู้สึกคุ้นหน้าอย่างประหลาด แต่จำไม่ได้ว่าเคยเห็นที่ไหน ขณะที่คนตรงข้ามลุกพรวดไปหาอีกฝ่ายทันที


“แหมๆ มาเดทกันเหรอครับพวกมึง” แบงค์เอ่ยขึ้นก่อนจะแทรกตัวนั่งข้างผู้ชายคนหนึ่ง


“ยุ่งจริงนะมึงน่ะ แล้วก็เลิกหาเรื่องชวนไอ้เผือกไปเหล่สาวได้แล้ว กูขี้เกียจตามหึง” เผือก...ชื่อนี้คุ้นหูมากจริงๆ ผมไล่สายตาสำรวจผู้ชายที่แบงค์โอบคออยู่ ทั้งส่วนสูงและหน้าตาบ่งบอกได้ชัดเจนว่าผมต้องเคยรู้จักคนๆ นี้ น่าแปลกที่รู้สึกมากกว่าพูหรือแบงค์เสียอีก


“กูว่ามึงได้หึงอีกนาน เมื่อวานกูเพิ่งเห็นเมียชั่วของมึงออกไปแรดกับสาวๆ อยู่เลย” แบงค์เหล่ตามองคนข้างตัวแล้วยิ้มร้าย ซึ่งอีกฝ่ายก็ถองศอกใส่ดังพลั่ก ท่าทางมันคงเจ็บน่าดู


“แต่ก่อนจะยุแยงความรักของพวกกู หันไปมองคนที่มึงมาด้วยกันก่อนไหม มองเมียกูแบบนั้นหมายความว่าไง”


“ห้ะ!” แบงค์หันมาตามคำพูดของคนๆ นั้น กลายเป็นว่าทุกคนหันมามองผมกันหมด ก่อนที่แบงค์จะแนะนำผมให้ทั้งคู่รู้จัก


“อ้อ กูลืมแนะนำไปเลย ไอ้เฟรมเพิ่งเข้ามาตอนม.ปลายมึงคงไม่รู้จัก แต่ไอ้เผือกอยู่กับพวกกูมานานมึงน่าจะรู้จักกันดี” แบงค์ส่งยิ้มให้ผมก่อนจะเอ่ยแนะนำ


“นี่ไอ้เกลือ เพื่อนซี้ปึ้กของกู”


เพล้ง!


ช้อนสแตนเลสร่วงกระทบจานทันทีที่แบงค์เอ่ยจบ ผมลอบสังเกตใบหน้าของเผือกที่ซีดลงเรื่อยๆ ก่อนที่ฝ่ายนั้นจะลุกพรวดเข้าห้องน้ำไปอย่างว่องไว


“อ้าว ไปไหนละนั่น หึ มันคงปวดฉี่ละมั้ง” แบงค์หัวเราะนิดๆ ก่อนจะเอ่ยแนะนำผมให้เฟรมรู้จักต่อไป อีกฝ่ายก็ฟังซื่อๆ ต่างจากผมที่สงสัยในตัวของเผือกมาก จึงอดไม่ได้ที่จะตามเขาไป แอบฟังเสียงกระซิบที่ดังลอดออกมาจากห้องน้ำห้องหนึ่ง


“ขะ...เขา ยังไม่ตาย”


(ใคร...)


“กะ...เกลือ เกลือยังอยู่”


(มึงว่าไงนะ เวรชิบ! เดี๋ยวกูโทรหามึงอีกที) ปลายสายถูกตัดไปพร้อมกับเสียงสะอึกสะอื้นของคนในห้องน้ำ


“กูขอโทษ...กูไม่ได้ตั้งใจ”


ผมกดล็อกประตูห้องน้ำโดยไม่ลืมแขวนป้ายทำความสะอาดไว้ด้านหน้า กวาดตาดูรอบๆ ไม่เห็นใครคนอื่นอยู่ในห้องน้ำจึงเอ่ยขึ้น


“หมายความว่ายังไง”


“มะ...มึง” เกลือเปิดประตูห้องน้ำออกมาเผชิญหน้ากับผม ก่อนจะรีบวิ่งพรวดเพื่อหนีผ่านผมไป แต่ยังช้ากว่ามากนักเมื่อผมดึงแขนมันไว้แล้วลากกลับเข้าไปในห้องน้ำ


“เล่ามา...ทั้งหมดทุกเรื่องที่มึงรู้เกี่ยวกับตัวกู” ผมจ้องเข้าไปในดวงตาสั่นไหวนั่น และรับฟังเรื่องราวที่ผมไม่เคยรู้เลย






“อึก” ผมกุมหัวเมื่อรับรู้ทุกเรื่องราวทั้งหมด จิ๊กซอว์ที่ขาดหายคือเรื่องนี้นี่เอง


“เกลือ!” เผือกเข้ามาพยุงผมทันทีที่เห็นท่าทางไม่สู้ดีของผม แต่ผมส่ายหน้าเอ่ยปลอบมันที่รู้สึกผิดกับเรื่องเมื่อหลายปีก่อน มันเลือกทรยศผมเพื่อคนที่มันรัก


ผมกลับออกมาจากห้องน้ำก็เห็นแบงค์เดินทำหน้ากังวลเข้ามาหา


“เป็นอะไรหรือเปล่าวะ กูเห็นมึงหายไปนานเลย หรือว่าปวดหัว” มือหนายกขึ้นแตะหน้าผากผม ผมมองหน้าเพื่อนเก่าด้วยความรู้สึกที่ต่างออกไป บางที...เราอาจไม่ควรรู้จักกันตั้งแต่แรก


“ปวดขี้รึไงมึง” เฟรมเอ่ยทักแฟนตัวเองด้วยน้ำเสียงหยอกล้อก่อนจะลุกพรวดเข้าไปหาเมื่อเห็นดวงตาแดงก่ำของคนรัก เผือกเหลือบตามองผมนิดๆ เมื่อเห็นผมส่ายหน้าไม่ให้มันเล่าอะไร เผือกก็ทำตามแล้วเดินนำแฟนตัวเองออกจากร้านไป


“มีปัญหาอะไรกันหรือเปล่าวะ” แบงค์เดาได้จากท่าทางของเรา ผมส่ายหน้านั่งลงกินอาหารทั้งที่หมดความอยากแล้ว แต่ก็กินเพื่อจะสานต่อในสิ่งที่ทำค้างไว้


“กูมีธุระต่อ มึงกลับไปได้แล้ว” ผมเอ่ยขึ้นเมื่อจ่ายเงินเสร็จเรียบร้อย แต่แบงค์กลับไม่ฟังคำที่ผมพูด


“กูจะไปกับมึง”


“แต่กูไม่ให้มึงไป เลิกยุ่งกับกูได้แล้ว!” ผมเลือกที่จะพูดตรงข้ามกับความรู้สึก แล้วหันหลังเดินจากมา ผมรู้ดีว่ามันยังตามผมอยู่ผมจึงเลือกที่จะกวักมือเรียกวินมอเตอร์ไซค์โดยไม่ฟังเสียงคนข้างหลัง


จ่ายเงินค่ารถเสร็จผมก็เดินเข้าซอยไปยังห้องเช่าโทรมๆ หลังหนึ่ง อดีตห้องพักที่เคยหลบพ่อมาซ่อนตัว ตอนนี้มีคนอื่นเข้ามาพักอาศัยแล้ว แต่ก็นะ สิ่งที่ผมเช่าไม่ใช่ห้องบนดินสักหน่อย


ผมเปิดฝาท่อระบายน้ำแล้วไต่บันไดลงไปจนถึงพื้นข้างล่าง แล้วเดินเลียบไปตามทางท่ามกลางกลิ่นเน่าคละคลุ้ง กระทั่งถึงประตูเหล็กบานหนึ่งที่สนิทเกาะจนแทบหาช่องใส่รหัสไม่เจอ กดรหัสที่จำได้อย่างขึ้นใจแล้วผลักประตูเข้าไปทันที


ทุกอย่างยังคงอยู่ที่เดิมไม่เปลี่ยนไปไหน ปัดฝุ่นสักหน่อยทุกอย่างก็กลับมาใช้ได้ดี ผมจึงเลือกนั่งเก้าอี้ตัวโปรด เปิดเครื่องคอมที่ไม่ได้ใช้มานานแล้วส่งรหัสมอสไปยังคนที่เผือกเพิ่งโทรคุย


กูกลับมาแล้ว


............................................
...................................................................



เมื่อสามปีก่อน ตอนที่ผมเพิ่งหนีพ่อมาใหม่ๆ ผมได้พบฝาแฝดคู่หนึ่งที่เพิ่งถูกนักเลงซ้อมมา สองคนนั้นดูตัวเล็กนักในความคิดของผม ตัวสั่นเทาด้วยความกลัวอยู่ในอ้อมแขนเล็กๆ ของเด็กชายคนหนึ่งที่กล้าเงยหน้าต่อกรกับอีกฝ่าย ก่อนที่เด็กคนนั้นจะถูกใครคนหนึ่งลากตัวออกไป เป็นความทรงจำที่แย่แต่ผมก็ต้องยอมรับมัน


ตอนนั้นผมเป็นเพียงคนนอก เป็นแค่เด็กอายุสิบสี่ ไม่ได้มีพละกำลังจะต่อสู้เพื่อช่วยเหลือใครแต่ก็ไม่คิดที่จะปล่อยผ่าน ผมเลือกช่วยเหลือพวกเขาในแบบที่ตัวเองถนัด...นั่นคือการแฮก


ผมแค่ต้องการให้คนเลวพวกนั้นอับอาย หรืออย่างน้อยก็เรื่องผิดกฎหมายที่ทำให้ตำรวจจับพวกมันเข้าคุก แฝดคู่นั้นจะได้เป็นอิสระ แต่สิ่งที่ผมค้นพบมันมากไปกว่านั้น ข้อมูลค้าอาวุธทั้งหลายถูกถ่ายโอนมายังผม ผมไม่ได้โง่ที่จะไม่รู้ว่าข้อมูลเหล่านั้นอันตรายเพียงใด แต่ในเมื่อผมเจาะเข้าระบบแล้ว ต่อให้ผมไม่ได้ดึงข้อมูลเหล่านั้นมาเก็บไว้ ชีวิตผมก็ไม่ปลอดภัยอีกแล้ว


ผมจึงเลือกลบฐานข้อมูลของพวกมันเพื่อให้ข้อมูลนั้นอยู่ที่ผมเพียงคนเดียว ก็อปปี้บางส่วนส่งให้ตำรวจโดยไม่รู้ว่ามีหนอนบ่อนไส้อยู่ในนั้น ซึ่งไม่นานพวกมันก็ตามหาผมเจอ โชคดีที่ผมไม่เคยออกงานสังคมกับครอบครัวจึงไม่มีใครรู้ว่าตัวตนที่แท้จริงของผมเป็นใคร


และก่อนที่จะถูกทำร้ายผมก็แอบฝังข้อมูลนั้นในคอมพิวเตอร์ของพู ตั้งเวลาให้มันแสดงในอีกสามปีต่อมาเพราะผมไม่มั่นใจเลยว่าจะอยู่รอดเปิดโปงพวกมัน ผมไม่อยากยืมมือพ่อและพี่ชายด้วยรู้ดีว่าพวกเขาก็มีโลกสีเทาอยู่เบื้องหลังเช่นกัน การเข้ามาช่วยเหลือผมอาจทำให้พวกเขามีปัญหาตามมา


คนที่ผมไว้ใจจึงมีแค่ท่านชูการ์ เพื่อนแฮกเกอร์ของผม แม้ไม่รู้ว่าเขาเป็นใครแต่ผมเชื่อว่าเขาจะตามหาพูเจอและคงจัดการสิ่งที่ผมฝากฝังไว้ได้ แต่เหมือนฟ้าแกล้งกัน ให้ท่านชูการ์ที่ผมไม่รู้จักกลายเป็นพี่ชายของเพื่อนสนิทไปเสียอย่างนั้น แต่อย่างน้อยก็ดีใจที่ได้รู้จักกันสักที


TT มึงยังอยู่ เป็นไปได้ไง


Salt ขอโทษที่ช่วยพวกมึงไม่สำเร็จนะ


ผมขอโทษพวกเขา ความจริงวันที่ผมประสบอุบัติเหตุผมตั้งใจจะมอบข้อมูลทั้งหมดให้พวกเขาใช้สู้กับคนพวกนั้น แต่พวกมันไหวตัวทันชิงลงมือทำร้ายผมก่อน


TT พวกกูต่างหากที่ต้องขอโทษ ขอโทษที่ทำให้เผือกต้องเปิดเผยที่อยู่ของมึงแลกกับชีวิตพวกกู ขอโทษที่กูไม่เชื่อใจว่ามึงจะช่วยกูได้ หึ พวกกูเลยต้องรับกรรมอยู่อย่างนี้ไง แต่ก็ต้องขอบใจมึงที่ปล่อยข้อมูลชั่วๆ ของบอสออกมา ตอนนี้วิ่งโร่หาทนายวุ่นวายเชียวล่ะ


Salt กูไม่ได้ปล่อย ท่านชูการ์ต่างหากที่ปล่อยข้อมูลพวกนั้น


ผมเดาว่าคงเป็นพี่ลันที่จัดการทุกอย่างให้ขณะที่ผมความจำเสื่อม
 

TT ที่ชื่อลันใช่ไหม


Salt มึงรู้ได้ไง


ผมไม่เคยบอกชื่อจริงของพี่ลันจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่อีกฝ่ายจะรู้


TT บอสกูใช้สัญญาล่ามตัวมันไว้สองปีแล้ว แต่มันก็หักหลังปล่อยข้อมูลลับของบอสออกมา คงรวมถึงข้อมูลที่มึงมีด้วย ร้ายไม่เบาเลย ตอนนี้บอสกูคลั่งเร่าๆ อยากจะลากตัวมันมากระทืบแต่ติดที่ยังทำอะไรไม่ได้


Salt มึงยังอยากเป็นอิสระอยู่ไหมตั้น


TT หึ ทุกวินาทีที่หายใจอยู่นั่นแหละ แต่บางทีไม่หายใจอาจจะเป็นอิสระกว่าด้วยซ้ำ ห่วงก็แค่ไอ้ต้นจะทนไม่ไหวชิงตายไปก่อนกู


Salt งั้นร่วมมือกับกู แล้วกูจะให้อิสระมึงกับพี่ชาย


TT แล้วเผือก


ตั้นเอ่ยถึงน้องชายต่างสายเลือด ถึงพวกมันจะอยู่บ้านกำพร้าเดียวกันแต่กลับผูกพันกันเหมือนพี่น้อง โชคดีที่เผือกถูกรับเลี้ยงในครอบครัวที่ดีมันถึงยังเป็นคนดี ต่างจากสองแฝดที่ถูกคนชั่วรับเลี้ยงและทำร้ายทั้งคู่ไม่เว้นแต่ละวัน จึงไม่น่าแปลกใจที่สิ่งเหล่านั้นจะหล่อหลอมให้ทั้งสองมีพฤติกรรมเลวร้ายเกินเยียวยา


Salt น้องชายพวกมึงไม่เป็นอะไรหรอกนะ แบ็กใหญ่ขนาดนั้น


ผมไล่อ่านข่าวตระกูลของเฟรม หึ เป็นสะใภ้บ้านนี้คนอื่นอย่าได้คิดแหยมเลย


ผมวางแผนกับตั้นอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนหน้านี้บอสของตั้นสั่งให้ลูกน้องกำจัดเด็กผู้ชายสองคนคือไอ้พูและแอลเพราะเริ่มรู้สึกว่าพี่ลันเอนเอียงไปหาฝ่ายนั้นมากเกินไป คิดไม่ถึงว่าพี่ลันจะรู้ตัวแล้วแข็งข้อกับบอส เป็นเหตุให้สัญญาระหว่างกันสิ้นสุดลง และตอนนี้บอสของตั้นจึงเลือกที่จะกุมหัวใจของพี่ลันไว้เพื่อบังคับให้อีกฝ่ายรับใช้จนวันตาย


Salt นายให้ต้นไปจับตัวคนที่ชื่อแอลไว้ และอย่าลืมว่าต้องใช้ไฟฟ้าช็อตพี่ลันเท่านั้นนะ ห้ามสู้ตัวต่อตัวเด็ดขาดถ้าไม่อยากให้แผนล่ม


แม้จะรู้จักกันไม่นานแต่ผมรู้ฝีมือพี่ลันมากพอ คนระดับนี้ประมาทไม่ได้เลย ทางเดียวที่จะทำให้แผนนี้สำเร็จคือจู่โจมทีเผลอเท่านั้น


Salt รายงานบอสของมึงว่าจับตัวแอลไว้เรียบร้อยใช้แลกกับข้อมูล ส่วนพู...กูจะทำให้มันไปหามึงเอง


TT มั่นใจเหรอว่าเด็กนั่นจะโง่มา


Salt กูรู้จักมันดี


ผมร่ายยาวถึงแผนการทั้งหมด จัดการแผงไวรัสในแฟลชไดร์ แม้เปิดข้อมูลดูจะเป็นสิ่งที่พวกนั้นต้องการ แต่หากเสียบเข้าเครื่องแล้วไวรัสจะลบข้อมูลอย่างช้าๆ สุดท้ายจะไม่เหลือข้อมูลใดให้พวกมันได้นำไปใช้ได้เลย


TT แล้วลันเตาล่ะ มึงจะจัดการยังไงไม่ให้มันบุกก่อนบอสมา


Salt กูมีวิธีก็แล้วกัน


เมื่อตกลงแผนการเรียบร้อยก็เข้าสู่วันที่สอง มิสคอลเข้าเยอะจนผมได้แต่ถอนหายใจ ที่บ้านสายหนึ่ง เดาว่าคุณหญิงดาราราย อีกสายเป็นของพี่ชาย และอีกเกือบห้าสิบสายนั่นเป็นของคนที่ตามตื้อผมอยู่...แบงค์


ผมเลือกที่จะกดโทรออกหามัน แป๊บเดียวอีกฝ่ายก็รับสายด้วยน้ำเสียงร้อนรน


“เกลือ...มึงอยู่ไหนวะ ที่บ้านก็ไม่อยู่ ร้านเกมก็ไม่อยู่...” เสียงแบงค์สั่นเครือจนผมอดใจอ่อนไม่ไหว แต่ก็เลือกที่จะโกหกออกไป


“กูออกมาเที่ยวกับสาว” โกหกเพื่อให้มันตัดใจ แต่อีกฝ่ายก็ไม่เคยไปไหน


“งั้นเหรอ ไม่เป็นไรโว้ย เรื่องปกติ มึงโอเคดีกูก็สบายใจล่ะ” แบงค์พยายามทำเสียงร่าเริง แต่ผมรู้ดีว่าตอนนี้มันอ่อนล้ามากแค่ไหน


“อืม งั้นแค่นี้นะ” ผมกดตัดสายแล้วปิดเครื่อง ล้มตัวนอนบนเตียงที่เต็มไปด้วยฝุ่น สูดกลิ่นหืนแล้วไอค่อกแค่กออกมา


น้ำตาที่รินไหล ผมเชื่อว่าเป็นเพราะฝุ่นฟุ้ง


ไม่ใช่...เพราะใครบางคน



............................
.................................................


(ไอ้พูถูกยิง)


สองวันต่อมาผมก็ได้รับสายจากแบงค์ น้ำเสียงร้อนรนนั้นทำให้ผมต้องรีบเร่งไปยังโรงพยาบาลที่เพื่อนรักษาตัวอยู่ เปิดประตูเข้าไปในห้องก็เห็นร่างสูงที่ผมไม่รู้จักนั่งอยู่ข้างเตียง แขนขวามีผ้าพันแผลพันอยู่ เขากุมมือพูด้วยสีหน้าหม่นหมอง ขณะที่เพื่อนผมยังคงหลับใหลไม่ได้สติ


“ไอ้เกลือ” เสียงเรียกมาพร้อมอ้อมแขนที่โอบกอดผมแน่น ได้แต่ลูบหลังปลอบใจแบงค์ที่เสียขวัญ พยักหน้าให้พี่ลันที่ยืนกอดอกหน้าเครียดลูบไหล่ปลอบใจคนข้างกายที่สะอึกสะอื้นเบาๆ


ครืดๆ


แรงสั่นในกระเป๋ากางเกงทำให้ผมต้องผละจากแบงค์เพื่อรับสาย แล้วเดินเลี่ยงออกมาคุยนอกห้องไม่ให้รบกวนพู


“ว่าไง”


(ตอนนี้ไอ้สารเลวนั่นมันเข้าคุกแล้วนะ)


“อืม แล้วมึงเป็นไง ไอ้ต้นล่ะ”


(พวกกูปลอดภัยแต่ไอ้ต้นถูกยิง แผลเล็กนิดเดียวไกลหัวใจมาก พวกกูหนีมาอยู่ต่างจังหวัดเลยโทรมาบอกมึงไว้ อย่าลืมที่สัญญา)


“กูไม่ลืมหรอก แถมเงินให้พวกมึงไปตั้งตัวด้วยเลยเอ้า” ผมพูดกลั้วหัวเราะ ดีใจที่พวกมันปลอดภัยดี หนี้ระหว่างเราจะได้จบสิ้นกันสักที


(ขอบใจมึงมากนะ ทั้งเรื่องในอดีต และอิสระของพวกกูในตอนนี้ ถ้ามึงไม่ยื่นมือเข้ามาช่วยพวกกูคงแย่)


“กูก็คน ทนเห็นพวกมึงถูกทำร้ายไม่ได้หรอก แต่วิธีของกูก็ใช่ว่าจะดี ลากคนที่ไม่รู้เรื่องอะไรมาเสี่ยงอยู่เรื่อยเลย” ผมเอนตัวพิงผนัง มองประตูห้องพักพู เพื่อนผมถูกลูกหลงทั้งที่มันไม่ได้ทำอะไรผิด ไหนจะพี่ลันที่ผมสอดมือเข้าไปยุ่งจนเขาต้องกลายเป็นทาสตั้งสองปี บางที...ผมควรจะอยู่ห่างทุกคนซะ นั่นอาจจะดีกว่า


ผมวางสายแฝดน้องแล้วเดินออกจากโรงพยาบาลแทนที่จะกลับเข้าไปหาพู ผมรู้สึกผิดต่อมันและครอบครัวของมันมากเกินกว่าจะร้องขอความเป็นเพื่อน ผมรู้ว่าพูคงจะบอกว่าไม่เป็นไรตามนิสัยของมัน แต่สำหรับผมที่เพิ่งเคยมีเพื่อนคนสำคัญไม่อยากให้เกิดเรื่องแบบนี้อีกแล้ว







“ตองครับ ตองงงงงงงงง” เสียงโหยหวนของพี่ชายดังออกมาจากตัวบ้าน ก่อนเจ้าตัวจะวิ่งหน้าตื่นออกมาพร้อมหมอนอิง


“พี่นี่มัน! ฮึ่ย! ตองบอกแล้วไงว่าอย่าทำรอย แล้วนี่อะไรวะ!” คนตัวขาวกระชากคอเสื้อตัวเองออกเผยให้เห็นผิวเนื้อที่เต็มไปด้วยรอยคิสมาร์ก ซึ่งสำหรับคนที่มีถ่ายแบบคืนนี้รอยนั่นเป็นสิ่งที่ไม่ควรมี


“ก็ตองของพี่น่ารักใครจะห้ามใจไหว” พี่ธรบ่นอุบ ก่อนจะรีบวิ่งมาหลบหลังผมเพราะเป็นคนเดียวที่พี่ตองไม่โมโหใส่ “ไอ้ธารช่วยกูด้วย”


หมดมาดมาเฟียเลยพี่ชายกู


“พี่ตองครับ” ผมทำหน้าอ้อนๆ แล้วเดินไปกอดแขนพี่สะใภ้คนงาม สีหน้าบึ้งตึงดูอ่อนลงเมื่อเห็นผม พี่ตองใจอ่อนกับผมเสมอแหละครับ เป็นอย่างนี้มาตั้งแต่ตอนที่ผมยังเด็กๆ แล้ว


“น้องธาร...”


“พี่ธรเขาทำก็เพราะรักเพราะหวงพี่ตองไม่ใช่เหรอครับ...” ผมเหล่ตามองพี่ชายที่รีบพยักหน้าสนับสนุนคำพูดผม “อีกอย่าง...นายแบบคนนั้นก็ชอบมองพี่ ดีไม่ดีอาจฉวยโอกาสแต๊ะอั๋งก็ได้นา” หึหึ เรื่องสุมไฟให้อกพี่ชายร้อนรุ่มไม่ใช่เรื่องยากเลยครับ เพียงแป๊บเดียวพี่ชายตัวน้อยของผมก็ผงาดเป็นราชสีห์กอดอกตีหน้าเครียดทันที


“นายแบบคนคนไหนครับตอง ใครมันกล้ายุ่งกับคนของพี่” เสียงต่ำทันทีครับพี่ชายผม


“น้องธาร ทำไมหาเรื่องให้พี่แบบนี้ล่ะครับ” คนตัวขาวกระเง้ากระงอดใส่ผมก่อนจะเชิดใส่พี่ธร “เก่งไงจะใครล่ะ แล้วไม่ต้องห่วงหรอกนะว่าเขาจะมายุ่มย่ามกับผม ไอ้หลามหวงยิ่งกว่าอะไรดี” ทันทีที่เอ่ยชื่อพี่หลามเพื่อนสนิทพี่ตองพี่ธรก็ยกมือยอมแพ้


“โอเคครับๆ พี่เองก็ไม่อยากยุ่งกับคนของหลามหรอก เดี๋ยวหาเรื่องมาให้พี่ปวดหัวอีก ไปครับที่รัก เราไปหาอะไรอร่อยๆ กินกันดีกว่า” พี่ธรโอบเอวพี่ตองเดินผ่านหน้าผมไป แต่พี่สะใภ้ผมเป็นคนน่ารักครับ ไม่เคยลืมเอ่ยชวนผมเลยสักครั้ง แต่ถ้าเขาหันไปมองหน้าแฟนตัวเองสักนิดก็จะรู้ว่าทำไมผมต้องปฏิเสธทุกครั้งไป




ผมนอนเอื่อยเฉื่อยเล่นเกมจนค่ำพ่อกับแม่ก็กลับมา ไม่ทันเอ่ยทักทายร่างสูงของใครบางคนก็เดินตามเข้ามา


“ดูซิเนี่ย ยุงกัดหมดแล้ว” แม่ผมสำรวจคนๆ นั้นก่อนจะเรียกให้แม่บ้านเอาคาลาไมน์มาให้อีกฝ่ายทา “แล้วทำไมเราไม่เรียกเพื่อนเข้าบ้านห้ะน้องธาร”


“ผมจะไปรู้ได้ไงว่ามันมา” ผมเม้มปาก ดูจากรอยแดงแล้วมันคงรออยู่หน้าบ้านนานหลายชั่วโมง แต่ผมก็จงใจเมินเดินไปนั่งโต๊ะรอพ่อกับแม่กินข้าวพร้อมกัน


“ทำแบบนี้ไม่น่ารักเลยนะน้องธาร” พูดจบแม่ก็พาแบงค์มานั่งข้างผม เรานั่งกินข้าวกันเงียบๆ ก่อนพ่อกับแม่จะขึ้นไปอาบน้ำพักผ่อน


ทิ้งผมไว้กับคนที่นั่งนิ่งไม่พูดไม่จา


“มีอะไรก็ว่ามา” ผมวางโทรศัพท์ ปรายตามองเพื่อน แบงค์หันมาสบตากันแล้วยิ้มบาง


“กูแค่อยากมาหามึง อยากเห็นหน้าเท่านั้นเอง เมื่อกลางวันมึงรีบกลับไปก่อนเลยไม่ได้บอกลากัน” มันมาหาผมเพราะเรื่องแค่นี้เองเหรอ ทนรออยู่หน้าบ้านแทนที่จะเรียกผมออกไปหาเนี่ยนะ


“ประสาท โทรมาก็ได้มั้งเดี๋ยวกูออกไปให้มึงเจอหน้ามึงจะได้ไม่ต้องมายืนรอเป็นพระเอกเอ็มวี บอกเลยว่าไม่เท่”


“ก็ไม่ได้อยากเท่ กูไม่ชอบให้เสื้อเปื้อนเลยสักนิด” ผมชะงัก เพิ่งเห็นว่าเสื้อแบงค์เต็มไปด้วยฝุ่น แต่มันกลับไม่สะทกสะท้านต่างจากเมื่อก่อนที่คงร้องห่มร้องไห้เพียงเพราะเสื้อเปื้อน หึ จะว่าไปก็ตลกชะมัดคนบ้าอะไรจะหวงเสื้อขนาดนั้น


“เจอหน้ากูแล้วก็กลับไปได้ล่ะ ที่บ้างมึงเป็นห่วงแล้วมั้งเนี่ย”


“ไม่ห่วงหรอก ครอบครัวกูไปต่างจังหวัดพอดี ไม่มีใครอยู่บ้าน”


“ดีเลยจ้ะน้องแบงค์ งั้นคืนนี้ก็นอนที่นี่ซะเลยสิ นอนห้องน้องธารก็ได้” แม่ผมที่ไม่รู้มาจากไหนโผล่เข้ามาพร้อมแผ่นมาร์กบนใบหน้า เสนอในสิ่งที่ผมส่งสายตาให้แบงค์ปฏิเสธไปซะ


“ดีเลยครับคุณแม่ ผมง๊วงง่วง ฮ้าว ห้องธารไปทางไหนครับ” ไอ้แบงค์เนียนตามแม่ผมไปแล้ว ยิ่งแม่บอกทางไปยังห้องนอนผมร่างสูงก็เร่งฝีเท้าขึ้นบันไดไปทัน แล้วผมจะรออะไรละครับก็ต้องวิ่งตามขึ้นไปขวางไง


“กลับบ้านมึงไปเลยนะ!” ผมยืนขวางประตูห้องตัวเอง ไม่ยอมให้อีกฝ่ายเข้าไปแน่ๆ ขืนมันรู้ว่าของในห้องนั้นมีแต่ของๆ มันผมก็แย่ดิ ตั้งแต่ที่จำได้ผมก็หยิบโน่นนี่ที่เป็นความทรงจำเก่าๆ มาวางไว้เต็มห้องไปหมด ยังไม่ได้เก็บเลยสักชิ้น


“ไม่ไป” แบงค์เน้นคำพร้อมกับยื่นหน้าเข้ามาใกล้จนผมต้องเบือนหน้าหนี ซึ่งมันก็ใช้จังหวะนั้นเปิดประตูห้องผมจนได้


แต่ผมที่ยืนดันหลังชนประตูไว้กลับเซล้มไม่เป็นท่า


“อ้ะ”


หมับ


อ้อมแขนของมันโอบหลังผมไว้ไม่ให้ล้มลง แต่เพราะน้ำหนักตัวผมมากกว่ามันสุดท้ายเราก็ล้มไปด้วยกันอยู่ดี


พลั่ก


จุ๊บ


ริมฝีปากเราทั้งคู่แตะกันอย่างไม่ตั้งใจ ผมรีบดึงหัวออกแต่อีกฝ่ายกลับรั้งศีรษะผมให้เอนเข้าหาเพื่อมอบจูบหอมหวานให้อย่างนุ่มนวล



ผมไม่เคยคาดหวังจูบระหว่างเราเพราะไม่คิดจะสานต่อความรู้สึกที่ก่อตัวขึ้นตั้งแต่สามปีก่อน เคยคิดว่าสามปีคงนานพอที่ความรู้สึกเหล่านั้นจะลดลง



แต่ตอนนี้หัวใจผมกลับสั่นคลอนไม่เป็นท่า






Tbc.







.................................................

คั่นคู่หลักด้วยคู่ม้ามืดจ้า 555 คู่นี้มีตอนเดียวค่ะ เสริมในส่วนของแผนการที่ขาดหายไป ใครชอบคู่นี้อย่าลืมเม้นน้า ใจหายเบาๆ คนอ่านลดลง 555 แต่ไม่เป็นไรเราชอบเขียนเดี๋ยวมาต่ออีก

คู่พี่ธรน้องตองตามได้ในเซ็ตผิดแผนค่ะ เป็นเรื่องสั้น สั้นจริงๆ 555 จบแล้วด้วย  :hao6:

ตอนหน้าพี่เจตน้องพูจะกลับมา ขอบคุณสำหรับคอมเม้นต์ค่ะ เจอกันตอนหน้า  :mew1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-01-2019 00:07:27 โดย janeta »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ no.fourth

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 888
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
ขอคู่นี้อีกได้มั้ย :กอด1:

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
ช่วยเติมความแหว่งได้เยอะเลยค่ะ ถึงจะบอกว่ามาแค่ตอนเดียว
ได้รู้ว่าเกลือก็เป็นเด็กคนหนึ่ง เป็นคนดีพอตัว ถึงจะป่วนไปบ้าง
รู้ว่าถั่วพี่ไปเริ่มเข้ากลุ่มนั้นได้ยังไง ทุกอย่างเริ่มที่เกลือ และเกลือก็จบมันเอง

โอ๊ยยยย ใจหนอ คนรอก็รอมานานแล้ว ยิ่งกลับมาเจอกันแล้ว ทำไมแบงค์จะต้องยอมล่ะ
เกลือยอมรับเหอะว่า ก็รอเวลานี้เหมือนกัน หาความสุขให้ตัวเองบ้างนะ อย่ามัวแต่ห่วงคนอื่น

ตั้นต้นโชคดี ที่กลับตัว และมีคนช่วย
เผือกก็โชคดี ที่ไม่ต้องเจอเรื่องแบบเดียวกัน ไม่งั้นคงรับไม่ไหว

ทุกอย่างกำลังลงตัว ถั่วน้องรับตื่นนะ มีคนรออยู่

ออฟไลน์ GuoJeng

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1268
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
 :heaven ความจริงปรากฎแล้ว รออ่าน

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
แล้วมีเรื่องของแฝดไหมน๊าาา

ออฟไลน์ อิ๊อ๊ะชะเอิงเอย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 128
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
อ่านรวดเดียวเลย สนุกอะขอฝากตัวเป็น fc คุณเจนค่ะ

ขอบคุณที่แต่งให้อ่านนะคะ มาอัพไวๆน้าเค้ารออยู่ :จุ๊บๆ: :จุ๊บๆ:

ออฟไลน์ janeta

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 155
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +74/-2
บทที่ 32
เหตุเกิดเพราะ...จดหมาย





ความเจ็บเป็นสิ่งแรกที่ผมรู้สึกเมื่อลืมตาขึ้น รอบข้างมืดไปหมด มีเพียงแสงสลัวจากหน้าต่างที่ลอดเข้ามาให้พอเห็นสิ่งของภายในห้อง บริเวณโซฟาเฝ้าไข้มีร่างสูงที่ผมรู้จักดีนอนขดตัวอย่างไม่สบายนัก ผมค่อยๆ ลุกขึ้นนั่งพลางแตะหน้าท้องตัวเองที่มีผ้าพันแผนพันอยู่


เจ็บชิบหาย


ไม่รู้ว่าผมหลับไปนานเท่าไร รู้แต่ว่าแต่ตอนนี้เริ่มปวดฉี่ล่ะ แต่ไม่กล้ารบกวนแฟนตัวเองที่ดูเหมือนเพิ่งนอนไปได้ไม่นานเลยต้องพึ่งตัวเองนี่ล่ะ ผมค่อยๆ หย่อนเท้าลงยืนพลางลากเสาน้ำเกลือไปเข้าห้องน้ำด้วยตัวเอง


ทำธุระตัวเองเสร็จปั๊บประตูห้องน้ำก็ถูกเปิดพรวดเข้าจนผมสะดุ้ง ดีนะดึงกางเกงขึ้นเรียบร้อยแล้วน่ะ ถึงจะเป็นแฟนกันก็ใช่ว่าผมจะให้เขาเห็นอะไรต่อมิอะไรก็ได้นะโว้ย


“พู...”


“อือ ผมไง” พูดจบผมก็ลากเสาน้ำเกลือตัวเองเดินตามร่างสูงออกมา ในห้องสว่างจ้าด้วยแสงไฟทำให้ผมเห็นดอกไม้ช่อโตที่อยู่ข้างเตียง ก่อนที่พี่เจตจะนึกได้ว่าต้องเข้ามาช่วยพยุงผม ซึ่งผมก็ไม่ได้ว่าอะไรที่เขาถลาเข้ามาประคองผมแบบนั้น เข้าใจว่าพี่เจตเป็นห่วง เพราะเขาเองก็คงคาดไม่ถึงว่าผมจะบาดเจ็บไปด้วย


พามาถึงเตียงพี่เจตก็ลากเก้าอี้มานั่งข้างผมทันที บรรจงรินน้ำส่งให้ผมอย่างรู้หน้าที่ หึหึ เป็นศรีภรรยาที่ดีจังเลยนะครับ ผมรับแก้วน้ำจากพี่มาดื่มยิ้มๆ ก่อนจะส่งคืนให้อีกฝ่าย วางแก้วเสร็จพี่เจตยื่นมือข้างหนึ่งมาจับมือผมไว้


“เจ็บไหม พี่ขอโทษนะที่ดูแลเราไม่ดี” พี่เจตมีสีหน้ารู้สึกผิด ผมจึงแตะนิ้วที่ต้นแขนเขาเบาๆ


“ผมก็ขอโทษที่ดูแลพี่ไม่ดี ดูสิ ต้องมาเจ็บตัวเพราะช่วยผมแท้ๆ” ผมเองก็ห่วงพี่เจตไม่แพ้กันหรอกครับ ใครจะรู้สึกดีที่เห็นคนรักเจ็บตัว พี่เจตรู้สึกยังไงผมก็รู้สึกไม่ต่างกัน “ผมหลับไปกี่วัน”


“วันเดียว...แต่ก็นาน” ใบคมดูเศร้าลงจนผมต้องเอื้อมมือไปแตะแก้มเขา พี่เจตเงยหน้ามองผมแวบหนึ่งก่อนจะหลับตาลงแนบแก้มเข้ากับฝ่ามือของผม “พี่ไม่อยากให้เกิดเรื่องแบบนี้อีกแล้ว อย่าปิดบังอีกได้ไหมพู พี่ไม่อยากเสียนายไป”


“ไม่มีแล้วล่ะ” ผมเชื่อแบบนั้น


“พักผ่อนดีกว่า พูจะได้หายไวๆ” พี่เจตช่วยประคองผมนอนลงแล้วห่มผ้าให้ ฝ่ามือนุ่มของเขาลูบหัวผมแผ่วเบาก่อนจะละจากไป


“เดี๋ยว” ผมคว้ามือพี่เจตไว้ แล้วเอ่ยทั้งที่ก้มหน้าอยู่ “นอนข้างกันไม่ได้เหรอ”


“พู...”


“โซฟาเล็กแค่นั้นพี่จะนอนไปได้ยังไง” ผมพูดรัวแล้วรีบเขยิบตัวเพื่อให้เหลือที่วางพอสำหรับพี่เจต ติดที่สายน้ำเกลือรั้งไปนิด ผมจึงเขยิบเข้าใกล้เสาน้ำเกลือแทนแล้วเว้นที่ว่างอีกฝั่งให้ร่างสูง “นอนนี่สิ” ผมตบเตียงปุๆ


“พูนอนไปเถอะ เตียงกว้างก็ดีแล้วจะได้นอนสบายๆ” พี่เจตรีบหันหลังทันที แต่ผมก็ใช้มือที่ว่างดึงเสื้อเขาจากข้างหลัง


“มานอนด้วยกันสิ” ชวนขนาดนี้แล้วยังจะปฏิเสธอีก คนชวนก็อายเป็นนะโว้ย


“แต่ว่า...”


“แฟนขอ แค่นี้ก็ทำให้ไม่ได้ เรื่องย้ายไปคอนโดอะไรนั่นก็คงพูดไปงั้นๆ สินะ” ผมกอดอกจ้องพี่เจตเขม็ง อีกฝ่ายลอบกลืนน้ำลายดังเอื้อกก่อนจะยอมเดินไปปิดไฟแล้วเดินอ้อมเตียงขึ้นมานอนข้างๆ กัน ก็แค่นี้เองทำไมต้องให้ผมหาข้ออ้างด้วยก็ไม่รู้


“ทีนี้ก็นอนได้” ผมดึงผ้าห่มคลุมตัวเราทั้งคู่ เขยิบเข้าไปใกล้ร่างสูงเพื่อขอแบ่งปันไออุ่น


เพราะอากาศเย็นจริงๆ ครับ ไม่มีอะไรแอบแฝงเลยจริงจริ๊ง


พี่เจตเองก็รั้งตัวผมเข้าไปกอดไว้ ลูบหัวผมเหมือนที่เขาชอบทำก่อนริมฝีปากอุ่นจะจูบลงบนขมับผมแผ่วเบา


“ฝันดีครับพู”


“ฝันดีครับพี่เจต”


เราอยู่ในอ้อมแขนของกันและกัน ก่อนที่ผมจะหลับตาลงเข้าสู่ห้วงแห่งความฝันที่แสนวิเศษ





........................................................

..................................................................................





“พี่ลัน เบาๆ สิครับ”


“จะให้พี่เบาได้ไง ก็ดูพี่ชายตัวดีของเราสิ กล้าดียังไงมาแย่งที่นอนไอ้พูมัน”


เสียงไม่เบานักปลุกผมให้ตื่นขึ้น ทันทีที่ลืมตาก็เห็นใบหน้าพี่ชายที่อยู่ห่างไม่ถึงคืบ ก่อนพี่ลันจะผละออกไปกอดอกจ้องหน้าคนข้างๆ ผมที่ยังหลับสนิทอยู่ ผมจึงได้สังเกตใบหน้าของพี่เจตที่ยังคงหล่อเหลาในสายตาของผม


“จะจ้องให้ท้องเลยไหมไอ้พู พอล่ะ พี่อดทนพอแล้วแอล” พูดจบพี่ลันก็เขย่าตัวพี่เจตอย่างแรงจนคนที่นอนข้างผมสะดุ้งตื่น ลุกพรวดขึ้นนั่งทั้งพลางขยี้ตาด้วยท่วงท่าสง่างาม อื้อหือ นี่แฟนกูใช่ไหม ทำไมอย่างกับนายแบบเพิ่งตื่นนอน


“อือ”


“ไม่ต้องมาอือเลยสัด ลงมาจากเตียงน้องกูเดี๋ยวนี้เลย” พี่ลันโวยลั่น ทำท่าจะเข้ามากระชากพี่เจตลงจากเตียงด้วย ซึ่งผมกับแอลก็พยายามกันๆ ไว้อยู่ แอลรั้งแขนพี่ลัน ส่วนผมก็เอาตัวกันพี่เจตไว้


“พี่ลัน ใจเย็นๆ สิครับ เขาเป็นแฟนกัน นอนด้วยกันก็ไม่เห็นแปลกตรงไหน”


“ช่าย แอลพูดถูกเผง” ผมพยักหน้าสนับสนุนพี่สะใภ้เต็มที่


“พูป่วยอยู่นะ หลับสบายหรือเปล่าก็ไม่รู้”


“หลับสบายมากพี่ลัน มีอกอุ่นๆ ให้ซบคลายหนาวได้เยอะเลย” ผมพูดอย่างไม่อายปาก และได้รับรางวัลเป็นจมูกโด่งของแฟนตัวเองนี่แหละ


ฟอด


“แฟนใครเนี่ย ทำไมน่ารักจัง”


“มึง มึง!” พี่ลันชี้หน้าพี่เจตอย่างโมโห แต่ก่อนที่ใครจะได้ทำประตูก็ถูกเปิดพรวดเข้ามา ตามมาด้วยพ่อและแม่ของผมที่รีบเข้ามาถามไถ่อาการผมทันที


“เป็นยังไงบ้างพ่อทูนหัวเจตของแม่” ผมมองแม่ที่สำรวจไปทั่วตัวพี่เจตโดยไม่ได้เหลียวแลผมแต่อย่างใด


แม่ นี่พูไง ลูกแม่ไง


“ผมไม่เป็นไรครับแม่” พี่เจตตอบยิ้มๆ ก่อนจะรีบลงจากเตียงเพื่อรับปิ่นโตจากพ่อที่เดินเข้ามาลูบหัวผมพลางถามอาการอย่างที่ครอบครัวควรจะทำ


“เป็นยังไงบ้างพู ไปก่อเรื่องอะไรมาถึงได้แผลแบบนี้”


“พ่อออออออออออ”


“ไม่ต้องมาเรียกเสียงยาวเลย ชอบทำให้พ่อเป็นห่วงนะเราน่ะ”


“ผมเปล่านะ”


“ใช่พ่อ หาเรื่องจริงๆ เลยมันน่ะ” พี่ลันได้ทีรีบทับถมผมเลยครับ พี่ที่แสนดีของผมหายหัวไปไหนแล้ววะเนี่ย


“แกเองก็เหมือนกันนะลัน อย่าคิดว่าแม่ไม่รู้นะว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมันเพราะใคร” แม่ส่งสายตาคาดโทษพี่ลันที่ทำหน้าจ๋อยไปแล้ว ก่อนจะหันมาหาผมที่ก้มหน้าสลดไม่กล้าสู้หน้าแม่เลย “แกก็ด้วยนะพู โตแล้วก็หัดใช้สมองบ้าง เรียนก็เก่ง ฝีมือยังสู้เจ้าลันไม่ได้ยังจะกล้าบุกไปรังโจรคนเดียวอีก...” ผมได้แต่เงียบฟังบุพการีสั่งสอนต่อไปเพราะรู้ดีว่าแม่เป็นห่วง


“ฮึก ถ้าแกไม่รอดแม่จะอยู่ยังไงห้ะ” สุดท้ายก็จบที่แม่ปล่อยโฮออกมาก่อนโถมตัวเข้ากอดผม ซึ่งมันไม่ยากเลยที่ผมจะกอดแม่แล้วร้องไห้ตาม เหมือนความกลัวทั้งหมดที่เกิดขึ้นเมื่อวานเพิ่งส่งผลในวันนี้ เมื่อได้อยู่ในอ้อมแขนของแม่ ที่ๆ ปลอดภัยที่สุดในชีวิต ก็คล้ายกับว่าผมสามารถปล่อยทุกอย่างที่หนักอึ้งลงได้ในทันที ไม่ต้องเข้มแข็งอีกต่อไป


พอผละออกจากแม่ ทั้งห้องก็เหลือเพียงแค่ผม แม่ พ่อ และพี่ลัน พ่อคงเห็นสายตาผมที่มองหาร่างสูงจึงเฉลยให้


“แอลเขาพาเจตไปหาข้าวกินน่ะ”


“แหม ห่างกันไม่ได้เลยนะ เหอะ” พี่ลันบ่นนิดก่อนจะนั่งลงข้างพ่อบนโซฟา


“กับหนูแอลฉันก็เห็นแกเดินตามเขาต้อยๆ ว่างเมื่อไหร่ก็ไปหา ไม่คิดจะอัพเดทให้แม่รู้อะไรบ้างเลยเหรอ”


“โห่แม่ ไอ้พูมันปากโป้งไปแล้วไม่ใช่รึไง”


“พูบอกว่าแกมีแฟนเป็นผู้ชาย แต่ไม่เคยบอกว่าเป็นใคร สรุปหนูแอลใช่ไหม”


“ก็...ใช่ครับ”


“ก็แค่นั้น เลิกปิดบังแม่ได้แล้ว กี่เรื่องกี่คดีแล้วห้ะ แม่ตามเก็บไม่ไหวแล้วนะลัน เดี๋ยวตอนบ่ายก็ต้องเขาไปขอบคุณพ่อของเปรมเขาเหมือนกันที่ช่วยดูแลคดีนี้ให้ ไม่อย่างนั้นโดนฆ่าทั้งบ้านกันพอดี”


“ก็ไม่ถึงขนาดนั้น”


“ยังจะมีหน้ามาพูดอีกนะ ดูสภาพน้องแกสิ ถ้าเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีกครั้งฉันจะตัดแกออกจากกองมรดก” เอ่อ แม่ครับ ผมว่าเงินในบัญชีพี่ลันน่าจะมากกว่าเงินเราสามคนรวมกันอีกนะ


“ไม่เอานะแม่” พี่ลันรีบปรี่เข้ามาอ้อนแม่เลยครับ ซึ่งคุณหญิงสมศรีก็เชิดหน้าไม่หายงอนง่ายๆ เช่นเคย


“พู อะ มีจดหมายส่งถึงลูก” พ่อยื่นซองจดหมายสีขาวซีดฉบับหนึ่งให้ผม


“หืม จดหมายผม” เมื่อพ่อพยักหน้า ผมก็แกะจดหมายออกเพื่อเปิดอ่านเนื้อความข้างใน ลายมือไก่เขี่ยสมัยประถมยืนยันได้ดีว่าเป็นจดหมายของผมแน่ๆ ผมอ่านเนื้อความแล้วนึกถึงความทรงจำเมื่อหลายปีก่อน





ผมในวัน 6 ขวบ จำได้ว่าวันนั้นท้องฟ้าแจ่มใสเหมาะแก่การออกไปนั่งปิคนิคนอกบ้าน พ่อกับแม่จึงพาผมและพี่ชายออกมาเที่ยวข้างนอก ขณะที่พ่อกับแม่สาละวนอยู่กับการหอบข้าวของและหาทำเลสำหรับนั่งทานข้าว พี่ชายของผมก็กำลังเมามันอยู่กับเกมกดรุ่นใหม่ที่เพิ่งได้เป็นของขวัญวันเกิดจึงเอาแต่เล่นและไม่ค่อยสนใจผมเท่าไรนัก


ผมที่หันไปเห็นรถไอศกรีมพอดีจึงเลือกที่จะเดินไปโดยไม่ได้บอกใคร ยืนจดๆ จ้องๆ อยู่ได้ไม่นานนักเด็กผู้หญิงในชุดกระโปรงสีฟ้าก็เดินเข้ามาซื้อไอศกรีมสองแท่ง ผมก็ได้แต่มองเธอยื่นเงินให้คนขายเพราะตัวเองไม่มีเงินเลยสักบาท จะกลับไปหาพ่อ แม่ และพี่ชายก็ไม่รู้ว่าทั้งสามคนหายไปไหนเลยได้แต่ยืนรออยู่ตรงนี้ เพราะจำได้ว่าแม่เคยบอกว่าถ้าหลงทางให้หาอะไรเด่นๆ แล้วยืนรอตรงนั้น สำหรับผมแล้วไม่มีอะไรดึงดูใจมากเท่ารถไอศกรีมสีแดงคันนี้


“อะ เราให้” เด็กผู้หญิงคนนั้นยืนไอศกรีมแท่งให้ผม ซึ่งผมก็รับมาแกะแล้วดูดกินอย่างเอร็ดอร่อย อากาศร้อนๆ แบบนี้แค่ได้กินอะไรเย็นๆ ผมก็มีความสุขแล้ว


หันไปมองเด็กผู้หญิงที่กินเลอะไม่ต่างจากผมเท่าไรนัก ทว่าชุดกระโปรงของเธอกลับเปื้อนช็อกโกแลตไปหมด จำได้ว่าผมหัวเราะเพราะเธอไม่สวยจนโดงอนเข้าให้ ผมจึงจูบแก้มเพื่อขอโทษเธอตามแบบละครที่แม่ชอบเปิดให้ดูตอนหัวค่ำ เธอดูอึ้งที่ผมทำแบบนั้น ก่อนสีหน้าจะเปลี่ยนเป็นเขินอาย ดูน่ารักในสายตาผมไปทันที


ผมเดินตามเธอไปจนถึงลานกว้างที่มีจุดชมวิวสวยๆ เรานั่งอยู่ข้างกัน สูดอากาศบริสุทธิ์และสายลมอ่อนที่พัดผ่านมา ผมถือวิสาสะจับมือเธอเบาๆ แม้ว่าตอนนั้นผมจะเด็กมากแต่ก็พอจะรู้จักคำว่าแฟนแบบที่เพื่อนในห้องเขากำลังฮิตเป็นกัน ถ้าเป็นแฟนก็จะจับมือได้ หอมแก้มได้ ซึ่งผมก็เอ่ยขอเธอไปตามตรง


“เป็นแฟนกันนะ”


“ชอบเราเหรอ” เธอเอียงคอถามเสียงซื่อ น่ารักจนผมรู้สึกเขิน


“อื้อ พูชอบเธอนะ เธอชื่อไรอะ”


“...”
เธอพูดเสียงเบาจนผมไม่ได้ยินเลยว่าเธอพูดอะไร


“ห้ะ”


“...” เธอส่งยิ้มให้ผมก่อนจะก้มหน้าลงมาจุมพิตแผ่วเบาที่แก้มผมแล้วผละออก ในขณะที่ช่วงเวลาหอมหวานของเรากำลังสุกงอมหญิงสาวคนหนึ่งจะเดินเข้ามาหาเรา เธอยิ้มให้ผมก่อนจะยื่นภาพโพลารอยใบหนึ่งให้ เป็นภาพที่ผมจูบแก้มเด็กผู้หญิงคนนั้นพอดี ก่อนที่เธอจะพาลูกสาวเดินจากผมไป เด็กผู้หญิงคนนั้นหันมายิ้มให้ผมเล็กน้อยก่อนจะเดินเลี้ยวหายไปจากสายตา


ช่วงเวลานั้นจู่ๆ ผมก็คิดถึงครอบครัวขึ้นมา รู้สึกกลัวเมื่อต้องอยู่คนเดียวจนต้องกอดตัวเองเอาไว้ โชคดีที่พี่ลันหาผมเจอแล้วขอยืมโทรศัพท์คนลุงที่ขายลูกชิ้นโทรหาพ่อ พ่อกับแม่จึงหาเราเจอ ทันทีที่แม่เห็นผมร้องไห้ แม่ก็ตีก้นผมอย่างแรงเพราะหายไปโดยไม่บอก ขณะที่พี่ลันก็ออกโรงปกป้องผมอย่างดี ยอมโดนตีไปด้วยกันก่อนที่แม่จะหยุดตีแล้วกอดเราสองคนแน่น ผมกับพี่ก็กอดแม่ตอบพลางร้องไห้ไปด้วยกันทั้งสามคน


เมื่อผ่านเวลาเศร้าเราก็ไปเที่ยวกันต่อ จุดหมายคือที่ทำการไปรษณีย์ แม่ผมเป็นพวกชอบซื้อโปสการ์ดจึงชอบแวะซื้อแล้วส่งกลับไปที่บ้าน ซึ่งวันนั้นมีกิจกรรมส่งจดหมายล่วงหน้าสิบปีพอดี ครอบครัวเราจึงเขียนจดหมายถึงตัวเองในอีกสิบปีข้างหน้า ผมก็เขียนด้วยความตั้งใจ เขียนเล่าเหตุการณ์วันนี้สั้นๆ ตามประสาเด็กประถม แต่ก่อนจะผนึกจดหมายผมก็เห็นภาพที่ถ่ายคู่กับเด็กผู้หญิงคนนั้น ใจหนึ่งก็อยากเก็บกลับไปไว้ที่บ้าน แต่อีกใจผมก็ไม่อยากให้พี่ชายล้อเลียน สุดท้ายข้อหลังก็ชนะ ผมเลือกที่จะเก็บความทรงจำอันสวยงามนั้นไว้ชื่นชมในอีกสิบปีข้างหน้ามากกว่า


ซึ่งตอนนี้ภาพนั้นก็อยู่ในมือของผมแล้ว


ใบหน้าใสของเด็กผู้หญิงคนนั้นยังคงตราตรึงอยู่ในความทรงจำ เรียกว่าเป็นรักแรกพบก็ว่าได้ ผมไม่รู้ว่าตอนนี้เธอเป็นใครอยู่ที่ไหน แต่ผมก็อวยพรให้เธอมีความสุข พบรักดีๆ แบบที่ผมมี


“พู เดี๋ยวพี่ลงไปส่งพ่อกับแม่พูนะ” พี่เจตเปิดประตูเข้ามา เร่งให้ผมต้องรีบเอารูปซุกไว้ใต้หมอนแล้วกลับมาทำตัวปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ร่างสูงเดินเข้ามาหาผมด้วยท่าทีสงสัยนิดหน่อย “มีอะไรหรือเปล่า”


“เปล่า! เอ่อ เปล่า ผมจะฝากพี่เจตซื้อทะโกะยะกิให้กินหน่อยน่ะ”


“เราไม่สบายจะกินของแบบนั้นได้ไง” พี่เจตทำหน้าดุก่อนจะยิ้มบาง “เอาไว้หายดีพี่จะพาไปกินนะ”


“อื้อ” ผมพยักหน้ารัวๆ ก่อนที่ร่างสูงจะคว้ากระเป๋าสตางค์เดินออกจากห้องไป


“เฮ้อ” ผมหยิบจดหมายออกมาจากใต้หมอนแล้วสอดภาพเก็บเข้าด้านใน เรื่องนี้ผมไม่อยากให้พี่เจตรู้เท่าไร ไม่อยากให้เขาต้องกังวลเรื่องรักแรกของผม ถึงแม้จะบอกว่าไม่คิดอะไรแล้ว แต่ผมก็ไม่กล้าทำลายความทรงจำดีๆ นี้ และไม่อยากให้พี่เจตต้องบีบบังคับให้ผมทำด้วยเพราะผมทำไม่ได้จริงๆ







Tbc.









ปิดบังพี่เจตแบบนี้จะเป็นยังไงน้า โปรดติดตามต่อตอนหน้า แต่ตอนหน้าก็จบแล้วนี่สิ เอ๊ะ! จบแล้ว ใช่ค่ะ จบเรื่อง แต่ยังมีตอนพิเศษอยู่น้า ไม่ต้องตกใจไปค่ะ :hao3:

ขอบคุณสำหรับคอมเม้นต์น่ารักๆ จากคนอ่านนะคะ อยู่มาด้วยกันมา 32 ตอนแล้ว ต้องอยู่ในครบตอนที่ 33 นะคะ เจอกันตอนหน้าค่ะ  :mew1:



ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4:

จะจบแล้ว

รักแรก...จะส่งผลอย่างไรหนอ?


ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ koikoi

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3861
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +311/-13
ความทรงจำดีๆก็ต้องเก็บไว้สิพี่เจตคงไม่ว่าอะไรหรอก

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ GuoJeng

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1268
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
 :ling3:ตอนหน้าจะเป็นยังไง 555 เหมือนทิ้งระเบิดให้พี่เจตเลย 555
รออ่าน

ออฟไลน์ janeta

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 155
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +74/-2
บทที่ 33
เหตุเกิดเพราะ...ชอบคุณ






“พู”


“ครับ!” ผมสะดุ้งสุดตัวเมื่อคนรักเอ่ยขึ้นขณะที่ผมกำลังเหม่อๆ


“เป็นอะไร พี่เรียกหลายครั้งแล้วนะ” พี่เจตเดินมานั่งลงข้างเตียง ยกมือแตะหน้าผากผมแผ่วเบาชวนให้ผมอดรู้สึกผิดกับเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้ ผมไม่ได้อยากปิดบัง แต่บางเรื่องที่อ่อนไหวเช่นนี้ผมก็อยากเก็บไว้กับตัว


“ไม่ดีใจเหรอ จะได้กลับบ้านแล้วนะ”


“ดี...ดีใจสิ” ผมตอบคนรักก่อนจะขอตัวลุกไปเข้าห้องน้ำ วันนี้ผมจะได้ออกจากโรงพยาบาลแล้วครับ พ่อกับแม่ติดงานก็เลยมารับไม่ได้ ส่วนพี่ลันได้ยินว่ามหาวิทยาลัยเรียกตัวกลับด่วนตั้งแต่เมื่อวานก็เลยกลับไปก่อนแล้ว หนีบแอลกลับไปด้วยไม่รู้ว่ามีเรื่องอะไรหรือเปล่า วันนี้เลยเหลือเพียงพี่เจตที่มารับผมออกจากโรงพยาบาล


ผมทำใจอยู่ในห้องน้ำสักพักก็ตัดสินใจออกมา ผมคิดว่าควรบอกพี่เจต ต่อให้เขาจะโกรธผมก็ยังดีกว่าความรู้สึกแย่ที่เกิดขึ้นตลอดสามสี่วันมานี้ ผมคิดว่าหากเลือกปิดบังต่อไปความสัมพันธ์ระหว่างเราคงยิ่งแย่ลงกว่าเดิม


“พี่เจต...นั่น!” ผมรีบพุ่งเข้าไปฉวยจดหมายฉบับนั้นออกมาจากมือพี่เจตทันทีที่ร่างสูงหยิบขึ้นมาจากใต้หมอน ซุกซ่อนไว้ข้างหลังด้วยความกลัวอีกฝ่ายจะรู้ว่าข้างในนี้มีอะไร


“พู พี่ไม่ได้ตั้งใจจะแตะของๆ พูนะ” พี่เจตพูดอย่างใจเย็นพลางก้าวเข้ามาหาผม แต่ผมกลับถอยห่างจากเขาโดยไม่ได้ตั้งใจ กว่าจะคิดได้พี่เจตก็ถอยกลับไปอยู่ที่เดิม “พี่ขอโทษ”


“ไม่ๆ พี่ไม่ผิด” ผมก้าวเข้าไปหาร่างสูงจับแล้วแขนเขาไว้ “พูผิดเองที่ปิดบังพี่”


“ปิดบัง?” ผมไม่ได้ตอบอะไรแต่เดินนำพี่เจตไปที่เตียง แล้วค่อยๆ แกะซองจดหมายออกมา


“เธอคือรักแรกของผม” ผมยื่นภาพใบนั้นให้พี่เจตที่รับไปถือไว้นิ่งๆ ไม่ตอบอะไรผมกลับมาเลย “ผมปิดบังเพราะไม่อยากให้พี่รู้ ผมกลัวว่าพี่จะขอให้ผมลืมเธอ คือผมรู้ว่าผมมันเลวนะที่ยังเก็บความทรงจำของรักแรกไว้ แต่ผม...”


“ชู่ว์” อ้อมแขนของพี่เจตโอบกอดผมไว้ กระซิบข้างหูด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “ไม่เป็นไรครับพู ทุกคนต่างก็เคยมีความทรงจำที่สวยงามกันทั้งนั้น พี่ไม่บังคับให้พูลืมเธอหรอกนะเพราะนั่นคือความสุขของพู”


“พี่ไม่โกรธเหรอ”


“ถ้าจะโกรธก็คงเพราะพูปิดบังพี่นี่ล่ะ พี่ดูเป็นคนเผด็จการขนาดนั้นเลยเหรอเราถึงไม่ไว้ใจให้พี่รู้”


“เปล่านะ...ผมก็แค่...”


จุ๊บ


“เด็กดื้อต้องโดนลงโทษ” แล้วริมฝีปากอุ่นก็ค่อยๆ แนบชิดลงมาอีกครั้ง ขบเม้มดูดดึงซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนผมอ่อนระทวยในอ้อมกอดของเขา พี่เจตผละออกอย่างอ้อยอิ่ง ก้มมองผมด้วยสายตาหวานเชื่อมก่อนจะหันไปคว้ากระเป๋าข้างเตียงแล้วจูงมือผมออกจากโรงพยาบาล


เรานั่งแท็กซี่มาจนถึงบ้านพี่เจต ร่างสูงเดินลงไปก่อนแต่ไม่ลืมเอื้อมมือมาจับมือผมให้เดินตามเข้าไปในบ้านด้วยกัน ผมไม่ได้คาดหวังว่าระหว่างเราจะมีเรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นหรอกนะ แต่ท่าทางพี่เจตตอนนี้ดูเหมือนอยากจะพาผมขึ้นสวรรค์อย่างไรก็ไม่รู้


กูปฏิเสธทันไหม ยังไม่ได้เตรียมพร้อมเชี่ยอะไรเลยนะ


พี่เจตโยนกระเป๋าทิ้งทันทีที่ประตูปิดลงก่อนจะเข้ามาจู่โจมผมด้วยริมฝีปากอย่างหนักหน่วง สัมผัสอันร้อนแรงทำเอาสมองผมขาวโพลนไปหมด ยากที่สติจะกลับมาช่วยรั้งไม่ให้เลยเถิดไปมากกว่านี้


ผมลืมตาขึ้นกวาดมองไปรอบบ้าน เห็นห้องเล็กข้างห้องนอนพี่เจตที่ยังคงเป็นปริศนาเลยขยับตัวไปทางนั้นหวังว่าถ้าพี่เจตรู้ว่าเรากำลังจะเข้าเขตหวงห้ามของเขาเขาจะได้หยุดการกระทำวาบหวามนี้ลง ซึ่งทันทีที่เขาเห็นว่าเราอยู่ใกล้ห้องนั้นเขาก็ผละออกจากผมทันที


“หะ...ห้องนี้มีอะไรกันแน่” ผมหอบหายใจหนักกับจูบมินิมาราธอนนั่น หากนานกว่านี้ผมอาจขึ้นหน้าหนึ่งว่าตายเพราะจูบก็ได้


พี่เจตเสมองไปทางอื่นเหมือนไม่อยากเล่า แต่แล้วก็ถอนหายใจอย่างหนักก่อนจะหันกลับมา


“พี่เองก็มีความลับที่ไม่ได้บอกพูเหมือนกัน”


พี่เจตเดินไปหยิบกุญแจแล้วไขประตูห้องเล็กนั้น ทันทีที่ได้ยินเสียงดังกริ๊ก ผมก็สะดุ้งสุดตัว ความลับที่พี่เจตซ่อนไว้คงไม่ใช่ว่ามีศพอยู่ในนั้นจริงๆ นะ


“เข้ามาสิ” ร่างสูงเชื้อเชิญผมเข้าไปโดยที่ยังไม่เปิดไฟ ผมจึงไม่เห็นอะไรเลยนอกจากแสงจากข้างนอก ทุกอย่างดูลึกลับสำหรับผมก่อนแสงไฟจะวาบเผยให้เห็นทุกอย่างที่ทำให้ผมตื่นตะลึง


ภาพวาดสีน้ำมันของเด็กสาวสาวที่ตั้งอยู่ในนั้นดูคล้ายกับรักแรกของผมอย่างกับพิมพ์เดียวกัน!


“พี่มีน้องสาวเหรอ!” ผมหันไปถามคนรักเสียงดังลั่น นี่ผมตกหลุมรักน้องสาวเขาเหรอวะเนี่ย เชี่ยแล้ว!


“เดี๋ยวๆ พู พี่เป็นลูกคนเดียวครับ ไม่มีพี่น้อง” พี่เจตหัวเราะนิดๆ ลูบหัวผมที่ตกใจจนลนลานไปหมด


“แล้วนั่นใครล่ะ” ผมชี้นิ้วไปทางภาพวาดที่ราวกับคนจริงๆ


“ก็...” พี่เจตหลบตาผมแล้วเกาท้ายทอยตัวเองด้วยท่าทีเขินๆ “พี่เอง”


“ห้ะ!” นี่มันเรื่องอะไรวะเนี่ย


ผมมองภาพวาดสลับกับพี่เจตอย่างไม่เข้าใจ คือไม่มีเค้าโครงใดเหมือนกันเลยสักอย่าง เอ๊ะ ไม่สิ ดวงตาคู่นั้นเหมือนกันเป๊ะเลย ผมหันกลับหาพี่เจตด้วยสายตาร้องขอให้อธิบายเรื่องทั้งหมดที


พี่เจตเล่าว่าแม่ของเขาอยากได้ลูกสาวก็เลยซื้อเสื้อผ้าเด็กผู้หญิงไว้มากมาย แต่พอคลอดพี่เจตกลับเป็นผู้ชายไปเสียอย่างนั้น แม่ของเขาก็เลยเก็บเสื้อผ้าเหล่านั้นไว้จนกระทั่งพี่เจตไปเจอเข้า แม่ของเขาก็เล่าเรื่องที่อยากได้ลูกสาวให้พี่เจตฟัง กอรปกับที่ตอนนั้นแม่พี่เจตเริ่มป่วยและพ่อของพี่เจตโหมงานหนักจนไม่ได้อยู่ดูแล พี่เจตก็เลยตัดสินใจทำความฝันของแม่ให้เป็นจริง เขาอยากให้แม่มีความสุขเท่าที่จะทำได้เผื่อแม่ของเขาจะหายจากโรคมะเร็ง


“พี่ก็แค่คิดไปตามประสาเด็กที่เห็นแม่ไม่สบาย แค่อยากให้แม่ยิ้มได้สักนิดก็ยังดีเลยชวนแม่ออกไปข้างนอกด้วยกัน แล้วพี่ก็ได้เจอพู” ร่างสูงจับมือผมไว้หลวมๆ


“ตอนนั้นพี่มีความสุขมากนะ ตอนเด็กๆ พี่ไม่ค่อยมีเพื่อนมากนักเพราะเป็นคนเงียบๆ ไม่เคยอยู่เล่นกับเพื่อนเพราะอยากกลับไปอยู่เป็นเพื่อนแม่มากกว่า แต่หลังจากเจอพูพี่ก็กล้าเข้าหาเพื่อนมากขึ้น และพี่ก็มีความสุขดีที่ได้เปิดใจให้คนอื่นมาเป็นเพื่อนบ้าง ในใจก็แอบหวังว่าจะได้พบเด็กผู้ชายคนนั้นที่ขโมยจูบแก้มพี่”


“พี่ก็ขโมยจูบแก้มผมเหมือนกันแหละ” ผมโวยนิดๆ ก่อนที่เราทั้งคู่จะหัวเราะออกมา


“อันที่จริงเราเป็นแฟนกันมาตั้งนานแล้วนะ” พี่เจตพูดขึ้นยิ้มๆ ผมหลบสายตาเขาแล้วหันมองไปทางอื่น บนฝาผนังมีภาพวาดและภาพถ่ายของพี่เจตในวัยเยาว์เต็มไปหมด เด็กสาวในชุดกระโปรงคนนั้นยิ้มหวานอย่างมีความสุข ผมเชื่อว่าตอนที่แม่พี่เจตเห็น เธอก็คงมีความสุขมากเช่นกัน


ผมไล่สายตาไปเรื่อยๆ ก็พบภาพวาดเด็กผู้ชายตั้งแต่ยังลายเส้นยังไม่สวยไปจนถึงลายเส้นเนียนกริบคล้ายภาพถ่าย ซึ่งภาพวาดมากมายเหล่านั้น...เป็นภาพของผม


“นี่มัน...ภาพผมนี่” ผมเดินเข้าไปหยุดยืนที่ภาพวาดของตัวเองในอิริยาบถต่างๆ ทั้งเหม่อลอย ยิ้ม และหัวเราะ มีตั้งแต่ตอนที่ยังอยู่ม.3 ไล่อายุมาเรื่อยๆ จนถึงภาพปัจจุบันที่พี่เจตส่งเข้าประกวด มันมากมายจนผมพูดไม่ออก


และท่ามกลางภาพเหล่านั้นไล่เรียงสองข้างทางไปจนถึงกรอบรูปขนาดกลางที่แขวนอยู่บนผนัง ข้างในเป็นดอกกุหลาบแห้งเพียงหนึ่งดอกที่น่าจะผ่านกาลเวลามาหลายปี ผมเดินเข้าไปใกล้ๆ แล้วไล่สายตาอ่านข้อความที่อยู่ในภาพ


หัวใจของพู


“หืม หัวใจของพู หัวใจของผม?” ผมหันกลับมาหาร่างสูงที่โผเข้าโอบกอดผมไว้ทั้งตัว พี่เจตเกยคางบนไหล่ผมแล้วสายตากลับมองไปที่กรอบรูปนั้นยิ้มๆ


“วาเลนไทน์เมื่อสามปีก่อนเป็นวันที่พี่ได้พบพูอีกครั้ง พี่ดีใจมากจนควบคุมตัวเองไม่อยู่เลยไปนั่งสงบใจที่ใต้ต้นโพธิ์เพราะกลัวว่าพูจะรู้ว่าพี่ชอบพูมากแค่ไหน" พี่เจตยิ้ม


"และพี่ก็เก็บกุหลาบที่พูทิ้งไว้เป็นตัวแทนของหัวใจเพราะพี่ไม่คิดว่าเราจะมีวันนี้ วันที่ได้หัวใจของพูมาครอบครอง” ริมฝีปากนุ่มจูบเข้าที่ขมับผม


“แต่พี่ป่วนผมมาตั้งหลายปีนะ ใครจะไปคิดว่าพี่ชอบกันวะ” ผมเอ่ยทั้งที่หน้าร้อน เจอหน้ากันก็ตีหน้านิ่งใส่ ไม่เคยเข้ามาจีบจริงจังสักทีใครจะไปรู้วะ


“เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดพี่สร้างขึ้นก็เพราะชอบนายนะ” พี่เจตจับตัวผมให้หันมาสบตากัน “สิ่งที่พี่ทำนายอาจจะไม่ชอบ แต่อย่างน้อยพี่ก็ยังมีตัวตนในสายตานายเท่านั้นก็พอแล้ว นายจะเกลียดพี่ก็ไม่เป็นไรหรอก”


“ผมไม่ได้เกลียดพี่สักหน่อย” ผมยืนยันด้วยการกอดพี่เจตแน่นๆ จะไปเกลียดคนที่ตัวเองรักได้ยังไงล่ะจริงไหม ผมกวาดตาไปรอบๆ ห้อง เห็นความรักของเขาที่เพิ่มพูนตามจำนวนภาพวาด คนเราจะอยากวาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้ก็ต้องอาศัยความชอบเป็นหลัก หากปราศจากความชอบแล้วภาพนั้นก็คงไม่มีวันเสร็จสมบูรณ์


“พี่เจต” ผมรับรู้ความรักของพี่แล้วนะ


“มองพี่แบบนี้ บอกเลยว่าพี่จะไม่หยุด” พี่เจตกัดฟันข่มอารมณ์อย่างเต็มที่ แต่ผมก็ยกแขนขึ้นคล้องคอเขาพร้อมกับส่งยิ้มยั่ว


“ก็ไม่ได้ห้ามนี่ครับ”








ทันทีที่ผมพูดจบพี่เจตก็จูบลงบนหน้าผากผม ไล่ลงมาที่ดวงตา ปลายจมูก ก่อนจะจบลงที่ริมฝีปาก ผ่ามือร้อนผ่าวค่อยๆ จัดการเสื้อผ้าของผมทีละชิ้นทั้งที่เรายังจูบกันอยู่


“แฮ่กๆ”


“ไปที่ห้องของพี่ดีกว่า” ผมเดินตามแรงจูงของร่างสูงด้วยร่างอันเปล่าเปลือย ผงะไปนิดเมื่อเห็นเงาตัวเองในกระจกซึ่งพี่เจตก็มายืนซ้อนหลังในสภาพเดียวกัน ดวงตาของเราสบกันในกระจกก่อนที่ผมจะเสหลบด้วยความเขินอาย ถึงจะเคยดูหนังโป๊มาบ้างตามประสาวัยรุ่น แต่สัมผัสที่กำลังแนบชิดอยู่คือสิ่งที่ผมไม่คุ้นเคยเลย มือไม้สั่นไปหมดไม่รู้ว่าจะวางไว้ตรงไหนดี


พี่เจตขบเม้มติ่งหูของผมอย่างหยอกล้อก่อนจะโน้มหน้าลงมาจูบแล้วดันผมนอนลงบนเตียง เราสบตากันชั่วครู่ก่อนใบหน้าคมจะโน้มลงมอบจูบร้อนแรงพร้อมกับปรนเปรอส่วนล่างจนถึงปลายทางในที่สุด


“นี่แค่น้ำจิ้มนายก็ไปแล้วเหรอ”


“พะ..พูดอะไรเล่า ผมไม่เคยนี่หว่า” ร่างสูงอมยิ้มนิดๆ โน้มตัวลงมากระซิบข้างหู


“งั้นพี่จะทำให้นายเคย...ซ้ำแล้วซ้ำเล่าทั้งวันทั้งคืนเลย” ไม่พูดเปล่า นิ้วเรียวกดแทรกเข้ามาในตัวผม สัมผัสนั้นทำผมหน้าร้อนยิ่งกว่าที่เสร็จไปเมื่อครู่เสียอีก ทั้งเจ็บและรู้สึกแปลกๆ จนต้องจิกไหล่พี่เจตไว้อย่างคนไม่รู้จะเอามือไปไว้ที่ไหน


“อึก”


“ผ่อนคลายเด็กดี พี่จะทำให้นายมีความสุขที่สุด” ริมฝีปากร้อนแนบลงมาอย่างเร่าร้อนให้ผมได้ลืมความเจ็บนั้นและเปลี่ยนมันเป็นความวาบหวามเมื่อนิ้วที่สองและสามค่อยๆ แทรกลงมา จูบของพี่เจตไม่ละจากผมเลยกระทั่งตอนที่เขาสอดแทรกตัวตนเข้ามา พี่เจตก็ยังคงจูบปลอบผมเมื่อผมรับเขาได้ทั้งหมด ค่อยๆ ขยับเนิบนาบให้ผมปรับตัวก่อนจะยกขาผมขึ้นพาดบ่าเพื่อให้สอดรับได้มากขึ้น


“พี่เจต มัน....อึก อ้ะ” ตัวผมโยกคลอนไปตามจังหวะที่ร่างสูงป้อนให้ รวดเร็วเสียจนผมต้องแหงนหน้าขึ้นเพื่อรองรับอารมณ์ดิบเถื่อนที่อีกฝ่ายมอบให้ เป็นรสชาติที่ของการร่วมรักที่ผมไม่เคยฝันถึงเลยว่าจะดีถึงเพียงนี้


“อ้า” ทันทีที่ผมแตะถึงขอบฟ้าพี่เจตก็ตามมาติดๆ ขยับตัวอีกสักพักก็ทิ้งตัวทาบทับบนตัวผม เราหอบหายใจอย่างหนักกับกิจกรรมที่เพิ่งผ่านไป ผมเหลือบมองพี่เจตด้วยความสงสัยว่าเขาไปฝึกฝีมือแบบนี้กับใครมาหรือเปล่าทำไมถึงได้ดูเชี่ยวนัก


“มองพี่แบบนี้ อยากได้อีกสักรอบเหรอครับ หืม” พูดจบ ร่างสูงก็ขยับน้องชายที่ยังคาอยู่ให้ผมได้จิกแขนเขาเพื่อกลั้นเสียงน่าอาย แล้วตอบโต้ด้วยสิ่งที่สงสัย


“ทำไมพี่ดูเชี่ยว มีแฟนมาหลายคนแล้วล่ะสิ”


“แฟนพี่มีคนเดียวครับ” พี่เจตยืดตัวขึ้นมางับริมฝีปากผมเบาๆ “ที่เก่งก็เพราะศึกษามานานแล้ว”


“ศึกษาจากอะไร สาวๆ ล่ะสิ” เหอะ ก็ว่าไม่ได้หรอกครับ หล่อขนาดนี้คงได้แอ้มสาวจนเซียนล่ะ เห็นเงียบๆ อาจจะฟาดเรียบก็ได้ใครจะไปรู้


“พี่ตั้งใจจะเรียนหมอนะพู เรื่องแบบนี้ก็เหมือนอ่านหนังสือเรียนนั่นแหละ เพียงแต่พี่ศึกษาเรื่องนี้มากกว่า รู้ทุกจุดมากกว่า...” พูดอย่างเดียวก็ได้มั้งข้างล่างไม่ต้องขยับตามสิ


“พะ..พอแล้วพี่เจต ผมเหนื่อย” จะขยับก็ไม่ได้ อยู่เฉยๆ พี่มันก็ไม่หยุด ผมเลยไม่รู้จะทำยังไงกับสถานการณ์นี้ดี คือต้องเข้าใจนะครับ แม้จะมีความสุขแต่มันก็เจ็บอะ


“พูไม่ต้องออกแรง เดี๋ยวพี่จัดการให้เองครับ” ร่างสูงส่งยิ้มหวานเชื่อมก่อนจะเริ่มทำตามที่พูดทุกคำ พาผมด่ำดิ่งในบทรักและสอนให้ผมเรียนรู้ทุกท่วงท่าทั้งวันทั้งคืนอย่างที่ว่าเลยจริงๆ




END



...............................................
เย่! จบไปแล้วกับ #เหตุเกิดเพราะชอบคุณ อันที่จริงตอนคิดพล็อตแรกนี่คนละเรื่องเลยนะ ฮ่าๆ เพราะพล็อตมันตามชื่อเรื่องเลย ใสๆ ไม่มีเงื่อนงำ พระนายก็แค่ชอบกัน แต่พอแต่งไปแต่งมาตามสไตล์เราที่ไม่ค่อยใส(?) เลยต้องมีอะไรที่มากกว่าความรักเพิ่มเข้ามา บวกกับช่วงนั้นเป็นรอยต่อระหว่างเด็กว่างงานกับได้งาน อะไรหลายๆ อย่างก็เลยเปลี่ยน จากนิยายเรื่องก่อนหน้า (inside love: เปลี่ยนยังไงสุดท้ายก็มึง) เราใช้เวลาเขียนแค่ 14 วัน เพราะว่างจริงๆ เลยเขียนทุกวัน แต่พอมาเรื่องนี้เราไม่ได้มีเวลามากนักในแต่ละวัน การอัพก็เลยมาอยู่ที่เสาร์-อาทิตย์เสียส่วนใหญ่ เพราะเราใช้เวลาเขียนหลายชั่วโมงและเขียนสดไม่มีสต็อก จึงต้องเป็นช่วงเวลาที่ว่างจริงๆ ถึงจะเขียนได้ บวกกับปัญหางานเครียดๆ ที่รุมเร้า เลยต้องขออภัยนักอ่านที่ต้องให้คอยนาน กว่าเรื่องนี้จะจบก็ 6 เดือนนิดๆ (2 มี.ค.- 9 ก.ย.)

ขอบคุณนะคะสำหรับกำลังใจที่มอบให้เราตั้งแต่วันที่เปิดเรื่องมาจนถึงวันนี้ รวมถึงนักอ่านหน้าเก่าที่ตามผลงานเราตลอด ดีใจที่ได้แบ่งปันสิ่งที่อยู่ในหัวให้ทุกคนได้อ่านค่ะ อาจจะมีผิดพลาดไปบ้างก็ขออภัย เราจะพยายามพัฒนาฝีมือให้ดีขึ้นค่ะ เราเขียนเพราะว่าอยากเขียน แต่ถ้าขาดกำลังใจจากทุกคนเรื่องนี้ก็คงไม่จบฮ่าๆ

รักคนอ่านทุกคน
Janeta

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ sk_bunggi

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
ว้าย น่ารักมากเลย แต่อยากรู้คู่แอลกัพี่ลัน และก็คู่เกลือกะแบงค์ด้วย 55555
 :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ Bb nale

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
อ่านเพลินตอนจบแบบ อ้าว จบแล้วเหรอ เรื่องสนุกมากๆเลยชอบทุกอย่างในเรื่องเลยคนเขียน

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
เป็นกำลังใจให้นะคะ ติดตามไปเรื่อยๆจ้า

ถั่วน้องเอ้ยยย รักแรกพบกันซะงั้น น่ารักที่สุด
ถั่วพี่ก็ไม่ห่างกายเลยนะ ต้องพกหนีบไปด้วยตลอด

ในที่สุดก็สมหวังแบบสุขสันต์ แถมยังเป็นรักแรกในวัยเด็กด้วย

ดูอาการแม่ถั่วแล้ว เหมือนรู้เยอะ แต่ไม่พูด

ทุกคนตอนนี้สุขสันต์ รอเผือกค่ะ อยากเห็นคู่เผือกฝ

ขอบคุณคนแต่งมากนะคะ สู้ต่อไปนะ

ออฟไลน์ GuoJeng

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1268
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ END [09-09-17]
«ตอบ #297 เมื่อ14-09-2017 21:15:41 »

สนุกมากๆ จบแล้ว ประทับใจจริงๆ เรื่องนี้อ่านแล้ว feel good ประทับใจตรงนี้

ออฟไลน์ janeta

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 155
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +74/-2
Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ Sp.1 [17-09-17]
«ตอบ #298 เมื่อ17-09-2017 01:06:34 »

Special 1
ลันxแอล




“พี่ลันพาผมมาที่นี่ทำไมครับ” ผมเอ่ยถามแฟนตัวเองที่บุกมาถึงบ้านแต่เช้าตรู่ แล้วพาผมนั่งรถมาโดยไม่ยอมพูดอะไรเลยสักคำ ถามกี่ครั้งก็ได้รับแต่ความเงียบ ซึ่งผมเองก็เริ่มไม่พอใจนิดๆ เลยเงียบตามบ้าง แต่พอเห็นสถานที่ที่เขาพามาปากก็หลุดถามออกไปจนได้


“มันเป็นกฎสำคัญน่ะ นายแค่ตามพี่มาก็พอ” พี่ลันพูดเท่านั้นก่อนจะเปิดประตูลงไป ผมเองก็ลงจากรถแล้วเดินตามหลังอีกฝ่ายไปเงียบๆ


หอพักในตอนนี้เงียบสงัดอย่างกับป่าช้า ผมคิดว่าเขาคงปิดหอไม่ให้ใครเข้าเลยไม่ได้เอะใจ อีกอย่างพี่ลันก็ดูเป็นคนยิ่งใหญ่อย่างที่เขาเลยเล่าให้ผมฟังจึงคิดว่าเขาเป็นอภิสิทธิ์ชนที่น่าจะเข้านอกออกในหอพักได้ตลอดอยู่แล้ว เราทั้งคู่เดินลึกเข้าไปในอาคารก่อนจะขึ้นบันไดอีกหกชั้นจนผมแทบหมดแรง โดยที่พี่ลัน...ไม่ได้หันกลับมามองผมเลย


เราขึ้นไปจนถึงชั้นบนสุด แต่จู่ๆ พี่ลันก็หยุดนิ่งที่หน้าประตูก่อนจะหันกลับมาหาผม


“สิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปนี้ พี่รู้ว่ามันยากที่นายจะเข้าใจ แต่พี่จำเป็นต้องทำ...” ร่างสูงเอ่ยเพียงเท่านั้นก่อนจะเปิดประตูออกไป

อย่างไม่ลังเล ซึ่งทันทีที่เราทั้งคู่ก้าวพ้นประตู ผมก็ถูกมือกร้านของใครบางคนลากไปอีกทาง ตอนแรกก็ตกใจกลัวแต่พอได้เห็นหน้าก็โล่งใจครับ เป็นผู้ชายหน้านิ่งแต่ใจดีที่เคยช่วยผมไว้ตอนที่มาหาพี่ลันคราวก่อนนั่นเอง


ผมหันไปมองคนรักเพราะคิดว่าเขาจะเดินตามมา แต่เปล่าเลย เขาเดินไปหยุดอยู่กลางวงล้อมของนักศึกษาชายจำนวนมาก เรียกได้ว่าน่าจะทั้งหอพักด้วยซ้ำ ทุกคนต่างจ้องมองไปที่คนๆ เดียว...ซึ่งก็คือพี่ลันที่ยืนล้วงกระเป๋านิ่งๆ


ผมไม่เข้าใจเรื่องที่เกิดขึ้นเลยหันไปหาคนที่ลากตัวผมมา


“อยู่นิ่งๆ เงียบๆ แล้วทุกอย่างจะผ่านไปได้ด้วยดี”


“นี่มันเรื่องอะไร...”


“เห้ย! ลันเตา!” ชายหน้าบากที่เคยเอ่ยแซ็วผมเมื่อคราวก่อนตะโกนกร้าวใส่พี่ลัน ก่อนจะเดินเข้าไปกระชากคอเสื้อ ซึ่งคนที่ยืนอยู่รอบๆ ก็รีบขยับตามเข้าไปล้อมวงจนผมมองไม่เห็นคนรัก สีหน้าของคนที่เข้าไปหลายคนดูหวาดกลัวแต่ก็มีอีกจำนวนหนึ่งที่กระหายการต่อสู้มากเหลือเกิน


“อะไร” แม้เสียงพี่ลันจะไม่ดังมากนัก แต่เพราะทุกคนเงียบกันหมดเสียงของเขาจึงก้องไปทั่ว


“มึงเคยสัญญาว่าจะทำหน้าที่นี้ไปจนวันตาย จำได้ไหม!”


“จำได้”


“แต่วันนี้มึงเลือกที่จะปกป้องมัน!” ชายหน้าบากชี้มาทางผม และทุกคนก็หันมาเช่นเดียวกัน พวกเขาจ้องผมเขม็ง แต่ก็มีบางคนส่งสายตาโลมเลียมาให้จนคนข้างตัวขยับมาช่วยบังตัวผม


“เออ ก็กูรักของกู” คำพูดของพี่ลันทำผมหน้าร้อน แม้ไม่เห็นว่าเกิดอะไรขึ้นเพราะแผ่นหลังของคนตรงหน้าบังมิด ได้แต่เงี่ยฟังเสียงกระโชกโฮกฮากของพี่หน้าบากที่ดูเหมือนเป็นตัวแทนของคนอื่นๆ มาพูดกับพี่ลันเตา


“งั้นมึงก็รู้แล้วว่ามึงจะต้องเจอกับอะไรใช่ไหม!”


“เออ รีบๆ ทำให้มันจบๆ ได้ละ กูขับรถมาตั้งไกลยังไม่ได้กินข้าวเลย” น้ำเสียงของพี่ลันดูไม่แยแสมากนัก ต่างจากคนที่ตะคอกใส่ที่เสียงแผ่วลงในบางช่วง


“คะ...ครับ เห้ย! พวกมึงทุกคนจัดแถว” ทันทีที่พี่หน้าบากพี่จบ เสียงขยับตัวก็ดังขึ้นอย่างรวดเร็วก่อนจะเงียบสะงัดจนผมต้องชะโงกหน้าจากข้างหลังพี่หน้านิ่งเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้น


ภาพตรงหน้าคือลูกหอทุกคนยืนเรียงแถวตอนหนึ่ง โดยมีพี่ลันอยู่ตรงข้างพวกเขา คนแรกที่ยืนประจันหน้ากับพี่ลันคือชายหน้าบาก เขายกหมัดขึ้นง้าง พูดโดยไม่ออกเสียงว่าขอโทษก่อนจะปล่อยหมัดเต็มแรงจนผมได้ยินเสียงเนื้อกระทบเนื้อ


ผลัวะ!


หมัดแรกทำพี่ลันเซไปนิดครับ นิดเดียวจริงๆ เพราะเขากลับมายืนตัวตรงรอรับหมัดจากคนต่อไปได้อย่างทันท่วงที บางคนก็ปล่อยหมัดเด็กน้อยเหมือนแค่แตะนิดหน่อย แต่บางคนก็ไม่ยั้งแรงเลย ไม่รู้ว่าไปโกรธมาตั้งแต่ชาติปางไหน


“นี่มันเรื่องอะไรกัน” ผมเดินเร็วเข้าไปหาคนรักแต่คนข้างตัวจับแขนผมไว้แน่นแล้วลากกลับมายืนที่เดิม


“อย่าทำตัวมีปัญหาได้ไหม ท่านชูการ์กำลังทำพิธีสำคัญอยู่นะ”


“ให้คนชกเนี่ยนะ! บ้าไปแล้ว!”


“นายไม่เข้าใจหรอก มันเป็นพิธีที่สืบทอดกันมานานแล้ว เมื่อเลือกจะละทิ้งอำนาจที่มีก็ต้องผ่านตรงนี้ไปให้ได้”


“เพื่ออะไร เพื่อความสะใจของพวกนายเหรอ!”


“ฉันไม่เคยสะใจ! การเห็นท่านชูการ์ต้องเจ็บปวดคืออะไรที่ฉันไม่มีวันรับได้ ทุกคนที่กำลังทำเขาร้ายก็เหมือนกัน!” เขาชี้ไปทางกลุ่มคนที่มายืนอยู่ข้างหลังพี่ลันด้วยใบหน้าเศร้าหมอง บางคนถึงกับร้องไห้ ผมที่เพิ่งเห็นแฟนตัวเองเลือดอาบก็ยกมือขึ้นปิดปาก สภาพของเขาเลวร้ายกว่าตอนที่เจตถูกทำร้ายเสียอีก แต่เขาก็ยังคงยืนหยัดให้รุ่นน้องรุ่นพี่เข้ามาหาโดยไม่ตอบโต้อะไรทั้งนั้น


“ผะ...ผมไม่ทำได้ไหม” ชายคนหนึ่งยกมือไหว้พี่ลันเตาทั้งน้ำตา แต่พี่ลันยื่นมือไปจับหมัดเขาคนนั้นขึ้นมาชกหน้าตัวเอง


“นายต้องทำ ทำ...เพื่อพี่ได้ไหม” ทันทีที่พี่ลันเอ่ยจบชายคนนั้นก็ปล่อยโฮ ยกมือขึ้นกำหมัดแล้วแตะแก้มพี่ลันเบาๆ ก่อนจะรีบรุดไปกอดแผ่นหลังพี่ลันเตาไว้ คนที่ยืนอยู่รอบๆ ก็เข้ามาหยุดอยู่ด้านหลังพี่ลันเตาเหมือนกัน คอยมองเผื่อร่างสูงจะล้มลงพวกเขาจะได้คอยประคอง เห็นภาพนั้นแล้วผมก็อดร้องไห้ตามไม่ได้ พวกเขาผูกพันกันมากแต่จำเป็นต้องทำร้ายกันด้วยเหรอ


“จะไปไหน” ผมมองคนข้างตัวที่เดินไปมุ่งไปทางแถวที่เหลือเพียงสองสามคน เขาหันกลับมาส่งยิ้มเล็กๆ ให้ผม


“ไปทำหน้าที่ของรุ่นน้องที่ดี”


ผลัวะ!


แล้วเขาก็ชกพี่ลันเต็มแรงจนผมสงสัยว่า เขารัก...หรือเกลียดพี่ลันกันแน่



“อูย เบาๆ ครับแอล” หลังจากผ่านการชกมาอย่างหนักหน่วง ผมก็พาพี่ลันมาทำแผลที่ห้องพักของเขา โดยมีรุ่นพี่รุ่นน้องคอยมองตามกันตาละห้อย โดยเฉพาะพวกปล่อยหมัดแรงๆ นี่แทบจะเขามาประคองพี่ลันด้วยตัวเองเลยครับ ไม่เข้าใจตรรกะพวกเขาเลยจริง ไม่ใช่ว่ายิ่งผูกพันกันต้องยิ่งถนอมกันรึไง


“ผมไม่เข้าใจสิ่งที่พวกพี่ทำเลย” ผมถอนหายใจ ค่อยๆ แตะสำลีลงบนใบหน้าบวมช้ำ


“หมัดใครหนักสุดจะได้เป็นหัวหน้าคนต่อไปไง” พี่ลันตอบแบบไม่หยี่ระแต่ทำผมตาโต เรื่องบ้าอะไรครับเนี่ย


“พี่รู้ว่าแอลคงมองว่ามันไร้สาระและหาเรื่องเจ็บตัว แต่สำหรับพวกพี่มันคือศักดิ์ศรี การที่พวกมันชกมาเต็มแรงคือการให้เกียรติพี่ เพราะนี่เป็นสิ่งเดียวที่บอกได้ว่าพวกมันพร้อมจะรับหน้าที่นี้ไป คนที่จะมาแทนพี่ต้องพร้อมทั้งกำลังกายและกำลังใจ หากมันให้ในสิ่งที่พี่ต้องการไม่ได้ก็ไม่เหมาะสมที่จะเป็น”


“ตัดสินกันด้วยหมัดเนี่ยนะ พวกพี่จะยกพวกตีกันหรือไง”


“ก็ไม่เชิง เราอยู่ในส่วนของเราเอง ไม่คิดเคยท้าตีใคร แต่ถ้ามีคนมาทำร้ายคนของเราก็อีกเรื่อง”


“แล้วพี่ต้องไปตีกับคนอื่นด้วยไหมครับ...ผมเป็นห่วงนะ”


“ไม่หรอก พี่เลิกแล้ว ลาออกจากการเป็นหัวโจกอย่างเป็นทางการ ฮ่าๆ” พี่ลันหัวเราก็จริงครับ แต่แววตาดูเศร้าลงจนผมรู้สึกได้


ผมยกจับมือพี่ลันไว้เบาๆ ซึ่งเขาก็บีบมือตอบ เรานั่งอยู่ข้างๆ กันเงียบๆ ก่อนพี่ลันจะเอ่ยขึ้น


“พี่หิวจัง”


“งั้นเดี๋ยวผมไปซื้อข้าวให้นะ” ผมรีบลุกขึ้นจากเตียง กวาดตามองกระเป๋าสตางค์ของตัวเองที่ไม่รู้อยู่ตรงไหน ใจก็ร้อนรนกลัวคนรักหิวข้าวจนเป็นลม


หมับ


“พี่อยากกินแอลต่างหาก” น้ำเสียงแผ่วเบากระซิบที่ข้างหูพร้อมอ้อมกอดที่กระชับแน่นทำผมไปไม่เป็น ได้แต่มองโน่นนี่เลิ่กลั่กไปหมด


“โอ้ย!” การขยับตัวของผมคงไปโดนแผลพี่ลันเข้า ด้วยความเป็นห่วงผมจึงหันกลับไปหาเขา


แต่กลับถูกฉวยจูบไปอย่างงายดาย


“ซี๊ด” ทันทีที่ละริมฝีปากออกไป พี่ลันก็ยกมือแตะมุมปากที่มีรอยแผลเล็กๆ ซึ่งตอนนี้มีเลือดออกจนได้ “ก่อนเรียนจบคงต้องเรียกมาคุยรายตัวซะแล้วสิ” ผมหัวเราะนิดๆ กับท่าทางขมวดคิ้วจริงจังของเขา


“พี่ให้เขาชกเองนะ จะมาโทษพวกเขาได้ไง”


“อะไรๆ นี่เข้าข้างพวกมันได้ไง นายต้องเข้าข้างพี่สิ พี่เจ็บตัวนะ” ร่างสูงทำเสียงอ้อนแถมยังยกแขนขึ้นตั้งใจจะโอบกอด แต่ผมไหวตัวทันลุกขึ้นยืนเสียก่อน


“เดี๋ยวผมออกไปซื้อข้าวหมูแดงร้านโปรดพี่ดีกว่าโน๊ะ” ไม่รอให้คนรักเอ่ยอะไรผมก็รีบเดินออกจากห้องนั้นทันทีด้วยใบหน้าร้อนผ่าว


ก็สีหน้าของพี่ลันน่ะ...ไว้ใจได้ที่ไหนกัน


………………………………………………..


“ข้าวหมูแดงได้แล้วจ้ะ” ผมสะดุ้งเฮือก มองถึงกล่องข้าวที่แม่ค้ายื่นมาให้แล้วรีบรับมาถือไว้พลางตบกางเกงเพื่อหากระเป๋าสตางค์ แต่กลับพบเพียงความว่างเปล่า


ผมลืมเอาเงินมา


ละ...แล้วผมต้องทำยังไง คืนข้าวไปป้าเขาจะว่าผมหรือเปล่า


“หานี่อยู่ล่ะสิ” เสียงทุ้มอันคุ้นเคยมาพร้อมกับร่างสูงที่ยืนขนาบข้างผมพลางส่งเงินจากกระเป๋าตัวเองให้ป้าแม่ค้าที่รู้จักกันดี ป้าไม่เอ่ยถามถึงแผลบนใบหน้าแสดงว่าคงรู้เรื่องชกต่อยของพี่ลันเป็นอย่างดี นี่พี่เขามีเรื่องบ่อยแค่ไหนกันนะ


“ก็ว่าอยู่เห็นหน้าคุ้นๆ แฟนเรานี่เอง น่าจะบอกป้าก่อนนะลูกจะได้แถมหมูเยอะๆ” ป้าส่งยิ้มบางให้ผม ดูท่าพี่ลันคงจะเป็นลูกค้าประจำ แถมยังเล่าสู่กันฟังเรื่องชีวิตของแต่ละฝ่ายอีกต่างหาก


“โถ่ป้า ที่ให้มาก็เยอะแล้วครับ แค่นี้ก็จนอิ่มพุงกางล่ะ แล้วลูกชายป้าเป็นไงบ้าง”


“อาการมันก็ทรงๆ จ้ะ โชคดีที่ลันไปเจอมันนะลูก ไม่อย่างนั้นป้าไม่อยากจะคิดเลย”


“ไม่เป็นไรครับป้า มันก็เหมือนน้องผมคนหนึ่ง กินข้าวหมูแดงทีไรแถมแตงให้ตลอดเลย” พี่ลันเอ่ยยิ้มๆ ก่อนจะขอตัวแล้วพาผมออกมาจากร้าน


“สนิทกันจังเลยนะครับ”


“หึงรึไง” พี่ลันยิ้มล้อ ขณะที่ผมได้แต่ทำหน้าเหรอหรา ไม่คิดว่าประโยคที่พูดออกไปจะสื่อให้อีกฝ่ายเข้าใจไปในทำนองนั้น


“ผม...ไม่ได้คิดอะไรแบบนั้นเลย”


“งั้นก็คิดได้แล้ว หวงพี่บ้าง หึงพี่บ้าง จะได้รักพี่เยอะๆ”


“อย่างพี่ลันไม่จำเป็นต้องหึงหรอกครับ” ผมเอ่ยยิ้มๆ แต่พี่ลันวิ่งมาหยุดยืนข้างหน้าผมแล้วจ้องกันด้วยสายตาจริงจัง


“หมายความว่าไง แอลเบื่อพี่แล้วก็เลยไม่รู้สึกหึงงั้นเหรอ”


“เปล่าครับ...” ผมจับมือพี่ลันไว้ทั้งสองข้าง “ก็พี่เล่นชัดเจนแบบนี้ผมจะหึงทำไมล่ะ” เห็นพี่ลันดูมีสีหน้าดีขึ้นผมจึงเอ่ยต่อ


“พี่ทำให้ผมเชื่อไปแล้วว่าพี่ชอบผมมากแค่ไหน การกระทำของพี่ตลอดเวลาที่ผ่านมามันตอบคำถามของผมได้ทุกข้อ แม้จะเคยสงสัยว่าพี่รู้สึกอย่างไรกันแน่ แต่พี่ก็ให้คำตอบผมหมดทุกอย่าง”


“แอล...”


“การหึงมันไม่สำคัญเท่ากับความเชื่อใจหรอกครับ มันไม่ได้แปลว่ารักมาก กลับกันมันคือความทุกข์ที่ไม่มีวันสิ้นสุด ผมไม่อยากให้การคบกันของเราเต็มไปด้วยความหวาดระแวง”


“อืม...นายพูดมีเหตุผลจนพี่ดูงี่เง่าไปเลยที่คอยหึงนายกับคนอื่น”


“หัวใจผมมีแต่พี่ ยังต้องกังวลอะไรอีกครับ” ผมบีบมือร่างสูงเบาๆ สบตาเขาให้รู้ว่าผมหมายความตามนั้นจริงๆ สายตาผมหยุดลงที่ผู้ชายคนนี้ตั้งแต่วันที่เขาก้าวเข้ามาในชีวิตของผม อาจจะดูง่ายไปหน่อย แต่ผมก็ตกลงไปแล้ว


ในหลุมรักที่ชื่อว่าลันเตา...






..............................
ตอนพิเศษกับคู่พี่ลันxแอลจ้า หลายคนคงสงสัยกันว่าพี่ลันลากแอลไปไหน คือเขาแอบมาสวีทกันค่ะ 5555 แม้ช่วงต้นจะหนักหน่วงไปด้วยศักดิ์ศรีของหัวหน้าผู้ยิ่งใหญ่ แต่ก็ส่งท้ายตอนด้วยความหวานๆ เบาๆ น้า

ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนต์ค่ะ อยากได้คู่ไหนอีกเม้นบอกได้นะ ถ้าเม้นในนี้ไม่ได้ในเพจยังมีอีกช่องทาง ทวิตมาก็ได้อิอิ  :mew3:

ช่วงนักเขียนใจดี
ระหว่าง แบงค์เกลือ กับ เฟรมเผือก อยากอ่านคู่ไหนเอ่ย?


ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
Re: ☂เหตุเกิดเพราะชอบคุณ☂ Sp1. [17-09-17]
«ตอบ #299 เมื่อ17-09-2017 10:04:17 »

 :pig4: :pig4: :pig4:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด