Special 2
[แบงค์xธาร]
เราสองคนจ้องตากันนิ่งๆ ก่อนที่ธารจะดันผมออกแล้วลุกขึ้นนั่งหันหน้าไปอีกทาง
“มึงทำแบบนี้ทำไม”
ผมไม่ตอบ แต่เอื้อมมือมาจับข้อมือธารไว้หลวมๆ
“กู...ชะ” ชอบ...
“อ้าวเด็กๆ มานั่งทำอะไรกันตรงนี้ลูก” คุณหญิงดารายเดินมาหาพวกเราพร้อมกับแม่บ้านสาวที่ยกขนมตามหลังมา
โถ่ คุณหญิงแม่ ทำไมเข้ามาขัดจังหวะผมแบบนี้ล่ะครับ กว่าจะหาจังหวะได้มันยากนะรู้ไหม
“เปล่าครับแม่” ธารสะบัดมือออกจากผม แล้วเดินเข้าไปอ้อนแม่สุดที่รักของมัน “วันนี้ผมลืมเลยว่ามีนัดกับเนตรอะ เนี่ย มันเพิ่งโทรมาเตือนผมเอง” เนตร? ใครวะ แล้วโทรมาตอนไหนทำไมกูไม่รู้
“ทุกทีล่ะ กับหนูเนตรเนี่ยตัวติดกันอย่างกับปาท่องโก๋ เดี๋ยวน้องแบงค์ก็น้อยใจกันพอดี” แม่หันมาสบตาผมแล้วขยิบตานิดๆ “งั้นแม่ว่าน้องธารพาน้องแบงค์ไปด้วยดีไหม จะได้รู้จักเพื่อนใหม่ๆ บ้าง”
“แม่...”
“ตามนี้นะน้องธาร ไปๆ เดี๋ยวหนูเนตรรอ”
“จิ๊” ธารหันมามองผมตาขวางแล้วเดินลิ่วลงบันไดไป เฮ้อ แผนพิชิตใจจะรอไหมเนี่ยกู
“ให้เวลาธารเขาหน่อยนะลูก เขาแค่ไม่กล้า...ที่จะกลับไปเป็นคนเดิม” แม่เปิดประตูห้องธารให้กว้างขึ้น ทำให้ผมเห็นภายในห้องชัดเจน ของที่วางระเกะระกะในนั้นเต็มไปด้วยความทรงจำของพวกเรา
โดยเฉพาะกรอบรูปขนาดกลางที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงเป็นภาพของเราสามคน ไอ้พู ผม และธาร ที่บังเอิญมีคนเข้ามาขอถ่ายภาพตอนที่ออกไปทัศนศึกษานอกโรงเรียน และเป็นภาพเดียวที่มันยอมให้ถ่ายทั้งที่ผมกับพูอ้อนวอนเท่าไรมันก็ไม่ยอม
“ก่อนที่จะรู้ว่าน้องพูบาดเจ็บ น้องธารเอาแต่หมกตัวอยู่ในห้องตั้ง 3 วัน แม่เองก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น พอน้องธารไปโรงพยาบาลแม่ก็เลยได้เห็นสภาพของห้องนี้” แม่ยิ้มบางแล้วตบบ่าผม “น้องธารเขารักพวกน้องแบงค์มากนะลูก”
มัน...จำได้แล้วเหรอผมยิ้มกริ่ม เนียนทำเป็นไม่รู้เรื่องแบบนี้ต้องโดนจัดการ
“จะตามมาทำไมก็ไม่รู้” ตลอดทางธารมันเอาแต่บ่นๆ จนลุงคนขับรถได้แต่ยิ้มเจื่อน ส่วนผมน่ะเหรอ เริงร่าแบบสุดๆ ไปเลย
“ก็อยากมา แล้วก็จะเกาะติดไปตลอดเลยด้วย” ไม่พูดอย่างเดียวครับ ยกแขนโอบมันอีกด้วย ร่างสูงก็โวยลั่นถองศอกใส่ท้องผมอีกหนึ่งดอก
“เล่นบ้าอะไรของมึงห้ะ!” โอะโอ ใบหน้าตอนโกรธก็น่ารักนะเนี่ย “ยะ...ยิ้มอะไรของมึง”
“ก็มึงน่ารักอะ ใช้ครีมอะไรวะ หน้าดีชิบหาย” ผมชมมันยิ้มๆ แต่ดูเหมือนจะพลาดไปมากทีเดียว
“ศัลยกรรมไง” มันพูดเสียงนิ่งแล้วหันหน้าไปทางหน้าต่าง และผมเองก็เพิ่งรู้ว่าทำพลาดไป
ธารไม่เคยชอบใบหน้าใหม่ของตัวเอง
ทุกครั้งที่ผมมองหน้ามันด้วยความชื่นชมเพราะมันหล่อมากจริงๆ ธารจะหันหน้าหนีแล้วเค่นยิ้มใส่
“มึงก็ไม่ต่างจากคนพวกนั้น”ผมไม่รู้ว่าคนพวกนั้นมองธารอย่างไร แต่ผมไม่มองมันเหมือนคนพวกนั้นแน่ๆ
เพราะมันคือเกลือสำหรับผมเสมอ“กูไม่ได้ตั้งใจ...” ผมเอ่ยเท่านั้นก่อนจะเงียบไปเช่นกัน พูดอะไรไปตอนนี้มันก็คงไม่ฟัง รอให้ใจเย็นก่อนค่อยคุยกันก็ยังไม่สาย
แต่ตอนนี้ผมว่าสายไปแล้วจริงๆ
“ธารจ๋า” ทันทีที่เราลงจากรถ สาวสวยที่ไม่รู้มาจากไหนก็โผเข้ากอดธารแน่น ก่อนทั้งสองจะยิ้มให้กัน พูดคุยกระหนุงกระหนิงแล้วจูงมือกันเข้าบ้านไป โดยไม่สนใจผมที่ยืนอยู่ตรงนี้เลย
เฮ้อ เหมือนคู่รักที่เหมาะสมจนไม่กล้าเข้าไปแทรกเลย
“อ้ะ! นายคนนั้นน่ะ” เหมือนเธอจะสังเกตเห็นผมสักที เธอรีบผละออกจากธารแล้วเดินมาเกาะแขนผม ที่ตอนนี้รู้สึกอยากด่าคนทันทีที่เห็นว่ามือเธอเลอะคราบดินดำๆ
เสื้อกู...
“หึๆ”
“ธารหัวเราะอะไร” เธอถามเสียงซื่อ
“เปล่าหรอก ไปเถอะ รีบเข้าบ้านกัน” ธารยกแขนโอบไหล่เธอแล้วพาเดินต่อเข้าไปในบ้าน ส่วนผมก็พยายามข่มใจไม่ให้อาละวาดก่อนจะเดินตามเข้าไป
“ปะ ขึ้นห้องกัน”
เห้ยๆ ผู้หญิงสมัยนี้เขาชวนผู้ชายขึ้นห้องง่ายๆ แบบนี้เลยเหรอวะ “ไม่ได้ๆ พวกเราเป็นผู้ชายจะขึ้นห้องผู้หญิงง่ายๆ แบบนั้นได้ยังไง” ผมรีบห้ามทันที ดึงแขนธารให้มาอยู่ข้างผมด้วย ผู้หญิงคนนี้ดูแปลกๆ อย่างที่คิดจริงๆ ด้วย แล้วไอ้ธารไปสนิทด้วยได้ไงวะ
“เรื่องแค่นี้เอง” มันดึงแขนผมออกแล้วเดินตามสาวเจ้าขึ้นห้องไป ผมเองก็ไม่ได้ยืนโง่อีก รีบก้าวเท้าตามทั้งคู่ไปติดๆ ก่อนประตูจะปิดลง
พรึบ
แสงไฟสว่างจ้า พอให้ผมได้เห็นสิ่งต่างๆ ภายในห้อง สายเชื่อมต่อวางระเกะระกะเต็มพื้นไปหมด รอบๆ ห้องเต็มไปด้วยจอคอมพิวเตอร์หลายยี่ห้อและหลายขนาดเชื่อมต่อกันอย่างเป็นระบบ ผมไล่สายตาไปเรื่อยๆ จนมาหยุดที่ผู้ชายตัวเล็กคนหนึ่งทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ ที่มือถือวิกผมสีดำทรงเดียวกับที่หญิงสาวเจ้าของห้อง...
เดี๋ยวนะ!“เห้ย!”
“จะตกใจอะไรนักหนา น่ารำคาญจริงๆ เพื่อนมึงเนี่ย” เสียงทุ้มต่ำแบบผู้ชายถูกเปล่งออกมาจากในหน้าหวานใสที่ตอนนี้ผมตัดสั้น ผมหันไปหาธารอย่างขอความช่วยเหลือ ซึ่งฝ่ายนั้นก็ทำเพียงยกหูฟังที่แขวนอยู่บนคอมพิวเตอร์แล้วนั่งลงข้างๆ ผู้ชายตัวเล็ก
“ทนๆ เอาหน่อย เดี๋ยวมันเบื่อก็คงไปเอง”
“ใครบอก! กูไม่ไปไหนทั้งนั้นอะ” ผมรีบคว้าเก้าอี้อีกตัวมานั่งทันที
“เก้าอี้ตัวนั้นมัน...”
ผลัก!
“...”
“ฮ่าๆๆ เพื่อนมึงโคตรโง่อะธาร เก้าอี้มันมีสามขาแม่งยังนั่งไปได้ ฮ่าๆๆ”
กูจะไปรู้ไหมว่ามันมีสามขาน่ะ แล้วมึงรู้ว่ามันหักทำไมไม่ทิ้งวะ ฮึ่ย!
“ไม่เป็นไรนะมึง” โชคดีที่ว่าที่แฟนของผมเป็นคนดีเข้ามาพยุงไปนั่งที่โซฟาอย่างดี
“สำออย...”
“มึงว่าใครวะ!” ผมหันขวับไปหาเจ้าของเสียงทันที ซึ่งอีกฝ่ายก็ลอยหน้าลอยตาตอบอย่างน่าหมันไส้
“เปล๊า! ใครอยากรับก็รับไปดิ”
“กูเกลียดเพื่อนมึง” ผมบอกธาร มันส่ายหน้ายิ้มๆ พอดีกับที่คนตัวเล็กนั่นสวนกลับมา
“อย่างกับกูชอบมึงนักล่ะ”
“กูต่อยมันได้ไหม”
“อย่างกับกูกลัว”
“พอเลยพวกมึงน่ะ!” ธารคงสุดจะทนกับพวกเราแล้วถึงได้โผล่งออกมา “ถ้ามึงยังไม่หยุดแกล้งมันกูกลับจริงๆ ด้วยเนตร”
เออ กลับเลย ไปสวีทกันสองคนดีกว่านะที่รัก
“เรื่องอะไรล่ะ กว่ามึงจะยอมมาหากูไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะ มาทั้งทีกูจะใช้งานมึงให้คุ้มเลย เออ ว่าแต่ทำไมมาได้วะ แถมมีตัวอะไรก็ไม่รู้ติดมาด้วยอะ บรื๋อ กูว่าสัมภเวสี ไปทำบุญบ้างนะมึง มันเกาะไม่ปล่อยเลย”
ยัง ยังไม่หยุดกวนกูอีกนะ“เดี๋ยวปั๊ด!”
“พอๆ เนตร...” ธารมองอีกฝ่ายด้วยแววตาตำหนินิดๆ
“เออ เลิกก็ได้ มึงมาช่วยกูด่วนเลย งานเข้ามาหลายเคสมาก เงินดีทั้งนั้น”
“เสียดายหน้าสวยๆ ของมึงจริงๆ”
“กูมีจู๋ มึงลืมเหรอ”
“ถ่อยแบบนี้ใครจะไปลืมวะ” ผมพึมพำเบาๆ แต่อีกฝ่ายก็หูดีจัด ถึงได้หันมาปะทะอารมณ์กับผมต่อ และธารเองก็คงเหนื่อยที่จะห้ามปรามถึงได้หันเข้าสู่หน้าจอที่มีแต่สัญลักษณ์ซับซ้อน
“ทำไมมึงต้องแต่งสาวแบบนั้นวะ” ผมเอ่ยตามศัตรูหมาดๆ หลังจากปะทะอารมณ์กันจนหมดมุก
“เพื่อความปลอดภัยของน้องกูน่ะ ข่าววงในบอกว่ามีมาเฟียหมายตาน้องกูอยู่ กูก็เลยต้องเนียนเป็นน้องเมื่อออกนอกบ้าน เผื่อสมุนมันตามเฝ้าเห็นจะได้คอยรายงานนายมันว่าน้องกูยังอยู่ไทย ถ้าอยากได้ก็มาจับตัวดิ”
“แล้วน้องมึงล่ะ”
“บินไปอยู่กับพ่อแม่ที่สิงคโปร์ล่ะ”
“แล้วทำไมมึงไม่ไป”
“กูจะล่อมันออกมาแล้วกำจัดทิ้งไง หึ” เนตรแสยะยิ้มได้น่ากลัวมากครับ แต่เพียงแวบเดียวก็ทำตาแป๋วใส่ผม “นี่...ห้ามไปบอกใครนะรู้ไหม” แหน่ะ มีการจิ้มอกผมแล้วยิ้มอ่อยอีกต่างหาก เหอะ ไม่ได้ผลหรอก
“อ่อยกูไปก็เท่านั้น กูไม่หลงกลมึงหรอกนะ” ผมเหลือบมองคนที่อยากหลงมากกว่า ไม่สิ หลงไปนานแล้ว
“อ๋อ ชอบแบบธารนี่เอง” เนตรพยักหน้ายิ้มๆ “ลำบากหน่อยนะ ธารมันไม่ชอบ...แบบมึง”
“หมายความว่าไง”
“ก็...”
“เสร็จล่ะ มาดูสิเนตร” ธารถอดหูฟังออกแล้วหันมาหาพวกเราด้วยใบหน้างงๆ คงเพราะเราทั้งคู่ไม่ได้ปะทะคารมกันเหมือนก่อนหน้านี้ ส่วนเนตรพอเห็นช่องทางหลบหนีก็รีบพุ่งไปหาธารทันที ทิ้งปริศนาให้ผมได้แต่ขบคิดอยู่คนเดียว
“เป็นอะไร เนตรแกล้งอะไรมึงหรือเปล่า” ธารขมวดคิ้วนิดๆ เอาวะ ไม่ได้คำตอบไม่เป็นไร แค่ธารห่วงว่าเพื่อนมันแกล้งผมก็ดีมากแล้ว
“เปล่าหรอก” ผมมองคนตัวเล็กที่รัวนิ้วมือมือด้วยดวงตาเปล่งประกาย ดูคล้ายพี่ชายไอ้พูเวลาแตะคอมมาก “เพื่อนมึงก็ไม่ได้แย่นะ”
“ห้ะ”
ผมยิ้ม ไม่ได้ตอบอะไร เคยห่วงว่ามันมีเรื่องชกต่อยบ่อยๆ จะหาเพื่อนได้หรือเปล่า แต่พอเห็นมันสนิทกับเนตรดีผมก็โล่งใจ
แม้จะเป็นเพื่อนแปลกๆ ก็เถอะ
“ฮัดเช่ย!” เนตรหันมองผมตาขวาง “มึงนินทากูใช่ไหม”
ประสาทไวชิบหาย
“มึงมานั่งในใจกูรึไงถึงได้รู้”
“เหอะ! มองหน้าอย่างมึงก็รู้ว่าในหัวมีแต่ความคิดชั่วๆ”
“ไอ้...”
“ชู่ว์” เนตรยกนิ้วชี้จรดริมฝีปากพลางชี้ไปยังที่นั่งข้างๆ ผมที่คนตัวโตนั่งโอนเอนไปมา
ผมยกยิ้มเล็กน้อยก่อนจะประคองศีรษะธารวางลงบนไหล่ผม เจ้าตัวก็ขยับไปมาเพื่อหาที่นอนสบายก่อนลมหายใจจะค่อยๆ เป็นจังหวะสม่ำเสมอ
“กูไม่เคยเห็นมันหลับง่ายๆ แบบนี้เลย” เนตรพูดเสียงเบาเพื่อไม่ให้รบกวนคนหลับ “สามปีแล้วที่มันสะดุ้งทุกครั้งที่เผลอหลับต่างที่ ขนาดห้องกูยังไม่เว้นเลย ไปเข้าค่ายยิ่งแล้วใหญ่ต้องพึ่งยานอนหลับทุกครั้งไป”
“มันเป็นหนักขนาดนั้นเลยเหรอ” ผมลูบหัวธารอย่างอ่อนโยน
“มันฝันถึงใครบางคนน่ะ จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเป็นใคร กูถึงบอกไงว่าธารมันไม่ชอบแบบมึงหรอก มันมีคนในฝันของมันแล้ว”
ผมยิ้มนิดๆ อ่า...คนๆ นั้น จะเป็นผมหรือเปล่านะ
“กูเคยได้ยินมันละเมอเรียกว่าพู”
พู...ไอ้ถั่ว! มีผัวแล้วยังมาหลอกล่อว่าที่เมียคนอื่นอีกเหรอ ไอ้เพื่อนไม่รักดี!
เฮ้อ แต่ก็โทษไอ้พูไม่ได้หรอกครับ เพราะธารก็ชอบพูมาตั้งนานแล้วนี่นะ...น่าจะนานพอๆ กับผมเลย
“แต่มึงก็เป็นคนแรกนะที่มันวางใจจนหลับข้างๆ ได้ มึงต้องภูมิใจมากๆ ล่ะที่มีสิทธิ์เหนือคนอื่น”
“กูก็มีสิทธิ์แค่นี้ล่ะ...สิทธิ์ในตอนที่มันหลับ” ผมลูบแก้มธารเบาๆ ซึ่งมันก็เอียงหน้าเข้าหาไออุ่นจากมือผม
เชี่ย! น่ารักชิบหาย
“หึๆ หลงมันแล้วล่ะสิ ก็นะ เพื่อนกูมันหล่อขนาดนี้มึงไม่หลงก็คงแปลก”
“กูไม่ได้หลงหน้าตามัน...” ผมยิ้มให้คนที่หลับอยู่เพื่อบอกผ่านความในใจ “กูหลงรักตั้งแต่ที่มันเป็นเกลือแล้ว...”
“เกลือ?” เนตรเอียงคอคิดก่อนจะพึมพำเบาๆ “อ๋อ...นามแฝงมันนั่นเอง”
“หืม”
“ไม่มีอะไรๆ รู้จักมันในแบบที่มึงรู้จักน่ะดีแล้ว อย่ามากไปกว่านี้เลย” เนตรยิ้มบาง “เรื่องบางเรื่องก็อันตรายเกินกว่าที่จะรู้ ถ้าไม่อยากต้องแยกจากกันตลอดชีวิต อย่ารู้เลย เห็นธารเป็นแบบนี้ความจริงมันอ่อนไหวมากนะ มันคงเลือกที่จะห่างออกมาเพื่อให้มึงปลอดภัยมากกว่าเข้าไปปกป้องจนมึงได้รับอันตราย...”
เนตรไปนอนแล้ว และผมก็ไม่คิดจะปลุกธารให้ไปนอนเตียงกว้างดีๆ เพราะรู้แน่ว่ามันต้องผลักไสผมอีกตามเคย ผมจึงยอมไหล่ชาเพื่ออยู่ข้างมันในค่ำคืนนี้
คืนสุดท้ายที่จะประทับอยู่ในใจผมตราบนานเท่านาน
“มึงแน่ใจนะว่าจะไม่ให้กูบอกเกลือ” พูถามผมเป็นครั้งที่ร้อยแล้วมั้งครับ ตั้งแต่สัปดาห์ก่อนที่ผมบอกมันว่าจะไปเรียนซัมเมอร์ที่อเมริกาไอ้ถั่วก็เอาแต่ถามผมไม่หยุดสักที
คือเรื่องนี้ผมไม่ได้บอกธารครับ ผมอยากถอยห่างจากมันบ้าง เพราะก้าวเข้าไปเท่าไหร่มันก็ถอยหนีไปตลอด หากเว้นระยะห่างให้มันได้คิดถึงกัน ความสัมพันธ์ของเราก็อาจจะดีขึ้น หรือถ้าผมกลับมาแล้วธารยังคิดไม่เหมือนกัน ผมก็คงต้องตัดใจ
เพราะ 3 ปีสำหรับผมค่อนข้างนานในความรู้สึก ผมเจ็บกับการสูญเสียเพื่อนและคนที่รักไปแล้วครั้งหนึ่ง หากจะต้องเสียไปอีกครั้งผมก็อยากให้เป็นครั้งสุดท้าย...กับคนคนเดิม
“กูไปแล้วอย่าร้องไห้ล่ะ ไม่ต้องโทรมาด้วยมันเปลือง” ผมขยี้หัวเพื่อนรักด้วยความหมันไส้ที่มีแฟนเป็นตัวเป็นตนขณะที่ผมยังไม่มีเลย
“เหอะๆ ใครจะโทรหามึง”
“เหรอ” ผมลากเสียงยาวก่อนจะหันไปหาร่างสูงที่ยืนยิ้มอยู่ข้างๆ เพื่อนซี้ “พี่เจต ผมฝากพูด้วยนะ ถ้ามันงอนตามหาได้ที่บ้านนั่นแหละ คนอย่างมันไม่ไปไหนไกลนักหรอก มันขี้เกียจจะตาย”
“รู้ดี!”
“กูเป็นเพื่อนมึงมากี่ปีห้ะไอ้ถั่ว รู้ไส้รู้พุงหมดล่ะว่ามึงคิดอะไร”
“แล้วคิดว่ากูไม่รู้เหรอว่ามึงคิดอะไร” พูสบตาผมนิ่งๆ “การหนีมันไม่ได้ช่วยอะไรเลยนะ” ผมชะงักไปเมื่อเพื่อนพูดแทงใจ
“กูไม่ได้หนี” ผมหลบตาเพื่อน “กูแค่หลบไปพักใจ เดี๋ยวก็กลับมา”
“ตามใจมึงเถอะ”
“งั้นกูไปนะ” ผมหันหลังให้เพื่อน รู้สึกใจหายหน่อยๆ เมื่อต้องจากกัน
หมับ
แต่อ้อมแขนของเพื่อนโอบกอดผมไว้
“อย่าลืมว่ามึงมีกูอยู่ข้างๆ เสมอนะแบงค์”
“อืม” ผมกลั้นน้ำตาไว้แล้วรีบลากกระเป๋าเดินเข้าเกตไปอย่างรวดเร็ว ผมกับพูเราไม่เคยอยู่ห่างกันข้ามประเทศแบบนี้ แม้ตัวจะห่างกัน แต่อย่างน้อยเราก็อยู่ในประเทศเดียวกัน ไม่กี่สิบนาทีเราก็เจอกันได้ แต่ตอนนี้คงนานเป็นเดือนกว่าเราจะได้พบกันอีก
ไม่สิ...อาจจะเป็นปี
เพราะผมไม่ได้บอกมัน...ว่าจะเรียนต่อที่นั่นเลย
Tbc.
....................................................
แบงค์เขาตัดสินใจห่างออกมาแล้วจ้า เรื่องจะเป็นยังไงต่อ ติดตามตอนหน้า
ขอบคุณสำหรับคอมเม้นต์น่ารักๆ จากคนอ่านนะคะ ช่วงนี้อาจจะหายไปนานแต่มาต่อแน่ๆ จ้า นี่กลัวคนอ่านน้อยใจเลยขอมาลงก่อนหายไปอีกรอบเพราะอยู่ในช่วงไว้อาลัย เราจะงดอัพไปจนถึงสิ้นเดือนนะคะ 