►►►แจ้งข่าวรวมเล่มค่ะ @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) (19/3/2019) P.23
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ►►►แจ้งข่าวรวมเล่มค่ะ @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) (19/3/2019) P.23  (อ่าน 126772 ครั้ง)

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
นั่นสิคะ สังเกตเห็นตั้งแต่ตอนก่อน ๆ ละแต่ไม่ได้ทัก ที่เรื่องราวมันไม่ค่อยดราม่าก็เพราะมุมมองของก้อนดินเป็นแบบนี้นี่ละ พอจะดราม่า ๆ เจ้าตัวก็ลากไปตลกเสียอย่างนั้น (หัวเราะ) ว่าแต่...หวังว่าโลกใบใหม่ของก้อนดินจะมีสิ่งมีชีวิตสักตัวที่สื่อสารกันได้มาช่วยไขปริศนานะคะ (ออกแนวเกมสำรวจโลกทำภารกิจไปอี๊ก...)

ออฟไลน์ rivayu

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 21
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-1
การเดินทางเริ่มต้นแล้วววว จะได้เจออะไรบ้าง แล้วนี่พา(สัตว์ประหลาด)เด็กไปด้วยจะเกิดอะไรขึ้นรึเปล่าเนี่ย รอค่ะ อยากรู้ว่าก้อนหินเป็นตัวอะไร เป็นกำลังใจให้นะ :mew1:

ออฟไลน์ maneethewa

  • มณีเทวา
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 184
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1
    • Maneethewa - มณีเทวา
ตอนที่ 7 กระท่อมกลางป่า

Part ต้น (มันลงไม่หมดค่ะ ยาวไป ถถถ รอแป๊บนะคะ จัดช่วงปลายก่อน)


   รุ่งเช้า หลังจากอาบน้ำเสร็จ ผมกับก้อนหินก็กินปลาเป็นการส่งท้ายเผื่อจะไม่ได้กลับมากินอีก รสชาติมันดีจริงๆ นะ ขนาดไม่ได้ปรุงอะไรเลยยังอร่อย ก่อนหน้านี้ตอนเช้าก่อนออกไปสำรวจพื้นที่ ผมพยายามแล่เนื้อปลาเป็นชิ้นบางๆ ทำปลาแดดเดียวแต่ผึ่งลมแทนแดด เพราะในนี้มันครึ้ม นานๆ ลมจะพัดใบไม้ให้แดดส่องทะลุมาสักที พอหมาดหน่อยก็เอาห่อใบไม้ใส่ถุงที่พกไว้อีกที เผื่อทางข้างหน้าไม่มีอะไรกินจะได้เอาไว้กินกันตาย (ที่จริงติดใจ)

   ผมหยิบเป้มาสะพาย ถือไม้ปลายแหลมที่เหลาไว้ แล้วเริ่มออกเดินทางทันทีโดยมีก้อนหินเดินตามอยู่ข้างๆ ผมถามมันแล้วนะว่าจะอยู่รอพ่อแม่รึเปล่า มันก็ส่ายหัวแล้วก็เดินตามมา บอกตามตรงว่าผมดีใจมากที่มันไปด้วยกัน ถ้าทิ้งไว้ผมคงเดินทางอย่างไม่มีความสุข คงจะละล้าละลังเป็นห่วงมันอยู่นั่นแหละ ก็อยู่ด้วยกันจนผูกพันไปแล้วนี่

   ผมเดินมาจนถึงซุ้มต้นไม้ กรอกน้ำใส่ขวดไว้เผื่อไม่เจอแหล่งน้ำข้างหน้า ลองชะโงกผ่านซุ้มไปดูข้างนอก ก็เห็นสัตว์ป่าเล็กๆ ออกมากินอาหารกันตามปกติ เลยก้าวออกไปข้างนอก พอเดินห่างไปสักพักก็หันกลับมามองโดมต้นไม้ที่อาศัยอยู่หลายวันเป็นการล่ำลา

   เดินมาได้สักพักสายตาก็สะดุดเข้ากับร่างใหญ่ๆ ร่างหนึ่งที่นอนอยู่บนพื้น เมื่อเข้าไปใกล้ผมค่อนข้างตกใจ เพราะมันคือสิงโตควายที่ไล่กวดเราเมื่อวานนี่เอง แต่ตอนนี้มันตายไปแล้ว และมีแมลงวันเริ่มมาตอมตามแผล ผมได้แต่มองอย่างแปลกใจ แค่โดนข่วนกับกัดขานี่ถึงกับตายเลยเหรอ ไม่มั้ง มันอาจจะตายเพราะสาเหตุอื่นก็ได้ ผมส่ายหัวแล้วเดินต่อไปอย่างสบายใจมากขึ้น อย่างน้อยก็ไม่ต้องระแวงว่าจะโดนไอ้ตัวนี้วิ่งไล่แดกอีกละ โดยไม่ทันสังเกตว่าแมลงวันที่ตอมอยู่นั้นค่อยๆ ตกลงมาตายทีละตัว

   ผมตัดสินใจมุ่งหน้าไปทางทิศเหนือเรื่อยๆ โดยใช้ความรู้ในการเดินป่ามาใช้ ค่ำไหนก็นอนนั่น ใต้ซอกหินบ้าง โพรงไม้ใหญ่ๆ บ้าง บนต้นไม้บ้าง โชคดีที่ไม่เจอสัตว์ร้าย เดินไปได้ไม่ถึงสัปดาห์ก็มาเจอกับลำธาร ไม่แน่ใจว่าใช่ลำธารสายเดียวกันไหม แต่ผมตัดสินใจเดินตามลำธารไป ซึ่งดูตามทิศทางแล้วต้นน้ำน่าจะอยู่ทางทิศเหนือพอดี

   หลังจากอยู่กับก้อนหินมาหลายวันทำให้แน่ใจว่าก้อนหินเป็นสิ่งมีชีวิตที่เลี้ยงง่ายมากกกก มันกินได้ทุกอย่างที่ขวางหน้า กินได้ทั้งเนื้อสัตว์ (โดยเฉพาะปลาที่ชอบมากเป็นพิเศษ) ใบไม้และผลไม้ (ที่เห็นสัตว์อื่นๆ กิน) พามันกินอะไรมันก็กินได้หมด แต่ดูจะชอบกินเนื้อสัตว์มากกว่า โดยเฉพาะแบบดิบๆ

   มีอยู่วันหนึ่ง ระหว่างที่ผมกำลังเก็บผลไม้อย่างเพลิดเพลิน หันมาอีกทีก็แทบกรี๊ดแต๋วแตก มันแดกงูอยู่ครับ!

   ฟังไม่ผิดครับ มันแดกงู!!!

   พอเห็นผมยืนช็อคมองมันกัดงูเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อยเหมือนกำลังกินไส้กรอก มันก็ยื่นงูที่หัวหายไปแล้ว เหลือเพียงตัวที่ยังดิ้นกระแด่วๆ ปลายหางยังพันอยู่ที่มือมันมาให้

   อ๊ากกกกกก!!! ผมถอยหลังหนีอย่างเสียจริต ผลไม้ที่เก็บร่วงกระจายลงพื้น

   ไม่ต้องมามีน้ำใจ

   กูไม่แดกกกกกกกก!!!

   พอเห็นผมถอยหนี มันก็เอียงคอมองทำหน้าแบ๊วใส่ แล้วก็กัดกินต่อเฉยยย โอ๊ย! ผมจะบ้า เผลอไม่ได้เลยครับ ทั้งไอ้ตัวที่คล้ายแมงมุม แมงป่อง ตะขาบ ถ้ามันจับได้ยัดเข้าปากหมดเลย ผมแทบจะทึ้งหัวอย่างคลุ้มคลั่ง กลัวมันจะน้ำลายฟูมปากจากพิษแทบแย่ แต่ยังดีที่มันก็ไม่มีอาการอะไรเลย หลังจากนั้นก็ต้องคอยระวังไม่ให้มันหยิบอะไรแปลกๆ เข้าปาก กลัวเจอสัตว์มีพิษแรงๆ เข้าจะเป็นอันตรายเอา... (ไม่น่าจะทันแล้วนะดิน)

   ผ่านไปสัปดาห์กว่า ก็ยังไม่วี่แววว่าจะเจอมนุษย์สักคน เจอแต่ต้นไม้ใบหญ้าและสัตว์ป่าเล็กๆ แถมยังเหมือนกับว่าป่ามันจะเริ่มทึบขึ้นเรื่อยๆ ผมชักจะหวั่นใจว่าเลือกมาถูกทางรึเปล่า ไม่ใช่ว่าแทนที่จะเข้าเมืองหาผู้คน แต่กลายเป็นว่าหลงป่าลึกกว่าเดิมนะ

   แต่กังวลได้ไม่ถึงวัน ลำธารที่เดินเลียบมาก็เริ่มกว้างขึ้น จนกลายเป็นบึงน้ำกว้างเกือบไร่ ก่อนจะคอดและแคบเป็นลำธารทอดยาวไปต่อ

   บริเวณริมบึงมีต้นไม้ใหญ่มากพอๆ กับต้นไม้ในโดมที่จากมาแผ่กิ่งก้านคลุมบึงทั้งบึงไว้ มีม่านบาหลีห้อยระย้าคลุมลงมาแทบจะระพื้น ใต้ร่มเงาต้นไม้มีกระท่อมที่สร้างจากไม้ไผ่ มุงด้วยใบไม้คล้ายๆ ใบจากอยู่หลังหนึ่ง

   ผมกวาดตามองรอบๆ ก็เห็นเพียงกระท่อมหลังนี้หลังเดียว ไม่เห็นจะมีหลังอื่นอีก ใครมาสร้างกระท่อมโดดเดี่ยวเดียวดายกลางป่าแบบนี้วะ ไม่แน่อาจจะเป็นนายพรานสร้างเอาไว้พักตอนออกมาล่าสัตว์ก็ได้

   ผมแหวกม่านบาหลีออก แล้วเดินเข้าไปข้างใน เดินไปได้สักพักก็ชะงัก กลัวจะเจอตัวอะไรแปลกๆ อีก หรือถ้าโชคร้ายเจอโจรป่าละซวยเลย เลยไปแอบตรงพุ่มไม้มองอยู่สักพักก็ไม่เห็นอะไรออกมา จึงตัดสินใจเดินเข้าไปสำรวจ

   จากสายตาแล้วกระท่อมเหมือนสร้างมานาน แต่บริเวณโดยรอบดูสะอาดสะอ้าน น่าจะมีคนอาศัยอยู่หรือไม่ก็น่าจะจากไปไม่นาน เพราะด้านหน้ากระท่อมมีขี้เถ้าที่เหลือจากการก่อกองไฟอยู่

   เพราะมัวแต่สังเกตตัวกระท่อม ตอนก้าวข้ามพุ่มไม้ไปจึงสะดุดอะไรสักอย่างเกือบจะล้มคว่ำ แต่ผมเอามือค้ำพื้นไว้แล้วกลับลำทุกขึ้นได้อย่างรวดเร็ว

   ก้อนหินที่ตามมาข้างหลังปรบมือเปาะแปะให้

   ผมเหล่ตามองก้อนหิน เหตุการณ์นี้คุ้นๆ ชอบกล นี่มึงคงไม่ได้ล้อเลียนกูอยู่ใช่ไหมหิน? ผมมันเขี้ยวจนอยากจะจับมันฟัด แต่หันไปเจอสิ่งที่ตัวเองสะดุดหัวทิ่มซะก่อน

   มนุษย์?

   สิ่งมีชีวิตที่นอนคว่ำตะแคงหน้ามานี่มนุษย์แน่นอน ว่าแต่... ตายหรือยังวะ นอนนิ่งเลย

   ผมขยับเข้าไปใกล้ๆ แล้วใช้ปลายเท้าเขี่ยเบาๆ บริเวณขา ก้อนหินก็ทำตามเหมือนเลียนแบบ ผมเลยนึกขึ้นได้ว่าไม่ควรทำตัวอย่างที่ไม่ดีให้เด็กเห็น ถึงจะเป็นเด็กสัตว์ เอ๊ย! ถึงจะเป็นสัตว์ก็เถอะ เลยเปลี่ยนเป็นใช้ไม้เขี่ยแทน...

   “อืม” ร่างตรงหน้าครางเบาๆ ก่อนจะค่อยๆ ปรือตาขึ้น ยื่นมือขึ้นมาข้างหนึ่งแล้วบอกเสียงแผ่ว

   “ช่วยด้วย!” ก่อนที่มือข้างนั้นจะตกลงแล้วเขาก็นิ่งไป

   “เฮ้ย!”

   “ลุงๆ เป็นอะไรรึเปล่า” พอเห็นร่างตรงหน้าแน่นิ่งไป ผมก็สังเกตรอบกายเผื่อจะเป็นแผนลวง แต่ทุกอย่างก็เงียบสนิท เลยนั่งคุกเข่าแล้วจับร่างตรงหน้าพลิกขึ้นนอนหงาย แล้วสำรวจดูว่าบาดเจ็บตรงไหน พอจับโดนตัวก็ต้องสะดุ้ง

   “อื้อหือ ตัวร้อนเชียว” ผมขยับไปข้างหลังแล้วใช้แขนโอบรอบอก จับบริเวณข้อมือที่ไขว้กันให้แน่น แล้วลากไปกิน เอ๊ย! ผมหมายถึงลากเข้ากระท่อมไป

   ด้านในมีเตียงเล็กๆ ตั้งอยู่ชิดริมด้านในติดกับหน้าต่างที่เปิดค้างไว้ กว่าผมจะจับตัวเขาขึ้นไปไว้บนเตียงได้สำเร็จก็เล่นเอาหอบเหมือนกัน ก้อนหินเดินตามเข้ามาแล้วมองรอบตัวด้วยความสนใจ นอกจากเตียงแล้วยังมีชั้นไม้ที่ทำขึ้นง่ายๆ มีผ้าหยาบๆ ไม่กี่ผืนวางอยู่บนชั้น ชั้นข้างๆ มีสิ่งที่เหมือนกับเครื่องครัวอย่างหม้อกับชามวางอยู่ มีภาชนะคล้ายโอ่งดินและกระบวยตักน้ำวางใกล้ๆ หน้าประตู

   ผมเดินไปหยิบผ้าผืนบางๆ ที่แขวนไว้บนราวตรงมุมห้องมา กวาดตามองไปเห็นถังน้ำก็หยิบแล้วเดินไปตักน้ำมาใช้ผ้าชุบน้ำบิดให้หมาดแล้วเริ่มเช็ดตัวลดไข้และสำรวจไปด้วยว่ามีแผลตรงไหนหรือโดนตัวอะไรกัดหรือเปล่า แต่ไม่เห็นร่องรอยก็เบาใจ น่าจะหมดสติเพราะมีไข้เฉยๆ

   พอเช็ดตัวเรียบร้อยแล้วก็ค้นยาแก้ไข้จากในกระเป๋ามายัดเข้าปากแล้วป้อนน้ำตาม หลังจากนั้นก็คอยเช็ดตัวลดไข้ให้ทั้งคืน เรื่องดูแลคนป่วยนี่ผมถนัดครับ เคยดูแลย่ากับคุณไฟมาก่อน โดยเฉพาะคุณไฟเวลาไม่สบายทั้งเหวี่ยงทั้งวีนหนักกว่าปกติหลายเท่า ใครก็เข้าใกล้ไม่ได้ยกเว้นย่ากับผม ผมเหม่อมองไปข้างนอกหน้าต่าง ไม่รู้ว่าป่านนี้คุณไฟจะเป็นยังไงบ้างนะ

   “แค่กๆๆ”

   เสียงไอทำให้ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมา หลังจากเผลอหลับไปตอนใกล้รุ่งสาง เห็นคนตรงหน้าลืมตาขึ้นมองเพดาน ผมเลยยื่นมือไปอังหน้าผากดูว่าไข้ลดหรือยัง ลุงแกสะดุ้งแล้วยื่นมือมาจับข้อมือของผมไว้จนผมพลอยตกใจไปด้วย

   “ใคร” เสียงแหบแห้งถามขึ้น

   จะตอบยังไงดีล่ะ ต้องเท้าความกันยาวเลยนะ...

   “ผมแค่ผ่านมาครับ” พูดจบก็ปลดมือแกออกอย่างเบามือ แล้วก้มลงไปแกะมือก้อนหินที่เกาะขากางเกงไว้เพราะมันหลับอยู่ตรงปลายเท้า พอมันสะดุ้งก็ตบหัวเบาๆ ให้มันหลับต่อ แล้วจึงลุกไปตักน้ำพร้อมอธิบายไปด้วย

   “พอดีผมผ่านมาแล้วเห็นลุงล้มอยู่หน้ากระท่อม เลยพากลับเข้ามาพักในกระท่อม ลุงตัวร้อนมากผมเลยให้กินยาแล้วก็เช็ดตัวลดไข้ให้ครับ” ผมเดินกลับมาประคองลุงลุกขึ้นนั่ง แล้วยกกระบวยไปจ่อที่ริมฝีปาก

   “ดื่มน้ำก่อนครับ ค่อยๆ นะครับ ค่อยๆ จิบ เดี๋ยวสำลัก” ลุงแกกินน้ำจนเกือบหมด ก่อนจะดันออก ผมพึมพำขออนุญาตก่อนจะแตะเช็คอุณหภูมิที่หน้าผาก ไข้ลดแล้วนี่นา ดีจัง

   “เข้ามาได้ยังไง?”

   “ก็เดินเข้ามานี่แหละครับ...” ลุงนี่ถามแปลกๆ

   “... ช่างเถอะ ขอบใจเจ้ามากที่ช่วยข้าไว้” หือ... เจ้า – ข้า อะไรของลุง!!

   “เจ้าชื่ออะไร” ผมอึ้งได้สักพักยังไม่ทันได้ตอบคำถามก็เพิ่งสังเกตเห็นว่าลุงแกพูดกับผมแต่สายตาแกมองตรงไปข้างหน้าอย่างเดียว นานๆ ถึงจะกระพริบสักที ผมเลยยกมือโบกไปตรงหน้าแก ก็ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง

   “ลุงตาบอดเหรอครับ”

   “ใช่ ตาข้ามองไม่เห็น” เอ่อ... มันก็อย่างเดียวกันไหมลุง ว่าแต่ลูกหลานก็ใจร้ายใจดำเกินไปละ ทิ้งให้ลุงอยู่คนเดียวกลางป่ากลางเขาแบบนี้ทั้งที่ตาบอด คงลำบากน่าดู น่าสงสารจริงๆ

   “ลุงอยู่คนเดียวเหรอครับ แล้วลูกหลานล่ะ”

   “ใช่ ข้าอยู่คนเดียว ส่วนลูกหลาน... ข้าไม่มีหรอก” ชีวิตรันทดไปอีก ถ้าไม่อยากโดดเดี่ยวแบบลุง เรียนจบผมคงต้องรีบสร้างครอบครัวสินะ

   “แล้วลุงมาอยู่ในป่าได้ยังไง อยู่ที่นี่มานานหรือยังครับ” พอเจอคำถามหลายคำถามลุงก็หัวเราะออกมาเบาๆ แต่ก็ยังตอบอย่างอารมณ์ดี

   “มาได้เพราะชะตากำหนด ส่วนอยู่มานานไหม อืม... ข้าอยู่มานานมากแล้วละ” คำว่านานลากยาวจนผมนึกสงสัยว่ามันนานสักกี่ปีกัน แต่ยิ่งฟังยิ่งงง ชะตาอะไรวะ แถมคำพูดก็ยังแปลกๆ สงสัยนอกจากตาบอดแล้วลุงคงเลอะเลือนหน่อยๆ

   “แล้วลุงไม่ลำบากเหรอครับ ตาก็มองไม่เห็น”

   “ไม่หรอก ถึงสายตาจะมองไม่เห็น แต่ก็ได้สิ่งอื่นมาทดแทน อย่างเช่น... เจ้ามากับใคร... หรือตัวอะไร” ผมชะงักกึก มองหน้าลุงทันที

   “ข้าได้ยินเสียง.. เสียงลมหายใจของอีกหนึ่งชีวิตในนี้” ผมก้มลงมองก้อนหินที่นอนแผ่หลับอยู่ใกล้ๆ

   “เอ่อ... ผมมากับ คือ... ผมก็ไม่รู้ว่ามันคือตัวอะไรครับลุง ผมไม่เคยเห็นมาก่อน”

   “ผมก็อยากจะถามใครสักคนเหมือนกัน ว่าที่นี่มันคือที่ไหนกันแน่ ทำไมมีแต่เรื่องประหลาดๆ สัตว์หน้าตาแปลกๆ อีกอย่างก็อยากจะถามลุงด้วยว่าไอ้ตัวที่มาด้วยเนี่ยมันคือตัวอะไร เผื่อลุงจะรู้จัก เอ่อ ขอโทษครับ ลืมไปว่าลุงมองไม่เห็น”

   “ไม่เป็นไร ไม่ต้องเกรงใจ ยังไงเจ้าก็เข้ามาช่วยเหลือข้าไว้ ชะตาเราคงต้องกัน แต่ก่อนสายตาข้าก็ยังดีอยู่ เดินทางไปทั่ว พบเห็นอะไรมาก็มาก สงสัยอะไรก็ถามมาได้เลย”

   “ที่นี่มันคือที่ไหนครับ” ถามคำถามสำคัญก่อน จะได้รู้ว่าจะหาทางกลับบ้านได้ยังไง

   “ที่นี่คือดินแดนไวเวิร์น”
   .
   .
   .

   “ขอโทษนะครับ ลุงเคยเข้าเมืองไหมครับ”

   “เคยสิ ข้าเคยเดินทางไปทั่วทุกเมืองแล้ว”

   “แล้วลุงรู้จักประเทศไทยไหมครับ”

   “ไม่... ข้าไม่รู้จัก ดินแดนไวเวิร์นมีอาณาจักรแค่สามอาณาจักรใหญ่ๆ คือ อาณาจักรรุค, อาณาจักรบาอัล และอาณาจักรเคลเบรอส ถึงจะมีเมืองเล็กเมืองน้อยแต่ข้าก็รู้จักทุกเมือง เมืองที่เจ้าว่ามาข้าไม่เคยได้ยินมาก่อน”
   .
   .
   .
   ชิบหายแล้ววววว!!! อาณาจักรเชี่ยอะไรไม่เคยได้ยินมาก่อนในชีวิต ประเทศไทยไม่มีชื่อจังหวัดหรืออำเภอแบบนี้แน่ๆ ผมมั่นใจ

   เดินป่าอยู่ประเทศไทยดีๆ แล้วกูมาโผล่ที่ดินแดนไวเวิร์นของลุงได้ยังไง???

   ที่สำคัญ กูจะกลับบ้านได้ยังไงงงงงง!!!

   “เจ้าเป็นอะไรไป ทำไมเงียบ”

   ผมช็อคอยู่ครับ ฮือออออ

   “ละ... ลุงครับ”

   “หืม”

   “คะ... คือว่าผมตกลงมาจากหน้าผาที่ป่าทางทิศใต้ ละ... แล้วก็มาที่นี่ครับ” ถามเองงงเอง ลุงจะงงไหม

   “เป็นไปไม่ได้ ภูเขาทางทิศใต้คือภูเขาไฟไวเวิร์นลูกใหญ่ปล่องอยู่สูงลิบลิ่ว แถมยังเป็นภูเขาไฟที่ภายในยังปะทุอยู่ อากาศแถวนั้นมันร้อนมากจนมนุษย์เข้าใกล้แทบไม่ได้ แม้แต่มังกรยังไม่สามารถขึ้นไปได้ แล้วเจ้าจะขึ้นไปได้ยังไง”
   “ห๊ะ!!!!!!!!!”
   ภูเขาไฟ!!!  = ประเทศไทยไม่มี
   มังกร!!! = โลกเราก็ไม่มี มีแต่ตัวเหี้ย
   ...
   คือเชี่ยอะไรรรรร!!!!

   “ก๊าส” เสียงของผมคงดังไป จนทำให้ก้อนหินตื่นขึ้นมาขยี้ตาแล้วคลานกระดึ๊บๆ มาเกาะขาเอาหัวถูเหมือนเคย หิน มึงเปลี่ยนสปีชีส์เป็นหนอนแล้วเหรอ เดี๋ยวๆ ดิน มึงอย่าเพิ่งนอกเรื่อง

   ก่อนหน้านี้ก็ตงิดๆ อยู่บ้าง เพราะตั้งแต่ที่ฟื้นมาก็มีแต่เรื่องแปลกๆ เกิดขึ้นตลอด ทั้งเรื่องแผล กำแพงอากาศ ทั้งสิงโตควาย ทั้งก้อนหิน แต่ก็ได้แต่หลอกตัวเองว่าคงไม่ใช่ ใครจะคิดว่าจะโผล่มาโลกอื่นล่ะครับ มันแฟนตาซีเกิ๊นนนนน

   แต่ตอนนี้คงต้องยอมรับความจริง ว่าโลกที่เหยียบอยู่นี่มันเป็นคนละโลกกับโลกที่จากมา

   แล้วทีนี้ จะเอายังไงกับชีวิตดี? ได้อิสระมาแบบงงๆ คงต้องตัดสินใจแล้วว่าจะอยู่ในโลกนี้ต่อไป หรือจะหาทางกลับบ้านดี

   เฮ้อ! ลองสำรวจโลกดูลู่ทางก่อนก็แล้วกัน กลับได้ก็กลับ กลับไม่ได้ก็อยู่มันที่นี่แหละ ไหนๆ ก็ไม่มีอะไรต้องห่วงแล้ว ครอบครัวก็ไม่มี ถึงจะเป็นห่วงคุณไฟบ้างแต่ก็คิดว่าท่านทูตกับคุณหญิงคงไม่ปล่อยให้คุณไฟลำบากหรอก ไม่นานคุณไฟก็คงจะทำใจได้และลืมผมไปเอง ยังไงผมก็ไม่ใช่คนสำคัญอะไรสำหรับคุณไฟอยู่แล้วนี่ ก็แค่เด็กในบ้านที่โตมาด้วยกัน

   พอปลงตกก็ผงกหัวหงึกหงักอยู่คนเดียว ก่อนจะชะงักหันไปมองลุงที่นั่งรออย่างใจเย็น

   “ลุงครับ” ลุงเบือนหน้ามามองเลิกคิ้วเป็นเชิงบอกให้พูดต่อได้เลย

   “ผมว่า ผมน่าจะหลุดมาจากโลกอื่น เพราะที่ๆ ผมอยู่มันไม่มีภูเขาไฟ ไม่มีมังกร...” ผมก้มลงมองก้อนหิน พอจะเดาได้ลางๆ ว่ามันเป็นตัวอะไร

   “ถ้าผมจะกลับไปโลกเดิมนี่ มันมีทางจะเป็นไปได้ไหมครับ” ลุงฟังอย่างสงบ ไม่ได้มีทีท่าว่าจะตกใจอะไร เหมือนจะเคยชินกับเรื่องแบบนี้ โหย ลุงสตรองมาก ถ้าเป็นผมนี่คงคิดไปแล้วว่าไอ้นี่ไม่บ้าก็เมา

   “ข้าไม่แน่ใจ นานมาแล้วเคยมีคนผ่านมาและถามข้าแบบนี้เหมือนกัน ข้าแนะนำให้เข้าไปในเมือง เพื่อไปถามปราชญ์ของอาณาจักร เผื่อจะได้คำตอบบ้าง แล้วก็เจอเจ้านี่แหละมาถามเป็นรายที่สอง”

   ปราชญ์อาณาจักร คือ ตัวอะไรวะ

   “แสดงว่าผมต้องเข้าไปในเมืองใช่ไหมครับ”

   “ใช่”

   “แล้วลุงรู้ไหมครับว่าทางเข้าเมืองไปทางไหน”

   “อืม ถ้าจะเข้าเมือง ต้องเดินไปทางทิศเหนือเรื่อยๆ หรือไม่ก็เดินเลียบแม่น้ำไปเรื่อยๆ ก็จะพบกับอาณาจักรเคลเบรอสซึ่งอยู่ใกล้กับชายป่าที่สุด”

   “แล้วลุงพอจะรู้ไหมครับว่าตัวที่มากับผมนี่มันคือตัวอะไร” ผมบรรยายลักษณะของก้อนหินให้ฟัง ถึงจะพอเดาได้ แต่เพื่อความมั่นใจก็เลยลองถามอีกที

   “อ้อ... มันคือลูกมังกร ว่าแต่เมื่อครู่เจ้าบอกว่ามันมีสีอะไรนะ ข้าฟังไม่ถนัด” ผมถอนหายใจ กะแล้วว่าต้องใช่

   “สีเขียวครับลุง สีเขียวคล้ายๆ มรกต” ลุงอึ้งไปสักพัก พึมพำชะตาๆ อะไรสักอย่าง ก่อนจะถอนหายใจบ้าง

   “ถ้าจะออกไปข้างนอก เจ้าต้องหาอะไรปกปิดสีของมันหน่อย เพื่อความปลอดภัยของมันและตัวเจ้าเอง ต้นไม้ใหญ่หน้ากระท่อม เปลือกของมันสามารถเคี่ยวเป็นสีดำได้ เจ้าไปเลาะออกมาเคี่ยวแล้วทาให้มัน อ้อ... อย่าถามถึงสาเหตุ เพราะข้าบอกไม่ได้ รู้ไว้แค่ว่า ข้าหวังดีจากใจจริง เจ้าแค่ทำตามแค่นั้นก็พอ” จากที่จะเอ่ยปากถามก็เลยต้องหุบลงอย่างอัตโนมัติ เอาเถอะ เชื่อไว้ไม่เสียหาย ทำตามก็ไม่ใช่เรื่องลำบากอะไร

   “เจ้าสนใจจะเรียนเรื่องสมุนไพรไหม ข้าพอจะมีความรู้อยู่บ้าง ข้าอยากจะตอบแทนที่ช่วยข้าไว้ ถ้ามีความรู้ติดตัวจะได้ไม่ลำบาก”

   อืม... ไม่ได้เรียนสัตวแพทย์ เรียนสมุนไพรศาสตร์แทนก็ได้วะ

   “ก็ดีเหมือนกันครับ งั้นผมรบกวนด้วยนะครับ”

   “ถ้าอย่างนั้นก็พักอยู่ที่นี่ไปก่อนก็แล้วกัน ถ้าเจ้าเรียนรู้จนพอใจแล้วค่อยเดินทางต่อ”

   “ขอบคุณครับลุง” ผมยกมือไหว้ลุง ถึงลุงจะมองไม่เห็นก็เถอะ

   “อ้อ... คุยกันมาตั้งนาน ผมลืมตอบคำถามลุงไปเลย ผมชื่อก้อนดิน เรียกดินก็ได้ครับ ส่วนมังกรที่มาด้วยผมตั้งชื่อให้ว่าก้อนหิน แล้วลุงชื่ออะไรครับ”

   “ข้าชื่อเซเรส”

   พอตกลงกันได้และทำความรู้จักกันเรียบร้อยแล้ว ผมก็ให้ลุงพักผ่อน ส่วนผมกับก้อนหินก็ไปหาปลามาย่าง เมื่อปลาสุกก็แกะเนื้อใส่ชามไปให้ลุงกิน แล้วให้กินยาเพื่อกันไม่ให้ไข้กลับ ก่อนจะหลับลุงก็สอนวิธีการเคี่ยวเอาสีจากเปลือกไม้พร้อมให้พู่กันมาหนึ่งอัน

   หลังกินปลาจนอิ่มทั้งคู่ ผมก็เอามีดไปแซะเปลือกต้นไม้มาใส่น้ำต้มแล้วเคี่ยวไปเรื่อยๆ กลิ่นมันหอมคล้ายกลิ่นไม้กฤษณา ผมเคี่ยวจนได้สีดำสนิทก็ปล่อยไว้ให้เย็นตามคำแนะนำของลุง แล้วไปตัดกระบอกไม้ไผ่ที่เจอแถวหลังกระท่อมมาใส่ไว้

   ผมเอาพู่กันมาจุ่มแล้วเริ่มต้นทาสีให้กับก้อนหินที่มองดูอย่างสนใจและนั่งนิ่งๆ ให้ทาแต่โดยดี ลุงเซเรสบอกว่าสีของเปลือกไว้ชนิดนี้ไม่เป็นอันตรายกับก้อนหิน สีมันจะติดทนนานอยู่ได้เป็นเดือนกว่าจะจาง แถมยังทนน้ำอีกด้วย จะเช็ดออกก็ต่อเมื่อใช้น้ำมันที่สกัดจากดอกสโนว์ฟ็อกซ์ ซึ่งเป็นดอกไม้หายาก เนื่องจากมันจะขึ้นอยู่เฉพาะตีนภูเขาไฟไวเวิร์นในช่วงฤดูหนาวจัดเท่านั้น

   ทาเสร็จผมก็เคียงคอมองสภาพก้อนหินเวอร์ชั่นเปลี่ยนสี ฝีมือดีเหมือนกันนี่หว่า มองแล้วก็นั่งหัวเราะอยู่คนเดียว อย่างฮาอ่ะ ฮ่าๆๆๆๆๆ จากสีเขียวสดใสเหมือนแมลงทับ กลายเป็นสีดำปี๋ เหลือแต่ลูกกะตากับฟัน กร๊ากกกก ก้อนหินเอียงคอมองผมหัวเราะ ก่อนจะกระโดดพุ่งมากอดแล้วเอาหัวถูแรงๆ เหมือนจะเอาคืน ผมเลยจับมันฟัดด้วยความเอ็นดู

   ตอนเย็นๆ หลังจากทำกินข้าวกินปลาเสร็จ (เรียกให้มันดูดีไปงั้นแหละครับ ที่จริงกินปลาอย่างเดียวกับผลไม้นิดหน่อย) ลุงก็เริ่มเอาตำราสมุนไพรมาสอนผม ลุงบอกว่ามันเป็นตำราสมุนไพรที่ลุงเขียนขึ้นระหว่างที่เดินทางศึกษาสมุนไพรในแต่ละอาณาจักรก่อนที่ตาจะบอด พอถามถึงสาเหตุที่ตาบอด ลุงก็แค่ยิ้มให้แต่ไม่ตอบ ผมเลยไม่กล้าซักไซ้ เพราะแต่ละคนก็คงมีเรื่องราวที่บอกใครไม่ได้ ดึกๆ อากาศเริ่มเย็น ตาผมก็เริ่มปรือจะหลับมิหลับแหล่

   “สิ่งที่ใช้เป็นยารักษาโรคที่ดีที่สุดและใช้แก้พิษได้ดีที่สุดก็คือ...” แล้วร่างกายผมก็ปิดสวิตช์ไป โดยไม่ทันได้ฟังท้ายประโยค และไม่ได้เห็นว่าลุงเซเรสกำลังจ้องไปยังก้อนหินเขม็งเหมือนกับตั้งใจจะบอกประโยคนั้นกับก้อนหินโดยตรง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-03-2017 09:44:02 โดย maneethewa »

ออฟไลน์ maneethewa

  • มณีเทวา
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 184
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1
    • Maneethewa - มณีเทวา
Part ปลาย


   ผมอยู่เรียนสมุนไพรกับลุงเซเรสเกือบสองเดือนแล้ว มีความสุขกับการใช้ชีวิตสบายๆ จนอยากจะอยู่ที่นี่ให้รู้แล้วรู้รอด แต่ความที่อยู่ในวัยอยากรู้อยากเห็น ยิ่งฟังประสบการณ์การท่องเที่ยวของลุงเซเรสก็ทำให้อยากออกผจญภัยดูสักที ถ้าหาทางกลับบ้านไม่ได้ ค่อยกลับมาอยู่กับลุงเซเรสที่นี่ก็ได้

   ลุงเซเรสความจำดีมาก แม้ว่าตาจะบอด แต่ยังสามารถจดจำลักษณะสมุนไพรและสูตรของยาแต่ละขนานในสมุดแต่ละหน้าได้อย่างแม่นยำ ภาพวาดในสมุดก็สวยงามชัดเจน สรรพคุณข้อดี-ข้อเสียก็ละเอียด แถมยังมีอารมณ์ขัน ทำให้การเรียนแต่ละวันเป็นไปอย่างไม่น่าเบื่อ

   ถ้าเดินออกไปนี่สามารถบอกได้เลยว่าพืชชนิดไหนใช้สำหรับรักษา ชนิดไหนเป็นพิษ และชนิดไหนเป็นยาแก้พิษ พอเรียนในสมุดจบแต่ละเล่ม ลุงก็พาเดินออกไปข้างนอก เพื่อเรียนรู้จากของจริงที่อยู่รอบๆ กระท่อม เรียนเสร็จก็ทวนและมีการสอบ ซึ่งครั้งนี้เป็นการสอบบทเรียนสุดท้าย ผมนั่งตัวเกร็งลุ้นผลจากลุงอย่างตื่นเต้น

   “ผ่าน”

   “เยส” ผมร้องอย่างดีใจ จับมือก้อนหินที่นั่งอยู่บนตักปรบมือเปาะแปะ

   “เจ้าเก่งมาก ข้าขอชื่นชมจากใจจริง เอาละความรู้เรื่องสมุนไพรข้าก็ถ่ายทอดให้เจ้าจนหมดไส้หมดพุงแล้ว วิชาการต่อสู้ที่มีติดตัวก็สอนเจ้าหมดจนไม่มีอะไรจะสอนอีก คราวนี้เจ้าก็ออกไปผจญในโลกภายนอกได้แล้ว”

   ผมจับก้อนหินลงจากตัก แล้วลุกไปก้มลงกราบตักลุงด้วยความขอบคุณและเคารพ

   “ขอบคุณลุงมากนะครับ” ลุงเซเรสลูบหัวผมอย่างอ่อนโยน จนผมน้ำตารื้น อยู่ด้วยกันมาจนผูกพัน แค่นึกว่าจะต้องจากไปก็ทั้งใจหายและเป็นห่วง

   “ผมอยู่กับลุงเลยได้ไหม”

   “ฮ่าๆๆ เจ้ายังหนุ่ม ยังมีอนาคตอีกไกล จะมาจมปลักอะไรอยู่ในป่าแบบคนแก่อย่างข้าเล่า”

   “ก็ผมเป็นห่วงลุงนี่นา” ผมบ่นงึมงำ

   “ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกน่า ข้าดูแลตัวเองได้” แล้วที่เป็นลมอยู่หน้ากระท่อมคืออะไร

   “เออใช่! ลุงไปกับผมไหมครับ เราเดินทางท่องเที่ยวไปเรื่อยๆ ค่ำไหนนอนนั่นไม่ต้องรีบร้อน ไปผจญภัยอีกรอบไงครับลุง” ผมชวนด้วยความตื่นเต้น ลุงเพียงหัวเราะขำๆ แล้วถอนหายใจ

   “ข้าแก่แล้ว หมดไฟจะเดินทางแล้วละ ไปก็รังแต่จะเป็นภาระให้กับเจ้า อีกอย่างข้ามีหน้าที่ของข้าและที่นี่คือที่ๆ ข้าต้องอยู่” ผมมองลุงงงๆ ในป่าเนี่ยนะ

   “แต่...”

   “ไม่ต้องมาแต่ เชื่อข้าเถอะ ถึงเวลาที่เจ้าต้องออกไปข้างนอกแล้ว ไม่ต้องเป็นห่วง เราจะได้พบกันอีกครั้งอย่างแน่นอน ไปๆ ไปเก็บของเตรียมตัวได้แล้ว พรุ่งนี้จะได้เดินทางแต่เช้าอากาศจะได้ไม่ร้อน”

   “โหยยยย ลุง จะรีบไล่ผมไปไหนเนี่ย ผมชักจะน้อยใจแล้วนะ” แทนที่จะปลอบ ลุงกลับเอื้อมมือมายีหัวผมเล่นเหมือนมองเห็นแล้วหัวเราะชอบใจ โธ่! ใครๆ ก็ไม่รักก้อนดิน! ผมจับก้อนหินมากอดแก้ช้ำใจ มันก็ไม่ทำให้ผิดหวังกอดกลับแถมเอาหัวถูออดอ้อนจนผมอดจะหัวเราะไม่ได้

   หลังจากกินมื้อเย็นเสร็จ ปกติเราจะทบทวนบทเรียนกันแล้วก็เข้าไปนอนแต่หัวค่ำตามความเคยชิน แต่วันนี้ผมกับลุงนั่งหาเรื่องมาคุยกันต่อจนดึกดื่น เหมือนกับว่าต่างคนต่างไม่อยากจะให้ถึงพรุ่งนี้เช้า แต่ก็ต้องจำต้องกลับไปนอน เพราะสงสารลุงที่เริ่มจะออกอาการอ่อนเพลียให้เห็น


   รุ่งเช้าผมทำเป็นเดินวนไปวนมาเก็บของไปเรื่อยๆ จนลุงเซเรสส่ายหัว

   “ดิน พอเถอะ ข้าเวียนหัว เก็บเสร็จแล้วก็เลิกเดินวนซะที” ลุงมองไม่เห็น ลุงจะเวียนหัวได้ยังไง

   “โธ่! ลุงอ่ะ... ก็ผมยังไม่อยากไปนี่ครับ” นี่ถ้าเป็นเด็กๆ จะลงไปนอนดิ้นแล้วร้องไม่ไป๊ ไม่ไปจริงๆ ด้วย ลุงก็เอาแต่หัวเราะขำจนผมเบ้ปาก

   “มานี่มา” ผมกระดิกหางไปหา เอ๊ย! เดินไปหาแล้วทรุดตัวลงนั่งข้างๆ เตียงลุง ลุงก็เอามือวางบนหัวแล้วลูบเหมือนที่ผมชอบลูบก้อนหินเดี๊ยะ

   “ยื่นมือมาสิ” ลุงหยิบสิ่งของที่วางไว้ข้างหมอนมา พอผมยื่นมือให้ลุงก็เอาใส่ข้อมือแล้วรูดจนเงื่อนมันมาชนกัน มันคือสร้อยข้อมือที่ถักขึ้นมาจากรากของม่านบาหลีสีน้ำตาลเข้ม ก่อนจะขยับไปที่หัวเตียงแล้วยื่นดาบที่อยู่ในฝักไม้สีดำสนิทให้ผมหนึ่งด้าม บอกว่าให้พกไว้ป้องกันตัว ผมก้มลงกราบลงที่ตักของลุงอีกครั้ง ทั้งรู้สึกใจหายและซาบซึ้งจนอยากจะร้องไห้

   “ขอให้เจ้าปลอดภัยจากอันตรายทั้งปวง”

   “สาธุ” ผมยกมือขึ้นพนมรับพรจากลุง นอกจากลุงเซเรสจะเป็นครูคนแรกในโลกใบนี้ ในใจผมยังยกให้ลุงเป็นญาติผู้ใหญ่ที่ผมนับถืออีกคนด้วย

   “ผมขอให้ลุงสุขภาพแข็งแรงเหมือนกันนะครับ” ลุงยิ้มให้อย่างอ่อนโยน รู้สึกเหมือนจะเห็นน้ำตารื้นขึ้นมาครู่หนึ่งก่อนจะจางหายไป

   “ได้เวลาแล้ว ไปเถอะ” ผมยกเป้ขึ้นสะพายแล้วเดินออกจากกระท่อมไป ลุงลุกขึ้นมายืนส่งอยู่หน้ากระท่อม

   “แล้วผมจะกลับมาเยี่ยมนะครับ” ผมโบกมือให้ลุงทั้งๆ ที่รู้ว่าลุงมองไม่เห็น ยืนมองทุกอย่างเพื่อเก็บไว้ในความทรงจำอย่างอาลัยอาวรณ์สักพักก็ตัดใจหันหลังออกมา เดินมาได้ไม่กี่ก้าวก็อดใจไม่ไหวกันหลังกลับไปมองอีกครั้ง แต่ภาพที่อยู่ตรงหน้ามันทำให้รู้สึกว่าเลือดในกายเย็นเฉียบ

   “ไม่...”

   ณ ที่ๆ ผมเพิ่งก้าวจากมาไม่กี่ก้าว เป็นเพียงป่ารกชัฏ ไม่มีร่องรอยว่าเคยมีกระท่อมมาก่อน ต้นไม้ต้นใหญ่ที่คลุมด้วยม่านบาหลีก็หายไป เหลือเพียงบึงน้ำที่ทอดไหลเอื่อยๆ ทอดยาวเป็นลำธารอยู่เช่นเดิม

   “ไม่จริง!!! ลุง ลุงครับ ลุงเซเรส ไม่เอาแบบนี้สิ ลุงงงงงงงง!!!!” ผมก้าวกลับไปร้องเรียกลุงอย่างใจเสีย น้ำตาไหลออกมาอย่างไม่รู้ตัว ก้อนหินวิ่งตามมาร้องเหมือนจะช่วยเรียก พอเห็นผมทรุดตัวลงร้องไห้ มันก็มากอดแล้วเอาหัวถูเหมือนอยากจะปลอบใจ ผมคว้ามันมากอดเพื่อความอุ่นใจว่ามันจะไม่หายไปไหน สายตาสะดุดกับสร้อยข้อมือที่ลุงให้มา ก่อนจะนึกถึงคำที่ลุงเคยพูดไว้ เลยเช็ดน้ำตาแล้วลุกขึ้น ผมหันไปมองจุดที่เคยเป็นกระท่อมหลังเดิม

   ลาก่อน แต่ไม่ลาขาดอย่างแน่นอน

   แล้วเราจะพบกันใหม่

   ลุงสัญญาแล้วนะ

*************************************************
ปล. ชื่อดอกไม้เป็นชื่อสมมุตินะคะ

น่าจะเปลี่ยนชื่อเรื่องเป็น ก้อนดินอินเดอะวันเดอร์แลนด์ ฮ่าๆๆ

ช่วงนี้อีไม่เว้นท์เยอะมากค่ะ ถถถ เดินสายกันหูตูบ เหนื่อยโฮก แถมยังตัน อันนี้แหละสำคัญ ติดกับชื่อตัวละครและชื่อเมืองด้วย คิดไม่ออกจริงๆ

   เคยไหมคะ ที่คุยและเจอกับคุณตาคุณยายบางคนบ่อยๆ แล้วรู้สึกผูกพันทั้งๆ ที่ไม่ใช่ญาติและไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันสักนิด เวลาจากกันก็อดจะใจหายไม่ได้ค่ะ ยิ่งหายไปต่อหน้าต่อตาแบบลุงเซเรสนี่ยิ่งน่ากลัวเข้าไปใหญ่ กลัวความไม่แน่นอนของโลก กลัวว่าจะไม่มีโอกาสได้เจอกันอีก

   สาเหตุที่ได้พล็อตเรื่องนี้มาเพราะอยากเลี้ยงหมาค่ะ อยากเลี้ยงอ่ะอยากเลี้ยงงงง แต่อยู่หอมันเลี้ยงไม่ได้ T T บวกกับอยากไปเที่ยวมากๆ แต่ไตเอาไปเปย์วายหมดแล้ว ถถถ งั้นเลี้ยงหมากับเที่ยวในจินตนาการแทนแล้วกันค่ะ เชอะ!  (มันเกี่ยวกันไหม ไม่รู้ แต่มันทำให้เกิดก้อนหินขึ้นมาค่ะ แหะๆ เพราะฉะนั้น ก้อนหืนคือตัวเอกที่แท้จริง โหะๆ)  #รักก้อนหิน #รักคนอ่าน #รักคนเม้นท์มากกว่านิดหน่อย 5555


#Melonlove  :mew1: :mew1: :mew1: คืนค่ะ ขอบคุณที่แวะมาอ่านและเม้นท์นะคะ ให้มาให้กลับ ไม่โกงค่ะ 5555
#B52  :L2: :L2: :L2: ขอบคุณที่แวะมาให้กำลังใจอีกค่า
#sirin_chadada ก้อนดินมันบ้าเหมือนคนแต่งค่ะ 555 อยากแต่งอะไรเป็นการคลายเครียด (แต่ดันเครียดกว่าเดิมตอนคิดไม่ออก ถถถ) เจอคนคุยด้วยได้แล้วนะคะ
#rivayu ขอบคุณสำหรับกำลังใจค่า

:pig4: :pig4: :pig4: :L1: :L1: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
อืมม................ชอบมากกกกกก  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
มาต่อไวๆนะ
แล้วจะได้กลับมาโลกปัจจุบันเมื่อไหร่  :katai1:
คุณไฟ เหี่ยวแห้งแน่
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-04-2017 16:05:36 โดย ♥►MAGNOLIA◄♥ »

ออฟไลน์ Kei

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
แฟนตาซีมากกกก รอพระเอกโผล่อิอิ

ออฟไลน์ Chise

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
อ่านเรื่องแล้วชอบก้อนหินมากก น่ารักมากกอยากเลี้ยงบ้างจริงๆ
หนูก้อนดินสำคัญตัวเองน้อยเกิน แอบสงสารคุณไฟเลยจะได้เจอกันอีกไหมนะ
เป็นกำลังใจให้คนแต่ง มาต่อไวๆนะคะ

ออฟไลน์ suikajang

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 813
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
ป่านพ่อไฟจะเป็นเช่นไรน้อ ทางนี้ก็มีลูกรักแล้วนะรอพ่อมาครบพอดี พ่อ แม่ ลูกมักร  :impress2:
 :katai2-1: สนุกมากคะ รอตอนต่อไป ลุ้นกันต่อไป นี้แค่เริ่มต้นยังขนาดนี้ต่อไปจะยังไงเนี้ย
ลุงเซเรสก็ทิ้งปริศนาไว้อีก โอ๊ย....อยากรู้ๆ มาต่อเร็วๆ นะคะ  :mew1:
ปล.ให้ก้อนหินจัดการขุ่นแม่ใจร้ายด้วยนะ หุหุ  :z6:

ออฟไลน์ prangasia

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 19
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
ก่อนอ่านบทนี้เราก็คิดอยู่... หรือว่าก้อนหินคือเจ้าชายที่ถูกสาปให้มาอยู่ในไข่มังกรเมื่อเจอรักแท้แล้วจึงจะได้กลับมาเป็นเจ้าชายดังเดิม... กร๊าก (หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง) พล็อตคุ้น ๆ นะ ฮา

ออฟไลน์ DeShiWa

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4332
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-9
เรื่องน่าสนใจมากๆ

ชอบนิสัยของนายเอก

ชอบมังกรน้อยมากๆเลย

คงน่ารักน่าดูเจ้าก้อนหินน้อย


ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :L2: :pig4:

โหววว สนุกนะ เพิ่งเขามาอ่าน
ชอบๆ

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8896
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ Zetnezz

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0

ออฟไลน์ maneethewa

  • มณีเทวา
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 184
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1
    • Maneethewa - มณีเทวา
บทที่ 8 แก๊งทวงหนี้
[/b]
   
   “การเดินทางของกูและมึงคือการเรียนรู้ การเรียนรู้ของเราสองตัวคือความเข้าใจ มึงเข้าใจแต่กูนั้นไม่ แต่ทำให้กูมั่นจายยยยยยย ว่ากูงงงงงงงง”

   ผมนั่งแช่เท้าในลำธารเล่นระหว่างที่รอก้อนหินเล่นน้ำ เด็กกับน้ำนี่คู่กันจริงๆ ครับไม่ว่าเด็กมนุษย์หรือเด็กสัตว์ เอ๊ะ! หรือสัตว์เด็ก? ช่างมันเถอะ เอาเป็นว่าเด็กๆ นี่เจอน้ำเป็นไม่ได้ เล่นได้ทั้งวี่ทั้งวัน อย่างก้อนหินนี่ปล่อยให้เล่นน้ำทีไร ถ้าไม่เรียกก็ไม่ยอมขึ้น ดำผุดดำว่ายอยู่นั่นแหละ ไม่รู้ว่าบรรพบุรุษมันเป็นปลาด้วยรึไง เล่นไปก็หันมามองไป คลาดสายตาไม่ได้ ขนาดจะไปฉี่ยังขึ้นจากน้ำแล้วตามไปเฝ้าเลย มึงไม่คิดว่ากูจะอายเลยใช่ไหม ป่านนี้แล้วยังไม่วางใจอีก ถึงตอนนี้ใครจับเราแยกผมคงไม่ยอมแล้วครับ ทั้งรักทั้งเอ็นดูมันขนาดนี้ ถ้ามีผมคงต้องลองสู้ดูสักตั้ง

   พอได้ยินเสียงผมร้องเพลงมันก็โผล่หัวขึ้นมาจากน้ำ แต่โผล่มาแค่หัวกับลูกกะตาจนผมขำ

   “เหมือนตัวเหี้ย เอ๊ย! เหมือนจระเข้มากหิน เล่นอะไรของมึง เสียงกูเพราะจนต้องขึ้นมาฟังเลยสิท่า” มันไม่ตอบแต่ทิ้งตัวหงายท้องนิ่งๆ แทน

   กวนตีน!!!

   ผมหันซ้ายหันขวาพอเจอพุ่มผลไม้ที่อยู่ข้างๆ ก็รูดผลไม้ออกมากำไว้แล้วหยิบมาลูกหนึ่งโยนใส่พุงมัน มันประท้วงขึ้นมาทันที

   “ก๊าส” ร้องเสร็จก็พลิกตัวคว่ำลงแล้วลอยคอรอ พอโยนไปอีกลูกก็กระโดดงับแล้วเคี้ยวตุ้ยๆ ถึงหน้ามันจะดูนิ่งๆ เหมือนเดิม แต่ทำไมผมถึงรู้สึกว่ามันกำลังกวนตีนผมอยู่นะ เลยโยนให้มันแรงขึ้นจนแทบจะเป็นปา แต่มันก็กระโดดงับได้ทุกลูก...... สนุกนะมึง

   กูจะแกล้งมึงไม่ได้จะให้อาหารเว้ยยยย!!!

   และแล้วสงครามผลไม้ก็เริ่มขึ้น


   และจบลงที่มันอิ่ม ส่วนผมเมื่อยมือมากกกกก....

   ความยุติธรรมอยู่ที่ไหน? T T

   พอเล่นกันเสร็จ? ก้อนหินก็มุดไปจับปลามาให้เหมือนจะเป็นการง้อขอสงบศึก ซึ่งผมก็ยอมรับของบรรณาการแต่โดยดี
ตั้งแต่ออกจากกระท่อมลุงเซเรสมา ผมใช้ชีวิตแบบเรื่อยเปื่อยยิ่งกว่าตอนที่ยังไม่รู้ว่าหลงมาโลกอื่นซะอีก จะเครียดไปทำไมให้เสียเวลาเปล่า อะไรที่ทำแล้วมีความสุขก็ทำซะตั้งแต่มีโอกาสทำจะดีกว่า ไม่ใช่ว่าใครจะหลงมาได้ง่ายๆ นี่ครับ ที่เราหลงมาอาจจะเป็นเพราะโชคชะตาน่าจะมีเหตุผลในตัวของมันก็ได้ ยังไงเป้าหมายชีวิตของผมก็คือใช้ชีวิตให้คุ้มค่าและมีความสุขที่สุดเท่านั้นเอง ถึงจะย้ายมาโลกใบใหม่ ก็ยังคงใช้เป้าหมายเดิมได้ ไม่ยุ่งยากอะไร

   ว่าแล้วก็กินปลาต่อ ปลาอะไรไม่รู้อร่อยจริงๆ ...

   “แดกเข้าไปเยอะๆ นะหิน เค้าว่าแดกปลาเยอะๆ แล้วจะฉลาด”

   “ก๊าส” เห็นไหมมีรับคำด้วย นี่แหละอานิสงค์ของการแดกปลา ห่วงอยู่อย่างเดียว กลัวว่ามันจะเป็นพยาธิก่อนจะฉลาดนี่สิ เล่นแดกแต่ปลาดิบๆ

   กรรม!!!

   กินกันอิ่มแล้วก็ชวนก้อนหินไปนอนผึ่งพุงใต้ร่มไม้ หนังท้องตึงๆ ลมพัดเย็นๆ ก็เริ่มตาปรือกันทั้งคู่ ของีบสักนิดก่อนแล้วกันค่อยเดินทางต่อ ผมไม่รีบบบบ

   ฮ้าววววว!!! ฝันดีครับ
   



   เคร้งงงงงง!!!!!

   เสียงกระทบกันของโลหะและเสียงเหมือนคนตีกันทำให้ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมา พร้อมกับก้อนหินที่ผวาตื่นขึ้นมาด้วย

   “ชู่ววววว” ผมปลอบมัน แล้วทำท่าบอกให้มันเงียบๆ ก่อนจะเงี่ยหูฟัง ต้นเสียงเหมือนจะอยู่ไม่ไกลนี่เอง นี่มันเรื่องอะไรอีกวะ เสียงการต่อสู้แบบนี้น่าจะเป็นของมนุษย์ เอ แต่ถ้าเป็นที่นี่มันก็ไม่แน่ อาจจะเป็นสัตว์ชนิดใดชนิดหนึ่งตีกันก็ได้ เจอแต่เรื่องแปลกๆ จนถ้าเจอหมูบินได้ผมก็คงไม่แปลกใจสักเท่าไหร่ แต่เพื่อให้หายข้องใจ คงต้องไปแอบดูสักหน่อย จะได้หาทางหนีทีไล่ทัน อีกอย่างความอยากรู้อยากเห็นมันเป็นสันดานของมนุษย์อยู่แล้วครับ อย่าบอกนะว่าคุณไม่เป็น...

   ผมหยิบหยิบเป้ขึ้นสะพาย ถือดาบไว้แล้วค่อยๆ เดินไปทางต้นเสียงอย่างเบาตีนที่สุด โดยมีก้อนหินเดินเลียนแบบตามมาติดๆ

   เดินไปไม่ถึงร้อยเมตรผมก็แอบหลบตรงพุ่มไม้หนาทึบที่ห่างไกลจากมนุษย์? รึเปล่าไม่แน่ใจ? เพราะเล่นใส่เสื้อคลุมยันหัวทั้งๆ ที่แดดเปรี้ยงๆ ขนาดนี้ ร้อนตายห่าเลย คิดได้ไงวะ?

   จากการสังเกตในระยะปลอดภัย คือ อยู่ไกลพอจะมั่นใจว่าพวกมันจะไม่เห็นผมแน่ๆ ใครจะกล้าเข้าใกล้สุ่มสี่สุ่มห้าล่ะครับ อาวุธมีตาที่ไหน เผลอๆ อาจจะตายโดยไม่รู้ตัวก็ได้ เพราะฉะนั้นปลอดภัยไว้ก่อน

   เท่าที่ดูจากเหตุการณ์ตรงหน้า ดูท่าจะเป็นหมาหมู่ เพราะมีสิ่งมีชีวิตอยู่ 4 ชีวิต กำลังพยายามรุมสิ่งมีชีวิตแค่ 1 ชีวิต เอ่อ...ขอเรียกแทนว่าคนไปก่อนแล้วกันครับ ยิ่งบรรยายผมยิ่งงง ที่บอกว่า พยายาม คือคนที่รุมแทบจะรับมือกับคนๆ เดียวไม่ได้นี่แหละครับ คนที่โดนรุมอยู่นั่นทั้งตั้งรับทั้งตอบโต้กลับได้อย่างรวดเร็ว แม่ง! โคตรเทพ!!!!

   ผมหยิบอาวุธที่เพิ่งทำเสร็จมาถือไว้ หยิบลูกกระสุนที่บรรจงปั้นจนได้ขนาดตากแดดจนได้ที่มาเตรียมพร้อมอย่างเต็มที่
ใช่แล้วครับมันคือหนังสติ๊กที่ผมทำไว้ตั้งแต่ตอนที่อยู่กระท่อมลุงเซเรส สงสัยใช่ไหมล่ะว่าผมจะเก็บดาบไว้ทำไม เอ่อ ดูจากฝีมือของสิ่งมีชีวิตที่อยู่ตรงหน้านี่ถ้าสู้ระยะประชิด ผมคงตายห่าตั้งแต่ยังไม่ทันได้ดึงดาบออกจากฝักแน่นอน ฝีมือมันต่างชั้นกันเกินไป ต่อให้สู้กับหนึ่งในนั้นแค่คนเดียวยังไม่มั่นใจว่าจะเอาตัวรอดได้รึเปล่าเลย นี่มาเป็นฝูง คงได้ตายก่อนได้เจอตัวจอมปราชญ์ที่ลุงเซเรสบอกมาแน่ๆ

   ระหว่างที่ซุ่มดูก็อดจะลุ้นให้คนที่โดนรุมชนะไม่ได้ ถึงจะไม่รู้ว่าใครดีใครร้าย แต่ก็อดจะเข้าข้างฝ่ายที่โดนรุมอยู่คนเดียวไม่ได้อยู่ดี คนดีๆ ที่ไหนเค้ารุมคนอื่นกัน ลูกผู้ชายมันต้องตัว - ตัวสิ ถึงจะเจ๋ง!!!

   แต่สู้ๆ ไปความอ่อนล้าคงทำให้มีช่องโหว่ ฝั่งที่รุมได้โอกาสเงื้อดาบจะฟันพี่โคตรเทพของผม? ผมเลยเผลอง้างหนังสติ๊กยิงเข้าไปปัดมือที่ถือดาบจนคนฟันพลาดไป

   ชิบ!!!!

   หาย!!!!

   แล้วววว!!!!

   มือไปไวกว่าสมองอีกแล้วกู!!!!

   ตอนนี้มันคงรู้ที่ซ่อนผมแล้ว เผ่นสิครับรออะไร???

   ผมคว้าก้อนหินขึ้นมาแต่ยังไม่ทันได้ไปถึงไหน ก็ได้ยินเสียงวืดจากด้านหลัง จึงกระโดดหลบโดยสัญชาตญาณทำให้พ้นจากดาบที่ฟันลงมาอย่างเฉียดฉิว โอ๊ย!!! กูเสียวววววว

   ผมหันกลับมาประจันหน้าไอ้ตัวที่แตกฝูงมา รีบยกฝักดาบขึ้นรับดาบที่ฟันตามมาติดๆ อ๊ากกกกกก!!!!! ไอ้นี่ก็อีกตัว กูไม่รู้จักมึง มึงมาทำร้ายกูทำม๊ายยยย!!! แค่ยิงหนังสติ๊กใส่ ถึงกับต้องฆ่าต้องแกงกันเลยเหรออออ

   ปกติผมกินแล้วจ่าย แต่ตอนนี้ผมอยากชักดาบมากเลย....

   โอ๊ย!!! มึงให้โอกาสกูตั้งตัวก่อนได้ไหมสัด!!! ผมได้แต่ใช้ฝักดาบรับดาบที่ฟันมาอย่างหนักหน่วง มีก้อนหินกางเล็บมาช่วยรับอีกแรง แต่ฝีมือกับแรงมันต่างกันมาก รับได้ไม่กี่ครั้งก็เสียหลักล้มลง มันเงื้อดาบขึ้นจะฟันซ้ำ ผมจับก้อนหินซุกอกแล้วก้มตัวกอดป้องกันตัวมันไว้แล้วหลับตายอมรับความเจ็บปวด

   เคร้งงง!!!

   ผมเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นพี่เทพมารับดาบไว้ ถึงจะไม่เห็นหน้า เพราะพี่แม่งคลุมตั้งแต่หัวจรดหาง เลยไม่รู้ว่าพี่หล่อไหม แต่ใจพี่หล่อมากกกกก ว่าแล้วก็กระถดตัวหนีจากรัศมีดาบ แล้วทั้งคู่ก็ต่อสู้กันต่ออย่างดุเดือด พอหันไปหาพวกที่เหลือก็พบว่ามีคู่มาสู้ด้วยตัวต่อตัวซะแล้ว นอกจากนี้ยังมีเหลืออีกคนหนึ่งที่ยืนกอดอกพิงต้นไม้ดูสบายๆ ชิลล์ไปไหมพี่

   พอสู้กันแบบนี้ฝั่งพี่เทพก็เริ่มได้เปรียบ สักพักก็จัดการจับหมาหมู่ทั้งสี่มัดแล้วมาโยนรวมกันได้ แล้วทั้งห้าก็มายืนล้อมไว้ โดยมีผมยืนมองตาปริบๆ อยู่วงนอกแล้วหาจังหวะเตรียมเผ่น

   คนที่ตัวเตี้ยที่สุดในกลุ่มเดินไปกระชากผ้าคลุมของคนที่จับได้ออก มนุษย์จริงๆ ด้วยแฮะ

   “ไม่ใช่คนอาณาจักรเรา” เสียงเย็นๆ ของคนที่สูงเป็นอันดับสองในกลุ่มพี่เทพพูดขึ้น

   “ใครส่งพวกเจ้ามา” คนที่ตัวใหญ่ที่สุดถาม ต่อไปผมขอเรียกพี่หนึ่ง เรียงตามลำดับความสูงแล้วกันครับ ไม่งั้นงงตาย

   ...

   เงียบกริบ

   “ถ้าไม่อยากตายอย่างทรมานก็ตอบมา เฮ้ย!!!” เสียงอุทานพร้อมเพรียงกันของกลุ่มพี่เทพ เพราะอยู่ๆ ไอ้พวกนั้นก็ชัก น้ำลายฟูมปาก ตาเหลือกกันทุกคน

   พิษ!!!! พวกมันถูกพิษจากแมงมุมคิลเลอร์ แถมปริมาณมากด้วย ต่อให้มียาถอนพิษก็คงรักษาไม่ทัน ผมรู้ผมเพิ่งเรียนมา ว่าแต่...อะไรที่เป็นสาเหตุให้คนทั้งกลุ่มต้องฆ่าตัวตายเพื่อหนีความผิด ผมได้แต่ถอนใจแล้วแผ่เมตตาไว้อาลัยให้

   “มันตายแล้ว” พี่เทพของผมพูดขึ้นหลังจากคลำชีพจรจากคนทั้งสี่แล้ว

   ระหว่างที่พวกนั้นยืนปรึกษากัน ผมก็ค่อยๆ ถอยหลังเตรียมเผ่น ถอยหลังไปได้สักพักกำลังจะหันหลังกลับก็มีมือปริศนามาดึงคอเสื้อไว้

   “เย่ย!!!” ทำไมไวขนาดนี้

   “จะไปไหน” เสียงเย็นๆ ของพี่สองถาม ทำไมรู้สึกเสียวหนังหัวพิกล

   “ปะ...ไปตามทางของผมครับ แหะๆ” ผมหัวเราะแห้งๆ ให้แก้เก้อ กอดก้อนหินที่พยายามงับมือนั้นไว้แน่น

   “ยังไปไม่ได้ มาคุยกันก่อน” คุยอาร๊ายยยยย ผมไม่มีธุระอะไรจะคุยด้วย ผมรีบบบบบบ

   “อ่า คุยอะไรครับ” กูไม่อยากคุยกะเมิง กูกลังมึงเข้าใจบ้างไหม ได้แต่คิดในใจ ไม่กล้าพูดไป กลัวได้ตายก่อนพูดจบ

   “เจ้าเป็นใคร” อีกและ ถามกันอยู่ได้ ทีหลังจะเอากระดาษแปะหน้าผากบอกไว้ว่า

   “ผมเป็นแค่คนที่เดินทางผ่านมา แล้วก็กำลังจะผ่านไปอยู่แล้วครับ” ฮือ ปล่อยให้กูผ่านไปตามทางของกูเถอะ

   “หึ” หึพ่องงง ถึงจะเป็นพี่เทพกูก็พาลได้นะเฮ้ย!

   “เจ้ารู้จักคนพวกนี้ไหม” พี่สองชี้ไปที่ศพ

   “ไม่รู้จักครับ” ผมปฏิเสธอย่างรวดเร็วจนลิ้นแทบจะพันกัน

   “ข้าจะแน่ใจได้ยังไงว่าเจ้าไม่ใช่พวกมัน” กูหน้าตาดีกว่ามันตั้งเยอะ อย่าเอาไปรวมกลุ่มเดียวกับมันสิ...

   “ไม่ใช่หรอก” เสียงนุ่มๆ ของพี่เทพค้านขึ้น มันกวาดสายตาขึ้นไล่มองตั้งแต่หัวจรดหาง นี่มึงมองหน้าหาเรื่องเหรอ???

   “หน้าตากับการแต่งตัวไม่ใช่คนแถวนี้ อีกอย่าง เขามาช่วยข้าไว้ตอนที่เพลี่ยงพล้ำ ฝีมือก็อ่อนหัด ไม่มีจิตสังหารสักนิด คนแบบนี้ฆ่าใครไม่ได้หรอก” รู้สึกอยากกระโดดกอดขาพี่เทพขึ้นมาทันที ถูกต้องแล้วครับ อย่างผมจะฆ่าใครได้ มีแต่จะถูกฆ่าสิไม่ว่า แต่พวกมึงอย่าฆ่ากูน๊า

   “ขอบใจเจ้ามาก” พี่เทพเดินมาตบบ่าจนผมสะดุ้ง เบาๆ ก็ได้พี่ มือหนักสัดๆ ไหล่แทบทรุด!

   “ไม่เป็นไรครับ ว่าแต่ผมไปได้รึยัง?” ผมดึงก้อนหินหลบ เพราะมันพยายามจะคว้าแขนพี่เทพมากัด อย่าซ่าหิน อย่าซ่า โดนพวกมันฆ่าแล้วจะซ่าไม่ออก เดี๋ยวได้ตายแพ็คคู่ กูสู้มันไม่ได้นะเฮ้ย!

   “แล้วจะเอายังไง ปล่อยไปไหม” พี่สี่ที่ยืนเงียบอยู่ตั้งนานพูดขึ้นมา พูดดีมากพี่ ขอบคุณมากครับ

   “ท่านจอมปราชญ์สั่งว่าถ้าเจอมนุษย์ที่ป่าทางใต้ให้เก็บไปด้วย” พี่เทพท่านว่า เอ่อ พูดอะไรเกรงใจกูมั่งเหอะ ยืนหัวโด่อยู่เนี่ย แล้วเก็บเกิบอะไร กูไม่ใช่ดอกไม้ริมทางนะเฮ้ย จะได้เก็บกันได้ง่ายๆ...

   “งั้นก็เอาไปด้วย” พี่หนึ่งว่า คือ มึงถามกูบ้าง ว่ากูอยากไปด้วยไหม กูไม่อยากไปกับพวกมึงเฟ้ย กูกลัววววว

   “ไปด้วยกัน” พี่ห้าที่ตัวเล็กที่สุดเอ่ยขึ้น นี่ประโยคคำถามหรือประโยคบอกเล่า ผมจะได้ตอบถูก

   “เอ่อ” ระหว่างที่ผมอ้ำอึ้งอยู่พี่เทพก็เอามือมาวางที่หัวแล้วตบเบาๆ

   “เดินทางคนเดียวอันตราย ไปกับข้า แล้วข้าจะปกป้องเจ้าเอง... ข้าสัญญา” คำสัญญาที่หนักแน่นกับสัมผัสที่อ่อนโยนทำให้ผมนิ่งไป

   “หึๆ” เสียงหัวเราะจากคนที่เหลือดังขึ้นจนผมอยากจะกระโดดงับหัวรายตัว ขำอะไรกันวะ!

   “ก็ได้ครับ” นี่ผมไม่ได้ใจง่ายนะ แต่ถ้าเดินทางกับพวกนี้ก็น่าจะเข้าเมืองได้ แถมพวกเขายังพูดถึงจอมปราชญ์ที่ผมตามหาอยู่พอดี ถ้าหาเองทั้งชาติก็ไม่รู้จะเจอหรือเปล่า ไปแก้ปัญหาเอาดาบหน้าแล้วกัน เพราะต่อให้หนีไปตอนนี้ก็หนีไม่ได้อยู่ดี ผู้คุมฝีมือดีขนาดนี้ แต่พี่ๆ ครับ ทำไมไม่ถอดเสื้อคลุมออกครับ ไม่เห็นหน้าแล้วพวกมึงดูไม่น่าไว้วางใจมาก บอกเลย

   “เจ้าชื่ออะไร” พี่ห้าถามขึ้นด้วยน้ำเสียงร่าเริง

   “ก้อนดินครับ เรียกดินเฉยๆ ก็ได้ ส่วนนี่ก้อนหินครับ เรียกหินเฉยๆ ก็ได้เหมือนกัน”

   “ก๊าส” ก้อนหินร้องเหมือนจะทักทาย

   “ชื่อแปลก วิธีการพูดก็แปลก” พี่สองกล่าว

   “ทีตัวเองแต่งตัวแปลกๆ อย่างกะแก๊งทวงหนี้ยังไม่เห็นว่าสักคำ” ผมบ่นงึมงำเบาๆ

   “แก๊งทวงหนี้?” เอ๊า! เสือกหูดีอีก

   “จะว่าไปพวกเรานี่จะเรียกว่า แก๊งทวงหนี้ก็ไม่ผิดหรอกนะ” พี่แกโน้มตัวมาใกล้จนผมเผลอก้าวเท้าถอยหลัง

   “เพราะถ้าเป็นหนี้ชีวิต ก็ต้องใช้ด้วยชีวิต ถูกไหม หึๆ” มึงจะหัวเราะแบบโรคจิตทำไมครับ แค่สารรูปมึงกูก็กลัวแล้ว ผมเผลอรัดก้อนหินแน่นจนมันร้องแอ่ก

   “แฮ่ม!” พี่เทพเจ้าเก่าของผมกระแอมขึ้น ทำให้พี่สองแกยอมยืดตัวกลับไป

   “เอาเถอะ ถ้าท่านจอมปราชญ์บอกว่าปลอดภัย ข้าก็จะยอมรับ”

   “ข้าชื่อชเนาเซอร์ ยินดีที่ได้รู้จักนะ” พี่ห้า เอ๊ย! รู้จักชื่อแล้วต้องเรียกชเนาเซอร์พูดจบก็ยื่นมือมาให้ ผมเลยยื่นมือไปจับ แล้วก็โดนเขย่าจนหัวคลอน เบาๆ ก็พอมั้งพี่มึงครับ

   “ข้าชื่อมาสทิฟฟ์” พี่ที่ตัวใหญ่ที่สุดบอก

   “พรีซา” พี่สองสายโหดบอกสั้นๆ

   “ร็อต” พี่สี่ที่เงียบที่สุดบอกตามมา

   “ไซเลอร์ ยินดีที่ได้รู้จัก ก้อนดิน” พูดจบก็ยื่นมือมาบ้าง ผมยื่นมือไปจับพี่เทพ เอ๊ย! พี่ไซ แกก็เขย่าเบาๆ เออ ให้ได้อย่างงี้สิ ไม่ต้องแรงเกินไป ว่าแต่ ปล่อยมือกูได้แล้วมั้ง จะจับอะไรนักหนา

   “แล้วพวกท่านเป็นคนที่ไหนครับ” ผมเริ่มเปลี่ยนวิธีพูดเพื่อให้ดูกลมกลืน นี่ถ้าตอบว่าเป็นคนทุกที่ละผมจะกระโดดงับคอจริงๆ ด้วย

   “เราเป็นคนของอาณาจักรเคลเบรอส อยู่ใกล้ๆ นี่เอง เดินทางไม่กี่วันก็น่าจะถึง” ชเนาเซอร์ตอบ ใกล้อะไรของมึงครับ เดินทางเป็นวันๆ เนี่ย

   “ไปกันเถอะ ใกล้จะมืดแล้ว จะได้หาที่พักกัน” พรีซาพูดแล้วก็เดินนำไปทันที โดยมีมาสทิฟฟ์เดินไปประกบคู่ ชเนาเซอร์ก้าวมาเดินเคียงข้างกับผมแล้วชวนคุยเรื่อยเปื่อย คนอะไรคุยเก่งจริงๆ ส่วนร็อตกับไซเลอร์ก็เดินประกบหลังตามมา

   คนพวกนี้สูงมากครับ ขนาดชเนาเซอร์ที่ตัวเล็กที่สุดในกลุ่มตัวยังสูงเท่าๆ กับผม มาสทิฟฟ์ที่ตัวใหญ่ที่สุดน่าจะทะลุสองเมตรไปแล้ว ส่วนพรีซาก็เตี้ยกว่าแค่ไม่เท่าไหร่ แต่กะดูขนาดตัวแล้วน่าจะบางกว่ามาสทิฟฟ์ ไซเลอร์สูงเป็นอันดับสามสูงกว่าร็อตที่สูงเป็นอันดับสี่นิดหน่อย แต่ร็อตดูจะตัวหนามากกว่า

   ผมมองแล้วก็ละเหี่ยใจ เพราะความสูงของคนพวกนี้ทำให้ผมกลายเป็นคนแคระขึ้นมาทันใด

   ไม่รู้ตอนเด็กๆ แม่ให้แดกปลาวาฬชุบแป้งทอดรึไง ตัวถึงได้ใหญ่อย่างกับยักษ์กับมารทุกคน

   นี่ผมไม่ได้พาลเลย... จริงๆ นะครับ

******************************************************************************

ตันค่าตันนนนนน ฮือออออออออ อีเว้นท์ก็เยอะ ตันก็ตัน จะแต่งให้ได้อย่างใจเนี่ยยากจริงๆ ค่ะ ถถถ
 :hao5:

ถึงจะไม่ใช่นิยายที่ดีที่สุด แต่เป็นนิยายที่เราพยายามมากที่สุดแล้วค่ะ
ขอบคุณที่ติดตามนะคะ กอดดดดดดด
 :กอด1: :กอด1: :กอด1:
[/color]

#ommanymontra เอร๊ยยยย ขอบพระคุณมากค่ะ ปลื้มมมมมม  :-[
#♥►MAGNOLIA◄♥ ขอบคุณมากค่า จะได้กลับโลกปัจจุบันไหม หึๆๆๆๆ หัวเราะโรคจิตแข่งกับพรีซา  :hao7:
#Kei แฟนตาซีจริงๆ ค่ะ 55555 คนที่รออาจจะมาแล้วก็ได้นะคะ  :katai2-1:
#Chise ขอบคุณสำหรับกำลังใจค่า ส่วนคุณไฟนั้น ทั้งสงสารทั้งสมน้ำหน้า ถถถ ทำตัวเองทั้งนั้นค่ะ ถ้าถามว่ารักใครที่สุดในเรื่องนี้ ก็คงต้องตอบว่ารักก้อนหินที่สุดค่ะ 5555 อยากเลี้ยงเหมือนกัน
#suikajang ถ้าได้กลับไปคงได้จัดการค่ะ แต่... หึๆๆๆๆ ชักจะโรคจิตตามตัวละครไปละ แฮ่!
#prangasia มาแล้วค่า ขอบคุณที่แวะมาอ่านนะคะ
#sirin_chadada ที่จริงก็อยากจะให้ก้อนหินเป็นพระเอกเหมือนกันค่ะ ขี้เกียจหาชื่อพระเอก ถถถ แต่ลูกก็เป็นลูกค่ะ ในขณะที่แม่ก็เป็นแม่ ส่วนพ่อก็เป็นพ่อ งงไหม ช่วงนี้คุยกับใครไม่ค่อยรู้เรื่องค่ะ 55555
#DeShiWa ขอบคุณมากๆ ที่แวะมาอ่านค่า รักก้อนหินเหมือนกันค่า
#B52 ขอบคุณที่แวะมาอ่านอีกนะคะ กอดดดดดด
#Billie ขอบคุณที่ชอบค่า ปลื้มมมมม
#Zetnezz ขอบคุณที่ติดตามค่า

ไว้แวะมาอ่านกันอีกนะคะ

 :mew1: :mew1: :mew1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-04-2017 10:57:43 โดย maneethewa »

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Zetnezz

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8896
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ rivayu

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 21
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-1
เงินกู้ดอกเบี้ยร้อยละ20หรือเปล่า?? o18

ออฟไลน์ suikajang

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 813
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
 :laugh: โอ๊ย...ดินเอ้ยเขาตีกันเคร้งๆ พ่อยังฮาได้อะ  :m20:
ชอบๆ ไม่เครียดดี ถึงแรกๆ จะอึ้มครึ้มไปนิดแต่พอเข้าสู่แดนมหัศจรรย์
ก็ฮาไปไหนกะห้วงความคิดของตัวก้อนดิน น่ารักจริงพ่อคนแคระ 555555

ออฟไลน์ oilzaza001

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 619
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7579
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8

ออฟไลน์ zuu_zaa

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2003
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-1

ออฟไลน์ prangasia

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 19
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
นิยายเรื่องนี้เราชอบนะ
ไม่ต้องคิดว่าไม่ดีเด่นกว่าเรื่องอื่นๆหรอก
นิยายบางเรื่องในบางเว็บ บางหมวด อยู่ในอันดับหนึ่ง
แต่กลับไม่สนุกสำหรับเรา
บางทีกลับเป็นนิยายไม่มีอันดับแต่กลับสนุกสำหรับเรา
ส่วนบางทีคิดไม่ออกอันนีี้ก็เข้าใจ
(เพราะเคยเป็น)
พล็อตเรื่องแบบนี้ก็คล้ายๆเรา  เพียงแต่เรายังไม่เคยลงที่ไหน
เพราะเคยลงแล้ว (พล็อตนิยายอื่น) พอคิดไม่ออกก็หยุดแต่งไปดื้อๆ  จนต้องไปลบออก  ตั้งแต่นั่นก็ได้แต่งใน word ก่อน กะแต่งเสร็จแล้วค่อยลง
แต่สงสัยชาตินี้จะไม่ได้ลง :laugh:
เป็นกำลังใจให้ค่ะ
ชอบเรื่องนี้จริงๆ
จะรออ่านนะคะ :กอด1:


ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ดินว่างๆ สุขสบาย
มีก้อนหิน มาปลาให้กิน
ไม่เครียด เลยหาเรื่องทะเลาะกับก้อนหิน
ก๊าส...../ นั่นก้อนหินตอบรับและ
ชอบบบ ที่ รี บน บอกว่าเจอฮาเร็ม / อะจ๊ากกกก หัวไวมั่กมาก
รู้สึกไปเองหรีอเปล่า ว่าไรท์ ลงสั้นอ่ะ
รอตอนใหม่  :ling1:
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ ♥lvl♀‘O’Deal2♥

  • หานิยายถูกใจยากจัง!
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2665
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +176/-4

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด