(ต่อ)
เนื่องจากการเดินทางไม่มีปัญหาอะไร ทำให้พอล่วงเข้าสู่เช้าของวันที่สามเราก็มาถึงชายแดนของอาณาจักรบาอัลตามกำหนด พอไปถึงชายแดนเมื่อเอามังกรร่อนลงก็มีคนของอาณาจักรมารอรับอยู่แล้ว
“ยินดีต้อนรับสู่อาณาจักรบาอัล องค์ราชาให้พวกข้ามาอำนวยความสะดวกให้พวกท่าน” ผู้ชายตรงหน้ามีรูปร่างสูงโปร่งเพรียวบาง ผิวขาวจัด ผมสีน้ำตาลอ่อนยาวถักเปียไว้อย่างสวยงาม ส่วนอีกคนรูปร่างเตี้ยกว่าคนแรกเล็กน้อย ผิวขาวเหมือนกัน ผมสีส้มจัดจนแสบตารวบไว้ง่ายๆ ผมได้แต่จ้องสีผมของเขาอย่างสนใจ สีเจ็บดีจริงๆ
“ขอบใจมากแร็กดอลล์ เทอร์คิช”
“ยินดีที่ได้พบอีกครั้งนะมาสทิฟฟ์ พรีซา ร็อต ไซเลอร์ ชเนาเซอร์” อ้าวรู้จักกันด้วยเหรอ
“นี่ก้อนดินกับพินช์เชอร์ คนของสำนักแพทย์” มาสทิฟฟ์หันมาแนะนำผมสองคน
ผมกับพินช์เชอร์รีบโค้งให้คนตรงหน้าซึ่งหันมาโค้งรับอย่างสุภาพเช่นกัน
“ยินดีที่ได้รู้จักท่าน”
“เช่นกันครับ” เป็นทางการดีจริงๆ ผมไม่ค่อยจะชิน หรือที่เคลเบรอสมันจะสบายๆ ไปหว่า
“ออกเดินทางเลยดีไหม องค์ราชาให้ข้ามารับ พวกท่านจะได้ไม่ต้องผ่านด่านตรวจให้เสียเวลา สามารถเข้าวังได้เลย ไปถึงที่นั่นแล้วค่อยพักผ่อนทีเดียว พวกท่านไหวไหม”
“สบายมาก” ทีมเฮดีสประสานเสียงตอบ
ส่วนผมก็มองรอบตัวอย่างสนใจ เพราะยังมีคนบางส่วนที่จูงมังกรไปที่โรงพักมังกรเพื่อรอตรวจสอบ ส่วนคนที่มากับพาหนะอย่างอื่นหรือมาตัวคนเดียวก็เข้าแถวรอการตรวจสอบยาวเหยียด ไซเลอร์กระซิบบอกว่าคนส่วนใหญ่จะเดินทางมาค้าขายทั้งที่มาจากเคลเบรอสและอาณาจักรรุคด้วย
“งั้นก็ไปกันเถอะ” พูดจบทั้งสองก็เดินไปจูงมังกรของตัวเองมา น่าจะเป็นคนที่มีตำแหน่งสูงและเป็นที่รู้จักพอควร เพราะเดินผ่านใครก็มีแต่คนคำนับให้ มิน่าล่ะถึงได้ถูกส่งมาให้เป็นพาสปอร์ตผ่านทางชั้นดี
“ทั้งสองเป็นหน่วยพิเศษของอาณาจักรเหมือนกับพวกข้า เคยฝึกร่วมกันมาก่อน และมีบางภารกิจที่ต้องทำงานร่วมกัน ทำให้รู้จักกันไปด้วย” ไซเลอร์เล่าให้ฟังเมื่อขึ้นมังกรเรียบร้อยแล้ว ผมผงกหัวหงึกหงักรับทราบ แต่ไม่ได้พูดอะไรเพราะสนใจมองวิวข้างล่าง ดูแล้วการใช้ชีวิตของทั้งสองอาณาจักรดูน่าจะไม่แตกต่างกันนัก บ้านเมืองก็มีรูปแบบคล้ายๆ กันด้วย
ระหว่างทางทั้งคู่ก็พาพวกเราพักกินอาหารเที่ยงกันก่อนค่อยเดินทางต่อ กว่าจะเดินทางถึงเมืองหลวงของบาอัลก็เป็นเวลาเย็นพอดี บรรยากาศยามพระอาทิตย์ตกดินไม่ว่าจะดูที่ไหนก็สวยเสมอ ผมมองแสงสีทองที่สาดไปทั่วอาณาบริเวณแล้วยิ้ม
ถึงแล้วสินะเมืองหลวงของอาณาจักรบาอัล
ท่านแร็กดอลล์กับเท่านทอร์คิชพามังกรร่อนลงที่ลานกว้างๆ แห่งหนึ่งของพระราชวังแล้วให้คนนำมังกรไปเก็บ ส่วนพวกเราก็เดินเข้าไปในพระราชวัง ระหว่างทางก็พบทหารตามกระจายอยู่ตามจุดต่างๆ อย่างแน่นหนาและเป็นระเบียบ อย่างกับหุ่นยนต์ แม้แต่คนในตำแหน่งอื่นๆ ที่เดินสวนกันก็ดูจะอยู่ในระเบียบอย่างเคร่งครัด ภายในเงียบสงบมาก ดูเป็นทางการจนน่าอึดอัด บรรยากาศผิดกับพระราชวังแห่งเคลเบรอสลิบลับ
เมื่อผ่านประตูเข้าไปก็พบว่าด้านในตกแต่งออย่างหรูหรา ห้องแต่ละห้องประดับโคมไฟระย้าโคมใหญ่งดงามไม่ซ้ำแบบ ทั้งตู้โชว์ของสวยๆ งามๆ ตั้งโชว์อยู่หลายๆ ตู้ รูปภาพทั้งรูปคนและรูปวิวกรอบใหญ่หรูหราเรียงรายกันยาวเหยียด ดูอลังการสมกับเป็นพระราชวังอย่างที่เคยจินตนาการไว้ ไม่เหมือนกับที่เคลเบรอสที่นั่นให้ความรู้สึกอบอุ่นเหมือนเป็น ‘บ้าน’ มากกว่า อืม... มันอดเปรียบเทียบไม่ได้จริงๆ
ผมต้องรีบรวบรวมสติอีกทีเมื่อไปถึงจุดหมายซึ่งท่านแร็กดอลล์กับท่านเทอร์คิชบอกว่าเป็นห้องรับแขกที่องค์ราชาทรงรออยู่ ผมแอบถามไซเลอร์ว่าทำไมถึงเรียกตำแหน่งไม่เหมือนกัน ไซเลอร์บอกว่าอาณาจักรบาอัลกับรุคเรียกเหมือนกันคือองค์ราชากับราชินี มีเพียงเคลเบรอสที่เรียกคิงกับควีน เพราะคิงบอกว่าทรงพอใจจะเรียกแบบนี้ใครจะทำไม ในเมื่อคนในอาณาจักรไม่มีปัญหา คนอาณาจักรอื่นเลยต้องยอมเรียกไปด้วย อือ... อินดี้สมเป็นคิงเคลเบรอสจริงๆ
เมื่อประตูเปิดออก ผมก็สำรวมกิริยาขึ้นอีก เพราะจากที่สังเกตดูแล้วที่นี่น่าจะเคร่งครัดกับธรรมเนียมกันพอสมควร ยังดีที่ยอมให้พกก้อนหินเข้ามาด้วย ไม่งั้นผมคงจะกังวลเพราะเป็นห่วงมันน่าดู
ห้องนี้เป็นเหมือนห้องประชุมขนาดเล็ก มีเก้าอี้ของประธานที่ใหญ่ที่สุด ดูหรูหราที่สุดในห้อง ยกสูงกว่าของคนอื่นๆ ตั้งอยู่ตรงกลาง ซึ่งขณะนี้มีเจ้าของตำแหน่งนั่งรออยู่แล้ว ตามด้วยเก้าอี้อีกตัวที่น่าจะเป็นของควีนที่เล็กกว่าตั้งห่างออกมาหน่อย ก่อนที่จะขนาบด้วยเก้าอี้ซ้ายขวาข้างละประมาณสิบกว่าตัวจัดรูปแบบเหมือนตัวยูคว่ำ มีคนนั่งอยู่ตรงเก้าอี้บริเวณหัวโต๊ะอีกสามคน พอพวกเราไปถึงคนทั้งสี่ในห้องก็ลุกขึ้น
“ถวายพระพรฝ่าบาท” พวกเราทิ้งตัวลงคุกเข่าถวายความเคารพองค์ราชาของอาณาจักรบาอัล ซึ่งไซเลอร์บอกว่าชื่อราชาคินเนสส์ ส่วนราชินีที่ไม่ได้มาด้วยชื่อราชินีบาลินีส
“ลุกขึ้นเถอะ” น้ำเสียงอ่อนโยนขององค์ราชาทรงเอ่ยอนุญาต
“ขอบพระทัยฝ่าบาท” เมื่อลุกขึ้นยืนแล้วผมก็แอบสังเกตองค์ราชาในระยะใกล้ขึ้น ราชาคินเนสส์น่าจะมีอายุพอๆ กันกับคิงเกรทเดน แต่รูปร่างจะสูงและเพรียวมากกว่า ซึ่งน่าจะเป็นลักษณะเฉพาะของคนอาณาจักรนี้ ผิดกับคนของเคลเบรอสที่สูงใหญ่และหนาซะเป็นส่วนใหญ่
“ข้าได้รับสานส์จากคิงเกรทเดนแล้ว เจ้าอยากได้อะไรก็บอก ข้าจะให้คนจัดหาให้ อ้อลืมแนะนำไป นี่ท่านเบอร์มีส จอมปราชญ์แห่งบาอัล แล้วนี่ก็ท่านชาร์ตรู หัวหน้าสำนักแพทย์ และอีกคนที่ข้าจัดไว้คอยอำนวยความสะดวกให้ก็คือเจ้าชายบาตัน ลูกชายของข้าเอง” พวกเราหันไปคำนับให้คนทั้งสามอย่างเรียบร้อย
ท่านเบอร์มีสมีบุคลิกเหมือนท่านมอลทีสมาก ส่วนท่านชาร์ตรูอายุก็คงจะพอๆ กับท่านลาซาเหมือนกัน อยากรู้จริงๆ ว่าคนที่จะมาอยู่ในตำแหน่งนี้ได้ต้องมีบุคลิกกับอายุเหมือนถอดออกมาจากบล็อคเดียวกันขนาดนี้เลยหรือไง ถ้าจะให้ชัวร์ต้องไปพิสูจน์ที่อาณาจักรรุคอีกอาณาจักรจะได้มั่นใจ ผมคิดอย่างขำๆ
“ทีมเฮดีสเราเจอกันบ่อย รู้จักกันดีอยู่แล้ว ส่วนพินช์เชอร์ก็เคยเห็นตามท่านลาซามาบ้าง ส่วนเจ้าท่านมอลทีสบอกว่าชื่อก้อนดินใช่ไหม” ท่านเบอร์มีสถามขึ้น
“ครับ” มันต้องตอบอะไรเพิ่มไปไหมวะ
“ส่วนนี่ก็ก้อนหิน” แววตากระจ่างใสดูรอบรู้ทำให้ผมรู้สึกขนลุกจนเผลอกอดก้อนหินไว้แน่น
“ก๊าส”
“ครับ นี่ก้อนหิน” พอได้ยินเสียงก้อนหินผมเลยรู้สึกตัวและบอกท่านเบอร์มีสไป ต่อให้ท่านรู้ว่าก่อนหินเป็นอะไร แต่ถ้าเป็นเพื่อนท่านมอลทีสก็น่าจะไว้ใจได้มั้ง
“ท่านลาซาบอกว่าเจ้ารู้วิธีปรุงยารักษาพิษรักใช่ไหม” ท่านชาร์ตรูถามขึ้นบ้าง
“ใช่ครับ” พอเห็นแววตาเป็นประกายของท่านชาร์ตรูผมก็อดจะรู้สึกขำไม่ได้ เหมือนแฝดของท่านลาซาจริงๆ
“ถ้าอย่างนั้นข้ากับท่านเบอร์มีสต้องขอตัวก่อน ฝากให้ท่านชาร์ตรูกับบาตันช่วยดูแลแขกของเราด้วยนะ” พอองค์ราชาตรัสจบ พวกเราก็คุกเข่าคำนับส่งพระองค์
พอองค์ราชาเสด็จออกจากห้องไปแล้ว ท่านชาร์ตรูก็เชิญให้พวกเรานั่งคุยกันก่อน
“เจ้าต้องการเห็ดเรืองแสงที่คุกใต้ดินอย่างเดียวหรือ ต้องการอย่างอื่นอีกหรือเปล่า” ท่านชาร์ตรูถามขึ้นเมื่อเรานั่งกันเรียบร้อยแล้ว
“ข้าต้องการของตามนี้ครับ” ผมส่งรายการที่บอกให้พินช์เชอร์เขียนให้กับท่านชาร์ตรูไป เมื่อท่านรับไปอ่านแล้วก็หันมาบอก
“ที่สำนักแพทย์มีครบทุกอย่างที่เจ้าต้องการ เดี๋ยวข้าจะเตรียมให้ แล้วจะให้คนขนไปไว้ที่คุกใต้ดินเลย”
“ขอบคุณครับ ส่วนตัวยาบางส่วนที่ต้องใช้ข้าเตรียมมาด้วยแล้ว คืนพรุ่งนี้ก็พร้อมสกัดตัวยาได้เลย”
“ถ้าข้าจะขอไปดูด้วยได้ไหม” ท่านชาร์ตรูถามด้วยแววตาเป็นประกาย
“ได้เลยครับ”
“ถ้าอย่างนั้นตอนนี้พวกเจ้าก็ไปพักผ่อนก่อนก็แล้วกัน เดี๋ยวข้าจะไปเตรียมของให้ก่อน ต่อจากนี้คงต้องฝากเจ้าชายบาตันรับช่วงต่อก็แล้วกัน”
“ได้ครับท่านชาร์ตรู”
โครก!
อุย! พอท่านชาร์ตรูเดินออกไปปุ๊บ ท้องก้อนหินก็ร้องปั๊บ มันทำหน้ามุ่ย สงสัยจะหิวแล้ว เพราะเลยเวลาอาหารเย็นมานานแล้ว
“หึๆ มันคงจะหิวแล้ว ถ้าอย่างนั้นโปรดตามข้ามา ข้าจะพาพวกท่านไปรับประทานอาหารเย็น หลังจากนั้นจะได้พาไปที่พัก พวกท่านจะได้พักผ่อนกัน” เจ้าชายบาตันที่ถอดสำเนามาจากองค์ราชาบอกขึ้น ก่อนจะเดินนำไป ที่นี่ทำงานกันเป็นขั้นเป็นตอนดีจริงๆ มีการรับช่วงต่อกันเป็นทอดๆ
เจ้าชายบาตันพาเราไปที่ห้องอาหารที่โต๊ะยาวเหยียด อาหารวางเรียงรายเต็มโต๊ะ จนผมนึกสงสัยว่าถ้าจะกินให้ครบทุกจานมิต้องเดินไล่ตักตั้งแต่หัวโต๊ะยันท้ายโต๊ะรึไง ได้แต่เดินตามหลังไซเลอร์ไปเงียบๆ เพราะบรรยากาศมันดูเป็นทางการซะจนไม่กล้าจะพูดอะไรออกไป กลัวจะทำอะไรผิดกาลเทศะเข้า
ระหว่างมื้ออาหารแต่ละคนก็นั่งกินกันเงียบๆ ได้ยินเพียงเสียงช้อนกระทบกับจานเบาๆ มีเพียงก้อนหินที่เหมือนจะเจริญอาหารอยู่ตัวเดียว ส่วนผมนี่มัวแต่เกร็ง ถ้าไซเลอร์ไม่คอยตักอาหารให้ก็คงกินไม่ลง
พอเจ้าชายพาพวกเราไปถึงที่พักแล้วทรงลากลับไปนั่นแหละผมถึงกับถอนหายใจดังเฮือกจนคนอื่นๆ พากันหัวเราะ
“เป็นไง กินข้าวอร่อยไหมดิน” ไม่คิดมาก่อนว่าจะรู้สึกคิดถึงเสียงแซวของชเนาเซอร์ขนาดนี้ ผมถอนหายใจเฮือกเป็นคำตอบ
“ถ้าเป็นไปได้ อยากจะให้พระจันทร์เต็มดวงซะวันนี้ แล้วพรุ่งนี้กลับเคลเบรอสเลยซะด้วยซ้ำครับ”
“ฮ่าๆๆๆ เห็นไหมล่ะ ใครจะอยากอยู่ท่ามกลางบรรยากาศแบบนี้กัน มาทีไรข้าจะขาดใจตายทุกที” มาสทิฟฟ์บ่น
พอเห็นสีหน้าห่อเหี่ยวของแต่ละคนผมก็อดจะขำไม่ได้ สำหรับสิ่งมีชีวิตที่รักอิสระอย่างชาวเคลเบรอสมาเจออะไรที่เป็นระเบียบแบบแผนขนาดนี้ก็คงจะอึดอัดแย่ ขนาดผมที่โตมาในบ้านท่านทูต เข้ามาที่นี่ได้ไม่ถึงวันยังจะเฉาตายเลย
“ก๊าส” ก้อนหินขยี้หูขยี้ตาเงยหน้าขึ้นร้องอ้อนให้พาไปนอน
“ไปนอนกันเถอะ พรุ่งนี้ตอนเช้าเตรียมของเสร็จแล้วเราหนีเที่ยวตลาดกัน บ่ายๆ ค่อยกลับเข้ามา” ชเนาเซอร์บอกอย่างร่าเริง
“แหม ทีก่อนหน้านี้ละเงียบกริ๊บเชียวนะชเนาเซอร์” ผมอดจะแซวไม่ได้
“เจ้าจะอยู่รอที่นี่รึเปล่าล่ะ” ชเนาเซอร์ถามอย่างกวนตีน
“ไม่” เรื่องอะไรจะอยู่ให้โง่
“ฮ่าๆๆๆๆ” แล้วพี่ๆ แกก็หัวเราะขึ้นพร้อมกันโดยไม่ได้เกรงใจเจ้าที่เลย
ผมยืนกอดก้อนหินมองห้องนอนด้วยความอึ้ง เพราะภายในห้องตกแต่งอย่างหรูหรา เตียงที่ตั้งอยู่กลางห้องมีเสาสี่ด้านคลุมด้วยผ้าโปร่งบางสีชมพูติดขอบลูกไม้ระย้าดูน่าขนลุก สาวๆ สองคนที่ยืนรออยู่หน้าห้องเมื่อครู่เดินตามเข้ามาในห้อง ทำให้ผมต้องหันไปถามด้วยความสงสัย
“เอ่อ... มีอะไรรึเปล่าครับ”
“พวกข้ามาช่วยท่านอาบน้ำแต่งตัวเจ้าค่ะ”
“เฮ้ย! ไม่ต้องครับ” ผมบอกอย่างรวดเร็วด้วยความตกใจ จะบ้าเรอะ ไม่ใช่เด็กอนุบาลถึงจะต้องมีคนช่วยอาบน้ำให้
“ข้าอาบเองได้ ไม่รบกวนหรอกครับ” ผมพูดปฏิเสธจนลิ้นพันกัน สาวๆ หัวเราะกันคิกคัก รู้สึกเลยว่าหน้าตัวเองร้อนจัด ผมไม่เข้าใจ ทำไมคนที่อายถึงเป็นผู้ชายที่จะถูกอาบน้ำให้อย่างผมด้วย สาวๆ เค้าไม่อายกันรึไงวะ
“แน่ใจหรือคะท่าน” คนพูดชม้ายชายตาให้จนผมทำหน้าไม่ถูก
“นะ... แน่ใจครับ” ผมถอยกรูดเมื่อเธอขยับเข้ามาใกล้เรื่อยๆ
“แฮ่ม” ผมถอนหายใจเฮือก ไม่เคยรู้สึกดีใจเวลาได้ยินเสียงกระแอมของไซเลอร์ขนาดนี้มาก่อนเลย
“มีอะไรก็ไปทำเถอะ พวกข้าจัดการเองได้” น้ำเสียงแข็งๆ จริงจังของไซเลอร์ทำให้พวกเธอยอมถอยกลับไปสำรวมเหมือนตอนแรก
“เจ้าค่ะ” ตอบรับเสร็จก็โค้งให้แล้วพากันเดินออกไป ก่อนจะปิดประตูยังไม่วายส่งสายตาอาลัยอาวรณ์มาให้ผมขนลุกเล่น พอประตูปิดลงผมก็ถอนหายใจเฮือกอย่างโล่งอก
“ชอบเหรอ”
“ห๊ะ!” ใช้ตาปลาดูรึไง ถึงได้มองว่าผมชอบไปได้ ไม่เห็นรึไงว่าถอยไม่เป็นท่าซะขนาดนั้น แต่สงสัยผมจะตอบช้าไป พี่แกเลยก้าวเข้ามาใกล้เรื่อยๆ ตาเขียวๆ นั่นขุ่นคลั่กเหมือนโดนตะไคร่น้ำเกาะอีกแล้ว
“ถ้าชอบคนปรนนิบัติเดี๋ยวข้าจะช่วยอาบให้เอง” พูดจบก็จับแขนลากไปทางห้องอาบน้ำทันทีจนผมเหวอ
“เฮ้ย! เดี๋ยว! ไซเลอร์” ผมพยายามขืนตัวไว้แต่สู้แรงไม่ได้เลยโดนลากต่อไป
“ก๊าส” ก้อนหินที่ตาปรือๆ อยู่ยังตาสว่างตื่นมาทันที มันยื่นแขนไปตีมือไซเลอร์ช่วยอีกแรงแต่พี่มันก็ยังไม่หยุด ถ้ากระโดดงับหูพี่มันจะหายบ้าไหมฮึ?
“พะ... พี่ดิน” เสียงเปิดประตูและเสียงเรียกของพินช์เชอร์ทำให้เราทั้งสามหยุดชะงัก พอหันไปมองก็เห็นพินช์เชอร์ทำหน้าตื่นๆ เสื้อผ้าหน้าผมยับยุ่งอย่างกับโดนรุมโทรมมา
อุย! คิดอะไรออกไป พี่ขอโทษนะพินช์เชอร์ ได้แต่ขอโทษขอโพยน้องมันในใจ
อาศัยช่วงเวลาที่ไซเลอร์เผลอดึงมือออกแล้ววิ่งไปลากพินช์เชอร์ที่หันซ้ายหันขวาอย่างหวาดระแวงเข้ามาในห้อง
"เกิดอะไรขึ้น ใครทำอะไรฮึ บอกพี่ซิ" ผมถามน้องด้วยความเป็นห่วง
“กะ... ก็ ผู้หญิงพวกนั้นจะจับข้าถอดเสื้อผ้า” พินช์เชอร์บอกตะกุกตะกัก
“พรืด! ฮ่าๆๆๆๆๆ” เปล่า นั่นไม่ใช่เสียงผมครับ ผมไม่ได้เป็นคนเสียมารยาทขนาดนั้น แต่มันเป็นเสียงของชเนาเซอร์กับมาสทิฟฟ์ที่มาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้หัวเราะลั่นขึ้นมา นอกจากนี้ยังมีพรีซากับร็อตที่ยืนกอดอกยิ้มขำๆ อยู่หน้าห้องด้วย
“เอ่อ... ยังไม่นอนกันเหรอครับ” มากันครบทีมเลย
“พวกข้าก็เจอ เอ่อ... อย่างพวกเจ้าเหมือนกัน เป็นห่วง เลยแวะมาดู” ร็อตเป็นคนตอบแทน
ผมได้แต่ทำหน้าไม่ถูก ทุกคนดูจะรับมือไหว ทำไมมีแต่ผมกับพินช์เชอร์ที่อ่อนหัดกันนักวะ ผมหันไปมองไซเลอร์ที่ตาสีเขียวๆ ยังขุ่นคลั่กก็ได้แต่ถอนหายใจแล้วบอกไป
“ไม่ได้ชอบ เมื่อกี๊ไม่ได้ยินรึไงว่าปฏิเสธพวกนางอยู่” ผมรีบอธิบาย ก่อนจะโดนลากไปอาบน้ำให้อีกรอบ ฟังไม่ได้ศัพธ์จับไปกระเดียด เดี๊ยะ! ให้ก้อนหินจัดการเลย
“ก๊าส” เหมือนมันจะอ่านความคิดผมออก ก้อนหินร้องเสียงขุ่น สายตาก็มองไซเลอร์ขุ่นๆ ไปด้วย ดีมากก้อนหิน ต้องช่วยกันแก้ตัว เอ๊ย! ต้องช่วยกันเถียงบ้าง
พอเห็นว่าสายตาไซเลอร์เริ่มอ่อนลงผมก็อดจะถามด้วยความสงสัยไม่ได้
“ปกติเจอแบบนี้บ่อยไหมครับ”
“ไม่นะ ที่นี่ไม่เคยเจอ แต่เจอที่รุคบ่อย เพราะที่นั่นชอบงานรื่นเริง” มาสทิฟฟ์ที่หยุดหัวเราะได้แล้วตอบให้
“ได้ข่าวว่าช่วงนี้เป็นช่วงนัดประชุมเรื่องงานฝีมือของควีนทั้งสามอาณาจักร น่าจะมีคนของอาณาจักรรุคมีส่วนในเรื่องนี้แน่” พรีซาบอก
“...”
“งั้นก็ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่” ขนาดร็อตที่นิ่งๆ ยังถอนหายใจด้วยความเพลียอ่ะคิดดู แค่ได้ยินกิตติศัพท์ก็ชักจะกลัวใจคนอาณาจักรรุคจริงๆ ไม่อยากนึกถึงตอนที่จะไปขออนุญาตเก็บไข่หงส์เลย
“แยกย้ายกันไปนอนเถอะ คงไม่มีอะไรแล้ว” ร็อตพูดต่อ สายตาที่มองพินช์เชอร์มีแววห่วงใยจนผมแอบยิ้ม
“ข้ามานอนเป็นเพื่อนไหมดิน” ส่วนคนไม่ขอก็เสนอหน้ามาจริงๆ ดีที่ร็อตล็อคคอแล้วลากออกจากห้องไปซะก่อนตามด้วยมาสทิฟฟ์และพรีซาที่เดินหัวเราะตามไป
ไม่แน่จริงนี่หว่า ผมหมายถึงร็อตนะครับไม่ใช่ชเนาเซอร์ ถ้าห่วงน้องก็ต้องชวนไปนอนด้วยเลยสิ ขัดใจจริงๆ
“พี่ดิน”
“หือ”
“ข้าขอนอนด้วยได้ไหม” พินช์เชอรถามผม
“นะครับท่านไซเลอร์” แล้วก็หันไปขออนุญาตไซเลอร์เฉย
อ้าว! จะมานอนกับผมแล้วหันไปขอพี่มันทำไม ไซเลอร์จ้องพินช์เชอร์อยู่นาน ก่อนจะถอนหายใจแล้วเอ่ยอนุญาต
“ก็ได้” สงสัยจะสงสารที่พินช์เชอร์กำลังขวัญเสีย ไม่งั้นคงไม่ยอมง่ายๆ หรอก ผมมั่นใจ
“ล็อคประตูให้ดีๆ นะ ดึกๆ ไม่ต้องออกไปไหน พรุ่งนี้เช้ารอให้ข้ามาเคาะประตูเรียกแล้วค่อยเปิด”
“ครับพ่อ” นั่นแหละ พี่แกถึงยิ้มออกมาได้ ไซเลอร์ยื่นมือมาลูบหัวผมเบาๆ ก่อนจะยื่นไปลูบหัวก้อนหินให้มันงับเล่นก่อนจะบอก
“ฝันดีนะ”
“ฝันดีเช่นกันครับ”
ไซเลอร์เดินออกไปแล้วปิดประตูให้ ผมรีบเดินไปล็อคกลอนและสำรวจให้แน่ใจว่ามันแน่นหนาดีแล้ว จึงได้เดินกลับมาหาพินช์เชอร์
“ไปอาบน้ำก่อนพี่ไป จะได้มาพักผ่อน เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว” ทั้งกลุ่มก็มีพินช์เชอร์นี่แหละที่อ่อนแอที่สุด น้องเคยบอกว่าไม่ค่อยได้เรียนเรื่องการต่อสู้ เพราะมุ่งสู่สายการแพทย์อย่างเดียว
“ครับพี่ดิน” พินเชอร์รับคำแล้วเดินเข้าห้องน้ำไปอย่างว่าง่าย
พอพินช์เชอร์เดินเข้าห้องน้ำไปแล้ว ผมก็ก้มลงมองก้อนหินแล้วถามมัน
“ง่วงรึยังฮึ ตาใสแล้วนี่ อาบน้ำด้วยกันก่อนไหมจะได้สบายตัว”
“ก๊าส” มันร้องรับคำ มองมาตาแป๋ว ผมเลยจับมันมากอดด้วยความมันเขี้ยว มันก็เอาหัวถูอ้อนทันที
โอ๊ย! จะทำให้รักไปถึงไหน แค่นี้ก็ทั้งรักทั้งหลงจนหัวปักหัวปำแล้ว กอดกันจนพอใจก็อุ้มมันเดินสำรวจรอบห้อง ผมยืนมองเตียงที่คลุมด้วยผ้าโปร่งๆ ติดขอบลูกไม้แล้วก็ได้แต่ขนลุก ช่างสภาพมันครับ สนใจแค่ไซส์ก็พอ เตียงขนาดใหญ่น่าจะพอให้เรานอนได้ครบทั้งสองคนและอีกหนึ่งตัว
ก่อนจะเดินไปชะโงกดูที่หน้าต่าง ด้านล่างเป็นสวนดอกไม้ แต่มีทหารยามยืนยามอยู่เป็นระยะดึกป่านนี้มองไปก็ไม่เห็นดอกไม้หรอก เลยแหงนหน้ามองดาวบนฟ้าแทน ที่โลกนี้นอกจากพระอาทิตย์และท้องฟ้าในยามกลางวันจะสวยแล้ว ท้องฟ้าในยามค่ำคืนก็งดงามไม่แพ้กันด้วย ไม่ว่าจะเป็นยามคืนเดือนมืดที่เห็นดาวพราวทั่วท้องฟ้า ไม่ว่าจะเป็นยามที่ใกล้จะถึงคืนวันเพ็ญ ที่พระจันทร์ใกล้จะเต็มดวงเต็มทีอย่างคืนนี้ พระจันทร์ดวงใหญ่สวยจับใจจนทำให้ผมกอดก้อนหินยืนมองเพลิน
มีใครสักคนเคยบอก ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็อยู่ใต้ฟ้าเดียวกัน พระจันทร์ก็ดวงเดียวกัน ถ้าแหงนมองไปอาจจะถ่ายทอดความรู้สึกไปถึงอีกคนที่อยู่ทางไกลได้ แต่นี่มันต่างมิติ ไม่รู้ว่าจะใช้ทฤษฎีนี้ได้ด้วยไหม แต่ผมก็อยากจะลองดู
คนทางนี้สบายดี คนทางนั้นจะเป็นยังไงบ้างนะ อาจจะคิดว่าผมตายแล้ว อาจจะลืมกันไปแล้วก็ได้ แต่ถึงยังไงผมก็อยากจะขอฝากพระจันทร์ไป ขอให้คนทางนั้นมีความสุขเหมือนกับผมนะครับท่านทูต คุณไฟ
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
แจกเป็ดทุกคน ทุกตอน ไม่รู้เอาไว้ทำอะไร แต่อยากแจก 555555 + คงดีกว่าลบแน่นอน
หายไปนานเลยค่ะ แหะๆ ช่วงนี้งานเข้า พระศุกร์เข้า พระเสาร์แทรก พระราหูอม พระอังคารเหยียบซ้ำ พระจันทร์หักอก เดี๋ยวๆๆๆ 55555 พอละ หูย แนวนี้ก็น่าเขียนแฮะ บรรดาเทพๆ ทั้งหลาย น่าสนุกเชียว
เอิ่ม แต่มังกรยังไม่มีวี่แววว่าจะจบ พี่เป็ดแคน? ได้แค่สองตอน พี่ควายแสนได้แค่โครง ไหนจะเด็กวัดที่อยู่ในไห แฮ่ ท่าทางคงจะเป็นแพลนนิ่งไปก่อน ถ้าขยันจะลองเขียนดูค่ะ หลังจากลองเขียนเรื่องนี้เป็นเรื่องที่สอง ทำให้รู้ว่า เป็นคนอ่านดีกว่าเยอะเลย ถถถ
อยากจะลงให้ทุกวัน แต่มันเขียนไม่ได้ดั่งใจค่ะ แง่ม ตันบ่อยๆ ค่อยๆ ชิน ค่อยๆ ฝึก ค่อยๆ คลานไปค่ะ เป็นกำลังให้ด้วยนะคะ

@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
#alternative อย่าทำก้อนหินนนนนน 555555555 หินแค่หวงดินเฉยๆ

#duck-ya โดนแกล้งตลอดแหละค่ะ เล่นกันน่าเอ็นดู้วววว
#MayA@TK อยากจับฟัดเหมือนกันค่ะ มันเขี้ยววววววว
#Ryu7801 ถ้าก้อนหินยังอยู่คงอีกนานค่ะ ถถถ สงสารพี่ไซ
#DeShiWa ขอบคุณค่า กว่าจะโต คงอีกสักพักกกกกกกกกกกกกกกกก
#ommanymontra กอดดดด

#sahatsawat ขอบคุณที่ตามอ่านเช่นกันค่า 5555 วงวารพี่ไซนะคะ
#♥►MAGNOLIA◄♥ ร๊ากกกกกกกกกเหมือนกันค่ะ เวลาเขียนถึงก้อนหินแล้วมีความสุข ส่วนบทมุ้งมิ้ง น่าจะอีกนานนนนนนนเลยค่ะ แหะๆ
#rayaiji แ...ก อีกยาววววเลยค่ะ ถถถ วงวารไซเลอร์จริงๆ
#mild-dy

#takara หวานได้แค่นี้ค่ะ ไม่ถนัดเลิฟซีน เอาจริงๆ ไม่ถนัดซ๊ากกกอย่าง ถถถ
#HISY หินหวงงงงงงงงงงงงงงค่า 555555
#suikajang อิจฉาดินเหมือนกันค่ะ อยากจะวาร์ปไปเคลเบรอส ฮือออออ

ส่วนชเนาเซอร์นี่เป็นคนที่น่าเตะที่สุดในแก๊งคะ 55555 ทั้งน่ารักและน่าหมั่นไส้ ขอบคุณนะคะ อ่านเม้นท์แล้วปลื้มมมมมม พยายามเขียนที่จินตนาการออกมาให้คนอ่านเข้าใจได้มากที่สุดค่ะ ดีใจที่ชอบ
#•♀NoM!_KunG♀• งุ้ย อยากเลี้ยงเหมือนกันค่ะ ยิ่งนานวันยิ่งร๊ากกกกกกกกกก
#KARMI ว๊ายยย! นก วงวารพี่ไซจริงๆ
#shoi_toei ดีใจที่ชอบเช่นกันค่า ถ้าอยากเห็นก้อนหินร้องไห้ โปรดติดตามตอนต่อไปนะคะ มีตอนให้ร้องหนักแน่ๆ ค่ะ
#ซีเนียร์

#poppycake เคลเบรอส only ค่ะ ไม่มีที่ไหนเหมือน 555555
#คนริมคลอง 55555555555555555 เห็นท่าแต่ละคนแล้วฮาหนักมากค่ะ ชอบบบบบบบบบ
#Yara พี่แกชัดตลอดแหละค่ะ

#prangasia 55555555555 เดี๋ยวจะหาโอกาสไปเก็บให้ค่ะ
#แฟนตาเซีย

#jum1201 มาแล้วค่าาาาาาาาาาาาาา
#DUKDUINUISWU มาแล้วค่า เดี๋ยวจะพาไปดูคุณไฟค่ะ แต่คงอีกสักพักกกก ไว้แวะมาอ่านอีกนะคะ
#cookie_ ขอบคุณมากกกกก (ก.ไก่ล้านตัว) ดีใจที่ชอบนะคะ ปลื้มจริงๆ ค่ะ
เห็นคอมเม้นท์ทีไรหน้าบานทุกที ขอบคุณทุกคนนะคะ
กราบและกอดดดดดดดดดทุกคนนนนนนนนนนนนนนน