►►►แจ้งข่าวรวมเล่มค่ะ @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) (19/3/2019) P.23
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ►►►แจ้งข่าวรวมเล่มค่ะ @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) (19/3/2019) P.23  (อ่าน 127502 ครั้ง)

ออฟไลน์ แฟนตาเซีย

  • หืมม...?
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 557
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1

ออฟไลน์ jum1201

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 587
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-5

ออฟไลน์ DUKDUINUISWU

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 4
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
อ่านวันเดียวจนจบ อยากอ่านต่อแล้วว รีบมาต่อเถอะค้าบบบบ  :hao5:
อยากรู้ว่าจะเป็นยังไงต่อ ไฟเป็นไงบ้าง ตอนนี้ได้แต่ลุ้นก้อนดินกับท่านไซเซอร์

ออฟไลน์ cookie_

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 106
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
สนุกมากกก (ก.ไก่ล้านตัว) อ่านรวดเดียวถึงตอนปัจจุบันเลย ชอบมาก มาต่อเร็วๆน้าาา  :m3: :m3:

ออฟไลน์ maneethewa

  • มณีเทวา
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 184
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1
    • Maneethewa - มณีเทวา
บทที่ 19 ออกเดินทางสู่บาอัล

   ผมยืนกอดก้อนหินมองสมาชิกทีมเฮดีสที่กำลังรวมหัวแกล้งร็อตกันอย่างสนุกสนานด้วยความเพลีย นี่คนอายุ 20 กว่าๆ หรือเด็กอนุบาล ดูมีความสุขกับการแกล้งเพื่อนกันจริงๆ แต่จะเข้าไปช่วยก็ไม่น่าจะใช่ความคิดที่ดีเท่าไหร่

   เดี๋ยวจะเข้าตัว ...

   คนเราต้องรู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดีครับ เจอบ่อยๆ ค่อยๆ ชิน ได้แต่ยืนมองเงียบๆ และลุ้นว่าใครจะเป็นฝ่ายชนะในยกนี้

   “ทำไมต้องให้เด็กนี่ไปกับข้า” เอ่อ... ร็อตเกรงใจเด็กนี่ที่ยืนอยู่ข้างๆ ผมหน่อย เริ่มทำหน้าแหยๆ ตาแดงๆ แล้ว

   “ก็มังกรดำแข็งแรงกว่ามังกรขาว ดินก็ไปกับไซเลอร์แล้ว เหลือแต่มังกรเจ้าแหละที่ว่าง” ชเนาเซอร์บอกอย่างจริงจัง แต่นัยน์ตาเต้นระริกเหมือนกำลังสนุก

ถามผมสักคำไหมว่าอยากไปด้วยรึเปล่า สลับกันก็ได้นะ ผมไม่ว่า ผมเหลือบมองไซเลอร์ที่ยืนกอดอกมองเพื่อนๆ เถียงกันยิ้มๆ พอรู้สึกตัวว่าถูกมองก็หันมายิ้มให้ผมอย่างอารมณ์ดีนัยตาสีเขียวคู่นั้นพราวระยับ ผมได้แต่หลบตาวูบ เซ้นส์ดีชะมัด เรื่องเมื่อวานยังทำพิษ ทำเอาผมไม่กล้าสบตาไซเลอร์เลย ดีที่เพื่อนๆ เขาไม่รู้ ไม่งั้นโดนล้อตายแน่ๆ โดยเฉพาะชเนาเซอร์น่ะตัวดีเลย อย่าให้รู้เด็ดขาด!!

   “มังกรดำของมาสทิฟฟ์ก็มี ไปกับมาสทิฟฟ์ก็ได้นี่” พอจนกับเหตุผลร็อตก็พยายามดิ้นหาทางรอด

   “ข้าไม่อนุญาต” พรีซาพูดแล้วยิ้มมุมปากดูกวนตีนขั้นสุด ส่วนมาสทิฟฟ์นี่โคตรระริกระรี้ เหมือนหมาตัวใหญ่ๆ ดีใจเวลาเจ้าของให้รางวัล ก็นะ นานๆ พรีซาจะแสดงความเป็นเจ้าของแบบนี้ ถึงจะทำไปเพื่อแกล้งเพื่อนล้วนๆ ก็เถอะ เฮ้อ!

   “เจ้าจะกลัวอะไรนักหนากับแค่เด็กตัวเล็กๆ น่ะร็อต” ชเนาเซอร์ยังเล่นไม่เลิก

   “ข้าไม่ได้กลัว” ร็อตปฏิเสธเสียงแข็งเชียว อยากถามว่าเหรอออออ แต่เกรงใจ กลัวโดนเตะ เลยยืนดูเงียบๆ ต่อไปดีกว่า

   “ถ้าไม่กลัวเจ้าก็ต้องให้พินช์เชอร์ไปกับเจ้า” ทีนี้ร็อตก็ได้แต่อึกอัก ก่อนจะฮึดฮัดบอก

   “ก็ได้” ตอบรับแบบจำใจมาก เห็นร็อตไปไม่เป็นแบบนี้นี่เป็นบุญตาจริงๆ ครับ ปกตินี่พี่แกนิ่งที่สุดในทีมแล้ว

   พอได้ข้อสรุป ก็ปล่อยให้เพื่อนๆ เค้าแกล้งกันเล่นต่อ ส่วนผมก็หันมากระซิบกับพินช์เชอร์ทันที

   “ได้โอกาสแล้วนะ มีอะไรก็พูดตอนนี้แหละ” คิดว่าร็อตคงไม่กระโดดหนีลงจากมังกรหรอก... มั้ง

   “จะดีเหรอครับ” พินช์เชอร์กระซิบถามกลับมาอย่างไม่มั่นใจ

   “นี่แหละโอกาสดี ร็อตหนีไปไหนไม่ได้แล้ว มีอะไรก็พูดไปเลย” ผมยุยงส่งเสริม

   “คุยอะไรกันน่ะ” อยู่ๆ ชเนาเซอร์หันมาถามเสียงดังจนเราสองคนสะดุ้ง

   โว๊ะ! ไม่เผือกสิครับ... อันนี้คิดในใจ

   “คุยกันเรื่อยเปื่อยระหว่างรอน่ะครับ” ชเนาเซอร์หรี่ตาเหมือนไม่เชื่อ ดีที่เมื่อกี๊มัวแต่แกล้งเพื่อนไม่ได้มาสนใจพวกผม ไม่งั้นคงได้ยินแล้ว แต่ละคนนี่หูดีกันชะมัด ไม่รู้ว่าชาติที่แล้วเป็นหมากันรึไง

   “รีบไปกันเถอะ เดี๋ยวจะสาย” ไซเลอร์รีบตัดบทขึ้นมา เพราะได้เวลาออกเดินทางจริงๆ แล้ว ที่ยังเอ้อระเหยกันได้ ก็เพราะพวกเราตื่นแต่เช้ามาก แล้วมาถึงที่สำนักแพทย์เร็วกว่าเวลาที่นัดกัน เลยทำให้พี่ๆ แกมีเวลาแกล้งเพื่อนได้ เพลียกับพี่ๆ แกจริงๆ

   “พยายามเข้า” ผมตบบ่าพินช์เชอร์เบาๆ เป็นการให้กำลังใจแล้วรุนหลังให้เดินไปหาร็อตที่เดินไปยืนรอหน้าบูดอยู่ที่มังกรตัวเองแล้ว

   พินช์เชอร์หันมามองหงอยๆ พอเห็นผมผงกหัวให้ก็หายใจเข้าลึกๆ เหมือนเรียกกำลังใจ ก่อนจะเดินตรงไปหาร็อตอย่างมั่นใจขึ้น เห็นแล้วผมก็อดจะยิ้มด้วยความเอ็นดูไม่ได้

   “คิดจะเป็นพ่อสื่อหรือไง” เสียงไซเลอร์ที่ชะโงกมาถามใกล้ๆ ทำเอาผมสะดุ้ง  แล้วเผลอถลึงตาใส่ พอเห็นรอยยิ้มที่ส่งมาให้ก็หลบตาวูบเหมือนเดิม ให้ตายสิ! อย่าบอกไซเลอร์นะว่าผมแพ้ทางรอยยิ้มแบบนี้ เจอทีไรใจอ่อนทุกที

   “หึๆ” พอเห็นอาการผมก็หัวเราะแล้วเดินนำไปที่ไซรัสอย่างอารมณ์ดี ผมได้แต่ส่ายหัวแล้วเดินตามไป พอไปถึงก็ส่งก้อนหินให้ขึ้นไปก่อน มันก็ทักทายไซรัสด้วยภาษามังกรที่ผมฟังไม่ออก แล้วผมก็กระโดดขึ้นตามไป ตามด้วยไซเลอร์ที่พอขึ้นมานั่งได้ก็ขยับมาชิดซะจนแทบจะสิงกันได้เลย

   “ที่ถามไปข้ายังไม่ได้คำตอบเลยนะ” ไซเลอร์ถามขึ้นเบาๆ เมื่อนั่งเรียบร้อยแล้ว ทำให้ผมต้องดึงสายตาที่กำลังมองร็อตช่วยพินช์เชอร์ขึ้นมังกรอยู่อย่างทุลักทุเลกลับมา

   เอ่อ... ทีนี้ก็ผมนี่แหละที่หนีไปไหนไม่ได้เหมือนกัน จะกระโดดลงจากหลังมังกรก็คงไม่ดี

    กรรม! กรรมตามทันไวจริงๆ

   “ไม่เป็นไรข้ารอได้” เสียงของคนข้างหลังยังคงพูดต่อด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

   “ต่อให้รอทั้งชีวิตก็ได้ ขอแค่เจ้ายังอยู่ตรงนี้ ยังอยู่ที่นี่ก็พอ”

   “...”

   ไม่ใช่ว่าไม่เคยถามตัวเองนะ จากที่ลองทบทวนความรู้สึกของตัวเอง ทำให้ผมรู้ว่าความรู้สึกที่มีต่อไซเลอร์ไม่ใช่ความรู้สึกที่ให้กับเพื่อน กับพี่ หรือกับคนในครอบครัวแน่ๆ ผมรู้ดีว่ามันมากยิ่งกว่านั้น แต่ที่ยังให้คำตอบไม่ได้ เพราะผมยังไม่สามารถตัดสินใจได้ว่าจะอยู่หรือจะไป พอคิดทีไรก็ยังหาข้อสรุปให้ตัวเองไม่ได้สักที ห่วงก้อนหินก็ห่วง ห่วงคุณไฟก็ห่วง ยังไม่รู้จะเอายังไงดี ได้แต่คิดว่าถ้ากลับมาจากหาตัวยารักษาควีนเรียบร้อย และรอให้พ้นจากเรื่องยุ่งๆ นี้ไปก่อน แล้วค่อยคิด ค่อยตัดสินใจให้รอบคอบอีกที คิดว่าถึงตอนนั้นน่าจะมีคำตอบให้ตัวเองชัดเจนขึ้น

   รอไปก่อนนะไซเลอร์


   “ออกเดินทางได้” พอทุกคนขึ้นมังกรเรียบร้อยแล้วมาสทิฟฟ์ก็ออกคำสั่งให้ออกเดินทาง มังกรแต่ละตัวขยับกระพือปีกบิน ก่อนจะค่อยๆ ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าจนเห็นตัวเมืองขนาดเคลเบรอสขนาดเล็กนิดเดียว มาสทิฟฟ์บินนำหน้า ตามด้วยไซเลอร์กับร็อตบินเป็นคู่อยู่ตรงกลาง ปิดท้ายด้วยพรีซากับชเนาเซอร์

   สายลมที่พัดมาปะทะใบหน้ายังคงให้ความรู้สึกสดชื่นเหมือนเดิม ผมเคยสงสัยว่าพอขึ้นที่สูงแล้วอากาศที่ใช้สำหรับหายใจมีน้อยลงน่าจะทำให้เรารู้สึกอึดอัด แต่ทำไมผมไม่เคยรู้สึกอึดอัดเลยเวลาที่อยู่บนหลังมังกร ไซเลอร์เลยอธิบายให้ฟังว่ามังกรที่ผ่านการฝึกทุกตัวจะมีเวทย์กำกับเพื่อปกป้องเจ้าของและคนที่เจ้าของอนุญาตให้ขึ้นด้วย เรื่องนี้ก็เลยไม่เป็นปัญหา
   
   เพราะฉะนั้น คนที่เป็นเจ้าของมังกรเลยจำเป็นต้องเอาไปฝึกที่โรงฝึก เพราะคนที่จะร่ายเวทย์กำกับได้ต้องมีพลังเวทย์สูงมาก เวทย์กำกับถึงจะอยู่ได้นาน และเมื่อถึงเวลาก็ต้องไปรับเวทย์ซ้ำก่อนที่เวทย์จะเสื่อม ถึงได้เห็นมังกรขนาดใหญ่ที่โรงฝึกเป็นประจำ แหม่ อย่างกับต่อทะเบียนยานพาหนะที่โลกโน้นเลย

   ระหว่างทางมีแต่ความเงียบ ผมยังคงคิดอะไรเงียบๆ คนเดียว ไซเลอร์ก็บังคับมังกรไปเงียบๆ ไม่ได้ชวนดูอะไรอย่างที่เคย ส่วนก้อนหินหันหน้ามาซุกพุงผมหลับไปแล้ว เกิดเป็นก้อนหินนี่ก็ดีแฮะ ไม่ต้องคิดอะไรมาก ผมก้มลงมองมันด้วยความเอ็นดู จะทิ้งมันลงเหรอ? จะทนเห็นมันร้องไห้ได้เหรอ? แค่คิดก็ใจหาย ผมได้แต่กระชับอ้อมแขนกอดมันแน่นขึ้นอีกนิด

   “ไซเลอร์”

   “หืม”

   “รออีกหน่อยนะ แล้วข้าจะให้คำตอบ”

   “ได้สิ ข้าบอกแล้วไง ข้ารอเจ้าได้ชั่วชีวิต” ไซเลอร์ตอบมาอย่างหนักแน่นมั่นคง

   ได้ฟังคำตอบแล้วก็ได้แต่ถอนใจ ยิ่งนานวันความผูกพันยิ่งแน่นหนา ทั้งกับมังกร ทั้งกับคน จะตัดใจจากไปก็ยากเหลือเกิน เอาเถอะ พักเรื่องนี้เอาไว้ก่อนดิน คิดไปก็ปวดหัว โฟกัสเรื่องปัจจุบันก่อน อนาคตค่อยว่ากันอีกที แค่ทำวันนี้ให้ดีที่สุด มีความสุขกับการใช้ชีวิตในปัจจุบันก็พอ

   คิดได้อย่างนี้ก็สบายใจขึ้น เลยมีอารมณ์หันไปมองวิวด้านล่าง และหันไปมองพินช์เชอร์ ก็เห็นน้องนั่งตัวแข็งทื่ออยู่ ส่วนร็อตก็นั่งเกร็งห่างกันเกือบเป็นวา ผมได้แต่ขมวดคิ้วสงสัย จะได้เรื่องไหมนั่น? เดี๋ยวตอนลงไปพักค่อยถามความคืบหน้าอีกที


   พอถึงตอนเที่ยงมาสทิฟฟ์ก็ส่งสัญญาณให้ลงไปพักบริเวณแหล่งน้ำ ให้มังกรได้พักออกหาอาหารและกินน้ำ ส่วนพวกเราก็เอาเสบียงที่เตรียมมานั่งกินอยู่ห่างๆ แต่ก็ยังได้ยินเสียงมังกรทั้งห้าออกล่าอาหาร แค่ได้ยินก็สยอง อดจะรู้สึกขนลุกขึ้นมาไม่ได้

   หลังกินเสร็จระหว่างที่คนอื่นๆ ไปดูมังกรของตัวเอง ผมก็ลากแขนพินช์เชอร์ไปล้างมือที่เหนือน้ำขึ้นมาหน่อย ตามที่พ่อ เอ๊ย! ไซเลอร์ชี้บอก ระหว่างทางเดินก็เลยชวนพินช์เชอร์คุยไปด้วย

   “เป็นยังไงบ้างพินช์เชอร์” แค่เห็นหน้าน้องก็พอจะเดาคำตอบออก หน้าแหยซะขนาดนั้น

   “ขะ... ข้าไม่กล้า”

   “ทำไมล่ะ”

   “ก็ท่านร็อตนั่งห่างกับข้าเหมือนรังเกียจขนาดนั้น พอหันไปมองก็ทำหน้าดุใส่ข้า ข้าเลยไม่กล้าชวนคุย” พินช์เชอร์ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้

อืม... ก็พอเข้าใจนะ คนที่อยากจะคุยด้วยทำหน้าเหมือนจะแดกหัวตลอดเวลา ต้องใช้ความกล้าและหน้าด้านพอตัวถึงจะกล้าชวนคุยได้ แต่อย่างพินช์เชอร์เจอเรื่องเมื่อเช้าก็น่าจะขวัญเสียน่าดู แค่กล้าสบตาร็อตก็ถือว่าเก่งแล้วแหละ ผมได้แต่เกาหัวเพราะไม่รู้จะช่วยยังไง

   “ไม่เป็นไร เหลือเวลาอีกหลายวัน ค่อยๆ เป็น ค่อยๆ ไปก็แล้วกันนะ” ผมตบบ่าน้องเพื่อปลอบใจ

   “พยายามเข้า เชื่อพี่สิ ร็อตน่ะใจดีจะตาย ทำหน้าดุไปอย่างนั้นแหละ ที่จริงใจอ่อนมาก” ผมพยายามสร้างขวัญและกำลังใจให้พินช์เชอร์สู้ต่อไป

   “ครับ ข้าจะพยายาม” พอเห็นพินช์เชอร์ฮึดขึ้นมาก็อดจะเอ็นดูไม่ได้ เลยเผลอลูบหัวอย่างอ่อนโยน

   “เสร็จหรือยังดิน” เสียงไซเลอร์ที่ถามขึ้นทำเอาผมเผลอสะดุ้งโหยงแล้วชักมือกลับมาอย่างรวดเร็ว ได้ยินเสียงพินช์เชอร์หัวเราะคิกคักแล้วอยากจะตบหัวแทนลูบหัวอย่างเมื่อครู่ พอหันไปมองคนถามก็เห็นยืนกอดอกพิงต้นไม้จ้องมาเขม็ง ก็เห็นๆ อยู่ไม่รู้จะถามเพื่ออะไร   

   ไม่รู้พี่แกจะหวงอะไรนักหนา รู้ทั้งรู้ว่าลูกหมาพินช์เชอร์มีเป้าหมายอยู่ที่ร็อตก็ยังจะหวง ไม่ได้ต่างกับก้อนหินเลย ผมก้มลงมองก้อนหินที่เมื่อครู่ยังวิ่งไล่งับผีเสื้ออยู่ ตอนนี้กลับมายืนเกาะขาจ้องไซเลอร์เขม็งแล้ว เอาที่สบายใจกันเลยครับ ผมได้แต่ถอนหายใจด้วยความเพลียทั้งคนที่ทำตัวเหมือนพ่อเข้าไปทุกวัน กับมังกรที่ทำตัวเหมือนลูกเข้าไปทุกที

   พอทำธุระกันเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ออกเดินทางต่อกันทันที ก้อนหินปีนไปนั่งขวางอยู่ข้างหลัง จะจับมาไว้ข้างหน้าก็ไม่ยอมมันกอดเอวผมเอาไว้แน่น ที่จริงก็จะไปนั่งข้างหลังตั้งแต่เช้านั่นแหละ แต่ผมไม่ยอม เพราะผมชอบที่จะกอดมันไว้มากกว่า ดื้อจริงๆ ลูกใครวะ? นั่งไปสักพักก็รู้สึกว่าก้อนหินขยับยุกยิกอยู่ข้างหลัง

   “ก๊าส” เสียงขุ่นๆ ของก้อนหินร้องขึ้นอย่างขัดใจ

   “หึๆ” ในขณะที่ไซเลอร์หัวเราะขำๆ

   คงจะเล่นอะไรกันอยู่สักอย่างแน่ๆ ปล่อยให้ทั้งคู่เล่นกันต่อไปถ้าไซเลอร์เป็นคนดูแล ผมมั่นใจว่าไม่มีอะไรให้ต้องห่วง ผมหันไปมองวิวข้างล่างอย่างสบายใจ พอหันไปมองพินช์เชอร์ที่ตอนนี้ได้นั่งใกล้ร็อตเข้าไปอีกนิดก็ได้แต่ยิ้มขำๆ นับถือในความพยายามน้องมันจริงๆ อย่างนี้จะไม่ให้เอ็นดูได้ยังไง เชื่อเถอะว่าไม่นานร็อตก็คงใจอ่อน ใครใจแข็งกับพินช์เชอร์ลงนี่ผมให้เตะชเนาเซอร์เลยเอ้า!


   เมื่อฟ้าเริ่มมืดมาสทิฟฟ์ก็ส่งสัญญาณให้ลงไปพักอีกครั้ง ตามที่คุยกันไว้เราจะให้ทั้งคนทั้งมังกรพักวันละสองครั้งคือตอนเย็นกับตอนเที่ยงเพื่อไม่ให้มังกรล้าจนเกินไป เพราะกะเวลาแล้วต่อให้ติดขัดอะไร ยังไงก็น่าจะไปถึงอาณาจักรบาอัลก่อนวันพระจันทร์เต็มดวงแน่นอน
   
   พอมังกรร่อนลงที่ลานกว้างๆ ลานหนึ่งผมก็หันไปดูก้อนหินที่เงียบไปสักพักแล้ว ก็เห็นมันหลับเอาหัวซุกพุงไซเลอร์อยู่  ผมได้แต่ส่ายหัวด้วยความเอ็นดู นี่ทะเลาะกันประสาอะไรถึงได้มานอนซบกันแบบนี้เนี่ย

ทุกคนแบ่งหน้าที่กันไปทำเหมือนอย่างเคย โดยที่ไซเลอร์คอยตามประกบผมตลอด มีพินช์เชอร์แถมเพิ่มมาอีกคน จะให้น้องตามไปล่าสัตว์กับร็อตก็น่าจะไม่ไหว มาเก็บฟืนนี่แหละเหมาะกับพินช์เชอร์ที่สุดแล้ว แต่ทำไมต้องให้ผมมาเก็บฟืนด้วยวะ ฝีมือผมก็ดีขึ้นมากแล้วนะ ไม่อยากจะคุย!

   ด้วยความที่คนเก็บฟืนมีถึงสามคนกับอีกหนึ่งตัวเลยเก็บได้เพียงพอสำหรับใช้ในคืนนี้อย่างรวดเร็ว ถ้าไซเลอร์ไม่มัวแต่แกล้งก้อนหินอยู่คงจะเสร็จเร็วยิ่งกว่านี้

คิดดูสิ เดินเก็บฟืนกันอยู่ดีๆ พี่แกก็แกล้งเดินเข้ามาใกล้ๆ ผม ให้ก้อนหินมันทิ้งฟืนลงพื้นแล้วก็ขู่ในลำคอเบาๆ จนผมชักสงสัยว่านี่มังกรหรือหมา คนแกล้งก็โรคจิตพอกัน แม้แต่กับมังกรก็ไม่เว้นนะคนเรา นิสัยจริงๆ

แต่ผมไม่ห้ามหรอกครับ เห็นก้อนหินทำแบบนี้แล้วตลกดี ฮ่าๆๆ โรคจิตกว่าไซเลอร์ก็ผมนี่แหละ ไม่ต้องชมครับ ผมรู้ตัวดี

หลังกินอาหารเย็นเสร็จแล้วก็มามีปัญหาเรื่องนอนอีก เพราะไซเลอร์ขยับมานั่งพิงต้นไม้อยู่ใกล้ๆ คอยแหย่ก้อนหินให้มันกระโดดงับมือเล่น

หิน... มึงชักจะทำตัวเหมือนหมาขึ้นทุกทีแล้วนะ

“หิน เลิกเล่นได้แล้ว มานอนมา” พอผมเรียกมันก็หยุด เดินมาทิ้งตัวลงนอนข้างๆ แต่แทนที่จะซุกพุงเหมือนอย่างเคยกลับหันไปฝั่งไซเลอร์แล้วจ้องเขม็งแทน นี่ขนาดมีชเนาเซอร์นอนคั่นกลางอยู่นะ ไม่รู้เล่นอะไรของมัน ทำไมถึงได้ทำตัวน่ามันเขี้ยวขนาดนี้ ผมเลยจับมันมาฟัดทันทีด้วยความเอ็นดู ก่อนที่จะหันมามองพินช์เชอร์ที่นอนมองตาแป๋วอยู่อีกข้าง มีร็อตนอนประกบอยู่ห่างๆ อีกที นี่ถ้าไม่โดนเพื่อนๆ บังคับ เชื่อเถอะว่าพี่แกคงไปนอนอีกฟากกับมาสทิฟฟ์และพรีซาที่เฝ้ายามรอบแรกแน่ๆ

“ฝันดีนะพินช์เชอร์”

“ฝันดีครับพี่ดิน”

“แฮ่ม” นี่ก็ไม่ได้เลย ต้องมีอะไรติดคอตลอด ก้อนหินไปเอาออกให้หน่อยซิ เผื่อจะโล่งคอขึ้นบ้าง

ผมได้แต่ส่ายหัวด้วยความระอา ก่อนจะล้มตัวนอนแล้วดึงก้อนหินมากอดด้วยความเคยชิน

“ฝันดีนะก้อนดิน” เสียงของคนที่พิงต้นไม้บอกอย่างอ่อนโยน

“ฝันดีครับ” ผมบอกทั้งไซเลอร์และชเนาเซอร์ที่นอนอยู่ข้างๆ ก่อนจะก้มลงกระซิบบอกก้อนหินลูบหัวมันเบาๆ กอดมันไว้ แล้วหลับตาลงพักผ่อน

(มีต่อค่ะ)

ออฟไลน์ maneethewa

  • มณีเทวา
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 184
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1
    • Maneethewa - มณีเทวา
(ต่อ)

เนื่องจากการเดินทางไม่มีปัญหาอะไร ทำให้พอล่วงเข้าสู่เช้าของวันที่สามเราก็มาถึงชายแดนของอาณาจักรบาอัลตามกำหนด พอไปถึงชายแดนเมื่อเอามังกรร่อนลงก็มีคนของอาณาจักรมารอรับอยู่แล้ว

“ยินดีต้อนรับสู่อาณาจักรบาอัล องค์ราชาให้พวกข้ามาอำนวยความสะดวกให้พวกท่าน” ผู้ชายตรงหน้ามีรูปร่างสูงโปร่งเพรียวบาง ผิวขาวจัด ผมสีน้ำตาลอ่อนยาวถักเปียไว้อย่างสวยงาม ส่วนอีกคนรูปร่างเตี้ยกว่าคนแรกเล็กน้อย ผิวขาวเหมือนกัน ผมสีส้มจัดจนแสบตารวบไว้ง่ายๆ ผมได้แต่จ้องสีผมของเขาอย่างสนใจ สีเจ็บดีจริงๆ

“ขอบใจมากแร็กดอลล์ เทอร์คิช”

“ยินดีที่ได้พบอีกครั้งนะมาสทิฟฟ์ พรีซา ร็อต ไซเลอร์ ชเนาเซอร์” อ้าวรู้จักกันด้วยเหรอ

“นี่ก้อนดินกับพินช์เชอร์ คนของสำนักแพทย์” มาสทิฟฟ์หันมาแนะนำผมสองคน

ผมกับพินช์เชอร์รีบโค้งให้คนตรงหน้าซึ่งหันมาโค้งรับอย่างสุภาพเช่นกัน

“ยินดีที่ได้รู้จักท่าน”

“เช่นกันครับ” เป็นทางการดีจริงๆ ผมไม่ค่อยจะชิน หรือที่เคลเบรอสมันจะสบายๆ ไปหว่า

“ออกเดินทางเลยดีไหม องค์ราชาให้ข้ามารับ พวกท่านจะได้ไม่ต้องผ่านด่านตรวจให้เสียเวลา สามารถเข้าวังได้เลย ไปถึงที่นั่นแล้วค่อยพักผ่อนทีเดียว พวกท่านไหวไหม”

“สบายมาก” ทีมเฮดีสประสานเสียงตอบ

ส่วนผมก็มองรอบตัวอย่างสนใจ เพราะยังมีคนบางส่วนที่จูงมังกรไปที่โรงพักมังกรเพื่อรอตรวจสอบ ส่วนคนที่มากับพาหนะอย่างอื่นหรือมาตัวคนเดียวก็เข้าแถวรอการตรวจสอบยาวเหยียด ไซเลอร์กระซิบบอกว่าคนส่วนใหญ่จะเดินทางมาค้าขายทั้งที่มาจากเคลเบรอสและอาณาจักรรุคด้วย

“งั้นก็ไปกันเถอะ” พูดจบทั้งสองก็เดินไปจูงมังกรของตัวเองมา น่าจะเป็นคนที่มีตำแหน่งสูงและเป็นที่รู้จักพอควร เพราะเดินผ่านใครก็มีแต่คนคำนับให้ มิน่าล่ะถึงได้ถูกส่งมาให้เป็นพาสปอร์ตผ่านทางชั้นดี

“ทั้งสองเป็นหน่วยพิเศษของอาณาจักรเหมือนกับพวกข้า เคยฝึกร่วมกันมาก่อน และมีบางภารกิจที่ต้องทำงานร่วมกัน ทำให้รู้จักกันไปด้วย” ไซเลอร์เล่าให้ฟังเมื่อขึ้นมังกรเรียบร้อยแล้ว ผมผงกหัวหงึกหงักรับทราบ แต่ไม่ได้พูดอะไรเพราะสนใจมองวิวข้างล่าง ดูแล้วการใช้ชีวิตของทั้งสองอาณาจักรดูน่าจะไม่แตกต่างกันนัก บ้านเมืองก็มีรูปแบบคล้ายๆ กันด้วย

ระหว่างทางทั้งคู่ก็พาพวกเราพักกินอาหารเที่ยงกันก่อนค่อยเดินทางต่อ กว่าจะเดินทางถึงเมืองหลวงของบาอัลก็เป็นเวลาเย็นพอดี บรรยากาศยามพระอาทิตย์ตกดินไม่ว่าจะดูที่ไหนก็สวยเสมอ ผมมองแสงสีทองที่สาดไปทั่วอาณาบริเวณแล้วยิ้ม

ถึงแล้วสินะเมืองหลวงของอาณาจักรบาอัล

ท่านแร็กดอลล์กับเท่านทอร์คิชพามังกรร่อนลงที่ลานกว้างๆ แห่งหนึ่งของพระราชวังแล้วให้คนนำมังกรไปเก็บ ส่วนพวกเราก็เดินเข้าไปในพระราชวัง ระหว่างทางก็พบทหารตามกระจายอยู่ตามจุดต่างๆ อย่างแน่นหนาและเป็นระเบียบ อย่างกับหุ่นยนต์ แม้แต่คนในตำแหน่งอื่นๆ ที่เดินสวนกันก็ดูจะอยู่ในระเบียบอย่างเคร่งครัด ภายในเงียบสงบมาก ดูเป็นทางการจนน่าอึดอัด บรรยากาศผิดกับพระราชวังแห่งเคลเบรอสลิบลับ

เมื่อผ่านประตูเข้าไปก็พบว่าด้านในตกแต่งออย่างหรูหรา ห้องแต่ละห้องประดับโคมไฟระย้าโคมใหญ่งดงามไม่ซ้ำแบบ ทั้งตู้โชว์ของสวยๆ งามๆ ตั้งโชว์อยู่หลายๆ ตู้ รูปภาพทั้งรูปคนและรูปวิวกรอบใหญ่หรูหราเรียงรายกันยาวเหยียด ดูอลังการสมกับเป็นพระราชวังอย่างที่เคยจินตนาการไว้ ไม่เหมือนกับที่เคลเบรอสที่นั่นให้ความรู้สึกอบอุ่นเหมือนเป็น ‘บ้าน’ มากกว่า อืม... มันอดเปรียบเทียบไม่ได้จริงๆ

ผมต้องรีบรวบรวมสติอีกทีเมื่อไปถึงจุดหมายซึ่งท่านแร็กดอลล์กับท่านเทอร์คิชบอกว่าเป็นห้องรับแขกที่องค์ราชาทรงรออยู่ ผมแอบถามไซเลอร์ว่าทำไมถึงเรียกตำแหน่งไม่เหมือนกัน ไซเลอร์บอกว่าอาณาจักรบาอัลกับรุคเรียกเหมือนกันคือองค์ราชากับราชินี มีเพียงเคลเบรอสที่เรียกคิงกับควีน เพราะคิงบอกว่าทรงพอใจจะเรียกแบบนี้ใครจะทำไม ในเมื่อคนในอาณาจักรไม่มีปัญหา คนอาณาจักรอื่นเลยต้องยอมเรียกไปด้วย อือ... อินดี้สมเป็นคิงเคลเบรอสจริงๆ 

เมื่อประตูเปิดออก ผมก็สำรวมกิริยาขึ้นอีก เพราะจากที่สังเกตดูแล้วที่นี่น่าจะเคร่งครัดกับธรรมเนียมกันพอสมควร ยังดีที่ยอมให้พกก้อนหินเข้ามาด้วย ไม่งั้นผมคงจะกังวลเพราะเป็นห่วงมันน่าดู

ห้องนี้เป็นเหมือนห้องประชุมขนาดเล็ก มีเก้าอี้ของประธานที่ใหญ่ที่สุด ดูหรูหราที่สุดในห้อง ยกสูงกว่าของคนอื่นๆ ตั้งอยู่ตรงกลาง ซึ่งขณะนี้มีเจ้าของตำแหน่งนั่งรออยู่แล้ว ตามด้วยเก้าอี้อีกตัวที่น่าจะเป็นของควีนที่เล็กกว่าตั้งห่างออกมาหน่อย ก่อนที่จะขนาบด้วยเก้าอี้ซ้ายขวาข้างละประมาณสิบกว่าตัวจัดรูปแบบเหมือนตัวยูคว่ำ มีคนนั่งอยู่ตรงเก้าอี้บริเวณหัวโต๊ะอีกสามคน พอพวกเราไปถึงคนทั้งสี่ในห้องก็ลุกขึ้น

“ถวายพระพรฝ่าบาท” พวกเราทิ้งตัวลงคุกเข่าถวายความเคารพองค์ราชาของอาณาจักรบาอัล ซึ่งไซเลอร์บอกว่าชื่อราชาคินเนสส์ ส่วนราชินีที่ไม่ได้มาด้วยชื่อราชินีบาลินีส

“ลุกขึ้นเถอะ” น้ำเสียงอ่อนโยนขององค์ราชาทรงเอ่ยอนุญาต

“ขอบพระทัยฝ่าบาท” เมื่อลุกขึ้นยืนแล้วผมก็แอบสังเกตองค์ราชาในระยะใกล้ขึ้น ราชาคินเนสส์น่าจะมีอายุพอๆ กันกับคิงเกรทเดน แต่รูปร่างจะสูงและเพรียวมากกว่า ซึ่งน่าจะเป็นลักษณะเฉพาะของคนอาณาจักรนี้ ผิดกับคนของเคลเบรอสที่สูงใหญ่และหนาซะเป็นส่วนใหญ่

“ข้าได้รับสานส์จากคิงเกรทเดนแล้ว เจ้าอยากได้อะไรก็บอก ข้าจะให้คนจัดหาให้ อ้อลืมแนะนำไป นี่ท่านเบอร์มีส จอมปราชญ์แห่งบาอัล แล้วนี่ก็ท่านชาร์ตรู หัวหน้าสำนักแพทย์ และอีกคนที่ข้าจัดไว้คอยอำนวยความสะดวกให้ก็คือเจ้าชายบาตัน ลูกชายของข้าเอง” พวกเราหันไปคำนับให้คนทั้งสามอย่างเรียบร้อย

ท่านเบอร์มีสมีบุคลิกเหมือนท่านมอลทีสมาก ส่วนท่านชาร์ตรูอายุก็คงจะพอๆ กับท่านลาซาเหมือนกัน อยากรู้จริงๆ ว่าคนที่จะมาอยู่ในตำแหน่งนี้ได้ต้องมีบุคลิกกับอายุเหมือนถอดออกมาจากบล็อคเดียวกันขนาดนี้เลยหรือไง ถ้าจะให้ชัวร์ต้องไปพิสูจน์ที่อาณาจักรรุคอีกอาณาจักรจะได้มั่นใจ ผมคิดอย่างขำๆ

“ทีมเฮดีสเราเจอกันบ่อย รู้จักกันดีอยู่แล้ว ส่วนพินช์เชอร์ก็เคยเห็นตามท่านลาซามาบ้าง ส่วนเจ้าท่านมอลทีสบอกว่าชื่อก้อนดินใช่ไหม” ท่านเบอร์มีสถามขึ้น

“ครับ” มันต้องตอบอะไรเพิ่มไปไหมวะ

“ส่วนนี่ก็ก้อนหิน” แววตากระจ่างใสดูรอบรู้ทำให้ผมรู้สึกขนลุกจนเผลอกอดก้อนหินไว้แน่น

“ก๊าส”

“ครับ นี่ก้อนหิน” พอได้ยินเสียงก้อนหินผมเลยรู้สึกตัวและบอกท่านเบอร์มีสไป ต่อให้ท่านรู้ว่าก่อนหินเป็นอะไร แต่ถ้าเป็นเพื่อนท่านมอลทีสก็น่าจะไว้ใจได้มั้ง

“ท่านลาซาบอกว่าเจ้ารู้วิธีปรุงยารักษาพิษรักใช่ไหม” ท่านชาร์ตรูถามขึ้นบ้าง

“ใช่ครับ” พอเห็นแววตาเป็นประกายของท่านชาร์ตรูผมก็อดจะรู้สึกขำไม่ได้ เหมือนแฝดของท่านลาซาจริงๆ

“ถ้าอย่างนั้นข้ากับท่านเบอร์มีสต้องขอตัวก่อน ฝากให้ท่านชาร์ตรูกับบาตันช่วยดูแลแขกของเราด้วยนะ” พอองค์ราชาตรัสจบ พวกเราก็คุกเข่าคำนับส่งพระองค์

พอองค์ราชาเสด็จออกจากห้องไปแล้ว ท่านชาร์ตรูก็เชิญให้พวกเรานั่งคุยกันก่อน

“เจ้าต้องการเห็ดเรืองแสงที่คุกใต้ดินอย่างเดียวหรือ ต้องการอย่างอื่นอีกหรือเปล่า” ท่านชาร์ตรูถามขึ้นเมื่อเรานั่งกันเรียบร้อยแล้ว

“ข้าต้องการของตามนี้ครับ” ผมส่งรายการที่บอกให้พินช์เชอร์เขียนให้กับท่านชาร์ตรูไป เมื่อท่านรับไปอ่านแล้วก็หันมาบอก

“ที่สำนักแพทย์มีครบทุกอย่างที่เจ้าต้องการ เดี๋ยวข้าจะเตรียมให้ แล้วจะให้คนขนไปไว้ที่คุกใต้ดินเลย”

“ขอบคุณครับ ส่วนตัวยาบางส่วนที่ต้องใช้ข้าเตรียมมาด้วยแล้ว คืนพรุ่งนี้ก็พร้อมสกัดตัวยาได้เลย”

“ถ้าข้าจะขอไปดูด้วยได้ไหม” ท่านชาร์ตรูถามด้วยแววตาเป็นประกาย

“ได้เลยครับ”

“ถ้าอย่างนั้นตอนนี้พวกเจ้าก็ไปพักผ่อนก่อนก็แล้วกัน เดี๋ยวข้าจะไปเตรียมของให้ก่อน ต่อจากนี้คงต้องฝากเจ้าชายบาตันรับช่วงต่อก็แล้วกัน”

“ได้ครับท่านชาร์ตรู”

โครก!

อุย! พอท่านชาร์ตรูเดินออกไปปุ๊บ ท้องก้อนหินก็ร้องปั๊บ มันทำหน้ามุ่ย สงสัยจะหิวแล้ว เพราะเลยเวลาอาหารเย็นมานานแล้ว

“หึๆ มันคงจะหิวแล้ว ถ้าอย่างนั้นโปรดตามข้ามา ข้าจะพาพวกท่านไปรับประทานอาหารเย็น หลังจากนั้นจะได้พาไปที่พัก พวกท่านจะได้พักผ่อนกัน” เจ้าชายบาตันที่ถอดสำเนามาจากองค์ราชาบอกขึ้น ก่อนจะเดินนำไป ที่นี่ทำงานกันเป็นขั้นเป็นตอนดีจริงๆ มีการรับช่วงต่อกันเป็นทอดๆ

เจ้าชายบาตันพาเราไปที่ห้องอาหารที่โต๊ะยาวเหยียด อาหารวางเรียงรายเต็มโต๊ะ จนผมนึกสงสัยว่าถ้าจะกินให้ครบทุกจานมิต้องเดินไล่ตักตั้งแต่หัวโต๊ะยันท้ายโต๊ะรึไง ได้แต่เดินตามหลังไซเลอร์ไปเงียบๆ เพราะบรรยากาศมันดูเป็นทางการซะจนไม่กล้าจะพูดอะไรออกไป กลัวจะทำอะไรผิดกาลเทศะเข้า

ระหว่างมื้ออาหารแต่ละคนก็นั่งกินกันเงียบๆ ได้ยินเพียงเสียงช้อนกระทบกับจานเบาๆ มีเพียงก้อนหินที่เหมือนจะเจริญอาหารอยู่ตัวเดียว ส่วนผมนี่มัวแต่เกร็ง ถ้าไซเลอร์ไม่คอยตักอาหารให้ก็คงกินไม่ลง

พอเจ้าชายพาพวกเราไปถึงที่พักแล้วทรงลากลับไปนั่นแหละผมถึงกับถอนหายใจดังเฮือกจนคนอื่นๆ พากันหัวเราะ

“เป็นไง กินข้าวอร่อยไหมดิน” ไม่คิดมาก่อนว่าจะรู้สึกคิดถึงเสียงแซวของชเนาเซอร์ขนาดนี้ ผมถอนหายใจเฮือกเป็นคำตอบ

“ถ้าเป็นไปได้ อยากจะให้พระจันทร์เต็มดวงซะวันนี้ แล้วพรุ่งนี้กลับเคลเบรอสเลยซะด้วยซ้ำครับ”

“ฮ่าๆๆๆ เห็นไหมล่ะ ใครจะอยากอยู่ท่ามกลางบรรยากาศแบบนี้กัน มาทีไรข้าจะขาดใจตายทุกที” มาสทิฟฟ์บ่น

พอเห็นสีหน้าห่อเหี่ยวของแต่ละคนผมก็อดจะขำไม่ได้ สำหรับสิ่งมีชีวิตที่รักอิสระอย่างชาวเคลเบรอสมาเจออะไรที่เป็นระเบียบแบบแผนขนาดนี้ก็คงจะอึดอัดแย่ ขนาดผมที่โตมาในบ้านท่านทูต เข้ามาที่นี่ได้ไม่ถึงวันยังจะเฉาตายเลย

“ก๊าส” ก้อนหินขยี้หูขยี้ตาเงยหน้าขึ้นร้องอ้อนให้พาไปนอน

“ไปนอนกันเถอะ พรุ่งนี้ตอนเช้าเตรียมของเสร็จแล้วเราหนีเที่ยวตลาดกัน บ่ายๆ ค่อยกลับเข้ามา” ชเนาเซอร์บอกอย่างร่าเริง

“แหม ทีก่อนหน้านี้ละเงียบกริ๊บเชียวนะชเนาเซอร์” ผมอดจะแซวไม่ได้

“เจ้าจะอยู่รอที่นี่รึเปล่าล่ะ” ชเนาเซอร์ถามอย่างกวนตีน

“ไม่” เรื่องอะไรจะอยู่ให้โง่

“ฮ่าๆๆๆๆ” แล้วพี่ๆ แกก็หัวเราะขึ้นพร้อมกันโดยไม่ได้เกรงใจเจ้าที่เลย


ผมยืนกอดก้อนหินมองห้องนอนด้วยความอึ้ง เพราะภายในห้องตกแต่งอย่างหรูหรา เตียงที่ตั้งอยู่กลางห้องมีเสาสี่ด้านคลุมด้วยผ้าโปร่งบางสีชมพูติดขอบลูกไม้ระย้าดูน่าขนลุก สาวๆ สองคนที่ยืนรออยู่หน้าห้องเมื่อครู่เดินตามเข้ามาในห้อง ทำให้ผมต้องหันไปถามด้วยความสงสัย

“เอ่อ... มีอะไรรึเปล่าครับ”

“พวกข้ามาช่วยท่านอาบน้ำแต่งตัวเจ้าค่ะ”

“เฮ้ย! ไม่ต้องครับ” ผมบอกอย่างรวดเร็วด้วยความตกใจ จะบ้าเรอะ ไม่ใช่เด็กอนุบาลถึงจะต้องมีคนช่วยอาบน้ำให้

“ข้าอาบเองได้ ไม่รบกวนหรอกครับ” ผมพูดปฏิเสธจนลิ้นพันกัน สาวๆ หัวเราะกันคิกคัก รู้สึกเลยว่าหน้าตัวเองร้อนจัด ผมไม่เข้าใจ ทำไมคนที่อายถึงเป็นผู้ชายที่จะถูกอาบน้ำให้อย่างผมด้วย สาวๆ เค้าไม่อายกันรึไงวะ

“แน่ใจหรือคะท่าน” คนพูดชม้ายชายตาให้จนผมทำหน้าไม่ถูก

“นะ... แน่ใจครับ” ผมถอยกรูดเมื่อเธอขยับเข้ามาใกล้เรื่อยๆ

“แฮ่ม” ผมถอนหายใจเฮือก ไม่เคยรู้สึกดีใจเวลาได้ยินเสียงกระแอมของไซเลอร์ขนาดนี้มาก่อนเลย

“มีอะไรก็ไปทำเถอะ พวกข้าจัดการเองได้” น้ำเสียงแข็งๆ จริงจังของไซเลอร์ทำให้พวกเธอยอมถอยกลับไปสำรวมเหมือนตอนแรก

“เจ้าค่ะ” ตอบรับเสร็จก็โค้งให้แล้วพากันเดินออกไป ก่อนจะปิดประตูยังไม่วายส่งสายตาอาลัยอาวรณ์มาให้ผมขนลุกเล่น พอประตูปิดลงผมก็ถอนหายใจเฮือกอย่างโล่งอก

“ชอบเหรอ”

“ห๊ะ!” ใช้ตาปลาดูรึไง ถึงได้มองว่าผมชอบไปได้ ไม่เห็นรึไงว่าถอยไม่เป็นท่าซะขนาดนั้น แต่สงสัยผมจะตอบช้าไป พี่แกเลยก้าวเข้ามาใกล้เรื่อยๆ ตาเขียวๆ นั่นขุ่นคลั่กเหมือนโดนตะไคร่น้ำเกาะอีกแล้ว

“ถ้าชอบคนปรนนิบัติเดี๋ยวข้าจะช่วยอาบให้เอง” พูดจบก็จับแขนลากไปทางห้องอาบน้ำทันทีจนผมเหวอ

“เฮ้ย! เดี๋ยว! ไซเลอร์” ผมพยายามขืนตัวไว้แต่สู้แรงไม่ได้เลยโดนลากต่อไป

“ก๊าส” ก้อนหินที่ตาปรือๆ อยู่ยังตาสว่างตื่นมาทันที มันยื่นแขนไปตีมือไซเลอร์ช่วยอีกแรงแต่พี่มันก็ยังไม่หยุด ถ้ากระโดดงับหูพี่มันจะหายบ้าไหมฮึ?

“พะ... พี่ดิน” เสียงเปิดประตูและเสียงเรียกของพินช์เชอร์ทำให้เราทั้งสามหยุดชะงัก พอหันไปมองก็เห็นพินช์เชอร์ทำหน้าตื่นๆ เสื้อผ้าหน้าผมยับยุ่งอย่างกับโดนรุมโทรมมา

อุย! คิดอะไรออกไป พี่ขอโทษนะพินช์เชอร์ ได้แต่ขอโทษขอโพยน้องมันในใจ

อาศัยช่วงเวลาที่ไซเลอร์เผลอดึงมือออกแล้ววิ่งไปลากพินช์เชอร์ที่หันซ้ายหันขวาอย่างหวาดระแวงเข้ามาในห้อง

"เกิดอะไรขึ้น ใครทำอะไรฮึ บอกพี่ซิ" ผมถามน้องด้วยความเป็นห่วง

“กะ... ก็ ผู้หญิงพวกนั้นจะจับข้าถอดเสื้อผ้า” พินช์เชอร์บอกตะกุกตะกัก

“พรืด! ฮ่าๆๆๆๆๆ” เปล่า นั่นไม่ใช่เสียงผมครับ ผมไม่ได้เป็นคนเสียมารยาทขนาดนั้น แต่มันเป็นเสียงของชเนาเซอร์กับมาสทิฟฟ์ที่มาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้หัวเราะลั่นขึ้นมา นอกจากนี้ยังมีพรีซากับร็อตที่ยืนกอดอกยิ้มขำๆ อยู่หน้าห้องด้วย

“เอ่อ... ยังไม่นอนกันเหรอครับ” มากันครบทีมเลย

“พวกข้าก็เจอ เอ่อ... อย่างพวกเจ้าเหมือนกัน เป็นห่วง เลยแวะมาดู” ร็อตเป็นคนตอบแทน

ผมได้แต่ทำหน้าไม่ถูก ทุกคนดูจะรับมือไหว ทำไมมีแต่ผมกับพินช์เชอร์ที่อ่อนหัดกันนักวะ ผมหันไปมองไซเลอร์ที่ตาสีเขียวๆ ยังขุ่นคลั่กก็ได้แต่ถอนหายใจแล้วบอกไป

“ไม่ได้ชอบ เมื่อกี๊ไม่ได้ยินรึไงว่าปฏิเสธพวกนางอยู่” ผมรีบอธิบาย ก่อนจะโดนลากไปอาบน้ำให้อีกรอบ ฟังไม่ได้ศัพธ์จับไปกระเดียด เดี๊ยะ! ให้ก้อนหินจัดการเลย

“ก๊าส” เหมือนมันจะอ่านความคิดผมออก ก้อนหินร้องเสียงขุ่น สายตาก็มองไซเลอร์ขุ่นๆ ไปด้วย ดีมากก้อนหิน ต้องช่วยกันแก้ตัว เอ๊ย! ต้องช่วยกันเถียงบ้าง

พอเห็นว่าสายตาไซเลอร์เริ่มอ่อนลงผมก็อดจะถามด้วยความสงสัยไม่ได้

“ปกติเจอแบบนี้บ่อยไหมครับ”

“ไม่นะ ที่นี่ไม่เคยเจอ แต่เจอที่รุคบ่อย เพราะที่นั่นชอบงานรื่นเริง” มาสทิฟฟ์ที่หยุดหัวเราะได้แล้วตอบให้

“ได้ข่าวว่าช่วงนี้เป็นช่วงนัดประชุมเรื่องงานฝีมือของควีนทั้งสามอาณาจักร น่าจะมีคนของอาณาจักรรุคมีส่วนในเรื่องนี้แน่”  พรีซาบอก

“...”

“งั้นก็ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่” ขนาดร็อตที่นิ่งๆ ยังถอนหายใจด้วยความเพลียอ่ะคิดดู แค่ได้ยินกิตติศัพท์ก็ชักจะกลัวใจคนอาณาจักรรุคจริงๆ ไม่อยากนึกถึงตอนที่จะไปขออนุญาตเก็บไข่หงส์เลย

“แยกย้ายกันไปนอนเถอะ คงไม่มีอะไรแล้ว” ร็อตพูดต่อ สายตาที่มองพินช์เชอร์มีแววห่วงใยจนผมแอบยิ้ม

“ข้ามานอนเป็นเพื่อนไหมดิน” ส่วนคนไม่ขอก็เสนอหน้ามาจริงๆ ดีที่ร็อตล็อคคอแล้วลากออกจากห้องไปซะก่อนตามด้วยมาสทิฟฟ์และพรีซาที่เดินหัวเราะตามไป

ไม่แน่จริงนี่หว่า ผมหมายถึงร็อตนะครับไม่ใช่ชเนาเซอร์ ถ้าห่วงน้องก็ต้องชวนไปนอนด้วยเลยสิ ขัดใจจริงๆ

“พี่ดิน”

“หือ”

“ข้าขอนอนด้วยได้ไหม” พินช์เชอรถามผม

“นะครับท่านไซเลอร์” แล้วก็หันไปขออนุญาตไซเลอร์เฉย

อ้าว! จะมานอนกับผมแล้วหันไปขอพี่มันทำไม ไซเลอร์จ้องพินช์เชอร์อยู่นาน ก่อนจะถอนหายใจแล้วเอ่ยอนุญาต

“ก็ได้” สงสัยจะสงสารที่พินช์เชอร์กำลังขวัญเสีย ไม่งั้นคงไม่ยอมง่ายๆ หรอก ผมมั่นใจ

“ล็อคประตูให้ดีๆ นะ ดึกๆ ไม่ต้องออกไปไหน พรุ่งนี้เช้ารอให้ข้ามาเคาะประตูเรียกแล้วค่อยเปิด”

“ครับพ่อ” นั่นแหละ พี่แกถึงยิ้มออกมาได้ ไซเลอร์ยื่นมือมาลูบหัวผมเบาๆ ก่อนจะยื่นไปลูบหัวก้อนหินให้มันงับเล่นก่อนจะบอก

“ฝันดีนะ”

“ฝันดีเช่นกันครับ”

ไซเลอร์เดินออกไปแล้วปิดประตูให้ ผมรีบเดินไปล็อคกลอนและสำรวจให้แน่ใจว่ามันแน่นหนาดีแล้ว จึงได้เดินกลับมาหาพินช์เชอร์

“ไปอาบน้ำก่อนพี่ไป จะได้มาพักผ่อน เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว” ทั้งกลุ่มก็มีพินช์เชอร์นี่แหละที่อ่อนแอที่สุด น้องเคยบอกว่าไม่ค่อยได้เรียนเรื่องการต่อสู้ เพราะมุ่งสู่สายการแพทย์อย่างเดียว

“ครับพี่ดิน” พินเชอร์รับคำแล้วเดินเข้าห้องน้ำไปอย่างว่าง่าย

พอพินช์เชอร์เดินเข้าห้องน้ำไปแล้ว ผมก็ก้มลงมองก้อนหินแล้วถามมัน

“ง่วงรึยังฮึ ตาใสแล้วนี่ อาบน้ำด้วยกันก่อนไหมจะได้สบายตัว”

“ก๊าส” มันร้องรับคำ มองมาตาแป๋ว ผมเลยจับมันมากอดด้วยความมันเขี้ยว มันก็เอาหัวถูอ้อนทันที

โอ๊ย! จะทำให้รักไปถึงไหน แค่นี้ก็ทั้งรักทั้งหลงจนหัวปักหัวปำแล้ว กอดกันจนพอใจก็อุ้มมันเดินสำรวจรอบห้อง ผมยืนมองเตียงที่คลุมด้วยผ้าโปร่งๆ ติดขอบลูกไม้แล้วก็ได้แต่ขนลุก ช่างสภาพมันครับ สนใจแค่ไซส์ก็พอ เตียงขนาดใหญ่น่าจะพอให้เรานอนได้ครบทั้งสองคนและอีกหนึ่งตัว

ก่อนจะเดินไปชะโงกดูที่หน้าต่าง ด้านล่างเป็นสวนดอกไม้ แต่มีทหารยามยืนยามอยู่เป็นระยะดึกป่านนี้มองไปก็ไม่เห็นดอกไม้หรอก เลยแหงนหน้ามองดาวบนฟ้าแทน ที่โลกนี้นอกจากพระอาทิตย์และท้องฟ้าในยามกลางวันจะสวยแล้ว ท้องฟ้าในยามค่ำคืนก็งดงามไม่แพ้กันด้วย ไม่ว่าจะเป็นยามคืนเดือนมืดที่เห็นดาวพราวทั่วท้องฟ้า ไม่ว่าจะเป็นยามที่ใกล้จะถึงคืนวันเพ็ญ ที่พระจันทร์ใกล้จะเต็มดวงเต็มทีอย่างคืนนี้ พระจันทร์ดวงใหญ่สวยจับใจจนทำให้ผมกอดก้อนหินยืนมองเพลิน

มีใครสักคนเคยบอก ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็อยู่ใต้ฟ้าเดียวกัน พระจันทร์ก็ดวงเดียวกัน ถ้าแหงนมองไปอาจจะถ่ายทอดความรู้สึกไปถึงอีกคนที่อยู่ทางไกลได้ แต่นี่มันต่างมิติ ไม่รู้ว่าจะใช้ทฤษฎีนี้ได้ด้วยไหม แต่ผมก็อยากจะลองดู

คนทางนี้สบายดี คนทางนั้นจะเป็นยังไงบ้างนะ อาจจะคิดว่าผมตายแล้ว อาจจะลืมกันไปแล้วก็ได้ แต่ถึงยังไงผมก็อยากจะขอฝากพระจันทร์ไป ขอให้คนทางนั้นมีความสุขเหมือนกับผมนะครับท่านทูต คุณไฟ


@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

แจกเป็ดทุกคน ทุกตอน ไม่รู้เอาไว้ทำอะไร แต่อยากแจก 555555 + คงดีกว่าลบแน่นอน

หายไปนานเลยค่ะ แหะๆ ช่วงนี้งานเข้า พระศุกร์เข้า พระเสาร์แทรก พระราหูอม พระอังคารเหยียบซ้ำ พระจันทร์หักอก เดี๋ยวๆๆๆ 55555 พอละ หูย แนวนี้ก็น่าเขียนแฮะ บรรดาเทพๆ ทั้งหลาย น่าสนุกเชียว

เอิ่ม แต่มังกรยังไม่มีวี่แววว่าจะจบ พี่เป็ดแคน? ได้แค่สองตอน พี่ควายแสนได้แค่โครง ไหนจะเด็กวัดที่อยู่ในไห แฮ่ ท่าทางคงจะเป็นแพลนนิ่งไปก่อน ถ้าขยันจะลองเขียนดูค่ะ หลังจากลองเขียนเรื่องนี้เป็นเรื่องที่สอง ทำให้รู้ว่า เป็นคนอ่านดีกว่าเยอะเลย ถถถ

อยากจะลงให้ทุกวัน แต่มันเขียนไม่ได้ดั่งใจค่ะ แง่ม ตันบ่อยๆ ค่อยๆ ชิน ค่อยๆ ฝึก ค่อยๆ คลานไปค่ะ เป็นกำลังให้ด้วยนะคะ

 :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5:

@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@


#alternative อย่าทำก้อนหินนนนนน 555555555 หินแค่หวงดินเฉยๆ  :laugh:
#duck-ya โดนแกล้งตลอดแหละค่ะ เล่นกันน่าเอ็นดู้วววว
#MayA@TK อยากจับฟัดเหมือนกันค่ะ มันเขี้ยววววววว
#Ryu7801 ถ้าก้อนหินยังอยู่คงอีกนานค่ะ ถถถ สงสารพี่ไซ
#DeShiWa ขอบคุณค่า กว่าจะโต คงอีกสักพักกกกกกกกกกกกกกกกก
#ommanymontra กอดดดด  :L2: :L2: :L1: :L2: :L2:
#sahatsawat ขอบคุณที่ตามอ่านเช่นกันค่า 5555 วงวารพี่ไซนะคะ
#♥►MAGNOLIA◄♥ ร๊ากกกกกกกกกเหมือนกันค่ะ เวลาเขียนถึงก้อนหินแล้วมีความสุข ส่วนบทมุ้งมิ้ง น่าจะอีกนานนนนนนนเลยค่ะ แหะๆ
#rayaiji แ...ก อีกยาววววเลยค่ะ ถถถ วงวารไซเลอร์จริงๆ
#mild-dy  :L2: :L2: :pig4: :L2: :L2:
#takara หวานได้แค่นี้ค่ะ ไม่ถนัดเลิฟซีน เอาจริงๆ ไม่ถนัดซ๊ากกกอย่าง ถถถ
#HISY หินหวงงงงงงงงงงงงงงค่า 555555
#suikajang อิจฉาดินเหมือนกันค่ะ อยากจะวาร์ปไปเคลเบรอส ฮือออออ  :ling1: ส่วนชเนาเซอร์นี่เป็นคนที่น่าเตะที่สุดในแก๊งคะ 55555  ทั้งน่ารักและน่าหมั่นไส้ ขอบคุณนะคะ อ่านเม้นท์แล้วปลื้มมมมมม พยายามเขียนที่จินตนาการออกมาให้คนอ่านเข้าใจได้มากที่สุดค่ะ ดีใจที่ชอบ
#•♀NoM!_KunG♀• งุ้ย อยากเลี้ยงเหมือนกันค่ะ ยิ่งนานวันยิ่งร๊ากกกกกกกกกก
#KARMI ว๊ายยย! นก วงวารพี่ไซจริงๆ
#shoi_toei ดีใจที่ชอบเช่นกันค่า ถ้าอยากเห็นก้อนหินร้องไห้ โปรดติดตามตอนต่อไปนะคะ มีตอนให้ร้องหนักแน่ๆ ค่ะ
#ซีเนียร์  :L2: :L2: :pig4: :L2: :L2:
#poppycake เคลเบรอส only ค่ะ ไม่มีที่ไหนเหมือน 555555
#คนริมคลอง 55555555555555555 เห็นท่าแต่ละคนแล้วฮาหนักมากค่ะ ชอบบบบบบบบบ
#Yara พี่แกชัดตลอดแหละค่ะ  :-[
#prangasia 55555555555 เดี๋ยวจะหาโอกาสไปเก็บให้ค่ะ
#แฟนตาเซีย  :L2: :L2: :pig4: :L2: :L2:
#jum1201 มาแล้วค่าาาาาาาาาาาาาา
#DUKDUINUISWU มาแล้วค่า เดี๋ยวจะพาไปดูคุณไฟค่ะ แต่คงอีกสักพักกกก ไว้แวะมาอ่านอีกนะคะ
#cookie_ ขอบคุณมากกกกก (ก.ไก่ล้านตัว) ดีใจที่ชอบนะคะ ปลื้มจริงๆ ค่ะ

เห็นคอมเม้นท์ทีไรหน้าบานทุกที ขอบคุณทุกคนนะคะ
กราบและกอดดดดดดดดดทุกคนนนนนนนนนนนนนนน

:L2: :L2: :กอด1: :กอด1: :L1: :L2: :L2: :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
อยากเห็นความเป็นไปของทางนั้นเหมือนกันนะ

ออฟไลน์ suikajang

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 813
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
 :laugh: พ่อไซกะลูกหิน มีความห่วง หวง แม่ดินอย่างแรง พ่อลูกเค้าเล่นกันน่ารัก กัดกันบ้างตามประสา แต่ก็รักกันน้อ
สรุปน้องพินต์กะพี่ร็อตคุยกันยัง ถ้าลิงค์กันติดสงสัยจะนำหน้าคู่หลัก ก็ดูดิยังคิดถึงคุณไฟอยู่เลยอะ ลุ้นกันต่อไปว่าจะอยู่หรือจะไป
เฮ้อ...เหนื่อยกะน้องหินเนี้ย จะมาทำตัวน่ารักน่ากอดได้ตลอดงี้ได้ไง อยากไปฟัดสักที  :กอด1:

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
ครอบครัวสุขสันต์เนอะ

การเดินทางราบลื่น ความสัมพนธ์ก็คืบหน้า ดี๊ดี

ออฟไลน์ kratair

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 21
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ขำความหวงก้อนดิน ของทั้งไซเลอร์ และก้อนหิน
มีการไปนั่งมังกรข้างหลังดิน เพื่อกันไซเลอร์นั่งชิดก้อนดิน
ก้อนหิน แสนรู้ น่าร้ากกกกก  :mew1: :mew1: :mew1:
ไซเลอร์ ก้อนดิน  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ DeShiWa

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4332
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-9
อยากให้มีคนมาจีบก้อนดินจัง
อะไรๆจะได้ชัดเจนขึ้น..



ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
ว่าที่พ่อกับลูกเขาก็แหย่กันน่ารักดีนะ อ่านแล้วยิ่งอยากฟัดก้อนหินจริงๆ ไม่อยากให้โตเล๊ยยยย
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ poppycake

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2670
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-4
คือหวงกันเป็นลูปๆอ่ะนะ น่าเอ็นดู~~~
ไซเลอร์ก้อคือแกล้งก้อนหินตลอดเวลา
ตอนหน้าจะมีย้อนไปทางนู้นไม่น๊าาาาาาาา

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ Yara

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-2
ก้อนดินก็ยังนึกถึงคุณไฟอยู่นะ หวังว่าจะได้เจอกันอีกซักครั้ง

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
พ่อลูกเขาน่ารักกันจัง อิอิ
ทางนู้นจะเป็นไงบ้างน้าา

ออฟไลน์ ซีเนียร์

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0

ออฟไลน์ KARMI

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-2

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
นักก้อนหินนนนน นางน่ารัก หวงแม่สุด

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
อยากรู้วิธีสกัดล้าววว

ออฟไลน์ badbadsumaru

  • ♡ caramel macchiato
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2458
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-2
เพิ่งมาอ่านเรื่องนี้ ชอบมากกกก
ติดตามเลยค่ะ สู้ๆนะก้อนดิน ก้อนหิน

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ takara

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +379/-13

ออฟไลน์ prangasia

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 19
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ดินคิดจะกลับไปทำไม  ที่นั่นไม่มีใครทีหวังดีต่อนายแล้ว ส่วนคนที่ชอบนายที่นั่นก้อผีเข้า-ผีออก  อยู่กับพ่อไซเลอร์และลูกหินดีกว่า

ออฟไลน์ แฟนตาเซีย

  • หืมม...?
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 557
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
ก็บอกให้เอาคุณไฟมาอยู่ด่วยยยย จะได้กัดกับไซเลอร์ :hao6:

ออฟไลน์ papapajimin

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 294
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
เอาจริงๆเลยนะ ไฟอยู่ได้แหละ(มั่ง)
ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกดิน อยู่นี่เถอะ
ไม่อยากให้ก้อนหินเสียจายยยย เราชอบหินมากจริงๆ

ออฟไลน์ maneethewa

  • มณีเทวา
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 184
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1
    • Maneethewa - มณีเทวา
บทที่ 20 เห็ดเรืองแสงและคุกใต้ดินในคืนพระจันทร์เต็มดวง

ผมตื่นขึ้นมามองท้องฟ้าผืนเดิมในยามเช้าด้วยความสดชื่น พออาบน้ำเสร็จระหว่างที่รอพินช์เชอร์ ผมก็พาก้อนหินมายืนชมวิวไปพลางๆ ผมยืนมองท้องฟ้าที่ถูกพระอาทิตย์ยามเช้าค่อยๆ สาดแสงออกมาขับไล่ความมืดจนฟ้าเริ่มสว่างสดใสขึ้นเรื่อยๆ ส่วนก้อนหินที่นั่งห้อยขาอยู่ตรงขอบหน้าต่างก็มองนกกับผีเสื้อที่กำลังบินตาเป็นประกายจนผมต้องปราม

“อย่าคิดจะโดดลงไปบินนะหิน”

“ก๊าส” มันพยายามเหลือบมองปีกกุดๆ ของตัวเองแล้วถอนหายใจอย่างเซ็งๆ

“เอาน่า โตเมื่อไหร่ เดี๋ยวก็ได้บินจนเบื่อเองแหละ” ผมจับหัวมันโยกด้วยความเอ็นดู

“ก๊าสสสสสส” มันส่งเสียงต่ำๆ ลากยาวๆ เหมือนมันจะบ่นอะไรสักอย่าง แต่ผมแปลไม่ออก ให้ตายสิ! ทำไมมึงไม่พูดภาษาคนฮึ!

ผมเคยถามท่านมอลทีสว่าในฐานะที่ผมกับก้อนหินผูกจิตร่วมกันแล้ว เราจะสามารถสื่อสารกันได้รู้เรื่องไหม ผมอยากคุยกับมันรู้เรื่องและอยากเข้าใจมันมากกว่านี้ ท่านมอลทีสบอกว่าตามตำนานเล่าว่าสามารถทำได้ แต่ต้องรอให้มันโตขึ้นกว่านี้ก่อน เพราะพลังที่กักเก็บอยู่ในตัวของมันจะฟื้นตัวและเพิ่มขึ้นตามขนาดตัวของมันด้วย ถึงตอนนั้นเรื่องของการสื่อสารก็จะไม่เป็นปัญหาอีกต่อไป

ท่านมอลทีสบอกว่าตามตำนานเมื่อมังกรมรกตฟักออกมาจากไข่ก็จะเติบโตอย่างรวดเร็ว เพื่อให้สามารถกลับมาทำหน้าที่ได้เร็วที่สุด แต่ในกรณีของก้อนหิน ท่านคิดว่าน่าจะมีสาเหตุอะไรสักอย่างที่ทำให้มันโตช้ากว่าปกติ แต่ท่านไม่รู้ว่าเพราะอะไร ให้ผมใจเย็นๆ ค่อยๆ เลี้ยงมันไป

อันที่จริงผมก็ไม่ได้ใจร้อนหรอก แค่นึกเผื่อไปถึงในอนาคตถ้าผมต้องเดินทางกลับโลกเดิม แล้วมันจะอยู่ได้ยังไงในร่างที่ยังไม่โตเต็มที่อย่างนี้ ผมกลัวว่ามันจะไม่โตขึ้นอีก กลัวว่ามันจะโดนคนอื่นรังแกเอา

ก๊อกๆๆ

“ดิน ตื่นหรือยัง เปิดประตูให้ข้าที” เสียงเคาะประตูและเสียงเรียกของไซเลอร์ทำให้ผมสะดุ้งหลุดจากภวังค์

ผมละสายตาที่เหม่อมองท้องฟ้าก้มลงมองก้อนหิน กำชับให้มันนั่งอยู่นิ่งๆ ก่อนจะเดินไปปลดล็อคแล้วเปิดประตูให้ไซเลอร์ พอเปิดประตูออกไปก็เห็นพี่ๆ ยืนรอกันอยู่ครบทีม

“ทำธุระเรียบร้อยกันรึยัง” ไซเลอร์ถามแล้วกวาดสายตาสำรวจสภาพของผม

“ยังครับ พินเชอร์ยังอาบน้ำอยู่”

“ถ้าอย่างนั้นพวกข้ายืนรออยู่ตรงระเบียงก็แล้วกัน เสร็จแล้วตามมานะ”

“ครับ” ผมรับคำก่อนจะงับประตูปิดตามเดิม พอเดินเข้ามาก็เห็นพินช์เชอร์เดินออกมาจากห้องน้ำพอดี

“พี่ๆ มาเรียกกันแล้วเหรอครับ”

“อืม แต่ไม่ต้องรีบหรอก ยังไม่ถึงเวลานัด”

“ครับ” ถึงปากจะตอบรับอย่างนั้น แต่พินช์เชอร์ก็รีบสำรวจความเรียบร้อยและเก็บของส่วนตัวอย่างรวดเร็ว

“ไปกันเถอะครับ ข้าเสร็จแล้ว” ผมได้แต่ส่ายหัวด้วยความเอ็นดู

แต่อยู่ๆ ก้อนหินก็ลุกขึ้นยืน กระโดดลงมาจากขอบหน้าต่างแล้ววิ่งมากอดขาร้องแล้วชี้ไปที่หน้าต่าง

“ก๊าสๆๆๆๆ”

“หือ มีอะไร” ผมจับมันอุ้มแล้วรีบเดินไปที่หน้าต่าง มันชี้ไปที่ข้างนอก ผมมองตามไปก็เห็นเพียงทหารยามและกลุ่มคนที่กำลังเดินอยู่ไกลๆ

“อะไรเหรอหิน”

“ก๊าสๆๆๆๆ” มันยื่นแขนมาให้ดูแล้วจิ้มๆ ลงไป ผมพยายามคิดตามว่ามันต้องการสื่ออะไร

“ตรงที่สีลอก” ผมบ่นพึมพำอยู่คนเดียว

“คนที่ทำให้สีมึงลอกเหรอหิน” ผมถามด้วยความตื่นเต้น มันรีบผงกหัว แต่พอมองออกไปอีกที คนกลุ่มนั้นก็หายไปแล้ว

โอ๊ยยยย! ให้ตายสิ! ทำไมคิดช้าอย่างงี้นะดิน

ผมรีบอุ้มมันตรงไปลากแขนพินช์เชอร์ที่ยืนทำหน้างงๆ อยู่ แล้วเดินออกไปหาไซเลอร์อย่างรวดเร็ว

“ไซเลอร์”

“มีอะไรดิน” พอเห็นผมเดินไปหาหน้าตาตื่น ไซเลอร์ก็ถามด้วยสีหน้าห่วงใย สายตาก็กวาดไปข้างหลังอย่างระแวดระวัง ทุกคนที่ยืนหันหลังพิงระเบียงอยู่ก็ผละออกมายืนมอง ผมเลยรีบจ้ำไปยืนใกล้ๆ แล้วพูดเบาๆ

“ก้อนหินบอกว่าเห็นคนที่ทำน้ำหอมโดนแขนมัน”

“ใคร???” ประสานเสียงกันมาเลย

“ข้าไม่รู้ว่าใคร ตอนที่ก้อนหินชี้บอก ข้ามองไม่ชัด เห็นแค่เป็นคนกลุ่มใหญ่ๆ อยู่ไกลมากเลย เดินผ่านไปทางโน้นครับ” พอผมพูดจบทุกคนก็ทำหน้าเครียด

“วิ่งตามไปดูตอนนี้ทันไหม?” ผมถามเมื่อทุกคนยังคงเงียบ นี่ถ้าไม่เกรงใจคงวิ่งไปแล้ว

“ที่นี่เราจะเดินไปไหนสุ่มสี่สุ้มห้าไม่ได้ ถ้าไม่ได้รับอนุญาต เจ้าก็เห็นว่าเวรยามแน่นหนาขนาดไหน”

โอ๊ยยยย! ขัดใจจริงๆ ผมฮึดฮัดอย่างขัดใจ

“แต่ยังไงก็เก่งมาก” ไซเลอร์ลูบหัวก้อนหินอย่างเอ็นดู ทำให้ผมอารมณ์เย็นลง

“ถึงตอนนี้จะยังไม่มีอะไร แต่ระวังไว้หน่อยดีกว่า ดิน อย่าอยู่ตามลำพังนะ จะไปไหนมาไหน ต้องมีพวกเราไปด้วยอย่างน้อยหนึ่งคน” พรีซาบอกอย่างเคร่งเครียด

“ครับ”

“อย่างน้อยตอนนี้เราก็รู้แล้วว่าคนๆ นั้นอยู่ที่นี่ เราก็ใช้โอกาสนี้สืบเรื่องนี้ไปด้วยเลยก็แล้วกัน” ไซเลอร์บอกก่อนจะชะงัก

“มีคนมา” พอไซเลอร์บอกพวกเราก็เงียบกันทันที

“เจ้าชายบาตัน” พวกเราก้มหัวคำนับตามธรรมเนียม

“ตามสบายเถอะ ไม่ต้องมากพิธี ยังไงเราก็รุ่นเดียวกัน ถือซะว่าเป็นเพื่อนกันดีกว่า ว่าแต่พวกท่านเรียบร้อยกันหรือยัง ข้าจะพาไปรับประทานอาหารเช้า”

“เรียบร้อยแล้วครับ” เราตอบขึ้นพร้อมกัน

“ถ้าเช่นนั้นก็ไปกัน” พูดจบเจ้าชายบาตันก็เดินนำไปก่อน ส่วนเราก็เดินตามกันไปเงียบๆ

หลังมื้ออาหารที่แสนจะเงียบกริบ เจ้าชายบาตันก็ถามผมว่าระหว่างที่รอให้ถึงคืนนี้ ผมอยากจะไปเที่ยวที่ไหนหรือเปล่า เจ้าชายจะพาไปเพื่อเป็นการฆ่าเวลา ผมเลยถือโอกาสบอกว่าอยากขออนุญาตชมภายในพระราชวังได้ไหม (เผื่อว่าจะได้เจอคนที่ก้อนหินบอก) เจ้าชายทำหน้าแปลกใจแต่ก็ทรงอนุญาต ตอนนี้ผมก็เลยได้มาเดินเอ้อระเหยชมพระราชวังแห่งบาอัลอยู่

บรรยากาศอย่างกับมาทัศนศึกษา มีเจ้าชายเป็นไกค์พาเดินชม ส่วนผมก็ทำเหมือนสนอกสนใจ ถามนั่นถามนี่เป็นระยะ หูฟังเจ้าชายพูดไปแต่สายตาสอดส่ายมองหาคนไปทั่ว พอเจอคนที่ผ่านมาในสายตาก็ก้มลงกระซิบถามก้อนหินที มันก็ส่ายหัวปฏิเสธทุกที

พอเดินจนขาลากทั่วพระราชวังแล้ว ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะเจอคนที่ตามหา ผมเลยขอให้เจ้าชายพาไปที่สำนักแพทย์ เพื่อเช็คของที่ฝากให้ท่านชาร์ตรูเตรียมไว้ให้ สำนักแพทย์ของบาอัลสร้างเหมือนกับที่เคลเบรอสเป๊ะ อย่างกับใช้แปลนเดียวกัน ท่านชาร์ตรูออกมาต้อนรับแล้วพาไปเช็คของที่เตรียมไว้ พอผมเช็คเรียบร้อยแล้วท่านชาร์ตรูก็ให้คนขนไปเตรียมไว้ให้ที่คุกใต้ดินเลย

หลังจากภารกิจในการตามหาคนล้มเหลว ผมก็เลยขออนุญาตกลับไปรอที่ห้องพัก ตอนนี้ไม่มีอารมณ์จะไปไหนต่อแล้วครับ มันรู้สึกเฟลและรู้สึกเซ็งอย่างบอกไม่ถูก ก่อนแยกย้ายกันกลับห้อง ไซเลอร์ก็ตบบ่าผมอย่างเข้าใจ

กลับมาถึงห้องผมวางก้อนหินไว้บนเตียงแล้วทิ้งตัวลงนอนหงายมองผ้าคลุมเสาเตียงนิ่งๆ เป้าหมายอยู่ใกล้แค่นี้เอง กลับไม่สามารถหาเจอได้ ผมอดจะโทษตัวเองไม่ได้ ถ้าผมคิดเร็วกว่านี้อีกนิดก็คงไม่พลาดอย่างนี้

“ก๊าส” เหมือนก้อนหินจะรับรู้ถึงอารมณ์ของผม มันเลยปีนขึ้นมาบนตัวแล้วนั่งจ้องหน้าตาแป๋ว พอผมสบตามันก็เอามือตบบนอกผมสามที ก่อนจะลงนอนราบบนตัวผมแล้วใช้หัวถูเหมือนจะปลอบใจ ผมเลยกอดมันไว้แน่นๆ แล้วพลิกตัวลงนอนตะแคงกอดมันไว้ในอ้อมแขนบอกมันเบาๆ ก่อนจะหลับตาลง

“ขอบใจนะหิน”

“ก๊าส”
   


   ผมลืมตาตื่นขึ้นมาก็เห็นก้อนหินหลับซุกอยู่ที่อก ตอนแรกตั้งใจจะพักสายตาเฉยๆ แต่ดันเผลอหลับไปจริงๆ เฉยเลย พอหันมองไปทางหน้าต่างที่เปิดไว้ก็เห็นยังมีแสงแดดอยู่ แสดงว่าหลับไปไม่นานเท่าไหร่ พอผมขยับตัวก้อนหินก็รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาเหมือนกัน มันขยี้ตาแล้วลุกขึ้นนั่งเอียงคอมองมึนๆ ดูน่ารักซะจนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะแล้วลุกขึ้นมานั่งจับมันมากอดแน่นๆ ด้วยความเอ็นดู

   พอฟัดกันจนพอใจก็รู้สึกว่าอารมณ์ดีขึ้นมาก ความรู้สึกเครียดและผิดหวังก่อนหน้านี้ค่อยจางลง คิดแล้วก็อดจะส่ายหัวไม่ได้ ไม่รู้จะกังวลไปล่วงหน้าทำไมกัน ในเมื่อตอนนี้ก้อนหินยังปลอดภัยอยู่ในอ้อมกอดของผม เครียดไปก็ทำให้ทุกข์ใจเปล่าๆ แถมไม่ใช่แค่ตัวเองที่เครียดอยู่คนเดียว ยังพลอยทำให้คนรอบข้างเครียดไปด้วย วางมันลงไปก่อนดีกว่า  มันอาจจะไม่มีอะไรก็ได้ หรือถ้าอนาคตจะต้องเจอปัญหาถึงตอนนั้นแล้วค่อยว่ากันอีกที

   ผมจับก้อนหินมากอดแล้วลุกขึ้นเดินไปที่หน้าต่าง มองต้นไม้ที่ออกดอกอย่างสวยงามที่สวนด้านล่าง ก่อนที่จะชะงักเมื่อเห็นร็อตยืนมองต้นไม้อยู่และเห็นพินช์เชอร์ที่ยืนกล้าๆ กลัวๆ อยู่ข้างหลัง ผมเบิกตากว้างกับภาพที่เห็นตรงหน้า รีบหลบวูบข้างหน้าต่างแล้วโผล่หน้าไปแอบมอง แต่มันมองไม่ชัดเลยตัดสินใจอุ้มก้อนหินเดินออกนอกห้องตรงไปที่สวนด้านล่างอย่างรวดเร็ว

   ไหนๆ ก็ว่างๆ อยู่ ไปเผือกเรื่องพินช์เชอร์แก้เซ็ง เอ๊ย! ด้วยความหวังดีดีกว่า หึๆๆ

   เมื่อวิ่งลงมาถึงในสวน ผมก็ไปยืนแอบอยู่ข้างต้นไม้ที่อยู่ห่างจากทั้งคู่ไปหลายเมตร เพราะกลัวร็อตจะรู้ตัว จากที่สังเกตพี่ๆ แกหูดีมากครับ ต้องระวังไว้ก่อน ผมยืนอยู่ไกลเลยไม่ได้ยินว่าทั้งคู่คุยอะไรกัน เห็นแค่พินช์เชอร์กำลังพูดอะไรสักอย่างอยู่คนเดียว ส่วนร็อตก็ยืนฟังนิ่งๆ พอน้องพูดจบร็อตก็ทำท่าจะเดินหนี แต่พินช์เชอร์วิ่งไปกอดเอวข้างหลังร็อตไว้ซะก่อน

   ให้มันได้อย่างนี้สิ!

ผมยืนลุ้นและเชียร์อยู่ในใจ เผลอรัดก้อนหินแน่นจนมันร้องแอ่ก ถึงได้รู้สึกตัว มันถอนหายใจเหมือนจะเซ็งผม เลยกระซิบขอโทษมันเบาๆ คลายอ้อมกอดลงก่อนจะลุ้นคนทั้งคู่ต่อ

   พินช์เชอร์ยังคงพูดต่ออยู่คนเดียวแล้วน้องก็เริ่มร้องไห้จนผมสงสาร ร็อตฟังไปสักพักก็ถอนหายใจเฮือก ก่อนจะปลดมือพินช์เชอร์ออกแล้วหันมาทำท่าเก้ๆ กังๆ ตบหัวน้องไปสองสามที เอ่อ... ร็อต นั่นคนนะไม่ใช่หมา ลูบเบาๆ ก็พอมั้ง พอเห็นว่าพินช์เชอร์ยังร้องไม่หยุดก็ถอนหายใจอีกเฮือกแล้วดึงน้องมากอด

   กอดกันแล้วโว๊ยยยยยย!

   อยากจะเฮให้ลั่น เหมือนตอนดีใจเวลาทีมโปรดเตะบอลเข้าประตู แต่กลัวไก่ เอ๊ย! กลัวร็อตตื่นแล้วจะกลายเป็นไปทำลายบรรยากาศในตอนนี้

   ให้ตายสิ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะไม่ได้ยิน แต่จากภาพที่เห็น ดูแล้วน้องน่าจะมีหวัง ดีใจแทนน้องมันจริงๆ

   แล้วจู่ๆ ภาพตรงหน้าก็ดับวูบลง เพราะมีใครบางคนเอามือมาปิดตาผมไว้

   “โอ๊ะ!”

   แล้วมืออีกข้างก็ยื่นมาปิดปากเมื่อผมเตรียมจะโวยวาย

   ผมตั้งใจจะหันกลับไปตอบโต้ แต่เสียงกระซิบที่คุ้นหูกับกลิ่นที่คุ้นเคยทำให้ชะงักไป

   “ข้าเอง”

   ไซเลอร์!

   ผมปัดมือไซเลอร์ออกแล้วถลึงตาให้ หัวใจยังคงเต้นกระหน่ำอยู่เลย แม่ง ! ตกใจหมด!

   ไซเลอร์บุ้ยใบ้ให้ไปคุยกันที่อื่น ก่อนจะจับแขนผมลากไปอีกทาง

โดยที่ไม่มีใครเห็นว่าไม่ไกลจากตรงที่ยืนอยู่นั้นมีผีเสื้อตัวหนึ่งที่กำลังบินอยู่โดนจับแล้วขยำจนแทบไม่เหลือแม้แต่ซาก ก่อนเศษเสี้ยวของปีกที่เหลือจะค่อยๆ ร่วงลงสู่พื้นดินอย่างเงียบงัน



   “เดี๋ยวๆ ไซเลอร์ จะลากไปไหนเนี่ย” เมื่อออกมาห่างจากคู่นั้นไกลพอควร ผมก็รั้งตัวไว้แล้วถามขึ้น

   “จะออกไปไหนทำไมไม่เรียกข้า ไม่รู้หรือไงว่ามันอันตราย” น้ำเสียงดุๆ กับสายตาดุๆ นั่นทำให้ผมคอย่น

   “ขอโทษครับ ข้าลืมไป อีกอย่างคิดว่าอยู่ใกล้ๆ ร็อตน่าจะไม่มีปัญหาอะไร เลยไม่ได้ไปเรียก” ที่จริงแล้วรีบไปเผือกมากเลยลืมนึกถึงเรื่องอื่นมากกว่า แหะๆ

   “ข้าไปหาที่ห้องแล้วไม่เจอ รู้ไหมว่ามันตกใจแค่ไหน” น้ำเสียงที่เจอความห่วงใยนั่นยิ่งทำให้ผมยิ่งรู้สึกผิด

   “ข้าขอโทษ” ผมขอโทษอีกครั้ง รู้สึกเลยว่าหูลู่หางตก อย่าดุเยอะสิครับพี่ ผมสำนึกผิดไม่ทัน

   พอเห็นว่าคนตรงหน้ายังคงทำหน้าเคร่ง มองเมินไปทางอื่น ก็เรียกเสียงอ่อย

“ไซเลอร์” ผมขยับเข้าไปใกล้อีกนิด จับมือก้อนหินประกบกันแล้วก้มลงวางที่ต้นแขนของไซเลอร์

   “ขอโทษครับพ่อ ต่อไปจะไม่ทำแล้วครับ”

   “ก๊าส” แต่สงสัยก้อนหินจะไม่เต็มใจ มันเลยเอาหัวโขกลงไปด้วย

   “หึ” แน่ะ หลุดยิ้มมาแบบนี้ใจอ่อนแล้วใช่ไหมล่ะ

   พอไซเลอร์เหลือบมามองผมก็ยิ้มประจบ แล้วพี่แกจะทำอะไรได้นอกจากถอนหายใจแล้วเอามือมาวางบนหัวลูบเบาๆ แล้วบอก

   “อย่าทำให้เป็นห่วงแบบนี้อีกนะ”

   “ครับผม” ผมจับมือก้อนหินตะเบะแล้วเตะขาชิดรับคำ ทำให้คนฟังส่ายหัวแล้วคลี่ยิ้มให้อย่างอ่อนโยนเหมือนเคย

   “หิวกันรึยัง จะได้ไปหาอะไรกิน ที่จริงเจ้าชายมาหาตั้งแต่เที่ยง แต่ข้าคิดว่าเจ้าคงอยากอยู่เงียบๆ เลยปฏิเสธไป ทรงบอกว่าถ้าหิวเมื่อไหร่ก็ให้บอกกับทหารแถวๆ นั้นได้เลย แล้วจะมีคนจัดอาหารไว้ให้”

   “แล้วคนอื่นๆ ล่ะครับ”

   “ทุกคนเรียบร้อยแล้ว ข้าบอกให้ไปกินก่อนเลย”

   “แล้วเจ้าล่ะ”

   “ข้ารอกินพร้อมเจ้า”

   “...”

   ทำไมคำพูดธรรมดาๆ ถึงทำให้รู้สึกอุ่นใจได้ขนาดนี้นะ

   “งั้นก็ไปกันเถอะครับ ป่านนี้ก้อนหินคงหิวแล้ว”

   “ก๊าส” มันร้องแล้วลูบท้องเหมือนจะยืนยันว่าหิวแล้ว

   “ตัวยุ่งเอ๊ย” ไซเลอร์จับหัวมันโยกอย่างเอ็นดู ก่อนจะเดินนำไป
   
(มีต่อค่ะ)

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ maneethewa

  • มณีเทวา
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 184
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1
    • Maneethewa - มณีเทวา
   ผมยืนมองแสงสุดท้ายของวัน ก่อนจะหันมามองทางเข้าคุกใต้ดิน ซึ่งอยู่ในเขตพระราชวัง ประตูทางเข้าทำจากไม้เนื้อหนาขนาดใหญ่กว้างและสูงหลายเมตร ตรงหน้าประตูสลักรูปสัตว์คล้ายๆ แมวตัวใหญ่ไว้ทั้งสองด้าน เมื่อเปิดประตูออกก็จะพบบันไดทางลงที่จุดคบไฟจนข้างในสว่างไสว

   ท่านชาร์ตรูเดินนำลงไปก่อน ตามด้วยผม พินช์เชอร์ ไซเลอร์และชเนาเซอร์ ส่วนพรีซา มาสทิฟฟ์กับร็อตขอรออยู่ด้านนอก ทั้งๆ ที่ผมบอกแล้วว่าไม่จำเป็นต้องมาเป็นเพื่อนก็ได้ เพราะของเตรียมไว้พร้อมหมดแล้ว มันไม่มีอะไรให้ต้องช่วย เพียงแค่ใช้เวลาในการสกัดนานแค่นั้นเอง แต่ทุกคนก็ยังดื้อมาเป็นเพื่อนอยู่ดี เลยกำชับอีกทีว่าถ้าง่วงก็ไปนอนก่อนได้เลย พี่ๆ แกก็รับคำ
 
แต่เชื่อเถอะว่าถ้าผมยังไม่เสร็จก็ไม่ยอมไปไหนกันหรอก คิดแล้วก็อดจะยิ้มไม่ได้ ทั้งๆ ที่เป็นแค่คนรู้จัก ไม่ใช่ญาติพี่น้องๆ กันแท้ๆ แต่ทุกคนดีกับผมเหลือเกิน อยู่กับพี่ๆ กลุ่มนี้ไม่ว่ากับใครก็อุ่นใจอยู่เสมอว่าจะได้รับการดูแลและปกป้องอย่างดี ทั้งก่อนหน้าและหลังจากที่รู้ว่าก้อนหินคืออะไร

เมื่อเดินลงไปถึงด้านล่าง ท่านชาร์ตรูก็พอเดินไปด้านในสุด ซึ่งเป็นห้องขังที่กว้างที่สุด มีช่องระบายอากาศอยู่ตรงด้านบนกว้างแค่ 1 ฟุต บนพื้นมีเห็ดขึ้นเต็มไปหมด

มันเป็นเห็ดสีขาวที่บานหมดแล้วขนาดเท่าฝ่ามือ ที่ตรงหมวกเห็ดโปร่งแสงจนเห็นครีบเห็ดอย่างชัดเจน ความสูงประมาณสองนิ้ว ขึ้นชิดติดกันจนเหมือนพรมปูพื้นขนาดใหญ่

ผมยืนมองอย่างทึ่งๆ เพราะเคยเห็นแค่รูปในสมุดภาพของลุงเซเรส พอเห็นของจริงแล้วอดจะตื่นเต้นไม่ได้ ก่อนจะรีบตั้งสติมาเตรียมของก่อนที่พระจันทร์จะสาดแสงเข้ามา

ท่านชาร์ตรูเตรียมของให้ด้านหน้าของห้องขัง ทั้งไฟเวทย์ที่จุดรอไว้อยู่แล้ว สาเหตุที่ต้องใช้ไฟเวทย์เพราะมันไม่มีควันและสามารถจำกัดความร้อนให้สม่ำเสมอได้ ล้ำยิ่งกว่าเครื่องใช้ไฟฟ้าที่โลกโน้นอีก

ผมยกหม้อขึ้นตั้งไฟ ใส่น้ำลงไป ให้ท่านชาร์ตรูกับพินช์เชอร์ช่วยใส่สมุนไพรที่ฝากท่านชาร์ตรูเตรียมไว้ให้ แล้วก็เอาสมุนไพรที่เคี่ยวไว้จากเคลเบรอสเทใส่ลงไป คนให้เข้ากันแล้วเอาฝาที่แบนๆ ปิดไว้ ระหว่างรอให้น้ำเดือดก็เอาปล้องไผ่ที่เจาะรูไว้ใส่ตรงรูของฝาหม้อเอายางไม้ทาไว้ให้แน่น แล้วเอาต้นหญ้าที่มีปล้องขนาดเล็กเสียบไปที่รูปล้องไผ่ที่เจาะไว้แล้วต่อลงมาเป็นท่อเพื่อกลั่นน้ำลงสู่ขวดแก้วที่ทาน้ำยากันไม่ให้ตัวยาเปลี่ยนไปไว้รอแล้ว

   เมื่อน้ำเดือด แสงจันทร์ในคืนพระจันทร์เต็มดวงก็เริ่มสาดแสงลงมาตรงช่องระบายอากาศ พอแสงจันทร์กระทบกับเห็ด พวกมันก็พากันเรืองแสงอย่างกับหิ่งห้อย

   สวยมากกกกก เป็นภาพมหัศจรรย์ที่สวยจับใจจนแทบละสายตาไม่ได้

   “ก๊าส”

   ผมสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงก้อนหิน คงต้องละสายตาแล้วละ เพราะต้องเก็บมันมาใช้แล้ว ผมกวาดสายตามองจำนวนเห็ดในห้องขัง เห็นมันเรืองแสงหมดแล้วก็คำนวณดูคร่าวๆ แล้วบอก

   “เก็บให้หมดเลยครับ ดูแล้วคงต้องใช้ทั้งหมดนี่ถึงจะได้ปริมาณที่ต้องการ”

   พอบอกเสร็จทุกคนก็เริ่มเดินไปเข้าไปเก็บเห็ด ไล่จากด้านนอกสุดเข้าไป ผมยกฝาหม้อออกวางพักไว้ก่อนด้วยความระมัดระวัง ก่อนที่จะไปช่วยทุกคนเก็บด้วย

   เก็บไปก็จะหยิบมาสังเกตอย่างสนใจ เหมือนกับก้านและรากมันติดกาวแปะอยู่ที่พื้นเฉยๆ แค่ดึงออกก็หลุดมาแล้ว แต่ต้องเก็บด้วยความระมัดระวังไม่ให้หมวกเห็ดหลุดออก ไม่อย่างงั้นมันจะหยุดเรืองแสงทันที

เอ แต่ผมชักจะสงสัย ท่านมอลทีสกับท่านลาซาบอกว่าไม่ค่อยมีใครรู้จักพิษรัก แล้วลุงเซเรสรู้จักมันได้ยังไง แถมยังรู้จักทั้งวิธีทำและวิธีแก้พิษอีกด้วย ถ้าให้เดาคิดว่าลุงแกคงศึกษาวิธีการการแก้พิษเอง แต่วัตถุดิบแต่ละอย่างไม่ใช่ว่าจะหากันได้ง่ายๆ แล้วลุงแกมาเอาเห็ดไปได้ยังไงหว่า ยิ่งคิดยิ่งงง ยิ่งนึกก็ยิ่งสงสัย ผมเก็บเห็ดไปคิดไป ตั้งใจไว้ว่าถ้าเจอตัวเมื่อไหร่จะลองถามดูสักที

เห็ดนี่เป็นพืชที่มหัศจรรย์มาก พอพ้นคืนพระจันทร์เต็มดวงไปแล้ว มันจะเริ่มเหี่ยวและเน่าไป ก่อนจะค่อยๆ ขึ้นมาใหม่แล้วก็โตเต็มที่ในวันพระจันทร์เต็มดวง ก่อนจะเรืองแสงยามค่ำคืนแล้วก็เน่าไปวนลูปแบบนี้ไปเรื่อยๆ

ว่าแต่เห็ดนี่น่ากินชะมัด แต่อย่าเผลอไปกินสุ่มสี่สุ่มห้านะครับ อาจทำให้ตายได้ ยังจำวิธีการทดสอบเมื่อถูกพิษรักได้ไหมครับ ที่หัวใจสามารถเรืองแสงได้ก็เพราะมีส่วนประกอบเป็นเห็ดตัวนี้ด้วยนี่แหละ มันก็เลยเป็นส่วนประกอบของยาถอนพิษด้วยเหมือนกัน

สมุนไพรเป็นได้ทั้งยารักษาและยาพิษ ต้องใช้ให้ถูกหลัก คือ ถูกคน ถูกชนิด ถูกขนาด ถูกวิธี ถูกเวลา ถึงจะรักษาโรคอย่างมีประสิทธิภาพได้

เมื่อเห็ดที่ใส่ลงไปในหม้อเริ่มเยอะขึ้น ผมก็คนให้มันเข้ากัน ปล่อยให้ท่านชาร์ตรู ไซเลอร์ พินช์เชอร์กับก้อนหินช่วยกันเก็บไป ก้อนหินดูวิธีการเก็บตามที่ผมสอน มันก็ผงกหัวเข้าใจ พอเก็บได้ทีละดอกสองดอกก็ค่อยๆ ถือเดินเอามาส่งให้อย่างระมัดระวัง พอผมชมมันก็ร้องรับแล้วกระดิกหางอย่างอารมณ์ดี

จนในที่สุดเห็ดในห้องก็ถูกเก็บจนเหี้ยน ห้องขังโล่งเหมือนไม่เคยมีอะไรอยู่มาก่อน แต่ไม่ต้องกลัวว่ามันจะไม่ขึ้นมาใหม่หรอกครับ เพราะเชื้อของมันยังเกาะอยู่ที่พื้น เดี๋ยวอีกไม่กี่วันมันจะขึ้นมาใหม่อีกแน่นอน

เมื่อใส่เห็ดจนหมด คนให้เข้ากันแล้ว ผมก็ปิดฝา ปล่อยให้มันเดือดและกลั่นเป็นไอน้ำออกมา ดูท่าแล้วต้องใช้เวลาทั้งคืน เลยให้ทุกคนล้างมือด้วยน้ำยาที่เตรียมมา แล้วบอกท่านชาร์ตรูที่ดูเหมือนจะอ่อนล้าแล้วไปพักผ่อน

“ท่านชาร์ตรูครับ นี่ก็ดึกมากแล้ว ท่านไปพักผ่อนดีกว่าครับ ระหว่างนี้ก็เพียงแค่รอให้ตัวยากลั่นออกมา ไม่มีอะไรแล้วครับ”

“อืม ถ้าอย่างนั้นข้าไปพักก่อนก็แล้วกัน ถ้าต้องการอะไรก็เรียกใช้ทหารยามได้เลยนะ”

“ครับ”

   ชเนาเซอร์เดินไปส่งท่านชาร์ตรูด้านบน ผมก็เลยเดินไปดูสิ่งที่สนใจเมื่อเห็นครั้งแรก มันคือโซ่ตรวนขนาดใหญ่ ใหญ่จนคิดว่าไม่น่าจะไว้ใช้สำหรับจองจำมนุษย์ ผมเดินไปนั่งมองอย่างสนใจแล้วถามไซเลอร์

   “ห้องขังห้องนี้นี่มันเอาไว้ใช้ขังอะไรครับ มันทั้งกว้าง ทั้งสูง โซ่ตรวนก็ใหญ่เกินกว่าจะเหมาะสำหรับใช้ยึดคนไว้”

   “ท่านมอลทีสเคยบอกแล้วใช่ไหมว่า ที่นี่มักจะมีสิ่งมีชีวิตหลงมิติเข้ามา ซึ่งไม่ได้มีแค่มนุษย์ แต่บางครั้งก็ยังมีสัตว์ร้ายหลายๆ ชนิดหลงมาด้วย เราจำเป็นต้องเอามาขังไว้ที่นี่เพื่อความปลอดภัยของคนในอาณาจักร ก่อนที่จะส่งมันกลับไปยังโลกเดิม” ไซเลอร์อธิบายให้ฟัง

“สัตว์ร้าย? ไม่ได้กำจัดเหรอครับ”

“ไม่” ไซเลอร์ส่ายหัวก่อนจะพูดต่อ

“ถึงมันจะเป็นแค่สัตว์ แต่เราไม่มีสิทธิ์ไปทำลายชีวิตของมัน เพราะบางทีมันอาจจะเป็นสัตว์ที่เหลือตัวสุดท้ายของมิตินั้น หรือไม่ก็อาจจะเป็นสัตว์เลี้ยงแสนเชื่องแสนรักของใครสักคนในอีกมิติก็ได้”

ผมฟังแล้วก็อดรู้สึกละอายใจไม่ได้ ที่ไม่ได้นึกถึงเรื่องเหล่านี้มาก่อนเลย

คนโลกนี้มีความคิดที่น่านับถือจริงๆ ครับ เคารพสิทธิการมีชีวิตของสิ่งมีชีวิตทุกชนิด ไม่เพียงแค่มนุษย์ซึ่งเป็นพวกเดียวกันเท่านั้น ยังหมายรวมถึงสัตว์และสิ่งที่ชีวิตที่หลงเข้ามาด้วย มันเป็นดินแดนในฝันของคนรักสงบชัดๆ เลย อยากให้ที่โลกโน้นเป็นอย่างนี้บ้าง สังคมจะได้ไม่วุ่นวายเหมือนอย่างทุกวันนี้ ลองคิดดู ถ้ามีสัตว์หน้าตาประหลาดๆ หลุดไปโลกโน้น ถ้าไม่โดนจับชำแหละศึกษา ก็น่าจะโดนฆ่าตายห่าไปแล้วแหละ เฮ้อ!

   ชเนาเซอร์กลับพาพร้อมกับผ้าหอบใหญ่ มีทหารช่วยขนลงมาให้ด้วย บอกว่าท่านชาร์ตรูให้เอามาให้ เพราะผมบอกไปแล้วว่ากว่าน้ำยาจะเต็มขวดก็น่าจะต้องรอจนเกือบเช้าพอดี

   เราเอาผ้าปูพื้นก่อนอีกผืนก็เอาไว้ห่ม เพราะด้านในนี้อากาศค่อนข้างชื้นและเย็น พอเรียบร้อยแล้วผมก็ล้มตัวลงนอนข้างๆ หม้อกลั่นยา พินช์เชอร์นอนอีกฝั่งของหม้อ มีไซเลอร์กับชเนาเซอร์ขนาบข้างเราคนละฝั่ง ส่วนสามคนที่เหลือ ชเนาเซอร์บอกว่าจะรออยู่ด้านบน แต่ทหารเอาผ้าไปให้ทุกคนแล้ว ผมกระชับอ้อมแขนที่กอดก้อนหินไว้ เหลือบมองแสงจันทร์ที่ยังคงสาดแสงลงมาในห้องขัง มองตัวยาที่ค่อยๆ หยดลงสู่ขวดแก้วทีละหยด หยุดความคิดวุ่นวายในหัวก่อนจะหลับตาลงพักผ่อน



   “ดินๆ”

   เสียงเรียกของไซเลอร์และแรงเขย่าเบาๆ ที่ต้นแขนทำให้ผมลืมตาตื่นขึ้นมา

   “ยาใกล้จะเต็มแล้ว”

   ผมค่อยๆ ปลดมือก้อนหินที่ขยุ้มเสื้อเอาไว้ออก แต่แค่ขยับตัวมันก็ทำให้มันรู้สึกตัวแล้วตื่นขึ้นมาด้วย พอลุกขึ้นนั่ง มันก็หันหน้ามาซุกแล้วเกาะเป็นลูกลิงไม่ยอมปล่อย เลยต้องอุ้มมันไว้แล้วขยับไปดูน้ำยาในขวด ผมยกขวดขึ้นมาดูน้ำยาใสที่ใกล้จะเต็มขวดแล้ว เนื่องจากขั้นตอนการทำค่อนข้างยุ่งยาก เลยต้องกลั่นเอาไว้มากกว่าปริมาณที่ต้องใช้จริง คิดว่าเหลือไว้น่าจะดีกว่าขาด ผมดึงปล้องหญ้าออก แล้วเอาจุกที่ทำจากต้นสมุนไพรเฉพาะที่เตรียมไว้ปิดลงไป เป็นอันสำเร็จขั้นตอนในการสกัดเห็ด

   ชเนาเซอร์เดินไปตามทหารมาช่วยเก็บของทั้งหมดไปคืน เมื่อเรียบร้อยแล้วก็เดินขึ้นไปข้างบน แสงแรกของวันทำให้รู้สึกสดชื่น ขนาดไม่ได้ถูกขังยังรู้สึกอึดอัดเลย ขึ้นมาข้างบนแล้วรู้สึกปลอดโปร่งอย่างบอกไม่ถูก

   หลังจากกินอาหารมื้อเช้าเรียบร้อยแล้ว เราก็ไปเข้าเฝ้าองค์ราชาเพื่อขอบคุณและทูลลาทั้งองค์ราชาและองค์ราชินีก่อนออกเดินทางไปที่อาณาจักรรุคต่อ ท่านชาร์ตรูกับเจ้าชายบาตันเดินออกมาส่งที่ลานมังกรด้วย ระหว่างทางเราก็คุยกันเรื่องยาสมุนไพรไปเรื่อยๆ ท่านชาร์ตรูอยากให้ผมสอนวิธีปรุงยารักษาพิษรัก ซึ่งผมก็ตั้งใจไว้อยู่แล้ว ว่าเมื่อไหร่ที่รักษาควีนจนทรงหายดีแล้ว จะสอนคนของสำนักแพทย์อย่างละเอียดอีกที

   ส่วนเจ้าชายบาตันก็เตรียมเสบียงให้เพียบเหมือนกลัวว่าเราจะอดอยาก จนต้องปฏิเสธไปบ้าง เพราะมันจะหนักเกินไป ก่อนกลับเราก็ขอบคุณที่เจ้าชายให้การต้อนรับและดูแลเป็นอย่างดีระหว่างที่อยู่ที่นี่

   พอขึ้นมังกรแล้วผมรู้สึกว่าหายใจสะดวกขึ้น ตั้งแต่มาถึงที่นี่ทุกคนเหมือนนักเรียนที่อยู่ต่อหน้าอาจารย์ฝ่ายปกครอง ดูสำรวมและเรียบร้อยกว่าปกติกันมาก ขากลับมีแร็กดอลล์ เทอร์คิชมาส่งที่ชายแดนเพื่อไม่ให้ต้องผ่านขั้นตอนยุ่งยากเหมือนขามา ผมหันกลับไปมองอาณาจักรบาอัลที่อยู่เบื้องหลังเพื่อเก็บไว้ในความทรงจำอีกนิด เพราะไม่รู้ว่าชาตินี้จะได้กลับมาอีกไหม ก่อนจะหลับตาลงซึมซับความรู้สึกหลากหลายที่ได้รับ ทิ้งสิ่งที่ยังค้างคาใจไว้ที่นี่ ก่อนจะลืมตาขึ้นแล้วตั้งใจมองตรงไปข้างหน้าต่อไป




@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

ในประเด็นของคุณไฟ ที่ก้อนดินยังคงลังเล เป็นเพราะยังคงนึกถึงคุณไฟตามประสาคนที่โตมาด้วยกันค่ะ อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เกิดก็เลยรู้สึกผูกพันกันตามธรรมดา ถึงยังไงก็อดจะห่วงใยไม่ได้ ส่วนท่านทูตก็ดีกับดินมาโดยตลอด ดินเลยนับถือเหมือนญาติผู้ใหญ่คนหนึ่ง เลยตัดใจจากทางโน้นไม่ได้สักที

เรื่องนั้นพักเอาไว้ก่อน เดี๋ยวเก็บเห็ดเสร็จแล้ว เราไปเก็บไข่กันค่ะ เสร็จแล้วก็เจียวไข่ใส่เห็ด อร่อยนะคะ ของโปรดเลย 55555

@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@


#B52 อดใจรออีกนิ้ดดดดค่า ไว้จะพาไปดู 55555
#suikajang เล่นกันน่าฟัดทั้งคู่เลยค่ะ 55555 ชอบเวลาก้อนหินอยู่กับไซเลอร์และก้อนดิน ขอบคุณที่เอ็นดูก้อนหินนะคะ ร๊ากกกกกเหมือนกันค่ะ
#alternative มันต้องมีช่วงพักผ่อนหย่อนใจมั่งค่ะ ค่อยไปเจออะไรต่อมิอะไรต่อ 55555
#kratair  :L1: :pig4: :L1:
#♥►MAGNOLIA◄♥ ก้อนหินอยากจะสำคัญที่สุดค่ะ หวงหนักมาก หวงดินแต่ไปเล่นกับไซเลอร์เฉยยยย 5555
#DeShiWa หึๆๆๆๆๆๆๆ
#MayA@TK ชอบเหมือนกันค่ะ เป็นช่วงที่เขียนแล้วมีความสุข 55555
#poppycake คนที่นี่ขี้แกล้งกันทุกคนค่ะ 55555 ไปแน่ค่า แต่ไม่ใช่ตอนเน้
#mild-dy  :L1: :pig4: :L1:
#Yara ยังคงห่วงใยตามประสาคนที่โตมาด้วยกันค่ะ
#HISY ว่างๆ เดี๋ยวจะพาไปดูทางนู้นบ้างค่า รอก่อนนนน
#ซีเนียร์  :L1: :pig4: :L1:
#KARMI แฮ่!  :hao7:
#shoi_toei เป็นสิ่งมีชีวิตที่น่ารักที่สุดในเรื่องแล้วค่ะ รองลงมาก็คนเขียน เอร๊ยยยย
#•♀NoM!_KunG♀• สกัดเรียบร้อยแล้วค่ะ ต่อไปก็ไปไข่ เอ๊ย! เก็บไข่กัน
#badbadsumaru ขอบคุณค่า อ่านแล้วปลื้มมากกกกเหมือนกัน
#ommanymontra  :L1: :pig4: :L1:
#takara เรื่องนี้นี่รักก้อนหินที่สุดแล้วค่ะ 55555 มีความลำเอียงหนักมาก
#prangasia ดินกับคุณไฟโตมาด้วยกัน เลยรู้สึกผูกพันกันธรรมดาค่ะ ถึงจะร้ายแต่ก็มุมดีๆ ให้นึกถึงบ้าง แถมดินเลยยังคงเป็นห่วงอยู่ค่ะ ไม่อย่างงั้นคงตัดสินใจได้ง่ายกว่านี้ ดินเป็นพวกมนุษย์ใจอ่อน มองโลกในแง่ดีสุดๆ
#แฟนตาเซีย คิดอะไรน่ากลัวแบบนั้น อาจจะเกิดสงครามได้นะคะ ถถถ
#papapajimin 55555 ทีมก้อนหิน รักก้อนหินเหมือนกันค่า ใคร้ใครจะใจร้ายกับมันได้ลงคอ


:L1: ขอบคุณที่แวะมาอ่าน มาเม้นท์ มาให้กำลังใจนะคะ   :L1:
 :pig4: กราบรอบทิศ   :pig4:
 :กอด1: กอดดดดดดดดดดดด  :กอด1:

คลานต่อไป

 :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5:
[/color]

ลืมบอกอีกอย่าง มีเพจแล้วนะคะ เอาไว้เก็บข้อมูล และเอาไว้บ่น 555555 ตามไปชมได้ค่า


 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด