►►►แจ้งข่าวรวมเล่มค่ะ @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) (19/3/2019) P.23
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ►►►แจ้งข่าวรวมเล่มค่ะ @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) (19/3/2019) P.23  (อ่าน 127533 ครั้ง)

ออฟไลน์ poppycake

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2670
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-4
มีความหลังที่ลึกซึ้งมากมายยยยยย
มีน่าไซเลอร์ถึงหวงเบอร์นี้ คือนางจองไว้ตั้งแต่เปนวสุแระไง 5555555
ปล. แอบสงสารก้อนหินเบาๆ โถ่วๆๆ ไม่ร้องๆๆ

ออฟไลน์ tiew93

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 655
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
เค้าผูกพันธ์กันจัง งื้อน่ารักกกก  :hao5:

ออฟไลน์ Deery

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 69
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
มีความจริงใจ รักจริงหวังแต่ง
มาอัพอีกนะ กำลังสนุกเลย  :call:

ออฟไลน์ prangasia

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 19
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
น้ำตาจิไหลสงสารพระเอก :hao5:
บทนี้น้องหินไม่มีบทนะจ๊ะ :hao3:

ออฟไลน์ duck-ya

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
เรียนกะปั่นงานมาอย่างหนักได้มาอ่านชื่นใจทั้ง2ตอนฟินมากกก
ถึงว่าทำไมไซเลอร์รู้จักดินมาก่อน หินเอ้ยยยยยยย
โดนแย่งแม่แถมได้พ่อใหม่แบบล้านเปอร์เซ็น

ออฟไลน์ maneethewa

  • มณีเทวา
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 184
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1
    • Maneethewa - มณีเทวา
บทที่ 24 จำจาก

“ไซเลอร์!!! ทำไมสภาพเจ้าถึงได้เป็นแบบนี้?”

เสียงของชเนาเซอร์ที่สื่อสารมาทางจิตดังขึ้นอย่างตกใจเมื่อกลับมายังจุดนัดพบแล้วเห็นสภาพของข้าที่ยังคงพันผ้าพันแผลไว้ นี่ถ้าได้มาเจอสภาพของข้าก่อนหน้านี้สักอาทิตย์คงจะตกใจหนักกว่านี้เป็นแน่ เพราะตั้งแต่สามารถใช้ร่างแปลงได้ ข้าก็ไม่เคยหมดสภาพขนาดนี้มาก่อน

“เดี๋ยวข้าเล่าให้ฟังพร้อมกันทีเดียว แล้วทางฝั่งของเจ้าได้ข่าวอะไรบ้างไหม” ข้าถามด้วยความกังวล เพราะร่างกายข้าได้รับบาดเจ็บ ทำให้ไม่สามารถช่วยตามหาได้อย่างเต็มที่ จึงอดจะรู้สึกเป็นกังวลและอดจะรู้สึกผิดไม่ได้

“ในเขตที่ข้ารับผิดชอบข้าพยายามวนหาตั้งหลายรอบก็หาไม่พบ ขนาดข้าไล่หาทั่วเขตที่เราทั้งคู่รับผิดชอบก็ยังไม่มีวี่แววเลย เฮ้อ! คงต้องรอดูฝั่งมาสทิฟฟ์กับพรีซาและทีมอื่นๆ อีกที เผื่อจะมีใครสักคนหาพบก็ได้” ชเนาเซอร์ตอบด้วยสีหน้าขัดใจที่ไม่พบเป้าหมายที่เราตามหา

“อืม ยังไงก็ขอบใจเจ้ามากที่ช่วยหาเผื่อในส่วนของข้าด้วย ข้าขอโทษที่แทบจะช่วยอะไรไม่ได้เลย”

“เฮ้ย! ไม่เป็นไร ที่จริงข้าก็หาโอกาสเปิดหูเปิดตาด้วยแหละ แหะๆ ข้าซะอีกที่ต้องขอโทษที่ไม่เอะใจตอนที่ตระเวนหาเข้ามาในเขตเจ้าแล้วไม่ได้กลิ่นของเจ้า ไม่งั้นถ้ามาช่วยเจ้าเร็วกว่านี้ เจ้าก็คงไม่ต้องบาดเจ็บแบบนี้” ชเนาเซอร์บอกด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิด

“ไม่เป็นไรหรอก ข้าโชคไม่ดีเอง ขืนให้เจ้ามาช่วยในร่างนี้เจ้าอาจจะแย่ไปด้วย แค่เจ้าช่วยทำหน้าที่ในส่วนของข้า ข้าก็ขอบใจเจ้ามากแล้ว ไม่เช่นนั้นข้าคงจะรู้สึกผิดมากไปกว่านี้”

“เจ้าก็อย่าคิดมากเลย มันเป็นเหตุสุดวิสัยนี่นา”

“อืม...” แต่ถึงยังไงก็ต้องขอบคุณชเนาเซอร์จริงๆ ที่ช่วยทำหน้าที่ในส่วนของข้าด้วย

“งั้นไปกันเถอะ ป่านนี้คนอื่นๆ คงรอกันแล้ว เจ้าพอจะลุกไหวไหม” ชเนาเซอร์ถามด้วยน้ำเสียงห่วงใย

“...”

“มีอะไรรึเปล่าไซเลอร์” พอเห็นข้าเงียบและมีสีหน้าเป็นทุกข์ชเนาเซอร์ก็ถามด้วยความแปลกใจ

“ข้า... เป็นห่วงก้อนดิน” ข้าตอบแล้วถอนหายใจด้วยความหนักใจ

“ห๊ะ! ก้อนดิน? คืออะไร” ชเนาเซอร์ถามอย่างงงๆ

ข้าจึงตัดสินใจเล่าเรื่องที่ได้พบให้ชเนาเซอร์ฟังก่อน

“อะไรนะ? เจ้าสร้างสัญญาผูกจิตกับเขาไปแล้ว!!!” เมื่อฟังจบ ชเนาเซอร์ก็ถามด้วยความตกใจ

“ใช่” ข้าตอบรับอย่างหนักแน่นและมั่นใจว่าข้าทำถูกต้องแล้ว และจะไม่มีวันเสียใจไปชั่วชีวิต

“ชนาเซอร์”

“หือ” ชเนาเซอร์ขานรับทั้งๆ ที่ยังดูมึนๆ กับเรื่องที่ข้าเล่าให้ฟังอยู่

“ข้า... ไม่อยากกลับ” ข้ายังไม่อยากทิ้งก้อนดินไปในตอนนี้เลย

“เฮ้อ! ข้าก็พอเข้าใจนะไซเลอร์ แต่แผลของเจ้ายังไม่หายดี ยังไงก็ต้องกลับไปรักษาตัวก่อน อีกอย่าง... เรายังมีหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ” ชเนาเซอร์บอกอย่างลำบากใจ

“ข้ารู้” รู้ดี แต่หัวใจมันไม่อยากจะยอมรับ

“เฮ้อ! เอาเถอะ กลับไปจัดการอะไรให้เรียบร้อยก่อนค่อยหาทางกลับมาหาก้อนดินของเจ้าก็แล้วกันนะ ใกล้ถึงเวลานัดแล้ว ไปเถอะ เดี๋ยวพรีซาจะกินหัวเอา” ชเนาเซอร์ตบบ่าข้าเหมือนจะให้กำลังใจ

หัวใจข้าหนักอึ้งขึ้นมาทันที ถ้าก้อนดินกลับมาไม่พบข้าจะเป็นยังไง ข้ารู้แต่ว่าเขาจะต้องเสียใจมากแน่ๆ เพราะก้อนดินห่วงใยวสุของเขาเหลือเกิน

ข้าอยากจะทิ้งทุกอย่างแล้วอยู่รอก้อนดินที่นี่

“ไซเลอร์”

แต่ก็รู้ว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะข้าไม่อาจทิ้งหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบไปได้

ข้าหลับตาลงอย่างปวดร้าว สูดลมหายใจรับกลิ่นของก้อนดินที่ยังเจือจางอยู่ในอากาศเพื่อประทับไว้ในหัวใจ

ได้แต่เอ่ยคำขอบคุณและคำลาในใจ

อีกคำที่คงติดค้างก้อนดินไปจนวันตาย

คือคำว่า ‘ขอโทษ’

ขอโทษนะก้อนดิน

ข้าขอโทษที่ไม่สามารถทำตามคำขอของเจ้าได้

ขอโทษที่ไม่สามารถรอเจ้าอยู่ตรงนี้

ขอโทษที่ไปอยู่กับเจ้าไม่ได้

ข้าขอโทษนะ ‘ก้อนดินของข้า’

ข้าได้แต่หวังว่าสักวันจะได้เอ่ยทุกคำที่อยู่ในหัวใจให้เจ้ารับฟังด้วยตัวของข้าเอง

ก่อนจะตัดใจลืมตาขึ้นมาบอกกับชเนาเซอร์ด้วยน้ำเสียงสั่นพร่า

“ไปกันเถอะ”



หลังจากภารกิจเสร็จสิ้นไปได้ด้วยดี เนื่องจากทีมที่รับผิดชอบเขตอื่นพบเป้าหมายแล้วสามารถพากลับไปคืนยังอาณาจักรรุคได้อย่างปลอดภัย

ทีมของเราก็กลับมาที่เคลเบรอส ข้าเล่าเรื่องราวทุกอย่างให้เพื่อนและครอบครัวของข้าฟังอย่างละเอียด ทุกคนยอมรับการตัดสินใจในการผูกจิตของข้า เพราะสำหรับชาวเคลเบรอส ถ้าใครมีบุญคุณต่อเราแล้ว เราต้องตอบแทนให้ถึงที่สุด สำหรับข้า ถ้าในตอนนั้นไม่ได้พบกับก้อนดิน ป่านนี้ข้าก็อาจจะตายไปแล้วก็ได้

พอรักษาตัวจนหายดีแล้ว ก็มีภารกิจประเดประดังเข้ามาอีกมากมายให้เราต้องจัดการ เนื่องจากปีนี้เป็นปีอธิกมาส ประตูมิติมีความแปรปรวนมากกว่าช่วงปีอื่นๆ ทุกทีมจึงต้องทำหน้าที่กันอย่างหัวหมุน ต้องค้นหาผู้ที่หลงมิติมาเพื่อส่งกลับไปยังมิติเดิม

โดยเฉพาะกลุ่มมนุษย์ที่หลงมาแล้วได้รู้เรื่องของมังกรมรกตและคิดจะใช้ประโยชน์จากเกล็ดของมันในทางมิชอบ ทั้งสามอาณาจักรจึงต้องร่วมมือกันค้นหาและจับตัวส่งกลับอย่างเร่งด่วนที่สุด เพื่อไม่ให้เป็นภัยต่อสิ่งมีชีวิตมิติอื่นๆ นอกจากนี้เรายังต้องข้ามไปรับคนจากมิติของเราที่หลุดไปยังมิติอื่นกลับมายังดินแดนไวเวิร์นเหมือนเดิมอีกด้วย

แต่ยังไม่มีภารกิจไหนที่ต้องกลับไปที่มิตินั้นอีกสักครั้ง แม้จะเป็นเรื่องที่ดีที่ประตูมิติของที่นั่นมั่นคง แต่ข้าก็อดไม่ได้ที่จะนับวันเฝ้ารอที่จะได้กลับไปที่นั่นจนแทบจะคลั่งใจตาย ได้แต่ทนทุกข์ทรมาน กระวนกระวายใจ เพราะไม่รู้ว่าตอนนี้ก้อนดินจะเป็นยังไงบ้าง สบายดีหรือเปล่า ป่านนี้แล้วจะลืม ‘วสุ’ ไปของเขาแล้วหรือยัง

จนวันหนึ่งโชคชะตาก็เข้าข้างข้า เมื่อทีมของเราได้รับภารกิจใหม่ให้ไปส่งตัวมนุษย์ที่หลงมาจากมิตินั้น ท่านมอลทีสสั่งให้เราไปในร่างมนุษย์ได้ แต่ให้ใส่ผ้าคลุมปิดหน้าไป เพราะคืนนั้นเป็นคืนฮัลโววีน ท่านมอลทีสบอกว่ามันเป็นเทศกาลที่มนุษย์บางกลุ่มในโลกนั้นจะจัดงานเลี้ยงที่ต้องแต่งตัวแปลกๆ ไปร่วมงานพอดี

หลังจากที่ข้าและเพื่อนๆ จัดการภารกิจส่งคนกลับที่เดิมเรียบร้อยแล้ว เนื่องจากยังเหลือเวลานัดอีกเล็กน้อย ข้าจึงขอเพื่อนๆ แวะไปหาก้อนดินก่อน อยากไปดูให้เห็นกับตาว่าเขาเป็นอย่างไรบ้าง สบายดีหรือเปล่า ถ้าเขาสบายดีข้าจะได้สบายใจขึ้นบ้าง

“เจ้าไปเถอะ ข้าจะรอที่จุดนัดพบแล้วกัน” พรีซาบอกและตบบ่าอย่างเข้าใจ

“เฮ้ย! เดี๋ยวสิไซเลอร์”

ข้าไม่สนใจเสียงเรียกของพรีซา ได้แต่รีบวิ่งไปยังสถานที่ที่เคยใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับก้อนดินอย่างรวดเร็ว

เมื่อไปถึงข้าได้แต่ยืนนิ่ง เพราะตรงซุ้มต้นไม้ที่ข้าเคยพักรักษาตัว จากที่เคยเป็นป่ารก ตอนนี้ถูกถางจนโล่งเตียน เหมือนเตรียมจะสร้างอะไรสักอย่าง เห็นแล้วอดรู้สึกใจหายไม่ได้ เพระที่นี่ถือเป็นสถานที่แห่งความทรงจำของข้ากับก้อนดิน

ข้ายืนนิ่งเงี่ยหูฟังสิ่งต่างๆ รอบตัว ก่อนที่จะวิ่งไปยังทิศทางที่เสียงดนตรีลอยตามลมมา ได้แต่หวังว่าจะได้พบก้อนดินที่นั่น เพราะเวลาเหลือน้อยเต็มที

เมื่อมาถึงจุดกำเนิดของเสียงดนตรี ก็พบกับกลุ่มคนที่แต่งตัวประหลาดๆ อย่างที่ท่านมอลทีสได้บอกไว้อยู่ในสนามหญ้าโล่งๆ ที่ประดับด้วยไฟสลัวๆ ทั่วสนามซึ่งกว้างพอที่จะจุคนได้หลายร้อยคน ซึ่งตอนนี้แต่ละคนกำลังเดินกันขวักไขว่ บ้างก็ยืนรับประทานอาหาร บ้างก็พูดคุย หัวเราะกันอยู่แทบจะเต็มพื้นที่

ข้าสอดส่ายสายตามองหาก้อนดิน เมื่อไม่พบก็หลับตาลงรวบรวมสมาธิสูดหากลิ่นอันคุ้นเคย

ก้อนดินอยู่นี่... เขาอยู่ที่นี่

ข้าลืมตาขึ้นมาด้วยความยินดี

ข้ารีบเดินตามกลิ่นไป จนได้เห็นก้อนดินยืนคุยอยู่กับใครคนหนึ่งใกล้ๆ กับซุ้มเครื่องดื่ม เขาดูตัวสูงกว่าครั้งสุดท้ายที่เจออีกเล็กน้อย

คิดถึงเหลือเกิน

ด้วยความคิดถึงที่ล้นใจ ทำให้ข้าเผลอเดินไปจับแขนก้อนดินไว้อย่างไม่รู้ตัว

“หือ? ใครน่ะ” ก้อนดินถามด้วยน้ำเสียงแปลกใจ ก่อนจะเอียงคอมองแล้วถามต่อ

“แต่งชุดอะไรหว่า มนุษย์ล่องหนเหรอ” ก้อนดินยิ้มให้อย่างสดใสจนข้ารู้สึกตาพร่าไปชั่วขณะ

“ว่าแต่ใครเนี่ย” ก้อนดินก้มตัวลงแล้วชะโงกหน้ามาส่องหน้าของข้า

แต่มนต์บังหน้าที่พรีซาร่ายไว้ยังคงอยู่ จึงทำให้เขาไม่สามารถมองเห็นใบหน้าของข้าได้

ให้ตายสิ! ข้าลืมไปเสียสนิท อยากจะรีบมาให้ก้อนดินเห็นหน้า อยากให้เขาจดจำข้าในร่างของมนุษย์บ้าง แต่ดันลืมว่ายังไม่ได้ให้พรีซาแก้มนต์บังตาก่อนมา จะแก้เองก็ไม่ได้ในเมื่อสำหรับเวทย์นี้ผู้ใดเป็นผู้ร่าย ผู้นั้นต้องเป็นผู้แก้เท่านั้น

ข้าอยากจะฆ่าตัวเองนัก!

“มองไม่เห็นเลยอะ เดี๋ยวนะ ขอนึกดูก่อน ตัวใหญ่ๆ อย่างกับยักษ์กับมารขนาดนี้น่าจะเป็นนักกีฬาหรือไม่ก็รุ่นพี่” ก้อนดินทำท่าครุ่นคิด

“อืม... ใครหว่า”

“ข้า...”

“ไอ้ดิน” อยู่ๆ ก็มีคนๆ หนึ่งวิ่งแทรกเข้ามาหาก้อนดินอย่างรวดเร็ว พอมาถึงก็จับแขนก้อนดินแล้วลาก

“เฮ้ย! อะไรวะ”ก้อนดินร้องอย่างตกใจ

“มึงรีบไปเลยไอ้ดิน คุณไฟมึงไปหาเรื่องรุ่นพี่ กำลังจะโดนรุมกระทืบแล้ว”

“ห๊ะ! ฉิบหายแล้ว”

“เออ.. ถ้ายังไม่รีบไปฉิบหายแน่ๆ”

จากที่คนๆ นั้นเป็นฝ่ายลากก้อนดิน กลายเป็นก้อนดินเป็นฝ่ายลากคนๆ นั้นไปแทน

พอก้อนดินจะไปข้าก็เผลอยกมือจับแขนเขาไว้แน่น

“ก้อนดิน”

“หือ เดี๋ยวมาทายใหม่นะ พอดีผมมีธุระ ไปละ”

พูดยังไม่ทันจบ ก้อนดินก็ปลดมือข้าทิ้ง แล้ววิ่งจากไป

ข้าได้แต่มองมือที่โดนดึงออก รู้สึกวูบโหวงเหมือนทำของสำคัญหายไป

แต่พอตั้งสติได้ ข้าก็ก้าวขาเพื่อจะวิ่งตามก้อนดินไป

“ไซเลอร์” ชเนาเซอร์แหวกผู้คนตรงเข้ามาหา

“ถึงเวลากลับแล้ว” ข้ามองไปทางที่ก้อนดินวิ่งจากไป แล้วได้แต่หลับตาลงด้วยความปวดร้าว

“ไปกันเถอะ” ชเนาเซอร์ก้าวมาตบบ่าเบาๆ

“อืม”

อย่างน้อย... แค่ได้เห็นว่าก้อนดินมีความสุขดีข้าก็พอใจแล้ว






แต่ข้าคิดผิด...

เมื่อในวันหนึ่ง ข้ามีโอกาสได้กลับมาในมิตินี้อีกครั้ง

หลังจากปฏิบัติภารกิจเรียบร้อยแล้ว ครั้งนี้ยังมีเวลาเหลืออีกหลายวันกว่าจะถึงกำหนดกลับ ไม่รู้ว่าเป็นความตั้งใจของท่านมอลทีสหรือเปล่า เพราะท่านพูดอะไรแปลกๆ ก่อนที่ข้าจะมา

“อดทนไว้ก่อนนะไซเลอร์”

“ครับ” ถึงจะไม่รู้ว่าเรื่องอะไร แต่ข้าก็รับคำด้วยความเคยชิน

ข้าสืบหาที่อยู่ของก้อนดินจากข้อมูลที่เขาเคยเล่าให้ฟังจนพบ เนื่องจากช่วงนี้เป็นช่วงปิดเทอม ก้อนดินจึงน่าจะอยู่ที่บ้าน พอได้โอกาสข้าก็ลอบเข้าไปในบ้านที่ก้อนดินอาศัยอยู่ หวังว่าจะได้เห็นก้อนดินบ้างสักนิดก็ยังดี

“ย่าครับ ดอกมะลินี่ต้องเก็บเยอะไหม”

หัวใจข้าเต้นอย่างยินดี เมื่อได้ยินเสียงของเขา

ข้าแทรกตัวเข้าไปในพุ่มไม้ลอบแอบมองก้อนดินที่กำลังเก็บดอกไม้สีขาวๆ ที่ออกดอกพราวเต็มต้นด้วยความคิดถึงสุดหัวใจ

“เก็บมาแค่เต็มจานก็พอลูก” เสียงหญิงชราในบ้านตอบกลับมา

“คร้าบบบบ” ก้อนดินรับคำด้วยน้ำเสียงสดใสจนข้าอดจะยิ้มไม่ได้

“ดอกมะลินี่หอมจริงๆ เอาไว้สร้างบ้านแล้ว เอาไปปลูกไว้ข้างบ้านดีกว่า” ก้อนดินเก็บดอกไม้ไป ฮัมเพลงไปอย่างอารมณ์ดี

ข้ามองรอยยิ้มสดใสนั้นด้วยความโหยหา

คิดถึง

คิดถึงเหลือเกิน ก้อนดินของข้า

พอเขาเก็บดอกไม้เสร็จก็เดินเข้าบ้านไป ข้าเกือบจะเผลอเดินตามไป แต่ต้องพยายามห้ามใจตัวเองไว้

“แค่นี้พอไหมครับย่า”

ข้าขยับไปหลบอยู่ข้างหน้าต่าง เสียดายที่มองไม่เห็นหน้า แต่ขอแค่ได้ยินเสียงนานอีกสักนิดก็ยังดี

“พอแล้วลูก”

“งั้นดินไปรีดผ้าก่อนนะครับ”

“จ้ะ ขอบใจมากนะลูก”

“คร้าบบบบ” แล้วเสียงฝีเท้าของก้อนดินก็ไกลออกไป พร้อมทั้งกลิ่นของเขาก็จางลง

ข้าหลับตาลงซึมซับกลิ่นของก้อนดินที่ยังเจือจางอยู่ทั่วบริเวณด้วยความคิดถึง แต่ในขณะที่กำลังจะหันหลังกลับไปที่จุดนัดพบ คำพูดของคนข้างในที่เอ่ยชื่อก้อนดินก็ทำให้ข้าชะงักและหยุดฟังทันที

“ดีจังนะนม ที่ก้อนดินมันกลับมาร่าเริงเหมือนเดิมได้” เสียงของหญิงสาวด้านในพูดขึ้นมา

“เฮ้อ! นั่นสิ เห็นมันกลับมาเป็นเหมือนเดิม ฉันก็โล่งใจ” หญิงชราที่คุยกับก้อนดินในตอนแรกตอบกลับไป ข้าเดาว่านางน่าจะเป็นย่าของก้อนดินตามที่เขาเคยเล่าให้ฟัง

แต่ฟังบทสนทนาแล้วข้าได้แต่ขมวดคิ้วด้วยความสงสัย ทำไมถึงบอกว่าดีขึ้น ก่อนหน้านี้ก้อนดินเป็นอะไร เลยอยู่รอฟังต่อไป

“สงสารดินมัน อยากเลี้ยงหมาก็เลี้ยงไม่ได้ เพราะคุณไฟดันแพ้ขนสัตว์ ตอนที่มันมาเล่าว่าเจอหมาหลงมานี่ตาเป็นประกายเชียว ดีที่ช่วงนั้นคุณไฟไม่อยู่ เรื่องก็เลยไม่แตก ดูมันมีความสุขมากจนฉันอดจะยิ้มไปกับมันไม่ได้ ต้องคอยแอบช่วยห่อข้าวห่อน้ำให้มันเอาไปเลี้ยงหมา กลัวคุณหญิงรู้แทบตาย ยิ่งพอมันบอกว่าครูเทพยอมให้ไปฝากหมาไว้ที่ค่ายมวยได้มันก็ดีใจใหญ่ ขนาดโดนคุณหญิงตียังไม่สลดเลย แต่วันที่หมาตัวนั้นหายไป วันที่ก้อนดินกลับมาในสภาพตัวเปียกโชก ฉันก็สงสารมันมากเลยค่ะนม”

“อืม... วันที่หมาตัวนั้นหายไป พอกลับมาถึงก้อนดินก็กอดฉันไว้แล้วก็เอาแต่ร้องไห้ ปากก็พร่ำบอกว่ามันไม่อยู่แล้ว ทั้งๆ ที่ตั้งแต่รู้ความมาก็ไม่เคยร้องหนักขนาดนี้ นึกถึงตอนนั้นแล้วก็สงสารมันจนแทบจะร้องไห้ตามหลานไปจริงๆ” หญิงชราผู้เป็นย่าของก้อนดินเงียบไปก่อนจะพูดต่อ

“มันไปรอหมาตัวนั้นตั้งหลายวันทั้งๆ ที่ไม่สบายอยู่แท้ๆ ฉันมันก็แย่ที่ไม่ได้สังเกตว่าหลานตัวเองป่วย แถมช่วงนั้นก็ดันมีพายุเข้า ฝนก็ตกหนักลงมาทุกวัน มันก็ยังจะไปยืนตากฝนรออยู่ทุกวัน ใครห้ามก็ไม่ฟัง ใครพูดก็ไม่เชื่อ ท่านทูตบอกจะหาหมาตัวใหม่มาให้มันก็ไม่เอา มันบอกว่าจะรอวสุของมัน ดินมันซึมลงทุกวันจนฉันเป็นห่วงแทบจะขาดใจ” นางพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

ส่วนข้า... ยิ่งได้ฟังก็ยิ่งรู้สึกเหมือนอากาศไม่เพียงพอต่อการหายใจ

“สงสัยช่วงนั้นจิตใจมันคงอ่อนแอเลยทำให้ร่างกายที่เคยแข็งแรงพลอยอ่อนแอไปด้วย จนวันที่มันหมดสติไปเพราะไข้ขึ้นสูงนั่นแหละถึงได้รู้กันว่ามันป่วย มันฝืนไว้เพราะอยากไปรอหมา น่าตีจริงๆ” แม้ปากจะพูดอย่างนั้น แต่น้ำเสียงกลับเต็มไปด้วยความเอื้อเอ็นดู

“นั่นสิคะ วุ่นวายกันทั้งบ้าน คุณไฟกลับมาเห็นสภาพดินแล้วอาละวาดบ้านแทบแตก แต่แปลกนะคะ... พอฟื้นไข้มากลับลืมหมดทุกอย่าง”

อะไรนะ...!!!

“หมอบอกว่าอาจจะเกิดจากสภาพจิตใจ เพราะเสียใจมากเลยทำให้สมองตัดความทรงจำช่วงนั้นออกไปเอง แต่ก็ดีแล้วละ ฉันก็ไม่อยากเห็นก้อนดินมันทุกข์แบบนั้นเลย เห็นแล้วฉันรู้สึกใจจะขาดตามมันไปด้วย”

“นั่นสิคะนม เป็นแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน เห็นมันกลับมาร่าเริงเหมือนเดิมแล้วค่อยโล่งใจหน่อย”

ข้าได้แต่ยืนอึ้งกับความจริงที่เพิ่งได้รู้ รู้สึกเหมือนจะหายใจไม่ออก รู้สึกเหมือนใกล้จะขาดใจตาย

เป็นเพราะข้าที่ทำร้ายเขา

เป็นเพราะข้าที่ทำให้ก้อนดินต้องเป็นทุกข์

เป็นเพราะข้าที่ทำให้ก้อนดินเสียใจ

เป็นเพราะข้าคนเดียว

ก้อนดิน... ข้าขอโทษ


ข้าเดินจากบ้านหลังนั้นมาท่ามกลางสายฝนที่โปรยปราย ฟ้าเอาคืนให้ก้อนดินใช่ไหม หากเป็นไปได้ข้ายินดีจะยอมรับโทษทุกอย่าง ถ้ามันจะสามารถทำให้ข้าสามารถย้อนเวลากลับไปอยู่กับก้อนดินได้ เพื่อไม่ให้เขาต้องเจ็บปวด ต่อให้ต้องอยู่กับก้อนดินในร่างแปลงไปจนวันตาย... ข้าก็ยอม

ข้าได้แต่ปล่อยให้น้ำตาร่วงหล่นลงมาปะปนกับสายฝน

ข้าไม่รู้ตัวว่าเดินไปถึงจุดนัดพบได้อย่างไร เมื่อไปถึงเพื่อนๆ ต่างตกใจเมื่อเห็นสภาพของข้าและรับรู้ถึงสภาพจิตใจที่เศร้าหมองของข้า แต่ข้ายังไม่พร้อมจะเล่าอะไรให้ฟัง เลยได้แต่เงียบและจมอยู่กับความรู้สึกผิดเพียงลำพัง

แต่เมื่อกลับไปถึงบ้านข้าก็มีสติมากขึ้น จึงเล่าทุกอย่างที่ได้รับรู้มาให้ครอบครัวและเพื่อนๆ ฟังพร้อมกันด้วยความทุกข์ใจ ท่านแม่ฟังข้าเล่าไปร้องไห้ไปด้วยความสงสารก้อนดิน

หลังจากนั้น ข้าก็ได้แต่จมอยู่กับความรู้สึกผิดของตัวเอง นับวันก็ยิ่งเคร่งขรึมมากขึ้น ซึมลงทุกวัน กินไม่ได้นอนไม่หลับ จนร่างกายผ่ายผอมลงเรื่อยๆ สุดท้ายก็ล้มป่วยลงเพราะความตรอมใจ

สมควรแล้วละ ข้าเป็นสาเหตุที่ทำให้ก้อนดินต้องทุกข์ใจและป่วยหนัก ในตอนนี้ข้าล้มป่วยลงบ้างก็ยุติธรรมดี


นับวันอาการของข้าก็ยิ่งทรุดลง ทุกคนในอาณาจักรและเพื่อนๆ ที่เคยปฏิบัติภารกิจร่วมกันอีกสองอาณาจักรก็มาเยี่ยมด้วยความเป็นห่วง แต่ไม่รักษาด้วยยาหรือด้วยเวทย์อาการก็ไม่ดีขึ้น เพราะอาการของข้าเป็นอาการทางใจ ทั้งครอบครัวและเพื่อนๆ ของข้าต่างทุกข์ใจไปตามๆ กัน

จนวันที่ท่านมอลทีสกลับมาจากปฏิบัติภารกิจเร่งด่วนร่วมกับจอมปราชญ์ของอีกสองอาณาจักรเรียบร้อยแล้ว เมื่อกลับมาถึงเคลเบรอสก็ตรงมาเยี่ยมข้าที่บ้านทันที

เมื่อมาถึงห้องของข้า ท่านมอลทีสกลับกวาดสายตามองหน้าเพื่อนๆ ของข้าทีละคน ซึ่งแต่ละคนก็หลบสายตากันไปคนละทางอย่างมีพิรุธ

“หยุดความคิดพวกเจ้าเลยนะ เจ้าพวกลูกหมา” ท่านมอลทีสหันไปเอ็ดเพื่อนๆ ของข้าที่ยังยืนหันหน้าหนีไปคนละทิศละทางด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด

ข้าหันไปมองหน้าเพื่อนๆ อย่างแปลกใจ พอหันไปมองท่านมอลทีสด้วยความสงสัย ท่านก็บอก

“เจ้าพวกนี้วางแผนจะไปขโมยก้อนดินมาที่นี่” ข้าเบิกตากว้างอย่างตกใจ พอเห็นแต่ละคนทำหน้าเกรงๆ ใส่ท่านมอลทีสก็อดจะทั้งขำและซาบซึ้งกับความหวังดีของเพื่อนๆ ไม่ได้

ทั้งๆ ที่รู้ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผิดกฎอย่างร้ายแรง หากทำลงไปจริงๆ แล้วจะต้องรับโทษหนักก็ยังคิดที่จะทำเพื่อข้า ยังดีที่ตอนนี้ท่านพ่อ ท่านแม่ กับท่านพี่ไซรอสติดธุระสำคัญเลยไม่ได้อยู่ด้วย ไม่เช่นนั้นคงโดนท่านพ่อเอ็ดอีกคนเป็นแน่

ข้านิ่งไปชั่วครู่ ก่อนจะหันไปถามสิ่งที่คิดและตัดสินใจไว้ตั้งแต่เริ่มล้มป่วยกับท่านมอลทีส

“ข้ากลับไปหาเขาได้ไหม” ในเมื่อพาก้อนดินมาไม่ได้ ข้าก็ยืนยันว่าพร้อมจะสละทุกสิ่งทุกอย่าง แม้จะต้องเป็นสัตว์เลี้ยงให้ก้อนดินในร่างแปลงไปชั่วชีวิต... ข้าก็ยอม

“อดทนรอไปก่อนนะ” ท่านมอลทีสยิ้มให้อย่างอ่อนโยน

“สักวันเจ้าจะได้รับโอกาสให้ได้อยู่ใกล้เขา” ท่านมอลทีสหัวเราะขำเมื่อเห็นแววตาข้าเป็นประกายขึ้นมา

“เฮ!” ส่วนเพื่อนๆ ต่างก็ส่งเสียงด้วยความดีใจอย่างกับเป็นเรื่องของตัวเอง

“ถึงตอนนั้นก็อย่าปล่อยให้หลุดมือก็แล้วกัน” ท่านมอลทีสพูดด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะเมื่ออาการดีใจของเพื่อนๆ และเห็นแววตาที่เริ่มมีชีวิตชีวาของข้า

“ครับ ข้าจะรอ ถึงวันนั้น ข้าจะไม่มีวันปล่อยมือเขาไปอีกแล้ว ขอบคุณมากครับท่านมอลทีส”

แล้วคำทำนายของท่านมอลทีสก็เป็นเหมือนความหวังหล่อเลี้ยงชีวิตและหัวใจของข้าให้เต้นต่อไป

ระหว่างที่รอเวลาให้คำทำนายเป็นจริง ข้าก็เอ่ยปากขอพื้นที่ตรงริมแม่น้ำจากท่านพ่อท่านแม่และพี่ไซรอส ซึ่งทุกคนก็ยอมยกให้ข้าด้วยอย่างเต็มใจ

ข้าเก็บเงินที่ได้จากการทำงานทุกเหรียญ เริ่มออกแบบและสร้างบ้านในฝันที่ก้อนดินอยากได้ โดยไม่ยอมรับเงินที่ท่านพ่อท่านแม่เสนอมาให้ เพราะข้าอยากสร้างบ้านหลังนี้ให้ก้อนดินด้วยความตั้งใจและความสามารถของข้าเอง

เมื่อสร้างเสร็จแล้ว ข้าก็ตั้งชื่อว่า “เรือนวสุธา” ตามที่ก้อนดินเคยบอกไว้ แล้วตั้งหน้าตั้งตานับวันนับคืนรอเจ้าของของมันเข้ามาอาศัย

(มีต่อค่ะ)

ออฟไลน์ maneethewa

  • มณีเทวา
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 184
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1
    • Maneethewa - มณีเทวา
6 ปีผ่านไป

ข้าและเพื่อนๆ ทีมเฮดีสซึ่งเพิ่งกลับมาจากปฏิบัติภารกิจต่างมิติและกำลังจะไปรายงานตัวกับคิงเกรทเดนที่พระราชวัง ได้รับภารกิจเร่งด่วนให้ตามจับผู้ต้องสงสัยที่ลอบเข้าไปในเขตพระราชวังโดยมีเป้าหมายเพื่อทำอะไรสักอย่าง แต่ถูกจับพิรุธได้ซะก่อน พวกมันหลบหนีไปไปได้ คิงและท่านมอลทีสจึงสั่งให้พวกเราตามจับเป็นเพื่อเค้นหาสาเหตุในการลอบเข้าวังในครั้งนี้

พวกมันทั้งสี่หนีตรงไปทางป่าไวท์ ซึ่งเป็นป่าที่อยู่ใกล้กับภูเขาไฟไวเวิร์น เราจึงต้องรีบตามจับให้ได้เร็วที่สุด เพราะป่าแถบนั้นเป็นป่าทึบ ยิ่งมันหนีเข้าไปได้ลึกเท่าไหร่ก็จะยิ่งทำให้ยากต่อการค้นหามากขึ้นเท่านั้น

เนื่องจากบริเวณจุดนั้นเป็นจุดที่ไม่เหมาะที่จะใช้มังกรในการค้นหา เราจึงต้องฝากมังกรไว้ที่หมู่บ้านชายป่าแล้วเข้าไปตามล่าในร่างแปลงแทน เรากลัวว่าหากปล่อยพวกมันไว้กลางป่าแล้วอาจจะเป็นอันตรายได้ เพราะนักล่ามังกรมีอยู่ทุกอาณาจักร ถ้าโชคร้ายพบกับพวกนักล่าที่ไม่ดีเข้า พวกมันอาจจะโดนฆ่าเพื่อเอาชิ้นส่วนไปขายได้

เพื่อความรวดเร็วในการค้นหา เราจึงตัดสินใจแยกย้ายกันออกตามล่า ถ้าใครพบพวกมันก่อนก็ให้เป่าสัญญาณเรียกคนที่เหลือมาช่วย

แล้วก็เป็นข้าที่ได้พบกับพวกมันก่อนคนอื่นๆ

ในตอนนี้ฝีมือข้าพัฒนาขึ้นอีกมาก เลยทำให้สามารถต่อสู้กับพวกมันทั้งสี่ได้อย่างไม่ตึงมือมากนัก

แต่ในระหว่างที่ต่อสู้กันอยู่นั้น ข้ากลับได้กลิ่นอันคุ้นเคย จึงทำให้เสียสมาธิจนมีช่องโหว่ให้มันมีโอกาสตอบโต้ได้ แต่ก่อนที่ดาบจะถูกตัวข้า ก็มีอะไรสักอย่างพุ่งมาปัดมือคนที่กำลังจะฟันลงมาออกได้ทัน หูของข้าได้ยินเสียงฝีเท้าของคนที่น่าจะเป็นคนช่วยเหลือข้าเมื่อครู่กำลังวิ่งหนีไป พวกมันที่สู้อยู่กับข้าก็คงจะได้ยินเช่นกัน เพราะหนึ่งในนั้นผละตัวออกจากการต่อสู้แล้ววิ่งตามไป

โชคดีที่เพื่อนๆ ข้าได้รับสัญญาณแล้วตามมาทัน ข้าเลยผละตัวออกมาเพื่อตามไปช่วย

ยิ่งเข้าไปใกล้กลิ่นที่ได้รับก็ยิ่งชัดเจนจนหัวใจข้าเต้นกระหน่ำ ทั้งแปลกใจและไม่มั่นใจในประสาทสัมผัสของตัวเองขึ้นมาซะอย่างนั้น

กลิ่นของก้อนดิน!!!

มาได้ยังไง???

ข้ารีบเร่งฝีเท้าเข้าไปให้เร็วขึ้น ภาพที่เห็นทำให้ข้ารู้สึกใจหายวาบ ต้องรีบกระโจนเข้าไปปัดดาบที่เงื้อขึ้นจะฟันก้อนดินออกอย่างรวดเร็ว

ข้าถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อเห็นก้อนดินปลอดภัย

โชคดีที่มาทัน ถ้าก้อนดินโดนทำร้ายอีก ข้าคงไม่มีวันให้อภัยตัวเองไปตลอดชีวิต

ข้าเพิ่งเข้าใจคำสั่งของท่านมอลทีสที่มองข้าด้วยรอยยิ้มและสายตาที่อ่อนโยนก่อนเดินทางมาก็ตอนนี้

“เก็บคนที่เจอในป่ากลับมาด้วยนะ”

ในตอนนั้นข้าได้แต่รับคำด้วยความงุนงง

แต่ตอนนี้ ข้าเข้าใจคำพูดของท่านมอลทีสแล้ว

ต่อให้ท่านมอลทีสไม่บอก ในเมื่อโอกาสมาอยู่ตรงหน้า

ข้าก็จะคว้าไว้ให้มั่น ไม่มีวันยอมปล่อยให้หลุดมือไปแน่!

ข้าได้แต่ยืนมองพรีซาซักไซ้ก้อนดินอย่างมีความสุข ที่จริงแล้วข้าอยากจะเข้าไปกอดก้อนดินด้วยความคิดถึง แต่พยายามห้ามตัวเองไว้ ก้อนดินไม่รู้จักข้าในร่างนี้ ต่อให้เป็นร่างแปลง ตอนนี้เขาก็จำไม่ได้แล้ว อีกอย่างข้าไม่อยากจะปลุกความทรงจำที่ทำให้ก้อนดินเป็นทุกข์ขึ้นมาอีก

ถึงก้อนดินจะลืมข้าก็ไม่เป็นไร... ข้าจะสร้างความทรงจำดีๆ ร่วมกันขึ้นมาใหม่เอง คราวนี้ข้าจะเป็นฝ่ายดูแลปกป้อง และจะทำให้ก้อนดินมีความสุขมากที่สุด

ข้าสาบาน...

เพื่อนๆ ทุกคนรู้จักก้อนดินดี เพราะระหว่างที่รอมา 6 ปี เมื่อต้องไปทำภารกิจที่มิตินั้นทีไร แต่ละคนจะผลัดกันตามข้าไปดูก้อนดินด้วยทุกครั้ง

ข้าแค่ให้แกล้งทำเป็นไม่รู้จัก ไม่ใช่บอกให้แกล้งแบบนี้ เพื่อนๆ แต่ละคนของข้าขี้แกล้งจะตายไป โดยเฉพาะพรีซา แกล้งจนก้อนดินทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ ข้าเลยต้องยื่นมือเข้าช่วย

ถ้าก้อนดิน ‘ของข้า’ ตกใจหนีไปจะทำยังไง

ยิ่งได้อยู่ใกล้ก้อนดินข้าก็ยิ่งมีความสุขมากขึ้นทุกวัน

ข้าชอบรอยยิ้มที่สดใสของก้อนดิน

ดีใจที่ก้อนดินตกอยู่ในอ้อมกอดเมื่อขึ้นบนหลังไซรัสแล้วทรงตัวไม่ได้ ข้าแอบฉวยโอกาสกอดและสูดกลิ่นของเขาเอาไว้ด้วยความอิ่มเอม

ดีใจที่สุดที่ก้อนดินชอบเรือนวสุธาที่ข้าสร้างไว้รอ แม้ว่าเขาจะจำไม่ได้ก็ตาม

ชอบเวลาที่ก้อนดินกางปีกปกป้องก้อนหินเหมือนที่เขาเคยปกป้องวสุ

ชอบสีหน้าจริงจังเวลาที่ก้อนดินตั้งใจฝึกฝีมือหรือตั้งใจทำอะไรสักอย่าง

ชอบเวลาที่ก้อนดินทำตัวไม่ถูกเมื่อถูกทุกคนล้อ ทำหน้าเหมือนอยากตอบโต้ แต่ไม่กล้า ทั้งน่าขำและน่าเอ็นดูเป็นที่สุด

ชอบเวลาที่ก้อนดินมีสีหน้าขัดเขินเมื่ออยู่ใกล้กัน เพราะมันบ่งบอกว่าก้อนดินเริ่มจะมีใจให้ข้าบ้างแล้ว

มีความสุขแทบสำลักเมื่อได้จูบกันครั้งแรก

ห่วงใยจนแทบบ้าเมื่อก้อนดินอยู่ห่างสายตา

หึงหวงแทบคลั่งเมื่อมีใครสักคนเข้าใกล้ก้อนดิน


“ก๊าส” เสียงร้องของก้อนหินทำให้ข้าหลุดออกจากภวังค์ เมื่อมองไปก็พบว่าก้อนดินลืมตาขึ้นมาและกำลังมองก้อนหินที่โผเข้าไปกอดแล้วถูกับตัวด้วยแววตาอ่อนโยน

“หิน” ก้อนดินเรียกก้อนหินแล้วลูบหลังมันเบาๆ ก่อนที่แววตาคู่นั้นจะหันมามองข้านิ่งๆ แล้วเรียกด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาคล้ายไม่มั่นใจ

“วสุ”

ได้ยินแล้วรู้สึกเย็นเยียบไปทั้งหัวใจ

ก้อนดินจำได้จริงๆ

ในตอนนี้ข้ากลัวเหลือเกิน

กลัวว่าจะไม่ได้รับการให้อภัยที่เป็นต้นเหตุให้เขาต้องเสียใจ

กลัวว่าจะเสียเขาไป

ข้าอาจจะเคยเป็นต้นเหตุที่ทำให้เจ้าเป็นทุกข์ แต่ขอร้องได้ไหม อยู่ด้วยกันตลอดไปเถอะนะก้อนดิน

ชีวิตของข้า หากไม่มีเจ้าแล้ว ก็คงเหมือนร่างที่ไร้หัวใจ



@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

นี่คือสาเหตุว่าทำไมทุกคนถึงรู้ ถึงได้ชอบแซวดินกันนัก ทำไมครอบครัวไซเลอร์ถึงต้อนรับก้อนดินเป็นอย่างดี ทุกคนรู้ว่าไซเลอร์ผูกจิตกับดินไปแล้ว กลิ่นของดินก็จะติดอยู่ที่ตัวไซเลอร์ อีกอย่างทุกคนก็รู้ดีว่าดินเคยช่วยพี่ไซไว้
พี่ไซแกชัดเจนมาตลอดค่ะ  :hao3:

เสียอย่างเดียว เคยทิ้งน้อง ถถถ ดินของแม่ พี่มันทำร้ายจิตใจใช่ไหม เดี๋ยวแม่จัดการให้  :z6:

เคยเจอพวกสัตว์จรไหมคะ อย่างหมาหรือแมวจรที่ผอมโซหัวโตเหมือนหลงมา พอเจอเราก็จะพยายามช่วยหาข้าวหาน้ำให้มันกิน ตอนแรกๆ ก็ให้ห่างๆ สักพักก็เริ่มเข้าใกล้ได้เรื่อยๆ เจอกันบ่อยๆ จนเป็นความเคยชิน

แล้ววันหนึ่งมันก็หายไป ไปหาที่เดิมก็ไม่เจอ หารอบๆ ก็ไม่เจอ รอก็ไม่มา ไม่รู้เป็นตายร้ายดียังไง ทั้งเป็นห่วง ทั้งกังวล จนบางทีถึงกับนอนไม่หลับ เผลอรู้สึกผูกพันไปโดยไม่รู้ตัว มาทำให้รักแล้วก็จากไป งอนนนนน  :mew6:
 
เลยคิดว่าไม่เจอกันซะยังจะดีกว่า ถ้าลืมได้หรือ Skip ให้ผ่านไปเลยก็ดี จะได้ไม่เป็นทุกข์

ยิ่งช่วงหน้าฝนนี่ต้องภาวนา อย่าไปเห็นรังนกหล่น เวลาช่วยได้ก็ดีไป ช่วยไม่ได้เลี้ยงไม่รอดก็จิตตกไปสิ  :katai1:

มันคือที่มาว่าทำไมถึงให้น้องดินต้องลืม จะมีใครเข้าใจความรู้สึกเราไหม มันเสียใจจริงๆ นะ ฮืออออ  :hao5:

@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
[/color]

#mild-dy   :pig4: :L2: :L2: :กอด1: :L2: :L2: :pig4:
#alternative น้องดินน่ารักจริงๆ ค่ะ แอบหลงลูกตัวเอง ถถถ กราบแนบอกและกอดคุณนักอ่านที่รัก ดีใจที่ชอบและแวะมาเม้นท์ให้กำลังใจลูกๆ และแม่มันเสมอๆ ขอบคุณมากๆๆๆๆๆๆๆ+++++ เช่นกันค่ะ  :L1:
#sirin_chadada บอกแล้วไงคะ พี่ไซแกรอของแกมานานเหมือนกัน ส่วนชื่อนั้นอ่านปุ๊บนึกถึงร่างแปลงได้เลยค่ะ 55555  :laugh:
#suikajang อ่านเม้นท์แล้วก็ยิ้มหน้าบานเป็นจานดาวเทียมเลยค่ะ 55555 รู้สึกเหมือนเลเวลอัพ เดี๋ยวตอนต่อไปจะรีบมาอย่างไวตามความคึกของแม่มัน กร๊ากกกก ขออ่านทวนอีกแป๊บบบบนะคะ
งื้อ ดีใจที่ชอบ ที่รักลูกๆ ของเรา ขอบคุณที่ติดตามอาณาจักรแห่งรักของเรามาโดยตลอด คนอ่านแต่ละคนคอมเม้นท์แต่ละเม้นท์ถือเป็นกำลังใจชั้นดีในการเขียนในการจินตนาการต่อไปเลยค่ะ
เวลาเขียนเราเขียนอย่างมีความสุข ถึงจะเครียดบ้างเวลาคิดไม่ออกและติดขัดกับอะไรสักอย่าง ขอแค่คนอ่านชอบบ้าง มีความสุขไปกับเรื่องของเราก็ปลื้มมมมมากกกกแล้วค่า สัญญาว่าจะเข็นให้จบอย่างแน่นอน กราบแนบอกและกอดแน่นๆ อีกหลายๆ ที  :L1: :กอด1:
#badbadsumaru 55555 พี่ไซแกกลัวโดนเทค่ะ เพราะเคยทำให้น้องเสียใจมาก่อน คนมีความผิดติดตัวก็งี้แหละ ถถถ มาแล้วนะคะ กระดึบมาต่อเรื่อยๆ  :katai5:
# ommanymontra ขอบคุณสำหรับกำลังใจนะคะ รู้สึกฮึกเหิมขึ้นมาเลย กอดดดดดดดด  :กอด1:
# MayA@TK สงสารน้องดินจริงๆ ค่ะ ถถถ ลูกแม่
# Yara จองตัวไว้นานมากกกก ทำน้องเสียใจก็ต้องรับผิดชอบค่ะ
# ♥►MAGNOLIA◄♥ ดินน่ารักจริงๆ ค่ะ อยากเป็นแบบนี้ คิดบวกมากกกก คิดในแง่ดีแล้วจะมีความสุข แอบหลงลูกตัวเองเล็กน้อย 5555 ส่วนคุณหญิงนั้นเธอพาลจริงๆ ค่ะ เป็นคนที่วางไม่เป็น ทั้งๆ ที่ถ้าถอยออกมาน่าจะมีความสุข แต่คนแบบนี้ก็มีอยู่จริง ยอมทนทั้งที่ตัวเองเป็นทุกข์  :katai2-1:
# •♀NoM!_KunG♀• 55555 ให้ก้อนหินบินตัวเดียวก็พอค่ะ
# B52  :pig4: :L2: :L2: :กอด1: :กอด1: :pig4:
# Ryu7801 ขอบคุณที่ติดตามค่า
#เก้าแต้ม แล้วดินก็ถูกทิ้ง ฮือออออ  :hao5:
# DeShiWa ขอบคุณสำหรับกำลังใจและขอบคุณที่ชอบค่า  :กอด1:
# Billie  :pig4: :กอด1: :กอด1: :L2: :L2:
# HISY ถือเป็นจุดเริ่มต้นของทุกกกกกสิ่งค่ะ
# KARMI สงสารลูกมากค่ะ ฮืออออออออ  :hao5:
# shoi_toei จองไว้นานมากกกกด้วยค่ะ ถถถ ขอบคุณที่ติดตามเหมือนกันค่า ฮึบๆ กระดึบต่อไป  :katai5:
# poppycake จองไว้แต่ต้องทิ้งน้องค่ะ ถถถ สงสารลูกทั้งก้อนหิน ก้อนดินเลย
# tiew93 ผูกพันกันมานานมาก ถึงสมองจำไม่ได้ แต่ก็คุ้นเคยเลยทำให้ดินวางใจไซเลอร์มาตลอด
#Deery จริงจังแค่ไหน แค่ไหนเรียกจริงจัง 5555 มาแล้วค่า  :mew1:
#prangasia ให้ก้อนดินกับพี่ไซแกรำลึกความหลังกันก่อนค่ะ ก้อนหินร้องต่อไป 55555
#duck-ya มาอีกตอนแล้วค่า สู้ๆ กะเรียนและงานนะคะ พอดีช่วงนี้พี่คึกกกกก 55555

กราบรอบทิศยิ่งกว่านักมวย 55555 
ยังคงขอบคุณสำหรับกำลังใจของทุกๆ คนในทุกๆ ตอนนะคะ :pig4:
รู้สึกคึกขึ้นมาเลย  :katai4:
กอดดดดดดดดดดดดด ด้วยฟามร๊ากกกกกกกกกกกกกกก


 :กอด1: :กอด1: :pig4: :กอด1: :กอด1:
 :L1: :L1: :L1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-07-2017 12:48:36 โดย maneethewa »

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
ก้อนดินจำได้ล่ะ รอลุ้นว่าจะโกรธมั้ย

ขอบคุณที่มาต่อค่า รอตอนต่อไปน้าคนสวยยย

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
ถ้าได้อธิบาย ก้อนดินต้องเข้าใจสิ ถึงจะเสียใจที่หายไปแบบไม่บอกกล่าว แต่สถานการณ์ตอนนั้นมันก็ทำอะไรลำบากละนะ

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
จิตตกกลัวเขาเทนี่เอง  :laugh:

เข้มแข็งหน่อยพี่ไซ มั่นใจในก้อนดินหน่อย

ฉันว่าก้อนดินน่าจะดีใจที่วสุปลอดภัย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
อธิบายให้ดินฟัง เราว่าดินต้องเข้าใจไซเลอร์
แต่เราสงสารดินตอนไปหาวสุ ดินเสียใจจนช็อคเลยอ่ะ :hao5: :hao5: :hao5: :hao5:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ mouymai

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 54
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
อธิบายให้ก้อนดินรู้เร็วๆ
จะรอตอนต่อไปคะ :mew1:

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
อ้าวงี้ก้อผูกกะก้อนหินอีกไม่ได้จิ แร้วจะคุยกันรู้เรื่องมั้ยงะ

ปกติมันผูกจิตได้ตัวเดียวมิ หรือแยกประเภทได้งะ

ออฟไลน์ suikajang

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 813
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
 :mew6: ซึ้งใจกับความรักของพ่อไซ เข้าใจแล้วละ กระจ่างเลย นั่นน้องดินฟื้นแล้ว จำได้แล้วด้วย
 แหมะเล่นเอาอิพี่กังวลกลัวไปหมด ตัดจบได้สวยมาก ค้างกันไปสิเรา แต่รอได้ อิอิ   :mew1: 

 :L1:  :pig4:  :L1:

ออฟไลน์ เก้าแต้ม

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1290
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-3
ความจำมาแต่ยังมีปมอีกเยอะ :hao3:

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ tiew93

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 655
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ก้อนดินไม่โกรธหรอก ใช่มั้ยดิน ดินใจดี อย่าโกรธพี่ไซเลย แค่นี้ก็หูลู่หางตกซึมเป็นหมาเฉามือแล้ว  :hao5:

ออฟไลน์ Yara

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-2
ถ้าก้อนดินฟื้นขึ้นมาจะเป็นไง รอตอนต่อไปนะคะ

ออฟไลน์ Ryu7801

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 171
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
ก้อนดินฟื้นแล้ว ไซเลอร์สู้ๆจิตตกสุดอ่ะ

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ badbadsumaru

  • ♡ caramel macchiato
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2458
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-2
ทุกคนแกล้งน้องสนุกเลยละสิ 555555
โถๆ พี่ไซ ติดน้องงอมแงม ตอนนี้ได้ทีเลยตอดเล็กตอดน้อยสินะ
คิดว่าน้องไม่น่าจะโกรธนะ น่าจะมีเหตุผลมากพอ(รึเปล่า?)

ออฟไลน์ maneethewa

  • มณีเทวา
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 184
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1
    • Maneethewa - มณีเทวา
บทที่ 25 ความทรงจำที่หายไป

ผมฝัน...

มันเป็นฝันที่ชัดเจนมากเหมือนเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง

ผมเห็นตัวเองเมื่อตอนที่ยังเรียนอยู่ชั้นประถม ในช่วงปิดเทอมที่ท่านทูตส่งไปเรียนพิเศษที่สถาบันกวดวิชาที่อยู่ติดกับโรงเรียน เพื่อเตรียมตัวก่อนที่จะสอบเข้าเรียนชั้นมัธยม ซึ่งช่วงนั้นคุณหญิงท่านก็ส่งคุณไฟไปเรียนพิเศษที่ต่างประเทศเหมือนกัน

ตอนแรกผมจะไม่ยอมไปเรียน เพราะพอคุณหญิงรู้ว่าท่านทูตจะส่งผมไปเรียนพิเศษก็ทะเลาะกันใหญ่โต แต่ท่านทูตให้เหตุผลว่าอยากให้ผมไปเรียนต่อชั้นมัธยมโรงเรียนเดียวกับคุณไฟ จะได้ช่วยดูแลคุณไฟแทนท่านด้วย ผมเลยต้องยอมไปเรียนแต่โดยดี

คุณหญิงไม่ชอบผม คำว่าไม่ชอบยังถือว่าเบาไปด้วยซ้ำ อันที่จริงท่านเกลียดผมเลยละ ผมรู้สึกได้ตั้งแต่จำความได้แล้ว เพราะรับรู้ถึงสายตาที่แสดงถึงความเกลียดชังอย่างชัดเจน ยิ่งผมโตขึ้นการแสดงออกของก็ยิ่งชัดเจนขึ้น หากเผลอทำอะไรไม่ถูกใจแค่เพียงเล็กน้อย ผมก็จะถูกทำโทษหรือไม่ก็ถูกตีเป็นประจำ ยิ่งเวลาที่ท่านทูตไม่อยู่บ้าน ผมก็ยิ่งโดนมากกว่าเดิม

ย่าของผมบอกให้ผมอดทน เพราะครอบครัวของเราทำผิดกับเธอ ถึงย่าจะบอกอย่างนั้น ผมก็ไม่เข้าใจอยู่ดีว่าทำไมถึงต้องเกลียดผมล่ะ ก็ผมไม่ได้เป็นคนทำนี่นา ส่วนย่าผมก็เห็นท่านดูแลท่านทูต คุณหญิงกับคุณไฟเป็นอย่างดี ไม่เห็นว่าทำผิดตรงไหน พอถามย่า ท่านก็ไม่ตอบ ได้แต่นิ่งเงียบแล้วทอดถอนใจ ผมก็เลยได้แต่รับฟังและยอมทำตามคำพูดของย่าเพราะยังไงผมก็เหลือท่านเป็นญาติเพียงคนเดียว ผมยอมทนเพราะอยากให้ท่านสบายใจ

ผมตั้งใจไว้ว่าถ้าโตขึ้น เรียนจบมีงานทำเมื่อไหร่ จะรีบเก็บเงินสร้างบ้านแล้วพาย่าไปอยู่ด้วยกัน ถึงตอนนั้นผมจะได้เลี้ยงหมาอย่างที่ต้องการสักที อันที่จริงผมอยากเลี้ยงสัตว์ตั้งหลายชนิด แต่ชอบหมาและอยากเลี้ยงหมามากที่สุด เพราะมันเป็นสัตว์ที่น่ารักและซื่อสัตย์ แต่คุณไฟแพ้ขนสัตว์ทุกชนิด ขนาดผมไปเล่นกับหมาที่บ้านเพื่อนแค่แป๊บเดียว พอกลับมาเข้าใกล้คุณไฟก็ทำเอาคุณไฟจามไม่หยุด อาการภูมิแพ้กำเริบทันที ส่วนผมก็โดนคุณหญิงตีอีกตามเคย ผมเลยต้องห้ามใจไม่ให้เผลอเข้าใกล้สัตว์ที่มีขนมาตลอด

ท่านทูตให้ผมเรียนพิเศษเพิ่มแทบจะทุกวิชา ผมเลยต้องไปเรียนแทบทุกวัน ตอนเย็นๆ ก็ไปเรียนมวยที่ค่ายจันทรเทพของครูเทพอีก ซึ่งอันหลังนี่ผมค่อนข้างจะเต็มใจ เพราะผมรู้สึกสนุกเวลาที่ได้เรียน ท่าแม่ไม้มวยไทยแต่ละชื่อโคตรเท่ ครูเทพเจ้าของค่ายก็ใจดี ได้เจอเพื่อนดีๆ ตั้งหลายคน ทั้งพี่แคนนักมวยในค่ายที่คอยมาดูแลผมเวลาฝึกตลอด ทั้งพี่แสนที่แสนจะเอาแต่ใจปากก็บอกว่าไม่ชอบขี้หน้าแต่ก็เอานั่นเอานี่มาให้เสมอ

ช่วงนั้นถือเป็นช่วงที่ผมมีความสุขมาก เพราะพอคุณไฟไปอยู่ที่โน่นคุณหญิงก็บินไปเยี่ยมคุณไฟบ่อยๆ ผมรู้สึกเป็นอิสระ เช้าก็ออกไปเรียนกวดวิชา เลิกเรียนก็ไปเรียนมวยที่ค่ายมวย พอได้ฝึกบ่อยๆ ฝีมือเลยพัฒนาขึ้นไปด้วย กลับมาจากเรียนมวยก็ช่วยงานย่าและพวกป้าๆ ที่บ้าน

ผมใช้ชีวิตอย่างมีความสุขไปเรื่อยๆ จนกระทั่งวันหนึ่งระหว่างที่ผมไปเรียนพิเศษตามปกติ ช่วงพักเที่ยงผมกำลังจะเดินไปหาอะไรกินพอล้วงสำรวจเงินในกระเป๋าเหรียญสิบก็หล่นลงมาแล้วกลิ้งหลุนๆ หายไปไหนไม่รู้

   “เหรียญสิบรอพี่ก่อน โอ๊ย! หายไปไหนวะ ค่ารถกลับบ้านกู”

   ทั้งเนื้อทั้งตัวผมเหลือเหรียญนี้อยู่เหรียญเดียวที่เก็บไว้เป็นค่ารถเมล์ ที่เหลือตั้งใจว่าจะกันไว้ใช้ซื้อของทำรายงานตอนเลิกเรียน ก็เลยต้องเดินหาอย่างเอาจริงเอาจัง ถึงขนาดเดินไปแหวกพุ่มไม้หาเลยทีเดียว แต่แทนที่จะเจอเหรียญ กลับได้เจอกับหมาตัวหนึ่งนอนอยู่ด้านในแทน

   ตอนแรกคิดว่าแม่หมาแอบมาคลอดลูก แต่พอมองดีๆ ก็เห็นแผลที่ขาของมัน เลยเดาว่ามันคงโดนใครสักคนทำร้ายมาแล้วมาหลบอยู่ที่นี่ พอมันทำเสียงเหมือนจะอ้อน ผมเลยทำใจกล้าเข้าไปใกล้แล้วยื่นมือให้มันดม มันจะได้รู้ว่าผมไม่ได้มีเจตนาร้ายกับมัน พอมันกระดิกหางให้ ผมก็รู้สึกเหมือนตกหลุมรักมันทันที

   ผมรีบไปขอยาจากครูที่อยู่เวรช่วงปิดเทอมเพื่อมาทำแผลให้มัน แต่ใช้เวลานานไปหน่อยเลยถึงคาบเรียนพอดี ผมเลยต้องเข้าเรียนอย่างกระวนกระวายเพราะเป็นห่วงมัน พอหมดเวลาก็รีบออกจากห้องเรียนแล้วใช้เงินที่กันไว้ซื้อของทำรายงานนั่นแหละซื้อแซนด์วิชกับน้ำมาให้มันกิน

   มันเป็นหมาที่หน้าตาคล้ายๆ พันธุ์ไซบีเรียน แต่มีขนสีแปลกๆ มองดีๆ จะเห็นว่าขนที่ติดกับหนังเป็นสีทองแล้วสีจะเข้มขึ้นเรื่อยๆ จนถึงปลาย ตามันเป็นสีเขียวสดใส ไม่เคยรู้มาก่อนว่ามีหมาพันธุ์ที่ตาสีเขียวในโลกนี้ด้วย

   ช่วงเวลาที่อยู่กับมันผมมีความสุขมาก เพราะอย่างที่บอกว่าผมอยากเลี้ยงหมามานานแล้ว เมื่อได้เจอมัน ได้คอยดูแล ได้อยู่ด้วยกันแทบทุกวัน ผมเลยโมเมว่ามันเป็นหมาของผมซะเลย

   พอคุณหญิงกลับมาจากเยี่ยมคุณไฟก็ทะเลาะกับท่านทูต ไม่รู้ว่าทะเลาะกันเรื่องอะไร คุณหญิงหนีกลับไปนอนที่บ้าน ส่วนท่านทูตเรียกผมไปพบแล้วถามว่าผมอยากเปลี่ยนชื่อไหม ท่านจะพาไปเปลี่ยนที่อำเภอเอง ท่านหาชื่อเพราะๆ มาให้ผมเลือกตั้งหลายชื่อ แต่ด้วยความขี้เกียจวุ่นวาย อีกอย่างก้อนดินก็เป็นชื่อที่อยู่กับผมมาตั้งแต่เกิด ฟังๆ ดูมันก็เก๋และไม่เหมือนใครดีผมเลยปฏิเสธไป

   วันต่อมาผมไปเล่าให้หมาตัวนั้นฟังทั้งเรื่องคุณหญิงและเรื่องอื่นๆ อีกหลายเรื่อง ซึ่งมันก็ฟังอย่างตั้งใจอย่างกับฟังรู้เรื่อง ถึงมันจะไม่สามารถช่วยอะไรได้ แต่อย่างน้อยขอแค่รับฟังเรื่องที่ผมอยากระบายก็ยังดี

   แล้วผมก็นึกขึ้นได้ว่าผมชอบชื่ออยู่ชื่อหนึ่งที่ความหมายคล้ายกับชื่อผม ‘วสุธา’ ซึ่งหมายถึงแผ่นดินหรือผืนดิน ผมเล่าเรื่องบ้านในฝันให้มันฟัง ก่อนจะตั้งชื่อให้มันตามชื่อที่ผมชอบว่า ‘วสุ’

   ผมไปอ้อนครูเทพ เจ้าของค่ายมวยจันทรเทพ เพื่อขอฝากมันไว้ที่ค่ายก่อน แล้วผมจะคอยส่งข้าวส่งน้ำ คอยไปดูแลมันเอง ผมไม่อยากทิ้งมันไว้ที่นี่นาน เพราะกลัวมันจะเป็นอันตรายทั้งจากคนและสัตว์ ซึ่งครูเทพก็ใจดีอนุญาตให้เอาไปฝากไว้ได้ แต่ต้องรอวันที่ครูว่างก่อน ครูถึงจะเอารถมารับมันให้ ผมรู้สึกดีใจและโล่งใจมากที่หาที่พักให้มันได้สักที

   ผมทำแผลให้มันทุกวันจนแผลที่ขาของมันเริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ วันหนึ่งผมติดธุระเพราะรับปากจะไปช่วยป้าๆ ถือของ เลยเอาอาหารกับน้ำไปทิ้งไว้ให้มันก่อน แต่พอซื้อของเสร็จเร็ว ผมเลยขอย่ากลับไปหามันตั้งใจว่าจะไปนอนอ่านหนังสือเล่นที่นั่น

   แต่พอไปถึงแล้วไม่เจอมันอยู่ที่เดิมผมตกใจมาก ผมรีบออกไปตามหามันทันทีด้วยความเป็นห่วง คิดว่ามันยังคงจะไปไหนไม่ได้ไกลเพราะยังเจ็บขาอยู่

   พอไปเห็นมันโดนพวกขี้ยาแถวๆ บ้านร้างทำร้ายก็รีบเข้าไปช่วย ผมรู้สึกว่าโชคดีจริงๆ ที่ได้เรียนมวยมา อย่างน้อยก็สามารถใช้ป้องกันตัวได้ ยิ่งช่วงนี้ได้ฝึกบ่อยๆ ฝีมือก็เลยดีพอจะสู้กับพวกขี้ยาที่ดีแต่ปากและผอมแห้งแรงน้อยได้

   แต่ผมก็คงจะมาช้าเกินไปเพราะมันถูกทำร้ายจนสภาพแย่กว่าครั้งแรกที่เจอกันอีก ผมต้องลากมันกลับไปไว้ที่เดิมด้วยความระมัดระวังที่สุด เพราะกลัวว่าจะทำให้มันเจ็บยิ่งกว่าเดิม

   ผมตั้งใจว่าจะไปขอให้สัตวแพทย์ที่คลินิกใกล้ๆ มาดูอาการและรักษาให้ แล้วค่อยไปเอาเงินเก็บของผมที่สะสมไว้มาจ่ายค่ารักษา แต่ผู้ช่วยที่อยู่ที่คลินิกบอกว่าพี่เค้ามีธุระจึงกลับไปก่อนแล้ว เลยได้แต่ซื้อยากินกับอุปกรณ์ทำแผลมาทำแผลให้มัน แล้วกลับบ้านไปด้วยความเป็นห่วงกลัวว่ามันจะเป็นอะไรไปซะก่อน

   เช้าวันต่อมาผมเลยรีบไปหามันด้วยความเป็นห่วง พอเห็นมันยังอยู่ดีก็อดจะรู้สึกโล่งใจไม่ได้ จากนั้นมาผมก็ดูแลรักษามันต่อจนอาการของมันเริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ พร้อมกับความรักความผูกพันที่มีต่อมันก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย

   แล้ววันหนึ่งครูเทพก็นัดวันที่จะมารับมันไปไว้ที่ค่ายมวยให้ ผมดีใจมากนับวันรออย่างใจจดใจจ่อ พอถึงวันนัด ผมก็รีบไปหาครูที่ค่ายมวยตั้งแต่เช้ามืด ไปนั่งเฝ้าครูกินข้าวด้วยความตื่นเต้น จนครูแซวขำๆ

   เมื่อไปถึงผมรีบวิ่งไปที่พุ่มไม้อย่างกระตือรือร้น แต่พอเข้าไปก็พบแต่ความว่างเปล่า

   ผมรีบออกตามหามันด้วยความร้อนใจ รู้สึกใจหายอย่างบอกไม่ถูก เป็นห่วงสารพัด ทั้งกลัวว่ามันโดนทำร้าย ทั้งกลัวว่ามันจะหายไป    

   ผมวิ่งตามหามันทุกจุดทุกซอกทุกมุมที่คิดว่ามันน่าจะไป ระหว่างที่ตามหาฝนก็ตกลงมาไม่ขาดสาย ครูเทพมาตามผมแล้วบอกให้ผมกลับบ้านไปก่อน แต่ผมขออยู่ตามหามันต่อ ไม่ว่าครูจะพูดยังไงก็ไม่ฟัง จนครูต้องยอมแพ้ยอมช่วยตามหาต่อไป ผมตามหามันจนกระทั่งฟ้ามืดลงก็ไม่เจอ ได้แต่กลับบ้านไปด้วยความผิดหวัง พอเจอหน้าย่าก็ปล่อยโฮออกมาทันที

   เช้าวันต่อมาผมก็ยังคงออกตามหาท่ามกลางสายฝนที่ยังคงโปรยปรายลงมาเพราะช่วงนี้พายุเข้าพอดี แม้จะรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวเหมือนจะเป็นไข้ แต่ต้องฝืนทำเหมือนสบายดีเพื่อให้ทุกคนอนุญาตให้ออกตามหามันได้

   ผมตามหามันอยู่หลายวันจนในที่สุดร่างกายก็ทนไม่ไหว ก่อนที่สำนึกสุดท้ายจะวูบไปผมก็ยังคงนึกถึงแต่มัน

   วสุ อยู่ที่ไหนกลับมาเถอะพี่เป็นห่วง

   ถ้าเจอแล้วต้องจากกันไป บางที... อย่าเจอกันเลยจะดีกว่า







   
   ผมค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาด้วยความรู้สึกมึนๆ งงๆ

   นี่ฝันไปเหรอ

   “แอ่ก” พอลืมตาขึ้นมาได้ผมก็ถูกก้อนหินโถมเข้าใส่จนรู้สึกจุก มึงจะฆ่ากูเหรอหิน แต่พอเห็นมันร้องไห้น้ำตาไหลพรากๆ แล้วเอาหัวถูกับตัวจนกลัวเสื้อจะสึกกันไปข้างก็อดจะมองด้วยความเอ็นดูไม่ได้

   “หิน” ผมเรียกแล้วลูบหลังเบาๆ เพื่อปลอบมัน

   ก่อนสมองจะประมวลผลสิ่งที่ได้เห็นก่อนที่จะวูบไปรวมถึงความทรงจำที่เหมือนกับความฝันนั่น จึงหันไปมองไซเลอร์แล้วเรียกด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาอย่างไม่มั่นใจ

   “วสุ”

   ไซเลอร์นิ่งเหมือนหยุดหายใจไปแล้วเมื่อได้ยินชื่อที่ออกมาจากปากผม มีเพียงดวงตาสีเขียวที่เบิกกว้างขึ้นเล็กน้อยก่อนจะไหววูบไปครู่หนึ่งแล้วเปลี่ยนเป็นมองมาด้วยแววตาหม่นๆ

   “จำได้... แล้วเหรอ” น้ำเสียงที่ถามแผ่วเบาจนแทบจะไม่ได้ยิน

   “ครับ... จำได้แล้ว” ถ้าถามอย่างนี้แสดงว่าไม่ใช่แค่ความฝันแน่

   มิน่าล่ะ... ทุกครั้งที่อยู่ใกล้ๆ กับไซเลอร์ ถึงได้รู้สึกวางใจและปลอดภัยเสมอ แม้สมองจะยังจำไม่ได้ แต่สัญชาตญาณในส่วนลึกมันบอกว่าคนๆ นี้ไว้ใจได้และจะไม่มีวันทำร้ายผมแน่นอน

   พอผมพยายามลุกขึ้นนั่งไซเลอร์จึงได้ขยับตัวมาช่วยประคอง ผมชะงักไปเล็กน้อยเมื่อสัมผัสได้ว่ามือของไซเลอร์เย็นเฉียบ ผมขยับมานั่งหันหน้าเข้าหาไซเลอร์ใกล้ๆ จนเข่าแทบจะชิดกัน ตอนนี้ผมยังรู้สึกเพลียๆ อยู่ คุยกันใกล้ๆ น่าจะดีกว่า

   ส่วนก้อนหินพอเห็นผมนั่งเรียบร้อยแล้วก็ปีนขึ้นมาบนตักแล้วหันมาซุกตัวกอดไว้แน่นแล้วนิ่งไป สงสัยจะร้องไห้จนเพลีย ตอนนี้ก็ยังสะอื้นอยู่เลย ผมลูบหลังมันเบาๆ แล้วก้มลงกระซิบให้มันนอนไปเลย พอเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นไซเลอร์ยังคงจ้องมองมาด้วยแววตาเศร้าหมอง

   “ข้า... ขอโทษ”

   “ขอโทษเรื่องอะไรครับ”

ไซเลอร์เอื้อมมือทั้งคู่มาจับหน้าผมไว้ แล้วใช้นิ้วโป้งไล้ใต้ตาเบาๆ เหมือนจะเช็ดน้ำตาให้ ทั้งๆ ที่คนที่ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้คือเจ้าของมือต่างหาก นัยน์ตาสีเขียวที่เคยสดใสกลายเป็นสีเขียวหม่นเหมือนความรู้สึกเจ้าของ

   “ขอโทษที่ทิ้งเจ้ามาโดยไม่บอกกล่าว ขอโทษที่เป็นต้นเหตุให้เจ้าไม่สบาย ขอโทษที่ทำให้เจ้าเสียใจ” น้ำเสียงไซเลอร์แผ่วเบาและสั่นไหว สีหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึกเจ็บปวดและความรู้สึกผิด

“ไม่เป็นไรหรอกครับ ข้าคิดว่าข้าเข้าใจ” ผมยิ้มให้อย่างอ่อนโยน ยิ่งได้รู้ถึงหน้าที่และงานที่ไซเลอร์รับผิดชอบก็ยิ่งเข้าใจมากยิ่งขึ้น ถ้าเป็นผม ผมก็คงตัดสินใจแบบนั้นเหมือนกัน

“ไซเลอร์!” ผมร้องอย่างตกใจเมื่อน้ำตาร่วงลงมาจากหางตาของคนตรงหน้า ไซเลอร์ขยับมาใกล้แล้วดึงผมไปกอดเหมือนไม่อยากให้ผมเห็นน้ำตา

“ถึงยังไงก็ถือว่าเป็นความผิดของข้า ยกโทษให้ข้าได้ไหม” เสียงของคนที่กอดผมสั่นพร่า

“ครับ... ข้ายกโทษให้ ที่จริงไม่จำเป็นต้องขอโทษด้วยซ้ำ ตอนนั้นข้าแค่เป็นห่วง ข้าไม่ได้โกรธเลยสักนิด” ถ้าจำไม่ผิด ตอนนั้นรู้สึกแค่นี้จริงๆ ห่วงใย เสียใจ และน้อยใจที่วสุหายไป แต่ไม่เคยโกรธเลยสักนิด ผมกอดตอบไซเลอร์โดยพยายามระวังก้อนหินที่ยังหลับอยู่บนตักแล้วลูบหลังไซเลอร์เบาๆ ผ่านไปสักพักผมก็ดันไซเลอร์ออก

“ขอดูร่างนั้นอีกครั้งได้ไหมครับ” ผมจ้องตาไซเลอร์ที่ตายังแดงก่ำแต่ไม่มีน้ำตาไหลแล้วนิ่งๆ

“ได้สิ” ไซเลอร์รับคำ ก่อนจะลุกขึ้นยืน แสงสีทองเรืองรองปกคลุมไปทั่วร่าง แล้วร่างของไซเลอร์ก็เปลี่ยนเป็นหมาขนสีน้ำตาลทองตัวใหญ่เหมือนที่อยู่ในความทรงจำ

“วสุ” ผมเรียกชื่อที่อยู่ในความทรงจำ พอผมอ้าแขนออก วสุก็ขยับเข้ามาใกล้ ผมกอดคอร่างตรงหน้าไว้ แล้วซบหน้าลงบนกลุ่มขนที่หนานุ่มนิ่งๆ

“ดีจังที่ปลอดภัย” ถึงจะบอกว่าไม่เป็นไร แต่พอเห็นและได้สัมผัสร่างนี้แล้ว ความรู้สึกที่ซ่อนเร้นและอัดอั้นอยู่ข้างใน ทั้งความคิดถึง ความห่วงใย ความโหยหา ก็ปนเปกันไปหมด อยู่ๆ น้ำตาก็ไหลออกมา ทั้งรู้สึกโล่งใจที่มันปลอดภัย ทั้งรู้สึกดีใจเหมือนได้ของรักกลับมา ผมซึมซับความรู้สึกนั้นสักพักก็ผละออกมา ผมประคองหน้าของร่างตรงหน้าเอาไว้ยิ้มให้อย่างอ่อนโยน

“เลิกรู้สึกผิดได้แล้วนะไซเลอร์ ตอนนี้ข้าสบายดี เห็นไหมครับ” ร่างตรงหน้าผงกหัวให้ก่อนจะถอยไปแล้วกลายร่างกลับมาเป็นมนุษย์เหมือนเดิม ไซเลอร์ขยับมาใกล้แล้วเช็ดน้ำตาให้อย่างนุ่มนวล

“ขอบคุณนะก้อนดิน ขอบคุณที่ช่วยชีวิตข้า ขอบคุณที่เข้ามาในชีวิตข้า ขอบคุณจริงๆ”

ผมได้แต่ยิ้มรับคำขอบคุณด้วยความเต็มใจ

นัยน์ตาสีเขียวคู่นั้นจ้องมาอย่างจริงจัง

“ข้ารักเจ้า” ไซเลอร์บอกมาด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นมั่นคง

“...”

ผมเบิกตากว้างกับคำบอกรักของคนตรงหน้า ถึงพอจะรับรู้ถึงความรู้สึกของไซเลอร์ เพราะเจ้าตัวชัดเจนมาตลอด แต่มันเทียบไม่ได้เลยเมื่อมาได้ยินจากปาก

หลังความรู้สึกอึ้งผ่านไป ความรู้สึกที่ตามมาคือเหมือนตัวจะลอยๆ เบาๆ ก่อนที่หัวใจจะเต้นกระหน่ำเร็วขึ้นจนกลัวหัวใจจะวายไปซะก่อน อีกทั้งยังรู้สึกอุ่นๆ ในหัวใจ แล้วร้อนวูบเหมือนเลือดจะสูบฉีดไปทั้งตัว คาดว่าตอนนี้ตัวผมคงแดงไปทั้งตัวด้วยด้วยความเขิน

อีกความรู้สึกที่รับรู้ได้อย่างชัดเจน คือ...ดีใจ ยอมรับแมนๆ ไปเลยว่าดีใจที่ได้ยินคำนี้

แต่พอสบตากับนัยน์ตาสีเขียวที่มองมาอย่างอ่อนโยนและอ่อนหวานของคนตรงหน้าก็ยิ่งเขินจนต้องหลบตาลงไปมองก้อนหินแทน

โอ๊ย! อายเป็นสาวน้อยไปเลยกู แต่ไม่ไหวจริงๆ ครับผมยอมแพ้

“ก้อนดิน” ไซเลอร์ประคองใบหน้าผมขึ้นมา จะให้เวลาพักเขินหน่อยก็ไม่ได้

“แล้วเจ้าล่ะ รู้สึกเหมือนข้าบ้างไหม”

“...”

“รักข้าบ้างหรือเปล่า หืม”

ถ้าจะมองกันด้วยสายตาที่เหมือนจะกลืนกินแบบนี้ก็ฆ่ากันเลยเถอะ มันเขินโว๊ย! ผมได้แต่คร่ำครวญในใจ

   “ท่านไซเลอร์ครับ” เสียงของพินช์เชอร์ที่ดังใกล้เข้ามาทำให้ผมผงะห่างออกมาอย่างไม่รู้ตัว

   “ข้าได้สมุนไพรมา... แล้ว” คำหลังแทบจะขาดหายไปเมื่อโผล่มาแล้วเห็นความใกล้ชิดของเราทั้งคู่

   “พี่ดิน... เอ่อ... อ่า... ตะ... ตื่นแล้วเหรอครับ” พินช์เชอร์ถามด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกักแก้เก้อ พอพูดจบก็ยืนหน้าแดงก่ำเหมือนทำอะไรไม่ถูก

   “ขอโทษที ข้าห้ามไม่ทัน” ร็อตที่เดินตามมาทีหลังพูดขำๆ

   “จูบเลย จูบเลย” จูบพ่อง! พอหันไปมองก็เห็นชเนาเซอร์เกาะต้นไม้แล้วโผล่มาแค่ส่วนหัวพร้อมกับทำหน้าล้อเลียนอย่างน่าถีบ

   ส่วนพรีซากับมาสทิฟฟ์ก็เดินออกมาแล้วยืนกอดอกยิ้มกันอย่างล้อเลียน

   โว๊ย! นิสัย! ผมได้แต่เมินหน้าหนีด้วยความอาย รู้สึกว่าหน้าร้อนๆ เหมือนจะไหม้ พอเหลือบมองคนตรงหน้าก็เห็นหูแดงๆ เหมือนกัน แต่พอสบตาก็ยิ้มให้อย่างอ่อนโยน ตาสีเขียวคู่นั้นมีแววหวานมองแล้วเหมือนจมอยู่ในบ่อน้ำเชื่อม เห็นแล้วรู้สึกเหมือนจะละลาย

   อื้อหือ... นี่กูเน่าขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่

   “มองขนาดนั้น พาเข้าหอไปเลยไหมไซเลอร์” มาสทิฟฟ์ส่งเสียงแซวตามมา ที่เหลือก็เป่าปากแซวกันอย่างสนุกสนานไม่เว้นแม้แต่ร็อต ส่วนพินช์เชอร์นี่ยืนหน้าแดงแข่งกับผม ไซเลอร์คว้าก้อนหินเล็กๆ แถวๆ นั้นขว้างใส่เพื่อนๆ จนหลบกันกระจัดกระจาย แต่ไม่วายส่งเสียงล้อและหัวเราะกันไม่หยุด มีความสุขกันจริงๆ กับการล้อกูเนี่ย

   ผมก้มลงมองก้อนหินที่นอนนิ่งอยู่บนตักแก้เขิน ขนาดเสียงดังกันขนาดนี้ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะตื่น

   หินนี่มึงนอนหรือซ้อมตาย

   ถึงจะโดนแซวกระหน่ำจนอยากจะมุดแผ่นดินหนี แต่ก็รู้สึกว่าดีจริงๆ ที่ได้มาเจอและได้รู้จักกับคนที่นี่ ต้องขอบคุณโชคชะตาที่ทำให้ผมได้มาที่ดินแดนแห่งนี้ ได้เจอคนดีๆ ที่รักและหวังดีกับผมจริงๆ ผมมองก้อนหินอย่างเอ็นดู แล้วเงยขึ้นมองไซเลอร์เราสบตากันแล้วยิ้มให้กันอย่างมีความสุข


จบ.





เดี๋ยวววววววววววววววววว
ใจเย็นเย็นนนนนนนนนนน ตรูนั่นแหละใจเย็นๆ ถถถ  :serius2:

ร่างโครงเรื่องคร่าวๆ ไว้ดูแล้วก็น่าจะอีกหลายตอนกว่าจะจบ ร้องไห้แป๊บ ทำไมมันยาวเยี่ยงนี้  :hao5:

ไหนจะตอนพิเศษของคู่อื่นอีก ถ้าขยันนะคะ ไม่กล้ารับปากเพราะรู้สึกว่าบางทีเราอาจเหมาะกับการนอนอ่านของชาวบ้านสบายๆ มากกว่า 55555  :laugh:

ว่าด้วยเรื่องของการผูกจิต
ก้อนดินกับก้อนหินถูกโชคชะตาผูกให้อย่างไม่รู้ตัวเพื่อทำหน้าที่ดูแลร่วมกัน เพราะมังกรมรกตมีความอินดี้มากพอๆ กับคนเขียน
ส่วนไซเลอร์นี่ผูกจิตเพื่อเป็นทาสก้อนดินแค่ฝ่ายเดียว 555555
ยังไม่ถือว่าผูกจิตร่วมคู่นะคะ ถ้าจะร่วมคู่ต้องผูกกันทั้งสองฝ่ายค่ะ

@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

#shoi_toei ถ้าไม่แตะของรักอย่างก้อนหินนี่ ก้อนดินโกรธยากค่ะ 555555 มาแล้วนะคะ คนสวยเหมือนกัลลลล  :L2:
#alternative คนมีความผิดติดตัวก็งี้แหละค่ะ  :laugh: ก้อนดินออกจะใจดี ถถถ มโนไปก่อนเอ๊งงง
#Billie  :L2: :L2: :pig4: :L2: :L2:
#MayA@TK สงสารเหมือนกันค่ะ อยากให้เข้าใจว่ามันเฟลจริงๆ นะ  :hao5:
#mouymai มาแล้วค่า ก้อนดินใจดีค่ะ ไม่โกรธใครง่ายๆ หรอก
#•♀NoM!_KunG♀• อธิบายอีกที ก้อนดินกับก้อนหินถูกโชคชะตาผูกให้อย่างไม่รู้ตัวเพื่อทำหน้าที่ดูแลร่วมกัน เพราะมังกรมรกตมีความอินดี้มากค่ะ ส่วนไซเลอร์นี่ผูกจิตเพื่อเป็นทาสก้อนดินแค่ฝ่ายเดียว 555555 ยังไม่ถือว่าผูกจิตร่วมคู่นะคะ ถ้าจะร่วมคู่ต้องผูกกันทั้งสองฝ่ายค่ะ ผูกกันคนละสถานะเลยยยย
#suikajang 55555 มาแล้วค่า อิพี่มโนไปก่อนแล้วค่ะ น้องออกจะใจดีมาก
#เก้าแต้ม ไม่แกะแล้วได้ไหมถามใจดู ถถถ ใครผูกไว้เนี่ย ฮือออออ เมื่อไหร่จะจบบบบ
#ommanymontra  :L2: :L2: :pig4: :L2: :L2:
#tiew93 ใช่ค่ะ น้องดินออกจะใจดี มองโลกในแง่ดีมากๆ พี่มันมโนไปเอง
#Yara มาแล้วค่าาาาาาา
#Ryu7801 ไม่ม่าค่า ม่าไม่ใช่แนว 55555
#HISY คนมีความผิดติดตัวก็ร้อนตัวเป็นธรรมดาค่ะ 55555
#mild-dy  :L2: :L2: :pig4: :L2: :L2:
#badbadsumaru แกล้งกันอย่างสนุกสนานมากค่ะ โดยเฉพาะพรีซา แบบคนอาณาจักรนี้ขี้แกล้งกันทั้งอาณาจักร 55555

ขอบคุณที่ยังติดตามนะคะ  :pig4:
รับกำลังใจแล้ว รวบกอดดดดดด  :กอด1: :กอด1: :กอด1:

 :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5:
ชอบจริงๆ อิตัวนี้เนี่ย 555555
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-08-2017 19:54:06 โดย maneethewa »

ออฟไลน์ suikajang

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 813
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
 :mew3: ยิ้มแก้มแตก น่ารักทุกคนเลย แต่หุบยิ้มฉับตอนเจอคำว่าจบ :a5:
ใจหายเลย พออ่านทอล์กค่อยชื่นใจหน่อย แหมะทำเราใจหายแว๊บบบเลย
แล้วอย่าลืมพาสามีกะลูก(ก้อนหิน)ของแม่ดินไปลาคุณไฟด้วยเด้อ อิอิ
นี่แหละเขาว่ารู้ตัวเมื่อสาย เสียรักไปจึงเห็นค่า  :katai3:
น่าสงสารๆ ส่งน้องชเนาเซอร์ไปปลอมเนอะ มโนไปได้หนอเรา  :hao3:

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ Yara

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-2
เกือบไปแล้วนะ ก้อนดิน อิอิ ไม่น่าโดนเพื่อนๆขัดจังหวะเลยนะไซเลอร์ 555

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
แหมๆๆ............เพื่อนๆไม่น่ามาขัดเล้ย
ดินกำลังจะบอกรักตอบอยู่แล้ว  :z3:

ดีจังที่ไซ ได้กลับไปหาดิน แอบตามดินเข้าไปในบ้าน
จนรู้ว่าดินมารอไซหลายวัน ทั้งที่ไม่สบาย
กลับไปก็ป่วย พอหายป่วยก็ลืมเรื่องไซไปเลย

ชอบบบบ ที่ไซ สร้างเรือนวสุธา รอดิน แบบที่ดินอยากได้
ทั้งที่ไม่รู้ว่าจะเจอดินอีกหรือเปล่า ไซ มั่นคงในดิน รักดินจริงๆ

ก้อนหิน น่ารัก มีโถมตัวเข้าหาดิน ตอนที่ดินฟื้น
มีร้องไห้น้ำตาไหลพราก ถูตัวจนเสื้อแทบขาด โอ๊ย.....น่าร้ากกกกก
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ duck-ya

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ในที่สุดดินกับไซเลอร์ก็บอกรักกันสักที
หินเอ้ยยย รีบโตนะลูกพ่อกะแม่อยากสวีทกัน
เอ๊ะ หรือโตแล้วจะขัดขวางหนักกว่าเดิม  :hao7:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด