บทที่ 28 แค่ฝัน... รึเปล่า?
ผมยืนมองกอดอกมะลิซึ่งมีหยดน้ำเล็กๆ เกาะพราวตามกลีบสีขาวที่ดูบอบบางและบริสุทธิ์ ยามที่หยดน้ำกระทบแสงแดดอ่อนๆ ดูเหมือนอัญมณีที่ส่องประกายงดงามจนยากจะถอนสายตา จมูกสัมผัสได้ถึงกลิ่นหอมของดอกไม้นานาชนิดในสวนและกลิ่นไอดินที่เหมือนกลิ่นดินชื้นๆ หลังต้องน้ำฝนให้ความรู้สึกสดชื่นและเย็นสบาย
ว่าแต่... ผมมายืนอยู่ตรงนี้ได้ยังไง
แล้ว... ตั้งใจจะมาทำอะไรวะ
ผมยืนเกาหัวด้วยความงง ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าตรงนี้คือสวนหลังบ้านท่านทูตสรายุทธ ซึ่งเป็นที่ๆ ผมคุ้นเคยดี ขนาดว่าถ้าหลับตาเดินก็ยังเดินได้ถูก เพราะเดินผ่านเข้าออกมานับครั้งไม่ถ้วนตั้งแต่เกิด
แต่... เหมือนจะลืมอะไรไปสักอย่าง มันตงิดๆ อยู่ในหัว นึกยังไงก็นึกไม่ออก
อืม... ลืมอะไรหว่า
...
ช่างแม่งเถอะ! คิดไปก็ปวดหัว เดี๋ยวก็คิดออกเองแหละ ผมกวาดสายตามองรอบๆ กำลังจะหันหลังกลับเพื่อเข้าบ้านก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยเรียกไว้ซะก่อน พอหันหลังกลับไปก็ถูกรวบกอดเข้าทันที
“ดิน กลับมาแล้วเหรอ”
“...”
“คุณไฟ” ผมพยายามผละออกจากอ้อมกอดของคุณไฟ แต่ไม่หลุด เพราะคุณไฟกอดไว้แน่นมาก เหมือนกลัวว่าผมจะหายไปอย่างนั้นแหละ แต่ผมว่าผมอาจจะตายก่อนจะหายไปไหนได้นะ
คุณไฟกอดแน่นไปแล้ว!!!
“คุณไฟครับ ปล่อยก่อน ผมหายใจไม่ออก” ผมพยายามบอกด้วยน้ำเสียงกระท่อนกระแท่น เนื่องจากถูกรัดจนกระดูกกระเดี้ยวแทบจะหัก รัดแน่นได้ขนาดนี้ คุณไฟเป็นญาติกับงูเหลือมรึไง!
พอเห็นว่าคุณไฟไม่มีทีท่าว่าจะปล่อยสักที ผมเลยเอาหัวโขกบ่าแรงๆ ไปที สงสัยจะแรงพอสมควร คุณไฟถึงกับสะดุ้งรู้สึกตัวแล้วคลายอ้อมกอดออกแต่ก็ยังไม่ยอมปล่อยมือ ยังคงจับต้นแขนผมเอาไว้แน่น
คุณไฟเป็นอะไรของเขาเนี่ย!
“นี่ฉันไม่ได้ฝันไปใช่ไหม” น้ำเสียงแผ่วพร่าของคุณไฟยิ่งทำให้ผมสับสน
เอ... หรือว่ากำลังฝันอยู่จริงๆ วะ ปฏิกิริยาของคุณไฟถึงได้แปลกๆ อย่างนี้
ผมยืนมึนๆ ท่ามกลางความรู้สึกเหมือนลืมอะไรไปสักอย่างต่อไป
“ขอโทษนะ”
ห๊ะ! อันนี้อุทานในใจ
“ขอโทษเรื่องอะไรครับคุณไฟ” ผมถามด้วยความงง
“ขอโทษที่ทำให้นายตกเขา... ฉันขอโทษ” เสียงสั่นพร่าของคุณไฟคงจะไปกระทบปุ่มอะไรสักอย่าง ความทรงจำที่เหมือนจะเลือนๆ ไปค่อยๆ ผุดมาเป็นฉากๆ
จำได้แล้ว!!!
ครั้งสุดท้ายที่อยู่กับคุณไฟคือตอนไปเที่ยวด้วยกันแล้วผมก็พลัดตกเหว แล้วเรื่องราวหลังจากนั้นล่ะ มันเป็นแค่ความฝันเหรอ ตกลงนี่ผมตายไปแล้วใช่ไหม?
แค่คิดก็รู้สึกใจหายวูบขึ้นมาเลย
“ฉันขอโทษนะดิน” แต่ต้องพักเรื่องนั้นไว้ก่อน เพราะดูเหมือนคุณไฟจะจมอยู่กับความรู้สึกผิดมานานเกินไปแล้ว
“ไม่เป็นไรครับ ผมไม่เคยโกรธคุณไฟเลย ตอนนั้นผมบอกคุณไฟแล้วไงครับว่าอย่าโทษตัวเอง”
“ฉันเป็นคนทำให้นายตายลงไปกับมือจะไม่ให้ฉันรู้สึกผิดได้ยังไง” อยู่ๆ น้ำตาคนพูดก็ไหลออกมาจนผมตกใจ
“จะให้ฉันมีความสุขได้ยังไง... ในเมื่อฉันทำร้ายคนที่ตัวเองรักกับมือ” จบคำพูดขอบคุณไฟผมก็ได้แต่ยืนอึ้ง
เอ่อ... เมื่อกี้นี้ผมคงหูฝาด คุณไฟไม่ได้บอกว่ารักผมหรอก... ใช่ไหม?
“ฉันรักนาย... รักนายมานานแล้ว แต่ฉันมันโง่ที่ไม่กล้ายอมรับใจตัวเอง กว่าจะรู้ตัว กว่าจะยอมรับได้ กว่าจะเริ่มทำดีกับนายก็สายไปซะแล้ว” คำพูดที่ไม่คิดว่าชาตินี้จะได้ยินพรั่งพรูออกมาเหมือนคนพูดกลัวว่าจะไม่มีโอกาสได้บอกอีก
เฮ้ย! ไม่ได้หูฝาดไปจริงๆ เหรอ คุณไฟเนี่ยนะจะรักผม ถ้าบอกว่าพระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตกยังจะน่าเชื่อซะกว่า แต่คำพูดที่ออกจากปากคนปากแข็งอย่างคุณไฟก็ทำให้ผมเชื่อได้อย่างสนิทใจ
ผมได้แต่ถอนหายใจ เอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาให้อย่างเบามือ แล้วมองคนตรงหน้าด้วยสายตาอ่อนโยน ถึงแม้จะตอบรับความรู้สึกของคุณไฟไม่ได้ แต่ในฐานของคนที่เติบโตมาด้วยกันผมก็ยังคงมีความห่วงใยและความปรารถนาดีให้เสมอ
“คุณไฟกับท่านทูตสบายดีไหมครับ” ผมพยายามเปลี่ยนเรื่อง ถึงคนฟังจะยิ้มอย่างขมขื่นแต่ก็ตอบกลับมาแต่โดยดี
“ฉันกับคุณพ่อสบายดี หลังจากที่นายจากไป คุณพ่อก็กลับมาดูแลเอาใจใส่ฉันมากกว่าเดิม ส่วนฉันก็พยายามเข้าหาพ่อมากขึ้น เพื่อจะได้ให้นายสบายใจ เพราะตอนที่นายอยู่ นายก็พยายามขอร้องให้ฉันใกล้ชิดกับคุณพ่อใช่ไหม ตอนนี้ฉันรู้แล้วละ ว่าคุณพ่อรักฉันจริงๆ”
ผมยิ้มด้วยความดีใจ ในที่สุดคนทั้งคู่ก็หันหน้าเข้าหากัน ปรับความเข้าใจกันสักที
“อีกอย่างฉันก็ได้เพื่อนใหม่ กลุ่มที่ไปส่องนกด้วยกันไง พวกเขาคอยเป็นกำลังใจให้ ทั้งคอยฉุด คอยดึง ตอนนี้ฉันสอบเข้ามหาลัยได้แล้วนะ”
“ดีจริง! ยินดีด้วยนะครับคุณไฟ”
“อืม... ถ้ามีนายมาอยู่ข้างๆ เหมือนเดิมคงจะดีมากกว่านี้” คุณไฟปล่อยมือจากต้นแขนมาจับใบหน้าผมอย่างอ่อนโยน
“ผมอยากให้คุณไฟมีความสุข ถึงจะไม่มีผม ผมก็เชื่อว่าคุณไฟก็มีความสุขได้”
“ฉันจะพยายาม... แล้วนายล่ะ สบายดีไหม”
“คุณไฟไม่ต้องเป็นห่วง ผมสบายดีครับ อยู่ที่โน่นผมมีความสุขดี”
“ฉันรู้ คนอย่างนายอยู่ที่ไหนก็คงมีความสุข” ผมได้แต่ยิ้มรับคำพูดของคุณไฟ
“คุณไฟก็เหมือนกัน ขอให้อยู่ที่นี่อย่างมีความสุขแทนผมด้วยนะครับ”
“แล้วนายจะมาอีกไหม... ฉันจะฝันถึงนายอีกรึเปล่า” น้ำเสียงที่ถามเต็มไปด้วยความคาดหวังทำให้ใจผมอ่อนยวบ
“ถ้าเป็นไปได้ผมก็อยากจะมาบ่อยๆ อยู่หรอกครับ อยากมาดูด้วยตาว่าคุณไฟกับท่านทูตสบายดีรึเปล่า แต่ก็คงยากหน่อย เอาเป็นว่าผมจะพยายามแล้วกันครับ” ถ้าก้อนหินโตขึ้น คงสามารถพามาได้อีกแน่ๆ อาจจะมาได้แบบตัวเป็นๆ ซะด้วยซ้ำ
ว่าแต่... ก้อนหินอยู่ไหนล่ะ
หรือว่าผมฝันไปแค่คนเดียว ที่ผ่านมานี่มันเป็นแค่ความฝันเท่านั้นเหรอ?
อืม.... แต่ก็ยังมีความรู้สึกตงิดๆ เหมือนว่าจะลืมอะไรไปสักอย่างอยู่เหมือนเดิม
ลืมอะไรหว่า
ก๊าส หือ?
ก๊าสสสสสสส
...
เสียงก้อนหินนี่!
แต่น้ำเสียงดูร้อนรนขนาดนั้น ก้อนหินเป็นอะไร?
“ก้อนหิน” ผมเผลอส่งเสียงร้องเรียกมันด้วยความเป็นห่วงโดยมีคุณไฟมองมาอย่างแปลกใจ
ก๊าสสส...
ดิน...ฮึก ดิน ตื่นสิ ฮึก ผมอ้าปากค้าง ตาเบิกกว้างขึ้นมาทันทีเมื่อเสียงร้องของก้อนหินเปลี่ยนเป็นเสียงพูดเหมือนเสียงของเด็ก
ดิน... ฮึก กลับมา ฮืออออออ “ก้อนหิน เป็นอะไร เกิดอะไรขึ้น” ผมรู้สึกร้อนรนกระวนกระวายมากขึ้นเมื่อก้อนหินยังคงร้องไห้ไม่หยุด
ทำยังไงดี! ต้องทำยังไงถึงจะกลับไปได้ล่ะ
“ดินเป็นอะไร” คุณไฟถามขึ้นเมื่อเห็นอาการกระสับกระส่ายของผม
“คุณไฟได้ยินเสียงอะไรไหมครับ” ผมลองถามคุณไฟดู เผื่อว่าผมจะหูแว่วไปคนเดียว
“ไม่นะ”
“แต่ผมได้ยิน อ๊ะ!” ผมหลุดอุทานเมื่ออยู่ๆ ก็มีแสงสีทองอาบทั่วร่าง ก่อนที่ร่างของผมจะค่อยๆ จางลงเหมือนเป็นสัญญาณว่าถึงเวลาที่จะต้องไปจากที่นี่แล้ว
“ดิน! เกิดอะไรขึ้น”
“ผมต้องไปแล้วครับคุณไฟ อย่าลืมนะครับ อยู่อย่างมีความสุขเผื่อผมด้วย”
“ดิน! เดี๋ยว อย่าเพิ่งไป”
“ลาก่อนครับ” ผมรีบบอกเมื่อร่างของคุณไฟและบรรยากาศโดยรอบเริ่มเลือนรางลงเรื่อยๆ พร้อมกับเสียงคุณไฟที่เหมือนจะไกลออกไปเรื่อยๆ เช่นเดียวกัน
"ก๊าสสสสส"
ดิน ตื่นสิ ฮือออออ ผมมารู้สึกตัวอีกทีเมื่อได้ยินเสียงร้องของก้อนหินดังอยู่ใกล้ๆ ส่วนเสียงเรียกที่คล้ายกับเสียงเด็กพูดนั้นดังก้องอยู่ในหัวพร้อมๆ กับเสียงร้องของก้อนหิน หรือว่าจะเป็นเสียงของก้อนหิน?
ผมรู้สึกได้ว่าร่างของผมกำลังนอนหงายอยู่บนผ้าปูนุ่มๆ หัวหนุนอยู่บนหมอน มีผ้าห่มห่มร่างไว้ รู้สึกว่าก้อนหินมันปีนขึ้นมานอนอยู่บนตัวและยังร้องไห้ไม่หยุด ดูเหมือนว่ามันจะร้องมานานพอสมควรแล้ว เพราะน้ำตาเปียกจนชุ่มเสื้อผมไปหมด
ประสาทหูของผมยังคงได้ยินเสียงชัดเจน ประสาทสัมผัสอื่นๆ ของร่างกายยังรับรู้และรู้สึกได้ครบทุกอย่าง เพียงแต่ลืมตาและขยับร่างกายไม่ได้เท่านั้นเอง
เอ่อ...
ถ้าเดาไม่ผิด ผมว่าผมน่าจะโดนพิษ
...
และจากอาการที่เป็นอยู่ พิษที่ผมโดนก็น่าจะเป็น ‘พิษรัก’ ด้วย
.
.
.
ชิบ
หาย
แล้ววววววว!
อ๊ากกกกกก!
นี่มันเกิดอะไรขึ้น!!!
ผมโดนพิษได้ยังไงวะ ใครก็ได้ช่วยบอกผมที
ใจเย็นสิดิน มึงต้องใจเย็นเย็นนนนน
ผมพยายามหายใจเข้าออกลึกๆ หลายๆ รอบ ถึงในทางปฏิบัติจะทำไม่ได้เพราะร่างกายนอนเป็นผักอยู่ แต่ในทางจิตใจแล้วมันก็ช่วยให้สามารถสงบสติอารมณ์ได้ดีขึ้นมาก
อืม...
ก่อนหน้านี้มันเกิดอะไรขึ้นนะ ผมครุ่นคิดด้วยความใจเย็นมากขึ้น
เมื่อสติเริ่มกลับมา สมองมันก็โล่งขึ้นทำให้ความทรงจำก่อนหน้านี้ผุดขึ้นมาเป็นลำดับ
********************************************************
หลังจากที่ควีนฟื้นแล้ว เราทั้งหมดก็ตัดสินใจแยกย้ายกันกลับบ้านเพื่อพักผ่อน พอถึงตอนเย็นก็เดินทางกลับมาที่พระราชวังอีกครั้งเพื่อร่วมรับประทานอาหารมื้อเย็นที่คิงทรงจัดเลี้ยง
งานเลี้ยงจัดแบบบุฟเฟต์ เพื่อให้ทุกคนสามารถเดินพูดคุยกันได้โดยสะดวก ตรงกลางห้องโถงเป็นโต๊ะที่จัดไว้สำหรับนั่งรับประทานอาหาร รอบๆ ห้องเป็นโต๊ะวางอาหารซึ่งจัดอาหารวางไว้เป็นชุดๆ เพื่อให้สะดวกต่อการหยิบ
บรรยากาศในงานเลี้ยงเต็มไปด้วยความรื่นรมย์ ทุกคนต่างก็เข้าไปหาควีนที่นั่งอยู่ข้างๆ คิงด้านหน้าด้วยความยินดีที่เห็นควีนฟื้นขึ้นมาพูดคุยด้วยได้ตามปกติ
ผมนั่งโต๊ะเดียวกับทีมเฮดีส แค่มาถึงก็มีคนแวะมาทักทายพูดคุยตลอดทั้งระหว่างที่นั่งอยู่ที่โต๊ะและระหว่างเดินไปหยิบอาหาร ส่วนก้อนหินผมปล่อยให้มันเดินเอง เพราะไม่ต้องห่วงเรื่องอันตราย แต่มันก็เดินตามอยู่ไม่ห่างอย่างกับลูกเจี๊ยบ ไม่ว่าจะเดินไปไหนมันก็ตามไปด้วยตลอด
ระหว่างที่เดินไปตักอาหารที่โต๊ะอาหาร ก็มีคนเดินมาหาแล้วบอกว่าท่านมอลทีสให้มาตามไปพบที่สวน ผมมองไปที่ไซเลอร์ก็เห็นคุยอยู่กับเพื่อนๆ อยู่ เลยตัดสินใจอุ้มก้อนหินเดินตามไปแค่คนเดียว เพราะสวนอยู่ใกล้ๆ กับห้องจัดเลี้ยง คิดว่าท่านมอลทีสคงมีเรื่องจะคุยด้วย และคงคุยในห้องไม่สะดวกเพราะเสียงค่อนข้างดังเลยเรียกไปคุยที่สวนแทน
เมื่อไปถึง คนที่นำมาก็โค้งคำนับให้ท่านมอลทีสแล้วก็เดินกลับไป
“ท่านมอลทีส ต้องการพบผมมีอะไรเหรอครับ” ผมเริ่มถามเมื่อท่านมอลทีสยังคงยืนมองมานิ่งๆ
“ก๊าสสสส” ก่อนที่ผมจะมองก้อนหินที่อยู่ในอ้อมแขนอย่างแปลกใจเมื่อมันร้องและส่งเสียงขู่ในลำคอ
แต่เมื่อเงยหน้ามองไปยังคนตรงหน้าอีกครั้ง สัญชาติญาณในส่วนลึกก็เตือนลั่น จนผมผวาจะถอยหลัง แต่ไม่ทัน เมื่ออะไรบางอย่างลอยวูบผ่านหน้าก่อนที่สติของผมดับวูบไป
ไซเลอร์!!!
********************************************************
ผมมารู้สึกตัวอีกทีเมื่อรู้สึกถึงแรงเขย่าตัวอย่างรุนแรงจนหัวคลอน
นี่ตั้งใจปลุกหรือจะฆ่ากันแน่ ถามจริง!
เมื่อลืมตาขึ้นมาก็เกือบสะดุ้งเมื่อเห็นคนหน้าตาเหมือนมหาโจรอยู่ตรงหน้า แค่หน้าตาก็บ่งบอกว่าไม่ใช่คนดีแน่ๆ เพราะเหมือนเห็นคำว่า ‘ชั่ว’ แปะไว้บนทุกส่วนของใบหน้า
พอเห็นว่าผมตื่นแล้ว ไอ้หมอนี่ก็ขยับออก ทำให้เห็นท่านมอลทีส ไม่ใช่สิ! ใครสักคนที่ใช้หน้าตาของท่านมอลทีสอยู่ เพราะถึงรูปร่างหน้าตาจะใช่ แต่ความรู้สึกส่วนลึกบอกผมว่าคนๆ นี้ไม่ใช่ท่านมอลทีสแน่ๆ
“ก๊าส”
เมื่อได้ยินเสียงร้องของก้อนหิน ผมก็รีบหันไปมองหามันทันที พอเห็นมันอยู่ในกรงขังขนาดพอๆ กับตัวมัน ตั้งอยู่ข้างๆ ตัวผม มือทั้งสองข้างของมันเกาะซี่เหล็กกรงแน่นสายตาจ้องมาที่ผมด้วยแววตาห่วงใย กวาดสายตามองคร่าวๆ แล้วสภาพร่างกายมันยังดูปกติทุกอย่าง ก็ค่อยโล่งใจหน่อยที่มันยังปลอดภัยดี จึงหันมาพูดกับคนตรงหน้าอีกครั้ง
“ท่านเป็นใคร”
“เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้หรอก” เสียงที่พูดออกมาก็เสียงของท่านมอลทีสชัดๆ อย่าเอาหน้าตาใจดีของท่านมอลทีสมาใช้ทำเรื่องแบบนี้ได้ไหม ผมขนลุก!
“แล้วท่านต้องการอะไร... ข้ามั่นใจว่าข้าไม่เคยทำร้ายใครมาก่อน”
“ข้าแค่ต้องการใช้ความสามารถของมังกรมรกต ถ้าจะโทษก็โทษที่เจ้าเป็นคู่ผูกชะตากับมันเองเถอะ” พูดจบก็หันไปรับถ้วยยาจากไอ้คนหน้าโหดมาถือไว้ ก่อนที่ไอ้หน้าโหดจะใช้มือบีบกรามให้ผมอ้าปากขึ้นแล้วคนที่หน้าตาเหมือนท่านมอลทีสก็กรอกยาในถ้วยลงไป
“อึก” ผมพยายามสะบัดหน้าหนี แต่ขยับไม่ได้มากนัก เพราะมือทั้งสองข้างถูกมัดไพล่หลัง ข้อเท้าทั้งสองข้างก็ถูกมัดไว้เช่นกัน แม้แต่ลำตัวก็ยังถูกมัดไว้อย่างแน่นหนา
“ก๊าสสสสส” ก้อนหินร้องด้วยน้ำเสียงโมโห มันพยายามชนประตูกรงที่ขังไว้อย่างแรง เมื่อไม่เป็นผลมันก็กางเล็บออกมาแล้วยกขึ้นเหมือนจะฟันโซ่ที่คล้องกรงขังไว้ แต่มันก็ต้องชะงัก เมื่อไอ้คนหน้าโหดใช้มือข้างที่ว่างถือมีดจ่อคอผมอยู่
“ถ้าอยากให้มนุษย์นี่ตายก็เอาสิ” ปลายมีดคมจัดทิ่มถูกผิวรู้สึกเจ็บแปล๊บรู้สึกได้ว่าเลือดไหลซึมออกมา
สัด!
“ก๊าสสสสสสสสส” ก้อนหินร้องด้วยน้ำเสียงที่แสดงความโกรธสุดขีด เมื่อเห็นผมโดนจับกรอกยาโดยที่ไม่สามารถช่วยอะไรได้ มันเพียงเกาะกรงไว้แน่น น้ำตาไหลพรากด้วยความคับแค้นใจ
ผมได้แต่ส่งสายตาปลอบมันว่าไม่เป็นไร พวกมันคงยังไม่ฆ่าผมในตอนนี้แน่ เพราะถ้าจะทำก็คงทำไปนานแล้ว
“แค่กๆ”
เมื่อกรอกยาจนหมดถ้วยแล้ว มันก็ปล่อยมือที่บีบปากไว้ออก มีคนอีกคนเอาถาดอาหารและน้ำมาวางไว้ข้างๆ ตัวผม ก่อนจะแกะเชือกที่มัดตัวและมือออก เหลือเพียงเชือกที่มัดขาไว้ คนที่หน้าตาเหมือนท่านมอลทีสไขกุญแจและปลดสลักประตูกรงขังก้อนหินทิ้งไว้ก่อนเดินออกไปที่หน้าห้องขัง เอาโซ่เส้นใหญ่คล้องประตูไว้หลายๆ รอบ แล้วใส่กุญแจดอกใหญ่ไว้แล้วร่ายเวทย์กำกับอีกที
“เฝ้าให้ดี ระหว่างนี้ก็เอาอาหารมาให้ทุกมื้อด้วย ระวังอย่าให้ตายล่ะ เข้าใจไหม” คนที่หน้าตาเหมือนท่านมอลทีสบอกไอ้หน้าโหดที่เหมือนจะต้องทำหน้าที่เฝ้าพวกผมด้วยสีหน้าจริงจัง
“ได้” เมื่อมันรับปาก คนๆ นั้นก็หันมามองผมด้วยแววตาเห็นใจขึ้นมาวูบหนึ่งก่อนแววตาจะนิ่งลงแล้วทั้งหมดก็เดินออกไป
ผมขยับไปช่วยก้อนหินเปิดประตูกรงที่ขังมันไว้ออก เมื่อประตูเปิดออก ก้อนหินก็วิ่งออกมาแล้วโผเข้ากอดผมทันที
“ก๊าสสสส” มันเอาหัวถู แล้วเงยหน้าขึ้นมองทั้งน้ำตา
“ไม่เป็นไรใช่ไหมหิน” ผมจับมันยกขึ้นพลิกดูตามตัว เมื่อเห็นว่ามันไม่มีแผลและร่างกายทุกส่วนดูปกติดีก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“ก๊าสสส” มันร้องรับทั้งที่น้ำตายังไหลไม่หยุด
“โอ๋ๆ อย่าร้อง มันคงไม่ได้ตั้งใจจะฆ่าตอนนี้หรอก เรายังพอมีเวลา แต่ดูเหมือนว่ายาที่มันจับกรอกเมื่อกี๊น่าจะเป็นยาพิษ แถมเป็นพิษรักอีกด้วย” ผมเช็ดน้ำตาให้มันอย่างเบามือ แล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่ด้วยความหนักใจ ไม่คิดเลยว่าจะเป็นคนถูกพิษซะเอง พอมองไปรอบๆ ตัว ก็เห็นเพียงลูกกรง มันเหมือนจะเป็นห้องขัง คล้ายๆ กับคุกใต้ดินในบาอัลเลย
“หิน ฟังนะ ถ้ามีโอกาสต้องหนีไปหาไซเลอร์นะเข้าใจไหม เพราะเมื่อพิษรักออกฤทธิ์แล้วถ้าเกิดมีอันตรายขึ้นมากูไม่สามารถช่วยอะไรได้เลยนะ”
“ก๊าสสส” มันส่ายหัวแล้วช้อนตามองด้วยแววตาดื้อดึง
“อย่าดื้อสิ ถ้ามีคนมาช่วยเราจะได้รอดทั้งคู่ไง อีกอย่างกูไม่อยากให้มันใช้มึงเป็นเครื่องมือในการทำอะไรไม่ดีด้วย นะหินนะ” พอผมอ้อนมันบ้าง มันก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วหันหน้าหนี
“หิน รับปากมาก่อน” ผมจ้องมันอย่างจริงจัง ก่อนจะจับมันนั่งบนตัก ปล่อยมือข้างหนึ่งแล้วยื่นไปตรงหน้ามัน ก้อนหินพ่นลมหายใจแรงๆ เหมือนไม่สบอารมณ์ แต่ก็ยอมยื่นมือมาตบลงบนมือแต่โดยดี ผมยิ้มด้วยความพอใจแล้วจับมันมากอดด้วยความเอ็นดู
“ดีมาก ทีนี้ก็มาตุนพลังงานเอาไว้ก่อน” ผมหยิบอาหารที่พวกมันทิ้งไว้ให้มากินพร้อมทั้งป้อนก้อนหินไปด้วย ต้องกินตุนไว้ก่อนที่ยาจะออกฤทธิ์เต็มที่ เพราะไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้กินอีกเมื่อไหร่
เมื่อกินอาหารจนหมด ผมก็อุ้มก้อนหินเดินสำรวจห้องขัง เพราะก้อนหินใช้เล็บตัดเชือกที่มัดขาออกแล้ว ห้องขังที่เราอยู่เป็นเพียงห้องหนึ่งในอีกหลายๆ ห้องข้างนอกซึ่งแต่ละห้องมีขนาดแตกต่างกันไป ลักษณะเหมือนกับคุกใต้ดินที่เคยลงไปเก็บเห็ดจริงๆ
ไม่รู้ว่าที่นี่คือที่ไหนกันแน่ ผมอาจจะยังอยู่ในเคลเบรอสหรือไม่ก็อาจจะเป็นอีกสองอาณาจักรก็ได้ สำหรับโลกนี้นี่อะไรก็เกิดขึ้นได้ คาดเดาอะไรแทบไม่ได้เลย จะถามก้อนหินมันก็พูดไม่ได้ซะด้วยสิ
เฮ้อ! เพิ่งรู้สึกอยากให้มันโตไวๆ ก็ตอนนี้นี่แหละครับ
พอชะโงกไปมองด้านนอกก็เห็นคนเดินยามอยู่สองคน น่าจะหนีไปได้ยาก ยิ่งในสภาพที่ถูกพิษและกำลังจะหลับอย่างนี้ยิ่งหนีรอดยาก ผมได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ แล้วอุ้มก้อนหินกลับมาพิงผนังเมื่อเริ่มจะรู้สึกง่วง
ดูเหมือนว่าพิษน่าจะเริ่มออกฤทธิ์แล้ว...
“หิน”
“ก๊าส”
“หนีไปให้ได้นะ”
“ก๊าส”
“หิน”
“ก๊าส”
“รักมึงนะ”
“ก๊าสสสสสส”
ผมบอกมันไว้ก่อน เผื่อว่าจะไม่มีโอกาสได้บอกอีก เสียดายที่ไม่ได้บอกคำนี้กับใครอีกคนด้วย คนที่มั่นใจแล้วว่า ‘รัก’ เช่นกัน
ไซเลอร์ ชื่อที่ผุดขึ้นในหัวก่อนที่สติของผมจะดับวูบไป
********************************************************
แล้วจิตของผมก็ไปโผล่ที่บ้านท่านทูตและได้เจอกับคุณไฟ ก่อนที่จะได้ยินเสียงเรียกของก้อนหินถึงได้กลับมารับรู้ว่าตัวเองอยู่ในสภาพเหมือน ‘ผัก’ ด้วยความรู้สึกใจหายหน่อยๆ
ตามที่เรียนเรื่องพิษรักมา สภาพร่างกายของคนที่ถูกพิษจะเหมือนคนที่นอนหลับไปเฉยๆ ส่วนจิตนั้นจะตื่นเมื่อยามพระอาทิตย์ขึ้น และหลับไปเมื่อพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า
นอกจากนี้ระบบต่างๆ ของร่างกายก็ยังคงทำงานได้ตามปกติ สามารถหายใจและกลืนน้ำลายได้ตามปกติ เวลาที่มีอาหารเข้าปาก ร่างนั้นก็จะสามารถรับอาหารเข้าไปได้ เพื่อให้สามารถรักษาสภาพร่างกายให้คงอยู่เหมือนเดิม
แม่ง! คนคิดพิษนี่โคตรครีเอทจริงๆ ช่างเป็นคนที่มีจินตนาการสร้างสรรค์เอามากๆ แต่ควรนำไปใช้ในทางที่ถูกที่ควรมากกว่านะ ไม่ใช่เอามาสร้างพิษทำร้ายคนอื่นเค้าแบบนี้ โว๊ะ!
ว่าแต่... ก้อนหินยังหาโอกาสหนีไปไม่ได้อีกเหรอเนี่ย แล้วระหว่างที่ผมหลับไปมันเป็นอันตรายอะไรรึเปล่า ผมคิดด้วยความกังวลและเป็นห่วง
สักพักก็ได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาใกล้ เปิดประตูออก แล้ววางอะไรบางอย่างไว้บนพื้น
“ไม่เอาไปป้อนมันด้วยล่ะ”
“ไม่ละ ขี้เกียจ”
“แต่ท่านสั่งไว้...”
“ช่างมันสิ! ไหนๆ ถ้าเสร็จงานมันก็ต้องตายอยู่แล้ว จะไปสนใจทำไม อีกอย่าง... ถ้าเจ้าไม่พูด ข้าไม่พูด แล้วใครจะรู้ล่ะจริงไหม ไปๆ ไปหาอะไรกินกันดีกว่า ข้าชักจะเปรี้ยวปากอยากกินเหล้าเต็มแก่แล้ว”
เมื่อปิดประตูห้องไว้เหมือนเดิมแล้วฝีเท้าของคนทั้งคู่ก็ห่างออกไป ผมเดาจากบทสนทนาคิดว่าพวกมันน่าจะเอาอาหารมาให้ ถึงจะไม่ป้อนให้ผมตามคำสั่ง แต่ก็ยังดีที่เอามาให้ ก้อนหินจะได้มีอะไรกิน
ความคิดชะงักลง เมื่อรู้สึกว่าก้อนหินปีนลงจากตัวไป แล้วได้ยินเสียงลากของจากหน้าประตูมาไว้ใกล้ๆ
ผมได้ยินเสียงกุกกักเหมือนก้อนหินกำลังทำอะไรสักอย่างกับอาหาร ก่อนที่จะรู้สึกว่ามันขยับเข้ามาใกล้ๆ จับปากให้อ้าขึ้น แล้วค่อยๆ หยอดอาหารที่ถูกบดจนละเอียดใส่เข้าปากของผมทีละนิด...
มันทำด้วยความระมัดระวังเป็นที่สุด เหมือนกลัวว่าผมจะสำลัก พอหกก็เอาผ้ามาซับปากให้อย่างเบามือ
ฮึก...
อยู่ๆ น้ำตาผมก็ไหลออกมา
มันรู้สึกจุกๆ ในอก ทั้งซาบซึ้ง ทั้งสงสารก้อนหินที่ต้องมาดูแลผมในสภาพแบบนี้
“ก๊าส”
"ดินอย่าร้อง" เสียงเล็กๆ นั้นดังขึ้นเมื่อเห็นน้ำตาของผม ก่อนที่ก้อนหินจะใช้ผ้าเช็ดน้ำตาที่ไหลออกอย่างอ่อนโยน เหมือนเลียนแบบที่ผมเคยทำให้มันเวลาที่มันร้องไห้
“ก้อนหิน?” “ก๊าส” มันร้องรับ
“ก้อนหินเหรอ?” “ก๊าสสสสส” ผมได้ยินเสียงร้องด้วยหู ก่อนที่จะได้ยินอีกเสียงดังขึ้นในหัว
“ฮึก... ใช่ ดิน นี่ข้าเอง” “หิน! เป็นยังไงบ้าง ปลอดภัยดีไหม พวกมันทำร้ายมึงบ้างรึเปล่า” เมื่อมั่นใจว่าเป็นเสียงของก้อนหิน ผมก็รัวคำถามเป็นชุด
“ไม่เป็นไร ข้าปลอดภัยดี”
“ดีแล้วละ เลิกป้อนกูได้แล้ว กินเองเถอะ จะได้มีแรง”
“ให้ดินอิ่มก่อน”
“อิ่มแล้ว ไม่ต้องป้อนแล้ว”
“แต่ยังไม่หมดเลยนะ”
“ก็อิ่มแล้วไง อย่าดื้อสิ กินเองบ้าง กูเป็นห่วงนะ”
“งั้นก็ต้องกินยาก่อน”
“ยา? ยาอะไร?”
ก้อนหินไม่ตอบ ผมได้ยินเสียงมันขยับตัวเหมือนกำลังทำอะไรสักอย่าง สักพักผมมันก็ขยับมาจับปากผมอ้าออกก่อนที่จะมีของเหลวกลิ่นหอมหวานไหลเข้ามาในปาก แม้จะไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่จิตใต้สำนึกมันรับรู้ได้เองว่าสิ่งที่ร่างกายกำลังกลืนกินอยู่นี่คือเลือดของก้อนหิน!!!
“หิน! มันคืออะไร? นี่เลือดมึงใช่ไหม? “...”
“หิน!! บอกมา ถ้าไม่ตอบจะโกรธแล้วนะ”
“ชะ... ใช่... ดินอย่าโกรธนะ ฮือออออ”
“แล้วเอามาให้กินได้ยังไง มันเจ็บไม่ใช่รึไง? หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ!!!” ผมบอกมันด้วยความโมโห เพราะการที่จะทำให้เลือดมันออกมาได้ ก็ต้องใช้เล็บและฟันที่คมกริบของตัวมันเองเท่านั้นถึงจะทำให้เกิดแผลได้
“ไม่ได้ ดินต้องกิน ท่านอีริคบอกว่ามันช่วยถอนพิษได้”
“อีริค? ใคร?”
“จิตวิญญาณของมังกรก่อนหน้าข้า” “...”
“ให้กินมากี่วันแล้ว แล้วยังไม่พออีกเหรอ?”
“ยังไม่พอ เพราะข้าตัวเล็ก เลยต้องใช้เวลานาน ขอโทษนะดิน”
“ขอโทษทำไม กูสิต้องขอโทษที่ดูแลมึงไม่ดี”
“ไม่นะ ฮึก... ดินดูแลดีที่สุดแล้ว”
“เจ็บมากไหม? ฮึก...”
“ไม่เจ็บ ไม่เจ็บสักนิดเลย ฮึก ดินอย่าร้องสิ ฮืออออออออ”
ให้ตายสิ! ทำไมต้องให้ก้อนหินมาเจ็บตัวเพราะผมด้วย ผมยอมเจ็บคนเดียวซะยังจะดีกว่า!
ฮึก...
ผมรู้สึกสงสารมันจับใจจนน้ำตาไหลลงมาไม่หยุด ก้อนหินก็ขยับมากอดผมแน่นแล้วร้องไห้เหมือนกัน
ไซเลอร์.... ช่วยเราด้วย!!!
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
โอ๋ๆๆๆ ใครทำลูกกกกกก บอกแม่มา เดี๋ยวแม่จัดการให้ 
กลับมาแล้วค่า แฮ่! รอบนี้หายไปน้านนนนนนนนนนนนน 
เพราะอีเว้นท์และอีไม่เว้นท์ทำเอาหัวหมุนนนนน
เครียดจนสมองฝ่อ จินตนาการก็หายไปเลยค่ะ ถถถ 
สถานการณ์เริ่มจะดีขึ้นแล้ว หวังว่าต่อไปจะหัวดี อ่านอะไรก็ออก 555555 (ดักแก่มาก) 
ขอบคุณที่ยังติดตาม ยังแวะมาอ่าน มาเม้นท์ให้กำลังใจเสมอนะคะ 
เหมือนเป็นพลังเป็นกำลังใจให้มีความพยายามในการเขียนต่อไป
กราบบบบบบบ 
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@ #KARMI เห็นพี่แกเงียบๆ งี้ แกก็มีเสน่ห์นะคะ (เหรออออ)
#ซีเนียร์

#MayA@TK ใช่ค่า มาหาตัวคนร้ายกันนนน ทำแบบนี้กับลูกๆ เราได้ยังง๊ายยยยยยย
#suikajang พี่ไซรอสมาเหนือมากค่ะ 55555555 ถ้าขยันเดี๋ยวจะเขียนตอนพิเศษให้นะคะ ถถถ เอร๊ยยย ขอบคุณที่ยังคงติดตามมาให้กำลังใจนะคะ ให้ก้อนหินเอาหัวถูอ้อนนนนนน
#badbadsumaru ขอบคุณสำหรับกำลังใจค่า ฮึบๆๆๆ กระดึบๆ ต่อไป
#ommanymontra

#aiyuki คู่นี้นี่แย่งซีนมากเลยค่ะ เอร๊ยยย เขินนนน
#alternative พี่แกจำเป็นค่า 55555 เดี๋ยวถ้าขยันจะเขียนตอนพิเศษมาขยายให้ฟัง ที่นี่ชิลด์กันมากไงคะ ใครก็อยากมาอยู่ด้วย
#Billie

#•♀NoM!_KunG♀• อีกนิดดดดดดดดดดเดียวค่ะ แง่มมมม
#Ryu7801 แย่งซีนคนอื่นหนักมากค่ะ
#♥►MAGNOLIA◄♥ 55555 นึกถึงเวลาแปลงร่างกันหมด โอ๊ยยย อยากไปอยู่ตรงนั้นมากค่ะ ถ้าขยันจะพยายามขยายความในตอนพิเศษนะคะ แฮ่
#Yara 55555 ทั้งคิงควีนและพี่ไซรอสแย่งซีนกันสุดๆ ค่ะ
#poppycake เห็นพี่เงียบๆ พี่ก็ได้ภรรยามาเงียบๆ นะคะ 555555 เขียนช่วงปรุงยานี่บันเทิงที่สุดแล้วค่ะ จินตนาการสนุกดี
#duck-ya หูยยยย ดีใจที่อย่างน้อยก็ช่วยเป็นกำลังใจให้ได้ค่ะ สู้ๆ นะคะ เราต่างเป็นกำลังใจของกันและกัน เจอเม้นท์แต่ละเม้นท์ก็ทำเอาชื่นนนใจเช่นกัน
#HISY คนอื่นๆ ยังจีบกันอยู่ พี่แกนี่ได้ภรรยาเลยค่ะ
#prangasia ถ้าขยันเดี๋ยวจะแต่งตอนพิเศษขยายความให้นะคะ แง่มมมม
#papapajimin ปลื้มปริ่มกันทั้งเมือง ก่อนที่จะโดนซะเอง ฮืออออ
#jum1201

#shoi_toei แล้วก็ตามด้วยตามหาก้อนดินกับก้อนหินต่อ
#Air_Yaoi พี่แกได้ภรรยามาแบบนิ่งๆ เหมือนกันค่ะ 5555555