[จบ] ลำนำจักรพรรดิ [ตอนพิเศษ] [08/07/17] [P.5]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [จบ] ลำนำจักรพรรดิ [ตอนพิเศษ] [08/07/17] [P.5]  (อ่าน 64195 ครั้ง)

ออฟไลน์ Banarot

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 151
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1
Re: ลำนำจักรพรรดิ [Part5] [05/04/17] [P.1]
«ตอบ #30 เมื่อ06-04-2017 22:08:41 »

ขอให้จบแบบรักกัน แทงดาบทะลุคู่ก็ได้

ออฟไลน์ YounIn

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1524
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-8
Re: ลำนำจักรพรรดิ [Part5] [05/04/17] [P.1]
«ตอบ #31 เมื่อ09-04-2017 00:51:09 »

ดูเป็นคนขี้แกล้ง 55555

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
Re: ลำนำจักรพรรดิ [Part5] [05/04/17] [P.1]
«ตอบ #32 เมื่อ09-04-2017 10:16:34 »

 :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ i_Tipz

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 160
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: ลำนำจักรพรรดิ [Part5] [05/04/17] [P.1]
«ตอบ #33 เมื่อ10-04-2017 19:02:07 »

เพิ่งเข้ามาอ่าน สนุกอะ คือดีมาก  ติดตามตอนต่อไปค่ะ  o13 o13

ออฟไลน์ hyegena

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 27
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
Re: ลำนำจักรพรรดิ [Part6] [11/04/17] [P.2]
«ตอบ #34 เมื่อ11-04-2017 13:25:28 »

บทที่ 6 ฮองเฮา     
     



            “ฝ่าบาท กระหม่อมได้ยินมาว่าพระองค์มิได้ไปเยือนตำหนักฮองเฮานานแล้ว..”

            “ใต้เท้าจาง ฮองเฮาโกรธเราเพราะหลานชายไม่รู้ความของท่านแท้ๆ” เหวินเจิ้งเอ่ยพลางจิบชาเข้าไปหนึ่งคำ

            สายลมพัดพากลีบดอกไม้มาตกลงต้องหลังมือบาง กลางวันนี้อากาศดีเขาจึงตั้งใจว่าจะมานั่งอ่านฎีกาเงียบๆในศาลา แต่ไม่นึกเลยว่าจะถูกรบกวนด้วยเรื่องไร้สาระเช่นนี้ เหวินเจิ้งหยิบกลีบดอกไม้ขึ้นมาพินิจพิจารณาไม่อยากเสวนากับตาเฒ่าที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม

            ใต้เท้าจางเป็นบิดาของฮองเฮาจางหลิน เมื่อหลายเดือนก่อนเขาได้สั่งตัดลิ้นเจ้าเด็กไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำซึ่งเป็นหลานที่ฮองเฮาโปรดปราน หลังจากนั้นนางก็โกรธหนัก เขาเองก็ไม่มีอารมณ์จะง้องอนจึงไม่ได้พบหน้านางนานแล้ว

            “พระนางเพียงอยากให้ฝ่าบาทเอาใจพ่ะย่ะค่ะ” ใต้เท้าจางยังคงไม่ละความพยายาม อีกไม่นานฮ่องเต้เหวินเจิ้งก็ต้องถูกสังหารแล้ว ระหว่างนั้นหากบุตรสาวของเขาให้กำเนิดบุตรของโอรสสวรรค์ล่ะก็ ฐานอำนาจของเขาก็จะมั่นคงมากขึ้น

             “เรามีหน้าที่ต้องไปเอาใจใครตั้งแต่เมื่อไรกัน” เหวินเจิ้งตอบทั้งที่สายตายังคงจดจ่อกับกลีบดอกไม้สีชมพู

            “ปะ.. เป็นกระหม่อมพูดผิดไปเองพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมเพียงเป็นห่วง.. เกี่ยวกับสายเลือดมังกร” ใต้เท้าจางเริ่มพูดจาอย่างระมัดระวัง ฮ่องเต้พระองค์นี้ช่างเอาใจยากนัก บุตรสาวของเขาได้ชื่อว่าเป็นหญิงงามอันดับหนึ่งของเมืองหลวง เหตุใดจึงไม่อาจรั้งพระทัยของฮ่องเต้ได้

            ใต้เท้าจางอดจะนึกถึงอดีตพระชายาของเหวินเจิ้งมิได้ กู่ฮวา ได้ชื่อว่าเป็นหญิงงามอันดับหนึ่งของแผ่นดิน หรือเป็นเพราะเหตุนี้เองเมื่อได้พบจางหลินบุตรสาวของเขาพระองค์จึงมิได้หลงใหลในความงามของนางเฉกเช่นบุรุษอื่น

            แม้แต่หญิงงามอันดับหนึ่งของแผ่นดินอย่างกู่ฮวาพระองค์ยังตัดใจสังหารได้ลง คงไม่มีอะไรในโลกที่พระองค์ไม่อาจตัดใจได้อีกแล้วกระมัง แต่ว่า.. เพื่อฐานอำนาจที่มั่นคงแม้ว่าจะต้องขายบุตรสาวให้ฮ่องเต้เสียสติพระองค์นี้เขาก็ยอม!

            “เป็นเราเองที่ไม่มีความสามารถพอ หากเป็นน้องห้าคงมีเชื้อสายมังกรเดินยั้วเยี้ยเต็มวังไปหมด จริงไหม” เหวินเจิ้งเอ่ยกลั้วหัวเราะ ใต้เท้าจางได้ยินเช่นนี้ก็เริ่มมีเหงื่อผุดซึมที่หน้าผาก

            หรือว่าบางทีฝ่าบาทจะทรงรู้.. ว่าเขาเป็นฐานกำลังให้องค์ชายห้าสมัยที่พระองค์ยังมีชีวิตอยู่ ไม่สิ! เขาจัดการปิดปากทุกคนที่รู้เรื่องไปจนหมดแล้ว

            “มะ.. มิได้พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาทกระหม่อมมิกล้ารบกวนเวลาพักผ่อนของฝ่าบาทแล้ว กระหม่อมขอตัว” เห็นใต้เท้าจางเสียงสั่นด้วยความหวาดระแวงเหวินเจิ้งก็ยกยิ้มก่อนจะโบกมือเป็นเชิงอนุญาตให้อีกฝ่ายไป

            เมื่อคล้อยหลังใต้เท้าจาง เหวินเจิ้งก็ไล่มองเหล่านางกำนัลที่รอรับใช้อยู่ทีละคนทีละคน

            “ใต้เท้าจางผู้นี้ เป็นผู้สนับสนุนน้องห้าเพียงคนเดียวที่เหลือรอดสินะ” เหวินเจิ้งเปรยออกมาเบาๆ ขณะที่สายตาก็จับสังเกตไปยังเหล่านางกำนัลที่ยืนก้มหน้าอย่างมีมารยาทอยู่รอบด้าน บางคนร่างกายขึงเกร็งขึ้นเล็กน้อย

            มุมปากเหวินเจิ้งบิดขึ้นเป็นรอยยิ้มมากขึ้น

            ใต้เท้าจาง.. หากจะแค้น ก็จงแค้นบุตรสาวของท่านเถิด

            เหวินเจิ้งขยี้กลีบดอกไม้ในมือจนป่นปี้ก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วทิ้งเศษซากของกลีบดอกไม้ลงในถ้วยน้ำชา

            “ไปเถิด ไปตำหนักฮองเฮากัน” เอ่ยจบเหวินเจิ้งก็ก้าวเดินออกไปจากศาลาทันทีโดยมีหย่งเซิงและสวี่กงกงตามประกบติดไปด้วย

           

            “ท่านพ่อไปขอพบฮ่องเต้หรือ!” หญิงงามนางหนึ่งตะโกนลั่นด้วยความตกใจ หญิงงามผู้นี้ใส่ผ้าแพรอย่างดีสีแดงสด ที่ผมปักปิ่นหยกห้อยประโยงประยาดูแสบตา ใบหน้างดงามอย่างหาตัวจับได้ยากในแผ่นดิน

            ฮองเฮาจางหลิน..

            “เพคะ และตอนนี้พระองค์กำลังเสด็จมาที่นี้เพคะ” นางกำนัลเอ่ยเตือนด้วยความหวาดกลัว ฮ่องเต้ไม่ได้มาที่ตำหนักของนายหญิงนานแล้ว เกรงว่าที่มาคราวนี้จะมีจุดประสงค์แอบแฝง

            ฮองเฮาได้ยินดังนั้นก็เค้นหัวเราะอย่างโกรธแค้น

            “ฮ่องเต้ ทรงไม่คิดปล่อยข้าไปตั้งแต่แรก พระองค์จงใจให้ข้าต้องถูกฝังทั้งเป็น!”

            “นายหญิงได้โปรดระงับพระโทสะด้วยเพคะ หากใครเข้ามาได้ยินเข้า..” นางกำนัลผวาด้วยความกลัว ฮ่องเต้กับฮองเฮามีความแค้นที่ลึกล้ำต่อกันนัก

            “ไม่ต้องกลัวไป ต่อให้ฮ่องเต้ได้ยิน พระองค์ก็ไม่มีวันลงโทษข้าง่ายๆเช่นนั้นหรอก พระองค์จะต้องหาวิธีที่ทำให้ข้าทรมานมากที่สุดเสียก่อน!” ฮองเฮาเค้นเสียงรอดรายฟัน

            “ฮองเฮาของเราช่างมองโลกในแง่ร้ายนัก” สิ้นเสียงประตูก็ถูกเปิดออกอย่างแรงตามมาด้วยร่างสูงโปร่งของเหวินเจิ้งที่กำลังยืนเอามือไพล่หลังอย่างสบายใจ

            นางกำนัลเห็นเช่นนั้นก็ตัวสั่นระริกรีบคุกเข่าลงด้วยความหวาดกลัว

            ฮองเฮาเค้นยิ้มไม่แม้แต่จะลุกขึ้นถวายบังคม เหวินเจิ้งเองก็มิได้เก็บความถือดีนั้นมาใส่ใจ

            “ฝ่าบาท ไม่ได้พบกันนานนะเพคะ”

            “เป็นเพราะเจ้าไม่ยอมหายโกรธเราเสียที” เหวิงเจิ้งเอ่ยพร้อมยิ้มละไม ไม่สนใจท่าทางขับเขี้ยวเคี้ยวฟันของอีกฝ่าย

            “หากฝ่าบาทมิอนุญาตหม่อมฉันจะกล้าโกรธได้อย่างไรเพคะ” ฮองเฮากำมือเป็นหมัดจนเล็บจิกเข้าไปในฝ่ามือ

            เหวินเจิ้งเดินเข้าไปหาฮองเฮาก่อนจะยื่นมือมาให้อีกฝ่าย

            “ออกไปคุยกันข้างนอกเถิด ในนี้อุดอู้เหม็นสาบนัก” ฮองเฮาจ้องมองพระพักตร์ที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มของฮ่องเต้อย่างเจ็บปวด ก่อนจะเอื้อมมือที่สั่นเทาไปวางบนฝ่ามือของอีกฝ่าย

            เหวินเจิ้งฉุดฮองเฮาให้ลุกขึ้นอย่างแรกจนอีกฝ่ายเซถลาเข้ามาในอก

            “ดูสิ ฝ่ามือเจ้าเป็นแผลอีกแล้ว” เหวินเจิ้งแสร้งทำสีหน้าเวทนาสงสารก่อนจะมองดูแผลบนฝ่ามือของฮองเฮาอย่างใส่ใจ

            จงทุกข์ทรมานให้มากกว่านี้อีกเถิด..

            “ขอบพระทัยที่ทรงเป็นห่วง” นางหวาดกลัวเหลือเกิน สายตาเช่นนี้ของพระองค์ทำให้นางหวาดหวั่น

            เหวินเจิ้งมองข้ามแววตาหวาดกลัวของอีกฝ่ายแล้วประคองฮองเฮาออกไปยังสวนด้านนอกด้วยท่าทางอบอุ่นอ่อนโยน 

            “พวกเจ้าไม่ต้องตามมาหรอก..” เหวินเจิ้งหันมาเอ่ยห้ามเหล่านางกำนัล แต่เมื่อสบสายตากับหย่งเซิงก็มีท่าทีลังเลเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยต่อ “แค่หย่งเซิงคนเดียวก็พอ หากเกิดเรื่องไม่คาดฝันจะแย่เอา จริงไหมฮองเฮา”

            “เพคะ!” ฮองเฮาเอ่ยตอบอย่างไม่พอใจ เหวินเจิ้งได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้าพอใจก่อนจะปรายตามองหย่งเซิงแวบหนึ่ง

            เหตุใดสายตาของหย่งเซิงถึงได้ทิ่มแทงเสียจนเขารู้สึกเจ็บหลังไปหมดเลยหนอ

            “ฮองเฮา ดูเหมือนใต้เท้าจางอยากให้เรามอบพระโอรสให้เจ้า” เหวินเจิ้งเอ่ยอย่างเนิบนาบขณะประคองฮองเฮาเดินไปตามสวนดอกไม้ ฮองเฮาได้ยินเช่นนั้นก็ตัวสั่นสะท้านอย่างรุนแรง

            หย่งเซิงที่อยู่ข้างหลังจ้องมองแผ่นหลังเหวินเจิ้งและฮองเฮาไม่วางตา

            “..ฝ่าบาท ได้โปรด..” ฮองเฮาน้ำเสียงสั่นพร่า

            “ฮองเฮา บนโลกนี้ไม่มีใครรู้ใจเจ้าเท่าเราอีกแล้ว” เหวินเจิ้งมองใบหน้าหวาดกลัวของอีกฝ่ายอย่างสุขใจ

            “…”

            “เจ้าเป็นหญิงโลภ เย่อหยิ่ง โง่เขลา ทั้งยังอ่อนแอ” มือเรียวลูบไล้ใบหน้างดงามของฮองเฮาอย่างทะนุถนอมขัดแย้งกับคำพูดที่เอ่ยออกมาอย่างสิ้นเชิง

            “..หม่อมฉันผิดไปแล้..” ฮองเฮาน้ำตาไหลอาบหน้าอ้อนวอนเหวินเจิ้งอย่างน่าสงสาร แต่ยังไม่ทันเอ่ยจบก็ถูกนิ้วเรียวของเหวินเจิ้งมาหยุดเสียก่อน

            “ชู่ว.. เดี๋ยวผู้อื่นจะครหาว่าเราตำหนิเจ้า เจ้างดงามถึงเพียงนี้ เราจะตำหนิเจ้าได้อย่างไร” เหวินเจิ้งเช็ดน้ำตาบนใบหน้างดงามอย่างอ่อนโยน

            ฮองเฮามองดวงตาดำขลับที่ดำมืดของอีกฝ่าย ความหวาดกลัวเข้ากอบกุมหัวใจ

            “ใยท่านจึงโหดร้ายนัก.. ทุกอย่างข้าล้วนทำเพื่อท่าน” ฮองเฮาเอ่ยเสียงเบาราวกับกระซิบ เหวินเจิ้งได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มกว้างก่อนจะยื่นหน้าเข้าใกล้หูอีกฝ่าย กระซิบด้วยเสียงที่อัดแน่นไปด้วยความเคียดแค้น

            “ทุกอย่าง.. เจ้าล้วนทำเพื่อตัวเอง ล่อลวงบ่อนทำลาย.. ความสุขทั้งหมดของข้า” ฮองเฮาสั่นสะท้านไปทั้งกายจนเข่าอ่อน เหวินเจิ้งรวบตัวอีกฝ่ายเข้ามาในอ้อมอกรัดรึงอีกฝ่ายจนเจ็บปวดก่อนจะค่อยๆปล่อยอีกฝ่ายทรุดลงบนพื้นอย่างไร้เยื่อใย

            “ฮองเฮา!” เหล่านางกำนัลที่รอรับใช้อยู่ไกลๆต่างตกใจจนรีบปรี่เข้ามาประคองฮองเฮา

            ฮองเฮาเงยหน้าขึ้นมองเหวินเจิ้งด้วยแววตาเจ็บปวดปนแค้นเคือง

            “ฝ่าบาท! หากไม่มีข้า พระองค์คงไม่มีวันนี้”

            “ถูกของเจ้า ข้าคงไม่มีวันนี้จริงๆ” เหวินเจิ้งยังคงยิ้มทั้งที่ดวงตาดำมืด ฮองเฮารู้ความหมายในคำพูดของอีกฝ่ายดีจึงพูดไม่ออกได้แต่มองฮ่องเต้อย่างแค้นเคือง “พาฮองเฮากลับไปพักผ่อนเถิด”

            เหวินเจิ้งกล่าวจบก็สะบัดชายเสื้อจากไปทันที ทิ้งให้ฮองเฮาจ้องมองแผ่นหลังของบุรุษที่นางทั้งรักทั้งแค้นจนหมดหัวใจคนนั้น!

            “สวี่กงกง” หย่งเซิงเอ่ยเรียกสวี่กงกงเบาๆขณะกำลังเดินไปยังห้องทรงพระอักษร

            “พ่ะย่ะค่ะ” สวี่กงกงเอ่ยตอบเบาๆเช่นกัน เพื่อไม่ให้เหล่ากำนัลได้ยินสิ่งที่พวกเขาจะพูดกัน สวี่กงกงแอบเหลือบไปมองหย่งเซิงที่อยู่ข้างๆ ไม่รู้ว่าฝ่าบาทต้องการจะให้หย่งเซิงได้ยินด้วยหรือไม่

            “เจ้าเอาป้ายอนุญาตออกจากวังไปให้ฮองเฮาเสีย บอกนางว่ามีเวลาถึงพระอาทิตย์ตกดินเท่านั้น.. บอกนางกำนัลของนางด้วย ให้ทำทุกวิธีทางเพื่อลากนางกลับมาให้จงได้” หย่งเซิงได้ยินเช่นนั้นก็ขมวดคิ้วเข้าหากันเล็กน้อย พระองค์ต้องการทำอะไรกันแน่

            “..พ่ะย่ะค่ะ” สวี่กงกงรับคำก่อนจะเดินแยกออกไป

            “หย่งเซิง”

            “พ่ะย่ะค่ะ” หย่งเซิงเดินเข้ามาใกล้เหวินเจิ้ง

            “เจ้าจะรายงานเรื่องนี้ให้อัครเสนาบดีหย่งหรือไม่” เหวินเจิ้งเอ่ยถามทั้งที่ยังคงเดินต่อไปเรื่อยๆ หย่งเซิงจ้องมองแผ่นหลังของอีกฝ่ายก่อนเอ่ยตอบ

            “หากฝ่าบาทไม่ต้องการ กระหม่อมจะไม่รายงานพ่ะย่ะค่ะ”

            “…”

            “ฝ่าบาท”

            “หื้ม”

            “หากฝ่าบาทต้องการ กระหม่อมจะเป็นคนของฝ่าบาท”

            เท้าที่กำลังก้าวเดินของเหวินเจิ้งชะงักลงเล็กน้อย

            “..เจ้า แสดงได้สมบทบาทเกินไปหน่อยแล้ว”

            “หากฝ่าบาทต้องการ กระหม่อมสามารถแสดงให้สมบทบาทได้มากกว่านี้”

            “…”

            “หากฝ่าบาทต้องการ ต่อให้ปลายทางจะต้องถูกฝังทั้งเป็น.. กระหม่อมก็ยินดี”

            หัวใจของเหวินเจิ้งพลันสั่นสะท้าน

            ยามฮ่องเต้สิ้นพระชนม์เหล่าขันทีและพระสนมนางในจะต้องถูกฝังทั้งเป็นไปพร้อมกับพระศพของฮ่องเต้เพื่อตามไปรับใช้ยังปรโลก

            บุรุษผู้นี้อยากถูกฝังทั้งเป็นไปพร้อมกับศพของเขาหรือ..

            เหวินเจิ้งรู้สึกเหมือนมีก้อนเหนียวหนืดติดอยู่ที่คอ ราชองครักษ์ผู้นี้แปลกนัก แปลกจริงๆ ตัวเขาที่ปฏิเสธอีกฝ่ายไม่ลงก็แปลกเช่นกัน..

            “..เราจะเก็บไว้พิจารณา”

---------------------------------------------

จิตตก : ขอบคุณ นักอ่านทุกคนที่เข้ามาติดตามกันนะคะ  :hao4:

ตอนนี้หัวใจของฮ่องเต้เริ่มหวั่นไหวแล้ว ช่วยเป็นกำลังใจให้หย่งเซิงล่อลวงเฮ่องเต้โง่งมได้สำเร็จด้วยเถิดดด

ออฟไลน์ แมวดำ

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 784
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-2
Re: ลำนำจักรพรรดิ [Part5] [05/04/17] [P.2]
«ตอบ #35 เมื่อ11-04-2017 14:16:25 »

ไม่อยากให้ดราม่าเลยจบแฮปปี้ป่าวอ่ะ

ออฟไลน์ บูมเบส

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1740
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-4
Re: ลำนำจักรพรรดิ [Part5] [05/04/17] [P.2]
«ตอบ #36 เมื่อ18-04-2017 11:18:33 »

อัดแล้วะงมาเห็นแหละแต่อยากอ่านต่อจนจบนะคนเขียนอย่าทิ้งกันนะ

ออฟไลน์ hyegena

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 27
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
Re: ลำนำจักรพรรดิ [Part6] [18/04/17] [P.2]
«ตอบ #37 เมื่อ18-04-2017 13:28:03 »

           
บทที่ 6 ชายบำเรอ

            ท้องพระโรง

            “ทูลฝ่าบาท เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแล้วพ่ะย่ะค่ะ!” ใต้เท้ากรมอาญาคุกเข่าอยู่กลางท้องพระโรงท่ามกลางสายตาของเหล่าขุนนาง

            เหวินเจิ้งไล่มองหน้าเหล่าขุนนางทีละคนก่อนจะไปหยุดที่ใต้เท้ากรมอาญา

            “ว่ามา” เหวินเจิ้งเอ่ยพร้อมรอยยิ้มละไม

            “เมื่อคืนนี้ จวนใต้เท้าจางถูกโจรชั่วบุกปล้น ใต้เท้าจางและบ่าวรับใช้ทั้งหมด.. ล้วนถูกฆ่าตายจนหมดสิ้นพ่ะย่ะค่ะ” สิ้นเสียงรายงานของใต้เท้ากรมอาญา ท้องพระโรงก็เต็มไปด้วยเสียงอื้ออึงทันที

            เหวินเจิ้งนั่งมองความวุ่นวายภายในห้องพระโรงอย่างเงียบๆ มุมปากยังคงประดับรอยยิ้มละไม

            เจ้าขุนนางพวกนี้ช่างแสดงกันได้สมบทบาทเสียจริง!

            “บังอาจ โจรชั่วที่ไหนมันช่างกำเริบเสิบสานเช่นนี้!” ใต้เท้าคนหนึ่งเอ่ยขึ้นอย่างมีอารมณ์

            ก็โจรชั่วในท้องพระโรงนี้อย่างไรเล่า เหวินเจิ้งตอบคำถามในใจ

            “โหดเหี้ยมอำมหิตเหลือเกิน” ใต้เท้าอีกคนทอดถอนหายใจ

            ใช่แล้ว ข้าก็คิดเช่นนั้น

            “พวกเราจะต้องลากพวกโจรชั่วมาลงโทษให้จงได้!” ใต้เท้าอีกคนเอ่ยด้วยน้ำเสียงมุ่งมั่น

            “เช่นนั้นก็อย่ามามั่วพูดกันอยู่เลย มิสู้พวกท่านออกไปจับโจรชั่วมาลงโทษต่อหน้าเรามิดีกว่าหรือ ใครจะรับอาสาดีล่ะ หื้ม..” เหวินเจิ้งเอ่ยขึ้นทำลายเสียงอื้ออึงในท้องพระโรงไปจนสิ้น

            ร่างโปร่งแผ่ไอแห่งอำนาจออกมาจนเหล่าขุนนางต้องลอบกลืนน้ำลาย ดวงตาคู่งามทว่าดำมืดกวาดมองขุนนางทั่วท้องพระโรงอย่างจงใจ แรงกดดันมหาศาลถูกกลั่นออกมาจากใบหน้างดงามที่ยังคงประดับรอยยิ้ม

            “จงประกาศออกไปให้รู้โดยทั่วกัน หากจับมาได้ข้าจะถลกหนังของพวกมันทั้งที่ยังเป็นๆ ก่อนจะโรยเกลือทาทับที่บาดแผล ตัดลิ้นเลาะฟันให้พวกมันรู้สึกอยู่มิสู้ตาย จากนั้นค่อยโยนพวกมันให้เผ่ากินคนดีหรือไม่ โทษฐานสังหารท่านพ่อตาของเรา”   

            เหล่าขุนนางสูดหายใจด้วยความหนาวเหน็บ ราวกับฝ่าบาทตั้งใจจะพูดให้พวกเขาฟังมากกว่าข่มขู่พวกโจรชั่ว หรือฝ่าบาทจะรู้อะไรบางอย่าง?

            “ฝ่าบาท เช่นนั้นก็มอบหมายหน้าที่นี้ให้กับกระหม่อมเถิด” อัครเสนาบดีหย่งเอ่ยขึ้น หยุดความคิดฟุ้งซ่านของเหล่าขุนนางคนอื่นเสียสิ้น

            เหวินเจิ้งปรายตามองอัครเสนาบดีหย่ง

            เจ้าจิ้งจอกเฒ่า!

            “เราอนุญาต หวังว่าโจรชั่วที่ท่านจับได้มันจะเป็นโจรชั่วจริงๆ”

            อัครเสนาบดีเหยียดยิ้มเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยตอบ

            “พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท”

            เหวินเจิ้งกำมือเป็นหมัดแน่นในขณะที่ใบหน้ายังคงประดับด้วยรอยยิ้ม

            เสด็จพ่อ ท่านวางราษฎร์ของพวกเราไว้ในมือของโจรชั่วพวกนี้หรือ..

 

            “ฮองเฮาเป็นเช่นไรบ้าง” เหวินเจิ้งเอ่ยถามขึ้นขณะอยู่ในตำหนักบรรทม

            ตอนนี้ภายในตำหนักบรรทมมีเพียงสวี่กงกงและเหวินเจิ้งเท่านั้น เหล่าข้ารับใช้และราชองครักษ์ไม่มีสิทธิ์เข้ามาในตำหนักแห่งนี้นอกเสียจากฮ่องเต้จะเรียกเท่านั้น ผู้อื่นอาจจะมองว่าสวี่กงกงเป็นเพียงคนเดียวที่ฮ่องเต้ทรงไว้ใจจึงได้มีรับสั่งให้คอยรับใช้พระองค์อย่างใกล้ชิด

            หารู้ไม่ว่าแท้ที่จริงแล้ว เป็นพระองค์ที่ตั้งใจเตรียมความพร้อมเอาไว้เสมอต่างหาก ประการแรกคือเพื่ออำนวยความสะดวกให้พระองค์ยามที่พระองค์เสด็จออกนอกวัง และประการที่สอง.. เพื่ออำนวยความสะดวกให้เหล่ามือสังหารทั้งหลายลงมือง่ายขึ้น

            “พระนางขังตัวเองอยู่แต่ในตำหนักพ่ะย่ะค่ะ” สวี่กงกงเอ่ยตอบขณะช่วยเหวินเจิ้งเปลี่ยนฉลองพระองค์เป็นชุดสีดำดูทะมัดมะแมง

            “นางร้องไห้หรือไม่”

            “พ่ะย่ะค่ะ”

            “หนักเท่าเราหรือไม่”

            “..กระหม่อมมิทราบ” มือที่กำลังช่วยจัดเสื้อให้ฮ่องเต้ชะงักลงทันที แววตาฝ้าฟางหม่นหมองลง

            เหวินเจิ้งหัวเราะเบาๆเมื่อได้ยินเช่นนั้นก่อนจะปัดมือเหี่ยวย่นออก ร่างโปร่งเดินไปสอดส่องที่ข้างหน้าต่างเมื่อมั่นใจว่าไม่มีใครอยู่แถวนี้แล้วจึงพริ้วกายออกจากห้องไป เหลือเพียงสวี่กงกงยืนอยู่เพียงลำพัง

            “ทรงรักษาพระวรกายด้วยพ่ะย่ะค่ะ..” สวี่กงกงเอ่ยขึ้นเบาๆปล่อยให้คำพูดเหล่านี้ถูกสายลมพัดพาจนสลายหายไป

 

            “หย่งเซิง เจ้าตามเรามาอีกแล้วหรือ” เหวินเจิ้งเอ่ยขึ้นอย่างเบื่อหน่ายพลางหันไปมองข้างกาย หย่งเซิงไม่พูดอะไรเพียงเดินตามเขามาเงียบๆ

            หลังๆมานี้เขารู้สึกแปลกๆทุกครั้งเวลาต้องอยู่กับราชองครักษ์หน้าตายผู้นี้ ทั้งรู้สึกมั่นคงปลอดภัยและรู้สึกหวาดหวั่นไปพร้อมกัน บางครั้งยังรู้สึกทำตัวไม่ถูกอยู่บ้าง

            วันนี้เขาคิดว่าตนเองสามารถหลบหลีกออกจากวังได้โดยไม่มีใครรู้แท้ๆ ที่ไหนได้หย่งเซิงกลับมาดักรอเขาที่ประตูวังฝั่งประจิมเสียอย่างนั้น ราวกับรู้ล่วงหน้าว่าเขาจะแอบออกจากวังหลวงวันนี้

            “เจ้ารู้ได้อย่างไร” สุดท้ายก็เป็นเขาที่ทนเก็บความสงสัยไว้ไม่ไหวต้องหลุดถามออกมา

            “เพราะกระหม่อมเฝ้าดูพระองค์อยู่เสมอ” หย่งเซิงตอบกลับเรียบๆแต่กลับเรียกเลือดลมให้สูบฉีดบนใบหน้าเหวินเจิ้งได้เป็นอย่างดี

            “เจ้าจะเอาไปรายงานอัครเสนาบดีหย่งกระมัง” เหวินเจิ้งเรียบเคียงถาม ไม่รู้ว่าตนเองต้องการคำตอบแบบไหนของหย่งเซิงกันแน่ ทีแรกเขาอยากให้อีกฝ่ายคอยจับตาดูเขาเพื่อหาเวลาลงมือสังหารตามคำสั่งของอัครเสนาบดีหย่ง จึงได้เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายมากมายทั้งให้อีกฝ่ายมาค่อยเดินอยู่ใกล้ๆแถมยังให้อีกฝ่ายเขามานั่งด้วยกันในห้องทรงพระอักษรอีกต่างหาก

            แต่ตอนนี้ทุกอย่างดูกลับตาลปัตรไปหมด แม้แต่เขายังไม่เข้าใจตัวเองเลย

            “ต่อให้ฝ่าบาทต้องการ กระหม่อมก็ไม่รายงานหรอกพ่ะย่ะค่ะ” อีกแล้ว คำตอบเรียบๆของหย่งเซิงมักส่งผลต่อความรู้สึกของเขามากมายเหลือเกิน จากที่เมื่อกี้รู้สึกเหมือนหัวใจห้อยต่องแต่งอยู่บนขอบหน้าผา มาตอนนี้กลับรู้สึกอบอุ่นอ่อนหวาน

            หากเป็นแบบนี้ต่อไปคงไม่ดีแน่..

            ร่างโปร่งหยุดเดินแล้วหันมาเผชิญหน้ากับหย่งเซิงโดยตรงก่อนจะยกยิ้มละไมอย่างเคย

            “หย่งเซิง เราไม่ต้องการคนโลเลเหลาะแหละ เจ้าควรเลือกข้างเสีย"

            “ข้ายืนข้างท่าน.. เหวินเจิ้ง” รอยยิ้มของเหวินเจิ้งชะงักค้างทันที มิใช่เพราะอีกฝ่ายเอ่ยตอบอย่างไม่ลังเล แต่เป็นเพราะอีกฝ่ายเอ่ยชื่อเขาตรงๆ

            นับตั้งแต่ขึ้นครองราชย์ก็ไม่เคยมีใครพูดจาเช่นนี้กับเขาอีก แม้กระทั่งเอ่ยชื่อก็ไม่เคย ในหัวใจรู้สึกแปรปรวนอย่างบอกไม่ถูกทั้งหวานทั้งขมฝาด

            หย่งเซิงจ้องมองแววตาที่สลับซับซ้อนของอีกฝ่ายโดยไม่ยอมให้รายระเอียดเล็กน้อยหลุดรอดจากสายตาไปได้

            “เจ้าอยากโดนตัดหัวหรือไร” น้ำเสียงที่เหวินเจิ้งเอ่ยออกไปสั่นพร่าจนน่าตกใจ

            “หากข้าโดนตัดหัว แล้วใครจะคอยเฝ้ามองท่านเล่า” หย่งเซิงบิดมุมปากขึ้นเป็นรอยยิ้ม เหวินเจิ้งมองร่างสูงใหญ่อย่างตกตะลึง นี้เป็นครั้งแรกที่เห็นอีกฝ่ายยิ้ม หัวใจเต้นระรัวด้วยความตื่นเต้น ยามอีกฝ่ายยิ้มดวงตาจะยักโค้งเช่นนี้เอง มือเรียวยกขึ้นไปแตะริมฝีปากร่างสูงโดยไม่รู้ตัว

            หย่งเซิงชะงักเล็กน้อยแต่ก็ยอมให้อีกฝ่ายจับแต่โดยดี นิ้วเรียวลูบไล้ริมฝีปากเขาอย่างแผ่วเบา เขาพึ่งรู้วันนี้เองว่าฮ่องเต้เสียสติผู้นี้มีนิ้วมือที่เย็นเฉียบเช่นนี้ หัวใจสั่นไหวอย่างรุนแรง ยิ่งเหวินเจิ้งลูบไล้ริมฝีปากเขามากเท่าไร เขาก็ยิ่งทรมาน ดวงตาดำสนิทจับจ้องไปยังริมฝีปากคู่งามของเหวินเจิ้ง เขาเองก็อยากสัมผัสอีกฝ่ายเช่นกัน

            เหวินเจิ้งยกยิ้มน้อยๆขณะไล้มือไปตามรูปปากของหย่งเซิง ความรู้สึกอบอุ่นจากริมฝีปากของอีกฝ่ายช่วยคลายความหนาวเย็นบนนิ้วมือของเขา

            “เราชอบริมฝีปากอันอบอุ่นของเจ้า..”

            ร่างกายหย่งเซิงสั่นสะท้านก่อนจะจับมือเรียวของเหวินเจิ้งออกแล้วก้มลงไปประทับจุมพิตลงบนริมฝีปากอวบอิ่ม

            เหวินเจิ้งเบิกตากว้างด้วยความตกใจ แต่เมื่อสัมผัสความอุ่นร้อนจากริมฝีปากของหย่งเซิง ร่างกายที่ขึงเกร็งก็ผ่อนคลายลง ก่อนจะค่อยๆเผยอริมฝีปากรับปลายลิ้นร้อนของอีกฝ่ายเข้ามา หย่งเซิงเห็นเช่นนั้นก็ใจเต้นระรัวตวัดลิ้นร้อนเข้าไปในโพรงปากงามอยากหิวกระหาย ริมฝีปากเหยียบเย็นซุกซ่อนความหอมหวานเอาไว้เช่นนี้เอง หย่งเซิงมึนเมาไปกับความหอมหวานอย่างโง่งม

            เหวินเจิ้งสูดหายใจเข้าลึกรับรู้เพียงกลิ่นอายของหย่งเซิงเท่านั้น เหวินเจิ้งรั้งคอของร่างสูงให้เข้ามาใกล้มากขึ้นอย่างเผลอไผล หัวใจต้องการตักตวงความหิวกระหายที่แสนหวานนี้ ยิ่งสัมผัสก็ยิ่งอบอุ่น ราวกับแสงอาทิตย์สาดส่องลงมายังพื้นดินที่ปกคลุมไปด้วยน้ำแข็ง ร่างกายที่เคยเย็นเฉียบของเขากำลังถูกแทนที่ด้วยความอบอุ่นของหย่งเซิง

            เพียงเท่านี้ ไม่พอ..

            หย่งเซิงขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อรับรู้ถึงรสคาวของเลือดในปาก เหวินเจิ้งกัดเขา.. ลิ้นเล็กของเหวินเจิ้งกำลังไล่เลียบาดแผลบนปลายลิ้นของเขา ร่างสูงใหญ่เริ่มร้อนรุ่มด้วยแรงอารมณ์

            ไม่ได้! เขาจะทำตรงนี้ไม่ได้

            หย่งเซิงดันร่างโปร่งที่กำลังกัดริมฝีปากล่างเขาออก จ้องมองใบหน้างดงามที่บัดนี้ริมฝีปากเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดของเขา ดูน่ารักน่าเอ็นดู หย่งเซิงกำฟันแน่นพยายามระงับอารมณ์ที่กำลังพลุ่งพล่าน

            “หย่งเซิง..” เหวินเจิ้งครางถามอีกฝ่ายอย่างขัดใจ เขายังไม่เต็มอิ่มเลย

            หย่งเซิงมองสายตาละห้อยของเหวินเจิ้งด้วยความทรมาน เขาอยากตอบสนองร่างโปร่งเหลือเกิน แต่ที่นี้ไม่ได้!

            “พวกเราอยู่ที่กรมอาญา..” หย่งเซิงกระแอมไอเพื่อเรียกสติตัวเองเล็กน้อยก่อนเอ่ยเตือนสติฝ่ายตรงข้ามบ้าง

            ตอนนี้พวกเขาอยู่ที่ห้องเก็บบันทึกของกรมอาญา หลังจากเหวินเจิ้งออกมาจากวังก็ตรงมาที่นี้ทันที ซึ่งเขาเองก็ตามอีกฝ่ายมาด้วย น่าตกใจที่เหวินเจิ้งรู้เวลาผลัดเปลี่ยนเวรยามของกรมอาญาเป็นอย่างดีจึงลอบเข้ามาที่นี้ได้อย่างง่ายดาย

            เหวินเจิ้งได้ยินเช่นนั้นก็นิ่งไปเล็กน้อยก่อนจะแลบลิ้นเลียเลือดที่เปรอะเปื้อนบนริมฝีปากตัวเอง โดยไม่ยอมละสายตาจากดวงตาดำสนิทที่มีประกายรุ่มร้อนวาบผ่าน เหวินเจิ้งแสยะยิ้มอย่างชั่วร้ายทั้งที่ใบหน้าแดงก่ำ

            “หย่งเซิง เจ้ายกลูกตา ใบหู ริมฝีปาก และเลือดให้เราเถิด”

            หย่งเซิงได้ยินเช่นนั้นก็อดรู้สึกขบขันไม่ได้ ต่อจากชอบริมฝีปากเขาแล้ว ตอนนี้ฮ่องเต้เสียสติกำลังชอบเลือดของเขาหรือ

            “มีหลายอย่างในตัวข้าที่ท่านอาจจะชอบอีก”

            “อย่างเช่นอะไรเล่า” เหวินเจิ้งเอ่ยถามด้วยความสนใจ มีอะไรที่เขาควรจะชอบอีกหรือ

            “แล้วท่านจะค่อยๆรู้ไปเอง” เขาจะทำให้ฮ่องเต้เสียสติผู้นี้ชอบทุกอย่างที่เป็นเขา!

            เหวินเจิ้งจ้องมองคนอมพะนำ เมื่อเห็นอีกฝ่ายไปยอมตอบก็แสร้งทำเป็นไม่สนใจทั้งที่ใบหน้าแดงก่ำพลางเอามือไพล่หลังเดินหาสมุดบันทึกต่อทั้งที่ในหัวยังคงสับสนวุ่นวาย

            หัวใจยังคงเต้นแรงอย่างโง่งม นี้เป็นครั้งแรกที่เขาจูบกับบุรุษด้วยกัน ที่แท้แล้วให้ความรู้สึกเช่นนี่เอง ถือว่าเขาได้เปิดหูเปิดตาแล้ว แต่เหตุใดเจ้าหย่งเซิงจึงได้ดูสงบนิ่งนัก คิดแล้วเหวินเจิ้งก็อดหันไปมองหน้าหย่งเซิงมิได้

            “..เจ้า เคยจูบกับบุรุษอื่นหรือไม่”

            หย่งเซิงเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ

            “ไม่เคย ทำไมข้าต้องจูบกับบุรุษด้วย”

            เหวินเจิ้งได้ยินเช่นนั้นก็ขมวดคิ้ว นั้นสิ แล้วเหตุใดเจ้าต้องจูบข้าเล่า? เหวินเจิ้งรู้สึกสงสัยแต่ไม่อยากถาม เพราะตัวเขาเองก็ไม่คิดว่าตนเองจะสามารถจูบกับบุรุษอื่นนอกจากหย่งเซิงได้เช่นกัน แค่คิดก็รู้สึกขนลุกแล้ว ฉับพลันความคิดบางอย่างก็ผุดขึ้นมาในหัว เหวินเจิ้งเหล่มองหย่งเซิงอย่างครุ่นคิด

            หย่งเซิงเห็นเช่นนั้นก็มิได้ว่าอะไร เขาชอบที่เหวินเจิ้งครุ่นคิดเรื่องของเขา

            “แล้วสตรีเล่า” หย่งเซิงชะงักเล็กน้อย ไม่คิดว่าเหวินเจิ้งจะถามเขาเรื่องนี้ ในใจพลันรู้สึกสับสนเล็กน้อย เขาควรตอบตามจริงหรือไม่

            “…”

            “เคยซินะ” เหวินเจิ้งหรี่ตามองหย่งเซิงระยะประชิดเป็นการข่มขู่ให้อีกฝ่ายตอบกลายๆ

            “..อืม”

            คำตอบสั้นๆของหย่งเซิงทำให้เหวินเจิ้งรู้สึกคันคะเยอในใจ ใบหน้างามงอง้ำก่อนจะหมุนกายเดินไปหาสมุดบันทึกต่อ หย่งเซิงจ้องมองปฏิกิริยาของเหวินเจิ้งด้วยหัวใจพองโต

            เหวินเจิ้งมิได้ยิ้มละไมอย่างเคย สิ่งนี้ช่วยยืนยันได้ว่าเขามีตัวตนมากแค่ไหนในหัวใจของอีกฝ่าย มุมปากบิดขึ้นเป็นรอยยิ้มอีกครั้ง

            “หย่งเซิง” เหวินเจิ้งเอ่ยเรียกอีกฝ่ายเบาๆ

            “ขอรับ” หย่งเซิงเลือกใช้คำนี้แทน ‘พ่ะย่ะค่ะ’ เพื่อย่นระยะห่างของคนสองคนให้สนิทสนมกันอีกนิด เหวินเจิ้งได้ยินดังนั้นก็รู้สึกดีขึ้นเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยต่อ

            “เจ้าจงเป็นชายบำเรอของเราเสีย” หย่งเซิงเบิกตากว้างเมื่อได้ยินเช่นนั้น ดวงตาดำสนิทจ้องมองใบหน้าแดงเปล่งปลั่งของเหวินเจิ้ง ในใจพลันรู้สึกขบขัน

             “ทั้งที่ข้าต้องทำงานให้กับท่านพ่อน่ะหรือ” เหวินเจิ้งชะงักมือที่กำลังควานหาบันทึกเล็กน้อย หย่งเซิงเห็นเช่นนั้นก็เดินเข้าไปใกล้อีกฝ่ายจนชิดก่อนจะเอ่ยต่อ “ท่านแม่และข้าถูกไล่ออกมาจากตระกูลหลี่ตั้งแต่ข้ายังเด็กเพราะภรรยาเอกของท่านพ่อไม่ชอบนาง”

            แม้จะแปลกใจที่อยู่ๆอีกฝ่ายก็เล่าเรื่องของตัวเอง แต่เขาเองก็ไม่รังเกียจที่จะฟัง.. ออกจะรู้สึกสนใจนิดๆ

            “เจ้าจึงได้ออกไปฝึกวิชาที่ภูเขาเทียนซานหรือ” เหวินเจิ้งเอ่ยถามอย่างสงสัย หย่งเซิงพยักหน้ารับ

            “ในตอนที่พวกข้าถูกไล่ออกมาได้ประมาณหนึ่งปีก็บังเอิญพบอาจารย์เข้า ข้าและท่านแม่จึงได้ติดตามท่านอาจารย์ไปยังภูเขาเทียนซาน ก่อนตายท่านแม่ของข้าได้สั่งเสียไว้ว่าให้ข้านำป้ายวิญญาณของท่านไปวางไว้ในศาลบรรพบุรุษตระกูลหลี่ แต่ทว่าท่านพ่อไม่ยอมจึงได้ยื่นเงื่อนไขหนึ่งแก่ข้า”

            “ให้เจ้ามาสังหารข้าใช่หรือไม่” เหวินเจิ้งเอ่ยถามพร้อมรอยยิ้มอ่อนโยน หย่งเซิงจ้องมองรอยยิ้มนั้นอย่างเผลอไผล ร่างโปร่งเอื้อมมือมาลูบหัวของหย่งเซิงอย่างแผ่วเบาราวกับจะปลอบโยนก่อนเอ่ยต่อ “เจ้าก็ทำหน้าที่ของเจ้าไป.. หากเราต้องการริมฝีปากเจ้าเมื่อไรเราจะเรียกเอง” 

            หย่งเซิงเข้าใจในทันทีว่า ‘หน้าที่ของเจ้า’ ที่อีกฝ่ายหมายถึงคือเรื่องที่เขาต้องสังหารอีกฝ่ายตามคำสั่งของท่านพ่อ หย่งเซิงหลุบตาลงซ่อนความวูบไหวในแววตา

            เหวินเจิ้งจ้องมองใบหน้าของหย่งเซิงในดวงตาดำขลับทอประกายอ่อนโยน ก่อนจะถอนหายใจอย่างแผ่วเบา ทั้งที่รู้ว่าปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปคงไม่ดี แต่ในเมื่อเขาไม่สามารถหยุดยั้งตัวเองได้ ก็คงต้องปล่อยให้มันเป็นไป

            ได้นั่งพักดื่มน้ำบ้าง ชีวิตในชาตินี้ก็คงไม่เหน็ดเหนื่อยเกินไปนัก..

            “หย่งเซิง เจ้าจงเป็นน้ำให้เราได้ดื่มเสียเถิดนะ”

            หย่งเซิงซ่อนดวงตาพราวระยับขอตนอย่างมิดชิดก่อนจะเอ่ยตอบ

            “ขอรับ”

            เหวินเจิ้ง.. ข้าจะทำให้เจ้ามิอาจขาดน้ำบ่อนี้ไปตลอดชีวิต

--------------------------------------------------------------
จิตตก : เรื่องนี้ไม่จบเศร้าแน่นอนค่ะ แต่อุปสรรคอันยิ่งใหญ่คงจะเป็นจิตใจที่ท้อแท้ของฮ่องเต้เรา คงต้องให้หย่งเซิงช่วยกันเยียวยาต่อไป
ฝากคอมเม้นเป็นกำลังใจให้คนแต่งด้วยนะคะ  :hao5: ขอบคุณค่า :hao4:

ออฟไลน์ oilzaza001

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 619
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
Re: ลำนำจักรพรรดิ [Part6] [18/04/17] [P.2]
«ตอบ #38 เมื่อ18-04-2017 15:09:12 »

หย่งเซิงช่วยเป็นกำลังใจให้ฮ่องเต้ผู้ยิ่งใหญ่ของเราด้วยนะคะ หยุดนางไว้น้าาาาา  :hao5: :hao5:

ปล. เป็นกำลังใจให้นะคะ ^^

ออฟไลน์ mirage

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-1
Re: ลำนำจักรพรรดิ [Part6] [18/04/17] [P.2]
«ตอบ #39 เมื่อ18-04-2017 17:45:45 »

น่าเศร้า ทั้งชีวิตเชื่อใจใครไม่ได้เลย อยู่ก็เหมือนตายทั้งเป็น เราว่าฮ่องเต้อาจจะไม่ใช่คนสังหารพี่น้องตัวเองหรอก จากตอนแรกนะ คิดว่าทั้งหมดอาจเป็นการจัดฉากจากหัวหน้าตะกูลหย่ง (ชื่อผิดขออภัย) แล้วสุดท้ายก็ขึ้นครองเองหรือไม่ก็เกี่ยวกับฮ่องเต้องค์ก่อน ดูมีปม ถึงสุดท้ายจะจบที่พระนายต้องลงโลงเราก็รับได้นะ เตรียมใจท้องอืด  :sad4:

ติดตามค่ะ
 :pig4: :pig4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ลำนำจักรพรรดิ [Part6] [18/04/17] [P.2]
« ตอบ #39 เมื่อ: 18-04-2017 17:45:45 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
Re: ลำนำจักรพรรดิ [Part6] [18/04/17] [P.2]
«ตอบ #40 เมื่อ18-04-2017 19:41:31 »

 :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ fay 13

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5635
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +286/-44
Re: ลำนำจักรพรรดิ [Part6] [18/04/17] [P.2]
«ตอบ #41 เมื่อ18-04-2017 20:05:45 »

 :mew1:

ออฟไลน์ บูมเบส

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1740
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-4
Re: ลำนำจักรพรรดิ [Part6] [18/04/17] [P.2]
«ตอบ #42 เมื่อ18-04-2017 20:30:03 »

เมื่อไหร่ฮองเต้จะเข้าใจสังคมที่เป็นอยู่ดูเหมือนคงไม่ใช่พระเอกของเราที่จะเจ็บปวดน่ะ

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
Re: ลำนำจักรพรรดิ [Part6] [18/04/17] [P.2]
«ตอบ #43 เมื่อ18-04-2017 20:40:22 »

 :pig4:

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
Re: ลำนำจักรพรรดิ [Part6] [18/04/17] [P.2]
«ตอบ #44 เมื่อ18-04-2017 21:37:46 »

ชีวิตฮ่องเต้ดูรันทดมาก

ออฟไลน์ SaJung13

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1057
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-1
Re: ลำนำจักรพรรดิ [Part6] [18/04/17] [P.2]
«ตอบ #45 เมื่อ19-04-2017 06:48:41 »

ทำไมฮองเต้แลเศร้าใจ รันทด ชีวิตอยุ่ยากแบบนี้

ออฟไลน์ YounIn

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1524
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-8
Re: ลำนำจักรพรรดิ [Part6] [18/04/17] [P.2]
«ตอบ #46 เมื่อ19-04-2017 18:39:25 »

ปมเยอะมากกกกกกกกกก ศัตรูรอบทิศ จะเชื่อใจใครได้มั้ย

ออฟไลน์ ทั่วหล้า

  • ไม่ช่างพูดแต่ช่างพิมพ์
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1049
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-3
Re: ลำนำจักรพรรดิ [Part6] [18/04/17] [P.2]
«ตอบ #47 เมื่อ22-04-2017 18:06:54 »

แหม๋เฮียหย่ง เต๊าะฮ่องเต้ใหญ่เชียวนะ
แถมยังล่อลวงด้วยเขาด้วยตา ด้วยเลือด ด้วยปาก พลีชีพยิ่ง!
เหวินเจิ้งฮึดๆเข้านะ
เฮียหย่งเขายอมเป็นน้ำให้แล้ว
ฮึดๆไว้

ออฟไลน์ hyegena

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 27
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
Re: ลำนำจักรพรรดิ [Part7] [26/04/17] [P.2]
«ตอบ #48 เมื่อ26-04-2017 19:13:36 »

บทที่ 7 ราษฎร์

          เสียงหอบหายใจดังแผ่วๆท่ามกลางความเงียบสงบในห้องทรงพระอักษร บนโต๊ะเขียนอักษรร่างโปร่งบางร่างหนึ่งกำลังนั่งเกี่ยวรัดรอบคอร่างสูงใหญ่กำยำ ริมฝีปากของคนทั้งคู่แนบสนิทเข้าหากันก่อนที่จะมีสายโลหิตไหลออกมาที่มุมปากของร่างสูงใหญ่

          เหวินเจิ้งผละริมฝีปากออกจากหย่งเซิงเล็กน้อยก่อนจะไล่เลียโลหิตที่ไหลย้อยออกจากมุมปากอีกฝ่ายไม่ให้เหลือแม้แต่หยดเดียว ลมหายใจของคนทั้งคู่หอบหนัก ริมฝีปากอวบอิ่มเจ่อบวมในขณะที่ริมฝีปากบางของหย่งเซิงนั้นมีรอยปริแตกเล็กน้อยที่ริมฝีปากล่าง

          ตาของคนทั้งคู่ประสานกันนิ่ง ต่างคนต่างจ้องมองใบหน้าเหนื่อยหอบของกันและกันอย่างพึงพอใจ เหวินเจิ้งที่ใบหน้าแดงก่ำเลื่อนสายตาไปยังใบหูสีแดงเข้มของหย่งเซิงก่อนจะอ้าปากงับอย่างแรง

          หย่งเซิงครางต่ำในลำคอ แม้จะเจ็บแสบแต่ก็เสียวซ่าน เหวินเจิ้งจ้องมองปฏิกิริยาของอีกฝ่ายอย่างพอใจ

          “ฝ่าบาท ใต้เท้ากรมอาญามาถึงแล้วพ่ะย่ะค่ะ” สวี่กงกงรายงานจากนอกห้องทรงพระอักษรที่ปิดสนิท

          นัยน์ตาสีดำสนิทของหย่งเซิงฉายแววขัดใจวูบผ่านในตอนที่เหวินเจิ้งไม่ทันเห็น

          เหวินเจิ้งลงมาจากโต๊ะเขียนอักษรก่อนจะจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่เล็กน้อย

          “เข้ามา” เอ่ยจบเหวินเจิ้งก็นั่งลงบันเก้าอี้พร้อมกับที่ใต้เท้ากรมอาญาผลักประตูเข้ามา

          “ถวายบังคมพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท” ใต้เท้ากรมอาญาคุกเข่าทำความเคารพ

          “ลุกขึ้น”

          “ขอบพระทัยพ่ะค่ะย่ะฝ่าบาท” กล่าวจบใต้เท้ากรมอาญาก็ลุกขึ้นอย่างนอบน้อม รวบรวมความกล้าเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยถาม                     “ฝ่าบาทเรียกกระหม่อมเข้าเฝ้าด้วยเรื่องอันใดพ่ะย่ะค่ะ”

          “ใต้เท้า การสืบสวนคดีใต้เท้าจางเป็นอย่างไรบ้าง” เหวินเจิ้งเอ่ยพร้อมรอยยิ้มใจดี ใบหน้างามอมชมพู่ ริมฝีปากอวบอิ่มบวมเจ่อเล็กน้อยอย่างหน้าสงสัย

          ใต้เท้ากรมอาญาเห็นเช่นนั้นก็หน้าแดงขึ้นเล็กน้อย เหตุใดวันนี้ฝ่าบาทจึงได้ดูน่ารักยั่วยวนนัก ไม่ว่าจะผ่านไปนานเท่าไร เขาก็ไม่ชินกับรอยยิ้มของฝ่าบาทเสียที พระองค์ทรงรูปงามเหลือเกิน เขาไม่เหมือนกับขุนนางคนอื่นที่มีอายุมาก เขายังหนุ่มแน่นไม่แปลกที่จะหวั่นไหวไปกับสิ่งสวยงาม

          หย่งเซิงหรี่ตามองสายตาเคลิบเคลิ้มของใต้เท้ากรมอาญาด้วยดวงตาดำมืด ก่อนจะหลุบตาลงซ่อนประกายสังหารเอาไว้อย่างมิดชิด

          “ทูลฝ่าบาท ตอนนี้เราสามารถจับกุมได้ครบทุกคนแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

          “งั้นหรือ ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็จงปล่อยพวกเขาไปเถิด” ใต้เท้ากรมอาญาเบิกตากว้าง หน้าซีดเผือกทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น

          “ฝะ.. ฝ่าบาทหมายความเช่นไรพ่ะย่ะค่ะ”

          “ใต้เท้า.. อย่าบังอาจใช้ราษฎร์ของเรามาเป็นแพะรับบาปให้พวกโจรชั่ว” น้ำเสียงเหยียบเย็นสร้างความหนาวเหน็บให้กับใต้เท้ากรมอาญาจนตัวสั่นสะท้าน ฮ่องเต้ยามนี้ดูยิ่งใหญ่เสียจนเขารู้สึกเหมือนตนเป็นเพียงมดปลวกตัวเล็กที่กำลังโดนบดขยี้

          ใครกันที่บอกว่าฮ่องเต้ผู้นี้ตัวคนเดียว ในเมื่อพระองค์รู้เรื่องราวต่างๆมากมายถึงเพียงนี้ พระองค์รู้แม้กระทั่งว่าโจรที่พวกเขาจับมาคือผู้บริสุทธิ์ที่ถูกใส่ความ!

          “ฝะ.. ฝ่าบาท หากทรงทำเช่นนี้ เหล่าขุนนางคงไม่พอใจแน่พ่ะย่ะค่ะ” ใต้เท้ากรมอาญารีบคุกเข่า เอ่ยเสียงสั่นด้วยความหวาดกลัว

          หย่งเซิงที่ยืนฟังบทสนทนาอยู่ด้านข้างหัวคิ้วกระตุกเล็กน้อย

          “ใต้เท้า.. เป็นเราต่างหากที่เป็นเจ้าชีวิตของเจ้า” น้ำเสียงนุ่มทุ้มเต็มเปี่ยมไปด้วยอำนาจบารมีทำให้หย่งเซิงและใต้เท้ากรมอาญาขนลุกเกลียวร่างกายสั่นสะท้าน

          หย่งเซิงจ้องมองฮ่องเต้เสียสติที่บัดนี้ช่างดูยิ่งใหญ่เหนือผู้คนทั้งปวง ใบหน้างดงามปราศจากรอยยิ้มปรายตามองใต้เท้ากรมอาญาอย่างเย่อหยิ่ง รัศมีแห่งกษัตริย์เปล่งประกายกดดันและเย็นชา เขาจ้องมองความยิ่งใหญ่ของคนตรงหน้าอย่างเสื่อมใส

          ทั้งหมดนี้ก็เพื่อราษฎร์หรือ..

          ใต้เท้ากรมอาญาจ้องมองเจ้าชีวิตของตนด้วยดวงตาเบิกกว้าง นึกย้อนไปถึงครั้งแรกที่เขาได้พบกับฮ่องเต้พระองค์นี้

          เมื่อเก้าปีก่อนพระองค์ยังเป็นเพียงองค์ชายสี่แห่งราชวงศ์ ท่ามกลางเหล่าองค์ชายมากมาย พระองค์ดูโดดเด่นเฉลียวฉลาดและงดงาม ทั้งยังเปล่งรัศมีเรืองรองราวกับเทพเซียน รอยยิ้มที่จริงใจส่งผลให้ผู้คนเคลิบเคลิ้มหวั่นไหว พระองค์ทรงใจดีและปฏิบัติตัวต่อผู้คนอย่างเท่าเทียม ไม่ทรงรับสินบน ไม่สนใจการเมือง เป็นเพียงองค์ชายสี่ผู้หลงใหลกรช่วยเหลือราษฎร์ที่ตกทุกข์เท่านั้น เขาในยามนั้นเป็นเพียงบุตรชายคนโตแห่งใต้เท้ากรมอาญาที่มีโอกาสได้ร่วมงานเลี้ยงของเหล่าเชื้อพระวงศ์

          ผู้คนในงานเลี้ยงวันนั้นต่างมั่นใจว่าองค์ชายสี่ผู้นี้จะต้องได้เป็นฮ่องเต้ผู้ปรีชาสามารถอย่างแน่นอน ทว่าเมื่อยามนั้นมาถึงจริงๆ พระองค์ราวกับเปลี่ยนไปเป็นคนละคน พระองค์ทรงโหดเหี้ยมอำมหิต เสแสร้งแกล้งยิ้ม และไม่สนใจผู้ใด

          เขารู้สึกหวาดกลัวนัก ผู้ที่เปลี่ยนให้พระองค์กลายเป็นเช่นนี้คือวังหลวงเช่นนั้นหรือ..

          ทว่าในวันนี้ เขาราวกับได้เห็นองค์ชายสี่ในครานั้นอีกครั้ง องค์ชายสี่ผู้รักในราษฎร์ ใต้เท้ากรมอาญาลอบกลืนน้ำลาย ขอบตาร้อนผ่าว ตัวเขาอ่อนแอมิอาจช่วยเหลือพระองค์จากวังหลวงที่แสนโหดร้ายเช่นนี้ได้ จึงได้แต่ทนมองพระองค์สูญเสียทุกอย่างไปทีละนิด จนตัวตนของเขากลายเป็นส่วนหนึ่งของเหล่าขุนนางโฉดชั่วพวกนั้นไปเสียแล้ว

          “กระหม่อมสมควรตาย!” ใต้เท้ากรมอาญาโขกศีรษะทั้งที่น้ำตาไหลอาบ ความรู้สึกละอายใจถาโถมเสียจนเขาไม่อาจหาญกล้าใช้นามกรมอาญาอีกต่อไป

          แววตาเหวินเจิ้งเปลี่ยนไปเล็กน้อยน้อย จ้องมองร่างที่โขกศีรษะไม่หยุดจนเลือดไหลอาบหน้า

          “ใต้เท้า เจ้าเพียงปลดปล่อยราษฎร์ของเรา จากนั้นเจ้าก็ใช้ชีวิตของเจ้าต่อไปเถิด” น้ำเสียงเรียบเรื่อยดังขึ้นมาอีกครั้ง ใต้เท้ากรมอาญาชะงักศีรษะที่กำลังโขกลงพื้นก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองดวงหน้างดงาม

          ฮ่องเต้ยังคงมองเขาด้วยรอยยิ้มเสแสร้งที่เขาเคยเห็นมาตลอดหกปี ทว่ามีบางอย่างในดวงตาดำขลับนั้นที่ต่างออกไปเล็กน้อย

          คาดหวัง? พระองค์กำลังคาดหวังให้เขาช่วยเหลือราษฎร์ของพระองค์.. ถ้าเช่นนั้นเขาจะทำ แม้ว่าต้องผิดใจกับขุนนางคนอื่นก็ตาม หากมันทำให้เขาได้เห็นรอยยิ้มจริงใจจากพระองค์อีกสักครั้ง เพียงแค่เขาได้เห็นอีกสักครั้ง!

          “ฝ่าบาท.. กระหม่อมจะทำทุกวิธีทางเพื่อช่วยราษฎร์ผู้บริสุทธิ์พ่ะย่ะค่ะ” น้ำเสียงมุ่งมั่นจริงจังของใต้เท้ากรมอาญาทำให้หย่งเซิงขมวดคิ้วแน่นขึ้น

          ดูเหมือนจะมีน้ำบ่ออื่นเดินมาเชิญชวนให้พระองค์ลองชิมเสียแล้ว.. ฝันไปเถิด

          “เราคาดหวังกับเจ้า” เหวินเจิ้งตอบกลับไปเรียบๆไม่ทันสังเกตสายตาไม่พอใจของหย่งเซิง





          “ฝ่าบาท เหตุใดจึงยังไม่มีการแต่งตั้งพระสนมพ่ะย่ะค่ะ”

          “ฝ่าบาท ตำแหน่งพระสนมมิอาจว่างเว้น”

          เหวินเจิ้งนั่งมองเหล่าขุนนางหน้าดำคร่ำเครียดร้องเรียนเรื่องที่เขาไม่แต่งตั้งพระสนมตำหนักเต๋อเฟยเสียที เจ้าพวกนี้คงกำลังโมโหที่รู้ว่าผู้บริสุทธิ์ที่ถูกจับมาเป็นแพะนั้นหายไปอย่างไร้ร่องรอย และใช้เขาเป็นที่ระบายโทสะ!

          “ฝ่าบาท กระหม่อมได้ยินมาว่าพระองค์มิได้เสด็จไปยังตำหนักฝ่ายในเลยหรือพ่ะย่ะค่ะ” อัครเสนาบดีหย่งเอ่ยถามอย่างนอบน้อม

          เหวินเจิ้งหรี่ตามองอัครเสนาบดีหย่งทั้งที่ริมฝีปากยังคงประดับรอยยิ้ม

          “อัครเสนาบดีหย่ง ท่านพ่อตาของเรา.. ใต้เท้าจางนั้นพึ่งถูกโจรชั่วสังหารไป จะให้เรามามีอารมณ์หาความสุขจากกายหญิงสาวได้อย่างไร”

          “แต่เรื่องเชื้อสายมังกรมิอาจรอช้า หากพระองค์ยังมิถูกใจเหล่าหญิงสาวนางในกระหม่อมจะประกาศรับหญิงงามเข้าวังหลวงพ่ะย่ะค่ะ”

          “ฝ่าบาทได้โปรดไตร่ตรองด้วย” เหล่าขุนนางทิ้งตัวคุกเข่าสนับสนุนคำพูดของอัครเสนาบดีหย่งอย่างเต็มที่

          เหวินเจิ้งกำหมัดแน่นทั้งที่ใบหน้ายังคงประดับรอยยิ้มละไม

          เขาไม่ต้องการให้เหล่าราษฎร์ของเขาต้องมาถูกใช้เป็นเครื่องมือในวังหลวง!

          เหวินเจิ้งปรายตามองอัครเสนาบดีหย่งที่นั่งคุกเข่าอย่างนอบน้อม เจ้าเฒ่าสกปรก! บังอาจใช้ราษฎร์มาข่มขู่ข้า

          “อย่าลำบากท่านอัครเสนาบดีเลย เราจะแต่งตั้งพระสนมตำหนักเต๋อเฟยด้วยตัวของเราเอง!” กล่าวจบเหวินเจิ้งก็ลุกขึ้นสะบัดชายเสื้อเดินออกจากท้องพระโรงไป

          อัครเสนาบดีหย่งซ่อนรอยยิ้มเยาะเย้ยเอาไว้อย่างมิดชิดก่อนจะตะโกนไล่หลังร่างโปร่งในชุดเสื้อสีเหลืองทอง

          “ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท” เมื่อเหล่าขุนนางได้ยินเช่นนั้นก็พากันตะโกน

          “ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท”

          เสียงขอบพระทัยดังกึกก้องอยู่เป็นนาน ในน้ำเสียงมีทั้งความเหิมเกริมและดูแคลน ไม่มีน้ำเสียงแห่งความเคารพเสื่อมใสเลยแม้แต่น้อย

          สวี่กงกงกำหมัดแน่น ก่อนจะสาวเท้าเดินตามร่างโปร่งของเหวินเจิ้งที่แผ่นหลังยังคงตั้งตรง หัวใจขันทีเฒ่ารู้สึกเศร้าสลด พระองค์ทรงเหน็ดเหนื่อยเพียงไร มีเพียงเขาเท่านั้นที่รู้

          เหวินเจิ้งยังคงสาวเท้าต่อไปทุกย่างก้าวยังคงช้าและมั่นคงไม่มีสั่นคลอน

          “ได้บังเอิญเจอเจ้าเช่นนี้นับว่าข้าโชคดีนัก อาเซิง” น้ำเสียงสดใสร่าเริงของหญิงสาวดังขึ้น

          เหวินเจิ้งชะงักฝีเท้าทันที

          อาเซิง..

          ร่างโปร่งมองไปตามที่มาของเสียง ในสวนดอกไม้มีหญิงสาวหน้าตาน่ารักหมดจดนางหนึ่งกำลังยืนคุยกับหย่งเซิง

          “แม่นาง” หย่งเซิงก้มหัวให้อีกฝ่ายเล็กน้อยเป็นการทักท้าย วันนี้เขาพึ่งกลับมาจากทำธุระนอกวัง กำลังจะเดินไปยังท้องพระโรงแต่บังเอิญพบเหม่ยลี่เข้าเสียก่อน

          “เจ้าทำท่าทีห่างเหินเช่นนี้ จะทำให้ข้าเสียใจตายหรือไร” เหม่ยลี่เอ่ยอย่างแง่งอน

          “หากหย่งเซิงสนิทสนมกับเจ้ามากกว่านี้ เจ้าคงจะได้ตายจริงๆเสียด้วย” เสียงเรื่อยเฉื่อยเอ่ยแทรกขึ้นมาสร้างความตระหนกให้แก่เหล่านางกำนัลผู้ติดตาม

          เหม่ยลี่ขนลุกชันหันหน้ากลับไปมองร่างโปร่งในชุดสีเหลืองทองที่เดินใกล้เข้ามาทุกที

          ครั้งนี้เป็นนางที่พลาดเอง!

-----------------------------------------------------

จิตตก : คนที่คุณก็รู้ว่าใครเดินเข้ามาได้ทุกจังหวะจริงๆ

ขอบคุณนักอ่านทุกท่านที่ติดตามกันมานะคะ

เรื่องนี้ดำเนินมาถึงกลางเรื่องแล้ว หวังว่าจะชอบกันนะคะ  :hao4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-05-2017 09:49:55 โดย hyegena »

ออฟไลน์ SaJung13

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1057
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-1
Re: ลำนำจักรพรรดิ [Part7] [26/04/17] [P.2]
«ตอบ #49 เมื่อ26-04-2017 20:09:46 »

ถ้านางอยู่ของนางเฉยๆก็ดีแล้ว

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ลำนำจักรพรรดิ [Part7] [26/04/17] [P.2]
« ตอบ #49 เมื่อ: 26-04-2017 20:09:46 »





ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
Re: ลำนำจักรพรรดิ [Part7] [26/04/17] [P.2]
«ตอบ #50 เมื่อ26-04-2017 21:20:03 »

 :pig4:

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
Re: ลำนำจักรพรรดิ [Part7] [26/04/17] [P.2]
«ตอบ #51 เมื่อ26-04-2017 22:03:02 »

เล่นกับใครไม่เล่นนะหนู

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
Re: ลำนำจักรพรรดิ [Part7] [26/04/17] [P.2]
«ตอบ #52 เมื่อ26-04-2017 23:36:59 »

 :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ fay 13

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5635
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +286/-44
Re: ลำนำจักรพรรดิ [Part7] [26/04/17] [P.2]
«ตอบ #53 เมื่อ27-04-2017 06:06:19 »

 :mew1:

ออฟไลน์ YounIn

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1524
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-8
Re: ลำนำจักรพรรดิ [Part7] [26/04/17] [P.2]
«ตอบ #54 เมื่อ27-04-2017 06:29:42 »

น่าจะได้คนที่จงรักภักดีเพิ่มอีก 1

ออฟไลน์ mirage

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-1
Re: ลำนำจักรพรรดิ [Part7] [26/04/17] [P.2]
«ตอบ #55 เมื่อ27-04-2017 09:22:48 »

สมน้ำหน้า แม่ชะนีน้อยอยู่เฉยๆ ไปนะ ได้พวกอีกหนึ่ง(หรือเปล่า) อ๊ากกกกก เราอยากเห็นจุดจบของเสนาหน่งนะ แต่กลัวพระเอกโดนลูกหลงไปด้วย ในวังหลวงช่างน่ากลัว ว่าแต่จะแต่ตั้งใครเป็นพระสนมเจ้าคะ  :hao6:

 :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ บูมเบส

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1740
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-4
Re: ลำนำจักรพรรดิ [Part7] [26/04/17] [P.2]
«ตอบ #56 เมื่อ27-04-2017 15:20:23 »

มีคนเข้ามารักอีกคนแล้ว 555 อยากอ่านต่อเร็วรอติดตามนะครับแต่ว่าเรื่องสั่นหรือครับ

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
Re: ลำนำจักรพรรดิ [Part7] [26/04/17] [P.2]
«ตอบ #57 เมื่อ01-05-2017 06:31:48 »

ชอบๆๆมาต่อเร็วๆนะ :hao5: :hao5: :hao5:

ออฟไลน์ April❤

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 456
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-2
Re: ลำนำจักรพรรดิ [Part7] [26/04/17] [P.2]
«ตอบ #58 เมื่อ01-05-2017 13:45:46 »

สนุกค่าา รอๆ

ออฟไลน์ ทั่วหล้า

  • ไม่ช่างพูดแต่ช่างพิมพ์
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1049
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-3
Re: ลำนำจักรพรรดิ [Part7] [26/04/17] [P.2]
«ตอบ #59 เมื่อ01-05-2017 14:49:19 »

เหม่ยลี่คะโปรดอย่าอ่อยหย่งเซิงค่ะ
นั่นว่าที่เมียฮ่องเต้นะคะ คิคิคิ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด