ห า กั น จ น เ จ อ // ตีพิมพ์กับสนพ.เฮอร์มิทค่ะ [4.10.61]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ห า กั น จ น เ จ อ // ตีพิมพ์กับสนพ.เฮอร์มิทค่ะ [4.10.61]  (อ่าน 194256 ครั้ง)

ออฟไลน์ ธัญญ์

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 127
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-4
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

****************************************************************************************

Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-11-2018 16:21:50 โดย ธัญญ์ »

ออฟไลน์ ธัญญ์

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 127
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-4
Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 1
«ตอบ #1 เมื่อ08-03-2017 20:11:47 »


ห า กั น จ น เ จ อ


…อาจมีสักครั้งที่เราสองคน
ผ่านทางที่วกวน อยู่ใกล้ ๆ กัน
ใบไม้เพียงใบหนึ่ง หล่นตอนที่เดินผ่าน
ฉันคงจะมองมัน เมื่อเธอเดินผ่านมา…


*************************



ห า กั น จ น เ จ อ


ตอนที่ #01







DEAN @DEANada . 1s
ในตอนที่คุณตอบตกลงแต่งงานกับใครสักคน คุณคิดยังไงถึงอยากฝากชีวิตที่เหลือไว้กับเขาคนนั้น // สำหรับผม ไม่รู้ดิ ผมไม่อิน




เจ้าของทวิตเตอร์แอคเคาท์ @DEANada เป็นชายหนุ่มลูกเสี้ยวไทยไต้หวันแคนาดาในวัยที่เพิ่งผ่านเบญจเพสมาหมาด ๆ ใบหน้าหล่อคมคายที่เป็นส่วนผสมมาอย่างลงตัวจากสามเชื้อชาติเคร่งเครียดกว่าครั้งไหน ๆ ที่คิดเรื่องพวกนี้

   
…ความรัก…

   
สมาร์ทโฟนที่เพิ่งจบการใช้งานในรูปแบบของการพูดคุยทางไกล ก็ถูกใช้ต่อด้วยแอพฯโซเชียลมีเดียสัญลักษณ์รูปนกสีฟ้าทันที นัยน์ตาสีน้ำตาลภายใต้กรอบตาชั้นเดียวทว่าไม่ได้ตี๋เหมือนลูกหลานคนจีนจ๋า แต่โตพอที่จะเผยนัยน์ตาดุให้คนมองหวั่นเกรงหลับลงช้า ๆ พร้อมกับแผ่นหลังที่ทิ้งลงพิงพนักเก้าอี้เต็มแรง

   
…พี่ชายของเขากำลังจะแต่งงาน…

   
เขารู้เรื่องนี้มาสักพักใหญ่ ๆ แล้ว ช่วงนั้นเขาพบเจอแต่คู่สามีภรรยาแยกทางกัน คำถามที่เพิ่งทวีตไปเมื่อครู่ก็เคยผุดขึ้นมาในหัวแล้วครั้งหนึ่ง ในตอนนั้นยังหาคำตอบไม่ได้ และเมื่อได้ฟังเรื่องราวจากปลายสายเมื่อครู่ เขาก็ยิ่งค้นหาคำตอบให้กับตัวเองไม่ได้อยู่ดี

   
…วันนี้แยกทางกัน ทำไมวันนั้นถึงตัดสินใจใช้ชีวิตร่วมกัน…

   
เขาเข้าใจความเป็น ‘คู่รัก’ แต่ไม่เข้าใจความเป็น ‘คู่ชีวิต’ คนเรามีความรักก็เป็นสิ่งที่สวยงาม รักกันชอบกันก็ต้องอยากใกล้ชิดกันเป็นธรรมดา แต่มันจุดไหนกันล่ะ ความรู้สึกแบบไหนกันที่มากถึงขั้นอยากฝากทั้งหมดชีวิตที่เหลืออยู่ไว้กับใครอีกคน เขาไม่ได้หมายถึงการหยุดที่ใครคนใดคนหนึ่ง แต่หมายถึงการยินยอมใช้ชีวิตร่วมกันของคนสองคน คิดอย่างไรก็ไม่มีคำตอบ เขาไม่เข้าใจความรู้สึกนั้น หรือจิตใจเขาจะแข็งกระด้างจริง ๆ อย่างที่คนเป็นแม่ว่าไว้


   
…เมื่อ 10 นาทีที่ผ่านมา…


   
[เตี่ยของลูกไปหาฤกษ์ให้คริสแล้วนะ]


‘แล้วเป็นไงครับมัม’ แม่ของเขาเป็นชาวแคนาดา ส่วนพ่อเป็นลูกครึ่งไทยไต้หวัน เวลาคุยกันกับแม่ ส่วนใหญ่จะใช้ภาษาอังกฤษเพราะภาษาไทยของแม่ยังไม่แข็งแรงนัก แม้จะใช้ชีวิตอยู่เมืองไทยจนลูกคนโตจะแต่งงานอยู่รอมร่อแล้วก็ตาม


[ชินแสบอกว่าแต่งกันไม่ได้ อยู่กันไปก็ไม่ยืดยาว คริสร้อนเป็นไฟลามป่า ส่วนดาวก็เป็นเหล็ก]


‘เดี๋ยวนะมัม อะไรคือไฟลามป่า อะไรคือเหล็ก ที่มัมพูดมานี่มัมเข้าใจเหรอ’


[ไม่เข้าใจ แต่ฟังที่เตี่ยพูดมา] ดีนก็ไม่ใช่คนที่รู้เรื่องความเชื่อตามแบบคนไทยหรือคนจีนมากนัก แต่ถ้าให้เดาจากบริบท เขาคิดว่าคงเป็นอารมณ์คล้าย ๆ ที่คนไทยว่า ขิงก็ราข่าก็แรง กระมัง


‘แล้วไงต่อครับมัม’


[คริสไปบอกดาว ดาวเขาก็โทร.มาร้องห่มร้องไห้กับมัม สะอึกสะอื้นน่าสงสาร]


‘อืม แล้วคริสว่าไงครับ’


[พี่ชายลูกก็แล้วแต่เตี่ย เขาบอกว่าไม่แต่งก็ได้ แต่ถ้าดาวจะฝืนแต่งก็จะแต่งให้]


…อะไรของมันวะ?...


เขาจำได้ว่าพี่ชายที่อายุห่างกันสองปีนั้นพูดเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าอย่างไรก็จะแต่งกับผู้หญิงคนนี้ ยืนยันหนักแน่นว่าคบกันมาตั้งนานไม่ใช่คบกันเล่น ๆ เคยทะเลาะกับเขาเพราะเขาไม่เห็นด้วยเสียด้วยซ้ำ แต่พอเจอชินแสทักแบบนี้ ทำไมถึงปล่อยให้เป็นเรื่องของโชคชะตาเสียได้


…เสียเวลาที่ทะเลาะกันฉิบหาย…


[แต่ดาวเขาร้องไห้หนักมาก มัมสงสาร คนรักกันมาตั้งหกปี จะไม่ได้แต่งงานกันแบบนี้ เจ็บปวดน่าดู]


‘ไม่รู้สิ ผมไม่อิน’


[อะไรกันลูกคนนี้ จิตใจแข็งกระด้างขึ้นทุกวัน]


‘อ้าว ทำไมมัมว่าผมแบบนี้ล่ะ จริง ๆ พวกเขาจะดื้อแต่งกันก็ได้ แต่ถ้าจะเชื่อชินแส ก็ไม่ต้องมาเสียดายเวลาหกปีนี้หรอก เธอก็ยังสาว ยังหาคนใหม่ได้ง่าย ๆ เรื่องอะไรจะเอาชีวิตไปเสี่ยง สี่ห้าปีข้างหน้าเกิดหย่ากันขึ้นมาจริง ๆ แล้วลูกจะทำยังไง ไม่กลายเป็นปัญหาตกที่เด็กเหรอมัม อีกอย่าง ตัดใจออกไปหาใหม่ตอนนี้ ดีกว่าเป็นม่ายตอนอายุยังน้อยนะครับ ยังไงผู้หญิงก็เสียหายมากกว่า’


[ที่ลูกพูดมันก็ถูก แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะทำใจกันได้ง่าย ๆ นะ ดีนต้องเข้าใจเธอด้วย]


‘ไม่เข้าใจหรอกครับ ผมไม่เข้าใจเหตุผลของการร้องไห้ฟูมฟายเพื่อความรัก เธอคิดยังไงถึงอยากฝากชีวิตที่เหลือไว้ที่พี่ชายผม ผมไม่ได้หมายความว่าคริสไม่ดีนะ แต่แค่สงสัยว่าเธออยากอยู่กับคริสมากขนาดที่จะร้องห่มร้องไห้เสียดายคริสขนาดนั้นเลยเหรอถ้าท้ายที่สุดแล้วจะไม่ได้อยู่ด้วยกัน’


[ไว้สักวันที่ลูกมีความรัก ลูกจะเข้าใจ]


‘เหอะ ไม่มีวันนั้นหรอกครับ’


[หาบ้างเถอะเราน่ะ อย่ามัวแต่ทำงาน จะแต่งกับงานรึไง เตี่ยกับมัมอยากเห็นหน้าสะใภ้เล็กแล้วนะ]


คุยเรื่องพี่ชายอยู่แท้ ๆ ทำไมถึงวกเข้าเรื่องเขาเสียได้ ‘ผมชอบอยู่คนเดียวมากกว่า สบายใจดี อยากทำอะไรก็ทำ อยากไปไหนก็ไป’


[เสียดายของจริง ๆ อุตส่าห์คลอดออกมาหล่อขนาดนี้]


คนเป็นลูกหัวเราะในลำคออย่างไม่ใส่ใจ  ก่อนจะถามสิ่งที่คาใจมานาน ‘แล้วทำไมมัมถึงตัดสินใจใช้ชีวิตกับเตี่ยละครับ’


[ก็ไม่คิดอะไร คนรักกันชอบกัน ผู้ชายเขาขอแต่งงาน มัมก็แต่งสิ]


‘แค่นั้นเหรอครับ?’ ไม่มีความกระจ่างเลยสักนิด


[อีกอย่างนะ อากงของลูกเขาไปดูดวงมาแล้วว่าเตี่ยกับมัมจะอยู่กันได้ มัมกับเตี่ยของลูกถึงอยู่กันได้ยืดยาวอย่างนี้ไง]


ฟังถึงตรงนี้ดีนก็หัวเราะลั่นอย่างไม่ปิดบัง แม่ของเขาเป็นชาวตะวันตกแท้ ไม่คิดเลยว่าจะมีความเชื่ออะไรแบบนี้จนอดคิดไม่ได้ว่าแม่เขาถูกพ่อล้างสมองหรือเปล่า


‘แล้วถ้าดวงออกมาแย้งกันละครับ แต่งกันแล้วล่มจม ไปกันไม่รอด มัมจะทำยังไง’


[ไม่รู้สิ มัมไม่เคยคิดไว้]




บทสนทนาต่อจากนั้นอีกแค่การถามไถ่ทุกข์สุขอีกเล็กน้อยก่อนที่ดีนจะเป็นฝ่ายวางสายเสียก่อน เรื่องราวที่ได้ฟังจบลงไปแล้วแต่กลับทิ้งความคิดมากมายตกตะกอนอยู่ในหัว



ก็อก ก็อก ก็อก


เปลือกตาบางเปิดออกอย่างเหนื่อยล้า แม้จะยังไม่พร้อมรับแขกในตอนนี้ แต่เพราะงานที่กองพเนินหลังจากที่เขากลับมาจากต่างประเทศ ก็ทำให้ต้องเปิดห้องรับทุกคนที่มาหา


“บอกอคะ”


เจ้าของคำเรียกเป็นสาวสวยแต่งกายทะมัดทะแมงหัวหน้าฝ่ายพิสูจน์อักษรของนิตยสารที่มีชื่อดิบ ๆ ว่า LIVE คำที่ถ้าไม่เคยได้ยินชื่อเรียกก็จะเรียกชื่อนิตยสารหัวนี้ผิด ๆ ถูก ๆ กันไป


“มาเอาของฝากเหรอ”


“น้อย ๆ หน่อยย่ะ ของน่ะฉันฝากซื้อนะ ไม่ใช่ให้นายซื้อมาฝาก ทำไมจะมาทวงไม่ได้ แต่ที่มาวันนี้เพราะจะมาแจ้งข่าวเท่านั้นแหละ เดี๋ยวบอกอจะตำหนิไอ้ผิงคนนี้เอาได้ว่ารับใครแปลกหน้าเข้ามาแล้วไม่บอก”


“เวิ่นเว้อเหมือนเดิมเลยนะเธอเนี่ย” ดีนส่ายหน้าระอาก่อนปล่อยท่าทีให้ผ่อนคลายมากขึ้น “เธอเป็นคนรับรึไง ถึงต้องมารายงาน”


“ท่านประธานรับสิคะ ดิฉันแค่คนดูแลเบื้องต้นค่ะ”

   
“ถ้าคริสรับ แสดงว่าเขารู้อยู่แล้ว ฉันจำเป็นต้องรู้ด้วยเหรอ”

   
“นายเป็นบอกอนะยะ ใครเข้าใครออกรู้ ๆ ไว้บ้างเถอะ จะได้เรียกใช้งานถูก”

   
“เรียกใช้เธอคนเดียวก็พอแล้ว อเนกประสงค์ขนาดนี้ยังต้องไปพึ่งใครอีก”

   
“จ้าาาาาา” หญิงสาวลากเสียงยาวด้วยความหมั่นไส้ “ใช้สารพัดหน้าที่ ปลายปีต้องมีโบนัสพิเศษให้นะ”

   
ดีนหัวเราะ การคุยกับลูกน้องที่เป็นเพื่อนสนิทช่วยให้ชีวิตเขามีเรื่องบันเทิงกลบเรื่องที่กำลังรบกวนจิตใจได้บ้าง “แล้วตกลงรับใครเข้ามา”


“นักศึกษาฝึกงาน จะเจอหน่อยไหม จะได้เรียกเด็กมันมาหา”


“เหอะ ไม่ต้อง แค่เด็กฝึกงาน เขามาอยู่กับเธอเหรอ”


“เปล่า อยู่แผนกว่าที่พี่สะใภ้ของนายโน่น ฉันแค่รับมาดูแลช่วงวันแรก ๆ แต่เด็กมันเลือกฝึกแผนกนั้น” ดาว หญิงสาวที่เป็นประเด็นของบทสนทนาทางโทรศัพท์เมื่อครู่ เธอเป็นหัวหน้าแผนกครีเอทคอลัมน์ เป็นหัวเรือใหญ่ในการดูแลทุกคอลัมน์ในนิตยสารที่มีเขาเป็นบรรณาธิการ


“จะได้เป็นรึเปล่าเหอะ”


“ห๊ะ! หมายความว่าไง”


เมื่อเห็นท่าว่าเรื่องชักจะยืดยาวกว่าที่ตนตั้งใจมาหา ร่างแบบบางจึงรีบนั่งลงฝั่งตรงข้ามก่อนเจ้าของห้องจะทันได้อนุญาต ซึ่งเจ้าของห้องก็ไม่ได้ขัดศรัทธา เพราะเรื่องของพี่ชายเขาและคนรัก รวมถึงความรู้สึกของเขาที่มีต่อคนทั้งคู่ก็เป็นที่ล่วงรู้ในกลุ่มเพื่อนสนิทกันอยู่แล้ว


ปกติดีนไม่ใช่คนที่ชอบป่าวประกาศเรื่องของตัวเองให้ใครรู้ แต่เมื่อถึงคราวที่เรื่องมันอัดอั้น การระบายจึงเป็นทางออกที่เขาเลือก


“แล้ว…พี่คริสเป็นไงบ้าง”


“มัมบอกว่าคริสแล้วแต่เตี่ย”


“ไม่เสียใจเลยเหรอ? เมื่อเช้าพี่ดาวซึมมากเลยนะ”


ดีนสนใจแค่ประโยคคำถาม ส่วนประโยคบอกเล่านั้นเขาเพียงแค่ฟังผ่าน ๆ  ไม่ได้เก็บมาใส่ใจนัก “ก็คงเสียใจแหละ คนนี้รักมากนี่”


“นั่นสินะ…” ผิงแสดงความเห็น น้ำเสียงเศร้าสร้อยที่เจ้าตัวเปล่งออกมาทำให้ดีนคิดว่าเพื่อนสาวคงเห็นใจพี่ชายเขาไม่น้อย ก็เจ้าหล่อนสนิทกับคริสน้อยกว่าสนิทกับเขาเสียที่ไหน “แต่ก็สงสารพี่ดาวเหมือนกันนะ ถ้าเป็นฉัน คงมาทำงานไม่ไหวแล้วอ่ะ”


“เธออ่อนแอขนาดนั้นเลยเหรอ?”


“ด้านชา… อย่างนายไม่เรียกว่าเย็นชาละ นี่มันด้านชาชัด ๆ ออกจากห้องสี่เหลี่ยมนี่ไปหาแฟนสักคนเถอะ จิตใจจะได้อ่อนโยนลงบ้าง เผื่อจะเข้าใจความรักมากกว่านี้”


“จะหาทำไม ถ้ามันใช่ ก็จะเจอเองแหละ”


ผิงส่ายหน้า ก่อนจ้องมองเพื่อนชายที่สนิทด้วยมาตั้งแต่ในรั้วมหาวิทยาลัย หนุ่มหล่อดีกรีเดือนคณะโสดมาแต่ไหนแต่ไร ไม่ใช่ว่าจะเที่ยวเล่นรักสนุกไม่หยุดที่สาวคนไหน แต่หมอนี่ไม่เคยคบใครเลยต่างหาก ไม่แม้แต่จะแอบชอบ หัวใจไม่เคยถูกใช้งาน จนเธออดคิดไม่ได้ว่าเสียดายของชะมัด


“มองอะไร”


“ฉันคิดภาพนายมีแฟนไม่ออกเลยว่ะ”


หนุ่มลูกครึ่งสายเลือดผสมของสองฝั่งซีกโลกเหยียดมุมปาก ผิงไม่ใช่คนแรกที่พูดแบบนี้กับเขา เพื่อนทุกคนที่สนิทต่างก็เห็นตรงกัน อย่าว่าแต่เพื่อนจะไม่เห็นภาพเลย เขาเองก็มองไม่เห็นตัวเองเหมือนกัน ไม่ใช่ว่าจะไม่ต้องการความรัก แค่ไม่คิดดิ้นรนหา เขาสนุกกับการใช้ชีวิตคนเดียวมากกว่า ไม่ชอบตามใจใคร และไม่ชอบให้ใครมาตามใจหรือวอแวใกล้ ๆ ด้วย อยากไปไหนก็ไป อยากอยู่ตรงนั้นตรงนี้นานแค่ไหนก็ได้ ไม่ต้องมาเกรงใจว่าอีกฝ่ายจะอยากอยู่ตรงนั้นกับเราไหม เพราะเขาเองก็ไม่ชอบเสียเวลาไปนั่งรอใครด้วย ดีนไม่คิดว่าตัวเองเป็นคนโลกส่วนตัวสูง เขาแค่ชอบอยู่ในพื้นที่ส่วนตัวตามลำพังมากกว่า เขาเคยคิดว่าถ้าวันหนึ่งมีแฟนอย่างคนอื่น ชีวิตเขาจะเป็นอย่างไร คนแบบไหนที่จะอยู่ข้างกันโดยที่เขาไม่รู้สึกอึดอัดและเรียกร้องอยากมีพื้นที่ส่วนตัวขึ้นมาอย่างทุกวันนี้

.

.

.

ช่วงเวลาหลังเลิกงาน บรรณาธิการหนุ่มมักจะใช้เวลาไปกับการอ่านหนังสือสักเล่มพร้อมจิบกาแฟร้อนสักแก้วที่ร้านกาแฟใกล้บริษัทก่อนกลับคอนโดเพื่อฆ่าเวลารอถนนโล่งกว่านี้อีกสักหน่อย


ปกติดีนจะเปลี่ยนชนิดของกาแฟไปเรื่อย แต่ช่วงหลังมานี่เขาเอาแต่ดื่มอเมริกาโน กาแฟดำร้อน ๆ ในแก้วกระดาษดีไซน์สวยถูกเสิร์ฟหลังจากที่คิดเงินแล้ว ชายหนุ่มมองหาที่นั่งแล้วก็พบตำแหน่งที่ตนพึงใจอยู่ไม่น้อย โต๊ะเดี่ยวตรงมุมซ้ายของร้านต้องเป็นที่ของเขาอย่างไม่ต้องสงสัย จับจองได้แล้วก็ไม่รอช้าที่จะใส่หูฟังเพื่อฟังเพลย์ลิสต์โปรดของตัวเองแทนเพลงที่ทางร้านเปิดคลอเบา ๆ


กว่าสามร้อยเพลงโปรดประกอบด้วยเพลงหลากหลายแนวหลากหลายภาษา เขาเป็นคนชอบเสพดนตรี จะว่าสนใจทำนองมากกว่าเนื้อเพลงเห็นจะได้ แต่ส่วนใหญ่แล้วก็จะเป็นเพลงช้าเศร้า ๆ เสียมากกว่า เขาไม่ชอบฟังเพลงรัก ก็ไม่อินนี่ จะฟังทำไม แสลงหู แม้ชีวิตไม่ได้อกหักรักคุดตุ๊ดเมินหรือดราม่าอะไรนัก แต่เพลงอกหักช้า ๆ เศร้า ๆ ก็ถูกจริตเขามากกว่า จะมีเพลงทำนองสนุก ๆ อยู่บ้างแค่บางเพลงที่เขาชอบดนตรีของมันเท่านั้น


หนังสือเล่มบางที่เพิ่งซื้อติดมือมาจากเมืองผู้ดีหลังจากตีตั๋วไปเที่ยวเพื่อหาแรงบันดาลใจถูกเปิดออกอีกครั้งของวัน ตั้งใจว่าอ่านจบก็คงได้เวลากลับบ้านพอดี


เวลาผ่านไปไวเกือบสองชั่วโมง ตัวหนังสือบรรทัดสุดท้ายจบลงพร้อมรอยยิ้มพอใจของคนอ่าน นัยน์ตากลมใต้กรอบเรียวรีละจากหนังสือในมือมองออกไปนอกหน้าต่าง นึกคิดถึงประเด็นหนึ่งเกี่ยวกับกาแฟที่ทำให้ช่วงหลังมานี้เมนูอเมริกาโนร้อนกลายเป็นเมนูประจำของเขาให้พนักงานชงที่ร้านจดจำได้เสียแล้ว ดีนไม่รอช้าที่จะถ่ายรูปแก้วกาแฟในมุมที่ตนชื่นชอบแล้วโพสลงพร้อมแคปชั่นที่เป็นความคิดก่อนหน้านี้ลงอินสตาแกรม


นั่งฆ่าเวลาอีกเล็กน้อยด้วยการไล่ดูรูปของคนอื่นในนั้น ก่อนยกนาฬิกาขึ้นดูเวลา เมื่อเห็นสมควรแก่การเดินทาง ร่างสูงจึงลุกขึ้นยืน มือข้างหนึ่งคว้าแก้วกาแฟที่ดื่มไปเพียงครึ่งถือกระชับเต็มมือก่อนออกเดินมุ่งไปทางประตู


‘wait for me to come home’


เนื้อเพลงท่อนสุดท้ายจบลงพร้อมท่วงทำนอง ก่อนจะเงียบหายเว้นช่วงรอเพลงต่อไปบรรเลงขึ้น


ณ ช่วงเวลาไม่กี่วินาทีนั้นเองที่เสียงพูดหนึ่งดังเข้ามาในโสตประสาทและกลายเป็นจุดสนใจแรกนับตั้งแต่ที่เริ่มใส่หูฟัง


“เฮ้ย! ไอ้รณณ์ ทางนี้เว้ย!”


ดีนหันไปมองตามเสียงเรียก เห็นแวบหนึ่งว่าเป็นกลุ่มวัยรุ่นนั่งตรงมุมขวาของร้านไม่ทันล่วงรู้ว่าใครคือเจ้าของชื่อนั้นก็ต้องรีบหันกลับมามองทาง เพราะเสียงฝีเท้าที่ดังใกล้เข้ามาทำให้เขาต้องระวังว่าแก้วเครื่องดื่มในมือจะสร้างความเสียหายให้กับคนที่เดินสวนมา


ทำนองเพลงเข้ากันดี ของวง scrubb ดังขึ้นในจังหวะที่สองเท้าก้าวเดินหลีกทางให้ผู้ที่เดินสวนมา เห็นทางหางตาว่าเป็นเด็กหนุ่มในชุดนักศึกษาห้อยป้ายชื่อที่แม้จะมองผ่าน ๆ ก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นเด็กฝึกงานในบริษัทของเขาเอง เสียดายที่ไม่เห็นหน้า ชายหนุ่มนึกมาดมั่นในใจตอนที่เดินสวนออกไปว่าเห็นทีเขาคงต้องเรียกเด็กพวกนี้มาสั่งสอนเรื่องการติดบัตรออกนอกสถานที่เสียแล้ว







TBC.
--------------------------------------------------------------
ฝากเรื่องนี้ด้วยนะคะ

ด้วยรักและขอบคุณ

ธัญญ์
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-12-2017 22:43:31 โดย ธัญญ์ »

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 1 [08/03/17]
«ตอบ #2 เมื่อ09-03-2017 08:14:26 »

รอตอนต่อไปค่ะ

ออฟไลน์ saccarrum

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 1 [08/03/17]
«ตอบ #3 เมื่อ10-03-2017 16:41:44 »

ถึงกับต้องเปิดเพลงเข้ากันดีฟังแล้วนึกภาพตามเลยอ่ะ
ฟังอินโทรวนไปค่ะ
ว่าแต่เมื่อไหร่ดีนจะหาคนๆนั้นเจอน้าาาา

ออฟไลน์ maekkun

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 223
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 1 [08/03/17]
«ตอบ #4 เมื่อ10-03-2017 21:52:55 »

 :pig4:

ออฟไลน์ Monkey D

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 698
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-0
Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 1 [08/03/17]
«ตอบ #5 เมื่อ10-03-2017 21:54:38 »

น่าสนใจๆ มาต่ออีกนะ.ดีนจะได้ใช่งานหัวใจกับใครกันนนน

ออฟไลน์ ธัญญ์

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 127
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-4
Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 2 [11/03/17]
«ตอบ #6 เมื่อ11-03-2017 20:36:31 »

ห า กั น จ น เ จ อ


ตอนที่ #02






   
ในโลกของทวิตเตอร์มีประชากรอยู่หลายประเภท แบ่งออกได้เป็นสามกลุ่มใหญ่ ๆ คือหนึ่ง คนที่เล่นแบบไม่สนใจใคร มีไว้เพื่อตั้งไพรเวทแล้วบ่น บ่น บ่น และก็บ่น  สองคือกลุ่มที่มีความชื่นชอบในสิ่งใดสิ่งหนึ่ง มีแอคเคาท์ไว้เพื่อตามข่าวและเซฟรูปภาพสิ่งที่ชื่นชอบอย่างบ้าคลั่ง โดยเฉพาะนักร้อง ดาราเกาหลี และกลุ่มสุดท้าย กลุ่มที่เป็นเซเลปทวิตเตอร์ ยอดคนฟอลโล่วสูง ๆ ยอดรีทวิตหลักพันขึ้นไป ส่วนคนที่กำลังเลื่อนนิ้วสไลด์หน้าโปรแกรมดังกล่าวอยู่อย่างเขา ก็ไม่รู้ว่าตนควรถูกจัดอยู่ในกลุ่มที่หนึ่งหรือสองกันแน่ ช่วงแรกที่สมัครแอคเคาท์ไว้เมื่อห้าปีก่อนก็เพราะเอาไว้เป็นพื้นที่ระบาย  แต่เพราะไม่ใช่คนติดโซเชียล เลยไม่ค่อยได้เข้ามาเล่นสักเท่าไหร่ แต่แล้ววันหนึ่งก็พบว่าตัวเองกลายเป็นคนกลุ่มที่สอง ติดโซเชียลขึ้นมาเพราะคน ๆ เดียว เพียงแต่เขาคนนั้นไม่ใช่ศิลปินดารา ไม่ใช่ใครที่อยู่ในที่แจ้งมีแต่คนรู้จัก เขาคือคนกลุ่มหนึ่งที่กลายเป็นกลุ่มที่สามจากทวีตเพียงทวีตเดียว ซึ่งก็เป็นเหตุผลที่ทำให้เขาและใครอีกหลายร้อยหลายพันคนตัดสินใจกดฟอลโล่วแล้วติดตามมาจนถึงทุกวันนี้

   
ทั้งที่หลังจากยอดฟอลโล่วแอคเคาท์นั้นพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องควบคู่ไปกับยอดรีทวิตแล้วเจ้าของแอคถึงกับขึ้นไบโอเรียบ ๆ ว่า ‘อย่าฟอลเพียงเพราะทวีตเดียว’ แต่ถึงอย่างนั้น ตัวเลขทั้งสองค่าก็ยังพุ่งทะยานอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุดอยู่ดี ทวีตเจ้าปัญหาที่คงสร้างความวุ่นวายให้เจ้าของไม่น้อยก็เป็นเพียงแค่การพูดถึงหนังเรื่องหนึ่งที่เจ้าของแอคไปดูแล้วทวีตขึ้นมาโดยไม่ติดแฮชแท็คหนังด้วยซ้ำ ทว่ามันคงถูกจริตคนส่วนใหญ่ การถูกส่งต่อถึงได้ไปเร็วและต่อเนื่องขนาดนั้น ยอดรีทวิตสูงเสียจนเพจหนึ่งในเฟสบุ๊คแคปทวีตดังกล่าวไปโพสซ้ำ และเจ้าตัวคงไปเห็นมันเข้า ตอนนี้ทวีตนั่นจึงไม่อยู่หน้าไทม์ไลน์อีกแล้ว



DEAN @DEANada . 3h
ในตอนที่คุณตอบตกลงแต่งงานกับใครสักคน คุณคิดยังไงถึงอยากฝากชีวิตที่เหลือไว้กับเขาคนนั้น // สำหรับผม ไม่รู้ดิ ผมไม่อิน



   
ชายหนุ่มมองทวีตเมื่อสามชั่วโมงที่แล้วของแอคเคาท์โปรด นานเกือบสามปีแล้วที่เขาติดตามแอคที่มีรูปดิสเพลย์เป็นตัวหนังสือยึกยือที่พอจะอ่านได้เป็นชื่อเดียวกับแอคเคาท์ว่า ‘DEAN’


ไม่บ่อยนักที่อีกฝ่ายจะโพสถ้อยความภาษาไทย คล้ายกับว่าหากครั้งไหนต้องการ less is more ก็จะโพสภาษาอังกฤษ แต่หากเน้นระบายอารมณ์ก็มักจะใช้ภาษาไทยซึ่งเว่นเว้อได้มากกว่า นาน ๆ ครั้งจะได้เห็นประโยคภาษาฝรั่งเศสซึ่งเเป็นสิ่งที่เขาอ่านไม่ออก และโปรแกรมแปลภาษาชื่อดังก็ช่วยอะไรเขาไม่ได้ด้วยเช่นกัน

   
และแม้ว่าหลายทวีตก่อนหน้านี้จะถูกจริตเขาไม่น้อย แต่ก็มีอีกหลายทวีตที่เขาไม่เข้าใจความคิดของอีกฝ่าย อยากจะกดรีทวิตทั้งที่ไม่เข้าใจ แต่เพราะอีกฝ่ายตั้งค่าความเป็นส่วนตัวไว้ ที่ทำได้ก็เพียงแค่กดเฟบเท่านั้น

   
ดูเหมือนว่าเขาคนนั้นจะกำลังมีเรื่องที่สงสัย เขาเองก็ไม่ได้เป็นผู้ช่ำชองด้านความรักเสียด้วย  ไม่อย่างนั้นคงจะเมนชั่นไปแสดงความคิดเห็นเหมือนอย่างที่ฟอลโลวเวอร์คนอื่น ๆ เขาทำกัน

   
เขาเป็นหนึ่งในหลาย ๆ คนที่ศรัทธาในความรัก ในชีวิตมีผู้คนมากมายแวะเวียนเข้ามาสร้างสัมพันธ์ด้วยอยู่ไม่น้อย บางคนเข้ามาแค่ประเดี๋ยวประด๋าว บางคนก็เกี้ยวพากันอยู่นาน แต่เขาก็ยังไม่เลื่อนขั้นไปถึงคนรัก จะว่าไป…คำถามของ ‘คุณDEAN’ เขาก็ตอบตัวเองไม่ได้เหมือนกัน

   
เขาไม่ได้ตั้งค่าให้มีการแจ้งเตือนทันทีทุกครั้งที่แอคเคาท์นั้นมีความเคลื่อนไหว แต่ทุกครั้งที่มีเวลาว่าง เขามักจะเข้าไป ‘ส่อง’ อยู่เงียบ ๆ อืม…จะว่าไปก็ไม่เงียบเท่าไหร่ บางทวีตที่อีกฝ่ายรีไว้หน้าไทม์ไลน์ หากตนถูกใจก็จะกดรีทวิตต่อ ส่วนทวีตไหนที่เจ้าตัวโพสเอง ก็จะตามกดเฟบแทบทุกข้อความ ก็ไม่ได้ชอบอะไรมาก แค่รู้สึกเหมือนหลงสเน่ห์ตัวตนของคน ๆ หนึ่งผ่านตัวอักษรเสียแล้ว

   
…ทำตัวเหมือนเป็นติ่งเซเลปทวิตเตอร์…

   
เขาไม่ได้คาดหวังว่าการส่องอย่างโจ่งแจ้งของตนจะเป็นที่สะดุดตาหรือจุดสนใจของคุณคนนั้น เพราะในจำนวนฟอลโลวเวอร์มากมายคงทำให้การแจ้งเตือนเด้งที่หน้าจออีกฝ่ายเยอะจนไม่มีเวลามานั่งสนใจใครเป็นพิเศษเป็นแน่

   
นั่งไล่อ่านไปจนถึงที่อ่านค้างไว้เมื่อช่วงเช้าก็เป็นจังหวะเดียวกับที่เพื่อนสนิทโทร.มาตาม วันนี้เขามีนัดกับกลุ่มเพื่อนหลังเลิกงาน ชีวิตนักศึกษาปีสุดท้ายกับการแยกย้ายกันฝึกงาน เป็นธรรมดาที่จะไม่ค่อยได้เจอะเจอหน้าตากัน วันนี้ที่เพื่อนฝูงอุตส่าห์แห่กันมาหาถึงที่ก็ทำเอาเขาอารมณ์ดีทั้งวัน

   
…คิดถึงเพื่อนฉิบหาย…

   
เขาไม่ใช่คนติดเพื่อนอะไรนัก แต่ห่างกันไปนาน ๆ ก็อดคิดถึงบรรยากาศตอนอยู่ด้วยกันไม่ได้ เสียงหัวเราะเคล้าคำด่าทอคือบทสนทนาที่ทำให้เขามีความสุข ร่างโปร่งบางที่มีสถานะเป็นเด็กฝึกงานบอกให้เพื่อนรอตนอีกครู่หนึ่ง รับปากเป็นมั่นเหมาะว่าไม่นานเกินห้านาทีตนจะไปนั่งอยู่ตรงนั้นแน่

   
ครืด

   
แรงสั่นของโทรศัพท์ที่นอนนิ่งอยู่ในกระเป๋ากางเกงบ่งบอกว่ามีการแจ้งเตือนของโปรแกรมบางอย่างที่ไม่มีอะไรด่วนจนต้องรีบหยิบขึ้นมาดูในตอนนี้ ชายหนุ่มละความสนใจจากมันมาเก็บข้าวของ บอกลาพี่ ๆ ในแผนกที่ตนฝึกงานอยู่แล้วรีบสาวเท้าไปยังจุดหมายโดยเร็วที่สุด
   
.
   
.
   
.

“เฮ้ย! ไอ้รณณ์ ทางนี้เว้ย!”


เจ้าของชื่อหันมองตามเสียงพบเพื่อนกลุ่มใหญ่ของตนนั่งกันอยู่พร้อมหน้าพร้อมตาด้วยความดีใจ แม้สายตาจะจดจ่ออยู่ที่เพื่อน แต่ก็ไม่ลืมสังเกตรอบข้างว่าข้างหน้าตนมีชายคนหนึ่งถือแก้วกาแฟร้อนอยู่ในมือเดินสวนมา ทว่าใบหน้านั้นกลับไม่ได้มองทาง จึงเป็นหน้าที่เขาที่ต้องเป็นฝ่ายระมัดระวังเป็นพิเศษเสียเอง


“ไงมึง เพิ่งเลิกเหรอ ทำไมช้านักวะ” หนุ่มแว่นที่นิสัยไม่ได้เนิร์ดตามภาพลักษณ์ถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ติดจะหงุดหงิดเล็กน้อย ไอ้นี่มันไม่ชอบรอใครนาน ๆ สำหรับมันเรื่องเวลาเป็นสิ่งที่มันเข้มงวดที่สุด เพื่อนทุกคนรู้


“โทษทีว่ะ กูเป็นแค่เด็กฝึกงาน ถึงงานจะเสร็จแล้ว แต่กลับเร็วก็น่าเกลียดป่ะวะ”


“เออ จริงของมัน อย่าหงุดหงิดไอ้รณณ์สิวะเชี่ยเอก” รณณ์หันมองหน้าเพื่อนที่ช่วยไกล่เกลี่ยให้จนเอกยอมอ่อนลงแล้วบอกให้เขาไปสั่งเครื่องดื่มที่เคาเตอร์เสียที


“มัทฉะลาเต้ร้อนแก้วนึงครับ” คงเป็นเพราะว่ากลิ่นหอมของกาแฟร้อนของคนที่เดินสวนกันเมื่อครู่ยังติดจมูกอยู่ เครื่องดื่มโปรดถึงได้เป็นแบบร้อนตามไปด้วย


ยืนรอเครื่องดื่มด้วยการเล่นโทรศัพท์ฆ่าเวลา เปิดหน้าจอมาเห็นการแจ้งเตือนหนึ่งเดียวก็นึกขึ้นได้ว่าก่อนหน้านี้มีแรงสั่นเกิดขึ้นหนึ่งครั้ง แต่ที่ทำให้รนรานตาโตเพราะมันเป็นการแจ้งเตือนจากอินสตาแกรม แอคเคาท์ของคุณ DEAN !!


รณณ์รีบกดเข้าไปดู จริงอยู่ที่เขาไม่ได้ตั้งค่าแจ้งเตือนในทวิตเตอร์ แต่สำหรับอินสตาแกรมที่เขาตามมาจากการเชื่อมต่อไว้กับทวิตเตอร์อีกทีหนึ่งนั้น เขาได้ตั้งค่าให้มีการแจ้งเตือนทุกครั้งที่อีกฝ่ายมีการอัพเดท


รูปที่ปรากฎเป็นรูปกาแฟพร้อมแคปชั่นยาวเหยียด รณณ์ยังไม่สนใจอ่านข้อความในเวลานี้ เพราะแก้วกาแฟร้อนในรูปบอกชัดว่าอีกฝ่ายก็อยู่ที่นี่!


ชายหนุ่มหันรีหันขวางมองหาใครสักคนที่ตนไม่รู้จักหน้าค่าตา รู้แต่เพียงว่ากาแฟร้อนหนึ่งแก้วจะช่วยระบุตัวตนให้ได้ไม่มากก็น้อย


หัวใจเต้นรัวด้วยความตื่นเต้นราวกับแฟนคลับที่มาตามงานศิลปินคนโปรด แต่ดูเหมือนเขาจะแห้ว มองไปทางไหนก็เจอแต่เครื่องดื่มเย็นทั้งนั้น


“หาอะไรรึเปล่าครับ หรือว่ายังไม่มีที่นั่ง” พนักงานแคชเชียร์ถามขึ้นด้วยความห่วงใย รณณ์ได้แต่ยิ้มแห้ง ๆ ก่อนตัดสินใจถามออกไปด้วยหวังว่าจะได้เบาะแสที่มากกว่าการกวาดสายตาหาแบบนี้


“เอ่อ…คนที่เขาสั่งกาแฟร้อน นั่งตรงไหนเหรอครับ”


สงสัยคำถามจะชวนงง ใบหน้าของพนักงานชายคนนั้นถึงได้ฉงนเสียจนต้องอธิบายเพิ่ม “เอ่อ…คนที่…” จะอธิบายอย่างไรดีละวะ เขาสั่งอะไรก็ยังไม่รู้เลย


“วันนี้มีคนสั่งกาแฟร้อนเยอะอยู่นะครับ คุณหมายถึงแบบไหนล่ะ หรือคนล่าสุด”


รณณ์เลิกคิ้ว ในตอนนั้นเองที่นึกขึ้นได้ว่าอีกฝ่ายเพิ่งจะอัพรูปเมื่อไม่กี่นาทีนี้เอง แต่ถึงอย่างนั้นก็วางใจไม่ได้ เพราะอาจจะถ่ายไว้นานแล้วแต่เพิ่งอัพก็เป็นได้ แต่เอาวะ แม้โอกาสที่คนล่าสุดเป็นคนเดียวกับคนที่เขาตามหาจะน้อยแค่ไหน แต่ก็ถือว่าไม่ได้มองข้ามโอกาสเดียวนี้ไป


“แล้วคนล่าสุด นั่งตรงไหนเหรอครับ”


“อืม…สักครู่นะครับ” พนักงานหนุ่มบอกกับเขาก่อนจะหันไปถามเพื่อน “คุณดีนนั่งไหนวะ”


…ดีน?...


…ใช่ ‘คุณ DEAN’ เดียวกับเขารึเปล่าวะ?…


จากที่ได้ยิน ถ้าพนักงานร้านนี้รู้จักชื่อและสนิทสนมกับอีกฝ่ายขนาดนั้น ก็หมายความว่าคุณดีนเป็นลูกค้าประจำของที่นี่แน่ ๆ


“คุณดีนเพิ่งออกไปเมื่อกี๊นี้เอง”


พนักงานหนุ่มหันมายิ้มแห้ง ก่อนบอกในสิ่งที่เขาก็ได้ยินอยู่แล้ว “ออกไปแล้วครับ”


“ครับ”


…ใจแฟบเลย…


แห้วจริงอย่างที่คิดไว้จนอดตำหนิตัวเองไม่ได้ที่ไม่ยอมหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาดูตั้งแต่ตอนที่ได้รับการแจ้งเตือน หากเห็นรูปตั้งแต่ตอนนั้น เขาจะรีบวิ่งมาให้ทันอีกฝ่ายเลย


แต่เมื่อคิดให้ดี หากว่าคนที่สั่งกาแฟร้อนคนล่าสุดคือเขาคนนั้นจริง ๆ และเพิ่งออกจากร้านไปด้วย นั่นก็เท่ากับว่าคนที่เดินสวนกันกับเขาเมื่อครู่คือ ‘คุณดีนของเขา’ อย่างนั้นหรือ


…โอ้ยยยย ไม่ทันมองหน้าเสียด้วย โง่จริง ๆ ไอ้รณณ์!!...


ก่อนผละออกมาจากเคาน์เตอร์ก็สอบถามได้ข้อมูลสำคัญมาอีกอย่างหนึ่งคืออีกฝ่ายเป็นลูกค้าประจำของร้านนี้จริงอย่างที่คิดไว้ และมักจะมานั่งช่วงเย็นหลังเลิกงานเสมอ ข้อมูลที่ได้ทำให้คนฟังใจชื้น หมายมั่นว่าหากมีโอกาสตนจะมาดักรอเจอที่ร้านให้ได้

.

.

.

DEAN ช่วงหลัง ๆ มานี่ ลิ้นเริ่มแยกรสกาแฟแต่ละชนิดไม่ออกแล้ว จะมอคค่า ลาเต้ คาปูชิโน หรือแม้แต่กาแฟดำก็รสชาติเหมือนกันหมด อืม…ชีวิตผมช่วงนี้ก็คงเหมือนกัน เมื่อก่อนรับรู้ว่าวันไหนทุกข์ วันไหนสุข สนใจใส่ใจแยกแยะ แต่ทุกวันนี้กลับรู้สึกเฉย ๆ รู้สึกว่าจะทุกข์หรือสุขมันก็คือชีวิต จะลาเต้หรืออเมริกาโนก็กาแฟเหมือนกัน…แดก ๆ ไปเถอะ

   
…อะไรของเขาวะ…

   
วันนี้มาแปลก โพสเรื่องราวชวนสงสัยทั้งวัน หรือว่าช่วงนี้ชีวิตมีเรื่องต้องคิดต้องตัดสินใจ รณณ์เผลอถอนหายใจแผ่วเบา เป็นเช่นนี้เสมอ ทุกครั้งที่ได้อ่านเรื่องราวของอีกฝ่าย เขาก็มักจะคิดตามไปด้วย บ่อยครั้งที่เก็บความทุกข์ใจของอีกฝ่ายมาคิดราวกับเป็นเรื่องของตัวเอง

   
เท่าที่ติดตามอีกฝ่ายมาก็พอรู้อยู่หรอกว่าสัปดาห์ก่อน คุณดีนไปเที่ยวประเทศอังกฤษมา เขาไม่ได้โพสเรื่องราวอะไรมากมาย ติดตามความเป็นไปได้จากรูปในอินสตาแกรมเท่านั้น ซึ่งแม้จะติดตามมานานแล้ว แต่เพราะอีกฝ่ายไม่เคยลงรูปตัวเองเลย รณณ์จึงไม่รู้ว่าคนที่เขาให้ความสนใจในทุก ๆ วันหน้าตาเป็นแบบไหน อายุอานามเท่าไหร่ก็ไม่รู้ กะประมาณได้เพียงคร่าว ๆ ว่าน่าจะเรียนจบแล้วเท่านั้น


รณณ์อ่านแคปชั่นใต้รูปแก้วกาแฟกระดาษวนไปมาอีกกี่รอบก็ไม่ได้สนใจ รู้แค่ตั้งแต่กลับเข้ามานั่งรวมกลุ่มกับเพื่อนฝูง ตนก็ยังไม่ได้เงยหน้าจากจอสมาร์ทโฟน ปล่อยให้เพื่อนพูดคุยกันเองโดยมีตนครางอือออรับบ้างในบางจังหวะ

   
“เป็นอะไร โดนตามงานเหรอวะ เห็นจ้องหน้าจอทำหน้านิ่วคิ้วขมวดตั้งแต่นั่งลงละ” เอกทักหลังจากที่ลอบมองอยู่นาน ก็วันนี้อุตส่าห์ยกกันมาทั้งก๊วนเพื่อมาหาใครกันล่ะ แล้วดูมัน ไม่สนใจเพื่อนสักนิด เอาแต่จ้องหน้าจอด้วยสีหน้าเคร่งเครียดไม่ยอมพูดยอมจา

   
“เฮ้ยไอ้รณณ์ ไอ้เอกมันถาม มึงไม่ได้ยินรึไง” เพื่อนที่นั่งข้าง ๆ ช่วยสะกิดเรียกอีกแรงจนพาคนที่สติหลุดลอยกลับมาหาเพื่อนฝูงตรงหน้าได้อีกครั้ง

   
“ห๊ะ มึงว่าอะไรนะ?”

   
“เป็นอะไรวะ ตั้งแต่กลับมานี่หน้าเครียดเลย เขาใส่อะไรในชาเขียวให้มึงกิน”

   
“ไม่มีอะไร โทษทีวะ คุยกันถึงไหนแล้ววะ” รณณ์ตัดใจปิดหน้าจอสมาร์ทโฟนแล้วหย่อนใส่กระเป๋ากางเกงตามเดิม ทั้งที่ปกติแล้วจะชอบวางไว้บนโต๊ะเสียมากกว่า แต่เพราะไม่อยากเห็นมันอยู่ในสายตาให้รบกวนจิตใจ จึงจำต้องเก็บเสียให้พ้นหูพ้นตา

   
“ก็คุยถึงเรื่องที่ฝึกงานมึง เป็นไงบ้างวะ งานเยอะไหม” เอกถาม สีหน้าบ่งบอกว่าเป็นห่วงเพื่อนมากทีเดียว

   
“ก็เรื่อย ๆ สนุกดี”

   
“แต่หน้ามึงไม่บอกอย่างนั้นนะ”

   
“เห้ย! กูสนุกจริง ๆ แค่เมื่อกี๊มีเรื่องให้คิดนิดหน่อย”

   
เพื่อนฝูงพยักหน้าเข้าใจก่อนที่หนึ่งในนั้นจะเปลี่ยนประเด็นใหม่ “แล้วหัวหน้างานมึงเป็นไงบ้างวะ ได้ข่าวมาว่าสวยฉิบหายเลยนี่หว่า”

   
ไอ้ตง หมอนี่มันเป็นพวกนิยมชมชอบสาวรุ่นพี่ ห่างกันสองสามปีกำลังดี ยิ่งสวย ๆ อย่างหัวหน้างานเขานี่สเปคมันเชียวล่ะ

   
“ไปได้ข่าวมาจากไหน”

   
“ไปอยู่ไหนมาไอ้คุณรณณ์ เขารู้จักคุณดาวกันทั้งนั้นแหละ แต่ละคอลัมน์ที่เธอเขียนนี่โดนใจคนอ่านอย่างกับไปนั่งอยู่กลางใจอย่างนั้นแหละ”

   
รณณ์พยักหน้า เขาไม่ค่อยรู้จักตัวตนของนักเขียน คอลัมน์นิสต์ หรือใครหลาย ๆ คนในวงการหนังสือเมืองไทยสักเท่าไหร่ ผิดกับวงการดนตรี แต่ที่เลือกมาฝึกงานด้านนี้เพราะเป็นคนชอบเขียนชอบอ่าน และอยากเรียนรู้ความคิดของนักเขียนคนอื่น ๆ ด้วย “ก็สวยสมคำร่ำลือ”


“จริงเหรอวะ! มีแฟนรึยัง” ตงตื่นเต้นเข้าไปใหญ่


“มีแล้ว”


“หล่อกว่ากูไหม” เพื่อนตัวดีถามแล้วก็หันไปขอความเห็นจากรอบข้างว่าตนหล่อพอจะมีสิทธิหรือไม่


“หล่อกว่าไหมกูไม่รู้ รู้แต่โดยรวมแล้วเขาเหนือกว่ามึงทุกอย่าง”


“หึ ใคร ๆ ในโลกล้วนเหนือกว่ามันทั้งนั้นแหละ” เอกซ้ำเติมเรียกเสียงฮาครืนรอบวง


“เขาเป็นใครวะ กูจะไม่มีสิทธิเป็นคู่แข่งเลยเหรอ”


“นี่มึงจริงจัง?”


“ก็ไม่จริงจังขนาดนั้น แต่กูหมั่นไส้ละ ว่าแต่มึงรู้ไหมว่าใครเเป็นแฟนคุณดาว”


“ประธานบริษัท”


“ห๊ะ ประธาน!!”


“ไม่ใช่แค่แฟนธรรมดา แต่เขากำลังจะแต่งงานกัน”


“เพราะเป็นวัยรุ่นจึงเจ็บปวด~~~~” ตงแสร้งยกมือกุมอกซ้ายบิดตัวไปมาด้วยสีหน้าประหนึ่งร้องไห้โฮด้วยความเจ็บปวด


“เยอะไปไอ้ห่า!”


หลังคำด่านั้นก็มีอีกหลายประเด็นที่พูดคุยกัน ไล่ตั้งแต่ที่ฝึกงานของคนอื่น ๆ ที่เล่ากันอย่างเมามัน สนุกบ้างโหดบ้างก็บ่นกันไป กว่าจะย้ายก้นออกจากร้านนั้นได้ก็ปาไปสองทุ่ม ใกล้เวลาร้านปิดเต็มที


。。。。。


แม้จะเรียนอยู่ชั้นปีสุดท้ายและกำลังอยู่ในช่วงฝึกงานแบบใกล้จบเต็มทีของชีวิตนักศึกษา แต่รณณ์ก็ยังใช้ชีวิตในหอพักแคบ ๆ ห้องเดิมที่เช่ามาตั้งแต่ยังเป็นน้องใหม่ในรั้วมหาวิทยาลัย ด้วยเพราะทำเลที่สะดวกสำหรับการเดินทางไปในหลาย ๆ ที่ แต่ที่สะดวกที่สุดก็เห็นจะเป็นการเดินทางมาที่ฝึกงานแห่งสุดท้ายในชีวิตนักศึกษาปริญญาตรีที่เพียงแค่นั่งรถไฟฟ้าสองสถานีก็ถึงแบบไม่ต้องกังวลสภาพจราจรในแต่ละวันเลยทีเดียว


แน่นอนว่าเช้า ๆ แบบนี้ลิฟต์ทั้งสองตัวก็มีผู้โดยสารแน่นเอี๊ยดทุกรอบ เด็กหนุ่มที่เพิ่งเข้ามาได้ไม่กี่วันก็กลายเป็นหนุ่มฮอตให้พี่ ๆ ทั้งสาวและหนุ่มเต๊าะกันสนุกปากอย่างรณณ์ ยืนรอขึ้นลิฟต์ในช่วงที่คนบางตา แต่พอเข้าไปยืนยังไม่ทันได้กดปิดลิฟต์ เพื่อนร่วมงานอีกหลายคนก็แทรกตัวเข้ามาร่วมรอบเดียวกัน จากที่ยืนกันสบาย ๆ แค่สามสี่คน ตอนนี้ร่างของเขาก็ต้องอันตธานถอยไปยืนชิดมุมขวาสุดเสียแล้ว โชคดีหน่อยที่ตัวสูงกว่าใคร แม้จะอัดแน่นแค่ไหนแต่ก็ยังได้สูดอากาศโล่ง ๆ บ้าง


“สวัสดีค่ะบอกอ”


…บอกอ? คนนี้เหรอวะ?...


ช่วงที่ชุลมุน รณณ์ไม่ทันมองหน้าใครเสียด้วย ไม่รู้เลยว่าเพื่อนร่วมตู้โดยสารนี้มีใครบ้างที่คุ้นหน้าคุ้นตากันอยู่ แต่พอได้ยินบทสนทนานี้ดังขึ้นมาท่ามกลางความเงียบก็ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะสนใจ


รณณ์มองแผ่นหลังกว้างของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นบรรณาธิการของนิตยสารหัวที่เขาเลือกมาฝึกงานด้วยสายตาชื่นชม มองจากตรงนี้ระดับสายตายังอยู่แค่ท้ายทอยของอีกฝ่าย เขาคิดว่าตัวเองสูงทิ้งห่างเพื่อนรุ่นเดียวกันแล้ว แต่คน ๆ นี้กลับสูงกว่าอีก สมาร์ทเสียจนน่าอิจฉา เห็นแค่นี้ก็รู้สึกโลภอยากมองหน้าอีกฝ่ายชัด ๆ แต่มีบุญวาสนาเห็นเพียงแค่ใบหน้าเสี้ยวเดียวยามที่อีกฝ่ายหันไปทักทายพนักงานสาวซึ่งยืนคนละฝั่งกับเขา แต่กลับรู้สึกได้ว่าผู้ชายคนนี้ดูดีมากจริง ๆ สมาร์ทอะไรขนาดนี้นะคนเรา


“สวัสดีครับคุณอนงค์ สบายดีไหมครับ”


เสียงทุ้มน่าฟังดังให้ได้ยินอีกสองสามประโยคก่อนที่เจ้าตัวจะออกไปที่ชั้นสาม ซึ่งเป็นชั้นของฝ่ายบุคคล รณณ์มองตามไปจนบานประตูลิฟต์เลื่อนปิดอีกครั้ง เท่าที่รู้มาบรรณาธิการของนิตยสารหัวนี้ไม่เคยออกสื่อที่ไหนมาก่อน จะมีก็แค่ท่านประธานที่ลงตามหน้านิตยสารและออกงานสังคมโชว์หน้าหล่อเหลาให้สาว ๆ เก็บไปเพ้อฝันกันอยู่บ้าง แต่ก็นะ คนพี่หล่อขนาดนั้น คนน้องจะน้อยหน้าได้อย่างไร

.

.

.

ดูเหมือนว่าเจ้านายที่เขาชื่นชมในใจหนักหนาจะเล่นงานเขาเข้าเสียแล้ว เพราะช่วงสายของวัน บรรดานักศึกษาฝึกงานทุกแผนกถูกฝ่ายบุคคลเรียกตัวไปอบรมหรือพูดกันตรง ๆ ว่าต่อว่าเรื่องการติดบัตรของสำนักพิมพ์ออกไปนอกพื้นที่ที่ไม่เกี่ยวกับการติดต่องานใด ๆ รณณ์ค่อนข้างมั่นใจว่าสาเหตุของการกล่าวตำหนิตักเตือนในครั้งนี้มาจากความเลินเล่อของตน เมื่อวานนี้กว่าจะรู้ตัวว่ายังไม่ถอดบัตรพนักงานออกก็ถึงห้องพักเสียแล้ว บก.สุดสมาร์ทคนนั้นคงไปเจอเข้าที่ใดที่หนึ่งในเส้นทางที่เขาไป พาเพื่อนซวยไปด้วยเลยไอ้รณณ์เอ๋ย

.

.

.

[มีต่อด้านล่างนะคะ]
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-03-2017 09:14:54 โดย ธัญญ์ »

ออฟไลน์ ธัญญ์

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 127
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-4
Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 2 [11/03/17]
«ตอบ #7 เมื่อ11-03-2017 20:37:45 »

เลิกงานเร็วทั้งทีเด็กวัยรุ่นตอนปลายอย่างรณณ์ก็อยากจะเดินเตร็ดเตร่ตามแหล่งชอปปิ้งชิค ๆ ของบรรดาวัยรุ่นหน้าใสบ้าง หาอาหารง่าย ๆ รองท้องเสร็จก็เดินเข้าร้านนั้นออกร้านนี้ ดูสิ่งของตามสไตล์ที่ชอบ แต่ก็ไม่ได้ของติดไม้ติดมือเลยสักร้าน


วันนี้ตั้งใจว่าจะแวะไปเยี่ยมเยียนร้านประจำสมัยเรียนชั้นปีต้น ๆ เสียหน่อย หลังจากที่ไม่ได้มาหลายเดือนแล้ว เมื่อก่อนมาบ่อยแทบทุกเย็นจนพี่ผู้จัดการร้านและพนักงานจำหน้าได้อยู่แล้ว เหตุที่ชอบมาหมกตัวที่ร้านนั้นเพราะเป็นร้านขายหูฟังและแก็ดเจ็ตต่าง ๆ ที่ช่วยเสริมให้สมาร์ทโฟนเครื่องบางอัจฉริยะมากขึ้น


“หวัดดีครับพี่” สมกับที่เป็นร้านฮิตในหมู่เด็กวัยรุ่น เปิดประตูเข้ามาก็มองหาที่ว่างแทบไม่เจอ คนแน่นร้านสม่ำเสมอ อุตส่าห์มาค่ำหน่อยแล้วผู้คนก็ยังไม่บางตา สงสัยครั้งหน้าคงต้องมาช่วงที่ร้านใกล้ปิดเสียแล้ว จะได้มีเวลาดื่มด่ำกับการฟังเพลงผ่านหูฟังแบบต่าง ๆ ได้อย่างเต็มที่


“ไงวะ หายหน้าหายตาไปนานเลยนะไอ้น้อง” ผู้จัดการทักทายกลับมาอย่างสนิทสนม พี่พนักงานคนอื่น ๆ ที่เห็นก็ยิ้มทักทายให้เช่นกัน


“ช่วงนี้ฝึกงานน่ะพี่ วันนี้เลิกเร็วเลยแวะมา คิดถึง”


“คิดถึงของใหม่ล่ะสิมึงอ่ะ”


รณณ์หัวเราะเสียงใสกับถ้อยคำรู้ทันของผู้จัดการหนุ่ม และก็ยิ่งฉีกยิ้มกว้างเมื่ออีกฝ่ายหยิบ ‘ของใหม่’ มาให้ลองทันทีที่ได้ที่นั่ง


“วันนี้ทั้งวันเจ้านี่ฮอตมากจริง ๆ”


นัยน์ตาเด็กหนุ่มลุกวาว มองอินเอียร์แบรนด์ไฮเอนด์ของฝั่งอเมริกาตรงหน้าด้วยความตื่นเต้นกับคำอวดอ้างที่อีกฝ่ายกล่าว รับรู้ได้ทันทีว่าวันนี้หลายคนที่เข้าร้านมาคงได้ลองฟังมันไปแล้ว แต่ก็ยอมสวมต่อเพราะรู้ดีว่าทางร้านทำความสะอาดดีมากทีเดียว


“เจ๋งโคตร!”


ฟังไปได้ไม่กี่วินาทีก็ถึงกับอุทานออกมาด้วยความปริ่มเปรม ปกติเวลาใครหลายคนลองหูฟังมักจะเลือกเพลงที่ว่ากันว่าเหมาะแก่การทดสอบประสิทธิภาพของมันมากที่สุด แต่สำหรับเขา เขามักจะเลิกเพลงที่ชอบมากที่สุดในการลอง เพราะถ้าฟังเพลงที่ชอบมากที่สุดแล้วรู้สึกว่าชอบมากขึ้นไปอีก นั่นก็หมายความว่าหูฟังเส้นนั้นดีจริง


“แน่นอนสิวะ นี่ตัวใหม่เชียวนะเว้ย”


“เป็นโชคของไอ้รณณ์แท้ ๆ” นึกกระหยิ่มยิ้มย่องในใจที่มาได้ถูกวัน เหมาะเจาะอะไรเช่นนี้หนอ เขาชอบฟังเพลงที่เน้นเสียงร้อง และเจ้านี่ก็ตอบโจทย์มากทีเดียว เสียงของนักร้องทั้งหวานทั้งเท่เพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว ไพเราะราวกับถูกขับกล่อมอยู่ข้างหู ยิ่งตอนฟังเสียงคอรัส เขาแทบจะแยกออกเลยด้วยซ้ำว่ามีกันกี่คนและยืนในทิศทางไหนบ้างเพราะเสียงกลางคมชัด เสียงเบสก็กำลังดี  แม้ไม่ดีเท่ารุ่นก่อนที่คนชอบเบสพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าฟิน แต่ก็นับว่าไม่ขัดใจอะไร และแน่นอนว่าดีขนาดนี้ราคาค่างวดมันก็สูงลิ่วเกินกว่าที่นักศึกษาฝึกงานอย่างเขาจะเอื้อมถึง


ทดลองฟังไปอีกหลายเพลงจนลูกค้าหลายคนทะยอยออกจากร้านไปจนบางตา ตั้งใจจะอยู่ต่ออีกสักครึ่งชั่วโมง แต่เพราะสายโทร.เข้าจากผู้เป็นแม่ขัดจังหวะเพลงที่กำลังฟัง เขาจึงต้องล้มเลิกความตั้งใจนั้น


[แม่รออยู่ที่ใต้หอแล้วนะลูก]


แม่บอกอย่างนั้น



รณณ์คืนของให้พี่พนักงาน บอกลาสั้น ๆ ก่อนกุลีกุจอออกจากร้านโดยด่วน ดีหน่อยที่สถานที่แห่งนี้ติดสถานีรถไฟฟ้า การเดินทางที่สะดวกจึงทำให้เบาใจได้ว่าแม่จะไม่รอเขานานเกินยี่สิบนาที
นักศึกษาหนุ่มจับจ้องไฟจราจรอย่างใจจดใจจ่อ สนใจแต่เพียงว่าตนต้องข้ามถนนเส้นนี้ทันทีที่สัญลักษณ์คนขึ้นไฟเขียว


สองขาก้าวข้ามฉับไวอย่างที่ใจต้องการ ก่อนจะสะดุดกับกล้องตัวเล็กทางหางตาในระยะใกล้ อยากจะหันไปต่อว่าต่อขานด้วยเพราะไม่ชอบให้ใครมาถ่ายรูปตนในที่สาธารณะแบบนี้ แต่ด้วยเพราะฝูงชนที่คราคร่ำเต็มทางม้าลายและความเร่งรีบของตน จึงทำอะไรไม่ได้อย่างที่ต้องการหลังจากที่หันไปหาต้นตอแล้วพบแต่เพียงแผ่นหลังสูงแกร่งของใครอีกคนที่เดินก้มหน้าก้มตาเช็คผลงานตัวเองห่างออกไปเรื่อย ๆ


…แล้วกูจะตามขอรูปคืนได้จากไหนวะ?…

.

.

.

“ห้องรกเชียวรณณ์ลูก” คนเป็นแม่บ่นไม่จริงจังนัก รณณ์ยิ้มแหย ความจริงแล้วก็ไม่ได้รกอะไรมากมาย เพียงแต่ผิดวิสัยรักความสะอาดความเป็นระเบียบของเขาไปเสียหน่อย เรียกได้ว่าผิดแปลกไปนิดเดียวก็ไม่รอดพ้นสายตาแม่ไปได้


“ช่วงนี้กลับดึกน่ะครับ เลยไม่ได้ดูแลห้องเท่าไหร่” ลูกชายวัยยี่สิบสองปีฉีกยิ้มหวานที่ถอดพิมพ์มาจากเธอก่อนจะสวมกอดอย่างออดอ้อน “แม่มาอยู่กับรณณ์สิครับ ห้องรณณ์จะได้เรียบร้อยเหมือนเดิม”


“ช่างอ้อนไม่เคยเปลี่ยนเลยนะลูกคนเนี้ย ถ้ามาอยู่กับลูกแล้วใครจะดูแลพ่อล่ะ”


“นะๆๆ มานอนด้วยแค่ช่วงสุดสัปดาห์ก็ได้ รณณ์ว่าง”


“จริง ๆ เลยน้า อ้อนได้ก็อ้อนไป วันไหนมีแฟนแล้วไม่อ้อนแม่เหมือนเดิมละน่าดู”


“ไม่มีทางหรอกครับ ระดับนี้แล้ว แมน ๆ ไม่อ้อนเมียหรอก”


“แหนะ! ลูกคนนี้นี่”


รณณ์ยิ้มแฉ่ง ผละออกมาเมื่อนึกขึ้นได้ว่าแม่มาแบบไม่บอกกล่าวกันล่วงหน้าแบบนี้มีเรื่องอะไรด่วนหรือเปล่า “ว่าแต่ทำไมแม่มาฉุกลหุกนักละครับ”


“ก็มาเซอร์ไพร์สเราน่ะแหละ เผื่อว่าซุกสาวเอาไว้ ลูกจะได้ไหวตัวไม่ทัน”


“โธ่ ผมไม่พาเธอมาอยู่ด้วยกันที่นี่หรอกครับ…” รณณ์พูดด้วยสีหน้าจริงจังจนคนเป็นแม่ยิ้มกว้างด้วยความภูมิใจก่อนจะหุบลงแทบไม่ทันกับประโยคต่อมา “…ผมไปอยู่กับแฟนน่าจะดีกว่า”


“เดี๋ยวเถอะลูกคนนี้”


กอดกันหายคิดถึงแล้วก็พบว่าคืนนี้แม่ไม่ได้ตั้งใจจะมานอนกับเขาอย่างที่เข้าใจ เธอแค่แวะมาดูความเป็นอยู่ของลูกชายคนเดียวก็เท่านั้นก่อนที่พ่อของรณณ์จะมารับหลังจากไปทำธุระเรื่องงานมา


รณณ์เป็นเด็กต่างจังหวัดในภูมิภาคใกล้เคียง ไม่ไกลจากเมืองหลวงมากกว่าสี่ชั่วโมง แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็กลับบ้านไม่บ่อยนัก ยิ่งช่วงฝึกงานแบบนี้ด้วยแล้ว ถ้าพ่อกับแม่ไม่ขึ้นมาหา เขาก็คงไม่ได้เจอหน้าพวกท่านเท่าไหร่


ส่งพ่อกับแม่เรียบร้อยแล้วก็กลับขึ้นมาอาบน้ำให้สบายตัว ชีวิตประจำวันก่อนเข้านอนก็คือการเคลียร์โซเชียลมีเดียทุกช่องการติดต่อที่ตกค้างในระหว่างวัน รวมไปถึงการตามอ่านทวีตที่ถูกโพสและถูกรีทวิตโดยแอคเคาท์ @DEANada


แต่ยังไม่ทันได้เช็คอะไร การแจ้งเตือนที่ดังขึ้นเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ตัวนั้นมีสิ่งที่ทำให้เขาต้องพุ่งตรงเข้าไปหาก่อนเป็นอันดับแรก


…อินสตาแกรมของคุณดีน…


นัยน์ตาเบิกกว้างเผลอเด้งตัวขึ้นจากที่นอนมาจ้องมองรูปบนหน้าจอชัด ๆ รูปคนเดินสวนกันผ่านหน้ากล้องในโทนสีอ่อนนี่ มองอย่างไรก็เป็นเขาแน่ ๆ


แม้จะตกใจที่พบว่าตัวเองไปอยู่ในรูปของคนที่ ‘แอบปลื้ม’ แต่จากเดิมที่รู้สึกไม่พอใจ รณณ์ก็รู้สึกนับถืออีกฝ่ายไม่น้อยที่เคารพสิทธิส่วนบุคคลมากพอที่จะไม่ถ่ายให้เห็นหน้าของทุกคนในรูป คงจะมีแต่เพียงเจ้าตัวเท่านั้นที่รู้ว่านั่นคือตัวเอง


…เราคลาดกันอีกแล้วสินะคุณดีน...



DEAN ผมชอบถ่ายรูปคนกำลังเดิน ไม่ว่าจะเดินผ่านหน้าหรือเดินจากไป ล้วนบ่งบอกว่าทุกคนมีจุดหมายปลายทางของตัวเองทั้งสิ้น #ขออนุญาตคนในรูปด้วยครับ



ล้มตัวลงนอนอีกครั้งพร้อมรอยยิ้ม ไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะมีความสุขได้มากขนาดนี้ มองจ้องรูปตัวเองอยู่อย่างนั้นจนส่วนลึกของสมองเรียกร้องให้รีบเช็คโซเชียลมีเดียอื่นแล้วนอนเสีย รณณ์ไล่อ่านไล่ตอบทุกหน้าแชทแล้วก็กดเข้าแอพฯรูปนกสีฟ้า หน้าไทม์ไลน์คือสิ่งสุดท้ายที่สนใจ และจะไล่อ่านเฉพาะวันที่ไม่ง่วงเท่านั้น แต่ถ้าวันไหนทั้งเพลียทั้งง่วงอย่างวันนี้ เขาก็ยังถ่างตาไล่อ่านหน้าแอคเคาท์คุณดีนก่อนอยู่ดี เรื่องราวมากมายที่ถูกรีทวิตไว้มีแทบจะทุกวงการ ทั้งมีสาระและไม่มีสาระ ตลกขบขันไปวัน ๆ ชวนก่อดราม่าให้คนนอนดึก ข่าวสารที่น่าเชื่อถือ ไล่อ่านแล้วกดรีทวิตต่อบ้างจนมาถึงทวีตที่เจ้าตัวโพสเองเมื่อสามชั่วโมงก่อน ตาปรอยปรือที่ใกล้จะปิดเต็มทีแล้วถึงได้เบิกโผลงขึ้นราวกับคาเฟอีนในร่างกายเพิ่งออกฤทธิ์!


ไม่ต้องสงสัยเลยว่าหลังจากเดินสวนทางกันที่ถนนเล็ก ๆ เส้นนั้น อีกฝ่ายจะมุ่งตรงไปที่ใด หากไม่ใช่ที่เดียวกับที่เขาเพิ่งจากมา!








TBC.
--------------------------------------------------------
ด้วยรักและขอบคุณ

ธัญญ์
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-03-2017 09:15:24 โดย ธัญญ์ »

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 2 [11/03/17]
«ตอบ #8 เมื่อ11-03-2017 22:48:18 »

ชื่อเรื่องนี่สำหรับหนุ่มน้อยนามรณณ์ของเราหรือเปล่านี่ ฮา

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 2 [11/03/17]
«ตอบ #9 เมื่อ11-03-2017 22:52:56 »

 :pig4: :pig4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 2 [11/03/17]
« ตอบ #9 เมื่อ: 11-03-2017 22:52:56 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ saccarrum

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 2 [11/03/17]
«ตอบ #10 เมื่อ12-03-2017 11:50:14 »

ขอเป็นติ่งคุณดีนด้วยได้ไหมคะน้องรณณ์
ชอบบบบบบบบบ  :mew1:
นางรู้สึกเหมือนเราเลย พอดื่มกาแฟหลายๆแบบ นานๆเข้าก็รู้สึกว่ามันรสชาติเหมือนกันไปหมด
รอเขาหากันจนเจอค่ะ  :pig4:

ออฟไลน์ darinsaya

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 2 [11/03/17]
«ตอบ #11 เมื่อ12-03-2017 14:49:54 »

 :o8: :o8: :o8:

ออฟไลน์ ธัญญ์

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 127
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-4
Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที 3 [17/03/17]
«ตอบ #12 เมื่อ17-03-2017 21:00:24 »


ห า กั น จ น เ จ อ


ตอนที่ #03




   


เวลาว่างหลังเลิกงาน อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง ดีนมักพกพาเจ้ากล้องมิลเลอร์เลสตัวโปรดออกไปหาแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงานตามที่ต่าง ๆ แทนการนั่งดื่มกาแฟในร้านประจำ

   
นานทีปีหนจะได้มาปล่อยแก่ในย่านวัยรุ่นสักครั้งก็ไม่พลาดสังเกตวิถีชีวิตความเป็นไปของเด็กรุ่นหลัง รับรู้มาสักพักใหญ่ ๆ แล้วว่าแตกต่างกับรุ่นเขาอยู่มากโข แต่ไม่คิดว่าสองสามปีมานี้จะมากกว่าที่เคยคิดไว้

   
แต่จะว่าไป วิถีชีวิตของเด็กวัยรุ่นสมัยนี้ก็น่าสนใจไม่น้อย นิตยสาร LIVE (ไลฟ์) ปักษ์หน้า เห็นทีต้องหยิบเรื่องนี้มาเป็นเมนหลักของเล่มเสียแล้ว

   
นิ้วเรียวยาวกดปุ่มชัตเตอร์ครั้งแล้วครั้งเล่า แต่เพราะเลือกโหมดเงียบที่เหมาะกับการถ่ายแนวสตรีทจึงไม่มีเสียงชัตเตอร์ดังรบกวนคนรอบข้างให้หงุดหงิดใจ

   
สองขาก้าวเดินเข้าซอยนั้นออกตรอกนี้ ยิ่งยามมืดค่ำแสงไฟจากตึกก็ยิ่งท้าทายคุณภาพของกล้อง ดีนไม่ใช่คนชอบรัวชัตเตอร์แบบไม่คิด ทุกครั้งที่กดปุ่มนั้นเพื่อเก็บภาพ เขาต้องมั่นใจแล้วว่ามันจะได้ภาพที่ดีที่สุด ตรงใจและไม่มีการลบทิ้งทีหลัง เพราะเคยชินกับการใช้กล้องฟิล์มมาก่อน ฟิล์มที่ถูกใช้แล้วใช้เลยลบภาพทิ้งไม่ได้ ทำให้มีเฉพาะภาพที่จำเป็นเท่านั้นที่ถูกบันทึกลงไป

   
หนุ่มลูกครึ่งสองซีกโลกแวะหาอาหารฟาสฟู้ดง่าย ๆ รองท้องก่อนเปลี่ยนเป้าหมายจากการเดินถ่ายรูปเล่นไปยังร้านขายหูฟังชื่อดังในย่านนี้ ระหว่างทางก็ไม่พลาดที่จะเก็บภาพไปด้วย จนเดินมาถึงร้านในเวลาที่ใกล้ปิดเต็มที

   
เขาชอบความเป็นส่วนตัวที่ไม่ต้องลงทุนเพื่อให้ได้มา เพราะตอนนี้เขานั่งลองหูฟังแบบต่าง ๆ อยู่ในร้านแบบส่วนตัวสุด ๆ ราวกับสั่งปิดร้านเพื่อบริการเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น ทั้งที่จริงแล้วเขาเพียงแค่มาเยือนในเวลาที่ผู้คนบางตาแล้วก็เท่านั้น

   
เพลงที่เขามักใช้ลองหูฟังใหม่ ๆ คือเพลง Closer ของ Travis เพลงที่ให้ความรู้สึกล่องลอยเหมือนคนเสพกัญชาหนัก ๆ ยิ่งโดยเฉพาะในท่อนหลังฮุคแรก ทั้งเสียงร้องและดนตรีเสริมกันจนชวนเคลิ้มฝัน ดีนปล่อยให้ตัวเองตกอยู่ในภวังค์นานจนกระทั่งถูกทักทายจากคนคุ้นเคย

   
“อ้าว มาตั้งแต่เมื่อไหร่ครับคุณดีน” ผู้จัดการร้านทักทายลูกค้าหนุ่มที่หายหน้าหายตาไปนาน นึกในใจว่าวันนี้แปลกนัก มีโอกาสได้ต้อนรับลูกค้าประจำรายเก่าถึงสองคนในเวลาไล่เลี่ยกัน

   
ดีนยิ้มทักทายนำร่องไปก่อนเอ่ยหลังจากถอดหูฟังอินเอียร์ออกแล้ว “เมื่อครู่นี่เองครับ ว่าง ๆ เลยแวะมา”

   
“แล้วนี่มีใครเอาของใหม่ให้ลองรึยังครับ”

   
ดีนเลิกคิ้วข้างหนึ่งขึ้นอย่างฉงนก่อนจะแจ้งแก่ใจเมื่ออีกฝ่ายหันไปหยิบ ‘ของใหม่’ มายื่นให้

   
“แต่มันอาจไม่ถูกใจคนชอบฟังดนตรีอย่างคุณนักนะครับ”

   
ดีนยิ้มรับ แม้พอรู้ว่านับจากนี้จะเกิดอะไรขึ้นกับตน แต่ก็ไม่ปฏิเสธน้ำใจที่อีกฝ่ายหยิบยื่นให้

   
…อืม รู้ใจเหมือนเคย…

   
ตอนฟังแค่อินโทรก็พอไหวอยู่ ไม่ได้น่าเกลียดอะไร แต่พอเสียงร้องดังขึ้นเท่านั้นแหละ ไม่ถูกใจเขาจริง ๆ อย่างที่ผู้จัดการร้านได้ออกตัวไว้

   
เขาชอบฟังดนตรีของเพลงมากกว่า หลายครั้งที่ไม่สนใจเนื้อเพลงว่ามันชวนเศร้า ดราม่าน้ำตาตกแค่ไหน ขอเพียงแค่ท่วงทำนองมันดึงดูดให้เขาสนใจได้มากพอ เขาก็พร้อมจะตกอยู่ในห้วงของเสียงเพลงแล้ว

   
ดีนฟังต่อเล็กน้อยจนจบท่อนฮุคของเพลงเพื่อไม่ให้เสียน้ำใจคนที่อุตส่าห์นำมันมาเสนอให้ เป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้ที่เขาสนใจฟังเนื้อร้องทุกคำแบบนี้เพราะเจ้าหูฟังนี่ทั้งผลักทั้งดันเสียงนักร้องเข้าหูเขาเสียจริง

   
…เพิ่งรู้ว่าเพลงนี้แม่งโคตรดราม่า…

   
สิ่งหนึ่งที่ดีนเคยนึกแปลกใจตัวเองคือคนที่ไม่อินเรื่องความรักอย่างเขากลับเข้าใจอารมณ์ของเพลงว่าแบบไหนเรียกว่าเศร้าจนน้ำตาไหลได้ ทำไมถึงอินกับความเศร้าของเพลงได้มากกว่าการรับฟังเรื่องราวความรักของคนรอบข้าง คิดหาคำตอบให้ตัวเองอยู่ไม่นานก็ได้ข้อสรุปที่ว่าอาจเป็นเพราะทักษะที่สั่งสมมาจากการเรียนคณะอักษรศาสตร์ที่ให้เขาต้องแยกแยะอารมณ์ความรู้สึกที่ถูกถ่ายทอดผ่านรูปแบบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นตัวอักษร เสียง หรือแม้แต่รูปภาพ สิ่งเหล่านั้นคงหล่อหลอมให้เขาเข้าถึงความลึกซึ้งที่ซ่อนในงานศิลป์ได้มากกว่าชีวิตจริง

   
ดีนถอดหูฟังออกแล้วยื่นคืนให้ผู้จัดการร้านที่ยืนยิ้มยินดีอยู่ข้าง ๆ “จริงอย่างที่คุณว่า เจ้านี่ไม่ตอบโจทย์ผมเท่าไหร่”

   
“มันคงเสียใจแย่ คุณเป็นคนแรกที่ปฏิเสธมันเลยนะครับ” ผู้จัดการหนุ่มหัวเราะน้อย ๆ จนคนฟังร่วมผสมโรงไปด้วย “ไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้ มีลูกค้าประจำร้านผมคนหนึ่งมาลอง ไอ้เด็กนั่นพูดลั่นร้านอย่างถูกอกถูกใจว่าเจ๋งโคตร ช่างต่างกับคุณลิบลับ”

   
“ถ้าชอบเหมือนกันก็แย่งกันแย่สิครับ”

   
ผู้จัดการร้านปิดท้ายบทสนทนานั้นด้วยการบอกว่าเห็นด้วยกับความคิดนั้นก่อนจะปลีกตัวออกไปเพื่อให้ลูกค้าหนุ่มได้เสพสุขอยู่ในโลกส่วนตัวอีกครั้ง


   
 
DEAN @DEANada . 1s
เป็นคนชอบนั่งฟังเพลงในร้านขายหูฟัง ผจก.บอกว่ามีของใหม่ให้ลอง อืม เจ้านี่มันเน้นเสียงร้องไปหน่อย ผมชอบพวกเน้นเบสมากกว่า // แต่คุณคงชอบมันสินะ




   
คำถามกว้าง ๆ ที่ไม่ระบุว่าหมายถึงใคร แต่เจ้าตัวรู้ดีว่ากำลังส่งคำถามนี้ไปถึงใครคนนั้นที่ผู้จัดการร้านเพิ่งพูดถึง  ใครสักคนที่ไม่รู้นึกอย่างไรถึงได้เก็บมาคิดอยู่แบบนี้ ฟังจากคำบอกเล่าของผู้จัดการร้านและคุณสมบัติของเจ้าหูฟังสัญชาติอเมริกันนั่นแล้วก็พอจะเดาได้ว่าอีกฝ่ายมีรสนิยมการฟังเพลงอย่างไร แต่ทำไมถึงต้องเก็บมาคิดจนไม่เป็นอันสนใจท่วงทำนองของเพลงโปรดที่เสียงเบสกำลังกระหึ่มได้ที่

   
เมื่อไม่มีสมาธิจะสนใจฟัง ชายหนุ่มจึงตัดสินใจบอกลาทุกคนแล้วออกจากร้านไปก่อนทั้งที่ตั้งใจว่าจะนั่งจนร้านปิด
   
.
   
.
   
.
   
ทั้งที่ควรจะรีบนอนพักผ่อนเพราะพรุ่งนี้มีประชุมหัวข้อหลักของนิตยสารประจำเดือนหน้าตั้งแต่เช้า แต่ดีนยังมีกะใจไล่ดูรูปที่ถ่ายมาวันนี้ กดเลื่อนดูไปเรื่อยจนหมดแล้วย้อนดูอีกครั้ง ตั้งใจจะสรรหารูปที่ชอบที่สุดของวันมาอัพอินสตาแกรมเพื่อเก็บเป็นบันทึกเรื่องราวประจำวัน งานนี้หวยออกที่รูปคนเดินสวนกันตรงทางม้าลายที่ใช้ข้ามถนนเส้นเล็ก ๆ ในตอนที่เขากำลังมุ่งหน้าไปร้านขายหูฟัง

   
โพสลงไปแล้วยังนั่งจ้องมองคนในภาพด้วยความรู้สึกแปลกประหลาด

   
…คุ้นเคย…

   
เด็กวัยรุ่นเชิ้ตขาวกางเกงสแล็คดำที่ดูอย่างไรก็น่าจะเป็นชุดนักศึกษาเดินผ่านกล้องของเขาไป มันแปลกตรงที่เขากำลังรู้สึกคุ้นเคยคนในภาพทั้งที่ถ่ายไม่ติดหน้าเขามาด้วยซ้ำ ด้านข้างแบบนี้ก็ใช่ว่าจะเคยเห็น แต่ทำไมความรู้สึกนี้ถึงได้ติดค้างอยู่ในใจ

   
ดีนตัดใจปิดหน้าจอ โยนมันทิ้งไว้ไม่ไกลตัวนักก่อนหลับตาลงพร้อมความรู้สึกที่ยังคาใจ หากไม่ติดว่าตนต้องมีสมองปลอดโปร่งไปสู้รบกับทีมงานทุกคนในวันพรุ่งนี้ เขาก็จะรื้อรูปที่เคยถ่ายทั้งหมดออกมาดูให้กระจ่างแก่ใจเสียเดี๋ยวนี้
   
.
   
.
   
.
   
“ถ้าพร้อมกันแล้วก็เปิดประชุมเลยนะครับ”

   
คนที่นั่งเป็นประธานการประชุมในวันนี้คือดีน หากครั้งไหนที่เป็นการประชุมเรื่องงาน เขาก็จะใหญ่สุดในฐานะบรรณาธิการ แต่หากเป็นการประชุมบอร์ดบริหาร พี่ชายเขาจะเป็นคนนั่งตำแหน่งนั้นแทน

   
ดีนไม่สนใจงานบริหาร เขายกหน้าที่นั้นให้พี่ชายอย่างไม่อิดออด ด้วยเพราะชอบการลงลุยงานมากกว่ามองภาพรวมจากมุมสูงเหมือนนกอินทรี อีกทั้งยังเข็ดขยาดกับตัวเลขมหาศาลที่พาลให้ปวดหัว แต่นั่นก็ไม่น่าสะอิดสะเอียดเท่ากับการที่ต้องทำงานศิลปะที่รักควบคู่กับการคำนึงถึงการตลาด


…โลกของธุรกิจคือปีศาจตัวร้ายที่คอยทำลายจินตนาการของนักสร้างสรรค์...

   
“เราได้เมนหลักของเดือนหน้าแล้วนะครับ” เด็กหนุ่มไฟแรงคนหนึ่งในสังกัดของว่าที่พี่สะใภ้ที่เขาจำชื่อไม่ได้เกริ่นนำขึ้นมา 

   
“อืม เดือนแห่งความรัก หวังว่าเมนของเล่มคงไกลจากความรักนะ” ดีนพูดดักคอจนอีกฝ่ายลอบกลืนน้ำลาย หันมองหัวหน้าทีมอย่างต้องการความช่วยเหลือ ทว่าหญิงสาวที่ยังปั้นหน้านิ่งตั้งแต่เข้ามากลับไปยอมปริปากพูดอะไร

   
“แต่เดือนแห่งความรัก เราก็ต้องยกความรักมาพูดถึงนะครับ อีกอย่าง ก็ถือเป็นการฉลองที่ความรักของท่านประธานกับพี่ดาวสุกงอมเต็มที่จนลั่นระฆังวิวาห์ด้วย”

   
“เวิ่นเว้อ”

   
คล้ายเป็นการประกาศเจตนากลาย ๆ ว่าตนไม่ยินดีกับงานแต่งของคนทั้งคู่สักเท่าไหร่จนเพื่อนสาวคนสนิทที่นั่งข้างกันต้องเตะขาเตือนสติ

   
ดีนไม่ใส่ใจ ไม่จำเป็นจะต้องเสแสร้ง แม้อาจทำให้หญิงสาวที่นั่งชูคอด้วยใบหน้าเรียบตึงนั่นเสียหน้าไปบ้างก็ตาม “นิตยสารหัวไหน ๆ ก็คงทำเรื่องความรัก เราจำเป็นจะต้องไปตามกระแสด้วยรึไง”

   
“แต่เราจะนำเสนอในมุมที่แตกต่างตามแบบฉบับของเรา รวมถึงนำเสนอเรื่องราวความรักของท่านประธานซึ่งสังคมกำลังจับตามอง มีแต่คนอยากรู้ ยังไงก็ต้องได้รับความสนใจที่ดีแน่ครับ”

   
“คิดว่านี่เป็นไอเดียที่ดีแล้วเหรอ” คราวนี้ชายหนุ่มตั้งใจส่งคำถามไปให้คนเป็นหัวหน้าแผนกแทนลูกน้อง ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่กับการไม่รักษาน้ำใจกันต่อหน้าทีมงานทั้งหมด เพราะดีนถือว่าการถกเถียงเรื่องงานให้จบในที่ประชุมย่อมดีกว่าการเก็บความไม่พอใจไปก่อให้เกิดความบาดหมางนอกรอบ


ดาวหันมามองสบ นัยน์ตาเรียบเฉยไม่แพ้อีกฝ่าย “ขอโทษที่อาจไม่ถูกใจบอกอนะคะ เพียงแต่ทีมของฉันเห็นพ้องต้องกันว่าน่าทำ ฉันก็เลยให้พวกเขาลองเสนอคุณดู”


“ไม่มีความสามารถพอจะห้ามลูกน้องเหรอ”


“ปากหมา” ผิงที่นั่งฟังอยู่นานเอ่ยตำหนิเบา ๆ ให้ได้ยินกันสองคน แม้ว่าจะมีคนอ่านปากเธอได้ แต่ก็ไม่ถือเป็นการหักหน้า ‘เจ้านาย’ มากนัก


“เอ่อ คิดไตร่ตรองกันไปก่อนนะคะ ผิงขอตัวบอกอไปปรับทัศนคติสักครู่” กล่าวจบแล้วก็กึ่งลากกึ่งจูงคนตัวโตออกจากห้องโดยที่อีกฝ่ายไม่เต็มใจสักนิด ห้องประชุมเล็กที่อยู่ติดกันคือสถานที่ ‘ปรับทัศนคติ’ ที่ผิงเลือก


“เป็นบ้าอะไรอีกเนี่ย” ผิงถามอย่างอ่อนใจหลังจากที่ดันอีกฝ่ายเข้ามาในห้องด้วยกันพร้อมปิดล็อคประตูเรียบร้อยแล้ว


ดีนทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ ยกขาขึ้นไขว่ห้าง ท่าทางไม่ทุกข์ร้อนผิดกับอารมณ์คนที่กำลังยืนต่อว่าอยู่ตรงหน้า “ฉันยังไม่ได้ใช้อารมณ์เลยสักนิด เหตุผลล้วน ๆ”


“เหตุผลกวนประสาทน่ะสิ”


“แล้วเธอคิดว่าไอ้ไลฟ์ฉบับเลิฟนั่นมันดีพอเหรอวะ กุมภาฯทีไรก็เล่นเรื่องความรักทุกที น่าเบื่อ”


ผิงจะไม่อะไรเลยถ้าหากคำปิดท้ายนั้นไม่ใส่อารมณ์ตามคำพูดมาเต็มที่จนอดกลอกตามองบนทีล่างทีไม่ได้ หมั่นไส้พ่อคนไม่อินเรื่องความรักเหลือประมาณ “ก็เพราะว่าเป็นกุมภาฯไง เรื่องความรักมันถึงได้น่าสนใจ ถึงจะมีทุกปี แต่ก็ใช่ว่าเราจะทำออกมาเหมือนกันซะหน่อย”


“ไม่เหมือน เพราะเล่มนี้นำเสนอเรื่องราวของประธานบริหารกับหัวหน้าคอลัมนิสต์น่ะเหรอ ที่ฉันห้ามก็เพราะหวังดีหรอกนะ กลัวว่าตีพิมพ์ไปแล้วสุดท้ายไม่ได้แต่ง จะอายไปมากกว่านี้”


“ปากเสีย!” แม้จะด่าเพื่อน แต่ก็ทำให้ผิงเอะใจอยู่เหมือนกัน ปกติแล้วดาวก็ไม่ใช่คนชอบเอาความรักมาป่าวประกาศ นึกสงสัยในคราแรกว่าทำไมถึงยอมให้ลูกน้องในทีมนำเรื่องของเธอมาเขียนเป็นเมนของเล่ม อาจเป็นเพราะเจ้าตัวยังไม่อยากให้ใครรู้ว่างานวิวาห์ของเธอมีโอกาศล่มสูงขนาดไหนก็เป็นได้


“แต่ก็ได้ข่าวมาว่าเด็กมันวางคอนเซ็ปต์แต่ละคอลัมน์ไว้หมดแล้วนะ”


“เด็ก?”


“อือ เด็กฝึกงานแผนกพี่ดาวไง เจ้าของไอเดียนี้”


“เหอะ! เด็กนั่นอินเลิฟรึไงหรือคิดว่าการเกาะกระแสข่าวสังคมจะช่วยให้หนังสือดังได้”


“พาล”


“…?”


“นายไม่มีความรักก็อย่าขวางโลก ไว้นายเจอคนที่ทำให้รู้จักความรักเมื่อไหร่ ขี้คร้านจะออกไลฟ์ฉบับเลิฟทุกเดือน”


“เหอะ! ไม่มีทาง”


บทสรุปของการประชุมในวันนี้คือดีนต้องยอมอ่อนให้กับทีมคอลัมน์ แม้ธีมหลักของเล่มจะผ่านด้วยความฝืนใจเต็มที แต่ดีนก็ยังไม่ยอมแพ้เสียทีเดียว ผู้มีอำนาจสูงสุดในการจัดทำให้การบ้านฝ่ายนั้นไปคิดออกแบบทั้งเล่มมานำเสนอในวันจันทร์หน้าซึ่งเหลือเวลาเพียงแค่สี่วันเท่านั้น หากครั้งนี้ไม่ถูกใจ คงไม่ยอมให้ไลฟ์ฉบับเลิฟเกิดขึ้นแน่นอน!


。。。。。


คืนวันอาทิตย์ที่อาจจะหนักหน่วงสำหรับทีมคอลัมน์แต่ไม่ใช่สำหรับบรรณาธิการหนุ่มหล่อ เพราะเขามีนัดนั่งชิลกับเพื่อนสมัยมัธยมที่ร้านอาหารกึ่งผับแห่งหนึ่ง

   
มองไปรอบร้าน ก็พบว่าบรรยากาศดีทีเดียว ร้านนี้เพื่อนที่ชื่อธันวาเป็นคนนัด ได้ยินมาว่าเป็นร้านของเพื่อนของบอมพ์ คนที่ธันวาเคยแนะนำให้รู้จักสมัยเรียนแล้วบอกว่าพ่อมันเป็นแพทย์ประจำตระกูลเขา หย่อนก้นลงนั่งแล้วก็มองคู่รักที่ความรักไม่เคยจืดจางตามกาลเวลาฝั่งตรงข้ามด้วยความหมั่นไส้ จริง ๆ ก็มองตั้งแต่เห็นระยะไกลแล้ว ผู้ชายคนนั้นวางแขนพาดเก้าอี้เพื่อนของเขาแสดงความเป็นเจ้าของออกนอกหน้าสะดุดตาเสียอย่างนั้น

   
“ถ้ารู้ว่ามึงพาแฟนมาด้วย กูจะไม่มา”

   
“เพื่อนมึงวอนส้นตีนกู”

   
“อย่าถือสาดีนดิพี่แรม” หนุ่มน่ารักที่สุดในกลุ่มนามว่าธันวาหันไปมองค้อนไอ้พี่แรมอย่างน่ารัก เออ มันน่ารัก แต่ไม่ถึงกับสาว ธันวาก็เป็นผู้ชายแมน ๆ เป็นคนหล่อที่ได้แฟนหล่อกว่า ได้กันไปได้กันมาก็ชักจะกลายเป็นหนุ่มหน้าตาน่ารักขึ้นทุกวัน ส่วนไอ้พี่แรมของมันก็เป็นผู้ชายที่เท่ฉิบหาย  เท่จนน่าหมั่นไส้ คนอะไรจะเท่ทั้งภาพลักษณ์ทั้งความคิด แถมสองคนนี้ยังเป็นหมอด้วยกันทั้งคู่อีก

   
“มึงก็วอนตีนจริงอย่างที่พี่แรมว่านั่นแหละไอ้ดีน ไม่มีอะไรก็ทำให้มันมีขึ้นมาได้นะไอ้ห่า”

   
ดีนไหวไหล่ ไม่สนใจ รับแก้วที่เพื่อนชงให้มาดื่มอย่างสบายใจ เพื่อนกลุ่มนี้คือเพื่อนที่สนิทตั้งแต่ตอนเรียนมัธยม มีสมาชิกกันทั้งหมดหกคน สองในหกเป็นหมอ นอกจากธันวาคนน่ารักก็มีไอ้เก่งอีกคน ไอ้นี่มันเก่งสมชื่อ เป็นที่พึ่งพาของเพื่อนได้ทุกเรื่องจริง ๆ ส่วนคนที่ชงเหล้าให้เขาเมื่อครู่นี้ชื่อทีม หมอนี่ชงเหล้าเก่งชนิดที่ถูกใจเพื่อนทุกคน อีกสองคนเป็นแฝดนรก คนหนึ่งโอม คนหนึ่งนะโม แม่มันตั้งชื่อตามคำขึ้นต้นบทสวด มาหมดทั้งพุทธทั้งพราหมณ์ แม่คงหวังให้ลูกขึ้นสวรรค์  แต่พวกมันไม่มีศาสนาในจิตใจ วัน ๆ คิดแต่เรื่องลงนรก 

   
ดื่มเหล้าพลางฟังเพลงบ้างฟังเพื่อนพูดบ้าง สายตาก็มองสำรวจไปทั่วร้านตามประสาคนช่างหาแรงบันดาลใจในต่างที่ บางมุมเห็นแล้วก็อดคิดไม่ได้ว่าถ้าหากร้านเปิดตอนกลางวัน เขาคงต้องหาเวลาสักสองสามชั่วโมงมาหมกตัวอยู่ที่นี่

   
มองไล่ไปทั่วก่อนมาหยุดสายตาที่คู่รักตรงหน้า สองคนนั้นก็ไม่ได้พลอดรักอะไรกันนัก ธันวาไม่ใช่คนชอบทำอะไรประเจิดประเจ้อต่อหน้าเพื่อนฝูง แต่ทั้งที่นั่งข้างกันเฉย ๆ แบบนั้น ทำไมถึงรู้สึกได้ถึงความรักที่แผ่กระจายออกมา

   
และสงสัยจะเพราะว่าจ้องนานเกินไป แขนแกร่งที่เคยวางพาดเก้าอี้ถึงได้เลื่อนขึ้นมาคล้องคอคนข้าง ๆ


ดีนหัวเราะหึ


...ยังไม่เลิกหวงอีกเหรอ…


“ไอ้ดีน มึงมองพวกมันทำไมวะ ไอ้พี่แรมจะแดกหัวมึงอยู่ละ” มือชงของกลุ่มสะกิดถามอย่างหวาดกลัว


ใคร ๆ ก็กลัวแรมกันทั้งนั้น จะมีก็แต่ดีนที่ไม่สนใจอะไร หนำซ้ำยังกล้ากวนประสาทอีกฝ่ายอยู่บ่อยครั้ง


“ไอ้ธันว์…ทำไมมึงถึงยังคบกับเขาวะ”


“ไอ้ห่า!” เพื่อนฝูงรอบวงพร้อมใจกันสรรเสริญความกล้าของเขา แต่ดีนไม่สนใจ ไม่แม้แต่จะหวาดหวั่นกับอารมณ์คุกรุ่นของคนที่ถูดพาดพิงเลยสักนิด


“ถามอะไรของมึงไอ้ดีน ไอ้ห่านี่ไม่เคยตายจริง ๆ ด้วยสินะ” เก่ง คนที่สนิทสนมกับแรมมากกว่าเพื่อนคนอื่นของธันวาเอ่ยเตือนอย่างหวาดกลัวตามประสาคนในวงการเดียวกัน รู้จักมักคุ้นกันมาเนิ่นนาน


“ผิดตรงไหน กูไม่ได้ถามว่าเมื่อไหร่มันจะเลิกกันสักหน่อย”


“แล้วมันต่างกันตรงไหนวะ!!” สี่เสียงประสานกัน ขณะที่คู่รักที่ตกเป็นประเด็นยังคงเงียบ ฝ่ายเพื่อนเขานั่งทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก ทั้งคอยปรามคนรักไม่ให้ลุกพรวดไปเอาเรื่องเพื่อนสนิท ทั้งคอยส่งสายตาให้เพื่อนหยุดพูดในสิ่งที่ชวนให้บรรยากาศมันแย่ไปมากกว่านี้


…ทว่าดีนก็ยังคงเป็นดีน…สงสัยอะไรก็ถาม...


“มันคนละเจตนาเว้ย ถ้าถามว่าเมื่อไหร่จะเลิกกัน มันเนกาทีฟ เหมือนกูไม่พอใจที่พวกมันคบกัน อยากให้เลิกกันเร็ว ๆ แต่ที่ถามว่าทำไมยังคบกันเพราะกูอยากรู้ความรู้สึกของมันเว้ย อยากรู้ว่าทำไมถึงคบกันได้นานขนาดนี้”


“เออ เอากับมัน ไอ้บอกอขี้สงสัย” โอมถึงกับปลงตก ยกมือกุมขมับ เดือดร้อนแฝดน้องต้องช่วยนวดคลึงให้


“ก็รัก…” เสียงแผ่วเบาดังขึ้นท่ามกลางความเงียบเรียกทุกคนให้หันไปมองกันเป็นตาเดียว ธันวาตอนนี้สองแก้มแดงซ่านด้วยความขวยเขิน “กูรักพี่แรม พี่แรมรักกู”


แรมเลื่อนมือข้างที่พาดคอขาวขึ้นอีกระดับ จนตอนนี้มันวางแหมะและลูบเส้นผมของคนรักด้วยความเอ็นดู


“ง่าย ๆ แค่นั้นเหรอ”


“มันไม่ง่ายหรอกนะดีน”


“แล้วทำไมฟังดูง่าย”


“กูจะอธิบายยังไงดีวะ” ธันวาขยี้หัวด้วยความสับสน “กูไม่รู้ว่าคนอื่นคิดยังไงนะ แต่สำหรับกู มันเลยจุดที่รักกันหวือหวาแล้ว ความหวานมันก็ยังมีอยู่ตามประสาคนรักกัน แต่ที่เพิ่มมาคือมันเป็นความรู้สึกที่เราอยากใช้ชีวิตในทุกห้วงขณะไปกับเขาอ่ะ มึงเข้าใจไหม”


“ทุกห้วงขณะเลยเหรอ”


“กูไม่ได้หมายความว่าต้องอยู่ด้วยกันตลอดเวลานะ แต่หมายถึงว่าเราพร้อมจะแชร์ทุกเรื่องราวที่เกิดขึ้นในชีวิตกับเขาคนนี้ ทั้งเรื่องของเราและเรื่องของเขา เราอยากให้ทุก ๆ วันของเรามีเขาอยู่ด้วยกัน บางเรื่องไม่ต้องพูดไม่ต้องเล่าให้ฟังกันก็ได้ แค่เขานั่งอยู่ข้าง ๆ ก็ดีต่อใจแล้ว ความรักมันไม่มีนิยามตายตัวหรอก พี่แรมเองก็ยังคิดไม่เหมือนกูเลยด้วยซ้ำ วันหนึ่งเมื่อมึงมีความรัก มีใครสักคนที่ทำให้รู้สึกว่าอยากอยู่ด้วยกันแบบคู่ชีวิต มึงอาจจะรู้สึกต่างหรือเหมือนกันกับกูก็ได้”


“กูจะพยายามเข้าใจ”


“กูไม่แปลกใจเลยทำไมมึงถึงไม่เคยมีแฟน” คราวนี้แรมเอ่ยออกมาบ้าง “อย่าโทษว่าเพราะปากหมาเลยไม่มีใครชอบนะ เพื่อนมึงก็ปากหมากันทั้งนั้น กูเองก็ปากหมา ยังมีแฟนเลย”


“ที่มันไม่มีก็เพราะว่ามันเลือกต่างหากล่ะพี่” เก่งแย้งแทนเพื่อน เพราะเป็นที่รู้กันว่าไม่ว่าใครเข้าหาดีนมากแค่ไหน แต่มันก็ไม่เคยเล่นด้วยสักราย


“มึงจะด่าว่ากูไม่เลือก?”


“ปะ เปล่านะพี่” เก่งยกมือโบกพัลวันก่อนที่ธันวาจะพาลโมโหไปอีกคน “แต่ไอ้ดีนมันรอพรหมลิขิต”


“กูไม่เชื่อในพรหมลิขิต”


“เอากับมันสิวะ” คราวนี้โอมต้องเป็นฝ่ายนวดขมับให้แฝดน้องบ้างแล้ว


“กูแค่เชื่อในเรื่องของเวลาที่เหมาะสม”


“เออ ไอ้ห่า ฟังมึงพูดแล้วพวกกูปวดหัวฉิบหาย” ทีมบ่นก่อนจะซดเหล้าที่เริ่มจืดจนหมดแก้ว


“หมายถึงผิง?” ธันวาเลิกคิ้วถาม


“เกี่ยวอะไรกับผิงวะ นั่นของกูนะเว้ย” ไอ้คนติ๊ต่างว่าเขาเป็นของตัวร้องโวยวายใหญ่


“เขาไม่ชอบมึงหรอก เลิกโง่เถอะไอ้เก่ง” นะโมตบหัวเพื่อนไปหนึ่งฉาด เทียวไล้เทียวขื่อตั้งแต่เจอกันครั้งแรกตอนปีหนึ่งที่ยกโขยงกันไปหาดีนที่คณะ แต่ก็อย่างที่นะโมว่า เก่งไม่เคยอยู่ในสายตาเธอเลย


“ผิงไม่ได้ชอบกู กูก็ไม่ได้ชอบผิง”


“มึงแน่ใจเหรอวะ” คราวนี้แฝดพี่ถามย้ำ


“กูไม่จำเป็นต้องเอาเรื่องของเพื่อนมาป่าวประกาศ”


“หมายความว่ากูยังมีสิทธิ” เก่งยืดตัวพูดอย่างมีหวัง


“มึงยังหวังอยู่อีกเหรอไอ้หมอควาย!”


“สัด กูรักษาคน”


หลังจากนั้นก็เป็นการพูดคุยสังสรรตามประสาเพื่อนฝูงจนไม่มีใครทันได้สังเกตคนที่เงียบไปอย่างดีนนอกจากคู่รักตัวอย่างของกลุ่ม แรมลูบไหล่คนรักด้วยเพราะรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นห่วงเพื่อน ขณะที่ดีนกำลังครุ่นคิดถึงคำตอบของธันวา คิดตรึกตรองอยู่นานก็ยึดเป็นข้อสรุปให้กับทุกคู่รักที่ตัดสินใจอยู่ด้วยกัน



In reply to DEAN
DEAN @DEANada 4s
@DEANada คงเป็นเพราะอยากอยู่เคียงข้างกันในทุก ๆ วัน #เหรอวะ




ดีนละจากหน้าจอหลังจากรัวนิ้วพิมพ์ตอบทวีตของตัวเองเมื่อหลายวันก่อน ใบหน้าที่เป็นส่วนผสมของสามเชื้อชาติอย่างลงตัวเงยขึ้นในจังหวะที่เพลงโปรดของใครหลายคนดังขึ้น ก็คงจะโปรดจริง เพราะคนเกือบทั้งร้านพร้อมใจกันเปล่งเสียงร้องเนื้อเพลงท่อนแรกไปพร้อมกับนักร้องบนเวที



‘ฉันโชคดีเหลือเกินที่ได้ตื่นมาพร้อมเธอ อีกครั้ง’



ให้ตายเถอะ! มองไปทางไหนก็เห็นคู่รักหันหน้าเข้าหากันพลอดรักกันหวานซึ้งจนต้องเบือนหน้าหนี แต่ก็ดันมาพบกับคู่รักในกลุ่มเสียได้ เป็นครั้งแรกก็ว่าได้ที่เห็นธันวาในโหมดอ้อนแฟนแบบนี้



‘คิดไม่ออกเหมือนกันว่าจะมีโอกาสถึงวันไหน’



ธันวาเอียงคอจนศีรษะอิงซบลาดไหล่คนรักถู ๆ ไถ ๆ ท่าทางเหมือนลูกแมวอ้อนเจ้าของ อีกฝ่ายก็ลูกผมธันวาอย่างแสนรักแสนหวง นัยน์ตาที่เพื่อนเขาบอกว่าดุและพากันกลัวจ้องมองธันวาด้วยสเน่หาเต็มเปี่ยม



‘อยากจะบอกว่ารัก ฉันรักเธอ อยากจะบอกให้รู้ ให้เข้าใจ เผื่อฉันไม่มีโอกาสบอกเธออีกต่อไป ให้เธอจำคำ ๆ นี้เอาไว้’



‘…ว่าฉันรักเธอ’


ให้ตายเถอะ! ทำไมเขาต้องนั่งจ้องสองคนนั้นพลอดรักกันจนอ่านปากเพื่อนผู้น่ารักได้เป็นประโยคชวนเลี่ยนนั่นด้วย




DEAN @DEANada . 1s
ฉันโชคดีเหลือเกินที่ได้ตื่นมาพร้อมเธอ อีกครั้ง // นี่สินะความรู้สึกของคู่รักที่(ยัง)อยากอยู่ด้วยกัน









TBC.
-------------------------------------------------
การที่คน 2 คน จะโคจรมาพบกันนั้นไม่ง่าย
เป็นกำลังใจให้ดีนกับรณณ์ด้วยนะคะ

ด้วยรักและขอบคุณ

ธัญญ์
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-03-2017 12:30:34 โดย ธัญญ์ »

ออฟไลน์ fahsai

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 815
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-2
Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที 3 [17/03/17]
«ตอบ #13 เมื่อ17-03-2017 23:05:25 »

ชอบค่ะ พี่ดีนดูขว้างโลกมาก จะรอวันที่พี่ดีนมีความรักนะคะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-03-2017 00:51:01 โดย fahsai »

ออฟไลน์ Jthida

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1549
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-3
Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที 3 [17/03/17]
«ตอบ #14 เมื่อ17-03-2017 23:31:27 »

ไม่ชอบก็อย่าพาลสิ อะไรจะขนาดน้านน

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที 3 [17/03/17]
«ตอบ #15 เมื่อ17-03-2017 23:52:34 »

รณณ์ฝึกงานอยู่แผนกไหนนี่

ออฟไลน์ donutnoi

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-7
Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที 3 [17/03/17]
«ตอบ #16 เมื่อ18-03-2017 14:36:46 »

สนุกค่ะ  :L2:   รอให้ทั้งสองเจอกันไวๆ แล้วจะเป็นยังไงต่อในเมื่อชอบกันคนละแนว

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที 3 [17/03/17]
«ตอบ #17 เมื่อ18-03-2017 20:59:59 »

 :L2: :pig4:

มามา ค้นใจพี่ดีนกัน

ชอบอ่านเรื่องนี้ :katai2-1:

ออฟไลน์ saccarrum

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที 3 [17/03/17]
«ตอบ #18 เมื่อ19-03-2017 16:40:02 »

คุณดีนไม่ชอบอะไรดาว บาดหมางอะไรกันนะ??
แต่พี่แรมกับธันวาทำเขินอ่ะ  :L2:

ออฟไลน์ maekkun

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 223
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที 3 [17/03/17]
«ตอบ #19 เมื่อ19-03-2017 17:43:11 »

 :pig4: :pig4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที 3 [17/03/17]
« ตอบ #19 เมื่อ: 19-03-2017 17:43:11 »





ออฟไลน์ stickyyrice

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5
Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที 3 [17/03/17]
«ตอบ #20 เมื่อ19-03-2017 17:48:30 »

ชอบอะ

ออฟไลน์ knxiiviii

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 90
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที 3 [17/03/17]
«ตอบ #21 เมื่อ19-03-2017 21:23:51 »

กด follow ตามติดแอคเคาท์ดีนด้วยคน ดูมีระบบความคิดทีไม่เหมือนใครดี แค่คิดไม่เหมือนคนอื่นไม่ได้แปลว่าผิดซะหน่อย ใครเป็นคนตัดสินผิดถูก..ลุ้นให้เค้าเจอกันสักที555

ออฟไลน์ ธัญญ์

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 127
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-4
Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 4 [27/03/17]
«ตอบ #22 เมื่อ27-03-2017 09:06:50 »

ห า กั น จ น เ จ อ


ตอนที่ #04







   
สี่วันสามคืนแล้วที่รณณ์ต้องนั่งปั่นงานตามคำสั่ง ‘บก.สุดโหด’ อย่างที่รุ่นพี่ในแผนกกล่าวขาน

   
‘ถ้ารั้นจะทำธีมนี้ให้ได้ ก็หมายความว่าพวกคุณคิดทุกอย่างไว้หมดแล้ว ถึงได้เสียดายนักถ้ามันจะไม่ได้ออกสู่สายตาคนอ่าน ถ้าอย่างนั้น…วันจันทร์หน้าก็นำฉบับเกือบสมบูรณ์มานำเสนอในที่ประชุมด้วยแล้วกัน…เผื่อว่าผมจะรู้สึกเสียดายมันบ้าง’

   
บก.ว่าไว้อย่างนั้น

   
จากคำบอกเล่าของทศรุ่นพี่ในแผนก นั่นคือการกล่าวปิดท้ายความดุเดือดในห้องประชุมที่นักศึกษาฝึกงานอย่างเขายังไม่มีสิทธิเข้าไป

   
ไอเดียในแต่ละคอลัมน์ที่อยากเขียนก็มีอยู่พร้อมจริงอย่างที่บรรณาธิการสุดโหดคนนั้นคาดเดา แต่ก็ไม่ง่ายเลยที่จะเขียนเสร็จทั้งหมดในเวลาเพียงแค่ไม่กี่วัน ยิ่งในภาวะเร่งรีบแบบนี้ สมองก็พาลตีบตันไปเสียหมด เขียนออกมาได้ก็ใช่ว่าจะเป็นที่น่าพอใจ บางหัวข้อปรับแก้แล้วแก้อีก บางหัวข้อก็ต้องเริ่มคิดใหม่เขียนใหม่ทั้งหมด ไม่ง่ายเลยจริง ๆ ที่จะสร้างสรรค์ผลงานออกมาให้ถูกใจคนออกคำสั่งภายในเวลาสั้น ๆ นี้

   
ช่วงในเวลางาน แผนกคอลัมน์ที่เขากำลังฝึกงานภายใต้หัวเรือใหญ่อย่างดาว เคร่งเครียดกันตลอดทั้งวัน หลังเลิกงานแล้วก็พากันมาหมกตัวเพื่อสร้างสรรค์ผลงานต่อที่เพ้นเฮาส์หรูของหัวหน้าแผนกสาว

   
โต๊ะอาหารตัวยาวใกล้ห้องครัวถูกลูกทีมกว่าสิบคนยึดเป็นพื้นที่ทำงาน พิซซ่าถาดกลางหลากหลายหน้าวางกระจายตามกลุ่มคนทั่วทั้งโต๊ะเป็นอภินันทนาการจากเจ้าของห้อง ปกติแล้วเธอไม่ชอบให้ทำงานไปพร้อมกับการรับประทานอาหารสักเท่าไหร่ แต่ครั้งนี้เธอต้องอนุโลม เพราะงานที่ต้องเดินตลอดเวลา ไม่มีใครยืนยันได้ว่าช่วงที่กำลังเคี้ยวอาหารอยู่จะคิดงานไม่ออก ขณะเดียวกันก็ไม่มีใครรับประกันได้เช่นกันว่าสมองจะโลดแล่นในตอนนั้น

   
อีกสองชั่วโมงจะขึ้นวันใหม่ วันของการพิจารณาธีมของฉบับนี้ใหม่อีกครั้ง แต่ต้นฉบับที่อยู่ในมือของหัวหน้าสาวที่มากเกินครึ่งก็ไม่ได้ทำให้ทีมงานสบายใจนัก ต่างก็ขะมักเขม้นเค้นสมองกันกลั่นออกมาเป็นตัวหนังสือที่ตรงใจมากที่สุด

   
ใครบอกว่าเด็กฝึกงานจะไม่ต้องรับผิดชอบหรือเครียดกับงานครั้งนี้มากเท่าคนอื่น เพราะนอกจากจะต้องรับผิดชอบกับไอเดียในแต่ะละคอลัมน์ที่เป็นเหตุสืบเนื่องจากการเสนอไอเดียเข้าตาเพื่อนร่วมทีมแล้ว เขายังมีคอลัมน์ที่ต้องเขียนเองคนเดียวอีกด้วย


ตามกฎของการฝึกงาน นักศึกษาจะต้องเขียนหนึ่งคอลัมน์ของตนเองตามคอนเซ็ปต์ของเล่มในช่วงเดือนที่มาฝึก จะผ่านหรือไม่นั้นก็ขึ้นกับบรรณาธิการเพียงผู้เดียว สิ่งที่หัวหน้าแผนกอย่างดาวทำได้มีเพียงแค่การขัดเกลาและผลักดันเด็กหนุ่มให้ผ่านมันไปอย่างสวยงามให้ได้เท่านั้น


ครืด ครืด


เพราะทุกคนพากันปิดทุกการแจ้งเตือน แต่พอรับรู้ถึงแรงสั่นครืดของเครื่องมือสื่อสารของบางคนบนโต๊ะอาหาร ถึงได้พากันหันมอง สายเรียกเข้าเป็นเพียงช่องทางเดียวของการติดต่อที่ทุกคนไม่ได้ตัดขาด เด็กหนุ่มเจ้าของเครื่องก้มหัวรอบโต๊ะพร้อมเอ่ยขอโทษเบา ๆ  ทว่าไม่มีใครไม่พอใจ ต่างสนับสนุนให้เขาได้พักพูดคุยกับปลายสาย เพราะต่างก็สมองล้าจนต้องการการพักผ่อนกันทั้งนั้น


“หวัดดีครับฝน” รณณ์รับสายทันทีที่พาตนเองออกมายืนสูดอากาศสดชื่นตรงระเบียงชั้นบนสุดของอาหารแห่งนี้


ฝนคือหญิงสาวคนล่าสุดที่เขาพูดคุยด้วยในสถานะที่มากกว่าเพื่อน แต่แน่นอนว่าเธอยังไม่ได้เลื่อนขึ้นไปถึงคำว่าคนรัก ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ได้คุยกับใครหลายคน แม้สถานะจะไม่ชัดเจน แต่รณณ์ก็ไม่เคยดูใจพร้อมกันหลายคนในเวลาเดียวกัน


[รณณ์คะ งานยังไม่เสร็จอีกเหรอ]


“ยังครับ ฝนมีอะไรรึเปล่า แล้วนี่อยู่ไหน เสียงเพลงดังเชียว”


…เผื่อฉันไม่มีโอกาสบอกเธออีกต่อไป ให้เธอจำคำ ๆ นี้เอาไว้ ฉันรักเธอ…


[ก็ออกมาเที่ยวกับเพื่อนไง ฝนชวนรณณ์แล้วนะเมื่อวานอ่ะ]


อ้อ…ลืมไปเสียสนิท แต่ฟังจากเสียงเพลงที่ไม่ดังมากเท่าไหร่ คิดว่าสถานที่ที่หญิงสาวไปคงเป็นแค่ร้านนั่งชิลมากกว่าจะเป็นไนต์คลับ


“ดูแลตัวเองดี ๆ นะครับฝน”


[ถ้าเป็นห่วงก็ตามมาดูแลเองสิคะ]


“ผมต้องทำงานนะฝน”


[ช่วงนี้รณณ์ไม่มีเวลาให้ฝนเลยนะคะ]


ชายหนุ่มยกมือลูบหน้าด้วยความเหนื่อยล้า เหนื่อยไปเสียหมดทั้งกายและใจ แสงสียามค่ำคืนของตึกรามในทิวทัศน์ร้อยล้านแบบนี้ก็ยังไม่ช่วยเยียวยาเลยสักนิด “ผมต้องฝึกงานนะฝน”


[รณณ์ก็อ้างแบบนี้ตลอดแหละ]


เพราะเรียนกันคนละคณะ ช่วงฝึกงานก็ไม่ตรงกัน และทั้งที่เธอก็ผ่านช่วงเวลาแบบนั้นมาแล้ว ทำไมถึงไม่เข้าใจเขาบ้างว่ามันต้องทุ่มเทขนาดไหน


“เรา…หยุดกันแค่นี้ไหมฝน” ไม่ง่าย…แต่ก็ไม่ยากที่จะเอ่ยคำตัดรอน “ผมคงจะไม่มีเวลาให้ฝนไปอีกนาน ผมไม่อยากให้ฝนมาเสียเวลารอ”


[รณณ์…]


“ผมขอโทษ”


[ฝนคิดมาตลอดว่ารณณ์จะหยุดที่ฝน ฝนรอรณณ์ได้นะ]


“อย่ารอเลย” พูดออกไปแทบจะในทันทีแบบไม่ต้องคิด ตกใจตัวเองเหมือนกันที่ไม่คิดเสียดายเวลาที่ศึกษากันมาเกือบครึ่งปี แต่นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาปล่อยให้ความสัมพันธ์ที่ดูจะไปได้ดีต้องจบลงเพียงเพราะรู้สึกว่าไม่ใช่ “ผมขอโทษอีกครั้งนะ”


แม้ฝนจะทำเหมือนเข้าใจและยอมจบกันง่าย ๆ อย่างที่รณณ์ต้องการ แต่เขารู้ว่าลึก ๆ ในใจของเธอนั้นไม่ได้เข้าใจเขาจริง ๆ หลังจากนี้เธออาจจะยังตามตื้อเขาเหมือนเดิม คงติดต่อมาพูดคุยกันเหมือนกับว่าเรื่องที่คุยกันคืนนี้ไม่ได้เกิดขึ้น


นักศึกษาหนุ่มถอนหายใจเฮือกใหญ่ รู้สึกอยากระบายจนต้องกดเข้าแอพพลิเคชั่นรูปนกสีฟ้าที่ไม่ได้เข้าไปนานตั้งแต่วันที่ได้รับคำสั่งเร่งงานจากบรรณาธิการ



RONN
@ronn . 2s
เป็นคนหุ่นดีก็เลยหาไซส์เสื้อใส่ง่าย แต่ก็ยากเหลือเกินที่จะใส่แล้วรู้สึกว่าเข้ากับเรา #ความรักก็เช่นกัน





   
ยอมรับว่าชื่อแอคเคาท์ที่ใช้ตัวพิมพ์ใหญ่ทั้งหมดนั้นตนทำตามคุณดีน ไม่แปลกไม่ใช่หรือที่เขาจะทำตามไอดอลที่ตัวเองชื่นชอบ แต่เดี๋ยวนะ! นี่เขาติดเชื้อคุณดีนมาแล้วหรืออย่างไร ถึงได้ทวิตคล้ายเขาแบบนี้!

   
จะว่าไปก็คิดถึงคุณดีนอยู่เหมือนกัน

   
หลังจากวันที่รู้ว่าคุณดีนมักจะไปนั่งที่ร้านกาแฟแห่งนั้นทุกเย็นหลังเลิกงาน และแม้ว่าจะหมายมั่นว่าจะต้องไปแอบเจอเขาให้ได้ แต่ถึงอย่างนั้นเวลาและภาระหน้าที่กลับไม่เอื้ออำนวยให้ทำแบบนั้นเลยสักนิด ความรู้สึกที่รู้ว่าไอดอลที่เราชื่นชอบอยู่ใกล้แค่เอื้อมและโอกาสเจอกันก็มากขึ้นกว่าเมื่อก่อนที่แทบจะไม่มีทางเป็นไปได้ แต่กลับไปหาไม่ได้ มันก็วูบโหวงในใจไปอีกแบบ

   
รณณ์ดูเวลาบนหน้าปัดนาฬิกาข้อมือ เขาใช้เวลาพักไปเพียงสองสามนาทีเท่านั้น ยังพอมีเวลาให้เอ้อระเหยอีกสักหน่อย เด็กหนุ่มกดเข้าแอคเคาท์ของคนที่จำได้ขึ้นใจเพื่อไล่อ่านความเป็นไปของอีกฝ่าย

   
แต่ทันทีที่เข้าไปเห็นทวิตล่าสุดที่อีกฝ่ายเพิ่งโพส ก้อนเนื้อตรงอกซ้ายก็บีบรัดรัวเร็วอย่างไม่ทราบสาเหตุ ไม่ใช่เพราะอีกฝ่ายเพิ่งอัพเดทมันเมื่อไม่กี่นาทีนี้เอง แต่เพราะเนื้อหาของมันต่างหาก

   
…คุณดีนโพสเนื้อเพลง...

   
เท่าที่ติดตามมานานก็พอให้เขาเก็บเป็นสถิติได้ว่าทุกครั้งที่อีกฝ่ายโพสเนื้อเพลง เขามักจะอยู่ในสถานบันเทิงสักที่ รณณ์ยังจำได้ว่าครั้งหนึ่งคุณดีนเคยบอกเอาไว้ว่าเพราะฟังเพลงในร้านเหล้ามันอินและเข้าถึงเนื้อเพลงได้มากกว่าฟังในรูปแบบอื่น และเพลงที่เพิ่งโพสเมื่อครู่ เขาไม่อยากจะคิดไปเองเลยว่าคุณดีนกำลังนั่งฟังเพลงในร้านเดียวกับหญิงสาวที่เขาเพิ่งตัดสัมพันธ์ไป!

   
หากคืนนี้เขาไปกับเธอ ป่านนี้เขาก็คงจะกำลังมองหาคุณดีนเสียทั่วร้านแล้ว

   
…คลาดกันอีกจนได้…

   
。。。。。

   
สภาพอย่างกับศพ

   
คำนิยามง่าย ๆ สำหรับเหล่าคอลัมนิสต์ของนิตยสารไลฟ์ในเช้าวันจันทร์ ดีหน่อยที่สาว ๆ มีสิ่งที่เรียกว่าเครื่องสำอางช่วยปกปิดรอยไม่พึงประสงค์บนใบหน้าได้ แต่ชายแท้อย่างรณณ์และพี่ ๆ อีกหลายคนในแผนกจำต้องโชว์หลักฐานของการตรากตรำทำงานไปทั่วทั้งออฟฟิต

   
เสียงหัวเราะคิกคักดังนำมาก่อนที่หลังมือของใครบางคนแตะเข้าที่แขนนักศึกษาหนุ่ม ทำเอาเจ้าของที่เดินตาปรือจะหลับแหล่มิหลับแหล่สะดุ้งด้วยความตกใจ


“กาแฟหน่อยไหมรณณ์”


รณณ์ยิ้มแห้ง ๆ ก่อนเอ่ยทักทายหญิงสาวที่ตนมีโอกาสได้รู้จักในช่วงเวลาสั้น ๆ ก่อนจะตัดสินใจฝึกแผนกของดาว “ผมไม่ดื่มกาแฟครับพี่ผิง อย่างผมต้องกระทิงแดงหรือไม่ก็เอ็มร้อยครับ”


“ฮาร์ดคอเหมือนกันนะเราเนี่ย เห็นหน้าใส ๆ ดื่มอะไรแบบนั้นเป็นด้วยเหรอ” พูดออกไปแล้วก็นึกถึงเพื่อนชายคนใกล้ตัว รายนั้นแม้จะชอบดื่มกาแฟเป็นชีวิตจิตใจ แต่พอต้องทำงานหามรุ่งหามค่ำกาแฟสักหยดกลับไม่แตะ เครื่องดื่มชูกำลังเท่านั้นที่หมดไปเกินจำนวนตามมาตรฐานที่กำหนดต่อวัน


นึกถึงก็เห็นหลังเจ้าตัวเดินผ่านไปไว ๆ จนต้องรีบหยุดหยอกแซวหนุ่มรุ่นน้องแล้วร้องเรียกอีกฝ่ายไว้ก่อนที่จะหายเข้าไปในลิฟต์


“บอกอ รอด้วยดิ”


รณณ์มองตามหญิงสาวไป แม้จะตาปรือแต่ก็มองเห็นว่า ‘บก.’ เพียงแค่ยกมือขึ้นส่ายไปมาแต่ไม่ได้หันมามองคนเรียกเลยสักนิด ก่อนที่เธอจะเดินตามทันแล้วหายเข้าไปในกล่องโดยสารกันทั้งคู่


“มองบอกอกับคุณผิงอยู่เหรอไอ้รณณ์” หญิงสาวจากไปก็มีชายหนุ่มรุ่นพี่นามว่าทศเข้ามาทักทายอีกคน รณณ์ยิ้มบางอย่างคนหมดแรงให้กับรุ่นพี่ที่เพิ่งจากกันไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้เพื่อแยกกันไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าที่บ้านของตัวเองแล้วมาทำงาน


“ใคร ๆ ก็คิดว่าเขาคบกันอยู่ เหมาะกันมากเลยนะ แกว่าไหม”


“ครับ” รณณ์ตอบตามความจริง แม้จะยังไม่มีโอกาสได้เห็นใบหน้าของบรรณาธิการหนุ่มชัด ๆ แต่แค่มองจากด้านหลังแบบนี้ เขาก็รับรู้ได้ว่าทั้งสองเหมาะสมกันมากจริง ๆ อย่างที่คนลือกัน


“เห้ย! ไปกันเถอะ ต้องเตรียมงานอีก วันนี้กูจะรอดไหมวะ” ประโยคหลังเหมือนเจ้าตัวจะบ่นกับตัวเองมากกว่า แต่ก็ทำเอาเด็กฝึกงานหนุ่มยิ้มขำไปด้วย


“เอาหน่าพี่ เราเต็มที่กันมากแล้ว”


แม้รู้ดีว่ามันยังไม่ใช่ที่สุด แต่ก็ทำได้แค่ให้กำลังใจกันเท่านั้น

.

.

.

สามชั่วโมงแล้ว


เป็นสามชั่วโมงที่นักศึกษาฝึกงานคนเดียวในแผนกคอลัมน์ต้องนั่งสัปหงกอย่างโดดเดี่ยวเพราะไม่มีสิทธิเข้าร่วมประชุมด้วยทั้งที่เป็นคนออกไอเดียธีมหลักของนิตยสารเล่มล่าสุดเสียด้วยซ้ำ


อาการง่วงซึมที่สะสมจากการอดนอนมาหลายวันจนเครื่องดื่มชูกำลังที่ดื่มไปเมื่อเช้าเริ่มเอาไม่อยู่ ศีรษะพาลจะโขกกับโต๊ะครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ก็รอดมาได้แบบผมหน้าม้าได้ปัดฝุ่นบนโต๊ะ


ความจริงแล้วเขาได้รับการอนุญาตจากหัวหน้าสาวคนสวยให้นอนพักได้ระหว่างที่รอคำตัดสินจากบรรณาธิการ แต่เพราะว่าลุ้นสุดตัวอยากทราบข่าวตั้งแต่ที่เห็นทุกคนกลับเข้ามาจนไม่กล้าหลับจริง ๆ จัง ๆ ไม่ว่าจะเป็นคลิปวิดีโอ หนังสุดระทึกพร้อมซาวน์ชวนตื่นตาตื่นใจ หรือแม้กระทั่งบทความตลกก็ไม่อาจทำให้เขาถ่างตาได้เลยสักนิด ยิ่งดูยิ่งอ่านก็ยิ่งพาลจะหลับเสียให้ได้ สุดท้ายทนไม่ไหวก็ได้แต่นั่งสัปหงกอยู่อย่างนี้

.

.

.

“ไอ้รณณ์ ไอ้รณณ์เว้ย!”


เจ้าของชื่อสะดุ้งตื่นเพราะเสียงเรียก กระนั้นก็ยังมีกระจิตกระใจถามถึงผลที่รอคอยมาหลายชั่วโมงอยู่ดี “เป็นไงบ้างพี่ บอกอว่าไงบ้างครับ”


หลายคนหันมองหน้ากันด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วน หลายคนเลือกที่จะหลบสายตา ที่แย่กว่านั้น บางคนถึงกับปลีกตัวเดินกลับโต๊ะตัวเองไปเงียบ ๆ คนอ่อนวัยสุดในที่นี้มองทุกคนอย่างรอคอยคำตอบ หัวหน้าสาวไม่ยืนอยู่ตรงนี้ด้วย ไม่อย่างนั้นคงเป็นตัวแทนที่ยอมเปิดปากบอกเล่าเรื่องราวในห้องประชุมนั่นแล้ว


“แก้ใหม่ว่ะ” เป็นพี่ทศคนดีคนเดิมที่บอกข่าวร้ายแก่เขาเหมือนเมื่อห้าวันก่อน


“ไม่ถูกใจเลยเหรอพี่”


“ไม่เชิงว่ะ ถกเถียงกันอยู่หลายประเด็น สรุปแบบสั้นสุดคือคอนเซ็ปต์แต่ละคอลัมน์น่าสนใจ แต่เนื้อหาที่เขียนยังไม่โดนว่ะ”


“แก้ใหม่…ทั้งหมด?”


ทศยักไหล่แทนคำตอบ ไม่อยากจะยอมรับนักว่าการต่อสู้ครั้งนี้หนักหน่วงกว่าทุกเดือนที่ผ่านมา หรือแม้แต่กับเดือนกุมภาพันธ์ของเมื่อปีที่แล้วเสียด้วยซ้ำ ครั้งนี้ดูเหมือนว่าบก.คนโหดจะไม่ยอมให้ใช้ธีมเกี่ยวกับความรักง่าย ๆ เสียด้วย


“ครั้งต่อไปคือเมื่อไหร่ครับพี่”


“จันทร์หน้า”


รณณ์ระบายยิ้มบาง นี่นับว่าเป็นเรื่องดีเรื่องเดียวของวันเลยก็ว่าได้ การที่บรรณาธิการคนที่เขาไม่เคยพบเจอยืดเวลาให้ขนาดนี้ นั่นก็หมายความว่าอีกฝ่ายยอมรับสิ่งที่พวกเขาคิดกันแล้ว เพียงแต่เห็นว่ามันยังไม่ดีที่สุดเท่านั้นเอง เพราะถ้ายังไม่ยอมรับและรั้นจะเปลี่ยนธีมหลักของเล่มให้ได้ อีกฝ่ายคงเร่งงานมากกว่านี้ ไม่ปล่อยให้เวลามันยืดเยื้อจนใกล้กำหนดพิมพ์แบบนี้แน่


“เออ วันศุกร์นี้ก็อย่าลืมไปปาร์ตี้สละโสดพี่ดาวกับบอสใหญ่ด้วยล่ะ”


“หืม? ทำไมจัดเร็วนักละครับ ได้กำหนดแต่งแล้วเหรอพี่”


“ยัง แต่เพื่อความอิน เพื่องานของเราเว้ย”


เด็กหนุ่มถึงกับหลุดเสียงอ้อออกมาทันที เข้าใจถึงความหมายของอีกฝ่ายในตอนนั้น เพราะคอลัมน์หลักของเล่มต้องใช้รูปจากงานนั้นแทนงานแต่งที่ยังไม่มีกำหนดนั่นเอง

.

.

.

DEAN ใครเป็นคนกำหนดว่าความรู้สึกรักเกิดจากหัวใจ? ใครเป็นคนสร้างความเชื่อว่าหัวใจเป็น abstract ของความรัก ในเมื่อทศกัณฐ์ที่อยู่ในจินตนาการของคนโบราณถอดหัวใจไว้ที่อื่นแต่ก็ยังมีความรู้สึกรักรู้สึกหลง หรือแท้จริงแล้วมันก็เป็นเพียงแค่ความคิด…คิดว่ารัก    

   

แคปชั่นประกอบรูปแก้วกาแฟที่ถูกแต่งหน้าด้วยนมเป็นรูปหัวใจในอินสตาแกรมของคุณดีนคือการอัพเดทที่ชวนฉงนรับช่วงพักกลางวันของรณณ์

   
ปกติรณณ์จะใช้เวลาช่วงพักกลางวันร่วมกับพี่ ๆ ในแผนก พวกเขาชวนไปไหน รณณ์ก็ติดสอยห้อยตามไม่มีปริปาก วันนี้ก็เช่นกัน ร้านก๋วยเตี๋ยวชื่อดังใกล้ออฟฟิตเป็นตัวเลือกที่ทุกคนลงความเห็นตรงกัน ในจังหวะที่กำลังรออาหารมาเสิร์ฟนั้นเอง เสียงสั่นครืดแจ้งเตือนของโทรศัพท์ก็ดึงความสนใจของเจ้าของออกจากวงสนทนามาได้

   
เป็นอะไรของเขากันนะ?

   
คุณดีนโพสข้อความแปลก ๆ อีกแล้ว ปกติแล้วคุณดีนไม่ค่อยโพสเรื่องความรักบ่อยนัก นานจนแทบจะนับครั้งได้เสียด้วยซ้ำ แต่ช่วงเดือนนี้กลับโพสเรื่องความรักเกือบทุกครั้ง มันทำให้เขาสงสัยว่าอีกฝ่ายกำลังประสบพบเจอปัญหาอะไรบางอย่างอยู่หรืออย่างไร และแม้รณณ์จะไม่เข้าใจแคปชั่นดังกล่าวแต่อะไรบางอย่างบอกเขาว่าอีกฝ่ายกำลังรู้สึกไม่สบายใจ  อยากจะแสดงความคิดเห็นด้วยอีโมติค่อนรูปมือชูสองนิ้วเป็นกำลังใจให้ แต่สุดท้ายก็ทำเพียงแค่กดหัวใจแล้วก็ปิดหน้าจอไปในตอนที่อาหารมาเสิร์ฟพอดี

   
。。。。。

   
สองวันมาแล้วที่ได้นอนพักผ่อนอย่างเต็มที่จนเด็กหนุ่มคิดว่าจำนวนชั่วโมงมันออกจะเกินมาตรฐานไปมากเสียด้วยซ้ำ งานที่เคยเร่ง ตอนนี้ก็ทำแบบค่อยเป็นค่อยไปจนเกือบเสร็จหมดแล้ว ระดับความน่าพอใจก็สูงกว่าครั้งก่อน คอลัมน์ในส่วนที่เขารับผิดชอบ เด็กหนุ่มก็เขียนต้นฉบับไว้หลายเรื่องหลายแนว ตั้งใจว่าเมื่อถึงกำหนดส่ง จะให้หัวหน้าแผนกสาวช่วยตัดสินใจดูอีกที เผื่อว่าโอกาสที่มันจะถูกใจบรรณาธิการหนุ่มจะสูงขึ้นอีกสักนิด

   
เฉกเช่นทุกวัน รณณ์จัดโต๊ะเรียบร้อยก่อนคว้าของจำเป็นเพื่อออกไปพักกลางวันกับรุ่นพี่ในแผนก เป้าหมายของพวกเขาวันนี้เป็นแคนทีนที่ชั้นสองของออฟฟิต แต่ยังไม่ทันได้ถึงที่หมาย ก็มีเหตุให้คนอ่อนวัยที่สุดในกลุ่มชะลอเท้าจนเดินรั้งท้ายกลุ่มเสียอย่างนั้น


เพราะประสบการณ์สอนให้เรียนรู้ แรงสั่นครืดจากเครื่องมือสื่อสารในกระเป๋ากางเกงครั้งนี้ รณณ์จึงไม่พลาดที่จะรีบคว้าขึ้นมากดดู

   
ใบหน้าอ่อนใสแต้มยิ้มกว้างเมื่อเห็นว่าเป็นการแจ้งเตือนจากอินสตาแกรมของคุณดีน

   
รูปแก้วกาแฟร้อนวางคู่กับครัวซองค์แฮมชีสดูน่ารับประทาน พื้นหลังเป็นสีของโต๊ะบาร์ไม้ตัวยาวกลางร้านกาแฟร้านเดียวกับที่คลาดกันครั้งก่อนไม่ผิดแน่ ฝ่ายนั้นปรับแต่รูปด้วยโทนสบายตาพร้อมลงแคปชั่นสั้น ๆ ประกอบ ที่ทำเอาเขาใจสั่นระรัว


DEAN Lunch time.

   
“เอ่อ…พี่ ๆ ครับ” เด็กหนุ่มรีบเรียกรั้งกลุ่มรุ่นพี่ที่ตนเพิ่งตอบตกลงจะไปใช้เวลาช่วงพักกลางวันด้วย “ผมคงไปด้วยไม่ได้แล้วครับ ต้องขอโทษจริง ๆ นะครับพี่”

   
“อ้าว ทำไมล่ะไอ้น้อง มีอะไรรึเปล่า”

   
รณณ์กลืนน้ำลายหนืดลงคอ รู้สึกผิดที่ต้องโกหกจนแอบขอโทษขอโพยในใจ

   
“เพื่อนผมมาหาด่วนน่ะครับ ตอนนี้เขารอผมอยู่แล้ว”


   
“…”


   
“ผมไม่อยากคลาดกับเขาอีก”










TBC.
-----------------------------------------------------------------------
ถ้าตอนหน้าเขาเจอกัน จากที่เป็นเรื่องของดีน กับเรื่องของรณณ์
ก็จะกลายเป็นเรื่องของดีนและรณณ์แล้วค่ะ

ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นนะคะ ชื่นจายยยยยย

เพิ่งสังเกตว่าชื่อพระเอกกับนายเอกพอเขียนรวมกันว่า #ดีนรณณ์ แล้วคล้าย #ดิ้นรน ฮ่าๆๆๆ
แม้ว่าพวกเขาต่างรอที่จะพบกัน แต่ก็ต่างใช้ชีวิตของตัวเอง ไม่ได้ออกตามหาซึ่งกันและกัน
ดังนั้น ถ้าอยากพูดคุยกันในทวิต ก็เชิญที่แท็ค #ไม่ดิ้นรนหา นะคะ

ด้วยรักและขอบคุณ

ธัญญ์
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-03-2017 09:30:12 โดย ธัญญ์ »

ออฟไลน์ stickyyrice

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5
Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 4 [27/03/17]
«ตอบ #23 เมื่อ27-03-2017 12:15:20 »

ต้องเจอๆๆ

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 4 [27/03/17]
«ตอบ #24 เมื่อ27-03-2017 12:17:14 »

 :ling1:

เขาจะเจอกันละ เรานี่ลุ้นตัวโก่ง
จะได้เจอคนที่ชอบนี้ แค่คิดก็เกร็งละ :hao5:

ออฟไลน์ fahsai

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 815
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-2
Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 4 [27/03/17]
«ตอบ #25 เมื่อ27-03-2017 15:48:43 »

จะได้เจอกันมั้ยยยย

ออฟไลน์ saccarrum

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 4 [27/03/17]
«ตอบ #26 เมื่อ28-03-2017 20:04:14 »

หมั่นทวิตน้องรณณ์ มีความชมตัวเองว่าหุ่นดี ฮ่าๆๆๆ
เขาจะเจอกันไหมนะ เจอกันเถอะๆ
 :ling1: :ling1:

ออฟไลน์ ธัญญ์

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 127
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-4
Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 5 [31/03/17]
«ตอบ #27 เมื่อ31-03-2017 20:25:17 »



ห า กั น จ น เ จ อ


ตอนที่ #05


   




“เขินอยู่ไม่น้อยที่ต้องมาเขียนเรื่องราวของตัวเองลงคอลัมน์หลักของนิตยสารไลฟ์ฉบับเลิฟเล่มนี้…”

   
เสียงจีบปากจีบคอยามอ่านบรรทัดแรกของบทความที่หัวหน้าแผนกคอลัมน์เป็นคนเขียนก่อนจะโยนต้นฉบับลงบนโต๊ะอย่างไม่ใยดีแล้ววิจารณ์อย่างไม่เกรงใจว่า “นี่เขินแล้วเหรอวะ?”

   
“ฉันจะสรรหาคำไหนมาด่านายดีเนี่ย”

   
ดีนมองเพื่อนสาวที่ตามกลับมาที่ห้องทำงานของเขาด้วยหลังจากที่ถกเถียงกันในห้องประชุมนานเกือบสี่ชั่วโมงแล้ว อีกฝ่ายหย่อนก้นนั่งเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม เอนหลังพิงพนักไขว่ห้างมองมาด้วยสายตาเอือมระอา

   
“หรือไม่จริง?”

   
“พี่ดาวเธอก็ต้องเขินอยู่แล้ว นายเคยเห็นเธอป่าวประกาศความรักของตัวเองรึไง แต่นี่มันจำเป็นต้องทำ มันคือคอลัมน์หลักของเล่มนะ”

   
“เคยสิ เธอเองก็เคยเจอมากับตัว จำไม่ได้หรือไง?” ดีนถามเสียงเรียบจนอีกฝ่ายหน้าซีดเผือด เหตุการณ์เมื่อสองปีก่อนเธอยังจำได้ดีราวกับเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้เอง

   
“เรื่องมันนานมาแล้วนะดีน”

   
“เธอลืมได้?”

   
ก็ไม่อยากจะยอมรับนักหรอกว่าใครจะลืมได้ลง แต่เธอก็ไม่อยากจะเก็บมาคิดอะไรอีก เรื่องมันผ่านมาแล้วก็ควรจะปล่อยให้ผ่านไป คิดมากไปก็เท่านั้น ไม่มีอะไรดีขึ้นมา

   
“จำแล้วได้อะไรล่ะดีน”

   
เพื่อนชายคนสนิทร้องเหอะ “เอาเถอะๆ เธอไม่อยากจำ ฉันก็ไม่อยากจำ แต่เพราะว่าไม่ลืม ก็เลยจำได้”

   
กวนประสาทหน้าตายล่ะงานถนัดหมอนี่ล่ะ ผิงละอยากจะเอานิ้วจิ้มตาที่กำลังฉายแววจริงจังนั่นเสียเหลือเกิน แม้จะรู้นิสัยเพื่อนดีว่าถึงจะพูดวกไปวนมา แต่เจ้าตัวจริงจังในทุกประโยค มันไม่ใช่แค่การกวนประสาทเพื่อความสำราญในชีวิต แต่มันคือความคิดจริง ๆ ของผู้ชายคนนี้


“ก็เลยตามรังควานเธอไม่เลิกแบบนี้น่ะเหรอ”


“คนสองหน้าแบบนั้น ฉันจำเป็นต้องญาติดีด้วยเหรอวะ”


“ฝังใจอะไรขนาดนั้น”


“แม่พระอะไรขนาดนี้”


หญิงสาวผ่อนลมหายใจ เหนื่อยกับการโต้เถียงยอกย้อนกันไปมากับเพื่อนชายคนนี้เสียจริง


“สิ่งที่เธอทำ มันไม่ผิดนะดีน เธอมีสิทธิทำแบบนั้น”


“เธอก็รู้ว่ามันไม่ใช่แค่เรื่องเมื่อสองปีก่อนนะผิง”


“ถ้านายหมายถึงเรื่องก่อนหน้านั้น…” ผิงลุกขึ้นยืน วางมือค้ำโต๊ะ จ้องมองตาคมดุอย่างแน่วแน่ “…ฉันว่านายควรเลิกหาเหตุผลแล้วหันมาใช้หัวใจดูบ้างนะ”


กายสูงสง่าทิ้งน้ำหนักพิงพนักเต็มแรง “ไม่รู้ดิ ฉันคงโง่เกินกว่าจะเข้าใจตรรกะบ้า ๆ ของพี่ชายตัวเอง”


“นายไม่ได้โง่หรอก นายแค่ไม่เปิดใจ ก็เลยไม่รับรู้ถึงความรู้สึกรัก หรือว่ามีความรู้สึกแบบนั้นบ้างเลย” พูดจบก็หันหลังเดินให้ แต่เพียงแค่ก้าวเท้าออกห่างไม่กี่ก้าวก็ต้องหันกลับไปเผชิญหน้าเจ้าของห้องอีกครั้งพร้อมทิ้งท้ายประโยคให้อีกฝ่ายเก็บไปคิด


“ไม่สิ! นายมันไร้หัวใจต่างหากล่ะดีน”

.

.

.

ไร้หัวใจ?


ถ้าไร้หัวใจจริง เขาจะยอมให้คอลัมน์ชวนเลี่ยนนั่นอยู่ในนิตยสารของเขาหรือ? ไหนจะงานปาร์ตี้สละโสดนั่นอีก ที่ยอมให้จัดก็ไม่ใช่แค่เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องงาน แต่เห็นแก่ความสุขของพี่ชายด้วย ทั้งที่ความจริงแล้วว่าที่บ่าวสาวจะจัดงานแบบนี้ก็ไม่มีความจำเป็นอะไรจะต้องขอความเห็นชอบจากคนนอกอย่างเขาเลยสักนิด แต่ในเมื่อเอ่ยขอมาทั้งที จะใจร้ายใจดำตัดเยื่อใยก็ใช่เรื่อง


ถึงจะคาใจว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะไปในทิศทางไหนต่อก็เถอะนะ


คิดอย่างไม่อิงความต้องการตัวเองนัก เขาก็ว่าโอกาสที่คอลัมนิสต์สาวจะเป็นหม้ายขันหมากมีสูงทีเดียว


。。。。。


ร่วงเลยมากลางสัปดาห์แล้วแต่บรรณาธิการหนุ่มยังไล่อ่านเนื้อหาในคอลัมน์ต่าง ๆ ที่ได้รับมาเมื่อต้นสัปดาห์ไม่หมด กองบรรณาธิการที่ทำงานภายใต้การกำกับของเขาก็ช่วยกันอ่านช่วยกันวิเคราะห์ความน่าสนใจของมันกันอีกแรง แต่เพราะว่าเมื่อวานมีประชุมกรรมการบริหารซึ่งกินเวลาเขาไปแทบจะทั้งวันด้วยสารพัดวาระที่สรรหากันมาถกเถียง พาลให้ดีนปวดหัวไม่น้อย ยิ่งโดยเฉพาะยามที่ตัวเลขดัชนีต่าง ๆ ถูกฉายขึ้นบนจอใหญ่ ดีนก็ถึงกับต้องนวดขมับตัวเอง กว่าจะประชุมเสร็จก็ดูดพลังชีวิตไปจนอ่อนเปลี้ย หมดความสนใจในการอ่านงานไปทันที


วันนี้พอจะมีเวลาช่วงเช้าให้อ่านจบไปสามคอลัมน์พร้อมจดโน้ตแสดงความเห็นลงไปเสียละเอียด เริ่มรู้สึกเสียใจขึ้นมาบ้างแล้วที่ครั้งก่อนเร่งงานเพราะอยากให้งานออกมาให้ไม่มีคุณภาพแบบนี้ จนสุดท้ายตนก็ต้องเป็นฝ่ายมานั่งปวดหัวกับมัน ทั้งที่ออกคำสั่งไปแล้วว่าให้ทั้งทีมไปเขียนมานำเสนอใหม่ ถึงอย่างนั้นก็ยังอยากจะลองทำความเข้าใจเนื้อหาพวกนี้ดูสักครั้ง


หลายคอลัมน์ก็เขียนออกมาได้ดีทีเดียว แต่ก็มีจำนวนไม่น้อยที่หากว่ามีเวลาให้อีกสักนิด มันจะออกมาเพอร์เฟ็คตรงใจเขาอย่างเช่นที่ผ่านมา


‘ไปกินข้าวด้วยกันไหมคะบก.’


ข้อความถามไถ่จากเพื่อนสาวทำให้ชายหนุ่มเหลือบมองเวลาเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ที่เริ่มอ่าน ปกติช่วงพักกลางวัน หากเขาไม่มีโปรแกรมของตัวเองก็มักจะตอบรับคำชวนของผิงอยู่เสมอ บางครั้งไปกันแค่สองคน บางครั้งมีลูกน้องของเธอไปด้วย แต่วันนี้เขาอยากพักกลางวันแบบส่วนตัวจึงส่งข้อความปฏิเสธกลับไป


ร้านกาแฟใกล้ออฟฟิตที่เขามักจะมาเป็นประจำหลังเลิกงานเป็นตัวเลือกสำหรับกลางวันนี้ ผู้คนแน่นขนัดร้านจนแทบไม่มีที่ว่าง แต่นับว่าโชคยังดีที่ตรงบาร์ไม้ยาวกลางร้านยังมีที่ว่างเหลืออยู่บ้าง แม้จะต้องไปนั่งเบียดกับคนอื่นเล็กน้อย แต่ก็สามารถสร้างโลกส่วนตัวขึ้นมาได้ไม่ยาก

.

.

.
   
ร่างโปร่งบางกระหืดหอบหยุดสูดหายใจหน้าร้านกาแฟอยู่ชั่วครู่ก่อนผลักประตูเข้าไป  จุดโฟกัสสายตาคือโต๊ะบาร์ไม้ตัวยาวกลางร้านที่มีคนจับจองพื้นที่กันอย่างแน่นหนา ความจริงก็แน่นไปหมดทั้งร้าน ไม่แปลกใจเลยที่คุณดีนจำต้องนั่งอยู่ตรงนั้นแทนที่จะเป็นมุมส่วนตัวที่โต๊ะเดี่ยวสักตัว


ชื่อเครื่องดื่มโปรดแบบเย็นออกจากปากนักศึกษาฝึกงานหนุ่มไปพร้อมกับแฮมเบอเกอร์หนึ่งชิ้น  ก่อนที่เจ้าตัวจะหันหน้าออกจากเคาน์เตอร์ไปมองบาร์ไม้ตรงกลางร้าน ด้วยระดับสายตาปกติจึงไม่เป็นปัญหากับเขามากนัก เด็กหนุ่มสามารถเห็นรายละเอียดบนโต๊ะตัวนั้นได้เกือบหมด รอยยิ้มกว้างแต้มใบหน้าอ่อนใส รู้สึกดีใจเหลือเกินที่มีเพียงชายคนเดียวที่มีจานครัวซองค์วางอยู่ตรงหน้า มิหนำซ้ำ เก้าอี้ตรงหน้าอีกฝ่ายยังว่างอยู่อีกด้วย


…แต้มบุญจะหมดก็วันนี้แหละวะไอ้รณณ์…


ผู้ชายที่เปรียบเสมือนไอดอลของเขามาหลายปีนั่งใส่หูฟังละเลียดจิบกาแฟร้อนอยู่ไม่ไกล ภาวนาให้ที่ตรงนั้นไม่มีใครจับจองก่อนที่เขาจะเข้าไปหา ใจมันเต้นตุ้ม ๆ ต่อม ๆ ระรัวยิ่งกว่าหน้ากลอง หมายมั่นไว้แล้วว่าอย่างไรวันนี้ก็ต้องได้เข้าใกล้ให้มากกว่าแค่ในโลกออนไลน์ ทว่าเมื่อได้รับรายการอาหารที่สั่งเรียบร้อยแล้ว สองขากลับสั่นจนก้าวไม่ออก


…คุณดีนยังนั่งอยู่ตรงนั้น…


…เดินเข้าไปซักทีสิวะไอ้รณณ์…

.

.

.

ดีนไม่ได้เปิดเพลงดังมากอย่างเช่นทุกครั้งที่ต้องการความเป็นส่วนตัวในที่สาธารณะ ครั้งนี้เขาเพียงแค่เปิดคลอเบา ๆ แค่พอกันเสียงรบกวนจากภายนอกได้ในระดับหนึ่งเท่านั้น เนื่องจากครั้งนี้เขาต้องแชร์โต๊ะร่วมกับคนอีกห้าชีวิต จึงต้องคอยเตรียมพร้อมสำหรับปฏิสัมพันธ์ที่อาจเกิดขึ้นแบบไม่คาดคิดได้ รู้สึกดีที่อย่างน้อยตรงหน้าเขาก็ไม่มีใครมานั่งให้รู้สึกอึดอัด ด้วยเพราะประหม่ากับการวางสายตาเสียเหลือเกิน


นิ้วมือเลื่อนหน้าจอสัมผัสบนสมาร์ทโฟนเพื่ออ่านข่าวต่าง ๆ รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่พื้นที่ตรงหน้ามีจานแฮมเบอเกอร์วางลงมา ใบหน้าหล่อคมคายถึงได้เงยขึ้นมองสบผู้มาใหม่


“ยังว่างอยู่ใช่ไหมครับ?”

   
คนที่นั่งอยู่ก่อนพยักหน้า

   
…ว่างทั้งเก้าอี้และก็คน…

   
คนมาใหม่เหลือบมองครัวซองค์ที่มีรอยกัดไปเล็กน้อยกับแก้วกาแฟตรงหน้า ไม่ผิดแน่ ผู้ชายคนนี้คือคุณดีนที่เขาอยากเจอมาตลอดอย่างแน่นอน

   
…บ้าเอ้ย! ใจเต้นแรงทำไมวะ…

   
เขาไม่เคยจินตนาการหน้าตาของ ‘คุณDEAN’ แต่ก็ไม่คิดว่าจะเป็นแบบนี้ ใบหน้าคมคายได้รูปรับกับเครื่องหน้าอย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นคิ้วเข้ม นัยน์ตาสีน้ำตาลกลมใต้กรอบเรียวรีที่ดูดุกว่าหน่วยตาดำสนิทคู่ไหน ๆ ที่เขาเคยมองมาเสียอีก สันจมูกโด่งอย่างชาวตะวันตก ริมฝีปากไม่หนาไม่บางได้รูป กอปรกับเส้นผมสีดาร์กช็อคโกแลตที่ช่วยขับดวงหน้าให้เกลี้ยงเกลาผุดผ่อง มองจากไกล ๆ เมื่อกี๊ว่าดูดีมากแล้ว พอได้มองอย่างละเอียดใกล้ ๆ รณณ์สรุปได้คำเดียวว่า ‘โคตรหล่อ’

   
อยากจะทักให้ชัดเจนไปเลยว่าใช่คนเดียวกับที่เขาอยากเจอหรือไม่ แต่เพราะยังไม่กล้าพอ จึงได้แต่อาศัยหลักฐานจากองค์ประกอบรอบข้างตัดสินเอาเอง

   
ละสายตาจากใบหน้าคมคายมาจ้องมองอาหารตรงหน้าตนเอง นี่นับว่าเป็นมื้อกลางวันที่เบาท้องที่สุดเท่าที่เคยทานมาในชีวิตวัยรุ่นของเขาเลยก็ว่าได้ แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังละเลียดกัดทีละน้อยด้วยกลัวว่าแฮมเบอเกอร์ขนาดเท่าอุ้งมือผู้หญิงจะทำให้เวลาที่ได้อยู่ตรงหน้าอีกฝ่ายน้อยลงกว่าที่ต้องการ

   
รณณ์คงไม่รู้ตัวว่าตั้งแต่นั่งลงตรงนี้ เขาหยุดยิ้มได้บ้างหรือยัง มีเพียงแต่คนที่จ้องไม่วางตาเท่านั้นที่รู้ว่ารอยยิ้มที่แต้มใบหน้าใสอยู่ตลอดเวลานั้นน่ามองแค่ไหน ดีนรู้สึกเหมือนโลกทั้งใบของเขาสดใสตามไปด้วยอย่างน่าประหลาด ทัศนียภาพตรงหน้าไม่ได้แย่หรือทำให้รู้สึกประหม่ากับการวางสายตาอย่างที่คิด ออกจะน่ามองจนเพลินตาเสียด้วยซ้ำ

   
ไม่แน่ใจว่าใจสั่นเพราะอเมริกาโนร้อนที่กำลังถืออยู่ในมือ หรือใจสั่นเพราะรอยยิ้มของคนตรงหน้ากันแน่

   
…แต่พอคิดดูแล้ว เขาไม่เคยใจสั่นเพราะดื่มกาแฟนี่หว่า…

   
“หน้าผมมีอะไรติดอยู่รึเปล่าครับ”

   
“อ๋อ ปะ เปล่า ขอโทษที่เสียมารยาท” ลุกลี้ลุกลนเหมือนเด็กถูกจับได้ว่าทำผิด สายตาสอดส่ายหาที่วางไม่ได้อยู่ครู่หนึ่งก่อนจะยอมหยุดที่ดวงหน้าอ่อนใสของคู่สนทนา

   
“แปลว่ามองอยู่จริง ๆ สินะครับ”

   
“ก็แค่เหม่อ ผมไม่ได้มองคุณ” สวนขึ้นทันควัน ใครกันจะยอมให้เด็กเมื่อวานซืนในชุดนักศึกษานี่รู้ทันกันล่ะ เสียชื่อกันหมดพอดี

   
“อ๋อ…” เด็กหนุ่มลากเสียงยาวจนคนฟังรู้สึกหมั่นไส้นัก “งั้นหรือครับ”

   
ดีนอยากจะยื่นมือไปบี้หน้าของเด็กนี่นัก หมั่นเขี้ยวท่าทางเจ้าเล่ห์ที่แสดงออกถึงความเหนือกว่านั่นเสียจริง แต่ก็ต้องข่มอารมณ์ไว้เพราะมันไม่ใช่พฤติกรรมปกติที่คนเพิ่งเจอกันครั้งแรกจะทำกันได้

   
คุณดีนก้มหน้าลงไปสนใจอาหารกับหน้าจอสมาร์ทโฟนแล้ว เด็กหนุ่มยกยิ้มพึงใจ รู้สึกเหมือนแก้มตนจะแตกเพราะฝืนกลั้นยิ้มไว้เมื่อครู่นี้ ทว่าตอนนี้กลับเผยออกมาได้กว้างกว่าครั้งไหน ๆ ดีใจจนไม่รู้จะแสดงออกออกมาอย่างไรให้ไม่กระโตกกระตากไปนัก กลัวจะเกินเหตุจนอีกฝ่ายล่วงรู้ ด้วยเพราะไม่คาดฝันมาก่อนว่าตนจะมีวันได้นั่งใกล้ไอดอลของตัวเองขนาดนี้

   
…ขอผมแอบมองคุณบ้างนะครับ…

   
นักศึกษาหนุ่มขออนุญาตอยู่ในใจ ทว่าก็ไม่ได้จดจ้องอย่างโจ่งแจ้งนัก นัยน์ตาซุกซนเพียงแค่เหลือบมองยามที่มีแฮมเบอเกอร์บดบังใบหน้ากว่าครึ่งก็เท่านั้น

   
นานทีเดียวที่นั่งกันอยู่อย่างนั้น ไร้บทสนทนาระหว่างกัน มีเพียงเสียงเพลงเบา ๆ คลอบรรยากาศ แต่กลับไม่รู้สึกอึดอัดเลยสักนิด จวบจนใกล้หมดเวลาพักกลางวัน คนอ่อนวัยกว่าถึงได้ตัดใจลุกขึ้นยืนเป็นสัญญาณบอกให้คนนั่งอยู่ก่อนรู้ว่าตนกำลังจะไป ใบหน้าคมคายเงยขึ้นมองอัตโนมัติ รู้สึกใจหายอย่างบอกไม่ถูก มือเผลอกดเบาเสียงลงอีกสองระดับโดยไม่รู้ตัว คล้ายคาดหวังจะได้ยินคำลาจากอีกฝ่าย


…จะไปแล้วหรือ?...


“ไปก่อนนะครับ”


…บ้าจริง พูดออกไปแล้ว…


บอกลาเขาทั้งที่เขาอาจจะไม่สนใจตัวเราเลยสักนิดว่าจะอยู่หรือไป เผลอ ๆ อาจจะดีใจด้วยซ้ำที่ไม่มีใครอยู่ให้ขวางหูขวางตา

.

.

.

…เด็กนั่นไปแล้ว…


ร่างสูงโปร่งในชุดนักศึกษาหายลับไปจากสายตาแล้ว แต่รอยยิ้มเจิดจ้านั่นยังติดตาไม่เลือนลาง อยากจะนั่งมองให้นานกว่านี้อีกสักหน่อย แต่ก็เป็นไปไม่ได้ คิดไปคิดมาก็เกิดคำถามขึ้นในใจว่าเด็กนั่นเติบโตมาในสิ่งแวดล้อมแบบไหนกัน ทำไมถึงได้มีรอยยิ้มที่สดใสราวกับโลกทั้งใบไม่เคยหม่นหมองแบบนั้น


นึกแล้วก็เผลอยิ้มตามออกมาโดยไม่รู้ตัว มารู้อีกทีก็ตอนที่เนื้อเพลงท่อนที่ตรงใจที่สุดถูกโพสลงในแอพฯทวิตเตอร์ไปแล้ว
 



DEAN @DEANada . 1s
ยิ้มของเธอแค่ครั้งเดียว ความหมายดี ๆ ที่เราไม่อยากร่ำลา #LunchTime










TBC.
----------------------------------------------------------
แต้มบุญน้องรณณ์หมดแล้วค่ะ ฮ่าๆๆ
ถ้าอยากเจอคุณดีนอีก หนูต้องทำบุญเพิ่มนะลูก

ด้วยรักและขอบคุณ

ธัญญ์
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-04-2017 21:21:18 โดย ธัญญ์ »

ออฟไลน์ stickyyrice

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5
Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 5 [31/03/17]
«ตอบ #28 เมื่อ31-03-2017 22:00:38 »

ทำไมมันดีอย่างนี้

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 5 [31/03/17]
«ตอบ #29 เมื่อ31-03-2017 22:18:11 »

คุณว่าที่พี่สะใภ้ของคุณดีนเคยทำอะไรไว้กันแน่ พ่อคุณถึงรู้สึกเป็นปรปักษ์ได้ขนาดนั้น

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด