ห า กั น จ น เ จ อ // ตีพิมพ์กับสนพ.เฮอร์มิทค่ะ [4.10.61]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ห า กั น จ น เ จ อ // ตีพิมพ์กับสนพ.เฮอร์มิทค่ะ [4.10.61]  (อ่าน 194257 ครั้ง)

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0
Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 5 [31/03/17]
«ตอบ #30 เมื่อ31-03-2017 23:50:15 »

 :mc4: :mc4: :mc4:        :L2: :pig4: :L1:

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 5 [31/03/17]
«ตอบ #31 เมื่อ01-04-2017 01:08:00 »

 :ling1:

อ๋ายยยยยยยยยยย

ออฟไลน์ โอ

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 141
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1
Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 5 [31/03/17]
«ตอบ #32 เมื่อ01-04-2017 06:50:36 »

ในทีีสุดก็ได้เห็นหน้ากันแล้ว :-[

ออฟไลน์ saccarrum

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 5 [31/03/17]
«ตอบ #33 เมื่อ01-04-2017 20:21:05 »

 :ling1: :katai5:
คุณดีนซึนนะคะ มีใจสงใจสั่น แถมรู้ด้วยว่าไม่ได้ใจสั่นเพราะกาแฟ วุ๊ยยยยย เขิน
หนูรณณ์ต้องรีบทำบุญนะคะ พี่อยากเห็นหนูเจอคนดีนอีก

ออฟไลน์ TR

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 5 [31/03/17]
«ตอบ #34 เมื่อ03-04-2017 09:31:33 »

มันกร๊าววววววใจ
ในที่สุดก็หากันจนเจอแล้ว
เจอแล้วก็สานต่อสิคะ รออะไร

ชอบmood&tone ของเรื่องนีมาก
การบรรยาย การใช้ภาษา โอยยย ชอบไปหมด
รอตอนต่อไปค่ะ :)

ออฟไลน์ ธัญญ์

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 127
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-4
Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 6 [9/04/17]
«ตอบ #35 เมื่อ09-04-2017 11:31:40 »


ห า กั น จ น เ จ อ


ตอนที่ #06









 ‘อย่าทำตัวเสียมารยาทนะดีน’


เพราะข้อความสั้น ๆ จากเพื่อนสาวเมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อนทำให้ดีนต้องขุดตัวเองจากเตียงมายืนอยู่หน้าไนต์คลับชื่อดังย่านสถานบันเทิงทั้งที่ไม่อยากมาเป็นหนึ่งในสักขีพยานรักเลยสักนิด ถึงจะไม่ใช่งานแต่ง แต่คนที่มาร่วมงานนี้ต่างก็เข้าใจตรงกันไปแล้วว่าตนได้รับรู้ถึงความรักของคนสองคนที่กำลังถึงจุดตกลงจะใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน


เสียงอึกทึกจากอีกฝั่งของร้านดังกลบดนตรีสดที่ดังมาจากฝั่งที่เป็นเป้าหมายของเขาเสียมิด ดีนโล่งใจที่อย่างน้อย ‘ว่าที่เจ้าสาว’ ก็เลือกจัดปาร์ตี้ภายในฝั่งดนตรีสด ไม่ใช่อีกฝั่ง แม้เขาจะพอรู้มาว่าไม่สามารถจองแบบปิดโซนได้ แต่ก็ถือว่าพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นของพวกเขาอยู่ดี


กว่าจะตัดสินใจเดินเข้าไปข้างในได้ เขาก็ได้รับการทักทายจากลูกน้องมากหน้าหลายตา บางคนเขาก็พอจำได้ว่ามาจากแผนกของแม่งาน ขณะที่ก็มีอีกหลายคนที่เขาระบุไม่ได้แม้กระทั่งแผนกที่อีกฝ่ายสังกัดอยู่ ไม่ใช่ว่าจะไม่ใส่ใจลูกน้อง แต่เพราะพนักงานเยอะจนต้องเลือกจำเอาแค่คนที่เข้าประชุมด้วยในแต่ละครั้งเท่านั้น


ปาร์ตี้สละโสดคืนนี้แทบจะเป็นงานภายในอย่างสมบูรณ์แบบ หากว่าไม่มีคนนอกสำนักพิมพ์ที่ได้รับเชิญเป็นพิเศษเนื่องด้วยความสนิทสนมที่มากกว่าคนทั่วไปอย่างเช่นกลุ่มเพื่อนสมัยมัธยมของดีนที่พากันมาแทบจะครบก๊วนเพราะสนิทกับพี่ชายเขามากทีเดียว


สามหนุ่มเพื่อนซี้นั่งประจำอยู่ตรงบาร์ที่ผู้คนค่อนข้างบางตาและเป็นเอกเทศจากกลุ่มที่มาปาร์ตี้อย่างชัดเจน ดีนรู้สึกขอบคุณใครก็ตามที่เลือกที่นั่งตรงนั้น แม้จะต้องนั่งเรียงหน้ากระดานไม่ได้หันเข้าหากันเหมือนนั่งโต๊ะทั่วไป แต่ก็นับว่าเป็นตำแหน่งที่ปลีกวิเวกจากคนอื่นได้ดี


“ไอ้ธันว์อ่ะ” ถามทันทีที่เห็นว่าหนึ่งในสามไม่มีนายแพทย์เจ้าของใบหน้าสุดน่ารัก


“มาถึงก็ถามหาเมียคนอื่นก่อนเลยนะ” เก่งแซวขึ้นมาก่อนจะตอบคำถาม “มันไม่ว่างเว้ย”


“แต่วันก่อนมันบอกกูว่าไม่มีเวรดึกนะ”


“เออ โทษที กูพูดผิด คนที่ไม่ว่างอ่ะพี่แรม”


ได้ฟังอย่างนั้นก็เข้าใจทันที ถ้าแรมติดงาน อีกฝ่ายไม่มีทางยอมให้คนรักออกมาเที่ยวกลางคืนแน่ แม้จะมากับเพื่อนก็ตาม


“เพื่อนกูจะไม่เป็นผู้ชายอยู่ละ หวงอะไรขนาดนั้นวะ”


“มึงดูเพื่อนมึงด้วยครับ กูเป็นพี่แรมกูก็หวงเหอะ ไอ้ห่าธันว์มันเจ้าพ่อฟีโรโมน ดึงดูดทุกเพศทุกวัย ดื่มเหล้านิดเดียวก็แก้มแดงฉิบหาย ยิ่งพอเมาเข้าหน่อยนะมึงเอ้ย น่ารักเหี้ย ๆ  กูยังเคลิ้มเลยสัด” โอมที่นั่งตรงกลางพูดขึ้นมาโดยมีแฝดน้องพยักหน้าสนับสนุนความคิดนั้น


“กูจะฟ้องพี่แรมว่ามึงคิดอกุศลกับไอ้ธันว์” เก่งแสร้งปั้นหน้าจริงจังจนโดนเพื่อนตบหัวคว่ำไปหนึ่งฉาด


“สัด กูแค่อธิบายความน่ารักของมันให้ไอ้ดีนเห็นภาพไหมล่ะ”


ดีนส่ายหน้า สามคนนี้อยู่รวมกันโดยไม่มีธันวาทีไรเป็นไม่มีสาระทุกที แต่ก่อนที่จะได้ลงไม้ลงมือกันไปมากกว่านี้ เสียงหวานใสของหญิงสาวก็ดังขึ้นขัดเสียก่อน


“กว่าจะมาได้นะคะบอกอ”


ดีนไหวไหล่ก่อนเลือกนั่งเก้าอี้ข้างเก่ง


“ผิงงงงงงง” เก่งลากเสียงยาวทำหน้าเคลิ้มฝันถึงทั้งที่สาวเจ้ากำลังยืนอยู่ตรงหน้าแล้วแท้ ๆ


ผิงหันไปยิ้มทักทายเพื่อนของดีนที่ตนรู้จักตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัยแล้ว แต่ยังไม่ทันได้พูดคุยอะไรกัน ใครอีกคนก็เดินเข้ามาสมทบเสียก่อน


“ไง พวกนาย”


“หวัดดีครับพี่คริส” สามหนุ่มพร้อมใจกันประสานเสียงทักทาย


ผิงที่ยืนหันหลังให้ หันไปมองก่อนจะขยับไปยืนข้างดีนแทน คริสเหลือบมองเล็กน้อยก่อนจะถามไถ่เพื่อนน้องชายต่อ “แล้วธันวาไม่มาด้วยเหรอ”


“คนเขามีการมีงานทำ” ดีนพูดขึ้นลอย ๆ เรียกสายตาติเตียนจากเพื่อนฝูงรอบทิศ แต่เจ้าตัวก็ไม่ใส่ใจ


“ไอ้ห่านี่” เก่งด่าเบา ๆ ก่อนหันไปตอบคำถามคริส “ไอ้ธันว์ไม่ว่างครับ แต่มันฝากมาแสดงความยินดีกับพี่ด้วย”


“ก็แค่ปาร์ตี้สละโสด ยังไม่ทันได้แต่งจริง มันจะรีบยินดีด้วยไปทำไมวะ”


เพี๊ยะ!


“ปากเสีย”


เสียงตีปากพร้อมคำต่อว่าจากหญิงสาวทำให้ทุกคนในวงสนทนาหันมองด้วยความตกใจ


“ยังไม่เลิกเล่นแบบนี้กันอีกเหรอ?” พี่ใหญ่ของกลุ่มถามเสียงเข้มผิดสังเกต ทว่าเพื่อนของดีนต่างก็เข้าใจว่าคริสคงมองว่าเป็นพฤติกรรมระหว่างหนุ่มสาวที่ไม่เหมาะสมสักเท่าไหร่


ดีนยักไหล่ไม่สนใจ ขณะที่หญิงสาวหนึ่งเดียวของกลุ่มหน้าสลด


“ก็ยังไม่เลิกคบกัน ทำไมจะเล่นแบบนี้ไม่ได้ จริงไหมผิง?”


คนถูกถามความเห็นมองค้อนเพื่อนชายคนสนิทแต่กลับเรียกเสียงโวยวายจากใครอีกคนที่ตามเกี้ยวทุกครั้งที่เจอกัน “เฮ้ย ๆ ไหนบอกว่าไม่ได้คบกันไงวะ ตกลงยังไงกันแน่เนี่ย”


“คนไม่มีหัวใจอย่างเพื่อนนายรักใครเป็นด้วยเหรอเก่ง” พูดจบก็มองค้อนให้อีกหนึ่งทีก่อนจะเดินออกจากวงสนทนาของหนุ่มโฉดกลับไปหาเพื่อนฝูงตนเองโดยไม่มองสบตาคู่คมของใครบางคนที่มองมาอย่างรอคอยคำตอบเลยสักนิด


“งอน? เธองอนมึงเหรอวะไอ้ดีน?” นะโมถามด้วยความสงสัยแต่กลับเก็บท่าทีอยากรู้อยากเห็นได้ดีกว่าแฝดพี่ที่ยังไม่เอ่ยปากถามเสียอีก


ดีนยกยิ้มมุมปาก “แบบนี้น่ะเรียกว่าโกรธเว้ย”


“ไอ้ดีน มึงมาเคลียร์กับกูเลย พูดมาให้ชัด ๆ ไอ้สัด”


“เคลียร์กันไปนะ พี่ขอตัวก่อน”


ดีนกดยิ้มมุมปากลึก มองคนที่ต้อง ‘เคลียร์’ เดินออกไปจากวงสนทนา ขณะที่เพื่อนข้างกายก็ยังรบเร้าไม่เลิก


“กูพูดไม่ชัดตรงไหน ภาษาไทยกูแข็งแรงตั้งแต่ประถมหนึ่งแล้วนะ”


“อย่ามากวนตีน มึงกับผิงคบกันจริงเหรอวะ”


“เมื่อก่อนสถานะไหน ตอนนี้และอนาคตก็สถานะนั้น” ดีนตอบด้วยความมั่นใจก่อนจะมีสีหน้าลังเลเมื่อมองไปยังร่างระหงที่ตกเป็นหัวข้อสนทนา “…ไม่ดิ…ในอนาคตสถานะอาจจะเปลี่ยน เปอร์เซ็นสูงซะด้วยสิ”

.

.

.

หลังจากเจอกันวันนั้นที่ร้านกาแฟช่วงพักกลางวัน รณณ์ก็ไม่มีโอกาสได้เจอคุณดีนอีกเลย ตกเย็นของทั้งวันนั้นและอีกวัน รวมถึงวันนี้ก็ด้วยที่เขาอุตส่าห์ไปรอเจอที่ร้านกาแฟด้วยหวังว่าอีกฝ่ายจะไปนั่งที่ร้านนั้นหลังเลิกงานอย่างที่เคยทำเป็นประจำ แต่ก็ไม่เห็นแม้แต่เงา


รณณ์พกพาความผิดหวังกลับหอพักมาสามครั้ง แม้ว่าจะสุขสมหวังในวันพุธด้วยการพบเจอตัวเป็น ๆ ครั้งแรก แต่เพราะหวังว่าจะมีโอกาสได้เข้าใกล้มากกว่านี้ การคลาดกันจากความตั้งใจที่จะเจอจึงก่อให้เกิดความผิดหวังมากกว่าครั้งก่อน ๆ ที่คลาดกันเพราะไม่คาดคิดว่าจะได้เจอกัน


ภายใต้แสงสีสลัว เด็กหนุ่มนั่งท่ามกลางวงล้อมของรุ่นพี่ร่วมแผนกบนโซฟาชุดใหญ่ที่ถูกจำกัดไว้ว่าเป็นโซนของว่าที่เจ้าสาว ที่นั่งตรงนี้จึงมีหญิงสาวยึดครองเป็นส่วนใหญ่ จะมีชายฉกรรจ์บ้างประปราย แต่ที่รณณ์พอจะพูดคุยได้มากกว่าแค่ทักทายตามมารยาทก็เห็นจะมีแต่ทศเท่านั้น ซึ่งความจริงแล้วก็ไม่ได้สนทนาอะไรกันมากมายนักเพราะทศสนุกกับแสงสีจนปลีกตัวออกไปตั้งแต่สิบนาทีที่เขาเริ่มนั่งลงตรงนี้แล้ว


หลายวันที่ผ่านมาชีวิตยุ่งวุ่นวายจนไม่มีเวลาได้อัพเดทชีวิตของคุณดีนผ่านโลกออนไลน์เลย ไหน ๆ ตอนนี้ก็นับว่าว่างที่สุดในช่วงที่งานเร่งแล้ว ก็ถือโอกาสนี้สร้างสังคมก้มหน้าที่มีสมาชิกเพียงเขาคนเดียวในที่นี้ก็แล้วกัน



DEAN
@DEANada . 2d
ยิ้มของเธอแค่ครั้งเดียว ความหมายดี ๆ ที่เราไม่อยากร่ำลา #LunchTime




   
จะไม่สะดุดใจอะไรกับทวีตนี้เลยหากไม่เห็นแฮชแท็คคุ้นตาที่คลับคล้ายคลับครากับแคปชั่นในอินสตราแกรมเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ให้นั่งนับวันตามที่เห็นก็ไม่มั่นใจเสียด้วยว่าทวิตเตอร์นับวันอย่างไร โชคดีที่มีวันเวลากำกับไว้ใต้ข้อความ เมื่อกดเข้าไปดูแล้วก็พบว่าข้อความนั้นถูกโพสในวันและช่วงเวลาที่ได้เจอกันจริง ๆ

   
รณณ์กำลังยิ้ม

   
ยิ้มแบบที่รู้สึกตัวได้ว่าแก้มใกล้จะแตกเต็มที หน้าเห่อร้อนทั้งที่เครื่องปรับอากาศไม่ได้ทำหน้าที่บกพร่องสักนิด ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมจะต้องฉีกยิ้มกว้างที่สุดเท่าที่จะทำได้เมื่อเผลอคิดว่าข้อความนั้นอีกฝ่ายหมายถึงตน รณณ์ไม่เข้าใจความรู้สึกตัวเองในตอนนี้ รู้เพียงแค่ว่าอยากจะยิ้ม…
   
.
   
.
   
.
   
…คุยกับใคร ทำไมต้องยิ้มแบบนั้น…

   
ไม่อยากจะยอมรับกับตัวเองว่าเขากำลังหวงรอยยิ้มของคนที่เพิ่งเจอกันเป็นครั้งที่สอง

   
หลังจากที่หันหลังให้กับฝูงชนมาสักพักใหญ่ ดีนก็ไม่อาจต้านทานความต้องการของเพื่อนฝูงได้ ใบหน้าหล่อคมคายฉบับตี๋อินเตอร์ถึงได้หันออกจากเคาเตอร์บาร์ออกสู่สายตาผู้คนบ้าง

   
และหลังจากที่กวาดมองไปทั่วร้านอย่างเบื่อหน่ายแล้ว นัยน์ตาคมก็พบกับจุดวางสายตาที่ทำให้ค่ำคืนนี้ดูมีอะไรที่น่าสนใจมากกว่าคู่หนุ่มสาวที่กำลังจะสละโสด

   
เด็กหนุ่มเจ้าของรอยยิ้มที่ติดอยู่ในห้วงความคิดของเขามาหลายวันนั่งอยู่ตรงโซนของว่าที่เจ้าสาว แม้จะนึกสงสัยว่าอีกฝ่ายมีสัมพันธ์แบบใดกับหล่อน แต่ก็คาใจได้ไม่นาน เพราะจุดโฟกัสของความคิดจดจ่ออยู่แต่กับภาพตรงหน้าเสียมากกว่า


ความหงุดหงิดใจก่อตัวขึ้นเล็ก ๆ เมื่อเห็นว่าร่างโปร่งยิ้มกว้างอย่างที่เขาชอบมองให้กับหน้าจอสมาร์ทโฟน อะไรบางอย่างในนั้นน่าสนใจขนาดไหน เขาเองก็ชักอยากจะรู้ มันต้องเป็นเรื่องราวแบบไหน หรือใครกันนะที่ทำให้เด็กนั่นยิ้มสดใสได้ขนาดนั้น


และไม่รู้เป็นเพราะใบหน้าอ่อนใสหรือรอยยิ้มเจิดจ้านั่นกันแน่ที่ทำให้เขารู้สึกว่าอีกฝ่ายเด็กกว่ามากทั้งที่ความจริงแล้วก็คงห่างกันไม่น่าจะเกินห้าปีเสียด้วยซ้ำ


“มองเหี้ยไรวะ?” นะโมถามมาจากจุดที่ไกลสุดจากเก้าอี้ตัวที่เขานั่งอยู่ คำถามนี้เองที่ทำให้เขารู้ว่าเพื่อนทั้งสามคนได้หยุดบทสนทนาของวงแล้วหันมาสนใจเขาแทน


“ไม่ได้มองเหี้ย”


…เหี้ยอะไรจะน่ารักขนาดนี้วะ…


“สัดนี่กวนตีน”


“แล้วตกลงมึงมองอะไร?” นายแพทย์หนุ่มถามขึ้นบ้าง หัวคิ้วเคลื่อนผูกเป็นปมเมื่อพยายามมองหาจุดโฟกัสของเพื่อนสนิทไปทั่วร้าน แต่ก็ไม่เจออะไรที่น่าจะเข้าข่าย ‘สิ่งที่น่าสนใจ’ สำหรับดีน


“ก็มองไปเรื่อย” เปลือกตาปิดลงหนึ่งครั้งคล้ายกับม่านที่ปิดลงเพื่อเปลี่ยนฉากของละคร และเมื่อยามที่มันเปิดออก นัยน์ตาคู่คมก็ไม่ได้จ้องมองไปยัง ‘สิ่งที่น่าสนใจ’ นั่นอีกแล้ว


“เดี๋ยวนี้หัดแถ? หลายกระทงนะมึงวันนี้ ทั้งเรื่องผิงทั้งเรื่องนี้อีก” โอมสรุปรวบยอดให้เพื่อนอีกสองคนได้พยักหน้าเห็นด้วย


“กูจะฟ้องไอ้ธันว์ว่ามึงโกหกพวกกู มันต้องล้วงความลับมึงออกมาได้แน่” เก่งข่มขู่ เพราะเป็นที่รู้กันว่าดีนมักพ่ายแพ้ให้กับเพื่อนตัวเล็กที่ไม่ได้อยู่ตรงนี้ด้วย


“ก่อนที่มันจะมาล้วงความลับกู มึงช่วยจับมันแยกจากไอ้พี่แรมให้ได้ก่อนเถอะ”


“งั้นกูจะล้วงความลับมึงเอง” เก่งพูดด้วยสีหน้าจริงจัง หมายมั่นว่าตนต้องทำให้ได้จนดีนนึกขำ หน้าเพื่อนตอนนี้ดูเครียดกว่าตอนสอบเข้าหมอเมื่อแปดปีก่อนเสียอีก


“ทำได้ก็เชิญ” เอ่ยคำท้าออกไปแล้วก็ซ่อนรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ไว้หลังปากแก้วขณะกระดกขึ้นดื่ม ปล่อยให้เพื่อนทั้งสามจ้องจับผิดด้วยความสงสัยที่มากขึ้นต่อไป


แต่สิ่งที่ดีนลืมคือเพื่อนของเขามีทักษะการเป็นนักสืบกันทุกคน แม้จะไม่สามารถระบุตัวบุคคลที่อยู่ในความสนใจของเขาได้ แต่จากที่ได้ยินเสียงปรึกษาหารือกันแล้วได้ข้อสรุปออกมาว่าเป้าหมายน่าจะอยู่ในโซนของฝ่ายว่าที่เจ้าสาวนั้นก็ทำเอาคนมาดนิ่งเริ่มสงบไม่ไหว


จริงอยู่ที่โต๊ะนั้นมีแต่สาวสวย ทุกคนโดดเด่นเท่า ๆ กัน ทำให้ยากแก่การชี้เฉพาะเจาะจง แต่พอคิดมาถึงตรงนี้กลับทำให้ดีนได้จมอยู่กับความคิดของตัวเองอีกครั้ง ความคิดที่ยังคงหนีไม่พ้นไปจากร่างโปร่งบางเจ้าของรอยยิ้มสดใสที่ยังอยู่ในสายตาของเขา


…นี่เขามองเด็กคนนั้นเหมือนที่ผู้ชายคนหนึ่งมองหญิงสาวอย่างนั้นหรือ?...


แม้ช่วงชีวิตนี้จะไม่เคยมีแฟน แต่ก็ไม่เคยสนใจผู้ชายคนไหนมาก่อนเช่นกัน เขาคิดมาตลอดว่าแม้จะไม่หวั่นไหวกับสาวสวยมากหน้าหลายตาที่ผ่านเข้ามาในชีวิต แต่ตนก็ไม่ได้เบี่ยงเบน


อืม…หรือแท้ที่จริงแล้วก็แค่มองเพราะสงสัยว่าทำไมถึงได้ยิ้มสดใสขนาดนี้ ไม่ได้นึกสนใจอะไรมากมาย


ดีนคิดหาเหตุผลให้กับตัวเองในใจ


“อย่ามัวแต่มองดิวะ มึงไม่เคยเจอคนที่ถูกใจมาก่อนนะเว้ย เข้าไปทักเลย” เก่งยุยง ทว่าดีนรู้ทันว่านอกจากจะต้องการเชียร์เขาแล้ว เหตุผลสำคัญอีกประการคืออยากรู้ตัวคนที่ทำให้เขาไม่อาจละสายตาไปได้


ดีนวางแก้วเครื่องดื่มในมือไว้บนโต๊ะ ก่อนลุกจากเก้าอี้ เรียกสายตาของเพื่อนฝูงให้มองมาด้วยท่าทางลุ้นระคนตกใจด้วยไม่คาดคิดมาก่อนว่าเพื่อนคนนี้จะยุง่ายขนาดนี้ ด้วยประสบการณ์ที่ผ่านมาทำให้ได้เรียนรู้วาดีนจะทำตามความคิดตัวเองมากกว่าโอนอ่อนตามคำยุยงของเพื่อน


“จะเข้าไปหาเธอแล้วเหรอวะ”


“กูจะไปห้องน้ำ”

.

.

.

กว่าจะพาตัวเองมาถึงหน้าห้องน้ำชายได้ดีนก็ต้องเบียดเสียดกับผู้คนไม่น้อยเพราะต้องเดินผ่านโซนกลางร้านซึ่งเป็นฟลอร์ขนาดย่อมให้เหล่าผีเสื้อราตรีได้ออกมาวาดลวดลายกัน


ห้องน้ำชายมีคนไม่พลุกพล่านเท่าไหร่นัก ดีนตรงเข้าไปยึดครองซิงค์ล้างมือตรงกลาง ก้มหน้าก้มตาราวกับจดจ่อกับการล้างมือเสียเต็มประดาทั้งที่แทบไม่ต้องมองก็สามารถล้างให้มันสะอาดได้ ต่อเมื่อรู้สึกว่ามีคนมายืนล้างมือข้างกัน ดวงหน้าหล่อคมคายถึงได้เงยขึ้นมองสบผ่านกระจกบานใหญ่ตรงหน้า


“อ้าวคุณ!”



“…”


“เจอกันอีกแล้วนะครับ บังเอิญจัง”


ดีนพยักหน้านิ่ง ๆ ส่งไปผ่านเงาสะท้อนบนกระจกทั้งที่ในใจสั่นรัวจนเกือบจะเกินควบคุมได้ รู้ตัวดีว่าตั้งใจพาตัวเองมาเจอคำทักทายแบบนี้ ใช่จะบังเอิญอย่างที่อีกฝ่ายเข้าใจ


แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไม


“มาเที่ยวหรือมาปาร์ตี้สละโสดครับ” พอยืนข้างกันแบบนี้ทำให้เห็นความต่างของส่วนสูงชัดขึ้น รณณ์คิดว่าตัวเองสูงมากแล้วแต่ก็ยังสูงแค่ปลายจมูกโด่งของอีกฝ่ายเท่านั้น มิหนำซ้ำความหนาของร่างกายยังห่างชั้นกันอีก ผู้ชายคนนี้ช่างน่าอิจฉาเสียจริง


“ปาร์ตี้”


“เหมือนผม”


ดีนแค่พยักหน้ารับ ทุกท่าทางของเขาถูกส่งผ่านกระจกทั้งสิ้น ต่างกับอีกคนที่หันมองกันเต็มตา…พร้อมรอยยิ้ม


คุมตัวเองไม่ได้เลยที่จะไม่แสดงออกว่าดีใจมากแค่ไหนที่ได้เจอคุณดีนอีกครั้ง และเพราะไม่รู้ว่าจะ ‘บังเอิญ’ ได้เจอกันอีกเมื่อไหร่ เจอกันครั้งนี้นักศึกษาปีสุดท้ายอย่างเขาจึงไม่ยอมปล่อยให้โอกาสเสียเปล่า


“ตรงที่คุณนั่ง…ยังพอมีที่ว่างไหมครับ”


คนถูกถามนิ่งอึ้ง เผลอชะงักมือที่กำลังถูตามซอกนิ้วอย่างใจเย็นแล้วหันมองใบหน้าอ่อนใสเต็มตา


…อะไรของเขาวะ เจอกันสองครั้งก็ถามถึงที่นั่งทั้งสองครั้ง…


“พอดีโซนผมคนเยอะน่ะครับ ผมไม่ชอบนั่งเบียด”


ดีนครางอือในลำคอเป็นการรับทราบก่อนจะเปล่งเสียงออกมาเป็นคำตอบให้อีกคนได้เผลอยิ้มบางออกมา “ก็ว่าง”


“ถ้าอย่างนั้น…ผมขอไปนั่งด้วยได้ไหมครับ”


รอยยิ้มบางเหนือริมฝีปากได้รูปถูกปิดซ่อนจากสายตาสุกใสยามที่เจ้าตัวก้มลงมองมือตัวเองที่ยังมีน้ำไหลผ่าน


“แล้วแต่คุณสิ”


ดีนอยากจะเห็นหน้าตัวเองตอนที่ตอบออกไปนักว่าเป็นแบบไหน ได้แต่หวังว่ามันจะไม่ดูยินดีปรีดามากจนอีกฝ่ายจับสังเกตได้ว่าเขาตื่นเต้นกับคำขอนั้นมากแค่ไหน

.

.

.

ผลของการ ‘แล้วแต่คุณ’ คือร่างโปร่งบางตามมานั่งข้างกันได้สิบนาทีแล้ว ดีนไม่ได้แนะนำเด็กหนุ่มให้เพื่อนตนเองรู้จักแม้ว่าสามคนนั้นจะมองมาด้วยความสนใจใคร่รู้ขนาดไหน ด้วยเพราะส่วนหนึ่งคือเขาเองก็ไม่รู้จักชื่อเสียงเรียงนามของอีกฝ่าย แต่ที่สำคัญคือไม่รู้จะแนะนำในสถานะอะไร


…เจอกันในห้องน้ำ เด็กมันเลยตามมานั่งด้วยกัน….อย่างนั้นหรือ?


“นั่งดื่มกันมาตั้งนานแล้ว…แต่เรายังไม่รู้จักชื่อกันเลยนะครับ” รณณ์โพลงขึ้นในตอนที่เสียงเพลงเงียบลง ตั้งแต่ตามมานั่งข้างดีน มีเครื่องดื่มดีกรีปานกลางติดมือกันคนละแก้ว แต่ก็ยังไม่มีใครดื่มจนหมด ต่างคนต่างนั่งฟังเพลงอยู่ในโลกส่วนตัวของตัวเอง ทว่าโลกที่อยู่ใกล้กันแค่นี้แต่ไม่เคยซ้อนทับกันกลับไม่ทำให้รณณ์รู้สึกอึดอัดเลยสักนิด แค่คุณดีนยอมให้เขามาอยู่ใกล้ ๆ ก็ถือว่าบุญหัวไอ้รณณ์มากแล้ว


“นึกว่าพอใจที่จะเป็นแบบนี้” ดีนพูดแผ่วเบาคล้ายบ่นกับตัวเอง ทว่าอีกฝ่ายยังจับกระแสเสียงได้


“ครับ?”


“ไม่มีอะไร” จะให้บอกออกไปว่าเขารอโอกาสให้เจ้าตัวเอ่ยออกมาก่อนอยู่นานแล้วอย่างนั้นหรือ? ที่ยอมให้มานั่งด้วยกันไม่ใช่เพราะสงสารเด็กเสียหน่อย เขาไม่ใช่ผู้ใหญ่ใจดี ก็แค่คนที่อยากทำตามใจตนเท่านั้นเอง


เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยังไม่ยอมปริปากบอกชื่อ คนเปิดประเด็นจึงต้องเป็นฝ่ายเริ่มก่อน “ผมชื่อรณณ์ครับ”


คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน “รน? สะกดยังไง รอเรือ นอหนู น่ะเหรอ?”


เจ้าของชื่อหัวเราะน้อย ๆ “ไม่ใช่ครับ รอเรือ นอเณร นอเณร การันต์ ต่างหาก”


คนฟังคิดตามในหัวก่อนสรุปออกมาเรียบ ๆ ว่า “อืม แปลกดี มันแปลว่าอะไร?”


“ผมครับ”


“หืม? ผมเหรอ?” ชื่อว่าแปลกแล้ว ความหมายยิ่งแปลกเข้าไปใหญ่ นึกสงสัยว่าพ่อแม่อีกฝ่ายคิดอะไรอยู่ตอนที่ตั้งชื่อลูกแปลว่าผม


รณณ์ยิ้มกว้าง อธิบายอย่างใจเย็น “ไม่ใช่ผมแบบนั้นครับ แต่หมายถึงผมแบบนี้” เจ้าของชื่อชี้นิ้วเข้าหาตัวเองพาให้คนฟังยิ่งฉงน “รณณ์ก็คือผม ผมก็คือรณณ์ ปกติคนเราตั้งชื่อหรือหาคำเรียกให้สิ่งของที่จะทำให้เข้าใจตรงกันทุกคนหรือเพื่อนิยามความเป็นมัน อย่างเช่นในมือผมนี่เรียกว่าแก้ว” คนอ่อนวัยกว่าชูแก้วในมือขึ้นเล็กน้อยประกอบคำพูด “ดังนั้น ผมก็คือนิยามของคำว่ารณณ์ครับ”


คนฟังอดไม่ได้ที่จะร้องเหอะออกมา เผลอคิดในใจว่าถูกเด็กมันกวนประสาทเข้าให้แล้ว ขณะคนที่อธิบายเสียยืดยาวทำเพียงยิ้มบาง ๆ เพื่อยืนยันคำตอบของตัวเองว่ามันคือความจริงทุกประการ ใช่จะตอบเพื่อต้องการก่อกวนกัน


“แล้วคุณละครับ ชื่ออะไร?” ถามออกไปทั้งที่รู้อยู่แล้ว แต่รณณ์แค่อยากได้รับการแนะนำตัวอย่างเป็นทางการจากอีกฝ่ายเท่านั้น เพื่อเป็นการยืนยันว่าเราต่าง ‘รู้จัก’ กันและกันแล้ว


“ดีน”


“ชื่อคุณก็แปลก”


“แปลกตรงไหน?”


“นี่ชื่อเล่นหรือชื่อจริงครับ”


“ก็ทั้งสองอย่าง”


“หือ?...เป็นคำที่นิยามตัวคุณได้แปลกหลักภาษาไทยดีจัง”


“ก็เพราะมันไม่ใช่ภาษาไทยไง”


“อ่า…คุณเป็นลูกครึ่งจริง ๆ สินะครับ”


ดีนพยักหน้า แต่ไม่อธิบายต่อ


“ผมขอเดานะ คุณน่าจะมีเสี้ยวจีน ๆ ผสมอยู่ด้วย”


ทั้งที่ไม่ชอบอธิบายเรื่องส่วนตัวให้ใครฟัง แต่กลับไม่รู้สึกรำคาญหรือหงุดหงิดกับการถามหรืออยากรู้เรื่องพวกนี้ของอีกฝ่ายเลยสักนิด ลึก ๆ แล้วชอบเสียด้วยซ้ำที่อีกฝ่ายสนใจเรื่องของเขาเช่นกัน


“เก่งนี่”


คนได้รับคำชมยิ้มกว้างจนตาหยีอย่างชอบใจราวกับเด็ก ๆ ได้รับคำชมจากผู้ใหญ่เวลาตอบคำถามถูกหรือทำความดีอะไรสักอย่าง จนคนเป็น ‘ผู้ใหญ่’ ชะงักค้างไปกับรอยยิ้มนั้น


“แต่เชื้อฝั่งตะวันตกของคุณ ผมเดาไม่ถูกแหะ”


“รู้ได้ไงว่ามีเชื้อฝั่งตะวันตก อาจจะเป็นตะวันออกก็ได้นี่”


“หน้าคุณออกทางฝั่งเอเชียก็จริง แต่สรีระคุณ…ไม่รู้สิ ผมแค่เดา”


“ไทย ไต้หวัน แคนาดา”


“ครับ?”


“เชื้อชาติผมไง คุณอยากรู้ไม่ใช่เหรอ”


คนอยากรู้ส่งยิ้มแห้ง ๆ ไปให้ รู้สึกเหมือนตัวเองโดนเหน็บอย่างไรก็ไม่รู้จนต้องรีบแก้ต่างให้ตัวเอง “ปกติแล้วผมไม่ใช่พวกชอบอยากรู้เรื่องของคนอื่นนะครับ”


“ผมก็ไม่ได้ว่าคุณนี่”


“…”


“ผมถือว่านี่เป็นการทำความรู้จักกันและกัน”

.

.

.

อย่างกับซินเดอเรลล่า…


เด็กหนุ่มนามว่ารณณ์บอกลาในตอนห้าทุ่มเศษ เจ้าตัวกล่าวอ้างว่าต้องใช้บริการรถไฟฟ้ากลับหอพัก ครั้นจะอาสาไปส่งถึงที่ก็ไม่ใช่สิ่งที่คนเพิ่งรู้จักกันจะทำได้ แม้จะเป็นเพศสภาพเดียวกันแต่ก็ยังดูไม่เหมาะสมอยู่ดี คงไม่มีใครไว้ใจกันง่าย ๆ หลังจากคุยกันแค่ไม่กี่นาที


“กูคิดไม่ออกว่าตอนมึงมีความรักจะเป็นยังไง” เก่งพูดขึ้นหลังจากที่รณณ์ออกไปจากร้านแล้วแต่ดีนยังไม่เลิกมองตามออกไป


“มึงเคยบอกกูแล้ว” ดีนละสายตากลับมาด้วยการหมุนตัวเข้าหาเคาเตอร์บาร์


“ก็ใช่ไง แต่กูว่าตอนนี้กูรู้ละ”


“มึงนั่งทางในเห็น?”


“สัด กูเห็นด้วยตากูเองเนี่ยแหละ”


คิ้วเข้มเลิกสูงแทนคำถามว่าอีกฝ่ายไปเห็นเอาตอนไหน


“มองเขาตาละห้อยเชียวครับเพื่อน” ดูเหมือนว่าคำแซวของนะโมจะเป็นคำตอบให้ดีนได้ดีทีเดียว


“อะไรของมึง”


“ถึงกูจะไม่เคยเห็นมึงสนใจใคร แต่กูรู้ว่าสีหน้าท่าทางมึงตอนนี้มันแปลว่ามึงกำลังสนใจเขา”


“มึงมั่วละ”


“มึงอาจจะไม่รู้ตัวนะ แต่เวลามึงอยู่กับเขา คุยกับเขา มันทำให้กูเลิกสงสัยในตัวมึงกับผิงไปเลย”


“กูเป็นถึงขนาดนั้น?”


“ไม่หรอก มึงไม่ได้แสดงออกอะไรมาก มึงก็เป็นธรรมชาติแบบที่มึงเป็น พวกกูแค่เห็นสิ่งที่มันต่างไปจากปกติของมึงเท่านั้นเอง”


“เช่น?” สิ้นคำถามนี้ก็เป็นการเปิดโอกาสให้เพื่อนได้ผลัดกันซักถามเสียละเอียด โดยมีเก่งประเดิมถามเป็นคนแรก


“เริ่มจากที่มึงชวนเขามานั่งด้วยกัน”


“เขาขอมาเอง”


“แต่ปกติมึงไม่ชอบให้คนแปลกหน้ามานั่งใกล้”


“นี่มันที่สาธารณะ”


“มึงไม่ชอบคุยกับคนแปลกหน้า”


“เราเคยเจอกันแล้ว” …ครั้งเดียว


“มึงคุยเรื่องส่วนตัว”


“นั่นมันเรื่องผิวเผินสำหรับการทำความรู้จัก”


“นั่นไง! ปกติมึงไม่ชอบทำความรู้จักกับคนแปลกหน้าที่เจอกันผ่าน ๆ ไม่มีปฏิสัมพันธ์กันในอนาคต”


“ก็บอกแล้วไงว่าเคยเจอกันมาก่อนแล้ว”


“อนาคตมึงจะเจอกับเขาอีก?”


…ไม่รู้…


ไม่รู้ว่าที่แนะนำชื่อกันไปแล้ว เขาจะมีโอกาสได้เรียกชื่ออีกฝ่ายกันต่อหน้าหรือเปล่า ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้ยินชื่อตนเองออกจากปากของอีกฝ่ายด้วยหรือไม่ ดีนไม่รู้อะไรเลย


“ไม่รู้จะได้เจอไหม แต่คนเคยเจอหน้ากันมานั่งข้างกัน ไม่คุยกันบ้างก็เสียมารยาทป่าววะ”


“ถุ้ย! มึงเป็นคนมีมารยาทมากสินะ” คราวนี้สามเสียงประสานกันอย่างพร้อมเพรียง


“ก่อนตอบแบบนั้น มึงนึกถึงตอนที่มึงตอกหน้าพวกผู้หญิงที่เข้าหามึงรึยังครับ” นะโมแทรกขึ้นมาบ้าง


“เออ ปฏิเสธทีพวกกูแทบอยากจะหาปี๊บให้เธอคลุมหัว” แฝดพี่เสริมสำทับ


“และที่สำคัญนะ…” เก่งเกริ่นนำเรียกสายตาทั้งสามคู่ไปจดจ้องกันเป็นตาเดียว “…มึงเหลือบมองเขาบ่อย”


“อันนี้กูก็เห็น” คู่แฝดยกมือเห็นด้วยตรงกัน


“แล้วไอ้รอยยิ้มมุมปากมึงอ่ะ พวกกูเคยบอกใช่ไหมว่าแม่งโคตรกวนตีน แต่ครั้งนี้ไม่เว้ย มึงยิ้มเหมือนเขินเขาอ่ะ ยังไงดีวะ กูอธิบายไม่ถูก” ท่าทางสับสนของแฝดน้องที่เหมือนร้องขอความช่วยเหลือ ทว่าคงมีแต่แฝดพี่ที่เข้าใจความคิดของอีกฝ่าย


“กูว่าเหมือนมันพยายามกลั้นยิ้มแต่กลั้นไม่อยู่”


นะโมตบเข่าฉาดที่คนพี่ตอบได้ตรงใจตน แต่คนที่กำลังถูกอ่านการกระทำกลับตอบเสียงเรียบมาว่า “เพ้อเจ้อ”
โอมถอนหายใจแรงด้วยความหมั่นไส้คนปากแข็ง “สรุปว่ามึงไม่สน งั้นกูขอนะ”


“กูไม่ใช่เจ้าของเขา มาขอจากกูไม่ได้”


“ก็บอกมึงไว้ก่อนไง ไม่อยากชอบคนเดียวกับเพื่อน”


“ถ้าเขาจะชอบมึง กูก็ไม่มีสิทธิห้ามอะไรอยู่แล้ว”


“ไอ้ห่านี่ชอบทำเสียเรื่อง” เก่งตบหัวโอมฉาดใหญ่ “พวกกูโอเคนะเว้ยถ้ามึงจะเป็นอีกคนหนึ่งในกลุ่มที่หันไปคบผู้ชาย กูรู้ว่ามึงไม่ใช่คนที่จะรู้สึกรักหรือชอบใครง่าย ๆ ถ้ามึงรู้สึกแบบนั้นจริง ๆ แม้จะกับผู้ชายก็เถอะ พวกกูก็มีแต่จะยินดีด้วย”


ดีนไม่ตอบคำ ร่างสูงสง่าจมอยู่กับความคิดของตัวเอง เขากำลังย้อนมองความรู้สึกอย่างละเอียดอีกครั้งเพื่อตอบคำถามของเพื่อนให้กับตนเอง


ดีใจที่ได้เจอเขาอีกครั้ง


อยากรู้จักเขาทั้งที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะได้เจอกันอีกหรือเปล่า


ชอบมองรอยยิ้มของเขา


ดีใจที่เขาสนใจเรื่องราวของเรา


รู้สึกผ่อนคลายทั้งที่นั่งข้างกันแต่ไม่คุยกันสักคำ


ใจหายเพียงแค่ได้ยินคำบอกลา


อยากมองไปให้สุดสายตาเพื่อให้แน่ใจว่าเขาไปแล้วจริง ๆ


อยากอยู่ด้วยกันให้นานกว่านี้…




ความรู้สึกแค่นี้ก็เรียกว่าชอบว่ารักได้แล้วหรือ?











TBC.
---------------------------------------------------------------------------
คุณดีนเขาไม่รู้หรอกว่าความรู้สึกเวลาสนใจใครสักคนมันเป็นยังไง ต้องให้เพื่อนสะท้อน
ส่วนน้องรณณ์ก็ยังมองว่าคุณดีนเป็นไอดอลที่ตนชื่นชอบ
ยังไงก็เป็นกำลังใจให้คุณดีนกันน้องรณณ์ด้วยนะคะ
#ไม่ดิ้นรนหา


ด้วยรักและขอบคุณ

ธัญญ์
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-04-2017 16:25:58 โดย ธัญญ์ »

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 6 [9/04/17]
«ตอบ #36 เมื่อ09-04-2017 16:01:35 »

 :hao7: :hao3:

ชอบเขาแล้วเด้

 :L2: :pig4:

ออฟไลน์ maekkun

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 223
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 6 [9/04/17]
«ตอบ #37 เมื่อ09-04-2017 16:45:44 »

 :pig4:

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0
Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 6 [9/04/17]
«ตอบ #38 เมื่อ09-04-2017 17:32:55 »

 :L1: :pig4: :L2:

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 6 [9/04/17]
«ตอบ #39 เมื่อ09-04-2017 17:36:15 »

แหม ก็ค่อย ๆ เรียนรู้ไปค่ะคุณดีน

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 6 [9/04/17]
« ตอบ #39 เมื่อ: 09-04-2017 17:36:15 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ knxiiviii

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 90
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 6 [9/04/17]
«ตอบ #40 เมื่อ09-04-2017 18:02:44 »

รอลุ้นรณณ์เปลี่ยนมุมมองจากที่คิดว่าตัวเองสนใจ ชื่นชมดีนในแบบไอดอล น่าสนใจพอๆกับลุันให้ดีนยอมรับความรู้สึกของตัวเอง และเข้าใจว่ามันคือรัก..ผิงคือปัจจัยที่ทำให้ดีนคิดว่าดาวจะเป็นม่ายขันหมากหรือเปล่า สถาะนะในอนาคตผิงเปลี่ยนจากเพื่อนเป็นพี่สะใภ้?? #มีความมโน #ใต้ความสงสัยคริสxผิง

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9
Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 6 [9/04/17]
«ตอบ #41 เมื่อ09-04-2017 20:51:10 »

รอตอนต่อไปนะคะ :L2:

ออฟไลน์ ชมรดา

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 99
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1
Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 6 [9/04/17]
«ตอบ #42 เมื่อ09-04-2017 21:54:22 »

ฮิ้วววว
คุยกันแล้ว  นั่งด้วยกัน   มาเปิดตัวกับเพื่อนๆ  แล้วด้วย
ก้าวหน้าพัฒนามากขึ้น

ออฟไลน์ stickyyrice

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5
Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 6 [9/04/17]
«ตอบ #43 เมื่อ10-04-2017 01:10:45 »

ชอบๆๆๆๆๆ ชอบเรื่องนี้

น่าค้นหา

ออฟไลน์ saccarrum

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 6 [9/04/17]
«ตอบ #44 เมื่อ10-04-2017 21:00:10 »

เขารู้จักกันแล้ววววว
วุ้ยยยย น่ารักอ่ะ ชอบตอนเจอกันในห้องน้ำ เหมือนจะธรรมชาติ แต่ก็รับรู้ได้ว่าแต่ละคนตื่นเต้นแค่ไหน
 :ling1: :katai1:

ออฟไลน์ saccarrum

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 6 [9/04/17]
«ตอบ #45 เมื่อ19-04-2017 21:59:39 »

คิดถึงคุณดีนแล้วววววว  :ling1: :ling1:

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 6 [9/04/17]
«ตอบ #46 เมื่อ19-04-2017 23:50:58 »

 :ling1: :ling1:

คิดถึงแล้ว ตอนต่อไปปปปปป

ออฟไลน์ Jthida

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1549
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-3
Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 6 [9/04/17]
«ตอบ #47 เมื่อ20-04-2017 01:05:41 »

ในที่สุดคุณดีนก็มีความรู้สึกกับเค้า

ออฟไลน์ stickyyrice

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5
Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 6 [9/04/17]
«ตอบ #48 เมื่อ20-04-2017 01:28:14 »

จะตาหาคนเขียนได้ที่ไหนค่ะ ตอบบบ
อยากอ่านเเล้ว

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 6 [9/04/17]
«ตอบ #49 เมื่อ23-04-2017 17:58:58 »

 :ling1:

มาส่องอีกรอบ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 6 [9/04/17]
« ตอบ #49 เมื่อ: 23-04-2017 17:58:58 »





ออฟไลน์ ธัญญ์

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 127
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-4
Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 7 [29/04/17]
«ตอบ #50 เมื่อ29-04-2017 20:11:09 »



ห า กั น จ น เ จ อ



ตอนที่ #07




   


ในความคิดของผิง ถ้าดีนคือหนุ่มตี๋อินเตอร์ คริสก็คงเป็นฝรั่งตะวันออก คนน้องเชื้อพ่อแรงจนความตี๋โดดเด่นอยู่บนโครงหน้าที่มีเครื่องหน้าส่วนใหญ่ดูเหมือนเชื้อชาติฝั่งตะวันตก ทว่าตาสีน้ำตาลเข้มเรียวรีก็ดูเข้ากันดีกับคิ้วเข้มและสันจมูกที่โด่งราวสันเขื่อน ขณะที่คนพี่มองผ่าน ๆ เหมือนหนุ่มฝรั่งจ๋ามากกว่า โดยเฉพาะนัยน์ตาสีครามอ่อนที่ดูลุ่มลึกน่าค้นหาเสียจนเพื่อนชายของเธอยังเคยนึกหมั่นไส้อยู่บ่อยครั้ง ยิ่งในตอนนี้ที่ยืนเผชิญหน้ากันที่ชั้นหนึ่งของห้างดัง ให้เธอเดาก็บอกได้เลยว่าดีนต้องกำลังรู้สึกหมั่นไส้พี่ชายตัวเองอยู่อย่างแน่นอน

   
…แต่ประเด็นคงไม่ได้อยู่ที่นัยน์ตาสีครามอ่อนอย่างเช่นทุกครั้งแน่ ๆ…

   
“มาด้วยกันได้ยังไง”

   
“คริสถามแปลกนะคะ เขาสองคนสนิทกันระดับไหน มาด้วยกันก็เป็นเรื่องปกตินี่” หญิงสาวที่ยึดเกาะแขน ‘ว่าทีสามี’ ไว้ไม่ห่างพูดตอบแทนเธอกับดีน

   
“ก็อย่างที่เธอบอก” ดีนไหวไหล่


ผู้ชายสูงใหญ่ไซส์มาตรฐานตะวันตกสองคนยืนขนาบคู่ด้วยสาวสวยที่มีส่วนสูงเกินมาตรฐานหญิงไทยถึงสองคนจึงกลายเป็นจุดสนใจของผู้คนรอบข้างได้ไม่ยาก ยิ่งมายืนคุยกันในบูธลดกระหน่ำรองเท้ากีฬาด้วยแล้ว พวกเขาก็แทบจะเป็นจุดรวมสายตาแทนรองเท้าคู่สวยที่ตั้งโชว์อยู่เสียอีก


คริสส่ายหน้าระอา มองเลยน้องชายไปยังหญิงสาวอีกคนที่อีกฝ่ายมาด้วย “เล็งคู่ไหนไว้ล่ะผิง ให้พี่ช่วยดูไหม”


“ไม่ต้องหรอก ยูเอาเวลาไปดูแลว่าที่เจ้าสาวดีกว่านะ…ไปกันเถอะผิง” ประโยคหลังดีนหันไปพูดกับเพื่อนสาวคนสนิทพร้อมกับคว้าแขนอีกฝ่ายกึ่งลากกึ่งจูงเดินออกจากตรงนั้นโดยไม่หยุดฟังคำใดจากพี่ชายเลยสักนิด ทั้งที่ตั้งใจจะมาเดินดูรองเท้ากีฬาซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้หญิงคนนี้เลือกซื้อบ่อยกว่าเครื่องสำอางเสียอีก


“เสียมารยาท” เมื่อถูกลากออกมาไกลสายตาหนุ่มสาวคู่นั้น ผิงก็เอ่ยตำหนิดีนออกมาไม่เต็มเสียงนัก เพราะรู้ดีว่าสิ่งที่เพื่อนทำก็เพื่อปกป้องเธอ


“อยากอยู่ตรงนั้น?” ดีนปล่อยแขนเล็กให้เป็นอิสระ มองหน้าเธอด้วยความสงสัย


“ถึงไม่อยากอยู่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะปลีกตัวออกมาแบบที่นายทำ”


“งั้นเชิญกลับเข้าไปใหม่ ฉันไปล่ะ”


“อ้าว ไหนบอกจะช่วยเลือกรองเท้าไง”


“มีคนเสนอจะช่วยแล้วนี่”


ผิงส่ายหน้าด้วยความอ่อนใจ อุตส่าห์โทร.ไปรบเร้าให้ออกจากห้องในวันหยุดมาเดินช้อปปิ้งเป็นเพื่อน แต่อีกฝ่ายกลับทิ้งกันไปเสียดื้อ ๆ แม้จะรู้อยู่แล้วว่าที่ดีนยอมออกมาด้วยเพราะอีกฝ่ายตั้งใจจะมาด้วยเรื่องส่วนตัว ไม่ได้อยากจะตามใจเธอนัก แต่พอถูกทิ้งให้เคว้งในงานที่มีคริสกับดาวอยู่ด้วย สาวแกร่งอย่างเธอก็รู้สึกโดดเดี่ยวขึ้นมาทันที

.

.

.

“สวัสดีครับพี่ผิง”


เด็กฝึกงานที่วันนี้มาในชุดที่แทบไม่ต่างจากชุดนักศึกษาที่เคยเห็นจนชินตา จะต่างก็ตรงที่รองเท้าผ้าใบไม่ใช่รองเท้าคัทชูถูกระเบียบอย่างทุกครั้ง


“สวัสดีรณณ์ วันอาทิตย์แบบนี้ยังไปมหา’ลัยอีกเหรอ”


เด็กหนุ่มก้มมองการแต่งกายของตัวเองแล้วหัวเราะน้อย ๆ “ปกติผมก็ชอบแต่งตัวแบบนี้แหละครับ ไม่ได้ไปมหา’ลัยมาอย่างที่พี่เข้าใจ” เสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงยีนส์เดฟ ชายเสื้อหลุดลุ่ย ดูอย่างไรก็เหมือนนักศึกษาที่พบเห็นได้ทั่วไป


เป็นอีกครั้งที่การเจอรณณ์ทำให้ผิงคิดถึงดีน รายนั้นก็แต่งตัวเดิม ๆ ซ้ำ ๆ เสื้อเชิ้ตสีขาวหรือไม่ก็เสื้อยืดสีดำ หาความหลากหลายในชีวิตไม่เจอเลยทีเดียว แต่ก็ต้องยอมรับว่าแค่เสื้อยืดคอวีสีดำธรรมดา ๆ กับกางเกงยีนส์สีซีดและรองเท้าผ้าใบที่ใส่มาในวันนี้ ก็ทำให้หมอนั่นดูโดดเด่นเป็นที่น่าสนใจมากพอแล้ว


“พี่ผิงมาคนเดียวเหรอครับ” เมื่อสักครู่เขาเห็นหลังใครซักคนแวบ ๆ เพิ่งเดินจากไป ที่เอ่ยถามใช่จะอยากรู้อยากเห็น เพียงแต่คิดว่ามันก็แค่คำถามทั่วไปที่ใช้ถามคนรู้จักที่บังเอิญมาเจอกันนอกสถานที่เดิม ๆ ก็เท่านั้น


“มากับบอกอน่ะ แต่โดนเทซะแล้ว” ผิงหัวเราะน้อย ๆ ดูไม่เศร้าใจอย่างที่ปากบอกเลยสักนิดยิ่งทำให้รณณ์คิดเห็นเหมือนคนอื่น ๆ ว่าบรรณาธิการหนุ่มกับหัวหน้าฝ่ายพิสูจน์อักษรคนนี้เป็นคู่ที่เข้ากันได้ดีทีเดียว “รณณ์ละจ๊ะ”


“ผมมาคนเดียวครับ มาดูหนัง”


“หือ? ดูหนังคนเดียวเหรอ?”


“ครับ” รณณ์หัวเราะเสียงใส “มันไม่แปลกหรอกนะครับ”


“พี่ไม่ได้คิดว่าเราแปลก พี่แค่คิดถึงเพื่อนพี่น่ะ”


ผิงอาจจะคิดว่าการดูหนังคนเดียวของรณณ์แปลก ถ้าเธอไม่รู้จักกับผู้ชายที่ชื่อดีนมาก่อน รายนั้นเสพติดการดูหนังคนเดียวเป็นชีวิตจิตใจชนิดที่ว่าแม้จะมากับเพื่อน เขาก็ยังแยกออกไปนั่งอีกที่ ไม่เว้นแม้แต่กรณีที่มากันแค่สองคน ซื้อตั๋วพร้อมกันแต่แยกที่นั่งจนพนักงานที่เคาท์เตอร์งงใส่ก็เคยเจอมาแล้ว หนักสุดก็คนเต็มโรงแต่ยังจะนั่งแยกโดยการนั่งขนาบข้างคนที่มาคนเดียว เพื่อนของเธอคนนี้พร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้นั่งแยกกับคนที่รู้จักกัน เธอเคยถามอยู่หลายครั้งว่าทำไม คำตอบที่ได้รับก็สั้น ๆ ง่าย ๆ ว่า ‘มาดูหนังเพื่อความผ่อนคลาย’ ไร้ซึ่งคำอธิบายต่อจากนั้น


“ปกติรณณ์ดูหนังกับเพื่อนไหม?”


“ปกติผมดูกับเพื่อนนะครับ แต่ถ้าไม่มีใครว่าง ผมก็ดูคนเดียวได้”


“งั้นเพื่อนพี่ก็คงแปลกจริง ๆ”


เด็กหนุ่มคิ้วขมวด นึกสงสัยหัวหน้าฝ่ายพิสูจน์อักษรสาว ทว่าก็ไม่ได้เอ่ยถามออกไป จนสุดท้ายก็แยกทางกันไปตามเป้าหมายของตัวเอง


รณณ์ขึ้นมาที่ชั้นบนสุดของห้างเพื่อซื้อตั๋วหนังอย่างที่บอกผิงไว้ ต้นปีแบบนี้มีหนังตลาดมากมาย แต่ที่เขาสนใจกลับเป็นหนังนอกกระแสเรื่องหนึ่งจากญี่ปุ่น เป็นหนังที่เข้าฉายแค่ไม่กี่โรงในประเทศไทย และมีมากสุดก็แค่สามรอบต่อวันเท่านั้น ถ้าเขาพลาดรอบที่กำลังจะถึงในอีกยี่สิบนาทีข้างหน้านี้ เขาก็ต้องรออีกรอบที่นานถึงสี่ชั่วโมงเลยทีเดียว


เด็กหนุ่มมีที่นั่งประจำที่ต้องจับจองทุกครั้งหากมาคนเดียว D11 คือที่นั่งกึ่งกลางโรงและเป็นแถวที่พอดีกับระดับสายตาของเขา ไม่ต้องเงยจนปวดคอหรือตั้งตรงมากอย่างแถวสูง ๆ แต่ตอนนี้ที่นั่ง D12 ถูกจับจองไปก่อนแล้ว และอีกฝ่ายมาคนเดียวเสียด้วย ความเกรงใจเล็ก ๆ ก่อตัวขึ้นเพราะไม่อยากไปรบกวนเขา ร่างสูงโปร่งจึงเลือกแถวถัดลงไปด้านล่างอย่างนึกเสียดายที่มาช้าไป

.

.

.

เวลาผ่านไปเกือบสองชั่วโมงหนังก็จบลง ความเงียบที่เคยมีก็ถูกแทนที่ด้วยเสียงพูดคุยของผู้คนที่ทะยอยกันลุกจากที่นั่ง รณณ์ตั้งใจว่าจะมองคนที่ทำให้ตนต้องเลี่ยงมานั่งแถวนี้ แต่พอไฟจำนวนน้อยนิดภายในโรงสว่างขึ้น ใบหน้าหล่อคมคายของคนที่ชื่นชอบก็ปรากฎขึ้นให้รู้สึกตื่นเต้นระคนประหลาดใจ

   
“อ้าว คุณดีน!”

   
“รณณ์?”

   
เจ้าของชื่อยิ้มรับ รู้สึกหัวใจพองโตเพียงแค่อีกฝ่ายจำชื่อตนได้


“คุณนั่งที่ D12 เหรอครับ” สองหนุ่มคุยกันไประหว่างที่เดินขนาบข้างกันออกจากแถวของตัวเอง


ดีนพยักหน้าทั้งที่ยังสงสัย


“จริง ๆ แล้ว D11 นั่นที่ประจำผมเลยนะครับ แต่เพราะไม่รู้ว่าใครนั่งอยู่เลยไม่อยากไปนั่งใกล้ กลัวจะรบกวน”


“ถ้าเป็นคุณ ผมไม่ถือเป็นการรบกวน” เท้าสองคู่เดินมาบรรจบกันบนเส้นทางเดียวกันพอดีกับที่ดีนเอ่ยจบ แม้จะเป็นเวลาเพียงเสี้ยววินาทีที่สบตากัน แต่ต่างก็สามารถสัมผัสได้ถึงกระแสแห่งความประดักประเดิดที่เกิดขึ้นคั่นกลางระหว่างพวกเขาสองคนได้เป็นอย่างดี


รณณ์เกาท้ายทอยด้วยความเก้อเขินเมื่อดีนหันกลับไปมองทางแล้วเดินนำออกไปก่อน “หนังสนุกนะครับ ไม่คิดว่าคุณดีนจะชอบหนังแนวนี้ด้วย” ปกติเห็นพูดถึงแต่หนังบู้หนังแนวจิตวิทยา มีหนังรักบ้างประปราย แต่ไม่เคยเห็นคุณดีนพูดถึงหนังอนิเมชั่นเลยสักครั้ง


คนสูงวัยกว่าชะงักฝีเท้าหันกลับไปมองเจ้าของเสียงเจื้อยแจ้วที่เดินตามหลังมาติด ๆ ด้วยสายตาที่คนมองอ่านไม่ออก


“ไปดื่มกาแฟกันไหม?”


“ครับ?”


“เผื่อคุณอยากจะคุยเรื่องหนังกันต่อ”

.

.

.

ใครจะกล้าปฏิเสธโอกาสทองแบบนี้ได้ ไอดอลชวนไปนั่งดื่มกาแฟด้วยกันทั้งทีมีหรือจะไม่รีบตอบรับ รณณ์ตอบกลับแทบจะในทันทีแบบไม่คิดจนลิ้นพันกันเสียด้วยซ้ำ ไหนจะได้ถกประเด็นเรื่องหนังกันอีกเล่า บางทีรณณ์ก็สงสัยว่าช่วงหลัง ๆ มานี่เขาได้เข้าใกล้คนที่ชื่นชอบมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้วแต้มบุญของเขายังไม่หมดอีกหรือ?


หลังจากตอบรับคำชวนแบบไม่คิด ตอนนี้พวกเขาสองคนก็มานั่งตรงข้ามกันในร้านกาแฟแบรนด์ดัง แน่นอนว่าเครื่องดื่มสองแก้วบนโต๊ะยังเป็นอะไรที่แตกต่างกันดังเช่นครั้งแรกที่เจอกัน


…กาแฟร้อนกับชาเขียวเย็น…


“ผมชอบดูหนังหลาย ๆ แนว” ดีนพูดขึ้นมาหลังจากจิบอเมริกาโนร้อนไปหนึ่งอึก


“ครับ?”


“ที่คุณถามไว้ก่อนหน้านี้ไง”


“อ๋อ…” เด็กหนุ่มเกาท้ายทอยแก้เก้อ รู้สึกขัดเขินจนต้องรีบเบี่ยงประเด็นด้วยการถามต่อ “…รวมถึงหนังรักด้วยเหรอครับ”


คุณดีนตัวจริงดูไม่เหมาะกับหนังรักสักเท่าไหร่ในสายตาของรณณ์ แต่เพราะเท่าที่ตามมาหลายปีก็พบว่าบ่อยครั้งที่อีกฝ่ายตีตั๋วไปดูหนังรักพวกนั้น เขาจึงอยากรู้ว่าคุณดีนคิดอย่างไร ด้วยเพราะอยากจะเข้าใกล้คุณดีนให้มากกว่านี้


“ถ้าอยากดูก็ดู”


“ฟังดูกวนดีนะครับ” พูดออกไปแล้วก็แทบจะกัดลิ้นตัวเองที่พลั้งปากเสียมารยาทพูดจาราวกับสนิทสนมกันมานานทั้งที่พูดคุยกันแค่ไม่กี่ครั้งเท่านั้น


“ทุกอย่างที่ผมพูด ผมหมายความว่าอย่างนั้นจริง ๆ” ดีนไม่ได้เอ่ยเชิงตำหนิ นัยน์ตาคู่คมทอดมองด้วยความเอ็นดูเสียด้วยซ้ำ เขาเพียงแค่พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบเหมือนปกติยามที่พูดเรื่องจริงจัง ซึ่งคนฟังก็รับรู้ได้


“แล้ว...ทำไมถึงตัดสินใจไปดูละครับ”


“ผมดูไม่เหมาะกับหนังรัก?” แทนที่จะตอบ ดีนกลับถามย้อนเสียเอง


“ทำนองนั้นครับ” ตอบเสียงแผ่วตบท้ายประโยคด้วยรอยยิ้มแห้ง ๆ


“ก็จริงของคุณ คนไม่เข้าใจในความรักอย่างผมไม่เหมาะที่จะดูหนังรักเลยสักนิด”


“งั้นที่คุณไปดู ก็เพื่อให้เข้าใจความรักมากขึ้นเหรอครับ”


ใบหน้าตี๋อินเตอร์ส่ายไปมา “ผมดูเพราะอยากดู ดูเพราะสนใจเนื้อเรื่อง ไม่ได้อยากซึมซับหรืออิ่มเอมความรักของพระนาง บางเรื่องมีพ้อยท์หลักที่ไม่เกี่ยวกับความรักเลยด้วยซ้ำ เพียงแค่พวกเขาเลือกที่จะนำเสนอผ่านหนังรักเท่านั้นเอง”


รณณ์พยักหน้าช้า ๆ รู้ซึ้งถึงเหตุผลของอีกฝ่ายก็วันนี้จนยิ้มออกมาด้วยความอิ่มเอมใจ


“ผมถามอะไรคุณบ้างได้ไหม”


“คะ ครับ?” คนถูกถามไม่ทันตั้งตัวจึงเผลอทำหน้าเหรอหราออกไป


“คุณเป็นคนยิ้มง่ายเหรอ ชีวิตคุณเคยเจอเรื่องหม่นหมองบ้างไหม”


“ห๊ะ?!”


ทำหน้าตกใจได้ไม่นานก็หลุดหัวเราะเสียงใสออกมา “มีด้วยเหรอครับ คนที่ไม่เคยเจอเรื่องแบบนั้น”


“ก็คิดว่าไม่มี”


“แล้วทำไมถึงสงสัยผมแบบนั้นละครับ”


“เพราะทุกครั้งที่เจอกัน…ผมยังไม่เคยเห็นคุณหยุดยิ้มเลย”


คราวนี้คนยิ้มเก่งสะดุดลมหายใจ มุมปากที่ยกขึ้นเป็นรอยยิ้มลดลงเรื่อย ๆ จนเกือบจะเป็นเส้นตรงก่อนจะกล้อมแกล้มตอบกลับไปอย่างไม่มั่นใจนัก “คงเป็นเพราะว่าอยู่กับคุณแล้วผมมีความสุขมั้งครับ”


“ครั้งแรกที่เจอกันก็รู้สึกแบบนี้เหรอ?”


รณณ์มองสบตาคู่คมที่เต็มไปด้วยความสงสัย ความรู้สึกครั้งแรกที่เจอกันเขายังจำได้ดี จะว่ามีความสุขก็ใช่ แต่ความรู้สึกตื่นเต้นคงมากกว่า แต่จะให้ตอบออกไปตามตรงก็ไม่กล้า กลัวโดนมองว่าเป็นโรคจิตที่ตามมาจากในทวิตเตอร์


“ถ้าไม่ทุกข์ ก็คงเรียกว่ามีความสุขได้ใช่ไหมล่ะครับ”


“เฉย ๆ ก็ได้นี่”


…นาทีนั้นคงเฉยไม่ไหว…


ด้วยเพราะจนปัญญาจะโต้ตอบ คนอ่อนวัยกว่าจึงทำทีเป็นยกแก้วขึ้นดื่มน้ำอึกใหญ่ราวกับกระหายเสียเต็มประดา


หนุ่มตี๋อินเตอร์กดยิ้มมุมปากก่อนจะเผลอยิ้มกว้างออกมาอย่างไม่อาจควบคุมได้กับท่าทางอ้ำอึ้งของอีกฝ่าย แต่ไม่คาดคิดว่าคนตรงข้ามจะเห็นจนเก็บมาตั้งข้อสังเกตย้อนกลับได้


“แต่น่าแปลกที่ผมเพิ่งเคยเห็นคุณยิ้ม”


ตั้งแต่เจอคุณดีนตัวจริง เขาก็ยังไม่เคยเห็นอีกฝ่ายยิ้มเลยสักนิด มุมปากนั่นอาจจะขยับบ้าง แต่ไม่เคยเห็นยิ้มกว้างแบบนี้มาก่อน


นี่เขายิ้มหรือ?


รู้ตัวว่าเป็นคนยิ้มยาก แม้แต่ยิ้มการทูตยามจำเป็นทั่วไปยังแทบไม่มีใครได้เห็น ดีนจึงค่อนข้างแปลกใจตัวเองอยู่ไม่น้อยที่ถูกทักว่ากำลังยิ้ม


“อืม…การเจอคุณก็คงเป็นเรื่องดี ๆ ในชีวิตของผมเหมือนกัน”


นัยน์ตาที่มองมาแน่วแน่ไม่สั่นไหวทำให้ประโยคก่อนหน้านี้ของคุณดีนย้อนกลับมาในห้วงความคิดอีกครั้ง


ทุกอย่างที่ผมพูด ผมหมายความว่าอย่างนั้นจริง ๆ


เกือบสามชั่วโมงที่นั่งคุยกันอยู่ในร้านกาแฟแห่งนั้นเต็มไปด้วยเรื่องราวที่แทบจะไม่มีเรื่องหนังที่เพิ่งดูอย่างที่ถูกนำมาเป็นคำชวนของการดื่มกาแฟด้วยกันเลยสักนิด แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ไม่ได้คุยกันตลอด มีช่วงที่ต่างคนต่างเงียบ แต่กลับรู้สึกสบายใจที่ได้นั่งอยู่ด้วยกัน บ่อยครั้งที่ดีนก้มหน้าสนใจงานในสมาร์ทโฟน แต่พอเหลือบขึ้นมองแล้วยังเห็นเจ้าของรอยยิ้มสดใสนั่งอยู่ตรงหน้า ความรู้สึกอุ่นใจก็เกิดขึ้นอย่างน่าประหลาด ฝ่ายรณณ์ที่เอาแต่พิมพ์บางอย่างใส่สมาร์ทโฟนก็เพราะรู้สึกว่าสมองแล่นเป็นพิเศษ แรงบันดาลใจในการเขียนงานของเขาเกิดขึ้นเป็นภาพลอยอยู่เป็นฉาก ๆ ในหัวจนต้องรีบกลั่นมันออกมาเป็นตัวอักษรเก็บไว้กันลืม ไม่ใช่จะลืมเนื้อหา แต่กลัวจะลืมความรู้สึกตอนที่มีคุณดีนอยู่ด้วยกัน


กดพิมพ์ยุกยิกรัวเร็วไม่สนใจทุกการแจ้งเตือนที่เด้งขึ้นด้านบนสุดของหน้าจอแต่กลับมาสะดุดเอาตอนที่มีการแจ้งเตือนจากแอพฯอินสตาแกรมจากแอคเคาน์ของคนที่กำลังนั่งอยู่ตรงข้ามในตอนนี้


คุณดีนอัพรูปอะไรวะ?


รณณ์เหลือบตาขึ้นมองเจ้าของแอคเคาน์ที่ยังก้มหน้าก้มตาดูบางสิ่งบนหน้าจอสมาร์ทโฟน…ด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม


คุณดีนยิ้มอีกแล้ว


มือไวเท่าความคิด เด็กหนุ่มรีบกดเข้าไปดูตามการแจ้งเตือน ไม่ต้องรอโหลดให้นานเพราะเพียงแค่เข้าถึงแอพฯ รูปและแคปชั่นที่เพิ่งถูกอัพจากคุณดีนก็ปรากฎให้รู้สึกร้อนวูบบนใบหน้าโดยไม่ทราบสาเหตุ


มันเป็นภาพจากมุมของร่างสูง เป็นรูปถ่ายกว้าง ๆ เหมือนไม่ได้ตั้งใจถ่ายหรืออาจจะแอบถ่ายเพราะไม่อยากให้เขารู้ตัว ในรูปมีจุดโฟกัสเดียวคือแก้วกาแฟร้อนของเจ้าตัว ส่วนโบเก้ฉากหลังเป็นแก้วชาเขียวและเงาของผู้ชายคนหนึ่งที่สะท้อนบนโต๊ะกระจก


ซึ่งจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเขา



DEAN I’m glad met you,I hope you know that.



รณณ์ไม่ได้กดไลค์ในทันทีเช่นทุกครั้ง เจ้าของใบหน้าอ่อนใสที่ยามนี้สองแก้มซับสีแดงระเรื่อเพียงแต่คว่ำหน้าจอลงบนโต๊ะ


ไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมต้องรู้สึกดีใจขนาดนี้ คงเป็นเพราะปลื้มเขามาก เลยดีใจที่เขารู้สึกยินดีกับการพบเจอกัน นี่เองหรือชีวิตติ่งที่ประสบความสำเร็จ แต่ถึงจะดีใจอย่างไร รณณ์กลับไม่กล้าเผยรอยยิ้มออกมาตรง ๆ เด็กหนุ่มรีบคว้าแก้วชาเขียวขึ้นมาดื่ม ริมฝีปากกลืนเข้าหากันจนเกือบเป็นเส้นตรงทั้งที่ยังคาบหลอดดูดเพื่อปิดซ่อนรอยยิ้มจนแก้มแทบแตก ดวงหน้าอ่อนใสเบนออกมองวิวนอกร้านราวกับมีอะไรน่าสนใจหนักหนาทั้งที่ความจริงแล้วกลับไม่มีอะไรน่าจรรโลงใจเลยสักนิด


ให้ตายเถอะ! อาการที่เป็นอยู่นี่ใช่ว่าจะไม่เคยรู้สึก แต่พอนึกออกว่าเหมือนคล้ายกับความรู้สึกช่วงไหนในชีวิต แก้มก็พาลจะปริแตกเข้าไปใหญ่


…ความรู้สึกเหมือนตอนถูกจีบ…


นี่เขากำลังเขินเหมือนคนที่กำลังถูกจีบน่ะหรือ? รณณ์คิดว่านี่เป็นความคิดที่บ้าที่สุด ถึงแม้ว่ายุคสมัยนี้ความรักจะไม่จำกัดเพศ แต่เขาก็ไม่คิดว่าคนอย่างคุณดีนจะจีบเขา และที่สำคัญกว่านั้นคือไม่คิดว่าตัวเองจะเขินเพราะถูกผู้ชายจีบด้วย เด็กหนุ่มพยายามวิเคราะห์ผ่านข้อมูลของดีนเท่าที่รู้จักมาหลายปีจนได้ข้อสรุปว่าอีกฝ่ายเป็นคนแบบนี้โดยธรรมชาติอยู่แล้ว ชอบถ่ายรูป อัพเดทเรื่องราวชีวิต การที่ลงรูปแล้วบอกกลาย ๆ ว่ายินดีที่ได้เจอกันก็เป็นแค่เรื่องปกติ…อีกอย่าง คุณดีนก็เพิ่งพูดเองนี่ว่าการเจอเขาก็ถือเป็นเรื่องดี ๆ ในชีวิตเหมือนกัน


…มันก็แค่จุดเริ่มต้นของมิตรภาพ...ไม่ใช่ความรัก…

.

.

.

นี่จีบเขาอยู่หรือ?!


ดีนส่ายหน้าขำ ๆ ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงโพสข้อความประหนึ่งกำลังจีบคนในรูปที่แม้จะโผล่มาแค่เงาแต่เรื่องราวกลับถูกโฟกัสไปที่เงาลาง ๆ บนโต๊ะมากกว่าจุดโฟกัสของกล้องอย่างแก้วกาแฟเสียอีก


…ดีนรู้แค่ว่าอยากโพส…


นอกจากนี้ดีนยังตอกย้ำความ ‘อยาก’ ของตัวเองด้วยการทำตัวประหนึ่งเป็นแอคเคาน์บางประเภทที่ชอบทวีตข้อความอินเลิฟเสี่ยว ๆ สาดใส่ไทม์ไลน์คนอื่นอีกด้วย



DEAN @DEANada . 10s
แปลก…ปกติผมไม่ชอบกลิ่นชาเขียวสักเท่าไหร่ แต่พอมีคุณนั่งอยู่ตรงหน้าด้วย ผมกลับไม่รู้สึกถึงการมีอยู่ของมันเลย



เพียงแต่ ‘แฟนคลับตัวยง’ อย่างรณณ์กลับไม่เห็นข้อความนั้น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเจ้าตัวไม่ได้ตั้งค่าแจ้งเตือนการอัพเดทเอาไว้ แต่ในเมื่อคุณดีนตัวจริงที่อยู่ตรงหน้านี้น่าสนใจกว่า แล้วมีเหตุผลอะไรที่เขาจะต้องเข้าไปทำความรู้จักอีกฝ่ายผ่านตัวอักษรในโลกของทวิตเตอร์อีกล่ะ

   
   。。。。。



   
กำหนดการส่งต้นฉบับมาถึงอีกครั้งพร้อมวันเริ่มต้นทำงานของสัปดาห์ใหม่ หากนับรวมวันนี้ก็เท่ากับพวกเขามีเวลาอีกแค่สิบห้าวันเท่านั้นในการเคี่ยวเข็นให้มันออกมาสู่สายตานักอ่าน

   
เช้าวันนี้กล่องจดหมายในอีเมลของดีนคึกคักเป็นพิเศษ แต่ที่ต้องเร่งด่วนที่สุดก็เห็นจะเป็นอีเมลฉบับที่ถูกส่งมาจากหัวหน้าคอลัมน์สาว

   
ไฟล์ต้นฉบับมากมายถูกรวมเป็นไฟล์ .zip อยู่ในนั้น ดีนดาวน์โหลดมันออกมาก่อนจะไล่หาไฟล์ที่ถูกเขียนโดยนักศึกษาฝึกงาน การที่นิตยสารฉบับนี้จะถูกตีพิมพ์เร็วหรือช้ากว่ากำหนด นอกจากใจความหลักของเล่มแล้วก็มีคอลัมน์ที่สร้างสรรค์โดยนักศึกษาฝึกงานที่เขาต้องรีบตรวจทานก่อนสิ่งอื่น ด้วยเพราะงานเขียนของคอลัมนิสต์คนอื่นค่อนข้างจะไว้วางใจได้พอสมควรเพราะร่วมงานกันมานานแล้ว ใช่จะเพิ่งมาใหม่เสียเมื่อไหร่

   
คอลัมนิสต์ทุกคนในสำนักพิมพ์นี้จะมีนามปากกาที่แนบมาพร้อมชื่อไฟล์อยู่แล้ว แต่สำหรับนักศึกษาฝึกงาน ทางทีมบริหารเห็นพ้องต้องกันว่าควรลงท้ายบทความด้วยคำเดียวกับสถานะที่เขาเป็นอยู่ เพื่อให้นักอ่านทั้งหลายรู้ว่านี่เป็นฝีมือของ ‘ขาจร’ รวมถึงเป็นการปิดบังตัวตนจากสำนักพิมพ์คู่แข่งด้วย

   
ดีนรีบเปิดทันทีที่เจอไฟล์ที่ต้องการ


   
‘หากันจนเจอ’


   
ดีนร้องเหอะ สมกับที่เป็นธีมความรักเสียจริง รู้สึกเลี่ยนตั้งแต่อ่านชื่อเรื่องเลยทีเดียว

   
“อาจมีบางทีในเมืองกว้างใหญ่ หมอกและควันช่วยกันพรางตา มีขอบรั้วขอบกำแพงสร้างมา ตึกระฟ้าคอยบังเราอยู่…”

   
ขึ้นต้นคอลัมน์มาด้วยเนื้อร้องคุ้นหูแต่ระคายหูคนไม่ชอบเพลงรักอย่างดีนเสียเหลือเกิน แต่ถึงอย่างนั้นก็ทนอ่านจนจบ

   
บรรณาธิการหนุ่มตัดสินใจต่อสายโทรศัพท์ภายในลงไปถึงดาวพร้อมแจ้งความประสงค์ทันทีที่อีกฝ่ายรับสาย

   
“ผมขอพบนักศึกษาฝึกงานในแผนกของคุณ…เดี๋ยวนี้!”






TBC.
----------------------------------------------------------------
ตกใจที่มีคนรอ ตอนนี้เลยกดดันเลยอ่ะ แต่ก็ขอบคุณนะคะที่ติดตามคุณดีนกับน้องรณณ์ #กราบงามๆ
ไม่มีอะไรจะแก้ตัวสำหรับการหายไปนานค่ะ
สัปดาห์สงกรานต์นั่นไปเที่ยวต่างประเทศคนเดียว
กลับมาทำงานสี่วันก็มีแต่อบรมกับประชุม กลางคืนเลยต้องขนงานกลับมาทำอีก
วุ่นวายอย่างนี้อยู่ระยะหนึ่ง แต่กำลังใจดี

ความจริงแล้วคุณดีนเป็นผู้ชายทื่อๆ ถ้าใครสังเกตจะเห็นว่าไม่ใช่แค่พูดตรง แต่เขาพูดในสิ่งที่คิดออกมาเลย
บางอย่างคิดเยอะ บางอย่างคิดแล้วว่าจะไม่แคร์ ฮ่าๆๆๆ
ผิงเป็นบุคคลสำคัญจริงๆ เธอจะทำให้อะไรมันชัดเจนขึ้น
สุดท้ายนี้ ขอบคุณสำหรับทุกคำติชมและคอมเม้นท์นะคะ #ชื่นใจ

ใครจะตามหาคนเขียน เจอกันได้ในทวิตเตอร์ พื้นที่แฮชแท็ค #ไม่ดิ้นรนหา นะคะ

ด้วยรักและขอบคุณ

ธัญญ์

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 7 [29/04/17]
«ตอบ #51 เมื่อ29-04-2017 20:29:48 »

 :L2: :pig4:


มาแล้วววววดีใจ

ออฟไลน์ โอ

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 141
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1
Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 7 [29/04/17]
«ตอบ #52 เมื่อ29-04-2017 20:38:06 »

 :กอด1:

ออฟไลน์ penneeamoon

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 259
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 7 [29/04/17]
«ตอบ #53 เมื่อ29-04-2017 20:48:10 »

งิ้อออออ  มาล่าวววว

ออฟไลน์ ชมรดา

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 99
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1
Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 7 [29/04/17]
«ตอบ #54 เมื่อ29-04-2017 21:01:08 »

จะได้เจอกันแล้ว  ตื่นเต้นแทนคุณดีน  5555
เจอกันในหน้าที่ความรับผิดชอบ  เหอๆ

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 7 [29/04/17]
«ตอบ #55 เมื่อ29-04-2017 21:40:57 »

เรียกมาด่าหรือเรียกมาชม

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0
Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 7 [29/04/17]
«ตอบ #56 เมื่อ29-04-2017 22:52:47 »

 :L2: :3123: :pig4: :3123: :L2:

ออฟไลน์ stickyyrice

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5
Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 7 [29/04/17]
«ตอบ #57 เมื่อ30-04-2017 08:03:42 »

จะเจอกันแล้วววว

ออฟไลน์ J029

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 7 [29/04/17]
«ตอบ #58 เมื่อ30-04-2017 09:25:47 »

ถ้ารู้ว่าเป็นรณณ์จะเป็นยังไงน่ออออ

ออฟไลน์ darling

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1741
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-7
Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 7 [29/04/17]
«ตอบ #59 เมื่อ30-04-2017 11:29:04 »

ดีใจที่ได้เจอนิยายเรืองนี้เหมือนกัน รอตอนต่อไปจ้ะ  :L2:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด