ห า กั น จ น เ จ อ // ตีพิมพ์กับสนพ.เฮอร์มิทค่ะ [4.10.61]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ห า กั น จ น เ จ อ // ตีพิมพ์กับสนพ.เฮอร์มิทค่ะ [4.10.61]  (อ่าน 194263 ครั้ง)

ออฟไลน์ IaminLove

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 564
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-5
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วกลับไปขอบคุณคนแนะนำเลย มันดีต่อใจมากกกก มากกก แบบที่พยายามอ่านช้าๆ เพื่อไม่ให้มันจบเร็วๆ ไปซะก่อน อ่านละอยากเจอคนที่ใช่แบบดีนกับรณณ์บ้างเลย ชอบความคิดเกี่ยวกับเรื่องความรักจองดีนนะ อาจจะเพราะเป็นคนคล้ายๆ กัน

ออฟไลน์ Yukina

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
คือ อ่านรวดเดียวจบบบบบบบบบบบบ สนุกมากกกก ละมุน

แต่อยากจะขอออกความเห็นนิดว่า รุ้สึกมันไม่สุดอ่า ก้อเข้าใจว่า ตามชื่อเรื่อง หากันจนเจอ

แต่อยากให้มีเหตุการณ์หวานๆ ต่อจากนี้หน่อย

แต่ไงก้อขอบคุนนะครับ คนแต่ง ชอบมากๆๆๆๆๆ  :mew1: :mew2:

ออฟไลน์ awfsp

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 252
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0

ออฟไลน์ Thep503

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 210
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
มีความสุขที่ได้อ่านครับ ยิ่งตอนแรกๆนี้อ่านไปอายม้วนไปเลยครับ...ขอบคุณมาก

ออฟไลน์ Yร้าย

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 732
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-1
ชอบค่ะน่ารักไม่หวือหวาไม่เลี่ยนอุ่นๆละมุนๆไม่เอื่อยไปไม่เร็วไปเป็นนิยายอีกเรื่องที่ประทับใจ

ออฟไลน์ เมียงู

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 59
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ภาษาดี เนื้อเรื่องอบอุ่นไม่ยืดเยื้อเลย ขอบคุณที่แต่งให้อ่านค่ะ รอติดตามเรื่องต่อๆไปอยู่นะคะ  :mew1:

ออฟไลน์ Raina

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 341
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-2
อ่านไปถึงตอนสุดท้าย ร้อง ห๊ะ จบแล้วเรอะ

อ่าน talk นักเขียน อ้อๆ โอเคๆ ก็สมเหตุสมผลนะ

ตอนแรกนึกว่าตัวละครสนับสนุน เพื่อนรณณ์ (ชื่อเอก?) กับ พี่หัวหน้าทีม (ชื่อทิศ?) จะมีบทบาทกว่านี้ โดยเฉพาะพี่หัวหน้าทีม เห็นชอบพูดอะไรเป็นนัยๆ

ส่วนที่ดาวพยายามเปิดเผยความสัมพันธ์ของดีนกับรณณ์ ถ้าทำสำเร็จ เราว่าผลมันน่าจะแย่มากนะ คือรณณ์อาจจะฝึกงานไม่ผ่านจนต้องจบช้าไปอย่างต่ำ 1 เทอม ดีไม่ดีโดนดิสเครดิตเวลาหางานอีก มันเป็นการทำลายอนาคตเด็กคนหนึ่งเลยทีเดียว เราว่าดาวกับดีนคิดน้อยไป มัวแต่ทะเลาะกันจนคนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่รับเคราะห์ไปเต็มๆ

อีกเรื่องคือรอยร้าวระหว่างคริส/ดีน/ดาว/ผิง เอาจริงๆนะ จะทำงานร่วมกันต่อไปได้เหรอ? ยิ่งดาวตำแหน่งใหญ่ด้วย กลัวใจ

ขอบคุณสำหรับนิยายนะคะ  :pig4:

ออฟไลน์ tangtey59

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-1
เรื่องนี้น่ารักดีค่ะ ชอบการดำเนินเรื่อง

ออฟไลน์ Guy_BLove

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ชอบมากๆเลยค่ะ พึ่งได้มาอ่านเรื่องนี้
โอ้ยชอบบบบบบ :ling1: :ling1: :ling1:
 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[

ออฟไลน์ Yร้าย

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 732
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-1
ชอบค่ะน่ารักไม่หวือหวาไม่เลี่ยนอุ่นๆละมุนๆไม่เอื่อยไปไม่เร็วไปเป็นนิยายอีกเรื่องที่ประทับใจ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ชายกุมภ์

  • ชายกุมภ์
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 23
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ชอบเรื่องนี้มาก
ขอบคุณนะครับคุณนักเขียน

ออฟไลน์ ธัญญ์

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 127
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-4

ห า กั น จ น เ จ อ

ตอน Congratulations




รณณ์หลีดนิเทศน์มีพี่ชายด้วยเหรอ?


หลายคนที่รู้จักคนดังอย่างรณณ์กระซิบกระซาบกันในทุกพื้นที่ที่รณณ์ปรากฏตัวพร้อมตากล้องส่วนตัวที่ดูอย่างไรก็เกินกว่าแค่ตำแหน่งตากล้องอย่างแน่นอน เพราะทั้งวันซ้อมย่อยซ้อมใหญ่แถมวันรับจริงอย่างวันนี้ก็ยังเห็นหนุ่มตี๋ไทป์ฝรั่งตามติดไม่ห่าง ทั้งดูแลบริการเอาใจสารพัดแบบที่ถ้าพวกเธอจ้างตากล้องแล้วได้รับบริการดีขนาดนี้ก็คงรีบว่าจ้างแบบไม่ต้องเสียเวลาคิดเลยทีเดียว แต่เพราะว่าหาจ้างที่ไหนก็ไม่น่าจะได้ถึงขนาดนี้ ความสงสัยในทุกผู้คนจึงยังมีอยู่ และไม่รู้เพราะว่ามีตากล้องส่วนตัวนั่งคุมแจหรืออย่างไรถึงได้ไม่มีใครกล้าเข้าไปถามทั้งที่รณณ์ก็ไม่ใช่คนคุยยาก ออกจะอัธยาศัยดีเสียด้วยซ้ำ


ว่าแต่...ตาตี๋ ๆ แต่ดูไทป์ฝรั่งแบบนั้นเป็นพี่ชายของรณณ์ได้จริงเหรอ




เพราะดีนตามเฝ้าตามมองอยู่หลายวันจึงได้รู้ว่ารอยยิ้มที่รณณ์มอบให้เขากับยิ้มหน้ากล้องไม่เหมือนกัน ไม่สิ! ความจริงแล้วยิ้มให้เขากับยิ้มทั่วไปต่างหากที่ไม่เหมือนกัน เดิมทีรณณ์เป็นคนยิ้มสวยอยู่แล้ว แต่เพราะรอยยิ้มที่มอบให้เขามันมักผสมความรู้สึกบางอย่างมาด้วยมันถึงได้ดูสวยมากขึ้นอีกเท่าตัว ดีนไม่แน่ใจว่าความรู้สึกที่ออกมาพร้อมรอยยิ้มนั่นมันคืออะไร ความรู้สึกที่รณณ์ก็คงจะสื่อมันออกมาตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกัน


มันอาจจะเป็นความปลาบปลื้ม ความเขินอาย หรืออะไรทำนองนั้นที่อีกฝ่ายมีให้เขาเพียงคนเดียว


“บอกแล้วว่าให้อัดโพเมดมาเยอะ ๆ” ดีนดุเด็กดื้อที่ไม่ยอมใช้เจลเซตผมเพราะกลัวมันจะชี้โด่ชี้เด่แต่กลับใช้โพเมดเซตผมมา แล้วแทนที่จะใช้เยอะ ๆ กลับทาเสียบางจนตอนนี้ผมกระเซิงแทบไม่เป็นทรงหลังจากที่วิ่งวุ่นถ่ายรูปกับเพื่อนในคณะยังไม่ถึงสองชั่วโมงเลยด้วยซ้ำ


“บ่นจังเลยครับ” ถึงจะต่อว่าแต่นัยน์ตาไม่ได้ฉายแววเบื่อหน่ายเหมือนคำพูด นัยน์ตาซุกซนล้อคนตัวโตเสียมากกว่า


“เดี๋ยวเถอะ” ดีนเองก็มองดุไม่จริงจังนัก


“นั่งลงเลย” ดีนสับเปลี่ยนตำแหน่งให้บัณฑิตหนุ่มในชุดครบองค์นั่งลงแทนที่ตน ส่วนตัวเองเปลี่ยนมายืนตรงหน้าพร้อมกระปุกโพเมดในมือ หยิบกระจกมาให้คนที่นั่งอยู่ถือไว้ก่อนที่เขาจะจัดการกับทรงผมของอีกฝ่ายเสียใหม่


รณณ์เคยบอกว่าชอบใช้โพเมดเพราะสามารถจัดแต่งทรงผมเพิ่มเติมได้ในระหว่างวัน ไม่เงาและไม่แข็งเหมือนเจลหรือแวกซ์ แต่ถ้าทาเยอะแบบที่ดีนบอกมันจะเป็นเงาได้ ซึ่งเขาไม่ชอบ ก่อนออกจากห้องเมื่อเช้าก็เลยทามาแค่บาง ๆ เท่านั้น


“ยิ้มอะไรครับ” ดีนชะงักมือก้มมองดวงหน้าใสที่เม้มปากกลั้นยิ้มใส่กระจก ถ้าไม่ติดว่ามือเลอะทั้งสองข้างก็อยากจะยื่นออกไปคลายมันออกจากกัน “เม้มมากช้ำหมดกันพอดี”


“รู้สึกเหมือนตอนรับปริญญาจบอนุบาลสามเลยครับ นั่งนิ่ง ๆ แบบนี้ให้พ่อเซตผมให้” รณณ์เล่าติดตลกแต่คนฟังตาเขียวปั๊ด


“ถ้าเป็นพ่อทูนหัวละก็ใช่”


จบคำคุณดีนเพื่อนฝูงต่างพากันสำลักน้ำ ไอค่อกไอแค่กกันยกใหญ่ จากที่รณณ์เขินกับคำพูดของคนรักแล้วยังต้องมาอายเพื่อนเพราะรู้ว่าพวกนั้นแอบฟังอยู่อีกด้วย




โต๊ะไม้ตัวยาวตัวหนึ่งใต้ถุนตึกคณะนิเทศศาสตร์ถูกกลุ่มของรณณ์ยึดพื้นที่โดยมีคนเฝ้าโต๊ะและของกิตติมศักดิ์อย่างบรรณาธิการนิตยสารไลฟ์ การถ่ายรูปคู่บ้างหมู่บ้างกับเพื่อนฝูงส่วนใหญ่จะใช้กล้องโทรศัพท์หรือไม่ก็กล้องของคนอื่น รณณ์จึงไม่อยากให้คุณดีนที่ยังชอบชีวิตสันโดษมากกว่าความวุ่นวายตามไปด้วยเพราะกลัวจะต้องตอบคำถามบรรดาเพื่อนของเขาแบบไม่หวาดไม่ไหวว่าตนเป็นใคร กลัว ‘แฟนบัณฑิต’ คนนี้จะเหนื่อยก่อนงานจบเสียก่อน


ตลอดหลายวันมานี้ทั้งซ้อมย่อยซ้อมใหญ่รวมถึงรับจริงอย่างวันนี้ คุณดีนไม่เพียงแต่มาคอยดูแลเขาเพียงอย่างเดียวแต่ยังแผ่ความเอาใจใส่ไปถึงเพื่อนในกลุ่มของเขาด้วย ดูได้จากสารพัดอาหารและเครื่องดื่มที่วางอยู่บนโต๊ะเพราะคุณดีนกลัวบัณฑิตที่ตื่นแต่ไก่โห่รีบมารายงานตัวจะเป็นลมเป็นแล้งไปเสียก่อน


“พวกเพื่อน ๆ ผมนัดกันไว้ว่าจะฉลองให้คุณนอกรอบเพราะมาร่วมงานไม่ได้”


“เกรงใจพี่ ๆ เขาจังเลยครับ โดยเฉพาะพี่เก่งพี่แรมพี่ธันว์” แค่ส่งข้อความมาแสดงความยินดีด้วยก็ขอบคุณมากแล้ว


“ไม่ต้องเกรงใจหรอก พี่ ๆ เขาแค่หาเรื่องเมาเท่านั้นแหละ”


รณณ์หัวเราะร่วนกับความคิดของคนรัก


เหลือเวลาไม่ถึงสองชั่วโมงก่อนเข้าหอประชุมใหญ่ บัณฑิตหนุ่มหน้าใสยังคงวุ่นกับการถ่ายรูปกับคนนั้นคนนี้ที่เข้ามาหา ไหนจะน้องกลุ่มใหญ่ที่มาขอบูมหาเงินไปทำกิจกรรมอีก ดีนตามถ่ายรูปคนรักอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย รอยยิ้มหลังกล้องนั่นคือหลักฐานชั้นดี


“ไม่มีพร็อบอะไรให้คุณถือเลย อยากได้ดอกไม้สักช่อไหม” ดีนพูดเมื่อรณณ์ฝ่าวงล้อมรุ่นน้องออกมาได้


รณณ์ยิ้มบาง คุณดีนก็ยังคงซื่อตรง อยากให้อะไรจะถาม ไม่เคยมีเรื่องเซอร์ไพรส์ใด ๆ ทั้งสิ้น “ไม่ต้องหรอกครับ เป็นผู้ชายไม่ต้องพร็อบเยอะหรอก ยืนเท่ ๆ ก็พอแล้ว”


มาตามเฝ้าตามปรณนิบัติอยู่หลายวันแต่รณณ์ก็ยังไม่ได้รับของขวัญรับปริญญาจากดีนสักชิ้น ไม่มีแม้แต่ช่อดอกไม้แสดงความยินดี คนเป็นบัณฑิตเองก็ไม่งอแง เพราะแค่คุณดีนลางานมาดูแลเอาใจใส่กันตลอดก็มีค่ามากกว่าของขวัญชิ้นใด ๆ แล้ว


“พี่ดีน!”


เจ้าของชื่อหันไปมองก็พบกับบัณฑิตสาวกลุ่มใหญ่จากคณะเดียวกันกับตน คนที่เดินหน้าบึ้งเข้ามาใกล้และคงจะเป็นเจ้าของเสียงเรียกด้้วยทำให้ดีนยิ้มอ่อนอย่างรู้สึกผิด


“ตอนเพื่อนบอกว่าเห็นพี่ดีนอยู่ที่นี่หนูก็ยังไม่เชื่อนะ แต่พอรู้ว่ามาจริง ๆ แล้วไม่ไปหาหนูบ้างก็น่าน้อยใจชะมัด” พี่รหัสเธอคนนี้ชอบความวุ่นวายเสียที่ไหน ยิ่งงานรับปริญญายิ่งไม่ต้องพูดถึง ขนาดตอนตัวเองรับยังแอบไปหลบมุมจนต้องตามหากันให้วุ่น ถึงคราวงานของเธอพี่ดีนก็มาร่วมยินดีตอนวันซ้อมย่อยของคณะ วันที่ชาวบ้านเขาไม่มาและเธอก็มีเพียงแค่ชุดนักศึกษาถูกระเบียบติดตัวเท่านั้น แต่ดันมาเจอพี่ดีนยืนอยู่ใต้คณะนิเทศฯซึ่งเป็นทางผ่านไปหอประชุมใหญ่ เธอก็อดไม่ได้ที่จะน้อยใจ


“ขอโทษครับ”


“ขอเหตุผลดี ๆ สักข้อค่ะ”


ดีนยิ้มแหย หันซ้ายหันขวาก่อนจะพบว่ารณณ์ปลีกตัวออกไปรวมกลุ่มกับเพื่อนแล้ว “มาเฝ้าแฟนครับ”


“โอเคค่ะ” หญิงสาวพยักหน้ารับทราบ แต่พอเพิ่งรู้สึกตัวว่าสิ่งที่ได้ยินคืออะไร เธอก็ร้องออกมาเสียงดังด้วยความตกใจ “ห๊ะ! อะไรนะพี่ดีน!”


“ฟะ แฟนจริง ๆ เหรอ” ชะนีนิเทศฯนางไหนได้หัวใจพี่รหัสของเธอไปครองกันนะ ถ้าเป็นบัณฑิตปีนี้ รุ่นเดียวกับเธอที่สวยเด่นก็เห็นจะมีอยู่ไม่กี่คน


“แฟนจริงสิ ไม่ต้องทำหน้าอยากรู้แบบนั้นเลยนะ ไปหอประชุมได้แล้วไป เพื่อนเรารอนานแล้วนะ”


แม้จะอยากซักไซ้แต่เพราะคนพี่รุนหลังให้กลับไปหาเพื่อน เธอจึงได้แต่ฟึดฟัดขัดใจด้วยความอยากรู้


ดีนมองตามไปจนรุ่นน้องสาวหายลับตาไปไม่ทันไรรณณ์ก็เข้ามาสะกิดไหล่ยิก ๆ “ขอถ่ายรูปส่งให้พ่อกับแม่หน่อยนะครับ พวกท่านจะได้หาคุณเจอ” เพราะรณณ์ไม่อยากให้พวกท่านมารอในสถานที่ที่ทั้งร้อนและแออัด เขาจึงให้พวกท่านมาหาในตอนที่ตนออกจากหอประชุมใหญ่ในพิธีแล้ว


คนที่ไม่ค่อยได้ถูกถ่ายรูปบ่อยนักยืนปั้นหน้าไม่ถูก จะยิ้มก็ยิ้มไม่ออก มุมปากมันเก้กังไม่รู้มุม มือไม้ก็เกะกะวางไม่เป็นที่ทางจนคนที่ถือกล้องค้างอดขำไม่ได้


“เอาแบบนี้ดีกว่าครับ”


แบบนี้ที่ว่าของรณณ์คือการเซลฟี่ บัณฑิตหนุ่มหันหลังให้ไหล่ซ้อนคนตัวโตกว่าก่อนยกกล้องขึ้นสูง “ยิ้มหน่อยสิครับ ยิ้มเหมือนที่ชอบยิ้มให้ผมอ่ะ”


ดีนทำตามผู้กำกับจำเป็นจนสุดท้ายก็ได้รูปคู่ออกมาหนึ่งรูปเพื่อส่งไปบอกพิกัดแก่แม่ตนเอง จะว่าไปนี่ก็เป็นรูปคู่เพียงรูปเดียวของพวกเขาเลยด้วยซ้ำ


“ตอนผมไม่อยู่ก็ทำคะแนนกับแม่ผมไปก่อนแล้วกันนะครับ”


“รู้แล้วหน่า” ดีนวางมือบนหัวทุยโยกไปมาด้วยความหมั่นไส้ก่อนจัดแต่งทรงผมให้เข้าที่ดังเดิมเพราะรณณ์ต้องเข้าไปเตรียมตัวแล้ว







โต๊ะตัวที่ดีนเลือกนั่งเป็นจุดที่ใกล้โทรทัศน์ถ่ายทอดสดมากที่สุดจุดหนึ่ง จะบอกว่าเลือกที่นั่งเอาใจพ่อแม่แฟนละก็ใช่ แต่เหนือสิ่งอื่นใดคืออยากดูวินาทีสำคัญของคนเป็นบัณฑิตร่วมกับอีกสองคนที่ภูมิใจในตัวบัณฑิตมากที่สุด


“ดีนใช่ไหมลูก” คล้อยหลังรณณ์เข้าหอประชุมใหญ่ไปไม่ทันไรดีนก็ได้พบกับบุพการีทั้งสองของคนรัก หนุ่มลูกเสี้ยวยกมือไหว้อย่างนอบน้อม สังเกตเห็นว่าคนเป็นแม่มองเขาด้วยท่าทางเป็นมิตรขณะที่คนเป็นพ่อส่งสายตาเคลือบแคลงมาให้


“นั่งตรงนี้คุณอาจะได้ดูรณณ์ผ่านทีวีด้วยครับ” ดีนจัดแจงที่นั่งให้คนทั้งคู่ก่อนยื่นขวดน้ำที่เปิดฝาเสียบหลอดให้เสร็จสรรพไปให้คนทั้งคู่ “น้ำครับ”


“ขอบใจจ๊ะ” คนเป็นแม่ตอบรับด้วยสีหน้ายิ้มแย้มต่างกับสามีของเธอที่แค่ยิ้มบางแทนคำขอบคุณเท่านั้น


“เดินหายากไหมครับ อากาศค่อนข้างร้อนด้วย” ดีนยื่นซองทิชชูให้พวกท่าน เพิ่งมาสังเกตตอนเห็นเหงื่อบนหน้าพวกท่านนี้เองว่ารณณ์ได้รอยยิ้มพิมพ์เดียวกับแม่มาเต็ม ๆ


“ก็เกือบหลงอยู่เหมือนกันนะ โชคดีที่มีเด็ก ๆ ช่วยพามาส่ง” ดนัยมองภรรยาพูดคุยกับหนุ่มรุ่นลูกอย่างเป็นกันเองขณะที่เขามองสำรวจคนตรงหน้าไปด้วย


‘พี่ดีน’ เป็นรุ่นพี่ในมหา’ลัยที่รณณ์รู้จักตอนไปฝึกงานที่นิตยสารไลฟ์ พี่ดีนคอยให้คำแนะนำและช่วยเหลือทุกอย่างจนสนิทกันมาก พี่ดีนเป็นคนใจดีใจเย็นพูดตรง และอีกสารพัด ‘พี่ดีนอย่างนั้น’ ‘พี่ดีนอย่างนี้’ ที่ลูกชายตัวดีเล่าให้พ่อกับแม่ฟังตลอดครึ่งปีมานี้หลังจากที่กลับบ้านตอนฝึกงานเสร็จในครั้งนั้น


ภรรยาเขาเองก็ใช่ว่าจะไม่เคลือบแคลงในความสัมพันธ์ของทั้งสอง ช่วงแรกที่ได้ยินลูกชายเอ่ยถึงอีกฝ่ายอาจจะไม่ทันคิดอะไรนอกจากลูกได้เจอเพื่อนร่วมงานดี ๆ แต่พอได้ยินลูกเอ่ยถึงบ่อยขึ้นจนถึงขั้นทุกครั้งที่โทร.หา เธอก็อดไม่ได้ที่จะคิดสงสัย ลำพังแค่พูดถึงคงไม่เท่ากับการที่รณณ์เล่าเรื่องของตัวเองแต่มี ‘พี่ดีน’ รวมอยู่ด้วยไปเสียทุกครั้ง ไม่ว่ารณณ์จะทำอะไรหรือไปที่ไหนเป็นต้องทำและไปกับคน ๆ นี้ทั้งนั้น


มีหรือที่พ่อกับแม่จะไม่รู้ ลูกกำลังทำให้พวกเขาคุ้นเคยกับ ‘พี่ดีน’ ของเขา


“ลูกชายแม่เล่าให้ฟังตลอดว่าพี่ดีนคอยช่วยเหลือสารพัดอย่าง” ดีนสะดุดหูตรงคำเรียกเขาที่คนรักคงจะใช้ในการพูดถึง แค่พูดถึงเขาก็แปลกใจมากแล้ว นี่ยังเรียกเขาว่า ‘พี่ดีน’ อีกหรือ ไม่รู้ตัวเลยว่าเผลอยิ้มน้อย ๆ ออกไปให้คนมองยิ่งเชื่อในข้อสันนิษฐาน


“นี่ก็คงจะมาดูแลทุกวันที่ซ้อมเลยสินะ”


“ครับ ช่วยน้องประหยัดค่าตากล้องน่ะครับ” ดีนเล่าติดตลก


“เหนื่อยแย่เลยนะ”


ดีนยิ้มบาง “นิดหน่อยครับ แต่คงไม่เหนื่อยเท่าบัณฑิตหรอกครับ” ใครเคยรับปริญญาเป็นต้องโอดครวญว่าจะไม่เข้าร่วมพิธีนี้อีกแล้ว ทั้งร้อนทั้งเหนื่อย ไหนจะชุดที่สวมใส่ ไม่มีความสบายเลยสักนิด


นั่งคุยกันไปได้ครู่ใหญ่ก็ถึงเวลาที่นักศึกษาคณะนิเทศศาสตร์รับปริญญาบัตร ไล่เรียงตั้งแต่คนที่ได้เกียรตินิยมอันดับหนึ่งซึ่งหนึ่งในนั้นมีคนเก่งของดีนรวมอยู่ด้วย ชายหนุ่มยิ้มเอ็นดูเมื่อหญิงวัยสี่สิบปลาย ๆ ลุกจากที่นั่งเข้าไปใกล้หน้าจอมากขึ้นก่อนหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาเตรียมอัดวิดีโอวินาทีสำคัญของลูกชายเพียงคนเดียวของเธอ และเพราะคิดว่ารณณ์เองก็คงอยากเห็นในสิ่งที่เขากำลังเห็น ภาพตรงหน้าจึงถูกบันทึกลงเมมโมรี่กล้องของเขาด้วย


ต่อเมื่อเธอกลับมานั่งที่เดิม คนเป็นสามีถึงได้บอกว่าตนจะออกไปหาช่อดอกไม้ไว้ต้อนรับตอนลูกชายกลับมา ดีนแนะนำจุดขายที่ผู้คนไม่มากนักและใกล้บริเวณนี้ให้ก่อนรับปากว่าจะดูแลคุณแม่ของรณณ์ให้เป็นอย่างดี


ดนัยกลับมาพร้อมดอกไม้ช่อใหญ่ไม่ถึงชั่วโมงลูกชายคนเก่งก็เดินแทรกกลุ่มบัณฑิตตรงเข้ามาหา ร่างสูงโปร่งในชุดครุยอ้าแขนกว้างเพื่อสวมกอดบุพการีพร้อมกันถึงสองคน ใบหน้าของทั้งสามอิ่มเอิบเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุขจนดีนต้องยกกล้องขึ้นมากดชัตเตอร์เพื่อบันทึกภาพไว้


“เก่งมากลูกแม่ เก่งที่สุดเลยลูก” น้ำตาแห่งความปิติไหลอาบสองแก้มของคนเป็นแม่จนลูกชายแทบจะร้องไห้ตาม


“โอ๋แม่ครับ ไม่ร้องนะครับ” รณณ์เช็ดคราบน้ำตาให้อย่างเบามือก่อนสวมกอดเธอแนบแน่นเพื่อปลอบประโลมโดยมีคนเป็นพ่อมองดูด้วยความตื้นตันใจ


คนที่ถูกกันออกจากความร่วมปิติยินดีของคนในครอบครัวอย่างดีนทำได้แค่มองภาพเหล่านั้นผ่านเลนส์กล้องด้วยความอิ่มเอม บรรยากาศของการรับปริญญาไม่มีอะไรให้ความรู้สึกอุ่นใจเท่ากับการที่คนในครอบครัวร่วมยินดีกับความสำเร็จในก้าวแรกของการเข้าสู่ความเป็นผู้ใหญ่ของเรา


ผู้ใหญ่ที่ต้องรับผิดชอบมากมายไม่ใช่แค่เพียงตัวเองเท่านั้น


“อย่าร้องสิครับ ดูสิ วันนี้ผมเท่ไหม คุณดีนเขาแต่งตัวให้ จัดทรงผมให้ด้วยนะครับ วันนี้มีแต่คนชมว่าเท่สุด ๆ ไปเลย” บัณฑิตหมาด ๆ เล่าด้วยความภาคภูมิเพื่อให้แม่หายเศร้าจนลืมสังเกตสีหน้าของพ่อที่เปลี่ยนไป


ดีนยิ้มน้อย ๆ ในตอนที่พ่อของคนรักหันมามองแวบหนึ่ง


“ทำไมเรียกคุณ ไหนบอกเป็นรุ่นพี่” คนเป็นพ่อถามเสียงแข็ง


“อ่า...ชินน่ะครับ” เพราะว่ายังไม่ได้บอกพ่อกับแม่ว่าคบกับคุณดีนในสถานะไหน จึงเรียกว่าพี่เพราะอยากให้พวกท่านเข้าใจว่าเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องกันในมหาวิทยาลัย เพราะถ้าเป็นพี่เป็นน้อง คงจะสนิทกันได้ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ถ้าเรียกคุณ พวกท่านคงสงสัยแน่ว่าสนิทกันถึงขั้นนี้ได้อย่างไร




เพราะยืนอยู่ใกล้ตลอดดีนจึงได้ยินบนสนทนาทุกอย่างอันเป็นต้นว่าเย็นนี้ญาติ ๆ ที่กรุงเทพฯและที่เดินทางมาจากชลบุรีรอเลี้ยงฉลองให้บัณฑิตคนเก่งที่บ้าน ดีนเผลอกัดปากอย่างครุ่นคิด เป็นอันว่าแผนทำคะแนนกับพ่อตาแม่ยายล่มไม่เป็นท่าเพราะไม่อาจไปร่วมฉลองกับครอบครัวคนรักได้


เพราะรณณ์คงยังไม่ชวนไปเปิดตัวกับญาติคนอื่นทั้งที่พ่อกับแม่ยังไม่ยอมรับแน่ ๆ


แม้ใบหน้าเกือบครึ่งของดีนจะถูกบดบังด้วยกล้องตัวใหญ่แต่รณณ์ก็รับรู้ได้ว่าคนรักคงรู้สึกไม่ดีสักเท่าไหร่กับสิ่งที่พ่อเขาเพิ่งพูดออกมา เด็กหนุ่มหันกลับมามอง ตั้งใจจะส่งผ่านความห่วงใยผ่านเลนส์กล้องไปให้ถึงคนที่อยู่ข้างหลัง ดีนขยับกล้องให้ตัวเลนส์กระดกขึ้นลงเป็นสัญญาณให้อีกฝ่ายทำตัวตามปกติไม่ต้องห่วงตน


ดีนตามถ่ายรูปให้สามคนพ่อแม่ลูกในอีกหลายมุมสำคัญในบริเวณนั้น ซึ่งล้วนเป็นมุมที่ผู้คนต่างก็ต้องการเนื่องจากสื่อถึงสถานศึกษาที่จบมาได้ชัดจนเหมาะแก่การถ่ายรูปครอบครัวที่นำไปอัดรูปตั้งโชว์ที่บ้านได้


“ถ่ายกับน้องไปบ้างรึยังล่ะดีน” คนเป็นแม่ร้องถามตากล้องหนุ่มคนสนิทของลูกชายที่คอยถ่ายและจัดท่าทางให้โดยไม่บ่นเหนื่อย


ดีนลดกล้องลงยิ้มเขิน “ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมไม่ชินเท่าไหร่” มีรูปคู่แล้วหนึ่งรูปก็น่าจะพอ


“มาเถอะ เดี๋ยวให้พ่อเขาถ่ายให้” เธอกวักมือเรียกก่อนหันไปบอกให้สามีตัวเองไปทำหน้าที่แทน คนถูกยัดเยียดหน้าที่ให้ตีหน้ายุ่ง ไม่พอใจเพียงไรก็ขัดใจคนรักไม่ได้ ไหนจะลูกชายที่มองมาเหมือนคอยสังเกตท่าทางเขาอยู่ด้วย จะแสดงออกว่าไม่พอใจมากก็คงไม่ได้


“รบกวนด้วยนะครับคุณอา” ดีนเอ่ยอย่างนอบน้อมขณะยื่นกล้องให้ คนรับกล้องไปเพียงแค่พยักหน้านิ่ง ๆ ก่อนเพยิดหน้าบอกให้คนหนุ่มกว่ารู้ว่าควรรีบไปยืนข้างบัณฑิตเสียที


“ปกติพ่อผมไม่ดุนะครับ” รณณ์พูดเสียงเบาให้ได้ยินกันสองคนในตอนที่ดีนกำลังจัดท่าทางตัวเอง


“ก่อนหน้าได้รู้จักพี่ดีนน่ะก็คงใช่” ปกติจะถ่ายรูปแต่ละครั้งก็แสนยากลำบากสำหรับดีนมากแล้ว ยิ่งต้องถ่ายคู่กับรณณ์โดยมีพ่อเจ้าตัวเป็นคนกดชัตเตอร์ดีนก็ยิ่งทำตัวไม่ถูก ต้องยืนห่างแค่ไหน หรือใกล้ได้เท่าไหร่จึงจะถูกใจ มือไม้วางบนตัวบัณฑิตได้บ้างหรือควรเก็บไว้กับตัวยืนเอามือล้วงกระเป๋าเท่ ๆ ดีกว่า


เพราะมัวแต่วุ่นอยู่กับการจัดการตัวเองจึงไม่ทันสังเกตว่าคนรักหน้าแดงขนาดไหนกับคำล้อชื่อเรียกที่ตนจงใจพูดออกมา


“ยืนใกล้กันหน่อยสิลูก เดี๋ยวตกเฟรมนะ” ผู้กำกับจำเป็นออกความเห็น ดีนมองแม่คนรักก่อนเหลือบมองคนเป็นพ่อเชิงขออนุญาต พอเห็นว่าอีกฝ่ายไม่แสดงอาการอะไรเพิ่มเติมจากเดิมเขาจึงขยับเข้าไปใกล้มากขึ้นก่อนได้ยินเสียงขบขันจากคนรัก


“ขำอะไรครับ”


เพราะหันไปมองหมายจะคาดโทษคนเด็กกว่าจึงได้เห็นเส้นผมที่หลุดทรงจนตกลงมาปรกหน้าบางส่วนจนเผลอยื่นมือไปเกลี่ยออกแล้วจัดเสียใหม่ “คนหรือลิง ทำไมโพเมดเอาไม่อยู่”


ไม่เพียงแค่ภาพ ‘รุ่นพี่คนสนิท’ ดูแลเอาใจใส่ลูกชายของตนเท่านั้นที่สองสามีภรรยามองเห็น แต่แววตาของความสุขยามที่ลูกชายอยู่กับคน ๆ นี้มันมากมายจนพวกเขารับรู้ได้


“ฉันเข้าใจแล้วว่าทำไมลูกถึงมักจะไปไหนหรือทำอะไรกับพี่ดีนของเขา”


คนเป็นสามีละสายตาจากเด็กหนุ่มสองคนมามองภรรยาด้วยความสงสัย


“คนเราน่ะ อยู่ตรงไหนแล้วมีความสุขก็มักจะพาตัวเองไปอยู่ตรงนั้น จริงไหมล่ะคุณ”


ภรรยาพูดถูก และเขาเองก็ไม่ได้ตาบอดที่จะมองไม่ออก แต่ถึงอย่างไรมันก็ยากจะยอมรับได้ เพราะเขาเชื่อว่าวันหนึ่งลูกชายจะเจอคน ‘ที่เหมาะที่ควร’ จะเป็นความสุขของเขา


...มากกว่าคน ๆ นี้




ภาพสองหนุ่มเอาใจใส่กันไม่เพียงแต่อยู่ในสายตาของสองสามีภรรยาเท่านั้นแต่ยังมีคนอีกกลุ่มหนึ่งที่เดินมาทันเห็นพอดี


“พวกอีน่ารักดีนะ ลื้อว่าไหมอาตี๋” หญิงชราที่ยืนเกาะแขนหลานชายพูดกับลูกชายที่ยังยืนจ้องสองคนนั้นไม่วางตา งานรับปริญญาในวันนี้ใช่ว่าคนเป็นบัณฑิตหรือจะมีใครเชิญ แต่พวกเขามากันเองเพราะตั้งใจมาเซอร์ไพรส์ด้วยรู้ดีว่าครอบครัวของบัณฑิตต้องมาในวันนี้อย่างแน่นอน


“ไปหาพวกอีกันได้แล้ว”





ผลจากการสละตำแหน่งตากล้องมาเป็นแบบเองทำให้ดีนได้รูปคู่กับรณณ์มาสองรูปถ้วน ไม่ใช่แค่ยืนข้างกันเท่านั้นแต่ดีนยังโอบไหล่คนรักได้ตามการกำกับของแม่อีกฝ่าย หลังจากได้รูปที่น่าพอใจแล้วดีนก็กลับสู่ตำแหน่งเดิม


“อาม่า!” เสียงคนรักดังขึ้นมาก่อนที่ดีนจะทันได้มองผ่านช่องวิวไฟน์เดอร์อีกครั้ง หนุ่มลูกเสี้ยวหันไปมองข้างหลังตามสายตารณณ์ก่อนจะพบกับกลุ่มคนที่ทำให้เขาตกใจจนเกือบจะต้องกุมขมับ


อาม่าไม่ควรมาวันนี้


...อย่างน้อยก็ไม่ควรพาอาเตี่ยมาด้วย


พวกเขาคบกันมาหลายเดือนแล้วก็จริงแต่อาเตี่ยยังไม่มีท่าทียอมรับมากขึ้นจากครั้งแรกที่เจอแม้ว่าดีนจะพารณณ์ไปหาอยู่บ่อยครั้ง ช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์หลังจากที่ใช้เวลาอยู่ด้วยกันทั้งวันแล้วยังไปปิดท้ายมื้อเย็นที่บ้านของอาม่าพร้อมสมาชิกในครอบครัวเขาอีกด้วย แต่ถึงอย่างนั้นอาเตี่ยก็ยังไว้เชิง


“สวัสดีครับอาม่า คุณลุง มัม พี่คริส” รณณ์กระพุ่มไหว้ทักทายอย่างสนิทสนมก่อนที่ดีนจะแนะนำฝั่งครอบครัวตนให้บุพการีของรณณ์รู้จักบ้าง


สองครอบครัวทักทายกันพอประมาณแล้วพ่อแม่รณณ์ก็เปิดโอกาสให้ครอบครัวดีนแสดงความยินดีกับบัณฑิต มัมของดีนมอบดอกไม้ช่อใหญ่ให้ก่อนสวมกอดตัดหน้าอาม่าที่เข้าถึงตัวบัณฑิตช้ากว่าเพราะต้องให้หลานชายช่วยพยุงทั้งสองข้าง


“ม่าครับ ผมบอกแล้วไงว่าจะพารณณ์ไปหาวันหลัง” ดีนกระซิบบอกอาม่า หญิงชรายิ้มเอ็นดู


“ได้ไงล่ะ วันนี้เราจะเจอพ่อแม่อารณณ์อี ม่าก็ต้องมาให้เขาเห็นว่าเรารักลูกเขาขนาดไหน”


“โธ่...อาม่า”


“อาเตี่ยลื้อยังยอมมาเลยนะ”


“ได้ไงล่ะ อาดีนอีก็ลูกอั๊ว เผื่อทางนั้นอีไม่อยากได้ อั๊วจะได้ฉะกลับเลย”


“อาเตี่ย!”


“ลื้อน่ะนั่งเงียบ ๆ ไปเลยอาตี๋ งานนี้อั๊วะออกโรงเอง”


ถุงผ้าสีแดงใบเล็กที่อาม่ามอบให้รณณ์นั้นซ่อนของขวัญอะไรไว้ข้างในก็คงเดาได้ไม่ยาก สองสามีภรรยาที่ยืนมองอยู่ไม่ไกลมองลูกชายรับมาด้วยสีหน้าลำบากใจแล้วก็ไม่อยากจะคาดเดาถึงมูลค่าของมัน แต่สิ่งที่ไม่อยากจะนึกถึงเลยก็คือระดับความสัมพันธ์ของลูกกับคนบ้านนั้น แค่ยกโขยงกันมาร่วมแสดงความยินดีกันทั้งครอบครัวก็ประหลาดใจพอแล้ว ยิ่งผู้หญิงแก่ ๆ ที่ลูกเรียกชินปากว่าอาม่านั่นมอบของแบบนั้นให้ในวันรับปริญญาอีก ไหนจะอ้อมกอดของสาวต่างชาติที่ได้ชื่อว่าเป็นแม่ของดีนอีกด้วย คนบ้านนั้นต้องรักลูกเขามากขนาดไหนถึงทำแบบนั้นได้


ไม่อยากจะยอมรับว่าถ้าไม่กังขาเรื่องความสัมพันธ์ของทั้งสอง เขาเองก็ถูกชะตากับ ‘พี่ดีน’ ของลูกอยู่ไม่น้อย ถึงจะยังไม่มีโอกาสได้คุยกันมากแต่เท่าที่ได้ยินตอนอีกฝ่ายชวนภรรยาของตนคุยก็พอจะบอกอะไรได้บ้าง


ดีนถ่ายรูปให้รณณ์กับครอบครัวตนสองถึงสามรูปก่อนที่จะเข้าไปร่วมเฟรมด้วยตามคำขอของรณณ์โดยให้นักศึกษาคนหนึ่งช่วยถ่ายให้ แต่ก็เพียงแค่ไม่กี่รูปเท่านั้นเพราะรณณ์ต้องรีบออกจากที่นี่ก่อนที่การเดินทางจะลำบากไปมากกว่านี้


“อั๊วตั้งใจจะมาร่วมเลี้ยงฉลองให้อารณณ์อี” หญิงชราพูดกับบุพการีของคนรักของหลานชายคนโปรดก่อนหันไปหาเจ้าตัว “นี่ม่าจองร้านอาหารไว้แล้วนะ ถ้าพ่อแม่ลื้อยังไม่รู้จะไปไหน ไปร้านที่ม่าจองไว้ก็ได้ อาหารไทยรสเลิศ รับรองว่าลื้อต้องชอบ” อาม่าบอกความตั้งใจของตัวเองในตอนที่พากันย้ายเข้ามานั่งพักที่โต๊ะตัวเดิมโดยที่ดีนและรณณ์ช่วยกันเก็บของ


“อาม่าครับ รณณ์เขาจะไปฉลองที่บ้านญาติครับ” ดีนชิงอธิบายขึ้นก่อน


“อ่า...เสียดายจัง ไม่เป็นไร ๆ ไว้วันหลังลื้อไปบ้านม่านะ ม่าจะจัดเลี้ยงฉลองให้ลื้อชุดใหญ่เลย...แล้วนี่ลื้อจะไปกับอีด้วยไหมล่ะอาดีน”


คำถามของอาม่าทำเอาหลานชายกลืนน้ำลายดังเอื้อก ฟากรณณ์เองก็มองหน้าพ่อกับแม่อย่างกล้า ๆ กลัว ๆ ใจตนอยากจะชวนคุณดีนไปด้วยกันแต่ก็เกรงใจพ่อกับแม่อยู่เหมือนกัน


“เปล่าครับม่า” ดีนตอบออกมาก่อนที่สายตาของเธอจะกดดันพ่อแม่ของคนรักมากเกินไปนัก


การจากลาเป็นไปด้วยดี ดีนช่วยรณณ์ถือของไปส่งถึงรถผู้ปกครอง บอกลาด้วยการแสดงความยินดีกับคนเป็นบัณฑิตแค่คำสั้น ๆ ก่อนยืนมองอีกฝ่ายจากไปด้วยใจห่อเหี่ยว


ของขวัญที่ซื้อมาก็ยังไม่ได้ให้


งานเลี้ยงเล็ก ๆ ที่ตั้งใจจัดให้ก็ไม่ได้ทำ


ดีนพรูลมหายใจปลอบตัวเอง วันนี้เข้าใกล้พ่อแม่คนรักได้แค่นี้ก็ดีถมไป ไม่ถูกเขาไล่ตะเพิดหรือพูดจาแสดงความรังเกียจออกมาก็ดีแค่ไหนแล้ว ถ้าไม่คิดเข้าข้างตัวเองเกินไปนัก การเจอกันวันนี้ก็ถือเป็นสัญญาณที่ดีทีเดียว








(มีต่อนะคะ)

ออฟไลน์ ธัญญ์

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 127
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-4
ติ้งหน่อง ~~~~~~


เสียงกริ่งดังขึ้นสองถึงสามครั้งในช่วงใกล้สามทุ่มขัดจังหวะการดูหนังของเจ้าของห้องหนุ่มลูกเสี้ยว ดีนขมวดคิ้วมุ่น ซดเบียร์อึกสุดท้ายในกระป๋องลงคอก่อนว่างมันลงบนโต๊ะตัวเล็กรวมกับเพื่อนของมันแล้วลุกเดินออกไปพร้อมคำถามคาใจว่าใครกันช่างมาหาในยามดึกดื่น 


เมื่อเห็นคนที่มีสายเลือดเดียวกันยืนอยู่หน้าห้อง คิ้วเข้มก็เพียงแค่เลิกขึ้นข้างหนึ่งแทนคำทักทายเท่านั้น


“Hi Bro, are you okay?”


ดีนส่ายหน้าก่อนเดินเข้าห้องปล่อยให้พี่ชายเดินตามเข้ามา


คริสหัวเราะน้อย ๆ รู้ว่าที่น้องส่ายหน้าไม่ได้เป็นการตอบคำถามเขาที่แปลว่าไม่ไหวแต่เป็นการแสดงความระอาออกมาต่างหาก


ดีนเดินกลับไปนั่งที่เดิมก่อนคว้าหนึ่งในสองกระป๋องที่ยังไม่ถูกเปิดออกมาเปิดแล้วยกซดเหมือนก่อนหน้านี้ราวกับไม่ได้เพิ่งเปิดห้องต้อนรับแขก แต่เพราะอีกฝาสยยังยืนกอดอกอยู่กลางห้อง เขาจึงต้องมีน้ำใจเอ่ยถามออกไป “มาถึงนี่มีอะไร”


คริสมองกองกระป๋องเบียร์ยี่ห้อโปรดของพวกเขาบนโต๊ะก่อนถามกวน ๆ กลับไปแทนการตอบคำถาม “ฉลองรับปริญญาให้แฟนอยู่เหรอวะ”


แม้จะรู้สึกไม่พอใจแต่ดีนก็ไม่ได้แสดงอาการอะไรออกมานอกจากจดจ่ออยู่กับหนังที่กำลังฉายในโทรทัศน์


“มาทำไม” ดีนย้ำคำถามเดิมอีกครั้งแต่เสียงเรียบขึ้น คริสยกยิ้มพอใจที่ตนยังกวนอารมณ์น้องได้เช่นเคย “เตี่ยให้มาดูว่ายูยังอยู่ดีไหม”


“สบายดี” ได้ยินคำตอบอย่างนั้นก็ไม่คิดเซ้าซี้ต่อ คนอย่างน้องชายเขาต้องใช้เวลาในการล้วงความรู้สึก จะมาเร่งลัดเอาคำตอบแบบนั้นไม่มีทางได้ ต้องให้เวลาเจ้าตัวได้ตกผลึกมันออกมาเสียก่อน คริสจึงเดินเลี้ยวเข้าไปในครัว หยิบเอาเบียร์แช่เย็นออกมาอีกสี่กระป๋องแล้วเดินไปนั่งกับคนเป็นน้อง


“จะมาก็ควรซื้อติดมือมาบ้างนะ”


“ซื้อทำไม ที่ห้องยูมีอยู่เต็มตู้” คริสคิดว่านอกจากมีสายเลือดเดียวกันแล้ว รสสัมผัสที่ชื่นชอบเบียร์ยี่ห้อนี้คงเป็นความเหมือนกันเพียงอย่างเดียวของพวกเขา


“นี่ล็อตสุดท้ายแล้ว”


“หือ” คริสหันมองหน้าน้อง


“ต่อไปจะมีติดตู้แค่ไม่กี่กระป๋องเท่านั้น”


คริสแค่นหัวเราะหึ “ทำไม? แฟนยูจะซื้อนมมาใส่ให้แทนเหรอ...ไม่เอาหน่าดีน ยูโตแล้วนะ แค่มีแฟนถึงกับต้องยอมขนาดนี้เลยเหรอ” เมื่อก่อนตอนเป็นวัยรุ่น พวกเขาดื่มเบียร์กันแทบทุกวัน ถึงจะไม่ได้ดื่มเยอะเหมือนคนติดเหล้าแต่ก็ดื่มเคล้าบรรยากาศกันอย่างน้อยก็คนละกระป๋อง ไม่ต้องพูดถึงช่วงชีวิตที่ต่างประเทศเลย อากาศหนาวแบบนั้นแทบจะดื่มเบียร์ต่างน้ำ ไม่มีทางที่ดีนจะลดการดื่มเบียร์ไปได้


“เปล่า ไม่ได้เลิกดื่ม” ดีนยิ้ม คริสเห็น น้องยิ้มออกมาจากตาที่เคยไร้ความรู้สึกคู่นั้น “แต่เขาจะซื้อของสดมาใส่ บอกว่าอยากทานอาหารนอกบ้านน้อยลง อย่างน้อยในวันหยุดก็ควรทำอาหารทานกันเองบ้าง เขาอยากลดความเสี่ยงการเกิดโรค” ประโยคหลังดีนเล่าติดตลกเล็กน้อย “ส่วนเบียร์อาจจะตุนน้อยลงเพราะพื้นที่ในตู้เย็นไม่พอก็เท่านั้น”


“แต่ยูก็ยังดื่มมันทุกวันเหมือนเดิมใช่ไหม”

 
“เบียร์เย็นดีไหม” ดีนถามกลับ รอจนคนพี่ตอบรับว่าเย็นมากถึงจะยอมพูดต่อ “ไม่เย็นก็แย่ละ มันแช่อยู่ในตู้มาสองเดือนได้แล้วมั้ง” ทุกวันนี้ดีนแทบจะไม่มีเวลามานั่งดื่มเบียร์ตอนกลางคืนแล้ว เพราะเมื่อมีใครสักคนมาร่วมแชร์ช่วงเวลาอาหารเย็นด้วยกันมันทำให้เขารู้สึกว่าอาหารมื้อนั้นมันสมบูรณ์อยู่ในตัวโดยไม่ต้องกลับมาเติมเต็มด้วยเบียร์รสโปรดอีกเลย


ชั่ววูบหนึ่งดีนก็อดยอมรับไม่ได้ว่าที่ผ่านมาคงเพราะว่าตัวเองเหงา


...เหมือนวันนี้


คริสยิ้มบาง มันช่างเป็นการเปลี่ยนแปลงตัวเองครั้งใหญ่ที่น้องชายเขามีความสุขเหลือเกิน


“แล้วยูเป็นไงบ้าง”


“ก็ดีนะ”


“กับเธอ...”


คริสกระดกเบียร์ซดอึกใหญ่ก่อนตอบ “ดาวเขายอมรับความจริงได้...แต่คงต้องใช้เวลาหน่อย” คริสรู้ว่าลึก ๆ แล้วคนรักเก่ายังคงหวังว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาจะกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้


“ไอว่า แค่ยูไม่หันไปคบผิงเธอก็ดูโอเคขึ้นนะ”


“ไอรู้ว่าความสนิทของไอกับผิงสร้างบาดแผลในใจดาวมาโดยตลอด”


ดีนพยักหน้าเห็นด้วย กับผู้หญิงคนอื่น ดาวไม่เคยหึงหวงแบบขาดสติเลยสักครั้ง แต่กับผิง ดาวสามารถกลายเป็นนางร้ายในละครหลังข่าวได้เลยทีเดียว


“โชคดีที่ดาวเป็นคนฉลาดพอที่จะไม่ทำลายอนาคตตัวเองเพียงเพราะเลิกกับยู”


คริสยิ้มขื่น รู้ดีว่าอดีตคนรักรักงานนี้มากพอกับที่รักเขา เธอไม่มีทางทิ้งงานที่เธอรัก และคนแบบเธอไม่มีทางเสียหน้าลาออกจากงานเพียงเพราะเลิกกับเขาให้ผู้คนนินทาได้ เธอเป็นมืออาชีพพอที่จะทำงานร่วมกับเขาและผิงได้ หรืออาจจะจริงอย่างที่ดีนว่า เธอยังทำงานร่วมกันได้ ตราบใดที่สถานะของเขากับผิงไม่เปลี่ยนไป


“ไม่ดื่มเบียร์มานานแล้ว ทำไมวันนี้ถึงดื่ม”


“เสียดาย กลัวหมดอายุ”


คริสหัวร่อ “บอกไอดี ๆ ก็ได้ จะรีบมาช่วยดื่มเลย”


ดีนไม่ต่อบท เขาเลือกจะนั่งดูหนังไปเงียบ ๆ และคริสก็รู้ว่าจังหวะนี้ยังไม่ควรแหย่ต่อ คนเป็นพี่จึงต้องหันไปสนใจหนังตรงหน้าด้วยเช่นกัน


เบียร์สี่กระป๋องที่ถูกหยิบมาเพิ่มหมดพร้อมกับเอ็นเครดิตที่ถูกฉายขึ้นมาพอดี


“ขอนอนนี่ได้ไหม จะมีใครกลับเข้ามาตอนดึก ๆ รึเปล่า” คริสถามหยั่งเชิง


“ไม่มี” รณณ์ไม่ได้ย้ายเข้ามาอยู่ด้วยกัน หลังจากย้ายออกจากหอพักที่เก่า อีกฝ่ายก็เลือกที่จะย้ายไปเช่าคอนโดใกล้ที่ทำงานมากกว่า และถึงแม้จะแวะเวียนมาหาเขาที่นี่บ้างแต่ก็คงไม่ได้มาคืนนี้


“ยูเหงาเหรอ”


ดีนเงียบไปนานจนคริสนึกว่าจะไม่ได้รับคำตอบเสียแล้ว แต่สุดท้ายสุ้มเสียงทุ้มก็เอ่ยออกมาแผ่วเบาราวกับไม่อยากยอมรับตัวเองสักเท่าไหร่ “คงงั้น”


“ยูขาดเขาไม่ได้”


“ไอไม่อยากใช้ชีวิตแบบนั้น” ชีวิตที่ขาดใครคนนั้นไม่ได้ มันเป็นความน่ากลัวในความรู้สึก แต่ดีนรู้ว่าตอนนี้เขาไม่ได้เหงาเพราะรู้สึกขาด เขาเหงาเพราะรู้สึกไม่มั่นใจ “ไอแค่คิดวิธีรับมือพ่อแม่เขา”


“ยูเอาชนะใจพวกเขาได้อยู่แล้ว มั่นใจหน่อย” คริสตบไหล่ให้กำลังใจน้อง


ถ้ารณณ์ไม่ใช่ลูกคนเดียว ดีนคงจะใจชื้นมากกว่านี้...หรือไม่ก็คงเป็นเพราะฤทธิ์ออลกอฮอล์ที่ทำให้เขาอ่อนไหวเป็นพิเศษ


“ไอเชื่อว่าเด็กนั่นก็เชื่อมั่นในตัวยูนะ”


ดีนตั้งใจจะปิดจบบทสนทนาด้วยการแยกย้ายไปนอน แต่เพราะโทรศัพท์ของตัวเองที่สั่นครืดบนโต๊ะขัดขึ้นเสียก่อน ดีนเหลือบมองเห็นเป็นเบอร์แปลกโทร.มาในตอนดีกแบบนี้ก็ช่างใจก่อนปลีกตัวออกไปคุย


คริสมองตามไปก่อนจะละสายตามาจ้องมองจอที่เริ่มฉายหนังเรื่องต่อไปแล้ว นัยน์ตาสีอ่อนไม่ได้จดจ่อกับมันด้วยความสนใจ เขากำลังคิดใคร่ครวญเรื่องความสัมพันธ์ในแบบของน้องชายพร้อมคำถามที่ผุดขึ้นในใจ


ยังไม่ทันได้หาคำตอบให้ตัวเองได้ดีนก็ตะโกนบอกเสียงดังขัดความคิดขึ้นเสียก่อน


“ไปนอนก่อนนะ พรุ่งนี้ไอมีธุระสำคัญต้องทำ”











“เย็นนี้ออกไปทานอาหารนอกบ้านกัน”


ดนัยพูดขึ้นในช่วงสายของวัน วันนี้สามคนพ่อแม่ลูกอาศัยร่วมกันในบ้านของญาติทางฝั่งแม่ซึ่งเป็นผลพวงจากงานเลี้ยงเมื่อคืน


“ได้สิครับ พ่ออยากทานอะไรละครับ”


“ไปร้านที่รณณ์กับเขาไปกันบ่อยที่สุด”


“ครับ? หมายถึงคุณดีนน่ะเหรอครับ”


“นั่นแหละ เราเล่าว่าทำนั่นทำนี่กับเขาบ่อยไม่ใช่เหรอ เพราะฉะนั้นต้องมีร้านประจำกันสิ”


“อ่า ครับ”


“พ่ออยากทานสักห้าโมง ร้านอยู่ไกลไหม เราออกจากบ้านกันสักสี่โมงทันรึเปล่า”


“ทันครับ ร้านอยู่ไม่ไกล”


“อืม” คนเป็นพ่อไม่ได้ ย้ำเตือนลูกชายว่าห้ามบอก ‘เขา’ อาศัยแค่ให้ภรรยาคอยช่วยกันลูกชายออกจากทุกช่องทางการติดต่อเท่านั้น





อาคารไม้ทรงเรือนไทยกลายเป็นร้านอาหารไทยเจ้าประจำที่พักหลังมานี้คุณดีนพามาบ่อยเพราะติดใจรสชาติอาหารของที่นี่เสียมาก เด็กหนุ่มเดินนำเข้าไปในร้าน พุ่งเป้าไปยังโต๊ะประจำตามคำขอของบุพการีแล้วก็ต้องตกใจเมื่อเห็นคนรักนั่งดื่มกาแฟร้อนอยู่ที่โต๊ะเดียวกันนั้นอยู่ก่อนแล้ว


อีกฝ่ายเองก็ตกใจไม่แพ้กัน กลางดึกคืนก่อนเขาได้รับโทรศัพท์จากพ่อของคนรัก ใจความคือการนัดเจอที่ร้านอาหารประจำของเขากับรณณ์ตอนเวลาห้าโมงเย็นโดยที่รณณ์ต้องไม่รู้เรื่องนี้ ตอนรับปากก็คิดเพียงว่าผู้ใหญ่ทั้งสองคงมีเรื่องที่ต้องการจะคุยกันเป็นการส่วนตัว ไม่คิดว่ารณณ์จะมาด้วย


ฟากคนนัดหมายมองหนุ่มลูกเสี้ยวด้วยสีหน้าพอใจแวบหนึ่ง เพราะนอกจากอีกฝ่ายจะใจตรงกับรณณ์มาเจอที่ร้านเดียวกันแล้ว ‘พี่ดีน’ ของลูกชายยังมารอก่อนเวลานัดอีกด้วย


“สวัสดีครับ เชิญนั่งก่อนครับ” ดีนเชิญผู้ใหญ่ทั้งสองนั่งฝั่งตรงข้ามเมื่อตั้งสติได้ รณณ์เดินอ้อมไปนั่งฝั่งเดียวกับดีนทางขวามือปล่อยให้คนรักนั่งเผชิญหน้ากับพ่อของตน


“มาร้านนี้กันบ่อยเหรอ” ดนัยเปิดบทสนทนาขึ้นเสียงเรียบ


“ครับ เกือบทุกครั้งที่ทานอาหารนอกบ้าน แต่ช่วงนี้รณณ์ทำงานหนักขึ้น ตกเย็นทีไรเป็นต้องจบที่บุฟเฟ่ต์ทุกที แต่ถ้าวันไหนเขาเลิกดึกหน่อยก็ไม่พ้นข้างทางครับ” ดีนเล่ายิ้ม ๆ นัยน์ตาสีอ่อนเต็มไปด้วยความเอ็นดูยามมองคนที่ถูกพาดพิง


คงจะจริงอย่างที่คุณเขาว่า เพราะแม้ลูกชายตัวดีจะบ่นว่างานหนักทุกครั้งที่โทร.หาแต่เนื้อตัวกลับไม่ได้ผอมแห้งแต่อย่างใด ‘พี่ดีน’ คงจะดูแลเรื่องอาหารการกินให้เป็นอย่างดีทีเดียว


“พ่อกับแม่เลือกได้เลยนะครับ อาหารที่นี่อร่อยทุกอย่าง หรือให้ผมสั่งให้ดีครับ”


“รณณ์สั่งให้เลยแล้วกันนะลูก”


คนเป็นลูกตอบรับความต้องการของแม่ก่อนจัดแจงสั่งทั้งเมนูโปรดของพ่อแม่และของคนรัก


“คุณชอบอาหารไทยเหรอ” ดนัยเปิดประเด็นขึ้นอีกครั้งหลังจากพนักงานรับออเดอร์เดินจากไปแล้ว ดีนใจชื้นที่อีกฝ่ายไม่ได้เปิดบทสนทนาด้วยการบอกให้พวกเขาเลิกกัน เพราะอย่างน้อยการชวนคุยเรื่องความชอบก็บ่งบอกได้ว่าอีกฝ่ายเปิดใจเรียนรู้เขาก่อนที่จะตัดสิน


“เมื่อก่อนก็ไม่หรอกครับ มันเผ็ดและก็จัดจ้านไปหน่อย” ดีนตอบตามตรง


“แล้วทำไมถึงหัดทาน เพราะลูกชายผมน่ะเหรอ”


ดีนยิ้มอ่อนน้อม มาถึงขั้นนี้คงไม่ต้องบอกแล้วว่าสถานะของตนคืออะไรก็ดูท่าว่าอีกฝ่ายจะเข้าใจดีอยู่แล้ว...และคงไม่อยากให้พวกเขาพูดออกมาตรง ๆ นัก  “จะว่าอย่างนั้นก็ได้ครับ ผมไม่อยากให้ท่านมองว่ามันเป็นการฝืนเปลื่ยนแปลงตัวเองเพื่อคนอื่น เพราะผมคิดแค่ว่าผมอยากลองปรับตัวเพื่อให้ได้ใช้เวลาทานอาหารกับเขาได้บ่อยขึ้นครับ”


“ลูกชายผมไม่ได้ชอบอาหารไทยขนาดนั้น” ว่ากันตามตรงแล้วรณณ์ก็เหมือนวัยรุ่นทั่วไปที่ทานอาหารฟาสฟู้ดมากกว่าอาหารไทยพวกนี้เสียอีก เพียงแต่คนเป็นพ่อไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้คนรักของลูกชายนั้นแทบไม่แตะต้องมันเลยด้วยซ้ำ


“ครับ แต่เขาก็คงมาทานอาหารฝรั่งกับผมทุกวันไม่ได้เหมือนกัน...อีกอย่าง ผมฝึกไว้เผื่อได้มาทานข้าวกับคุณอาทั้งสองบ่อย ๆ ด้วยครับ”


“คุณอยู่กับลูกชายเรา ไม่ใช่เรา”


ดีนยิ้มอย่างนอบน้อม


“ครับ ผมอยู่กับรณณ์ ไม่ใช่คุณอา แต่ผมแค่อยากเข้ากับคุณอาทั้งสองได้ เพราะผมอยากให้คนที่ผมรักมีความสุขครับ” หนุ่มลูกเสี้ยวท่าทางภูมิฐานหันมองลูกชายเขาที่นั่งข้างกัน ไม่อยากจะคิดว่าที่ใต้โต๊ะสองคนจะจับมือกันแน่นขนาดไหน “ไม่อยากเห็นเขาทุกข์ใจที่พ่อแม่เขาไม่ชอบผม...เพราะถ้าเป็นอย่างนั้น เราก็คงอยู่ด้วยกันอย่างไม่มีความสุขเช่นกันครับ”


ดีนเรียนรู้จากความรักของพี่ชาย ความรักเป็นเรื่องของคนสองคน แต่ความสัมพันธ์ในระยะยาวเป็นเรื่องของสองตระกูล เราไม่ได้อยู่กันแค่สองคน แต่เราควรจะเข้ากันได้กับคนในครอบครัวของอีกฝ่ายด้วย


“เท่าที่ดู คุณพ่อคุณก็ดูไม่ได้ชอบลูกชายผมนัก”


ดีนไม่ได้หันมองดวงหน้าซีดเผือดของคนรักแต่ใช้วิธีการบีบมือที่กุมกันไว้แทน เขารู้ว่านี่คืออีกประเด็นหนึ่งที่รณณ์กังวล ดีนเผยยิ้ม “อาเตี่ยกำลังเรียนรู้ที่จะรักรณณ์เหมือนที่ผมรักครับ”


และรณณ์ก็น่าจะรู้ว่าเขาไม่ได้พูดเกินจริง


หญิงสาวหนึ่งเดียวในที่นี้มองสามีถอนหายใจ รับรู้ถึงความกังวลของคนรักแต่เพราะว่าอีกฝ่ายไม่ใช่คนใจร้อน เธอจึงยังสบายใจที่จะเป็นผู้ฟังต่อไป


“รณณ์บอกว่าคุณเป็นรุ่นพี่ที่มหา’ลัย แต่ทำไมเรียกว่าคุณ”


“ครับ สมัยเรียนเราไม่เคยเจอกัน มาเจอกันตอนที่เขาฝึกงานครับ ผมเป็นบอกออยู่ที่นั่น”


“ตายจริง!” คนเป็นแม่แสดงความรู้สึกออกมาผ่านคำพูดเป็นครั้งแรก นัยน์ตาหวานเบิกโตด้วยความตกใจกับสิ่งที่ได้ยินจนดีนต้องรีบอธิบายต่อ


“เราเจอกันนอกสถานะนั้นก่อนแล้วครับ ผมไม่ได้มีส่วนในการจบการฝึกงานของเขา รณณ์จบด้วยความสามารถของเขาเองครับ”


คนเป็นพ่อเป็นแม่โล่งอก ไม่อยากจะคิดในแง่ร้ายเช่นนั้น แต่พอรู้หน้าที่การงานของดีนแล้วก็อดไม่ได้ที่จะคิด


บทสนทนาขาดตอนเพราะอาหารที่เริ่มทยอยมาเสิร์ฟ สองสามีภรรยาสังเกตว่านอกจากอาหารจานโปรดของพวกตนแล้วนอกนั้นแทบจะรสชาติกลาง ๆ  ทั้งนั้น ลูกชายคนเดียวของพวกเขาจัดแจงตำแหน่งของอาหารบนโต๊ะเพื่อให้สะดวกแก่ทุกคนและยังเอาใจด้วยการตักอาหารให้พวกเขาอีกด้วย


“คุณกับลูกชายผม...มีอะไรกันรึยัง”


“อะแค่ก แค่ก” คนเป็นลูกสำลักน้ำซุปทันทีที่ได้ยินคำถามนั้น ดีนยื่นแก้วน้ำให้พร้อมลูบหลังอีกฝ่ายเบา ๆ ไม่มีใครคาดคิดว่าดนัยจะถามคำถามนี้ขึ้นมาท่ามกลางมื้ออาหาร


“ยังครับ”


“คบกันมาเกินครึ่งปีแล้วทำไมถึงยัง”


“ยังไม่ถึงเวลาครับ” เจ้าของคำถามขมวดคิ้ว “ผมแค่คิดว่าถ้าคุณอาทั้งสองยังไม่ยอมรับเรื่องของเราสองคน เรื่องแบบนั้นยังก็ไม่ควรเกิดขึ้นครับ” เรื่องกอดจูบมีบ้างเป็นปกติของคู่รัก ครั้นจะให้เลยเถิดไปไกลกว่านั้นยังไม่เคย อย่างมากที่สุดของการร่วมเตียงกันก็แค่นอนกอดกันในวันที่ต่างก็เหนื่อยกับงานมาทั้งวัน


ดนัยเหลือบมองลูกชายที่ก้มหน้าก้มตาทานอาหารด้วยต้องการปิดซ่อนความเขินอายและใบหน้าแดงซ่านจากสายตาพ่อแม่


เขารวบช้อนเก็บเป็นสัญญาณว่าอิ่มแล้วและเมื่อเห็นอย่างนั้น คนเป็นภรรยาจึงทำตามอย่างไม่รีรอ


“พ่อกับแม่อิ่มแล้วเหรอครับ”


“อือ อิ่มรึยังน่ะเรา” ถึงจะเป็นคำถามแต่รณณ์รู้ดีว่านั่นคือคำสั่งกลาย ๆ ว่าควรจะจบมื้ออาหารแล้วเหมือนกัน เด็กหนุ่มรับคำ รวบช้อนแล้วดื่มน้ำตามเตรียมพร้อมลุกจากโต๊ะทันทีที่พ่อแม่ต้องการ


“คุณคงรู้ว่าผมมีลูกชายคนเดียว”


ดีนกลืนน้ำลายอึกใหญ่ คำถามที่หวั่นใจที่สุดถูกส่งมาพร้อมสายตาที่จดจ้องอย่างไม่ลดละ “ผมเข้าใจครับ ผมรู้ว่าเงินมากมายขนาดไหนก็ไม่อาจทดแทนกับการที่สายเลือดของคุณอาสิ้นสุดลงที่ตรงนี้ได้ แต่ผมสัญญาด้วยเกียรติว่าจะดูแลเลือดเนื้อเชื้อไขสุดท้ายของท่านอย่างดีที่สุดครับ”


อยากจะคิดอยู่เหมือนกันว่าผู้ชายคนนี้เข้ามาหลอกให้ลูกชายตนเขวออกนอกเส้นทาง แต่พอเห็นแววตาที่ซื่อตรงแสดงความรู้สึกออกมาชัดเจนอย่างตรงไปตรงมาแล้วก็ต้องยอมแพ้ แม้ยากจะทำใจ แต่จะให้ใจร้ายกับสิ่งที่ลูกต้องการคงไม่ใช่ตัวเขา อีกอย่าง ภรรยาของเขาเองก็ใจอ่อนให้ผู้ชายคนนี้ไปนานแล้ว ไม่แน่ว่าอาจจะใจอ่อนไปตั้งแต่ก่อนมาเจอหน้าแล้วด้วยซ้ำ


“กลับบ้านกันคุณ” ดนัยบอกภรรยาแต่มองลูกชายเป็นเชิงบอกว่ารวมอีกฝ่ายด้วย


“ผมขออนุญาตไปส่งน้องที่บ้านครับ” ดีนเอ่ยขึ้นมาในตอนที่ผู้ใหญ่ทั้งสองลุกขึ้นเตรียมจะเดินออกไป


คนสูงวัยกว่าปรายตามองคนร้องขอแวบหนึ่งก่อนหันมองลูกชายตัวเอง สองพ่อลูกประสานสายตากันนานทีเดียวในความรู้สึกของคนรออย่างดีนจนกระทั่งอีกฝ่ายพูดออกมาเสียงเรียบว่า “กลับไปเจอกันที่บ้านนะรณณ์”


ดีนคลี่ยิ้มบางขณะที่คนเป็นลูกชายยิ้มกว้างออกมาอย่างเปิดเผยให้กับคำทิ้งท้ายของคนเป็นพ่อ


“ไม่ต้องขับรถเร็วล่ะ ผมไม่รีบ”





ผลของคำบอกนั้นคือนอกจากจะยังนั่งดื่มกาแฟกันต่อแล้วคุณดีนยังขับรถช้ามากที่สุดในชีวิตอีกด้วย สองเสียงดังประสานกันตามเนื้อเพลงที่เปิดผ่านวิทยุอย่างมีความสุข ไร้บทสนทนาใด ๆ แม้ว่าจะอยู่กันตามลำพังแล้วก็ตาม


“Don’t be confused by my smile,‘cause I ain’t ever been more for real, for real”


นิ้วเรียวเคาะบนพวงมาลัยตามจังหวะดูอารมณ์ดีมากจนคนที่นั่งรถมาด้วยยังหันมองด้วยความแปลกใจ


“อารมณ์ดีอะไรขนาดนี้ครับ”


ดีนหันไปส่งยิ้มให้ เป็นยิ้มที่เต็มตื้นทั้งตาและปาก “พ่อตาเปิดทางให้ทั้งทีก็ต้องอารมณ์ดีสิครับ”


“กะ ก็แค่ยอมให้ไปส่งเองครับ”


ดีนยิ้มกว้างก่อนยื่นมือข้างหนึ่งไปวางบนศีรษะอีกฝ่ายแล้วลูบไปมา “จะให้แปลความนัยประโยคนั้นว่ายกให้เลยก็ยังได้นะ”


“คุณดีน!”


ดีนหัวเราะชอบใจที่ได้แกล้งเด็กให้อายม้วนได้ เขาเชื่อว่ารณณ์ต้องเข้าใจในสิ่งที่พ่อตัวเองสื่อออกมา การยินยอมให้อยู่ด้วยกันสองคนและไม่เร่งให้รีบพาไปส่งก็พอจะบอกได้แล้วว่าอีกฝ่ายเปิดทางให้และสบายที่ลูกชายตนมาอยู่กับเขา แต่สิ่งที่รณณ์ยังไม่รู้คือข้อความลับที่พ่อของตนส่งให้ดีนหลังออกจากร้านไปได้ไม่นาน


‘พ่อกับแม่เลี้ยงลูกด้วยความรักให้เติมโตมามีชีวิตที่ดี หวังว่าความรักของคุณจะทำให้เขาได้ใช้ชีวิตที่ดีอย่างมีความสุขเช่นกัน’



“ของในถุงด้านหลังนั่น ผมให้คุณนะ”


“ครับ?”


“ของขวัญรับปริญญาไง”


“โธ่ ไม่เห็นจำเป็นเลยครับ” รณณ์ไม่คาดหวังว่าคุณดีนจะให้ของขวัญเนื่องในโอกาสนี้เลย เพราะแค่เวลาอันมีค่าและการดูแลอย่างดีที่อีกฝ่ายมอบให้ก็มีค่ามากกว่าของขวัญชิ้นไหน ๆ แล้ว


“แค่ได้หัวใจผมคุณก็พอใจแล้วใช่ไหมล่ะเบ๊บ”


“ง่อว” รณณ์ลากเสียงยาว “เสี่ยวเหมือนกันนะเนี่ย” แม้จะเขินกับคำหยอดแต่ก็ยังใจกล้าล้อกลับไป


“เกลียดตัวเองอยู่เหมือนกัน” ดีนแค่นหัวเราะหึ รู้สึกว่าที่พูดออกไปนั่นไม่ใช่ตัวเขาเลยสักนิด อย่างน้อยก็ไม่ใช่ตัวเขาตอนมีความรักอย่างที่เคยคิดไว้ ไม่สิ! ไม่เคยคิดเลยด้วยซ้ำว่าจะมีความรัก แม้จะรู้สึกเหมือนไม่ใช่ตัวเองแต่กลับอยากพูดออกไปเพราะอยากแกล้งอีกฝ่ายเล่นเสียอย่างนั้น


“เกลียดทำไมละครับ พูดความจริงนี่” ประโยคหลังแผ่วเบาจนกลืนหายไปกับเสียงเพลง


“หึ...ร้ายนัก”


รณณ์ยิ้มระรื่นใส่ก่อนเอี้ยวตัวไปหยิบของขวัญที่เบาะหลัง รอยยิ้มบางผุดทันทีที่เห็นสิ่งนั้น เด็กหนุ่มนั่งมองถุงขนาดกลางของห้างชื่อดังที่ภายในมีกล่องเปลือยโชว์แบรนด์หราไร้ซึ่งการห่อปกปิดใด ๆ ทั้งสิ้นแบบไม่ปล่อยให้คนรับได้จินตนาการเลยสักนิด


“ชอบไหม”


“มือสั่นเลยเนี่ยคุณดีน ดูดิ” ว่าแล้วเจ้าตัวก็ยื่นมือออกไปจับแขนอีกฝ่ายเพื่อพิสูจน์ให้รู้ว่ามันสั่นแค่ไหน


ดีนยิ้มเอ็นดู มือคู่นั้นที่สัมผัสตนทั้งเย็นทั้งสั่นจนอดไม่ได้ที่จะวางมือตัวเองทับลงไปเพื่อให้ความอบอุ่น


“หายสั่นแล้วก็แกะดูสิ”


รณณ์แกะกล่องอย่างประณีตบรรจง แม้มือจะยังไม่หายสั่นแต่ก็พยายามแกะจนของภายในปรากฎแก่สายตา


กล้องแอ็คชั่นแคมแบรนด์ดังรุ่นใหม่ล่าสุดนอนนิ่งอยู่ในกล่องพร้อมอุปกรณ์เสริมครบชุด จะว่ากำลังต้องการอยู่ก็ไม่ใช่ ที่ดีใจจนเนื้อเต้นเพราะไม่คาดคิดว่าคุณดีนจะซื้อสิ่งนี้ให้ต่างหาก


“มันน่าจะมีประโยชน์กับเบ๊บนะ” นานมากแล้วที่ไม่ได้ซื้อของขวัญให้ใครสักคนนอกจากอาม่าที่มักจะอยากได้ของเดิม ๆ กว่าจะได้กล้องตัวนี้มาดีนคิดจนหัวแทบแตก ของที่ใช้งานได้ มีประโยชน์และเหมาะกับหน้าที่การงานของคนที่เพิ่งเริ่มชีวิตวัยทำงานคงไม่ใช่ปากกาหรู ๆ สักแท่งเหมือนอย่างที่เขาเคยได้ เนคไทเส้นสวยก็คงไม่จำเป็นเท่าอุปกรณ์อะไรสักอย่างที่เหมาะกับสายงาน


รณณ์ฉีกยิ้มกว้าง “มากทีเดียวครับ ขอบคุณมากนะครับ”


ดีนมองคนที่เอาแต่สนใจฟังก์ชันนั่นนี่ของเครื่องมือคู่กายชิ้นใหม่แล้วอดไม่ได้ที่จะเย้าแหย่ “ไหนล่ะรางวัล”


“ครับ?


“รางวัลของผมไงเบ๊บ”


คนถูกขอรางวัลเม้มปากแน่นอย่างชั่งใจ “อย่าเม้มปากบ่อย เดี๋ยวก็งัดด้วยปากซะเลย”


“โถ่...คุณดีน”


“อะไรเล่า นี่รอรางวัลอยู่นะ”


รณณ์รั้งรอให้รถจอดสนิทตอนติดไฟแดงก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปหอมแก้มอีกฝ่ายฟอดใหญ่ ดีนยกยิ้มทว่ายังไม่พอใจ


“เบ๊บ”


“ค...” ดีนปิดช่องทางของเสียงด้วยสิ่งเดียวกันของตน ในใจนับเลขถอยหลังด้วยจำนวนวินาทีที่น้อยกว่าตัวเลขล่าสุดที่มองสัญญาณไฟเล็กน้อย เรียวลิ้นเกี่ยวพันหยอกล้อกันและกันอย่างไม่มีใครยอมใครให้ความรู้สึกหวาบหวามและซาบซ่านมากขึ้นทุกครั้งที่สัมผัสกันแบบนี้


สาม


สอง


หนึ่ง


ริมฝีปากดูดดึงกันจนเกิดเสียงก่อนที่ดีนจะผละออกด้วยความเสียดาย


“แวะคอนโดผมก่อนไหม คุณพ่อคุณบอกว่าไม่รีบนี่” สิ้นคำกล่าวรถคันหรูก็กระชากตัวออกไปด้วยความเร็วที่มากที่สุดเท่าที่ดีนเคยขับมาเช่นกัน


“คุณดีน!” รณณ์ว่าขำ ๆ


เขาเคยคิดว่าตัวเองชอบกลิ่นกาแฟเวลานั่งอยู่ด้วยกันกับคุณดีนมากแล้ว เพิ่งรู้ว่าชอบรสขมของมันที่ติดริมฝีปากยามคุณดีนถอนจูบออกไปมากกว่า






รัก.
----------------------------------------------------
หลายคนอาจสงสัยในคำพูดคำจาของพี่ทศ อยากจะบอกว่าที่ทศพูดมันได้ถูกเฉลยในแง่ของปัญหาที่ดีนกับรณณ์ได้พบเจอแล้วค่ะ นั่นคือทศมองเห็นความไม่เหมาะสมของการสนิทสนมกันของเด็กฝึกงานกับเจ้านายค่ะ ถ้าไม่ชัดเจนธัญญ์ขออภัยด้วยยยยย

ตอนพิเศษมีทั้งหมด 5+ ตอนนะคะ ที่บวกคืออาจมีเพิ่ม แต่ที่แน่ๆคือ 5 ตอนตามนี้ค่ะ
1. รณณ์ แฟนกู (ลงเล้า)
2. Congratulations (ลงเล้า)
3. 1st Anniversary ……...ครบรอบ 1 ปี ในวันวาเลนไทน์ คุณดีนคนที่มีความรักแล้วจะยอมทำนิตยสารไลฟ์ ฉบับเลิฟ รึเปล่านะ
4. งานเลี้ยง 70 ปี อักษรฯ …………..เมื่อน้องรหัสปล่อยข่าวลือจนรู้กันทั้งคณะว่าดีนมีแฟนแล้ว หลายคนในคณะจึงตื่นเต้นกับงานเลี้ยงในคืนนี้เป็นพิเศษ
5. Road trip หอบรักไปพักร้อน ………..ทำงานครบ 1 ปีแล้วก็ถึงเวลาลาพักร้อน! ควงคู่กันไปเมลเบิร์น เมืองที่เด่นทั้งศิลปะ กาแฟ และธรรมชาติ

สุดท้ายนี้ ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นท์ทุกกำลังใจที่มอบให้และทุกการชอบแล้วบอกต่อนะคะ เคยมีคนวาดรูปฉากบนดาดฟ้าให้แต่ธัญญ์มีปัญหากับการอัพรูปในนี้มากๆก็เลยอัพให้้ดูกันไม่ได้ แต่อยากขอบคุณมากนะคะ ใครอยากรู้ว่ารูปไหนก็ไปดูได้จากดิสทวิตเตอร์ของธัญญ์ค่ะ
#ไม่ดิ้นรนหา

สิ่งที่อยากฝาก
1. เร็วๆนี้จะเอาเรื่องของแรมกับธันวามาลงค่ะ เรื่องมี 15 ตอน เหมือนจะสั้นแต่ยาว อาจมีการแบ่งพาร์ทในการลง ชื่อเรื่อง #แรมเดือนสิบสอง เป็นชีวิตสมัยยังเป็นนักศึกษาแพทย์ ยังไม่ได้รักกันอย่างทุกวันนี้  ‘ถึงเวลาที่คืนจันทร์แรมจะโคจรเข้าครอบครองเดือนสิบสองแล้ว’ https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67032.msg3822903#msg3822903
2. พี่คริสก็จะมีเรื่องของนางด้วย ชื่อเรื่อง #LoveResearch #วิจัยในรัก 5 ปีที่หัวใจไม่มีใครได้ครอบครองและสมองที่ยังคงค้นหาคำตอบของความรักในแบบของน้องชายทำให้เขายื่นโปรไฟล์เข้าร่วมงานวิจัยของนักวิชาการคนหนึ่ง (ในตอนนี้จะสังเกตเห็นว่าแวบหนึ่งคริสเกิดคำถามขึ้นมาตอนที่อยู่ในห้องของดีน)
3. หมอเก่งของเราจะมีแฟนเด็กกว่าคุณดีนหรือเปล่าต้องติดตามในเรื่อง #CCU #วิกฤติรักห้องพักหัวใจ ‘กฎของการเข้าพักคือห้ามรักหมอ’  ชีวิตของแพทย์ประจำบ้านอายุรกรรมประจำหน่วยหัวใจห้อง CCU จะมี ‘เด็กเวร’ เข้ามาป่วนจนหัวใจเข้าขั้นโคม่ายิ่งกว่าคนไข้ที่หมอเคยเจอมาเสียอีก!
ขอฝากติดตามทุกคู่ด้วยนะคะ


ด้วยรักและขอบคุณ

ธัญญ์
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-04-2018 18:42:54 โดย ธัญญ์ »

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :L2: :L1: :pig4:

ดีใจ เรามารอตลอดเลย
เรื่องน่าติดตามทั้งนั้นเลบ งอมแงม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-03-2018 23:46:21 โดย Billie »

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ Fallinlove

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
 :m1:  คุณพ่อยอมรับแล้ว  เย้ ๆ
รักกันหวานชื่น กับคุณดีนคนหลงแฟน > <
ชอบเรื่องนี้มากมาย อ่านแล้วมีความสุขตลอดเลย
ขอบคุณคนเขียน สำหรับนิยายดี ๆ อย่างนี้นะคะ  :กอด1:

ออฟไลน์ Naamtaan22

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 271
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
ทีแรกนึกว่าตาฝาดแต่พอกดเข้ามาดูใช่จริงๆด้วย 
ดีใจมากๆเลยที่คุณคนเขียนมาอัพตอนพิเศษเพิ่มเนื้อเรื่องก็ยังคงความเป็นจริงในความสัมพันธ์ของคนสองคนและความรักของครอบครัวเราชอบวิธีการดำเนินเรื่องสไตล์นี้ของคุณคนเขียนมากๆเลยค่ะ
แล้วก็เรื่องใหม่ที่เกริ่นทิ้งท้ายไว้น่าอ่านทุกเรื่องเลยค่ะ. จะรออ่านแน่นอนค่ะ
ขอบคุณนะคะ :mew1:

ออฟไลน์ sripaerrr

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 219
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
โอ๊ยยยยยยยยยยยยยยย เหตุผลของคุณดีนน่ารักจังง นอกจากจะให้เกียรติรณณ์ ยังให้เกียรติพ่อกับแม่รณณ์ด้วย :impress2: :impress2: :impress2:
น่ารักและอิ่มไปทั้งใจกับเรื่องราวความรักของทั้งคู่ รอติดตามในรูปเล่มต่อค่ะ :-[ :-[ :-[

ออฟไลน์ Meercorn

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 55
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
โอ้ยย น่าร้ากก คู่นี้เหมาะสมและคู่ควรกันมากจริงๆ คุณดีนพอมีความรักแล้วหว๊านหวานเลยนะ อิอิ

ออฟไลน์ z9_0

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 124
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
น่ารักอ่ะืำไมพี่ดีนดีขนาดนี้  อยากเป็นเบ๊บของพี่ดีนเวอร์  ชอบบบบบ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ AeAng11

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 528
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
ครอบครัวยอมรับแล้วอยากได้เล่มเร็วๆ

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9

ออฟไลน์ Kkfu

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 34
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1

ออฟไลน์ mpalism31

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 54
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
น่ารักสุดๆไปเลยยยยยยยยยยย  :-[

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
พี่ดีนช่างเท่
ขอบคุณสำหรับตอนพิเศษค่ะ
รอเรื่องต่อ ๆ ไปนะคะ น่าอ่านทั้งนั้นเลย

ออฟไลน์ sompong

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 355
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0

ออฟไลน์ Plavann

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 52
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ขอบคุณสำหรับตอนพิเศษครับ

ออฟไลน์ พัดลม

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 535
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-2

ออฟไลน์ oumoum21

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 17
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ขอบคุณค่ะ อยากอ่านทุกเรื่องเลยค่ะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด