•6•
ตอบตัวเองไม่ได้เหมือนกันว่าทำไมถึงมาอยู่ตรงนี้ แค่เพราะเป็นวันหยุด ไม่รู้จะทำอะไร พอคิดถึงแมวบางตัวขามันก็ก้าวมาที่นี่ไปแล้ว กว่าจะรู้ตัวก็หยุดอยู่หน้าหอพักที่เคยมาเยือนแค่ครั้งเดียวนี่
หอพักที่ไม่ได้มาร่วมอาทิตย์
ผมหันซ้ายมองขวาอย่างไม่รู้จะทำอย่างไร ไม่ได้โทรไปบอกพี่เขาก่อนมา ไม่รู้ว่าพี่ครามจะว่างรึเปล่าแต่มาถึงแล้วทั้งทีจึงไม่อยากเสียเที่ยว เลยตัดสินใจโทรออกเบอร์ที่ไม่คุ้นเคย
“พี่คราม?”
“ปาย!”
“ครับ..คือ”
“มีอะไรรึเปล่า”
“...คือ ตอนนี้ผมอยู่หน้าหอพี่”
ได้ยินเสียงสำลักดังลอดออกมาจากปลายสาย สักพักก่อนได้ยินเสียงพี่ครามเรียกคิดเงิน อันที่จริงอยากบอกพี่เขาว่าไม่ต้องรีบก็ได้ เสียแต่คนในสายคงไม่ได้ฟัง
“มานานรึยัง รอแปปนะพี่อยู่ร้านอาหารหน้าซอยหอนี่เอง เดี๋ยวรีบเข้าไป”
อยากจะบอกอีกครั้งว่าให้พี่แกไม่ต้องรีบ เสียแต่เขาดูจะไม่ฟังผมเสียแล้ว จึงกดตัดสายไป
ไม่นาน ร่างโตก็มาถึงพร้อมหอบฮั่ก น่าจะรีบวิ่งมา “จริงๆ...พี่ไม่ต้องรีบก็ได้”
“ได้ไง ว่าแต่เราเถอะจะมาก็ไม่โทรมาบอกก่อน พี่ตกใจนะเนี่ย”
“ผม..ขอโทษครับ” ขอโทษจริงๆ รู้ตัวอีกทีก็โผล่มาแล้วให้ทำไง ลองโทรไปเพราะคิดว่าไหนๆก็มาถึงแล้ว แต่ถ้าพี่แกไม่อยู่หอก็แล้วไปแต่ปรากฏว่าดันอยู่แถมรีบมารับเสียด้วย ไม่รู้จะให้คิดยังไง
“เห้ยไม่เป็นไรไม่ต้องถึงกับขอโทษหรอก...แค่ตกใจน่ะ”
ผมผงกหัวรับ
“แล้ววันนี้ว่างแล้วหรือไง”
“ครับ..” จริงๆก็..ว่างช่วงเย็นอยู่ทุกวันอยู่แล้ว เพียงแต่ไม่กล้ามาหาเท่าไหร่ แต่ก็แค่คิดในใจไม่ได้บอกไป
“สีเทามันคิดถึงปายนะ”
ผมเงยหน้าหันไปมองเค้า ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องจริงหรือเปล่าแต่ผมเองก็คิดถึงคุณเกรย์มากๆเช่นกัน
“จริงๆนะ มันรอปายหน้าประตูทุกวันเลย”
ผมก้มหน้า ไม่รู้จะตอบอะไรรวมถึงไม่รู้จะคุยอะไรเพื่อต่อบทสนทนา
“ปายมาเยี่ยมสีเทาใช่มั้ยล่ะ ขึ้นไปหามันกันมั้ย” รู้สึกผิดเหมือนกันที่ให้พี่ครามเป็นคนชวนคุยแค่คนเดียว แต่ก็กดหัวพยักหน้าแทนคำตกลงไป คราวนี้พี่ครามไม่ได้พูดอะไรเพียงแต่เพยิดหน้าให้ตามเข้าไป
ขึ้นบันไดมาจนถึงชั้นสาม ประตูห้องฝั่งขวาเกือบริมสุดที่คุ้นเคยถูกผลักออกก่อนได้ยินเสียงตัวในห้องโวยวาย
ง้าว!
“เห้ย โทษๆลืมไปว่านอนอยู่นี่” ผมไม่เห็นเหตุการณ์ข้างใน แต่เดาว่าพี่ครามคงคุยกับคุณเกรย์อยู่ คนร่างสูงก้มลงไปคว้าก้อนขนสีเทาไว้ก่อนเปิดประตูให้อ้าออก พอให้เราเข้าไปได้
“ดูสิใครมา” ร่างสูงตรงหน้าเอ่ยคุยกับก้อนขนมีชีวิตในอ้อมแขน
สบตากันกับความคิดถึงที่ไม่ได้เจอกันตั้งนาน
ง้าววว
คุณเกรย์ร้องขึ้นพลางดิ้นหลุดจากอ้อมกอดของพี่คราม กระโดดลงมาตุบ ก้อนขนเดินมาทางเรา ดมฟุดฟิดอยู่รอบหนึ่ง พร้อมกับสำรวจรอบตัวผมก่อนมาหยุดอยู่ตรงหน้าพร้อมส่งเสียง
แง้ว
ผมปิดประตู หย่อนตัวนั่งลงไปหาคุณเขา “มาหาแล้ว”
คุณเกรย์เข้ามาใกล้ผม ดมมือฟุดฟิดอีกรอบก่อนเอาตัวมาถูแขน หางฟูๆ นั่นโบกไปมา ผมขยับมือเกาตัวคุณเขาไปทั่ว คิดถึงสัมผัสนุ่มๆ นี่ชะมัดเลย คุณเกรย์ดูดีขึ้นจากตอนแรกที่เจอเยอะทีเดียว จริงๆ แล้วแมวจรเด๋อด๋าตัวนั้นเป็นเจ้าชายอยู่บนหอคอยสินะ ขนไม่ยุ่งเหยิงพันกันเป็นสังคตังเหมือนตอนแรกแล้ว หน้าตามู่ทู่นั่นก็ดู้ป็นผู้เป็นแมวขึ้นเยอะ ฝุ่นและรอยเกรอะก็หายไป ดูเป็นแมวมีระดับขึ้นมาทันที
หลังจากที่ปล่อยให้คุณเกรย์ดมสำรวจรอบตัวเรียบร้อย คุณเขาไม่ได้ว่าอะไรต่อ พอผมลูบไปเรื่อยๆคุณเกรย์ก็ทิ้งตัวนอนแหมะอยู่ข้างๆ สะบัดหางขึ้นลงอย่างสบายใจ
“หึ เห็นมั้ย บอกแล้วว่ามันคิดถึงปาย”
“ครับ..” ผมรับคำคนตรงหน้า “ผมก็คิดถึง..”
เจ้าของห้องเงียบไปสักพักก่อนเอ่ยเสียงเบา “เหมือนกัน”
ผมเงยหน้าขึ้นไปมองแต่พี่ครามไม่ได้อยู่สบตาผม ร่างสูงลุกไปทำอะไรกุกกักอยู่แถวโต๊ะอ่านหนังสือ จึงได้แต่ก้มลงไปมองหน้าคุณเกรย์แทน
“ว่าแต่ปายกินอะไรมายัง”
ผมส่ายหน้าแต่คิดว่าพี่ครามคงไม่เห็นจึงตอบกลับไป “ยังเลยครับ”
พี่ครามมองผมมาอย่างตกในระคนสงสัย “อ้าว พี่นึกว่ากินมาแล้ว เอาไงดี ลงไปกินข้างล่างกันมั้ย”
ผมส่ายหน้าอีกครั้ง “ไม่เป็นไรครับ” ไว้ก่อนกลับค่อยหาอะไรกินเอาก็ได้ ไม่ได้อยากรบกวนพี่เขาขนาดนั้น เสียแต่คนเป็นพี่กลับไม่ให้ผมทำอย่างนั้นเมื่อเอ่ยชวน
“ห้องพี่มีมาม่าอยู่ ถ้ายังไงก็กินได้นะ เอามั้ย” ผมไม่ตอบอีกครั้ง จริงๆไม่อยากรบกวนอะไรเขาทั้งนั้น แค่เรื่องที่จู่ๆมาโผล่ที่หอเขาโดยไม่บอกก่อนก็แย่พออยู่แล้ว
“ปายชอบกินรสอะไร เดี๋ยวพี่ต้มให้กินเอามั้ย”
“ไม่เป็นไรครับพี่ เดี๋ยวผมค่อยหาอะไรกินตอนกลับก็ได้”
“หรอ เกรงใจอีกล่ะสิ เอางี้เดี๋ยวพี่กินด้วย เมื่อกี้รีบมายังกินข้าวไปแค่ครึ่งเดียวอยู่เลย มากินด้วยกันมั้ย”
ผมจ้องมองพี่เขาด้วยความรู้สึกแปลกๆ อย่างบอกไม่ถูก ไม่รู้จะอธิบายยังไง รู้แค่พี่ครามใจดี ผิดกับความรู้สึกแรกที่คิดว่าพี่เขาหน้าดุลิบลับเลย สุดท้ายก็พยักหน้าตกลงไป พร้อมบอกว่าให้แล้วแต่พี่แกว่าอยากจะกินรสอะไร ผมกินได้หมด
“ปายนี่ไม่เหมือนที่คิดเลยเนอะ”
“...ยังไงหรอครับ”
“ตอนแรกคิดว่าเป็นคุณหนูแบบที่กินข้าวข้างทางไม่ได้ กินมาม่าไม่เป็นงี้”
ผมหัวเราะขำ “ขนาดนั้นเลยหรอครับพี่ ผมไม่ใช่อย่างนั้นสักหน่อย”
“อืม อยู่ๆไปก็คิดว่าไม่ใช่อย่างที่คิดนั่นแหละ”
“ผมเอง..ตอนแรกก็คิดว่าพี่เป็นคนดุๆเหมือนกัน”
“แล้ว...?”
“เอ่อ...เปล่าครับ” ผมรีบปฏิเสธที่จะพูดต่อ
“แล้วจริงๆแล้วพี่เป็นคนยังไงหืม”
ผมเงียบ แต่พี่แกก็ยังเซ้าซี้ถามต่อจนต้องตอบ “จริงๆ...พี่ครามใจดี”
พอพูดออกไปก็คิดว่าไม่น่าพูดเลย พี่ครามเงียบไม่ได้ตอบอะไรกลับมารวมถึงผมเองก็ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นไปมองหน้าพี่เขาสักเท่าไหร่ แต่เพราะบรรยากาศในห้องมันเงียบเกินไป แถมเป็นเพราะผมเองด้วยก็เลยตัดสินใจพูดอะไรสักอย่างตัดความเงียบนี้
“ให้ผมช่วยอะไรไหมครับ”
“หืม ไม่ต้องหรอก ปายนั่งเล่นกับสีเทาไปเถอะ เดี๋ยวพี่จัดการเอง”
“แต่...”
“เอาหน่ะเชื่อพี่ นั่งลงเถอะ”
ผมเตรียมท่าจะลุกไปช่วยพี่ครามแต่สุดท้ายก็กลับมานั่งจ๋องข้างๆ คุณเกรย์นี่ เมื่อจ้องมองพี่ครามจนรู้แล้วว่าพี่แกไม่มีอะไรให้ช่วยทำจริงๆ อันที่จริงแค่มาม่าต้มก็ไม่น่าจะต้องใช้คนช่วยอะไรมากมายเพียงแต่ถ้าผมได้ช่วยบ้างก็คงดี ถึงอย่างนั้นก็ได้แต่บ่นในใจพร้อมเกาคางให้คุณเกรย์ไปเสียอย่างนั้น
ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ มีเพียงเสียงกรนครืดคราดของคุณเกรย์และเสียงดังก๊องแก๊งของพี่คราม
กลิ่นหอมของบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปลอยฟุ้ง จนกระทั่งอาหารเย็นแล้วเสร็จพี่ครามถึงเรียกให้ผมลุกไปกินด้วยกัน แต่ทันทีที่ผมลุกขึ้น ก้อนขนสีเทาที่เมื่อครู่นอนหงายพุงก็พลิกตัวลุกขึ้นยืนตามด้วย ผมเดินไปหาพี่ครามโดยมีคุณเกรย์ตามมาติดๆ
“อะไรไอ้อ้วน อาหารเราน่ะอยู่ตรงนี้”
พี่ครามคุยกับคุณเกรย์พลางเขี่ยจานข้าวของคุณเขาเมื่อคุณเกรย์เงยหน้าขึ้นมองถ้วยในมือพี่เขา ผมขำเล็กน้อยเมื่อคิดว่าการที่ผู้ชายตัวโตๆมาคุยกับแมวงุ้งงิ้งแบบนี้ก็น่ารักดี...
“ส่ายหัวทำไม มีอะไรหรือ”
“เปล่าครับ” รีบตอบกลับเขาทันควัน ไม่คิดว่าจะเห็นตอนผมสะบัดหัวไล่ความคิดตัวเอง นึกสงสัยที่ตัวเองจู่ๆก็มาชมผู้ชายตัวใหญ่ๆว่าน่ารักเนี่ย ท่าจะบ้าแล้ว
“อ่ะปายนี่ของปาย พอมั้ย เอาเพิ่มมั้ย”
พี่ครามไม่ได้ว่าอะไรแต่ตักมาม่าใส่ถ้วยละยื่นมาให้ผม อาหารกึ่งสำเร็จรูปที่อุดมไปด้วยหมูและผักมากเพียงพอที่จะทำให้ผมอิ่มในมื้อเย็นวันนี้ได้ไม่ยากเลย
“พอครับ..ขอบคุณครับ”
ผมบอกกับพี่คราม พี่ครามยื่นตะเกียบละช้อนตามมาให้ก่อนบอก “นั่งกินตรงนี้ก็ได้นะ” ว่าพลางชี้โต๊ะทานข้าวเล็กๆที่มีเก้าอี้อยู่ตัวเดียว
“อ้าว..แล้วพี่คราม..?”
“เดี๋ยวพี่ไปนั่งโซฟา เรานั่งนี่แหละสะดวกกว่า”
“ผม..ไม่เป็นไรครับ พี่นั่งก็ได้เดี๋ยวผมไปนั่งโซฟาเอง”
ผมบอกเพราะที่นั่งที่โซฟาไม่มีโต๊ะวางจานเลย มีแต่ต้องถือไปกินไปเท่านั้น ผมไม่อยากรบกวนเขา
พี่ครามนิ่งไปพักหนึ่งเหมือนใช้ความคิด ตักมาม่าใส่ถ้วยตัวเองเสร็จก็บอก
“งั้นก็ไปนั่งโซฟาด้วยกันเลยละกัน”
“เอ่อ...”
“ถ้าไม่สะดวกปายก็นั่งที่นี่ก็ได้นะ” เขายิ้ม รอยยิ้มครั้งนี้ต่างจากเดิม ผมไมรู้ว่ามันหมายความว่าไง แต่ผมก็ส่ายหน้าปฏิเสธเขาไป ก่อนเดินตามไปนั่งกับพี่ครามที่โซฟาสีน้ำตาลอ่อน
ตามมาด้วยคุณเกรย์ที่เดินสะบัดหางตามมาทันทีที่กินข้าวเสร็จ
พี่ครามใช้มือนึงถือถ้วยอีกมือเอื้อมไปกดเปิดโทรทัศน์ สองขายาวก้าวลงไปนั่งริมขวาของโซฟาตัวยาว ส่วนผมก็ค่อยๆหย่อนตัวลงนั่งริมฝั่งซ้าย คุณเกรย์เงยหน้าขึ้นมามองผมสักพักก็กระโดดขึ้นมาคั่นกลางระหว่างผมกับพี่คราม สะบัดหางฟูไปทางพี่เขาจนพี่ครามร้องโวยวาย
“หางมันจะโดนถ้วยมาม่ากูนี่ไอ้แมว!”
ผมหัวเราะขำอีกครั้ง แต่พอเห็นสายตาคมจ้องมองมาก็หยุดเสียงหัวเราะ ก้มหน้าคนมาม่าในมือไปเงียบๆ
พี่ครามไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่จับหางคุณเกรย์ให้ออกไปพ้นๆ เสียแต่พอจับหางคุณเขาคุณเกรย์ก็หันมาจะตะปบมือพี่ครามซะงั้น ถึงอย่างนั้นพี่ครามก็ไม่ยอมเลิก แกล้งกันไปแกล้งกันมาสุดท้ายคนตัวโตก็อุ้มคุณเกรย์ด้วยมือเดียว ก่อนโยนไปข้างหลังที่เป็นเตียงนอน
คุณเกรย์แลนดิ้งลงเตียงดังปุ
หันหน้ามามองแบบงงๆ สงสัยว่าตัวเองบินมาอยู่ตรงนี้ได้ยังไงจนผมขำอีกครั้ง คราวนี้คุณเกรย์ไม่ลุกขึ้นมาตีกับพี่ครามต่อ แต่หย่อนตัวนั่งกลางเตียงเลียขนไปซะอย่างนั้น
เมื่อผมหันกลับมาก็พบสายตาคู่เดิมจ้องมองอยู่ทำให้ชะงักตัวไป
“...ปายนี่เวลาหัวเราะแล้วน่ารักดีนะ”
“....”
จู่ๆในหัวผมก็เหมือนมีระเบิดบรึ้มขึ้นมา ผมพูดไม่ออก ทำหน้าไม่ถูก ได้แต่อ้าปากค้างอยู่อย่างนั้น ไม่รู้ว่าจะต้องตอบยังไง ไม่เคยเจอคนชมว่าน่ารักอย่างจังขนาดนี้ คำสบถมากมายเต็มอยู่ในหัวแต่ก็ไม่ได้หลุดพูดออกไป ไม่รู้ว่าคนตรงหน้าคิดอะไรอยู่กันแน่ นี่ไม่ใช่ว่าถูกจีบอยู่ใช่มั้ย
พยายามสรรหาคำพูดมาสารพัดเพื่อโต้ตอบกับเขาแต่สุดท้ายก็ไม่มีเสียงใดๆออกจากปาก ผมเลือกที่จะไม่ตอบคนข้างๆ ได้แต่นั่งนิ่งและคิดว่าหน้าผมคงขึ้นสีน่าดู
สุดท้ายมื้อเย็นวันนั้นก็จบลงด้วยมาม่าอืดๆ
⊹ ⊹ ⊹ ⊹ ⊹ ⊹ ⊹ ⊹ ⊹ ⊹ ⊹ ⊹ ⊹ ⊹ ⊹ ⊹ ⊹ ⊹ ⊹ ⊹
ขอโทษที่มาช้าค่ะ
ตอนแรกตั้งใจให้เรื่องนี้เป็นเรื่องสั้น แต่ไหงแต่งไปแต่งมาไม่จบซะงั้น เลยลงยาวเลย
มีแต่ตอนเรื่อยๆ เปื่อยๆ อาจจะเบื่อกันบ้าง
แต่ถ้าทุกคนชอบก็ดีใจนะคะ
ขอบคุณสำหรับการติดตามค่ะ