ตอนที่ 41 : ครอบครัว [End]“จ๋วยจาง” เด็กชายริชยื่นมือน้อยๆ ไปข้างหน้า อากาศยามเช้าเย็นสบาย หมอกบางๆ ทำให้มีคุณต้องใส่เสื้อแขนยาวมีฮู้ดให้กับหลานแฝด
“ริชชอบเหรอลูก” ภูริชถามลูกชายที่อยู่ในอ้อมแขนของมีคุณ
“คับ” เด็กชายตัวน้อยพยักหน้า เขาชอบต้นไม้สีเขียว ชอบภูเขา ชอบลมเย็นๆ
“ฮ้าว” เสียงหาวยาวดังมาจากเด็กชายตัวอ้วนกลมที่ซบหน้าอยู่บนไหล่ของภูริช พี่ชายฝาแฝดไม่ยอมชื่นชมธรรมชาติกับน้องชาย เขาอยากซุกตัวอยู่ในผ้าห่มมากกว่า
“ภูดูจิ ดูจิ จ๋วย” เด็กชายริชหันไปเรียกพี่ชาย อยากให้ชมธรรมชาติด้วยกัน
“อื้อๆ สวย”
“ภูยางม่ายดูเยย” เด็กชายริชยื่นปาก แอบงอนที่พี่ชายไม่สนใจ
“ดูแล้ว นี่ไง” เด็กชายภูงัวเงียเงยหน้าขึ้นมาจากบ่าของพ่อ มองไปข้างหน้าด้วยสายตาที่ไม่โฟกัส “สวย”
“ตื่นกันแต่เช้าเลยครับ” ชโนทัยบิดขี้เกียจหาวหวอดเดินออกมาจากตัวบ้านพร้อมกับอธิชาติ ภูริชเลือกจองบ้านพักเป็นบ้านไม้หลังใหญ่ตั้งอยู่บนเนินสูง มีระเบียงกว้างมองเห็นทิวทัศน์รอบทิศทาง
“แล้วเราทำไมตื่นไหว ปกติไม่เคยเห็นโผล่ออกมาชมวิวกับใครเขา” ภูริชย้อนถามน้องชายที่นับวันพฤติกรรมยิ่งเปลี่ยนไปในทางที่ดี แม้แต่คนเป็นพ่อแม่ยังปลื้มใจ
“พี่หมออิกสิครับปลุกผม เดินจะไม่ไหวอยู่แล้ว”
“หือ?”
“ผม.ผมหมายถึงง่วงจนเดินไม่ไหวแล้ว พี่ภูมิคิดไปถึงไหน”
“ใครคิด เรานั่นแหละคิดไปถึงไหน” ภูริชหัวเราะให้กับท่าทีลุกลี้ลุกลนของลูกพี่ลูกน้อง ไม่ต้องเดาก็รู้ถึงความคืบหน้าของคู่นี้ ซึ่งภูริชไม่ได้ติดใจอะไรเขาเข้าใจได้ ยิ่งอีกฝ่ายคืออธิชาติเขาก็ยิ่งวางใจ
“พอครับเลิกแกล้งน้องได้แล้ว ข้าวจะทานมื้อเช้าพร้อมพวกพี่เลยไหม”
“ก็ดีครับ พี่หมอน่าจะอยากกินเลย” มีคุณลอบยิ้ม เดี๋ยวนี้ชโนทัยไม่เหมือนเมื่อก่อน ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ให้พี่ชายเขามาก่อนเสมอ นี่แหละอานุภาพของความรัก
“ไม่ดีเหรอได้ดื่มกาแฟชมวิว สูดอากาศบริสุทธิ์ หาแบบนี้ในกรุงเทพไม่ได้นะ” อธิชาตินั่งลงที่เก้าอี้ไม้ตัวยาว
“ดีครับ” ชโนทัยพยักหน้า เขาออกมาทั้งชุดนอนผ้านิ่ม อธิชาติต้องช่วยพับแขนเสื้อกับขากางเกงให้เพื่อจะได้ไม่เกะกะ
“ฝ้ายพี่ฝากโทรบอกพนักงานทีว่าให้ทำเพิ่มมาอีกสองที่” มีคุณพาฝ้ายมาด้วย ไม่ใช่เพื่อช่วยดูแลเด็กๆ อย่างเดียวแต่เพราะอยากให้อีกฝ่ายได้มีเวลาท่องเที่ยวและพักผ่อนบ้าง
“ได้ค่ะพี่คุน” ฝ้ายลุกจากโต๊ะเดินกลับเข้าไปในบ้าน มีคุณโทรไปสั่งอาหารเช้าไว้แล้วให้มาส่งที่บ้านพัก แต่ไม่ได้สั่งเผื่อชโนทัยกับอธิชาติเพราะคิดว่ายังไม่ตื่นกัน
“สั่งอะไรไปเหรอพี่คุน”
“ตอนเช้ารีสอร์ทมีจัดเป็นเซ็ตให้ มีข้าวต้มกระดูกหมูอ่อนเห็ดหอม ครัวซองต์เนยสด โยเกิร์ตกับผลไม้ กาแฟกับน้ำส้มคั้น
“กิน ภูอยากกินข้าวต้ม” เด็กง่วงนอนตาสว่างขึ้นมาทันที ผงกศีรษะขึ้นมาจากไหล่พ่อมองน้าคุนตาใส่แจ๋ว
“งี้อะภูตื่นเยย” เด็กชายริชบ่นอุบ
“เมื่อกี้ภูก็ตื่น” เด็กชายภูรีบแก้ตัว
“มะต้องเยย” น้องชายหันหน้าหนียังงอนพี่ชายฝาแฝดไม่หาย
“ไหนๆ อู้ ดอกไม้สวย” เด็กชายภูชี้มือไปที่แปลงดอกไม้ด้านล่าง ชมเอาใจน้องชาย
“ลิดมะด้ายชอบดอกม้าย”
“ภูเขาสวย น้ำก็สวย เมฆก็สวย บ้านก็สวย” เด็กชายภูชี้โบ้ชี้เบ้ไปทั่ว ชมมันทุกอย่างที่ขวางหน้า เด็กชายริชแม้จะทำเป็นไม่มองพี่ชายแต่ก็แอบชำเลืองเป็นระยะ สุดท้ายก็ยิ้มออกมาจนได้
“หึๆ ภูเอ๋ย” ภูริชหัวเราะให้กับความแสบของลูกชาย ต้องยอมรับว่าลูกคนโตเหมือนเขามากขึ้นทุกที ในขณะที่คนเล็กเหมือนแม่กับซึมซับนิสัยของคนเลี้ยงดูอย่างน้าคุนมาเต็มๆ แม้จะเป็นฝาแฝดแต่ก็มีความคิดและนิสัยที่แตกต่างกัน
“ถูกใจที่นี่ไหมครับพี่หมอ” ภูริชอุ้มเด็กชายภูกลับมานั่งฝั่งตรงข้ามกับอธิชาติ ทางรีสอร์ทตั้งชุดโต๊ะกับเก้าอี้ไม้ไว้ให้แขกออกมานั่งชมธรรมชาติบนระเบียงบ้าน
“ถูกใจมากครับ ชอบจนอยากซื้อที่เล็กๆ เอาไว้ปลูกบ้านสักหลัง จะได้มาพักผ่อนได้บ่อยๆ”
“น่าสนใจครับ” ภูริชเห็นด้วย เขาอยากให้ลูกชายได้ใกล้ชิดธรรมชาติมากที่สุด
“พ่อผมมีซื้อไว้หลายไร่ พี่หมออยากได้ไหมเดี๋ยวผมไปคุยให้” ชโนทัยพูดเพราะลืมตัวแต่ก็คิดได้ทัน รีบหันไปส่งสายตาขอโทษอธิชาติ เขาลืมไปว่าคุณหมอของเขาถือเรื่องนี้มาก “ผมขอโทษ” ชโนทัยพูดออกมาด้วยเสียงสำนึกผิด
“ขอโทษทำไม” อธิชาติยกมือขึ้นลูบศีรษะเด็กแสบที่เดี๋ยวนี้แสบน้อยลงแล้ว “ดีเสียอีกจะได้ไม่ต้องตามหาที่ไหน แต่พี่ขอซื้อนะ ไม่รู้คุณลุงจะพอแบ่งขายให้ได้ไหม”
“เดี๋ยวผมไปคุยกับพ่อให้ คุยเฉยๆ ไม่กดราคาด้วย เอานิดเดียวพอสร้างบ้านก็พอ” ชโนทัยรีบบอกเมื่อเห็นสายตาของอธิชาติ
ภูริชนั่งฟังน้องชายคุยกับคุณหมอหนุ่ม เขาเคยกังวลว่าชโนทัยจะเป็นอย่างไรเมื่อพ้นจากรั้วมหา’ลัย ความเอาแต่ใจจะสร้างปัญหาให้กับตัวเองหรือไม่ มาวันนี้เขาเลิกเป็นห่วงแล้ว ชโนทัยที่เขาเห็นตอนนี้เป็นเด็กหนุ่มที่รู้จักคิดมากขึ้น พูดเพราะมากขึ้น มีสัมมาคารวะมากขึ้น ทั้งหมดต้องขอบคุณอธิชาติที่เปลี่ยนแปลงลูกพี่ลูกน้องเขาได้มากถึงเพียงนี้
“มาแล้วค่ะ” ฝ้ายเดินนำหน้าพนักงานของรีสอร์ทเข้ามา อาหารเช้าควันกรุ่นหอมแตะจมูก เด็กชายภูตาลุกวาว กระปี้กระเปร่าขึ้นมาทันที
มีคุณอุ้มเด็กชายริชกลับมานั่งที่โต๊ะ หลังพาหลานชายตัวน้อยเดินชมทิวทัศน์และบรรยากาศรอบๆ “ฝ้ายทานด้วยกันเถอะ ไม่ต้องยกเข้าไปข้างใน” มีคุณรีบบอกเมื่อพี่เลี้ยงหลานเตรียมจะยกถาดแยกออกไป
“แต่” ฝ้ายเหลือบสายตามองภูริชด้วยความเกรงใจ
“นั่งเถอะ” ภูริชพยักหน้า ฝ้ายจึงยอมนั่งลง มีคุณดูแลแฝดเองโดยไม่เรียกใช้อีกฝ่าย แม้ฝ้ายจะพยายามช่วยก็ตาม เขาอยากให้พี่เลี้ยงของเด็กได้หยุดและพักผ่อนบ้าง
“อาหย่อย” เด็กชายภูอารมณ์ดี ยิ้มแก้มแดงเพราะอุณหภูมิ ตักข้าวต้มอุ่นๆ เข้าปาก
“คำเล็กๆ ครับภู” มีคุณบอกเมื่อเด็กชายภูตักพูดช้อน เขาลืมเตรียมช้อนสำหรับเด็กๆ มาด้วยจึงต้องให้ทานช้อนขนาดปกติที่โรงแรมจัดมาให้
“ภูกินไม่หกครับ” เด็กชายภูรีบบอกคุณน้า แต่ก็ยอมเทข้าวต้มออกจากช้อนและตักใหม่ให้น้อยลง
“เก่งมากครับ” มีคุณชมหลานทุกครั้งเพื่อเป็นกำลังใจให้รู้ว่าทำได้ดีแล้ว “แต่จะเก่งมากกว่านี้ถ้าภูทานเห็ดหอมด้วย” เขาสังเกตเห็นว่าผักและเห็ดหอมในชามเด็กชายภูไม่ลดลงเลย ต่างกับเด็กชายริชที่กวาดผักกินก่อนหมูเสียอีก
“มันไม่อร่อย” เด็กชายภูพูดเสียงอ่อย เขากินเห็ดหอมได้แต่ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่
“ไม่อร่อยก็ต้องทานสักนิดเพราะมันมีประโยชน์ต่อร่างกาย ภูอยากตัวโตแข็งแรงเหมือนคุณพ่อไม่ใช่เหรอครับ”
“ภูอยากเหมือนพ่อ”
“ภูคนเก่งของน้าคุนกินได้อยู่แล้ว” มีคุณใช้วิธีให้กำลังใจและกระตุ้นหลานให้แข่งกับตัวเอง เขาจะไม่เปรียบเทียบหลานสองคนเป็นอันขาด ริชทำได้ทำไมภูทำไม่ได้หรือทำให้ได้เหมือนริชสิ คำพูดเหล่านี้ล้วนแล้วแต่บั่นทอนกำลังใจ ปลูกฝังความรู้สึกในแง่ลบลงไปในจิตใจของเด็กๆ เกิดเป็นความอิจฉา น้อยเนื้อต่ำใจและเก็บกดเป็นปมด้อยติดตัวไปจนโตแทนที่จะรักกัน เด็กเหมือนผ้าขาวผู้ใหญ่จึงต้องระวังคำพูดให้มาก
“ภูเก่งที่ฉูด” เด็กชายริชมองพี่ชายเป็นฮีโร่เสมอ ไม่ว่าอะไรภูของเขาทำได้ทุกอย่าง เด็กชายภูริวัจน์สบตาน้องชาย ดวงตากลมโตฉายแววเชื่อมั่น นับถือและรักใคร่ เด็กชายภูไม่รู้หรอกว่าสายตาแบบนี้คืออะไร เขารู้แต่ว่าพอเห็นแล้วใจมันพอง อยากโชว์ให้น้องดูว่าเขาทำได้แน่นอน
“อ้าม” เด็กชายตัวอ้วนหลับตาปี๋ ส่งช้อนที่มีผักใบเขียวกับเห็ดหอมเข้าปาก อืม มันก็ไม่แย่เท่าไหร่
“ภูเก่ง ภูเก่ง” เด็กชายริชร้องดีใจ หันให้ยิ้มให้น้าคุนกับพ่อเหมือนต้องการจะอวดว่านี่คือพี่ชายของเขาเอง ภูริชยกมือขึ้นลูบหัวลูกชายคนเล็ก ความภูมิใจฉายชัดออกมาทางสีหน้า
“ผมชักอิจฉาคุณภูมิกับคุน แฝดน่ารักมาก” อธิชาติพลอยชื่นชมครอบครัวของน้องชายไปด้วย เขารักเด็กอยู่แล้วถึงได้เลือกมาเป็นหมอเด็ก
“พี่หมออิก” ชโนทัยเรียกเสียงแผ่ว ในใจหล่นวูบ เขาลืมคิดเรื่องนี้ไปสนิทใจ เขากับอธิชาติมีลูกด้วยกันไม่ได้ อธิชาติเป็นคนรักเด็ก ความรู้สึกของชโนทัยตอนนี้ไม่ได้เสียใจแต่สงสาร เขาสงสารคนรัก
“ข้าว!” อธิชาติตกใจเมื่อเห็นสีหน้าเหมือนคนอยากร้องไห้ของเด็กแสบ “เดี๋ยวครับ ข้าวเป็นอะไร คิดอะไรอยู่” มีคุณพลอยตกใจไปด้วย น่าตีจริงๆ พี่หมอพูดอะไรไม่ระวัง
“ไม่มีอะไร” ชโนทัยเบือนหน้าหนี ไม่อยากให้อธิชาติกังวล พยายามทำสีหน้าให้เป็นปกติที่สุด
“ข้าวมีอะไรก็คุยกับพี่หมอ อย่าเก็บไว้จะได้เข้าใจกัน” ภูริชเตือนน้องชาย เขาคิดว่าเขาเข้าใจว่าชโนทัยคิดเรื่องอะไรอยู่
“ผม..ผมสงสารพี่หมอ”
“เดี๋ยว” อธิชาติยิ้มกว้างส่งสายตาเอ็นดูให้ชโนทัย “ข้าวจะสงสารพี่ทำไม พี่ว่าพี่ออกจะน่าอิจฉา”
“ก็เรื่องลูก พี่หมอจะไม่มีลูกเหมือนพี่ภูมิ ไม่ได้เป็นคุณพ่อเหมือนคนอื่นๆ”
“ข้าว” มีคุณลอบสบตากับภูริช เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องใหญ่ต้องตัดสินใจกันให้ดี มีคุณรู้สึกถึงความโชคดีของตัวเองที่มีหลานที่เปรียบเสมือนลูกถึงสองคน
“ไม่มีก็ไม่เป็นไรนี่พี่ก็มีข้าวไงครับ เราอยู่กันสองคนได้ ดูแลกันไปจนแก่จนเฒ่า” อธิชาติพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ใช่ว่าเขาไม่คิดถึงเรื่องนี้ เขาคิดและถามความรู้สึกของตัวเองอย่างดีแล้ว เขามีความสุขดีและเลือกที่จะมีชโนทัยในชีวิต
“แต่พอแก่แล้วพี่หมออิกก็จะไม่มีลูกหลานมาวิ่งเล่นให้หายเหงา ไม่มีคนมาคอยดูแล” ชโนทัยเสียงหงอย แปลกที่เขาควรหึงหวงไม่ยอมให้อธิชาติกับใคร แต่ตอนนี้เขาเริ่มลังเลอยากให้คุณหมอของเขามีความสุขเหมือนคนอื่น
“ดู” จู่ๆ เด็กชายภูก็โพล่งออกมา ดวงตาใสซื่อบริสุทธิ์มองตรงมายังผู้ใหญ่ที่นั่งอยู่ “ดูสิ ภูจะดู”
“ลิดก๊ะดู” เด็กชายริชรีบยกมือขึ้น กลัวไม่มีใครได้ยินที่เขาพูด
“หึๆ รู้เหรอเราว่าดูอะไร” ชโนทัยยิ้มออกมาได้
“รู้ครับ” เด็กชายตัวอ้วนกลมพยักหน้า “ภูจาปกป้องริช น้าคุน คุณยาย” เด็กชายภูพูดตามที่ได้รับการปลูกฝังมา “อาข้าวกับลุงหมอกับพี่ฝ้ายด้วย ภูแข็งแรง”
“ช่ายภูเก่งที่ฉุด ดูด้ายหมดเยย” เด็กชายริชสนับสนุนพี่ชายเต็มที่
“ไม่ต้องกังวลแล้วนะข้าวเดี๋ยวลูกพี่เหมาหมด” ภูริชหัวเราะออกมา คนเป็นพ่ออย่างเขาภูมิใจในตัวลูกชายมาก
“ลุงอิกตัวโตนะภูกับริชดูไหวเหรอ” อธิชาติแหย่หลาน สองแฝดรีบหันหน้าไปสบตาราวกับต้องการปรึกษากัน
“ง้านโตก่อนก๊ะด้าย” เด็กชายริชหันมายิ้มตาหยี “ลิดอุ้มม่ายหวาย”
“ฮ่าๆ” แม้สองแฝดจะไม่รู้ว่าความหมายของคำว่าดูแลคืออะไร แต่อย่างน้อยชโนทัยก็สบายใจขึ้นว่าเขากับอธิชาติจะไม่เหงาแน่นอน
“เชื่อพี่เถอะอยู่ด้วยกันไม่เหงาหรอก” มีคุณส่งยิ้มให้ชโนทัย
“ครับพี่คุน” พวกเขาคือครอบครัวเดียวกัน
✪✣✤✥✦✣✤✥✦✧✪
“คุน” มีคุณแกล้งทำเป็นไม่สนใจเสียงออดอ้อนของภูริช สองแฝดไปเดินเล่นในสวนของรีสอร์ทกับอธิชาติและชโนทัย พี่ชายบอกเขาว่าต้องรีบทำคะแนนไว้แก่ตัวมาหลานจะได้สนใจ
“คุนครับ”
“อยากพูดอะไรก็พูดมาสิครับ” มีคุณไม่ยอมละสายตาจากหนังสือในมือ เขานั่งอยู่บนโซฟาริมหน้าต่างในห้องนอน
“มานั่งนี่เถอะ” ภูริชตบมือลงข้างตัว ร่างสูงกึ่งนั่งกึ่งนอนอยุ่บนเตียงกว้าง พิงหมอนใบใหญ่
“แน่ใจนะครับว่านั่ง”
“นั่งสิ พี่ไม่เกเรหรอกเดี๋ยวเด็กๆ ก็กลับมาแล้ว” คนพูดทำเสียงขึงขัง มีคุณคิดชั่วครู่ก่อนยอมปิดหนังสือ ก้าวเท้าลงจากโซฟาเดินตรงไปยังเตียงนอน
“ไหนบอกว่าไม่เกเรไงครับ” ทันทีที่เขาก้าวขึ้นเตียงร่างสูงก็รีบพลิกตัวเขาเข้าไปกอด หมุนจนร่างของเขาลงไปนอนราบโดยมีคนเจ้าเล่ห์นอนคร่อมเอาไว้
“ก็คุนสวย”
“พี่ภูมิ~” มีคุณเรียกอย่างอ่อนใจ
“สวยจริงๆ เมื่อคืนพี่รอคนใจดีทั้งคืน แต่มีแต่คนใจร้าย คุนก็ใจร้าย ลูกก็ใจร้าย”
“โอ๊ยทำไมเป็นคนแบบนี้ครับ”
“เป็นยังไงครับ ออกจะเป็นสามีที่ดีเชื่อฟังคุนทุกอย่าง” ริมฝีปากร้อนไล่แตะไปทั่วใบหน้า คนพูดคลอเคลียปากอยู่ไม่ห่าง “บอกว่าห้ามทำอะไรเกเรต่อหน้าเด็กๆ พี่ก็ไม่ทำแล้ว ตอนนี้ลูกไม่อยู่ก็ต้องเป็นเวลาของพี่”
“ใครว่าผมใจร้ายครับ พี่ภูมินั่นแหละร้าย”
“ไม่เถียงครับ คุณตัวหอมจัง” จมูกโด่งฝังลงตรงซอกคอ มีคุณหายใจติดขัด ความร้อนแผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย
“พี่ภูมิอย่าเพิ่งเลยครับ เดี๋ยวแฝดกลับมา” มีคุณพยายามใช้สติที่เหลืออยู่น้อยนิดเอ่ยปากห้ามภูริช
“ไม่มาหรอกครับเชื่อพี่” ริมฝีปากบางถูกบังคับให้เผยอออก รอรับริมฝีปากร้อนที่บดเบียดลงมา สมองของเขาขาวโพลนกว่าจะซึมซับคำพูดของภูริช
“เดี๋ยวครับ ทำไมพี่ภูมิถึงมั่นใจ” มีคุณดันอกของภูริชให้ออกห่าง สบตากับแววตากรุ้มกริ่มร้ายกาจ
“ก็พี่ติดสินบนข้าวไปแล้ว รับรองไม่กลับมาเร็วแน่นอน” มีคุณร้องเฮ้อ ยอมแพ้ความเจ้าเล่ห์ของสามี ภูริชก็คือภูริช ความรักของเขาแม้จะผ่านความลังเล ไม่แน่ใจ แต่สุดท้ายความอบอุ่นของอ้อมกอดที่ได้สัมผัสก็ทำให้มีคุณรู้ว่าเขาตัดสินใจไม่ผิด วันนี้ครอบครัวของเขาสมบูรณ์แล้ว
“พี่รักคุณนะครับ” เสียงกระซิบแผ่วเบาแทนความรู้สึกทั้งหมดของภูริช
“ผมก็รักพี่ภูมิครับ รักครอบครัวของเรา”
“พี่ก็เหมือนกัน”
ไม่จำเป็นต้องมีคำพูดอื่นใดอีกแล้ว ความสุขที่เขามีเต็มหัวใจในวันนี้แทนคำตอบทุกอย่าง มีคุณจะรักษาครอบครัวของเขาไว้ให้ดีที่สุด ไม่ใช่แค่ภูริช ไม่ใช่แค่หลานแฝด หากแต่เป็นทุกคนในครอบครัว ครอบครัวที่พร้อมจะอยู่เคียงข้างและดูแลกันไปอย่างนี้ตราบนานเท่านาน
✪✣✤✥
Happy Ending ✤✥✦✧✪
กามเทพคูณสองเปิดพรีออเดอร์แล้วนะคะ ถึงวันที่ 25/09/17 นี้
มีเล่มแถมพิเศษรอบพรีฯ เป็นเรื่องของน้องริชกับพี่ดิน ขนาด 56 หน้าแถมให้ด้วยค่ะ ติดตามรายละเอียดได้ที่เพจของสนพ.
Marinebooks ขอบคุณค่ะ
** ฝากเรื่องใหม่ด้วยนะคะ ลงบทนำแล้ว
ทฤษฎีร้อยเล่มเกวียน 
** ขอบคุณทุกท่านที่ตามอ่านแฝดจนจบนะคะ ขอบคุณทุกคอมเม้นท์ ทุกยอด view มันเป็นกำลังใจที่ดีมากสำหรับคนเขียน
ขาดตกบกพร่องตรงไหนไม่ถูกใจยังไงต้องขอโทษด้วยนะคะ ขอบคุณจากใจจริงค่ะ ^^
Darin ♥ FANPAGE Twitter :
primdarin