◣ SCORPION & EAGLE ◢ - บอกหน่อยครับ..จะให้รักต้องทำไง │CH18 16.10.17 อัพอัพ!│
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ◣ SCORPION & EAGLE ◢ - บอกหน่อยครับ..จะให้รักต้องทำไง │CH18 16.10.17 อัพอัพ!│  (อ่าน 25338 ครั้ง)

ออฟไลน์ qDraftman

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0

ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ


3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ


8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป


12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง

....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail


16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม










▬ SCORPION & EAGLE ▬
บอกหน่อยครับ..จะให้รักต้องทำไง

#หมอกซีนอน #บอกหน่อยครับ


“แมงป่องเป็นสัตว์ที่โดยปกติจะสงบเงียบ
แต่ถ้าหากถูกรบกวน จะยกหางชูงอ ๆ ที่ด้านหลัง เพื่อขู่
และจะต่อยเพื่อป้องกันตัวหรือออกล่าเหยื่อ”


.
.
“นกอินทรีจะจับคู่เพียงตัวเดียวตลอดชีวิต มีขนาดใหญ่ น่าเกรงขาม
มีความสง่างาม แข็งแรง สายตาคม มองเห็นเป้าหมายได้จากระยะไกล”






________________________________________


*ขอฝากนิยายเรื่องแรกของเราด้วยนะคะ*
ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นต์และทุกกำลังใจค่ะ
แนะนำ/ติชมได้นะคะ ♥

Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-10-2017 20:25:06 โดย qDraftman »

ออฟไลน์ qDraftman

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0





1







ความสงบ..
  เกิดขึ้นก็ยาก รักษาไว้ยิ่งยาก
  แต่กลับโดนทำลายได้ง่ายๆ พวกคุณว่าไหม ?


ร่างโปร่งผมสีดำสนิทมีเลนส์สายตากั้นระหว่างโลกภายนอกกับแววตาที่ราบเรียบ  เชิ้ตขาวและกางเกงสีดำที่เป็นเครื่องแบบดูเรียบร้อย หน้าตาสะอาดสะอ้านเหมือนเป็นเด็กเรียน แต่สังเกตุดูดีๆจะพบรอยจ้ำสีม่วงเล็กๆที่มุมปาก หางคิ้ว และตามเนื้อตัวบ้างประปราย ตามใบหูมีรอยเจาะไม่ต่ำกว่าสองรูทั้งสองข้าง แต่เพราะผมที่บังอยู่ทำให้มองเห็นได้ยาก ดวงตาสีเดียวกับสีผมเหม่อมองไปบนท้องฟ้ายามเช้าแบบเงียบๆ

"นี่! มึงได้ฟังที่กูพูดอยู่ไหม"

"......ไม่อะ"

"มึงไปมีเรื่องมาอีกแล้วใช่ไหม"

"อือ อย่าบ่นหน่า"
ผมตอบพลางก้มหน้าฟุบลงกับโต๊ะ ก็คนมันไม่อยากพูดถึงนี่หว่า...

"พวกกูเป็นห่วงนะโว้ย ไม่งั้นก็ไม่มากวนมึงให้รำคาญหรอก!"
เสียงแว๊ดๆของเพื่อนผมดังทะลุเข้าหูแถมยังโดนดึงหัวให้เงยหน้ามามองพวกมันอีก ไอ้นาย..ผู้ชายที่ตัวเล็กที่สุดในกลุ่มพวกผม แต่ดันมีแรงเยอะไม่เหมาะกับตัว ชอบเจ้ากี้เจ้าการเรื่องของผมเป็นที่สุด  แต่ที่บอกว่าตัวเล็กนี่ไม่ได้หมายความว่ามันเตี้ยนะ แค่เตี้ยกว่าคนอื่นในกลุ่มเท่านั้นเอง มีกันอยู่ห้าคนรวมผม เฉลี่ยจะสูงกันประมาณ 180  แต่มีไอ้นายที่สูงแค่ 170 ไม่ขาดไม่เกิน

"ไม่อยากให้มึงลำบาก" ผมตอบ
นายจ้องหน้าผมก่อนจะถอนหายใจประมาณว่ายอมแพ้ มันรู้ว่าผมเคยหาเรื่องใครก่อนซะที่ไหน

"มึงก็อย่างนี้ทุกทีอะ คนเค้าอุตส่าห์เป็นห่วง"

"ใครจะรู้ว่าเด็กเรียนอย่างมึงจะเป็นนักเลงขนาดนี้วะ มีเรื่องให้หน้าเขียวได้ทุกวี่ทุกวัน นี่ถ้าไม่ได้มาเห็นกับตาก็คงไม่เชื่อหรอก"


ฟีฟ่า..ไอ้นี่ก็เหมือนกันแสบใช่ย่อยทะลึ่งตึงตังกันคนเขาไปทั่ว ขึ้นชื่อนักแหละเรื่องความกะล่อน ส่วนอีกสองคนในกลุ่มผมคือ ไอ้แทน กับไอ้ซัน แทนมันเป็นคนอารมณ์ดีอบอุ่นพ่อพระ เป็นเหมือนดวงอาทิตย์ของพวกผม สมชื่อแทนคุณของมัน ส่วนไอ้ซันชื่อดูสดใสซะเปล่าแต่ดันเป็นคนแปลกพูดน้อยต่อยหนักขนาดผมว่าตัวเองพูดน้อยแล้วมันยังกริบได้มากกว่า แต่มันพึ่งพาได้เป็นที่ค้ำจุนของเพื่อนๆเสมอ


"นายมันเป็นห่วงมึง ดีๆกับมันหน่อยสิวะ" แทนพูดกับผมยิ้มๆ พอเหลือบตาไปมองไอ้นายมันก็จ้องหน้าผมอยู่อย่างเอาเรื่อง หน้าตาประจำเวลาไม่ได้ดั่งใจ


"เออ ขอโทษ" ผมตอบมันไปห้วนๆ ไอ้นายยิ้มแฉ่ง มันรู้ว่าผมอ่อนให้มันขนาดไหน มันใช่วิสัยผมที่ไหนละที่มานั่งขอโทษอะไรแบบนี้

"คราวนี้ไปมีเรื่องกับใครวะ" ไอ้ฟ่าถามอย่างอยากรู้อยากเห็นเต็มที่


"พวกเรื้อน เมาแล้วรุม" ผมตอบอย่างเนือยๆ

"เชดดด เป็นไรมากไหมวะ" ไอ้ฟ่ารีบถามต่อทันทีพร้อมสายตาระริกระรี้อย่างรู้อยากเห็นของคนทั้งโต๊ะ ยกเว้นไอ้ซันที่ยังมันผมนิ่งๆเหมือนเดิม

"ไม่"

"โหย..ก็ไอ้หน้าตาเอ๋อๆใส่แว่นกวนตีนของมึงนี่แหละ เจอครั้งแรกกูยังอยากกระทืบเลย มึงจะใส่แว่น ทำหน้าจืดๆ เพื่ออะไรวะมึงก็ไม่ได้แย่นะเว้ย" ฟีฟ่าพูด


"มึงไม่รู้อะไร ไอ้หมอกน่ะมัน.."


"สงบดี ไม่มีใครวุ่นวาย"


ผมรีบพูดตัดบทไอ้นายพร้อมส่งสายตาปรามๆไปให้ มันเลยเงัยบปิดปากแต่ก็ไม่วายส่งค้อนมาให้ผม ผมกับไอ้นายเรารู้จักกันมาตั้งแต่สมัยมัธยม มันเลยรู้อะไรๆเกี่ยวกับผมมากกว่าคนอื่น ส่วนฟี่ฟ่า แทน ซัน พวกนี้ผมเพิ่งมารู้จักตอนเข้ามหาลัยนี่แหละ ไม่รู้ว่ามาสนิทกับพวกมันได้ยังไงเหมือนกัน แต่พวกนี้ก็ดีครับ ผมไม่ใช่คนมีเพื่อนเยอะเพราะนิสัยไม่ยุ่งเรื่องชาวบ้าน ไม่เฟรนลี่ ไม่พูดมากของผม ทำให้มีคนเข้าหาน้อย

"เนี่ยนะไม่วุ่นวาย หน้าเละทุกวัน ถึงจะเอาแป้งโปะก็ไม่มิดหรอกเว้ย" แทนพูดขึ้นด้วยสีหน้าไม่เชื่อ


ผมไม่ได้ตอบ มองหน้าไอ้แทนแบบเฉยๆ


แล้ว




'หาวววววววววว...'




เพื่อนทุกคนมองผมด้วยสายตาแบบ 'ไอ้นี่...เป็นอย่างนี้ทุกที' ก็คนมันง่วงนี้หว่านี่เพิ่งจะแปดโมงกว่าจะเริ่มคลาสก็สิบโมง แต่นายมันดันอยากให้มานั่งกินโจ๊กหน้า ม. กันก่อนใครจะขัดมันได้หละครับ..มีหวังหูชาแน่ๆ

"กูไปก่อนนะ เจอกันตอนเข้าคลาส"


"ไปงีบหรอวะ"


ไอ้นายเอ่ยถามผมตอนกำลังลุกผมไม่ได้ตอบพยักหน้าเล็กน้อยเป็นเชิงตอบรับก่อนเดินออกมาจากร้านห้องแถวที่ตอนนี้คนเริ่มมากขึ้นเรื่อยๆ  ...


ร่างโปร่งเดินพาตัวเองมาที่ตึกเก่าๆแห่งหนึ่งภายในมหา'ลัย ที่นี่คนมักไม่ค่อยพลุกพล่าน เพราะอยู่หลังแปลงปลูกผัก ของพวกเด็กคณะเกษตร ที่มีกลิ่นไม่ค่อยจะอำนวยกับการมาเดินเล่นเท่าไหร่ แถมอยู่ซะสุดเขตมหา'ลัย

เขามักจะมาอยู่คนเดียวที่นี่บ่อยๆ นั่งอยู่หลังตึกเงียบๆ

ตาสีดำสนิทเหม่อมองไปบนท้องฟ้าอย่างไม่รู้เบื่อ แววตาที่เรียบนิ่งบัดนี้มองเห็นได้ชัดเพราะแว่นตากรอบดำ 'เห่ยๆ' ได้ถูกถอดเอาไปข้างตัว นิ้วเรียวหยิบบุหรี่ออกมาจุดไฟแช็คนั่งสูบอย่างสบายใจ
นี่ถ้าไอ้นายมันรู้คงต้องฟังมันบ่นจนหูกางแน่ๆ คิดไปก็ยิ้มกับตัวเองไป


 ควันสีขาวถูกปล่อยออกมาเรื่อยๆครั้งแล้วครั้งเล่า จนเกือบหมดมวน ความรู้สึกง่วงเข้ามาทักทาย จนอดไม่ได้ที่จะหาวอีกรอบ แต่ก็ต้องสะดุ้งแผลช้ำที่มุมปาก
"ซี้ดดด เจ็บโว้ย"


เมื่อคืนผมก็ไปนั่งดื่มชิวๆอยู่ที่ร้านประจำ พอเริ่มกึ่มๆ มันก็มีคนเดินมาหาเรื่องผม เหมือนเดิม มันหาว่าว่าผมไปมองแฟนมัน แต่รู้สึกว่าเธอจะมองผมเอง อีกอย่างผมสนใจซะที่ไหนละ หึ แต่สุดท้ายก็ออกไปต่อยข้างนอกกันตามระเบียบ ผมไม่ชอบให้คนมาหยาม ไปๆมามันดันเรียกพวกมาเพิ่มกลายเป็นผมโดนรุมไปเลย ถึงจะรับมือไหวแต่ก็ใช่ว่าจะไม่เจ็บนะ วันนี้ก็เลยปวดจี้ดๆไปทั้งตัว ต้องเอาแป้งโปะๆปิดรอยมา เดี๋ยวเสียภาพพจน์หมด


'แกร๊กก..'


ผมหันไปตามเสียงที่ดังขึ้นตรงมุมตึกแล้วรีบหยิบแว่นมาใส่พร้อมโยนบุหรี่ทิ้งทันที ไม่นานผมก็เห็นผู้ชายสามคนเดินย่างสามขุมเข้ามา ...ไม่ใช่นักศึกษา หน้าตาอย่างกับควายถึก แต่ละคนหุ่นล่ำบึ้กจนที่แคบๆหลังตึกดูแน่นไปทันที


...โจทย์เก่าเรอะ...




ผมคิดในใจ สายตาประเมินทั้งสามคนอย่างเตรียมพร้อม


"มึงพวกใคร" ผมถามพวกมันนิ่งๆ


"...."


ไม่มีคำตอบกลับออกมา ว่าแล้วสามคนนั้นก็กรูกันเข้ามาทันที อารมณ์ที่ง่วงอยู่เริ่มหายไป กลายเป็นความรำคาญเมื่อเจอเรื่องวุ่นวาย

เมื่อหมัดแรกพุ่งตรงมาที่หน้า ผมหลบได้หวุดหวิด ผมคว้าแขนคนที่ส่งหมัดมาก่อนจะกระชากเข้าหาตัวแล้วศอกเข้าที่ต้นคอจนมันล้มลงไป ยังไม่ทันจะได้หายใจลูกเตะของอีกคนก็อัดเข้าตรงชายโครงก่อนที่จะมีโอกาสจะได้หลบ

ผมเจ็บจี้ดทันทีเดาว่าซี่โครงต้องร้าวแน่ๆ เพราะหน้าแข้งที่เตะเข้ามาเหมือนจะใส่สนับแข็งอยู่ ผมถอยออกมาหนึ่งกว่าก่อนจะส่งหมัดเสยคางคนที่สองเข้าไปเต็มเม็ด ไม่รอช้าก้านคอมันไปอีกทีจนร่วงลงไปกองกับคนแรกคนสุดท้ายดูเหมือนจะมีฝีมือที่สุด เพราะสามารถาหลบหมัดและเข้ามาประชิดตัวผมได้ ผมเตะไปอีกทีแต่ไม่ถนัดเพราะรู้สึกเจ็บสีข้างแปลบๆ เลยทำให้มันไม่เจ็บอย่างที่ตั้งใจ ศอกพุ่งเข้าใส่หน้าผมเต็มๆ รู้สึกถึงเลือดที่ไหลออกมาจากหางคิ้วทันที

ชิบหาย โดนแผลเก่า


ผมง้างมือกะจะสับเข้าที่หลังหูเพื่อให้มันสลบแต่ก็ต้องรู้สึกปวดร้าวเพราะของแข็งที่ฟาดลงที่หลังอย่างเต็มแรง ทำให้ผมชะงักทันที ก่อนที่จะทันได้หันไปเล่นงานไอ้คนที่ลอบทำร้าย ผมก็รับรู้กับความเจ็บแปลบที่บริเวณท้องน้อยกลิ่นคาวเลือดและความรู้สึกอุ่นๆที่ฝ่ามือ ความอ่อนเพลียและดวงตาที่เริ่มมองได้เลือนราง





พลันสติผมก็ดับวูบลงไปทันที..




________________________________________

*ขอฝากนิยายเรื่องแรกของเราด้วยนะคะ*
ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นต์และทุกกำลังใจค่ะ
แนะนำ/ติชมได้นะคะ ♥

ออฟไลน์ oilzaza001

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 619
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
ไม่น้าาา อย่าเพิ่งตายยยย

ออฟไลน์ cher7343

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1686
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-4
รออออ เอาอีกกก :katai2-1:

ออฟไลน์ panitanun

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 482
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1

ออฟไลน์ qDraftman

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0




2




ความรู้สึกปวดร้าวไปทั้งตัวทำให้ผมได้สติ ..


"อืออ... "

ผมพยายามส่งเสียงออกไป แต่ดันเป็นแค่เสียงแหบๆ รู้สึกได้ชัดว่าคอแห้ง
และต้องการน้ำมากแค่ไหน ร่างกายที่หนักอึ้งจนไม่อยากขยับ ความรู้สึกเจ็บจี๊ดทุกครั้งที่หายใจเข้าออก ผมจำได้ว่าภาพสุดท้ายที่เห็นคือมือตัวเองที่ชุ่มไปด้วยเลือด พร้อมกับมีดปักอยู่ที่ท้อง


"หมอกก หมอก พวกมึงไอ้หมอกตื่นแล้ว!!"


ผมพยายามลืมตาขึ้นก็เห็นไอ้นายวิ่งเข้ามากุมมือผมอย่างรวดเร็ว รอบๆเตียงก็มีไอ้พวกบ้านั่นอยู่ครบแก๊งค์ พวกมันทุกคนมีสีหน้าเป็นห่วงชัดเจน จนผมแอบตื้นตันใจ ข้างเตียงผมมีเครื่องและก็สายอะไรเยอะแยะไปหมด

"น้ำ...กูหิวน้ำ"

ผมพูดอีกครั้งด้วยเสียงแหบแห้งอย่างหน้าใจหาย ซันรีบเทน้ำแล้วยื่นมาป้อนให้ผมทันที พอได้จิบน้ำเสียงผมก็เริ่มกลับมา แต่ก็ยังรู้สึกเจ็บคออยู่ดี


"กูหลับไปนานไหม"


     หันไปถามไอ้นาย แต่ดูเหมือนผมจะถามผิดคนเพราะพอผมถามจบปากมันก็เริ่มเบะ หน้ามุ่ย ตาแดงแถมมีน้ำตาคลอ.. สัญญาณอันตราย..หูกำลังจะดับ


"ไอ้บ้า! ไอ้เวร! ไอ้หมอกไม่รักดี ยังมีหน้ามาถามอีกหรอ ฮืออออ...มึงหลับไปตั้งสองวันเต็มๆอะ ฮึก อยู่ๆก็มีคนโทรมาบอกกูว่ามึงอยู่โรง'บาล กูใจไม่ดี รีบโดดเรียนมาหามึง กูเป็นห่วงมึงแทบตาย เหี้ย ไปเหยียบหางใครเข้าหละถึงโดนตามจ้วงอย่างนี้ ฮึก กูบอกแล้วไงว่าอย่างไปมีเรื่องอีก ฮืออ มึงก็ไม่เคยฟังกู มึงหน้าจะตายไปเลย ฮึก ไอ้บ้าชอบก่อเรื่อง ชอบทำให้กูเป็นห่วง เลววววว แงงงงงงงงงงง"




..เต็มที่..


เล่นเอาผมที่มึนอยู่แล้วมึนหนักกว่าเดิมแถมไม่ว่าเปล่าทุบแขนผมรัวเป็นชุด เอาจริงๆผมก็รู้สึกผิดที่ทำให้มันเป็นห่วง ผมไม่เคยเป็นหนักขนาดโดนแทงอย่างนี้ ส่วนมากก็แค่ฟกช้ำร้ายหน่อยก็กระดูกหัก เพิ่งเคยฟุบไปก็คราวนี้แหละ


   ผมเอื้อมมือไปลูบหัวสีน้ำตาลทุยๆของไอ้นาย มันเงยหน้ามามองผมตาแดงเถือก น้ำมูกน้ำตาเต็มหน้าไปหมด เห็นแล้วก็โหวง ความรู้สึกผิดจุกอยู่ที่คอ ถึงไอ้นายมันจะง้องแง้งบ่อยก็เถอะ แต่ครั้งนี้ดูก็รู้ว่ามันเสียใจ


"ขอโทษที่ทำให้เป็นห่วง"


แต่มันยังทำหน้าเบะไม่หยุด


"ตอแหล กูไม่เชื่อมึงหรอก ไม่ต้องมาอ้อน ฮึก! มึงพูดอย่างนี้ทุกที"

เสียงสะอื้นของมันยังไม่เบาลง ผมกุมมือมันไว้แล้วบีบมือมันเบาๆ


"ขอโทษนะนาย..แล้วก็ขอโทษพวกมึงด้วย"

ผมหันไปของโทษอีกสามคนที่เหลือ พวกมันยิ้มให้ผมเป็นเชิงว่า ไม่เป็นไร


"แล้วกูมาโรง'บาลได้ไงพวกมึงรู้ไหม" ผมถามคำถามที่สงสัยออกมาทันที ก็ตอนนั้นจำได้ว่าสลบไป

"ไม่รู้เหมือนกันวะ หมอบอกว่าตอนมึงมาถึงก็ปฐมพยาบาลไรเรียบร้อยแล้ว คนที่พามึงมาส่งก็ให้เบอร์ไอ้นายไว้ รพ.เลยโทรมาหามัน"

"แล้วเขาทิ้งชื่อไว้ปะ"

"ไม่อะ ไม่มีใครรู้" ฟีฟ่าตอบ

"มึงรู้ไหมวะว่าใครทำมึง" แทนพูดขึ้นมา

"กูก็ไม่รู้วะ นั่งอยู่ดีๆ อยู่ๆก็จ้วงกูเฉย"


     พอพูดถึงเรื่องนี้ผมก็พาลจะหงุดหงิดขึ้นมา ยอมรับว่าคนเหม็นหน้าผมเยอะ แต่ผมก็ไม่เคยหาเรื่องใครก่อน ใครเข้ามาทำร้ายผม ผมก็แค่ป้องกันตัวและเอาคืนนิดหน่อยตามสภาพ ไม่ถึงขนาดเดินกร่างหาเรื่องเขาไปทั่ว ..ก็บอกแล้วไงผมชอบความสงบ อีกอย่างมันแปลกมาก พวกมันเข้ามาทำร้ายผมอย่างไม่ลังเล แถมยังเป็นในมหาลัยฟ้าสว่างโล่งเห็นๆ ทั้งที่ผมทั้งใส่แว่นทำตัวเห่ย ไม่น่าจะมีคนจำผมได้ และไม่น่าจะใช้พวกที่ผมมีเรื่องด้วยเมื่อคืน แสดงว่าพวกนี้ต้องรู้จักผมเป็นอย่างดี หมดกัน..ความสงบสุขของผม

"อาจจะเป็นคนที่ไม่พอใจพ่อมึง.." ไอ้นายพึมพำออกมาเบาๆ มันเริ่มหยุดร้องแล้ว

"ก็เป็นไปได้ แต่มันก็ไม่มีหลักฐาน...ว่าแต่พ่อกูรู้เรื่องนี้ไหม"

"กูไม่ได้บอก บอกว่ามึงนอนบ้านกู ไม่อยากให้มีปัญหา ยิ่งถ้าพ่อมึงคิดว่าตัวเองเป็นต้นเหตุ คงเสียใจน่าดู"

"อือ ดีแล้วอีกอย่าง ถ้าพ่อรู้ก็สมใจพวกมันสิ"

"แต่ยังไงหมอกก็ควรจะบอกพ่อนะ" แทนพูด

"อืม บอกแน่ แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้ ถ้าพ่อรู้มันจะเป็นเรื่องใหญ่ พวกนั้นก็จะได้ใจ ต่อไปพ่อขัดอะไร มันก็จะเอากูมาขู่ กูไม่ชอบเป็นจุดอ่อน"

ผมตอบไอ้แทนออกไปด้วยสีหน้าจริงจัง ถึงการโดนแทงครั้งนี้ของผม มันจะเกี่ยวกับพ่อ แต่ผมก็ไม่คิดจะโกรธ เกลียดหรือเคืองพ่อหรืออะไรนะ
     อยู่ๆความเย็นเฉียบจนขนลุกก็สัมผัสโดนข้อมือผม จนต้องยกแขนขึ้นมาดู โซ่สีเงินขนาดปานกลาง มีจี้รูปนกอิทรีย์กำลังกระพือปีกพร้อมบิน ทำจากแพลตินัมสีเดียวกับโซ่ กรงเล็บจิกลูกบอลกลมๆ รูปร่างคล้ายโลกเอาไว้ ลวดลายมีความปราณีตราวกับนกตัวนั้นมีชีวิต 'คงไม่ใช่ของถูก' ผมแอบคิดในใจ  มันคล้องอยู่รอบข้อมือข้างซ้ายของผม แต่มันไม่ใช่ของผม พอสังเกตุดูอย่างละเอียดก็เห็นว่า บริเวณจี้มีแทคห้อยอยู่พร้อมสลักอักษรตัวเล็กๆว่า




'mio Xenon'





"นี่ของใคร"  ผมชี้ไปที่สร้อยข้อมือแบบงงๆ ผมไม่ชอบใส่สร้อยมันเกะกะ ทั้งสร้อยคอและสร้อยข้อมือแล้วจะเป็นไปได้ไงที่สร้อยนี่จะเป็นของผม ชีวิตนี้ยังไม่เคยเห็นสร้อยนี้ด้วยซ้ำ


"ไม่รู้วะ เห็นหมอกใส่อยู่ตั้งแต่แรกแล้วนี่"
แทนตอบ มันกำลังเข็นอาหารรพ.เข้ามาให้ เป็นโจ็กขาวๆไม่มีอะไรเลย กับปลาต้มที่ดูยังไงก็กินไม่ลง



"ไม่ใช่ของกูอะ"



ผมเห็นทุกคนทำหน้าไม่รู้เรื่องก็เลยเลิกสนใจ หันมาแกะไอ้สร้อยนี่ออก แต่ทำยังไงก็หาที่ปลดไม่พบ พยายามแงะดูก็พบว่าโซ่ทุกตัวไม่มีรอยต่อให้ง้างออกเลย


"ถอดไม่ได้วะ" ผมมองอย่างเซ็งๆ


"สวยออกใส่ไว้สิไม่เห็นเป็นไร" ฟี่ฟ่าพูดแล้วยังดึงสร้อยไปหมุนๆดูเล่นอีกต่างหาก ขนาดสร้อยมันใช่ว่าจะเล็กซะทีเดียว แถมมีอะไรห้อยตุ้งติ้งดูเกะกะ


"จริงอย่างไอ้ฟ่าพูด ดูเหมาะกับมึงดีด้วย"

"แต่มันไม่ใช่ของกู"

"ช่างมันเถอะ กินข้าวซะ ไอ้ซันไปตามหมอแล้วสักพักคงมาตรวจมึง"

"แล้วถ้าเจ้าของตามหามันอยู่ละ" ผมโต้กลับไปแต่ก็พบว่าไม่มีใครสนใจผมแล้ว ก็เลยปล่อยไม่สนใจไอ้สร้อยนี่ชั่วคราว


     นั่งทำใจกินข้าวรพ.อยู่เงียบๆกับไอ้ซันในห้อง ไอ้นาย ฟี่ฟ่าแล้วก็แทนกำลังลงไปซื้อข้าวขึ้นมากิน ความสงบเริ่มก่อตัวขึ้นอีกครั้ง ตั้งแต่ผมฟื้นขึ้นมาไอ้ซันมันยังไม่พูดกับผมซักกะคำ แต่แค่สีหน้ามันที่แสดงออกว่าเป็นห่วงผมก็ดีแล้วครับ ผมนั่งทานอยู่ไม่กี่คำก็เกิดอาการกระเดือกไม่ลง เลยปิดฝากับข้าวดันโต๊ะออกห่างเตรียมล้มตัวนอนต่อ


"กินเยอะๆสิ หน้ามึงตอบลงไปเยอะนะ" เสียงทุ้มที่นานๆจะได้ยินทีพูดขึ้น


"กินไม่ลง ปวดแผล อยากนอน"


     พอเห็นว่าผมตอบอย่างนี้มันก็ไม่เซ้าซี้ต่อนั่งก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือพิมพ์ของมันต่อไป   พวกคุณเคยเห็นวิศวะหน้าหมอไหมครับ มันนี่แหละตัวอย่างที่ชัดเจน ตี๋ๆคมๆ ใส่แว่น ดูเคร่งขรึม ชอบปั้นหนาตายตลอดเวลา ส่วนสูงที่เข้าข่ายเปรต (189 ซม.) เพราะชอบเล่นบาส ผู้หญิงก็หลงมันหัวปักหัวปำ แต่มันไม่ยักกะสนใจ


     ยังไม่ทันที่ผมจะได้งีบก็มีหมอแก่ๆเข้ามาตรวจผม จับนู้นจับนี่ แล้วก็บอกว่าอาการผมไม่น่าเป็นห่วงอะไรแล้วพักที่นี่สักสองสามวันก็กลับบ้านได้ โชคดีที่แผลไม่ลึกมากไม่ถึงกับโดนอวัยวะภายในบวกกับได้รับการปฐมพยาบาลที่ทันท่วงที ซี่โครงที่ร้าวก็ไม่เป็นอะไรมากปล่อยไว้ไม่หักโหมมากเดี๋ยวก็หาย ที่หลับไปนานก็เพราะร่างกายขาดการพักผ่อน สักเดือนนึงแผลก็น่าจะหายสนิท แต่ห้ามทำกิจกรรมหนักๆเพราะแผลอาจจะฉีก
ก่อนที่หมอจะออกไปผมก็อดถามไม่ได้ว่าใครเป็นคนพาผมมาส่งที่นี่ แต่ได้เพียงรอยยิ้มใจดีเป็นคำตอบเท่านั้น


     ผมไล่พวกมันกลับบ้านเพราะนี่ก็เริ่มมืดแล้ว และถ้าให้เดาคงยังไม่มีใครได้กลับบ้านตั้งแต่ผมเข้ารพ. ตอนแรกไอ้นายมันก็ไม่ยอมหรอก แต่ได้แทนมันช่วยกล่อมจนสุดท้ายก็กลับบ้านไป แต่พวกมันก็บอกว่าพรุ่งนี้เช้าจะมาอีกแล้วค่อยไปเรียน ด้วยความเพลียและฤทธิ์ของยา ก็ทำให้ผมหลับสนิทอย่างรวดเร็ว










.
.
.
.
.
ที่นี่คือที่ไหน...


     ความฝันงั้นหรอ แล้วทำไมมันถึงได้เย็นยะเยือกขนาดนี้หละเนี่ย

รอบตัวของผมมีแค่สีดำ ดำสนิทถึงขนาดมือตัวเองก็ยังมองไม่เห็น ความหนาวเย็นสุดขั้วหัวใจทำให้ผมขนลุกเกรียว แต่ไม่กี่อึดใจแสงสีขาวก็สว่างวาบขึ้นมาจนต้องหรี่ตา

     ภาพตรงหน้าที่เห็นยิ่งตอกย้ำว่ามันคือความฝัน... แมงป่องสีดำสนิทตัวใหญ่ ที่กำลังชูหางที่เป็นปล้องของตัวเอง ขู่นกที่มีจะงอยปากสีเหลืองท่าทางสง่างาม ปีกสีขาวของมันสยายจนขนาดของสัตว์ทั้งสองต่างกันลิบลับ ลำตัวสีน้ำตาลเกือบดำ รูปร่างสง่างามน่าเกรงขาม บวกกับสายตาที่เฉียบแหลมและกรงเล็บที่ดูแหลมคมอันตรายสีเดียวกับปาก หมายจะตระครุบเหยื่อ

     แต่แมงป่องตัวนั้นใช่ว่าจะขี้ขลาด ปลายหางที่เต็มไปด้วยพิษร้ายตั้งท่าจะฉกไปที่อินทรีตัวนั้นอย่างหมายมั่นหากมันขยับเข้ามา แต่ในไม่ถึงเสี้ยววินาทีแมงป่องตัวนั้นกลับตกไปอยู่ในกรงเล็บอันตรายของเจ้านักล่าที่ตอนนี้ผมมองว่ามันเริ่มเจ้าเล่ห์เข้าไปทุกที

     เหตุการณ์เกิดขึ้นเร็วมากจนผมก็มองไม่ทันว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร และไม่รู้ว่าเพราะอะไรผมถึงมั่นใจว่าแววตาของเจ้านภาตัวนั้นไม่ได้หมายชีวิตของเจ้าสีดำตัวเล็กๆในกำมือเลย ดวงตาคมกลับฉายแววอ่อนโยนอย่างปิดไม่มิด

ทันทีที่ตะครุบเหยื่อได้เจ้าอินทรีนั้นก็สยายปีกและบินออกไปในความมืดมิดทันที


ขาสองข้างของผมอดที่จะวิ่งตามไปอย่างอดไม่ได้แต่กลับต้องหยุดกึก เพราะโลหะสีเงินที่อยู่ที่ข้อมือ กลายเป็นโซ่พันธนาการไม่ให้ผมขยับไปไหน..




________________________________________

มาต่อแล้วค่ะ
ตอนนี้กำลังมีปัญหากะความยาวของแต่ละตอนไม่ถูก5555
สั้นไปหรือยาวไปยังไงช่วยบอกด้วยน้า

อดใจรอพระเอกของเราอีกนิดนะคะ อิอิ
 :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ qDraftman

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
3

3.1



ผ่านมาแล้ว 1 อาทิตย์กับการที่ผมต้องติดแหง่กอยู่ที่ รพ. วันนี้เป็นวันแรกที่ผมกลับมาเรียนตามปกติ แผลดูดีขึ้นมาก ยังปวดอยู่นิดๆหน่อยๆ  ดูจากตอนที่ล้างแผลแล้ว ผมคิดว่ามันต้องเป็นแผลเป็นแน่นอน


โรงอาหารที่ออกจะวุ่นวายตลอดเวลา กลับถูกกลบด้วยบรรยากาศมาคุของโต๊ะโต๊ะหนึ่งที่นั่งเงียบกริบ มีเพียงสายตาที่จ้องไปยังชายหนุ่มใส่แว่น ท่าทางเรียบร้อยอย่างเอาเรื่อง

อาหารที่ส่งกลิ่นน่ารับประทานไม่ได้ทำให้ใครละสายตาออกไปเลย และมันยิ่งเป็นจุดสนใจเมื่อบุคคลที่นั่งอยู่ที่โต๊ะนั้นต่างเป็นที่(อยาก)รู้จักของคนในมหาลัย  อ่อ..ยกเว้นผู้ชายที่โดนจ้องคนนึงนะ


"เฮ้อ..เอาหล่ะอยากรู้อะไรก็ถามมา"

หลังจากที่ผมนั่งจ้องกับพวกมันนามากจนบะหมี่ในจานผมเริ่มจะอืดผมก็ยอมแพ้ในที่สุด

"มึงโดนอย่างนี้บ่อยไหมวะ" ฟีฟ่าเริ่มเปิดประเด็นทันที


"ก็บ่อย แต่ไม่ถึงขนาดครั้งนี้"


"คนอยากกระทืบมึงมีเยอะขนาดไหน"


"แต่ก่อนเยอะ แต่ตอนนี้ไม่"


"เนี่ยนะไม่เยอะ" ฟี่ฟ่าทำหน้าไม่เชื่อ


"ส่วนมากตอนนี้มีแต่พวกหน้าเดิมๆ ไม่ยอมเข็ด"


"มึงมันน่าโมโหมากมีอะไรไม่บอกพวกกูซักกะคำ"


"โทษที"


"วันหลังมึงให้พวกกูช่วยบ้างก็ได้ ยังไงก็เพื่อนมึงนะ"

"รู้แล้วหน่า"


"เอาเหอะยังไงพวกกูก็ได้ฟังเรื่องจากไอ้นายมาบ้างแล้ว เพื่อเป็นการขอโทษที่ปกปิดมุบมิบพวกกู มึงต้องเลี้ยงข้าวขออภัยพวกกู"


ฟี่ฟ่าพูดรัวๆ ผมก็พอเดาออกว่านายคงบอกอะไรให้พวกมันฟังบ้างแล้วเดาได้จากการหลบสายตาเป็นพักๆของไอ้นายมัน ไม่ใช่ว่าผมไม่เชื่อใจพวกนี้เลยไม่เล่าเรื่องต่างๆให้ฟัง แต่ไม่อยากให้พวกมันเป็นห่วงและจะพลอยมาลำบากไปกับผม

"ไอ้ฟ่ามึง น่าเกลียด"


"ไม่ต้องเลย หรือจะบอกว่ามึงไม่อยาแดกไอ้นาย"


สองคนนั้นเริ่มเถียงกันเสียงดัง บรรยากาศบนโต๊ะเลยดูดีขึ้นถนัด ไอ้แทนส่งยิ้มบางๆให้ผม ส่วนไอ้ซันมันยังมองหน้าผมก่อนมองลงที่มือผมที่เผลอไปลูบแผล

"แผลเป็นยังไงบ้าง"


"ดีขึ้นแล้ว อาทิตย์หน้าไปเช็ค"


"ดีแล้ว" มันพูดสั้นๆก่อนจะเริ่มลงมือกินข้าว หลังจากบรรยากาศชวนอึดอัดหายไป ก็มีแต่เสียงเถียงกันของไอ้นายกับฟี่ฟ่าโดยมีไอ้แทนคอยห้ามทัพอยู่เป็นพักๆ ซึ่งเป็นเรื่องปกติของพวกมัน

 วันนี้ผมมีเรียนแค่ช่วงบ่าย เลยกะจะกลับบ้านก่อนแล้วค่อยออกมาเจอพวกมันอีกทีตอนเย็นๆประมาณ6โมง

ไอ้นายมันดูแปลกใจมาก มันบอกว่าผมไม่น่าแพ้ไม่น่าจนมุมถึงขนาดโดนแทง ผมยอมรับว่าผมประมาท เพราะช่วงสองปีมานี้พวกที่เข้ามามีเรื่องกับผมมันไม่ค่อยมีฝีมือ ทำให้ผมฝืดลงไปบ้าง บวกกับมีคนเข้ามาน็อคจากข้างหลัง ผมเลยพลาดง่ายๆแบบไม่น่าให้อภัย



คิดแล้วก็โมโหตัวเองแฮะ




ขายาวสองข้างก้าวเข้ามาในร้านออกแนวคาเฟ่นิดๆ ตกแต่งแบบลอฟท์ดูอบอุ่น ที่นี่เป็นร้านอาหารไม่ใหญ่มาก อยู่ใจกลางเมืองมีรถไฟฟ้าผ่านทำให้สะดวกสบายในการเดินทาง จำนวนคนในร้านไม่ถึงกับแออัดมาก แต่ละโต๊ะมีมุมที่เป็นส่วนตัวสูง เหมาะสำหรับมานั่งทานอาหารพบปะสังสรรค์แบบสบายๆ

'พวกนี้มันกะขูดรีดกันชัดๆ' ร่างโปร่งได้แต่บ่นอยู่ในใจ ใครใช้ให้ไอ้ฟีฟ่ามันเป็นคนเลือกร้านหละ

     ถึงแม้หมอกจะเดินเข้าร้านแบบไม่สนใจโลกไปยังโต๊ะในสุดที่พวกทโมนทั้งหลายนั่งอยู่ แต่ตัวเองกลับเป็นที่สนใจของคนในร้านไม่ใช่น้อย ด้วยวันนี้ร่างโปร่งอยู่ในชุดเสื้อยืดคอกลมเข้ารูปเล็กน้อยสีฟ้าเทาเรียบๆกับกางเกงยีนขาเดฟที่มีรอยขาดที่หัวเข่าบวกกับรองเท้ากีฬายี่ห้อเครื่องหมายถูกสีเทาเข้ม

     แม้ชุดจะดูธรรมดาแต่ด้วยความสูงและรูปร่างสมส่วนที่ออกจะมีกล้ามเนื้อนิดๆก็ทำให้หลายคนถึงกับมองตาม ถึงแม้บนใบหน้าจะยังคงมีแว่นสายตาปลอมๆอยู่แต่ด้วยการเดินก้มหน้าไม่สนใจใครทำให้คนที่มองเห็นแค่รูปร่างและทรงผมที่ไม่ได้เซ็ตให้ยุ่งหยิงเป็นรังนกเหมือนเวลาไปเรียนเท่านั้น

เอาเป็นว่าถ้าเห็นหน้าเนริดๆของหมอกตอนนี้สาวๆคงหน้าจ๋อยหมดอารมณ์ไปตามระเบียบ


"ทำไมมึงมาช้าอะ กูหิวไส้จะขาดอยู่แล้ว"
เสียงบ่นงุ้งงิ้งดังขึ้นทันที ทั้งๆที่หมอกยังไม่ได้หย่อนก้นนั่งลงบนเก้าอี้ด้วยซ้ำ


"ทำธุระนานไปหน่อย แล้วทำไมมึงไม่สั่งไปก่อน" หมอกพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆเหมือนเดิม ก่อนออกมาที่นี่เขาต้องกลับไปที่คอนโดหลังจากที่ไม่ได้กลับไปหลายวัน

   แถมกว่าจะอาบน้ำแต่งตัวโดยไม่ให้สะเทือนแผล มันก็ช่างใช้เวลานานกว่าจะเสร็จก็ปาเข้าไปเป็นชั่วโมง แถมเขายังเผลอหลับไปอีกรอบต่างหาก พนักงานสาวเข้ามารับออเดอร์อย่างยิ้มแย้ม เธอคงดีใจมากที่ได้ใกล้ชิดกับหนุ่มหน้าตาดีโต๊ะนี้ แต่เมื่อมองทางทางผม หน้าเธอดูแปลกไปนิดหน่อย ก่อนจะกลับมายิ้มตามเดิม

"เอาไหม"


"หมอห้ามวะ" ผมตอบแทนที่ยื่นแก้วเบียร์มาให้ แม้ใจจะอยากอยู่บ้าง ก็ได้แต่ปฏิเสธไปเพราะอยากให้แผลหายไวๆ
บรรยากาศบนโต๊ะเป็นไปอย่างสนุกสนาน ตัวตั้งตัวตีก็คงหนีไม่พ้นฟีฟ่ากับนาย อาหารเกือบสิบจานหมดไปอย่างรวดเร็ว ตอนนี้ทั้งห้าคนก็เลยนั่งคุยกันอย่างออกรสออกชาติ

 ฟีฟ่าโดนไอ้นายแฉเรื่องที่มันโดนผู้หญิงตบเพราะดันไปหาว่าเธอเป็นกระเทย ไอ้นายเลยโดนแฉกลับเรื่องที่มันโดนผู้หญิงจีบเพราะคิดว่ามันเป็นทอม แทนคุณที่นั่งขำอยู่ดีๆดันโดนลากเข้ามาในวงเป็นกรรมการห้ามทัพย่อยๆ ซึ่งดูเหมือนเป็นหน้าที่ประจำไปแล้ว



'แกร็ง..'
เสียงโลหะกระทบกับขอบจานทำให้หมอกชะงักเล็กน้อย สร้อยสีเงินรูปเหยี่ยวที่ตอนนี้เขาก็ยังไม่คุ้น เงาสีเงินสะท้อนวาบราวกับจะร้องเรียก ร่างโปร่งได้แต่เก็บความรู้สึกแปลกๆไว้ในใจ ลงมือทานข้าวต่อโดยมีบรรยากาศสนุกสนานของเพื่อนๆให้ได้อมยิ้มเป็นระยะ


กว่าจะเรียกเช็คบิลก็ปาเข้าไปเกือบสามทุ่มแล้ว ทุกคนแยกย้ายกันกลับบ้าน ซันต้องไปส่งนายกับฟีฟ่า ส่วนแทนเอารถตัวเองมาตอนแรกมันก็จะชวนผมกลับด้วยกัน แต่ผมก็ปฏิเสธไป เพราะคอนโดผมนั่งรถไฟฟ้าไปอีกไม่กี่สถานีก็ถึงแล้ว บ้านอีกฝ่ายก็อยู่คนละทางกับคอนโดเขาอีก





   ความแออัดของคนในรถไฟฟ้าดูไม่ลดลงไปจากช่วงเวลาเร่งด่วนเท่าไหร่นัก ร่างโปร่งผมสีดำก็เลยได้แต่ยืนพิงโบกี้และฟังเพลงในไอพอดอยู่เงียบๆ เพียงแค่ไม่กี่นาทีรถไฟฟ้าก็มาจอดสถานีที่เขาต้องการ ขาสองข้างก้าวเดินออกจากชานชลาอย่างไม่เร่งรีบ  ด้วยจำนวนคนที่ไม่ได้บางตา ทำให้เขาไม่ทันสังเกตุเห็นคนที่ได้แอบตามเขามาตั้งแต่ออกจากร้านอาหาร..




คอนโดของชายหนุ่มนั้นนับว่าสะดวกสบายใช้ได้ ผู้คนในคอนโดส่วนมากมีรถส่วนตัว บริเวณชั้นหนึ่งและสองจึงเป็นที่จอดรถไว้คอยอำนวยความสะดวก คอนโดนี้ถึงจะอยู่ติดถนนใหญ่ แต่เขาก็ต้องเดินต่ออีกสักพัก เพราะระยะทางจากสถานีรถไฟฟ้าถึงคอนโดก็ใช้เวลาเดินประมาณ5นาที



ขณะที่กำลังก้าวเข้าซอยเล็กเพื่อที่จะได้อ้อมเข้าทางหลังคอนโดซึ่งมีลิฟท์ให้ขึ้นที่พักได้ทันที ไม่เหมือนกับทางเข้าด้านหน้าที่เหมาะกับการขับรถเข้ามาจอดแล้วค่อยขึ้นห้องมากกว่า

 เสียงฝีเท้าที่เดินตามมาก็ทำให้ร่างโปร่งเริ่มเอะใจ สัญชาตญาณระวังภัยตื่นตัวเต็มที่ ยิ่งเพิ่งผ่านเหตุการณ์ปองร้ายมาสดๆร้อน หมอกพยายามเดินอย่างใจเย็นให้เป็นปกติที่สุด



...สองคน แต่ยังเจ็บแผลอย่างนี้แค่สองคนก็ลำบากวะ  ซวยจริงๆน่าจะเอารถไปตั้งแต่แรก...



หมอกได้แต่คิดเสียดาย สู้ไปในสภาพนี้รังแต่จะแพ้ รถของเขาก็จอดอยู่ชั้นสองคงขับรถหนีออกไปไม่ทัน แล้วพวกมันก็คงไม่รอจนเดินไปถึงลิฟต์หรอก

     ใบหน้าคมเริ่มแสดงความเคร่งเครียด ความเป็นไปได้ตอนนี้เหลือแค่เขาต้องวิ่งผ่าที่จอดรถนี่ไปให้ถึงล็อบบี้ที่มีพนักงานต้อนรับและรปภ.อยู่ สายตาเริ่มจับจ้องหาทางหนีทีไล่พยายามทำเหมือนตัวเองยังไม่รู้ตัว
ตอนนั้นเขาก็เหลือบไปเห็นผนังปูนที่กั้นระหว่างถนนกับลานจอดรถที่ไม่สูงมากพอจะเป็นทางลัดเข้าไปล้อบบี้


..น่าจะพอกระโดดได้..


คิดได้ดังนั้นเมื่อถึงระยะที่เหมาะหมอกก็รีบใช้แขนยันรั้วคอนกรีตเตี้ยๆและกระโดดข้าม ความเจ็บแล่นแปร๊บบริเวณแผลทำให้เขาชะงักไปครู่ ใบหน้าเรียวถึงกับทำหน้านิ่ว

     เสียงโวยวายดังตามมาจนเขาต้องกัดฟันวิ่งไปต่อ บาดแผลที่ทำให้การเคลื่อนที่ลำบากลงไปมาก บวกกับช่องทางในการหลบหนีที่คับแคบเพราะมีรถจอดอยู่เต็มลาน ทำให้เสียงที่ดังไล่ตามมาดังเข้ามาใกล้เรื่อยๆ
วินาทีที่เขาคิดว่าตัวเองกำลังจะล้มลงกลับมีแรงฉุดที่ข้อมืออย่างแรงจนหมอกผงะไปตามแรงนั่น แผ่นหลังถูกดันชิดกำแพงในมุมอับสายตา ยังไม่ทันที่สมองจะได้ประมวลผลอะไรทำให้มืออีกข้างที่ยังว่างหมายผลักคนข้างหน้าออกทันทีตามสัญชาตญาณ


"อะ.."


"ชู่วววววว...นิ่งๆผมไม่ทำอะไรคุณหรอก"


มือแกร่งยกขึ้นปิดปากคนตรงหน้าทันทีที่กำลังจะส่งเสียงออกมา เสียงทุ้มที่กระซิบข้างหูนั่นทำให้หมอดดูเบาใจลงอย่างประหลาด



"หายไปไหนแล้ววะ"



"แม่ง ไหนว่ามันเจ็บอยู่ไงวะ"


ผู้ชายสองคนใส่สูทแบบเต็มยศ ดูมีอายุนิดหน่อยยังคงเดินสำรวจรวจอยู่สักพัก เสียงพูดคุยพอให้จับใจความได้ว่าคนพวกนี้เป็นกลุ่มเดียวกันกับที่มาแทงผมกลางมหาลัย และครั้งนี้มันต้องการจับเป็น




...คงจะเอาเราไปต่อรองกับพ่อ เหี้ยเอ้ย...




พวกมันเดินออกไปดูทางอื่นแล้ว เสียงพูดคุยเริ่มไกลออกไป นั่นทำให้เขาสงบขึ้นแต่ก็ต้องชะงักเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเขาไม่ได้อยู่คนเดียว  สายตามองไปยังคนตรงหน้าที่อยู่ห่างเพียงคืบ นัยน์ตาสีน้ำเฮเซลนัทเข้มคมกริบดูลึกลับมีเสน่ห์ คิ้วเข้มหนารับกับสันจมูกโด่งที่เข้ารูปเกินกว่าจะเป็นคนเอเชีย ริมฝีปากสวยได้รูปเข้ากับโครงหน้า ปฏิเสธไม่ได้ว่าดูดีมากแต่นี่ไม่ใช่เวลา  หมอกขยับเล็กน้อยเป็นสัญญาณบอกให้ปล่อย โดยเฉพาะมือที่ยังปิดปากเขาอยู่


"โทษที ลืม" คนตรงหน้ากล่าวยิ้มๆก่อนจะละเอามืออกไป


"....ขอบคุณ" ผมตอบกลับเสียงเบา


"ด้วยความยินดีครับ"


" ปล่อยมือ"


แต่แทนที่มือของผมจะเป็นอิสระ คนตรงหน้ากลับนิ่งและยิ้มเล็กๆ ผมจะดึงมืออกแต่แรงยื้อที่มากกว่าทำให้ผมหลุดไปไม่ได้ ผมจ้องหน้าอีกคนนิ่ง ก่อนจะรู้สึกถึงสัมผัสที่ไล้ตรงหน้าท้อง


"ทำอะไร หยุด" ผมสั่งออกไปด้วยเสียงนิ่งๆ มืออีกข้างตะปบแขนไอ้นั่นไว้ไม่ให้ขยับ


"ใจเย็นสิ คุณเลือดออกนะ" ผมมองด้วยความไม่ไว้ใจ ก็ดูสายตามันสิวิบวับเล่นหูเล่นตาจนน่าหมั่นไส้ แต่พอมองที่แผลก็เห็นว่ามีเลือดซึมออกมาจนเลอะพลาสเตอร์สีขาว ผมได้แต่ถอนหายใจ


แล้วเมื่อไหร่จะหาย..


"เห็นแล้ว ปล่อย" ผมทำเสียงแข็งจ้องคนตรงข้ามไม่วางตา แต่มันก็ยังยิ้ม มือหนาที่กุมมือของผมคลายกำลังลง แต่แทนที่จะปล่อยให้เป็นอิสระมันกลับยกมือผมขึ้นมา ก่อนประทับจูบแผ่วเบาลงบนสายโซ่สีเงินที่คล้องอยู่บนข้อมือผมมาเกือบอาทิตย์



......ผมได้แต่นิ่งค้าง



"เจอกันอีกครั้งแล้วนะครับดาร์ลิ้ง ผมชื่อซีนอน”





________________________________________



ขอบคุณที่ติดตามค่ะ  ♥



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-03-2017 19:07:45 โดย qDraftman »

ออฟไลน์ lnudeel

  • I wanna be a CAT!!
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1466
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-5

ออฟไลน์ masochism2018

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 428
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
เกาะค่ะ มีเบื้องลึกเบื้องหลังอะไรป่าวน้าาา
 :hao3:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ก้อนขี้เกียจ

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 580
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-1
ความสงบ..
  เกิดขึ้นก็ยาก รักษาไว้ยิ่งยาก
  แต่กลับโดนทำลายได้ง่ายๆ พวกคุณว่าไหม ? <<<<<<<<< แค่ประโยคนี้ก็โดนใจแล้ว55555 :give2:  ติดตามๆ

ออฟไลน์ J029

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
แลดูจะรักกันด้วยลำแข้งนะเนี้ย

ออฟไลน์ qDraftman

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0



3
3.2




"เจอกันอีกครั้งแล้วนะครับดาร์ลิ้ง ผมชื่อซีนอน”


ผมมองคนข้างหน้าตาค้างอีกรอบ ผมรู้สึกร้อนที่หน้าไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเพราะอายหรือโมโห

แต่ไม่ทันที่ผมจะได้สรรหาคำมาประเคนใส่คนตรงหน้า หางตาผมเหลือบไปเห็นการเคลื่อนไหวไวๆ ห่างออกไปจากที่ผมอยู่ไม่กี่บล๊อค


“หันหลัง เร็วๆ” ผมออกคำสั่งกับไอ้ฝรั่ง มันออกจะดูงงๆ เลยยืนนิ่งไม่ยอมทำตาม


“บอกให้หันหลังไง เร็วๆ!!” ผมพูดอีกรอบคราวนี้ดึงเสื้อคนตรงหน้าให้หันหลังด้วย ใช้น้ำเสียงที่แข็งขึ้นเพราะจะพูดเสียงดังก็ไม่ได้ ไอ้ฝรั่งยังคงงงเหมือนเดิมแต่ก็ยอมทำตาม ด้วยความสูงของผมที่ไม่ต่างกับมันมากไม่เกินสิบเซน ผมจึงกดหัวมันให้ย่อต่ำแล้วขึ้นขี่หลังมันทันที

“พวกมันวนกลับมา เร็วเข้า” โชคดีที่ซีนอนอะไรนั่นรับผมที่จู่ๆก็กระโดดขึ้นหลังได้ทัน ผมตบไหล่มันสองสามทีแล้วชี้ไปที่ทางเข้าขึ้นลิฟท์

ที่ผมต้องทำอย่างนี้เพราะรู้ตัวดีว่าสภาพแผลตอนนี้คงไม่น่าดูเท่าไหร่ แล้วมันก็เจ็บเกินกว่าที่ผมจะเดินเองได้ด้วย คิดแล้วก็หงุดหงิดชะมัด ผมได้แต่กัดปากทั้งเจ็บแผลทั้งเจ็บใจเลยโว้ย

ซีนอนค่อยๆเดินหลบจนมาถึงลิฟท์ที่ไม่นานประตูก็เปิดออก

ร่างโปร่งที่อยู่บนหลังเริ่มหน้าซีดลงเรื่อยๆ หมอกพยายามล้องหยิบคีย์การ์ดซึ่งจำเป็นต้องใช่จึงจะกดลิฟท์ได้ แต่ดูเหมือนมือจะไม่ค่อยทำตามคำสั่งสักเท่าไหร่

“โธ่เว้ย!..มึง คีย์การ์ด..กระเป๋า...กางเกง...ชั้น..29....”


ผมเร่ง เพราะรู้ดีว่าตัวเองเริ่มไม่ไหวแล้ว ภาพที่ผมมองเริ่มเบลออีกรอบ ก่อนจะดับมืดลงไปในที่สุด










              Xenon




รู้สึกได้ถึงของเหลวอุ่นๆที่ซึมมาถึงหลังผม คนบนหลังผมก็เริ่มหายใจหอบขึ้นเรื่อยๆแถมยังอืมอำไม่เป็นภาษา ผมได้แต่ร้อนใจอยากให้ลิฟท์เต่านี่ถึงชั้น 29 ซักที

 สักพักประตูลิฟท์ก็เปิดออก โชคดีที่ลิฟท์ตัวนี้เป็นลิฟท์ของห้องเพนท์เฮ้าส์ซึ่งทั้งชั้นจะมีอยู่เพียงห้องเดียว ผมเลยไม่ต้องหาห้องให้วุ่นวาย

ออกมาจากลิฟท์ก็เจอประตูห้องอีกชั้น ผมใช้คียการ์ดแนบอีกรอบ แต่มันดันต้องใส่รหัสด้วยทำให้กว่าผมจะเค้นถามรหัสได้ก็เสียเวลาไปพอสมควร จนผมคิดจะพังประตูมันให้รู้แล้วรู้รอด

แต่อย่างน้อยผมก็เบาใจว่าที่นี่คงปลอดภัยระดับหนึ่ง

พอเข้าถึงในห้องผมก็รีบหาห้องนอนและวางหมอกลงบนเตียง

ร่างโปร่งซีดเซียวมีเม็ดเหงื่อผุดขึ้นตามไรผม ที่ร้ายกว่านั้นคือรอยแดงของเลือดที่ซึมออกมาจนทะลุผ้าเต็มไปหมดซึ่งผมก็จัดแจงปฐมพยาบาลอีกรอบ ก่อนจะรีบกดปุ่มโทรออกทันที


“หมอ รีบมาที่......... ด่วนที่สุด เข้าใจไหม เอาอุปกรณ์มาด้วย” ซีนอนพูดอย่างร้อนรน ปลายสายที่ดูจะตกใจกับน้ำเสียงดังกล่าวก็ได้แต่รีบเก็บของและทำตามคำสั่งอย่างเร็วที่สุด

ผมได้แต่คอยเช็ดตัวซับเหงื่อที่ออกไม่ยอมหยุดให้หมอก หน้าสวยของคนตรงหน้าซีดขึ้นเรื่อยๆจนผมเริ่มใจไม่ดี สลับกับดูนาฬิกาแทบจะทุกหนึ่งนาที ใจผมตอนนี้มันอยู่ไม่สุกมากๆ เพิ่งจะได้เจอกันอีกครั้งก็กลายเป็นแบบนี้ไปซะได้ ผมยอมรับว่าผมเป็นห่วงคนๆนี้อย่างน่าประหลาด


     ตอนผมเจอหมอกครั้งแรก ผมแค่ขับรถผ่านหน้าตึกเรียนของเด็กคณะวิศวะ ทั้งๆที่แถวนั้นผมแทบไม่เคยไปเลย เพราะมันอยู่ไกลจากคณะที่ผมต้องไปเป็นโยชน์ แทบเรียกได้ว่าอยู่กันคนละฝั่ง  แป๊ปเดียวแค่ตอนที่รถกำลังวิ่งอยู่ ผมเห็นเค้าแค่กำลังนั่ง นั่งอยู่เฉยๆตรงลานหน้าคณะ ไม่ได้ทำอะไร ไม่ได้ตะโกนโหวกเหวกโวยวาย หรือทำตัวให้เป็นที่สนใจ ผมก็ไม่เข้าใจทั้งๆที่คนบริเวณนั้นมีเยอะแยะ เด็กวิศวะนั่งทำกิจกรรม ต่อหุ่นยนต์ ทำรายงาน จับกลุ่มคุย แต่ผมดันเห็นแค่เค้า เด็กเรียบร้อยหน้าตาธรรมดา ใส่แว่น นั่งเงียบๆในวงล้อมเพื่อนๆที่กำลังเฮฮาอยู่
แค่แวบเดียว แต่แปลกที่ผมกลับจำได้ชัดเจน...หมอก คนที่ดูธรรมดาๆ แต่ผมรู้สึกได้ว่ามันมีอะไรมากกว่านั้น น่าค้นหา อยากรู้จัก นี่เป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึก....สนใจ คนๆนึงเข้าอย่างจัง

นับจากวันนั้นผมก็เฝ้าสังเกตุเค้าอยู่ห่างๆ

     นี่..อย่าเพิ่งมองว่าผมโรคจิตสิ จนรู้ว่าหมอกชอบไปแอบหลับที่ตึกหลังแปลงเกษตรบ่อยๆ
กระทั่งเมื่ออาทิตย์ที่แล้วผมก็เข้าไปในอาคารหลังแปลงเกษตรตามปกติ นั่งอยู่หลังหน้าต่างที่สามารถเห็นบริเวณหลังอาคารอย่างชัดเจน แต่ผมไม่เห็นหมอก แปลก..เพราะปกติเค้าต้องมาแอบนั่งเงียบๆที่นี่ประจำ ครั้งแรกที่ผมเห็นเค้าใกล้ๆเป็นตอนที่เขานั่งสูบบุหรี่ ตอนแรกก็ตกใจอยู่เห็นท่าทางเรียบร้อยๆ ..หึหึ นั่นยิ่งทำให้ผมสนใจเข้าไปอีก ใบหน้าเรียวตอนไร้แว่นนั่นยิ่งสะกดผมอย่างจัง
 

อยากเก็บไว้ดูคนเดียว..


เวลาผ่านไปจนนานผิดปกติผมเลยตัดสินใจเดินอ้อมไปดูหลังตึก เห็นหลังไวๆของคนใส่ชุดดำท่าทางแปลกๆ ความรู้สึกไม่ดีทำให้ผมรีบเดินมากขึ้น ภาพที่หมอกนอนคุดคู้มิอกุมท้องที่ทีเลือดไหลออกมาไม่หยุดทำให้ผมใจเสีย

...หมดสติไปแล้ว..


ผมรีบเอาผ้าเช็ดหน้าของตัวเองกดแผลห้ามเลือดเอาไว้ ฉีกเสื้อเชิ้ตของตัวเองมาพันรอบเอวไว้ลวกๆ หน้าซีดๆนั่นยิ่งทำให้ผมลนเข้าไปใหญ่ มือรีบกดโทรศัพท์หาลูกน้องให้เอารถมารับ ผมนั่งกดแผลอยู่อย่างนั้น


ไม่กี่นาทีรถโรสลอยด์สีดำสนิทก็มาถึง ชายฉกรรจ์สองคนคนหนึ่งดูมีอายุนิดหน่อยแต่ก็ไม่มีปัญหาเพราะร่างกายดูแข็งแรง ทั้งสองรีบกุลีกุจอลงจากรถ

นี่นับเป็นเรื่องแปลกของพวกเขา เพราะเจ้านายของพวกเขาคนนี้ ไม่ชอบการมีลูกน้องคอยติดสอยห้อยตาม แต่กลับโทรเรียกอย่างเร่งด่วนด้วยน้ำเสียงรีบร้อนแบนานๆจะมีที

ภาพที่เห็นต่างพาให้พวกเขาล้วนแปลกใจ ไม่ใช่ภาพคนนอนสลบมีคราบเลือดเลอะเทอะเต็มเสื้อผ้า แต่เป็นภาพเจ้านายของเขาอุ้มคนนั้นเดินมาอย่างระมัดระวังมากกว่า

ทุกคนต่างสงสัยกันว่าเด็กหนุ่มที่สลบอยู่นั้นเป็นใคร ไม่มีใครเคยเห็นหน้า แต่ก็ได้แต่เงียบไม่ถามออกไป

ระหว่างเดินทางพวกเขาต้องเร่งความเร็วเต็มที่ตามคำสั่ง การที่เห็นเจ้านายตัวเองนั่งปฐมพยาบาลให้เด็กคนนั้นอย่างตั้งใจนับได้ว่าเป็นเรื่องใหม่ในชีวิต


     แต่เรื่องมันชักจะแปลกใหม่เกินรับไหวเพราะเมื่อถึงรพ. เจ้านายของพวกเขายังต้องการให้เจ้าของเคสเป็น ผอ. รพ. คุณวรินทร์ หมอศัยลฯมือหนึ่งของที่นี่เท่านั้นอีกด้วย ซึ่งปกติแล้วหมอวรินทร์จะไม่ค่อยรับเคสผ่าตัดบ่อยเท่าไหร่แล้ว เน้นไปทางด้านบริหารมากกว่า เล่นเอาวุ่นวายไปทั้งรพ.
 แต่เมื่อรู้ว่าใครเป็นคนขอมาทุกอย่างก็ดำเนินการไปอย่างเรียบร้อย ด้วยความสนิทสนมของตระกูลคุณเวหา กับทางรพ. ดูท่าพอจบเรื่องนี้คงต้องหาข้อมูลเรื่องคนที่เจ้านายพวกเขาพามากันอย่างละเอียด


การผ่าตัดเป็นไปอย่างเรียบร้อยตอนนี้หมอกกำลังนอนพักฟื้นอยู่ในห้องพักพิเศษของรพ.ก่อนที่ทางรพ.จะโทรไปแจ้งญาติ ซีนอนก็ขอเข้าไปเยี่ยมก่อน ใบหน้าของหมอกยังคงซีดเซียวแต่ก็ถือว่าดีขึ้นแล้ว

หมอบอกว่าหมอกอาจจะหลับนานสักนิดเพราะร่างกายอ่อนแอขาดการพักผ่อน พอคิดไปถึงว่าใครเป็นคนมาทำร้ายหมอกของเขา ก็พาลให้หงุดหงิด ดูจากรูปการแล้วไม่น่าจะเป็นนักเลงทั่วๆไป เขาสั่งให้ลูกน้องตามสืบเรื่องนี้อย่างลับๆอีกทาง ถ้าเป็นคนในวงการเดียวกับเขาก็คงจะต้องเกรงใจกันบ้าง




     คิดได้ดังนั้นซีนอนเลยถอดสร้อยข้อมือของตัวเองออกส่งให้ช่างดัดแปลงอย่างเร่งด่วนโดยทำให้ถอดด้วยวิธีธรรมดาไม่ได้แถมด้วยสลักชื่อเขาลงไปอีก ก่อนบรรจงใส่ให้ข้อมือบางอย่างทะนุถนอม ใจจริงแล้วเขาอยากเฝ้าอยู่จนหมอกฟื้น เพื่อจะได้สร้างความใกล้ชิดไปอีกขั้น แต่เพราะมีโทรศัพท์ด่วนเข้ามาจากบ้านใหญ่ ทำให้เขาต้องกลับไปก่อน อดที่จะเสียดายไม่ได้แต่ก็เบาใจอย่างน้อยเขาก็ได้มอบจองสำคัญไว้ให้ก่อนแล้ว
และวันนี้ที่เขาได้เจอหมอก เรียกว่าบังเอิญก็คงเว่อร์ไปหน่อย เพราะตอนแรกเขาแค่จงใจขับรถผ่านคอนโดนี้เฉยๆ(?) แต่ดันเห็นคนทำท่าทางลับๆล่อๆอยู่ข้างคอนโดเลยเอะใจลงไปดูและเหตุการ์ณก็เป็นไปตามนั้น

ไม่ถึง15นาทีหลังจากวางสายเสียออดประตูก็ดีงขึ้น ซีนอนหลุดจากภวงค์และรีบไปเปิดประตูทันที

“ไหน มึงเป็นอะไร!!” ไอ้หมอรีบถามอย่างลุกลี้ลุกลน และยิ่งเห็นผ้าขนหนูเปื้อนเลืดที่มือผม มันก็ยิ่งดูจะสติแตกเข้าไปใหญ่

“ไม่ใช่กู ตามมาเร็ว” ผมรีบเดินนำหมอเซนต์มาในห้อง ตอนที่มันเห็นหน้าหมอกก็ดูจะงงอยู่นิดหน่อย แต่พอเห็นแผลของหมอกก็รีบถลาเข้าไปดูอาการทันที

“แย่ละมีไข้ด้วย สงสัยจะติดเชื้อ” ไอ้หมอพึมพัม และรีบมันผมยาวๆของตัวเอง ก่อนเปิดกระเป๋าอุปกรณ์และเริ่มลงมือฉีดยา และเย็บแผลให้หมอกทันที ใช้เวลาไม่นานนักหมอก็พยักหน้าให้ซีนอนเชิงว่าไม่เป็นไรแล้ว ร่างใหญ่ถอนหายใจแล้วทรุดนั่งลงบนโซฟาทันที

“ให้พักผ่อนอีกซักหน่อยก็คงไม่เป็นไร ต้องให้ยาฆ่าเชื้อต่อด้วย ทางที่ดีพาไปโรงพยาบาลเถอะ” ไอ้เซนต์พูดพลางถอดถุงมือยาที่เต็มไปด้วยเลือดออก

“ไม่ได้ มันอันตรายไป” ผมตอบแทบจะทันที ตอนนี้สถานการ์ณของหมอกมันเสี่ยงเกินไป เขายังไม่รู้เลยว่าทำไมหมอกถึงโดนตามทำร้ายขนาดนี้ นี่มันเกินระดับนักเลงทั่วไปแล้ว แถมสองคนนั่นที่เห็นที่ลานจอดรถ เขาก็คุ้นหน้ามาก ซึ่งนั่นไม่ใช่เรื่องดีเลย





“ถึงเวลามึงอธิบายให้กูฟังละ” ไอ้หมอเซนต์ยืนเท้าเอวก่อนจ้องมาที่ผม ผมพยักหน้าก่อนเดินออกมาอธิบายเรื่องราวให้มนฟังข้างนอก  ไม่อยากรบกวนคนที่นอนอยู่






.

.


.

“เรื่องก็เป็นอย่างที่ว่าแหละ” ผมเล่าทุกอย่างให้เซนต์ฟังตั้งแต่ผมเจอหมอกได้ยังไง จนถึงทำไมหมอกถึงเป็นแบบนี้


สีหน้าไอ้เซนต์มีทั้งแปลกใจตลกแล้วก็เครียดวนไปวนมาจนผมเล่าจบ มันกลั้นยิ้มแต่สุดท้ายก็ขำพรืดออกมา


“ตลกมึงวะ เป็นเอามากนะ”

“เออหน่า แล้วสรุปเป็นไง เป็นอะไรมากไหม” ผมพยายามปัด แล้วถามต่อ

“ก็ไม่เป็นไรมาหรอก เช้าไข้ก็น่าจะลด ที่น็อคไปอย่างนี้เพราะพักผ่อนน้อยด้วยแหละ พักอีกสักอาทิตย์แผลก็น่าจะแห้งแล้ว”  ผมพยักหน้าเป็นการตอบรับแต่เหมือนไอ้หมอยังไม่อยากหยุด รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นบนหน้ามัน

“แต่ก็ว่านะ ผิวสวยๆหุ่นดีๆนั่น ถ้ามีแผลเป็นคงจะแย่....โอ้ย ครับๆ ท่านเวหา ไม่ต้องทำหน้าดุขนาดนั้นก็ได้ ผมไม่ยุ่งหรอกครับๆ”


มือสองข้างโบกไปมา ใบหน้ายังคงนิ้มแย้มถึงจะโดนสายตาอาฆาตจากเพื่อนที่นั่งฝั่งตรงข้าม

"ปากหาเรื่อง" เหมือนแววตาจะเปลี่ยนไปโดยอัตโนมัติจากสงบนิ่งเป็นดุดันทันทีที่ได้ยินคำพูดน่าขัดใจ

"ก็อดไม่ได้นี่หว่านานๆจะเห็นอะไรดีๆอย่างนี้ ไปหามาจากไหนวะ" แน่นอนว่าไอ้หมอมันต้องสังเกตุเห็นเสน่ห์ของหมอกๆแน่ๆ อย่างกับมันน้อยซะที่ไหนละ เห็นอย่างนี้เปลี่ยนคู่ควงแทบไม่ซ้ำหน้า หน้าใจดีซื่อๆแบบนี้อย่าไปหลงกลเข้าเชียว กลับมาร้องไห้น้ำตานองกันเป็นแถบ

"ไม่บอก นี่ถ้าไม่ติดว่าลุงหมอไปต่างประเทศ กูไม่ให้มึงตรวจหมอกหรอก”

"ทำเป็นหวง โธ่ กูเห็นหรอกสร้อยอะ ยังไม่อยากเป็นไข้โป้งตาย"

"ก็ดี แล้วข่าวที่ให้หาว่าไงบ้าง”

"เงียบจนผิดปกติ พวกมันระวังตัวขึ้นมากเหมือนรู้ว่าฝ่ายเรากำลังหาโอกาสเล่นงานมันอยู่" น้ำเสียงขี้เล่นหายไปเหลือแต่ความจริงจัง แววตาหลังเลนส์เข้มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

"คิดว่ามีหนอน?" ระดับเสียงในการสนทนาเบาลงไปถนัด หน้าของทั้งคู่เริ่มเครียดขึ้นอย่างชัดเจน ซีนอนขบกรามแน่น ที่เขาเกลียดที่สุดคือคนทรยศ

"เป็นไปได้ พวกมันรอดจากเราไปหลายครั้งแล้ว มันผิดปกติเกินไป ตอนนี้ยังได้ข่าวแว่วๆว่าพวกมันกำลังวางแผนอะไรบางอย่างอยู่”

"แจ้งไปที่แฟมิลี่ยัง”

"เรียบร้อย ทางนั้นบอกมาว่ารอดูท่าทีไปก่อน”

“ดีแล้ว"






“ดูท่าคนไข้ของฉันจะตื่นแล้ววะ”  นั่งคุยงานกันอยู่สักพักใหญ่ ผมก็ได้ยินเสียงก้อกแก้กดังมาจากในห้องนอน ไอ้หมอรีบชิงตัดหน้าลุกขี้นก่อนและทำหน้ายียวนใส่ ไม่วายตอนจบก็อดที่จะกวนอารมณ์อีกคนไม่ได้
 ประตูห้องนอนปิดออก พบกับเจ้าของนัยน์ตาสีดำ ที่ตอนนี้ดูกำลังมึนงงกับอะไรสักอย่างพยายามดันตัวเองขึ้นนั่ง ทั้งๆที่ก็น่าจะรู้ว่าสังขารตัวเองไม่อำนวย

“จะทำอะไร นอนนิ่งๆสิ” ทันทีที่สำเนียงแปร่งทัก ดวงตาสีดำเข้มนั่นก็ชักไม่พอใจทันที แถมยังจะฝืนตัวเองลุกขึ้นมาต่ออีก

“อย่าดื้อสิ นอนลงไป” ถึงตาร่างใหญ่ผมสีเฮเซลนัทรีบจ้ำอ้าวแล้วกดร่างโปร่งลงไปนอนราบกับเตียงตามเดิม หมอกจึ้ปากอยางขัดใจ

“..กู หิวน้ำ” เสียงที่ติดจะแหบแห้งนั้นทำให้ซีนอนยิ่งห่วงไปอีก ต่างจากเสียงได้ฟังตอนแรกอย่างสิ้นเชิง

“นอนนี่แหละเดี๋ยวผมไปเอาให้” ซีนอนรีบจัดแจงพาตัวเองออกไปเอาน้ำมาบริการทันที




 


 หมอก



เมื่อห้องตกอยู่ในความเงียบ ทำให้หมอกเพิ่งสังเกตุเห็นผู้ชายอีกคน ผมสีเข้มยาวประบ่าถูกมัดไว้ลวกๆ แววตาใจดีที่อยู่หลังแว่นไร้กรอบ ความสูงที่ไม่ได้ด้วยไปกว่าไอ้ฝรั่งเมื่อกี้อีก หมอนี่เป็นใคร?? ดูท่าว่าหน้าตาสงสัยของเขาจะทำให้อีกคนรู้ตัว

“พี่ชื่อเซนต์ครับ เป็นหมอที่ซีนอนเรียกมาดูหมอกนะ” เสียงนุ่มตอบกลับมาพร้อมรอยยิ้มใจดี จนแอบคิดในใจว่าทำอย่างกับเขาเป็นเด็กๆ

“อ่า..ครับ” ผมได้แต่ตอบกลับไปสั้นๆ เพราะไม่รู้จะพูดอะไรต่อ

“อย่าพยายามขยับมากนักนะ ถ้าต้องเย็บอีกรอบพี่จะไม่ฉีดยาชาให้ด้วย”

ผมทำหน้าเจื่อนๆ ถึงแม้เย็บแผลมันจะเจ็บระดับที่ทนได้ แต่ถ้าให้เลือกใครกันหละจะอยากเจ็บ พอสังเกตุเนื้อตัวตัวเอง ก็ยังเห็นว่าผมยังสวมเสื้อตัวเดิมอยู่ คราบเลือดที่ผมเห็นเองก็ยังตกใจเหมือนกัน ที่แผลถูกปิดไว้อย่างเรียบร้อย ต้องใช้เวลาอีกเท่าไหร่เนี่ยผมถึงจะหายดี

“ขอถามอีกเรื่องนึง... ไอ้ฝรั่งคนนั้นเป็นใคร” ผมรู้แค่มันชื่อซีนอน แล้วก็เป็นคนที่ช่วยผมไว้ทังสองครั้ง

“อ้าว นึกว่ารู้จักกันแล้วซะอีก” หมอถามหน้าประหลาดใจ


“รู้แต่ว่าชื่อซีนอน แล้วก็เป็นคนช่วยผม”


“ฮ่าๆ จริงหรอเนี่ย ..ไอ้ฝรั่งที่ว่านั่นหน่ะ ว่าสิ  พี่ยังสงสัยเลยว่าหมอกไปพูดอย่างนั้นกับมันได้ไง” ประโยคแรกหมอเซนต์เหมือนจะพูดกับตัวเอง แล้วค่อยมาอธิบายให้ผมฟัง ผมเลิกคิ้ว ไม่เข้าใจ


“ให้ซีนอนเล่าให้ฟังเองจะดีกว่า อยากรู้อะไรก็ถามมันสิน่าจะยินดีตอบอยู่แล้วแหละ” อีกฝ่ายพูดต่อขำๆ
 

“ช่างมันก่อนเถอะครับ ว่าแต่รบกวนช่วยหยิบเสื้อในตู้ให้ผมได้ไหม” หมอพยักหน้ายิ้มๆก่อนจะชี้ไปที่ตู้เสื้อผ้าที่อยู่อีกฝั่งนึงของห้อง ผมพยักหน้า ก่อนที่หมอจะหยิบเอาเสื้อยืดสีขาวมาให้ผม


“นี่ครับ..ให้พี่ช่วยเปลี่ยนไหม?” ผมส่ายหัวหึ ก่อนจะหยิบเสื้อมาเปลี่ยนเอง ออกจะทุลักทุเลอยู่นิดหน่อย แต่ในที่สุดผมก็สามารถถอดเสื้อตัวเก่าออกได้ ผมเห็นหมอแอบยิ้มแต่ก็ไม่ได้คิดอะไร ระหว่างที่ผมกำลังจะสวมเสื้อตัวใหม่ ประตูห้องก็เปิดออก ไอ้ฝรั่งยืนทำหน้าแปลกๆที่มือถือแก้วน้ำนิ่งอยู่ที่ประตู


ผมนั่งมองมันอยู่พักนึงแต่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะขยับ


“เอ๋อรึไง น้ำมันคงเดินมาเองได้”  ไม่รู่ว่าทำไมเหมือนกัน เวลาที่พูดกับไอ้ยักษ์นี่ผมถึงเผลอพูดไม่ดีไปหลายครั้ง จะว่าไม่ชอบหน้าก็ไม่ใช่หรือผมจะหมั่นไส้ที่มันหล่อกว่า อ่า..นี่ก็ไม่น่าใช่นะ ยอมรับว่าปกติผมก็ปากหมาอยู่แล้วแต่นี่ บางที่ผมเองยังรู้สึกว่าเกินไปเลย แปลกแฮะ


“ไม่เห็นต้องพูดไม่ดีเลยนี่” แต่ถึงยังไงซีนอนก็ไม่มีท่าทีจะโกรธผมอยู่ดี ผมรับน้ำธรรมดามาดื่นส่วนไอ้ซีนอนหันไปกระซิบกระซาบกับหมอ ผมได้ยินคร่าวๆ ประมาณว่า

‘ใช่อย่างที่กูเห็นไหมวะ’ แล้วหมอก็ขำแล้วพยักหน้า ซีนอนทำท่าทางฮึดฮัดนิดหน่อยก่อนจะบ่นแล้วไล่ให้คุณหมอกลับไปทำงาน

ผมขำ พอจะนึกออกว่าเรื่องอะไรแต่ก็ได้แต่ทำเหมือนไม่ได้ยินไป ไม่นานหลังจากที่ซุบซิบกันเสร็จ หมอก็ยิ้มแล้วก็บ๊ายบายให้ผมและบอกว่า พรุ่งนี้จะมาดูแผลให้อีกที อย่างน้อยผมก็เบาใจว่าไม่ต้องกลับไปนอนเบื่ออยู่ที่รพ.


ส่วนเรื่องไอ้ฝรั่งนั่น ทำไมผมจะไม่รู้ว่ามันสนใจผม นี่ไม่ใช่ครั้งแรกสักหน่อยที่ผมมีผู้ชายมาสนใจ

ปกติผมก็จะทำเป็นไม่รับรู้แล้วก็ปล่อยผ่านไปแล้วเดี๋ยวก็จะค่อยๆหายกันไปเอง แต่กับไอ้ฝรั่งนี่ผมกลับรู้สึกหมั่นไส้เป็นพิเศษ อาจจะเป็นเพราะว่าผมอยู่ในร่างเด็กเนิร์ดมานานเรื่องพวกนี้เลยหายๆไปบ้าง ตอนนี้เลยรู้สึกสนุกเป็นพิเศษ ถัาได้แกล้งนิดแกล้งหน่อย ก็คงรู้สึกไม่เลวอยู่เหมือนกัน




________________________________________

ขอบคุณที่ติดตามนะคะ ซาบซึ้ง :hao5:
พระเอกของเราโรคจิตค่ะ
ชอบให้หมอกทำร้ายจิตใจ555555555

 :pig4: :pig4: :pig4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-03-2017 15:45:13 โดย qDraftman »

ออฟไลน์ oilzaza001

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 619
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
ต๊ายยยเคะราชินี  :hao7: :hao7: :hao6: :hao6:

ออฟไลน์ suikajang

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 813
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
อย่าไปแกล้งพี่เขาแรงนะจ๊ะ เดะพี่เขาร้องไห้เอาน๊า  :hao3:
นอกจากเรื่องเจ็บตัว และปริศนาที่ยังไม่เผย เราเห็นความมุ้งมิ้งจากตัวพระเอกแระ  :katai2-1:

ออฟไลน์ Mura_saki

  • แค่เรารู้จักกัน...มันก็ดีที่สุดแล้ว :)
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +179/-9
ยังงงๆ รอตอนต่อไป

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ crazydoii

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 858
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
น่าอ่านมากครับ,,,

ออฟไลน์ PKT

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ชอบอ่ะ ชอบ สนุก รอค่ะ :katai3:

ออฟไลน์ qDraftman

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0






4



Xenon


     ไอ้เซนต์กลับไปแล้วเหลือแต่ผมกับหมอกอยู่ในห้องเงียบๆ เสียงแอร์เบาๆทำให้ไม่เงียบจนน่าอึดอัด ตอนนี้ผมกำลังทำสมาธิให้ใจเย็นลงและหายตื้นเต้น

ภาพหมอกเปลือยท่อนบนที่ผมเพิ่งเคยเห็นเต็มๆเป็นครั้งแรกมันเกินกว่าที่ผมจะรับไหวจริงๆ

ผมถอนหายใจออกเฮือกใหญ่

แววตาสีดำนั่นยังจ้องผมนิ่งผมไม่ได้หลบสายตา ด้วยหน้าที่ของผมการอ่านนิสัยหรือมองสีหน้าคนให้ขาดเป็นเรื่องจำเป็น

ทั้งในการเจรจาธุรกิจการวางตัวหรือการตัดสินใจ การอ่านนิสัยความคิดของคนๆนึงแทบจะเป็นสิ่งหนึ่งที่ผมต้องใช้ทุกวัน ผมมองไปที่ตานั่นมองไปในการกระทำนั้นๆมันมีหลายอย่างเกี่ยวกับเขาที่ผมยังไม่รู้ เป็นคนหนึ่งที่ผมไม่สามารถที่จะใช้เวลาเพียงแว้บเดียวในการอ่านทั้งหมด


ต่างจากคนอื่นมาก




“จะจ้องอยู่อย่างนั้นทั้งวันเลยไหม” วาจาเฉือดเฉือนจิตใจขอหมอกเป็นตัวทำลายความเงียบ

ผมก็ไม่เข้าใจอีกแล้ว ถ้าเป็นคนปกติมาพูดจาปาวๆอย่างนี้ใส่ผมก็คงจะได้ไปนอนเล่นในมหาสมุทรสักที่หนึ่งแล้วแหละ  แต่การกระทำของคนนี้กลับทำให้ผมรู้สึกว่า น่ารักน่าเอ็นดู

เอ้ะ..หรือว่าเราจะเป็นพวกมาโซคิสด์ ผมไม่ได้เถียงอะไรออกไปแต่ยังคงจ้องหน้าเรียวอยู่อย่างนั้น เพราะอยากจะกวนอารมณ์อีกฝ่าย

“หรือว่าจะสนใจ...ไอ้นี้” นัยน์ตาสีดำวาววับก่อนจะลูบไปที่หน้าอกข้างซ้ายของตัวเอง เสื้อสีขาวบางๆนั้นยิ่งทำให้ผมเห็น อะไร ที่ผมสงสัยชัดเข้าไปอีก

โดนโต้ตอบไม่ทันตั้งตัวแบบนี้


โอ้ย..คนแก่หัวใจจะวาย


บทเขาจะยั่วก็ยั่วซะผมเข่าอ่อนเลย ผมหายใจออกจมูกแรงๆพยายามระงับขาตัวเองที่กำลังจะก้าวไปข้างหน้า


หมอกหัวเราะ..


“ตอนเจาะมันก็เจ็บอยู่ แต่อยากลอง..เห็นเขาบอกว่าจะทำให้รู้สึก อะไรๆ ไวขึ้น...ก็นะถ้าจะจริง”

หมอกพูดไปเรื่อยเหมือนได้ใจที่เห็นอาการของผม เข่าผมแทบทรุดยวบลงไปนั่งกองกับพื้น

เกิดมาเกือบจะสามสิบปี เพิ่งเจอคนแบบนี้

ปกติมันต้องเป็นผมสิที่ต้องทำให้คนอื่นขาอ่อน

นิ้วเรียวๆนั้นยังคงเขี่ยหน้าอกของตัวเองไปเรื่อยๆ จนตอนนี้มันเริ่มขึ้นเป็นไตนูนดันเสื้ออกมา

ทำให้ผมเห็นรอยจิวที่เจาะอยู่ตรงนั้น

ถ้าไม่ติดว่าอีกฝ่ายเจ็บอยู่นะ ผมจะจัดการเอาให้นอนหอบลกไปไหนไม่ได้เลย


“ยั่วพี่อย่างนี้ ระวังจะเจ็บตัวนะครับ” ผมกลืนน้ำลายดับความหื่นของตัวเอง ก่อนจะพูดออกมาโดยพยายามให้เสียงสั่นน้อยที่สุด

แต่ไม่รู้ทำไม หมอกเลยหลุดหัวเราะออกมาอีกรอบ

“ ‘อย่างอื่น’ ก็มีนะ แต่คงไม่ได้เห็นหรอก” แต่เหมือนอีกคนจะไม่ได้รู้สึกกลัวอะไรเลย ถึงยังพูดออกมาแบบนั้น ผมแยกเขี้ยว ต่อให้เป็นพระอิฐพระปูนก็ทนไม่ไหวหรอกวะ ผมใช้วิชามารก้าวพรึบเดียวไปยืนต่อหน้าคนปากเก่ง หมอกดูตกใจนิดหน่อยแต่ก็กลับมาทำหน้านิ่งได้ในเสี้ยววิ


…...อยากทำให้บนหน้านี่มี อารมณ์ อื่นจริงๆว้อย....


“รับรองว่าพี่ได้...เห็น..หมดทั้งตัวแน่ๆครับ” ผมพูพร้อมโน้มหน้าไปใกล้ แต่อีกฝ่ายใช้มือดันหยุดผมเอาไว้ก่อน

“กลัวหรอ” ผมแกล้งยุ

ที่ผมรู้แน่ๆคือหมอกไม่ใช่คนที่ยอมให้คนอื่นมาสบประมาท ผมเลยใช้ข้อนี้มาจี้จุด

หน้าหมอกกระตุกนิดนึงตามคำพูดของผม



“หึ แค่อยากเป็นฝ่ายรุก.. มันเร้าใจกว่าหน่ะ”


ไม่พูดเปล่าแต่คนตรงหน้ายังดึงคอเสื้อผม จนหน้าเข้าไปใกล้ ประโยคท้ายจมูกเราแทบจะแตะกันด้วยซ้ำ

ตาสีดำนั่นวาววับเหมือนถูกใจ

ผมยิ้ม

ถือว่าประสบผลสำเร็จ

แต่ที่เหนือความคาดหมายกว่านั่นคือการที่หมอกตั้งใจดึงผมเข้าไปใกล้อีก ทำให้ปากบางๆนั้น เฉียดผ่านริมฝีปากผมไป  ก่อนที่จะแกล้งหายใจหนักหนักๆที่ข้างหูผม


“เรามันคนละระดับกันนะครับ ไอ้ฝรั่ง”

เสียงเซ็กซี่นั่นทำให้ผมยิ่งรู้สึกเคลิ้มไปใหญ่

แต่เสียงกริ้กของโลหะก็ทำให้ผมได้สติ


และผมก็เห็น 




..ว่าเข็มขัดของผมโดนถอดออกไปซะแล้ว..


หมอกยิ้มเยาะเหมือนผู้ชนะ ในมือถือสายเข็มขัดหนังสีน้ำตาลที่เมื่อนาทีที่แล้วยังอยู่ดีบนตัวผม

นี่มัน

แย่สุดๆไปเลย

ถ้าหมอกเป็นสายของแฟมมิลี่อื่นมีหวังผมคงโดนเชือดนิ่มๆไปแล้ว แต่ยังไงมันก็ถือว่าคุ้มอยู่ดีละวะ


“ถ้าแค่นี้ยังตาย ก็อย่าหวังได้แอ้มกูหรอก”


“ก็คอยดูแล้วกันครับ” ผมพูดยิ้มๆ ก่อนจะผละตัวออกมาเพราะเสียงออดที่ประตู



“คนของผมเอง เดี๋ยวมานะ” ตอนออกไปหยิบน้ำให้หมอก ผมโทรสั่งให้คนส่งการ์ดมาเฝ้าที่คอนโดนหมอกกลุ่มหนึ่งเพื่อความปลอดภัย ส่วนคนที่ขึ้นมาน่าจะเป็น เจย์ มือซ้ายของผม



“แต่ขึ้นมาได้ไง ไม่มีคีย์การ์ด”  หมอกพูดพร้อมทำคิ้วยุ่ง



“ระดับผมแล้ว แค่นี้เล็กน้อย”

เหมือนหมอกจะบ่นพึมพำอะไรสักอย่างแต่ผมได้ยินไม่ถนัด เพราะเดินออกมาจากห้องแล้ว


“ทุกอย่างเรียบร้อยแล้วครับนายน้อย” เมื่อประตูเปิดออกก็เจอกับลูกน้องคนสนิทในสูทสูทสีดำที่ผมเห็นอยู่ทุกวัน

“ดี เข้ามาสิ” อีกฝ่ายโค้งรับคำสั่งก่อนหยิบกระเป๋าอุปกรณ์ขึ้นมาวางตรงเคาท์เตอร์ห้องครัวและเริ่มทำงาน

“คุณคาลตันฝากมาบอกว่า นายน้อยต้องกลับไปเคลียร์งานภายในพรุ่งนี้นะครับ” เจย์พูดยิ้มๆ

“อืม ไว้พรุ่งนี้ฉันจะกลับไปแล้วกัน ตามฉันมาก่อนมีคนจะแนะนำให้รู้จัก”


บอดี้การ์ดหนุ่มโค้งอีกครั้ง เขายังเด็กอายุประมาณยี่สิบต้นๆเห็นจะได้ ชีวิตของเขาถูกเลี้ยงดูในแฟมมิลี่ของซีนอนมาตั้งแต่เกิดเพราะพ่อแม่ของเขาก็ทำงานให้กับแฟมมิลี่

เจย์ไว้ผมสั้นเซทเป็นทรงดูเรียบร้อย ความสูงของเจย์อาจดูน้อยเมื่อเทียบกับเจ้านาย แต่ก็ถือว่าสูงเมื่อเทียบกับคนทั่วไป

หุ่นที่เพรียวบางแทบจะไม่เหมาะกับการเป็นบอดี้การ์ดแต่ก็ดูปราดเปรียวต่างจากหมอกที่จะดูมีกล้ามเนื้อมากกว่า จะว่าไปแล้วเจย์จะเน้นทำงานด้านบริหารมากกว่าการออกไปคุมลูกน้องหรือไปบู๊นอกสถานที่

ถึงยังไงขึ้นชื่อว่าเป็นมือซ้ายของเจ้าพ่อมาเฟียเขาเองก็ต้องมีของดีติดตัวอยู่เหมือนกัน

เจย์เดินตามเจ้านายของตัวเองเข้ามาในห้อง นั่นทำให้เขาได้เห็นผู้ชายคนหนึ่งนั่งนิ่งอยู่บนเตียง แถมยังมองเขาด้วยสายตาเย็นเฉียบจนเขาเดินสะดุดไปจังหวะหนึ่ง

พอมองดีๆก็พอจะนึกออก ว่าคนๆนี้คือคนเดียวกันกับคนที่นายน้อยของเขาช่วยไว้จากคราวที่แล้ว ครั้งนั้นเล่นเอาวุ่นวายไม่น้อยเลย ถึงกับต้องตามผอ.มาเป็นคนรับเคสเอง

เจย์เพิ่งได้สังเกตุหมอกชัดๆเป็นครั้งแรก ยอมรับเลยว่าคนตรงหน้ามีบรรยากาศประหลาดทำให้ไม่กล้าเข้าใกล้ ถึงอย่างนั้นก็ดูมีเสน่ห์ลึกลับจนอยากเข้าไปทำความรู้จัก แต่พอต้องบวกลบกับใบหน้านิ่งๆและท่าทีที่ดูไม่สนใจอะไรนั่นแล้ว เชื่อว่าเกือบทุกคนต้องยอมถอยหลังออกมาแน่ๆ

เจย์ยืนเว้นระยะจากเตียงอยู่พอสมควร ไม่ใช่ว่าเกรงใจคนที่อยู่บนเตียงหรอกนะ แต่เกรงใจเจ้านายตัวเองมากกว่า


“ผมชื่อเจย์เลน เป็นคนที่จะมาคอยดูแลคุณช่วงที่นายน้อยไม่อยู่ครับ”  หมอกถลึงตาอย่างสงสัยเมื่อได้ฟังจบประโยค ก่อนจะหันไปส่งสายตาเย็นเฉียบใส่ซีนอน

“กูไม่ใช่เด็กนะถึงต้องมีคนมาคอยดูแล” ร่างโปร่งบนเตียงเถียงขวับ สีหน้าไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด


“แล้วถ้าเกิดเรื่องแบบวันนี้อีกละครับ ให้เจย์อยู่เป็นเพื่อเถอะ ไม่งั้นผมไม่สบายใจ” คนที่ได้ชื่อว่าเป็นเจ้านายตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงอ่อน นั่นก็พอจะสร้างความสงสัยในหัวของเจย์เลนได้พอสมควร


“เสือกนะมึง” หมอกบ่นต่อไม่ได้ด่าผมแรงๆเหมือนปกติที่ทำ ถือว่าผมค้นพบอีกวิธีที่จะทำให้หมอกฟังก็แล้วกัน ผิดกับบอดี้การ์ดของผมที่ทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกตาถลนตั้งแต่หมอกชักสีหน้าใส่ผมแล้วหละครับ


“รับรองว่าผมจะอยู่แบบเงียบๆครับ” เจย์พูดขึ้นมาบ้าง


“ผมไม่ว่าอะไรนายหรอก ไอ้ฝรั่งเจ้ากี้เจ้าการนี่ต่างหาก” ไม่วายผมก็โดนแขวะอีกรอบ แถมยังโดนแยกเขี้ยวใส่อีก แต่ผมหัวเราะนะ  ก็มันน่ารักนี่

ต้องกระแอมเพื่อเรียกสติกลับมาเพราะลืมตัวไปว่ามีเจย์อยู่ในห้องนี้ด้วย ไม่ค่อยอยากหลุดฟอร์มต่อหน้าลูกน้องตัวเองเท่าไหร่แต่ก็ดูเหมือนจะไม่ทันแล้วเมื่อมันตั้งใจยืนกลั้นขำอยู่


“ผมว่าผมออกไปรอข้างนอกดีกว่าครับ” เจย์มองหน้าผมแล้วยิ้ม พลางโค้งตัวลาก่อนจะเดินไปที่ประตู แต่ก็มีเสียงหนึ่งขัดขึ้นมาก่อน


“นายหน่ะไม่ต้อง ที่ต้องออกไปคือมึงไอ้ฝรั่ง”

“แต่..”

“ให้ไว”

สุดท้ายก็เป็นผมนี่แหละครับ ที่ต้องอันเชิญตัวเองออกมานั่งที่โซฟาข้างนอกเงียบๆ









      หมอก 



“อืม..เจย์ ผมหมอก” ผมเริ่มบทสนทนาด้วยน้ำเสียงไม่ซีเรียสนัก ดันตัวเองนั่งขัดสมาธิพิงหัวเตียง

“ครับ นายน้อยเล่าเรื่องคร่าวๆของคุณให้ฟังแล้ว” เสียงสุภาพตอบกลับมา ดูแล้วคนๆนี้ไม่เห็นจะเหมาะกับงานบอดี้การ์ดตรงไหนเลย ดูเรียบร้อยแล้วก็สุภาพมาก เหมือนเอาเด็กม.ปลายมาใส่สูทมากกว่า แตกต่างจากการพูดจาและวางตัวก็แสดงได้ว่าถูกอบรมมาอย่างดี

“ไม่ต้องสุภาพมากก็ได้”


เจย์ทำท่าจะเถียง ผมเลยต้องส่งสายตาดุๆออกไปให้หยุด มันไม่ชินหรอกนะครับที่อยู่ๆก็มีคนมาพูดเพราะๆด้วยทั้งๆที่ผมก็ไม่ได้เป็นคนสุภาพอะไรมันทำให้รู้สึกจั้กจี้มากกว่า จุดประสงค์ที่ผมไล่ไอ้ซีนอนออกไปอย่างนั้นก็เพื่อจะได้ถามอะไรนิดๆหน่อยๆเกี่ยวกับหมอนั่นจากเจย์ ถ้าให้ไปถามกับเจ้าตัวผมขอบายดีกว่า



รู้ไว้ก็ยังดีกว่าไม่รู้อะไรเลย



ในเมื่อยังไงๆก็ดูเหมือนจะเลี่ยงกันไม่ได้งั้นสู้ทำให้รู้จักดีไปเลยดีกว่าอีกอย่างผมก็แอบจะติดใจการแกล้งหมอนั่นเล่นอีกด้วย


สรุปก็คือซีนอนมันเป็นลูกครึ่งไทย-อิตาลี  แถมครอบครัวของมันก็ยังไม่ใช่ครอบครัวธรรมดาแต่เป็นถึงเจ้าพ่อมาเฟียรายใหญ่ของแถบยุโรป ควบคุมกิจการประเภทโรงแรม คาสิโน คลับและอื่นๆอีกมากมาย

ซีนอนมาอยู่ไทยกับแม่แค่สองคนส่วนเรื่องพ่อของมันเจย์พยายามที่จะตอบเลี่ยงๆ ผมก็ไม่ได้เซ้าซี้อะไรมาก ผมรู้แค่ว่าหัวหน้าครอบครัวของซีนอนคือปู่ซึ่งยังอาศัยอยู่ที่อิตาลีบ้านเกิด ปกติซีนอนจะเทียวไปเทียวมาระหว่างอิตาลี-ไทย เป็นประจำ


ส่วนคำถามที่ว่าซีนอนมาเจอผมได้ไงตอนที่ผมโดนแทงนั้นเจย์ก็ไม่รู้เหมือนกันเพราะปกติตัวเองจะทำงานอยู่ที่บริษัทมากกว่า หน้าที่ตามติดซีนอนไปไหนมาไหนก็คือมือขวาที่เจย์บอกว่าชื่อ ราฟ แต่จากที่ราฟ เล่ามาก็ประมาณว่าแอบตามผมไปแล้วก็เจอผมนอนจมกองเลือดอยู่

ว่าไปแล้วก็ถือว่าผมโชคดีแหละ ถึงแผลจะไม่ลึกมาก แต่ถ้าต้องนอนอยู่อย่างนั้นแล้วไม่มีใครเจอก็ท่าจะแย่ดีไม่ดีอาจจะเลือดหมดตัวตายก็เป็นได้


พอคุยกันได้สักพักหนึ่งผมก็เริ่มง่วงอีกรอบ เลยบอกให้เจย์ออกไปพักผ่อนตามสบาย โดยไม่ลืมที่จะสั่งให้ล็อคห้องให้ก่อนออกไปด้วย กันผีบ้าเข้ามาทำอะไรพิเรนทร์ๆในห้อง



________________________________________



มาต่อแล้วค่ะ ♥
วันนี้มาต่อแบบยาวๆ
ตอนแรกกะว่าจะแบ่งเป็นสองพาร์ท
แต่ตัดสินใจลงรวดเดียวไปเลยดีกว่า555
ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดพรุ่งนี้จะมาต่ออีกตอนค่ะ

ขอบคุณคนอ่านทุกคนเลย

 :pig4: :pig4:



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-04-2017 02:39:10 โดย qDraftman »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ PKT

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
เย้ นักเขียนมาอัพล้าวววว

ออฟไลน์ crazydoii

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 858
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
น่าอ่านมากครับ. มาต่อเน็วๆนะครับ,,,,

ออฟไลน์ qDraftman

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0


5

5.1


พอลืมตาตื่นขึ้นมาอีกทีก็เห็นว่าเกือบเที่ยงแล้วแถมท้องยังร้องอีกด้วย ผมค่อยๆลุกจากเตียงแล้วเดินช้าๆจนมาถึงประตูรู้สึกตึงๆที่แผลแต่ก็ไม่ได้เจ็บมากเหมือนเมื่อคืน

ด้านนอกไร้เงาของเจย์เลนมีแต่ซีนอนที่นั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ที่โต๊ะกินข้าว มันเงยหน้าขึ้นมาเห็นผมก็รีบลุก ก่อนจะก้าวฉับๆเข้าไปในครัวแล้วหยิบถ้วยโจ๊กมาวางที่โต๊ะ

“ทานอะไรก่อนนะครับ”

หน้าตายิ้มแย้มของมันน่าหมั่นไส้จนผมหลุดทำเสียง หึ ฟอร์มมาอย่างกับทำเองแต่ผมแอบเห็นถุงร้อนที่อยู่หลังเคาท์เตอร์ ผมยิ้มในใจกับถ้วยโจ้กตรงหน้า ก่อนจะค่อยๆลงมือทานโดยที่มีตาสีน้ำตาลนั่นจ้องสลับไปมากับหนังสือพิมพ์

“ไม่มีการมีงานทำหรือไง”



โจ้กหมูร้อนๆส่งกลิ่นหอม ถูกผมจัดการไปด้วยความรวดเร็ว ผมหยิบมือถือขึ้นมาก่อนจะส่งข้อความสั้นๆไปหาปลายทาง แอบเหลือบมองซีนอนแวบนึงก็เห็นว่ามันยังคงสนใจหนังสือพิมพ์ในมือมันอยู่



ไม่นานเสียงโทรศัพท์ที่ผมรอก็ดังขึ้น เป็นหมายเลขไม่โชว์เบอร์ ผมสูดหายใจเข้าเพื่อเรียกสติก่อนจะกดรับ

"Ciao?"

ทันทีที่ผมกดรับโทรศัพท์เสียงจากปลายสายก็รัวใส่หูผมไม่หยุด และให้ซีนอนที่ทำหน้างงๆ



" Papa, ti devi calmare, okay? .. Right now am fine ลูกพ่อแข็งแรงจะตาย"
(ใจเย็นครับพ่อ ตอนนี้ผมไม่เป็นอะไร ลูกพ่อแข็งแรงจะตาย)



ผมเหลือบไปเห็นซีนอนที่นั่งทำตาโต จะว่าไปที่ผมพูดเมื่อกี้ก็เป็นภาษาบ้านเกิดของไอ้ฝรั่งซีนอนนี่หว่า พ่อของผมเป็นคนไทยนะคนไทยแท้ๆนี่แหละแต่แม่ของผมเป็นลูกครึ่งสเปน  พ่อทำธุรกิจตระเวนไปตระเวนมาอยู่หลายประเทศ ทำให้ผมต้องย้ายบ้านตามอยู่บ่อยๆ เพราะงั้นสกิลด้านภาษาผมเลยมีหลากหลายมาก แต่6-7ปีหลังมานี้พ่อกำลังขยายธุรกิจในแถบยุโรป อิตาลีก็เป็น 1 ในประเทศเหล่านั้นแถมยังเป็นที่ตั้ง HQ ของบริษัท  เพราะงั้นทั้งพ่อและแม่ของผมจึงอยู่อิตาลี แต่ก่อนผมก็อยู่นู่นนะ


แต่ไม่เอาแล้วหล่ะ ผมค้านหัวชนฝาว่ายังไงก็จะย้ายกลับมาไทยให้ได้ ต่อให้ต้องมาอยู่คนเดียวก็ยอม อีกอย่างเพราะความอิสระในชีวิตที่ผมได้รับ ผมเพียงแค่ไปหาพวกท่านบ้างเช่นช่วงซัมเมอร์

ผมเดินกลับเข้าห้องนอนเพื่อความเป็นส่วนตัวในการคุยโทรศัพท์ พ่อซักไซ้ถามอาการผม ซ้ำแล้วๆซ้ำอีกผมก็ได้แต่ตอบว่าไม่เป็นอะไรแล้ว


'มาอยู่นี่ดีไหม'  นี่เป็นคำถามที่ผมกลัวที่สุด ผมอยากอยู่ไทย ไม่อยากกลับไป ที่นั่น อีกแล้ว

"พ่อก็รู้ว่าผมไม่ไปหรอก อีกอยากเรื่องนี้อาจจะเป็นแค่นักเลงทั่วไปที่หมอกเคยมีเรื่องด้วยก็ได้"

'พ่อรู้ว่าหมอกดูแลตัวเองได้ แต่พ่อกลัวว่าสักวันต้องรับโทรศัพท์จากโรงบาลเรื่องของลูกนะ'

"ผมเก่งนะ พ่ออย่าลืมสิ"  ผมพูดเสริมให้พ่อไม่ต้องคิดมาก

'กลัวว่าจะเป็นเพราะพ่อ'

"ไม่มีใครรู้หรอกครับ เรื่องผมเป็นลูกพ่อหน่ะ" ผมพูดติดตลก มันเป็นเรื่องจริง ผมไม่เคยบอกใครเลยว่าพ่อผมทำงานอะไร แม้กระทั่งนาย มันยังเข้าใจว่าพ่อผมแค่ทำธุรกิจอยู่ต่างประเทศเฉยๆ อีกอย่างที่ทำให้คนอื่นไม่รู้เพราะผมใช้นามสกุลแม่

'นี่ถ้าแม่รู้พ่อหูชาแน่เลย แล้วนี่พ่อจะเอาอะไรมาประกันได้ว่าลูกพ่อจะปลอดภัย'

"ก็เชื่อผมไง"

'ยังไงพ่อก็ต้องทำอะไรซักอย่าง ให้พ่อส่งคนไปอยู่ด้วยไหม?'

"พ่อก็รู้ว่าผมไม่ชอบให้ใครมาวุ่นวาย ลำพังไอ่ฝรั่งที่อยู่ด้วยตอนนี้ก็วุ่นวายจะแย่"

'หืม ใคร' น้ำเสียงของพ่อไม่ใช่โมโหแต่เป็นแนวประหลาดใจสะมากกว่า

"อ่อจริงสิ มันก็เป็นลูกครึ่งอิตาลีนะพ่อ ซีนอน  จี.."

'จีโอวานี่!!?'

"ใช่ แล้วพ่อจะตะโกนทำไมเนี่ย"

'พระพาย หนูไปรู้จักกับคนพรรคนั้นได้ยังไง! มันไม่ปลอดภัย คบไม่ได้! เลิกยุ่งกับคนพวกนั้นเดี๋ยวนี้!....'


ผมถอนหายใจเฮือก ถ้ารู้ว่าฟีตแบคออกมาเป็นอย่างนี้ก็จะไม่เล่าให้ฟังหรอก


"หนูดูแลตัวเองได้หน่า แค่นี้แล้วกันนะคุณพันนที"


ผมพูดตัดบทแล้วรีบดตัดสายไปอย่างช่วยไม่ได้ ลองคุณพันนทีเรียกพระพายเมื่อไหร่ สามชาติแปดชาติก็ยังบ่นไม่หมด แต่หลังจากวางสายผมก็ส่งข้อความไปบอกพ่อว่าผมไม่เป็นไรจริงๆ ผมดูแลตัวเองได้


ผมเดินออกมาเพื่อจะกินข้าวต้มที่เหลืออยู่ให้หมด ฝรั่งมันก็ยังนั่งทำหน้าครุ่นคิด และจ้องหน้าผม

"ห้ามถาม ห้ามสืบ" พูดขู่เตือนเอาไว้ เพราะจากที่ผมรับโทรศัพท์เมื่อกี้ก็น่าจะทำให้มันอยากรู้อะไรอยู่มากเหมือนกัน

"หรือทำไปแล้ว?" ผมพูดเสียงเข้ม ไอ้ซีนอนส่ายหน้า

"เปล่า"

"ดี ถ้ากูอยากบอกกูจะบอกเอง" เห็นมันทำหน้าจ๋อย ปากพาจนก็เลยเผลอพูดเป็นความหวังไปให้ ไอ้ฝรั่งเลยยิ้มกระหย่อง



แม่ง



     มองออกไปนอกหน้าต่างแดดบ่ายที่ส่องเข้ามา ไม่ได้ทำให้อากาศร้อนเลยกลับกัน พอเปิดประตูระเบียงออกไปก็มีลมเย็นๆพัดผ่าน ร่างโปร่งล้วงมือลงในกระเป๋ากางเกงด้วยความเคยชิน แต่ไม่พบสิ่งที่ตัวเองต้องการ ปากบางส่งเสียงจึ้เบาๆด้วยความไม่พอใจ ก่อนจะเปิดประตูเข้ามาถามคนในห้อง


"มีไฟแช็คไหม"


ซีนอนไม่ตอบแต่เดินเข้ามาใกล้ และหยิบไฟแช็คที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อออกมา ผมกำลังจะเอื้อมมือไปหยิบ แต่มันก็ชักออกก่อน กวนตีน

แล้วยังมาลอยหน้าลอยตา มันถือวิสาสะดันผมออกมาที่ระเบียงก่อนจะปิดประตู

"มึงไม่คิดว่ากูจะอยากอยู่คนเดียวหรอ"  ผมเคาะบุหรี่ออกมาจากซองและคาบไว้ กำลังจะเอื้อมไปเอาไฟแซ็ค แต่ฝรั่งมันเอาหลบก่อนจะหยิบบุหรี่ตัวเองขึ้นมาจุดเฉย ปล่อยให้ผมยืนเอ๋อคาบบุหรี่อยู่นั่น

"ก็พี่อยากอยู่ด้วย" มันพูดแล้วยิ้ม

“เสือกจริง" ผมตอบพร้อมกับที่มันก้มลงมาใกล้  จนปลายสแดงของบุหรี่มันมาจ่ออยู่ตรงหน้า ผมเขยิบเข้าไปต่อไฟจากคนตรงหน้าก่อนพ่นควันขาวใส่หน้าอีกคน แต่มันกลับยิ้มไม่ถือสา

"นี่ที่ยอมให้สูบเพราะมันดูเซ็กซี่หรอกนะครับ ที่จริงคนป่วยต้องงดนะ"

"ก็เสือกอีกอะ" แต่ถึงจะพูดอย่างนั้นแต่ก็รู้เลยว่ามุมปากตัวเองแอบยก ผมก็อยากรู้ว่าอย่างมันจะทนปากผมไปได้ถึงเมื่อไหร่


"น่าจะจับจูบให้มันหายดื้อไปซะนะครับ" ไอ้ฝรั่งก็ยังคงพูดจายียวนผมต่อ เหมือนโรคจิต ยิ่งโดนด่าก็ยิ่งยิ้ม ไม่ว่าเปล่ามันเริ่มขยับตัวเข้ามาใกล้



"อย่างกับทำแล้วกูจะติดใจ" ผมตอบไม่ได้หลบสายตาอีกคนแม้แต่น้อย สงสัยนิสัยเก่ามันจะกำเริบ ไอ้ที่ชอบความท้าทายเนี่ย บางทีกับบางเรื่องมันก็ดีนะครับ แต่บางเรื่องก็อาจจะพาตัวเองไปตกที่นั่งลำบากเหมือนกัน



มือข้างหนึ่งของคนตัวใหญ่ยกขึ้นมาจับหน้าผม ในใจก็คิดว่าฝรั่งนี่มันจะมาไม้ไหน ผมดับบุหรี่ที่ใกล้จะหมดมวนลงกับดินของต้นไม้ที่อยู่ราวระเบียง สายตายังไม่ละจากคนช้างหน้า ในตอนที่ใบหน้าเริ่มเข้ามาใกล้ และปากของเราแทบจะชนกัน เสียงทุ้มก็เปล่งออกมา

"Caligo แปลาว่าหมอก ..ส่วนแมงป่อง ภาษาอิตาลีว่าไงรู้ไหมครับ?"

เท่านั้นตาผมก็เบิกโพลง อารมณ์จะฟาดคารมหายไปทั้งหมด

"มึง..แอบดูกูหรอ!!!?"



ผมจับหลังตัวเองทันที มันจะเป็นไปได้ไงในเมื่อรอยสักนี่มีแค่ไอ้นายคู่ขาสมัยก่อนแล้วก็คนในครอบครัวที่รู้ caligo แปลว่าหมอกเป็นคำภาษาละติน



ผมชอบก็เลยสักไว้ที่กลางหลังลงมาจากต้นคอหน่อยนึง ประมาณ4ปีที่แล้วก่อนเข้ามหาลัย เป็นไปไม่ได้ที่มันจะเคยเห็น ผมแต่งตัวระวังมากยิ่งตั้งแต่เข้ามหาลัยมายิ่งไม่ต้องพูดถึง ผมทั้งแต่งตัวเรียบร้อยพยามทำตัวไม่ให้เป็นจุดสนใจ ต่างหงต่างหูอะไรถอดหมดไม่เคยใส่ 


ลำพังไอ้คำว่าหมอกนี่ยังไม่น่าเป็นห่วงมันอาจจะเห็นตอนผมเปลี่ยนเสื้อเมื่อวานแต่รอยสักรูปแมงป่อง..

เชี่ยเอ้ย


จะไม่ให้ผมหงุดหงิดได้ยังไง ในเมื่อรอยนี้มันอยู่ที่ท้องน้อยด้านซ้ายค่อนไปทางล่าง พูดง่ายๆก็คือใกล้ จุดนั้น แบบหมิ่นเหม่มากๆ
มีแค่คนเดียวที่รู้ว่าผมมีรอยสักนี้ ขนาดกับพวกคู่ขาบางทีผมยังใช้คอนซีลเลอร์ปิดไว้ด้วยซ้ำ มีแค่น้อยคนมากจริงๆที่เคยเห็น
ผมถือว่าผมสักเพราะความชอบ..แล้วมันก็มีความหมายมากกว่าที่จะเอาไปอวดใครต่อใครแบบนั้น

แล้วตอนนี้ก็มีไอ้ห่าฝรั่งที่ไหนไม่รู้มาเห็นอีก เจ้าตัวมันยังยืนยิ้มไม่ทุกข์ร้อนแต่ผมนี่สิร้อน ร้อนไปทั้งตัวแล้ว ไม่รู้ทำไมตอนนี้ทั้งอายทั้งหงุดหงิด อายที่มันเห็นแล้วก็หงุดหงิดที่ตัวเองอาย ผมหายใจเข้าลึกเพื่อเรียกสติ ก่อนจะยิ้ม

“เอาเถอะ ถ้าจะอยากเห็นผิวของกูขนาดนั้น”  ผมพูดพลางเอานิ้วชี้จิ้มอกแกร่งของคนตรงหน้าย้ำๆ

“แหม พี่ก็เห็นตอนที่ไปช่วยหมอกนั่นแหละ"

“แผลอยู่อีกข้างแถมมันก็ไม่ได้ใกล้ด้วย แถเก่งจริงมึง” ว่าแล้วก็เดินกลับเข้าไปในห้อง แต่ไอ้ฝรั่งนั้นก็ไม่ได้มีท่าทีจะสำนึกอะไร กลับหัวเราะชอบใจด้วยซ้ำ

พอเดินไปที่โต๊ะก็เห็นว่าเจย์จัดการกับชามข้าวที่อยู่บนโต๊ะเรียบร้อยแล้ว ผมจึงเดินกลับเข้าห้องนอนและเปลี่ยนเสื้อผ้าพร้อมจะออกไปข้างนอก เมื้อกี้นึกขึ้นได้ว่าวันมะรืนเป็นวันเกิดนาย อันที่จริงผมก็ไม่ได้ให้อะไรมันมาหลายปีแล้ว จะว่าเป็นข้ออ้างก็ได้ ถึงจะยังตึงๆที่แผลอยู่ แต่ใครจะอยากนั่งอยู่เฉยๆให้คนอื่นเฝ้ากันหละ




________________________________________



ต่อด้านล่าง

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-04-2017 01:11:33 โดย qDraftman »

ออฟไลน์ qDraftman

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0



5.2




Xenon

ตั้งแต่เดินเข้ามาในห้าง หลายครั้งที่ผมต้องใช้รังสีอำมหิตเพื่อกันไม่ให้คนเข้ามาทักหมอก


อืมจะว่าไงดีหละ


แทบจะทุกสายตาที่พอเห็นหมอกบางคนถึงกับเหลียวหลัง ไม่นับเด็กนักเรียนหญิงบางคนที่แอบเอาโทรศัพท์ออกมาถ่ายรูปด้วยซ้ำ จนหมอกทนไม่ไหวต้องเดินเข้าไปซื้อหมวกแก็ปมาใส่ แต่กว่าผมจะขอออกมาด้วยได้นี่ก็ถือว่าเสียเหงื่อไปหลายหยดเหมือนกันครับ


หมอกออกจากคอนโดมาด้วยชุดเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงยีนธรรมดาแต่มันกลับดูมีเสน่ห์มากๆเมื่ออยู่บนตัวเขา


และเพราะผมพาเจย์มาด้วย เลยต้องให้คนของผมไปเฝ้าอยู่ที่คอนโดของหมอกแทนเจย์ที่คอยตามดูพวกผมอยู่ห่างๆ (ซึ่งรูปที่ผมกับหมอกโดนแอบถ่ายไป ก็มีเจย์คอยช่วยจัดการให้)


‘เชี่ยเอ้ย มองหาพ่อหรอ’ ไม่รู้เหมือนกันว่าหมอกบ่นคำนี้ออกมาแล้วกี่ครั้ง เจ้าตัวดูจะรำคาญคนที่มองตนมากๆ


ขายาวๆของหมอกก้าวเดินฉับๆ แต่ก็ต้องสะดุดกึกเมื่อมีมือมาคว้าแขนหมอกไว้


เธอเป็นผู้หญิงรูปร่างสูงปราดเปรียว หุ่นเนื้อนมไข่เน้นๆ หน้าตาจัดได้ว่าอยู่ในขั้นสวยมาก ใส่ชุดเดรสสายเดี่ยวโชว์อกที่ตอนนี้เจ้าหล่อนตั้งใจดึงแขนให้ไปโดน

“พาย พายจริงๆด้วย” เธอพูดด้วยน้ำเสียงดีใจกอดแขนหมอกไว้แนบกับตัวและส่งสายตาหวานเยิ้มไปให้ แต่เรียวหน้าคมกลับคิ้วกระตุกและขืนดึงแขนตัวเองออกจากการกอดรัดนั้น

“วันนี้ไม่ว่าง” หมอกได้แต่ตอบกลับไปสั้นๆน้ำเสียงเจือความหงุดหงิดอย่างไม่ปิดปัง

ทีแรกเขาเข้าใจว่าผู้หญิงคนนี้ทักคนผิด แต่พอได้ยินหมอกตอบไปอย่างนั้นก็แปลกใจไปมีชื่ออื่นตั้งแต่เมื่อไหร่ ผมยืนมองอย่างสนใจ ไม่ได้รู้สึกหงุดหงิดเพราะท่าทีหมอกเห็นชัดว่าไม่ได้เล่นด้วย หมอกเหลือบสายตามามองผมแวบนึงก่อนจะกลับไปจ้องผู้หญิงตรงหน้า


“อะไรกันคะ นี่เปรียวคิดถึงพายนะ ตั้งแต่คืนนั้น เปรียวก็ไม่เคยลืมพายได้เลยนะ” เสียงสูงเอ่ยอย่างออดอ้อนพร้อมขยับตัวเข้ามากอดหมอกอีกครั้ง ร่างเพรียวกระตุกยิ้มมุมปากเล็กน้อย

“แต่มันเป็นปีแล้วนะ” คำตอบนั่นทำเอาผมหลุดขำ ทั้งตัวคำพูดเองและน้ำเสียงเหนื่อยหน่ายจากปากของหมอก มันจะเป็นไปได้จริงๆหรอที่ว่าเป็นปีแล้วหน่ะ ดูยังไงผู้หญิงคนนี้ก็ไม่ใช่แฟน น่าจะเป็นคู่ขามากกว่า

“แต่มันดี จนจำได้ขึ้นใจนี่คะ” อีกฝ่ายยังไม่ยอมหยุดมือไม้เริ่มลูบไล้ไปทั่วอกของหมอกและนั่นเริ่มทำให้ผมยิ้มฝืน

เฮ้ ได้ไงหละ ผมแทบจะยังไม่เคยได้ลูบด้วยซ้ำ

“แต่สำหรับผมมันไม่ได้ดีจนขนาดจำได้ ชื่อคุณผมก็จำไม่ได้ อา หยุดจับเถอะ แฟนผมหึงแล้ว”




ประโยคยาวๆที่นานๆได้ยินทีกับคำพูดเจ็บแสบนั่น คงทำให้ผู้หญิงคนนั้นหน้าชาไปอีกพักแน่ๆ สังเกตุจากการที่เจ้าหล่อนนิ่งค้างไป

เอาเถอะผมว่าผมเข้าใจ เพราะถ้าโดนนั้นกับตัวเอง มีหวังเสียความมั่นใจไปมากเหมือนกัน แต่ก็ต้องยิ้มให้กับประโยคสุดท้าย เพราะหมอกผละออกมาจากคนนั้นและหันมามองผม ก่อนจะเดินเข้ามาคว้าคอผมและพาออกจาจุดเกิดเหตุ ปล่อยให้เปรียวยืนมองตาค้างจากที่เดิม


“ไปเล่นหูเล่นตากับใครไว้เยอะสิท่า” ถามออกไปด้วยน้ำเสียงสบายๆ เข้าใจเหมือนกันมันเป็นชีวิตปกติของผู้ชาย



“เล่นเยอะ แต่ไม่ได้เอาเยอะ” หมอกตอบผมด้วยยิ้มเจ้าเล่ห์ หน้าของผมเลยเขาไม่ได้ห่างกันมากนักเพราะเขายังคงกอดคอผมอยู่ มันไม่ได้เป็นอุปสรรคเท่าไหร่เพราะผมกับหมอกไม่ได้มีความสูงต่างกันมากนัก


“แล้วอย่างพี่นี่มีสิทธิ์จะ ได้เอา  บ้างไหมครับ” ผมยิ้มตาหยีไปให้จงใจพูดสองแง่สองง่ามให้อีกคนจักจี้เล่น แต่หมอกแค่เม้มปาก















.

.
.


.
“ก็ลองอ่อยบ่อยๆสิ”








หมอก


ร้านหนังสือเป็นจุดหมายแรกและสุดท้ายที่ผมจะแวะ หลังจากที่เดินหงุดหงิดอยู่สักพักก็ตัดสินใจได้ว่าจะซื้อหนังสือให้เป็นของขวัญวันเกิดของนาย แล้วก็ซื้อไปอ่านเองสักสองสามเล่ม หนังสือที่นายชอบเลือกไม่ยาก มันคือหนังสือภาพการ์ตูนต่างๆของดีสนีย์ ปัญญาอ่อนเหมาะกับมันใช่ไหมละ

ตอนนี้ผมกำลังเดินเลือกหนังสือสืบสวนสอบสวนแบบที่ตัวเองชอบอยู่ที่บริเวณมุมสุดหลังร้าน ส่วนไอ้ฝรั่งนั่นผมไล่ให้มันรออยู่ด้านหน้า


ผมหยิบหนังสือมาอีกสองสามเล่ม ทำให้ตอนนี้ในมือผมมีหนังสืออยู่เป็นตั้ง


พลั่ก


“Oh I’m so sorry”

ช่วงนี้ผมเป็นอะไรกับฝรั่งพวกนี้เยอะแยะวะ

ได้แต่บ่นในใจเมื่อได้ยินเสียงขอโทษเป็นภาษาอังกฤษ เงยขึ้นมาก็เห็นหน้าคนที่มาชนเขาจนหนังสือทั้งหมดลงไปกองอยู่บนพื้น ตาสีฟ้าอ่อนกับยิ้มที่ทำให้ผมสยองชอบกล ขัดผมสีดำสั้นที่ตอนแรกมองเห็นนึกว่าเป็นคนเอเชีย เขานั่งลงช่วยผมเก็บหนังสือที่หลุ่นอยู่ก่อนจะยื่นมาให้

ผมพยักหน้า ไม่ได้พูดอะไร


บอกตรงๆว่าไม่อยากเข้าใกล้แปลกๆ เลยรีบพาตัวเองเดินไปที่เคาท์เตอร์คิดเงินด้านหน้า พอคิดเงินเสร็จเรียบร้อยก็เดินออกมาจากร้าน ที่มีฝรั่งหัวน้ำตาลตัวโตนั่งรออยู่

“กลับกัน”




________________________________________

แวะมาลงเพิ่มตามสัญญาค่ะ  :L2:

ออฟไลน์ crazydoii

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 858
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
ใครนะ???

จะใช่ศัตรูพ่อรึป่าว???

ออฟไลน์ maekkun

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 223
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0

ออฟไลน์ qDraftman

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
6






     วันหลังแค่ออกไปห้างจะแต่งตัวธรรมดาไม่ได้เลยหรอวะ คิดไปก็ได้แต่หงุดหงิด ผู้หญิงเมื่อวานตามที่ผมพูดคือผมจำเขาไม่ได้จริงๆ เซ็กส์สำหรับผมคือการระบายอารมณ์ล้วนๆไม่เคยมีความรู้สึกส่วนตัวเข้ามาเกี่ยวข้องซึ่งส่วนใหญ่ผมจะต้องมีแอลกอฮออล์เป็นตัวช่วย ถ้าจะพูดให้ถูกคือตอนสติเต็มร้อยผมไม่มีทางไปมีอะไรกับใครแน่ๆ แล้วผู้หญิงคนนั้นก็คงแค่จะผ่านมาในวันที่ผมเครียดหงุดหงิดหรืออะไรสักอย่าง อีกเรื่องนึงคือผมเลิกนอนไปทั่วอย่างนั้นมาเป็นปีแล้ว มันไม่สามารถตอบสนองการระบายอารมณ์ให้ผมแบบที่ผ่านมาได้

คุณอาจจะคิดว่ามันเป็นไปได้อย่างไรที่ไม่ได้ระบายกับใครเลยเป็นปีๆ แต่อย่างที่บอกเรื่องนี้สำหรับเขาแล้วเป็นแค่สิ่งที่ทำให้สมองโล่งได้ชัวคราวเท่านั้น แอลกอฮอล์และการออกแรงสามารถแทนที่มันได้


มือเรียวไม่ได้รู้ตัวเลยว่าตอนนี้ตัวเองกำแก้วสีอำพันในมือแน่นขนาดไหน ลมเย็นๆกับความรู้สึกร้อนที่ลงผ่านลำคอไม่ได้ทำให้ความคิดในหัวสงบลงได้เลย ตอนนี้ในคอนโดมีเพียงเขาเพราะตนได้ไล่ให้พวกที่คอยเฝ้าอยู่แค่หน้าห้องหรือล่างคอนโดเท่านั้น แลกด้วยการติดอุปกรณ์รักษาความปลอดภัยที่ซีนอนหามาให้ ขายาวก้าวเขาไปในห้องน้ำถอดเสื้อผ้าออกทั้งหมดเหลือเพียงร่างกายที่เปลือยเปล่า มีเพียงพลาสเตอร์กันน้ำปิดแผลอยู่เท่านั้น น้ำเย็นๆจากฝักบัวไหลลงกระทบหน้าไหลลงเปียกไปทั้งตัว เพื่อช่วยดับความร้อนจากบรั่นดีหลายแก้วก่อนหน้านี้




ความรู้สึกเจ็บที่รอยสักรูปแมงป่อง




แผลเก่า ใต้การปกปิด ที่วันนี้ก็ยังไม่หาย ..








     แม้แต่แผลที่โดนแทงยังสู้ไม่ได้แม้แต่น้อย เพราะบางแผลต่อให้มันจางไปก็จะยังมีความรู้สึกหนึ่งที่ยังหลอกหลอนทุกครั้งที่เผลอไปนึกถึง แต่เขาดีขึ้นมากเพราะมันได้กลายเป็นเพียงความรู้สึกที่ผ่านมาและไป ทั้งทำให้เขารู้สึกแย่ได้และเข้มแข็งขึ้นได้ ถ้าไม่มีความรู้สึกนี้ก็จะไม่มีเขาแบบในวันนี้เช่นกัน

มันไม่ใช่ความรู้สึกเสียใจทรมาณหรืออะไรเหมือนก่อนอีกแล้ว มันกลายเป็นความน่าหงุดหงิดรำคาญใจและโมโหตัวเอง
หมอกถอนหายใจแรงและโขกศีรษะเข้ากับผนังเบาๆเป็นการเรียกสติ






..แล้วทำไมอยู่ๆต้องไปนึกถึงด้วยวะเนี่ย...
















สักหน่อยก็ได้วะ





ร่างบางตัดสินใจจะหยุดความคิดฟุ้งซ่านของตัวเองและทำให้สมองว่างด้วย มือ ของเขา มือเรียวเอื้อมลงไปแตะที่กลางลำตัวของตน  เพียงแค่สัมผัสเบาๆบวกด้วยฤทธิ์แอลกอฮอลล์ก็ทำให้ส่วนนั้นตื่นได้ไม่ยากนัก ก่อนจะค่อยๆขยับช้าๆเพื่อเพิ่มอารมณ์ ไม่นานขนาดของมันก็เพิ่มจนสุด ก่อนที่ความรู้สึกดีจะเริ่มก่อตัวจนมีเสียงครางเบาๆในลำคอ


ผิวขาวละเอียดและรูปร่างที่ยั่วยวนนั้นไม่ว่าใครมาเห็นในเวลานี้ก็คงมีอารมณ์ร่วมด้วยไม่ยาก ผิวที่ออกจะขึ้นสีนิดๆ กับสีหน้ากำลังอิ่มเอมไหนจะเสียงนุ่นชวนฟัง ราวกับมันเป็นภาพศิลปะที่ทำให้ทุกคนหลงดื่มด่ำได้


ครั้งนี้แปลกอยู่อย่างเพราะมันมีภาพผุดขึ้นมาในหัว พูดให้ถูกคือหน้าซีนอนลอยเข้ามาในความคิด หมอกไม่เข้าใจตัวเองภาพที่เค้าคอยแกล้งยั่วซีนอนลอยมาเป็นฉากๆแทนที่เขาจะหมดอารมณ์กลับรู็สึกตื่นเต้นมากขึ้นไปอีก รู้สึกได้ถึงกลิ่นและสัมผัสของคนที่ตนชอบแกล้งอยู่บ่อยๆทั้งๆที่ไม่ได้อยู่ใกล้





เชี่ย





กระทั่งจินตนาการไปถึงจูบที่เร้าร้อน ร่างกายที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามกำลังดีน่าสัมผัส เสียงทุ้มๆที่มากระซิบข้างหู ลมหายใจที่เป่ารดเวลาสบตากัน







เชี่ยมาก














เชี่ยมากๆ









แต่ถึงหมอกจะด่าตัวเองมากเท่าไหร่ แต่กลับไม่ได้หยุดมือตัวเองแม้แต่น้อย มันกลับเพิ่มความเร็วไปตามแรงอารมณ์ ภาพของอีกคนยังฉายอยู่ในความคิดเรื่อยๆ แถมมันยังทะลึ่งขึ้นตลอดเวลาจนตอนนี้หน้าขาวร้อนผ่าวไปหมด รู้สึกว่าตัวเองกำลังใกล้ถึงจุดหมายเต็มที




“ซีนอน.. อือ”




ร่างขาวครางเสียงแผ่วกระตุกเกร็ง ก่อนสิ่งที่สะสมมากว่าเดือนจะพุ่งออกมาเต็มฝ่ามือ หมอกถึงกับหมดแรงพิงกับพนังห้องน้ำหอบหายใจอยู่สักครู่ ก่อนจะล้างตัวปล่อยให้น้ำชำระสิ่งต่างๆออกไป ได้แต่กัดปากตัวเองรู้สึกยิ่งกว่าอายที่เผลอเรียกชื่อออกมา











จะยังมีหน้าไปสบตามันอีกไหมวะเนี่ย







   ตื่นขึ้นมาได้ก็เกือบสาย เพราะเมื่อคืนหลังจากเรื่องน่าอายนั่นกว่าเขาจะข่มตาหลับได้ก็เกือบเช้า ผมรีบเตรียมตัวเพื่อไปเรียน ยังทำใจจะเข้าไปอาบน้ำไม่ได้ หาข้ออ้างว่าเพิ่งอาบเมื่อคืนและไม่ได้ไปไหน หยิบแปรงสีฟันและโฟมล้างหน้าออกไปจัดการธุระที่ห้องน้ำแขกแทน

กลับเข้ามาในห้องเพื่อแต่งตัวถอดจิวต่างหูออกจากตัวทั้งหมดหวีผมให้เรียบร้อยแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าเชยๆตัวเดิม สุดท้ายจะหยิบแว่นออกมาใส่

ก่อนจะออกจากห้องผมทำแซนวิชง่ายๆสองชิ้นใส่กล่องเพื่อเอาไปกินระหว่างทาง พอลงลิฟท์มาก็เจอเจย์เลนยืนดักอยู่ ผมชะงักเล็กน้อยมองซ้ายขวาไม่เห็นซีนอนก็แอบถอนใจ



“คุณซีนอนติดธุระครับ แต่กำชับมาว่าให้ผมไปส่งคุณที่มหาลัย” เหมือยเจย์จะเข้าใจไปว่าผมมองหาเขา คนตัวเล็กยิ้มก่อนจะผายมือไปที่ Bentley Mulsanne สีดำคันหรูที่จอดอยู่ข้างหน้า ผมถอนใจอีกรอบ




ไม่มีคันที่ธรรมดากว่านี้รึไง




ไม่นานรถคันหรูก็มาถึงที่หมาย รถราคากว่าสามสิบล้านย่อมเป็นจุดสนใจได้เป็นอย่างดียิ่งนี่คือคณะวิศวะที่ๆคนส่วนใหญ่มีความชอบในเรื่องรถยนต์ แต่ก็ยังโชคดีที่เจย์มาจอดให้ในที่ๆคนไม่พลุกพล่านมากนัก แต่ก่อนที่ผมจะลงจากรถ มือถือในกระเป๋ากางเกงก็สั่น


‘Xenon’ 




ผมหยุดมองหน้าจออยู่ครู่หนึ่ง ภาพเมื่อคืนย้อนมาทำร้ายผมอีกครั้ง จนต้องสูดหายใจเข้าลึกๆก่อนจะกดรับ


‘ถึงม.ยังครับ’  เสียงทุ้มจากปลายสายดังขึ้นทันทีที่กดรับ

“อืม” ผมเลือกที่จะตอบกลับสั้นๆเพราะกลัวเสียงตัวเองจะสั่น




โอ้ย จะว่าไปก็หงุดหงิดตัวเอง กระแดะจริง




‘คร้าบๆ ระวังตัวด้วยนะ พี่ขอไปเคลียร์งานก่อน’  อีกคนย้ำ เพราะที่มหาลัยเป็นที่ที่ถือได้ว่าอันตรายที่สุด

ครั้งแรกที่ผมโดนทำร้ายก็เป็นที่นี่ ผมคงปลีกวิเวกไปอยู่คนเดียวไม่ได้สักพัก

หลังจากประโยคสุดท้ายผมก็ตัดสายไปโดยไม่ได้ตอบอะไรก่อนจะบอกขอบคุณเจย์เลนแล้วลงจากรถ


สายตานับสิบคู่จ้องมาที่ผมตามคาด เลยทำให้ได้แต่เดินตัวเล็กเข้าไปในตึกเท่านั้น

ระหว่างทางก็มีเสียงซุบซิบมากมายทำนองว่า ผมคือใคร เรียนที่นี่หรอ ไม่ได้ใส่ไทด์แสดงว่าไม่ใช่ปี1แล้วทำไมไม่เคยเห็น รวยมากแค่ไหน ทำไมไม่รู้จัก บลาๆ ความพยายามที่จะอยู่เงียบๆนับปีของผมแทบจะทลายลงทันที

ปกติผมจะนั่งรถสาธารณะหรือรถไฟฟ้าแล้วเดินเข้าม.มาเองมากกว่า ไม่นานผมก็มาถึงห้องเรียน อีกประมาณ10นาทีถึงจะได้เวลาเริ่ม คนก็ทยอยๆกันมาจับจองที่นั่งส่วนหลังห้องเป็นส่วนที่ได้รับความนิยมมากที่สุด

ผมเลือกที่จะนั่งกลางๆห้องริมหน้าต่าง ซึ่งเป็นเหมือนที่ประจำของผมไปแล้ว ไม่นานกลุ่มเพื่อนๆของผมก็เข้ามาในห้อง ซันเป็นคนแรกที่เห็น แต่นายเป็นคนแรกที่มาถึงตัว




“ไม่มาเรียนตั้งหลายวัน เป็นไรรึเปล่า” นายรีบนั่งลงข้างก่อนจะถามด้วยความเป็นห่วง


“อืม ไม่เป็นไรแค่ขี้เกียจ” เลือกที่จะปกปิดความจริงที่ว่าผมโดนทำร้ายอีกรอบเพื่อไม่ให้เพื่อนๆต้องคอยเป็นห่วง หลังจากที่พวกมันวางใจว่าผมไม่เป็นไรแล้ว

ต่างคนก็เหมือนจะแย่งกันเล่าเรื่องราวที่ตัวเองไปไปเจอมาระหว่างสุดสัปดาห์ ถ้าพูดให้ถูก คือ นาย กับฟีฟ่าที่แย่งกัน มีผมกับซันนั่งฟังส่วนแทนเสริมบ้างเป็นช่วงๆ แต่ผมก็ต้องขมวดคิ้ว เมื่อรู้สึกถึงบรรยากาศแปลกรอบตัวแทนคุณ จะว่ามันอืมครึมแปลกๆก็ได้ มันเห็นว่าผมจ้อง คงรู้ว่าผมคิดอย่างไงและตอบมาด้วยยิ้มว่าไม่มีอะไร

“แต่ก็ว่านะไอ้หมอก มึงดูดีแปลกๆวะวันนี้” จู่หัวข้อสนทนาก็กลับมาเป็นเรื่องผม ฟีฟ่าพูดขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย นายมองตามสำรวจผมอย่างละเอียด

“เออวะ มึงดูสดใสแปลกๆนะ” ผมหลบตามันแวบหนึ่ง แอบคิดถึงเรื่องเมื่อคืน

“เห้ย นี่แปลกจริงแล้ววะ บอกกูมาดิเกิดอะไรขึ้น” มันทำตาโต ตกใจที่ผมหลบสายตา
จะว่าไปวันนี้คนในห้องก็มองมาทางนี้กันผิดปกติ คือพวกนายมันเด่นอยู่แล้วก็จริงแต่ผมไม่ได้ถูกนับรวมในกลุ่มเด่นนั่น แต่วันนี้สายตาหลายคู่กลับจ้องมาที่ผม


“ไร้สาระ” เมื่อคืนนนอนไม่ค่อยหลับ มันต้องโทรมมากกว่าสิ นายยังคงมองผมไม่วางตา ก่อนจะทุบกำปั้นตัวเองเหมือนนึกอะไรออก


“กูเคยเห็นหน้าอย่างนี้มาก่อน เหมือนตอนนั้นเลยที่มึงเจอเรื่องถูกใจ ไอ้นักเลงในผับที่หาเรื่องมึงเมื่อปลายปีก่อน ที่มันเก่งมึงเลยจัดหนักจนมันนอนโรงบาลไปสามอาทิตย์ไง” นายจัดแจงเล่าเป็นฉาก

ผมจำเรื่องนี้ได้ ทำนองว่าคนนี้มันมาแก้แค้นให้เพื่อนมันที่เคยมีเรื่องกับผม มันเก่งมากพอตัวเล่นเอาผมได้แผลไปเยอะเหมือนกัน ถือเป็นการได้ออกแรงที่สนุกมากครั้งหนึ่ง ผมยิ้มบางๆให้ความจำที่ดีเลิศของเพื่อน



“ว่าไงละจะเล่าให้ฟังได้ไหม”  ฟีฟ่าคะยั้นคะยอ ส่งสายตาให้ผมเล่า แต่ก็โดนอาจารย์ที่เริ่มสอนขัดขึ้นมาก่อน ผมเลยถือว่าตัวเองได้ผลประโยชน์ไม่ต้องมาอธิบายอะไร




สามชั่วโมงกับวิชาแคลคูลัสน่าเบื่อผ่านไป นักศึกษาแทบจะกรูกันออกจากห้องทันทีที่อาจารย์ปล่อยแต่แทนที่จะได้ออกไป นักศึกษากลับยืนออกันอยู่บริเวณหน้าประตูไม่ขยับไปไหนมีเสียงบ่นมาจากด้านหลังแว่วๆว่า ทำไมไม่เดินไปกันซักที พวกผมทีไม่รีบมากนักตัดสินใจนั่งรอจนคนทยอยออกไปหมด แต่นี่ผ่านมากว่าสิบนาทีแล้ว ที่ประตูทางออกก็ไม่มีวี่แววว่าคนจะน้อยลงไปซักที ฟีฟ่าที่อดใจไม่ไหวอาสาเดินออกไปดูว่ามันเกิดอะไรขึ้น สักพักหลังจากที่มันหายไปกับฝูงคนก็กลับมาพร้อมหน้าตื่นๆ



“สรุปแม่งมีไรวะ” นายถามขึ้นเมื่อไอ้ฟ่ายังลีลาทำเป็นหอบไม่มีแรงจะพูด ทั้งๆที่มันก็แค่ชอบที่เพื่อนๆทำหน้าท่าทางรอคอย สองมือของมันยกขึ้นเป็นสัญญาณว่าหยุด

 เหมือนจะยังอยากยื้อเวลาแทนที่จะรีบบอกดันเพิ่มประโยคไม่จำเป็นเลยโดยแทนคุณตบหัวสั่งสอบไปหนึ่งที




“ใจร้ายจริงพวกมึง ก็หน้าห้องแม่งดันมีคนมายืนเก็กอย่างกับตัวเองเป็นนายแบบบอยู่ กรี้ดเหี้ยไรนักหนาหล่อไม่เท่าครึ่งของกูด้วยซ้ำ”

“เอ้าละใครวะ” นายถามต่อ

“ไม่รู้แต่เห็นมีบอดี้การ์ยืนเฝ้าด้วย”


จบคำผมก็ลุกขึ้นยืนจนเสียงเก้าอี้ครืดดังไปทั้งห้อง หลายคนหันมามองผม แต่คนที่แปลกใจกันสุดๆคือพวกเพื่อนๆของผมนี่แหละ คนที่มันจะแบกบอดี้การ์ดมาเฝ้าอย่างนี้มันจะมีสักกี่คนเชียว แต่ไอ้หน้าอย่างนั้นเนี่ยนะ มาทำอะไรที่นี่ เพื่อตอบข้อสงสัยของตัวเองผมเลยรีบเดินฝ่าฝูงชนออกไปดูให้มันเห็นกับตา อาจจะคิดไปเองแต่ผมรู้สึกว่าคนอื่นหลบทางให้ผมแปลกๆ




และ ข้อสงสัยผมก็เป็นความจริง








________________________________________

มาต่อแล้วค่ะ รอบนี้มาช้าหน่อยเพราะงานที่กองเป็นภูเขามากมายที่ต้องเคลียให้ทันก่อนสงการนต์ /เศร้า
ขอบคุณนักอ่านทุกท่านที่เข้ามาอ่านและแสดงความคิดเห็นนะคะ โดยเฉพาะคุณ crazydoii และคุณ PKT ที่เม้นให้แทบทุกตอน
เป็นกำลังใจชั้นดีเลยค่ะ555555 :hao5: :hao5: :hao5:

ตอนนี้มาด้วยความเรทนิดๆหื่นหน่อยๆของน้องหมอก ที่ไม่รู้ว่าจะเริ่มหวั่นไหวบ้างหรือยัง :hao7: :hao7:
ปล.นิยายเรื่องนี้อัพเรื่อยๆนะคะอาจจะเป็นวันครั้ง สองวันครั้ง แต่จะไม่หายไปเกินอาทิตย์แน่นอนค่ะ
ปลล.เนื่องจากเป็นนิยายเรื่องแรกคนเขียนบางทีก็เกิดอาการท้อบ่อยๆได้55555555ขอกำลังใจด้วยนะคะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-04-2017 03:54:14 โดย qDraftman »

ออฟไลน์ maekkun

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 223
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0

ออฟไลน์ crazydoii

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 858
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1

ออฟไลน์ qDraftman

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
6.2








ซีนอนยืนหน้าตายอยู่ท่ามกลางคนที่พยายามจะมองหรือเข้าไปทำความรู้จัก





ทันทีที่มันเห็นผมหน้านิ่งๆดูน่ากลัวของมันก็ยิ้ม เรียกเสียงกรี้ดเบาๆจากผู้หญิงที่เดินผ่านรอบๆ มันอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตสีดำและกางเกงสแลคสีเดียวกันดูภูมิฐาน ขายาวๆขอมันก้าวมาทางผมในขณะที่เหล่าวิศวะมุงก็ค่อยๆหลบทางให้



“มึง? มาทำไม?” คำถามแรกที่คาใจผมโดนถามออกไปทันที ไอ้ฝรั่งมองผมริมฝีปากยกยิ้มคล้ายจะหัวเราะ


“ก็อยากมา”


“ทำไม?” ผมถามเสียงเบา เริ่มอึดอัดกับสายตาที่จ้องมา





“อยากเจอ” คำตอบง่ายๆนั่นแทบทำเอาผมหลุดยิ้ม ยังดีที่สายตากดดันจากรอบๆช่วยทำให้สีหน้าผมไม่เปลี่ยนไป


“วุ่นวาย” ได้แต่ส่งเสียงดุๆไป แต่ก็ใช่ว่าอีกคนจะสะทกสะท้าน กลับเดินเข้ามาจับหัวผมและดันให้เดินไปข้างหน้า




รู้สึกเหมือนโดนไฟช็อต






และทำให้นึกถึงเรื่องเมื่อคืน...ความกระแดะของกู ผมรีบเอาหัวหลบแต่กว่าจะคิดได้เราก็เดินออกมาจากฝูงชนจนถึงบริเวณลานหน้าคณะ


“กินไหนดี โรงอาหารคณะหมอกดีไหม” ซีนอนถามอย่างขอความเห็น ผมเงยหน้าขึ้นไปสบตาแต่ไม่นานก็ต้องหลบ


“ไม่ คนเยอะ”  ดูมันไม่ค่อยเข้ากันใช่ไหมละ ซีนอนกับโรงอาหารมหาลัย


“อืม งั้นเดี๋ยวพาไปหาอะไรอร่อยๆกินข้างนอก” ยิ้มอ้อนๆที่ส่งมาทำริมฝีปากผมกระตุกยิ้ม ซีนอนเห็นก็ทำหน้าชอบใจ จนผมต้องกระแอมเรียกสติ


“เสือก” ผมเดินนำออกมา ได้ยินเสียงมันหัวเราะเบาๆก่อนเดินตามมาแล้วดึงกระเป๋าผมไปถือ





รำคาญตัวเอง เหมือนตุ๊ดชิบหาย








กว่าสติตัวเองจะกลับมาได้ก็ตอนนั่งอยู่ร้านอาหารญี่ปุ่นร้านหนึ่งในห้างที่ไม่ไกลจากมหาลัยมากนัก มีเมนูและรูปภาพอาหารมากมายให้ผมเลือกอยู่ตรงหน้า


คนในร้านก็มองพวกผมซะเสียมารยาท เข้าใจว่าไอ้ฝรั่งนี่มันก็หล่อแต่ก็ไม่ต้องทำขนาดนี้ปะวะ และยังไม่ทันขาดคำก็มีผู้หญิงคนนึงเดินเข้ามานั่งข้างไอ้ฝรั่งแบบไม่กลัวเกรงอะไร

มันดูเด่นมากจริงๆเพราะในรัศมี 2 โต๊ะนี้ไม่มีใครเข้ามานั่งใกล้พวกผมเลยสักคน จากท่าทางแล้วเธอดูเป็นผู้หญืงประเภทเปรี้ยวเข็ดฟันแบบที่ผมเคยชอบ

 เธอทำท่าจะจับแขนของไอ้ฝรั่งแต่โดนสยตาดุๆปรามเอาไว้ก่อน ผมเห็นอย่างนั้นก็ไม่ได้สนใจก้มหน้าก้มตามองเมนูในมือต่อ


“ซีนอนใช่ไหมคะเนี่ย บังเอิญจังเลยไม่นึกว่าจะมาเจอที่นี่ จำพีชได้ไหม เราเจอกันที่งานสถานทูตวันก่อนไหนบอกจะติดต่อมาไงคะ เงียบไปเลยนะ” พูดไปก็ทำทีเป็นอายไปด้วย แต่หึ แค่ดูก็รู้แล้วแหละครับว่าแสร้งทำ ผมแอบขำเล็กน้อยกับเหตุการณ์ตรงหน้า

ตลกดี เมื่อวานผม วันนี้มัน

“พูดอย่างนี้เดี๋ยวแฟนผมก็เข้าใจผิดหรอกครับ” ซีนอนตอบนิ่งๆแต่โยนขี้มาให้ผมจังๆ เจ้าตัวพยักเพยิดมาทางผมยิ่งทำให้มันชัดเจนขึ้นไปอีกว่าแฟนที่มันว่าหมายถึงคนไหน

ผมได้แต่เลิกคิ้วพร้อมจ้องหน้าคาดโทษกำลังคิดว่าจะตอบกลับไปยังไงดีเพราะตอนนี้ผมไม่ใช่ตัวผม ถ้าตอบแบบปกติไปคงไม่ดีนัก แต่ยังไม่ได้ทันจะอ้าปากพูดเสียงน่ารักดูขี้อายเมื่อกี้ก็กลายเป็นเสียงแหลมๆตวาดขึ้นมาก่อน


“ไอ้เอ๋อนี้นะหรอคะ แฟนพี่ซี” เธอไม่ว่าเปล่าแต่ชี้มือมาที่ผมด้วย

“ซีนอนครับ ไม่ใช่ซี แล้วก็พูดจาให้ความเครพกันหน่อย” ซีนอนตอบ ผมสัมผัสได้ถึงความไม่พอใจมากขึ้นเพราะสีหน้าเฉยๆของเขาเริ่มเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียด

แต่ผมกลับยิ่งเห็นว่ามันน่าขำขึ้นกว่าเดิม เหมือนได้มาดูละครหรืออะไรก็ไม่รู้


“นี่มันผู้ชายนะคะ แถมดูก็ไม่มีอะไรสักอย่างแต่งตัวก็เฉยไร้รสนิยมหน้าตาก็จืดชืดดูไม่มีตังด้วยซ้ำ ไม่รู้จะพูดรู้เรื่องรึเปล่าอีกหน้าเอ๋อขนาดนี้”




คำพูดของเธอไม่ได้ทำให้ผมโกรธตรงกันข้ามกลับทำให้ผมก้มหน้าแอบขำเลยด้วยซ้ำ แต่ดูเหมือนจะไม่ใช่กับซีนอนมันดูไม่พอใจมาก


“เธอไม่มีสิทธิ์มาพูดจาอย่างนี้นะ” เสียงของซีนอนดุและดังจนเกือบเป็นตวาด ผู้หญิงคนนั้นดูตกใจมากแต่ก็ยังไม่ยอมแพ้ ลุกขึ้นยืนและเริ่มทำเสียงดัง จากเดิมที่คนมองอยู่แล้วกลายเป็นสนใจกันมากเข้าไปอีก ผมเตะขาซีนอนเบาๆ เชืงเตือนว่าอย่าไปใส่ใจ



“ไม่ค่ะ ดูสิพี่กับมันต่างกันยิ่งกว่าฟ้ากับเหว ไม่มีอะไรดีเลยไม่เหมาะสมสักนิด แล้วนี่มันผิดนะคะ ผู้ชายด้วยกันไม่อายบ้างหรอคะ” ดูเหมือนเธอเองก็เริ่มโมโหแล้วเหมือนกัน ยืนชี้หน้าด่าผมปาวๆ
จากที่ไม่อะไรผมเริ่มไม่ชอบแล้ว ไม่เข้าใจเหมือนกันดูถูกผม ผมโอเค

แต่คำพูดพวกนี้ผมฟังแล้วหงุดหงิดแปลกๆ ซีนอนกำหมัดแน่นเหมือนพยายามอดกลั้น ผมเห็นอย่างนั้นเลยตัดสินใจลุกขึ้นคิดว่าจะลากไอ้ฝรั่งนี้ออกไปก่อนจะมีเรื่องร้ายแรง

แต่ยังไม่ทันที่จะได้ถึงตัวเธอคนนั้นก็เข้ามาผลักผมเหมือนจะไม่ให้เข้าใกล้ไปมากกว่านี้ ผมไม่ได้สะทกสะท้านอะไรกับแรงเธอมากนักมันแทบจะไม่ได้ทำให้ผมเซด้วยซ้ำ

ผมหยุดและมองตาที่เต็มไปด้วยอารมณ์โมโหของเธอ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงใจเย็น


“ถ้านิสัยอย่างนี้ ต่อให้เป็นผู้หญิงก็ไม่มีใครเอาหรอกครับ”


จบคำผม เธอกรี้ดและตบหน้าผมเต็มแรงหนึ่งฉาด ผมหันเพราะแรงตบไม่ได้หนักหน่วงเหมือนโดนต่อยแต่ก็แสบใช่เล่น

ผมรีบเข้าไปดึงแขนไอ้ฝรั่งเมื่อเห็นว่ามันกำลังจะเข้ามากระชากผู้หญิงคนนั้นแล้วออกแรงดึงมันออกมา ผมตั้งหน้าตั้งตาเดินสักพักก็เห็นรถคันเดิมที่มาส่งผมโชคดีที่มันอยู่ไม่ไกลนัก

 ผมแบมือขอกุญแจจากซีนอนที่ตอนนี้หน้าบูดอารมณ์เสียอยู่ข้างๆ


“กูขับเอง” ผมยื่นคำขาดเพราะมันทำท่าจะไม่ยอม เมื่อได้กุญแจผมก็รีบเข้าไปประจำที่คนขับทันทีซีนอนปิดประตูดังปังนั่งลงเบาะข้างๆผม





ใครจะปล่อยให้คนโมโหขับรถกัน





ผมออกรถมาโดยไม่พูดอะไรอีกตรงกลับไปที่คอนโดผมทันที เริ่มรู้สึกได้ถึงกลิ่นสนิมที่คาวอยู่ในปากและปากที่เริ่มรู้สึกตึงๆ มันคุ้มกับที่กูต้องโดนตบไหมวะ พอมาถึงจอดรถเสร็จสรรพคนข้างๆก็ดูจะเริ่มเย็นขึ้นบ้างแล้วแต่ไม่ยอมขยับไปไหนสักที


“จะทำแผลให้กูไหม ทำก็ลุก” พูดทิ้งท้ายก่อนจะออกจากรถ ไม่นานก็ได้ยินเสียงปิดประตู ผมจัดการกดลิฟต์รอ เมื่อถึงหน้าห้องก็แตะคีย์การ์ดแต่และสแกนนิ้วมือกันเครื่องสแกนใหม่ที่ซีนอนมันจัดหามาให้


เดินไปหยิบอุปกรณ์ปฐมพยาบาลในลิ้นชักก่อนไปนั่งลงบนโซฟา ฝรั่งมันยืนนิ่งแป๊บหนึ่งก็เดินตามมานั่งลงข้างๆ


“เป็นไร” ผมถามออกไปในที่สุด รู้สึกอึดอัดอยู่เหมือนกันที่มันเป็นอย่างนี้มันแปลกๆ จากปกติที่มันเป็นฝ่ายชวนคุยทำหน้าตาทะเล้นๆ กลายเป็นนิ่งเงียบหน้านิ่ง


“มันหงุดหงิดอะ ผมไม่ชอบที่หมอกโดนดูถูกแถมยังโดนทำร้ายอีก” มันเปลี่ยนมาทำหน้างอเอาคางมาเกยผมแบบอ้อนๆ  ผมทำเสียงจึ้จ้ะก่อนจะดันหัวมันออกไป

“มากไป กูยังไม่ได้เอาเรื่องที่มึงโมเมว่ากูเป็นมึงเป็นแฟนกูเลยนะ” ผมเปิดกล่องปฐมพยาบาลก่อนจะหยิบ สำลี แอกอฮอลล์แล้วก็เบตาดีนออกมา ซีนอนจัดแจงเอาสำลีชุบแอลกอฮอลล์อย่างรู้งาน

“ผมแค่ยืมตำแหน่งในอนาคตมาใช้ เมื่อวานหมอกก็ยังทำเลย ดีนะไม่เป็นไรมาก จะไปหาอะไรมาประคบให้นะครับ จะได้ไม่บวม” มันจัดแจงทำแผลให้ผมจนเสร็จแล้ววิ่งไปเอาเจลประคบเย็นที่ผมมีประจำไว้ในตู้เย็นมาให้ ผมจะหยิบมาประคบเองแต่โดนมันปัดมือทิ้งแล้วเสนอตัวจะประคบให้

“กูเป็นผู้ชาย มึงไม่ต้องอะไรขนาดนี้ก็ได้ไหมวะ” ผมพูดไปแบบไม่ได้จริงจังอะไรมาก ซีนอนหัวเราะหึก่อนแกล้งกดเจลประคบให้หนักขึ้น

“ก็ผมอยากดูแลอะ เนี่ยผมไม่ชอบจริงๆนะที่มีคนมาดูถูกหมอก หมอกไม่รู้สึกอะไรบ้างหรอ”

“ก็นั่นมันคาแรคเตอร์กูตอนไปเรียนนี่หว่า” แต่แววตาของมันไม่ได้พอใจในคำตอบผมมากนัก ผมถอนหายใจก่อนอธิบายเพิ่ม

“มันวุ่นวาย มึงก็เห็นตอนไปห้าง” เหมือนหยุดคิดไปแป็บนึง ก่อนจะทำหน้าเหมือนคนคิดไม่ตก

“อย่างนู้นก็ไม่ดีอย่างนี้ก็โดนดูถูก เฮ้ จริงสิผมเป็นไม้กันหมาให้ไง ไม่อยากเป็นตัวของตัวเองหรอ” ตาสีน้ำตาลนั่นกระพริบปริบๆ เลยใช้นิ้วดันหัวมันออกไปด้วยความหมั่นไส้

ใช่ว่าผมจะไม่อึดอัดที่ต้องทำตัวอย่างนั้นไปเรียน ร้อนก็ร้อนแถมผมยังปิดหน้ารุงรังไหนจะแว่นหนักๆอีก แต่ให้แลกกับไม่มีเรื่องวุ่นวายก็คุ้ม


ยกเว้นวันนี้ที่มันวุ่นวายสุดๆทั้งที่ผมยังไม่ได้ทำอะไร จะโทษใครได้ก็ไอ้ฝรั่งตัวใหญ่นี่ไง



“ไว้กูจะเก็บไปคิดละกัน” ผมยิ้มที่มันทำตัวเหมือนเด็ก




“แต่ว่าไปวันนี้หมอกใจดีแปลกๆนะ ” ไม่ว่าเปล่ายังกระเถิบเข้ามาคลอเคลีย เจลเย็นที่มันเอามาให้ประคบถูกวางทิ้งไว้บนโต๊ะนานแล้ว ครั้งนี้ผมไม่ได้ผละออกแต่หัวเราะหึหึ เรื่องในห้องน้ำยังคงคอยหลอนเป็นระยะๆทำให้การตัดสินใจบางอย่างของผมเขว ถ้าจะบอกว่าวันนี้ผมอ่อนลง ซีนอนเองก็อ่อนลงเหมือนกัน เหมือนเป็นตัวเองมากขึ้น






ก็ดีนะ



________________________________________

แอบมาต่อค่ะ อาจจะสั้นไปนิดนึง
เจอกันตอนหน้านะคะ  :pig4:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด