(ต่อจากด้านบนค่ะ)ขมิ้นอุ้มหนูด้วงกลับมาจากรีสอร์ทของคุณขจี ตอนที่หนูด้วงอยู่กับคุณขจีก็ยังยิ้มแย้มแจ่มใส แต่พอได้เห็นหน้าของดาวเรืองเท่านั้นหนูด้วงก็เริ่มงอแงแล้วร้องกลับ ขมิ้นนึกแปลกใจและเก็บความสงสัยเอาไว้และรีบพาหนูด้วงกลับมาที่บ้าน เมื่อมาถึงบ้านขมิ้นก็เห็นนับตังค์และมีคุณอยู่กับคนที่สมัครเป็นผู้ช่วยเชฟนั่งอยู่ด้วยทั้งสองคน
“กลับมาแล้วเหรอ ร้องไห้ทำไมด้วง” นับตังค์ลุกไปอุ้มด้วงมาจากขมิ้น เมื่อเห็นว่าดวงตาของหนูน้อยมีร่องรอยของน้ำตาอยู่ก็เลยเอ่ยถาม
“พอเห็นหน้าดาวเรืองก็ร้องเลยนิ น่าหวาจะกลัวมัน” ขมิ้นหน้าเครียดแล้วเล่าให้นับตังค์ฟัง
“ตอนตังไปเจอครั้งแรกก็ร้องกลัวเยือง กลัวเยือง” นับตังค์เล่าให้ฟังบ้าง
“แสดงว่าคงเจอกับเหตุการณ์ที่ทำให้ฝังใจ ขอพี่อุ้มหน่อยได้ไหมครับคนเก่ง” ใบเมี่ยงลุกมาหานับตังค์ ด้วงที่ตอนแรกเกาะนับตังค์แน่นก็ดูจะลังเล แต่สุดท้ายก็ยอมให้ใบเมี่ยงอุ้ม ใบเมี่ยงอุ้มได้สักพัก ด้วงก็ชูมือให้นับตังค์อุ้มเหมือนเดิม
“มาตฤกะเป็นคนรักเด็ก” พายแซวใบเหมี่ยง
“อ๊ะ ชื่อมาตฤกะเหรอ” ขมิ้นที่กำลังจะเดินไปในครัว พอได้ยินชื่อของใบเมี่ยงก็หยุดชะงักแล้วเดินย้อยกลับมาถาม
“ครับ ชื่อเมี่ยงเอง” เมี่ยงตอบรับขมิ้นแบบงงๆ
“เคยมาเจอนายปู่ใช่ไหม เคยมาขอทำงานกับนายปู่ใช่ไหม” ขมิ้นถามด้วยความตื่นเต้น
“ใช่ครับ” ใบเมี่ยงเองก็แปลกใจที่ขมิ้นรู้เรื่องนี้ด้วย
“เจอจนได้ เจอตัวจนได้นิ รอก่อนนะ ขอโทรหาทนายเคารพก่อน” ขมิ้นออกอาการดีใจจนทุกคนประหลาดใจ เมื่อขมิ้นหายกลับเข้าไปในครัวมีคุณก็หันมาถามใบเมี่ยง
“เมี่ยงเคยขอมาทำงานกับปู่ของผมเหรอ”
“ก็ไม่เชิงครับ เมี่ยงเคยมาทานอาหารที่ร้านนี้ ฝีมือของคุณปู่สุดยอดมาก เลยเลยมาขอให้ท่านเป็นครูสอน เมี่ยงตั้งใจว่าจะย้ายมาอยู่ที่นี่เพราะแม่ของเมี่ยงเสียแล้ว อยากมาเดินทางหาอะไรใหม่ๆ คุณปู่เลยบอกว่าจะรับเมี่ยงเป็นศิษย์และจะยอมขายที่ให้เอาไว้สร้างบ้าน แต่คุณปู่มีข้อแม้ที่ต้องแลกเปลี่ยน” เมี่ยงเล่าให้มีคุณกับนับตังค์ฟัง
“ข้อแม้อะไรเหรอ” นับตังค์ถามด้วยความสงสัย ส่วนมีคุณได้แต่นึกในใจว่าคุณปู่กำลังคิดอะไรถึงได้ให้เขามารับช่วงที่นี่ต่อ กำหนดว่าเชฟต้องเป็นนับตังค์ และตอนนี้ยังยอมแบ่งที่ดินให้เมี่ยงซึ่งเป็นคนแปลกหน้าที่แค่แวะมากินอาหารที่ร้าน
“เมี่ยงก็ไม่รู้ เมี่ยงตัดสินใจช้าไปเพราะมัวแต่ลังเล พอกลับมาที่นี่คุณปู่ก็เสียแล้ว แล้วก็ได้มาเห็นประกาศรับผู้ช่วยเชฟ เมี่ยงถึงดีใจและอยากได้งานนี้มาก”
“แต่คุณปู่ไม่อยู่แล้ว ทำไมถึงอยากมาทำที่นี่ล่ะ” นับตังค์ถามอีก
“ใบเมี่ยงคงคิดว่าเป็นพรหมลิขิต อืม...หรือคุณปู่ลิขิตดี” คราวนี้พายพัดเป็นคนตอบแทน
นับตังค์หันไปมองพายพัดก็เห็นแสงระยิบระยับอีกแล้ว คนหน้าตาหล่อแล้วมาพูดเรื่องพรหมลิขิตมันช่างดูละมุนละไมดี แต่พอหันไปเห็นหน้ามีคุณที่กำลังมองมาแล้วยักคิ้วให้ แสงระยับระยับหายไปในทันที แต่กลายเป็นภาพบอสมีคุณที่เคยอมนิ้วของนับตังค์มาแทนที่ นับตังค์เกือบจะสำลักน้ำลายตัวเอง
“พรุ่งนี้คุณเคารพจะมาพบกับคุณนิ คุณปู่ให้ตามหาตัวคุณมานานแล้ว พรุ่งนี้บ่ายๆ มาที่นี่ด้วยนะ” ขมิ้นเดินออกมาบอกกับใบเมี่ยงด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“จริงเหรอครับ คุณปู่ตามหาเมี่ยงเหรอครับ” ใบเมี่ยงรู้สึกดีใจ
“จริงแท้นิ” ขมิ้นเองก็ดีใจไม่แพ้กันที่ความต้องการของนายปู่ดูจะเป็นไปด้วยดีทุกอย่าง นายปู่คงจะมีความสุขเมื่อมองลงมาแล้วเห็นว่าคนที่ท่านต้องการให้มาอยู่ที่นี่มาครบกันหมดแล้ว
“เอาเป็นว่า เมี่ยงกับพายได้งานนี้แล้ว อีกหนึ่งเดือนเราถึงจะเปิดร้าน แม้ตอนนี้จะเป็นช่วงฤดูที่นักท่องเที่ยวเริ่มมาที่เกาะกันแล้ว แต่ผมอยากให้ทุกอย่างพร้อมก่อน ผมอยากให้คุณทั้งคู่เริ่มมาทำงานตั้งแต่พรุ่งนี้เลย ส่วนเรื่องเงินเดือนผมขอให้ตามเรทมาตรฐานก่อนสักสามเดือน ถ้านับตังค์ประเมินการทำงานของคุณแล้วเห็นว่าควรเพิ่มให้ ผมก็ยินดี อีกอย่าง นับตังค์เขาจะต้องเริ่มกำหนดเมนูอาหารแล้ว คุณทั้งสองคนจะได้มาลองทำงานให้ให้รู้มือรู้ใจกัน ระหว่างนี้ผมจะก็จะเริ่มทำการโปรโมทร้านไปด้วย แล้วคุณสองคนพักที่ไหน” มีคุณแจกแจงรายละเอียดก่อนจะถามถึงที่พักของใบเมี่ยงและพายพัด
“เราเช่าโฮมสเตย์อยู่ชั่วคราว” พายพัดตอบ
“ถ้าอย่างนั้นมาอยู่ที่นี่ก่อน ไม่ต้องไปเสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม” มีคุณพูดจบนับตังค์ก็มองหน้ามีคุณ เพราะบ้านหลังนี้มีห้องนอนห้องเดียว มีคุณชวนพายพัดกับใบมี่ยงมาอยู่แล้วจะให้ทั้งคู่นอนที่ไหน
“จะไม่รบกวนบอสกับเชฟเหรอครับ” ใบเมี่ยงถามด้วยความเกรงใจ
“ไม่เป็นไร เรามีห้องใต้หลังคาอยู่ อาจจะไม่ใหญ่โตมากนักแต่ผมว่าสองคนอยู่ได้สบาย เดี๋ยวจะให้ขมิ้นพาไปดู แล้วคุณสองคนไปย้ายของมาได้เลยในตอนเย็น” มีคุณยังไม่ทันสังเกตว่านับตังค์จ้องหน้ามีคุณอยู่
“ถ้าอย่างนั้นเราสองคนรบกวนด้วยนะครับบอส” ใบเมี่ยงส่งยิ้มสดใสมาให้ พายพัดก็ก้มหัวให้มีคุณแทนคำขอบคุณ แต่ก็ยังไว้ท่าทีเพราะแอบหวงใบเมี่ยง กลัวมีคุณจะมาถูกใจแฟนตัวเอง เพราะตั้งแต่มาถึง ดูมีคุณจะถูกชะตาใบเมี่ยงเหลือเกิน
“บอส!!” นับตังค์เห็นมีคุณไม่สนใจมองมาเลยเรียกมีคุณเสียงเข้ม
“ปี้จ๋า งืม งืม” ด้วงที่ผล็อยหลับซบไหล่นับตังค์อยู่ก็ตกใจเสียงของนับตังค์
“โอ๋ๆ หลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย” นับตังค์ไม่ทันสังเกตว่าด้วงหลับ คงเพราะตื่นแต่เช้า เลยรีบลูบหลังให้เบาๆ
“ทำเสียงดังลูกตกใจหมด” บอสทำเป็นดุนับตังค์ ส่วนนับตังค์รู้สึกสะดุดกับคำพูดของมีคุณ ทำอย่างกับคนเป็นพ่อเป็นแม่เขาพูดกัน แต่ด้วยความที่กลัวด้วงตื่นเลยได้แต่ข่มใจไม่โวยวายออกไป
“ไหนว่าบ้านนี้มีห้องนอนเดียวไง” นับตังค์กระซิบถามหลังจากที่ขมิ้นพาใบเมี่ยงกับพายพัดขึ้นไปดูห้องแล้ว
“ก็มีห้องนอนเดียวจริงๆ ห้องนั้นมันเป็นห้องใต้หลังคา ไม่ใช่ห้องนอน” มีคุณยักไหล่ตอบ
“แล้วทำไมไม่บอกว่ามันมีอีกห้อง”
“ก็นึกว่ารู้ เอาน่า ยังไงเราก็ต้องนอนด้วยกันอยู่ดี”
“ทำไมตังต้องนอนกับบอสด้วย” นับตังค์ถามอย่างเซ็งๆ
“หรือตังจะไปนอนกับคู่นั้นล่ะ จะนอนหลับเหรอเวลาเขาจู๋จี๋กัน” มีคุณถามขำๆ
“ไม่เอาหรอก ตากุ้งยิงตายเลย” นับตังค์นึกแล้วก็ขนลุก
“เห็นไหม ก็ต้องมานอนกับพี่กับลูกอยู่ดี” มีคุณตีเนียน
“ประโยคของบอสมันฟังแล้วรู้สึกแปลกๆ นะ” นับตังค์หันมามองมีคุณ แต่มีคุณไม่ยอมแก้ตัวอะไร ได้แต่ยิ้ม
“เดี๋ยวหมิ้นจะเอาหมอนกับผ้าห่มมาเพิ่มให้อีกนิ แต่ห้องทำความสะอาดตลอด ไม่มีฝุ่นหรอก” ขมิ้นเดินลงมาจากข้างบน ใบเมี่ยงและพายพัดตามลงมา
“ว่าไง โอเคไหม” มีคุณถาม
“มันน่าอยู่มากเลยครับบอส ขอบคุณนะครับ” ใบเมี่ยงตอบ
“นายหัว อีกสามวันจะเป็นวันสงกรานต์แล้วนิ ปกตินายปู่จะทำบาบีคิวไปเลี้ยงเด็กๆ พวกลูกหลานชาวประมง ปีนี้จะทำไหม” ขมิ้นถามก่อนที่จะลืม
“ดีจัง มีกิจกรรมด้วยเหรอ ทำนะบอส” นับตังค์หันมาขอมีคุณ ขมิ้นมองไปที่มีคุณเพื่อรอคำตอบของคนเป็นนาย
“เชฟว่าไงก็ตามนั้น ค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ก็บอกมาแล้วกัน” มีคุณเห็นนับตังค์อยากทำก็ตามใจ บอกตรงๆ เขาลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าอีกไม่กี่วันจะเป็นวันสงกรานต์แล้ว
“ดีเลย เดี๋ยวเมี่ยงกับพายช่วยด้วยนะเชฟ” ใบเมี่ยงเองก็ดูตื่นเต้นกับวันสงกรานต์ที่จะมาถึง
“พายว่าเราไปขนของกันดีกว่า จะได้ไปเคลียร์ค่าเช่ากับคุณป้าแกด้วย แกจะได้ปล่อยห้องให้คนอื่นเช่า” พายพัดพูดกับใบเมี่ยง
“ขมิ้นเอารถกระบะไปช่วยขนก็ได้ ของเยอะไหม” มีคุณถาม
“ไม่เยอะเท่าไหร่ แต่ก็ขอบคุณครับบอส” พายพัดเอ่ยปากขอบคุณก่อนจะโอบไหล่ใบเมี่ยงแล้วเอานิ้วเขี่ยที่แก้มของใบเมี่ยงไปด้วย
มีคุณเห็นแล้วก็นึกขำ เดาออกว่าพายพัดคงจะหวงคนรัก แต่ก็ไม่แปลกใจ ใบเมี่ยงเป็นคนน่ารัก ดูสดใส มีมนุษย์สัมพันธ์ดี ก็น่าจะหวงเป็นธรรมดา เขาเองยังรู้สึกถูกชะตากับใบเมี่ยงเลย จะว่าไปก็ถูกชะตากับคนทั้งคู่ เพียงแต่เขาเห็นใบเมี่ยงแล้วทำให้เขานึกถึงคิวอดีตคนรักเก่า ตอนที่เขายังคบกับคิว เขาก็เคยหวงคิวแบบนี้ เพราะคิวเป็นคนช่างเจรจา สนิทกับคนง่าย มีแต่คนมาตามจีบ มีคุณไม่ค่อยชอบที่คิวยอมให้ใครต่อใครมาถึงเนื้อถึงตัวง่ายๆ แต่ใบเมี่ยงไม่เหมือนคิวตรงที่ไม่มีทีท่ารำคาญพายพัดเวลาที่พายพัดแสดงออกว่าหึงหวง ผิดกับคิวที่แสดงออกว่ารำคาญที่เขาหวงและพูดเตือนเรื่องไปใกล้ชิดกับใครต่อใคร คิวบอกกับเขาว่า คิวเป็นผู้ชาย ไม่ใช่สาวๆ ที่ใครจะมากอดมาโอบไม่ได้ แต่มีคุณกลับคิดว่า ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง แต่ขึ้นชื่อว่าคนรัก ไม่มีใครอยากให้คนรักของตัวเองไปสนิทสนมกับคนอื่นจนเกินไปหรอก
“ตังเอาด้วงไปนอนก่อนนะ พี่ขมิ้นแวะซื้อของสดมาด้วยนะ เย็นนี้มาจัดปาร์ตี้ฉลองทีมเชฟกัน พี่ขมิ้นชวนพี่สาลี่มาด้วยนะ” นับตังค์รู้สึกดีใจที่ใบเมี่ยงกับพายพัดจะมาอยู่ด้วยกันเพราะตัวเองเคยอยู่เป็นครอบครัวใหญ่มาตั้งแต่เด็ก เมื่อออกจากบ้านมาก็รู้สึกเหงา มาตอนนี้เลยเหมือนกับว่าครอบครัวแห่งเกาะใบไม้ครามนี้กำลังขยายใหญ่ขึ้น ซึ่งมันทำให้นับตังค์คลายความคิดถึงบ้านได้บ้าง
“ทำไมนายหัวชวนสองคนนั้นมาอยู่ทั้งที่เพิ่งรู้จัก” ขมิ้นแอบถามมีคุณหลังจากที่นับตังค์เดินพาด้วงไปนอนบนห้อง ส่วนใบเมี่ยงกับพายพัดเดินไปเอากระเป๋าที่วางเอาไว้ครัวร้าน
“ฉันว่าทั้งสองคนดูเป็นคนดี อีกอย่างหนึ่ง ตังเขาจะได้มีเพื่อน ไม่อยากให้เขาเหงา” มีคุณบอกกับขมิ้นอย่างที่รู้สึก ขมิ้นจับอาการของนายหัวคนใหม่ หลายครั้งแล้วที่ขมิ้นเห็นว่านายหัวดูจะใส่ใจนับตังค์มากเกินนายกับลูกน้อง
“บอสชอบเชฟใช่ม้าย” ขมิ้นถามอย่างตรงไปตรงมา
“ขมิ้นคิดแบบนั้นเหรอ” มีคุณได้ยินแล้วก็นิ่งไปเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยย้อนถามขมิ้น
“ฉ้าน” ขมิ้นตอบว่าใช่ มีคุณไม่เข้าใจหรอกว่ามันแปลว่าอะไร แต่เข้าใจได้จากการที่ขมิ้นพยักหน้า
“รอให้ฉันแน่ใจตัวเองมากกว่านี้ก่อนแล้วกัน แล้วฉันจะบอกว่าที่ขมิ้นคิดมันใช่หรือไม่ใช่” มีคุณบอกไปแบบนั้นเพราะเขาเองยังไม่มั่นใจว่าความรู้สึกที่มันเกิดขึ้นกับนับตังค์ เพราะเขารู้สึกอยากเพิ่มระดับความสัมพันธ์จริงๆ หรือแค่หวั่นไหวเพราะความใกล้ชิด
“ไม่พรือ ตอบใจนายหัวเองก็พอนิ” ขมิ้นพูดจบก็เดินออกไปเอารถเพื่อจะพาใบเมี่ยงและพายพัดไปเอาของใช่ รวมถึงไปซื้อของให้นับตังค์มาทำอาหารในตอนเย็นนี้ด้วย
ส่วนนับตังค์เมื่อพาด้วงมานอนบนเตียงแล้วก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาเพื่อนสนิทซึ่งก็คือรัญญรี นับตังค์อยากรู้ว่าที่บ้านของนับตังค์เป็นอย่างไรบ้างและเรื่องสำคัญอีกเรื่องหนึ่งก็คืออยากปรึกษารัญญรีเรื่องความรู้สึกแปลกๆ ที่กำลังเกิดขึ้นในใจ
“ว่าไงแก ที่นั่นเป็นยังไงบ้าง” รัญญรีดีใจที่นับตังค์โทรมา กำลังนึกเป็นห่วงอยู่พอดี
“ดีมากเลยว่ะรัน ร้านสวยมาก ร้านในฝันของฉันเลย ทะเลก็สวย น้ำตกก็มี สวยไปหมดเลย” นับตังค์เล่าให้เพื่อนฟังจนรัญญรีตื่นเต้นตาม
“พูดจนฉันอยากนั่งเครื่องไปหาแกเลย แล้วบอสของแกเป็นไงบ้าง เสียท่าแกรึยังวะตัง” รัญญรีถามก่อนจะหัวเราะร่วน
“ฉันเหอะที่จะเสียท่า” นับตังค์บ่นออกมา
“ว่าไงนะ แก...เล่ามาเดี๋ยวนี้เลยไอ้ตัง”
“ใจเย็นเพื่อน ว่าแต่มีใครโทรมาถามถึงฉันบ้างรึเปล่าวะ”
“ไม่มีเลยว่ะตัง ตั้งแต่ฉันแปลงเพศมา ฉันก็ไม่กล้าไปที่ร้านของย่าแก แต่ไอ้หม่องมันไปมา มันบอกว่าไม่มีใครถามถึงเลย แกอย่าเสียใจนะตัง พวกเขาอาจจะคิดว่ากำลังดัดนิสัยแกอยู่ แต่ในใจพวกเขาต้องคิดถึงแกอยู่แล้ว” รัญญรีนึกสงสารเพื่อนสนิท
“อืม” นับตังค์รู้สึกว่าหัวใจมันหม่นหมองลงหลังจากที่รับรู้ว่าคนที่บ้านไม่มีใครโทรถามข่าวของตัวเองบ้างเลย นับตังค์ไม่แปลกใจถ้าพ่อกับย่าจะไม่โทรมา แต่แม่กับพี่เฟื้องนี่สิ คิดแล้วนับตังค์ก็รู้สึกน้อยใจ
“ไหน แกเล่ามาสิ แกจะเสียท่าบอสของแกได้ยังไง” รัญญรีเดาออกว่านับตังค์กำลังน้อยใจที่บ้านเลยรีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนา
“รัน แกรู้ตัวตอนไหนวะว่าแกชอบผู้ชาย” นับตังค์ยังไม่ได้เล่าแต่ถามสิ่งที่คาใจตัวเองก่อน
“ก็รู้ตอนมีผู้ชายให้ชอบนั้นแหละ” คำตอบของรัญญรีตรงๆ สั้นๆ
“แล้วยังไงถึงจะรู้ว่าเราชอบวะ” นับตังค์ยังคงถามต่อ
“ไอ้ตัง แกอย่าคิดอะไรให้มันมากมาย เราจะชอบใครสักคน เราก็อยากอยู่ใกล้ๆ เขาไม่อยู่ก็เหงา ก็คิดถึง เวลาเขามาอยู่ด้วยก็มีความสุข ยิ้มได้ อยากถูกกอด ถ้าชอบมากหน่อยจนถึงรักก็อยากมีอะไรด้วยตามธรรมชาติของการอยากมีคู่ ก็แค่นั้น” รัญญรีตอบกลับไป
“แล้ว เราจะรู้ได้ยังไงว่าอีกฝ่ายชอบเราจริงๆ” นับตังค์ยังคงไม่กล้าคิดเอาเอง แม้หลายต่อหลายครั้งที่มีคุณชอบจ้อง ชอบหยอด แต่อาจจะเป็นนิสัยของมีคุณที่ขี้เล่นไม่ได้จริงจังอะไรก็เป็นได้
“ถามสิ”
“บ้าเหรอ ไม่เอาหรอก” นับตังค์เผลอตัวร้องออกไปเมื่อได้คำตอบจากเพื่อนสนิท
“ไอ้ตัง แปลว่าแกแอบชอบบอสของแกแล้วใช่ไหม” รัญญรีคาดคั้น นับตังค์นิ่งอึ้งไปก่อนจะถอนหายใจ
“ไม่รู้ว่ะรัน ฉันไม่เคยชอบใคร มันอาจจะเป็นเพราะฉันเพิ่งเคยออกจากบ้านนานๆ เป็นครั้งแรก อาจจะแค่เหงาก็ได้ เทพบุตรของแกก็เป็นพวกกระล่อนด้วย ฉันอาจจะเป็นแค่หนูน้อยหมวกแดงในป่าใหญ่ ที่มาเจอกับหมาป่าหื่นกระหายก็ได้” นับตังค์เปรียบไปเรื่อยเปื่อยจนรัญญรีหัวเราะขำ
“ขอให้โดนหมาป่างาบในเร็ววันนะไอ้หนูน้อยหมวกแดง ฮ่าๆ” รัญญรียังคงขำไม่หยุด
“ไอ้รัน แค่นี้ก่อนนะ ได้ยินเสียงคนเดินขึ้นมาว่ะ” นับตังค์จะวางสายเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้ามาจากด้านนอก
“อะไรว่ะ ยังไม่ได้เล่าให้ฉันฟังเลยว่าบอสเขาทำอะไรแกถึงได้หวั่นไหว”
“เอาไว้สะดวกแล้วจะโทรไปเล่านะ”
“ตัง อย่าไปคิดอะไรเยอะเกิน อยากรู้ว่าเขาคิดยังไงก็ถามเขา จะได้ไม่ต้องคิดเอง ถ้าเขาไม่ได้คิดตรงกับแก แกจะได้รักษาระยะห่างเอาไว้เพราะแกต้องอยู่กับเขาอีกตั้งปีเชียวนะ เข้าใจไหม แล้วฉันกับไอ้หม่องจะไปหาแก ดูแลตัวเองด้วยนะ รักแกนะ” รัญญรีพูดกับเพื่อนสนิทก่อนจะวางสาย
นับตังค์ฟังแล้วก็ถอนหายใจเพราะคงไม่กล้าทำอย่างที่รัญญรีสอน เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าใกล้เข้ามา นับตังค์ก็รีบวางโทรศัพท์แล้วแกล้งนอนหลับข้างด้วง เสียงประตูห้องนอนถูกเปิดออก สักพักเจ้าของเสียงฝีเท้าที่นับตังค์ได้ยินก็มาหยุดอยู่ที่ข้างเตียง
“ไหนบอกจะพาด้วงมานอน ไหงมานอนเสียเอง” มีคุณบ่นเบาๆ ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ เมื่อเห็นนับตังค์นอนนิ่งก็เลยโน้มใบหน้าไปมองนับตังค์ใกล้ๆ
“บอส จะทำอะไร” นับตังค์รีบลืมตาเมื่อสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ ของมีคุณ
“จะฟังว่าหายใจอยู่รึเปล่า เห็นว่านอนเกร็งเท้าพี่เลยนึกว่าเป็นลมบ้าหมู” มีคุณตอบแล้วหัวเราะเพราะเขารู้ว่านับตังค์แกล้งหลับ เพิ่งจะเดินขึ้นมาบนห้องจะมาหลับสนิทได้ยังไงกัน
“ต้องให้ร้องอู๊ด อู๊ดๆ ด้วยไหม” นับตังค์มองขวางใส่ก่อนจะเล่นมุกกลบความประหม่า
“ก็ลองร้องดิ” มีคุณพูดแล้วเอานิ้วไปดันปลายจมูกของนับตังค์ให้เหมือนจมูกหมู
“ทะลึ่งแล้ว ไม่ต้องมาจับ” นับตังค์ตีมือของมีคุณทันที
“หมู ปี้จ๋าเป็นหมู” จู่ๆ ด้วงก็ลุกขึ้นมาแล้วปีนตัวนับตังค์เพื่อเอานิ้วจิ้มไปที่จมูกของนับตังค์บ้างทั้งที่ยังดูงัวเงียอยู่ ด้วงกำลังทำเลียนแบบที่มีคุณทำ
“เห็นไหม เสียงดัง ลูกตื่นเลย” มีคุณนึกขำที่นับตังค์ไม่กล้าเอานิ้วของด้วงออกจากจมูก คงจะกลัวด้วงตกใจ
“ลูกบอสอะดิ เอาไปดูเองเลย มากวนจนตื่นเนี่ย” นับตังค์อุ้มด้วงส่งให้มีคุณ ส่วนตัวเองรีบเด้งลุกออกจากเตียง
“ฮึก พี่จ๋า ฮึก” ด้วงมองมีคุณแล้วเริ่มเบะปากร้อง มีคุณรีบลุกเดินมาส่งด้วงคืนนับตังค์
“ด้วงติดตังมากกว่าพี่ พาไปนอนเลย เดี๋ยวร้องไห้” มีคุณดันหลังนับตังค์ให้พาด้วงไปนอนที่เตียง
“ปี้จ๋ากอดกัน” ด้วงอ้อนนับตังค์หลังจากที่นับตังค์วางด้วงลงบนเตียง
“กอดแล้วหลับนะ” นับตังค์กอดปลอบ ด้วงเอามือน้อยๆ มาจับหน้าของนับตังค์ก่อนจะลุกชะโงกไปมองมีคุณที่ยืนอยู่
“ปี้จ๋ามากอดล่วยกัน” ด้วงทำท่ากวักมือเรียกมีคุณ
“ด้วง ไม่เอา กอดกันแค่สองคน” นับตังค์รีบร้องบอก
“ได้ไง เดี๋ยวด้วงร้องไห้ อย่าขัดใจเด็กสิตัง” มีคุณรีบลงมานอนข้างนับตังค์แล้วโอบมือข้ามตัวนับตังค์ไปแตะที่ตัวของด้วง ด้วงจึงยอมทิ้งตัวลงนอนซุกอกนับตังค์แล้วทำเป็นหลับตาปี๋
“ไหนบอกอย่าตามใจเด็กมากไง ออกไปไกลๆ หน่อยดิ อึดอัด” นับตังค์เอาศอกดันอกของมีคุณให้ออกห่างแผ่นหลังของตน
“จุ๊ๆ เบาๆ เดี๋ยวด้วงหลับแล้วพี่ก็ปล่อยแล้ว ดื้อกว่าด้วงอีกนะเรา” มีคุณทำเป็นดุ
นับตังค์ไม่ได้ขัดขืนหรือโวยวายอะไรอีก ยอมนอนให้มีคุณโอบเอาไว้ ที่นับตังค์ยอมนอนนิ่งๆ ก็เพราะอยากรู้เหมือนกันว่าตัวเองกำลังรู้สึกอึดอัดอย่างที่ปากพูดไปหรือว่ากำลังอบอุ่นกับอ้อมแขนของผู้ชายที่ชื่อมีคุณกันแน่
***โปรดติดตามตอนต่อไป***

เครดิตรูปจาก Google
ขอบคุณที่ติดตามนะคะ เล่นน้ำสงกรานต์คลายร้อนแล้วอย่าลืมดูแลตัวเองกันด้วยนะคะ[ทางไปเพจ Loverouter จิ้มเลย]