- ปรุงรักให้ลงล็อก- ตอนพิเศษ หนูด้วงโกทูสคูล (แก้ไขตอนพิเศษเพิ่ม) 17/3/61 P.26
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: - ปรุงรักให้ลงล็อก- ตอนพิเศษ หนูด้วงโกทูสคูล (แก้ไขตอนพิเศษเพิ่ม) 17/3/61 P.26  (อ่าน 209719 ครั้ง)

ออฟไลน์ Loverouter

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 446
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +471/-12
ตอนที่ 17 ห่อหมกในตำนาน


อีกเพียงแค่สองวันร้านอาหารมีคุณอนันต์ก็จะเปิดอย่างเป็นทางการแล้ว แม้ว่าจะไม่มีอะไรติดขัด ทุกอย่างถูกเตรียมพร้อมเป็นอย่างดี บุคลากรของร้านทุกคนทำหน้าที่ของตัวเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งมันทำให้มีคุณมั่นใจว่าทุกอย่างจะต้องเป็นไปด้วยดี แต่เมื่อคุณขจีแนะนำว่าให้มีคุณทำบุญร้านก่อนที่จะเปิดอย่างเป็นทางการ มีคุณจึงเลือกเอาวันนี้เป็นวันทำบุญร้าน ซึ่งมีคุณเลือกเอาจากฤกษ์สะดวกของตัวเอง

นับตังค์ ใบเมี่ยงและพายพัดช่วยกันลงมือทำอาหารคาวหวานถวายเพลพระ คุณขจีก็มาช่วยดูแลด้วงให้ตั้งแต่เช้ามืด พอเธอรู้ว่าหนึ่งในเมนูที่นับตังค์จะทำวันนี้คือห่อหมก เธอจึงขอเข้ามาอยู่ในครัวด้วยเพราะรู้ดีว่าห่อหมกสูตรของคุณละม่อมไม่เป็นสองรองใครเลย

“ตังจะทำห่อหมกปลาช่อนกับห่อหมกทะเลครับ ตัวห่อหมกทะเลตัวนี้ ตังทำใส่ในเมนูร้านด้วย จะเป็นรสที่ชาวต่างชาติทานได้ง่ายหน่อย” นับตังค์บอกกับคุณขจีก่อนจะเริ่มต้นลงมือทำห่อหมก

นับตังค์เริ่มต้นจากนำปลาช่อนไปขอดเกล็ดออก เอาเครื่องในปลาออกพร้อมกับเลาะก้างทิ้งทั้งหมด จากนั้นก็นำไปล้างน้ำให้สะอาด ล้างดีแล้วก็นำปลามาซับน้ำให้แห้งก่อนจะลงมือแล่เนื้อปลาให้เป็นชิ้นขนาดไม่เล็กและไม่ใหญ่จนเกินไป นับตังค์นำเนื้อปลาที่แล่แล้วใส่ลงในชามแก้วขนาดใหญ่ ขั้นตอนต่อมาก็นำไข่เป็ด น้ำตาลทราย น้ำปลาดีและเกลือ ผสมใส่ลงบนเนื้อปลาแล้วคนจนกระทั่งไข่เป็นสีเหลืองครีมและข้นขึ้น จากนั้นนับตังค์ก็นำหัวกะทิมาใส่เพิ่มแล้วก็คนเพื่อให้ส่วนผสมทุกอย่างเข้ากัน

“พาย...มาคนต่อให้หน่อย”

นับตังค์ส่งพายขนาดเล็กให้พายพัดช่วยคนส่วนผสมต่อ ส่วนตัวเองไปจัดการเอาพริกแกงที่โขลกเองผสมกับหางกะทิคั้นสด ผสมจนเข้ากันแล้วก็นำไปเทรวมกับส่วนผสมเนื้อปลาในชามแก้วที่พายพัดคนอยู่ นับตังค์บอกว่าขั้นตอนต่อไปสำคัญที่สุด นั่นคือการคนไปเรื่อยๆ ต้องใจเย็นและลงน้ำหนักมือให้สม่ำเสมอ คนแรงไปเนื้อปลาจะเละได้ คนเบาไปส่วนผสมก็จะไม่เหนียวข้นเข้าเนื้อปลา ย่าละม่อมเคยสอนนับตังค์ว่า ยิ่งคนนาน ห่อหมกก็จะยิ่งอร่อย

พายพัดอาสาคนห่อหมกให้ต่อ นับตังค์จึงไปเตรียมในส่วนของกะทิที่จะใช้โรยหน้าและพวกผักรองก้น ซึ่งมีทั้งใบยอ โหระพา ผักกาดขาว  พายพัดเพิ่งได้ความรู้ใหม่ว่าอาหารไทยมันมีขั้นตอนการทำละเอียดแบบนี้นี่เอง แค่การคนส่วนผสมก็ทำให้อาหารอร่อยขึ้นได้ด้วย

“เราจะรู้ได้ยังไงว่าใช้กะทิกี่กิโล” พายพัดถามในขณะที่ตั้งใจคนห่อหมกให้สม่ำเสมอ

“ปลาหนึ่งกิโลต่อกะทิสองกิโล กะทิน้อยไม่อร่อย แล้วเราควรคั้นเองจะได้กะทิที่มัน ข้นและหอม” นับตังค์ตอบ

“ไม่ต้องใส่แป้งเหรอ” ใบเมี่ยงอยากชิมห่อหมกฝีมือของนับตังค์แล้ว

“ไม่ใส่”

“ดีจัง ที่เคยกินเรารู้เลยว่าเขาผสมแป้งด้วย” ใบเมี่ยงบ่น

“ทำกินเองอร่อยกว่า” นับตังค์กินของดีจนเคยตัว ให้ไปกินอะไรที่อื่นก็ไม่ค่อยจะถูกปาก บางร้านอยากได้กำไรมากกว่าความภูมิใจจึงลดโน่นเติมนี่จนเสียรส แต่นับตังค์ก็เข้าใจว่าเศรษฐกิจแบบนี้ใครก็อยากได้กำไรเยอะๆ แต่มันคงไม่ใช่กับนับตังค์ ก็คงเป็นเพราะคำสอนที่ได้ยินย่ากับพ่อคอยพูดให้ฟังตลอดจนนับตังค์จำขึ้นใจและนับตังค์ก็นำมันมาใช้กับชีวิตทุกๆ ด้านก็คือ ‘คนเราถ้าซื่อกินไม่หมด ถ้าคดกินไม่นาน’ นั่นเอง

“อันที่จริงที่เกาะนี้มีเรื่องราวเกี่ยวกับห่อหมกนะ คนที่นี่ร่ำลือกันว่ามันเป็นห่อหมกในตำนาน” คุณขจีนึกขึ้นได้เลยเล่าให้ทุกคนฟัง

“ห่อหมกในตำนานเลยเหรอครับ” พายพัดรู้สึกสนใจ

“มันเป็นตำนานเล่ากันต่อๆ มา มีคุณยายคนหนึ่ง ท่านเป็นคนท้องถิ่น อาศัยที่เกาะนี้มานานมาก ซึ่งสมัยนั้นเกาะนี้ยังไม่มีไฟฟ้าเลย ใช้เครื่องปั่นไฟเอา เป็นชุมชนเล็กๆ อยู่กันไม่กี่ครอบครัว สามีของคุณยายเป็นคนที่ชอบทานห่อหมกมาก คุณยายก็จะทำห่อหมกปลาทะเลให้ทานบ่อยๆ เพราะเป็นของที่หาง่าย แต่มาวันหนึ่ง คุณตาอยากทานห่อหมกปลาช่อนนา ด้วยความที่ที่นี่เป็นเกาะมีแต่ทะเลล้อมรอบ จะหาปลานาก็ยากเต็มทน แต่ด้วยความที่สามีอยากกิน คุณยายก็ข้ามไปในตัวเมืองและหามาจนได้ แต่ในวันนั้นคุณตาออกไปตกปลาตั้งแต่เช้า ปรากฏว่าเรือล่มเพราะพายุเข้า ยังไม่ทันได้กินห่อหมกปลาช่อนนาที่คุณยายทำก็เสียชีวิตไปก่อน จากนั้นก็มีคนเล่าว่าเห็นวิญญาณของคุณตามาเดินแถวบ้านทุกคืนที่คุณยายทำห่อหมก คุณยายจะทำใส่บาตรทุกวันพระและแบ่งให้เพื่อนบ้านได้กิน เป็นที่ร่ำลือว่ามันอร่อยมาก เขาเลยตั้งชื่อกันว่าห่อหมกในตำนาน”

“แล้วคุณยายท่านเสียยังไงเหรอครับ” นับตังค์ถาม

“หลังจากที่คุณตาเสีย แกก็มักจะนั่งเรือเล็กข้ามไปที่ตัวเมืองเพื่อจะไปหาซื้อปลาช่อนมาทำห่อหมกถวายพระ ในวันนั้นเรือเล็กที่แกอาศัยไปล่มก่อนจะถึงฝั่ง แกอายุมากแล้วว่ายน้ำไม่ไหวก็เลยเสียชีวิตในทะเลเหมือนสามี แล้วก็เป็นที่เล่ากันอีกว่า ทุกวันพระจะได้กลิ่นห่อหมกลอยมาจากแถวบ้านแก แล้วก็เห็นคุณตาเดินวนเวียนอยู่เช่นเดิม แกคงรอกันและกัน” คราวนี้สายรุ้งเป็นคนเล่าต่อจากคุณขจี เพราะสายรุ้งได้ยินเพื่อนที่เป็นคนท้องถิ่นเล่าเรื่องนี้ให้ฟังเช่นกัน

ใบเมี่ยงได้ฟังเรื่องคุณยายกับคุณตาแล้วรู้สึกสะเทือนใจในความรักที่ถูกพรากจากกันมากกว่าจะกลัวเรื่องผีสาง ได้แต่หวังในใจว่าคุณยายกับคุณตาคงจะได้อยู่ด้วยกันแล้วในตอนนี้     

“หนูเมี่ยงทำมะม่วงลอยแก้วเหรอจ๊ะ” คุณขจีจูงหนูด้วงเดินมาดูใบเมี่ยงทำขนมเมื่อเห็นว่าใบเมี่ยงดูเศร้า เธอไม่อยากให้ทุกคนหดหู่ในวันมงคลแบบนี้ นึกตำหนิตัวเองในใจที่มาเล่าเรื่องนี้ให้ทุกคนฟัง

“ครับ อากาศร้อนแบบนี้ทานอะไรเย็นๆ จะได้ชื่นใจ” ใบเมี่ยงยิ้มให้คุณขจีก่อนจะส่งเนื้อมะม่วงที่ฝานบางๆ ให้ด้วง

“เปรี้ยวเหรอ” คุณขจีหัวเราะเมื่อด้วงชิมแล้วทำหน้าสั่น

ใบเมี่ยงแบ่งขนมที่จะถวายพระไว้ต่างหาก ส่วนที่เหลือจึงตักให้คุณขจีลองชิม หลังจากที่ได้ชิมขนมแล้ว ขจียอมรับว่าฝีมือการทำมะม่วงลอยแก้วของใบเมี่ยงนั้นอร่อยมาก เนื้อมะม่วงฝานจนเป็นแผ่นบาง น้ำลอยแก้วก็อร่อยครบรสเค็มหวาน กินกับมะม่วงที่มีรสเปรี้ยวนิดหน่อย ใส่น้ำแข็งบดละเอียดแล้วรู้สึกชื่นใจจริงๆ นึกเสียดายที่คุณอนันต์ไม่ได้อยู่ด้วยกันในวันนี้ เด็กรุ่นใหม่พวกนี้มีฝีมือเกินอายุและเป็นเด็กที่น่ารักทุกคน

“บ้านของคุณตาคุณยายตำนานห่อหมกอยู่ที่ไหนเหรอครับ” นับตังค์ถามขึ้นมา

“ถามทำไม จะไปเหรอ” พายพัดถามด้วยความสนใจ เพราะตัวเองก็อยากรู้เหมือนกัน

“ถ้ามีโอกาสก็อยากทำห่อหมกไปไหว้ท่านทั้งคู่” นับตังค์บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าทำไมถึงสนใจ

“อยู่แถวทางขึ้นน้ำตกพระคราม ไม่ต้องขึ้นเขาไปนะจ๊ะ อยู่ลึกเข้าไปในเขตป่าพอสมควร ตอนนี้คงรกน่าดูไม่มีคนดูแลถางทางแถวนั้นแล้ว” คุณขจีหน้าหม่นหมองลงเมื่อพูดถึงตรงนี้ ซึ่งสีหน้าและท่าทางของคุณขจีทำให้นับตังค์แปลกใจ

“แต่มีคนตั้งศาลให้คุณยายกับคุณตานะคะ อันที่จริงศาลตั้งอยู่ตรงสามแยกทางขึ้นเขา แต่ชาวบ้านเขาถือกันว่าไม่ควรตั้งศาลให้ตรงสามแยก เลยย้ายศาลเข้าไปลึกหน่อย” สายรุ้งเล่าไปก็ตักผักไปรองไว้ที่ก้นกระทงใบตอง

“ตัง คนแค่นี้พอรึยัง” พายพัดถามเมื่อเห็นว่าห่อหมกมันเริ่มข้นมากแล้ว

“โอเค ช่วยกันหยอดใส่กระทงเลยจะได้นึ่ง กับข้าวอย่างอื่นเสร็จหมดแล้ว เดี๋ยวตั้งจัดห่อหมกทะเลเอง ตังทำแยกเอาไว้แล้ว” นับตังค์หันกลับมาสนใจอาหารของตัวเองเพราะยังมีห่อหมกทะเลที่ต้องนึ่งอีก นี่ก็ใกล้เวลาที่จะต้องถวายเพลแล้ว หากมัวแต่คุยอาจจะไม่ทันเวลา

.....

ขมิ้นขับรถไปรับพระภิกษุมาถึงที่ร้านแล้ว มีคุณนิมนต์หลวงตาและพระลูกวัดอีกสี่รูปเข้าไปนั่งที่อาสนะ ตุ้ย ม้าและเฮง เด็กเสิร์ฟทั้งสามคนของมีคุณมาคอยช่วยเป็นลูกศิษย์วัดให้หลังจากช่วยกันเตรียมเครื่องสักการะและสถานที่เรียบร้อยแล้ว

นอกจากคนในร้านแล้ว ก็มีคุณขจี สาลี่ มาร่วมงานบุญนี้ด้วย แถมด้วยแขกที่มีคุณไม่ได้เชิญและไม่คิดว่าจะมา นั่นก็คือ พญา พเยียและคีตะ ซึ่งคราวนี้ทั้งสามคนแสดงความเป็นมิตรจนมีคุณรู้สึกว่ามันน่าจะมีอะไรมากกว่าการมาผูกมิตรธรรมดา

“ไปตามทุกคนในครัวมา บอกว่าพระมาแล้ว แล้วพอได้เวลาถวายเพลตุ้ยก็ให้ม้า เฮง มานี มีนา ไปช่วยยกสำรับที่นับตังค์เขาจัดเอาไว้มาได้เลย” มีคุณสั่งตุ้ยก่อนจะเดินไปหากลุ่มของพญา

“คุณ เราสามคนมาร่วมทำบุญด้วย คิวจัดขนมไทยมาถวายพระด้วยนะ ซื้อมาจากกรุงเทพเลย เจ้านี้อร่อยมาก ตำรับชาววัง” คีตะส่งกระเช้าที่บรรจุขนมไทยหลายอย่างให้มีคุณ

มีคุณเห็นป้ายชื่อร้านแล้วชะงักไป เขามองหน้าคีตะที่ดูไม่มีเลศนัยอะไรด้วยความชั่งใจว่าคีตะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจซื้อขนมร้านนี้มา แต่มีคุณก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป ได้แต่เรียกมานีมารับกระเช้าไปจัดขนมใส่จานเตรียมถวายพระ

“ขอบคุณมากครับ แต่รู้ได้ยังไงว่าผมทำบุญร้านวันนี้” มีคุณถามทั้งสามคน

“พอดีเห็นคนของพี่คุณไปซื้อของที่ตลาด ถามมาเลยรู้ว่าพี่คุณจะทำบุญร้าน เราเลยอยากมาร่วมบุญด้วย เดี๋ยววันเปิดร้านคุณพ่อท่านก็จะมาร่วมยินดีด้วยนะคะ” พเยียเป็นฝ่ายตอบ เรียกมีคุณอย่างสนิทสนมจนคีตะเองยังนึกหมั่นไส้รุ่นน้องคนนี้

“อ๋อ ครับ ขอบคุณมากครับ เชิญนั่งก่อนครับ” มีคุณพยักหน้ารับรู้แต่ในใจไม่เชื่อในสิ่งที่พเยียพูด เพราะคนที่ไปซื้อของที่ตลาดก็คือนับตังค์ เขาเชื่อว่านับตังค์คงไม่พูดอะไรแน่

“คุณจะไม่ถามเลยเหรอว่าคิวมาทำอะไรที่นี่อีก” คีตะถือวิสาสะเกาะแขนของมีคุณ

“เอาไว้ค่อยคุยกันดีกว่านะคิว วันนี้ผมยุ่ง” มีคุณแกะแขนคีตะออกแล้วเดินเข้าไปหาคุณขจีที่เดินมาพร้อมกับด้วง

คีตะมองตามไปอย่างไม่พอใจแต่ก็ต้องระงับความหงุดหงิดเอาไว้แล้วลงไปนั่งข้างๆ พเยีย ส่วนพญาชะเง้อคอมองหานับตังค์ พอเห็นนับตังค์เดินตามขจีออกมาก็รีบส่งยิ้มให้ เห็นนับตังค์เลิกคิ้วทำหน้าประหลาดใจก่อนจะยิ้มกลับมาให้พญาก็ใจเต้นรัว ตอนนี้ทุกคนมากันครบแล้ว พญาถือโอกาสลุกมานั่งข้างนับตังค์ ส่วนมีคุณนั่งอยู่อีกข้างหนึ่งและพยายามจะไม่หงุดหงิดเพราะวันนี้เป็นวันดีๆ

...

ทุกคนฟังพระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ด้วยความตั้งใจจนได้เวลาถวายภัตตาหาร พญาทำเป็นกระวีกระวาดช่วยนับตังค์ยกอาหารถวายพระ มีคุณได้แต่ถอนหายใจเพราะคีตะก็ตีเนียนมาจับมือเขาตอนช่วยถวายภัตตาหาร ไม่ต่างอะไรกับที่พญากำลังไปวุ่นวายกับนับตังค์เช่นกัน

เมื่อพระท่านฉันท์อาหารคาวหวานเรียบร้อยแล้ว หลวงตาก็บอกให้ทุกคนตั้งใจกรวดน้ำ นับตังค์เห็นหลวงพ่อมองมาทางตนก็นึกสงสัย นับตังค์นึกแปลกใจเพราะตอนที่ใส่บาตรหลวงตาก็มองจ้องมาแบบนี้ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าท่านจ้องมองมาทางนับตังค์เพราะอยากให้พรหรือเปล่า บางทีท่านอาจไม่ได้โฟกัสอะไรทั้งสิ้น นับตังค์คงคิดไปเอง

“ไหนมานี่สิ” หลวงตาเรียกให้ด้วงเข้ามาหาใกล้ๆ หลังจากที่พิธีกรรมทุกอย่างเสร็จสิ้นลงแล้ว

“เปียกหมดเยย” ด้วงลูบหน้าตัวเองที่เต็มไปด้วยน้ำมนต์

“ชื่ออะไรล่ะเรา” หลวงตาถามด้วง ด้วงไม่ได้ตอบแต่มองหลวงตาตาปริบๆ

“ชื่อด้วงครับ แต่ผมยังไม่รู้ชื่อจริงเขาเลย” นับตังค์ตอบแทนด้วง เพิ่งมารู้สึกเหมือนกันว่าตัวเองยังไม่ค่อยรู้ประวัติของด้วงสักเท่าไหร่เลย

“หนูด้วงชื่อจริงชื่อพยัคฆ์เจ้าค่ะหลวงพ่อ” ขจีเป็นฝ่ายตอบแทนเพราะรู้ว่าด้วงชื่อจริงว่าอะไร

“ดีๆ โตขึ้นจะเก่งกล้าอย่างพยัคฆ์ เจ้าไม่ต้องเป็นห่วงเขาหรอกนะ” หลวงตาพูดแล้วลูบผมด้วงด้วยความเมตตา

”ไม่ห่วงก็ได้ครับ” นับตังค์คิดว่าหลวงตาพูดกับตัวเองก็เลยตอบไป หลวงตาไม่ได้พูดอะไรอีก ได้แต่ยิ้มให้

“นิมนต์หลวงตาเลยครับ รถพร้อมแล้ว” มีคุณเดินเข้ามาบอกเมื่อขมิ้นมาบอกว่ารถพร้อมไปส่งพระกลับวัดแล้ว

“ธุครับหลวงตาก่อนด้วง” นับตังค์บอกก่อนจะก้มลงไปกราบหลวงตา

ด้วงก้มลงไปกราบพระตามนับตังค์ แต่ท่าทางยังเก้ๆ กังๆ ก้นกระดกสูงจนทุกคนยิ้มให้กับภาพที่เห็น พอหลวงตาและพระรูปอื่นเดินออกจากร้านไปแล้ว มีคุณก็เชิญทุกคนไปทานอาหารกลางวันที่จัดเตรียมเอาไว้ให้ รวมถึงพนักงานในร้านทุกคนด้วย


ขจีรู้สึกแปลกใจที่ลูกชายและลูกสาวของนายหัวพยนต์มาร่วมทำบุญในวันนี้ด้วย เป็นที่รู้กันดีว่านายหัวพยนต์ไม่ค่อยลงรอยกับเธอและคุณอนันต์สักเท่าไหร่ ถ้าให้เธอเดา เธอคิดว่าทั้งคู่คงเข้ามาผูกมิตรเพื่อขอซื้อที่ดินจากมีคุณ ซึ่งเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องที่ขจีหนักใจ มีคุณเป็นคนหนุ่มรุ่นใหม่ ยากที่จะมาใช้ชีวิตที่เกาะแห่งนี้ตลอดไป หากมีคุณตัดสินใจขายที่ดินส่วนนี้ให้กับนายหัวพยนต์ รีสอร์ตของเธอคงไม่สงบสุขแน่ๆ แต่จะให้เธอซื้อที่ดินนี้เอาไว้ กำลังทรัพย์ของเธอคงสู้นายหัวพยนต์ไม่ได้ เธอจึงได้แต่หวังว่ามีคุณจะมีแนวคิดเดียวกับคุณปู่ของตัวเองคือการรักษาที่ดินตรงนี้เอาไว้ให้ถึงรุ่นลูกรุ่นหลานยาวสืบไป

“โอ้โห ห่อหมกน่ากินมากเลยนะคะ น่ากินทั้งสองแบบเลย” พเยียเอ่ยปากชมหลังจากที่เห็นห่อหมกวางอยู่บนโต๊ะ จานแรกเป็นห่อหมกในกระทงใบตองแบบที่พเยียเคยเห็นทั่วไป ส่วนอีกแบบมีกุ้งก้ามกรามตัวใหญ่วางพาดอยู่บนถ้วยห่อหมก

“แค่เห็นก็อร่อยแล้ว” พญาพูดแต่สายตามองไปที่นับตังค์

“คงไม่ค่อยได้กินของอร่อยกันนิ” ขมิ้นพูดลอยๆ

“ใครจะไปโชคดีอย่างเราล่ะพี่บ่าวที่ได้ทานฝีมือเชฟตังทุกวัน” มานีรีบเสริม

“ทานกันเถอะ คุณป้าขจีรออยู่” มีคุณตัดบทเพราะเห็นพญาจ้องขมิ้นด้วยความไม่พอใจ 

มีคุณกำลังจะเดินไปหานับตังค์ แต่คีตะรีบแทรกเดินเคียงคู่ไปกับมีคุณแล้วชวนมีคุณคุยจนไม่มีช่องว่างให้นับตังค์เข้ามาได้ นับตังค์จึงต้องหยุดให้มีคุณกับคีตะเดินนำไปก่อน พญาสบโอกาสจึงเดินเข้ายืนเคียงข้างนับตังค์ทันที

“น้องตังครับ คนไหนเมียน้องตังเหรอครับ” พญากระซิบถามเบาๆ ให้ได้ยินกันแค่สองคน เขาอยากรู้ว่านับตังค์จะตอบยังไง ในเมื่อพเยียบอกว่าด้วงไม่ใช่ลูกของนับตังค์

“จะเอาคนไหนล่ะ เมียคนแรก คนที่สองหรือคนล่าสุด” นับตังค์ตอบแล้วอมยิ้ม

“มีหลายคนเลยเหรอ จุ๊ๆๆ แรงดีแบบนี้พี่ชอบ” พญาหัวเราะชอบใจ ซึ่งท่าทีหัวร่อต่อกระซิกของพญาขัดหูขัดตามีคุณเป็นอย่างมาก

ทุกคนเดินไปนั่งลงยังโต๊ะที่ถูกจัดเอาไว้ ต่างก็ช่วยกันตักข้าวรินน้ำกันเอง ยกเว้นพญา พเยียและคีตะที่นั่งรออยู่เฉยๆ ขจีนึกชื่นชมมีคุณที่ดูแลพนักงานในร้านราวกับเป็นคนในครอบครัว ให้มาร่วมรับประทานอาหารด้วยกันอย่างไม่ถือสาหรือแบ่งชนชั้น บอกตรงๆ ว่ามีคุณมีส่วนคล้ายคุณอนันต์อยู่มากทั้งท่าทางและอุปนิสัย ไม่ว่าจะเป็นตอนที่กำลังจริงจังกับการทำงานหรือตอนเวลาที่ผ่อนคลาย   

“คุณครับ อาหารอร่อยมากเลย ฝีมือของนับตังค์คนเดียวเลยเหรอ เก่งจัง ไปเรียนมาจากที่ไหนเหรอ” คีตะถามมีคุณก่อนจะมองไปที่นับตังค์

“เรียนจากที่บ้าน พ่อแม่ปู่ย่าตายายสอนมา...ครับ” นับตังค์ตอบก่อนจะหันไปเช็ดปากให้ด้วงที่กำลังเอร็ดอร่อยกับต้มจืดเต้าหู้อ่อน

นับตังค์รู้ว่าคีตะเป็นคนเอาขนมไทยจากร้านของคุณย่ามาร่วมทำบุญ ซึ่งนับตังค์แน่ใจว่าคีตะคงรู้แล้วว่านับตังค์เป็นใคร แต่ที่ไม่รู้ก็คือใครบอกเรื่องของนับตังค์ให้คีตะได้รู้และคีตะมีเจตนาอะไรถึงมาหลอกถามนั่นนี่อยู่ได้ นับตังค์ไม่อยากจะพูดดีด้วย แต่เกรงใจคุณขจีเลยต้องเติม ‘ครับ’ ไปในประโยคให้ดูอ่อนลง ที่นับตังค์อยากจะรู้มากที่สุดก็เรื่องที่คุณย่ายอมทำขนมให้ ในเมื่อท่านเลิกรับทำขนมให้คนอื่นมานานแล้ว จะทำขายเฉพาะสำหรับทานในร้านเท่านั้นเอง

“เก่ง เก่งตั้งแต่เด็ก” พญาลุกขึ้นปรบมือเสียงดัง ชมนับตังค์จนออกนอกหน้า

“ลุง เวอร์ไปแล้ว” นับตังค์บ่นพญาที่ชอบเล่นใหญ่ตลอด

“ไม่เวอร์ พี่ชิมห่อหมกฝีมือของน้องตังแล้ว หอมเครื่องแกงมาก เข้มข้นสุดๆ เนื้อปลาก็ดี เนื้อกุ้งก็เด้ง ใครได้ไปเป็นแฟนคงมีความสุขทุกวันเลย” พญายังคงชมไม่หยุด

“นั่นสิ ถ้าป้ามีหลานสาวจะยกให้เลย” ขจีเอ่ยชมนับตังค์ด้วย

“โชคดีนะครับที่คุณป้าไม่มีหลาน” พญารีบแทรก ขจีได้ยินพญาพูดแทรกขึ้นมาแล้วหุบยิ้มแทบไม่ทัน

“แล้วพายมาทำอะไรที่นี่เหรอคะ เป็นเชฟเหมือนเชฟตังหรือเปล่า” พเยียรีบเปลี่ยนเรื่อง หันมาถามคนที่ตัวเองสนใจบ้าง ไม่อยากให้พญาทำเสียเรื่อง

สายตาและท่าทางของพเยียใครก็ดูออกว่าชื่นชอบพายพัดมาก มานีกับมีนารู้สึกว่าพี่น้องสองคนนี้ รวมไปถึงคนที่ชื่อคีตะกำลังจะเข้ามาทำให้ครอบครัวมีคุณอนันต์ต้องร้าวฉาน แต่ถึงจะไม่พอใจ มานีกับมีนาก็ต้องเก็บอาการเอาไว้ เพราะรู้ดีว่าตระกูลของนายหัวพยนต์ร้ายกาจแค่ไหน
 
“ผมตามแฟนมาครับ” พายพัดตอบสั้นๆ

พเยียได้ยินถึงกับพูดไม่ออก แต่สุดท้ายก็ยิ้มเจื่อนๆ ออกมาแล้วพยายามคิดว่าใครคือแฟนของพายพัด

“ที่จริงฝีมืออย่างนับตังค์น่าจะไปเป็นเชฟตามโรงแรมใหญ่ๆ ได้เลยนะ คุณไปเจอนับตังค์ที่ไหนเหรอครับถึงได้ชวนมาเป็นเชฟ” คีตะพยายามจะถามต่อ

“คงเป็นพรหมลิขิต” มีคุณตอบคีตะก่อนจะหันไปยิ้มให้นับตังค์ ซึ่งคำตอบของมีคุณก็ทำเอาพญากับคีตะนิ่งอึ้งตามพเยียไปติดๆ

“พรหมลิขิตหรือเป็นกรรมลิขิต” นับตังค์หันกลับมาพูดกับมีคุณ ที่ต่อปากต่อคำไม่ใช่เพราะเขิน แต่นับตังค์เห็นคุณขจีมองมาก็เลยทำตัวไม่ถูก ส่วนพญาได้ยินแล้วหัวเราะชอบใจที่มีคุณโดนนับตังแขวะ


คุณขจีฟังหนุ่มๆ สาวๆ คุยกันได้สักพักก็ขอตัวกลับไปที่รีสอร์ท นับตังค์ให้ขมิ้นช่วยห่อกับข้าวกับของหวานกลับไปให้คุณขจีด้วย พอคุณขจีไปแล้วคีตะก็พูดลอยๆ ขึ้นมาให้ทุกคนได้ยิน 

“เป็นแค่ลูกน้องแต่กล้าต่อปากต่อคำกับเจ้านายจังนะครับ” คีตะตั้งใจต่อว่านับตังค์

“พูดถึงเรื่องกล้า ผมจะชวนทุกคนไปพิสูจน์ความกล้ากันดีกว่า” พายพัดรำคาญที่คีตะคอยกวนน้ำให้ขุ่นเลยเปลี่ยนเรื่อง เขาไม่อยากให้ราคากับคนอย่างคีตะ

“ว่ามาเลยค่ะพาย” พเยียรีบตอบรับทันที

“คืนนี้ใครจะไปพิสูจน์ตำนานห่อหมกกับผมบ้าง” พายพัดถามขึ้นมา พเยียได้ยินก็หน้าแดงเพราะคิดว่าพายพัดพูดสองแง่สองง่าม

“เรื่องแบบนี้ไม่ควรเอามาล้อเล่นนะพาย ไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่” ใบเมี่ยงดุพายพัด รู้ว่าพายพัดชอบพิสูจน์สิ่งเร้นลับ แต่ใบเมี่ยงก็ไม่อยากให้พายพัดไปรบกวนเจ้าที่เจ้าทางแถวนั้น

พเยียทำหน้าเหรอหราเมื่อรู้ว่า ‘ห่อหมก’ ที่พายพัดพูดถึง คงไม่ใช่เรื่องทะลึ่งอย่างที่คิด

“พายไม่ได้ไปลบหลู่นะอุ๋งอุ๋ง พายแค่อยากเอาห่อหมกไปเซ่นไหว้คุณตา ห่อหมกของนับตังค์อร่อยมาก ถ้าคุณตาได้ชิมก็คงจะดี” พายพัดอธิบายให้คนรักฟัง พเยียได้ยินพายพัดเรียกใบเมี่ยงว่าอุ๋งอุ๋งก็เริ่มพินิจใบเมี่ยงอย่างจริงจัง

“ไปๆ ตังไป ลุงไปด้วยกันนะ หรือว่าป๊อด” นับตังค์ตอบรับก่อนจะชวนพญา มีคุณเห็นนับตังค์ชวนพญาก็ส่งสายตาดุๆ ไปให้นับตังค์

“น้องตังดูถูกพี่พญาคนนี้เสียแล้ว เรื่องไปดูห่อหมก พี่ถนัดนักเชียว เห็นมีคนพูดกันนานแล้วว่าเฮี้ยน เดี๋ยวพี่พญาคนนี้จะทำให้เห็นว่าอะไรเฮี้ยนกว่ากัน” พญาถือว่านี้เป็นโอกาสที่จะโชว์ความแมนให้นับตังค์ได้เห็น

“ตำนานอะไรเหรอ” คีตะถามเพราะไม่รู้เรื่อง

พเยียพอจะเดาออกว่าเป็นเรื่องตำนานห่อหมกจึงเล่าให้คีตะฟัง เพราะเธอก็เคยได้ฟังเรื่องนี้ต่อๆ มาเหมือนกัน คีตะได้ฟังก็ลูบแขนยกใหญ่

“เมี่ยงไม่ไปนะ เมี่ยงจะดูด้วงให้” ใบเมี่ยงไม่อยากไปเลยอาสาดูแลด้วงให้ พายพัดทำหน้างอเพราะอยากให้ใบเมี่ยงไปด้วยกัน

“บอสไปรึเปล่า” นับตังค์หันมาถามมีคุณที่นั่งทำหน้านิ่งตั้งแต่เมื่อครู่แล้ว นับตังค์แอบเอานิ้วสะกิดที่ขาของมีคุณ แต่มีคุณก็ขยับขาหนี

“ไม่ไป พี่มีงานอีกเยอะต้องทำ” มีคุณปฏิเสธ

“เยียขอตัวดีกว่า พี่คิวจะไปเหรอคะ” พเยียหันมาถามคีตะ

“กลัวก็อยู่บ้าน” นับตังค์ยักคิ้ว

“ใครกลัว มีแต่คนบ้านนอกแค่นั้นที่เชื่อเรื่องไร้สาระ ไปก็ได้ คุณไปกับคิวนะ นะครับ มีคุณไปด้วยคิวก็อุ่นใจ” คีตะยักไหล่ให้นับตังค์ก่อนจะหันไปชวนมีคุณ

“อืม ไปก็ได้” มีคุณพยักหน้า

ที่มีคุณตัดสินใจไปไม่ใช่เพราะคีตะอ้อน แต่เพราะไม่อยากปล่อยนับตังค์ไปกับคนอย่างพญา เขายอมรับว่าเมื่อครู่หึงและหวงนับตังค์มาก เขาน้อยใจนับตังค์ที่แขวะเขาต่อหน้าคนอื่น ไม่ใช่ว่าไม่เคยโดนนับตังค์ต่อปากต่อคำ แต่ทำต่อหน้าพญาแบบนี้มันทำให้เขาหน้าแตกหมอไม่รับเย็บ แถมยังชวนพญาก่อนที่จะชวนเขาอีก แต่เมื่อเห็นท่าทีที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลยของนับตังค์อาการหงุดหงิดหึงหวงจึงเบาบางลงแล้วนึกเป็นห่วงแทน

“งั้นไปเจอกันที่ปากทางขึ้นน้ำตกตอนสองทุ่ม” พญาเอ่ยปากนัดหมายหลังจากที่อิ่มเอมกับอาหารกลางวันเสร็จสิ้นแล้ว

“ไม่ต้อง ตังจะไปรับเอง ไปรถคันเดียวพอ เดี๋ยวไปยืมรถคุณปู่ ลุงเตรียมพระห้อยคอไปเยอะๆ ก็แล้วกัน” นับตังค์บอกกับพญาก่อนจะหันมายิ้มให้พายพัด

“พี่จะรอนะ” พญายกยิ้มแม้จะตะขิดตะขวงใจกับตำแหน่ง ‘ลุง’ ที่นับตังค์มอบให้ 

พญาเตรียมแผนเอาไว้ในใจแล้ว ตั้งใจจะให้ลูกน้องของตัวเองไปรอแถวนั้นแล้วหลอกให้ทุกคนกลัว เขาจะถือโอกาสนั้นพานับตังค์แยกตัวออกมา แล้วปลอบประโลมจนน้องนับตังค์ซาบซึ้งใจ แค่คิดก็อดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้ ขอแค่ได้กอดปลอบพี่พญาคนนี้ตายตาหลับแล้ว


ก่อนจะกลับ พญาก็ขอคุยกับมีคุณเป็นการส่วนตัว มีคุณจึงเชิญพญาให้ไปคุยที่ห้องทำงาน คีตะจะขอตามมาด้วยแต่เจอพญาดุจนหน้าเจื่อนไป พเยียจึงต้องรีบพาคีตะออกไปนั่งเล่นรอที่สวนหย่อมของร้าน พเยียรู้ดีว่าเวลาพญาหงุดหงิดมันน่ากลัวกว่าที่คีตะจะคาดถึง

“ผมขอพูดแบบตรงไปตรงมาเลยนะ ผมอยากมาเจรจาเรื่องการขอซื้อร้านต่อจากคุณ อย่าเพิ่งปฏิเสธผม ผมไม่ได้เร่งรัดอะไรถ้าคุณยังไม่อยากขาย แต่ถ้าคุณมีแนวโน้มที่จะขาย ผมยินดีจะซื้อในราคาที่คุณเสนอมาแบบไม่ต่อราคาเลย ที่สำคัญ ผมยินดีจ่ายค่ามัดจำล่วงหน้าเอาไว้ก่อนครึ่งหนึ่งในกรณีถ้าคุณมีระยะเวลาให้กับทางผมได้รอ ลองเอาไปคิดดูนะครับ” พญาเปิดประเด็นแบบตรงไปตรงมา ยิ่งเห็นมีคุณเงียบก็ยิ่งคิดว่ามีคุณอาจจะสนใจในข้อเสนอ พญาหยิบกระดาษมาหนึ่งแผ่นแล้วเขียนตัวเลขสองแถวลงไปก่อนจะยื่นให้มีคุณ

“ที่จะคุยกับผมที่เท่านี้ใช่ไหม” มีคุณถาม เขารู้ว่าตัวเลขแถวแรกที่พญาเขียนใส่กระดาษมาให้คือเบอร์โทรของพญา ส่วนตัวเลขแถวที่สองนั้นทำให้มีคุณอึ้งไปเหมือนกัน เพราะมันคือจำนวนเงินที่พญาเสนอมา มันมากกว่าที่เขาตีราคาที่ดินที่นี่เอาไว้ถึงสามเท่า

“เรื่องธุรกิจก็มีแค่นี้ แต่เรื่องอื่นผมไม่คิดเจรจา” พญาพูดและวางท่าให้ดูเหนือกว่า

“ถ้าอย่างนั้นก็เชิญกลับไปได้แล้วครับ ผมมีงานต้องทำต่อ ขอบคุณที่มาร่วมทำบุญร้าน อันที่จริงคุณน่าจะบอกผมก่อนว่าจะมา ผมจะได้ทำขนมจีบใส่แห้วเอาไว้ต้อนรับ” มีคุณเน้นคำว่าแห้ว

พญาจ้องหน้ามีคุณก่อนจะรีบหันหลังเดินออกจากห้องทำงานของมีคุณไป มีคุณหัวเราะตามไล่หลังไป แต่เมื่อพญาเดินไปไกลแล้วมีคุณก็ถอนหายใจ มองกระดาษในมือแล้วก็ตัดสินใจทิ้งมันลงไปในถังขยะ




(มีต่อด้านล่างค่ะ)

V
V

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-06-2017 16:22:37 โดย Loverouter »

ออฟไลน์ Loverouter

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 446
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +471/-12
(ต่อจากด้านบนค่ะ)


เมื่อใกล้ถึงเวลาที่นัดหมายกับพญาเอาไว้ ทุกคนก็เตรียมจะออกเดินทางไปรับพญากับคีตะที่โรงแรม แต่ด้วงร้องไห้งอแงตามนับตังค์ไม่ยอมหยุดจนสุดท้ายนับตังค์ก็ตัดสินใจเอาด้วงไปด้วย ใบเมี่ยงก็เลยตัดสินใจตามไปด้วยอีกคน

นับตังค์เลือกที่จะเอารถโฟร์วีลล์คันใหญ่ของคุณปู่ไปรับพญากับคีตะเพราะเป็นรถแบบหกที่นั่ง พายพัดอาสาที่จะขับไปให้ นับตังค์ให้ใบเมี่ยงนั่งหน้าคู่ไปกับพายพัด ส่วนตัวเองนั่งคู่ไปกับมีคุณที่เบาะตอนกลางโดยอุ้มหนูด้วงนั่งตักเอาไว้ เมื่อไปถึงโรงแรมของนายหัวพยนต์ พญากับคีตะก็เดินมาที่รถ คีตะไม่ยอมไปนั่งเบาะหลัง นับตังค์จึงให้คีตะนั่งตอนกลางไปกับพญา ส่วนตัวเอง มีคุณและด้วงไปนั่งที่เบาะท้ายแทน แม้คีตะจะรู้สึกขัดใจที่ต้องไปนั่งคู่ไปกับพญา แต่ก็ไม่อยากเรื่องมากเพราะไม่อยากทำตัวร้ายกาจตลอดเวลาต่อหน้ามีคุณ

พายพัดขับรถไปจนถึงสามแยกที่จะขึ้นไปยังน้ำตกพระครามก็ชะลอรถเพราะทางข้างหน้าค่อนข้างจะมืดสนิท พญาแอบกดโทรศัพท์เพื่อส่งสัญญาณให้ลูกน้องของตัวเองรู้ว่ามาถึงสามแยกแล้ว

“ต้องเข้าไปทางนั้นใช่ไหม ไปที่ศาลตายายก่อน ตังจะเอาห่อหมกไปไหว้” นับตังค์ชี้บอกพายพัด

“รถคงเข้าไปได้อีกไม่เท่าไหร่ สงสัยต้องเดินเข้าไป” พญาบอกก่อนจะแอบลอบยิ้ม

“นั่นบ้านใคร” ใบเมี่ยงชี้ไปที่บ้านที่เห็นอยู่ไกลๆ เห็นไฟดวงเล็กๆ สีเหลืองนวลห้อยอยู่หน้าบ้านเพียงดวงเดียว

“พี่สายรุ้งว่าแถวนี้ไม่มีบ้านใครแล้ว หรือจะบ้านของตากับยาย แต่มันร้างมานานแล้วทำไมถึงมีไฟได้” พายพัดพูดขึ้นมาก่อนจะจอดรถที่ริมถนนแล้วมองเข้าไปที่ตัวบ้าน แต่มันก็ไกลเกินจะเห็นได้ชัด

“นั่นสิ ทำไมมีไฟเปิดได้ล่ะ” คีตะถามขึ้น จากที่ทำปากกล้าบอกว่าไม่กลัวตอนนี้คีตะหน้าซีดจนแทบไม่มีสีเลือด

เมื่อคีตะพูดจบเสียงเพลงในรถก็แผดดังขึ้นมาเองจนทุกคนตกใจ ยกเว้นหนูด้วงที่นั่งหัวเราะชอบใจเพราะเป็นเพลงเด็กที่ด้วงเคยฟังประจำ คีตะตะโกนบอกให้พายพัดลดเสียงลง แต่พายพัดตะโกนบอกว่าเขากดลดเสียงไม่ได้ พญาไม่เชื่อว่าพายพัดพูดความจริงจึงโน้มตัวไปกดปุ่มลดเสียงเอง แต่พอพญาปล่อยมือจากปุ่ม หน้าปัดก็โชว์สัญลักษณ์ว่าเสียงถูกเร่งขึ้นมาใหม่ คีตะเริ่มหวาดกลัวจนขยับเข้าไปกอดแขนของพญาโดยอัตโนมัติ พญาเองก็อึ้งไปกับสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า

“พวกผมมาดีครับ อยากเอาห่อหมกมาไหว้ตากับยาย” นับตังค์ยกมือไหว้แล้วพูดออกมาเสียงดัง พักเดียวเสียงเพลงก็เบาลงเองอย่างน่าอัศจรรย์

“กลับเถอะคุณ” คีตะหันมาอ้อนวอนมีคุณเมื่อเห็นว่าชักไม่ชอบมาพากลแล้ว

“ได้ไง ไหนว่าไม่กลัวไง” พญาดึงแขนตัวเองออกจากการเกาะกุมของคิวก่อนจะรีบพูดออกมา ขืนกลับตอนนี้เขาก็ไม่ได้กอดนับตังค์กันพอดี แผนที่คิดมาก็พังหมด

“นั่นไงศาล” พายพัดชี้ให้ทุกคนดูศาลไม้ที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากบ้านไม้หลังที่เห็น

“ตังจะเอาห่อหมกไปไหว้นะ รอกันอยู่ในรถนี่แหละ” นับตังค์บอกทุกคน

“พี่จะไปเป็นเพื่อน” มีคุณทำท่าจะลงจากรถ

“พี่ดูด้วงดีกว่า ตังไปแวบเดียว” นับตังค์ส่งด้วงให้มีคุณอุ้มเอาไว้ก่อนจะเปิดประตูระลงไป

“พี่ไปด้วย” พญาได้ทีก็รีบตามนับตังค์ลงไป

มีคุณมองตามไปด้วยความเป็นห่วงแต่ตามไปไม่ได้เพราะตอนนี้ด้วงซบกอดเขาแน่นเหมือนกลัวว่าจะถูกเขาทิ้งไปอีกคน

นับตังค์ถือกล่องห่อหมกลงมาพร้อมกับธูปเทียนและดอกไม้ที่เตรียมเอามา หนทางข้างหน้าค่อนข้างจะมืดและรกไปด้วยต้นไม้ใบหญ้า มีเพียงแสงไฟจากรถที่ส่องมาพอให้เห็นทางบ้าง แต่พอเดินลึกเข้ามาจนแสงไฟจากรถมาไม่ถึง นับตังค์ก็จุดเทียนส่องทางมา นึกบ่นตัวเองในใจว่าทำไมถึงลืมเอาไฟฉายติดตัวมาด้วย

นับตังค์กับพญาเดินมาถึงศาลไม้ที่เต็มไปด้วยใบไม้แห้ง บ่งบอกให้รู้ว่าไม่มีใครมาดูแล ช่วงที่นับตังค์กำลังหยิบใบไม้ออกจากศาลและจุดธูปเทียน พญาก็กดโทรศัพท์ส่งข้อความบอกลูกน้องให้เริ่มจัดการตามแผน

นับตังค์วางกล่องห่อหมกลงแล้วยกมือไหว้บอกในสิ่งที่ตัวเองตั้งใจมาในคืนนี้ สายลมที่เคยเงียบสงบอยู่ก็กลับพัดแรงขึ้นมาอย่างน่าประหลาด พญามองไปรอบๆ แล้วก็ลูบแขนของตัวเอง นึกชมลูกน้องของตัวเองในใจว่าสร้างบรรยากาศน่ากลัวได้เนียนดี เห็นทีเขาต้องตกรางวัลพวกมันอย่างงาม

“เฮ้ย” พญาร้องเสียงดังเมื่อประตูบ้านไม้หลังเก่าที่อยู่ลึกเข้าไปในดงป่ากระแทกกับวงกบอย่างแรง จากที่คิดแผนเอาไว้ว่านับตังค์ต้องกลัว แต่ตัวเองดันเผลอตกใจร้องดังจนเสียฟอร์ม จากที่นึกชมลูกน้องเมื่อครู่ตอนนี้เขาอยากจะด่าที่มันแกล้งเนียนเกินไปจนทำให้เขาตกใจไปด้วย

“ไหว้เสร็จแล้ว ไปดูในบ้านกัน” นับตังค์ชวน

“ไปสิ” พญายกยิ้ม พวกลูกน้องเขาคงอยู่ในนั้น ดีไม่ดีถ้ามันแกล้งได้ดี เขาอาจจะได้จูบนับตังค์แทนการกอดปลอบก็ได้

ยังไม่ทันที่สองคนจะเดินลึกเข้าไปถึงตัวบ้าน ลูกน้องของพญาต่างก็วิ่งสวนออกมาแล้วตะโกนร้องเสียงดัง พญาเห็นลูกน้องของตัวเองวิ่งเตลิดไปคนละทางสองทางก็คิดว่าเป็นแผนที่จะทำให้นับตังค์กลัวจึงได้แต่กระหยิมยิ้มย่องในใจ ทำเป็นโวยวายตามไปด้วยเพื่อให้นับตังค์ตกใจ แต่พอจะหันไปจับมือเพื่อดึงนับตังค์มากอดก็พบแต่ความว่างเปล่า พญาร้องเรียกหานับตังค์แต่ไม่มีเสียงตอบกลับจึงตัดสินใจจะเดินกลับไปที่รถ แล้วจู่ๆ พญาก็หน้าซีดเผือดเมื่อเดินผ่านศาลตากับยาย สิ่งที่ทำให้พญาตกใจจนก้าวขาแทบไม่ออกคือชายแก่คนหนึ่งกำลังควักห่อหมกบนพื้นขึ้นมาถือเต็มสองมือสองไม้ และที่ปากชายแก่เต็มไปด้วยเลือดดูน่าสยดสยองอย่างมาก

“นี่ไม่ใช่ลูกน้องกู ชะ ชะ ช่วยด้วย ช่วยด้วย ผะ ผะ ผีเปรตหลอกกู พวกมึง มะ มะ มาช่วย กู กะ ก่อน” พญาพยายามจะตะโกนร้องเรียกลูกน้องแต่ก็ทำได้แค่พูดติดๆ ขัดๆ

“กินไหม” เสียงแหบแห้งจากชายแก่ดังมาก่อนที่เจ้าของเสียงจะทำท่าลุกขึ้นเดินมาหาพญา

จากที่ยืนตะลึงอยู่นาน ตอนนี้พญาโกยอ้าวแบบไม่คิดชีวิต จนกระทั่งวิ่งไปถึงที่รถของมีคุณ พอพญาเปิดประตูรถมาเจอบางอย่างตรงหน้าก็ช็อกแล้วก็เป็นลมหมดสติล้มลงไปกองกับพื้นทันที

...

“กล้าดีนักนะมึง”

เสียงเข้มของใครบางคนดังอยู่ที่ข้างหูของนับตังค์ ตอนนี้นับตังค์ถูกมือใหญ่หยาบกร้านปิดปากอยู่จนไม่สามารถส่งเสียงได้ แต่ถึงจะถูกลิดรอนอิสระแต่นับตังค์กลับไม่ดิ้นรนอะไร ยังคงยืนนิ่งเฉยจนอีกฝ่ายแปลกใจ มันยืนอยู่ที่ด้านหลังของนับตังค์และล็อกตัวของนับตังค์เอาไว้ สุดท้ายเจ้าของมือก็ยอมเปิดปากของนับตังค์ให้เป็นอิสระ

“จะกลับมาแก้แค้นรึไง ไอ้เท่ง” นับตังค์จำเสียงของมันได้ มันคือลูกน้องของนายหัวพยนต์ คนที่นับตังค์เล่นงานมันจนหมอบ

“จำกูได้ด้วย” เท่งถามและแสร้งทำว่าไม่มีความกังวลใด ทั้งที่จริงเท่งกำลังกังวลเป็นอย่างมากที่นับตังค์จับได้ว่าตัวเองเป็นใคร

เท่งอยากจะแก้แค้นนับตังค์มานานแล้ว แต่ติดที่พญาพูดเอาไว้ว่าห้ามแตะต้องนับตังค์ จนเท่งมาได้ยินไอ้ก้านลูกน้องของพญาพูดถึงแผนการหลอกผีให้นับตังค์กลัวขึ้นมาจึงได้อาศัยโอกาสนี้กลับมาชำระแค้น เขาไม่คิดว่านับตังค์จะจำเขาได้ อุตส่าห์คลุมหน้าคลุมตา คิดว่าจะเล่นงานให้น่วมแล้วหนีไป แต่เมื่อนับตังค์จำเสียงเขาได้เขาคงปล่อยนับตังค์เอาไว้ไม่ได้ไม่อย่างนั้นคงที่ตายคงเป็นตัวเขาเอง

“แน่จริงมาสู้กันตัวต่อตัวสิวะ” นับตังค์ท้าทาย

“กูไม่โง่ ไม่ต้องมาท้าทายกู” เท่งรู้ดีว่านับตังค์มีชั้นเชิงมวยไทย เรื่องอะไรจะสู้ตัวต่อตัวให้ตัวเองบาดเจ็บอีก

“มึงขี้ขลาด” นับตังค์พูดจบก็ถองข้อศอกไปที่ท้องของเท่งอย่างแรง เท่งไม่ทันตั้งตัวจึงเสียหลักเซไปด้านหลัง

“มึงตายเถอะ” เท่งชักมีดขึ้นมาแล้วเตรียมตัวจะพุ่งไปหานับตังค์

นับตังค์เบี่ยงตัวหลบทันแต่ในบ้านมันมืดมากจนแทบไม่เห็นอะไร มีแสงไฟด้านนอกเพียงริบหรี่ที่ลอดเข้ามา พอเท่งพุ่งตัวมาอีกครั้ง กว่านับตังค์จะเห็นเท่งก็มาใกล้ตัวแล้ว นับตังค์จะเบี่ยงหนีแต่ตัวไปติดกับกระดานไม้ที่พิงขวางอยู่ คิดว่าคงหลบไม่ทันจึงยกมือขึ้นมาตั้งใจว่าอย่างน้อยก็ใช้แขนรับมีดแทนตัวไปก่อน แต่ความคมกริบของมีดไม่ได้ถูกตัวของนับตังค์แม้แต่น้อยเพราะมีบางอย่างมาขวางเอาไว้เสียก่อน

ไฟฉายกระบอกใหญ่สาดแสงเข้ามา นับตังค์เห็นว่าคนที่ยืนบังตัวเองเอาไว้ก็คือมีคุณ ตอนนี้ที่แขนของมีคุณมีเลือดไหลออกมาเยอะพอสมควร เท่งตกใจที่มีคนอื่นเข้ามาช่วยนับตังค์จึงรีบลนลานหนีออกไปทางด้านหลังของบ้าน นับตังค์มองไปที่คนส่องไฟ พอเห็นได้ชัดก็ตกใจเล็กน้อยเพราะเป็นชายสูงวัยหนวดเครารุงรัง ที่ปากและหนวดของเขาเต็มไปด้วยเลือด

“พี่ เป็นยังไงบ้าง เลือดไหลเยอะเลย” นับตังค์เลิกสนใจชายสูงวัยแล้วหันมาหามีคุณ

“ไม่เป็นไร ขอบคุณคุณน้ามากครับ” มีคุณกดแผลของตัวเองเอาไว้ก่อนจะก้มหัวขอบคุณคนที่มาส่องกบบริเวณนี้พอดี

ชายสูงวัยยิ้มให้มีคุณกับนับตังค์ เขาเป็นคนไร้บ้านและแอบมาอาศัยอยู่ที่บ้านร้างนี้ อาศัยส่องกบกับหาของป่ากินกันตายไปวันๆ วันนี้มีพวกวัยรุ่นมันมาก่อกวนที่บ้านร้างแห่งนี้ เขาจึงไล่มันไปเพราะกลัวพวกมันมาซ่องสุมเล่นยา พอพวกมันเห็นเขาก็ตกใจแล้วชกเขาเสียจนเลือดกบปาก จากนั้นพวกมันก็วิ่งหนีไป ข้าวก็ยังไม่ได้กินยังมาปากแตกอีก กลับไปส่องกบก็ไม่มีกบสักตัว โชคดีที่มีคนเอาห่อหมกมาไหว้ที่ศาล ทั้งที่ไม่มีคนมาไหว้ศาลร้างนี้นานแล้ว เขาจึงถือว่ามีลาภปาก และยิ่งรู้สึกว่าวันนี้เป็นวันโชคดีสองเด้ง เพราะเขาไม่ได้กินของอร่อยแบบนี้มานานมากแล้ว ไม่รู้ว่าใครนำของอร่อยนี้มาวางไว้ ระหว่างที่กำลังอร่อยกับห่อหมก ก็ยังมีวัยรุ่นอีกคนมาเจอกับเขาอีก พอเห็นเขาก็ทำท่าเหมือนเห็นผีแล้วก็วิ่งหนีไปอีก เขาจึงตั้งใจเอาห่อหมกกลับไปกินต่อที่บ้านร้าง ขณะที่กำลังจะกลับบ้าน ก็มาเจอพ่อหนุ่มคนนี้วิ่งมาตามหาคนรัก เขาจึงช่วยส่องไฟให้ แปลกใจเหมือนกันว่าพ่อหนุ่มคนนี้รู้ได้ยังไงว่าคนรักของตัวเองอยู่ที่บ้านร้างนี้ พวกวัยรุ่นพวกนั้นก็หนีไปหมดแล้ว แต่ที่น่าแปลกใจกว่าคือเขาคิดไม่ถึงว่าคนรักของพ่อหนุ่มคนนี้ก็เป็นชายหนุ่มเหมือนกัน

“ไม่เป็นไร ฮ่าๆ ดีจัง ไม่มีใครเรียกน้านานแล้ว มีแต่คนเรียกฉันว่าตาแก่ ไปเถอะๆ ไปหาที่ทำแผล” ชายสูงวัยหรือ ‘ช้วน’ พูดกับนับตังค์และมีคุณ

“ขอบคุณมากนะครับพี่” นับตังค์ยกมือไหว้ช้วน ช้วนหัวเราะที่นับตังค์เรียกตัวเขาว่าพี่

“เจอกันอีกทีคงเรียกฉันว่าน้องสินะ ไปๆ ฉันจะช่วยส่องไฟให้” ช้วนโต้ตอบอย่างคนอารมณ์ดีก่อนจะเดินนำทั้งคู่ออกไป

ช้วนส่งทั้งสองคนจนเห็นว่ามีแสงไฟจากรถส่องทางแล้วจึงขอตัวกลับไปที่บ้านร้าง นับตังค์ประคองมีคุณแล้วเดินมาจนถึงรถ ใบเมี่ยงกับพายพัดตกใจที่เห็นแขนของมีคุณเต็มไปด้วยเลือด คีตะก็โวยวายยกใหญ่ กล่าวโทษนับตังค์ที่หาเรื่องจนมีคุณต้องเจ็บตัว มีคุณต้องบอกให้คีตะเงียบ คีตะถึงได้หยุดพูดทั้งที่อยากจะต่อว่านับตังค์ให้มากกว่านี้

“บัยบาย บัยบาย” ด้วงโบกมือออกไปข้างทางก่อนจะหัวเราะยิ้มแย้ม ทุกคนได้แต่เงียบเพราะไม่รู้ว่าด้วงโบกมือให้ใคร แต่ก็ไม่มีใครอยากทักขึ้นมา

คีตะอยากจะร้องไห้ที่ต้องมาเจอกับเรื่องบ้าบอนี้ พญาก็มาสลบจนต้องช่วยกันหามขึ้นรถ ไม่รู้ว่าไปเจอกับอะไรมาถึงทำให้คนอย่างพญาเป็นถึงขนาดนี้ได้ คีตะตั้งใจว่าพรุ่งนี้จะไปวัดให้พระท่านช่วยรดน้ำมนต์เพราะกลัวว่าวิญญาณแถวนี้จะตามไป



เมื่อรถเคลื่อนตัวออกด้วงก็หันมาซบนับตังค์ นับตังค์กุมมือของมีคุณเอาไว้ตลอดทางจนถึงอนามัยชุมชน คีตะรีบลงมาประคองมีคุณไปทำแผลเพราะด้วงหลับคาอกของนับตังค์อยู่จึงลุกไปไม่ได้ ส่วนใบเมี่ยงเดินลงไปขอยาดมจากเจ้าหน้าที่มารมที่จมูกของพญา ไม่นานพญาก็ฟื้น

“น้องตังหายไปไหนมา” พญาถามหลังจากที่ได้สติแล้ว สีหน้ายังซีดเสียวจนพายพัดแอบขำ

“ลูกน้องของลุงเกือบฆ่าบอสของตัง” นับตังค์พูดอย่างเคืองๆ

“ใคร ไอ้ก้านเหรอ มันทำอะไร แล้วมันทำอะไรน้องตังรึเปล่า” พญาตกใจเมื่อมองไปรอบๆ แล้วเห็นว่ารถมาจอดอยู่ที่หน้าอนามัยของชุมชน

“ไม่ใช่ก้าน แต่เป็นไอ้เท่ง มันตั้งใจจะแก้แค้น  มันจะแทงตัง บอสมาช่วยพอดี” ใจจริงนับตังค์อยากจะเจอมันแล้วซัดมันให้พิการไปเลย แต่คิดพญาควรจะจัดการกับลูกน้องของพ่อตัวเอง

นับตังค์รู้ว่าพญาไม่ได้มีใจคิดร้ายกับตัวเอง คงแค่วางแผนให้ลูกน้องของตัวเองหลอกผีให้นับตังค์กลัว นับตังค์ไม่ได้โกรธเพราะว่าตัวเองก็วางแผนกับพายพัดหวังจะแกล้งพญากับคีตะเหมือนกัน ไม่คิดว่าเรื่องมันจะออกมาแบบนี้ อีกอย่างเท่งก็ไม่ใช่ลูกน้องของพญา นับตังค์เดาว่าพญาคงไม่รู้เรื่องนี้ ยิ่งเห็นสายตาของพญาในตอนนี้นับตังค์คิดว่าเท่งคงจะงานเข้าเข้าแล้ว

“พี่ขอโทษนะ” พญาพูดเสียงเรียบๆ ก่อนจะเตรียมตัวลงจากรถ ตั้งใจให้ลูกน้องมารับและไปจัดการอะไรบ้างอย่าง แต่พอสายตาเหลือบไปเห็นสิ่งที่ด้วงกอดเอาไว้ก็หน้าเสียก่อนจะหันไปมองพายพัดกับใบเมี่ยง

“ผมสัญญาว่าจะไม่บอกใคร” ใบเมี่ยงรีบบอกก่อนจะกลั้นขำ

“เมี่ยงไม่พูด ผมก็จะไม่พูด” พายพัดเองก็กลั้นขำเหมือนกัน

“พี่ไปก่อนนะ” พญารีบลงจากรถ

“มีอะไรเหรอ” นับตังค์เห็นพญาเดินลงไปแล้วเตะขาไปมากับลมเหมือนคนหัวเสียก็สงสัย

“ก็พอหมอนั่นเห็นน้องด้าวของด้วงก็สลบไปเลย” ใบเมี่ยงพูดจบก็หัวเราะลั่น

“ไหนว่าจะไม่บอกใครไงครับอุ๋งอุ๋ง ช่างเมาท์นะเรา” พายพัดจับคางของใบเมี่ยงส่ายไปมา

“โถ น่าสงสารนิ” นับตังค์มอง ‘น้องด้าว’ ตุ๊กตาเอเลี่ยนของด้วงแล้วก็อยากขำ แต่ตอนนี้ใจของนับตังค์ไม่สดใสเอาเสียเลย ยังคงห่วงว่ามีคุณจะเป็นยังไงบ้าง


สักพักใหญ่มีคุณก็เดินออกมาพร้อมกับคีตะ พายพัดไปส่งคีตะที่โรงแรม ทีแรกคีตะจะอ้อนขอไปนอนกับมีคุณที่บ้านโดยอ้างว่าจะดูแลมีคุณเอง แต่เมื่อมีคุณปฏิเสธตรงๆ คีตะจึงจำต้องยอมกลับไปนอนที่โรงแรม เมื่อมาถึงบ้านแล้วใบเมี่ยงก็มาอุ้มหนูด้วงไปเพราะคิดว่าคืนนี้นับตังค์ต้องดูแลมีคุณ มีคุณเล่าว่าถูกเย็บไปหลายเข็มเพราะแผลลึกพอสมควร

มีคุณกลับขึ้นมาถึงห้องก็เดินไปนั่งที่เตียง นับตังค์รีบเดินเข้าไปในห้องน้ำก่อนจะยกกะละมังใส่น้ำออกมาเพื่อเตรียมตัวจะเช็ดตัวให้มีคุณ มีคุณปล่อยให้นับตังค์ดูแลตัวเขาแล้วแอบลอบยิ้ม จนกระทั่งเปลี่ยนเสื้อผ้าให้มีคุณเสร็จนับตังค์ถึงได้หายเข้าไปในห้องน้ำ นานจนมีคุณเกือบจะหลับ เมื่อนับตังค์ออกมามีคุณก็เห็นว่านับตังค์ตาแดงเหมือนผ่านการร้องไห้มา

“มานี่สิ เป็นอะไร” มีคุณดึงมือของนับตังค์ให้มานั่งใกล้ๆ

“ตังขอโทษนะ ตังทำให้พี่เจ็บ ร้านจะเปิดอยู่แล้ว พี่ต้องมาเจ็บแบบนี้” นับตังค์ลูบที่ผ้าพันแผลของมีคุณเบาๆ รู้สึกผิดมากที่หาเรื่องสนุกจนมีคุณได้รับบาดเจ็บ นอกจากความสูงที่นับตังค์กลัวแล้ว เลือดของมีคุณก็ทำให้นับตังค์กลัวจนยืนแทบไม่อยู่เหมือนกัน

“มันไม่ใช่ความผิดของตังหรอก ร้องไห้ทำไม ปกติร้องไห้ยากไม่ใช่เหรอเราน่ะ” มีคุณเห็นหน้าจ๋อยๆ ของนับตังค์ก็อดสงสารไม่ได้ เขาเห็นสายตาของนับตังค์ตอนที่เห็นเขาบาดเจ็บ เขารู้ได้ทันทีว่านับตังค์เป็นห่วงเขาแค่ไหน ยิ่งตอนที่จับมือเขาตลอดเวลาจนถึงอนามัย มือของนับตังค์สั่นจนดูน่าสงสารกว่าคนเจ็บอย่างเขาเสียอีก

“มันเป็นความผิดของตัง ตังนึกสนุกอยากแกล้งคนอื่นจนกรรมตามทันเลย”

“สรุปว่าที่ชวนหมอนั่นไปเพราะอยากแกล้งเขารึไง” มีคุณเพิ่งมารู้ จากที่แอบน้อยใจคนรักอยู่บ้าง ตอนนี้หายเป็นปลิดทิ้ง

“ก็ใช่น่ะสิ อยากมาวุ่นวายกับตัง แฟนเก่าพี่ก็ด้วย ขี้ตื้อชะมัด ตังแกล้งใช้รีโมทบังคับวิทยุให้เสียงดังกับให้พายพัดรอเอาไฟฉายส่องเจ้าด้าวตอนเดินกลับมา ไม่คิดว่าจะมีเรื่องไอ้เท่งมาเกี่ยว แต่ใจจริงตังก็อยากไปไหว้ศาลตากับยายจริงๆ ถ้าพายพัดไม่ชวนเสียก่อนก็กะว่าจะชวนพี่ไปด้วยกัน”

“มาหอมทีซิ” มีคุณจะหอมนับตังค์ แต่นับตังค์เป็นฝ่ายไปหอมมีคุณเสียก่อน ทำเอามีคุณหุบยิ้มไม่ได้เลย

“พี่เจ็บไหม” นับตังค์ถามอย่างห่วงใย

“เจ็บ แต่ถ้าพี่ปล่อยให้มีดบาดตัง พี่คงเจ็บกว่า” มีคุณหอมนับตังค์กลับบ้าง

“ซึ้งอะ” นับตังค์ทำท่าจะร้องไห้

“ไม่ต้องซึ้งหรอก ปล่อยให้เชฟมือเจ็บร้านก็ไม่ได้เปิดกันพอดี” มีคุณพูดต่อ

“ดีนะไม่ทันเสียน้ำตาให้ ชิ” นับตังค์เบ้ปากใส่ก่อนจะหอมแก้มมีคุณแรงๆ เป็นการแก้แค้น

“ไม่ทันอะไร ตาแดงออกมาแบบนี้” มีคุณย้อน

“สบู่มันเข้าตา อย่าเข้าใจผิด” นับตังค์แก้ตัว

“คืนนี้ขอขั้นซีได้เปล่า” มีคุณอ้อน

“แขนเจ็บยังไม่เจียมนะ”

“ขั้นซีไม่ต้องใช้แขนมั๊ง” มีคุณทำท่าคิดจนนับตังค์หมั่นไส้

“ไม่ได้ ไอ้รันมันเคยสอนตังว่า ถ้าเรายังไม่รู้จักชื่อหมาของคนที่มาจีบเรา เราห้ามไปรักเขาและห้ามมีอะไรด้วย”

“ทำไมล่ะ”

“ก็แปลว่าเรายังไม่รู้จักเขาดีพอไง”

“ได้ไง พี่ไม่ได้เลี้ยงหมา แบบนี้ก็อดตลอดชีพอะสิ”

“ก็ใช่ไง พี่ไม่มีหมา ตังเลยหยวนให้ก่อน เพราะฉะนั้นแค่ขั้นบีไปก่อน”

“แต่นานๆ ทีจะมีโอกาสอยู่กันสองต่อสองนะ” มีคุณยังอ้อนต่อ

“บีพอ ว่าไง โอเคไหม” นับตังค์ต่อรอง

“โอเคไหมก็ดูที่ห่อหมกของพี่สิ” มีคุณบุ้ยใบ้ให้นับตังค์ดูบางอย่างที่มันกำลังตื่นตัว

“ถามหน่อยเหอะ หมอเขาฉีดยาชาหรือฉีดยาม้าให้ ทำไมคึกขนาดนี้ โอ้ย...น่ากลัวกว่าผีก็ความหื่นของพี่นี่แหละ” นับตังค์โวยวายเมื่อมองไปแล้วเห็นว่ามีคุณของขึ้นได้อีก

“เออ พูดถึงผี นึกถึงคุณน้าที่บ้านร้างคนนั้น พี่ว่าจะชวนเขามาอยู่ด้วยกัน สงสารแก อยู่คนเดียวต้องไปหากบหาเขียดกิน” มีคุณขยับตัวลงนอนและดึงให้นับตังค์ลงมานอนซบแขนข้างที่ไม่เจ็บ

“ดีเหมือนกัน ให้พักกับพี่บ่าวไปก่อนแล้วค่อยหาที่พักให้ใหม่ ว่าแต่เขาเป็นคนบอกพี่เหรอว่าตังถูกไอ้เท่งจับตัวไป” นับตังค์ถาม

“ตอนแรกพี่เห็นคนวิ่งออกมาจากดงหญ้าสามสี่คนก็รู้สึกเอะใจแล้ว สักพักพอพญาวิ่งออกมาคนเดียวโดยไม่มีตัง พี่ก็รีบลงไปตามหาตังเลย แต่ไม่รู้ว่าจะไปตรงไหนเพราะมันมืดไปหมด แล้วก็ไปเจอผู้ชายคนหนึ่ง น่าจะเป็นชาวบ้านที่มาส่องกบ เขาชี้บอกว่าตังอยู่ที่บ้านร้าง พอพี่วิ่งไปก็ไปเจอกับคุณน้าคนนั้นเข้าพอดี เขาเลยช่วยส่องไฟแล้วพาพี่ไปที่บ้านร้าง”

“เดี๋ยวนะ แล้วชาวบ้านคนที่ชี้บอกพี่เขารู้ได้ไง” นับตังค์ยิ่งนึกสงสัยเมื่อฟังคำบอกเล่าจากมีคุณ

“เออ นั่นสิ ตอนนั้นลืมคิดไป”  มีคุณก็เพิ่งจะเอะใจตอนที่นับตังค์ถาม

“หรือว่าจะเป็นลูกน้องของตาลุงพญา อาจจะรู้ว่าไอ้เท่งจะทำร้ายตังเลยมาบอก” นับตังค์คิดว่าน่าจะเป็นไปได้ที่สุด

“ก็อาจจะเป็นได้” มีคุณคิดตาม แม้ในใจจะยังคิดว่าชายคนนั้นไม่น่าใช่ลูกน้องของพญา รูปร่างท่าทางดูดีเกินกว่าจะเป็นชาวบ้านอย่างที่มีคุณบอกกับนับตังค์ด้วยซ้ำไป

“เฮ้อ ช่างมัน คิดไปก็ปวดหัว แสดงว่าพี่กับตังยังมีบุญถึงได้มีคนมาช่วยเหลือเนอะ”

“นึกว่าจะมีแต่กรรมลิขิต” มีคุณอดไม่ได้เอาคำพูดนับตังค์มาย้อน

“โห ไม่เอาน่า ตังก็พูดไปงั้นเอง การได้เจอกับพี่จะเป็นกรรมไปได้ยังไง บุญพาวาสนาส่งชัดๆ” นับตังค์รีบอ้อนเอาใจ แต่มีคุณว่ามันเหมือนประชดชัดๆ เลยหัวเราะออกมาอย่างขำๆ

“พี่ดีใจนะที่ได้เจอกับตัง ไม่ว่าจะกรรมลิขิตหรือบุญพาวาสนาส่งก็ดีใจ” มีคุณหอมที่ผมของนับตังค์

“อะหือ พูดจานุ่มนวลชวนก่อคดีชะมัด ปล้ำดีไหมนะ” นับตังค์ทั้งเขินทั้งรู้สึกดี

“ขอบคุณนะที่ใจง่ายยอมให้พี่จีบจนติด จะว่าไปยังไม่ทันได้จีบด้วย ตังให้ท่าพี่มากกว่า อ่อยเก่งเหมือนกันนะเรา” มีคุณพูดต่อ

“ว่าแล้ว ดีได้ไม่เคยนานจริง มาโดนลงโทษซะดีๆ” นับตังค์ลุกขึ้นมาก่อนจะเอื้อมมือไปปิดไฟ เสียงหัวเราะของคนทั้งคู่ค่อยๆ เงียบไปพร้อมกับไฟในห้องที่ดับลง


ท้องฟ้ายามราตรีในคืนนี้มืดมิดจนมองไม่เห็นดวงดาว สักพักสายฝนก็โปรยลงมาเบาๆ ทั้งที่ไม่มีเค้ารางมาก่อน พายพัดนอนกอดใบเมี่ยงเอาไว้จนได้ยินเสียงหัวเราะของด้วงจึงได้ชะโงกหน้ามาดู เห็นด้วงกำลังละเมอชูมือชูไม้แล้วหัวเราะร่วน สักพักด้วงก็พูดว่าป้อจ๋าแม่จ๋าอยู่หลายรอบก่อนจะหลับลงตามเดิม พายพัดรู้สึกขนลุกก่อนจะสวมกอดใบเมี่ยงแน่นกว่าเดิมแล้วรีบข่มตาให้หลับ ไม่นานพายพัดก็หลับสนิทไป

ฝนที่เริ่มโปรยปรายลงมาหนักขึ้นไม่ได้ก่อกวนให้พายพัด ใบเมี่ยงและหนูด้วงตื่น ส่วนคนที่อยู่ในห้องอีกฝากหนึ่งก็ไม่ได้สนใจสายฝนที่กระหนำลงมาเช่นกัน ภายในห้องมีแต่ไอรักร้อนแรงตลบอบอวลอยู่ท่ามกลางสายฝน

มันเป็นอีกวันหนึ่งที่มีเรื่องราวมากมายได้เกิดขึ้นกับมีคุณ เป็นเรื่องราวที่หากเขาไม่ได้มาอยู่ที่นี่มันก็คงไม่เกิดขึ้น เขาเจ็บตัวถึงขั้นเลือดตกยางออก แผลนี้ใหญ่ที่สุดในชีวิตตั้งแต่เกิดมา แต่หัวใจของมีคุณกลับอิ่มเอมและสุขมากกว่าวันไหนๆ สุขจนลืมความเจ็บปวดและความกังวลใดๆ ไปสิ้น เขานึกขอบคุณคุณตาคุณยายผู้สร้างตำนานห่อหมกขึ้นมา เพราะถ้าเขาไม่ได้เจ็บตัวในวันนี้ เขาคงยังไม่แน่ใจว่านับตังค์รักเขามากแค่ไหน แต่วันนี้เขาได้เรียนรู้แล้วว่าความรักของนับตังค์มันไม่สามารถวัดได้จากระยะเวลาที่คบกันหรือการแสดงออกด้วยคำพูดหวานๆ หรือท่าทีออดอ้อน ความรักของนับตังค์เป็นแบบฉบับที่ไม่มีใครเหมือน คงมีอีกมากมายที่เขายังต้องเรียนรู้ความเป็นนับตังค์ให้มากขึ้นและมีคุณหวังว่าจะเป็นทั้งชีวิตของเขาที่จะได้ใช้เวลากับคนคนนี้ 


***โปรดติดตามตอนต่อไป***


เดี๋ยวกลับมาแก้คำผิดที่หลุดรอดให้ค่ะ ขอบคุณที่ติดตามนะคะ




เครดิตรูปจาก Google


[ทางไปเพจ Loverouter จิ้มเลย]
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-06-2017 16:23:20 โดย Loverouter »

ออฟไลน์ MyLavenderLand

  • ฉันสุขใจ เมื่อได้ Log in เล้า
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1576
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-1
ตอนนี้มีแอบหลอนเบาๆเนอะ ลุงช้วนจะต้องเป็นคนไขความลับในอดีตหลายๆเรื่องต่อไปอีกแน่นวลลลล  // ขนมจีบใส้แห้วกลายเป็นซิกซ์เนเจอร์ประจำตัวลุงพญาไปแล้ว //  มีคุณล้อยันลูกพญาบวชอ่ะ 555555

ออฟไลน์ minkey

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 233
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ห่อหมกในตำนาน
 :mew1: :mew1: :mew1:
น้องตังน่ารักจังเลย
เราก็ยังแอบภาวนาว่าไม่อยากให้มีดราม่าเรื่องร้านมีคุณกับน้องตังค์เลยง่ะ
แบบว่าไปดราม่าอื่นๆ เราว่ายังพอไหว
 :mew2: :mew2:

หรือไม่ดราม่าเลยยิ่งดี
เราชอบที่เค้าสองคนเข้าใจกันอ่ะ

เป็นกำลังใจให้คนเขียนค่า
อ่านทีไรเราหิวทุกที

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ pigarea

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 748
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
ดราม่าที่เรากลัวที่สุดคือ ความจริงเปิดเผยว่า ความตั้งใจแรกของมีคุณคือทำร้านครบปีแล้วจะขายเอาเงินไปใช้หนี้
กลัวว่าน้องตังค์จะไม่เข้าใจถึงเจตนาที่เปลี่ยนไปหลังจากได้เจอน้องตังค์

และคิดว่าชาวบ้านที่บอกทาง น่าจะเป็นคุณตาแน่นอน หวานไปแบบนี้เรื่อยๆ นะ ไม่อยากให้มีอะไรเศร้า
สำคัญที่สุด มาอ่านเรื่องนี้จะตอนไหนๆ เราก็หิว แล้วก็ต้องไปหาของกิน โอ๊ย!!! ร้านของมีคุณอยู่ไหน จะไปชิมฝีมือน้องตังค์

ออฟไลน์ route rover

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +221/-7
จเพิ่งกินข้าวเสร็จ มาอ่านเรื่องนี้เห็นห่อหมกยังน้ำลายไหลได้เลย

ออฟไลน์ gookgik

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1966
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +341/-6
เข้ามาฮากับความหน้าแตกของพญาที่ได้เจอน้องด้าว ถึงขั้นเป็นลมสลบไปเลย สมน้ำหน้าจริงๆ  แต่อยากให้แกล้งคีตะมากกว่าพญา  เพราะหมั่นไส้ในนิสัยและความหน้าด้านของนางมาก

เห็นด้วยว่าควรชวนพี่ช้วนของนับตังค์มาทำงานด้วย  แต่คนที่บอกทางคนแรกน่าจะเป็นวิญญาณพี่ชายนับตังค์หรือเปล่านะ

ห่อหมกในตำนาน ทำให้เกิดเรื่องราวทั้งฮา บู๊ และจบลงที่ความหื่นของพี่คุณ 

รอวันเปิดร้านอย่างเป็นทางการ

-----------------------
เป็นนิยายที่น่าติดตามอีกเรื่อง แต่แปลกใจที่ไม่ค่อยมีคนเข้ามาเม้น  ยังไงก็เป็นกำลังใจให้คนเขียน สู้ๆ นะคะ  :pig4: :3123:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
พ่อแม่หนูด้วยไม่อยู่แล้วจริงๆ หรออ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ wonderbe

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 754
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-2

ออฟไลน์ Mura_saki

  • แค่เรารู้จักกัน...มันก็ดีที่สุดแล้ว :)
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +179/-9
ฟังเรื่องห่อหมกในตำนานแลดูหลอนนิดๆ แต่เพิ่มความฮาด้วยตาลุงพญานี่ล่ะ555

คุณตาเป็นคนบอกทางพี่คุณให้มาเจอนับตังค์
หนูด้วงโบกมือลานั่นคือตากับยายรึเปล่า (เดา)


สุดท้ายพี่คุณเราก็สายหื่นตามเคย แม้แขนเจ็บก็ตาม

ร้านใกล้เปิดแล้วววว อยากไปทานบ้าง  หิวเลยอ่ะ

ออฟไลน์ insomniac

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1482
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
เห็นชื่อตอนว่าห่อหมกนี้ต้องหื่นแน่ๆ แต่อ่านไป เฮ้ยไม่หื่นนี่หว่า  แต่สุดท้ายก็จบลงที่ห่อหมกแบบหื่นอยู่ดี 55

ออฟไลน์ Al2iskiren

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1775
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-3
ตอนที่พระบอกว่าไม่ต้องห่วงหนูด้วงนี่บอกกับคุณอนันต์รึเปล่าดูแล้วน่าจะห่วงด้วงที่สุด

แอบหลอนหน่อยๆตอนเข้าป่า ชาวบ้านที่บอกทางนี่คุณตาแน่ๆเลย ดีที่มีคุณไปช่วยนับตังค์ทัน ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็ยิ่งดีขึ้น หวังว่าเมื่อความจริงเปิดเผยมันจะไม่ม่านะ

ดูจากความเป็นนับตังค์แล้วต้องไม่ม่าสิ :hao5:

รอตอนต่อไปค่า

ออฟไลน์ Kunpimook

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ขอเดาว่า พ่อของด้วงคือพี่ชายของนับตังค์
ทั้งคู่ตายแล้ว คุณปู่น่าจะรู้เรื่องนี้ด้วยเลยดึงเข้ามาเอี่ยว  :katai5: ปมเยอะจังเรื่องนี้ สนุกๆ

ออฟไลน์ minenat

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1661
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-3
น้องร้ายยยย o13

ออฟไลน์ Readyaoi

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 212
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
ตอนนี้แอบหลอน ทั้งหลอนทั้งหิว

ออฟไลน์ Loverouter

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 446
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +471/-12
ตอนที่ 18 รูบิคเค้ก


ท้องฟ้าในเช้าวันนี้ดูสดใสมากกว่าทุกวัน ซึ่งมันคงเป็นฤกษ์ดีเพราะว่าวันนี้เป็นวันเปิดร้าน ‘มีคุณอนันต์’ เป็นวันแรก และโชคดีทีมีคุณอาการดีขึ้นกว่าเมื่อวานนี้ที่ทั้งไข้ขึ้นและปวดระบมที่แผล นับตังค์เฝ้าดูแลมีคุณทั้งวันไม่ห่าง หนูด้วงก็เหมือนจะรู้งาน ยอมอยู่กับใบเมี่ยงและพายพัดไม่งอแงร้องหานับตังค์เหมือนทุกครั้ง 

นับตังค์กวาดสายตามองดูไปรอบๆ ห้องครัวด้วยความรู้สึกตื่นเต้นปนความภูมิใจ นี่เป็นครั้งแรกที่นับตังค์ได้ยืนอยู่ในครัวในฐานะหัวหน้าพ่อครัวหลัก ที่ผ่านมานับตังค์ต้องทำทุกอย่างตามข้อกำหนดของพ่อซึ่งท่านก็ได้รับข้อกำหนดนั้นมาจากคุณย่าอีกที แต่วันนี้นับตังค์จะได้ทำในสิ่งที่อยากทำ ได้สร้างสรรค์อาหารในแบบที่เคยคิดฝันเอาไว้ตลอด ส่วนข้อกำหนดหลักของนับตังค์ที่มีให้ทีมงานทุกคนคือ ‘ขอให้ทุกคนทำงานด้วยความสุข มีความซื่อสัตย์ในอาชีพและรักษามาตรฐานที่ดี’ เพียงเท่านี้

ใบเมี่ยงได้รับหน้าที่ให้เป็นเชฟหลักทางของหวานโดยมีพายพัดคอยช่วยเหลือ เมื่อคืนใบเมี่ยงได้รับโจทย์จากนับตังค์มาว่าของหวานสำหรับแขกที่จะเข้ามาทานมื้อกลางวันซึ่งเป็นอาหารจานเดียวนั้น ขอให้ใบเมี่ยงทำขนมไทย จะเป็นขนมแบบไทยเดิมหรือแบบฟิวชั้นก็ให้ใบเมี่ยงเลือกเอง ขอแค่ให้มีความเป็นไทยเข้ามาเป็นส่วนประกอบหลักด้วย ส่วนของหวานสำหรับมื้อค่ำ ซึ่งเป็นรอบที่มีการจองล่วงหน้าเข้ามานั้น นับตังค์บอกถึงเมนูอาหารที่นับตังค์จะทำแล้วให้ใบเมี่ยงคิดเองว่าจะทำอะไร ขอให้ดูไปกันได้กับเมนูหลักของนับตังค์ก็พอ นับตังค์แนะใบเมี่ยงว่า ขอให้แขกได้ทานแล้วรับรู้ได้ว่านี่คือ ‘ขนมจากเชฟใบเมี่ยงแห่งร้านมีคุณอนันต์’ ซึ่งเป็นโจทย์ที่ยากมากสำหรับเชฟมือใหม่อย่างใบเมี่ยง สุดท้ายแล้วใบเมี่ยงก็บอกกับนับตังค์ว่า ตัวเองจะทำ ‘รูบิคเค้ก’ ซึ่งพอทุกคนได้ยินต่างก็พากันถามว่ามันเป็นอย่างไร ใบเมี่ยงได้แต่ยิ้มแล้วบอกว่าขอไม่บอกในตอนนี้ แต่ทุกคนจะได้เห็นพร้อมกับแขกที่มาทานในร้านเลยทีเดียว ส่วนขนมไทยสำหรับมื้อกลางวันใบเมี่ยงจะทำวาฟเฟิลข้าวเหนียวมูนกับไอศกรีมถั่วดำ

ส่วนพายพัดไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นหรือเกร็งอะไรมากในส่วนของเครื่องดื่มซึ่งเขาเป็นคนรับผิดชอบ เพราะพ่อกับแม่เคยจ้างคนมาสอนเขาเพราะเห็นว่าเขาชอบ ตอนนี้เขาจึงได้นำความรู้ที่เคยเรียนมาใช้ จะมีก็แต่ต้องหาสมุนไพร ผักและผลไม้ในท้องถิ่นมาใช้ผสมผสานให้มีเครื่องดื่มที่หลากหลายได้มากที่สุด ซึ่งวันนี้เครื่องดื่มสูตรของพายพัดที่ลูกค้าเลือกจองล่วงหน้าเอาไว้มากที่สุดก็คือ ‘บริ๊งดริ๊งค์’ พายพัดให้คำนิยามลงไปว่า ดื่มแล้วจะสดชื่นตื่นตัว

ในเช้าวันแรกของการเปิดร้าน พนักงานทุกคนมากันพร้อมหน้าตั้งแต่เช้าและตอนนี้กำลังร่วมทานอาหารเช้าด้วยกันตามที่มีคุณเคยแจ้งเอาไว้ว่าระหว่างทานอาหารด้วยกันนั้นนับตังค์เป็นคนที่อธิบายเมนูอาหารสำหรับวันนี้ พร้อมกันนั้นพนักงานทุกคนก็จะได้ชิมอาหารตัวอย่างตามไปด้วย เป็นกฎที่ทุกคนต้องทำ เพราะนับตังค์อยากให้พนักงานได้รับรู้รสชาติของอาหารว่าเป็นเช่นไร จะได้ตอบลูกค้าได้หากลูกค้าต้องการที่จะรู้รายละเอียดเกี่ยวกับอาหาร

“เป็นบุญปากของพวกเราจริงๆ” ‘ม้า’ หนึ่งในพนักงานเสิร์ฟพูดขึ้นมาหลังจากที่ได้ชิมเกี๊ยวปูราดซอสแกงกะหรี่ฝีมือของนับตังค์

“จริงด้วยพี่ม้า ถ้าไม่ได้ทำงานที่นี่คงไม่มีปัญญาได้กินแน่เลย อร่อยจนหยดสุดท้ายเลย” เฮงพูดแล้วอยากจะเลียจานให้เกลี้ยง

“อร่อยจริงเปล่า” นับตังค์ถามก่อนจะหัวเราะกับคำชมของ ‘เฮง’ เด็กเสิร์ฟอีกคนของร้าน

“จริงค่ะเชฟ ข้าวอบอโวคาโด้กับฉู่ฉี่หอยแมลงภู่ก็วิเศษสุดๆ” ปกติมานีไม่ค่อยชอบทานอาหารเช้าหนักๆ แต่วันนี้เธอหยุดกินทุกอย่างไม่ได้จริงๆ

“วาฟเฟิลข้าวเหนียวมูนกับไอติมถั่วดำก็เข้ากันมาก เอ๊ะ ต้องเรียกให้ถูก ไอศกรีมแบล็กบีน ใช่ไหมคะเชฟอุ๋งอุ๋ง” มีนาหันมาถามใบเมี่ยง ซึ่งใบเมี่ยงเริ่มจะชินที่ถูกสองสาวฝาแฝดมานีมีนาแซวเรื่องชื่ออุ๋งอุ๋งจึงได้แต่ยิ้มให้แทนคำตอบ

“ว่าแต่บอสชอบเมนูไหน เห็นดื่มแต่บริ๊งดริ๊ง สามแก้วแล้วนะ” พายพัดถามเมื่อมีคุณขอเติมเครื่องดื่มของพายพัดอีก

“มีนาว่า บอสอยากตื่นตัวมั๊งคะ”

“มานีก็ว่าแบบนั้น” ทั้งสองสาวมานีมีนาหัวเราะรับลูกกันจนนับตังค์ส่ายหน้าให้กับความทะเล้นของสองสาว

“พี่ชอบทุกเมนูแหละ ทุกคนเก่งมาก อร่อยทุกอย่างเลย ขอบคุณทุกคนสำหรับความทุ่มเทนะ มา! สู้ไปด้วยกัน สู้ๆ” มีคุณยื่นมือออกไป ทุกคนลุกขึ้นแล้วโน้มตัวมาวางมือบนมือของมีคุณ

“ฉู้ๆ” ด้วงเห็นทุกคนทำอะไรก็อยากจะทำบ้าง รีบยื่นมือไปข้างหน้าเลียนแบบผู้ใหญ่

นับตังค์ขำความตื่นเต้นของด้วง ตอนนี้ยังหาพี่เลี้ยงให้ด้วงไม่ได้เลยจำต้องเอาด้วงมาอยู่ในครัวไปก่อน ทีแรกมีคุณตั้งใจว่าจะให้อยู่ในห้องทำงานของมีคุณ แต่แขนของมีคุณก็ยังไม่หายเลยจำต้องให้อยู่ตรงนี้ เพราะอย่างน้อยก็ยังมีคนช่วยกันดู อีกอย่างด้วงก็ไม่งอแงหรือทำตัวให้เป็นภาระ แต่ถึงยังไงมีคุณก็ยังประกาศรับสมัครพี่เลี้ยงให้ด้วงอยู่ดี

“สู้ไปด้วยกัน เฮ้ๆ” ทุกคนตะโกนขึ้นพร้อมกันก่อนจะหัวเราะออกมา

“เอาใหม่ๆ รอพี่ด้วยนิ” ขมิ้นรีบตะโกนบอกเมื่อเห็นสมาชิกในร้านกำลังส่งกำลังใจให้กัน

ขมิ้นกับสายรุ้งเพิ่งจะมาถึงร้านเพราะว่ามีคุณให้ขมิ้นไปรับคุณน้าที่อยู่ที่บ้านร้างมา ขมิ้นจึงบอกมีคุณว่าจะเลยไปรับสายรุ้งมาด้วยเลยเพราะบ้านของสายรุ้งเป็นทางผ่าน แต่ปรากฏว่าคนที่เดินเข้ามามีแต่ขมิ้นกับสายรุ้งเพียงเท่านั้น

“น้าเขาไม่ยอมมาเหรอ” มีคุณถามขมิ้น

“ลุงแกบอกว่าให้ตังเป็นคนไปรับแกนิ หมิ้นก็เลยปล่อยแกไปก่อน” ขมิ้นเล่าให้มีคุณฟัง

“เอาไว้พรุ่งนี้เช้าก็แล้วกัน วันนี้เปิดร้านวันแรกตังคงไม่สะดวก กว่าร้านจะปิดก็ดึก” มีคุณตัดสินใจแทนนับตังค์ แต่พอมองหน้านับตังค์ดูก็รู้ว่าอยากจะไปรับคุณน้าคนนั้นเลย ที่เขายังไม่อยากให้นับตังค์ไปไหนมาไหนเพราะตำรวจก็ยังจับเท่งไม่ได้

“พี่ว่าแกคงเอ็นดูเชฟแล้วค่ะ เหมือนจะไม่ไว้ใจคนอื่น” สายรุ้งเล่าบ้าง

“เอาแบบนี้ เดี๋ยวช่วงพักก่อนอาหารค่ำมีเวลาเหลือเฟือ ตังจะไปรับแกเอง ไปกับพี่ขมิ้น แล้วถ้าบอสเป็นห่วงเดี๋ยวตังพาเฮงกับตุ้ยไปด้วยก็ได้” นับตังค์เสนอ

“ก็ได้” มีคุณไม่อยากขัดใจนับตังค์

“ไหน พี่ยังไม่ได้ชิมอาหารเลย” ขมิ้นมองดูบนโต๊ะอาหารแล้วรีบถาม

“เก็บเอาไว้แล้วครับ” ตุ้ยเดินไปหยิบอาหารส่วนของขมิ้นและสายรุ้งมาจัดวางให้

ขมิ้นถึงกับยกนิ้วให้ทีมเชฟทุกคนก่อนจะชมไม่หยุดหลังจากที่ชิมอาหารทั้งหวานคาวรวมถึงเครื่องดื่มแล้ว ขมิ้นกล้าฟังธงเลยว่าร้านอาหารมีคุณอนันต์จะมีชื่อเสียงโด่งดังแน่ๆ เพราะอาหารทุกอย่างสวยงามดูดีทั้งรูปลักษณ์และรสชาติ ขมิ้นคิดว่าฝีมือนายปู่แม้จะอร่อยหาคนเทียบยาก แต่การสร้างสรรค์นั้น นายปู่ก็ยังแพ้เด็กรุ่นใหม่พวกนี้ ทุกอย่างมันดูลงตัวไปหมด ทั้งหมดนี้ขมิ้นขอยกเครดิตให้นายปู่ เพราะนายปู่คนเดียว ตอนนี้นายหัวมีคุณ นับตังค์ รวมไปถึงใบเมี่ยงและพายพัดถึงได้มาอยู่ที่นี่ ไม่เว้นแม้แต่เจ้าตัวเล็กที่กำลังยืนเต้นดุ๊กดิ๊กโชว์ทุกคนอย่างด้วงด้วย

‘คนที่นายปู่พามาเป็นคนเก่งคนดี นายปู่คงจะมีความสุขอยู่ใช่ม้าย’

ขมิ้นมองดูคนในครอบครัวมีคุณอนันต์ก่อนจะยิ้มออกมาด้วยความสุข ได้แต่พูดกับนายปู่อยู่ในใจและหวังว่านายปู่คงจะคอยเป็นกำลังใจให้ทุกคนอยู่บนฟ้านั่น

...

เป็นไปตามที่มีคุณคาดเอาไว้ อันที่จริงต้องบอกว่าเหนือกว่าที่มีคุณคาดเอาไว้พอสมควร เพราะตั้งแต่วินาทีที่เปิดร้าน ร้านก็เต็มไปด้วยลูกค้าที่พากันมาเพราะเห็นจากสื่อโฆษณาต่างๆ ที่มีคุณวางแผนการตลาดเอาไว้ ลูกค้าที่มามีทั้งคนในพื้นที่ คนจากในเมืองและนักท่องเที่ยวทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ แม้ว่าลูกค้าจะเยอะเกินความคาดหมายแต่ด้วยการเตรียมพร้อมเป็นอย่างดีของมีคุณและทีมเชฟ ทุกอย่างจึงผ่านไปได้ด้วยดี แม้จะมีความฉุกละหุกหรือมีปัญหาไปบ้างแต่ทุกคนก็แก้ไขได้ ลูกค้าชาวต่างชาติบางคนถึงกับขอเจอเชฟเพราะต้องการชื่นชมด้วยตัวเอง 

นายหัวพยนต์ซึ่งมาทานอาหารที่ร้านของมีคุณอย่างที่พเยียบอกเอาไว้ก็ยังอดชมนับตังค์ในใจไม่ได้ อาหารทุกจานรสชาติอร่อยมาก วัตถุดิบสดมากและปรุงรสชาติมาอย่างลงตัว แม้จะเป็นอาหารจานเดียวแต่ก็ทำออกมาได้ดีเยี่ยม ถ้าได้นับตังค์ไปเป็นเชฟให้กับโรงแรมก็คงจะสร้างชื่อให้เขาไม่น้อย ซึ่งจุดนี้มันทำให้เขาคล้อยตามคำแนะนำของลูกสาวคนเล็กว่า หากพญาจะมีรสนิยมชอบพอผู้ชายด้วยกัน ผู้ชายคนนั้นก็ควรจะคู่ควรและทำตัวเป็นประโยชน์ให้กับพญาได้ ซึ่งเท่าที่รู้มา ตั้งแต่พญามาชอบผู้ชายที่ชื่อนับตังค์คนนี้ก็ดูจะทำตัวดีขึ้นจนน่าประหลาดใจ

“เป็นไงล่ะพ่อ อร่อยจนอึ้งใช่ไหม” พญาถามเมื่อเห็นว่าบิดาจะเจริญอาหารมากกว่าปกติ

“แกมีปัญญาพาเขาไปทำงานที่โรงแรมไหมล่ะ” พยนต์ถามลูกชาย

“พ่อโอเคเหรอ บอกแล้วว่าน้องตังไม่ธรรมดา” พญารู้สึกดีใจที่พ่อดูจะพึงพอใจกับคนที่เขาแอบรักคนนี้

“ถ้าแกมีปัญญา ฉันก็ไม่มีปัญหา เอาล่ะ ฉันจะกลับแล้ว พวกแกก็อย่างลืมสิ่งที่ฉันสั่งเอาไว้ ขอซื้อที่ดินจากมีคุณให้ได้” พยนต์กำชับลูกชายลูกสาว พอเห็นทนายเคารพจึงรีบปลีกตัวแล้วเดินตามออกมา

“สวัสดีครับนายหัว” เคารพเห็นนายหัวพยนต์เดินมาหาตนก็ยกมือไหว้

“ผมมีเรื่องสำคัญจะคุยกับคุณ ถ้ายังไงเย็นนี้เชิญที่โรงแรมหน่อยนะ” พยนต์พูดกับเคารพเบาๆ ให้ได้ยินเพียงแค่สองคน

“ครับ ผมขอตัวไปทำธุระสำคัญก่อน เย็นนี้ผมจะไปพบคุณ” เคารพก้มหัวให้เล็กน้อยก่อนจะขอตัวออกไปโดยมีนายพยนต์มองตามแล้วยิ้มอย่างพึงพอใจ

...

หลังจากที่ลูกค้าโต๊ะสุดท้ายทานเสร็จเรียบร้อยแล้ว นับตังค์ก็ขอตัวกลับขึ้นไปอาบน้ำเพราะรู้สึกเหนียวตัว วันนี้เขายืนอยู่ที่หน้าเตาตั้งแต่เปิดร้านจนกระทั่งถึงเวลาปิดร้านในรอบอาหารกลางวันจนขาเมื่อยล้าไปหมด โชคดีที่ใบเมี่ยงและพี่สายรุ้งเป็นผู้ช่วยเชฟที่มีความสามารถจึงเบาแรงเขาได้มาก แม้ว่าจะเหนื่อยจนแทบขาดใจ แต่เมื่อได้รับคำชมจากลูกค้ามันทำให้นับตังค์ชื่นใจและมีความสุขมาก มันคงจะดีไม่น้อยถ้าคนในครอบครัวมณีรัตน์ของนับตังค์ได้มาเห็นว่าอาหารตำรับไทยมันสามารถต่อยอดได้ในแบบที่ต่างออกไป อยากให้พ่อรู้ว่าสิ่งที่นับตังค์คิดและทำมันไม่มีอะไรที่ผิดจนพ่อต้องโกรธขนาดนั้น

“ตัง พี่เข้าไปนะ” มีคุณถามแต่ไม่ได้รอคำตอบ ถือวิสาสะเปิดประตูห้องน้ำเข้ามาเลย ดีว่านับตังค์แต่งตัวเสร็จพอดี

“วันหลังไม่ต้องถามก็ได้มั๊ง” นับตังค์ยอกย้อนเมื่อเห็นว่ามีคุณเข้ามาเลยโดยที่ตัวเองยังไม่ทันอนุญาต

“โอเค”

“เฮ้ย คนประชดยังจะมาเนียนอีก”

“เหนื่อยไหม” มีคุณเดินมาซ้อนด้านหลังของนับตังค์แล้วสวมกอด

“เหนื่อยแต่มีความสุขมากเลย ไอ้รันไอ้หม่องมันให้คนส่งดอกไม้มาอวยพร มันบอกว่าจะมาอุดหนุนเองช่วงวันหยุดยาว”

“เห็นแล้ว ช่อใหญ่มากเลย คุณป้าขจีก็ส่งมาให้ ท่านคงมาทานอาหารช่วงค่ำเลย”

“เฮ้อ เห็นลูกค้ากินหมดทุกจานก็หายเหนื่อย”

“ลูกค้าชมทุกคนเลยนะ ไม่มีใครติเลย จะมีติก็เรื่องเดียวคือช่วงอาหารเย็นถูกจองเต็มจนพวกเขามาทานไม่ได้ ต้องรอตามคิว ส่วนใหญ่เป็นคนที่มาจากในเมือง” มีคุณเล่าให้นับตังค์ฟัง

“ถ้ามีลูกค้าขาจรเข้ามาเพิ่มมากขึ้น พี่ก็ขยายร้านสิ เพราะคงมีลูกค้าประเภทที่อยากทานก็มาทานเลย” นับตังค์ออกความเห็นเพราะเห็นว่าพื้นที่ร้านยังสามารถขยายเพิ่มได้

“ถ้าแบบนั้นตังจะเหนื่อยมากกว่าเดิม แบบลูกค้าที่จองมา ตังยังเตรียมเอาไว้ก่อนได้ แค่นี้ตังก็เหนื่อยมากแล้วนะ ยืนอยู่หน้าเตาไม่ได้หยุดเลย” มีคุณพูดจบก็กดจมูกลงที่ซอกคอของนับตังค์ กลิ่นหอมอ่อนๆ มันยั่วใจจนเขาอดใจไม่ได้จริงๆ

“ตังมีความสุขนะที่ได้ทำ มันไม่ได้เหนื่อยจนไม่ไหว” นับตังค์หมุนตัวกลับมาเผชิญหน้ากับมีคุณ

“ขอบคุณนะ”

“เออ จะถามตั้งแต่เมื่อคืนแล้วลืม วันนั้นตาลุงพญามันคุยอะไรกับพี่สองต่อสอง” นับตังค์ถามขึ้นมาเพราะวันนี้พญาเข้ามาชมเรื่องอาหารแล้วบอกว่าหากนับตังค์ตกงานเมื่อไหร่ให้นึกถึงตาลุงพญาเป็นคนแรก

“เขามาขอซื้อร้าน” มีคุณตอบตามตรง

“ฮ่าๆๆ อิตาลุงเอ้ย” นับตังค์หัวเราะร่วน

“ขำอะไร”

“ก็คนที่เขาทุ่มเททำร้านขนาดนี้ใครจะคิดขาย คงเห็นว่าพี่ทำร้านออกมาดีเลยอยากได้มั๊ง ถ้าพี่จะขายนะ ขายให้ตังดีกว่า แต่ขายถูกๆ นะ เบี้ยน้อยหอยไม่มี แต่พี่คงไม่ขายหรอก ร้านแบบนี้เป็นร้านในฝัน ใครๆ ก็อยากเป็นเจ้าของ อีกอย่างนะ ถ้าพี่คิดจะขาย ตังจะได้ลาออกเลย ฉีกสัญญาทิ้ง จะเหนื่อยทำไมถ้าพี่คิดจะขาย” นับตังค์แกล้งขู่แล้วหัวเราะก่อนจะหมุนตัวกลับมาส่องกระจกแล้วหวีผมต่อ

“พี่จะพาตังไปรับน้าคนนั้นเอง เด็กๆ จะได้พักแล้วก็มีเวลาเตรียมงานช่วงค่ำด้วย” มีคุณรู้สึกพูดไม่ออกเรื่องร้าน เขาดึงหวีในมือของนับตังค์มาหวีผมให้ ก่อนจะรวบผมนับตังค์มารัดเป็นจุกอยู่ทางด้านหลัง เป็นทรงประจำที่นับตังค์ชอบทำ

มีคุณย้อนคิดถึงภาพของนับตังค์ทำอาหารอยู่ในครัวด้วยความตั้งใจแล้วเขาก็คิดว่าสิ่งที่เขาตัดสินใจในครั้งนี้คงถูกต้องที่สุดแล้ว มีคุณให้ทนายเคารพมาหาแต่เช้าและบอกสิ่งที่ต้องการให้กับทนายเคารพรับรู้ มีคุณว่าจ้างทนายเคารพให้เป็นคนไปเจรจากับเจ้าหนี้ของแม่ให้อีกครั้ง เขาจะขอต่อรองขอลดดอกเบี้ยและทยอยจ่ายเงินเป็นงวด อาจจะหนักมากกับจำนวนเงินที่ต้องหาคืนเจ้าหนี้หลายคนพร้อมกันในแต่ละเดือน แต่มีคุณคิดว่ามันเป็นทางออกที่ดีที่สุด เขาไม่อยากให้ความตั้งใจของคนในร้านมีคุณอนันต์ต้องสูญเปล่า แต่ไม่ว่าจะเลือกทางไหนคนที่เหนื่อยที่สุดก็คือนับตังค์ มันทำให้มีคุณรู้สึกละอายใจที่สุดท้ายแล้วเขาก็ใช้ประโยชน์จากนับตังค์เพื่อตัวเองอยู่ดี

“งั้นไปกันเลยดีกว่า เอาด้วงไปด้วยนะ พี่ขมิ้นจะได้ช่วยพี่รุ้งเตรียมของให้ตัง” นับตังค์หันกลับมาหอมแก้มมีคุณเพราะเห็นสีหน้ามีคุณเครียดๆ นับตังค์อยากเอาใจคนรักให้หายเหนื่อยบ้าง วันนี้มีคุณลงมาช่วยทำทุกหน้าที่ตั้งแต่ในครัวยันเสิร์ฟอาหารเองทั้งที่แขนยังเจ็บ นับตังค์คิดว่ามีคุณคงรักร้านนี้มาถึงได้ทุ่มเทขนาดนี้

“ไปสิ” มีคุณยิ้มกว้างเมื่อถูกคนรักหอมแก้ม ถ้าไม่ติดว่าต้องออกไปรับคุณน้าคนนั้นคงจะขอแจกโบนัสให้กับนับตังค์สักหน่อย

“ความหื่นฉายชัดระดับสิบเลยนะ ไปเลย รีบไปรีบกลับ” นับตังค์เห็นแววตาวิบวับของมีคุณก็รู้ทันทีจึงรีบพาตัวเองออกมาจากอ้อมกอดของมีคุณแล้วดันมีคุณให้เดินลงไป

..

นับตังค์อาสาเป็นคนขับรถเองโดยให้มีคุณอุ้มหนูด้วงนั่งตักเอาไว้ ทั้งคู่มาถึงบริเวณศาลตากับยายแล้วก็จอดรถแล้วเดินต่อไปที่บ้านร้าง ยังไม่ทันจะเข้าไปถึงบ้านก็เห็นคุณน้าคนนั้นเดินออกมาพร้อมกับถุงขยะสีดำในมือ ที่หนวดของคุณน้ายังมีคราบเลือดติดเกรอะกรัง ผมเผ้ารุงรัง เสื้อผ้าค่อนข้างมอมแมม แต่ดวงตากลับมีสีฟ้าสดใส ความสกปรกยังไม่สามารถปิดบังความขาวของผิวได้ พอได้เห็นชัดๆ ในเวลากลางวันแบบนี้ก็เลยได้รู้ว่าคุณน้าคนนี้มีหน้าตาเหมือนชาวต่างชาติมากกว่าคนไทย

“มากันสักที รอตั้งนาน หิวแล้ว”

“แล้วทำไมไม่ไปกับคนที่ตังให้มารับละครับ ทำไมต้องให้ตังมารับเอง” นับตังค์แกล้งบ่น

“ข้าไม่ไว้ใจใครทั้งนั้นแหละ เดี๋ยวจับข้าไปส่งตำรวจ คนแถวนี้คิดว่าข้าบ้า”

“แล้วพี่บ้ารึเปล่า” นับตังค์ถามแล้วหัวเราะ

“ข้าไม่บ้า ข้าแค่เป็นคนพิเศษ” ช้วนชมตัวเองแล้วหัวเราะบ้าง

“แล้วพี่ชื่ออะไร” นับตังค์ถาม เริ่มลังเลว่าหากคนตรงหน้าคนนี้เป็นชาวต่างชาติ ทำไมพูดไทยได้ชัดขนาดนี้

“ช้วน เรียกพี่ช้วนก็ได้หรือจะเรียกท่านช้วน ข้าก็ไม่ว่า” ช้วนหัวเราะชอบใจที่นับตังค์เรียกตัวเองว่าพี่

“พี่เป็นคนต่างชาติเหรอครับ” มีคุณจำต้องเรียกช้วนว่า ‘พี่’ ตามนับตังค์ ทั้งที่ดูจากริ้วรอยบนใบหน้าแล้ว ผู้ชายคนนี้น่าจะอายุพอๆ กับแม่ของเขาได้เลย

คำถามของมีคุณเป็นคำถามที่นับตังค์อยากรู้พอดี นับตังค์จึงตั้งใจฟังคำตอบไปด้วย มีสิ่งหนึ่งที่น่าแปลกใจคือ ด้วงชี้ไปที่พี่ช้วนแล้วหัวเราะ ซึ่งพี่ช้วนก็เดินเข้ามาทำหน้าตลกแหย่ให้ด้วงหัวเราะได้ ปกติด้วงจะไม่ค่อยคุ้นเคยกับคนแปลกหน้าง่ายๆ ถึงไม่งอแงใส่แต่ก็ไม่หัวเราะด้วยง่ายๆ แบบนี้

“ข้าเป็นลูกครึ่ง พ่อเป็นคนเยอรมัน มาเอาแม่แล้วก็ทิ้ง แม่ก็เลยจะเอาข้ามาทิ้งกับยาย ยายก็มาตายอีกเลยต้องอยู่คนเดียว” ช้วนเล่าให้ฟัง

“ต่อไปไม่ต้องอยู่คนเดียวแล้ว ไปอยู่ด้วยกัน ขอบคุณมากนะครับที่ช่วยตังเมื่อคืนนั้น แต่จะไปอยู่ด้วยกันแบบนี้มันมีอะไรที่พี่ช้วนต้องยอมให้ตังจัดการเสียก่อน” นับตังค์มองตั้งแต่หัวจรดเท้าของช้วนแล้วคิดว่าต้องทำให้ช้วนหายมอมแมมเสียก่อน

“ให้ข้าทำอะไรก็ได้ แต่ขอกินห่อหมกอีกนะ ไอ้หนุ่มคนเมื่อเช้ามันบอกเราเป็นคนทำห่อหมก อร่อยชิบหาย” ช้วนเอ่ยชม

“พูดเพราะๆ ดิพี่ช้วน เดี๋ยวด้วงจะพูดตาม เอาเป็นว่าไปอยู่กับบอสกับตัง จะได้กินของอร่อยทุกมื้อเลย” นับตังค์บ่นกึ่งขำ

“ตกลง” ช้วนรีบรับคำ อยู่ดีๆ ก็มีลาภปากให้กินทุกมื้อ มีที่ให้อยู่ เรื่องอะไรจะปฏิเสธ

“คนนี้เป็นเจ้าของบ้านที่พี่ช้วนจะไปอยู่นะ ชื่อมีคุณ ส่วนผมชื่อตัง นี่ก็หนูด้วง” นับตังค์แนะนำตัวเองและทุกคน

“เอ็งสองคนเป็นผัวเมียกันเหรอ” ช้วนถามตรงๆ มีคุณถึงกับหลุดหัวเราะ

“โอ้ย ปู่!” นับตังค์รีบโวยวาย

“อ้าว พูดไม่ถูกหูเรียกข้าว่าปู่เลยเว้ย ไอ้หนุ่มนี่ตลกดี” ช้วนหัวเราะ

“พูดไม่ถูกหูแต่ถูกใจผมครับพี่ช้วน” มีคุณรีบเอาใจช้วนยกใหญ่

“พี่จ๋าฟันดำปี๋เยย มีฉับปะหยาดในปาก” ด้วงชี้ไปที่ฟันของช้วนแล้วยิงฟันของตัวเองโชว์บ้าง

“ข้าเอาสมุนไพรมาอมไว้ ไม่งั้นฟันผุหมด เดี๋ยวล้างออกก็ขาวแล้ว ไอ้หนูด้วงนี่เลอะเทอะ” ช้วนรีบบอก

“ไปกันเถอะ” นับตังค์ส่ายหน้ากับความห่ามของช้วนแล้วรีบชวนทุกคนกลับ

“บัยบาย บัยบาย” ด้วงโบกมือไปทางบ้านร้าง

นับตังค์กับมีคุณมองตามไปก็เห็นว่าไม่มีอะไรอยู่ตรงนั้น มีแต่ช้วนที่หัวเราะแล้วลูบผมด้วงก่อนจะเดินนำออกไป นับตังค์กับมีคุณรีบเดินตามเพราะรู้สึกขนลุกจนบอกไม่ถูก

...

เมื่อพาช้วนกลับมาถึงบ้านมีคุณก็ขอตัวไปที่ร้านก่อนเพราะว่าจะไปดูความพร้อมของอาหารรอบค่ำที่ถูกจองเต็มหมดแล้ว นับตังค์ให้ช้วนนั่งรออยู่ที่ศาลาในสวนหลังบ้านกับด้วงก่อนจะเดินหายไป กลับมาอีกทีพร้อมกับอุปกรณ์หลายอย่าง ช้วนเห็นของในมือนับตังค์แล้วเบิ่งตาโต เมื่อเห็นนับตังค์ทำหน้าจริงจังจึงต้องยิ้มเจื่อนๆ แล้วพยักหน้าให้เป็นการอนุญาตให้นับตังค์จัดการสภาพของตัวเองได้ จากนั้นนับตังค์ก็จัดการทำตัวเป็นนางฟ้าแม่ทูนหัวแปลงร่างให้กับช้วน โดยมีด้วงหัวเราะชอบใจเพราะนับตังค์ให้ด้วงช่วยถือสายยางฉีดน้ำใส่ช้วนจนเปียกปอนกันไปทุกคน

มีคุณเดินกลับมาที่ร้านก็เห็นว่าภายในร้านสะอาดเรียบร้อยดีมาก ผ้าปูโต๊ะผืนใหม่ถูกปูแทนผืนเก่าที่ถูกใช้งานในรอบเที่ยงไปแล้ว มีการจัดโต๊ะเอาไว้สวยงามเป็นระเบียบพร้อมรับลูกค้าในรอบค่ำ แต่ละโต๊ะมีป้ายชื่อคนที่จองวางเอาไว้ เครื่องชามช้อนถูกจัดให้เหมาะสมกับรายการอาหารที่ลูกค้าสั่ง ตอนนี้พนักงานทุกคนคงกำลังทานอาหารกันอยู่ในครัวของร้าน มีคุณจึงเดินเข้าไปหา

“เป็นไง เหนื่อยกันหน่อยนะ ทำงานเรียบร้อยรวดเร็ว สุดยอดมากทุกคน” มีคุณเอ่ยชมทุกคนในขณะที่ทุกคนกำลังทานผัดไทยส้มโอกับเนื้อย่างเตาถ่านกันอย่างเอร็ดอร่อย

นับตังค์ปรุงน้ำผัดไทยเอาไว้แล้ว สั่งให้สายรุ้งเป็นคนผัดให้พนักงานได้ทานเป็นอาหารกลางวัน ส่วนเนื้อย่างก็หมักเอาไว้แล้วให้ขมิ้นเป็นคนย่าง มีคุณเห็นว่าทุกคนกำลังทานกันอย่างเอร็ดอร่อยก็รีบทำมือบอกให้ทุกคนกินกันต่อตามสบาย

“เหนื่อยแต่ได้รับคำชมแล้วหายเหนื่อยเลยค่ะบอส บอสจะทานเลยไหมคะ มานีจะตักผัดไทยให้ แล้วเชฟไปไหนคะ” มานีไม่เห็นนับตังค์จึงถามหา

“กำลังแปลงร่างคนอยู่ เดี๋ยวคงมา พี่รอกินพร้อมตังดีกว่า” มีคุณบอก

“ตกลงแกยอมมาแล้วใช่ไหมนิ” ขมิ้นถาม

“อืม เขาชื่อช้วนนะ เป็นลูกครึ่งไทยเยอรมัน อายุยังไม่รู้ แต่ก็คงจะหกสิบได้ เขาจะมาเป็นคนในครอบครัวเรา ฝากทุกคนด้วยนะ” มีคุณรู้ดีว่าทุกคนไม่ได้รังเกียจช้วน แต่ก็บอกเอาไว้ก่อนเพราะดูท่าทางช้วนเป็นคนพูดอะไรโผงผางตรงไปตรงมา เคยใช้ชีวิตอิสระอยู่คนเดียว อาจจะไม่คุ้นหากต้องมาอยู่กับคนหมู่มาก

“ว้าว ลูกครึ่งเลยเหรอคะ ร้านของเราอินเตอร์จริงๆ” มีนาปรบมือชอบใจ

“สงสัยพี่จะตกกระป๋องแล้วมั๊ง” พายพัดหยอกสองสาว

“ที่หนึ่งในใจยังเป็นโอปป้าค่ะ” สองสาวตอบพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย

“แล้วสรุปรอบค่ำเมี่ยงจะทำขนมอะไร พี่ยังไม่เห็นเลย” มีคุณถามเพราะใบเมี่ยงยังไม่บอก

“ทีแรกเมี่ยงว่าจะเก็บเป็นความลับ แต่อยากให้ทุกคนได้ชิม งั้นเดี๋ยวรอเชฟตังมาก่อนดีกว่าครับ” ใบเมี่ยงอมยิ้ม

“ยังไม่ยอมให้ผมเห็นเลยบอส” พายพัดฟ้อง

“คงจะพิเศษมากเลยใช่ไหม” มีคุณถามก่อนจะยิ้มให้ใบเมี่ยง

“ครับ พิเศษมาก” ใบเมี่ยงคิดว่าขนมชิ้นนี้จะพิเศษที่สุดสำหรับทุกคน รสชาติของมันจะถูกปากแค่ไหนใบเมี่ยงก็คาดเดาไม่ได้ แต่ใบเมี่ยงตั้งใจทำด้วยหัวใจจริงๆ


(มีต่อด้านล่างค่ะ)

V
V

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-07-2017 14:24:00 โดย Loverouter »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Loverouter

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 446
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +471/-12
(ต่อจากด้านบนค่ะ)


ระหว่างที่รอนับตังค์มา เมื่อทุกคนทานกันเสร็จแล้วมีคุณเลยนั่งรับฟังถึงปัญหาของแต่ละคนไปด้วย ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะไม่มีอะไรมาก สามหนุ่มเด็กเสิร์ฟยังอ่อนเรื่องภาษาเลยต้องคอยให้มานีกับมีนามาช่วยรับลูกค้าต่างชาติ ส่วนในครัว มีคุณยังต้องหาคนช่วยทำความสะอาดและล้างจานเพิ่มขึ้น เพราะลำพังนับตังค์ ใบเมี่ยง สายรุ้งและขมิ้นยังทำกันแทบไม่ทัน พายพัดมารับดูแลที่บาร์เครื่องดื่มคนเดียว คิดว่าจะมีเวลาเข้ามาช่วยบ้างก็ทำหน้าที่ของตัวเองแทบไม่ทันเหมือนกัน ส่วนช้วนที่มาใหม่ มีคุณตั้งใจว่าจะให้ช่วยอยู่กับด้วงไปก่อนที่จะหาพี่เลี้ยงได้เพราะเห็นว่าเข้ากันได้กับด้วง อายุช้วนก็ไม่น้อยแล้ว ไม่อยากให้ต้องมาทำอะไรหนักๆ ให้นั่งอยู่ในห้องทำงานของเขา มีแอร์เย็นๆ อยู่กับด้วงช่วงเวลาที่ทุกคนไม่สามารถดูแลด้วงได้ ช่วงเวลาที่จะยุ่งมากก็รอบละไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้นเอง มีคุณเลยคิดว่าช้วนคงจะช่วยเบาแรงในส่วนนี้ได้

“แต่น แตน แต้น ทุกคน มาดูสิ่งมหัศจรรย์ของโลกเร็ว ตะแด๊น ตะแด๊น ตะแด๊นนนนน” เสียงของนับตังค์ดังขึ้นมาก่อนตัว สักพักนับตังค์ก็จูงมือด้วงเข้ามาในครัว

“แต้น แต้น” ด้วงพูดตามนับตังค์ก่อนจะกระโดดปรบมือให้เข้ากับจังหวะที่นับตังค์ฮึมฮัมอยู่

ทุกคนที่อยู่ในครัวมองคนที่เดินตามหลังนับตังค์เข้ามาแบบตาไม่กระพริบ โดยเฉพาะคนที่เคยเห็นช้วนก่อนหน้านี้อย่างใบเมี่ยง พายพัด มีคุณ ขมิ้นและสายรุ้ง ถึงกับอ้าปากค้าง ชายสูงวัยที่เนื้อตัวสกปรก ผมและหนวดยาวรุงรังพันกันเป็นสังกะตัง เสื้อผ้าที่เก่าและขาดเหมือนคนบ้าจนไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ แต่ตอนนี้กลับสวมชุดสะอาดสะอ้านของคุณปู่อนันต์ที่มีคุณอนุญาตให้นับตังต์เอาไปใช้ได้ ผมยุ่งรุงรังถูกตัดจนเป็นทรง หนวดเคราโดนโกนจนเกลี้ยงไม่เหลือเค้าเดิม แม้ริ้วรอยจะบ่งบอกถึงอายุที่มากอยู่ แต่มันไม่ได้ทำให้ความหล่อเหลาแบบฝรั่งลดลงได้เลย โดยเฉพาะดวงตาสีฟ้าสดใสเป็นจุดเด่นที่ช่วยทำให้เจ้าของดวงตาดูมีเสน่ห์ขึ้นอีกเป็นกอง

“โอ้ มาย กอช นึกว่าเพียซบอสแนนมาเองเลย” มานีครางชื่อดาราฝรั่งรุ่นพ่อที่เล่นเรื่องเจมส์บอนด์ออกมา เพราะชายสูงวัยตรงหน้าดูคล้ายดาราดังมาก หล่อแบบภูมิฐานน่าอบอุ่น

“จริงด้วยมานี ถ้าแม่เรามาเห็นคงสลบ ขวัญใจแม่ของพวกเราเลย” มีนาเองก็ละสายตาออกจากช้วนไม่ได้

“สุดยอด เมค อิท แฮปเพน เมบะลีนนิวหยวกมาก” เฮงอดไม่ได้ที่จะพูดเลียนแบบโฆษณาที่ได้ยินบ่อยๆ

“พวกเอ็งมีอะไรให้ข้ากินบ้าง หิวจนแดกควายได้แล้ว”

“...”

“...”

“...”

ทุกคนเงียบเหมือนถูกอะไรอุดปากเอาไว้หลังจากที่ช้วนพูดออกมา สายรุ้งถึงกับทำช้อนหล่นเพราะไม่คิดว่าคำพูดโผงผางของช้วนจะออกมาจากหน้าตาที่ดูหล่อเหลาแบบนี้ ถึงจะรู้ว่าช้วนเป็นคนเร่ร่อนมาก่อน แต่ก็ยังตกใจอยู่ดีที่ได้ยิน
 
“โอ้ย ปู่! อุตส่าห์ทำให้หล่อจนคนตะลึง พอพูดแล้วจบเลย บอกให้พูดเพราะๆ ไง” นับตังค์ถอยหายใจ ขนาดขู่เอาไว้ว่าถ้ายังพูดคำหยาบจะเรียกปู่ให้ดูแก่ แต่ก็ไม่ช่วยอะไรเลย ดีนะที่ด้วงมัวแต่สนใจเจ้าด้าวอยู่เลยไม่ได้ฟังช้วนพูด โบราณถึงว่าไม้อ่อนดัดง่าย ไม้แก่ดัดยากจริงๆ

“เออๆ ข้าขอโทษ ลืมตัว หิวนี่หว่า มีอะไรให้กินบ้าง” ช้วนรีบเดินมามองอาหารบนโต๊ะ พอเห็นผัดไทยที่เหลือในจานของเฮงก็รีบลงไปนั่งตักกินโดยไม่ฟังเสียงใคร

“ทีแรกพี่ว่าจะให้พี่ช้วนช่วยดูด้วง สงสัยจะไม่ได้แล้ว” มีคุณยิ้มเจื่อนๆ เมื่อเห็นว่าด้วงคงจะด่าได้ก่อนจะพูดชัดหากให้ช้วนช่วยดูแล

“เอาน่า แกยังปรับตัวไม่ได้ เมื่อกี้กว่าตังจะโกนหนวดให้แกได้เล่นเอาเหนื่อย” นับตังค์ส่ายหน้าขำ ไม่รู้ว่าช้วนจะหวงหนวดตัวเองไปไหน นี่ถ้าไม่ขู่ว่าจะไม่ทำของอร่อยให้กินก็คงไม่ยอมง่ายๆ

“ตัดผมเก่งนี่” มีคุณชม รู้สึกทึ่งกับความสามารถของคนรัก นอกจากทำอาหารเก่งแล้วยังตัดผมได้อีกด้วย

“เห็นไหมว่านับตังค์คนนี้ครบทุกอย่าง รักษาให้ดีนะ ปล่อยหลุดมือไปจะพลาดของดี” นับตังค์กระซิบมีคุณเบาๆ

“จะจับให้แน่นเลย” มีคุณยิ้มแล้วยักคิ้วให้

“อร่อยมาก ส้มโอเหรอ เอามาผัดแบบนี้อร่อยดี ขออีกจานนะ” ช้วนร้องขอทั้งที่ยังกินไม่หมด

“ไม่ต้องรีบกินเดี๋ยวติดคอครับ ยังมีอีกเยอะ” ใบเมี่ยงรีบเตือนเมื่อเห็นช้วนตักผัดไทยใส่ปากคำโต

“เนื้อย่างนี้หมักผิวส้มจีนด้วยเหรอ สุดยอด” ช้วนยกนิ้วให้นับตังค์หลังจากที่จิ้มเนื้อย่างที่เหลืออยู่ในจานเปลขนาดใหญ่ที่วางอยู่กลางโต๊ะมากิน มีคุณได้ยินช้วนพูดก็เดินเข้ามาแล้วจิ้มเนื้อย่างมาชิมบ้าง

“ปู่แกรู้ได้ยังไง” นับตังค์ทำท่าสงสัยไม่ต่างจากมีคุณเลย นับตังค์เอาเปลือกส้มจีนแห้งมาหมักช่วยดับกลิ่นคาวของเนื้อ มันยังเป็นสมุนไพรที่มีสรรพคุณมากมายอีกด้วย แต่คนจะไม่ค่อยรู้ว่ามันเป็นส้มจีน

“เดา” ช้วนตอบสั้นๆ ก่อนจะหันกลับไปสนใจอาหารบนโต๊ะต่อ

“พี่จ๋า ไปเย่นหุ่นยนต์กัน หนูมีฉับปะหยาดด้วย” ด้วงมาดึงเสื้อของช้วน

“ได้ๆ กินข้าวก่อน มานี่ข้าอุ้ม มานั่งกินด้วยกันก่อน” ช้วนอุ้มหนูด้วงขึ้นมานั่งที่เก้าอี้ก่อนจะบอกให้นับตังค์เอาข้าวมาให้ด้วง

ทุกคนมองช้วนที่กำลังกินข้าวไปและเล่นกับด้วงไปด้วยความประหลาดใจ ไม่คาดคิดว่าคนอย่างช้วนจะทำให้หนูด้วงหัวเราะได้ขนาดนั้น แถมบางทีบทสนทนาของทั้งคู่นั้นคนอื่นฟังแล้วไม่ค่อยจะรู้เรื่อง แต่ทั้งคู่ดูจะคุยกันรู้เรื่องกันอยู่สองคน ซ้ำท่าทางประหลาดของช้วนยังสร้างเสียงหัวเราะให้กับคนรอบตัวได้อีกด้วย ซึ่งมันก็ทำให้นับตังค์และมีคุณเบาใจและสบายใจขึ้นมากที่เห็นว่าช้วนเริ่มปรับตัวเข้ากันได้กับบุคคลอื่น

ตอนนี้ครอบครัวมีคุณอนันต์มีสมาชิกเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งคน ในฐานะหัวหน้าครอบครัว เมื่อมีคุณเห็นรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของคนในครอบครัวก็รู้สึกดี มันเหมือนชีวิตในส่วนที่ขาดของเขาถูกเติมเต็ม ชีวิตที่ผ่านมาคำว่าครอบครัวสำหรับเขาคือการหาเงินให้สร้างความมั่นคงสะดวกสบายให้กับแม่ แทบไม่เคยมีช่วงเวลาที่ใช้ร่วมกันแบบนี้เลย เขาไม่เคยได้ยิ้มหรือหัวเราะบ่อยๆ อย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้ ผู้คนที่มาจากต่างถิ่นต่างที่มาอยู่รวมกันได้และทำให้เขารู้สึกไม่อยากเดินทางไปไหนอีกแล้ว มันคงคุ้มค่าแล้วกับการตัดสินใจที่จะรักษาร้านนี้เอาไว้ ที่เหลือก็แค่บอกแม่ให้ได้รับรู้เกี่ยวกับอนาคตของเขาเอง ถึงยังไงมีคุณก็สงสารคุณพลอยประดับหากต้องปล่อยให้แม่อยู่คนเดียวที่กรุงเทพ แต่ก็ยังหนักใจเพราะไม่รู้ว่าแม่จะคิดยังไงหากเขาตัดสินใจจะมาใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ตลอดไป หากมารดาอยากตามมาอยู่กับเขาก็ไม่รู้ว่าจะเข้ากันได้กับนับตังค์รึเปล่า แล้วนับตังค์จะอึดอัดไหม แต่ทุกอย่างเป็นเรื่องของอนาคต ตอนนี้มีคุณต้องให้ความสำคัญกับหน้าที่หลักของตัวเองก่อน ทั้งเรื่องการบริหารร้านและหาเงินไปใช้หนี้ในแต่ละเดือน หากเขาหาเงินไปใช้หนี้ให้เจ้าหนี้ของแม่ตามที่ให้ทนายเคารพไปเจรจาไม่ได้ ทุกสิ่งทุกอย่างที่วาดฝันเอาไว้คงพังลงทั้งหมด

...

เค้กก้อนเล็กๆ ทรงลูกบาศก์หลายลูก ด้านนอกชุบด้วยช็อกโกแลตหลากสีหลากรส ส่วนในตัวเค้กก็สอดไส้ครีมต่างๆ เพื่อให้รสสัมผัสที่แตกต่างต่างกัน ถูกนำมาประกอบเลียนแบบให้เป็นรูป ‘รูบิค’ ที่เป็นของเล่นก็คือขนมหวานที่ใบเมี่ยงทำในวันเปิดร้านวันแรก ใบเมี่ยงเคยเห็นรูปแบบขนมนี้มาจากในอินเตอร์เน็ต แต่ในนั้นไม่มีวิธีทำบอก ใบเมี่ยงเลยทดลองทำด้วยตัวเอง ครีมต่างๆ ที่สอดไส้ใบเมี่ยงก็ใช้ผลไม้ต่างๆ ที่หาได้ในฤดูนี้มาทำเป็นไส้ ซึ่งคนที่ทานจะต้องลุ้นเอาเองว่าตัวเองจะได้ทานรสชาติใด ทุกคนในร้านเห็นขนมแล้วรู้สึกตื่นเต้นและอยากชิมแทบทุกรสเพราะใบเมี่ยงทำออกมาได้น่าทานมาก

“ดูดีมากเลยเมี่ยง” นับตังค์เอ่ยชมจากใจ

“ที่ว่าพิเศษ ขอคำอธิบายหน่อยครับอุ๋งอุ๋ง” พายพัดเห็นใบเมี่ยงแสดงออกว่าดีใจที่ทุกคนชอบแล้วก็อดดีใจตามไปด้วยไม่ได้ เขาว่าเขาพอจะรู้ว่าใบเมี่ยงทำขนมชิ้นนี้เพราะอะไร แค่มองตาก็รู้ใจจึงอยากให้คนรักได้บอกกับทุกคนว่าขนมชิ้นนี้มันพิเศษยังไง

“ลองทายกันสิครับ” ใบเมี่ยงอยากให้ทุกคนลองเดาดู

“มันสวย ลูกค้าต้องอยากถ่ายรูปอวด เป็นการโฆษณาในตัว” ม้าลองทายดู

“ยังไม่ใช่ แต่ก็เป็นคำตอบที่ดีนะ” ใบเมี่ยงส่ายหน้า

“อืม กินได้แล้วยังเล่นได้ด้วย” มานีตอบบ้างเพราะเห็นว่ามันใบเมี่ยงใช้ช็อกโกแลตแผ่นบางรองแต่ละฐาน จึงทำให้มันสามารถหมุนได้ด้วย

“ยังไม่ถูก”

“เพราะพายพัดชอบเล่นรูบิค” นับตังค์ลองทายบ้าง

“ผิด เราไม่เล่นรูบิค เราเล่นแต่แมวน้ำ” พายพัดเป็นฝ่ายตอบ คำตอบของพายพัดทำเอามานีกับมีนากรี๊ดเบาๆ

“ร้านนี้มีปลาโลมาตั้งสองตัว” นับตังค์บ่นเบาๆ เมื่อเห็นว่าความหื่นของพายพัดไม่แพ้มีคุณเลย

“ไม่เห็นจะยากเลย” ช้วนยกแขนเสื้อมาเช็ดปากก่อนจะพูดขึ้นมา

ทุกคนหันมามองที่ช้วนเป็นตาเดียวกัน ต่างก็ลุ้นว่าจะมีคำพูดโผงผางอะไรหลุดมาจากช้วนอีกรึเปล่า นับตังค์รีบเอามืออุดหูของด้วงล่วงหน้าก่อนเลย

“ไอ้เค้กก้อนเล็กๆ มันก็แทนพวกเอ็งแต่ละคน ทุกคนมีด้านที่ไม่เหมือนกัน แต่มาอยู่รวมกันจนเป็นไอ้รูบิค เป็นกลุ่มเป็นก้อน มีความสวยงาม มีความลงตัว แต่ถ้ามันแตกเมื่อไหร่มันก็เป็นแค่เค้กก้อนเล็ก กินก็ไม่อิ่ม” ช้วนพูดแล้วกลืนน้ำลายลงคอเพราะอยากกินเค้กตรงหน้าแล้ว

“สุดยอดเลยครับ พี่ช้วนอ่านใจเมี่ยงได้ขาดเลย” ใบเมี่ยงรู้สึกทึ่งเป็นอย่างมาก ใบเมี่ยงทำขนมชนิดนี้ออกมาเพราะนึกถึงสมาชิกทุกคน แต่ละคนนิสัยแตกต่างกัน มีความเป็นตัวของตัวเองก็เหมือนช็อกโกแลตก้อนเล็กๆ ที่มีรสชาติต่างกัน แต่พอมารวมอยู่ด้วยกันก็เป็นความสวยงามอีกแบบได้

“รู้ได้ไงนิ คิดได้ไงนิ” ขมิ้นถึงกับปรบมือให้ ไม่คิดว่าคนที่คนอื่นคิดว่าบ้าอย่างช้วนกลับคิดอะไรได้ลึกซึ้งขนาดนี้

“ก็พวกเอ็งมันโง่ ขืนให้ทายต่อข้าไม่ได้กินกันพอดี กินได้ยัง ดูๆ ไอ้หนูด้วงมองตาเป็นประกายเลยเว้ย ฮ่าๆๆ” ช้วนหันไปหัวเราะด้วงที่มองรูบิคเค้กด้วยความสนใจ

“หลอกด่ากันนี่ปู่” นับตังค์บ่นแต่ก็เริ่มคิดว่าช้วนไม่ธรรมดา บางทีอาจจะเป็นคนพิเศษอย่างที่ช้วนชมตัวเองเอาไว้จริงๆ

“ไม่ได้หลอกด่า แต่ด่าตรงๆ ว่าแต่ไอ้หนุ่มสองคนนี้ก็เป็นผัวเมียกันเหมือนเอ็งกับนายท่านใช่ไหม” ช้วนถามนับตังค์ก่อนจะชี้ไปที่พายพัดกับใบเมี่ยง แถมช้วนยังเรียกมีคุณว่านายท่านเพราะรู้ว่ามีคุณเป็นเจ้าของบ้านต้องให้ความเคารพ

“ปู่!!!!” นับตังค์โวยวายก่อนจะหน้าแดง

เฮง ม้าและตุ้ย สามหนุ่มสามมุมเด็กเสิร์ฟถึงกับทำตาโตกับข้อมูลใหม่ที่ได้รู้ เรื่องของพายพัดกับใบเมี่ยงก็พอจะดูออกบ้างเพราะพายพัดแสดงออกชัดเจนว่าหวงใบเมี่ยง แต่บอสกับเชฟนี่สิที่ทั้งสามคนไม่ได้นึกสงสัยเลย นึกว่าเป็นเพื่อนสนิทที่ชอบยอกย้อนต่อปากต่อคำกันเฉยๆ พอได้รู้ก็เล่นเอาตกใจอยู่เหมือนกัน

“กินไหมด้วง รูบิคเค้ก ข้าป้อน” ช้วนทำไม่รู้ไม่ชี้ก่อนจะหันมาพูดกับด้วง

“หนูกินยูบิกฉีจมปู ด้าวกินด้วย ด้าวเอาอันนี้” ด้วงชี้บอก

“ข้าจองอันที่มีทองแปะอยู่ เผื่อทองมันไปงอกในท้องข้า ฮ่าๆๆ” ช้วนหัวเราะชอบใจ

ทุกคนหัวเราะตามแล้วก็พากันส่ายหน้า เริ่มเดากันไม่ถูกว่าช้วนเป็นผู้ใหญ่หรือเป็นเด็กกันแน่ แต่ก็เริ่มชินกับความห่ามของช้วนกันแล้ว ยกเว้นนับตังค์ที่ยังคงยืนหน้าแดงทำตัวไม่ถูก มีคุณจึงเดินเข้าไปหาแล้วยีผมของนับตังค์เบาๆ ด้วยความเอ็นดูในความน่ารักของคนรัก แต่นั่นยิ่งทำให้นับตังค์หน้าแดงหนักเข้าไปกันใหญ่เพราะโดนสามหนุ่มสามมุมกับสองสาวฝาแฝดส่งเสียงแซวไม่หยุด

..

เมื่อถึงอาหารรอบค่ำ ลูกค้าเริ่มทยอยกันมาตามเวลาที่ระบุเอาไว้ อาหารชุดพิเศษที่ลูกค้าเป็นคนเลือกเองถูกทยอยออกมาเสิร์ฟให้ทุกคนได้ลิ้มลอง มีคุณที่ออกมาต้อนรับและคอยดูแลลูกค้าก็ได้รับคำชมถึงรสชาติของอาหารทั้งคาวหวานรวมถึงเครื่องดื่มของพายพัดด้วย ลูกค้าสาวๆ บางท่านติดใจความหล่อเหลาของพายพัดถึงกับขอถ่ายรูปลงโซเชียลพร้อมกับติดแฮชแท็กว่า ‘บาเทนเดอร์หล่อบอกต่อด้วย’ มีคุณแอบนึกในใจว่าร้านคงจะมีการบอกต่อมากขึ้นเพราะมีสุดหล่ออย่างพายพัดเป็นจุดขายอีกอย่างแน่ๆ 

“ขอบคุณทุกคนมากนะสำหรับความทุ่มเทในหน้าที่ วันนี้ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี ลูกค้าชื่นชอบมาก ชอบทั้งอาหารและการบริการ ผมขอปรบมือให้ทุกคนจากใจ” มีคุณลุกขึ้นยืนแล้วปรบมือให้กับพนักงานทุกคนหลังจากที่มาประชุมหลังจากที่ร้านปิดเรียบร้อยแล้ว

“ทิปเต็มกระปุกเลยค่ะบอส” มีนาชี้ไปที่กระปุกทิปที่ลูกค้าให้ เงินทิปในส่วนนี้มีคุณจะให้เด็กเสิร์ฟทั้งห้าคนแบ่งไปเท่ากันตอนสิ้นเดือน ส่วนทีมเชฟ รวมถึงขมิ้นและสายรุ้งมีคุณตั้งใจว่าจะโบนัสให้พิเศษเอง

“หมิ้นให้สาลี่ไปจ้างคนมาช่วยทำความสะอาดในร้าน ซักผ้าปูโต๊ะ ล้างจาน ซักพวกผ้าที่ใช้ในครัวแล้วนินายหัว ให้เป็นรายวันไปก่อน” ขมิ้นรายงานให้มีคุณรับรู้

“โอเค เอาเป็นว่าวันนี้ขอขอบคุณมากจริงๆ กลับบ้านได้แล้วเหนื่อยกันมาทั้งวัน ขับรถกลับกันดีๆ นะ เอากับข้าวกลับไปกินกันด้วย” มีคุณบอกเพราะเห็นว่านับตังค์ทำกับข้าวจัดใส่ถุงให้ทุกคนเอากลับบ้านไปด้วย

..

เมื่อต่างคนต่างแยกย้ายกันไปแล้ว ก็เหลือนับตังค์กับมีคุณอยู่ในครัวกันแค่สองคน นับตังค์ยังคงไม่ได้ไปพักเพราะต้องเคี่ยวน้ำซอสต่างๆ เอาไว้เลย พรุ่งนี้เวลาทำอาหารจานเดียว สายรุ้งและใบเมี่ยงจะได้ช่วยทำอีกเตาได้โดยไม่ต้องปรุงอะไรเพิ่ม พรุ่งนี้เป็นวันเสาร์ด้วย นับตังค์กลัวว่าลูกค้าอาจจะเยอะกว่าวันธรรมดาจึงอยากเตรียมอะไรที่เตรียมได้เอาไว้ก่อน

มีคุณได้แต่ยืนมองดูนับตังค์ทำเพราะโดนสั่งห้ามว่าไม่ให้มายุ่ง นับตังค์บอกว่าเวลามีคุณมานัวเนียแล้วเสียสมาธิ แถมนับตังค์ยังเปิดเพลงสากลรุ่นพ่อเสียงดังเหมือนจมอยู่ในโลกของตัวเอง มีคุณไม่อยากกวนนับตังค์จึงเดินไปเอาบัญชีมานั่งทำระหว่างรอนับตังค์อยู่ที่เคาน์เตอร์ในครัว โดยมีด้วงนั่งข้างๆ อยู่ที่เก้าอี้ของตัวเอง

เมื่อครู่ขมิ้นเอาด้วงมาส่งให้เพราะว่าช้วนต้องไปนอนที่บ้านของขมิ้นชั่วคราวก่อน ขมิ้นเล่าว่าตอนที่เข้าไปตามช้วนในห้องทำงานของมีคุณ เห็นช้วนหยิบหนังสือของมีคุณมาอ่าน มันคงไม่น่าตกใจเท่าไหร่หากหนังสือเล่มนั้นไม่ใช่หนังสือที่มีแต่ภาษาอังกฤษล้วนๆ มีคุณฟังแล้วไม่ได้พูดอะไร บอกให้ขมิ้นกลับไปพัก แล้วจึงอุ้มด้วงเข้ามารอนับตังค์ด้วยกัน

นับตังค์แอบเหลือบมองมีคุณนั่งทำเอกสารแล้วก็อมยิ้ม เคยคิดในใจว่าก่อนหน้านี้หากเพียงแค่เดินผ่านผู้ชายอย่างมีคุณนับตังค์ก็คงจะไม่สนใจแน่ๆ มีคุณไม่ใช่คนหล่ออย่างพายพัดชนิดที่เห็นแล้วมีประกายระยิบระยับความหล่อฉายชัด แต่พอได้มาใกล้ชิด หลายอย่างในตัวของมีคุณทำให้นับตังค์หวั่นไหวได้ง่ายดายมากจนนึกบ่นตัวเองในใจว่าใจง่ายตอบรับเขาเป็นแฟนแบบไวไฟเหลือเกิน แล้วนับตังค์ก็หาเหตุผลว่าทำไมตัวเองถึงได้ตกหลุมรักมีคุณได้อย่างที่ไม่เคยรู้สึกกับคนอื่นมาก่อนเลย

‘มือของมีคุณเวลาที่กุมมือของนับตังค์ มันทำให้นับตังค์รู้สึกปลอดภัย’

‘เวลาถูกมีคุณกอด นับตังค์รู้สึกอบอุ่น’

‘เวลาต่อปากต่อคำกับมีคุณมันทำให้นับตังค์รู้สึกมีชีวิตชีวา รู้สึกว่ามีเพื่อนสนิทที่คุยแล้วถูกคอ รู้ทันไปเสียทุกเรื่อง’

‘คำพูดธรรมดาของมีคุณ เมื่อมาพร้อมกับแววตาอ่อนโยน มันทำให้คำพูดนั้นละมุนขึ้นห้าสิบเปอร์เซ็นต์ อีกห้าสิบเปอร์เซ็นต์มีความหื่นแฝงอยู่เบาๆ แต่มันก็ทำให้นับตังค์ฟังแล้วเขินได้ตลอด’

'เวลาโดนมีคุณจูบ มันทำให้นับตังค์รู้ว่าใจเต้นรัวเป็นยังไง ไฟฟ้าสถิตย์ยังไม่วูบวาบเท่าจูบของมีคุณเลย’

‘รูปร่างของมีคุณยามไร้เสื้อผ้า มันทำให้นับตังค์อยากสวมกอด อยากแนบหน้ากับอกแข็งแรง อยากกัดที่แขนที่มีกล้ามแน่นๆ อยากขึ้นไปนอนอยู่บนร่างกายแข็งแกร่งนั้นแล้วหลับตาผ่อนคลาย อยากจะ..’


“ตัง ยืนหัวเราะคนเดียวนานแล้วนะ ติดเชื้อพี่ช้วนรึเปล่า” มีคุณถามหลังจากที่เห็นนับตังค์คนซอสไปก็ยิ้มไป บางทีก็หัวเราะคิกคักอยู่หน้าเตาคนเดียว

“ตังกำลังหลงรักซอสของตังต่างหาก” นับตังค์แก้ตัว นึกเขินตัวเองที่กำลังหื่นไม่แพ้มีคุณเลย แต่เหตุผลทั้งหมดที่นับตังค์คิดมันทำให้รู้ว่าตัวเองไม่ได้ใจง่ายสักหน่อย ก็แค่แพ้ทางคนอย่างมีคุณเท่านั้นเอง

“แล้วเสร็จรึยัง” มีคุณถามเมื่อเห็นว่ามันเริ่มดึกมากแล้ว ด้วงที่ตอนแรกดูตื่นตาตื่นใจกับกระดาษและดินสอที่มีคุณให้มาเขียนเล่นก็เริ่มจะตาปรือปรอย

“เสร็จพอดี พี่ช่วยชิมหน่อยว่าโอเคไหม ซอสตัวใหม่” นับตังค์ตักซอสใส่โถแล้วเหลือติดก้นหม้อเพื่อให้มีคุณชิมเพียงนิดหน่อย พอเดินมาหามีคุณก็ใช้ช้อนตักให้ชิม มีคุณส่ายหน้าให้นับตังค์รู้ว่าไม่ชิมจากช้อน นับตังค์เบ้ปากใส่แต่ก็ใช้นิ้วก้อยของตัวเองปาดซอสจากช้อนยื่นไปที่ปากของมีคุณ

“อร่อย แต่พี่ว่า...มันอร่อยกว่านี้ได้อีกถ้า...” มีคุณดูดซอสจากนิ้วของนับตังค์เสร็จก็พูดค้างเอาไว้

“ถ้าอะไรคุณนักวิจารณ์” นับตังค์อยากรู้ว่าซอสของตัวเองยังขาดรสชาติอะไรไป

“ตังลองชิมอีกทีสิ” มีคุณบอก

นับตังค์ปาดซอสเข้าปากตัวเองบ้าง ทันใดนั้นมีคุณก็โน้มตัวมาประกบปากของนับตังค์ ละเลียดชิมซอสที่หลงเหลืออยู่ที่ปลายลิ้นของอีกฝ่ายอย่างอ้อยอิ่งถึงได้ยอมถอนริมฝีปากของตัวเองออก นับตังค์ไม่ได้ต่อว่าที่มีคุณทำอะไรตามใจต่อหน้าด้วง เพราะว่าตอนนี้ด้วงหลับคาเก้าอี้ไปแล้ว

“มันจะอร่อยมากถ้าเราชิมกันแบบนี้บ่อยๆ” มีคุณให้คำตอบที่พูดค้างเอาไว้ก่อนจะแอบลุ้นว่าตัวเองจะถูกนับตังค์ต่อว่าอะไรที่จู่โจมไปแบบนี้

“พี่...” นับตังค์ชะโงกมองไปที่ด้วง เมื่อเห็นว่าด้วงหลับปุ๋ยอยู่ก็หันมาสบตากับมีคุณอีกรอบ

“หืม”

“ตังทำซอสห้าแบบ”

“แล้วไง”

“ก็...”

“หืม”

“ก็พี่เพิ่งชิมไปแบบเดียวเองไง”

มีคุณหัวเราะก่อนจะดึงนับตังค์มากอดเอาไว้ หอมแก้มนับตังค์จนพอใจแล้วจึงชวนนับตังค์กลับขึ้นห้อง ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากจะชิมซอสที่เหลือในแบบของเขาเอง นับตังค์ก็อุตส่าห์เล่นมุกอ้อนให้ชิมจนหัวใจของเขาแทบละลาย แต่ขืนได้ชิมด้วยการจูบแบบนี้ไปอีกสักรอบสองรอบ มีคุณคิดว่าหนูด้วงอาจจะได้หลับคาเก้าอี้ยันเช้าเป็นแน่


***โปรดติดตามตอนต่อไป***


ขอบคุณที่ติดตามนะคะ




เครดิตรูปจาก Google

[ทางไปเพจ Loverouter จิ้มเลย]
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-07-2017 14:24:18 โดย Loverouter »

ออฟไลน์ pigarea

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 748
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
อ่านนิยายมาก็หลายเรื่อง แต่สำหรับเรื่องนี้ เรายกให้ 10/10
ภาษาดี สวยงาม ไม่มีคำผิด อ่านแล้วละมุนมากๆ
และที่สำคัญอ่านแล้วหิววววววววววววววววว  :hao6: :hao6:

เราว่าปู่ต้องไม่ธรรมดาแน่ๆ อาจจะเป็นคนพิเศษจริงๆ มีความรู้ความสามารถ
แต่มาทำตัวเป็นคนบ้า หรืออาจจะเป็นคนรวยตามหารักแท้ 555

ออฟไลน์ suikajang

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 813
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
ตัวละครลับเพิ่มมาอีกคน
แหมะอยากไปส่องตอนเขาชิมซอสจริงๆ  :hao6:
หิว อิอิ

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ route rover

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +221/-7
อาหารก็หิว ปู่ช้วนเป็นใคร เราก็สงสัย  :katai2-1:

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ Readyaoi

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 212
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
หื่นทั้งคู่  :hao3:

ออฟไลน์ MyLavenderLand

  • ฉันสุขใจ เมื่อได้ Log in เล้า
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1576
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-1
โอ๊ยยยย แชร์โลเคชั่นร้านนี้ด่วนๆค่ะ อยู่ไกลลำบากแค่ไหน? ดิฉันก็จะดั้นด้นไป เรื่องเสียงร่ำลือของอาหารนั้นก็มีส่วน แต่เหตุผลหลัก...บอกเลยว่า ตามไปฟิน บอสตังค์ กับ พายพัดอุ๋งอุ๋ง เป็นหลักคร่าาา งื้ออออ ดี๊ดี  //  ปู่ช้วนหล่อไปอี๊กกก

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
ช้วนอายุ 60 แต่ดูสมาร์ทมาก
ใครกันหว่า

ออฟไลน์ Kunpimook

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
 :katai2-1: :katai3: มีตัวละครมาเพิ่มอีกๆๆๆ
เรื่องยิ่งซับซ้อนและน่าติดตามมากขึ้น ขออย่างเดียวนะคะถ้ามีดราม่า(ซึ่งต้องมีแหละเนอะ55) ช่วยดราม่าเรื่องด้วงน้อยๆหน่อยนะฮะ สงสารด้วงๆ :really2:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด