- ปรุงรักให้ลงล็อก- ตอนพิเศษ หนูด้วงโกทูสคูล (แก้ไขตอนพิเศษเพิ่ม) 17/3/61 P.26
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: - ปรุงรักให้ลงล็อก- ตอนพิเศษ หนูด้วงโกทูสคูล (แก้ไขตอนพิเศษเพิ่ม) 17/3/61 P.26  (อ่าน 209734 ครั้ง)

ออฟไลน์ Mura_saki

  • แค่เรารู้จักกัน...มันก็ดีที่สุดแล้ว :)
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +179/-9
อ่านแล้วหิว อาหารน่ากินอีกแล้วววว

ออฟไลน์ gookgik

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1966
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +341/-6
พี่ช้วนสงสัยจะเป็นคนพิเศษจริงๆ เหมือนจะเป็นนักชิม สงสัยวิญญาณคุณปู่เข้าสิงร่างช้วนอยู่รึเปล่า 555

พี่เลี้ยงหนูด้วงคงไม่ต้องไปหาคนอื่นแทนแล้ว ให้พี่ช้วนนี่แหละคอยดูแล

เห็นอาหารแล้วหิว อยากกินรูบิกเค้ก กับผัดไท
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-07-2017 17:05:13 โดย gookgik »

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ insomniac

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1482
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
อ่านแล้วหิวมากๆ 555
ด้วงเป็นหลานแท้ๆ ของตังค์ใช่ไหม ลูกพี่ชายที่หายไป

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ Loverouter

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 446
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +471/-12
ตอนที่ 19 เกาเหลาใสๆ


ร้านมีคุณอนันต์เปิดให้บริการมาถึงวันนี้ก็เป็นเวลาเดือนกว่าแล้ว ชื่อเสียงของร้านที่ถูกแนะนำจากลูกค้าที่ได้มารับประทานอาหารแล้วแชร์ต่อกันไปในโลกโซเชียลทำให้คนรู้จักมากขึ้นและยังมียอดจองล่วงหน้าเข้ามามากจนมีคุณต้องขอจำกัดยอดจองเอาไว้ที่ครึ่งปีก่อน เหตุเพราะนับตังค์ขอร้องเอาไว้ว่าในอนาคตอาจจะมีการเพิ่มเติมรายการอาหารเซ็ทใหม่ จึงไม่อยากให้คิวจองยาวนานเกินไป

สิ้นเดือนที่ผ่านมา เมื่อมีคุณจ่ายเงินเดือนให้กับพนักงานทุกคนพร้อมกับเคลียร์ค่าใช้จ่ายทุกอย่างภายในร้านเรียบร้อยแล้วจึงรวบรวมเงินเพื่อชำระหนี้แทนคุณพลอยประดับเป็นเดือนแรก ทนายเคารพโทรมาแจ้งว่าเจ้าหนี้บางรายยินยอมลดดอกเบี้ยให้และให้ผ่อนจ่ายเป็นรายเดือน แต่ยังมีบางรายที่ไม่พอใจและยังไม่ยอมรับข้อเสนอ จะขอยึดสัญญาเดิมที่มีคุณบอกว่าจะใช้เป็นก้อนใหญ่เพราะคิดแล้วว่าได้ดอกเบี้ยเยอะกว่า ซึ่งเจ้าหนี้รายนั้นเป็นรายใหญ่สุดที่เสียด้วย

มีคุณถอนหายใจเมื่อดูยอดเงินที่เหลือในบัญชี แม้ว่าเดือนที่ผ่านมารายได้จากร้านอาหารมีคุณอนันต์จะมากพอสมควร แต่เมื่อต้องชำระหนี้แทนคุณพลอยประดับแล้วยังมีรายจ่ายส่วนตัวในแต่ละเดือนร่วมด้วย มันก็ทำให้เหลือไม่มากเท่าไหร่ โดยเฉพาะตอนนี้มีคุณไม่ได้ทำคอลัมน์ของตัวเองแล้วจึงขาดรายได้ไปอีกทาง หากยอดเงินเหลือในแต่ละเดือนมีเพียงเท่านี้ก็คงไม่พอใช้ให้เจ้าหนี้รายใหญ่ตอนครบหนึ่งปีแน่นอน พญาและพเยียก็ยังแวะเวียนมาพูดเรื่องขอซื้อร้านอยู่สม่ำเสมอ แม้มีคุณจะยืนยันว่าไม่คิดจะขายร้านแล้ว แต่ทุกครั้งที่มีคุณปฏิเสธ คนทั้งคู่ก็ยิ่งเพิ่มมูลค่าที่ดินมากขึ้นทุกครั้งที่มาเจรจา ถึงมีคุณจะเสียดายแต่ก็ไม่เสียใจกับสิ่งที่ตัดสินใจไปแล้ว

ส่วนคีตะที่มาทำงานให้กับโรงแรมของนายหัวพยนต์ก็ยังคงแวะเวียนมาหามีคุณทุกวัน อาศัยช่วงเวลาเลิกงานจากโรงแรม คีตะก็จะมาช่วยมีคุณต้อนรับลูกค้าในร้านจนลูกค้าหลายคนนึกว่าคีตะเป็นเจ้าของร้านไปเลยก็มี แต่ทุกคนก็ยอมรับเรื่องความสามารถในการต้อนรับลูกค้าของคีตะ เพราะคีตะเป็นคนปากหวาน เอาใจเก่ง ช่างพูดช่างเจรจา ลูกค้าหลายคนติดใจและเอ่ยปากชม แต่ในขณะเดียวกันคีตะก็สร้างความปวดหัวให้กับนับตังค์ไม่น้อยด้วยการทำตัวเป็นเหมือนแมลงหวี่ ถึงไม่กัดให้ต้องเจ็บปวดแต่ก็บินวนเวียนสร้างความรำคาญ แม้นับตังค์เห็นว่ามีคุณให้คีตะได้แค่ความเป็นเพื่อนแต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่เห็นว่าคีตะจะยอมถอดใจเสียที

ส่วนเรื่องเท่ง หลังจากร้านเปิดได้แค่อาทิตย์เดียว นับตังค์ก็ได้ข่าวเรื่องของเท่งจากตำรวจท้องที่ว่าเท่งเสียชีวิตแล้ว ตำรวจมาขอให้นับตังค์ไปให้ปากคำเพราะทางตำรวจสันนิษฐานว่าเท่งโดนฆาตกรรม ซึ่งนับตังค์เคยมีเรื่องกับเท่งในตลาดและล่าสุดเท่งก็คิดทำร้ายนับตังค์  นับตังค์ยินดีไปให้ปากคำเพราะว่าบริสุทธิ์ใจและมีพยานหลายคนบอกได้ว่านับตังค์อยู่ที่ร้านในวันเกิดเหตุ แล้วเรื่องของเท่งก็เงียบไปในที่สุดเพราะตำรวจไม่สามารถหาตัวฆาตกรได้

เรื่องที่มาที่ไปของช้วนก็เป็นอีกเรื่องที่คนในร้านต่างก็พากันสงสัย บ่อยครั้งที่ช้วนทำตัวเหมือนคนสติไม่ดี พูดคนเดียว หัวเราะคนเดียว เล่นกับหนูด้วงราวกับว่าอายุเท่ากัน แต่ก็บ่อยครั้งอีกเช่นกันที่ช้วนทำให้หลายคนต้องอึ้งไป ยกตัวอย่างเช่นช่วงเวลาที่ทุกคนต้องมาประชุมกันในตอนเช้าและหลังร้านปิด ช้วนจะมานั่งฟังอยู่ด้วยตลอด ระหว่างที่พนักงานพูดถึงปัญหาที่เจอ ช้วนก็จะโพล่งวิธีการแก้ปัญหาออกมา แม้คำพูดจะโผงผางแต่ทุกคนก็ยอมรับว่ามันเป็นการแก้ปัญหาที่ดี หรือบางทีช้วนก็วิจารณ์อาหารของนับตังค์ในแบบที่คนอื่นนึกไม่ถึง บางทีทุกคนลงมติว่าอร่อยแล้ว แต่ช้วนจะบอกว่าควรใส่อะไรเพิ่ม พอนับตังค์เอาไปทำตามก็เพิ่มความอร่อยได้มากขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ พอนับตังค์เค้นถามว่าช้วนเคยมีอาชีพอะไรมาก่อนและเคยอยู่ที่ไหนมาก่อน ช้วนก็ตอบเหมือนกันทุกครั้งว่าตัวเองมาจากต่างดาวและไม่ต้องทำอะไรเพราะเก่งทุกด้านมาตั้งแต่เกิด จนนับตังค์เลิกถามคำถามเดิมๆ เพราะรู้ว่าถามไปก็ไม่ได้สาระอะไรกลับมา แต่เปลี่ยนคำถามใหม่ว่า ‘ปู่มาจากดาวไหน’ แทนแล้ว

“นี่ ขอข้าวผัดปูจานหนึ่งสิ เอาไปให้ที่ห้องทำงานของคุณนะ ฉันจะกินที่นั่น” คีตะเดินมาสั่งนับตังค์ในครัว วันนี้เป็นวันหยุดของคีตะ เขาจึงมาหามีคุณตั้งแต่เช้า อยู่ช่วยในร้านและทำตัวติดกับมีคุณเพราะอยากให้นับตังค์หมดความอดทน

“เราทุกคนในร้านกินอาหารพร้อมกัน เมื่อครู่ที่คนอื่นเขากินกันทำไมคุณไม่มากิน” ใบเมี่ยงเป็นฝ่ายโมโหแทนนับตังค์ ปกติแล้วใบเมี่ยงไม่ใช่คนอารมณ์เสียง่ายๆ แต่คราวนี้มันสุดจะทนเพราะคีตะใช้น้ำเสียงสั่งนับตังค์ราวกับนับตังค์เป็นคนรับใช้

“สั่งข้าวอีกคน แต่ดันไปหนักหัวอีกคน” คีตะกอดอกแล้วพูดใส่ใบเมี่ยง

“มันไม่ได้หนักหัวหรอก มันหนักใจ ตอนเด็กๆ ขาดความรักเหรอ ตอนโตมาถึงอยากได้ขนาดนี้” ใบเมี่ยงโต้ตอบกลับ

พายพัดและนับตังค์มองใบเมี่ยงอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา ตั้งแต่รู้จักกันมาใบเมี่ยงไม่เคยว่าใครรุนแรงแบบนี้เลย คราวนี้คงจะหมดความอดทนแล้วจริงๆ พอพายพัดเห็นว่าคีตะจะเดินเข้ามาหาใบเมี่ยงก็รีบเดินเข้ามาขวาง แต่ยังไม่ทันที่ใบเมี่ยงกับคีตะจะต่อปากต่อคำกันต่อ เสียงช้อนกระทบกับจานดัง ’เคล้ง’ ก็ดังมาให้ได้ยิน

“กินข้าวอิ่มก็มีเกาเหลาให้กินต่อเว้ย สนุก ข้าชอบ ข้าจะเป็นกรรมการให้นะ ด้วงเชียร์ใครไหนบอกปู่ซิ” ช้วนถามด้วงหลังจากที่ยกเอาช้อนมาเคาะจานแทนให้สัญญาณเปิดศึกเกาเหลา

“หนูจาเชียทุเยียนกะจินโจ้ ใฉ่หน้ากาก ย้องเพงแข่งกัน” ด้วงตอบไปเพราะนึกว่าช้วนถามถึงรายการแข่งขันรายการหนึ่งที่มีคนใส่หน้ากากมาร้องเพลง ด้วงชอบมากเพราะมีหน้ากากประหลาดทุกอาทิตย์ให้ได้ดู แต่หลังๆ มานี่นับตังค์ไม่ให้ด้วงดูแล้วเพราะว่ารายการมันเลิกดึกเกินไป ด้วงชอบฝืนดู สัปหงกไปแล้วยังถ่างตารอดูอีก

“ไม่ใช่ คนละเรื่องกันแล้ว นี่ ปู่จะชี้ให้ดูนะ นั่นหน้ากากแมวน้ำ” ช้วนชี้ไปที่ใบเมี่ยง

“แมวน้ำ” ด้วงพูดตาม

“ส่วนหน้านั่นหน้าหนา เอ้ย หน้ากากแรด” ช้วนกระซิบด้วงเบาๆ แล้วชี้ไปที่คีตะ

“นี่แย่ดเหยอ” ด้วงพูดตามแล้วชี้ไปที่คีตะ

“ปู่! สอนอะไรหนูด้วงอีกแล้ว” นับตังค์ได้ยินคำว่า ‘แย่ด’ จากด้วงแล้วสะดุ้ง

“เอ็งให้ข้าเลี้ยงก็อย่ามายุ่งกับข้า เอ้า เจ้าด้วง เอ็งจะเชียร์ใคร” ช้วนหันไปเถียงนับตังค์แล้วก็กลับมาถามด้วงต่อ ด้วงมองไปทางใบเมี่ยงแล้วก็มองไปทางคีตะสลับกันไปมาหลายรอบ

“ไม่ชอบแย่ด หนูชอบอุ๋งอุ๋ง” ด้วงทำท่าแมวน้ำแบบที่พายพัดเคยสอน จนเห็นคีตะถลึงตาใส่ด้วงจึงรีบซุกหน้ากับอกของช้วนทันที

“เอ็งอย่ามาทำท่าขู่หลานข้านะไอ้หนุ่ม เห็นข้าบ้าแบบนี้ จริงๆ ข้าก็บ้าแบบนี้แหละ” ช้วนพูดวกไปวนมาจนนับตังค์ส่ายหน้า แต่คีตะกำลังหน้าบูดเหมือนข้าวค้างปี

“ไม่รู้มีคุณเลี้ยงคนบ้าแบบนี้ได้ยังไง พวกเห็บเหาเกาะกินฟรี” คีตะมองช้วนแบบไม่พอใจ

“นี่คุณแฟน ‘เก่า’ ของบอส เดี๋ยวจะทำข้าวผัดปูให้นะ อยากกินก็พูดจาให้มันดีๆ ไม่ใช่โมโหหิวแล้วทำท่าเหมือนผู้หญิงมีประจำเดือน แล้วพี่ช้วนก็ไม่ใช่เห็บเหา เพราะถ้าใช่แปลว่าบอสเป็นหมา ซึ่งจากที่ดูแล้วอย่างบอสคงเป็นหมาไม่ได้ เพราะหมามันสมสู่ไม่เลือก แต่บอส ‘เลือก’ แล้วอย่ามาระรานใครในครัวนี้อีก เพราะที่นี่ผมใหญ่ที่สุด” นับตังค์เห็นว่าคีตะลามปามผู้ใหญ่อย่างช้วนแล้วต้องปรามเสียบ้าง และยังจงใจเน้นคำว่า ‘เก่า’ และ ‘เลือก’ ให้คีตะได้แสบๆ คันๆ ด้วย

“นายมันเป็นแค่พ่อครัว คนที่ใหญ่ที่สุดคือมีคุณต่างหาก นายไม่มีสิทธิ์มาไล่ใคร” คีตะหน้าเสียที่ถูกนับตังค์ย้อน

“ลองดูไหมละ ผมจะตามบอสมา อยากรู้เหมือนกันว่าบอสจะเลือกใคร ระหว่างคุณกับผม พร้อมจะรับรู้ความจริงหรือเปล่าล่ะ” นับตังค์ท้าทาย คีตะนิ่งอึ้งไปเพราะคิดว่ารู้คำตอบดี สุดท้ายก็ทำได้แต่มองตาขวางใส่ทุกคนแล้วเดินออกไป ทุกคนมองตามไปจนได้ยินเสียง ‘เคล้ง’ อีกรอบ

“หน้ากากแมลงสาปชนะ” ช้วนเคาะจานเสร็จก็ป่าวประกาศ

“ปู่! ทำไมต้องให้ตังเป็นแมลงสาปล่ะ อุตส่าห์ช่วย รู้งี้ให้ปู่เป็นหน้ากากเหาต่อไปก็ดี” นับตังค์บ่น แต่พายพัด ใบเมี่ยงและสายรุ้งหัวเราะกันใหญ่

“มัมๆ ไม่ใช่แมงฉาปหยอก หนูไม่ชอบแมงฉาป ไม่ยักปู่แย้ว โกดปู่” ด้วงขมวดคิ้วแล้วยกนิ้วโป้งให้ช้วน ก่อนจะชูมือให้นับตังมาอุ้ม

“ฮ่าๆ สมน้ำหน้า บอกแล้วที่นี่ตังใหญ่สุด” นับตังค์มาอุ้มด้วงแล้วหัวเราะชอบใจที่ด้วงปกป้องตน

“เฮ้ย ใจเย็นกันก่อน แมลงสาปมันอึด มันทนถึกตายยาก แถมว่องไว ไต่เก่ง สบตาปุ๊ป บินใส่ปั๊ป ข้าก็เห็นว่ามันเหมือนเอ็งชัดๆ” ช้วนรีบอธิบายเมื่อโดนหลานคนโปรดงอนใส่

“เหมือนตรงไหนคะพี่ช้วน” สายรุ้งถามด้วยความสงสัย

“ก็เชฟของพวกเอ็งมันฉลาด คล่องแคล้วรู้งาน ทนถึก ใครก็ทำร้ายไม่ได้” ช้วนสาธยายต่อ

“แล้วไอ้ไต่เก่ง สบตาปุ๊ปบินใส่ปั๊ปนี่มันเหมือนตรงไหนมิทราบ” นับตังค์กอดอกถาม

“อันนั้นเอ็งไปถามผัวเอ็งเถอะ ข้าไปดีกว่า” ช้วนพูดจบก็ลุกขึ้นยืน ปล่อยให้นับตังค์ยืนหน้าแดงท่ามกลางเสียงหัวเราะของพายพัด ใบเมี่ยงและสายรุ้ง นับตังค์คิดว่าโชคดีที่แก๊งเด็กเสิร์ฟไม่อยู่ ไม่อย่างนั้นคงโดนหัวเราะเยาะร่วมด้วย

“ปู่นี่เพ้อเจ้อ ตังไปผัดข้าวดีกว่า เดี๋ยวคุณหน้ากากแย่ดจะโมโหหิวเอาอีก” นับตังค์รีบส่งด้วงให้ใบเมี่ยงอุ้มต่อ แล้วก็พาตัวเองออกมาก่อนจะโดนช้วนพูดให้ต้องอายไปมากกว่านี้

“ผัดเผื่อข้าด้วยนะ ข้าอยากกินอีก” ช้วนตะโกนไล่หลังนับตังค์ไปก่อนจะหัวเราะชอบอกชอบใจที่แกล้งนับตังค์ได้


มีคุณกำลังตรวจสอบใบจองของลูกค้าในรอบค่ำอยู่ในห้องทำงาน เมื่อเห็นคีตะเดินเข้ามาพร้อมกับท่าทางหงุดหงิดก็รู้ว่าคงเข้าไปในครัวมาแน่ๆ แต่มีคุณไม่อยากให้ความสำคัญอะไรจึงไม่ถามและนั่งทำงานต่อ ได้ยินเสียงถอนหายใจจากคีตะหลายรอบก็ยังคงไม่สนใจ จนคีตะเป็นฝ่ายทนไม่ได้

“คุณ ถึงคุณจะยังโกรธคิว แต่คุณก็ควรให้พนักงานของคุณให้เกียรติคิวบ้าง คุณรู้ไหมว่าตาแก่คนนั้นด่าคิวว่าแรด” คีตะอดไม่ได้ที่จะฟ้องอดีตคนรัก

“แล้วคิวแรดรึเปล่า” มีคุณเงยหน้าถาม

“คุณ!!”

“ถ้าคิวไม่ได้เป็นอย่างที่คนอื่นว่าคิวจะใส่ใจทำไม ผมไม่ใช่ไม่รู้นิสัยคิวหรอกนะ ถ้าไม่ไปหาเรื่องคนอื่นก่อน คนอื่นเขาจะว่าคิวเหรอ เราโตๆ กันแล้วนะ อย่าทำให้ทุกอย่างมันยุ่งยากเลย” มีคุณเตือนสติ

“คิวรู้ดีว่าคิวนิสัยไม่ดี แต่คุณเป็นคนบอกว่ารักที่คิวเป็นคิว คุณบอกเองว่าต่อให้คิวแย่กว่านี้คุณก็ไม่คิดจะปล่อยมือคิว” คีตะเดินมายืนตรงหน้ามีคุณแล้วพูดเรื่องในอดีต

“แล้วผมเป็นคนปล่อยมือคิวเหรอ” มีคุณถามด้วยสีหน้าจริงจังจนคีตะอึ้งไป

“คิวรู้ว่าคิวดึงมือตัวเองออกจากคุณเอง แต่เพราะคิวไม่อยากให้คุณต้องลำบากเพราะพ่อของคิว วันนี้คิวขอมือของคุณอีกครั้งไม่ได้เหรอครับ ให้โอกาสคิวได้จับมือคุณอีกครั้งนะครับ คิวรู้แล้วว่ามือคู่นี้มีค่าแค่ไหนสำหรับคิว” คีตะกุมมือของมีคุณแล้วลงไปนั่งคุกเข่าก่อนจะยกมือของมีคุณมาแนบที่แก้ม น้ำตาที่ไหลออกมามาจากความเสียใจที่ไม่รู้คุณค่าของมือคู่นี้

นับตังค์เดินเข้ามาในห้องทำงานของมีคุณพร้อมกับถาดใส่อาหารจึงได้เห็นภาพการอ้อนวอนของคีตะพอดี มีคุณเห็นนับตังค์ก็พยายามจะดึงมือออกจากการเกาะกุมของคีตะ แต่คีตะไม่ยอมปล่อยมือของมีคุณง่ายๆ ยังคงยื้อเอาไว้ แต่พยายามจะกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมาให้นับตังค์ได้เห็น


“นี่ข้าวผัดปูของแขกของบอส ส่วนนี่ตังทำมาให้บอสชิม เป็นลูกชิ้นที่ทำจากกุ้ง ปู ปลา แล้วก็หอย ว่าจะลองให้ลูกค้าชิมโต๊ะละที่ แต่จะเอาลงในเมนูอาหารกลางวัน” นับตังค์วางถาดอาหารลงบนโต๊ะกระจกที่ตั้งอยู่ตรงกันข้ามกับโต๊ะทำงานของมีคุณ

น้ำซุปจากชามส่งกลิ่นหอมจนคีตะเองต้องชะเง้อดู ลูกชิ้นลูกโตที่อยู่ในชามนั้นดูหลากหลายแตกต่างกัน มีคุณดึงมือของตัวเองหลุดจากการเกาะกุมของคีตะสำเร็จก็รีบลุกไปหานับตังค์

“น่ากินมากเลย ไหนพี่ขอชิมหน่อย” มีคุณตักน้ำซุปมาชิมก่อนจะทำสีหน้าพึงพอใจเป็นอย่างมาก จากนั้นก็ตักลูกชิ้นลูกแรกมาชิม ทยอยชิมจนครบทุกรส ลูกชิ้นแต่ละลูกที่นับตังค์ทำออกมาไม่มีกลิ่นคาวแม้แต่น้อย ส่วนผสมของเนื้อสัตว์มีความกรุบเด้งแบบธรรมชาติ ชิมดูก็รู้ว่าไม่มีส่วนผสมของแป้งเลย น้ำซุปก็หวานละมุนลิ้น กลิ่นกระเทียมเจียวก็ช่วยเพิ่มความหอม ได้ซดร้อนๆ แบบนี้ช่างชื่นใจดีเหลือเกิน

“อร่อยไหม” นับตังค์ถามด้วยความอยากรู้

“มีอะไรบ้างที่ตังทำแล้วพี่ไม่ชอบ แล้วเมนูนี้มีชื่อรึยัง” มีคุณส่งสายตาหวานซึ้งไปให้แบบเปิดเผย

“ทีแรกก็ว่าจะให้ชื่อว่าเกาเหลาลูกชิ้นรวม แต่ตอนนี้เปลี่ยนใจแล้ว” นับตังค์ตักลูกชิ้นกุ้งมาป้อนมีคุณอีกรอบ ซึ่งมีคุณก็อ้าปากรับแต่โดยดี

“ชื่ออะไรเหรอ”

“เกาหลาชนะใสๆ เอ้ย เกาเหลาใสๆ” นับตังค์ตอบก่อนจะส่งยิ้มให้คีตะ

“คุณ วันนี้คิวคงไม่ได้มาช่วยช่วงค่ำนะ รู้สึกไม่ค่อยสบาย ขอตัวกลับก่อน” คีตะลุกขึ้นยืนหลังจากที่รู้สึกว่าตัวเองดูเป็นส่วนเกิน เจ็บเกินที่จะอยู่ดูต่อไป

“ร้ายนักนะ” หลังจากที่คีตะออกไปแล้วมีคุณก็รั้งเอวนับตังค์มากอด

“ใครร้าย พูดดีๆ นะ นี่ยังไม่ร้ายนะขอบอก” นับตังค์หันไปเหวี่ยงใส่มีคุณเบาๆ

“หึงแล้วใช่ไหม” มีคุณยังหยอก

“ไม่ได้หึง รำคาญ นี่ก็ทำตัวให้เขาแทะโลมอยู่ได้ เป็นพระเอกรุ่นดึกดำบรรพ์รึไง กลัวแฟนเก่าเสียใจเลยให้ความหวังอยู่ได้” นับตังค์ดึงมือของมีคุณออกจากเอวของตัวเองแล้วเดินตรงไปที่โดมกระจก ทิ้งตัวลงนั่งที่เตียงกลมของหนูด้วง

“ตังเป็นคนบอกพี่เองนะว่าคิวอยากทำอะไรก็ปล่อยไป ตังไม่ได้ใส่ใจ” มีคุณรีบเดินมาง้อ

“ตังผิดสินะ” นับตังค์ย้อนถาม มีคุณรีบลงไปนั่งข้างๆ

“เปล่า พี่ไม่ได้ว่าตัง ก็แค่พูดให้ฟัง”

“ถึงตังจะพูดแบบนั้นก็เพราะตังเป็นคนดีไง แต่พี่หน้าเหมือนโจร พี่ไม่ต้องใจดีแบบตัง เข้าใจป๊ะ” นับตังค์ถามเสียงสูง

“เอ้า ซะงั้น สรุปจะให้พี่ไล่คีตะตรงๆ ใช่ไหม” มีคุณถาม

“อยากทำอะไรก็ทำ ตามใจ ไม่อยากจะขัด” นับตังค์เมินหน้าหนีไปทางอื่น 

“ทำไมวันนี้งอแงจังเลย” มีคุณนึกแปลกใจ พยายามจะจับคางนับตังค์ให้หันหน้ามา แต่อีกฝ่ายก็ยังขืนใบหน้าเอาไว้ จนมีคุณเริ่มเครียดว่านับตังค์งอนจริงจึงลุกไปดูให้เห็นหน้าคนแสนงอน

“คิกๆๆ” นับตังค์เห็นหน้ามีคุณก็หลุดขำออกมา

“แกล้งพี่เหรอ” มีคุณส่ายหน้าขำ

“เปล่า ดูในซีรีย์เกาหลี เห็นเวลาเขางอนง้อกันมันน่ารักดี ตั้งใจว่ามีแฟนแล้วอยากทำมั่ง คิกๆๆ เขินเนอะ ตลก” นับตังค์พูดไปขำตัวเองไป

“เรานี่มันจริงๆ เลยนะ เฮ้อ ตกใจหมดนึกว่างอนจริง” มีคุณถอนหายใจ

“ตังไม่ค่อยงอนหรอก แต่ถ้าลองได้โกรธ ง้อไปเถอะ หายยาก บอกเลย อย่าคิดทำให้โกรธ” นับตังค์ขู่

“เชื่อ ตอนที่พี่ไปวิจารณ์ขนมของตัง ตังก็แค้นพี่จนจำฝังใจเลย แต่ก็ดีนะ” มีคุณระลึกถึงความเก่า

“ดียังไง” นับตังค์หรี่ตารอคำตอบ

“ก็จำฝังใจ พี่เลยออยู่ในใจของตังตลอดเวลาไง ฝังซะมิดเลย” มีคุณได้ทีหยอด

“ว่าแล้วเชียว” นับตังค์เบ้ปากแต่ในใจก็เริ่มเห็นด้วยว่าสงสัยจะแค้นมีคุณจนฝังเอาไว้ในใจจริงๆ

“เอาเป็นว่าถ้าคิวมาอีก พี่คงต้องพูดแรงๆ เขาจะได้เข้าใจเสียที” มีคุณถอนหายใจ เขาไม่รู้หรอกว่าพระเอกยุคดึกดำบรรพ์ของนับตังค์เป็นยังไง ไม่รู้ว่านับตังค์จะเข้าใจไหม การที่เราเคยรักสักคน เคยใช้เวลากับเขามาก็มากอยู่ แม้ตอนนี้ความรักนั้นมันจะหมดไปจากใจแล้ว มันยังคงมีความผูกพันบางอย่างที่ทำให้มีคุณหลงเหลือความสงสารให้

“พี่กลัวจะเสียความเป็นเพื่อนไปใช่ไหม” นับตังค์ถาม มีคุณเลิกคิ้วมองนับตังค์เพราะนับตังค์เหมือนมานั่งอยู่ในความคิดของเขา

“อืม”

“พี่จะเสียความเป็นเพื่อนให้เขาได้ยังไงหากเขาไม่มีความเป็นเพื่อนให้พี่ สิ่งที่เขามีให้พี่คือความรักในฐานะคนรักเท่านั้น ตังเข้าใจว่ามันยากเพราะอย่างน้อยพี่เคยรักเขามาก ตังแค่เอามาเปรียบกับตัวเองว่าหากวันหนึ่งเราต้องเลิกรากัน ตังก็ไม่อยากให้เราต้องเกลียดกัน เอาเป็นว่าพี่ไม่ต้องเอ่ยปากไล่เขาหรอก แต่พี่ต้องชัดเจน”

“พี่ก็บอกเขาไปแล้วว่าพี่ไม่ได้รักเขา พี่มีคนที่พี่รักแล้ว เขาเป็นคนชอบเอาชนะ”

“ปากบอก ตัวก็ต้องทำด้วย ไม่ใช่ว่าเขากุมมือก็ยอมให้เขากุม อย่างกับสาวแรกรุ่นไม่มีแรงดึงมือออกแบบเมื่อกี้อะ” นับตังค์หน้ามุ่ย

“สรุปว่าหึงพี่ใช่ไหม” มีคุณกระเซ้าถาม

“เออ หึงก็ได้ ยอมรับ” นับตังค์กระแทกเสียงใส่ มีคุณหรี่ตามองว่าคราวนี้นับตังค์ล้อเล่นอีกหรือเปล่า พอเห็นว่าท่าทางหึงจริงมีคุณก็อมยิ้ม

“น่ารัก” มีคุณหอมแก้มนับตังค์ฟอดใหญ่ ดีใจที่นับตังค์หวงเขาเสียที

“ประสาท” นับตังค์ต่อว่าแต่ก็อมยิ้มไม่ต่างกัน

“พรุ่งนี้เป็นวันหยุดประจำเดือน ไปเที่ยวน้ำตกกันนะ พวกเด็กๆ เขาชวนไปด้วยกัน” มีคุณดึงนับตังค์ให้ยืนขึ้นแล้วสวมกอด พูดไปก็จูบไปทั่วจนนับตังค์ต้องหดคอหนีเพราะจั๊กจี้

“ไม่เอา ตังกลัว” นับตังค์นึกถึงสะพานเชือกแล้วรีบปฏิเสธ

“มันมีทางลัดอื่น ไปนะ ด้วงจะได้ไปเล่นน้ำตกด้วย” มีคุณเริ่มขบติ่งหูนับตังค์จนใบหน้า คอ หูของนับตังค์แดงซ่านไปหมดแล้ว

“ก็ได้ อืม...พี่ ตังจะกลับครัวแล้ว” นับตังค์เริ่มเคลิ้มแต่ก็กลัวว่าลูกครึ่งหมีผสมโลมาจะของขึ้นอีก

“ยังมีเวลาอีกตั้งนาน พี่ล็อกห้องก่อน ขอขั้นบีสักหน่อยนะ” มีคุณอ้อน

“พี่ เราจะไม่เรียกขั้นเอบีซีแล้ว” นับตังค์พยายามชวนคุยก่อนที่จะโดนบุกรุกพื้นที่สงวน

“เปลี่ยนอีกแล้วเหรอ จะให้เรียกอะไร” มีคุณยอมหยุดนัวเนียคนรักเพราะอยากรู้ว่านับตังค์จะมาไม้ไหนอีก

“ตังเป็นเชฟ เราเรียกเป็นอาหารดีกว่า”

“ว่ามา”

“ก็ขั้นเอ เราก็เรียก ไข่ตุ๋น ดีมะ แบบซอล์ฟๆ” นับตังค์เสนอ

“โอเค แค่จูบเรียกว่าไข่ตุ๋น ถูกไหม”

“ถูก ขั้นบี เราก็เรียกว่า คั่วกลิ้งไง แบบแซ่บขึ้นมาหน่อย” นับตังค์เสนอ

“โอเค มากกว่าจูบ สำรวจพื้นที่ภายนอกได้หมดแต่ห้ามบุกรุกภายใน เรียกว่าคั่วกลิ้ง ถูกไหม” มีคุณยักคิ้วถาม

“ถูก แล้ว..ขั้นซี แบบ...เอาชื่ออะไรดีนะ คิดก่อน” นับตังค์พยายามถ่วงเวลาให้เจ้าหมีที่กำลังของขึ้นสงบลง ไม่อยากต้องมาเสียเอกราชในยามนี้ เดี๋ยวจะไม่มีแรงยืนทำงานหน้าเตา

“พี่ว่า ขั้นซี คือพี่จะต้องได้กินตังใช่ไหม เอาชื่อว่า ‘โจ๊ก’ ก็แล้วกัน” มีคุณเป็นฝ่ายเสนอ

“ทำไมต้องโจ๊กอะ” นับตังค์ถาม

“ก็...’เละ’ เป็นโจ๊กไง หึหึ” มีคุณหัวเราะในลำคอเมื่อนึกถึงวันที่จะได้กินโจ๊ก ส่วนคนฟังก็หน้าตาตื่นเมื่อนึกถึงว่าตัวเองจะเละเป็นโจ๊กในสักวัน

“เฮ้ย นึกขึ้นได้ ตั้งหม้อน้ำซุปเอาไว้ ไปก่อนนะ” นับตังค์รีบหาข้ออ้างพยายามจะเบี่ยงตัวออก แต่โดนมีคุณกอดรัดเอาไว้แน่นเพราะรู้ทัน

“ขอกินไข่ตุ๋นก่อน” มีคุณพูดจบก็ประทับริมฝีปากไปทันทีไม่รอให้เชฟใหญ่หาทางหนีทีไล่อีก

ส่วนเชฟใหญ่ที่ทำทีว่าอยากจะขัดขืนก็ทำท่าผลักไสได้แค่ครู่เดียว ตอนนี้เลยต้องยอมให้คุณบอสเขาชิมไข่ตุ๋นจนพอใจ แต่ก็คิดในใจว่าอย่าฝันจะได้กินโจ๊กง่ายๆ เลย ‘ฝันไปก่อนเถอะไอ้บอสบ้ากามเอ้ย’


(มีต่อด้านล่างค่ะ)

V
V

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-07-2017 12:53:06 โดย Loverouter »

ออฟไลน์ Loverouter

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 446
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +471/-12
(ต่อจากด้านบนค่ะ)


มาถึงวันหยุดประจำเดือน มีคุณตกลงว่าให้มีวันหยุดประจำเดือนได้สองวัน คือวันที่สิบกับวันที่ยี่สิบของทุกเดือน พนักงานในร้านเลยนัดกันว่าจะไปเที่ยวน้ำตกกัน ทีมเชฟลุกมาช่วยกันเตรียมอาหารง่ายๆ ไปกินกันในช่วงกลางวัน ส่วนทีมเด็กเสิร์ฟก็เตรียมพวกเสื่อและอุปกรณ์ที่จำเป็นต้องใช้ไปด้วย วันนี้สาลี่ลางานเพื่อจะไปเที่ยวด้วยกันกับสมาชิกของร้านมีคุณอนันต์ ส่วนช้วนปฏิเสธที่จะไปเพราะตอนอาศัยอยู่ที่บ้านร้างก็ขึ้นไปหาของกินแถวน้ำตกบ่อยๆ วันนี้จึงอยากขอเฝ้าบ้านให้เอง คนที่ตื่นเต้นที่สุดก็คงจะเป็นหนูด้วง พอรู้ว่าจะได้ไปเที่ยวก็ยิ้มหน้าแป้นโชว์ฟันขาวไปทั่ว

วันนี้ทุกคนมาด้วยรถกระบะคันเก่าของคุณปู่อนันต์ เพราะขมิ้นคิดว่ามันบรรทุกคนได้เยอะดี รถคันนี้คงจะเหมาะสมที่สุดแล้ว ขับมาถึงทางขึ้นเขาขมิ้นก็จอดแวะให้ทุกคนไหว้ศาลตากับยาย จากนั้นขมิ้นก็ขับขึ้นไปจอดที่หน้าบ้านพักของเจ้าหน้าที่เพราะมันสุดทางที่รถใหญ่จะขึ้นไปได้

“ไหนพี่ว่ามีทางลัดอื่นไง” นับตังค์โวยวายทันทีเมื่อได้รู้ว่าไม่มีทางอื่นไปน้ำตกนอกจากจะต้องข้ามสะพานเชือก

“พี่ขอโทษ พี่กลัวตังจะไม่ยอมมา” มีคุณรีบบอกหลังจากที่โดนนับตังค์โวยวายจนหูชา

“ก็แหงล่ะ ไม่มาแน่ๆ ตังจะกลับ ให้ตายก็ไม่ข้ามไปหรอก” นับตังค์หน้าบึ้งเมื่อรู้ว่าถูกหลอก

“อย่าโกรธบอสเลยนะคะเชฟ พวกเราอ้อนให้บอสหลอกเชฟเองเพราะเราอยากให้เชฟมาด้วยกัน” มีนารีบมากอดแขนของนับตังค์เมื่อเห็นว่านับตังค์โกรธจริง

“ตังจะกลับ” นับตังค์ยังคงยืนยัน

“เดี๋ยวพี่คุยเอง” มีคุณดึงแขนของนับตังค์ให้เดินออกมาห่างจากทุกคนพอสมควรเมื่อเห็นว่าทุกคนหน้าเสียกันหมด

“พี่ขอโทษนะครับ ตังจะกลับก็ได้ แต่อย่าหน้าบึ้งเลยนะ สงสารเด็กๆ เขาแค่เห็นว่าตังคือคนสำคัญจึงอยากให้มาด้วยกัน” มีคุณปลอบ

“ตังไม่ชอบให้ใครหลอกตัง บอกตังตรงๆ ก็ได้” นับตังค์เริ่มใจเย็นลงเมื่อหันไปมองแล้วเห็นว่าคนอื่นหน้าเจื่อนกันหมด

“ขอโทษนะ พี่จะพาตังกลับ” มีคุณสะอึกไปเมื่อได้ยินคำพูดประโยคนี้ของนับตังค์ มันยิ่งทำให้มีคุณเริ่มกังวลจนไม่กล้าสารภาพความจริงเรื่องพินัยกรรมของคุณปู่

“มันไม่มีทางอื่นขึ้นไปจริงๆ เหรอ” นับตังค์เห็นด้วงหัวเราะสนุกสนานอยู่ก็ถอนหายใจ ไม่ใช่ว่าไม่อยากไปเที่ยวกับทุกคน แต่นับตังค์กลัวความสูงจริงๆ

“ตังเชื่อใจพี่ไหม พี่จะพาตังข้ามไปอย่างปลอดภัย” มีคุณถามสีหน้าจริงจัง

“ไม่เชื่อ พี่อะตัวแกล้งเลย จำไม่ได้ใช่ไหม คลิปยังอยู่ จะดูไหม” นับตังค์ทำหน้าขยาดจนมีคุณเกือบหลุดหัวเราะ

“มันไม่เหมือนกัน ตอนนั้นพี่หมั่นไส้ความเกรียนของตัง แต่วันนี้พี่จะทำทุกทางให้คนที่พี่รักปลอดภัย” มีคุณจับมือนับตังค์มาจับเอาไว้

“ก็ได้ แต่ถ้าตังไม่ไหวก็คือไม่ไปต่อนะ” นับตังค์ชั่งใจอยู่นาน เมื่อเห็นสีหน้าของทุกคนดูวิงวอนอยากให้นับตังค์ไปด้วยกันก็อดใจอ่อนไม่ได้

ทุกคนร้องไชโยเมื่อรู้ว่านับตังค์ตัดสินใจจะไปต่อ พายพัดอุ้มหนูด้วงนำทีมข้ามไป นับตังค์ยืนอยู่ตีนสะพานตะโกนร้องโหวกเหวกเมื่อเห็นหนูด้วงยื่นหน้าไปดูพื้นล่าง รู้สึกเสียวขาแทนคนอื่นจนยืนแทบไม่ไหว จนกระทั่งทุกคนข้ามไปอีกฝั่ง ก็เหลือแต่มีคุณกับนับตังค์ เมื่อมีคุณกระชับมือของนับตังค์เตรียมจะพาข้าม นับตังค์ก็ขืนตัวเอาไว้แล้วส่ายหน้าน้ำตาคลอ มีคุณนึกสงสารจึงคิดว่าจะไม่ฝืนใจนับตังค์แล้ว

“ตังขี่หลังพี่ได้ไหม” นับตังค์ถามหลังจากที่มีคุณถามว่าจะกลับหรือไปต่อ

“ได้สิ เอาแบบนั้นก็ได้” มีคุณย่อตัวลงแล้วให้นับตังค์ขึ้นมาขี่หลัง

“มีข้อแม้อีกอย่างด้วย”

“ว่ามา”

“พี่ต้องหัดขี่จักรยาน พี่เคยบอกว่าจะหัด คราวนี้ต้องหัดจริงๆ” นับตังค์ยื่นข้อแม้

“ก็ได้ ยอมก็ยอม” มีคุณจำต้องยอมแลกความกลัวของตัวเองเพื่อความกล้าของนับตังค์

“จริงๆ ในซีรีย์เกาหลีมันก็มีฉากที่ต้องขี่หลังแบบนี้นะที่ตังอยากลองทำตอนมีแฟน มันควรเป็นฉากโรแมนติกไม่ใช่เหรอ ฮือ” นับตังค์ส่งเสียงครวญก่อนจะหลับตาปี๋เมื่อมีคุณเริ่มเดินไปบนสะพานเชือก

“พี่รักตังนะรู้ไหม” มีคุณบอกเพราะอยากให้นับตังค์ลืมความกลัว แต่...

“โอ้ย จะมาบอกอะไรเหมือนสั่งลาตอนนี้เล่า เงียบๆ ไปเลย” นับตังค์หลับตาโวยวาย

มีคุณต้องกลั้นขำเพราะกลัวสะพานเชือกจะสั่น เดี๋ยวคนที่ขี่หลังเขาอยู่จะเสียสติไปมากกว่านี้ มีคุณค่อยๆ เดินมาจนถึงปลายสะพาน พอนับตังค์ได้ยินเสียงร้องเฮก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา เมื่อเห็นว่าตัวเองข้ามผ่านมาได้แล้วก็ถอนหายใจแล้วซบหน้ากับหลังของมีคุณเพราะเกร็งจนเหนื่อยไปหมด

“มัมไม่กัวน้า โอ๋ๆ” หนูด้วงหมุนข้อมือสะบัดนิ้วไปมาแทนการปลอบใจ

“กลัวอะไร แค่อยากขี่หลังบอสต่างหาก แกล้งกลัวไปงั้นแหละ” นับตังค์รีบลงมาจากหลังของมีคุณแล้วทำใจกล้า

“ไม่ทันแล้วเชฟ!” สามหนุ่มสามมุมกับสองสาวฝาแฝด รวมถึงขมิ้นต่างตะโกนออกมาพร้อมกันจนนับตังค์ต้องทำหน้าเซ็งที่เสียฟอร์มต่อหน้าทุกคน

เมื่อทุกคนมาถึงน้ำตกชั้นที่สามารถเล่นน้ำได้ก็ปูเสื่อจับจองพื้นที่กัน นับตังค์กับด้วงส่งเสียงตื่นเต้นแข่งกันเมื่อเห็นธรรมชาติที่สวยงามและน้ำที่ใสแจ๋วจนทุกคนขำ วันนี้ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวสักเท่าไหร่ มีกลุ่มของนับตังค์ที่มากันเป็นกลุ่มใหญ่สุด

ทุกคนเริ่มเล่นน้ำตกกันสนุกสนาน หนูด้วงนั่งอยู่บนห่วงยางรูปกระต่าย กำลังหัวเราะสดใสถูกใจที่ได้เล่นน้ำ มีคุณเห็นใบเมี่ยงลอยตัวซ้อนอยู่บนตัวของพายพัดก็หันมามองนับตังค์เหมือนจะถามว่าทำแบบนั้นบ้างไหม แต่มีเหรอที่คนอย่างนับตังค์จะยอม นอกจากจะไม่เล่นอะไรที่ดูโรมแมนติกแล้ว ยังจับมีคุณกดน้ำบ้าง แกล้งดึงกางเกงของมีคุณลงบ้าง ปีนขึ้นไปยืนบนบ่ามีคุณแล้วกระโดดลงน้ำบ้าง จนมีคุณต้องปลงว่าคนรักของตัวเองแก่นกะโหลกเหลือเกิน

เมื่อเล่นน้ำกันจนเหนื่อยก็กลับขึ้นมากินอาหารกลางวันที่เตรียมมา มีทั้งแซนด์วิช หมูทอด ข้าวเหนียว เห็ดย่างเนย ผักต้ม น้ำพริกหนุ่ม ไข่ต้มยางมะตูมและตับทอดกระเทียม มีผลไม้ที่ปลอกมาเรียบร้อยแล้วอีกกล่องใหญ่ สาลี่ช่วยเปลี่ยนเสื้อผ้าให้หนูด้วง เช็ดผมให้จนแห้งแล้วถึงพามานั่งกิน ทุกคนเอร็ดอร่อยกับอาหารง่ายๆ แต่รสชาติอร่อยมากกันจนอิ่มแปล้

“ดีจังเลย เอาไว้มาด้วยกันอีกนะ” ใบเมี่ยงเอ่ยขึ้นมาหลังจากที่เล่นน้ำกันต่อจนเย็น ตอนนี้ทุกคนเปลี่ยนเสื้อผ้าและเก็บข้าวของเสร็จพร้อมจะกลับก่อนที่ท้องฟ้าจะมืด

“ไปเที่ยวที่อื่นบ้างก็ได้” นับตังค์รีบบอกก่อนจะหน้าเสียเมื่อรู้ว่าต้องข้ามสะพานเชือกอีกรอบ

“จะกลัวทำไม เมื่อกี้พี่ก็พามาอย่างปลอดภัย” มีคุณพูดก่อนจะย่อตัวลง นับตังค์อายก็อาย แต่ความกลัวมีมากกว่าจึงรีบเดินไปขี่หลังของมีคุณต่อหน้าทุกคน

“เดี๋ยวแวะกินข้าวต้มที่ตลาดก่อนแล้วค่อยแยกย้ายกันกลับ” มีคุณบอกกับขมิ้น

“เดี๋ยวมื้อนี้ตังเลี้ยงเองนะ” นับตังค์หลับตาพูดเพราะไม่อยากมองลงไปข้างล่าง

“เย้” เฮงชูมือร้องรับเมื่อรู้ว่าจะได้อิ่มฟรีอีกมื้อ

“เย้” ด้วงทำตาม

“เย้ เย้ เย้” คราวนี้ทุกคนทำตาม

“โอ้ย ไม่ต้องเย้กันได้ไหม สะพานมันสั่น เดี๋ยวไม่เลี้ยงเลย” นับตังค์โวยวายหลังจากที่รู้สึกถึงความสั่นคลอน

เมื่อได้ยินเสียงขู่ของนับตังค์ทุกคนจึงจำต้องเอามืออุดปากกันยกใหญ่ ยกเว้นคนเดียวที่ไม่ยอมทำตามคำสั่ง ก็คือหนูด้วงที่ยังชูมือร้องเย้ๆ ไม่ยอมหยุด เรื่องนี้ทำให้มีคุณรู้ว่า ‘เหนือนับตังค์ก็ยังมีหนูด้วงนี่เอง’

..

ขมิ้นขับรถมาจอดที่หน้าตลาด ก่อนจะเดินนำทุกคนไปที่ร้านข้าวต้มกุ้ยที่มีชื่อที่สุดในเกาะนี้ ระหว่างที่ทุกคนกำลังเดินเข้าไปในร้านก็เห็นว่าพญากำลังนั่งกินข้าวต้มอยู่กับคีตะสองต่อสอง พอพญาเห็นนับตังค์ก็ยิ้มกว้างแล้วรีบลุกมาหา ส่วนคีตะไม่ได้ลุกมา ก้มหน้าก้มตากินข้าวต่อ

“น้องตังทำไมถึงแวะมาหาพี่ได้” พญาเข้าข้างตัวเองแบบหน้าด้านๆ

“จะมาให้เลี้ยงข้าวต้มมั๊ง” นับตังค์เห็นพญาเข้าข้างตัวเองก็นึกขำ

“ได้เลย เต็มที่เลย พี่เลี้ยงเอง เจ๊แดง เดี๋ยวโต๊ะนี้มาเก็บเงินที่ผมนะ” พญาหันไปสั่งเจ้าของร้าน

“เฮ้ย ตังล่อเล่น ไม่ต้องหรอก ลุงไปกินกับคนที่มากับลุงไปเลย” นับตังค์ทำมือไล่พญา

“น้องตังอย่าหึงพี่นะ เราไม่ได้มาด้วยกัน แต่หมอนั่นมาเป็นลมตรงหน้าพี่พอดี พี่เลยจำต้องให้นั่งกินด้วยกัน” พญารีบแก้ตัว นับตังค์เหลือบมองมีคุณ เห็นว่ามีคุณแสดงสีหน้าเป็นห่วงคีตะอยู่ก็เข้าใจ

“พี่ไปดูเพื่อนพี่ก็ได้” นับตังค์หันมากระซิบมีคุณ มีคุณมองหน้านับตังค์อย่างลังเล จนเห็นว่านับตังค์ไม่ได้ประชดจึงเดินเข้าไปหาคีตะ

“รู้รึเปล่าว่าเขาเป็นแฟนกันมาก่อน” พญาถามนับตังค์

“รู้”

“เขาเหมาะกันดีนะ” พญาพยายามจะเสี้ยม

“ไม่อะ ลุงเหมาะกว่า ลองจีบดูสิลุง จะได้ไม่ต้องกินขนมจีบไส้แห้ว” นับตังค์ย้อนจนพญาหน้าม้านไปเลย ขมิ้นถึงกับหลุดหัวเราะออกมาทันที

“ตังมาสั่งอาหารก่อน” พายพัดเรียกนับตังค์เมื่อหาโต๊ะนั่งได้แล้ว นับตังค์กำลังจะเดินไปนั่งแต่พญาคว้าข้อมือของนับตังค์เอาไว้ก่อน

“พี่จะจีบคนอื่นได้ยังไงในเมื่อหัวใจพี่มีแต่ตัง ตังคงจะเห็นพี่เป็นตัวตลก แต่พี่จริงจัง พี่จริงใจนะ” คราวนี้พญาพูดด้วยสีหน้าที่จริงจังกว่าทุกที

“แต่วันนี้ตังให้ลุงได้แค่สองทาง เพื่อนกับคนแปลกหน้า เลือก” นับตังค์ตอบด้วยสีหน้าจริงจังเหมือนกัน

“น้อยจัง ตอนสมัยประถมยังมีตั้งสี่ข้อให้เลือก” พญาหน้าเจื่อน

“ถ้ามีให้เลือกเพิ่มจะบอกวันหลัง แต่วันนี้มีให้แค่สอง จะเลือกเองหรือให้ตังเลือกให้” นับตังค์เร่งถามเพราะเห็นว่ามีคุณมองมาด้วยสายตาเขียวปั๊ด

“เพื่อนก็ได้ แต่เป็นเพื่อนที่รอวันเลื่อนขั้นได้รึเปล่า แบบรอนานก็รอได้” พญาต่อรอง จนนับตังค์พยักหน้าให้พญาถึงยิ้มออกแล้วยอมปล่อยมือของนับตังค์

นับตังค์ก็สงสารพญาเพราะรู้ว่าพญาคงชอบตัวเองจากใจจริง มีความรู้สึกว่าพญาไม่ใช่คนไม่ดี ถ้าได้มาเป็นเพื่อนก็อาจจะเป็นเพื่อนตายกันเลยก็ได้ นิสัยห่ามๆ เหมือนกันแบบนี้นับตังค์ชอบ แต่นับตังค์รู้ว่าจิตใจคนมันบังคับกันยาก จึงได้ปล่อยผ่านไปเพราะคนอื่นคิดยังไงเราบังคับเขาไม่ได้ รวมถึงเรื่องของคีตะก็ด้วย นับตังค์ถึงไม่อยากจะเด็ดขาดเรื่องของคีตะกับมีคุณ รู้ว่าทุกอย่างมันต้องใช้เวลา เพียงแต่ทุกอย่างมันก็ต้องมีขอบเขต ที่นับตังค์บอกกับพญาไปแบบนั้น นับตังค์ไม่ได้คิดให้ความหวังพญา ในเมื่อพญาบอกเองว่ารอได้ก็ให้รอไป แต่แค่ให้พญารับรู้ว่ามันไม่ใช่เวลานี้ที่พญาจะเข้ามาเป็นมากกว่าเพื่อน

มีคุณถามไถ่อาการของคีตะเสร็จก็กลับมานั่งที่โต๊ะ หน้างอบอกบุญไม่รับ กินข้าวไม่พูดไม่จา นับตังค์ตักกับข้าวให้ก็ไม่ยิ้มจนบรรยากาศมึนตึงเกิดขึ้น ยิ่งเมื่อกินเสร็จแล้วรู้ว่าพญาเป็นคนจ่ายเงินให้เรียบร้อยแล้วก็ยิ่งไม่พูดอะไรเลย เดินจ้ำอ้าวไปรอที่รถจนทุกคนต้องหันไปยิ้มให้กำลังใจนับตังค์

ขมิ้นส่งทุกคนถึงบ้านเรียบร้อย เหลือก็แต่มีคุณ นับตังค์ พายพัด ใบเมี่ยงและหนูด้วงที่เป็นจุดหมายสุดท้าย พายพัดและใบเมี่ยงไปนั่งอยู่ด้านหน้า ปล่อยให้นับตังค์กับมีคุณนั่งอยู่ที่ท้ายกระบะกันสองคน นับตังค์นั่งจ้องหน้ามีคุณมาตลอดทาง จนเห็นว่ามีคุณยังนั่งนิ่งอยู่จึงขยับไปนั่งตักของมีคุณหน้าตาเฉย แถมยังเอามือของมีคุณมากอดเอวของตัวเองเอาไว้อีก

“พี่ไม่มีเหตุผลเลย” นับตังค์พูดแข่งกับสายลม มีคุณจูบที่แผ่นหลังของนับตังค์ก่อนจะถอนหายใจออกมา

“พี่รู้ แต่มันห้ามอารมณ์ตัวเองไม่อยู่ พี่เป็นคนขี้หึง” มีคุณยอมรับตรงๆ

“ตังดูเป็นคนไม่ซื่อสัตย์เหรอ” นับตังค์เลื่อนตัวลงมานั่งกับพื้นรถแล้วพลิกตัวกลับมาให้เผชิญหน้ากับมีคุณ

“พี่ไม่ได้โกรธตัง ไม่ได้ไม่เชื่อใจตังนะ แต่พี่...พี่ไม่รู้จะอธิบายยังไง” มีคุณถอนหายใจอีกครั้งกับความงี่เง่าของตัวเอง

“ค่อยๆ อธิบายสิ ตังจะได้รู้”

“พี่โดนทิ้งจนเป็นโรคระแวง มันกลัว รู้ว่าวันนี้ตังไม่ได้ชอบมันหรอก แต่พี่ก็กลัวกาลเวลา กลัวความเปลี่ยนแปลง กลัวว่าวันหนึ่งพี่จะโดนทิ้งอีก” มีคุณพูดออกมาตรงๆ แล้วมีคุณก็เล่าเรื่องครอบครัวของตัวเอง เรื่องของคีตะ ที่สำคัญ...มีคุณเล่าเรื่องแฟนคนแรก เป็นเรื่องที่มีคุณไม่เคยเล่าให้ใครฟังเลย สุดเขตก็ยังไม่รู้ แต่มีคุณอยากเล่าให้นับตังค์ฟัง

“พี่คิดว่าเป็นความผิดของตัวเองเหรอ” นับตังค์ถามเสียงอ่อน รู้สึกสงสารมีคุณเมื่อรับรู้อดีตของคนรัก นับตังค์โตมากับครอบครัวที่อบอุ่น คนในครอบครัวก็มีผัวเดียวเมียเดียวมาตั้งแต่บรรพบุรุษ อยู่กันจนตายไปข้างหนึ่ง จุดนี้มันเลยทำให้นับตังค์ไม่ใช่คนขี้หึงหรือคนขี้ระแวง อาจจะเรียกว่านับตังค์มองโลกด้านเดียวเพราะมีครอบครัวเป็นต้นแบบก็เป็นได้

“ถ้าพี่ดีพอพวกเขาคงไม่ทิ้งพี่ไปหรอก พี่อาจจะหึงจะหวงจนเขารำคาญแล้วก็ทนไม่ได้” มีคุณคิดแบบนั้นจึงพูดออกมา
“ตังไม่อยากให้สัญญาว่าจะไม่ทิ้งพี่ไปนะ เพราะมันเป็นเรื่องของอนาคต แต่ตังจะทนความขี้หึงของพี่ให้ถึงที่สุด พี่ช้วนบอกว่าตังทนถึกเหมือนแมลงสาป ตังจะเกาะติดพี่ให้แน่นเลยดีไหม” นับตังค์ปลอบตามสไตล์ของนับตังค์ ซึ่งมันทำให้มีคุณยิ้มออก

“แมลงสาปอะไรจะตัวหอมขนาดนี้” มีคุณดึงนับตังค์ให้มานั่งที่ตักเหมือนเดิมแล้วสวมกอดนับตังค์เอาไว้

“อายชาวบ้านไหมล่ะ” นับตังค์บ่น

“เมื่อกี้ตังมานั่งก่อนนะ” มีคุณแย้ง

“ก็ไม่รู้จะง้อยังไงนี่ แต่นี่พี่หายงอนแล้ว” นับตังค์เบี่ยงตัวเองลงมานั่งที่พื้นเหมือนเดิมเพราะเห็นว่ามีรถขับตามมา

“คืนนี้คั่วกลิ้งกันนะ” มีคุณชวน

“ไม่เบื่อรึไง”

“ตังเบื่อเหรอ”

“ไม่เบื่อ ฮ่าๆ” นับตังค์ตอบแล้วก็หัวเราะ

มีคุณอยากจะกดนับตังค์ลงกับพื้นรถแล้วจูบให้หนำใจ แต่ต้องอดทนเอาไว้ก่อน เขายอมรับว่ากำลังหลงรักนับตังค์มากขึ้นทุกวันถึงได้หึงหน้ามืดตามัวจนเป็นคนไร้เหตุผลเพราะกลัวจะเสียนับตังค์ไปอีกคน

“ผมรักนับตังค์ รักมาก รักมากเลยโว้ย ทั้งหึงทั้งหวง ช่วยผมด้วย ผมตกหลุมรักจนถอนตัวไม่ได้แล้ว” มีคุณป้องปากตะโกนออกมาสุดเสียงแข่งกับสายลม นับตังค์ได้ยินก็ตกใจก่อนจะหัวเราะออกมาเมื่อเห็นความบ้าระห่ำของมีคุณ

“ลองถอนตัวดูสิ จะเฉือนไอ้นั่นให้หมากิน ฮ่าๆ ตังก็รักพี่คุณโว้ย รักมากเหมือนกัน” นับตังค์ตะโกนบ้าง แต่เป็นช่วงที่ขมิ้นชะลอรถเพราะมีหมาข้ามถนนพอดี เสียงของนับตังค์จึงดังลั่นจนคนแถวนั้นหันมามอง

นับตังค์หน้าเหรอหราแล้วรีบถดตัวลงไปนอนราบกับพื้นกระบะ อายจนแทบแทรกแผ่นดินหนี มีคุณหัวเราะลั่นจนนับตังค์ต้องแอบหยิก มีคุณจึงจำต้องกลั้นเสียงหัวเราะเอาไว้ก่อนจะถดตัวลงไปนอนราบเคียงข้างนับตังค์ กุมมือของนับตังค์แล้วนอนดูท้องฟ้ายามค่ำคืนด้วยกัน ช่างเป็นความสุขที่มีคุณอยากหยุดเอาไว้ให้นานที่สุด แต่ในที่สุดขมิ้นก็ขับรถมาจอดที่หน้าโรงจอดรถ เมื่อรถจอดสนิทดีแล้วช้วนก็วิ่งออกมาจากบ้านด้วยหน้าตาที่ดูตื่นกลัว

“นายท่าน ทำไงดี” ช้วนพูดกับมีคุณด้วยท่าทางร้อนรน

“เกิดอะไรขึ้นครับพี่ช้วน” มีคุณถาม คนอื่นๆ ก็ตกใจท่าทางของช้วนจึงเดินมารอฟัง

“แม่มด มีแม่มดมา” ช้วนชี้ไปที่ตัวบ้าน ทุกคนจึงมองตามไป แล้วมีคุณก็ต้องเลิกคิ้วขึ้นเมื่อเห็นใครคนหนึ่งเดินออกมา

“แม่!!” มีคุณส่งเสียงเรียกด้วยความตกใจเพราะไม่คิดว่าจะเห็นคุณพลอยประดับที่เกาะแห่งนี้ได้

คนที่ตกใจไม่แพ้มีคุณก็คือคนที่มีคุณกำลังกุมมือแน่นอยู่ นับตังค์ใจหายวาบเมื่อเห็นสายตาของคุณพลอยประดับมองมาที่ตนจึงรีบดึงมือของตัวเองออกก่อนจะส่งสายตาไปทางมีคุณด้วยความกังวล

“แย่แล้ว จะมีศึกแม่ผัวลูกสะใภ้ไหมวะ” ช้วนพึมพำออกมาแล้วก็เดินหนีไป ทิ้งให้นับตังค์ยิ่งกังวลใจหนักเข้าไปกว่าเดิมล้านเท่า


***โปรดติดตามตอนต่อไป***


ขอบคุณที่ติดตามนะคะ เดี๋ยวกลับมาแก้คำผิดที่หลุดรอดนะคะ  :กอด1:



 


เครดิตรูปจาก Google


[ทางไปเพจ Loverouter จิ้มเลย]

[ทางไปทวิต Loverouter จิ้มเลย]
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-07-2017 12:52:22 โดย Loverouter »

ออฟไลน์ pigarea

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 748
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
ความจริงจะบังเกิด ดราม่าจะมาเยือน

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
ได้อ่านตอนตีสี่แบบนี้ ท้องไม่ร้องได้ไงไหวคะ

ออฟไลน์ MyLavenderLand

  • ฉันสุขใจ เมื่อได้ Log in เล้า
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1576
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-1
ชอบที่เขาชวนกันกินไข่ตุ๋น กินคั่วกลิ้งกัน 555555 ไม่ใช่เชฟนี่คิดไม่ได้นะ // เราว่าพญาน่ารักอ่ะ นางเหมือนลูกชายผู้ใหญ่บ้านที่จิ๊กโก๋ฮาๆไปวันๆ อยากให้นางมีคู่ หวังว่าคงไม่ใช่คีตะนะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ suikajang

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 813
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
อดกินคั่วกลิ้งเลยบอส
ว่าแต่แม่มด เอ้ยคุณแม่มานิจะนำปัญหาไรมาอีกน้อ เฮ้อ...

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ Mura_saki

  • แค่เรารู้จักกัน...มันก็ดีที่สุดแล้ว :)
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +179/-9
ดราม่ามาแล้วววววววว




ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
หนูด้วงมีลุงช้วนเป็นพี่เลี้ยง ต่อไปคงแสบน่าดู
ส่วนขุ่มแม่มด เอ้ยขุ่นแม่สามี เล่นมาแบบนี้ งานนี้สนุกแน่ 5555

ออฟไลน์ gookgik

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1966
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +341/-6
เข้ามาฮากับขั้น ABC เข้าใจคิดว่าเป็น ไข่ตุ๋น คั่วกลิ้ง กะ เละเป็นโจ๊ก

คนเขียนอินเทรนด์มาก มีหน้ากากแรด กะหน้ากากแมลงสาป แถมยังเข้าใจเปรียบเทียบว่า แมลงสาปทน อึดถึด สบตาปุ๊บปิ๊งปั๊บ

เพิ่งจะเห็นหน้ากากแมวน้ำอุ๋งอุ๋งพ่นไฟได้ เล่นเอาคีตาเกือบไหม้เกรียม ยิ่งมาโดนหน้ากากแมลงสาปแบบนับตังค์พ่นใส่เข้าไปอีกเกือบไหม้เป็นจุณต้องหนีกลับไปก่อน

เห็นด้วยกับนับตังค์ถ้าได้พญามาเป็นเพื่อน รับรองว่าเป็นเพื่อนรักเพื่อนตายที่จะคอยคุ้มครองอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้จากพ่อของพญาเองหรือจากคนอื่นได้เลย ดูได้จากที่เท่งอาจโดนพญาสั่งเก็บ

ขุ่นแม่ของมีคุณ หรือแม่มดของพี่ช้วนมาแล้ว จะมีดราม่าเกิดขึ้นหรือเปล่า 

ขอบคุณคนเขียนมากค่ะ ที่มาต่อตอนนี้เร็วมาก  และเกาเหลาน้ำใสน่ากินมาก

ออฟไลน์ Kalamall

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 729
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-2
 :laugh: พี่ช้วนนี้มาเอาฮานะ คุณปู่แกดูมีอะไรดีๆซ้อนอยู่แน่ๆ

เรื่องรี้อ่านทีไรหิวทุกที ~ ..ศึกลูกสะใภ้กะแม่สามี ดูท่าละหน้ากากแยดฟ้องไปแน่นวลเลย

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ minenat

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1661
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-3
แม่มา!! อย่าสร้างความหนักใจให้มีคุณอีกเลย

ออฟไลน์ ก๊าบก๊าบ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
อยากอ่านต่อแล้วววว ~ อ่านไปกลืนน้ำลายไป

ออฟไลน์ cinpetals

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 452
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
เอาแล้วๆๆๆๆ จะดราม่ามั้ยน้ออิ :hao3:

ออฟไลน์ Loverouter

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 446
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +471/-12
ตอนที่ 20 ต้มมะรัก


คุณพลอยประดับเห็นท่าทางไม่รู้ร้อนรู้หนาวของลูกชายก็รู้สึกหงุดหงิด เมื่อเธอทราบว่าลูกชายแอบมาเปิดร้านอาหารอยู่ที่เกาะแห่งนี้โดยไม่บอกเธอก็ร้อนใจจนต้องรีบเดินทางมาที่นี่ทันที ถึงเธอจะรู้ว่ามีคุณไม่ใช่คนที่ทำอะไรเอาแต่ใจแต่เธอก็อยากรู้เหตุผลของลูกชายว่าอะไรที่ทำให้ลูกชายของเธอตัดสินใจทิ้งงานที่กรุงเทพมา หากเหตุผลนั้นเป็นไปตามที่ผู้หวังดีบอกเธอ เธอก็คงจะอกแตกตายแน่ๆ

“แกจะไม่ยอมบอกแม่จริงๆ ใช่ไหมว่าแกมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง แล้วทำไมถึงหยุดงานประจำที่แกทำ” ในที่สุดคุณพลอยประดับก็ทนไม่ได้จึงต้องเอ่ยปากถาม

“ผมไม่ได้จะกวนแม่นะ แต่แม่จำเป็นที่ต้องรู้จริงๆ ใช่ไหม ถ้าผมแค่บอกว่าผมมีเหตุผลดีพอที่มาทำแค่นี้แม่จะเข้าใจผมรึเปล่า” มีคุณย้อนถามมารดาด้วยน้ำเสียงที่พยายามให้ดูนุ่มนวลมากที่สุด เขาเข้าใจว่าคนเป็นแม่ไม่ว่าลูกคิดจะทำอะไรก็อดห่วงไม่ได้

“ตาคุณ แม่ก็ไม่ได้อยากจะมากดดันอะไรแกหรอกนะ แต่แม่กลัวว่าความลุ่มหลงมันจะทำให้แกตัดสินใจอะไรพลาดไป ไหนแกบอกมาสิ ผู้หญิงคนไหนที่แกมาติดพัน”

“ผู้หญิงอะไรกัน แม่ตอบผมมาก่อนว่าแม่เอาข้อมูลพวกนี้มาจากไหน แล้วผมจะตอบแม่” มีคุณเลิกคิ้วด้วยความสงสัยเมื่อมารดาพูดในสิ่งที่ไม่มีมูลความจริงเลย

“ฉันก็ไม่รู้หรอกว่าใครเป็นคนโทรมาบอก แต่เขาบอกว่าแกมาเปิดร้านอาหารเล็กๆ ที่นี่เพราะมัวแต่มาเฝ้าคนที่แกรัก แกถึงกับทิ้งงานที่แกรักมาได้ก็คงหลงเขาไม่น้อยสิท่า แถมยังโกหกแม่ว่าจำต้องหายไปทำงานเพราะจะหาเงินมาใช้หนี้ให้แม่ แกบอกแม่ตรงๆ ก็ได้นะตาคุณ แม่รู้ว่าทำให้แกลำบาก แต่ก็คิดไม่ถึงว่าจะทำให้แกไม่อยากอยู่กับแม่ขนาดนั้น” คุณพลอยประดับตัดพ้อด้วยความน้อยใจ

“แม่ครับ คิดอะไรไปไกลแล้ว เรามีกันแค่สองแม่ลูกผมจะทิ้งแม่ไปได้ยังไง แต่ผมจำเป็นต้องมาอยู่ที่นี่ก็เพราะผมต้องหาเงินมาทยอยใช้หนี้ให้แม่อยู่ นี่ผมเริ่มทยอยผ่อนใช้ไปแล้ว แต่ผมไม่อยากบอกใคร ถ้าผมบอกว่าจะเลิกทำงานประจำแล้วมาเปิดร้านอาหาร ก็ต้องมีคนถามว่าทำไม ผมหาเงินเยอะๆ ไปทำอะไร ผมไม่อยากตอบคำถามใคร” มีคุณเดินเข้าไปโอบกอดมารดาเมื่อเห็นว่ามารดากำลังน้อยใจ

“ต้องปิดแม้กระทั่งแม่เหรอ แม่สัญญาว่าจะไม่พูดต่อนะตาคุณ” เมื่อคุณพลอยประดับเห็นว่าลูกชายต้องมาอยู่ในสถานที่ที่ห่างไกลจากบ้านเพื่อหาเงินมาใช้หนี้ให้ตัวเองก็เสียงอ่อนลง แต่ก็ยังอยากรู้ว่าการมาทำร้านอาหารเล็กๆ แบบนี้จะใช้หนี้ก้อนโตให้เธอได้ยังไง

“ผมได้รับมรดกจากคุณปู่อนันต์ ท่านจะยกที่นี่ให้เราทั้งหมด ร้าน ที่ดิน แต่ผมต้องทำตามเงื่อนไขของท่าน” แล้วมีคุณก็เริ่มเล่าให้มารดาฟัง รวมถึงเรื่องที่ต้องจ้างนับตังค์มาเป็นเชฟและเรื่องของด้วงด้วย

“ท่านเสียแล้วเหรอ” คุณพลอยประดับรู้สึกใจหาย บิดาของอดีตสามีเก่าคนนี้เป็นคนใจดี ท่านไม่ค่อยลงรอยกับอดีตสามีของเธอสักเท่าไหร่ แต่ท่านก็เอ็นดูเธอในฐานะลูกสะใภ้เสมอ พอรู้ว่าท่านเสียชีวิตแล้วยังยกมรดกให้มีคุณทั้งหมดก็ยิ่งรู้สึกตื้นตัน

“ครับ แต่ผมอยากให้แม่เก็บเรื่องนี้เอาไว้ก่อน ผมอยากอยู่เงียบๆ และทำงานใช้เงินให้ครบ”

“แต่ร้านอาหารที่อยู่บนเกาะเล็กๆ แบบนี้จะทำกำไรได้สักเท่าไหร่ แม่ว่าพอครบหนึ่งปีตามข้อตกลงแกก็ขายร้านไปไม่ดีเหรอ จะได้กลับไปอยู่ที่บ้านกับแม่”

“ผมรักร้านนี้ครับแม่ เอาเป็นว่าถ้าแม่ตั้งใจจะมาพักที่นี่กับผมอาทิตย์หนึ่งอยู่แล้ว แม่ก็ลองดูเอาเองดีกว่าว่าร้านเล็กๆ แห่งนี้มันมันไม่ธรรมดายังไง โดยเฉพาะพนักงานทุกคน ผมอยากให้แม่คิดว่าทุกคนที่นี่คือครอบครัวของเรา ทุกคนเต็มที่เพื่อร้านของผม”

“ก็ได้ อ้อ...แล้วเรื่องเด็กด้วง แกนึกยังไงถึงตัดสินใจรับเลี้ยงเอาไว้ คนอย่างแกจะดูแลเด็กเป็นได้ยังไง แม่ก็ไม่เข้าใจคุณพ่อจริงๆ ว่าทำไมถึงวางใจให้แกเลี้ยงเด็กเล็ก” คุณพลอยประดับไม่คิดว่าลูกชายของตัวเองจะดูแลเด็กคนหนึ่งได้ ข้าวปลายังกินไม่ตรงเวลา บางคืนก็ทำงานจนดึกดื่น เป็นแบบนี้แล้วจะไปดูแลใครได้ยังไง

“ให้เป็นหน้าที่ของผมนะครับ แม่แค่อยู่พักที่นี่ให้สบายใจ เรื่องหนี้สินและเรื่องอื่นๆ ผมจะจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยเอง แม่ไม่ต้องเป็นห่วงผมนะครับ”

“แต่แม่ก็ไม่อยากให้แกอยู่ที่นี่ตลอดชีวิตอยู่ดี”

“ผมตัดสินใจแล้ว แล้วแม่จะรักที่นี่” มีคุณยังคงยืนยันความต้องการของตัวเอง

“เดี๋ยวก่อน ยังไม่จบแค่นั้น สรุปว่าแกไม่ได้มาติดผู้หญิงใช่ไหม ถ้ามีก็ให้บอกแม่มา ยังไงก็ต้องให้ผ่านสายตาของแม่เสียก่อน เข้าใจไหมตาคุณ” คุณพลอยประดับรีบถามเรื่องที่กังวลที่สุด

“ผมไม่ได้ติดผู้หญิงที่ไหน แม่ไม่ต้องห่วงหรอก”

“ค่อยโล่งอกหน่อย เอาล่ะ แม่เชื่อว่าแกเก่งและจะเอาตัวรอดได้ แม่ขออวยพรให้แกประสบความสำเร็จกับงานใหม่ที่ตัดสินทำก็แล้วกัน แกพาแม่ไปดูร้านของแกหน่อยสิ อ้อ...อีกเรื่องหนึ่ง แม่จะไม่พูดเรื่องนี้แกอย่าห่วง เพราะแม่ไม่อยากให้พ่อแกรู้ว่าคุณปู่ยกมรดกให้แก ถ้าเรื่องนี้ไปเข้าหูแม่เลี้ยงของแก หล่อนต้องไม่ยอมแน่ แกก็ปิดให้ดีล่ะ”

“ครับแม่” มีคุณนึกขำมารดาแต่ก็รับคำไปก่อนจะพามารดาออกไปเดินดูรอบร้าน

เมื่อเดินดูร้านจนพอใจแล้วคุณพลอยประดับกับมีคุณก็เดินกลับมาที่บ้านซึ่งตอนนี้ทุกคนกำลังนั่งรอกันอยู่ที่ห้องรับแขก คุณพลอยประดับส่งยิ้มให้ทุกคนด้วยความเป็นมิตร ต่างจากตอนแรกที่ทำหน้าบอกบุญไม่รับจนช้วนเผลอเรียกว่าแม่มด มีคุณแนะนำทุกคนให้มารดาได้รู้จักจนมาถึงหนูด้วง คุณพลอยประดับมองหนูด้วงอยู่นาน เมื่อเห็นหนูด้วงมีทีท่าว่ากลัวจึงเดินเข้าไปลูบผมเบาๆ

“หนูไม่ดื้อ ไม่กินตับหนูนะ” หนูด้วงรีบยกมือไหว้คุณพลอยประดับก่อนจะหันกลับมาซบอกของนับตังค์

“ด้วง พูดอะไรอย่างนั้น ขอโทษคุณย่าก่อน” นับตังค์ตกใจที่ได้ยินรีบบอกด้วงให้ขอโทษ ถ้าคิดไม่ผิดช้วนคงจะสอนด้วงแน่ๆ

“คงจะมีใครสอนล่ะสิ” คุณพลอยประดับมองไปที่ช้วนก่อนจะค้อนจนตาแทบกลับ

“โธ่ แม่คุณ ใครจะไปรู้ว่าเป็นแม่ของนายท่าน เราดีกันนะ” ช้วนยื่นนิ้วก้อยให้

“ฉันไม่ใช่เพื่อนเล่นนะ เรียกฉันให้มันดีๆ หน่อย” คุณพลอยประดับดุช้วนเสียงดังจนด้วงตกใจกอดนับตังค์แน่นกว่าเดิม

“แล้วข้าเรียกไม่ดีตรงไหน เป็นแม่ของนายคุณ ข้าก็เรียกแม่คุณ ไม่ถูกรึ ไม่ได้เรียกไม่ไอ้คุณสักหน่อยจะได้ว่าข้าพูดไม่ดี แล้วอย่าดุให้มันมากนัก เด็กกลัวหมดแล้ว แล้วข้าก็ไม่ใช่เพื่อเล่นของแม่คุณ ข้าแก่กว่าแน่ๆ ต่อไปเรียกข้าว่าพี่ช้วน ให้มันรู้จักเด็กรู้จักผู้ใหญ่ เข้าใจไหมแม่คุณ” ช้วนลุกขึ้นพูดกับคุณพลอยประดับด้วยสีหน้าจริงจังและน้ำเสียงก็เข้มมากจนทุกคนตะลึง ช้วนไม่เคยดุใครแบบนี้ให้เห็นเลยสักครั้ง ซึ่งท่าทางขึงขังจริงจังของช้วนดูมีอำนาจจนคุณพลอยประดับต้องพยักหน้ารับด้วยความตกใจ

 “ปู่ไม่ดุย่านะ หนูไม่ชอบ ถ้าปู่ดุย่าอีกหนูจาไม่เย่นด้วย” ด้วงเลิกซุกหน้ากับอกของนับตังค์แล้วหันมาพูดกับช้วน

“ขอรับคุณด้วง ปู่ผิดไปแล้ว อะดูนี่สิ เราดีกันแล้ว” ช้วนรีบยื่นนิ้วก้อยให้คุณพลอยประดับแล้วทำหน้าพยักพเยิดให้คุณพลอยประดับยอมเกี่ยวก้อยด้วย พอคุณพลอยประดับทำเฉยก็แอบทำหน้าดุใส่จนคุณพลอยประดับต้องรีบยื่นนิ้วก้อยไปเกี่ยวด้วย คนอื่นๆ เห็นแล้วต้องแอบกลั้นขำกันใหญ่

“เย้ ดีกันแย้ว ไม่มีใครโกดกันเยย” ด้วงปรบมือชอบใจ แต่พอหันไปเห็นว่าคุณพลอยประดับมองมาก็รีบซุกกับอกของนับตังค์อีก

“แล้วจะให้แม่นอนที่ไหน” คุณพลอยประดับรีบถามลูกชายเพราะไม่อยากอยู่ใกล้คนอย่างช้วนแล้ว

“เดี๋ยวแม่ไปนอนที่ห้องของผมก็แล้วกัน ด้วงคงให้นอนกับใบเมี่ยงไปก่อน ผมกับตังไปนอนที่ร้านได้” มีคุณเป็นคนตัดสินใจ

“จะรบกวนหนูตังรึเปล่าลูก” คุณพลอยประดับถามนับตังค์ พอเธอรู้ว่านับตังค์คือคนสำคัญที่จะทำให้ร้านนี้ขับเคลื่อนไปได้ก็รู้สึกเกรงอกเกรงใจ และหากไม่มีนับตังค์ลูกชายของเธอก็คงจะไม่ได้มรดก มันทำให้เธอต้องดีกับนับตังค์ให้มากเป็นพิเศษ

“ไม่เป็นไรครับ” นับตังค์รู้สึกแปลกใจที่คุณพลอยประดับมีท่าทีที่เปลี่ยนไปหลังจากที่ไปคุยกับมีคุณ แต่ก็รู้สึกดีใจที่บรรยากาศโดยรอบมันดีขึ้น

“ถ้าอย่างนั้นแม่ขอตัวก่อนนะลูกๆ รู้สึกเพลียอยากพักแล้ว” คุณพลอยประดับรับปากกับมีคุณว่าจะเห็นทุกคนเหมือนคนในครอบครัวก็เลยพูดจนอ่อนหวานขึ้นกับทุกคน แต่ใจก็อยากจะยกเว้นตาฝรั่งแก่ที่ยืนยักคิ้วหลิ่วตาทำท่ากวนประสาทอยู่ได้

“ฝันดีนะแม่คุณ” ช้วนส่งจูบไปให้ คุณพลอยประดับรีบสะบัดหน้าไปทางอื่น

“เอาล่ะ แยกย้ายกันไปพักเถอะ” มีคุณส่ายหน้าให้กับความขี้เล่นของช้วนก่อนจะพาคุณพลอยประดับขึ้นไปพักที่ห้องนอน ตั้งใจว่าพรุ่งนี้จะพามารดาไปพักที่รีสอร์ทของคุณขจีคงจะสะดวกกว่า


หลังจากที่นับตังค์ขึ้นไปเอาของใช้ส่วนตัวออกมาเรียบร้อยแล้วก็ลงมาอาบน้ำที่ห้องน้ำข้างล่าง จากนั้นก็รอมีคุณอาบน้ำให้เสร็จจะได้เดินไปที่ร้านด้วยกัน ระหว่างที่รอมีคุณ พายพัดกับใบเมี่ยงก็ขึ้นไปอาบน้ำเช่นกัน นับตังค์เลยเอาด้วงมาดูแลก่อน นับตังค์เล่านิทานให้ด้วงฟังเป็นการกล่อมให้ด้วงหลับ แล้วด้วงก็หลับไปอย่างรวดเร็วด้วยความอ่อนเพลียจากการที่ไปเล่นน้ำตกมาทั้งวัน

“หนูตัง” คุณพลอยประดับเห็นว่าลูกชายยังอาบน้ำอยู่เลยเดินลงมาข้างล่างเพราะอยากพูดคุยกับนับตังค์

“ครับ” นับตังค์เห็นคุณพลอยประดับเดินลงมาก็เริ่มกังวล จะบอกว่าร้อนตัวก็ได้ กลัวคุณพลอยประดับจะรู้เรื่องของตัวเองกับมีคุณ

“ตาคุณบอกว่าหนูเป็นคนที่ต้องเหนื่อยที่สุดในร้าน ขอบใจมากนะที่ทุ่มเท แม่ขอฝากตาคุณด้วยนะลูก” คุณพลอยประดับลงมานั่งข้างๆ ก่อนจะแตะมือของนับตังค์เบาๆ เป็นการฝากฝังลูกชาย

“ตังจะทำหน้าที่ของตังให้เต็มที่ครับ” นับตังค์เขินๆ เมื่อฟังคำฝากฝัง อีกใจก็รู้สึกขำ เหมือนคุณพลอยประดับมาฝากลูกสาวมากกว่าลูกชาย

“คิดเสียว่าแม่เป็นแม่อีกคนแล้วกันนะลูก แล้วดูสิ นอกจากจะเป็นเชฟแล้วยังเลี้ยงเด็กเก่งด้วย ถ้าหนูมีแฟน แฟนหนูต้องโชคดีมากเลยนะ” คุณพลอยประดับเอ่ยชมจนนับตังค์ทำหน้าไม่ถูก อยากรู้ว่ามีคุณพูดอะไรกับแม่ของตัวเองไปบ้าง

“ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ”

“ไม่ต้องเขินหรอก แม่ก็ชมตามที่เห็น อ้อ...พรุ่งนี้แม่อยากทำต้มมะระของโปรดตาคุณเขา ที่แม่ลงมาข้างล่างเพราะอยากมดูว่ามีของไหม”

“เดี๋ยวตอนเช้าตังจะให้คนเอาของมาให้แม่ที่นี่นะครับ ที่ร้านมีทุกอย่างครับ”

“ขอบใจมากนะจ๊ะ หนูตังน่ารักจริงๆ อ้าว ตาคุณลงมาพอดี แล้วหนูด้วงนี่ให้แม่อุ้มขึ้นไปให้ไหมคะ” คุณพลอยประดับถามนับตังค์

“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวตังอุ้มไปส่งใบเมี่ยงเอง บอสรอก่อนนะ” นับตังค์พูดกับคุณพลอยประดับก่อนจะพูดกับมีคุณแล้วถึงได้อุ้มด้วงขึ้นไปส่งที่ห้องของใบเมี่ยง

“แม่คุยอะไรกัน” มีคุณถามอย่างร้อนตัว

“แม่บอกว่าจะไม่พูดอะไรก็ไม่พูด ไม่ต้องห่วงหรอก แม่แค่มาทำความรู้จัก หนูตังเขาน่ารักดีนะ แม่ชอบ” คุณพลอยประดับเอ่ยชมนับตังค์จนมีคุณต้องลอบถอนหายใจ มีคุณตั้งใจว่าจะสารภาพกับนับตังค์ในคืนนี้เองเลยไม่อยากให้นับตังค์รู้จากคนอื่นก่อน

“แม่ขึ้นไปพักเถอะครับ” มีคุณขึ้นไปส่งคุณพลอยประดับแล้วเดินลงมาพร้อมกับนับตังค์ที่ไปส่งด้วงเสร็จแล้วเหมือนกัน

..

นับตังค์ยังไม่ได้เข้านอนในทันทีเมื่อไปถึงที่ร้านเพราะว่ายังไม่ดึกมากเท่าไหร่ นับตังค์อยากเข้าไปเตรียมของสำหรับรายการอาหารในวันพรุ่งนี้เท่าที่เตรียมได้ ส่วนมีคุณก็แยกเข้าไปทำงานของตัวเองเหมือนกัน จนกระทั่งนับตังค์เตรียมของเสร็จก็เกือบเที่ยงคืนจึงกลับเข้าไปที่ห้องทำงาน เห็นมีคุณกำลังยืนเหม่อลอยมองไปที่สวนก็เลยเดินเข้าไปหา

“พี่เครียดอะไร” นับตังค์แตะที่ไหล่ของมีคุณ

“พี่มีเรื่องจะคุยด้วย”  มีคุณหันกลับมาพร้อมกับรั้งเอวนับตังค์ให้เข้ามาชิดตัวเอง

“อย่าบอกนะว่าแม่ของพี่รู้เรื่องของเราแล้ว” นับตังค์ทำตาโตเมื่อคิดไปก่อน

“เปล่า ไม่ใช่”

“เฮ้อ โล่ง แล้วเรื่องอะไร” นับตังค์รู้สึกโล่งอก แต่เมื่อเห็นท่าทางเครียดของคนรักก็เริ่มกังวลอีกรอบ

“พี่มีเรื่องที่ไม่ได้บอกตังตั้งแต่แรก จะว่าพี่ปิดบังตังก็ได้ พี่อยากสารภาพหลายหนแล้วแต่ใจไม่กล้าพอ”

“ถ้าตังรู้แล้วตังจะเกลียดพี่ไหม” นับตังค์ถามมีคุณ ซึ่งมีคุณคิดว่าคำถามนี้มีคุณควรจะถามนับตังค์มากกว่า

“พี่ก็ภาวนาไม่ให้ตังเกลียดพี่” มีคุณตอบพร้อมกับทำหน้าเว้าวอน

“ขอเวลาทำใจก่อน” นับตังค์เอามือของมีคุณออกจากเอวของตัวเองแล้วเดินไปนั่งที่เตียงทรงกลม

มีคุณได้แต่มองตามไป จนนับตังค์ส่งสัญญาณมาว่าให้มีคุณเริ่มพูดได้ มีคุณจึงสารภาพความจริงเรื่องข้อกำหนดของคุณปู่ รวมถึงเรื่องที่จ้างละมุดให้คอยกีดกันไม่ให้นับตังค์ได้คุยกับตำลึงทองด้วย แต่มีคุณไม่ได้พูดถึงเรื่องหนี้สินของมารดา เพราะถึงยังไงเขาก็ไม่อยากให้คนมองมารดาของตัวเองไม่ดี นับตังค์นิ่งฟังจนจบด้วยท่าทางสงบจนมีคุณเดาไม่ออกว่านับตังค์รู้สึกอย่างไร ถ้านับตังค์จะโกรธเขาก็เข้าใจได้แต่ภาวนาว่าอย่าได้เกลียดเขาเลย

“ทำไมถึงได้มาสารภาพ” นับตังค์พูดขึ้นมาหลังจากที่เงียบไปนาน

“พี่ไม่อยากให้ตังรู้จากคนอื่น”

“ถ้าตังไม่ทำงานที่นี่ต่อ พี่จะไม่ได้มรดกใช่ไหม”

“อืม”

“ตังขอไปนอนกับใบเมี่ยงนะ”

“ตัง”

“ให้เวลาตังได้คิดหน่อย”

นับตังค์ขนข้าวของเดินกลับไปที่บ้าน ทิ้งให้มีคุณยืนหน้าเศร้าคนเดียวอยู่ในห้องทำงาน ถึงแม้จะใจหายที่โดนนับตังค์โกรธแต่ก็รู้สึกโล่งใจที่ได้พูดความจริงออกไปแล้ว แต่ลึกๆ มีคุณก็หวังว่านับตังค์จะให้อภัยตัวเอง

..

นับตังค์พยายามข่มตาสักเท่าไหร่ก็นอนไม่หลับสักทีจึงตัดสินใจลงมาข้างล่างตั้งแต่ตีสี่ เดินลงมาก็เจอคุณพลอยประดับกำลังทำกับข้าวอยู่ในครัวนับตังค์จึงเดินเข้าไปหา

“อ้าว หนูตังมาแต่เช้าเชียว เอ๊ะ หรือหนูย้ายมานอนที่นี่ หนูเป็นคนเอาของสดพวกนี้มาให้แม่ใช่ไหมจ๊ะ”

“ครับตังเอามาเอง พอดีตังกลัวด้วงจะร้องไห้ถ้าไม่เจอตังเลยกลับมานอนที่บ้านครับ”

“หนูด้วงติดหนูตังเหรอลูก แต่แม่ก็ไม่แปลกใจหรอกนะ ใครเจอหนูก็ถูกชะตาทั้งนั้น แต่ที่แม่ห่วงคือต่อไปจะอยู่กับตาคุณยังไง รายนั้น เด็กเจอเป็นร้องไห้แทบทุกราย”

“ด้วงก็ติดบอสนะครับแม่”

“จริงเหรอ แปลกใจจริง แต่จะว่าไปแม่ก็ไม่คิดว่าตาคุณจะมาอยู่ที่เกาะนี้ได้ เขาเป็นคนไม่ชอบอยู่กับที่ ชอบเดินทาง อยู่ด้วยกันที่กรุงเทพยังแทบไม่ค่อยได้เจอหน้า เขารักอาชีพของเขามาก เฮ้อ จะว่าไปแม่ก็รู้สึกผิดที่ทำให้เขาต้องมาทำงานที่ไม่ถนัดแบบนี้”

“บอสคงมีเหตุผลครับที่มาอยู่นี่” นับตังค์แอบถอนหายใจเบาๆ ถ้านิสัยของมีคุณเป็นอย่างที่คุณพลอยประดับเล่าให้ฟัง แปลว่าหากไม่ติดข้อกำหนดของคุณปู่ มีคุณก็คงไม่คิดทำร้านนี้

“แม่ไม่รู้ว่าตาคุณจะเผลอทำอะไรให้หนูขัดเคืองใจรึเปล่าเพราะเขาเป็นคนซีเรียสในเรื่องงาน แต่หากเขาทำอะไรเอาแต่ใจไปบ้างหนูตังอย่าไปถือสาเขาเลยนะ กับแม่เขายังเผลอดุเลย เขาขาดพ่อตั้งแต่ยังเด็กเลยทำตัวเป็นผู้ใหญ่เกินตัว เป็นคนที่คอยปกป้องแม่ แม่ก็ไม่ค่อยมีเวลาดูแลเขาเพราะต้องหาเงิน เขาก็ต้องมาเป็นหัวหน้าครอบครัวตั้งแต่วัยรุ่น เขาไม่ค่อยมีเพื่อนเท่าไหร่เพราะทำแต่งาน ไม่ค่อยได้ไปสังสรรค์กับเพื่อนฝูง แต่เขาบอกกับแม่ว่าทุกคนที่นี่คือครอบครัวของเขาแปลว่าพวกหนูคงสำคัญกับเขาจริงๆ”

“แม่คิดแบบนั้นเหรอครับ”

“ใช่ แม่คิดแบบนั้น อ้อ...อีกเรื่องหนึ่ง แม่จะฝากตังช่วยดูแลผู้หญิงที่จะเข้ามาหาตาคุณให้แม่ด้วยนะ แม่มีลูกชายคนเดียวต้องสกรีนกันหน่อย จะให้ผู้หญิงไม่ดีมาได้ตาคุณไปแม่ไม่ยอมหรอก”

“จะดีเหรอครับ” นับตังค์ยิ้มเจื่อนๆ รู้สึกร้อนสันหลังวาบ

“ดีสิลูก แม่ดูออกว่าตาคุณให้ความสำคัญกับหนูมากที่สุด หนูคอยเตือนอะไรเขาต้องฟังแน่ๆ”

นับตังค์ไม่ได้พูดอะไรต่อแต่ช่วยคุณพลอยประดับเตรียมทำต้มจืดมะระยัดไส้ไปอย่างเงียบๆ คุณพลอยประดับก็เล่าเรื่องของมีคุณตั้งแต่สมัยยังเป็นเด็กให้นับตังค์ฟังไปเรื่อย จนคุณพลอยประดับทำต้มจืดเสร็จแล้วก็ให้นับตังค์ช่วยชิม พอนับตังค์ได้ชิมก็พูดไม่ออกเพราะมันขมมาก เมื่อตอนที่คุณพลอยประดับเริ่มทำนับตังค์ก็ไม่ทันดู มัวแต่ฟังเรื่องของมีคุณจนเพลินเลยไม่รู้ว่าคุณพลอยประดับได้ล้างมะระกับเกลือเพื่อลดความขมหรือเปล่า

“ขมนิดหน่อยครับแม่” นับตังค์แบ่งรับแบ่งสู้

“หอมจังวุ้ย ไหนใครทำอะไรแต่เช้าเลย” เสียงของช้วนดังเข้ามาก่อนตัว มาถึงก็ปรี่มาที่หม้อต้มจืดทันที นับตังค์มองนาฬิกาก็เห็นว่าตีห้าพอดี ได้เวลาที่ขมิ้นจะมากวาดใบไม้และทำความสะอาดที่ร้าน

“นี่นาย จะมาชิมก่อนลูกชายฉันได้ยังไง” คุณพลอยประดับโวยวายเมื่อช้วนถือวิสาสะตักมะระใส่ถ้วยกินก่อนใคร

“ฝีมือแม่คุณหรอกรึ มิน่า” ช้วนทำหน้าเหยเก

“มิน่าอะไร” คุณพลอยประดับถามเสียงเขียว

“ขมไปยันล้ำไส้เลยแม่คุณ โอ้ย นึกว่าเจ้าตังทำ สงสัยจะขมติดคอไปถึงเที่ยงคืน” ช้วนบ่นก่อนจะเดินไปรินน้ำมากิน ส่วนคุณพลอยประดับหน้าเสียแล้วรีบตักต้มจืดฝีมือของตัวเองชิม พอรับรู้รสแล้วก็หน้าเสียไปเลย

“ตาคุณชอบแบบขมๆ น่ะหนูตัง” คุณพลอยประดับรีบแก้ตัวกับนับตังค์

“หวานเป็นลม ขมเป็นบ้าเลยแม่คุณ” ช้วนพูดต่อ

“ปู่!” นับตังค์หันมาดุช้วน

“ขมเป็นยาย่ะ” คุณพลอยประดับหันมาพูดใส่ช้วนเสียงดังก่อนจะเดินออกไปจากครัวด้วยความไม่พอใจ

“ปู่นะปู่” นับตังค์ส่ายหน้าให้กับความเกรียนของช้วน

“ก็ข้าพูดความจริง” ช้วนยักไหล่

“ความจริงบางอย่างก็ไม่ควรพูดไหมปู่” นับตังค์เถียง

“เออก็ใช่ ความจริงบางอย่างมันก็พูดออกมาเลยไม่ได้ มันต้องรอเวลา เข้าใจไหมเอ็ง” ช้วนย้อนคำพูดของนับตังค์จนนับตังค์อึ้งไป

“ตังไปอาบน้ำดีกว่า” พอรู้ว่าช้วนย้อนตัวเองก็เลยรีบเปลี่ยนประเด็นไป ช้วนหัวเราะไล่หลังนับตังค์ไปแล้วก็กินต้มจืดมะระฝีมือของคุณพลอยประดับต่อจนหมดถ้วย

..

นับตังค์กลับขึ้นไปอาบน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ไปที่ร้าน ทักทายพี่บ่าวที่กำลังกวาดระเบียงร้านเสร็จก็เข้าไปในครัว แอบมองไปที่ห้องทำงานของมีคุณก็คิดว่าน่าจะยังหลับอยู่ นับตังค์ลอบถอนหายใจก่อนจะลงมือทำต้มจืดมะระยัดไส้ใหม่ อันที่จริงนับตังค์ไม่ได้โกรธจนไม่อยากมองหน้าของมีคุณหรอก แต่แค่สับสนว่าการที่มีคุณทำดีด้วยหรือมาขอคบเป็นคนรักเพราะกลัวว่านับตังค์จะไม่อยู่ทำงานให้ครบปีรึเปล่า แต่การกระทำของมีคุณก็ดูจริงใจ นับตังค์ไม่เคยคิดระแวงเลยจนมารับรู้เรื่องนี้ คำถามในใจที่เกิดขึ้นก็คือ...ความรักที่มันเกิดในเวลาอันรวดเร็วระหว่างตัวเองกับมีคุณนั้น มันเกิดขึ้นจากตัวเองแค่ฝ่ายเดียวรึเปล่า

มะระที่นับตังค์หั่นเป็นท่อนขนาดกำลังดีถูกคว้านไส้ทิ้งและล้างความขมออกด้วยเกลือสองครั้ง จากนั้นนับตังค์ก็นำหมูสับที่หมักปรุงรสแล้วมายัดไส้ ตั้งน้ำจนเดือดถึงได้หย่อนมะระที่ยัดไส้ลงไปแล้วหรี่ไฟให้อ่อนลง นับตังค์เคี่ยวด้วยไฟอ่อนแล้วคอยตักฟองออกทิ้งจนได้น้ำซุปที่ใส ปรุงรสจนเป็นที่พอใจก็รอให้มะระกับหมูสุกพอดี ถ้าตั้งไฟนานเกินไปหมูจะแข็งแล้วมะระก็จะเละได้ เมื่อทำเสร็จแล้วนับตังค์ก็ยกกลับไปที่บ้านแล้วไปเปลี่ยนใส่หม้อที่เหมือนกับที่คุณพลอยประดับทำเอาไว้ ส่วนตัวมะระที่คุณพลอยประดับทำ นับตังค์ก็ตักใส่ถุงแล้วนำไปเก็บที่ร้านแทน

..

สมาชิกทุกคนมาถึงที่ร้านแล้วและกำลังเตรียมทานอาหารเช้าร่วมกัน มีคุณแนะนำพนักงานคนที่เพิ่งมาให้รู้จักกับมารดาของตน จากนั้นก็ชวนให้ทุกคนทานอาหารเช้าพร้อมกัน คุณพลอยประดับเห็นว่าหม้อต้มจืดมะระของตัวเองถูกนำมาวางไว้ในครัวของร้านก็ตกใจ กลัวคนอื่นชิมแล้วจะแสดงออกเหมือนที่ช้วนแสดง จะห้ามก็ไม่ทันแล้วเพราะว่าตอนนี้สายรุ้งตักมาวางเอาไว้ที่โต๊ะอาหารแล้ว

“แม่ทำเหรอครับ” มีคุณชิมแล้วขมวดคิ้วก่อนจะหันมาถามมารดาด้วยความไม่แน่ใจ

“มันไม่อร่อยก็อย่าไปทานลูก” คุณพลอยประดับหน้าเสียกำลังจะเลื่อนชามแกงจืดออก

“อร่อยมากต่างหากค่ะนายแม่ สุดยอดเลย” มานีเอ่ยชมก่อนจะซดน้ำซุปเสียงดัง

“อร่อยจริงครับ” ตุ้ยยืนยันอีกเสียง

“จริงครับแม่ อร่อย” มีคุณบอกกับแม่แต่ตามองไปที่นับตังค์ นับตังค์กำลังอมยิ้มอยู่พอเห็นมีคุณมองมาก็หุบยิ้มแล้วเมินใส่

“จริงเหรอลูก” คุณพลอยประดับรีบตักชิมบ้างก่อนจะทำหน้านิ่วคิ้วขมวด แต่สุดท้ายก็ยิ้มออกมา

“แปลกจัง รสมือมัน...” ช้วนพูดยังไม่ทันจบนับตังค์ก็หยิกขาช้วนทันที ช้วนกำลังจะอ้าปากร้องโวยวายแต่พอเห็นสายตาขอร้องของนับตังค์จึงหุบปากไป

“มันยังไงเหรอคะ” คุณพลอยประดับกอดอกถาม

“มันอร่อยมากแม่คุณ ชิมแล้วอร่อยเหมือนตายแล้วเกิดใหม่เลยจ้าแม่คุณ” ช้วนพูดจบคุณพลอยประดับก็ยกยิ้มด้วยความพอใจ

“ยังถือว่ามีรสนิยมดีนะ” คุณพลอยประดับยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ที่ทุกคนเอ่ยชมฝีมือของตัวเอง

“กินเสร็จแล้วเชฟตังไปพบกับผมที่ห้องหน่อยนะ” มีคุณอาศัยความเป็นเจ้านายบังคับนับตังค์ไม่ให้ปฏิเสธได้

“แล้วไม่ประชุมเหรอบอส” พายพัดถาม จนใบเมี่ยงแอบเอาขากระแทกที่ขาของพายพัดเบาๆ พายพัดถึงได้เข้าใจความต้องการที่แท้จริงของมีคุณ

“วันนี้จะให้ใบเมี่ยงเป็นคนนำประชุมแทน พอดีพี่จะคิดโปรเจคใหม่เลยจะปรึกษาเชฟใหญ่ก่อน” มีคุณแก้ตัวไปแบบเนียนๆ

“พูดที่นี่ก็ได้” นับตังค์บอกแต่ไม่ยอมมองหน้าของมีคุณ

“ไม่ได้หรอกครับเชฟ เดี๋ยวการประชุมมันยืดเยื้อแล้วพวกเราจะเตรียมงานของพวกเราไม่ทัน” ใบเมี่ยงเป็นฝ่ายปฏิเสธแทนมีคุณ

“จริงด้วยเชฟ เรื่องสำคัญในส่วนครัวเป็นของเชฟ เชฟต้องไปคุยกับบอสสองคนก่อน” พายพัดสนับสนุนอีกเสียง

“แม่ก็ว่าหนูตังไปคุยกับตาคุณก่อนดีกว่ามาคุยส่วนรวมนะลูก” คุณพลอยประดับไม่รู้อะไรด้วยแต่ก็สนับสนุนเพราะคิดว่าเป็นเรื่องงานจริงๆ

“ข้าก็ว่า...”

“ก็ได้ก็ได้” นับตังค์รีบพูดแทรกช้วนเพราะกลัวฝีปากของช้วนจับใจ เกิดพูดว่าให้นับตังค์ตามผัวไปคุณพลอยประดับคงจะกลายเป็นแม่มดได้จริงๆ

“คิกๆ ก้อด้ายก้อด้าย” ด้วงได้ยินนับตังค์พูดก็ขำออกมาแล้วก็พูดตามพร้อมกับผงกหัวไปด้วย

“หนูด้วง วันนี้อยู่กับย่านะจ๊ะ ย่าจะพาไปเดินเล่น ดูผีเสื้อด้วย เอาไหม” คุณพลอยประดับนึกเอ็นดูหนูด้วงจึงพยายามจะใช้เวลากับหนูด้วงดูบ้าง ถ้ามีคุณตัดสินใจรับหนูด้วงมาเป็นลูกบุญธรรมแล้วเธอก็เป็นเหมือนย่าของหนูด้วงเหมือนกัน

“ให้ปู่ไปด้วยนะ ปู่จับผีเชื่อเก่ง” ทีแรกด้วงก็ยังไม่ยอมตอบเอาแต่มองหน้าคุณพลอยประดับ แต่สุดท้ายก็ยอมพูดคุยด้วย

“ถ้าปู่เกิดพาย่าของเอ็งเดินเล่นมากไปหน่อยพาลจะปวดข้อปวดเข่า” ช้วนรีบพูดกับหนูด้วง

“หนูเดินเองก้อด้ายก้อด้าย ให้ปู่อุ้มย่าก้อด้ายก้อด้าย” หนูด้วงพูดจบคุณพลอยประดับก็ทำหน้าอิหลักอิเหลื่อ แต่คนอื่นๆ ต้องกลั้นขำกันจนหน้าดำหน้าแดงไปหมด

“เอาไงล่ะแม่คุณ จะยอมไปกับหลานไหม” ช้วนถาม

“ก็ได้ก็ได้ ฉันเป็นคนชวนหลานฉันก็ต้องไปสิ รีบๆ กินกันเถอะจะได้ไปทำงานกัน” คุณพลอยประดับทำเป็นสั่งทุกคน มีคุณก็ได้แต่อมยิ้มกับบรรยากาศโดยรวมที่ออกมาดีกว่าที่เคยกังวลเอาไว้

(มีต่อด้านล่างค่ะ)

V
V

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-07-2017 04:20:27 โดย Loverouter »

ออฟไลน์ Loverouter

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 446
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +471/-12
(ต่อจากด้านบนค่ะ)


นับตังค์เดินตามมีคุณไปที่ห้องทำงานด้วยท่าทีเฉยชา เมื่อเดินเข้าไปถึงในห้องแล้วมีคุณก็รีบล็อกประตูห้องทันที นับตังค์ทำเป็นไม่สนใจจนกระทั่งมีคุณมาสวมกอดถึงได้จะดึงมือของมีคุณออก

“พี่ขอโทษนะ หายโกรธพี่นะ”

“ตังไม่ได้โกรธพี่แต่โกรธตัวเอง”

“ตังจะโกรธตัวเองทำไมล่ะครับ”

“ก็โกรธที่โง่เชื่อว่าพี่มาจีบเพราะพี่ชอบตังจริงๆ” นับตังค์พูดออกมาตรงๆ

“ที่ผ่านมาพี่ทำให้ตังรู้สึกแบบนั้น เหรอ ไหนมองตาพี่แล้วตอบ”

“ไม่มอง ไม่ต้องมาบังคับ” นับตังค์ทำหน้ามุ่ย ขืนสบตาก็ใจอ่อนกันพอดี

“พี่ยอมรับว่าพี่ต้องการให้ตังมาเป็นพ่อครัวเพราะมันเป็นเงื่อนไขของปู่ พี่ยอมรับว่ากลัวตังจะเปลี่ยนใจไม่เซ็นสัญญากับพี่เลยวางแผนบ้าๆ ไม่ยอมให้คุยกับพี่สาวเพื่อไม่ให้ตังลังเล แต่นั่นมันก่อนที่พี่จะได้มาใกล้ชิดกับตัง ที่พี่จีบตัง ที่พี่แสดงความรักทุกอย่างจนถึงตอนที่เราคั่วกลิ้งกัน ทุกอย่างมันคือความรู้สึกของพี่จริงๆ มันไม่ใช่การหลอกลวงเลย ถ้าพี่แค่จะหลอกให้ตังเซ็นสัญญา ตังก็เซ็นแล้ว พี่ก็ไม่จำเป็นต้องแกล้งต่อ ถูกไหม พี่เสียใจนะที่ตังตีค่าความรู้สึกของพี่ไปแบบนั้น ที่แย่ไปกว่านั้นคือตังกำลังตีค่าของตัวเองต่ำเกินไป ไม่รู้ตัวรึไงว่าทำให้ใครหลงรักจนกลัวจะถูกทิ้ง ที่กลัวจะเสียตังไปตอนนี้ไม่ใช่เพราะอยากได้มรดก แต่เพราะพี่อยากใช้ชีวิตกับตังจริงๆ” มีคุณพูดทุกอย่างออกไปด้วยความจริงใจแต่นับตังค์ก็ยังคงนิ่งจนมีคุณเริ่มใจไม่ดี

จะว่าไปนับตังค์ก็ไม่ได้โกรธเรื่องที่ถูกมีคุณวางแผนกีดกันไม่ให้คุยกับพี่สาวของตัวเองหรอก เพราะนับตังค์เคยโทรไปแล้วเจอพ่อ พ่อเป็นคนทำให้นับตังค์ตัดสินใจที่จะมาพิสูจน์ตัวเอง แต่ที่นับตังค์กำลังรู้สึกคือการไม่มั่นใจว่ามีคุณรักตัวเองจริงหรือเปล่า จากที่ไม่เคยคิดเรื่องของระยะเวลาก็ทำให้ต้องคิด แม้จะพยายามคิดบวกว่าตัวเองยังรักมีคุณได้ในเวลาอันรวดเร็ว มีคุณก็อาจจะรู้สึกแบบเดียวกัน แต่สุดท้ายการคิดบวกก็ไม่ช่วยให้นับตังค์มั่นใจได้อีก

“มีอะไรโกหกตังอีกรึเปล่า” นับตังค์ยอมพูดออกมาในที่สุด

“ไม่มีแล้ว แต่ถ้าตังอยากรู้อะไรก็ถามมา พี่จะตอบทุกอย่าง แต่หายโกรธพี่นะ” มีคุณอ้อนวอน

“ไม่รู้จะถามอะไร ยังคิดไม่ออก”

“ถ้างั้นพี่ถามเอง ตังเป็นคนทำต้มจืดมะระใช่ไหม”

“ใช่ พี่รู้ได้ยังไง”

“ก็มันไม่ขม แม่ของพี่ไม่เคยทำต้มมะระแล้วไม่ขม พี่ต้องยอมกินเพราะแม่อุตส่าห์ทำให้ แม่เลยเข้าใจว่าพี่ชอบต้มมะระแบบขมๆ ว่าแต่ตังทำต้มมะระมาแบบนี้คิดจะทิ้งพี่ใช่ไหม”

“เกี่ยวกันตรงไหน” นับตังค์ขมวดคิ้ว

“ก็จะบอกพี่แบบทางอ้อมว่า..มะระพี่แล้วช่าม้า” มีคุณใช้มุกเลียนแบบการพูดให้เหมือนคนงานต่างด้าวที่ขมิ้นจ้างให้มาช่วยล้างจานเพื่อจะทำให้นับตังค์หายโกรธ

“ฮ่าๆ ประสาท ตอนเรียนนี่ได้คะแนนท็อปแกทเชื่อมโยงใช่ไหม ถามจริง” ในที่สุดนับตังค์ก็หลุดขำมาจนได้

“โตะโลงระหรือมะระ” มีคุณยังเล่นต่อ

“ไม่ต้องมาทำตลกกลบเกลื่อนเลย พี่ทำให้ตังไม่มั่นใจ ตังบอกแล้วว่าไม่ชอบการโดนหลอกลวงเพราะฉะนั้นต่อไปนี้พี่ต้องพิสูจน์ให้ตังเห็นก่อนว่าจะไม่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีก”

“ครับ ผมจะไม่ทำให้เชฟผิดหวังแล้วครับ ให้อภัยพี่นะ พี่จะทำทุกวินาทีต่อไปนี้ให้ดีที่สุด”

“อดกินคั่วกลิ้งไปหนึ่งเดือนด้วย” นับตังค์ใจอ่อนหายโกรธแล้วแต่ยังอยากจะแกล้งมีคุณต่อ

“ฆ่าพี่ให้ตายตรงนี้เลยดีกว่า”

“เอาปืนมาดิ”

“มีแต่ปืนใหญ่” มีคุณยักคิ้ว

“มั่นหน้าให้สิบอะ” นับตังค์มองต่ำลงไปยัง ‘ปืนใหญ่’ ของมีคุณก่อนจะเบ้ปากใส่

“เมื่อคืนนอนไม่หลับเลย คิดถึงพี่บ้างไหม พี่คิดถึงตังมากเลยนะ” มีคุณพูดพลางทั้งกอดทั้งหอมนับตังค์ไม่หยุด แสดงให้รู้ว่าคิดถึงคนในอ้อมกอดมากแค่ไหน

“เกินจริงไปมาก” นับตังค์ทำเป็นบ่นแต่ก็ยิ้มไม่หุบ

“พี่บอกแล้วว่าจะไม่โกหกตังอีก ที่พูดไปจริงทุกคำเลยนะ ยกเลิกข้อห้ามคั่วกลิ้งหนึ่งเดือนเนอะ สงสารพี่เนอะ” มีคุณยังอ้อนอย่างต่อเนื่อง

“ก็ได้ก็ได้” นับตังค์ยิ้มอ่อนทำเหมือนยอมแบบเสียไม่ได้ทั้งที่จริงก็ใจอ่อนให้อภัยมีคุณไปตั้งนานแล้ว

“น่ารักจังแฟนพี่” มีคุณหอมแก้มนับตังค์ฟอดใหญ่

“แต่ก็อย่าหวังจะได้กินโจ๊กเลย”

“โธ่ กว่าจะได้กินโจ๊กต้องรอนานแค่ไหนครับแฟนพี่”

“จนกว่าตังจะมั่นใจในพี่อีกครั้ง ปล่อยตังได้แล้ว เดี๋ยวกลับไปเตรียมอาหารไม่ทัน” นับตังค์ดูเวลาแล้วเห็นว่าต้องไปตรวจดูความเรียบร้อยในครัวแล้ว ขืนยังยอมให้มีคุณทั้งกอดทั้งหอมแบบนี้คงไม่ต้องทำอะไรกันพอดี

“แล้วรักพี่หรือไม่รัก ตอบพี่ให้ชื่นใจหน่อย”

“มะระ..” นับตังค์ตอบเข้ม

“อ้าว ไหงงั้นล่ะตัง” มีคุณยืนหน้างอ

“มะระมะด๊ะล้าว” นับตังค์พูดต่อแล้วก็ขำตัวเองที่บ้าไปเล่นมุกตามมีคุณไปด้วย

พอนับตังค์ออกไปจากห้องแล้วมีคุณก็พรูลมหายใจออกมา รู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอก เขาดีใจที่ได้โอกาสจากนับตังค์อีกครั้ง เขาจะทำอย่างที่รับปากกับนับตังค์ให้ได้ นั่นคือการที่เขาจะไม่ทำให้นับตังค์ต้องผิดหวังในตัวเขาอีก เมื่อคืนที่ต้องนอนคนเดียวมันทำให้มีคุณรู้ว่านับตังค์สำคัญตัวเองมากแค่ไหน ส่วนเรื่องของมารดา ที่มีคุณไม่ได้บอกคุณพลอยประดับไปตรงๆ ว่าคบหานับตังค์เพราะไม่อยากให้คุณพลอยประดับตั้งแง่กับนับตังค์ตั้งแต่แรกเจอ อยากให้คุณพลอยประดับเปิดใจได้มารู้จักตัวตนของนับตังค์ด้วยตัวเองก่อน ซึ่งเท่าที่มีคุณเห็น มีคุณมั่นใจว่ามารดาของเขาจะรักนับตังค์ได้อย่างที่เขารัก

..

ในรอบอาหารกลางวันในวันนี้ ลูกค้าก็ยังคงมาอุดหนุนกันอย่างเนื่องแน่น แม้อากาศจะร้อนมากแค่ไหน แต่ก็ยังมีลูกค้ายอมนั่งรอโต๊ะว่างอยู่ในสวนของร้าน คุณพลอยประดับทึ่งในตัวของนับตังค์มากกว่าเดิมอีกเท่าตัว อาหารแต่ละเมนูที่นับตังค์ทำออกมาทั้งน่ากินและดูแปลกใหม่ ยิ่งเธอได้ลองชิมอาหารเหล่านั้นก็ยิ่งชื่นชมในตัวของเด็กหนุ่มคนนี้ อายุก็ดูไม่มากเท่าไหร่แต่ฝีมือในการทำอาหารช่างเชี่ยวชาญราวกับมีประสบการณ์ทำอาหารมาหลายปี เธอกระจ่างแล้วว่าทำไมคุณพ่อของอดีตสามีของเธอถึงสร้างข้อแม้เอาไว้อย่างนั้น ลูกชายของเธอช่างโชคดีเหลือเกินที่ได้คนเก่งแบบนับตังค์มาร่วมงานด้วย

“คุณย่าไปดูมะแยงเต่าทอนกะหนูมั้ย” ด้วงวิ่งมาหาคุณพลอยประดับที่กำลังเดินเล่นอยู่สวนของร้าน ตอนนี้เป็นช่วงพักรอบบ่ายของพนักงาน คุณพลอยประดับจึงบอกลูกชายว่าจะขอเดินดูรอบร้านอีกสักที เมื่อคืนที่ได้มาดูมันเห็นไม่ชัดสักเท่าไหร่

“ไปสิลูก ให้ย่าอุ้มไหม” คุณพลอยประดับถาม หลังจากที่เธอได้คลุกคลีกับหนูด้วงในช่วงเช้าที่ผ่านมา ตอนนี้หนูด้วงเลยไม่มีทีท่ากลัวเธอแล้ว พอได้ใช้เวลาอยู่กับเด็กคนนี้คุณพลอยประดับรู้สึกว่าเด็กคนนี้น่ารักน่าเอ็นดู ดูไปแล้วเธอก็คิดว่าหนูด้วงมีส่วนก็คล้ายนับตังค์อยู่เหมือนกัน

“หนูเก่งแย้ว หนูเดินเองได้ ตามหนูมาเยย หนูพาย่าไปดูมะแยงเต่าทอน” ด้วงจับมือคุณพลอยประดับแล้วพาเดินนำไป

คุณพลอยประดับถูกด้วงพาเดินไปจนถึงสวนหย่อมเล็กๆ ซึ่งเป็นทางลงไปบ้านพักของขมิ้นได้ เป็นอีกหนึ่งสถานที่โปรดที่ด้วงชอบมานั่งเล่นที่นี่ มันมีธารน้ำตื้นๆ ไหลผ่านด้วย คุณพลอยประดับยอมรับว่าที่ดินของคุณอนันต์ตั้งอยู่ท่ามกลางความสวยงามของธรรมชาติอย่างแท้จริง หากประกาศขายคงได้ราคาที่ดีมาก

“นี่ไง อยู่นี่” ด้วงนั่งยองๆ ลงแล้วชี้ไปแปลงดอกไม้เล็กๆ

“จริงด้วย แมลงเต่าทองของหนูด้วงใช่ไหม เก่งที่สุดเลยหาเจอก่อนย่าอีก” คุณพลอยประดับชมเพราะอยากเอาใจหลานชาย ซึ่งได้ผล หนูด้วงยิ้มจนตาหยี

“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะหนูด้วง” เสียงที่เอ่ยทักมาทำให้หนูด้วงและคุณพลอยประดับหันไปมอง หนูด้วงลุกขึ้นยืนนิ่งทันทีเมื่อเห็นว่าเป็นใคร

“รู้จักหนูด้วงเหรอคะ” คุณพลอยประดับเอ่ยถาม

“ดิฉันเป็นพี่เลี้ยงเก่าของหนูด้วงเองค่ะ เลี้ยงมาตั้งแต่เล็ก ไหน...มาขอพี่หอมให้หายคิดถึงหน่อย” ดาวเรืองเดินมานั่งยองๆ ตรงหน้าของหนูด้วงแล้วดึงมากอด พร้อมกับหอมหนูด้วงแล้วลูบผม แสดงความรักความเอ็นดูจนคุณพลอยประดับคลายใจ ทีแรกก็ยังไม่ไว้ใจ แต่พอเห็นด้วงยอมให้กอดให้หอมก็เลยเลิกระแวง

“คุณดาวเรืองเป็นคนที่นี่เหรอคะ” คุณพลอยประดับถามขึ้น

“ค่ะ แล้วคุณ...” ดาวเรืองแสร้งถามทั้งที่รู้อยู่ว่าผู้หญิงตรงหน้าเป็นใคร

“อ๋อ ดิฉันเป็นแม่ของเจ้าของที่นี่ค่ะ” พลอยประดับตอบอย่างภูมิใจ

“คุณแม่ของคุณมีคุณนั้นเอง ดูยังสาวยังสวย ถ้าไม่บอกเรืองคงคิดว่าเป็นพี่สาวมากกว่า”

“แหม ปากหวานจังนะหนู อ้าวหนูด้วง ทำไมฉี่รดล่ะลูก ปวดฉี่ต้องบอกรู้ไหม” คุณพลอยประดับเหลือบไปเห็นกางเกงของหนูด้วงเปียกเลยร้องถามด้วยความตกใจ

“ไม่ตีหนู หนูไม่ฉี่แย้ว ไม่ตีหนูนะ” ด้วงเริ่มร้องไห้ไปพูดไปจนคุณพลอยประดับตกใจ

“หนูด้วงคงตกใจเสียงของคุณค่ะ แกเป็นเด็กมีปัญหาตั้งแต่เล็กแล้ว โอ๋ๆ ไม่ร้องนะครับ ไม่มีใครตีหนูนะ” ดาวเรืองลูบหลังด้วง พอเห็นคุณพลอยประดับไม่ได้มองมาก็รีบกระซิบอะไรบางอย่างที่หูของด้วง ด้วงได้ยินจากที่ร้องไห้เสียงดังก็รีบเอามืออุดปากตัวเองแล้วกลั้นสะอื้นจนตัวสั่น

“มีปัญหาเหรอคะ แหมายความว่ายังไง”

“แกเป็นเด็กกำพร้าขาดความอบอุ่นเลยค่อนข้างเอาใจยาก เวลาฉี่รดอึรดขึ้นมาก็จะร้องไห้เรียกร้องความสนใจเอาไว้ก่อนแบบนี้เสมอค่ะ ดิฉันสงสารและรักแกมาก ไม่คิดเลยว่าพอไม่ได้ดูแลแกแล้วจะดูมีปัญหามากกว่าเดิม”

“ลูก แล้วก็อยู่แต่กับผู้ชายที่ทำกันแต่งาน น่าสงสารจริง”

“คุณน่าจะเอาแกไปเลี้ยงนะคะ ดิฉันพอจะทราบมาว่าคุณอนันต์ทิ้งเงินเอาไว้หนูด้วงเยอะเชียว ถ้าแกได้คนดูแลที่ดีก็จะดีกับตัวแกเองนะคะ” ดาวเรืองเสนอแนะ ซึ่งดูว่าคุณพลอยประดับจะสนใจอยู่ไม่น้อย

“ฉันคงต้องปรึกษาตาคุณก่อน” คุณพลอยประดับพูดจบ จู่ๆ หนูด้วงก็กรีดร้องแล้วดิ้นไปมาอยู่ในอ้อมกอดของดาวเรืองจนคุณพลอยประดับตกใจ

“ใครทำหลานข้าร้องไห้ว่ะ” เสียงของช้วนดังขึ้น พอด้วงได้ยินเสียงของช้วนก็พยายามดีดดิ้นให้หลุดจากกอดรัดของดาวเรือง

“ไม่มีใครทำหรอก หนูด้วงแค่ฉี่รดแล้วกลัวถูกตีจึงร้องไห้เรียกร้องความสนใจแค่นั้น จะโวยวายทำไม” คุณพลอยประดับต่อว่าช้วนที่เอะอะโวยวาย

“ปล่อยหลานข้าเดี๋ยวนี้” ช้วนพูดกับดาวเรือง ดาวเรืองรีบปล่อยด้วงลงเพราะท่าทางของช้วนดูน่ากลัวมาก ด้วงรีบโผไปหาช้วน สะอึกสะอื้นจนดูน่าสงสาร ช้วนจ้องดาวเรืองตาขวางก่อนจะมองไปที่คุรพลอยประดับอย่างไม่พอใจ จากนั้นจึงอุ้มด้วงกลับขึ้นไป ทิ้งให้คุณพลอยประดับยืนหงุดหงิดที่ช้วนทำเหมือนว่าทั้งหมดเป็นความผิดของเธอ

“ทำไมคุณมีคุณปล่อยให้ผู้ชายคนนี้มาอยู่ด้วยก็ไม่รู้นะคะ แกเคยเป็นคนบ้า อาศัยอยู่ที่บ้านร้างโน้น แล้วให้มาดูแลหนูด้วงแบบนี้น่าเป็นห่วงจังเลยค่ะ” ดาวเรืองทำสีหน้ากังวลจนคุณพลอยประดับกังวลตามไปด้วย

“จริงเหรอคะ ถึงว่าดูไม่น่าไว้ใจเลย ไม่มีใครเล่าให้ดิฉันฟังเลย ตาคุณนะตาคุณเอาคนสติไม่ดีมาเลี้ยงหนูด้วงได้ยังไง”

“ถ้ามีอะไรให้ดิฉันช่วยก็โทรมาได้นะคะ ดิฉันทำงานให้คุณขจี เจ้าของรีสอร์ทที่อยู่ใกล้ๆ กันนี่เองค่ะ พอดีเดินเลาะลำธารมาจะมาหาคุณมีคุณ แต่ก็บังเอิญเจอคุณแม่เสียก่อน”

“มาหาตาคุณทำไมเหรอคะ”

“พอดีมีคนอยากถามว่าคุณมีคุณสนใจจะขายที่ดินหรือเปล่า เขาไหว้วานให้ดิฉันมาถามให้ ดิฉันเห็นว่าเขาเสนอราคามาสูงมากก็เลยอยากให้คุณมีคุณลองพิจารณาดู ด้านหลังนามบัตรคือตัวเลขที่เขาเสนอมาค่ะ” ดาวเรืองส่งนามบัตรของนายหัวพยนต์ให้คุณพลอยประดับ

“คุณพระ” คุณพลอยประดับเห็นจำนวนตัวเลขที่เขียนอยู่ทางด้านหลังของนามบัตรถึงกับอุทานออกมา

ดาวเรืองลอบยิ้มเมื่อเห็นว่าแม่ของมีคุณคนนี้ดูจะประโยชน์ให้กับตัวเธออย่างที่เธอคิด หากเธอสามารถทำให้นายหัวพยนต์พอใจได้ เธอก็คงจะสบายกว่านี้ คุณพลอยประดับรีบเก็บนามบัตรใส่กระเป๋าเสื้อแล้วขอตัวกลับไปดูหนูด้วง ดาวเรืองตีสีหน้าว่าเป็นห่วงหนูด้วงแล้วให้คุณพลอยประดับรีบไปดู พร้อมกับย้ำว่าให้ระวังช้วนเอาไว้ให้ดี เมื่อคุณพลอยประดับไปแล้วดาวเรืองก็เปลี่ยนสีหน้าเป็นยิ้มเหยียดก่อนจะเดินกลับไปที่รีสอร์ทของคุณขจีด้วยความพึงพอใจที่แผนการของตัวเองลุล่วงไปด้วยดี

..

หลังจากที่คุณพลอยประดับกลับขึ้นไปที่บ้านก็ไม่เจอหนูด้วงเลย ไม่รู้ว่าช้วนพาหนูด้วงไปที่ไหน เธอเลยเดินไปที่ร้านก็เห็นว่าทุกคนกำลังขะมักเขม้นกันทำหน้าที่ของตัวเอง เพราะมัวแต่เพลินดูนับตังค์กับใบเมี่ยงทำอาหารเธอจึงลืมเรื่องหนูด้วงไปเสียสนิท จนถึงเวลาที่ร้านจะเปิดในรอบค่ำ คุณพลอยประดับออกไปช่วยลูกชายต้อนรับลูกค้า จนกระทั่งร้านปิดคุณพลอยประดับถึงได้ออกมานั่งทุบขาของตัวเองให้หายเมื่อยล้าอยู่ที่สวนหลังบ้าน มีคุณที่เดินกลับจากร้านผ่านมาเห็นเข้าก็เลยเดินมานั่งคุกเข่าตรงหน้าของมารดาเพื่อบีบนวดขาให้

“ไม่น่าเชื่อว่าลูกค้าจะเต็มร้านตลอดเวลา ฝีมือของหนูตังคงทำให้ลูกค้าติดใจแน่ๆ” คุณพลอยประดับเอ่ยชมนับตังค์

“ต่อไปผมว่าจะขยายร้าน จะได้รองรับลูกค้าได้มากขึ้น”

“แต่แม่ว่าแกจะเหนื่อยมากไปนะตาคุณ แล้วหากวันไหนหนูตังลาออกขึ้นมาแกจะลำบากนะ ตอนนี้เราก็เหมือนเอาจมูกเขามาหายใจ แม่ว่าถ้าครบหนึ่งปีแกขายร้านไปไม่ดีกว่าเหรอ ได้เงินก้อนแล้วก็กลับไปทำอาชีพที่แกรัก” คุณพลอยประดับลองหยั่งเชิงลูกชายดู

“ผมไม่คิดขายร้านหรอกครับ กลับเข้าบ้านกันดีกว่า ไปแช่น้ำอุ่นแม่จะได้หายเมื่อย ขอบคุณมากนะครับแม่...ที่ช่วยผมทั้งวันเลย” มีคุณเปลี่ยนเรื่องเพราะไม่อยากพูดเรื่องขายร้าน คุณพลอยประดับจึงต้องยุติการหว่านล้อมไปก่อนเพราะรู้นิสัยลูกชายของตัวเองดี

เมื่อคุณพลอยประดับกับมีคุณเดินกลับมาถึงบ้านก็เห็นว่าหนูด้วงกำลังนั่งร้องไห้อยู่บนตักของนับตังค์ สีหน้าของนับตังค์ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ใบเมี่ยงกับพายพัดที่ยืนอยู่ด้วยก็มีสีหน้าไม่ต่างจากนับตังค์

“เกิดอะไรขึ้น” มีคุณรีบเดินเข้ามาถาม นับตังค์จึงเลิกเสื้อให้มีคุณดูหลังของหนูด้วง ทั้งมีคุณกับคุณพลอยประดับตกใจเป็นอย่างมากเพราะแผ่นหลังของหนูด้วงมีรอยเขียวช้ำเป็นวงและมีรอยถลอกเป็นทางยาว ซ้ำยังมีเลือดออกซิบๆ อีกด้วย

“ตายแล้วลูก ไปโดนอะไรมา” คุณพลอยประดับรีบถาม พอเธอเดินเข้าไปลูบผมหนูด้วง หนูด้วงก็กอดนับตังค์แน่น  กลั้นสะอื้นจนตัวสั่น

“ไม่ยอมให้ใครแตะตัวเลยนอกจากตัง” พายพัดบอกกับมีคุณ

“ต้องเป็นตาแก่บ้านั่นแน่ เมื่อบ่ายด้วงกับแม่ลงไปเดินเล่นที่ริมลำธาร แล้วหนูด้วงฉี่รด แกกลัวแม่จะดุก็ร้องไห้ออกมาก่อน ตอนนั้นหนูด้วงยังไม่เป็นอะไรเลย จากนั้นตาแก่นั่นก็มาเอาหนูด้วงไป แล้วก็มามีแผลแบบนี้ ต้องเป็นตาบ้านั่นแน่ๆ” คุณพลอยประดับนึกได้ก็รีบเล่าให้ลูกชายฟัง

“ไม่น่าเป็นไปได้นะครับแม่ พี่ช้วนแกก็ดูแลหนูด้วงมาหลายวันแล้ว ไม่เคยเกิดอะไรขึ้น” ใบเมี่ยงไม่คิดว่าจะเป็นช้วน

“แกจะมั่นใจได้ยังไงในเมื่อหมอนั่นอยู่กับหนูด้วงเพียงคนเดียว หมอนั้นอาจจะขู่หนูด้วงไม่ให้พูดก็ได้ ลองถามหนูด้วงดูสิตาคุณ” คุณพลอยประดับยังมั่นใจว่าต้องเป็นฝีมือของช้วนแน่ๆ

“ใครทำด้วงครับ บอกแด๊ดซิ” มีคุณพูดกับด้วงอย่างอ่อนโยนแต่ด้วงรีบเอามืออุดปากตัวเองแล้วส่ายหน้า ด้วงไม่กล้าพูดออกมาเพราะดาวเรืองแอบกระซิบขู่ว่าถ้าด้วงบอกใครว่าดาวเรืองเป็นคนหยิก ดาวเรืองจะฆ่าด้วงให้ตาย

“เอาไว้พรุ่งนี้ตอนพี่ช้วนมาแล้วค่อยถามก็แล้วกัน” เมื่อเห็นหนูด้วงไม่ยอมพูดมีคุณเลยตัดสินใจว่าค่อยคุยเรื่องนี้ในวันพรุ่งนี้

“โทรไปถามเลย ทำหลานขนาดนี้ปล่อยเอาไว้ไม่ได้ เอาเบอร์โทรมา แม่จะถามเอง” คุณพลอยประดับนึกโมโหตัวเองที่ปล่อยหนูด้วงไปกับคนสติไม่ดีอย่างช้วน

“เดี๋ยวผมโทรเอง แม่ใจเย็นก่อนนะครับ ถ้าไม่มีหลักฐานอะไรมันจะเป็นการกล่าวหากัน แต่ผมก็คิดว่าพี่ช้วนไม่น่าเป็นคนทำ” มีคุณเตือนสติมารดาก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาขมิ้น เมื่อขมิ้นรับสายแล้วมีคุณก็ขอสายช้วน แต่ขมิ้นบอกว่าช้วนออกไปข้างนอก ไม่ยอมบอกว่าไปไหนเหมือนกันแต่ดูท่าทางหงุดหงิดจนขมิ้นยังเข้าหน้าไม่ติด มีคุณรับรู้แล้วจึงวางสาย

“พี่ช้วนหลับไปแล้วครับ เอาไว้พรุ่งนี้ค่อยว่ากัน แยกย้ายกันไปพักดีกว่านะ เดี๋ยวตังพาด้วงไปนอนกับพี่ วันนี้ด้วงคงไม่ยอมอยู่กับใครแน่” มีคุณไม่ได้บอกความจริงเพราะไม่อยากให้มารดาโวยวายเรื่องของช้วน แต่ตั้งใจว่าเดี๋ยวแยกตัวไปแล้วจะบอกกับนับตังค์

“แกอย่าสงสารคนไปทั่วนะตาคุณ ต้องดูให้ดีว่าเลี้ยงคนหรือเลี้ยงงูเห่า เอาล่ะ ทุกคนก็ไปนอนกันได้แล้วนะลูก เหนื่อยกันมาทั้งวัน” คุณพลอยประดับนึกห่วงลูกชายที่มีนิสัยขี้สงสาร กลัวว่าจะเลี้ยงคนไม่ดีจนตัวเองต้องเดือดร้อน ยิ่งเห็นลูกชายเชื่อมั่นในตัวของช้วนก็ยิ่งนึกห่วง นึกถึงคำบอกเล่าของดาวเรืองว่าช้วนเป็นคนบ้าเธอก็ยิ่งวิตกกังวล หากลูกชายของเธอต้องอยู่ร่วมกับคนบ้าคุ้มดีคุ้มร้ายแบบนั้นชีวิตจะไม่ปลอดภัยเอา

มีคุณได้แต่พยักหน้าเพื่อตอบรับคำเตือนของมารดา เมื่อเห็นท่าทีเศร้าซึมของหนูด้วงก็รู้สึกสงสารจับใจ ดูจากรอยแผลก็รู้ว่าหนูด้วงโดนทำร้ายมามากกว่าจะประสบอุบัติเหตุ มีคุณจะไม่ยอมผ่านเรื่องนี้ไปแน่ๆ เขาจะต้องรู้ให้ได้ว่าใครกันแน่ที่ทำร้ายเด็กตาดำๆ ได้ขนาดนี้


***โปรดติดตามตอนต่อไป***


ขอบคุณที่ติดตามนะคะ เป็นยังไงกันบ้าง ทักทายกันหน่อยค่า
จะมาแจ้งว่าตอนนี้นิยายเรื่องเก่าๆ ของผู้แต่งกำลังจะมีการรวมเล่มนะคะ
เลยยังไม่สามารถลงตอนพิเศษให้ได้ แต่ละเรื่องจะมีตอนพิเศษให้อ่านในเล่ม
รับประกันความพิเศษค่ะ ยังไงก็ฝากผลงานไว้ล่วงหน้า แล้วผู้แต่งจะมาอัพเดทอีกทีจ้า

ว่าแต่มาดักตบยัยดาวเรืองกันดีไหม!

ก็ได้ก็ได้~ (เสียงตอบรับจากท่านผู้อ่าน 555555)


 :angry2:

 

เครดิตรูปจาก Google


[ทางไปเพจ Loverouter จิ้มเลย]

[ทางไปทวิต Loverouter จิ้มเลย]

ออฟไลน์ wonderbe

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 754
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-2
ผิดไหมที่ลำไยคุณพลอยประดับ 5555555555

ออฟไลน์ route rover

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +221/-7
ทำไมหงุดหงิดตอนนี้ที่สุด   :m16:

รำแม่มีคุณ กะนังพี่เลี้ยงเก่านั่น   :z6:

ออฟไลน์ darling

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1741
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-7
นังดาวเรืองต้องโดน  :z6:

ออฟไลน์ MyLavenderLand

  • ฉันสุขใจ เมื่อได้ Log in เล้า
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1576
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-1
นังดาวเรือง แกจะอะไรกับเด็กตัวเล็กๆคนเดียวกันนักกันหนา ด้วงไปฆ่าบิดามารดาแกหราถึงได้จองเวรจองกรรมกับเด็กไม่มีทางสู้แบบนี้  :katai1:  ชะรอยจะไม่ได้อยู่แบบมีความสุขนะแก หึหึ  เดี๋ยวๆๆๆ เดี๋ยวเจอนับนับตังค์กับบอสไปเคลียร์แบบชุดใหญ่ไฟกระพริบแน่  เกลียดนัก! คนเก่งแต่กับเด็กแบบเนี้ย #อินอิน

ออฟไลน์ Kalamall

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 729
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-2
 o22 หมดปัญหาเรื่องใหญ่ของมีคุณ ก็เจอปัญหาใหญ่กว่าตามมาเลย วุ่นวายเสียจริง  :hao4:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด