ตอนที่ 20 ต้มมะรัก
คุณพลอยประดับเห็นท่าทางไม่รู้ร้อนรู้หนาวของลูกชายก็รู้สึกหงุดหงิด เมื่อเธอทราบว่าลูกชายแอบมาเปิดร้านอาหารอยู่ที่เกาะแห่งนี้โดยไม่บอกเธอก็ร้อนใจจนต้องรีบเดินทางมาที่นี่ทันที ถึงเธอจะรู้ว่ามีคุณไม่ใช่คนที่ทำอะไรเอาแต่ใจแต่เธอก็อยากรู้เหตุผลของลูกชายว่าอะไรที่ทำให้ลูกชายของเธอตัดสินใจทิ้งงานที่กรุงเทพมา หากเหตุผลนั้นเป็นไปตามที่ผู้หวังดีบอกเธอ เธอก็คงจะอกแตกตายแน่ๆ
“แกจะไม่ยอมบอกแม่จริงๆ ใช่ไหมว่าแกมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง แล้วทำไมถึงหยุดงานประจำที่แกทำ” ในที่สุดคุณพลอยประดับก็ทนไม่ได้จึงต้องเอ่ยปากถาม
“ผมไม่ได้จะกวนแม่นะ แต่แม่จำเป็นที่ต้องรู้จริงๆ ใช่ไหม ถ้าผมแค่บอกว่าผมมีเหตุผลดีพอที่มาทำแค่นี้แม่จะเข้าใจผมรึเปล่า” มีคุณย้อนถามมารดาด้วยน้ำเสียงที่พยายามให้ดูนุ่มนวลมากที่สุด เขาเข้าใจว่าคนเป็นแม่ไม่ว่าลูกคิดจะทำอะไรก็อดห่วงไม่ได้
“ตาคุณ แม่ก็ไม่ได้อยากจะมากดดันอะไรแกหรอกนะ แต่แม่กลัวว่าความลุ่มหลงมันจะทำให้แกตัดสินใจอะไรพลาดไป ไหนแกบอกมาสิ ผู้หญิงคนไหนที่แกมาติดพัน”
“ผู้หญิงอะไรกัน แม่ตอบผมมาก่อนว่าแม่เอาข้อมูลพวกนี้มาจากไหน แล้วผมจะตอบแม่” มีคุณเลิกคิ้วด้วยความสงสัยเมื่อมารดาพูดในสิ่งที่ไม่มีมูลความจริงเลย
“ฉันก็ไม่รู้หรอกว่าใครเป็นคนโทรมาบอก แต่เขาบอกว่าแกมาเปิดร้านอาหารเล็กๆ ที่นี่เพราะมัวแต่มาเฝ้าคนที่แกรัก แกถึงกับทิ้งงานที่แกรักมาได้ก็คงหลงเขาไม่น้อยสิท่า แถมยังโกหกแม่ว่าจำต้องหายไปทำงานเพราะจะหาเงินมาใช้หนี้ให้แม่ แกบอกแม่ตรงๆ ก็ได้นะตาคุณ แม่รู้ว่าทำให้แกลำบาก แต่ก็คิดไม่ถึงว่าจะทำให้แกไม่อยากอยู่กับแม่ขนาดนั้น” คุณพลอยประดับตัดพ้อด้วยความน้อยใจ
“แม่ครับ คิดอะไรไปไกลแล้ว เรามีกันแค่สองแม่ลูกผมจะทิ้งแม่ไปได้ยังไง แต่ผมจำเป็นต้องมาอยู่ที่นี่ก็เพราะผมต้องหาเงินมาทยอยใช้หนี้ให้แม่อยู่ นี่ผมเริ่มทยอยผ่อนใช้ไปแล้ว แต่ผมไม่อยากบอกใคร ถ้าผมบอกว่าจะเลิกทำงานประจำแล้วมาเปิดร้านอาหาร ก็ต้องมีคนถามว่าทำไม ผมหาเงินเยอะๆ ไปทำอะไร ผมไม่อยากตอบคำถามใคร” มีคุณเดินเข้าไปโอบกอดมารดาเมื่อเห็นว่ามารดากำลังน้อยใจ
“ต้องปิดแม้กระทั่งแม่เหรอ แม่สัญญาว่าจะไม่พูดต่อนะตาคุณ” เมื่อคุณพลอยประดับเห็นว่าลูกชายต้องมาอยู่ในสถานที่ที่ห่างไกลจากบ้านเพื่อหาเงินมาใช้หนี้ให้ตัวเองก็เสียงอ่อนลง แต่ก็ยังอยากรู้ว่าการมาทำร้านอาหารเล็กๆ แบบนี้จะใช้หนี้ก้อนโตให้เธอได้ยังไง
“ผมได้รับมรดกจากคุณปู่อนันต์ ท่านจะยกที่นี่ให้เราทั้งหมด ร้าน ที่ดิน แต่ผมต้องทำตามเงื่อนไขของท่าน” แล้วมีคุณก็เริ่มเล่าให้มารดาฟัง รวมถึงเรื่องที่ต้องจ้างนับตังค์มาเป็นเชฟและเรื่องของด้วงด้วย
“ท่านเสียแล้วเหรอ” คุณพลอยประดับรู้สึกใจหาย บิดาของอดีตสามีเก่าคนนี้เป็นคนใจดี ท่านไม่ค่อยลงรอยกับอดีตสามีของเธอสักเท่าไหร่ แต่ท่านก็เอ็นดูเธอในฐานะลูกสะใภ้เสมอ พอรู้ว่าท่านเสียชีวิตแล้วยังยกมรดกให้มีคุณทั้งหมดก็ยิ่งรู้สึกตื้นตัน
“ครับ แต่ผมอยากให้แม่เก็บเรื่องนี้เอาไว้ก่อน ผมอยากอยู่เงียบๆ และทำงานใช้เงินให้ครบ”
“แต่ร้านอาหารที่อยู่บนเกาะเล็กๆ แบบนี้จะทำกำไรได้สักเท่าไหร่ แม่ว่าพอครบหนึ่งปีตามข้อตกลงแกก็ขายร้านไปไม่ดีเหรอ จะได้กลับไปอยู่ที่บ้านกับแม่”
“ผมรักร้านนี้ครับแม่ เอาเป็นว่าถ้าแม่ตั้งใจจะมาพักที่นี่กับผมอาทิตย์หนึ่งอยู่แล้ว แม่ก็ลองดูเอาเองดีกว่าว่าร้านเล็กๆ แห่งนี้มันมันไม่ธรรมดายังไง โดยเฉพาะพนักงานทุกคน ผมอยากให้แม่คิดว่าทุกคนที่นี่คือครอบครัวของเรา ทุกคนเต็มที่เพื่อร้านของผม”
“ก็ได้ อ้อ...แล้วเรื่องเด็กด้วง แกนึกยังไงถึงตัดสินใจรับเลี้ยงเอาไว้ คนอย่างแกจะดูแลเด็กเป็นได้ยังไง แม่ก็ไม่เข้าใจคุณพ่อจริงๆ ว่าทำไมถึงวางใจให้แกเลี้ยงเด็กเล็ก” คุณพลอยประดับไม่คิดว่าลูกชายของตัวเองจะดูแลเด็กคนหนึ่งได้ ข้าวปลายังกินไม่ตรงเวลา บางคืนก็ทำงานจนดึกดื่น เป็นแบบนี้แล้วจะไปดูแลใครได้ยังไง
“ให้เป็นหน้าที่ของผมนะครับ แม่แค่อยู่พักที่นี่ให้สบายใจ เรื่องหนี้สินและเรื่องอื่นๆ ผมจะจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยเอง แม่ไม่ต้องเป็นห่วงผมนะครับ”
“แต่แม่ก็ไม่อยากให้แกอยู่ที่นี่ตลอดชีวิตอยู่ดี”
“ผมตัดสินใจแล้ว แล้วแม่จะรักที่นี่” มีคุณยังคงยืนยันความต้องการของตัวเอง
“เดี๋ยวก่อน ยังไม่จบแค่นั้น สรุปว่าแกไม่ได้มาติดผู้หญิงใช่ไหม ถ้ามีก็ให้บอกแม่มา ยังไงก็ต้องให้ผ่านสายตาของแม่เสียก่อน เข้าใจไหมตาคุณ” คุณพลอยประดับรีบถามเรื่องที่กังวลที่สุด
“ผมไม่ได้ติดผู้หญิงที่ไหน แม่ไม่ต้องห่วงหรอก”
“ค่อยโล่งอกหน่อย เอาล่ะ แม่เชื่อว่าแกเก่งและจะเอาตัวรอดได้ แม่ขออวยพรให้แกประสบความสำเร็จกับงานใหม่ที่ตัดสินทำก็แล้วกัน แกพาแม่ไปดูร้านของแกหน่อยสิ อ้อ...อีกเรื่องหนึ่ง แม่จะไม่พูดเรื่องนี้แกอย่าห่วง เพราะแม่ไม่อยากให้พ่อแกรู้ว่าคุณปู่ยกมรดกให้แก ถ้าเรื่องนี้ไปเข้าหูแม่เลี้ยงของแก หล่อนต้องไม่ยอมแน่ แกก็ปิดให้ดีล่ะ”
“ครับแม่” มีคุณนึกขำมารดาแต่ก็รับคำไปก่อนจะพามารดาออกไปเดินดูรอบร้าน
เมื่อเดินดูร้านจนพอใจแล้วคุณพลอยประดับกับมีคุณก็เดินกลับมาที่บ้านซึ่งตอนนี้ทุกคนกำลังนั่งรอกันอยู่ที่ห้องรับแขก คุณพลอยประดับส่งยิ้มให้ทุกคนด้วยความเป็นมิตร ต่างจากตอนแรกที่ทำหน้าบอกบุญไม่รับจนช้วนเผลอเรียกว่าแม่มด มีคุณแนะนำทุกคนให้มารดาได้รู้จักจนมาถึงหนูด้วง คุณพลอยประดับมองหนูด้วงอยู่นาน เมื่อเห็นหนูด้วงมีทีท่าว่ากลัวจึงเดินเข้าไปลูบผมเบาๆ
“หนูไม่ดื้อ ไม่กินตับหนูนะ” หนูด้วงรีบยกมือไหว้คุณพลอยประดับก่อนจะหันกลับมาซบอกของนับตังค์
“ด้วง พูดอะไรอย่างนั้น ขอโทษคุณย่าก่อน” นับตังค์ตกใจที่ได้ยินรีบบอกด้วงให้ขอโทษ ถ้าคิดไม่ผิดช้วนคงจะสอนด้วงแน่ๆ
“คงจะมีใครสอนล่ะสิ” คุณพลอยประดับมองไปที่ช้วนก่อนจะค้อนจนตาแทบกลับ
“โธ่ แม่คุณ ใครจะไปรู้ว่าเป็นแม่ของนายท่าน เราดีกันนะ” ช้วนยื่นนิ้วก้อยให้
“ฉันไม่ใช่เพื่อนเล่นนะ เรียกฉันให้มันดีๆ หน่อย” คุณพลอยประดับดุช้วนเสียงดังจนด้วงตกใจกอดนับตังค์แน่นกว่าเดิม
“แล้วข้าเรียกไม่ดีตรงไหน เป็นแม่ของนายคุณ ข้าก็เรียกแม่คุณ ไม่ถูกรึ ไม่ได้เรียกไม่ไอ้คุณสักหน่อยจะได้ว่าข้าพูดไม่ดี แล้วอย่าดุให้มันมากนัก เด็กกลัวหมดแล้ว แล้วข้าก็ไม่ใช่เพื่อเล่นของแม่คุณ ข้าแก่กว่าแน่ๆ ต่อไปเรียกข้าว่าพี่ช้วน ให้มันรู้จักเด็กรู้จักผู้ใหญ่ เข้าใจไหมแม่คุณ” ช้วนลุกขึ้นพูดกับคุณพลอยประดับด้วยสีหน้าจริงจังและน้ำเสียงก็เข้มมากจนทุกคนตะลึง ช้วนไม่เคยดุใครแบบนี้ให้เห็นเลยสักครั้ง ซึ่งท่าทางขึงขังจริงจังของช้วนดูมีอำนาจจนคุณพลอยประดับต้องพยักหน้ารับด้วยความตกใจ
“ปู่ไม่ดุย่านะ หนูไม่ชอบ ถ้าปู่ดุย่าอีกหนูจาไม่เย่นด้วย” ด้วงเลิกซุกหน้ากับอกของนับตังค์แล้วหันมาพูดกับช้วน
“ขอรับคุณด้วง ปู่ผิดไปแล้ว อะดูนี่สิ เราดีกันแล้ว” ช้วนรีบยื่นนิ้วก้อยให้คุณพลอยประดับแล้วทำหน้าพยักพเยิดให้คุณพลอยประดับยอมเกี่ยวก้อยด้วย พอคุณพลอยประดับทำเฉยก็แอบทำหน้าดุใส่จนคุณพลอยประดับต้องรีบยื่นนิ้วก้อยไปเกี่ยวด้วย คนอื่นๆ เห็นแล้วต้องแอบกลั้นขำกันใหญ่
“เย้ ดีกันแย้ว ไม่มีใครโกดกันเยย” ด้วงปรบมือชอบใจ แต่พอหันไปเห็นว่าคุณพลอยประดับมองมาก็รีบซุกกับอกของนับตังค์อีก
“แล้วจะให้แม่นอนที่ไหน” คุณพลอยประดับรีบถามลูกชายเพราะไม่อยากอยู่ใกล้คนอย่างช้วนแล้ว
“เดี๋ยวแม่ไปนอนที่ห้องของผมก็แล้วกัน ด้วงคงให้นอนกับใบเมี่ยงไปก่อน ผมกับตังไปนอนที่ร้านได้” มีคุณเป็นคนตัดสินใจ
“จะรบกวนหนูตังรึเปล่าลูก” คุณพลอยประดับถามนับตังค์ พอเธอรู้ว่านับตังค์คือคนสำคัญที่จะทำให้ร้านนี้ขับเคลื่อนไปได้ก็รู้สึกเกรงอกเกรงใจ และหากไม่มีนับตังค์ลูกชายของเธอก็คงจะไม่ได้มรดก มันทำให้เธอต้องดีกับนับตังค์ให้มากเป็นพิเศษ
“ไม่เป็นไรครับ” นับตังค์รู้สึกแปลกใจที่คุณพลอยประดับมีท่าทีที่เปลี่ยนไปหลังจากที่ไปคุยกับมีคุณ แต่ก็รู้สึกดีใจที่บรรยากาศโดยรอบมันดีขึ้น
“ถ้าอย่างนั้นแม่ขอตัวก่อนนะลูกๆ รู้สึกเพลียอยากพักแล้ว” คุณพลอยประดับรับปากกับมีคุณว่าจะเห็นทุกคนเหมือนคนในครอบครัวก็เลยพูดจนอ่อนหวานขึ้นกับทุกคน แต่ใจก็อยากจะยกเว้นตาฝรั่งแก่ที่ยืนยักคิ้วหลิ่วตาทำท่ากวนประสาทอยู่ได้
“ฝันดีนะแม่คุณ” ช้วนส่งจูบไปให้ คุณพลอยประดับรีบสะบัดหน้าไปทางอื่น
“เอาล่ะ แยกย้ายกันไปพักเถอะ” มีคุณส่ายหน้าให้กับความขี้เล่นของช้วนก่อนจะพาคุณพลอยประดับขึ้นไปพักที่ห้องนอน ตั้งใจว่าพรุ่งนี้จะพามารดาไปพักที่รีสอร์ทของคุณขจีคงจะสะดวกกว่า
หลังจากที่นับตังค์ขึ้นไปเอาของใช้ส่วนตัวออกมาเรียบร้อยแล้วก็ลงมาอาบน้ำที่ห้องน้ำข้างล่าง จากนั้นก็รอมีคุณอาบน้ำให้เสร็จจะได้เดินไปที่ร้านด้วยกัน ระหว่างที่รอมีคุณ พายพัดกับใบเมี่ยงก็ขึ้นไปอาบน้ำเช่นกัน นับตังค์เลยเอาด้วงมาดูแลก่อน นับตังค์เล่านิทานให้ด้วงฟังเป็นการกล่อมให้ด้วงหลับ แล้วด้วงก็หลับไปอย่างรวดเร็วด้วยความอ่อนเพลียจากการที่ไปเล่นน้ำตกมาทั้งวัน
“หนูตัง” คุณพลอยประดับเห็นว่าลูกชายยังอาบน้ำอยู่เลยเดินลงมาข้างล่างเพราะอยากพูดคุยกับนับตังค์
“ครับ” นับตังค์เห็นคุณพลอยประดับเดินลงมาก็เริ่มกังวล จะบอกว่าร้อนตัวก็ได้ กลัวคุณพลอยประดับจะรู้เรื่องของตัวเองกับมีคุณ
“ตาคุณบอกว่าหนูเป็นคนที่ต้องเหนื่อยที่สุดในร้าน ขอบใจมากนะที่ทุ่มเท แม่ขอฝากตาคุณด้วยนะลูก” คุณพลอยประดับลงมานั่งข้างๆ ก่อนจะแตะมือของนับตังค์เบาๆ เป็นการฝากฝังลูกชาย
“ตังจะทำหน้าที่ของตังให้เต็มที่ครับ” นับตังค์เขินๆ เมื่อฟังคำฝากฝัง อีกใจก็รู้สึกขำ เหมือนคุณพลอยประดับมาฝากลูกสาวมากกว่าลูกชาย
“คิดเสียว่าแม่เป็นแม่อีกคนแล้วกันนะลูก แล้วดูสิ นอกจากจะเป็นเชฟแล้วยังเลี้ยงเด็กเก่งด้วย ถ้าหนูมีแฟน แฟนหนูต้องโชคดีมากเลยนะ” คุณพลอยประดับเอ่ยชมจนนับตังค์ทำหน้าไม่ถูก อยากรู้ว่ามีคุณพูดอะไรกับแม่ของตัวเองไปบ้าง
“ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ”
“ไม่ต้องเขินหรอก แม่ก็ชมตามที่เห็น อ้อ...พรุ่งนี้แม่อยากทำต้มมะระของโปรดตาคุณเขา ที่แม่ลงมาข้างล่างเพราะอยากมดูว่ามีของไหม”
“เดี๋ยวตอนเช้าตังจะให้คนเอาของมาให้แม่ที่นี่นะครับ ที่ร้านมีทุกอย่างครับ”
“ขอบใจมากนะจ๊ะ หนูตังน่ารักจริงๆ อ้าว ตาคุณลงมาพอดี แล้วหนูด้วงนี่ให้แม่อุ้มขึ้นไปให้ไหมคะ” คุณพลอยประดับถามนับตังค์
“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวตังอุ้มไปส่งใบเมี่ยงเอง บอสรอก่อนนะ” นับตังค์พูดกับคุณพลอยประดับก่อนจะพูดกับมีคุณแล้วถึงได้อุ้มด้วงขึ้นไปส่งที่ห้องของใบเมี่ยง
“แม่คุยอะไรกัน” มีคุณถามอย่างร้อนตัว
“แม่บอกว่าจะไม่พูดอะไรก็ไม่พูด ไม่ต้องห่วงหรอก แม่แค่มาทำความรู้จัก หนูตังเขาน่ารักดีนะ แม่ชอบ” คุณพลอยประดับเอ่ยชมนับตังค์จนมีคุณต้องลอบถอนหายใจ มีคุณตั้งใจว่าจะสารภาพกับนับตังค์ในคืนนี้เองเลยไม่อยากให้นับตังค์รู้จากคนอื่นก่อน
“แม่ขึ้นไปพักเถอะครับ” มีคุณขึ้นไปส่งคุณพลอยประดับแล้วเดินลงมาพร้อมกับนับตังค์ที่ไปส่งด้วงเสร็จแล้วเหมือนกัน
..
นับตังค์ยังไม่ได้เข้านอนในทันทีเมื่อไปถึงที่ร้านเพราะว่ายังไม่ดึกมากเท่าไหร่ นับตังค์อยากเข้าไปเตรียมของสำหรับรายการอาหารในวันพรุ่งนี้เท่าที่เตรียมได้ ส่วนมีคุณก็แยกเข้าไปทำงานของตัวเองเหมือนกัน จนกระทั่งนับตังค์เตรียมของเสร็จก็เกือบเที่ยงคืนจึงกลับเข้าไปที่ห้องทำงาน เห็นมีคุณกำลังยืนเหม่อลอยมองไปที่สวนก็เลยเดินเข้าไปหา
“พี่เครียดอะไร” นับตังค์แตะที่ไหล่ของมีคุณ
“พี่มีเรื่องจะคุยด้วย” มีคุณหันกลับมาพร้อมกับรั้งเอวนับตังค์ให้เข้ามาชิดตัวเอง
“อย่าบอกนะว่าแม่ของพี่รู้เรื่องของเราแล้ว” นับตังค์ทำตาโตเมื่อคิดไปก่อน
“เปล่า ไม่ใช่”
“เฮ้อ โล่ง แล้วเรื่องอะไร” นับตังค์รู้สึกโล่งอก แต่เมื่อเห็นท่าทางเครียดของคนรักก็เริ่มกังวลอีกรอบ
“พี่มีเรื่องที่ไม่ได้บอกตังตั้งแต่แรก จะว่าพี่ปิดบังตังก็ได้ พี่อยากสารภาพหลายหนแล้วแต่ใจไม่กล้าพอ”
“ถ้าตังรู้แล้วตังจะเกลียดพี่ไหม” นับตังค์ถามมีคุณ ซึ่งมีคุณคิดว่าคำถามนี้มีคุณควรจะถามนับตังค์มากกว่า
“พี่ก็ภาวนาไม่ให้ตังเกลียดพี่” มีคุณตอบพร้อมกับทำหน้าเว้าวอน
“ขอเวลาทำใจก่อน” นับตังค์เอามือของมีคุณออกจากเอวของตัวเองแล้วเดินไปนั่งที่เตียงทรงกลม
มีคุณได้แต่มองตามไป จนนับตังค์ส่งสัญญาณมาว่าให้มีคุณเริ่มพูดได้ มีคุณจึงสารภาพความจริงเรื่องข้อกำหนดของคุณปู่ รวมถึงเรื่องที่จ้างละมุดให้คอยกีดกันไม่ให้นับตังค์ได้คุยกับตำลึงทองด้วย แต่มีคุณไม่ได้พูดถึงเรื่องหนี้สินของมารดา เพราะถึงยังไงเขาก็ไม่อยากให้คนมองมารดาของตัวเองไม่ดี นับตังค์นิ่งฟังจนจบด้วยท่าทางสงบจนมีคุณเดาไม่ออกว่านับตังค์รู้สึกอย่างไร ถ้านับตังค์จะโกรธเขาก็เข้าใจได้แต่ภาวนาว่าอย่าได้เกลียดเขาเลย
“ทำไมถึงได้มาสารภาพ” นับตังค์พูดขึ้นมาหลังจากที่เงียบไปนาน
“พี่ไม่อยากให้ตังรู้จากคนอื่น”
“ถ้าตังไม่ทำงานที่นี่ต่อ พี่จะไม่ได้มรดกใช่ไหม”
“อืม”
“ตังขอไปนอนกับใบเมี่ยงนะ”
“ตัง”
“ให้เวลาตังได้คิดหน่อย”
นับตังค์ขนข้าวของเดินกลับไปที่บ้าน ทิ้งให้มีคุณยืนหน้าเศร้าคนเดียวอยู่ในห้องทำงาน ถึงแม้จะใจหายที่โดนนับตังค์โกรธแต่ก็รู้สึกโล่งใจที่ได้พูดความจริงออกไปแล้ว แต่ลึกๆ มีคุณก็หวังว่านับตังค์จะให้อภัยตัวเอง
..
นับตังค์พยายามข่มตาสักเท่าไหร่ก็นอนไม่หลับสักทีจึงตัดสินใจลงมาข้างล่างตั้งแต่ตีสี่ เดินลงมาก็เจอคุณพลอยประดับกำลังทำกับข้าวอยู่ในครัวนับตังค์จึงเดินเข้าไปหา
“อ้าว หนูตังมาแต่เช้าเชียว เอ๊ะ หรือหนูย้ายมานอนที่นี่ หนูเป็นคนเอาของสดพวกนี้มาให้แม่ใช่ไหมจ๊ะ”
“ครับตังเอามาเอง พอดีตังกลัวด้วงจะร้องไห้ถ้าไม่เจอตังเลยกลับมานอนที่บ้านครับ”
“หนูด้วงติดหนูตังเหรอลูก แต่แม่ก็ไม่แปลกใจหรอกนะ ใครเจอหนูก็ถูกชะตาทั้งนั้น แต่ที่แม่ห่วงคือต่อไปจะอยู่กับตาคุณยังไง รายนั้น เด็กเจอเป็นร้องไห้แทบทุกราย”
“ด้วงก็ติดบอสนะครับแม่”
“จริงเหรอ แปลกใจจริง แต่จะว่าไปแม่ก็ไม่คิดว่าตาคุณจะมาอยู่ที่เกาะนี้ได้ เขาเป็นคนไม่ชอบอยู่กับที่ ชอบเดินทาง อยู่ด้วยกันที่กรุงเทพยังแทบไม่ค่อยได้เจอหน้า เขารักอาชีพของเขามาก เฮ้อ จะว่าไปแม่ก็รู้สึกผิดที่ทำให้เขาต้องมาทำงานที่ไม่ถนัดแบบนี้”
“บอสคงมีเหตุผลครับที่มาอยู่นี่” นับตังค์แอบถอนหายใจเบาๆ ถ้านิสัยของมีคุณเป็นอย่างที่คุณพลอยประดับเล่าให้ฟัง แปลว่าหากไม่ติดข้อกำหนดของคุณปู่ มีคุณก็คงไม่คิดทำร้านนี้
“แม่ไม่รู้ว่าตาคุณจะเผลอทำอะไรให้หนูขัดเคืองใจรึเปล่าเพราะเขาเป็นคนซีเรียสในเรื่องงาน แต่หากเขาทำอะไรเอาแต่ใจไปบ้างหนูตังอย่าไปถือสาเขาเลยนะ กับแม่เขายังเผลอดุเลย เขาขาดพ่อตั้งแต่ยังเด็กเลยทำตัวเป็นผู้ใหญ่เกินตัว เป็นคนที่คอยปกป้องแม่ แม่ก็ไม่ค่อยมีเวลาดูแลเขาเพราะต้องหาเงิน เขาก็ต้องมาเป็นหัวหน้าครอบครัวตั้งแต่วัยรุ่น เขาไม่ค่อยมีเพื่อนเท่าไหร่เพราะทำแต่งาน ไม่ค่อยได้ไปสังสรรค์กับเพื่อนฝูง แต่เขาบอกกับแม่ว่าทุกคนที่นี่คือครอบครัวของเขาแปลว่าพวกหนูคงสำคัญกับเขาจริงๆ”
“แม่คิดแบบนั้นเหรอครับ”
“ใช่ แม่คิดแบบนั้น อ้อ...อีกเรื่องหนึ่ง แม่จะฝากตังช่วยดูแลผู้หญิงที่จะเข้ามาหาตาคุณให้แม่ด้วยนะ แม่มีลูกชายคนเดียวต้องสกรีนกันหน่อย จะให้ผู้หญิงไม่ดีมาได้ตาคุณไปแม่ไม่ยอมหรอก”
“จะดีเหรอครับ” นับตังค์ยิ้มเจื่อนๆ รู้สึกร้อนสันหลังวาบ
“ดีสิลูก แม่ดูออกว่าตาคุณให้ความสำคัญกับหนูมากที่สุด หนูคอยเตือนอะไรเขาต้องฟังแน่ๆ”
นับตังค์ไม่ได้พูดอะไรต่อแต่ช่วยคุณพลอยประดับเตรียมทำต้มจืดมะระยัดไส้ไปอย่างเงียบๆ คุณพลอยประดับก็เล่าเรื่องของมีคุณตั้งแต่สมัยยังเป็นเด็กให้นับตังค์ฟังไปเรื่อย จนคุณพลอยประดับทำต้มจืดเสร็จแล้วก็ให้นับตังค์ช่วยชิม พอนับตังค์ได้ชิมก็พูดไม่ออกเพราะมันขมมาก เมื่อตอนที่คุณพลอยประดับเริ่มทำนับตังค์ก็ไม่ทันดู มัวแต่ฟังเรื่องของมีคุณจนเพลินเลยไม่รู้ว่าคุณพลอยประดับได้ล้างมะระกับเกลือเพื่อลดความขมหรือเปล่า
“ขมนิดหน่อยครับแม่” นับตังค์แบ่งรับแบ่งสู้
“หอมจังวุ้ย ไหนใครทำอะไรแต่เช้าเลย” เสียงของช้วนดังเข้ามาก่อนตัว มาถึงก็ปรี่มาที่หม้อต้มจืดทันที นับตังค์มองนาฬิกาก็เห็นว่าตีห้าพอดี ได้เวลาที่ขมิ้นจะมากวาดใบไม้และทำความสะอาดที่ร้าน
“นี่นาย จะมาชิมก่อนลูกชายฉันได้ยังไง” คุณพลอยประดับโวยวายเมื่อช้วนถือวิสาสะตักมะระใส่ถ้วยกินก่อนใคร
“ฝีมือแม่คุณหรอกรึ มิน่า” ช้วนทำหน้าเหยเก
“มิน่าอะไร” คุณพลอยประดับถามเสียงเขียว
“ขมไปยันล้ำไส้เลยแม่คุณ โอ้ย นึกว่าเจ้าตังทำ สงสัยจะขมติดคอไปถึงเที่ยงคืน” ช้วนบ่นก่อนจะเดินไปรินน้ำมากิน ส่วนคุณพลอยประดับหน้าเสียแล้วรีบตักต้มจืดฝีมือของตัวเองชิม พอรับรู้รสแล้วก็หน้าเสียไปเลย
“ตาคุณชอบแบบขมๆ น่ะหนูตัง” คุณพลอยประดับรีบแก้ตัวกับนับตังค์
“หวานเป็นลม ขมเป็นบ้าเลยแม่คุณ” ช้วนพูดต่อ
“ปู่!” นับตังค์หันมาดุช้วน
“ขมเป็นยาย่ะ” คุณพลอยประดับหันมาพูดใส่ช้วนเสียงดังก่อนจะเดินออกไปจากครัวด้วยความไม่พอใจ
“ปู่นะปู่” นับตังค์ส่ายหน้าให้กับความเกรียนของช้วน
“ก็ข้าพูดความจริง” ช้วนยักไหล่
“ความจริงบางอย่างก็ไม่ควรพูดไหมปู่” นับตังค์เถียง
“เออก็ใช่ ความจริงบางอย่างมันก็พูดออกมาเลยไม่ได้ มันต้องรอเวลา เข้าใจไหมเอ็ง” ช้วนย้อนคำพูดของนับตังค์จนนับตังค์อึ้งไป
“ตังไปอาบน้ำดีกว่า” พอรู้ว่าช้วนย้อนตัวเองก็เลยรีบเปลี่ยนประเด็นไป ช้วนหัวเราะไล่หลังนับตังค์ไปแล้วก็กินต้มจืดมะระฝีมือของคุณพลอยประดับต่อจนหมดถ้วย
..
นับตังค์กลับขึ้นไปอาบน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ไปที่ร้าน ทักทายพี่บ่าวที่กำลังกวาดระเบียงร้านเสร็จก็เข้าไปในครัว แอบมองไปที่ห้องทำงานของมีคุณก็คิดว่าน่าจะยังหลับอยู่ นับตังค์ลอบถอนหายใจก่อนจะลงมือทำต้มจืดมะระยัดไส้ใหม่ อันที่จริงนับตังค์ไม่ได้โกรธจนไม่อยากมองหน้าของมีคุณหรอก แต่แค่สับสนว่าการที่มีคุณทำดีด้วยหรือมาขอคบเป็นคนรักเพราะกลัวว่านับตังค์จะไม่อยู่ทำงานให้ครบปีรึเปล่า แต่การกระทำของมีคุณก็ดูจริงใจ นับตังค์ไม่เคยคิดระแวงเลยจนมารับรู้เรื่องนี้ คำถามในใจที่เกิดขึ้นก็คือ...ความรักที่มันเกิดในเวลาอันรวดเร็วระหว่างตัวเองกับมีคุณนั้น มันเกิดขึ้นจากตัวเองแค่ฝ่ายเดียวรึเปล่า
มะระที่นับตังค์หั่นเป็นท่อนขนาดกำลังดีถูกคว้านไส้ทิ้งและล้างความขมออกด้วยเกลือสองครั้ง จากนั้นนับตังค์ก็นำหมูสับที่หมักปรุงรสแล้วมายัดไส้ ตั้งน้ำจนเดือดถึงได้หย่อนมะระที่ยัดไส้ลงไปแล้วหรี่ไฟให้อ่อนลง นับตังค์เคี่ยวด้วยไฟอ่อนแล้วคอยตักฟองออกทิ้งจนได้น้ำซุปที่ใส ปรุงรสจนเป็นที่พอใจก็รอให้มะระกับหมูสุกพอดี ถ้าตั้งไฟนานเกินไปหมูจะแข็งแล้วมะระก็จะเละได้ เมื่อทำเสร็จแล้วนับตังค์ก็ยกกลับไปที่บ้านแล้วไปเปลี่ยนใส่หม้อที่เหมือนกับที่คุณพลอยประดับทำเอาไว้ ส่วนตัวมะระที่คุณพลอยประดับทำ นับตังค์ก็ตักใส่ถุงแล้วนำไปเก็บที่ร้านแทน
..
สมาชิกทุกคนมาถึงที่ร้านแล้วและกำลังเตรียมทานอาหารเช้าร่วมกัน มีคุณแนะนำพนักงานคนที่เพิ่งมาให้รู้จักกับมารดาของตน จากนั้นก็ชวนให้ทุกคนทานอาหารเช้าพร้อมกัน คุณพลอยประดับเห็นว่าหม้อต้มจืดมะระของตัวเองถูกนำมาวางไว้ในครัวของร้านก็ตกใจ กลัวคนอื่นชิมแล้วจะแสดงออกเหมือนที่ช้วนแสดง จะห้ามก็ไม่ทันแล้วเพราะว่าตอนนี้สายรุ้งตักมาวางเอาไว้ที่โต๊ะอาหารแล้ว
“แม่ทำเหรอครับ” มีคุณชิมแล้วขมวดคิ้วก่อนจะหันมาถามมารดาด้วยความไม่แน่ใจ
“มันไม่อร่อยก็อย่าไปทานลูก” คุณพลอยประดับหน้าเสียกำลังจะเลื่อนชามแกงจืดออก
“อร่อยมากต่างหากค่ะนายแม่ สุดยอดเลย” มานีเอ่ยชมก่อนจะซดน้ำซุปเสียงดัง
“อร่อยจริงครับ” ตุ้ยยืนยันอีกเสียง
“จริงครับแม่ อร่อย” มีคุณบอกกับแม่แต่ตามองไปที่นับตังค์ นับตังค์กำลังอมยิ้มอยู่พอเห็นมีคุณมองมาก็หุบยิ้มแล้วเมินใส่
“จริงเหรอลูก” คุณพลอยประดับรีบตักชิมบ้างก่อนจะทำหน้านิ่วคิ้วขมวด แต่สุดท้ายก็ยิ้มออกมา
“แปลกจัง รสมือมัน...” ช้วนพูดยังไม่ทันจบนับตังค์ก็หยิกขาช้วนทันที ช้วนกำลังจะอ้าปากร้องโวยวายแต่พอเห็นสายตาขอร้องของนับตังค์จึงหุบปากไป
“มันยังไงเหรอคะ” คุณพลอยประดับกอดอกถาม
“มันอร่อยมากแม่คุณ ชิมแล้วอร่อยเหมือนตายแล้วเกิดใหม่เลยจ้าแม่คุณ” ช้วนพูดจบคุณพลอยประดับก็ยกยิ้มด้วยความพอใจ
“ยังถือว่ามีรสนิยมดีนะ” คุณพลอยประดับยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ที่ทุกคนเอ่ยชมฝีมือของตัวเอง
“กินเสร็จแล้วเชฟตังไปพบกับผมที่ห้องหน่อยนะ” มีคุณอาศัยความเป็นเจ้านายบังคับนับตังค์ไม่ให้ปฏิเสธได้
“แล้วไม่ประชุมเหรอบอส” พายพัดถาม จนใบเมี่ยงแอบเอาขากระแทกที่ขาของพายพัดเบาๆ พายพัดถึงได้เข้าใจความต้องการที่แท้จริงของมีคุณ
“วันนี้จะให้ใบเมี่ยงเป็นคนนำประชุมแทน พอดีพี่จะคิดโปรเจคใหม่เลยจะปรึกษาเชฟใหญ่ก่อน” มีคุณแก้ตัวไปแบบเนียนๆ
“พูดที่นี่ก็ได้” นับตังค์บอกแต่ไม่ยอมมองหน้าของมีคุณ
“ไม่ได้หรอกครับเชฟ เดี๋ยวการประชุมมันยืดเยื้อแล้วพวกเราจะเตรียมงานของพวกเราไม่ทัน” ใบเมี่ยงเป็นฝ่ายปฏิเสธแทนมีคุณ
“จริงด้วยเชฟ เรื่องสำคัญในส่วนครัวเป็นของเชฟ เชฟต้องไปคุยกับบอสสองคนก่อน” พายพัดสนับสนุนอีกเสียง
“แม่ก็ว่าหนูตังไปคุยกับตาคุณก่อนดีกว่ามาคุยส่วนรวมนะลูก” คุณพลอยประดับไม่รู้อะไรด้วยแต่ก็สนับสนุนเพราะคิดว่าเป็นเรื่องงานจริงๆ
“ข้าก็ว่า...”
“ก็ได้ก็ได้” นับตังค์รีบพูดแทรกช้วนเพราะกลัวฝีปากของช้วนจับใจ เกิดพูดว่าให้นับตังค์ตามผัวไปคุณพลอยประดับคงจะกลายเป็นแม่มดได้จริงๆ
“คิกๆ ก้อด้ายก้อด้าย” ด้วงได้ยินนับตังค์พูดก็ขำออกมาแล้วก็พูดตามพร้อมกับผงกหัวไปด้วย
“หนูด้วง วันนี้อยู่กับย่านะจ๊ะ ย่าจะพาไปเดินเล่น ดูผีเสื้อด้วย เอาไหม” คุณพลอยประดับนึกเอ็นดูหนูด้วงจึงพยายามจะใช้เวลากับหนูด้วงดูบ้าง ถ้ามีคุณตัดสินใจรับหนูด้วงมาเป็นลูกบุญธรรมแล้วเธอก็เป็นเหมือนย่าของหนูด้วงเหมือนกัน
“ให้ปู่ไปด้วยนะ ปู่จับผีเชื่อเก่ง” ทีแรกด้วงก็ยังไม่ยอมตอบเอาแต่มองหน้าคุณพลอยประดับ แต่สุดท้ายก็ยอมพูดคุยด้วย
“ถ้าปู่เกิดพาย่าของเอ็งเดินเล่นมากไปหน่อยพาลจะปวดข้อปวดเข่า” ช้วนรีบพูดกับหนูด้วง
“หนูเดินเองก้อด้ายก้อด้าย ให้ปู่อุ้มย่าก้อด้ายก้อด้าย” หนูด้วงพูดจบคุณพลอยประดับก็ทำหน้าอิหลักอิเหลื่อ แต่คนอื่นๆ ต้องกลั้นขำกันจนหน้าดำหน้าแดงไปหมด
“เอาไงล่ะแม่คุณ จะยอมไปกับหลานไหม” ช้วนถาม
“ก็ได้ก็ได้ ฉันเป็นคนชวนหลานฉันก็ต้องไปสิ รีบๆ กินกันเถอะจะได้ไปทำงานกัน” คุณพลอยประดับทำเป็นสั่งทุกคน มีคุณก็ได้แต่อมยิ้มกับบรรยากาศโดยรวมที่ออกมาดีกว่าที่เคยกังวลเอาไว้
(มีต่อด้านล่างค่ะ)
V
V