ตอนที่ 24 ไส้กรอกปลาแนม
นับตังค์เดินออกมาหาคีตะที่สวนของร้านหลังจากที่เคลียร์งานของตัวเองเสร็จแล้ว คีตะมารอคุยกับนับตังค์ตั้งแต่เช้า นับตังค์บอกคีตะไปว่ายังมีงานที่ทำค้างอยู่แต่คีตะก็บอกว่ายินดีจะรอ นับตังค์คิดว่าการมาครั้งนี้ของคีตะก็คงไม่พ้นเรื่องของมีคุณแต่แค่เดาไม่ออกว่าคีตะจะหาเหตุอะไรมาให้อีก ส่วนมีคุณไม่อยากให้คีตะมาวุ่นวายกับนับตังค์และตั้งใจจะไปปฏิเสธแทนนับตังค์ แต่นับตังค์บอกมีคุณเองว่าไม่เป็นไร ถ้าคีตะอยากจะคุยนับตังค์ก็พร้อมที่จะคุยด้วย
“ขอบใจนะที่ยอมมาคุยด้วย” คีตะเห็นนับตังค์เดินมาหาก็รีบทักขึ้นก่อน
“ไม่เป็นไร แต่มีเวลาไม่มากเท่าไหร่นะ” นับตังค์นั่งลงที่เก้าอี้เหล็กดัดตรงข้ามกับคีตะ
“ใช้เวลาไม่มากหรอก แค่อยากจะคุยด้วย”
“ว่ามา”
“เรารักมีคุณ เรายอมรับว่าในอดีตเราทำพลาดไป เราเสียโอกาสที่ควรจะเป็นของเราไปแล้วถึงได้รู้ว่าเราต้องการเขามากแค่ไหน แต่พูดไปก็คงเท่านั้น คุณเขาบอกกับเราว่าเขารักนาย”
“แล้ว..” นับตังค์เลิกคิ้วขึ้นแทนคำถาม บอกตามตรงว่าก่อนหน้านี้นับตังค์ค่อนข้างระแวงคีตะเพราะว่าคีตะแสดงออกว่าจะทำทุกทางเพื่อที่จะกลับมาหามีคุณ ถึงกับโทรไปตามคุณพลอยประดับให้ลงมาที่เกาะเพราะอยากให้คุณพลอยประดับเกลียดนับตังค์ แต่พอได้มาเห็นสีหน้าและแววตาของคีตะในตอนนี้ นับตังค์คิดว่าคีตะดูเศร้าจริงๆ
“ตอนคบกับเรา คุณเป็นคนขี้หึงมาก ห้ามโน้นห้ามนี้เราทุกเรื่อง ในตอนนั้นเราคิดว่าทำไมเขาต้องทำให้เราอึดอัด เขาอยากให้เรามีเวลาให้เขามากจนเราแทบไม่มีพื้นที่ส่วนตัว พอทะเลาะกันบ่อยๆ เราตัดสินใจห่างจากเขาไปเพราะเราต้องการพื้นที่ส่วนตัว เราอยากให้เขารู้ว่าการบังคับกันมันไม่ทำให้อะไรดีขึ้น เราต้องการอิสระ อิสระที่พอได้มาแล้วก็พบว่ามันไม่มีความสุขเท่าตอนที่เราได้อยู่กับเขาเลย”
“อยากสื่ออะไร” นับตังค์ถามตรงๆ เพราะไม่รู้ว่าคีตะจะมาเล่าเรื่องในอดีตของตัวเองให้ฟังทำไม
“เราแค่อยากถามนาย ถ้าตอนนั้นนายเป็นเรา นายจะทำยังไง”
“ผมตอบไม่ได้หรอกเพราะผมไม่ใช่คุณ ผมไม่รู้ว่าตอนนั้นมีอะไรเกิดขึ้นบ้างระหว่างคุณสองคน ที่คุณเล่ามามันเป็นแค่มุมมองจากตัวคุณเองคนเดียว มันไม่แฟร์กับบอส แต่ผมตอบคุณได้ในเรื่องที่เป็นของผมจริงๆ ตอนนี้บอสก็ยังเป็นคนขี้หึงขี้หวงเหมือนเดิม งอแงงี่เง่าในเรื่องไม่เป็นเรื่อง แต่การกระทำของบอสไม่ได้ทำให้ผมอึดอัดขนาดนั้น ถ้าเราตัดสินใจรับใครสักคนเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเรา พื้นที่ส่วนตัวมันจะกลายเป็นพื้นที่ส่วนเราทันที คำว่าเรา ทำให้ผมกับบอสยินดีจะแบ่งปันความรู้สึกกันในทุกเรื่อง ถ้าผมเริ่มอึดอัด ผมก็แค่บอกบอสอย่างตรงไปตรงมาแทนการไล่เขาให้ออกไปจากชีวิตหรือหนีไปจากชีวิตเขา ทำแบบนั้นมันจะเรียกว่าคู่ชีวิตได้ยังไง”
“..........” คีตะนิ่งอึ้งไปเมื่อได้ฟังคำตอบจากนับตังค์
“อยู่กับคนที่มีนิสัยชอบระแวงหรือกลัวความสูญเสีย เราก็แค่ซื่อสัตย์ แค่นั้นเองที่ผมจะทำ” นับตังค์พูดเหมือนรู้ว่าคีตะกำลังคิดอะไรอยู่
คีตะฟังประโยคนี้จบก็พูดไม่ออก ได้แต่นั่งน้ำตาร่วงเพราะห้ามไม่อยู่ นั่งร้องไห้อยู่สักพักถึงได้เงยหน้าขึ้นมายิ้มให้นับตังค์ทั้งน้ำตา เขาแพ้แล้วจริงๆ แต่ครั้งนี้เป็นการยอมแพ้ด้วยความยินยอม ที่ผ่านมาเขาคิดถึงแต่ตัวเอง ไม่พอใจการกระทำของมีคุณก็ประชดและทำทุกอย่างที่จะเอาชนะ เขาไม่เคยคิดถึงความรู้สึกของอีกฝ่าย ผิดจากนับตังค์ที่ทำให้คีตะได้เห็นถึงความรักที่ต่างออกไป ที่สำคัญเขาก็ไม่ซื่อสัตย์ต่อมีคุณจริงๆ ก็สมควรแล้วที่จะไม่ได้ยืนอยู่ข้างมีคุณอีกต่อไป และที่มาในวันนี้แค่อยากมาให้แน่ใจว่าผู้ชายคนนี้คู่ควรให้กับการยอมแพ้เป็นครั้งแรกในชีวิตของเขาหรือเปล่า ซึ่งคีตะว่าตัวเองได้คำตอบแล้ว
“ถ้าเราไม่ต้องเกลียดกันแล้ว เราจะเป็นเพื่อนกันได้ไหม” คีตะถามนับตังค์
“คุณยังอยากจะนอนกับบอสรึเปล่า ถ้ายังคิดแบบนั้นก็คงยังเป็นเพื่อนกันไม่ได้ ไม่อยากให้เพื่อนเรามาเผาเรือน” นับตังค์ตอบไปตรงๆ
“ใครบ้างล่ะที่ไม่อยากนอนกับบอสของนาย” คีตะก็ตอบไปตรงๆ เช่นกัน
“โน้นประตู กลับไปเลย ถ้าตัดใจได้แล้วค่อยมาใหม่” นับตังค์ชี้ไปที่ประตูร้าน
คีตะเห็นความตรงไปตรงมาของนับตังค์ก็หลุดหัวเราะออกมา เพิ่งรู้ว่าการยอมรับความจริงมันทำให้ความทุกข์ที่เกิดจากความอิจฉาริษยาเบาบางลง ถึงจะยังอดอิจฉานับตังค์ไม่ได้ที่ได้มีคุณไปแต่ก็ไม่ทำให้อยากจะเอาชนะอีก คีตะยอมรับว่าคิดเรื่องที่จะมาคุยกับนับตังค์อยู่นานเพราะไม่อยากเห็นอีกฝ่ายยิ้มเยาะสมน้ำหน้าตัวเอง ไม่อยากเป็นคนที่แพ้แบบหมดสภาพ แต่ก็อยากลองวัดใจดู คีตะคิดว่าถ้าจะต้องเกลียดนับตังค์ก็ขอให้นับตังค์เป็นคนที่สมควรจะถูกเกลียด แต่ถ้านับตังค์ไม่ใช่คนแบบที่คีตะควรจะเกลียด คีตะก็จะยอมแพ้แต่โดยดีและจะยอมรับให้ได้ว่ามีคุณมีคนที่คู่ควรแล้ว
“เออ รู้แล้ว จะรีบตัดใจให้ได้ แต่จำเอาไว้นะ ถ้านายทำไม่ดีกับคุณ เราจะมาทวงคืน”
“โอ้ย ไปบอกแฟนเก่าคุณเหอะว่ารักษาผมให้ดีๆ” นับตังค์ยักไหล่
“ไปดีกว่า เบื่อคนมั่นใจในตัวเอง” คีตะเบ้ปากใส่นับตังค์ก่อนจะเตรียมตัวจะกลับไปโรงแรม ชีวิตต้องเดินไปข้างหน้า เขาจะไม่เสียโอกาสและเสียเวลาของตัวเองให้กับคนที่ไม่ต้องการเขาอีกแล้ว
“เดี๋ยวก่อน” นับตังค์เรียกคีตะเอาไว้
“ว่ามา” คีตะเลียนแบบท่ากวนๆ ของนับตังค์บ้าง
“ถึงคุณจะนิสัยไม่ค่อยดี แต่คนทุกคนมีคุณค่าในตัวเอง อย่าให้ตาลุงพญารังแกได้อีกนะ”
“อืม...” หากเป็นเมื่อก่อนคงคิดว่านับตังค์พูดเพราะอยากเยาะเย้ย แต่ตอนนี้คีตะสัมผัสได้ถึงความห่วงใยด้วยความจริงใจจริงๆ จึงตอบรับแล้วยิ้มให้นับตังค์ก่อนจะเดินกลับออกไปด้วยหัวใจที่เบาสบายกว่าตอนที่มา
นับตังค์ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก นับตังค์ได้แต่หวังว่าคีตะจะตัดใจได้จริงๆ เสียที นับตังค์ไม่ได้กลัวว่าคีตะจะมาแย่งมีคุณไป แต่นับตังค์ไม่อยากให้ใครจมอยู่กับความแค้น ความโกรธเกลียดทำให้ชีวิตไม่สงบสุข ชีวิตที่ตื่นมาแล้วจมอยู่กับความทุกข์มันน่าเศร้าจะตายไป อีกอย่างหนึ่ง...หากคีตะตัดใจจากมีคุณได้จริงๆ นับตังค์ก็เชื่อว่าทั้งคีตะและมีคุณจะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้เหมือนเดิม ก็เหมือนกับที่นับตังค์บอกกับพญาไป อาหารมันมีวันหมดอายุ แต่มิตรภาพไม่มี
“ใครน่ะ” นับตังค์เห็นว่ามีใครแอบอยู่ตรงพุ่มไม้จึงตะโกนถาม แต่ไม่ทันจะได้เห็นหน้าอีกฝ่ายก็ลุกพรวดพราดแล้ววิ่งหนีไปแล้ว เห็นแค่หลังไวๆ เท่านั้นเอง แต่นับตังค์จำได้ว่าเป็นลูกน้องของพญาที่ชื่อก้าน ถ้าเป็นก้านจริงๆ นับตังค์ก็อยากรู้ว่ามันจะมาสอดแนมเรื่องอะไร จะแอบฟังทั้งทียังให้คนจับได้
‘อ่อนหัดทั้งเจ้านายและลูกน้องจริงๆ’
นับตังค์คิดแล้วก็ได้แต่ส่ายหน้าแล้วก็ขำอยู่ตามลำพังเมื่อนึกถึงพญา จากนั้นนับตังค์ก็เดินกลับเข้ามาในครัว เห็นว่าทุกคนยังอยู่พร้อมหน้า แถมยังมองมาที่นับตังค์แบบตาไม่กระพริบ ทุกคนคงอยากจะรู้ว่าคีตะมาคุยกับนับตังค์เรื่องอะไร
“ไม่เก็บอาการกันเลยนะ” นับตังค์มองไปทางคนโน้นทีคนนี้ที
“แหม เชฟคะ เชฟบอกเองว่าเราเหมือนเป็นคนในครอบครัว มานีก็แค่เป็นห่วงเชฟ กลัวว่าผู้ชายคนนั้นจะมาหาเรื่องเชฟนี่คะ” มานีพูดไปเขินไปที่ออกอาการอยากรู้จนเก็บเอาไว้ไม่อยู่
“ใครอยากรู้ก็จะเล่าให้ฟัง แต่หักค่าหัวคนละห้าร้อย” นับตังค์แบมือ
“ผมไม่ได้อยากรู้นะ ผมไปจัดโต๊ะดีกว่า” เฮงรีบเดินออกไปคนแรก ม้ากับตุ้ยก็รีบตามไปติดๆ เพราะไม่อยากเสียเงิน
“เราก็ไม่อยากรู้แล้วค่ะ” มานีกับมีนาพูดขึ้นพร้อมกันแล้วก็พากันเดินออกไปจากครัวเหมือนกัน
“เราสองคนก็ไม่ได้อยากรู้นะ” พายพัดรีบปฏิเสธแทนใบเมี่ยงด้วย
“ฮ่าๆ ไอ้พวกนี้มันงกกันจริงๆ” ช้วนหัวเราะชอบใจ
“ปู่ล่ะ อยากฟังไหม” นับตังค์แบมือมาทางช้วนบ้าง
“ข้าไม่ใช่คนขี้เสือกหรอกนะเว้ย เรื่องของเอ็งไม่เห็นจะน่าสนใจ เรื่องผัวๆ เมียๆ ข้าเบื่อ ว่าแต่วันนี้เอ็งจะทำเมนูพิเศษอะไรให้หม่อมแม่ของนายท่านกิน ข้าได้ยินนะว่าเป็นเมนูหากินยาก อย่ามางุบงิบกันสองคน” ช้วนปัดมือของนับตังค์ทิ้ง เพราะถือคติว่าเรื่องชาวบ้านไม่ยุ่งมุ่งแต่เรื่องกิน
“ไส้กรอกปลาแนม เหมาะกับพวกชอบสอดแนม ปู่ว่าดีไหม” นับตังค์บอกช้วนแต่หันไปมองทางมีคุณที่แกล้งทำนิ่งขรึมแต่เอาจริงๆ หูคงบานเท่าจานดาวเทียมไปแล้ว
“ตังไปว่าเมี่ยงกับพายทำไม” มีคุณตีหน้าเซ่อหันมาถาม
“อ้าวบอส ทำไมโยนมาทางนี้ล่ะครับ” ใบเมี่ยงแกล้งตัดพ้อ
“เอ...แต่คนที่อยากกินไส้กรอกปลาแนมมันคือแม่คุณนี่นา เฮ้ย ไอ้ตัง เอ็งว่าแฟนของข้าเป็นคนชอบสอดแนมเหรอวะ” ช้วนถามเสียงดังจนคุณพลอยประดับสะดุ้ง
“บ้าเหรอพี่ช้วน ฉันไม่ได้สอดแนมนะ แม่ไม่ได้อยากรู้เลยนะจ๊ะหนูตัง แต่ถ้าหนูอยากพูดให้ใครสักคนฟังแม่ก็ยินดีนะจ๊ะ” คุณพลอยประดับรีบแก้ตัว
“ยอมรับว่าเป็นแฟนพี่แล้วเหรอจ๊ะแม่คุณจ๋า” ช้วนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
“พอเลยทุกคน มันเป็นเรื่องส่วนตัวของตังเขา” มีคุณเลิกเก๊กขรึมก่อนจะลุกมาหานับตังค์พร้อมกับจูงมือนับตังค์แล้วทำท่าจะพานับตังค์ออกไปจากตรงนี้
“อ้าว จะพาตังไปไหน” นับตังค์ถามมีคุณ
“ไปคุยเรื่องเมนูใหม่” มีคุณตะโกนเสียงดังให้ทุกคนได้ยิน ทำท่าให้ดูเหมือนว่าเอาการเอางานจริงจัง
“อีกแล้วเหรอวะ เมื่อวานก็คุยไปทีหนึ่งแล้ว คุยน๊านนาน ข้าว่าข้าพาหนูด้วงไปนั่งเล่นที่สวนในห้องทำงานนายท่านด้วยดีกว่า เผื่อนายท่านต้องการความคิดเห็นจากข้าเรื่องเมนูใหม่” ช้วนรีบลุกขึ้นแล้วอุ้มหนูด้วงเข้าเอว แต่นับตังค์หน้าแดงเพราะรู้ว่าช้วนตั้งใจแหย่เรื่องที่นับตังค์กับมีคุณหายไปคั่วกลิ้งกันมาเมื่อวานนี้
“พี่ช้วน ปลาทูทอด” มีคุณหันไปพูดกับช้วนสั้นๆ
“ข้าว่าข้าไม่ไปแล้วดีกว่า เออ...เอ็งสองคนไปคุยกันให้เต็มที่เลย ตามสบายเลยนะ” ช้วนได้ยินก็รีบเปลี่ยนท่าทีเพราะเป็นที่รู้กันสองคนกับมีคุณเรื่องโค๊ดลับ มีคุณตั้งโค๊ดลับกับช้วนเอาไว้ ถ้ามีคุณพูดว่าปลาทูทอด ช้วนต้องห้ามทำตัวเป็นก้างขวางคอ ไม่เช่นนั้นช้วนจะอดจีบคุณพลอยประดับและอดกินอาหารดีๆ
มีคุณยิ้มอย่างพอใจที่ช้วนไม่ตามไปเป็นก้างขวางคอก่อนจะจูงมือพานับตังค์ออกมาจากครัว แต่พ้นประตูครัวมาได้นิดเดียวก็ต้องตกใจ เพราะสามหนุ่มสามมุมกับสองสาวฝาแฝดแก๊งเด็กเสิร์ฟยืนออแอบฟังกันอยู่ที่หน้าประตูครัว พอทั้งห้าคนเห็นมีคุณก็รีบเผ่นกันไปคนละทิศคนละทาง เล่นเอานับตังค์ยืนขำจนปวดท้องที่ทุกคนอยากรู้อยากเห็นเรื่องของนับตังค์กับคีตะมากขนาดนี้ ไม่เว้นแม้แต่เจ้าของร้านที่กำลังจูงมือพานับตังค์ออกมาจากครัวและเดินจ้ำอ้าวมาที่ห้องทำงานจนนับตังค์ก้าวตามแทบไม่ทัน ก็คงไม่พ้นอยากจะรู้เรื่องของคีตะเหมือนกับทุกคน
นับตังค์ไม่ได้เล่าเรื่องที่คุยกับคีตะให้มีคุณฟังโดยให้เหตุผลว่ามันเป็นเรื่องระหว่างคีตะกับนับตังค์ แต่บอกให้มีคุณสบายใจว่าการมาครั้งนี้ของคีตะเป็นครั้งแรกที่นับตังค์สบายใจที่สุด มีคุณไม่ได้เซ้าซี้อยากรู้อีกเพราะรู้ดีว่านับตังค์เป็นคนมีเหตุผล หากเป็นเรื่องที่เล่าได้ก็คงเล่ามาแล้ว มีคุณก็แค่เป็นห่วงกลัวว่าคีตะจะทำให้นับตังค์ไม่สบายใจเท่านั้นเอง แต่เมื่อเห็นนับตังค์ไม่ได้มีทีท่าว่าอึดอัดหรือวิตกกังวลอะไรก็พลอยสบายใจไปด้วย
“พี่คุณ ตังมีเรื่องจะคุยด้วย” นับตังค์เดินไปที่กระเป๋าสตางค์ของตัวเองที่เก็บเอาไว้ในลิ้นชักโต๊ะทำงานของมีคุณ มีคุณมองตามไป เห็นนับตังค์ค้นกระเป๋าของตัวเองอยู่แต่ก็เดาไม่ออกว่านับตังค์จะคุยเรื่องอะไร
“อะไร” มีคุณถามเมื่อนับตังค์เอาบัตรเอทีเอมมาวางเอาไว้ให้
“เงินของตังเอง เงินเดือนที่พี่ให้กับเงินเก็บของตัง”
“เอามาให้พี่ทำไม” มีคุณขมวดคิ้วจนนับตังค์ต้องรีบขยับเข้าไปจับมือของมีคุณมากระชับเอาไว้
“อย่าเพิ่งทำหน้ามุ่ยสิ ตังอยากจะช่วยพี่” นับตังค์พูดเสียงอ่อยเพราะกลัวมีคุณจะโกรธที่เข้าไปยุ่งเรื่องส่วนตัว
“ตังรู้ได้ไง แม่บอกเหรอ” มีคุณถามหน้าเครียด
“คุณแม่ท่านนึกว่าพี่บอกตังเรื่องหนี้สินที่ท่านสร้างเอาไว้ พอท่านรู้ว่าตังไม่เคยรู้ท่านก็ตกใจเหมือนกัน ท่านเล่าให้ตังฟังมาหลายวันแล้วล่ะ ตังคิดอยู่นานว่าจะช่วยพี่ยังไงดี”
“ตัง พี่ขอบคุณนะที่อยากช่วย แต่พี่ขอไม่รับนะ เงินของตัง ตังเก็บเอาไว้ทำความฝันของตังให้เป็นจริง” มีคุณยื่นบัตรเอทีเอมคืนนับตังค์
“ฝันของตังเปลี่ยนไปแล้ว ฝันของตังไม่ได้มีแค่ร้านอาหารของตัวเอง แต่มีพี่ มีร้านนี้ มีพวกเรา ไหนพี่ว่าเราเป็นครอบครัวเดียวกันไง” นับตังค์รู้ว่ามีคุณคงไม่ยอมรับเงินจากตัวเองง่ายๆ มีคุณถึงไม่ยอมพูดเรื่องหนี้สินของมารดาให้นับตังค์รับรู้ พอนับตังค์ได้รู้จึงเข้าใจว่าทำไมมีคุณถึงทำทุกอย่างตามพินัยกรรม นับตังค์ยอมรับว่าเห็นใจมีคุณมากเมื่อได้รู้ความจริง
“พี่ยังไหวอยู่ ให้พี่ได้แก้ไขด้วยตัวเองก่อนนะครับ พี่ดีใจที่ตังนึกถึงพี่และดีกับพี่ขนาดนี้ แต่พี่คงจะไม่สบายใจหากเอาเงินก้อนนี้มา”
“ถ้างั้นก็ได้ แต่ถ้าพี่จำเป็นเร่งด่วนอะไรพี่ต้องบอกตังนะ อย่าปิดบังหรือเกรงใจ เงินเดือนที่พี่ให้ตังมันเยอะมากกว่าที่ตังควรจะได้รับ กินก็ฟรี อยู่ก็ฟรี ตังไม่ได้ใช้เงินเลยสักบาท”
“ถ้าอยากให้พี่รับเอาไว้ เราคงต้องเป็นคนๆ เดียวกันก่อน” มีคุณยิ้มเจ้าเล่ห์
“ไอ้หื่น งั้นอดทั้งเงิน อดทั้งคนไปเหอะ” นับตังค์รีบเอาบัตรเอทีเอมไปเก็บ พอนับตังค์เดินกลับมามีคุณก็ดึงนับตังค์ให้มายืนตรงหน้าก่อนจะสวมกอดและซบหน้ากับอกของนับตังค์
“พรุ่งนี้วันหยุดร้าน ตังอยากไปไหนไหม” มีคุณถาม
“ไม่อยากไปไหน แต่อยากให้พี่หัดขี่จักรยาน พี่รับปากตังแล้ว”
“ทำไมอยากให้พี่ขี่จักรยานเป็น”
“ก็โตจะตายแต่ขี่จักรยานไม่เป็นมันอ่อนอะ”
“ทีตังยังกลัวความสูงเลย”
“นั่นมันเป็นโรคชนิดหนึ่งเหอะ”
“ไม่เถียงแล้ว เถียงทีไรก็ไม่เคยชนะ ขอกอดไว้อย่างนี้ก่อนนะ ตัวตังหอมชื่นใจ ใช้น้ำหอมอะไร”
“น้ำปรุงของที่บ้าน ย่าตังทำเอง”
“ถึงว่า กลิ่นเป็นเอกลักษณ์มากเลย หอมจนอยากกิน”
“งั้นต่อไปจะไม่ใส่น้ำปรุงแล้ว จะได้ไม่ต้องมากิน”
“ไม่อยากให้พี่กินถึงขนาดนั้นเชียว” มีคุณเงยหน้ามามอง ทำสายตาอ้อนจนนับตังค์อดไม่ได้ต้องก้มลงมาหอมไปทั่วใบหน้าของมีคุณให้หายหมั่นเขี้ยว
“อ้อนมากๆ ระวังถูกกินเสียเอง” นับตังค์พูดไปก็เอามือมาบีบแก้มมีคุณจนหน้ายู่ไปหมด
“ให้เลือกระหว่างเป็นต้นไม้กับคนสวน ตังอยากเป็นอะไร” มีคุณเอามือของนับตังค์ออกจากแก้มของตัวเองแล้วถาม
“เป็นต้นไม้ เป็นคนสวนเหนื่อยตายชัก เป็นต้นไม้แค่อยู่นิ่งๆ ก็มีคนสวนมารดน้ำใส่ปุ๋ยให้แล้ว” นับตังค์คิดอยู่สักพักแล้วถึงตอบ
“เห็นไหม คนเรามันหนีความจริงไม่พ้น ยังไงพี่ก็ต้องเป็นฝ่ายกินตังอยู่ดี” มีคุณยักคิ้วให้นับตังค์
“ยังไง เกี่ยวกันไหม”
“ก็ตังเป็นต้นไม้ พี่เป็นคนสวน ต้นไม้มันยั่วยวน คนสวนเลยฟันเอา” มีคุณยักคิ้วหลิ่วตารู้สึกเป็นต่อ
“ฮ่าๆๆๆ มุกโคตรทะลึ่งอะ” นับตังค์โถมตัวลงไปทับมีคุณเอาไว้แล้วก็หัวเราะเสียงดัง
“มีอีกเป็นสิบมุกเลยนะ พี่เสิร์ชเอาไว้เพียบ พี่ช้วนบอกว่ามุกแบบนี้ ร้อยทั้งร้อยชนะใจแฟน” มีคุณเห็นนับตังค์ชอบก็ยิ่งพอใจ
“ว่าแล้วเชียว เชื่อใครไม่เชื่อไปเชื่อปู่ชูชก แต่ก็ดี...เคยนึกว่าจะมีแฟนขี้เก๊กไปตลอดชีวิต รั่วๆ แบบน่ารักดี ตังชอบ”
“ชอบก็อยู่กับพี่ตลอดไปนะ” มีคุณจูบที่ปลายคางของนับตังค์เบาๆ
“บอกรักตังก่อน” นับตังค์อยากอ้อนบ้าง
“รักตังครับ”
“เดี๋ยวๆ ขอถ่ายคลิปเอาไว้ก่อน วันไหนเปลี่ยนใจจะเอาไปถ่ายทอดทั่วประเทศเลย” นับตังค์ล้วงกระเป๋ากางเกงหยิบโทรศัพท์ออกมาก่อนจะพยักหน้าให้มีคุณพูดอีกรอบ
“ผม...นายมีคุณ นฤวิทย์ รักนายนับตังค์ มณีรัตน์มากที่สุด จะทำทุกอย่างให้เขาได้อยู่กับผมตลอดไป ผมจะห่วงใย ใส่ใจ จะดูแลเขาให้ดีที่สุด ถึงผมจะโดนแดดจนตัวดำ แต่การกระทำเป็นสีชมพูตลอดไปครับ”
“ฮ่าๆๆ พอๆ ไม่ไหวแล้ว หน้าเซอร์ขนาดนี้มาเล่นมุกแบ้วๆ อะ ไม่เข้ากัน”
“เซอร์ตรงไหน ถึงพี่ไม่ใช่ณเดช แต่ไม่ปฏิเสธว่าหน้าคล้าย”
“แหวะ เซอร์อะถูกแล้ว เซอร์ถุน ฮ่าๆๆ” นับตังค์แกล้งพูดสำเนียงฝรั่งก่อนจะหัวเราะชอบใจที่ว่ามีคุณได้
“หาว่าพี่สถุลเหรอ หืม...ปากดีนักนะไอ้ตัวแสบ” มีคุณจับนับตังค์พลิกลงไปนอนราบก่อนจะจู่โจมจูบจนคนปากดีต้องยกมือยอมแพ้เพราะหายใจแทบไม่ทัน
“บอกรักพี่ก่อน แล้วพี่จะหยุด พี่ขอถ่ายคลิปเหมือนกัน” มีคุณหยิบโทรศัพท์ของตัวเองมากดถ่ายบ้าง
“ต้องพูดด้วยเหรอ” นับตังค์รู้สึกเขินที่ต้องพูด
“ไม่อยากพูดเหรอ” มีคุณทำหน้าหงอย
“ก็ได้ก็ได้ ตังรักพี่คุณ” นับตังค์พูดจบก็คิดว่าพลาดไปแล้วเพราะตัวเองก็โดนมีคุณจูบต่ออยู่ดี
ส่วนทุกคนที่กำลังยืนเอาหูแนบประตูห้องทำงานของมีคุณอยู่ต่างก็เริ่มหน้าแดงแล้วก็ทำตัวกันไม่ถูก จากที่ตั้งใจมาสอดแนมเรื่องของคีตะก็กลับกลายต้องมาเป็นพยานฟังบอสกับเชฟใหญ่เขาบอกรักกัน ขนาดอยู่แค่นอกห้องยังสัมผัสได้ถึงพลังหวานจากด้านในแผ่ทะลุออกมา ทุกคนเลยจำต้องตีหน้าเนียนแล้วแยกย้ายกันไปเตรียมรับลูกค้าในมื้ออาหารเย็นประหนึ่งว่าไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น ยกเว้นช้วนที่ยังเอาหูแนบประตูแล้วหัวเราะเบาๆ หนูด้วงเห็นแล้วก็เอาหูแนบประตูแล้วหัวเราะคิกคักเลียนแบบช้วนบ้าง
“เอาใหญ่แล้วพี่ช้วน มานี่เลย” คุณพลอยประดับหยิกแขนช้วนแล้วดึงมือช้วนให้เดินออกมา
“แต่เมื่อกี้แม่คุณก็แอบฟังเหมือนกันนี่จ๊ะ” ช้วนลูบแขนตัวเองเพราะความเจ็บ
“บ้าเหรอ ฉันแค่มาดูแลความเรียบร้อยแถวนี้ อย่ามาใส่ความฉันนะพี่ช้วน ฉันไม่ได้จะมาสอดแนมสอดส่องอะไรเสียหน่อย” คุณพลอยประดับแก้ตัวเสียงเบา กลัวคนในห้องจะได้ยิน
“แด๊ด มัม เปิดปาตูให้หนูหน่อย หนูจาฉอดแนม ปู่ก้อฉอดแนม ย่าก้อฉอดแนม ชาหนุก เย่นเป็นนักฉืบกัน” หนูด้วงเคาะประตูห้องทำงานอย่างแรงจนช้วนและคุณพลอยประดับสะดุ้งสุดตัว
“พี่ปวดท้อง แม่คุณดูหนูด้วงด้วยแล้วกันนะจ๊ะ พี่ไปล่ะ” ช้วนรีบเผ่นไปอย่างรวดเร็วจนคุณพลอยประดับได้แต่ยืนอ้าปากค้างที่โดนทิ้ง จนมีคุณเดินมาเปิดประตูเธอถึงได้ยิ้มแห้งๆ ให้ลูกชาย
“เอ่อ หนูด้วงเขาคิดถึงลูก แม่เลยพามาส่ง แม่ปวดท้อง ลูกดูหนูด้วงด้วยแล้วกันนะจ๊ะ แม่ไปล่ะ” คุณพลอยประดับไม่รู้จะแก้ตัวยังไงจึงเอามุกปวดท้องแบบช้วนมาใช้บ้างก่อนจะรีบเดินออกไปจากบริเวณห้องทำงานอย่างรวดเร็ว
ส่วนหนูด้วงที่ยืนเอามือไขว้หลังอยู่ก็ยิ้มแฉ่งให้มีคุณก่อนจะเดินเข้าไปในห้องทำงานโดยไม่สนใจเลยว่าแด๊ดของตัวเองกำลังทำหน้าเซ็งโลกอย่างที่สุดที่โดนขัดขวางหนทางรักอีกแล้ว
มีต่อด้านล่างค่ะ
V
V