โปร่งแสง -invisible- (up chapter6.2:26/08/2560)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: โปร่งแสง -invisible- (up chapter6.2:26/08/2560)  (อ่าน 6881 ครั้ง)

ออฟไลน์ moramor

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 9
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
โปร่งแสง -invisible- (up chapter6.2:26/08/2560)
« เมื่อ31-03-2017 23:20:49 »

***************************************************************************************
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-08-2017 17:42:03 โดย moramor »

ออฟไลน์ moramor

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 9
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: โปร่งแสง -invisible-
«ตอบ #1 เมื่อ31-03-2017 23:24:25 »

[INTRO]: แด่ความโปร่งแสง

Invisible บางทีการหายตัวไปของใครบางคนจากชีวิตเรา เป็นเพราะเราแค่เลือกที่จะมองไม่เห็นกันอีกต่อไปหรือเปล่า
-greasy cafe-

เรานั้นเป็นเพียงส่วนนึง
เธอ ฉัน เป็นเพียงส่วนนึงที่เป็น
เมื่อทุกๆการขยับ เคลื่อนไป
ของช่วงเวลาที่ขาดหายไป
อาจไม่มีมีการเชื่อมต่อของสิ่งใด

แม้แต่เธอ กับ ฉัน …

ถ้านี่คือช่วงเวลาที่เราขาดการเชื่อมต่อจริงๆ มันก็คงราวกับเราตายจากกันไปแล้ว
ไม่ได้พบเจอหรือพูดคุยกันอีกนับตั้งแต่วันนั้น
วันที่มันเดินออกไปจากชีวิตผม

“พู่! ได้มาแล้วเว้ย” เสียงดังขึ้นจากข้างหลัง ทำให้ผมละมือจากการลงแสงและเงาในรูปวาดตรงหน้า ผมรู้ทันทีว่ามันคือ ข่าวดี !

“ไหนวะ?” บัตรกระดาษแข็งขนาดเท่าบัตรเอทีเอ็มถูกยื่นมาให้ ภาพพื้นหลังฉายชัดในแววตาเป็นรูปท้องฟ้าอันมืดมิด แต่กลับดูสวยและเหงาอย่างน่าประหลาด ตัวหนังสือสีขาวที่ถูกพิมพ์เหนือรูปท้องฟ้าเหล่านั้น

-ภายใต้ท้องฟ้าสีดำ-

นิ้วชี้ลูบไล้วนที่ตัวหนังสือ ในใจรู้สึกดีใจระคนความเจ็บปวด
ทำให้หัวใจผมมันเต้นช้าลงอย่างยากเย็น
เหมือนว่าจะหายใจต่อไปแต่ละครั้ง ช่างทรมานเหลือเกิน

“กว่ากูจะได้มาแม่ง นี่ให้ไอ้กิมที่เป็นสโมจองให้เลยนะเว้ย ขอบคุณกูซะ”

“เออ ขอบคุณ” ขอบคุณจริง ๆ ที่มึงหามันมาได้

“บัตรแม่งหมดไวอย่างกับลด แลก แจก แถม นี่ถ้ากูไปแล้วเห็นพี่เล็กตัวเท่ามด กูจะยิงทิ้งแม่งให้หมด”

“กูว่าระเบิดเลยเหอะ” เพื่อนอีกคนของผมเห็นพ้องต้องกัน

ใช่แล้วครับ บัตรที่ผมเพิ่งได้รับมาจากไอ้พีมันคือบัตรคอนเสิร์ตประจำปีที่คณะสื่อสารมวลชนเป็นคนจัดในคอนเซ็ปต์คือ
‘ภายใต้ท้องฟ้าสีดำ คอนเสิร์ตสีดำ ของคนโดนเท’

จริง ๆ ผมไม่ได้สนใจคอนเสิร์ตครั้งนี้สักเท่าไหร่ แต่อาจเพราะศิลปินที่มาคือ greasy cafe ถึงทำให้ผมตาลุกวาว
วันที่เขาทำการโปรโมทคอนเสิร์ตล่วงหน้านั้น ใครบางคนเดินมาบอกกับผมว่ายังไงก็จะพาผมไปดูพี่เล็กให้ได้
ยังไงก็จะหาบัตรมาให้ และยังไงเราก็จะได้ไปดูด้วยกัน

แต่แล้วยังไง?....
ทำไมวันนี้เหลือเพียงผมคนเดียว ?
แค่เห็นหน้าบัตรก็ปวดร้าวไปถึงขั้วหัวใจแล้วว่ะ
กับคำพูดที่ถ้าทำไม่ได้จะพูดไปทำไม?

“แล้วเดี๋ยวทำงานเสร็จกลับหอเลยป่ะ กินข้าวกันๆ” ไอ้โซ่เอ่ยถามขึ้น

“เออ ดีๆ”

“กูว่าจะไปหอศิลป์ก่อน” ผมตอบเพื่อนทั้งสองคน

“อีกแล้วหรอวะ? มึงจะไปทำห่าไรนักหนา แม่มึงสร้างห้องน้ำไว้ให้ที่นั่นหรือไงไอ้พู่?”

“เปล่า”

“กูว่ามึงไปกินข้าวกับพวกกูเหอะ”

“ไม่ได้จริงๆว่ะ วันนี้กูต้องไปหอศิลป์” ผมพูดและรีบเก็บของทั้งดินสอ คัตเตอร์ ยางลบ กระดาษม้วนเข้ากระบอกฟิล์มอย่างเร่งรีบ ไม่สนใจเสียงเพื่อนสองคนที่โวยวายตามหลังมา

ขอโทษจริงๆว่ะ
วันนี้วันครบรอบของกูพอดี

ผมใช้เวลาไม่นานโดยการขี่เวสป้าคันโปรดสีครีมมาถึงหน้าหอศิลป์
จอดรถไว้แล้วเดินเข้าไปข้างในอย่างช้า ๆ
รู้สึกปวดหนึบที่อกข้างซ้าย อีกแล้ว…

โชคดีที่วันนี้คนไม่เยอะ และข้างในก็มีนิทรรศการภาพถ่ายของนักศึกษาพอดี
เป็นเรื่องบังเอิญเหลือเกิน เพราะผมไม่รู้มาก่อนว่าวันนี้จะมีการแสดงภาพถ่าย
ผมหยิบโบร์ชัวของงานขึ้นมาอ่าน
สายตาไล่ไปทีละรูป ทีละรูป จนบังเอิญเจอเข้ากับ..

-ละอองแสง-
สีชา ศาสตราดรุณ

ไม่รู้ว่านิ้วมันสั่นตอนไหน ไม่รู้ว่าทำไมหัวใจถึงร้องไห้ออกมา
เพียงแค่พบว่า ผลงานชิ้นนี้เป็นของเขา เขาคนนั้น

ผมพาตัวเองด้วยหัวใจที่สั่นไหว มาหยุดตรงหน้ารูปถ่ายของเขา
ภาพระเบียงห้องที่คุ้นเคย รายล้อมไปด้วยต้นไม้และท้องฟ้าสีดำสนิทบ่งบอกถึงความหดหู่
นิ้วเรียวสวยที่ผมยังจำได้ดีว่าตอนสัมผัสมันอบอุ่นแค่ไหนกำลังคีบบุหรี่ในมือ
ควันสีเทาอมขาวพวยพุ่งลอยล่องอยู่เหนืออากาศให้ความรู้สึกสับสนและไม่ชัดเจน
คิดถึง คิดถึงมือคู่นั้นเหลือเกิน
ผมหลับตาลงช้า ๆ ปล่อยให้สัมผัสที่มือของเราเชื่อมถึงกัน แม้อีกฝ่ายจะเป็นแค่เพียงรูปถ่าย

ตึก ๆ ๆ

แม้หัวใจจะยังเต้นอยู่ แต่มันกลับเต้นอย่างยากเย็น
ทุกวินาทีบีบหัวใจ เจ็บปวดรวดร้าวจนผมนึกสงสัยว่าตัวเองทนมาได้ยังไงนานขนาดนี้

‘ความรักที่สวยงามมันไม่มีอยู่จริง
แม้เจอเธอแล้ว มันก็ไม่มีอยู่จริง’

ผมอ่านคำบรรยายสั้นๆ ของภาพที่อยู่ภายใต้ชื่อของเขา

ถ้าสำหรับเขาความรักมันไม่มีอยู่จริง
แล้วสิ่งที่อยู่ในใจผมมาตลอดหนึ่งปี มันคืออะไร?
ตอบสิ มันคือเหี้ยอะไรวะ?

ผมไม่สนใจว่าใครจะด่า หยิบปากกาหมึกซึมสีดำ เขียนลงไปข้างล่างคำบรรยายใต้ภาพนั้น

‘30/11/2557 วันนี้เมื่อปีที่แล้ว’

ใช่! วันนี้เมื่อปีที่แล้วเขากับผมเรายืนอยู่ด้วยกันตรงนี้ ที่นี่
และมันเป็นวันเดียวกันกับที่เขาบอกเลิกผม
ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเหตุผลคืออะไร
ไม่มีคำใดที่ผมเอื้อนเอ่ย ได้แต่มองดูเขาเดินจากไป
เห็นแต่เพียงแผ่นหลังที่ห่างออกไปช้า ๆ พร้อมน้ำตาที่ไหลลงมา
ไม่กล้าแม้จะถามว่าทำไม ไม่แม้แต่จะรั้งเขาไว้ผมก็ไม่กล้าทำ

ครบรอบหนึ่งปีแล้วสินะ
กับหัวใจที่มันเริ่มต้นใหม่ไม่ได้อีกแล้ว
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31-03-2017 23:28:34 โดย moramor »

ออฟไลน์ moramor

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 9
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: โปร่งแสง -invisible-
«ตอบ #2 เมื่อ01-04-2017 15:22:22 »

CHAPTER1: แล้ววันแรกของเราก็ได้เริ่ม

“ไอ้พู่มึงจะแต่งหล่อห่าไรนักหนา กูดับหมด ไอ้เหี้ย” ตั้งแต่ผมเดินเข้ามาในงาน เสียงไอ้เพื่อนตัวดีก็ยังบ่นไม่เลิก ผมก้มลงมองตัวเองแล้วให้ขมวดคิ้วมุ่น ผมว่าผมแต่งตัวปกตินะ

“เออ กูเห็นด้วยกับมึงไอ้พี”

“กูแต่งตัวต่างจากปกติตรงไหนวะ?” ผมขมวดคิ้วยุ่งเป็นรอบที่สองเมื่อเพื่อนอีกคนสมทบความคิด

“เออ ปกติก็ได้ กูแค่หมันไส้ ตั้งแต่เข้ามาแม่งมองแต่ไอ้พู่กัน”

“มึงจะมาหาแฟนหรือมาดูพี่เล็ก” ผมสวนกลับไปทันที

“เออจริงของไอ้พู่มัน” ไอ้โซ่ได้ทีเปลี่ยนข้าง เขยิบตัวมายืนข้างผมทันที

“ก็มันงานคนโดนเท ใครเซมากูต้องรับหมดเว้ย”

“ถุ้ย! ไอ้เชี่ยพี คลำไม่เจอหางมึงก็เอาหมด”

“น้อยๆหน่อยไอ้โซ่ มึงต่างกับกูมากมั้ง คราวที่แล้วท่าช้างนี่ยังไงครับ?”

“อะไร๊!”

“พูดถึงท่าช้างแล้วกูว๊อนว่ะ”

ผมเดินไปพลางฟังเพื่อนสองคนเถียงกันไปด้วย ทำไมผมต้องมาอยู่ตรงกลางระหว่างพวกมัน ปวดหัว ผมเลยย้ายตัวเองออกมาอยู่ริมสุดฝั่งซ้ายทันที และเพียงขยับไม่ถึงวิเดียวด้วยซ้ำ ไอ้สองคนมันหันขวับจ้องมองจนผมเผลอสะดุ้ง

“ไปไหม!?” สองเสียงประสานกันซะดังจนคนเดินผ่านไปผ่านมาเหลือบมอง

“ไม่!” ตอบแบบไม่ต้องคิดเลย

“โถ่วพู่ มึงไปเหอะ มึงไม่ไปร้านเหล้ากับพวกกูมาเป็นปีแล้วนะเว้ย”

เพราะรู้ดีว่าร้านที่เอ่ยถึงคือร้านโปรดของใครบางคน
มันกับเพื่อนๆของมันมักชอบไปร้านนั้นราวกับตัวเองเป็นหุ้นส่วนคนสำคัญ จึงไม่แปลกที่ผมไม่คิดจะย่างกรายไปแน่นอน

ไม่ได้อยากเจอขนาดนั้น
ไม่ได้อยากรับรู้ถึงการใช้ชีวิตของมันที่ไม่มีผมแล้ว
ไม่ได้อยากเห็นมันมีความสุขได้โดยปราศจากผม

“เออจริง มึงจะอินดี้ห่าอินดี้เหวเหี้ยไรจริงจังวะ วันๆนะกูเห็นมึงก็เอาแต่วาดรูป ไปหอศิลป์ ขี่ไอ้เน่าของมึงขึ้นเขาบอกไปหาคอนเซ็ปต์วาดงานบ้าง พวกกูสองคนนี่มึงไม่เอาแล้วใช่ไหม?”

ทำไมจะไม่เอา ก็แค่อยากให้เวลากับตัวเอง
แค่อยากทำให้ตัวเองดีขึ้นเท่านั้น
เพราะทุกครั้งที่ผมใช้ความคิด หรือปล่อยตัวไปกับธรรมชาติและสิ่งรอบข้าง
มันทำให้ผมลืม ลืมคิดถึงใครคนนั้นไปได้บ้าง

“ไม่รู้แหละ ถ้าคราวนี้มึงไม่ไปกูจะเอาเหรียญสิบไปขูดไอ้เน่ามึง”

“อย่ายุ่งกะรถกู แล้วจะไม่ดูแล้วใช่ไหม?” ถามขึ้นเพราะตอนนี้เราหยุดยืนคุยหน้าประตูทางเข้าคอนเสิร์ตมาได้สักพักแล้ว

“พี่เล็กกกกกกกกกกกกกกกก” สิ้นเสียงผมไอ้โซ่ก็ตะโกนอย่างลืมตัววิ่งโร่ตรงเข้าไปทางเวลาที ทำให้ไอ้พีรีบถลาเข้าไปกอดคอแล้ววิ่งไป
ด้วย ผมส่ายหัวอย่างเหนื่อยหน่าย แล้วเดินตามเข้าไป

ผมชอบบรรยากาศของมอในเวลานี้รอบข้างปกคลุมไปด้วยต้นไม้ บรรยากาศหน้าหนาวให้ความรู้สึกเย็นชื่น พื้นที่โล่งติดกับอ่างน้ำขนาดใหญ่ ให้ความรู้สึกได้ดีทีเดียว คนในงานจับจองพื้นที่หน้าเวทีกันจนแน่นขนัด

“อีกเพลงเดียวพี่เล็กจะขึ้นแล้ว” ไม่รู้ว่าผมโยกตัวไปตามเพลงนานเท่าไหร่ รู้แค่ว่าทุกวงที่ขึ้นมาร้องแม่งพกเพลงเศร้าอกหักกันมาเต็มแม็ค ตามคอนเซ็ปต์ของงาน น้ำตาไม่ไหลออกมาก็บุญหัวผมแล้ว

“กูว่าไปข้างหน้าอีกดีกว่าว่ะ ตรงนี้ไม่น่ามองเห็น” ด้วยข้างหน้าพวกผมมีกลุ่มผู้ชายตัวโข่งบังเต็มตาทำให้ไอ้โซ่ที่นึกเห็นใจเดินนำเบียดฝูงชนไปยืนตรงกลางเวที มีที่ว่างพอให้ผมสามคนแทรกไปได้ ระหว่างที่เรากำลังเดินไปเป็นจังหวะเดียวกันกับพี่เล็กขึ้นเวทีพอดี

เสียงดนตรีคุ้นหู ดังขึ้นผะแผ่ว
ทำนองเนิบช้า ราวกับตรึงหัวใจผมให้เข้าไปอยู่ในห้วงทำนองแห่งนั้น
และอาจเป็นเพราะทุกคนกำลังจมลงไปในความรู้สึก รอบข้างจึงได้เงียบสงัด มีเพียงเสียงดนตรีที่ยังคงดังต่อเนื่อง

“ไอ้ชา! ทางนี้!”

เสียงกลุ่มคนที่อยู่ข้างซ้ายมือผมเรียกใครบางคนทางข้างหลังดังขึ้นฝ่าความเงียบ
เพราะชื่อนั้น
เพราะแบบนั้นผมจึงหันขวับไปมองตามทันที

ผู้ชายร่างสูงคนหนึ่งกำลังเดินเข้ามา เราสบสายตากัน
ไม่มีคำพูดใด ๆ
เขาเพียงหยุดเดินแล้วมองมาที่ผม
และผมที่บังคับตัวเองให้หันกลับไปไม่ได้เลย

เขายังคงเป็นเขาคนเดิม
ร่างสูงหน้าคม ผิวใสสีแทน
ผมยาวหยักศกเล็กน้อยประบ่ากว้าง
คิ้วเรียว ตาเรียว จมูกโด่งเป็นสัน
ปากหยักได้รูปสีเข้ม

ผม…

ตึก ๆ ๆ

ผมคิดถึงเขา!

ผู้ชายที่ชอบใส่เสื้อลายดอกไม้ใบหญ้า
กับกางเกงทรงกระบอกสีเบจ
รองเท้า Converse Jack Purcell limited edition ราคาแพง
พร้อมแว่นทรงกลมที่ห้อยตรงอกเสื้อ

ผู้ชายที่โครตหล่อมีเสน่ห์และน่าค้นหา
ผู้ชายที่ใครๆ ก็ชอบและหลงใหล
ผู้ชายที่เป็นคนดังของสาขาออกแบบ
ผู้ชายที่เคยเป็นของผม…

แค่เพียงสบตากันเหมือนเวลาตอนนี้มันหยุดเดินไปแล้ว
เรื่องราวของผมและเขาสะท้อนกลับขึ้นมาในสายตา
อาจเป็นเพียงไม่กี่นาทีในโลกความเป็นจริง แต่มันเหมือนแสนล้านนาทีในความรู้สึกของผม
สายตาของ ‘ชา’ มันทำผมบ้า…

-ถ้าหากว่าฉันได้รู้มาก่อน
เมื่อตอนที่เธอนั้นเดินเข้ามา
และเธอก็โปรยสายตา
แล้ววันแรกของเราก็ได้เริ่ม-

เสียงพี่เล็กดังขึ้น สติของผมและเขาต่างกลับมา เขาเดินเข้าไปหากลุ่มเพื่อนกลุ่มใหญ่ ผมจึงหันกลับมา และแน่นอนว่าเพื่อนทั้งสองคนของผมมันคงเห็นแล้ว เพราะไอ้โซ่ที่อยู่ข้าง ๆ ยกมือขึ้นมาตบบ่าสองทีอย่างต้องการปลอบใจ

เสียงนุ่มลึกของพี่เล็ก ดึงผมกลับเข้าไปอยู่ในเพลง ทุกความหมายสะกดราวกับตกลงไปในหลุมดำแห่งความเจ็บปวด
ในใจมันหน่วงจนปวด ต้องกุมมือตัวเองแน่นเพราะอยากระบายความเสียใจ
รู้สึกร้อนผ่าวที่ขอบตาและปลายจมูก

เราหายจากกันไปเป็นปีแล้ว
เราต่างใช้ชีวิตของใครของมัน ไม่ได้เกี่ยวข้องกัน ไม่ได้มีชีวิตร่วมกันอีกนับจากวันนั้น
ต่างก็กลับไปเป็นในแบบที่เราเคยเป็น
ในแบบที่ก่อนเราเคยเจอกัน

วันนี้ผมไม่รู้ว่าเขาจะเป็นยังไงบ้าง จะสบายดีไหม
จะมีใครใหม่ไปหรือยัง?
แต่ผมยังคงเป็นคนเดิม
ยังรักเขาแบบเดิม…

เขาอาจจะลืมผมไปแล้ว
อาจจะลืมจนจำไม่ได้ว่าผมเป็นใคร
อาจจะลืมว่าผมเคยเป็นส่วนนึงของเขา
ลืมราวกับว่าผมไม่เคยมีตัวตนอยู่ในสายตา

หรือไม่ก็อาจจะตั้งใจลืม
เพราะไม่ได้ตั้งใจจะจำตั้งแต่แรก

-เราคงเป็นคู่ที่ดีที่สุด
ถ้าเพียงไม่รู้ว่าเธอต้องไป
ฉันเองจะไม่เสียใจ
ฉันยังเหลือหัวใจให้ใครได้อีก-

นั่นสิ ผมจะเริ่มต้นใหม่กับใครได้อีก? ยังเหลือหัวใจไว้รักใครอีกในเมื่อให้เขาไปหมดแล้ว
เจ็บชิบหายเลยว่ะ! เหี้ยเอ๊ย!!

“มึงโอเคปะวะ?”

ไอ้พีที่มองผมทีสลับกับเหลือบมองไปข้าง ๆยังกลุ่มที่ชายืนอยู่
ผมไม่ได้ตอบเป็นคำพูด แต่เลือกจะส่ายหน้าไป

โอเคก็เหี้ยล่ะ
จะโอเคได้ไง
ก็มันลืมไม่ได้
ยังจำเรื่องของมันได้หมด
เจ็บจะตายห่าแล้ว
แค่เห็นก็ปวดร้าวไปทั้งก้นบึ้งหัวใจ

“มันมองมึงอ่ะ เอาไงดีวะ?”

“ช่างหัวพ่อมันสิ มองได้ก็มองไป ไอ้พู่มึงเลิกทำหน้าเหมือนจะตายห่า แล้วทำหน้าสนุกเดี๋ยวนี้ ให้มันเห็นไปเลยว่าทิ้งมึงไปมึงก็ยังอยู่ได้ ไม่ได้ตาย!”

ทำหน้าสนุก?
สนุกยังไงได้
นี่พี่เล็กไม่ได้ร้องเพลงเศร้าอยู่หรอ?

“เร็วไอ้พู่! ทำหน้าสนุกเดี๋ยวนี้!” ไม่พูดเปล่า ไอ้โซ่สลับที่ให้ผมไปยืนตรงกลาง มันสองคนกอดคอผมแล้วกระโดดร้องเพลงตามที่เล็ก

เฮ้ย ได้หรอวะ?

จบเพลงแรกไปแบบงงๆ ไม่เข้าใจว่าทำไมผมต้องทำอะไรตามที่เพื่อนมันบอก แต่เหมือนหัวสมองมันไม่สั่งการแล้ว
ที่รู้สึกตอนนี้คือที่ใจมันเจ็บเหมือนโดนเหยียบซ้ำๆ

“ไอ้เหี้ยพู่! มึงจะมองมันทำไมจริงจังวะ?”

“เออ เลิกเหลือบมองมันได้แล้ว กูแม่งอยากจะควักลูกตามึงแล้ว”

“ไอ้เหี้ยนั้นก็มองมาอยู่ได้ ทีงี้ทำมาเป็นมอง ตอนจะทิ้งไปไม่มองกลับมาบ้างล่ะ”

“เลิกมองเลยมึงอ่ะ!” หัวผมถูกหมุนให้มาตั้งตรงตำแหน่งเวทีดังเดิม ก็แค่อยากเห็น อยากรู้ว่าไม่เจอกันหนึ่งปีแล้วมันจะเป็นยังไงบ้าง ไม่มีวันไหนเลยที่เราบังเอิญจะเจอกัน แม้จะอยู่ม.เดียวกัน คณะเดียวกัน แต่คนละสาขา แต่เพราะความที่เป็นคนละสาขานี่ล่ะถึงทำให้ไม่เจอกัน ตึกเรียนก็คนละที่แล้ว

พี่เล็ก!
โฟกัสพี่เล็กสิวะ พู่กัน!

และแล้วก็มาถึงเพลงสุดท้าย เพลง ภายใต้ท้องฟ้าสีดำ ที่เข้ากับคอนเซ็ปต์ของงาน แค่ขึ้นทำนองผมก็จำได้ทันที เพราะผมโครตติ่งพี่เล็กเลยเหอะ ไม่รู้ว่าตอนนี้ชาจะยังชอบพี่เล็กอยู่เหมือนเดิมไหม เขายังจำเพลงที่เราร้องด้วยกันได้อยู่ไหม และเขายังจำได้ไหมว่าเพลงนี้…

-ถ้าหากการพบเจอสิ่งหนึ่ง ที่สวยงามกว่า
สิ่งใดๆ ที่ผ่านมา ตราบชั่วเวลา
สิ่งที่เป็น ยิ่งกว่าสิ่งใด ที่เกินอธิบาย
ตรงคำที่มี ที่เกินรับรู้ ด้วยการมองเห็นด้วยตา

ผมปิดตาลงช้าๆ

ถ้าหากจะมีใครสักคน เดินเข้ามา
ในช่วงเวลาความยากเย็น ที่ฉันเป็นอยู่
และคนๆ นั้น ได้ทำให้รู้ ว่าการมองเห็น ไม่ใช่ทุกอย่าง
และคนๆ นั้น จะโอบมือฉันประคอง

จงปิดตาลง และหยุดภาพนี้ ที่มีเราอยู่
ลองปิดตาดู และปล่อยให้ความรู้สึก
พาเราหนีไป

ภาพงดงามที่เกิดจากใจ ย่อมมีความหมายเกินกว่า
ด้วยการรับรู้ ที่เกิดจากตา อาจมีความหมายสูญเปล่า

จงปิดตาลง และหยุดภาพนี้ ที่มีเราอยู่
ลองปิดตาดู และปล่อยให้ความรู้สึก
พาเราหนีไป

ในที่ๆ มีเราสองคน ในที่ๆ มีเราสองคน
ในโลกที่มีเราสองคน ภายใต้ท้องฟ้าสีดำนี้-

เขาจะจำได้ไหมว่าเพลงนี้ที่เขาบอกให้ผมลองปิดตาฟัง
วันที่เราจับมือกันอยู่บนยอดเขาที่สูงสุดของประเทศไทยในหน้าหนาว
จำได้ไหมว่า เขาบอกรักผมครั้งแรกหลังจากฟังเพลงนี้จบ…

ผมลืมตาที่คลอน้ำตาขึ้นมาหลังจากดนตรีเงียบลงแล้ว
และมันเป็นสิ่งที่ชี้ชัดแน่แล้วว่าผมไม่สามารถยืนอยู่ตรงนี้ต่อไปได้อีก

ผมหันหลังเดินออกมาพร้อมน้ำตาที่ไหลลงอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด
ผมเจ็บปวด ที่หัวใจผมกำลังร้องไห้อยย่างหนักจนต้องยกมือขึ้นมาปิดปาก
ไม่ต้องการที่จะให้เสียงสะอื้นเล็ดลอดออกมา
ทรมานที่หัวใจเหลือเกิน

ไม่รู้ว่าเดินออกมาจากตรงนั้นไกลแค่ไหน
รู้ตัวอีกที่ผมก็ไม่ไหวแล้ว
ทรุดตัวลงนั่งข้างพุ่มไม้ และปล่อยให้เสียงสะอื้นที่พยายามกักกั้นไว้ดังออกมา
ความเจ็บกระแทกขึ้นมาจากหัวใจ
มันแล่นไปทั่วร่างกายจนปวดร้าวไปหมด
มือที่สั่นอย่างไม่สามารถควบคุมตัวเองได้เลย
ขาอ่อนแรงจนต้องเอนเพื่อให้พุ่มไม้ช่วยพยุงร่างผมไว้

เขาทำได้ไง
เขาทิ้งผมไปได้ไง
ทั้ง ๆ ที่ผมยังเหลือความทรงจำมากมายขนาดนี้
ทั้ง ๆ ที่หัวใจผมมีแต่เขา
ทั้ง ๆ ที่ผมเริ่มใหม่ไม่ได้แล้ว แต่ก็กลับไปไม่ได้ด้วยเช่นกัน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-04-2017 18:35:14 โดย moramor »

ออฟไลน์ ณัฐฐา

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 17
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: โปร่งแสง -invisible-
«ตอบ #3 เมื่อ01-04-2017 23:50:19 »

อ่านจบตอนนี้แล้วรู้สึก  :a5:  :hao5:  อีกคนที่จำได้ทุกอย่างกับอีกคนที่ไม่เคยคิดถึงเลย เรื่องนี้จะไม่ดราม่าใช่ไหมค่ะ แง  :o12:

ออฟไลน์ wonderbe

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 754
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-2
Re: โปร่งแสง -invisible-
«ตอบ #4 เมื่อ02-04-2017 07:38:26 »

เหมือนเคยอ่านเลยหรือเราคิดไปเอง  :hao4:

ออฟไลน์ moramor

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 9
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: โปร่งแสง -invisible-
«ตอบ #5 เมื่อ04-04-2017 18:32:52 »

CHAPTER2: แต่ความสัมพันธ์ที่มันล่วงเลยไป

“พู่! มึงจอดรถเดี๋ยวนี้!” เสียงตะโกนตามหลังมา

หลังจากที่ร้องไห้จะเป็นจะตาย ผมก็เดินกลับมาที่รถด้วยดวงตาแดงก่ำ เจอเพื่อนสองคนยืนรอ ผมไม่สนใจอยากจะคุยกับใคร ควักกุญแจขึ้นรถได้ก็ขี่ออกมา และแน่นอนด้วยอารมณ์แบบนี้ผมไม่พร้อมคุยกับใคร ไม่พร้อมกลับหอ

ที่ ๆ ผมคิดออกในหัวตอนนี้
ดอยอินทนนท์…

กว่าจะไปถึงก็เช้ามืดพอดี ทำให้ผมได้มายืนมองพระอาทิตย์กำลังขึ้นขอบฟ้า
แสงสีส้มเผลอให้นึกถึงใครบางคนที่เคยยืนเคียงข้างดูพระอาทิตย์ด้วยกันตรงนี้

ไม่เห็นจะสวย!
ท้องฟ้าไม่เคยสวยเลยสักวัน
ตั้งแต่ที่ไม่มีชา…

ผมลงจากดอยและถึงหอในเวลาดึก เสียงโทรศัพท์ที่ดังไม่หยุดมาทั้งวันชวนปวดหัวให้ปิดเครื่องหนี
ขอแค่พักกายพักใจวันนี้วันเดียวเท่านั้นแหละ
พรุ่งนี้จะกลับไปเข้มแข็ง

สัญญา…


“ห๊ะ!!! ดอยอิน?”

“ไอ้เหี้ยพู่ ถ้ามึงทำแบบนี้อีกพวกกูจะเลิกคบกับมึงแล้วนะ!”

“ดีนะมึงไม่ตกเขาตายห่าตายเหวไปแล้ว พวกกูเป็นห่วงมึงแทบจะเป็นจะตายรู้ตัวบ้างไหมวะ!!” เสียงเพื่อนตัวดีสองคนยังไม่เลิกบ่น มันรู้ดีอยู่แล้วว่าวันนั้นผมไม่กลับหอแน่ และมันก็เป็นห่วงแทบจะลากผมลงจากไอ้เน่าให้ได้ มันแค่คิดไม่ถึงว่าผมจะบ้าขี่ไปถึงดอยอิน

“เออๆ รู้แล้ว”

“พูดแล้วกูขึ้น ทำไมมึงไม่ลืมมันไปสักทีวะคนแบบนั้น ไม่เห็นแม่งจะหล่อเหี้ยไรเลย!”

“แหม ไอ้พี กล้าพูด! ไม่หล่อเหี้ยไรเล๊ยยยยย เมื่อวานก่อน หลังจบคอนเสิร์ตไม่เห็นหรอว่าสาวมาขอเบอร์ไอ้ชากะ.. อุ๊บ” ยังไม่ทันที่โซ่จะพูดจบ ไอ้พีก็รีบเข้าไปตะครุบปากไว้ทันที ผมเหลือบมองนิดหน่อย แต่ก็พยักหน้าให้ว่าไม่เป็นไร

ผมชินแล้วล่ะ
ตอนคบกันก็เป็นแบบนี้
เขามักจะถูกคนอื่นเข้าหาอยู่ตลอด
ใครๆก็ชอบชาทั้งนั้น
แม้แต่เพจของเด็กมหาลัยยังลงรูปชาบ่อย ๆ
พร้อมสรรพคุณที่ไม่โอ้เวอร์เกินจริง อย่าง….

‘พี่ชา ยิ้มทีละลายไปถึงหัวใจ ใครได้ไปครองคงขึ้นสวรรค์กระอักความอบอุ่นตาย’

เสียงไอ้โซ่อ่านแคปชั่นในเพจหนึ่งที่เด็กในมอเป็นคนตั้งขึ้น เพจนี้เพิ่งอัพเดทรูปไอ้ชาที่ไปดูคอนเสิร์ตเมื่อวานก่อนลงโซเชียล

“ขนาดนั้ยเลย เหอะ!” ไอ้พียังคงค่อนแคะไม่เลิก

“คอมเม้นท์โครตอวย มึงดู”

“หนูช๊อบชอบ คนอะไรคุยด้วยแล้วจะลายทุกที ความอบอุ่นแผ่รังสีทีหนูพร้อมแหก! เอ๊ย พร้อมแหลกสลาย หลงรักผู้ชายเซอร์อยากให้เธอมาเป็นพ่อของลูก” ไอ้พีดัดเสียงเล็กเสียงน้อยเลียนแบบราวกับตัวเองเป็นผู้หญิง

“นั้นผู้หญิงเม้นต์หรอวะ น่ากลัว!”

“มีอีกนะมึง คนอะไรโครตเฟลนลี่ น่ารักแบบนี้ไม่ให้รักได้ไง #ชมรมคนอยากกินชาชัก #สมาคมนิยมผู้ชายเซอร์”

ผมนั่งฟังเพื่อนสองคนที่นั่งส่องเพจมหาลัยอย่างออกรส โดยไม่คิดจะพูดอะไรออกไปสักคำ

ไม่แปลกหรอกชาเป็นคนแบบนี้ไงใครๆถึงชอบ
เขาเป็นคนในแบบที่พอมองแล้วยิ่งอยากมองมากขึ้นอีก
ยิ่งอยากมองมากขึ้นก็ยิ่งอยากเข้าไปคุยด้วย
เป็นคนที่มีแรงดึงดูดอยู่เสมอ
เขาคุยได้กับทุกคนที่เข้าหา แม้ตอนที่เราคบกัน เขาก็ยังเฟรนลี่กับทุกคน

“ทำไมแฟนเก่ามึงฮอตจังวะ?” ไอ้โซ่หันมาถาม

“ไม่รู้ ไม่มีกูแล้วชีวิตดีมั้ง” ตอบไปแบบนั้นแต่ข้างในหัวใจกลับรู้สึกเจ็บแปลบ มือที่กำลังวาดรูปชะงักไปเพราะคำว่า ‘แฟนเก่า’

“เนี่ยยยย เก๋ปะล่ะเพื่อนกู ชอบตอกย้ำความเจ็บปวดให้ตัวเอง”

“เฮ้ยๆ มีคนไปตั้งกระทู้ในพันทิปด้วยวะ อยากได้พี่ชาเป็นแฟน ผมต้องทำอย่างไรดีครับ?”

“เหยดดดด เข้า ๆ มึงเข้าด่วนไอ้พี” ทำท่าไม่สนใจไปแบบนั้น แต่หูพึ่งฟังบทสนทนาของสองเพื่อนแล้ว

“ผมขอบอกก่อนเลยนี่เป็นกระทู้แรกของผม และยืมแอคเคาท์ของเพื่อนของป้าของลุงที่เป็นพี่ชายแม่ข้างบ้านมานะครับ”

“เดี๋ยวๆ กูมีข้อสงสัย” ไอ้โซ่ขัดขึ้นทันทีที่ไอ้พีเริ่มอ่านเนื้อหาในกระทู้ยอดฮิต

“อะไรวะ?”

“ทำไมอิพวกคนตั้งกระทู้ชอบขึ้นแพทเทิร์นเดิมแบบนี้เหมือนกันเลยวะ มันcopy paste หรือเปล่า?”

“เออว่ะ หรือมันคือขั้นพื้นฐานมาตรสากลระดับพันทิป? ใครไม่ทำผิดกฎโดนนักสืบแหก”

“เออๆ ช่างเหอะ ต่อๆ ดูไอ้พู่มันขมวดคิ้วอยากจะรู้แย่แล้ว”

“กูเปล่า” ผมปฏิเสธออกไปอย่างโง่ๆ เพราะยังไงการแสดงออกมันก็ชวนให้เห็นความจริงอยู่แล้ว

“เหรอออออออ!”

“อ่ะ ๆ ต่อ ผมเรียนอยู่คณะบริหารปี1ครับ วันนั้นเจอพี่ชามากินข้าวที่โรงอาหาร พี่เขาหล่อ พี่เขามีเสน่ห์ และน่าค้นหา ผมไม่รู้ว่าตัวเองตกหลุมรักพี่เขาได้ยังไงตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็น แต่พอเห็นพี่เขายิ้มแล้วผมก็ละลายทันที แพ้ผู้ชายผมยาวคนนั้น ผมอยากให้เพื่อนๆชาวพันทิปช่วยผมหน่อยครับ ผมอยากรู้ว่าพี่ชาเขาชอบผู้ชายหรือเปล่า แล้วพี่เขามีแฟนไหมหรอครับ? เป็นกำลังใจให้ผมด้วยนะครับ”

“เหี้ย!!!! ชัดเจนไปไหมวะ?” คำว่าเหี้ยของไอ้โซ่ดังจนเพื่อนในเซ็คหันมามอง

ผมถอนหายใจออกมา

“เออ แล้วมันชอบผู้ชายไหมวะ?” คราวนี้เป็นไอ้พีที่หันมาถามผม

“ก็คงชอบมั้ง ถ้าน้องเขาตัวเล็ก ผิวขาว แก้มป่อง ตาโต ปากแดง สเป็คมันล่ะ”

เพื่อนผมขมวดคิ้วอย่างงุนงง

“ที่มึงพูดมานั่นไม่ใช่มึงเลยนะไอ้พู่!”

“ก็ไม่ใช่กูไง”

“แล้วมันมาขอมึงเป็นแฟนได้ไง?”

“กูจะรู้หรอ?”

“เอออๆ ไม่ต้องทำหน้าจะตายห่าขนาดนั้นหรอก ถึงมึงจะไม่ได้เป็นแบบตัวเล็ก แก้มป่อง ตาโต ห่าเหวไรนั่น มึงก็ยังหล่ออยู่ดีพู่ เนี่ยๆ บางมุมมืงก็น่ารักด้วย” ไม่พูดเปล่าไอ้พียังเอามือจับแก้มผมผลิกซ้ายไปที ขวาไปที

“สัด ไม่ต้องมาปลอบใจกู”

“เอ้ากูพูดความจริงก็ไม่เชื่อ” มันยักไหล่อย่างไม่คิดจะต่อเถียงแล้วถามต่อ “สรุปไอ้ชามันชอบทั้งชายและหญิง?”

“อืม”

“เหี้ยแม่ง! กูเกลียดมัน นอกจากจะหล่อจนแย่งสาวกูไปหมด ผู้ชายก็ยังเอา กะจะไม่เหลือแบ่งถึงกูเลยหรือไง?”

“อย่าโวยวายได้ไหมวะไอ้พี อ่านคอมเม้นต์ต่อดิ๊ๆ” โทรศัพท์ในมือไอ้พีถูกคนนั่งข้างกันแย่งมาแล้วเป็นคนทำหน้าที่อ่านคอมเม้นต์แทน

'พี่ชาปีสามใช่ไหม? ถ้าน้องจะแย่งข้ามศพพี่ก่อนนะคะ แต่เรื่องแฟนไม่เห็นพี่ชาคบหรือจีบใครหรือคุยกับใครเลยอ่ะ รอเม้นต์ต่อไปนะ'

'กรี๊ดดดดดดด อิหนูเล็งคนเดียวกับเจ๊ ขอเม้าท์วงในบอกมาว่าโสดค่า โสดมานานแล้วด้วย'

“หือ?” ผมครางออกไป คิ้วก็ขมวดแน่น

โสด?
คนแบบชาเนี่ยนะจะโสดมานานแล้ว?

“เออ กูก็ไม่เชื่อ หน้างั้นโสดกูนี่แห้งเลยมั้ง”

“มึงนี่อ่านช้า แถมไม่ได้อรรถรส กูอ่านเองมา!” และแล้วโทรศัพท์ก็ถูกแย่งไปอยู่ในมือไอ้พีตามเดิม

'เราอยู่สาขาเดียวกับพี่ชา ขอเม้าท์ว่าตัวจริงหล่อมากกกกกกกกก เฟรนลี่มากกกกกกกกกกกก ใครอยู่ใกล้ต้องมีพลังป้องกันชาแอคแทคเยอะมากค่า อิเจ๊ๆในสาขาชอบหลอกแตะอั๋งพี่แกประจำ แต่พี่แกเฮฮานะ คุยง่ายเคยขอให้มาช่วยงานคณะก็มา เห็นเพื่อนพี่แกเม้าท์ให้ฟังว่าพี่แกชอบได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิง แต่หนูอย่าหวังเลยลูก เพราะข่าวลับที่ผ่านการกรองมาแล้วบอกว่าพี่ชาทำสาวๆหนุ่มน้อยที่เข้าไปสารภาพรักอกหักมานักต่อนักแล้วเพราะว่า… เหี้ย ทำไมเม้นท์ยาวขนาดนี้ว่ะ กูเหนื่อยแอ๊บเสียงแล้วนะ'

“ไอ้เหี้ย!!! มึงจะขาดตอนทำไมเนี่ย กูก็ลุ้นอยู่ ชิบหาย”

นั่นสิ ผมก็บีบมือตัวเองจนแน่น สรุปข่าวกรองว่าไง?

“อ้าว! หายไปไหนแล้ว” คอมเม้นต์ถูกเลื่อนไปเพราะมือของไอ้พีเผลอไปโดนหน้าจอ

“เชี่ยพี! สรุปเพราะอะไรกูไม่รู้เลยสัด มึงนั่งหาเลยนะว่าเม้นต์นั้นมันเม้นต์ไหน!” ไอ้โซ่โวยวายตบหัวไอ้พีลั่น

“หาไม่เจอว่ะ” เสียงไอ้พีเงียบไปประมาณเกือบนาทีก็ดังขึ้น “แต่เจออันนี้ใช้ได้อยู่”

“อะไรวะ!?” ทั้งผมและโซ่อุทานมาพร้อมกันด้วยความตื่นเต้น

“เม้นต์นี้เขาบอกว่า…..” เสียงไอ้พีที่เว้นวรรคไปทำให้ผมเผลอกลั้นหายใจตามไปด้วย

“….”

“…”

“พี่ชาคือใคร? ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ”

ผมหยิบดินสอขว้างไปที่หัวไอ้พีอย่างหมดความอดทน
มันใช่เรื่องที่จะมาลุ้นไหม?
สรุปก็ไม่ได้เรื่องอะไร รู้แค่ว่าตอนนี้ชายังไม่มีแฟน

แต่คิดๆดูแล้วทำไมผมต้องอยากรู้อะไรที่เกี่ยวกับแฟนหรือไม่แฟนของชาด้วย
ในเมื่อเราก็ไม่มีอะไรต้องเกี่ยวข้องกันอีก
และในเมื่อรู้ไปก็ไม่ได้ทำให้เขากลับมาอยู่ดี

“เจอแล้วเว้ย!” เสียงไอ้พีดังขัดความคิดขึ้นมา

'เพราะข่าวลับที่ผ่านการกรองมาแล้วบอกว่าพี่ชาทำสาวๆหนุ่มน้อยที่เข้าไปสารภาพรักอกหักมานักต่อนักแล้วเพราะว่า…' มันทำท่าทางขมวดคิ้วงุนงงก่อนจะอ่านข้อความถัดไปที่ทำให้ผมใจเต้นแรง บีบมือแน่นจนเผลอกัดปากตัวเองเพราะความเครียด

'กำลังรอใครบางคนอยู่'

ก็ว่าแล้วไง!
ไม่น่าอยากเสือกเลย
เสือกเองเจ็บเองแท้ๆ ไอ้พู่กัน!

แต่... มันทำให้ผมได้รู้ถึงสัจธรรมชีวิตข้อหนึ่งที่ว่า
'ความเผือกมักไม่มีเสียง มีเพียงความเจ็บไต เอ๊ย! ใจ โว๊ยยยยยยยยยยยยยย'
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-04-2017 18:37:55 โดย moramor »

ออฟไลน์ ณัฐฐา

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 17
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: โปร่งแสง -invisible-
«ตอบ #6 เมื่อ04-04-2017 19:30:24 »

กำลังรอใครบางคนอยู่ นี่ชารอพู่อยู่ใช่มั้ย  :hao5: :katai1:

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
Re: โปร่งแสง -invisible-
«ตอบ #7 เมื่อ04-04-2017 23:48:32 »

รบกวนห้อยท้ายวันที่อัพให้หน่อยได้มั้ยค๊ะ ข้ามไปตอนนึง ดีที่เข้ามาเปิดดู  :pig4:

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
Re: โปร่งแสง -invisible-
«ตอบ #8 เมื่อ04-04-2017 23:55:29 »

รอตอนต่อไปค่ะ (ใส่บทที่กับวันที่อัพด้วยไว้ที่ชื่อเรื่องด้วยนะคะ จะได้รู้ว่าบทต่อไปมาแล้ว)

ออฟไลน์ moramor

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 9
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: โปร่งแสง -invisible- (up-chap3-05/04/2560)
«ตอบ #9 เมื่อ05-04-2017 12:41:41 »

CHAPTER3: หรือการพบกัน

“กูไม่ได้อยากมา เข้าใจไหมว่ากูไม่อยากมา” ผมโวยวายเพราะความมึนที่หัว ความร้อนของแอลกอฮอลทำให้หน้าแดง คอแดง รู้สึกร้อนไปหมด ไม่บ่อยนักที่ผมจะกินของพวกนี้เพราะรู้ว่าตัวเองคออ่อน

“รู้ครับรู้ ไม่อยากมาเลยครับ กระดกเอาๆ มึงไม่ได้อยากมาเลยครับไอ้พู่”

“เออ มึงเลิกแดกก่อนดิ๊ ตัวแดงแล้วเนี่ย” แก้วเหล้าถูกยึดไปจากการครอบครอง ผมสะบัดหัวคลายความมึน นี่เพิ่งสามทุ่มเอง เสียงดนตรีในร้านที่เปิดก็เหี้ยแม่ง อย่างกับดีเจอกหัก เพลงมันๆก็เปิดไปดิ เปิดทำไมเพลงแบบนี้ ใครเขาฟังกัน เดี๋ยวน้ำตาไหล!

“แม่งเล่นกระดกแสงสว่างติดๆกันแบบนี้ได้มีอ๊วกบ้าง” ยังไม่เลิกบ่นได้ครับเพื่อนครับ

“พอแล้วเลิกแดกไปล้างหน้าไป” ผมเดินไปห้องน้ำตามคำสั่งไอ้โซ่ สรุปที่โดนลากมา พอจะไม่มาก็โกรธ พอแดกก็โกรธ สรุปจะเอายังไงกันแน่วะ ผมเกาหัวตัวเองอย่างงงๆ และกลับมานั่งลงที่โต๊ะเดิม ความมึนค่อยๆซาเมื่อเจอน้ำเย็นๆ

“นู้น! แฟนเก่ามึงมาอ่ะ”

“ตายยากชิบหาย”

ไม่แปลกใจในคำพูดของเพื่อนทั้งสองคน คืนวันศุกร์แบบนี้ แล้วร้านนี้ จะพบเจอเขาก็ไม่แปลก ก็แม่งบอกไปแล้วว่าร้านนี้มันร้านโปรดของเขา
แต่จากมุมที่ผมนั่งอยู่คือโซนที่ห่างจากเขาไม่มากนัก ถ้าไม่สังเกตเขาก็มองไม่เห็นผมหรอก

ผมเหลือบไปมองคนที่เพื่อนกล่าวถึง คนตัวสูงนั่งท้าวคางอยู่บนโต๊ะกับกลุ่มเพื่อนราวสิบกว่าคน แต่กลับโดดเด่นออกมาเพราะรอยยิ้มนั่น

วันนี้เขามวยผมขึ้น ทำให้เห็นกรอบหน้าที่ชัดเจนมากกว่าเดิม ใบหน้าเข้ารูป จมูกโด่งเป็นสัน ปากสีเข้มกำลังยกยิ้ม เผลอทำให้ใจเต้นอีกแล้ว

ผมบอกตัวเองว่าไม่ใช่หรอก!
ที่ใจเต้นก็เพราะผมอยากได้ Jack Purcell Addict 2016 edition บนเท้านั่นกับแว่นทรงกลมสีชาราคาแพงที่คาดอยู่บนหัวต่างหาก

“เอ้าเชี่ย! มองมาทางนี้แล้ว” สิ้นเสียงไอ้โซ่ ผมไม่รอช้าก้มตัวเองลงไปมุดใต้โต๊ะทันที

“เฮ้ยพู่! มึงทำไรวะ?”

อ้าวเวร! เสือกตะโกนเรียกชื่อกูซะดังขนาดนั้น

“ชู่ว อย่าดังสิวะ”

“มึงเข้าไปทำเหี้ยไร ออกมา”

“เมาแล้วรึไงวะ? ไอ้พีดึงมันออกมาดิ”

“ชู่วววว กูบอกว่าอย่าดัง”

ไม่รู้ว่าเพื่อนมันแกล้งโง่หรือโง่จริงๆที่ไม่รู้ว่าผมกำลังหลบจากสายตาใครบางคนที่มองมาทางนี้อยู่

“แม่งเมาแล้วชอบทำเหี้ยไรแปลกๆ”

โอเค ยอมแพ้แล้ว!
ผมเพิ่งเข้าใจว่าผมมีเพื่อนโง่

พอลุกขึ้นมานั่งดีๆ ก็เป็นอันรู้ทันทีว่าเพราะเสียงที่เพื่อนมันตะโกนเรียกผมไปทำให้ชารู้แล้วว่าผมอยู่ตรงนี้ เพราะแค่เหลือบไปมองก็เจอสายตาคมที่จ้องมองอยู่ก่อนแล้ว หน้าเขาไม่ได้ยิ้มเหมือนเดิม เพียงแค่เท้าคางมองผมนิ่งๆ

แล้วที่นั่งผมเนี่ย ทำไมต้องหันหน้าไปเจอเขาพอดีเลยวะ?

ไม่รู้ว่าจะจ้องทำไมนักหนา ใจผมสั่นด้วยความเครียด กัดปากล่างแน่นจนรู้สึกตัวอีกทีก็ตอนได้กลิ่นคาวเลือด

เขาบอกว่า จนเครียดกินเหล้า
ตอนนี้ผมก็เป็นแบบนั้น จนเครียดกินเหล้า!
จนปัญญาจริงๆ เลยยกแก้วเหล้าขึ้นมากระดกรวดเดียวให้หายสักที

“เอ้าๆ นี่กูยังไม่อนุญาตให้แดกเลยไอ้เหี้ยพู่”

“แล้วมึงให้กูมาด้วยทำไม?”

“ก็ให้มึงมาเปิดหูเปิดตาบ้าง ท่าจะให้ดีเปิดใจด้วย สัด!”

หูฟังแต่ตาเหลือบไปมองยังโต๊ะเยื้องกันตรงหน้า ตอนนี้มีสาวสวยนมใหญ่ใส่เสื้อสายเดียวเดินข้าไปหาชาแล้ว เธอยืนเบียดซะจนนมจะหกทิ่มไปตรงหน้าชาที่นั่งอยู่ ผมได้แต่มองภาพนั้นแหล้วก็เบือนหน้าหนี

ภาพแบบนี้เห็นบ่อยไม่ว่าจะตอนคบกันหรือกระทั่งเลิกกันแล้วอย่างตอนนี้
ไม่มีครั้งไหนที่ไม่รู้สึก เจ็บหน่วงที่หัวใจจนพูดออกไปไม่ได้

รอยยิ้มแบบนั้นที่ผมเคยได้รับ ตอนนี้แค่มองเฉยๆ ยังไม่กล้าเลย
มือหนาที่เคยสัมผัส ตอนนี้ก็ไกลเกินกว่าจะเอื้อมถึง

“ไฟแช็คมาดิ๊”

“สูบเหี้ยไรตรงนี้”

“ทำไม ตรงนี้เขาให้สูบได้ เอามา” ผมเร่ง เพื่อนสองคนส่ายหัวอย่างปลงๆ แต่เพราะเห็นหน้าตาผมบอกบุญไม่รับก็ไม่ได้ว่าอะไร มันคงจะเดาได้จากภาพของชาและผู้หญิงนมหกคนนั้น

“นี่กูคิดถูกคิดผิดวะที่พามึงมา?”

“บางทีกูว่าเราคิดผิดว่ะไอ้พี” ควันสีขาวอมเทาถูกพ่นออกมาจากปาก เพราะมัวแต่เครียดจนไม่ได้สนใจเสียงของเพื่อนและใครบางคนที่กำลังเดินเข้ามาหยุดตรงหน้าผม

“แค่กๆ” เขาคนนั้นสำลักควันที่ผมพ่นออกมาแล้วยังไม่เจือจางหายไปในอากาศดี เอ้าเวร! อยู่ดีๆเดินเข้ามาทำไมละครับ?

“เป็นไรไหมครับ?” ผมเอ่ยทักคนมาใหม่

“มะ แค่ก ไม่ครับ” ผู้ชายตัวสูง ใส่เสื้อสีดำ กางเกงยีนส์สีเข้ม ที่หัวมีหมวกสีดำใส่สลับหน้าสลับหลัง พร้อมรองเท้า Pro Ked มาอีกแล้ว รองเท้าที่ผมอยากได้ ทำไมคนพวกนี้ถึงรวยกันนักวะ

“?”

“แฮ่” เขาฉีกยิ้วกว้างเผยรอยยิ้มสดใสเหมือนของใครบางคน มองยังไงก็ดูดีและรู้สึกคุ้นตา แต่งงทำไมเขามายืนตรงนี้ และงงหนักกว่าเดิมคือทำไมยังยืนอยู่ตรงนี้?

“มึงว่าใช่พี่เทียน เดือนนิติปะวะ?”

“กูว่าใช่ ใช่แน่ๆ ไม่ผิดตัว” เสียงกระซิบที่เหมือนไม่กระซิบดังมาจากไอ้เพื่อนที่นั่งอยู่ข้างกัน ผมหันไปมองเป็นเชิงว่า อะไรวะ? มันก็ตอบกลับมาเพียงยักไหล่ว่า ‘กูจะรู้เหรอ’

“มีอะไรหรือเปล่าครับ?” คนใจดีสู้เสือคือไอ้พีที่เอ่ยถามออกไป

“มีครับ”

“?”

พวกผมสามคนยังคงเงียบรอคำตอบ แต่อีกฝ่ายก็ยังคงเงียบมาเป็นคำตอบเช่นกัน เฮ้ยเดี๋ยว อะไร?
ผมยกหน้าจากบุหรี่ในมือขึ้นมองคนมาใหม่อีกครั้ง แล้วสายตาก็เหลือบข้ามไหล่เขาไปยังโต๊ะของชา ผู้หญิงคนนั้นตอนนี้ลากเก้าอี้มานั่งข้างชาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เห็นจังๆ แบบนี้ก็เจ็บจังๆ หมือนกันนะ

“ใช่น้องพู่กันหรือเปล่าครับ?” เสียงที่ดังขึ้นเรียกความสนใจของผมได้อย่างดี เขารู้จักผม?

“ครับ?”

“คือพี่ เอ่อ ขอไลน์ได้ไหมอ่ะ?”

“ไลน์ ไลน์ผม?” ผมยกนิ้วชี้ชี้เข้าหาตัวเองเพื่อต้องการเน้นย้ำว่าเขากำลังพูดถึงผมแน่หรอ

“ใช่ ขอนะ”

“เอาไปทำไมอ่ะ?” งง งงแรงกว่านี้มีอีกไหม?

“ให้ก่อนดิ เดี๋ยวบอก” พี่มันยกมือกุมท้ายทอยอย่างเก้อๆ มืออีกข้างก็ยกมือถือตัวเองส่งมา ตอนนี้โต๊ะที่นั่งอยู่ข้างหลังผมโห่ฮิ้วปากส่งเสียงแซวดังระงมให้เดาก็คือโต๊ะของคนตัวสูงข้างหน้าผมนั่นแหละ ดังถึงขนาดที่หลายโต๊ะเริ่มมองมาอย่างให้ความสนใจ

เดี๋ยวววววว เดี๋ยวก่อนนน
เรียบเรียงไม่ทัน ยังไม่ทันทำอะไรเพื่อนตัวดีก็ยัดมือถือเครื่องนั้นมาใส่มือผมปานความไวแสงหารเฉลี่ยด้วยความเร็วเสียง

“ให้ๆ ไปสิไอ้พู่ เป็นเอ๋อหรอมึง”

ยังไม่ทันจะได้กดอะไร ร่างสูงของใครอีกคนก็เบียดเข้ามา
ร่างสูงที่คุ้นตา ร่างสูงที่ผมมองหามาตลอด
เขาสวมเสื้อยืดสีขาว กางเกงสีเบจพับขา

โครตหล่อ ไอ้เหี้ย! 

ยิ่งอยู่ใกล้ ๆ แบบนี้ ใจยิ่งเต้นเร็ว

“ทำไร?” เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยขึ้นถามคนที่ยืนอยู่ก่อนหน้า

“โอ๊ะ เห็นด้วย ไม่ได้ทำไร” ร่างนั้นสะดุ้งก่อนจะดึงมือถือออกจากมือผมไป

“ก็เห็นอยู่ มายุ่งไรกับมัน”

“เปล๊า ไปล่ะ ไว้ค่อยคุยกัน” แล้วพี่ Pro ked ก็เดินออกไปอย่างที่ผมและเพื่อนโครตงง

สายตาคมมองตามคนที่เดินออกไปแล้ว
นึกแปลกใจที่อยู่ดี ๆ เห็นคนคนนี้ในระยะใกล้
เหงื่อที่มือชื้นแฉะเพราะความตื่นเต้น

ไม่มีคำกล่าวใดออกมาจากปากผม

ก็จะให้พูดเหี้ยอะไรอย่าง “สวัสดี เป็นไงบ้าง ยังคิดถึงอยู่นะ” หรือไง?
ตลกเป็นบ้า!

“อยากตายเร็วหรอ?” ไม่พูดเปล่า นิ้วเรียวเอื้อมมาดึงบุหรี่ออกจากมือผม ผมมองไปยังดวงตาที่โหยหาแล้วก็ต้องเบี่ยงหลบ

จ้องนานกว่านี้อาจจะตายได้
หัวใจเนี่ย มึงก็เต้นเร็วไป บางทีก็ไม่จำเป็น

เพื่อนสองคนมันยังคงมึนงงกับเหตุการณ์ มองผมและชาสลับกัน
ขอร้องช่วยพูดอะไรแทนกูหน่อยเหอะ ทีตอนอยากให้พูดละเงียบกันเป็นเป่าสากเลย

“เดี๋ยวนี้นอกจากใกล้ตายเร็วแล้วยังเป็นใบ้ด้วย มีอะไรที่เป็นแล้วกูยังไม่รู้อีกไหม?”

“เสือก”

“หึ” เป็นบ้าหรือเปล่า อยู่ดีๆก็เดินเข้ามาด่ากัน ไม่พอยังดับบุหรี่ผมและดึงเก้าอี้เข้ามานั่งข้าง ๆ อีก

เอาตรงๆ ไม่กล้าแม้จะมองตาคมคู่นั้นที่จ้องมองมา มันท้าวคางกับโต๊ะและมองหน้าผม มุมปากก็ยกยิ้ม
อะไรขอแม่ง สงสัยคงเป็นบ้าจริง ๆ   

“มีอะไรหรือเปล่า?” เป็นไอ้โซ่ที่ช่วยชีวิตผมไว้

“เปล่า”

“เปล่าแล้วมาทำเหี้ยไร? กลับโต๊ะมึงไปดิ” ไอ้พีที่ไม่ค่อยสบอารมณ์กับคนตรงหน้าเท่าไหร่ ไล่แขกที่ไม่ได้รับเชิญทันที

“จะไม่พูดอะไรหน่อยหรอ?” ไม่ตอบคำถาม ไม่ทำตามที่ไอ้พีบอก ไม่สนใจใคร แต่เลือกมองหน้าและถามผมแบบนั้นแทน

ต้องการอะไร จะให้พูดอะไรอีก? อยากได้ยินอะไร? ผมบีบมือตัวเองแน่น เม้มปากเป็นเส้นตรง

อยากให้พูดเลยไหมล่ะ ว่าเจ็บปวดแค่ไหน?

ผมเลือกที่จะไม่หลบสายตาอีกต่อไป จ้องเข้าไปในดวงตาคู่นั้น รู้ดีว่าสายตาที่ส่งไปให้เขามันเจ็บปวดรวดร้าวขนาดไหน
จนรอยยิ้มของคนตรงหน้าหายไปจากใบหน้าหล่อเหลาแล้ว

ถ้าอยากให้พูด ถ้าอยากรู้…

“ฉันจะทำอย่างไร เมื่อวันที่เธอจากไป ไม่มีวันกลับมา” ท่อนเพลงท่อนนึงของพี่เล็กถูกเอ่ยออกมาจากปากช้าๆ เพราะคำพูดมันไม่มีผลต่อความทรงจำของเราสองคนได้เท่าเพลงพวกนี้ ชาขมวดคิ้วแน่น ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เพื่อนสองคนลุกออกไปจากโต๊ะ เพราะคงต้องการให้เราได้เคลียร์กัน

แต่มันไม่จำเป็นเลย
มันไม่มีอะไรต้องเคลียร์กันอีก
เรื่องทุกอย่างมันจบไปนานมากแล้ว ผมเข้าใจดี

 “ก็เวลายังไม่เดินเป็นเส้นตรง แล้วความรักที่มั่นคงจะมีจริงไหม” ชาตอบกลับมาด้วยเนื้อเพลงอีกเพลงของพี่เล็ก เขายังคงชอบพี่เล็กอยู่

“หรือการพบกัน รักกัน นั้นเพื่อจาก หรือเพื่อการฆ่าเวลาใช่ใหม” จริงๆ มันอาจจะเป็นข้ออ้างของคนหมดใจ ก็แค่นั้น…

“ถ้าหากว่าคำในใจ ถูกเก็บไว้ในที่แสนไกล และเธอก็ห่าง จนคำนั้นเดินทางไปไม่ถึง” เขาพูดราวกับว่าผมไม่เคยเข้าใจอะไรเลย ก็ใช่! ผมไม่เข้าใจเลยสักนิด แม้แต่เหตุผลที่เราต้องเลิกกัน ที่เขาต้องบอกเลิกผม

“แล้วที่เธอบอกว่าจะไม่เลือนหาย แล้วที่เธอบอกจะมีกันตลอดไป คืออะไร คืออะไร”

 “…” เขาเงียบ ผมเลยเอื้อนเอ่ยถ้อยคำที่ราวกับมีดกรีดแทงลงไปยังหัวใจผมช้าๆ

“เราต่างเกิดมา เพื่อให้คนๆหนึ่งทำร้ายและกลืนชีวิตเราไป”

หรือเพราะว่าผมไม่ได้น่าจดจำ ไม่ใช่เรื่องที่เขาสมควรจะโอบกอดมันไว้ ผมคงไม่ได้มีค่าขนาดนั้นสินะ เขาถึงเป็นคนเอ่ยปากขอจากไป

และก่อนที่เขาจะพูดเพลงท่อนไหนขึ้นมาอีก ผมก็พูดประโยคสุดท้ายก่อนจะลุกแล้วเดินออกมาจากโต๊ะ

“คำพูดเพียงแค่คำสามคำ เธอกลับจำมันไม่ได้ซักที!!”

คำที่เคยบอกว่า ...

'มึงรักกู'

ไอ้ห่า โครตเจ็บเลย!
มันคงเป็นอีกวันที่น้ำตาจะไหลออกมาเหมือนกับคนไม่เคยร้องไห้มาก่อน
คงจะเจ็บให้รู้ว่าหัวใจผมยังโดนทำร้ายได้อีก สักวันคงจะชินได้สักทีนะ พู่กัน

เฮ้ออออออออออออออออออ





-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
TALK TALK TALK ขอพูดหน่อย ทนอ่านหน่อย อ่านเหอะ อ่านเห๊อะ!: สวัสดีค่า เห็นคอมเม้นท์ให้อัพวันที่ต่อท้ายเวลาอัพ แฮ่ๆ ขอโทดทีน้า เราเพิ่งเคยลงนิยายครั้งแรก ยังทำอะไรเอ๋อๆ งงๆ ไม่คิดว่าจะมีคนเข้ามาอ่านด้วยเหวยแก๊!!! ฉันดีใจ กรีดร้องโหยหวน /ลากพู่มาเขย่าตัว

แก๊! เห็นไหมมีคนอยากเผือกเรื่องความรักของแกด้วยนังพู่ 55555555555555
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-04-2017 08:20:33 โดย moramor »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: โปร่งแสง -invisible- (up-chap3-05/04/2560)
« ตอบ #9 เมื่อ: 05-04-2017 12:41:41 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
Re: โปร่งแสง -invisible- (up-chap3-05/04/2560)
«ตอบ #10 เมื่อ05-04-2017 22:47:46 »

โต้ตอบกันเป็นเพลง..อย่างเก๋ แต่มีอะไรที่ไม่เข้าใจกันอ่ะ..เค้าอยากรู้   :z3:

ออฟไลน์ wonderbe

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 754
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-2
Re: โปร่งแสง -invisible- (up-chap3-05/04/2560)
«ตอบ #11 เมื่อ06-04-2017 07:58:28 »

 :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ nnew15

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 10
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-1
Re: โปร่งแสง -invisible- (up-chap3-05/04/2560)
«ตอบ #12 เมื่อ09-04-2017 10:16:58 »

สนุกค่ะ รออัพๆ

ออฟไลน์ zleep

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 264
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-4
Re: โปร่งแสง -invisible- (up-chap3-05/04/2560)
«ตอบ #13 เมื่อ09-04-2017 19:10:36 »

ชามีเหตุผลอะไรกันนะที่ต้องเลือกทางเดินนี้ เพราะดูๆแล้วก็เหมือนยังรักพู่กันอยู่

ออฟไลน์ mirage

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-1
Re: โปร่งแสง -invisible- (up-chap3-05/04/2560)
«ตอบ #14 เมื่อ10-04-2017 08:29:26 »

หน่วงจิตหน่วงใจ ชาน่าจะมีเหตุผลอะไรนะ ดูไม่ได้เหมือนคนเลิกกัน เหมือนตามง้อตามงอนกันมากกว่า แต่สงสารพู่ โมเมนต์รักกัน(หรือเปล่า)แล้วมีคนอื่นชอบอ่อยหรือเอี่ยว  :m31:

ติดตามค่ะ
 :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ nnew15

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 10
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-1
Re: โปร่งแสง -invisible- (up-chap3-05/04/2560)
«ตอบ #15 เมื่อ11-04-2017 11:12:14 »

รอๆๆๆ :impress2:

ออฟไลน์ donutnoi

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-7
Re: โปร่งแสง -invisible- (up-chap3-05/04/2560)
«ตอบ #16 เมื่อ11-04-2017 20:51:27 »

ชาก็เหมือนยังห่วงนี่ แล้วบอกเลิกทำไม  :mew6:

ออฟไลน์ moramor

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 9
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: โปร่งแสง -invisible- (up-chap4-16/04/2560)
«ตอบ #17 เมื่อ16-04-2017 18:57:10 »

CHAPTER4: ไม่ใช่แค่เธอ ไม่ใช่แค่เขา


“มึงโอเคปะวะ?” ไอ้โซ่เอ่ยถามขึ้นหลังจากเปิดเรียนในเช้าวันจันทร์ วันนั้นผมลุกจากโต๊ะได้ก็กลับหอ ไม่ได้รอไอ้สองตัวนั้นที่ไม่รับรู้เรื่องราวของผมเลยสักนิด นู้น ไปนั่งม่อสาวจนได้แฟนกลับมา แฟนที่ใช้เวลาคุยเพียงไม่ถึงสองชั่วโมง

“โอเคก็เหี้ยล่ะ พวกมึงทิ้งกูเลยเนาะ” ไอ้เราหรอก็นึกว่าเพื่อนเป็นห่วง ที่ไหนได้เห็นสาวสวยหน่อย แม่งย้ายโต๊ะไปนั่งกับเขาเฉย

“กูไม่ได้ทิ้งมึงนะพู่ พวกกูแค่…”

“แค่อะไร?”

“เออ มึงอ่ะไอ้พี กูบอกมึงแล้วให้กลับโต๊ะๆ”

“ถุ้ย!! มึงนั่นแหละไอ้เชี่ยโซ่”

“มึงนั่นแหละ”

“มึงแหละ”

“มึง!”

“พอ!” ผมห้ามทั้งสองคนที่เถียงกันไม่หยุด ไม่มีใครคิดจะยอมใครเลยจริงๆ

“แก๊ ดูเฟสพี่เทียนเมื่อวานหรือยัง ฉันอยากกรีดร้อง!” เสียงดังของโต๊ะข้างๆในโรงอาหารเรียกสายตาให้เพื่อนอีกสองคนหันไปมอง

“กูว่าชื่อคุ้นๆ”

“กูคิดแบบมึงไอ้พี ไอ้พู่มึงว่าไง”

ผมไม่ตอบแต่เลือกกินข้าวต่ออย่างเงียบๆ เรื่องคนอื่นจะสนใจไรหนักหนา แค่หาสถานที่วาดรูปวิวตามงานที่อาจารย์เพิ่งสั่งมาเมื่อเช้ายังคิดไม่ออกเลย ยังจะมัวไปคิดเรื่องคนอื่นอยู่ได้

“ทำไมพี่ชาใจร้ายแบบนี้ ถ้าหน้าหล่อๆนั้นมีรอยช้ำ ฉันจะไปข่วนคืน”

“กูว่าคุ้น” ผมโพล่งบอกเพื่อนไป ตอนแรกเพิ่งด่าพวกมันในใจว่าเอาเวลาไปคิดเรื่องคนอื่น ตอนนี้คงกลับคำพูดไม่ทันแล้ว

“แล้วแกดูเตตัส ฉันล่ะอยากรู้ว่าใคร พี่ชาดูโครตหวงอ่ะแก”

ผมขมวดคิ้ว หรือว่าจะเป็นชาอื่น?
มีคนชื่อชาถมเถไป
ไวเท่าความอยากเสือก ไอ้พีมันเดินไปหาโต๊ะข้างๆแล้วครับ
ไม่ถึงห้านาทีก็กลับมาพร้อมยกยิ้มมุมปาก

“กูได้เฟสมาล่ะ”

“เฟสพี่เทียนหรอ?” ไอ้โซ่เอ่ยถามอย่างตื่นเต้น

“เปล่า เฟสน้องโต๊ะเมื่อกี้ไง”

“ถุ้ย!!! มึงมันจริง ๆ เลยไอ้พี” ผมกับโซ่ส่ายหัวพลางกินข้าวกันจนเสร็จและไปเรียนต่อยังตึกอาคารเรียนรวม

ระหว่างที่กำลังจะเข้าห้องเรียนนั้น ร่างสูงของใครบางคนก็เดินเข้ามาขวาง

“บังเอิญจังเลยน้องพู่” เขาอยู่ในชุดเสื้อนักศึกษา กางเกงยีนส์ รองเท้าผ้าใบ Pro Ked คนละแบบกับที่ผมเจอในร้านเหล้า มีคู่เดียวว่ามีตังแล้ว นี่มีอีกกี่คู่เนี่ย แล้วหมวกที่ใส่วันนี้สีดำเหมือนเดิมเพิ่มเติมคือยี่ห้อแพงกว่าเดิม ครับ รู้แล้วว่ารวย

“?”

“จำพี่ได้ไหม?”

“ครับ” ผมจำหน้าเขาได้ แต่แค่จำชื่อไม่ได้ ก็เท่ากับว่าจำได้แล้วกัน เพื่อนสองคนมองงงๆ แต่ก็เดินเข้าไปรอในห้องก่อน

“ยังไม่ได้ไลน์เราเลย ขอหน่อยดิ”

“พี่จะเอาไปทำไมเนี่ย?”

“งั้นเฟสก็ได้”

“ถ้าไม่ให้ล่ะ?” ผมขมวดคิ้วมองคนตรงหน้า เพิ่งสังเกตว่าเขามีรอยช้ำที่มุมปาก

“ก็จะตามจนกว่าจะให้ แฮ่” รอยยิ้มสดใสกว้างขึ้น รอยยิ้มแบบนี้ไงที่ผมบอกว่ามันเป็นรอยยิ้มที่คุ้นเคย

“ผมไม่ค่อยเล่นหรอกนะ” มือก็กดหาชื่อเฟสตัวเองในช่องค้นหา แล้วจัดการส่งไปให้คนตรงหน้า

“จากนี้ก็เล่นบ่อยๆล่ะ” พูดจบเจ้าตัวก็วิ่งออกไปด้วยความรวดเร็ว ผมมองตามไปอย่างสงสัย

พี่เขามาวุ่นวายกับผมทำไม?
อยากรู้จัก? แล้วจะมาอยากรู้จักไปเพื่อ?
หรือถ้าจะมาจีบมันก็ดูไม่ใช่อีก มันดูเหมือนคนกำลังเล่นสนุกอะไรอยู่ แล้วผมไม่ค่อยชอบเรื่องสนุกด้วย

เพราะชีวิตผมตอนนี้มันคุมโทนเศร้ามาได้ราวๆหนึ่งปีแล้ว…

“แก๊ รูปพี่ชาในเพจเห็นยัง? โครตหล่อ!” นี่ไงตัวต้นเหตุชีวิตคุมโทนของผม แค่เดินเข้าห้องเรียนมานั่งได้ไม่ถึงห้าวิดี ไปที่ไหนก็ได้ยินจนเบื่อแล้ว จะให้ทำใจเลิกชอบได้ไง?ขนาดไม่เห็นหน้ายังได้ยินชื่ออยู่แม่งทุกวัน

“เห็นแล้ว พ่อของลูกฉันเอง ว่าแต่แกอ่านในพันทิปหรือยังมีคอมเม้นต์โครตเด็ด”

“ยังอ่ะ ทำไมเล่าดิ”

ผมยกมือปิดหูแล้วซุกหน้าลงกับโต๊ะ สองสหายข้างกายมันเห็นก็ทำหน้าเหนื่อยใจส่งมาให้เป็นเชิงบอกว่า ‘มึงไม่มีทางหนีพ้นหรอก’
ก็เออ ไม่มีทางหนีพ้นไงถึงต้องเจ็บวนไปวนมา

เจ็บอันลิมิตแบบนี้ ฟวย!

“ก็คอมเม้นต์บอกว่าตอนปี1 พี่ชามีแฟนด้วยนะ อยู่คณะเดียวกัน แล้วเนี่ยแนบรูปมาด้วย”

“ห๊ะ!!!” ผมตกใจโพล่งออกไปอย่างสุดเสียง แก๊งค์รุ่นน้องสาวสวยตรงหน้าหันมามองงงๆ ก่อนจะหันกลับไปคุยกันต่อ ไอ้พีรีบหยิบมือถือขึ้นดูเป็นที่เรียบร้อยไม่วายให้ไอ้โซ่ยื่นหน้าเข้าไปมองจอด้วย ทำเอาผมใจเต้นแรงด้วยความวิตก

ถึงเราจะไม่ได้ปิดเรื่องที่คบกัน
แต่ก็ไม่ได้เปิดเผยออกสื่อขนาดนั้น
ผมไม่ใช่คนติดโซเชียลที่จะต้องเผยแพร่ชีวิตตัวเองออกสู่สาธารณะชน
เลยทำให้เรื่องของเราไม่ค่อยมีใครรู้ จะมีก็แต่เพื่อนในคณะบางคนเท่านั้น

“แต่เสียดาย เป็นรูปข้างหลัง ไม่เห็นหน้าว่ะ”

“เฮ้อออออออออ” ผมถอนหายใจอย่างโล่งอก เพราะรู้ว่าเรื่องยุ่งยากจะตามมาเป็นแน่ ๆ

“ดูป่ะ?” ไอ้โซ่ยื่นมือถือของไอ้พีมาให้ดู ภาพหน้าจอปรากฏฉายกระทู้พันทิปหรา มองเข้าไปก็เจอกับภาพด้านหลังของผมแน่ ๆ จำไม่ผิด ภาพที่เราเดินข้างกัน เขากอดคอผมไว้ ยังจำได้ดีวันนั้นผมทำงานอยู่คณะจนดึกดื่นไม่ยอมไปกินข้าว จนชาต้องมาลากผมให้ออกไปกินด้วยกันที่หลังมอ

แค่คิดถึงวันเหล่านั้นขอบตาก็ร้อนผ่าว
ใจเต้นแรงเหมือนกับจะย้ำเตือนความเจ็บปวด
ผมรีบส่งมือถือคืน แล้วทรุดหน้าลงกับโต๊ะไม่เงยหน้ามาอีกเลยแม้อาจารย์จะเข้าสอนแล้วก็ตาม
ไม่อยากให้เพื่อนรู้ว่าน้ำตาผมมันไหลออกมาเอง

อีกแล้ว…



Tian Seetian
พู่กัน วันนี้กินข้าวด้วยนะ

Phugun P.
เพื่อนพี่ไปไหนอ่ะ?

Tian Seetian
มันไม่ว่าง

Phugun P.
ผมก็ไม่ว่าง

Tian Seetian
อย่าใจร้ายดิ นะครับ นะ

เฮ้อออออ ผมถอนหายใจรอบที่ล้าน ตั้งแต่ที่ผมให้เฟสกับพี่เขาผมก็ไม่เข้าใจเลยว่าช่วงนี้ทำไมเขาถึงวุ่นวายกับผมจังเลย ผมรู้สึกอยากเอาหัวโหม่งโต๊ะเล็คเชอร์ให้รู้แล้วรู้รอด
ไม่ใช่แค่คนเดียว แต่มันรวมไปถึงชาด้วย!

เขามาป่วนเปี้ยนที่ตึกผมทุกวันหลังจากที่บังเอิญเจอกันร้านเหล้าวันนั้น ถึงจะไม่ได้มาวุ่นวายกับผม แต่มันก็วุ่นวายใจละว่ะ
เล่นมาเดินให้เห็นบ่อยๆ ไหนจะโรงอาหารที่ร้อยวันพันปีผ่านมาปีนึงไม่เคยเห็นหน้า ช่วงนี้ไม่รู้ทำไม เจอกันบ่อยราวกับจงใจ

และจะไม่อะไรเลยถ้าทุกครั้งที่เห็นเขาแล้วผมไม่รู้สึกเจ็บในอกข้างซ้าย ตุ้บๆ

ถ้าไม่รู้สึกอะไรเวลาเห็นหน้าหล่อๆนั่น เจอยี่สิบสี่ชั่วโมงก็ยังทนไหว

“มึงว่ากูดวงตกหรือเปล่าวะช่วงนี้?”

“ทำไมวะ?” เพื่อนทั้งสองคนละสายตาจากสไลด์ตรงหน้ามาสนใจผมแทน

“กูว่ากูเจอชามันบ่อยไปแล้ว เมื่อก่อนไม่เห็นจะเคยเจอ”

“มึงคิดมากไปหรือเปล่า? ก็มันเรียนคณะเดียวกับเรานะ”

“หรอ?” ผมขมวดคิ้วแต่ก็ไม่ได้เก็บมาคิดอีก และทันทีที่เลิกเรียนลงจากตึกมานั่งลงบนโต๊ะโรงอาหาร เสียงเรียกก็ทำเอาผมอยากลุกหนีจริง ๆ

“พู่กันนนนนนนนนนนน”

“กูว่าแปลกๆนะ” ไอ้พีและโซ่พยักหน้าให้กัน เออ กูก็ว่าแปลก

“กินข้าวด้วยนะ” ไม่ต้องรอให้ใครตอบ เจ้าของร่างสูงก็นั่งลงเป็นที่เรียบร้อย และกินข้าวอย่างไม่สนใจใคร ไม่นานข้าวในจานก็เกลี้ยงไม่เหลือแม้แต่เม็ดเดียว

“พี่เทียนผมถามจริงๆนะ พี่จีบเพื่อนผมป่ะเนี่ย?”

“พรวด!” ผมที่กำลังดื่มน้ำสำลักด้วยความตกใจ ก็อยู่ดีๆไอ้พีก็เอ่ยคำถามที่เล่นคาดไม่ถึง
ไอ้เพื่อนตัวดีทั้งสองคนจ้องคนมาใหม่ด้วยสาตาจับผิด

“ถ้าพี่คิดจะจีบไอ้พู่ พี่หยุดความคิดเลยนะ จีบไม่ติดหรอก”

“หรอ ทำไมอ่ะ?”

“ไม่ว่าใครก็ไม่ติดหรอก ไอ้พู่มันปฏิเสธทุกคนนั่นแหละ จะมีก็แต่..”

“โซ่!” ผมปรามเพื่อนเสียงดัง พูดมากจนลืมตัว ไอ้โซ่รีบเอามืออุดปากตัวเอง

“ทำไมอ่ะ พู่มีแฟนแล้วหรอ?”

“เปล่า” ผมมองคนตรงหน้าอย่างพิจารณา ก่อนตอบออกไป

“จริงๆนะพี่เทียน ผมเตือนพี่ด้วยความหวังดี ไม่อยากให้พี่อกหักเหมือนคนก่อนๆ”

“ใช่! พี่เทียน ไอ้โซ่มันใจแข็งและเย็นชากว่าที่ใครจะคาดถึงนะพี่ คราวนู้นขนาดพี่รหัสมันมาบอกชอบ มันยังไม่สนใจใยดีเขาเลย พี่เขาเมาหัวราน้ำจะขับรถตกคันคลองตายห่า ไอ้พู่มันยังไม่คิดจะตอบไลน์เลย คนเหี้ยออะไร โหดร้าย!”

“หรอ?” คนฟังอมยิ้ม

“พี่ถอยทัพกลับไปเหอะ” ไอ้พียังคงสนับสนุนให้เขาเลิกมาวอแวกับผมสักที

“ไม่ได้!”

“ทำไมวะพี่?”

“เออน่า เอาน่า” คำตอบของเขาทำให้ผมรู้สึกสังหรณ์ใจ มันมีอะไรแปลกๆ

อยู่ดีๆ คนตรงหน้าก็ย้ายตัวเองมานั่งข้างผม เบียดซะจนผมจะเขยิบหนี แต่เพราะมือเขาดันรั้งเอวผมไว้ ผมที่กำลังจะหันไปโวยวายก็..

แชะ!

อ้าวเวร ถ่ายรูปเฉย?
แล้วหน้าผมเมื่อกี้มันเหวอขนาดไหนล่ะวะนั้น
เพื่อนสองคนมองผมอย่างง ๆ ไม่ต้องมอง งงเหมือนกัน

“กินให้อิ่มนะพู่ พี่ไปล่ะ” ยกมือขึ้นขยี้หัวผมจนยุ่งก่อนจะรีบเก็บจานของตัวเองไปวางแล้วเดินออกไป

“อะไรของเขาวะ?” ไอ้โซ่เอ่ย

“กูว่าพี่เทียนแปลกๆ” ไอ้พีรีบขานรับทันที

“หรอ?”

“มึงไม่รู้สึกหรอพู่?”

“ไม่ใช่ กูหรอที่พี่เขาชื่อเทียนหรอ?” ทำไมชื่อมันคุ้นๆ

“เอ้า! นี่มึงไม่รู้จักพี่เทียนหรือไง เดือนนิติอ่ะ เดือนมหาลัยอ่ะครับเพื่อนนนนน”

ผมส่ายหน้าเป็นคำตอบ จะไปรู้จักได้ไง แค่ผมรู้ว่าเดือนคณะผมเป็นชาก็พอแล้วมั้ง…

“นั่นไง กูพูดไม่ทันขาดคำ มาแล้วนู้นนนนน” อยู่ดีๆ ไอ้โซ่ก็เปลี่ยนเรื่อง ทำให้ทั้งผมและไอ้พีมองตามสายตาที่ไอ้โซ่บุ้ยปากไป ร่างสูงของใครบางคนที่ตัวโครตขาว ตาก็โครตตี่ เรียกง่ายๆ ‘ตี๋เลยแหละ’ เดินทำหน้านิ่งมาแต่ไกล ก่อนจะหยุดลงนั่งข้าง ๆ ผม

“หวัดดีพี่เฮ็ง” ร่างสูงนั้นรับไหว้เพื่อนผมทั้งสองคน ที่ยกมือไหว้ปลก ๆ

“เออ ดีมึง”

“ไปไง มาไงเนี่ยพี่ กลับจากอินเดียเมื่อไหร่?” ไอ้โซ่เอ่ยถามรุ่นพี่หนึ่งเดียวในโต๊ะถึงทริปที่พี่เฮ็งเพิ่งกลับมา เป็นทริปที่เจ้าตัวโดดเรียนยาวเป็นอาทิตย์เพื่อไปถ่ายรูป ไม่พอยังไปไกลถึงอินเดีย ? ได้หรอวะ?

“เมื่อวาน”

“คราวนี้ไปซะนานเลย สงสัยทำใจได้แล้วดิ ฮ่าๆ” ไอ้พีกวนตีนพี่เฮ็งกลับ ทำให้คนข้างๆผมแม่งทำหน้ายู่เลย

“ได้พ่องมึงดิ เพื่อนมึงก็ใจร้ายกับกูเกินไป เอาซะกูไปดามใจไกลถึงอินเดียเลย” คนพูดเหลือบตามามองผม ทำไมผมจะไม่รู้ว่าเขาหมายถึงอะไร

พี่เฮ็งเป็นพี่รหัสปีสี่ของผม เขามาบอกชอบผมเมื่อไม่นานมานี้ และผมเพิ่งได้รู้ว่าไอ้พี่รหัสตี๋ของผมแอบชอบผมตั้งแต่ผมอยู่ปีหนึ่งและที่คอยดูแลมาตลอดสามปีนั่นมันเกินหน้าที่พี่รหัสไปแล้ว ทั้งไอ้โซ่และไอ้พีต่างก็เฝ้าบอกมาตลอดว่าพี่เฮ็งไม่ได้คิดกับผมแค่น้อง แต่ผมก็นึกว่ามันสองคนพูดเล่น จนเรื่องมันเลยเถิดมาถึงขั้นนี้

แล้วผมจะทำยังไงได้? ในเมื่อหัวใจของผมมันไม่มีที่ว่าง มันไม่สามารถเริ่มต้นใหม่ได้
วันนั้นผมจึงบอกพี่เฮ็งไปตรงๆ ว่าผมคิดกับเขาแค่พี่น้อง และนั่นก็เป็นที่มาของความเมาแล้วเกือบตกคันคลองตายของพี่รหัสผม

“นิ่ง!  นิ่งใส่กูอีกนะ” เขายังใช้สายตาประชดแกมน้อยใจส่งมาให้ผม ทำให้ผมอยู่เฉย ๆ ต่อไปไม่ไหว

“อะไรพี่ แล้วของฝากพู่อ่ะมีไหม?”

“หน้าด้านนะมึงเนี่ย หักอกกูแล้วยังมีหน้ามาของของฝาก”

“พี่จะกลัวไรพี่เทียน หน้าหล่อๆอย่างพี่หาอีกกี่สิบคนก็ยังได้ ไอ้พู่มันโง่ อย่าเอามันเลยทั้งหล่อทั้งรวยแบบพี่เนี่ย” มึงด่ากูโง่ ไอ้โซ่  -*-

“เออ หล่อรวยKใหญ่ด้วย ไอ้ห่า”

“ฮ่า ๆๆๆๆ” ทั้งไอ้พีและไอ้โซ่ต่างตบมือกับพี่เฮ็งอย่างชอบอกชอบใจอะไรนักหนา คงมีแต่ผมซะมั้งที่ส่ายหัวเหนื่อยหน่ายให้กับสามคนบ้าตรงหน้าผมเนี่ย เฮ้อ

“แบมือดิ” หยุดหัวเราะได้พี่เฮ็งก็หันมาออกคำสั่งกับผม

“หือ?” งง จนต้องเผลอขมวดคิ้ว

“ทำหน้าโง่อยู่ได้ จะเอาไหมของฝาก”

“เอาๆ ซื้อมาให้พู่จริงดิ?” ผมรีบส่งมือขวาแบออกไปตรงหน้าพี่เฮ็งทันที

“อ่ะ เอาความคิดถึงมาฝาก” พี่มันทำมือกุมอากาศไว้และคลายออกลงบนมือผม ก่อนที่รอยยิ้มอบอุ่นของคนตรงหน้าจะส่งมาให้ผม อบอุ่นจนเผลอยิ้มตามไปด้วย

“จีบกันต่อหน้าพวกผมเฉยเลยนะพี่”

“คิดถึงว่ะ” สายตาที่ส่งมาให้ผมมันมีความหมายตามคำพูดที่หลุดออกมาจากปากนั่นจริงๆ

“เอ้าเวร อยู่ดีๆ มึงกะกูกลายเป็นอากาศไปแล้วไอ้โซ่”

“คิดถึงมึงจริงๆ นะพู่” เขายังคงไม่ละสายตาไปไหน ไม่สนใจเสียงเพื่อนสองตัวของผมที่เอ่ยร้องเหมือนคนอยากมีส่วนร่วม ยังมองผมในแบบเดิม ผมก็ไม่กล้าพอจะละสายตาไปจากเขา แล้วไม่รู้ตอนไหนที่เขาดึงผมเข้าไปกอด แล้วซบลงบนบ่าของผมเหมือนคนอ่อนล้าเต็มที่ ผมที่ทำอะไรไม่ถูกเลยได้แต่ยกมือลูบหลังเขาเบาๆ

“เอ้ออออ กูว่าหมาเลยกูกับมึงเนี่ย เราไปกันเหอะว่ะ” พูดจบมันก็ลุกออกไปจากโต๊ะ ทิ้งให้ผมกับพี่เฮ็งอยู่กันแบบนั้น ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ที่พี่เขากอดผมก่อนจะผละออกมาและพูดประโยคที่ทำให้ผมอยากตาย และลาออกจากการเป็นพู่กัน

“ถ้ากูดึงมึงมาจูบได้ กูทำไปแล้ว”

เอากับเขาสิ
พี่เฮ็ง...พี่ไม่ได้เข้าใจเลยใช่ไหม ว่าผมมีคนในใจแล้ว !


------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-04-2017 23:38:27 โดย moramor »

ออฟไลน์ moramor

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 9
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: โปร่งแสง -invisible- (22/04/2560)
«ตอบ #18 เมื่อ22-04-2017 23:38:42 »

CHAPTER5: โปรดจงบอกฉันมาเสียเถิด เรื่องราวที่เกิด ข้างในหัวใจของเธอ

“ไอ้พู่! มึงจะทำให้สาวๆเขาอกหักกันทั้งมอหรือไง เลวววววว”

ทันทีที่เดินเข้าไปในห้องเรียน เพื่อนผู้หญิงที่คุ้นหน้าคุ้นตากันก็ทักด้วยคำชม? ที่ไพเราะเหลือเกิน

“ไรวะ?”

“แอ๊บนะมึง มึงมันเลว มึงมันเลวมากกกกกก”

“ทำไมอิจอย มึงพูดให้จบสิวะ กูก็ยากรู้ด้วยเลยเนี่ย”

“เสือกตลอดแหละมึงอ่ะไอ้พี พวกมึงไม่แหกตาดูเฟสบุ๊คกันบ้างหรือไง เพื่อนมึงดังไปถึงคณะไหนต่อคณะไหนแล้วค่าพ่อคู๊ณณณณณ”

“ห๊ะ!!!” สามเสียงประสานกันย่อมดังกว่าเสียงเดียว

“ก็มึงไปถ่ายรูปกับพี่เทียนคนหล่อ พ่อทุกสถาบันได้ไงแนบชิดแทบจะไปนั่งตักพี่เขาขนาดนั้น ทำบุญด้วยอะไรก็บอกกูหน่อย เผื่อแต้มบุญกูยังจะพอหลงเหลือให้ชาหันมามองกูบ้าง”

ไม่ต้องรอให้สาธยายจบผมหยิบมือถือขึ้นมาทันที นี่สินะคือข้อเสียของคนไม่สนใจโซเชียล
แจ้งเตือนที่ว่ามีใครบางคนโพสต์รูปติดแท็กมาถึงผม

“เหี้ย!!!” และก็นั่นแหละสามเสียงเหี้ยกว่าเสียงเดียว

ผมสามคนถือมือถือกันคนละเครื่อง ต่างคนต่างมองไปที่มือตัวเอง แต่คำอุทานกับเหมือนกันเสียเหลือเกิน

Tian Seetian
คนอะไรโครตน่ารัก @Phugun P.
15 นาทีที่แล้ว

“มึงเอาไปดู/มึงเอาไปดู” สองคนพูดขึ้นพร้อมกันพลางหยิบมือถือของผมออกไปดูและยัดมือถือมันสองคนใส่มือผม

มือถือไอ้พีกำลังเปิดเพจที่แชร์รูปของพี่เทียนมาพร้อมแคปชั่น
‘อะไรยังไง? พี่เทียนจะหักอกสาวๆทั้งมอแบบนี้ไม่ได้นะคะ ไม่ยอม!’

มือถือไอ้โซ่
‘พี่เทียนกับน้องพู่กัน ทำไมเขาน่ารักกันจังเลยคะแม่ ยอมแล้วอยากมีแฟนแบบน้องพู่กัน หน้าเหวอยังน่ารักได้อีก’ ผมยกมือขึ้นกุมขมับ พลางกดนวดอย่างเคร่งเครียด

“มันอะไรวะ?”

ผมไม่รู้จะตอบคำถามของไอ้พียังไงดี เพราะงงกับเหตุการณ์ตรงหน้านี้เช่นกัน
ไม่ทันจะได้เอ่ยถามอะไร อาจารย์ก็เข้ามาสอนแล้ว
ผมรีบดึงมือถือตัวเองกลับมา ก่อนจะเข้าไปดูคอมเม้นต์ใต้รูปที่พี่เทียนลง มีคนไลค์มหึมามหาศาล

Wichai park
‘เชี่ยเทียน กูกลัวน้องมึงมาถล่มถึงคณะ’
Thanakrit kawanit
‘ทำไรเกรงใจน้องมันบ้าง’
Frame chaiya
‘ยังไม่เข็ดหรือไง อยากให้ปากม่วงอีกรอบ?’

ผมอ่านแล้วไม่ค่อยเข้าใจ เหมือนในคอมเม้นต์ใต้รูปพี่เทียนจะปิดไว้ให้เฉพาะเพื่อนที่เม้นได้เท่านั้น ส่วนใหญ่คนที่เม้นต์ก็เหมือนจะรู้จักสนิทสนมกับเจ้าของโพสต์พอตัว

Rata na
‘@Frame chaiya กูว่ารอบนี้ไอ้ชากระทืบตายห่า’

ชา?
เกี่ยวไรกับชา หรือมีหลายชา อาจจะไม่ใช่ชาที่ผมรู้จัก

Frame chaiya
‘กูและไอ้นะ @Rata na ขอเตือนด้วยความหวังดีนะเพื่อน ลบเหอะ’
Tian Seetian
‘กูไม่ลบ กูคนจริงเว้ย’
Nany narak
‘น่ารักอ่ะเทียน ร้ายนักนะ มือนี่ยังไง?’
Seecha Sattradarun
‘เทียน’
Kiti karunya
‘อุ๊ย มาแล้วเว้ย’
Jan Jirada
‘ใครอ่ะเทียน แฟนหรอ?’
Pop pheeraphat
‘ขอให้ตายอย่างสงบ กูเห็นเม้นต์นึงรังสีแผ่ออกมาเลยว่ะ’

ผมไล่สายตาอ่านคอมเม้นต์ แต่เพราะใครบางคนที่มาเม้น
ใครคนนั้นที่ชื่อของเขาผมรู้จักเป็นอย่างดี
ใครที่เราไม่เคยเป็นเพื่อนในเฟสบุ๊คกันเลยไม่ว่าจะตอนคบกันหรือตอนนี้

มันดึงดูดความสนใจของผมจนต้องกดเข้าไปอ่านภายใต้คอมเม้นต์ของเขาที่มีคน reply อย่างถล่มทลายจนขึ้นเลข 40 replies
เขารู้จักพี่เทียนด้วยหรอ?

Seecha Sattradarun
‘เทียน’
Tian Seetian
‘ไร’
Seecha Sattradarun
‘กูบอกมึงว่าไร’
Rata na
‘เฮ้ย ๆ ขึ้นมึงขึ้นกูแล้วเว้ย’
Frame chaiya
‘พี่น้องจะตีกัน มึงเร่คนมาช่วยห้ามเร็ว @Rata na’
Tian Seetian
‘บอกไร กูไม่เห็นจำได้ @Seecha Sattradarun’
Seecha Sattradarun
‘อย่าทำให้กูโมโห’
Tian Seetian
‘กูทำไรหรอครับ ชาน้องรัก’
Seecha Sattradarun
‘กูไม่ตลก’
Tian Seetian
‘กูก็ไม่ตลก’
Kiti karunya
‘เชี่ยเทียน กวนตีนสัส’
Seenam Phiboonratanachai
‘เลิกแกล้งน้องมันได้แล้ว’
Tian Seetian
‘ผมไม่ได้แกล้งพี่น้ำ น้องพี่อ่ะมาเคลียร์ดิ ไม่ทำห่าอะไรเลย แต่เป็นหมาหวงก้างอยู่แบบนั้น รำคาญ! @Seenam Phiboonratanachai’

ผมอ่านข้อความด้วยใจที่เต้นเหมือนจะเด้งออกมาข้างนอก
ก็ว่าแล้วทำไมรอยยิ้มพี่เทียนถึงดูคุ้นเคย หน้าตาถึงคลับคล้ายคลับคลา
แม้แต่ชื่อก็คุ้นจนนึกไม่ถึง

พี่ชายของชา
สีชาแฟนเก่าของผม

ตอนเราคบกันผมเคยไปบ้านเขาอยู่สองสามครั้ง เคยเจอพ่อและแม่ ท่านทั้งสองน่ารักมาก เขาเอ็นดูผมมากจริงๆ
แต่ไม่เคยเจอกับพี่ชายของชาเลยสักครั้ง เคยได้ฟังจากปากเขาแค่นั้นว่าชื่อ สีเทียน เพราะเขาได้ทุนของมหาลัยไปแลกเปลี่ยนหนึ่งปี
ให้ตายเหอะ ผมทึ้งหัวตัวเอง จนเพื่อนสองคนหันมามองเป็นเชิงว่า บ้าหรือเปล่า ?

‘ติ๊ง’

เสียงแจ้งเตือนจากเฟสบุ๊คดังขึ้นอีกครั้ง
และคราวนี้ นอกจากใจเต้นแรงและเร็วจนกลัวว่าจะหยุดเต้นแล้ว มือยังสั่นอย่างควบคุมไม่ได้

Seecha Sattradarun send you a friend request

“เหี้ย!” เสียงตะโกนด้วยความตกใจของผมทำเอาเพื่อนทั้งเซ็คไม่วายแม้กระทั่งอาจารย์หันมามอง ก็อยู่ดีๆ มึงจะเอามือมาแตะบ่ากูให้ตกใจทำไมละวะไอ้โซ่

“อะไรนะ!?” เสียงดุดันของอาจารย์ป้าหน้าคลาสจ้องผมไม่วางตา

“ขอโทษครับ พอดีผมทำปากกาหล่นแต่ตกใจไปหน่อย”

“ต่อไปก็ช่วยระวังคำพูดด้วย” เชี่ยยยย เกือบโดนด่าให้อายกันทั้งเซ็คแล้วไหมล่ะ ผมรีบหันไปมองไอ้โซ่ตาขวาง

“ตกใจไรของมึงวะ กูแค่จะถามว่าดูเหี้ยอะไรเห็นทำหน้าเหมือนคนโดนเฉือด”

“ก็จะไม่ให้ หะ..!” เกือบหลุดคำว่าเหี้ยเสียงดังออกไปเป็นครั้งที่สอง ดีว่าเอามืออุดปากตัวเองทัน

'you accepted a friend request'

กูไปกดรับตอนไหน กูไปกดตอนไหนนนนนนนนนนนนนนนนน
ผมขยุ้มหัวตัวเองอีกครั้ง เพราะไอ้โซ่คนเดียว เพราะมันคนเดียว

‘ติ๊ง’

เหี้ย!!
คราวนี้แน่นอน ร้องในใจโดยไม่มีเสียง
มือเย็นจนเหงื่อชื้นแฉะ
หัวใจราวกับกลองที่ถูกตี
สายตาจ้องมองหน้าจอมือถืออย่างไม่อยากเชื่อ

Seecha Sattradarun
ไปกินข้าวกับเทียนได้ไง?

เขาส่งข้อความมา
ชาส่งข้อความมาหาผม

Phugun P.
ทำไม?

Seecha Sattradarun
ถามก็ตอบดิ จะถามกลับทำไมวะ

Phugun P.
อ้าว นี่ไม่พอใจอะไรกูอยู่หรือเปล่า?

Seecha Sattradarun
เออ!

ผมขมวดคิ้วมุ่น
ขอโทษที่ไปยุ่งกับคนในครอบครัว
ขอโทษที่ทำให้รำคาญใจ
เลิกกันแล้ว ผมก็ไม่ควรจะไปข้องเกี่ยวในชีวิตเขาหรืออะไรอีก
ขอโทษละกัน

ผมวางมือถือลง ก็นะ…
เจ็บจนหัวใจชินชาล่ะ ผมคงแย่มาก
ตอนเป็นแฟนกันผมคงแย่มาก ถึงขนาดที่เขาไม่อยากให้ใครมาเกี่ยวข้องกับผมอีก
แต่ไม่รู้ดิ เขาใจร้ายจังเลย ใจร้ายที่ทำให้ผมลืมเขาไม่ได้ ทั้งที่เจ็บอยู่แบบนี้ ก็ทิ้งความรักไม่ลงสักที

ผมก้มหน้าลงกับโต๊ะเลคเชอร์อีกครั้ง แล้วปล่อยให้น้ำตามันไหลจนพอใจ ร้องไห้ง่ายๆ กับเรื่องเดิมๆ อีกครั้งและอีกครั้ง

...เป็นวัฏจักรอุบาทที่ไม่รู้จะสิ้นสุดลงได้เมื่อไหร่!


“พู่ ไปกินข้าวกัน” หลังจากเลิกเรียนเดินลงมาจากตึกผมก็พบกับพี่รหัสตัวโตที่มายืนรออยู่

“ไปด้วยดิพี่”

“มึงชื่อพู่ไหม ถ้าไม่ใช่กูไม่ได้ชวน”

“โห่!! พี่เฮ็ง ไปด้วยแค่นี้ก็ไม่ได้ ผมกับไอ้พีไปแฮฟสวีทดินเนอร์กันสองคนก็ได้ว่ะ”

“เออ เบื่อหน้าพี่เฮ็ง ไปกันเหอะ” เพื่อนสองตัว(?) ที่ไม่คิดจะเอ่ยถามอะไรผม ตัดสินใจเองเออเอง กำลังจะเดินออกไปจนทำให้ผมรีบรั้งแขนมันไว้ก่อนที่มันจะได้เดินออกไปจริงๆ

“เฮ้ย กูไปด้วย” แน่นอน ผมไม่อยากไปกับพี่เฮ็งสองคน

“มึงจะไปขัดคอคู่ขาเขาทำไมพู่ ไปกินกับกูแหละ” ว่าไม่พอยังหันไปยักคิ้วสูงให้เพื่อนผมจนมันสองคนรีบเดินออกไปอย่างรวดเร็ว

“เฮ้ออออ”

“ไปกินข้าวกับกูแค่นี้มึงต้องถอนหายใจเลยหรอ? ลำบากใจขนาดนั้น?”

แน่นอนว่าตอบเขาไปด้วยการ
…พยักหน้า ทำให้หน้าพี่เฮ็งบูดเบี้ยวขึ้นเล็กน้อย

“โครตเจ็บเลยว่ะ มึงนี่มีหัวใจบ้างไหมพู่”

“…”

“หัวใจมึงอ่ะ หัดใช้มันบ้าง”

“หัวใจพู่อ่ะมี และมันก็ถูกใช้ไปแล้ว” ผมเงยหน้าสบตากับพี่เขาตรงๆ อยากให้เขาได้รู้ว่าเพราะผมใช้มันอยู่ไง ถึงต้องเจ็บเป็นบ้าเป็นบออยู่แบบนี้

“มึง…”

“ถ้าพี่เข้าใจความรู้สึกของคนที่เฝ้ารอมาตลอดดี พี่ก็น่าจะเข้าใจพู่”

“หยุด กูไม่อยากฟัง” พี่เฮ็งเบนสายตาออกไปจากผม เหมือนคนไม่อยากรับรู้

“พี่เฮ็ง พู่ยืนยันที่จะจมอยู่แบบนี้”

“…”

พู่จะรอ….

“…”

แค่เขา เขาคนเดียว” ผมพูดด้วยเสียงที่สั่นเครือ ไม่รู้ว่าเพราะความรู้สึกจากห้องเรียนเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่เพิ่งผ่านไปมันตีกลับขึ้นมาหรือเปล่า ถึงทำให้ในใจผมแกว่งเหมือนคนไม่มีจุดยืน ขอบตาก็ร้อนผ่าว

“ก็ถ้ามึงบอกจะรอมัน แล้วกูจะทำอะไรได้” พี่เฮ็งดึงผมเข้าไปกอด เป็นจังหวะเดียวกับที่น้ำตามันไหลออกมาเปียกบ่ากว้างนั่น ผมสะอื้นน้อยๆ ก่อนที่เขาจะลูบหัวเพื่อปลอบคนขี้แงแบบผม

“ก็ถ้ามึงรักมันมาตลอดแบบที่กูรักมึงมาตลอด กูจะทำอะไรได้?”

“…”

“ก็ถ้าความรักมันทำให้มึงเจ็บปวด มันก็ทำให้กูเจ็บปวดเหมือนกัน …แต่มากกว่า”

………









-----------------------------------------------------------------------------------------------------
Talk: ความรักไม่เคยมีความหมายตายตัว บางคนบอกดี บางคนบอกไม่ดี มันอยู่แค่ว่า คนมองได้อะไรจากความรัก ...
สำหรับพู่แล้ว ความรักมันสวยงาม แม้จะต้องร้องไห้และเจ็บปวดทุกครั้งที่นึกถึงมัน
แต่สำหรับชา ความรัก... หมดศรัทธาไปแล้ว

และคนแบบพี่เฮ็งที่รับรู้มาตลอดว่าความรักจะไม่มีทางเกิดขึ้นได้จริง แต่ก็ยังเฝ้าเรียกร้อง ไขว่คว้ามาไว้กับตัว แม้มันอาจจะทำให้หัวใจที่ต้องใช้เป็นเครื่องมือแลกเปลี่ยนแสนสาหัสไปเลยก็ได้
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-08-2017 22:06:19 โดย moramor »

ออฟไลน์ wonderbe

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 754
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-2
Re: โปร่งแสง -invisible- (up 22/04/2560)
«ตอบ #19 เมื่อ23-04-2017 07:42:08 »

อยากอ่านต่อ ฮืออออออ :hao5:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: โปร่งแสง -invisible- (up 22/04/2560)
« ตอบ #19 เมื่อ: 23-04-2017 07:42:08 »





ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
Re: โปร่งแสง -invisible- (up 22/04/2560)
«ตอบ #20 เมื่อ23-04-2017 08:51:06 »

ทำไมชาถึงหมดศรัทธาในความรักล่ะ เกิดอะไรขึ้น

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
Re: โปร่งแสง -invisible- (up 22/04/2560)
«ตอบ #21 เมื่อ23-04-2017 10:33:38 »

ครอบครัวตัวสี..ดูเหมือนจะมีลับลมคมใน ว่าแต่เชียร์พี่เฮ็งดีกว่าไหม หล่อ รวย จวย ใหญ่ ซะด้วย  :hao3:

ออฟไลน์ QueenPlai

  • twitter - @khunhappymoon gmail - JangPlailiiz@gmail.com
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 86
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
Re: โปร่งแสง -invisible- (22/04/2560)
«ตอบ #22 เมื่อ27-06-2017 20:01:19 »

มาต่อเถอะน้าาาาาา ฮือออออ สนุกมากก เราจะรอ TT

ออฟไลน์ moramor

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 9
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: โปร่งแสง -invisible- (up 16/08/2560)
«ตอบ #23 เมื่อ16-08-2017 21:58:59 »

CHAPTER6.1: ภาพชินตา

SEECHA’s part

ผมเงยหน้ามองท้องฟ้าที่เริ่มครึ้มลงทุกที ๆ บุหรี่ในมือที่คืบไว้ ค่อย ๆ ถูกเผาไหม้พร้อมกับควันที่ลอยฟุ้งไปทั่วบริเวณ สีฟ้าและสีเขียวเป็นสีที่ผมชอบมากที่สุด
ผมขยับหูฟังให้มันถนัด เสียงเพลงที่ดังผะแผ่วมาจากแอพลิเคชั่น ‘ฟังใจ’ ที่ผมชอบเป็นพิเศษ

-ดวงดาวพรางพรายไปกับสายลม
ฉันจมอยู่กับเรื่องราวที่ยังทำร้าย
เพียงใครบางคนจากไปแสนนาน
ลืมเลือนภาพวันและคืนที่มีความหมาย
ฝุ่นละอองของความบอบช้ำ ยังย้ำเตือนความทรงจำ-


ผมไม่รู้ว่าผมควรต้องรู้สึกยังไง?  ผมมีชีวิตในแบบที่เหมือนไม่มีหัวใจ ก็แค่มีชีวิต แต่ไม่มีหัวใจอ่ะ เข้าใจปะวะ

-และยังจดจำ ใครซักคนที่ควรจะลืม
และยังคิดถึง ความสัมพันธ์ที่หายไป
ยังมองบนฟ้า และภาวนาให้เราได้ลืม
ลืมช่วงชีวิตเก่าๆ-


อืม… ลืม? จะให้ลืมได้ไงวะ! แค่คิดว่าจะลืมก็หงุดหงิดชิบหายแล้ว
ผมลุกขึ้นนั่ง ถอดหูฟังออก ฟังเพลงแล้วมันยุกยิกในใจ จนอยากจะควักออกมาถามว่า มึงเป็นเหี้ยอะไรจริงจัง
ไม่มีอารมณ์จะฟังห่าไรต่อทั้งนั้น ผมทิ้งบุหรี่ลงกับพื้นแล้วใช้เท้าขยี้ให้ควันจากปลายกระดาษมันดับลง หวังว่าควันในใจกูเนี่ย ก็จะดับด้วยเหมือนกัน

ครืดดดด ครืดดดดด

“ฮัลโหล” ผมกรอกเสียงลงไป

“เป็นเชี่ยไร เสียงหงุดหงิดสัด”

“เรื่องของกู” ผมตอบ เสยผมขึ้นแล้วขยี้เบาๆอย่างหงุดหงิด

“เรื่องของมึงอ่ะถูก แต่ตอนนี้ช่วยสนใจเรื่องของส่วนรวมนิดนึงครับไอ้สัด”

“มีไร”

“แก้งานนิดหน่อย มึงกลับบ้านยัง ถ้ายังวนรถกลับมาที่ตึกก่อน”

“อืม ห้านาที” ไม่ได้เอารถมา รถก็จอดอยู่ที่ตึก ตอนแรกกะจะมานอนมองดูน้ำ ดูฟ้า ดูต้นไม้ แต่ตอนนี้บอกตรง ๆ หมดอารมณ์ ระหว่างเดินกลับผมก็จ้องมองหน้าจอมือถือที่ค้างแอพแชทเฟสบุ๊คไว้อยู่

‘มันอ่านแล้ว แต่มันไม่ตอบ’

ตึก ๆ
ผมเร่งฝีเท้าเพื่อจะเดินให้ถึงตึกเรียนไวๆ

กึก
และผมก็แทบจะหยุดเดินอัตโนมัติทันที ที่เห็นภาพตรงหน้า

นี่สินะ เหตุผลที่แม่งไม่ตอบแชท เออดีชิบหาย!

ผมจ้องมองไปยัง ‘พู่กัน’ มันกำลังยืนกอดอยู่กับพี่รหัสของมันที่แม่งก็ไม่รู้ว่าสถานะมันแค่นั้นจริงๆ หรือเปล่า
หน้าของมันซุกเข้าไปที่บ่าของคนที่มันเรียกว่าพี่รหัส สองแขนโอบรอบอย่างแนบแน่น
เออไอ้เหี้ย เอาเข้าไป!

ผมมองจนพอใจแล้วก็หันหลังกลับไปตามทางเดินที่เพิ่งเดินย้อนมา มือทั้งสองข้างกำแน่น รู้สึกได้เลยว่าที่หัวใจข้างซ้าย มันเต้นแรงเหมือนจะหลุดออกมาจากอก ภาพเมื่อวันนั้น มันฉายทับซ้อนเข้ามาในหัวของผม

ผมไม่เคยลืมพู่กัน ผมไม่เคยลืมมันแม้เวลาจะผ่านมาเป็นปี
ผมยังจดจำได้ดี ว่าเราเริ่มต้นกันยังไง แล้วเราจบกันที่ตรงไหน?...

ตลอดเวลาที่คบกัน ผมไม่เคยมั่นใจได้สักนิดว่าความรักของมันมีจริงหรือเปล่า ทั้งๆที่ผมโครตทุ่มเท ผมมั่นใจว่าผมจริงจัง!
ไม่รู้และก็ไม่มั่นใจอะไรสักอย่างเลยไอ้เหี้ย ว่ามันรักกูจริงๆหรือเปล่า เพราะมันแทบจะไม่เคยพูดหรือไม่เคยบอกอะไรเลยด้วยซ้ำ
มีแต่ผมที่เฝ้าบอกรักเหมือนคนบ้า คิดถึงแทบตายตอนที่มันเอาแต่หายหัวไปปั่นงานไม่มีเวลาจะมาเจอหน้าหรือแม้กระทั่งรับโทรศัพท์ให้ผมได้ยินเสียง ใส่ใจเป็นห่วงว่ามันจะกินข้าวหรือยัง จะนอนหลับดึกไหม มันไม่เคยพูดอะไรออกมาให้ชัดเจน แล้วผมจะมั่นใจได้ไงวะ?

มีอย่างเดียวที่ชัดเจนคือมีสถานะค้ำคอว่าเป็นแฟนกัน แค่นั้น! แต่การกระทำเหี้ยแม่งโครตคลุมเครือ
ผมรู้ว่าไม่ได้มีผมคนเดียวที่ชอบมัน เพื่อนในรุ่นรวมถึงรุ่นพี่ในคณะก็แอบชอบมันอยู่ และผมก็ไม่เห็นว่าการกระทำที่ผมได้รับจากมันจะแตกต่างจากคนพวกนั้นตรงไหน?

อึดอัดและไม่พอใจ แต่ผมทำเหี้ยอะไรไม่ได้เลย เพราะหัวใจผมยอมมันไปแล้ว ผมยอมแพ้มันแล้วจริงๆ …

และผมยอมแพ้ให้กับความไม่ชัดเจน ที่ทำให้ผมหมดศรัทธาไปกับความรัก ทั้งๆที่แม่ง ผมก็ยังรักมันอยู่ดี!
ไอ้เหี้ย โครตย้อนแย้งเลยว่ะ สัดเอ๊ย!!

ทุกอย่างมันทำให้ผมเลือกที่จะฝืนความรู้สึก
ปล่อยมันไป… ปล่อยมันไปให้ไม่ต้องมาอยู่กับอะไรที่มันไม่ได้อยากมีอยู่แล้วตั้งแต่แรก

มันยิ้มได้อย่างอบอุ่น มันหัวเราะได้เต็มที่ มันดูสบายใจเมื่ออยู่กับคนนั้น คนที่มันเรียกว่าเป็นพี่รหัส
และมันก็เป็นที่มาของการบอกเลิกความรักที่เจ็บปวดเหี้ยๆ ของกูเอง...

วันนั้นไม่มีคำรั้ง ไม่มีคำถาม ไม่มีอะไรออกมาจากปากมัน
ส่วนหลังจากวันนั้น มันมีชีวิตอยู่ดีโดยไม่มีผม แต่มีพี่รหัสมันแทน

อืม… ชัดเจนดีไอ้เหี้ย
กูก็โง่อยู่ตั้งนาน ไอ้ควาย!

ฟุบ!
ผมนั่งลงขัดสมาธิ หลับตาลงตรงหน้าอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ตรงหน้า

1 2 3 4 5
ผมยังเห็นภาพมัน

6 7 8 9 10
ภาพมันตอนกอดกับคนอื่น

11 12 13 14 15
หน้ามันที่แนบชิด

16 17 18 19 20 21 22
นับไปถึงร้อย พัน หมื่นแสน กูก็ลบภาพมันออกจากใจไม่ได้อยู่ดี Kเอ๊ย!!!

ผมลุกขึ้นแล้วเตะต้นไม้ข้างๆตัว

พลั่ก!
ผลั๊วะ!
พลั่กๆๆๆ !

เตะให้ตาย กูก็เอามันกลับมาไม่ได้ !!!

อึดอัด อึดที่ใจ ทำไมกูต้องมารู้สึกแบบนี้วะ!

แหมะ!
น้ำตาที่เริ่มคลอเบ้า ทำให้มองภาพตรงข้างหน้าไม่ชัด ผมปัดมันออกลวก ๆ
นี่กูเตะเหี้ยอะไรเนี่ย เจ็บเท้าถึงขั้นน้ำตาไหลเลย?

เหมือนกับที่ ร้องไห้ให้ตายยังไง ก็เอามันกลับมาไม่ได้เช่นกัน …

ผมทรุดตัวลงนั่งอีกครั้ง ปาดน้ำตาที่มันไหลออกมาเองออกไปจากใบหน้าโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลงเมื่อไหร่
ไม่มีเสียงสะอื้น แต่รวดร้าวที่ใจใช้ได้เลยว่ะ

โครตชา โครตเจ็บ จนพูดอะไรไม่ออก ทำได้เพียงน้ำตาไหล
มือสั่น ๆ ของผม หยิบมือถือเข้าแชทเฟสบุ๊คอีกครั้ง…

คิดถึง ยังรัก อยากแห็นหน้า อยากให้มันยิ้มได้เพราะกู อยากเป็นคนที่ทำให้มันมีความสุข อยากเป็นโลกทั้งใบของมัน
ก็แค่อยากกลับไปเป็น ‘สีชาของพู่กัน’

-และยังจดจำ ใครซักคนที่ควรจะลืม
และยังคิดถึง ความสัมพันธ์ที่หายไป-


ตึบ ๆ
หัวใจเต้นช้าลงแต่หนักหน่วง แต่ละครั้งที่เต้นก็ตอกย้ำความเจ็บปวดฝังลึกเข้าไปด้วย

ผมยกมือปดน้ำตาที่ไหลลงมาช้า ๆ อีกครั้ง ราวกับคนใกล้จะหมดลมหายใจไปในทุกที
หัวใจและร่างกายเหมือนกับจะแตกเป็นเสี่ยง ๆ
.
.
.

Seecha Sattradarun
เทียน ช่วยกูที กูไม่ไหวแล้วว่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-08-2017 17:30:11 โดย moramor »

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
Re: โปร่งแสง -invisible- (up chapter6:16/08/2560)
«ตอบ #24 เมื่อ16-08-2017 22:51:37 »

สรุปเลิกกันเพราะชานอยด์...เฮ้อ..อออออออออ   :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:

ออฟไลน์ zleep

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 264
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-4
Re: โปร่งแสง -invisible- (up chapter6:16/08/2560)
«ตอบ #25 เมื่อ19-08-2017 02:35:22 »

เพราะต่างคนต่างคิดกันไปเองด้วยสินะ.. ( ; _ ; )

ออฟไลน์ aoihimeko

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +155/-9
Re: โปร่งแสง -invisible- (up chapter6:16/08/2560)
«ตอบ #26 เมื่อ24-08-2017 21:50:33 »

 :เฮ้อ:

ออฟไลน์ moramor

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 9
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: โปร่งแสง -invisible- (up chapter6.2:26/08/2560)
«ตอบ #27 เมื่อ26-08-2017 17:41:10 »

CHAPTER6.2: ภาพชินตา
Seecha’s part

‘อืม มันอยู่กับกูเนี่ย เออ เดี๋ยวกูดูเอง เออน้องกู กูรู้หน่า ไอ้เหี้ยหมี มึงจะวางได้ยัง ไอ้ฉิบหาย กูเป็นพี่ชายมันมา 22 ปี กูรู้ แค่นี้นะไอ้ควาย สัดเอ๊ย!!’

ผมเดินเข้าไปนั่งยังโต๊ะกลุ่มผู้ชายฝูงใหญ่ที่มีเสียงคุยโทรศัพท์ของเทียนแว่วเข้ามา ก่อนเทียนจะสบถแล้ววางสายไป

“ฉิบหาย มึงคบเพื่อนหรือแม่วะไอ้ชา” พอนั่งลงที่เก้าอี้ได้ เทียนก็หันมาถามด้วยสายตาโครตเบื่อหน่าย แต่ผมไม่สนใจยกมือไหว้เพื่อนเทียนทุกคนที่นั่งล้อมโต๊ะกันอยู่แทน

“ไงเรา ซึมมาเชียว” พี่ธันเอ่ยทัก แต่ผมส่งยิ้มแล้วยักคิ้วสองจึกกลับไปให้แทน

ผลั๊วะ!

“ก็เป็นซะแบบนี้อ่ะ มึงมันเป็นแบบนี้ไง เจ็บจะตายห่ายังทำอวดเก่งตอแหลว่าไม่เป็นไร” ผมกลอกตาอย่างเซ็งๆ แล้วลูบหัวตัวเอง ครั้นจะตบคืนก็เกรงใจมัน เห็นมันนั่งอยู่กับเพื่อน ถ้าอยู่บ้าน กูถีบกลับแล้วนะเทียนนนน  - - “ไหน หมาตัวไหนมันแชทมาหากูอย่างหมดท่าวะ พวกมึงช่วยกูมองหาดิ” แม่ง เหยียดตามองกูไปอีก

ก็ตอนนั้นมันเจ็บเหมือนจะตายห่าไปแล้วจริงๆนี่หว่า หูมืดตามัวแชทไปหาเทียน พอมันเห็นมันรีบโทรศัพท์มาหาบังคับให้ผมขับรถมาหามันที่ร้านเหล้าที่มันนัดกับเพื่อนมันตอนสามทุ่มแบบนี้ หลังจากที่ผมตัดสินใจเดินกลับตึกไปอีกครั้งเพื่อช่วยแก้งานกับไอ้เหี้ยหมีและเพื่อนในกลุ่ม แต่พอไอ้หมีเห็นสภาพ มันก็รู้ทันทีว่าสาเหตุมาจากอะไร และกลับสาปส่งไล่ให้ผมไปหาเทียนให้ไว เพราะแม่งจะทำงานพังกว่าเดิม

“สัดเทียน เดี๋ยวน้องมันก็ต่อยคว่ำ กวนส้นตีนไม่เลือก ฮ่าๆ” ผมเห็นด้วยกับพี่ พี่เฟรม

“พวกมึงรู้อะไรไหมตอนกูไปแลกเปลี่ยนที่ญี่ปุ่นปีที่แล้ว ไอ้ห่าหมีไลน์มาบอกกูทุกวันว่าน้องกูจะตายห่าในเร็ววันแล้ว”

“ทำไมวะ?” พี่นะ คู่หูพี่เฟรมตั้งท่าพร้อมเสือก ผมโครตอยากจะล้มโต๊ะ เวรเอ๊ยย   

“ก็แม่งคิดถึงเขา อยากเจอเขา แต่เสือกไม่ทำห่าอะไรสักอย่าง ปล่อยเวลาเป็นปี ๆ แอบไปกินเหล้าพอเมาก็ร้องไห้ใส่เหี้ยหมี จนมันหมดปัญญาไม่รู้จะทำเหี้ยอะไรกับเพื่อนแบบมึงแล้ว รู้ตัวไหมวะ?” ประโยคหลังเทียนหันมาพูดกับผม แต่ผมก็ยังไม่สนใจ มองหาแก้วเปล่าเพื่อมารินเหล้า

“ขนาดนี้ก็ไปขอคืนดีเขาสิวะ กลัวเหี้ยไรอยู่ได้” พี่ปาร์คส่งแก้วเหล้ามาให้เพิ่มเติมคือมีคำถามมาอีกด้วยเว้ย

“ใช่ม่ะ!” เทียนว่าแล้วตบโต๊ะเหมือนถูกใจอะไรนักหนา “พอกูกลับมา กูเลยไปสืบจากไอ้หมีว่าคนไหนแม่งที่เอาซะน้องกูไปไม่เป็น หึหึ”

“พอได้ยัง?” ผมถามเสียงเรียบ ๆ

“เห็นไหม มันน่าหมันไส้แบบนี้ไง วันนั้นที่กูเจอพู่กูเลยเข้าไปหา เสือกเห็นอีก กลับบ้านมาต่อยกูซะปากเขียวเลย เก่งสัดน้องกู”

ขอบคุณที่ชม ผมเลยยักคิ้วรับคำชม

“เก่งลับหลังอ่ะมึงอ่ะ ต่อหน้าเขาล่ะป๊อด” เหี้ย! กูยังเป็นน้องมึงไหมวะสีเทียน - -

“ฮ่าๆๆๆๆเหี้ย ไอ้ชาหน้าเงิบเลยมึง”

“ไปหัวเราะน้องมัน” พี่ธันเบรกเพื่อน ก่อนที่ผมจะหันไปยิ้มหวานขอบคุณ พี่ธันแม่งน่ารักที่สุดแล้ว ไม่เหมือนเพื่อนเทียนคนอื่น กวน-ส้น-ตีน

“ไม่ต้องไปอ้อนไอ้ธันเลยนะมึงอ่ะ แล้วจะเอาไง จะเงียบแบบนี้ไปอีกกี่ปี”

“ไม่รู้ดิ” ผมตอบคำถามพี่คุณไป

“ทำเป็นถามไอ้ชา มึงก็เงียบเก่งไม่ต่างจากมันเลยครับคุณเพื่อนคุณครับ” พี่ป๊อบแทรกกลางเข้ามาเล่นเอาพี่คุณเสียการควบคุมหลุดด่าออกมาเลย

“สัดป๊อบ!” ภาพคุณชายในหัวที่มองพี่มันมาตลอดหลุดลอยออกไปเลยไอ้เหี้ย

“ฮ่าๆๆๆ” แล้วเสียงหัวเราะก็ผสมโรงมาอีก ผมก็หัวเราะไปกับเขาด้วย

ผมเป็นแบบนี้ ผมเป็นแบบที่เทียนบอกจริง ๆ นั่นแหละ
ผมยิ้มเก่ง ผมหัวเราะ ผมทำทุกอย่างให้เหมือนปกติ ผมไม่เคยแสดงออกมาสักครั้งว่าข้างในผมมันแย่ขนาดไหน
หัวใจมันร้องไห้ไปกี่ครั้ง ผมไม่เคยยอมให้มันถูกเปิดเผยออกมา แม้ผมจะอ่อนแอและอ่อนแรงแค่ไหนก็ตาม

ไม่มีใครรู้เลยสักนิดว่าจริง ๆ แล้ว ผมโครตไม่โอเคเลยว่ะ

“แล้วยังไง จะให้กูช่วยไหม?” เทียนเอ่ยถามอีกครั้ง และทุกคนก็หันมาให้ความสนใจ ครั้งนี้ผมรู้ดีว่ามันจริงจัง ไม่ได้พูดเล่น

“ช่วยให้กูเลิกรู้สึกแบบนี้ที” ผมตอบแล้วยักไหล่จรดเหล้าเข้าปาก เหมือนไม่ได้ใส่ใจกับความเจ็บปวดอะไรมากมายนัก

“ทำไมไม่แก้ที่ต้นเหตุ ทำไมถึงแก้ปลายเหตุล่ะ” พี่ธันเอ่ยถามแล้วลูบหัวผมอย่างเอ็นดู เขารู้แน่ ๆ ว่าตอนนี้ผมอยากร้องไห้มากแค่ไหน

“มึงเลิกกลัวเหี้ยไรสักที แล้วไปคุยกันจริง ๆ จัง ๆ สักทีเหอะว่ะ”

“กูเห็นด้วยกับไอ้เฟรมนะชา กูไปสืบมาน้องพู่ก็ไม่ใช่คนไม่มีเหตุผลนี่หว่า”

“พี่ไม่เข้าใจหรอกพี่นะ” ผมตอบก่อนจะหยิบบุหรี่ในกระเป๋าเสื้อมาคาบไว้ที่ริมฝีปากก่อนจะจุดไฟแช็ค

“ทำไมพวกกูจะไม่เข้าใจ มึงก็เหมือนน้องชายพวกกู ทุกคนเป็นห่วงมึง โดยเฉพาะพี่มึง มันแม่งไปตีสนิทพู่จนแทบจะสืบกิจวัตรพู่เช้าเย็นอยู่แล้ว”

“ไอ้เชี่ยปาร์ค มึงไปบอกมันทำไมไอ้สัด” เทียนโวยวายปิดปากเพื่อน แต่ก็ไม่มีใครหันไปสนใจสองคนนั้น พี่คนอื่นยังมองมาที่ผม แล้วพี่เฟรมก็เริ่มพูดต่อ

“มึงกลัวอะไรอยู่วะ?”

“ผมไม่ได้กลัว” ตาก็มองไปที่แสงสีส้มที่วาบวับอยู่กับปลายบุหรี่

“งั้นก็ให้พวกกูช่วย พวกกูทุกคนเต็มใจ ไม่อยากเห็นมึงเป็นแบบนี้แล้วว่ะ”

“มึงรู้อะไรไหม ถึงมึงจะแสดงออกว่าไม่เป็นอะไร แต่พวกกูรู้จักมึงมากี่ปีแล้ว เห็นมึงมาตั้งแต่มึงจู๋ยังเท่ามดไอ้ห่า มึงอย่ามาหลอกพวกกูว่าไม่เป็นเหี้ยอะไร”

“ยิ้ม ยังจะยิ้มอีกสัด เลิกตอแหลสักที!”

“เทียน ใจเย็น ๆ อย่าตะคอกน้อง” เทียนเสียงดังใส่ผม มันคงอดทนไม่ไหว จนพี่ธันต้องจับมือมัน

“เจ็บก็บอกว่าเจ็บ เสียใจก็บอกว่าเสียใจ ไม่ไหวก็บอกว่าไม่ไหว มึงเป็นคน มึงก็ร้องไห้ได้ไอ้ชา!!”

ดวงตาผมสั่นระริก สูบบุหรี่เข้าปอดก่อนจะพ่นออกมา นิ้วมือที่สั่นไหวค่อย ๆ คีบบุหรี่ออกมาจากปาก

เจ็บก็บอกว่าเจ็บ
เสียใจก็บอกว่าเสียใจ
ไม่ไหวก็บอกว่าไม่ไหว

“ผม…”

“ชา พี่เข้าใจว่าเราไม่ได้เข้มแข็งอย่างที่เราแสดงออกมา พี่รู้ ทุกคนรู้ ว่าเราเจ็บขนาดไหน… มันเหมือนจะตายเลยใช่ไหม?
แล้วก็รู้ว่าเรารักเขา… รักมาก” พี่ธันพูดแล้วเอื้อมมือมากุมมือผมไว้

“ชารักพู่” เสียงผมสั่นที่สุด ยากที่จะบังคับให้ไม่แกว่งได้ หัวใจมันอ่อนแอเกินไปที่จะควบคุมความเจ็บปวดทั้งหมดนี้

“งั้นพวกกูจะช่วย”

“ไม่.. ไม่มีใครช่วยได้หรอก” น้ำตาผมไหลออกมาเองหลังจากประโยคเมื่อกี้ที่หลุดออกมาจากริมฝีปากอันสั่นเทาของผม มันเบาหวิวราวกับเสียงกระซิบจากที่ไกลแสนไกล

“กูถามจริง ๆ นะชา มึงบอกเลิกพู่กันทำไม”

ในหัวมันฉายภาพขึ้นมาชัด ภาพที่ผมเคยบอกว่า ภาพวันนั้นมันซ้อนทับเข้ามาในหัว
ภาพวันนั้น

‘ภาพที่พู่กันยืนจูบกับพี่รหัสมัน’

ถ้ามันไม่ได้เป็นภาพที่ผมเห็นด้วยตาตัวเองผมคงไม่เชื่อ
กูคงไม่เชื่อ ถ้ากูไม่ได้มองดูจนทั้งคู่ผละออกจากกันแล้วเห็นหน้าชัดในระดับ HD

วันนั้นพู่บอกว่าไปเลี้ยงฉลองสอบเสร็จตัวสุดท้าย ตีสองพู่บอกว่ากำลังกลับห้อง แล้วผมออกจากบ้านไปที่ห้องมันตอนดึกขนาดนั้นเพื่อจะพบว่ามันอยู่กับใคร...หรอ??
หลังจากวันนั้นผมหายหัวไปสองวันติด ๆ แต่ไม่มีแม้กระทั่งไลน์มาถามจากพู่ จนเป็นผมเองที่ทนไม่ไหว

SEECHA STDR: พู่ วันนั้นกูเห็นว่ะ
กูเห็นว่ามึงจูบกับคนอื่น กูต้องรู้สึกยังไง ?
READ 9:10 PM

SEECHA STDR: ทำไมอ่านแล้วไม่ตอบวะ บอกกูทีดิ กูต้องทำยังไงวะพู่
READ 9:15 PM

SEECHA STDR: อืม กูเข้าใจแล้ว
READ 9:16 PM

อ่านไม่ตอบ คือ คำตอบว่ะ!!

ผมหายไปอีกหนึ่งอาทิตย์เต็ม ๆ โดยไม่ได้ไปรบกวนมันอีก
จนวันครบรอบหนึ่งปีที่ผมจำได้ดี เป็นวันที่พู่โทรมานัดผมให้ออกไปเจอกันที่หอศิลป์
เป็นวันครบรอบที่ดีเหี้ย ๆ

‘มึงมีอะไรจะบอกกูหรือเปล่าพู่’

‘ไม่มีนี่’

‘แต่กูมีว่ะ’

‘หือ?’

‘เลิกกันเหอะ ใจคงไม่ได้อยู่ตรงนี้อีกแล้ว’…


ใจมึงอ่ะ คงไม่ได้อยู่กับกูตรงนี้อีกต่อไปแล้ว

คนบอกเลิกคือคนที่เตรียมใจมาแล้วคงไม่เจ็บเท่าคนโดนบอกเลิกที่ไม่มีเวลาแม้แต่จะทันตั้งตัว
ไอ้เหี้ยไหนบอกกูแบบนี้วะ??? เหี้ยเอ๊ยยยยย มึงไปตบปากให้แตกเท่าอายุมึงเลย สัด!

แม่ง เจ็บเหมือนจะไม่เหลือที่ว่างให้เจ็บได้อีกแล้วอ่ะ…
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-08-2017 03:06:19 โดย moramor »

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
Re: โปร่งแสง -invisible- (up chapter6.2:26/08/2560)
«ตอบ #28 เมื่อ26-08-2017 20:55:14 »

เฮ้อ........ได้รู้จากชาแล้ว
สิ่งที่ทำให้ชา บอกเลิกกับพู่
คือส่วนหนึ่งมาจากพู่ นิ่ง ไม่พูด และพี่รหัสจูบพู่

ชา ที่ไม่เข้าใจพู่ เพราะพู่ไม่แสดงออก ไม่อะไรเลย
มีแต่ชา เป็นฝ่ายบอกรัก ทำให้ชาอ่านพู่ไม่ออก
พอเห็นพี่รหัสจูบพู่ เลยพอและความรัก
ถามไรๆพู่ก็ไม่ตอบ เลยบอกเลิกพู่

พออย่างนี้เลยคิดว่าผิดทั้งคู่
พู่ ผิดที่ไม่กล้าแสดงออกเรื่องความรัก ทั้งคำพูด ทั้งทางกาย
เรื่องพี่รหัสจูบ บางที บางมุมมันเหมือนใช่ แต่ไม่ใช่ พู่เลยไม่มีอะไรบอกชา

ชา ผิด ที่ไม่เชื่อใจพู่
และถามคำถามไม่ตรง ถามไปสิว่าเห็นพู่จูบกับพี่เฮ็ง 
พู่จะได้ตอบได้  ว่ามันใช่ หรือมันไม่ใช่  :fire: :fire: :fire:

ไม่น่าเชื่อทั้งที่ต่างฝ่าย ต่างยังรักกันแท้ๆ   :z3: :z3: :z3:
พู่ก็ร้องไห้ตลอด ชาก็ไม่รู้ แล้วจะเข้าใจกันได้ยังไง  :ling1: :ling1: :ling1:
ไอ้พี่เฮ็งก็ยังไม่ตัดใจ มาเกาะแกะกอดนัวเนียอีก
เอาไอ้พี่เฮ็งไปทิ้งลงคลอง ลงแม่น้ำอีกทีสิ  :z6: :z6: :z6:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
Re: โปร่งแสง -invisible- (up chapter6.2:26/08/2560)
«ตอบ #29 เมื่อ26-08-2017 23:13:50 »

สิ่งที่เห็นคือเรื่องจริงหรือเปล่า???พู่มาขยายความหน่อย   :m8: :m8: :m8:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด