สวัสดีครับผมกลับมาอีกตอนแล้วเน้อ
เตรียมหมอน
เตรียมผ้าเช็ดหน้า
เตรียมอะไรก็ได้ที่ช่วยให้แก้เขิน
...อย่าหาว่าผมไม่เตือนนะครับ 555
Chapter 19 ความหวัง สนและเปรมกำลังคุยกันในรถระหว่างกลับบ้าน ตอนแรกพี่เปรมจะพาไปเที่ยวต่อ แต่ลืมไปว่า ตอนนี้ทิ้งต้นไว้อยู่บ้านคนเดียว เลยต้องรีบกลับบ้านก่อนที่ ต้นจะโวยวายว่าทำไมกลับดึก
“ หนังสนุกดีนะ....พี่ “
“ คบกันมาตั้งนาน เพิ่งรู้นะเนี่ยว่าชอบดูหนังผีเหมือนกัน “ พี่เปรมแอบแปลกใจในรสนิยมหนังที่สนชอบดู
เกือบสี่ทุ่ม ระหว่างทางกลับบ้าน สน นั่งอยู่บนเบาะข้างคนขับ มีพี่เปรมเป็นสารถีขับรถกลับบ้าน เปรมขับรถมาถึงซอยเข้าบ้าน สิ่งแรกที่พวกเขาสังเกต คือ บ้านทั้งหลังมืดสนิทไม่มีไฟเปิดจากหน้าต่างดวงไหนเลย กระนั้นเปรมก็ไม่ได้สงสัยอะไร ยังคิดสนุกนึกว่า ต้นแกล้งอะไรซักอย่างไว้เซอร์ไพรส์พวกเราตอนกลับมา
พี่เปรมถามอย่างแปลกใจ “ ต้น..มันจะทำอะไรกันแน่ …หรือว่านอนหลับไปแล้ว “
ผมเองก็แปลกใจเหมือนกัน “ ไม่หรอกพี่...มันนอนดึกจะตาย “
พี่เปรมเดินไปเปิดประตู ข้างในมืดสนิท ไม่มีเสียงใครทั้งสิ้น และ ไม่มีวี่แววของต้นในบ้านหลังนี้เลย
เปรมเดินไปเปิดไฟห้องครัวแขก “ ต้นกูกลับมาแล้ว...”
พี่เปรมเคาะโต๊ะส่งสัญญาณว่าเพื่อนยังอยู่ดีหรือเปล่า
สิ่งที่ตอบกลับมา คือ ความเงียบสงัดปกคลุมทั้งบรรยากาศในบ้าน
“ กระเป๋ามันยังอยู่นะ....พี่ “
“ เออจริงด้วย...แล้วต้นมันหายหัวไหนว่ะ “
เปรมและสนเดินพล่านหาต้นทั่วทั้งบ้าน ไม่ว่าจะห้องนอน ห้องครัว ห้องน้ำ ห้องเก็บของ บริเวณนอกบ้าน หรือ
แม้แต่ในตู้เสื้อผ้าก็ไม่พบร่างต้นแต่อย่างใด ในยามวิกาลแบบนี้ ถ้าใครหายไปซักคน แน่นอนว่าจะต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่ๆ
....โดยเฉพาะ อารมณ์ของต้น ....ตอนนี้..ยิ่งคิดก็ยิ่งน่าเป็นห่วง
เปรมตัดสินใจโทรไปยังเบอร์มือถือของต้น
….ไม่มีสัญญาณตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก.....“ ทำไมไม่รับสายเลยว่ะ .... “ พี่เปรมโทรไปหาเบอร์มือถือของต้นหลายครั้ง แต่ไร้การตอบรับ
“ ผมโทรไปเบอร์บ้าน ก็ไม่มีคนรับสาย.... “
“ พี่ว่ามันคงกลับบ้านไปนอนมั้ง....มันคงไม่คิดว่าเราจะกลับดึกขนาดนี้ …ช่างเถอะๆ ไว้พรุ่งนี้เดี๋ยวค่อยโทรหาอีกที “
“ แต่ว่ามันจะลืมกระเป๋าไว้ที่นี่ทำไม “
“ ต้น...มันขี้ลืมง่ายจะตาย …พี่ว่าเราสองคนไปอาบน้ำด้วยกันดีกว่านะ “
…คนอะไร ทะลึ่งชิบหาย ...มีหรือเวลาที่ผมกับพี่เปรมอาบน้ำด้วยกัน แล้วจะไม่ทำอย่างอื่นต่อ...
“ ไม่เอาหน่าพี่..ผมเหนื่อยแล้ว “
พี่เปรมตัดพ้อ ส่งเสียงเศร้าๆ “ อาบให้แค่นี้..ก็ไม่ได้ “
“ ถ้าอาบอย่างเดียวจะไม่ว่าเลย .....ผมยังไม่หายจุกจากเมื่อคืนเลยนะ “
ผมดุใส่พี่เปรม เชิงสั่งให้พี่เปรมไปอาบน้ำได้แล้ว ...พี่เปรมเดินตัวงอเป็นกุ้งเข้าไปอาบน้ำคนเดียว
ในขณะที่ผมนั่งบนเก้าอี้ก่อนหยิบมือถือขึ้นมาโทรหาต้นอีกครั้ง ไม่ว่าโทรช่องทางใดก็ไม่มการตอบรับ
ครั้นจะติดต่อไลน์ไปหา ก็คงไม่มีประโยชน์เพราะผมคิดว่าต้นบล็อคไลน์ผมไปแล้ว
.........ต้น มึงหายไปไหนว่ะ
.........มันจะเป็นอะไรรึเปล่าว่ะในใจผมกระสับกระส่ายไม่เป็นตัวของตัวเอง ถึงต้นจะเป็นไม้เบื่อไม้เมากับผมมานาน แต่มันก็เป็นเพื่อนผม
....เพื่อนหายไปทั้งคน คงมีแค่พี่เปรมมั้งที่มีอารมณ์อาบน้ำทั้งๆที่เพื่อนตัวเองหายไปไหนไม่รู้
.........ลองไปที่บ้านมันดีกว่า เผื่อมันอยู่จะได้เบาใจ พี่เปรมอาบน้ำเสร็จนุ่มผ้าเช็ดตัวสีขาวพาดเอว เดินไปหยิบกระปึกครีมก่อนพอกหน้าขาวตามฉบับหนุ่มสำอางพี่เปรม
สังเกตเห็นผมดูกระสับกระส่าย ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ผมตัดสินใจจะไปที่บ้านต้นเลยดีกว่า....ว่ามันกลับบ้านหรือเปล่า......
ผมกลัวว่าต้นจะตกอยู่ในอันตราย.... ผมตัดสินใจแบกกระเป๋าของต้นยัดใส่กระโปรงหลังรถของผมที่จอดอยู่คู่กับรถพี่เปรม
พี่เปรมเดินตามหลังไล่ถามอย่างเป็นกังวล
“ สน...จะทำอะไร “
“ ผมจะไปบ้านต้น....ดูว่ามันอยู่บ้านหรือเปล่า ”
พี่เปรมออกอาการตกใจ ที่ผมจะไปหาต้นในยามดึก “ แต่นี่มันดึกแล้วนะ ...สน “
“ เพื่อนหายไปทั้งคนนะพี่....ยังไงผมก็ต้องไป..นะพี่..นะ “ ผมขอร้องอ้อนวอนพี่เปรม
พี่เปรมทนเห็นสายตาร้องขอจากผมไม่ได้ เลยพยักหน้าอย่างฝืนๆ
พี่เปรมจูงมือผมเดินขึ้นรถ “ ก็ได้ ....แต่พี่ไปด้วยนะ “
“ พี่เปรม!!! พี่อยู่ที่นี่แหละ เผื่อต้นมันมาที่นี่ “ …บางทีมันอาจจะออกไปกินข้าว หรือซื้อของเลยกลับดึกก็เป็นไปได้
“ แต่ว่า... “
“ ผมโตแล้ว ผมขับไหว......พี่ดูแลบ้านไป...อย่าขัดผมดิ!! “
“ สน....พี่ว่าไปคนเดียว...มันอันตราย “ พี่เปรมเตือนผมด้วยความเป็นห่วง
“ ผมดูแลตัวเองได้...... ถ้าพี่เจอต้นก็บอกผมด้วยนะ “
ผมเดินขึ้นรถก่อนสตาร์ทเครื่องขับออกไปทิ้งให้พี่เปรมอยู่บ้านตามลำพัง พี่เปรมส่งข้อความทำนองให้ผมดูแลตัวเองและติดต่อ
พี่เปรมเป็นระยะๆ พี่เปรมดูเป็นห่วงผมมากกว่าต้นซะอีก ....บ้านพี่เปรม กับ บ้านต้น แม่งอยู่คนละทิศ โชคดีหน่อยที่ตอนนี้เลย
เที่ยงคืนมาแล้ว ถนนโล่งแทบไม่มีรถสัญจรแบบตอนเย็น ผมเร่งคันเร่งขับไปถึงบ้านต้นให้เร็วที่สุด ซึ่งก็ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง
แต่ถ้าเป็นช่วงเย็นๆ รับประกันว่านานกว่านี้หลายเท่าแน่ บ้านต้นอยู่ในหมู่บ้าน ใกล้ๆโรงเรียนที่ผมเคยอยู่ จะไปบ้านต้นต้องผ่านโรงเรียนเก่าผม
......ทุกครั้งที่ผมขับผ่านโรงเรียนนี้ทีไร ผมต้องเบือนสายตาเพื่อไม่ให้เห็นบรรยากาศในโรงเรียน โดยเฉพาะการที่ได้เห็นอาคารโรงยิมตอนดึก
เป็นอะไรที่น่ากลัวกว่าดูหนังผีซะอีก ....ความทรงจำอันเลวร้ายกับสถานที่แห่งนั้น ยังหลอกหลอนผมถึงวันนี้ .....ผมยังจดจำอดีตอันเลวร้ายได้เสมอ
ผมขับเข้าไปในซอยบ้านต้น เสียงสุนัขเห่ายามวิกาล กระตุ้นอารมณ์ผมให้กระวนกระวายยิ่งกว่าเดิม
ผมขับรถมาถึงบ้านต้น เห็นไฟในห้องรับแขกเปิดอยู่ ผมใจชื้นขึ้นมาทันที ผมปีนรั้วบ้านก่อนที่จะเดินเข้าไปในบ้าน
ผมรู้จักบ้านต้นเป็นอย่างดี เพราะผมชอบไปนอนค้างบ้านมันบ่อยๆ ตอนนั้นพี่ปลายข้าวยังอยู่ที่นี่ ไม่เหมือนกับตอนนี้
บรรยากาศดูเงียบเหงาไปถนัดตา เนื่องจากประตูหน้าบ้านถูกล็อคด้วยโซ่คล้องอย่างแน่นหนา
ผมจึงต้องปีนเข้าทางหน้าต่างห้องครัว .....ทันทีที่เท้าแตะถึงพื้นบ้าน มีเสียงผู้ชายคนหนึ่งตะโกนออกมาจากห้องรับแขก
..........เป็นเสียงที่ผมคุ้นเคยดี ผมเดินเข้าไปในห้องรับแขก ภาพที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าคือ ผู้ชายคนหนึ่งกำลังแดกเบียร์อยู่
บนโซฟา เหน็บสมุดโน๊ตสีดำไว้ข้างตัว พื้นห้องมีเศษกระดาษ และขี้บุหรี่ทิ้งเกลื่อนกลาดเต็มไปหมด .....ต้นก้มหน้าก้มตาหยิบเบียร์ออกมาจากลัง ก่อนแดกเข้าไปอีกกระป๋อง
ผมทนเห็นมันในสภาพนี้ไม่ได้ ......ก่อนดึงกระป๋องเบียร์ออกจากปากต้น ต้นมองค้อนด้วยสีหน้าไม่พอใจ
“ ต้น.....พอได้แล้ว “ ต้นทำท่าทางไม่พอใจที่ผมมาห้าม เหมือนถูกขัดจังหวะ
“ ปล่อย...กูจะแดก “ ต้นพูดด้วยน้ำเสียงฉะฉาน แสดงว่ามันเพิ่งจะแดกไป ....รู้เลยมึงยังไม่เมา
“ ดึกแล้ว….พอๆ...เดี๋ยวกูพามึงไปนอน “ ผมจับมือมันให้ลุกขึ้นประคองร่างใหญ่ของมัน
“ กูยังไม่เมา ....กูจะแดกต่อ “ ต้นผลักผมออก พร้อมคว้ากระป๋องเบียร์อันใหม่มาแดก
“ กูไม่ให้มึงแดก.... ทำไมมึงกลับบ้านแล้วไม่บอกพวกกู ...ทำไมไม่รับโทรศัพท์ “
ผมฉกกระป๋องเบียร์ขว้างลงพื้นเสียงดัง เบียร์กระฉอกออกมาจากจุกสแตนเลส
ต้นเหลือบไปเห็นเบียร์ไหลออกมาจากกระป๋อง ใบหน้าแดงก่ำของต้นสบถคำหยาบออกมาด้วยความโกรธแค้น
“ เสือก!!!! “ เสียงสบถต้นดังเกรี้ยวกราด หยุดเสียงรอบข้างได้แม้แต่เสียงเห่าก็เงียบไปตามๆกัน
“ กูเป็นห่วงมึง....... แต่มึงด่าว่ากูเสือกอย่างงั้นหรอว่ะ!!! “
ต้นพูดอย่างตะกุตะกะ ก่อนเดินโซเซ เหวี่ยงคอเพื่อทรงตัวให้ยืนอยู่กับที่ ตอนนี้ต้นเริ่มออกอาการขาดสติ
เมื่อเบียร์เริ่มออกฤทธิ์ ความเมาของมันทำให้ทุกอย่างเลวร้ายลง
“ ใครใช้ให้มึงมาที่นี่ล่ะ มึงเป็นแม่กูหรอ “
“ ไอเหี้ย!!!! กูขับรถดึกๆ ....ตามหามึง...กูกลัวว่ามึงจะไปตายห่าที่ไหน ....แล้วมึงมีสิทธิ์อะไรมาด่ากูว่ะ “
“ มึงเจอกูแล้ว ...มึงก็กลับไปดิว่ะ “
ผมชักเริ่มโมโหมันแล้ว “ เห้ย!! กูเหนื่อยนะ .....มึงเลิกทำตัวงี่เง่าได้ป่าวว่ะ “
“ มึงกลับไปแดกค_ยผัวมึงซะ กูจะไปแดกเบียร์ต่อ “
ผมปรี๊ดแตกทันที “ ไอสัด!!! มึงพูดหมาๆแบบนี้ได้ไงว่ะ “
ผมกระชากคอต้น ก่อนระบายความโกรธฝากไว้กับกำปั้น แรงหมัดพุ่งตรงไปยังใบหน้าของต้นโดยที่ต้นไม่ได้ทันตั้งตัว
ต้นโดนหมัดเข้าไปอย่างจัง สูญเสียการควบคุม ร่างสูงใหญ่โซเซก่อนล้มลงตายคาธรณีประตู .....
“ กูไปแดกค_ยพ่อมึง หรือว่ะไอเหี้ย!!!! “
ผมกระชากตัวมันก่อนซัดเข้าไปที่ปากมันอีกรอบ ภายในปากมีของเหลวสีแดงสดฉีดออกมาจากตามซอกฟัน เลือดกระเซ็นเปื้อน
ไปทั่วใบหน้า แม้แต่กำปั้นของผมก็มีเลือดไอเหี้ยต้นติดมาด้วย ผมฝากรอยแผลดูเด่นชัดไว้ที่มุมปาก ต้นหมดสภาพที่จะสวนกลับ
ได้แต่ยกมือปัดป้อง ตะเกียกตะกายคลานหนี มันเมาจนไม่เหลือเรี่ยวแรงจะมาสู้กับผม ผมติดตามผลงานก้มตัวบีบคอมันก่อน
ปล่อยหมัดน็อคไปที่มุมปากอีกข้าง..............ต้นนอนหมดสภาพแผ่หลาจูบพื้นไปอีกรอบ ...........มุมปากเผยแผลสดมีเลือด
ไหลออกมาเป็นคราบตามพื้น....เป็นครั้งแรกของผมที่หุบปากมันได้สำเร็จ
ผมกู่ร้องสะใจที่กำราบมันลงได้ “ หมดซ่าเลยดิมึง “
ผมรอให้มันลุกขึ้นมาต่อยอีกรอบ แต่คราวนี้ดูเหมือนต้นจะหมดสภาพจริงๆ
“ …… “ ร่างกายของต้นแน่นิ่งไม่ขยับเขยื้อน
“ เก่งแต่ปาก ...แน่จริงลุกขึ้นมาอีกดิ “
“ …… “ ไม่มีเสียงโต้ตอบ มันควรจะร้องเจ็บอะไรออกมาบ้าง แต่นี่เงียบสนิท
“ ต้น...... “ ผมร้องเรียกชื่อมัน แต่ก็ไม่มีเสียงตอบกลับมา
“ …… “
“ เชี่ยต้น มึงเป็นอะไร.... “ ผมก้มลงไป เสียงลงหายใจแผ่วเบาอย่างกับขาดใจ
......ไม่นะ ต้น!!!! มึงอย่าเป็นอะไรไปนะ
.......มึงฟื้นขึ้นมาดิว่ะ!!!!“ เชี่ย!!! “
ร่างต้นกระตุกพร้อมสำลักไอออกมาเป็นเลือด ตอนนี้เลือดท่วมปากมันไปหมด ไม่เหลือคราบนักเลงปากดีของมันเลย ต้นสลบลงพื้นไปอีกรอบ เหมือนขอลาตายตรงนี้ดีกว่า
“ ต้น....กู...กูขอโทษ.....มึงอย่าเป็นอะไรเลยนะ “
……ตอนนี้เอาอะไรมาแลกก็ได้ แต่ขออย่างเดียว มึงอย่าเป็นอะไรเลยนะต้น กูขอร้องล่ะ+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++.
.
.
ภาพตัดกลับมา สิ่งที่มองเห็นอยู่มีแต่ความมืด และ ความว่างเปล่า
....โอ๊ย เจ็บจังว่ะ
....ทำไมกูเจ็บตรงปากว่ะ
....กูเป็นอะไร?
…กูโดนต่อยหรอว่ะ
....ไม่นะ กู คือ ต้น ....ระดับกูไม่เคยโดนใครต่อยง่ายๆหรอก
.....แต่ทำไมตอนนี้กูเจ็บชาไปทั้งหน้าเลยว่ะผมลืมตาขึ้นมา เห็นตัวเองนอนอยู่บนเตียง ผมเหลือบเห็นกระจกเงาตรงข้ามเตียงนอน ผมเห็นสภาพของผม แทบจะตกใจกลัว
ทำไมกูเป็นแบบนี้ไปได้ว่ะ มุมปากผมทั้งสองข้างมีรอยฟกช้ำ รวมไปถึงหางคิ้วด้านขวามีรอยแผลถลอก ผมค่อยๆยกมือแตะเบาๆ
เชี่ย!!!!.....ของจริงหนิ
แม้แต่แขนผมยังไม่สามารถสั่งการได้ตามใจชอบ ร่างกายผมอ่อนเพลียไปหมด แล้วผมมาอยู่บนเตียงนอนได้ยังไง
....ผมควรจะนั่งแดกเบียร์อยู่บนโซฟาไม่ใช่หรอ
ทันใดนั้นมีผู้ชายคนหนึ่งกำลังเดินเข้ามาในห้องนอนผม
......สน!!
......มึงมาทำอะไรที่นี่“ ต้น!!! ……มึงฟื้นแล้วหรอ “
สนวิ่งปรี่เข้ามากอด ผมเงยหน้าขึ้นเห็นใบหน้าน่ารักก้มลงมองอย่างเป็นห่วง สนจับบ่าทั้งสองข้างประคองร่างผม
ก่อนซุกตัวแนบหน้าอกผม ไม่รู้ว่าภายใต้หน้าอกของผม สนจะมีสีหน้าเช่นไร แต่ผมสัมผัสของเหลวบางอย่างซึมผ่าน
เสื้อกล้ามของผม สนกอดผมแน่น ผมยกแขนก่อนลูบหัวมันเบาๆ
สนเงยหน้าก่อนเช็ดคราบน้ำตา “ กูขอโทษ.....มึงเจ็บมากมั๊ย “
….วินาทีนั้น ผมรู้ได้ในทันทีว่าผมโดนสนทำร้าย
....แต่ทำไมผมไม่โกรธมันเลยนะ
....รู้สึกดีที่เห็นมันได้ระบายความโกรธออกมาบ้าง“ กูเป็นห่วงมึงแทบตาย....ฮือๆๆๆ “ สนไม่อาจกลั้นน้ำตาไว้อีกต่อไป ร้องไห้เป็นเด็กเล็กไปเลย
ผมอมยิ้ม ค่อยเลื่อนหน้าเข้าประชิด สนที่กำลังเช็ดคราบน้ำตาอยู่ ผมจับแก้มยุ้ยน่าหยิกของมันทั้งสองข้างดึงออกมาแรงๆ
สนปัดมือผมออกไป
“ ไอเหี้ย!! ...ใช่เวลาเล่นมั๊ย “
สนสะอื้นเล็กน้อย ก่อนส่งสายตาที่ผมถวิลหามาทั้งชีวิต สายตาแห่งความเป็นห่วง สายตาแบบนี้ผมไม่ได้เจอมาหลายปีแล้ว
ผมได้เห็นมันแล้ว…. สนคนเดิมกลับมาแล้ว สนคนที่เป็นห่วงผมกลับมาแล้ว
“ ต้น...เดี๋ยวกูไปหยิบยา ...รออยู่ตรงนี้นะ “
สนกำลังจะเดินออกไป แต่ผมห้ามเอาไว้ซะก่อน
“ สน....กูขอโทษ.... ”
“กูขอโทษทุกอย่างที่ทำไม่ดีกับมึง....กูรักมึงเสมอนะ”
ในที่สุด ผมก็ได้พูดในสิ่งที่ควรพูดบ้างซะที
สนหันกลับมา เดินเข้าหาผมอีกครั้ง ก่อนจับมือผมทั้งสองข้างแล้วพูดว่า
“รู้มั๊ยกูรอคำๆนี้ จากปากมึงมานานแล้ว....กูไม่คิดว่า กูจะได้ยินในวันนี้ “
“ วันนี้กูนอนเป็นเพื่อนมึงได้มั๊ย.....กู....กูอยากดูแลมึง “
…..ดูแลกูหรอ
.....สน มึงเป็นห่วงกูด้วยหรอ
…..กูไม่ได้ฝันไป ใช่มั๊ยผมพยักหน้าก่อนอมยิ้มแบบเขินๆ อีกฝ่ายก็ไม่กล้าสบสายตาผมเหมือนกัน
“ นอนด้วยกันนะ... “ ผมขอร้องมันอย่างสุภาพ ตอนนี้มันคงรู้สึกผิด มันไม่กล้าปฏิเสธแน่นอน
“ จะดีหรอว่ะ ....แต่กูนอนดิ้นนะ.... ”
.....ดิ้นมาเลยกูชอบ“ กูอยากนอนกับมึง “
สนเหน็บบ่นเบาๆ “ จะย้อนวัยเด็กรึไง ....เอางั้นก็ได้....เดี๋ยวกูไปหยิบยารอแปบนึง “
“ ต้น.....กูรักมึงเสมอนะ...จำคำพูดกูไว้!!! “
"..สนอย่าเพิ่งไป...."
ผมเรียกสนกลับมาอีกรอบ ผมใช้นิ้วโป้งปาดคราบน้ำตาสนให้หมดไป " น่ารักเหมือนเดิมแล้ว "
สนทำท่าเหวี่ยงเล็กน้อย เหมือนมันไม่ชอบให้ใครชมว่าน่ารัก
" น่ารักพร่องส์!!! กูหล่อเว้ย "
คำพูดช่างต่างจากการกระทำเหลือเกิน ทุกวันนี้ใครๆต่างหลงใหลในความน่ารักของสน
สนแก้มแดงเขินอายแบบไม่เคยเป็นมาก่อน ความเขินอายนี้แม้แต่สนยังอดยิ้มออกมาไม่ได้
สนรีบเดินออกไปจากห้องไปหยิบกล่องปฐมพยาบาล ทิ้งให้ผมนั่งนิ่งยิ้มเหมือนคนบ้าอยู่บนเตียง
แม้ในใจผมจะรู้ทั้งรู้ว่า “รัก” ที่สนพูดถึง คือ ความรักแบบเพื่อน แต่อย่างน้อยตอนนี้สนก็ยอมรับและให้อภัยในสิ่งที่ต้นทำ
มันจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีก่อนสานสัมพันธ์ต่อไปในอนาคต
..... กูจะทำให้มึงบอกรักกูในแบบที่แฟนบอกรักกัน..... คอยดูกูเถอะ .
.
.
.
.
.
To Be Continue