[เรื่องสั้น] Loop of Déjà vu (เดจาวู) 3/3 จบ (9/4/17)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [เรื่องสั้น] Loop of Déjà vu (เดจาวู) 3/3 จบ (9/4/17)  (อ่าน 2437 ครั้ง)

ออฟไลน์ Mocc1007

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 55
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

================================================



Loop of Déjà vu (เดจาวู)  

         
             ใครจะไปรู้หล่ะว่าเอกภพนี้เกิดขึ้นมาแล้วกี่ครั้ง โลกเกิดมาแล้วกี่หน หรือเราเดินมาในหนทางนี้มาแล้วกี่รอบ แต่สิ่งที่ผมรู้คือ เวลาคือสิ่งคัดกรองเหตุการณ์ สิ่งที่เราพบ สัมผัสอยู่ตอนนี้คือสิ่งที่เวลาคัดสันมาแล้ว ไม่ว่าเรื่องต่างๆจะเกิดขึ้นมาแล้วกี่รอบ เราก็ไม่มีทางรู้หรอกว่าเรื่องราวเล่านั้นมีตอนจบแบบใดบ้าง บางรอบอาจจะทุกข์ บางรอบอาจจะสุข แต่สุดท้ายแล้วตอนจบของทุกเรื่องก็มีเพียงตอนเดียว คือตอนที่เวลาเปิดโอกาศให้เราสัมผัส
         
             เขาว่ากันว่าเวลาคือสิ่งที่ไม่ไหลย้อนกลับ ไม่สามารถย้อนคืนได้ เหมือนที่เราๆ อาจจะเคยได้ยินสำนวน เวลาไม่เคยรอใคร แต่ผมไม่คิดแบบนั้น ผมว่าเวลาคือสิ่งที่คัดกรองเหตุการณ์ ในที่นี้หมายถึงทุกๆ ช่วงเวลาที่เรากำลังสัมผัสการไหลของเวลา เราอาจจะเคยทำอะไรแบบนี้มาหลายครั้งแล้ว คุณอาจจะเคยอ่านเรื่องเล่านี้มาแล้วหลายล้านรอบ ผมอาจจะเคยเขียนเรื่องนี้มาแล้วเป็นหมื่นล้านครั้ง ทุกๆ รอบที่เรากระทำอาจจะส่งผลที่แตกต่างกันในอนาคต ซึ่งจะส่งผลมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับว่ามันเป็นเหตุการใหญ่แค่ไหน นั่นคือมีผู้ได้รับผลกระทบมากเท่าใด ยิ่งมีผู้เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นั้นมากเท่าไหร่ ผลกระทบที่ส่งออกมาในอนาคตก็จะยิ่งมาก และเมื่ออนาคตไปถึงจุดที่ไม่มีอนาคตอีกแล้ว ทุกอย่างที่เคยเกิดขึ้นในกรอบของเวลาก็จะย้อนกลับไปในจุดที่มันเริ่มต้น แล้วก็เกิดขึ้นมาอีกครั้ง และผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ก็จะเป็นคนกำหนดอนาคตของเหตุการณ์นั้นใหม่ วนซ้ำไปซ้ำมา หลายคนอาจจะเคยรู้สึกว่าเหตุการนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้ว บางทีเราอาจจะรู้สึกว่าเคยมาที่นี่แล้วแต่กลับพบว่าตัวเองมาที่นี่ครั้งแรก เราเคยพูดประโยคนี้มาแล้ว แต่ก็เคยพูดแบบนี้ครั้งแรก เคยเห็นคนนี้ใส่เสื้อแบบนี้แล้ว แต่นั่นเป็นเสื้อที่เขาเพิ่งจะซื้อมา ผมคิดว่าหลายคนคนคงเคยประสบกับเหตุการแบบนี้
         
             เดจาวู

%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%
         
             1


         
             ทำไมวันนี้ผมรู้สึกแปลกๆ พิลึกพิลั่น เหมือนมีลางสังหรณ์ว่าวันนี้จะมีเรื่องแย่ๆ เกิดขึ้น
         
             “มึง คืนนี้เจอกันที่เดิมเว้ย” เพื่อนคนหนึ่งในกลุ่มผมประกาศหลังเรียนคาบสุดท้ายของวันนี้เสร็จ วันนี้วันศุกร์ครับ ตามสไตล์ชีวิตผู้ชายมันก็ต้องมีสังสรรค์กันบ้างเป็นธรรมดา ซึ่งความจริงแล้วถึงวันนี้ไม่ใช่วันศุกร์ ถ้าหากอยากเที่ยวยังไงมันก็ต้องไปอยู่ดี แล้วถ้าคนหนึ่งไป ทั้งกลุ่มก็ต้องไป ถ้ามีคนไปทุกวัน เราก็ต้องรวมตัวกันทุกวัน
         
            ตอนนี้จะสี่โมง เหลือเวลาอีกเยอะก่อนจะถึงเวลาที่ผมนัดกับเพื่อนๆ ดังนั้นพอผมแยกกับเพื่อนแล้วผมจึงขับรถมาที่ตลาดนัดเพื่อนซื้อกับข้าว กะจะไปกินพร้อมกับไอ้เต้ที่ห้อง เราไม่ได้กินข้าวพร้อมกันนานแล้ว เพราะผมเรียนหนังเต้มันยิ่งเรียนหนักกว่าผมอีก กลับห้องค่ำเกือบทุกวัน เวลาจะคุยกันก็แทบจะไม่คอยมี ดังนั้นวันนี้ผมว่างเลยต้องทำอะไรซะหน่อยแล้ว
         
             ผมหอบถุงอาหารขึ้นห้องก็พบว่าห้องเงียบสนิทตามที่คาดไว้ ไอ้เต้คงจะยังเรียนไม่เสร็จ ปกติครับ มันเรียนหนักแบบนี้เกือบจะทุกวัน ผมวางถุงบนเคาเตอร์ในครัวก่อนจะต่อสายโทรหามัน
         
             “ว่าไงไนท์” เสียงที่ฟังดูหงุดหงิดนิดหน่อยดังลอดออกมาจากโทรศัพท์
         
             “เรียนเสร็จยัง กูซื้อกับข้าวมาเยอะแยะเลยเนี้ย” ผมว่าก่อนจะหันไปมองถุงข้าว
         
             “ยังเลย กูทำแลป ไม่รู้จะเสร็จตอนไหน ถ้ามึงหิวก็กินก่อนเลยก็ได้”
         
             “แต่กูอยากกินกับมึงนะ เราไม่ได้กินข้าวพร้อมกันนานแล้วนะ แล้วนี่กูซื้อกับข้าวมาเยอะแยะเลย มีแต่ของโปรดมึงทั้งนั้น” ผมว่า
         
             “เฮ้อ” มันถอนหายใจ “กูจะพยายามไปให้ทันละกัน”
         
             “จะรอนะ” ผมพูดแค่นั้นก่อนจะวางสาย ผมเดินเข้ามาในครัวเพื่อจะเตรียมหุงข้าวสวยไว้รอมัน
         
             หนึ่งทุ่ม ผมนัดเพื่อนไว้สองทุ่มครับ ไอ้เต้มันยังไม่กลับเลยนั่งดูทีวีรอ และยังไม่มีวี่แววว่าเต้มันจะกลับมาตอนทุ่มครึ่ง ผมอยากจะโทรตามนะ แต่ก็ไม่อยากจะรบกวนสมาธิมันเดี๋ยวก็ได้ทะเลาะกันเปล่าๆ ผมเลยเข้าไปอาบน้ำแต่งตัวเตรียมจะออกไปหาเพื่อนตามทีนัด
         
             หนึ่งทุ่มผ่านไปเป็นสองทุ่ม ผมรอมันจอนวินาทีสุดท้าย แต่แล้วสุดท้ายไอ้เต้มันก็ยังไม่มา ผมก็ทำได้เพียงเดินเข้าครัวไปหยิบถุงอาหารใส่ไว้ในตู้เย็น เขียนโพสอิทแปะไว้ว่าถ้ามันกลับมาแล้วให้อุ่นกิน
                   
                       
                       
             
             เสียงเพลงดังที่แสบแก้วหูสำหรับคนปกติ แต่สำหรับคนเมาที่มาหาความสุขในที่แห่งนี้กลับไม่ได้รู้สึกแสบแก้วหูหรือรำคาญแต่อย่างใดในเวลานี้ ยิ่งมีแต่จะทำให้ออกสเตปเต้นแรงกว่าเดิมไปอีกด้วยซ้ำ ผมไม่ได้เมามากนัก แค่กรึ่มๆเท่านั้น เหลือบมองนาฬิกาก้พบว่าตอนนี้จะเที่ยงคืนแล้ว ไม่รู้ว่าเต้มันกลับหรือยัง ผมไม่ได้โทรตาม กลัวว่ามันจะยังไม่กลับหรือหลับไปแล้ว กลัวจะโทรไปกวนมัน
         
             “ไอ้ไนท์ ทำไมวันนี้มึงแดกน้อยจังวะ คนอื่นเมากันหมดละ มึงยังยืนนิ่งอยู่ได้” เพื่อนที่เต้นอยู่ข้างๆ ผมสกิดแล้วตะโกนแข่งเสียงดนตรีใส่หูผม
         
             “ไม่มีอารมณ์หว่ะ” ผมตอบแค่นั่นก่อนจะรู้สึกว่าโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงสั่น
         
             -เต้-
         
             “ถึงห้องยัง” ผมกดรับแล้วถามมันโดยไม่รอคำทักทายใดๆ
         
             “มึงอยู่ไหน” มันไม่ตอบครับ แถมถามผมกลับน้ำเสียงฟังดูไม่ค่อยจะพอใจนัก “เสียงดังชิบหาย”
         
             “กูมาเที่ยวกับเพื่อน”
         
             มันเงียบไปสักพักก่อนจะพูด “มึงเมาแล้วใช่ไหม”
         
             “ยังไม่เมา กูกินไปนิดเดียวเอง”
         
             “เชื่อก็หมาละ”
         
             “จริงๆ ไม่เชื่อมึงก็มาพิสูจน์ดู”
         
             “แล้วมึงจะกลับตอนไหน”
         
             “เออเดี๋ยวกลับแล้ว”
         
             “ไอ้คำว่าเดี๋ยวกลับของมึงอะไม่เคยจะเดี๋ยวหรอก ไม่ต่ำกว่าสองชั่วโมง” มันพูด “กูไม่เคยเห็นมึงกลับก่อนกูนอนซักที”
                   
             “เออน่า เดี๋ยวกลับแล้ว นี่ถ้าจะโทรมาหาเรื่องทะเลาะมึงไม่ต้องเลยนะ”
         
             “รีบกลับ” มันว่าเพียงเท่านั้นก่อนจะตัดสายไป
         
             วันนี้มันมาแปลกครับ ปกติมันไม่เคยโทรตามให้กลับ มีแค่โทรถามว่าอยู่ไหน เมาหรือยังแค่นั้น แต่ตอนนี้ผมเมาพอที่จะคุมอารมไม่ได้แล้ว ถ้ามันชวนทะเลาะต่อผมไม่อยากจะนึกสภาพ มันรีบว่างไปแบบนี้ดีแล้ว
                   
             
             แล้วสุดท้ายก็ไม่พ้นตอนตีสองที่ผมกลับ ผมเมากว่าเดิมนิดหน่อย แต่ก็ยังควบคุมสติตัวเองได้อยู่ ขับรถมาจอดที่ใต้คอนโดได้สบายๆ แต่อาจจะทุลักทุเลหน่อยตอนนี่ล้วงกระเป๋าหาคีย์การ์ด ป่านนี้ไอ้เต้มันคงนอนไปแล้ว เสียงตอนที่คุยทรศัพท์กับผมมันดูเหนื่อยๆ
         
             หากแต่ความจริงที่ผมต้องเผชิญนั่นกลับไม่เป็นตามที่คิด ตอนนี้ไอ้เต้มันนั่งดูทีวีอยู่ที่โซฟาครับ
         
             “นี่ไง เดี๋ยวก็กลับของมึง” มันพูดเสียงประชดประชันขึ้นมาทันทีที่ผมปิดประตูห้อง
         
             “ก็กลับมาแล้วนี่ไง” ให้ตายเถอะ
         
             “แล้วนี่ไงที่บอกว่าไม่เมา” มันยังเสียดผมต่อ
         
             “ก็ไม่ได้เมาขนาดนั้น”
         
             “หน้าแดงขนาดนี้เนี้ยนะ”
         
             “นี่ มึงอย่ามาชวนทะเลาะได้ป่ะ ถ้ามึงเหนื่อย ถ้ามึงง่วงก็ไปนอน” ผมไล่มันไปนอน แต่มันกลับชักสีหน้าไม่พอใจ
         
             “มึงจะมาไล่กูไปนอนง่ายๆแบบนี้เลยหรอ กูรีบทำแลป รีบกลับมาให้ทันกินข้าวพร้อมมึง แล้วพอกูมาถึงมึงก็ทิ้งกูไปกินเหล้ากับเพื่อนเนี้ยนะ!” มันขึ้นเสียงแล้วครับ
         
             “ก็มึงมาไม่ทัน” ผมตอบมัน พยายามควบคุมอารณ์
         
             “กูมาถึงตอนสองทุ่มครึ่ง มึงไม่อยู่แล้ว”
         
             “แต่กูออกไปตอนสองทุ่ม”
         
             “มึงบอกจะรอกู”
         
             “ก็รอแล้ว แต่มึงมาช้า กูนัดเพื่อนไว้มึงเข้าใจมั้ย” ทำไมวันนี้เต้มันพูดไม่รู้เรื่องวะ
         
             “กูมาไม่ทันกินข้าวกับมึงแค่สามสิบนาที มึงก็เลยทึ้งกูไปกินเหล้ากับเพื่อนเลยใช่ไหม เห็นเพื่อนสำคัญกว่ากูแล้วสินะ”
         
             “มึงอย่ามางี่เง่าได้ป่ะ”
         
             “กูไม่ได้งี่เง้า แต่กูโกรธ มึงรู้มั้ย กูก็อุตส่ารีบทำงานให้เสร็จเพื่อจะรีบมาหามึงทั้งที่ไม่จำเป็นต้องรีบ เพราะงานกูต้องทำละเอียดไม่งั้นก็โดนอาจารย์สวดยับ กูยอมทำแบบชุ่ยๆส่ง แต่แล้วมึงก็ตอบแทนกูด้วยการไม่อยู่ให้กูเห็นหน้า” มันพักหอบหายใจแล้วพูดต่อ “แถมยังออกไปกินเหล้าเมา กูโทรตามก็บอกจะกลับแล้ว แล้วก็เนี่ย ตีสอง กูโทรตามมึงตอนเที่ยงคืน!”
         
             “เต้ กูว่ามึงต้องมีอะไรผิดปกติแล้วนะ มึงอย่าทำให้เรื่องเล็กเป็นเรื่องใหญ่ได้ดิ” ผมก็เริ่มคุมตัวเองไม่ได้แล้วครับ
         
             “มึงหาว่ากูบ้าหรอ!” มันขึ้นเสียงใส่ผมอีกครั้ง
         
            “เปล่า! มึงอย่ามางี่เง่าดิ คุยดีๆ ในเย็นๆ ได้มั้ย”
         
             “มึงจะให้กูเย็นได้ไง! กูเหนื่อยนะไนท์ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกนะที่มึงทิ้งกูไปแบบนี้!” ตามันเริ่มแดง ผมไม่โอเคครับ ผมเดินจะตรงเข้าห้องเพื่อจะหนีอารมณ์ของมัน “มึงจะไปไหน มาคุยกับกูให้รู้เรื่องก่อนดิ”
         
             “มึงจะคุยอะไร ตอนนี้อารมณ์มึงกำลังเดือดเต้ กูเมาด้วย เราไม่ควรจะมาทะเลาะกันตอนนี้”
         
             “แต่กูจะเคลียตอนนี้” มันยื่นคำขาด
         
             “แล้วมึงจะให้กูทำไง ห่ะ? ไม่ไหวก็เลิกเลยป่ะ!” ผมคุมตัวเองไม่ได้แล้วครับ มาชวนทะเลาะอะไรตอนเมาวะ แม่ง
         
             แต่เดี๋ยวก่อนนะ ผมคิดว่าผมเคยอยู่เหตุการนี้มาก่อน ผมจำได้ไอ้เต้ใส่เสื้อสีชมพูตัวนี้ยืนอยู่หน้าทีวี หน้าตากำลังเดือดได้ที่ และผมยืนอยู่หน้ามันโดยมีโซฟากั้นอยู่ระหว่างเรา แต่ไม่ ผมไม่เคยชวนไอ้เต้เลิก ไอ้เต้ก็ไม่เคยชวนผมทะเลาะเรื่องนี้ หรือว่านี่จะเป็นเดจาวู ถ้าใช่หล่ะก็... ประโยคก่อนหน้าที่ผมพูดคือ ไม่ไหวก็เลิกเลยป่ะ! ถ้าอย่างนั้น ประโยคต่อไปที่ไอ้เต้จะพูดก็ต้องเป็น...
         
             “เออ! เลิกก็เลิก!”  ไอ้เต้ตะโกนเสียงดัง ก่อนที่ผมจะทันได้ทำอะไร มันก็หยิบกุญแจรถของตัวเองแล้วเดินออกจากประตูไป
         
             ไม่นะ เหตุการณ์เมื่อกี้มันอะไรกัน มันเกิดขึ้นเร็วเกินไป ผมพูดอะไรลงไป แล้วมันพูดอะไรออกมา บอกผมทีว่านี่มันไม่ใช่ความจริง เรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้น
 


wwwwwwwwwwwwwwwwwwwwwwwwwwwwwwwwwwww

สวัสดีนักอ่านทุกคนอีกครั้ง วันนี้ก็มีเรื่องสั้นเรื่องใหม่มาให้อ่านกันอีกแล้ว สามตอนจบเหมือนเดิม (ช่วงนี้ขยัน ต้องเก็บเกี่ยว)
ชื่อและตอนเริ่มต้นเรื่องอาจจะเหมือนนิยายไซไฟไปบ้าง แต่เนื้อเรื่องจริงๆไม่เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์แต่อย่างใดนะครับ 55555
ฝากเม้นเป็นกำลังใจด้วยนะครับ
 :mew2:
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-04-2017 21:35:36 โดย Mocc1007 »

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
ใจเย็นๆ ค่อยๆคุยกันฮะ  :n1:

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ Mocc1007

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 55
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
2

             ผมตื่นหกโมง มันเป็นเวลาตื่นปกติของผม ไม่รู้ว่าเมื่อคือไนท์มันกลับมากี่โมง คงเป็นตอนที่ผมหลับสนิทไปแล้วผมจึงไม่รู้สึกตัว เพราะเกือบทุกวันที่มันออกไปกินเหล้ากับเพื่อน ผมไม่เคยอยู่รอมันกลับ เพราะรู้ว่าถึงรอไปก็ต้องรอจนหลับอยู่หน้าทีวีให้ไนท์มันลำบากแบกผมมานอนที่เตียง ผมเลยไม่คอยอยากจะรอมัน รอไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมาครับ หงุดหงิดเปล่าๆ
         
             ผมออกจากห้องมาก่อนที่ไนท์จะตื่น ผมจำได้ว่าครั้งสุดท้ายที่เราได้คุยแบบเห็นหน้ากันจริงๆ คือเมื่อสองวันก่อน เพราะทุกวันก็จะเป็นเหมือนวันนี้ มันกลับห้องทีหลังและผมก็ออกจากห้องก่อนมันทุกวัน ถึงจะเป็นแบบนั้นแต่เราก็ยังโทรคุยกันอยู่เป็นประจำเพื่อไม่ให้ลืมว่าเรายังเป็นแฟนกันอยู่
         
             อย่างเช่นตอนนี้

             “ว่าไงไนท์” มันโทรหาผมตอนเย็นๆ ผมไม่ได้ดูเวลาเพราะผมยุ่งกับการทำแลปอยู่
         
             “เรียนเสร็จยัง กูซื้อกับข้าวมาเยอะแยะเลยเนี้ย”
         
             “ยังเลย กูทำแลป ไม่รู้จะเสร็จตอนไหน ถ้ามึงหิวก็กินก่อนเลยก็ได้” ใจจริงผมก็อยากไปกินกับมันนะ แต่ผมไม่คิดว่าจะทำงานเสร็จทันจะไปหามัน ผมว่าวันนี้มันก็ต้องออกไปกินเหล้ากับเพื่อนเหมือนเดิม ยิ่งวันนี้วันศุกร์ผมยิ่งแน่ใจ
         
             “แต่กูอยากกินกับมึงนะ เราไม่ได้กินข้าวพร้อมกันนานแล้วนะ แล้วนี่กูซื้อกับข้าวมาเยอะแยะเลย มีแต่ของโปรดมึงทั้งนั้น” มันพูดต่อ

             “เฮ้อ” ผมถอนหายใจเบาๆ ก้มลงมองงานตัวเองบนโต๊ะก่อนจะตอบมัน “กูจะพยายามไปให้ทันละกัน”
         
             “จะรอนะ”
         
            พอมันอกว่ารอ ผมจึงรีบทำงานให้เสร็จเร็วที่สุด รีบจนเพื่อนที่นั่งข้างๆ ถามว่าผมจะรีบไปไหน เพราะปกติผมใจเย็นกับงานพวกนี้มาก ปกติแล้วผมจะทำงานทุกอย่างให้มันออกมาดีที่สุดเท่าทีจะทำได้ แต่วันนี้ผมขอยกเว้นซักวันแล้วกัน ไอ้ไนท์เป็นคนออกปากจะรอผม ผมก็จะพยายามสนองน้ำใจมันรีบไปให้ทัน
                                 
             จนกระทั่งทำเสร็จ สองทุ่มสิบห้า ผมรีบขับรถกลับห้อง แต่ด้วยสถานการณ์การจราจรบนถนนแล้วสุดท้ายผมก็ใช้เวลาอีกสิบห้านาทีกว่าจะมาถึงคอนโด
                     
             แต่แล้วเมื่อผมเปิดประตูห้องมาก็ต้องพบกับความว่างเปล่า
         
             ไอ้ไนท์มันออกไปแล้ว ผมเดินเข้าห้องมาด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูกเหมือนกัน เสียใจที่มาไม่ทัน โกรธตัวเองที่ทำงานช้า รวมถึงโกรธมันที่บอกว่าจะรอแต่สุดท้ายก็รอไม่ได้
                                 
              ผมวางของไว้ที่โซฟาก่อนจะเดินเข้าครัวมา ไนท์มันหุงข้าวไว้แล้ว ผมเดินไปทางตู้เย็นก็พบกับโพสอิทเขียนแปะไว้ว่าถ้าผมมาแล้วให้อุ่นกับข้าวในตู้เย็นกิน ผมเปิดดู ไนท์มันซื้อแต่ของโปรดผมมาจริงๆ     
                       
             ผมตัดสินใจว่าจะยังไม่กิน จะรอมันก่อน คือผมก็อยากกินพร้อมมันนะครับ จุดประสงหลักคือไม่ได้อยากกินเหมือนที่อ้างมาหรอก แค่อยากคุยกับมัน เล่าเรื่องนู้นเรื่องนี้ให้มันฟัง อยากฟังมันพูด ฟังมันบ่นบ้าง ซึ่งแต่ก่อนมันก็เป็นแบบนั้น เราคุยกันแทบทุกวัน ผมเล่าเรื่องคนเข้ามาจีบผมให้มันฟังเกือบทุกวัน มันก็บ่นผมเกือบทุกวันว่าทำไมไม่รู้จักปฏิเสธ เวลามันเครียดมันก็มักจะมาระบายให้ผมฟัง ผมก็จะคอยช่วยมันคลายเครียดคอยพูดปลอบใจมัน เรามีปัญหาอะไรก็จะคอยเป็นที่ปรึกษาให้กันตลอด แต่พอมาช่วงหลังๆ เราทั้งคู่เรียนหนัก แทบจะไม่มีเวลาให้กันเลย แถมไนท์มันยังไปติดเพื่อนอีก ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะคิดว่าเป็นวิธีคลายเครียดใหม่ของมันเพราะผมก็ไม่ค่อยได้มีเวลาฟังมันบ่นเลย ผมเลยปล่อยๆ มันไป เราหาเวลาคุยกันบ้าง ส่วนมากก็จะเป็นวันหยุดเสาร์อาทิตย์ แต่ถึงพยายามทำแบบนั้นแต่บางสัปดาห์ผมมีงาน บางสับดาห์มันมีงาน ทำให้เราเหลือเวลาคุยกันน้อยลงไปอีก
         
             อาบน้ำแล้วมานั่งรอมันตั้งแต่สามทุ่ม รอจนสัปหงก ผมรีบไปล้างหน้าแล้วมาเปิดทีวีเพื่อกันไม่ให้ตาปิด แต่ก็ไม่ไหวเหมือนเดิมครับ ทั้งเหนื่อยจากการเรียนด้วย ผมเลยหลับไปจนสะดุ้งตื่นเพราะเสียงทีวีตอนเกือบจะเที่ยงคืน
         
             ผมหยิบมาต่อสายหาไนท์ เริ่มหงุดหงิดนิดหน่อยที่มันไม่กลับมาสักที         
 
             รอสายสักพักมันก็รับสาย
                       
             “ถึงห้องยัง” มันถามผมทันทีที่รับ         
             
             “มึงอยู่ไหน” ผมไม่ตอบแต่ถามมันด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดนิดหน่อย “เสียงดังชิบหาย”
         
             “กูมาเที่ยวกับเพื่อน”
         
             “มึงเมาแล้วใช่ไหม” เสียงมันเมาสุดๆ
         
             “ยังไม่เมา กูกินไปนิดเดียวเอง”
         
             “เชื่อก็หมาละ”
         
             “จริงๆ ไม่เชื่อมึงก็มาพิสูจน์ดู” มันตอบ จะให้กูพิสูจน์ยังไงวะ
         
             “แล้วมึงจะกลับตอนไหน” ผมถามมันไป ตอนนี้เที่ยงคืนแล้ว
         
             “เออเดี๋ยวกลับแล้ว”
         
             “ไอ้คำว่าเดี๋ยวกลับของมึงอะไม่เคยจะเดี๋ยวหรอก ไม่ต่ำกว่าสองชั่วโมง” ผมว่ามัน ถึงแม้จะนอนก่อนแต่ผมก็รู้สึกตัวตอนที่มันเข้ามานอนบ้าง กลิ่นเหล้าหึ่งขนาดนั้น “กูไม่เคยเห็นมึงกลับก่อนกูนอนซักที”
                   
             “เออน่า เดี๋ยวกลับแล้ว นี่ถ้าจะโทรมาหาเรื่องทะเลาะมึงไม่ต้องเลยนะ”
         
             “รีบกลับ” ผมตอบมันแค่นั้นก่อนตัดสาย
                   
             ผมนั่งรอมันต่อ จะดูทีวีก็มีแต่รายการอะไรก็ไม่รู้ โซเชี่ยลก็เงียบกริบ ผมเลยนั่งรอมันเรื่อยๆ จนหลับไปอีกครั้ง ตื่นมาตอนตีหนึ่งเพราะปวดฉี่ ผมหิวจนตอนนี้เลิกหิวไปแล้ว ทั้งง่วง หงุดหงิด ทั้งโกรธไอ้ไนท์ ความจริงคือผมไม่ต้องรอมันก็ได้ แต่ผมตัดสินใจรอแล้วก็คงต้องรอ ใจหนึ่งก็เป็นห่วงมันด้วย เมาแล้วขับรถตอนกลางคืนอีก
                           
             จนกระทั้งตีสองกว่า ผมก็ได้ยินเสียงกุกกักหน้าประตูห้อง   
                     
             ไอ้ไนท์เปิดประตูเข้ามาด้วยสภาพที่ดูก็รู้ว่าเมา หน้าแดงเหมือนเลือดทั้งตัวมากองอยู่หน้ามัน เดินก็ยังเซนิดหนิดๆ ด้วย
                                 
             “นี่ไง เดี๋ยวก็กลับของมึง” ผมพูดขึ้นทันทีที่มันปิดประตูห้อง
         
             “ก็กลับมาแล้วนี่ไง” มันขมัดคิ้ว

             “แล้วนี่ไงที่บอกว่าไม่เมา” ไม่เมาเหมือนหมาเลย
         
             “ก็ไม่ได้เมาขนาดนั้น” มันแก้ตัว
         
             “หน้าแดงขนาดนี้เนี้ยนะ”
         
             “นี่ มึงอย่ามาชวนทะเลาะได้ป่ะ ถ้ามึงเหนื่อย ถ้ามึงง่วงก็ไปนอน” มันไล่ผม
         
             “มึงจะมาไล่กูไปนอนง่ายๆแบบนี้เลยหรอ กูรีบทำแลป รีบกลับมาให้ทันกินข้าวพร้อมมึง แล้วพอกูมาถึงมึงก็ทิ้งกูไปกินเหล้ากับเพื่อนเนี้ยนะ!” แถมยังเมากลับมา เมาแล้วขับอีก ถ้าเป็นอะไรขึ้นมาจะทำไงวะ         
                       
             “ก็มึงมาไม่ทัน” 
       
             “กูมาถึงตอนสองทุ่มครึ่ง มึงไม่อยู่แล้ว” ผมอุตส่ารีบแทบตาย
         
             “แต่กูออกไปตอนสองทุ่ม”
         
             “มึงบอกจะรอกู”
         
             “ก็รอแล้ว แต่มึงมาช้า กูนัดเพื่อนไว้มึงเข้าใจมั้ย” มันเห็นเพื่อนสำคัญกว่าผมไปแล้วหรอวะ
         
             “กูมาไม่ทันกินข้าวกับมึงแค่สามสิบนาที มึงก็เลยทิ้งกูไปกินเหล้ากับเพื่อนเลยใช่ไหม เห็นเพื่อนสำคัญกว่ากูแล้วสินะ” ผมไม่ไหวแล้วครับ กำลังจะระเบิด โกรธมาก ทั้งโกรธมัน ทั้งโกรธตัวเองที่โง่รอมัน โง่เชื่อว่ามันจะรอ ถ้ารู้ก่อนว่าจะเป็นแบบนี้ผมนั่งทำแลปแบบไม่รีบร้อนยังจะดีกว่า
         
             “มึงอย่ามางี่เง่าได้ป่ะ”
         
             “กูไม่ได้งี่เง้า แต่กูโกรธ มึงรู้มั้ย กูก็อุตส่ารีบทำงานให้เสร็จเพื่อจะรีบมาหามึงทั้งที่ไม่จำเป็นต้องรีบ เพราะงานกูต้องทำละเอียดไม่งั้นก็โดนอาจารย์สวดยับ กูยอมทำแบบชุ่ยๆส่ง แต่แล้วมึงก็ตอบแทนกูด้วยการไม่อยู่ให้กูเห็นหน้า แถมยังออกไปกินเหล้าเมา กูโทรตามก็บอกจะกลับแล้ว แล้วก็เนี่ย ตีสอง กูโทรตามมึงตอนเที่ยงคืน!”
         
             “เต้ กูว่ามึงต้องมีอะไรผิดปกติแล้วนะ มึงอย่าทำให้เรื่องเล็กเป็นเรื่องใหญ่ได้ดิ”     
     
             “มึงหาว่ากูบ้าหรอ!” นี่มันกล้าบอกว่าผมผิดปกติเลยหรอ
         
            “เปล่า! มึงอย่ามางี่เง่าดิ คุยดีๆ ในเย็นๆ ได้มั้ย” มันบอกผม แต่ตอนนี้หน้าตามันก็ดูเดือดแล้ว

            “มึงจะให้กูเย็นได้ไง! กูเหนื่อยนะไนท์ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกนะที่มึงทิ้งกูไปแบบนี้!” ทิ้งให้ผมรอ มันเลือกเพื่อน “มึงจะไปไหน มาคุยกับกูให้รู้เรื่องก่อนดิ” ผมพูดขึ้นตอนที่เห็นมันทำท่ากำลังจะเดินหนี
         
             “มึงจะคุยอะไร ตอนนี้อารมณ์มึงกำลังเดือดเต้ กูเมาด้วย เราไม่ควรจะมาทะเลาะกันตอนนี้” มันดูพยายามควบคุมตัวเอง
         
             “แต่กูจะเคลียตอนนี้” ผมตอบมัน วันนี้ต้องจบ
       
             “แล้วมึงจะให้กูทำไง ห่ะ? ไม่ไหวก็เลิกเลยป่ะ!” และท้ายที่สุดมันก็ควบคุยตัวเองไม่ได้ มันระเบิดคำพูดนั้นออกมา ไม่รู้ว่ามันพูดเพราะรู้สึกจริงๆ เพราะอารมณ์ชั่ววูป หรือเพราะเมา แต่ผมก็ตอบมันไป
                       
             “เออ! เลิกก็เลิก!” ถ้ามันต้องการแบบนั้น ผมก็จะเลิกให้มัน
                       
             ผมไม่รอช้า ตอนนี้ผมกำลังเดือดอย่างที่ไอ้ไนท์พูดจริงๆ ผมไม่รีรอหยิบกุญแจรถแล้วออกจากห้องมา ดูเหมือนไนท์มันก็จะช็อกอยู่เหมือนกัน ผมเห็นมันยืนนิ่ง ไม่พูดอะไร ไม่และตามผมออกมา
         
             ผมเหยีบคันเร่งด้วยอารมที่ยังคุกรุ่นอยู่ เข็มความเร็วพุ่งอย่างไม่สะดุด ได้ยินเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ดังแต่ผมก็ไม่ได้สนใจ มุ่งหน้ากลับบ้านที่ผมไม่ได้กลับมาหลายเดือนหวังจะไปสงบสติ
         
             แต่ในขณะที่ผมขับรถบนถนนที่มุ่งหน้าไปยังบ้านผม ภาพหนึ่งฉายขึ้นมาบนหัว มันเป็นภาพถนนเส้นนี้ตอนกลางคือ ปลอดรถ มันเหมือนกับว่าผมเคยขับรถมาทางนี้ตอนกลางคืนมาก่อน แต่ไม่ ผมไม่เคยขับรถบนถนนสายนี้ตอนกลางคืนเลย จะมีก็แต่ตอนที่ผมกับไนท์มาด้วยกันซึ่งมันเป็นคนขับ และเราไม่ได้มาดึกขนาดที่ไม่มีรถขนาดนี้           
                       
             ในหัวผมมีภาพขึ้นมาอีกครั้ง ภาพคลายความทรงจำแต่ผมมั่นใจว่าไม่ใช่ จะมีรถขันหนึ่งมาตัดหน้าผมที่ยูเทิร์นข้างหน้า อีกสองวิ...
         
             แล้วผมก็จะหักหลบไม่ทัน
         
             โครม!!!


ooooooooooooooooooooooooooooooooooooo

ตอนที่สองมาเสริฟแล้วครับ
ตอนนี้เรามาดูความคิดของฝั่งเต้กันบ้าง
ตอนหน้าก็จบแล้วเนอะ 5555555

ขอฝากนักอ่านทุกคน จะทำอะไรอย่าใช้อารมณ์ในการตัดสินใจนะ คิดถึงคนที่อยู่ข้างหลังบ้าง
ผลของมันไม่เคยออกมาดีเท่ากันตัดสินใจด้วยเหตุแหละผลหรอก
แล้วเราจะมาดราม่าทำไมกัน55555

จะสงกรานต์แล้วคนที่จะเดินทางไปไหนมาไหนก็ขอให้เดินทางปลอดภัยนะครับ

ฝากคอมเม้นเป้นกำลังใจด้วยนะคร้าบบบ
 :mew1: :katai4:

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
โอว..โนว จะจบยังไงหนอ แต่ขอโนมาม่าได้ไหม.. :เฮ้อ:

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ Mocc1007

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 55
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
3


            ผมมาไม่ทัน

             ผมขับรถตามเต้มา ผมรู้ว่าที่ที่มันจะไปคือที่ไหน ต้องเป็นบ้านมันแน่ๆ ผมรู้จักมันดี เวลาเราทะเลาะกันเต้มันจะไปซุกตัวอยู่ที่บ้านเพื่อรอให้ผมไปง้อมัน รอบนี้ก็ต้องไปเป็นแบบนั้น

             แต่เพียงไปได้ครึ่งทาง ผมก็ต้องพบกับกองเศษซากของสิ่งหนึ่งที่ครั้งหนึ่งเคยถูกเรียกว่ารถยนต์

OOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOO

             ถ้าตอนนั้นผมไม่ดื้อบอกว่าจะรอมัน

            ผมหอบถุงอาหารขึ้นห้องก็พบว่าห้องเงียบสนิทตามที่คาดไว้ ไอ้เต้คงจะยังเรียนไม่เสร็จ ปกติครับ มันเรียนหนักแบบนี้เกือบจะทุกวัน ผมวางถุงบนเคาเตอร์ในครัวก่อนจะต่อสายโทรหามัน
         
             “ว่าไงไนท์” เสียงที่ฟังดูหงุดหงิดนิดหน่อยดังลอดออกมาจากโทรศัพท์
         
             “เรียนเสร็จยัง กูซื้อกับข้าวมาเยอะแยะเลยเนี้ย” ผมว่าก่อนจะหันไปมองถุงข้าว
         
             “ยังเลย กูทำแลป ไม่รู้จะเสร็จตอนไหน ถ้ามึงหิวก็กินก่อนเลยก็ได้”
         
             “แต่กูอยากกินกับมึงนะ เราไม่ได้กินข้าวพร้อมกันนานแล้วนะ แล้วนี่กูซื้อกับข้าวมาเยอะแยะเลย มีแต่ของโปรดมึงทั้งนั้น” ผมว่า
         
             “เฮ้อ” มันถอนหายใจ
         
             “แต่ถ้ามึงจำเป็นต้องทำจริงๆ มึงไม่ต้องรีบก็ได้นะ” ผมพูดขัดมันขึ้น ได้ยินเสียงเสียงมันถอนหายใจแล้วก็อดเห็นใจมันไม่ได้ “งั้นพรุ่งนี้วันเสาร์มึงว่างมั้ย”
         
             “อืม ว่าง”
         
             “งั้นพรุ่งนี้เราไปเที่ยวกันมั้ย”
         
             “ก็ดีเหมือนกัน”

OOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOO

             ถ้าตอนนั้นผมใจเย็นกว่านี้...

             “นี่ไง เดี๋ยวก็กลับของมึง” ไอ้เต้พูดเสียงประชดประชันขึ้นทันทีที่ผมปิดประตูห้อง ตอนนี้มันยืนอยู่หน้าทีวี
         
             “ก็กลับมาแล้วนี่ไง” ให้ตายเถอะ
         
             “แล้วนี่ไงที่บอกว่าไม่เมา” มันยังเสียดผมต่อ
         
             “ก็ไม่ได้เมาขนาดนั้น”
         
             “หน้าแดงขนาดนี้เนี้ยนะ”
         
             “นี่ มึงอย่ามาช่วนทะเลาะได้ป่ะ ถ้ามึงเหนื่อย ถ้ามึงง่วงก็ไม่นอน” ผมไล่มันไปนอน แต่มันกลับชักสีหน้าไม่พอใจ
         
             “มึงจะมาไล่กูไปนอนง่ายๆแบบนี้เลยหรอ กูรีบทำแลป รีบกลับมาให้ทันกินข้าวพร้อมมึง แล้วพอกูมาถึงมึงก็ทิ้งกูไปกินเหล้ากับเพื่อนเนี้ยนะ!” มันขึ้นเสียงแล้วครับ
         
             “ก็มึงมาไม่ทัน” ผมตอบมัน พยายามควบคุมอารณ์
         
             “กูมาถึงตอนสองทุ่มครึ่ง มึงไม่อยู่แล้ว”
         
             “แต่กูออกไปตอนสองทุ่ม”
         
             “มึงบอกจะรอกู”
         
             “ก็รอแล้ว แต่มึงมาช้า กูนัดเพื่อนไว้มึงเข้าใจมั้ย” ทำไมวันนี้เต้มันพูดไม่รู้เรื่องวะ
         
             “กูมาไม่ทันกินข้าวกับมึงแค่สามสิบนาที มึงก็เลยทึ้งกูไปกินเหล้ากับเพื่อนเลยใช่ไหม เห็นเพื่อนสำคัญกว่ากูแล้วสินะ”
         
             “มึงอย่ามางี่เง่าได้ป่ะ”
         
             “กูไม่ได้งี่เง้า แต่กูโกรธ มึงรู้มั้ย กูก็อุตส่ารีบทำงานให้เสร็จเพื่อจะรีบมาหามึงทั้งที่ไม่จำเป็นต้องรีบ เพราะงานกูต้องทำละเอียดไม่งั้นก็โดนอาจารย์สวดยับ กูยอมทำแบบชุ่ยๆส่ง แต่แล้วมึงก็ตอบแทนกูด้วยการไม่อยู่ให้กูเห็นหน้า” มันพักหอบหายใจแล้วพูดต่อ “แถมยังออกไปกินเหล้าเมา กูโทรตามก็บอกจะกลับแล้ว แล้วก็เนี่ย ตีสอง กูโทรตามมึงตอนเที่ยงคืน!”
         
             “เต้ กูว่ามึงต้องมีอะไรผิดปกติแล้วนะ มึงอย่าทำให้เรื่องเล็กเป็นเรื่องใหญ่ได้ดิ” ผมก็เริ่มคุมตัวเองไม่ได้แล้วครับ
         
             “มึงหาว่ากูบ้าหรอ!” มันขึ้นเสียงใส่ผมอีกครั้ง
         
            “เปล่า! มึงอย่ามางี่เง่าดิ คุยดีๆ ในเย็นๆ ได้มั้ย”
         
             “มึงจะให้กูเย็นได้ไง! กูเหนื่อยนะไนท์ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกนะที่มึงทิ้งกูไปแบบนี้!” ตามันเริ่มแดง ผมไม่โอเคครับ ผมเดินจะตรงเข้าห้องเพื่อจะหนีอารมณ์ของมัน “มึงจะไปไหน มาคุยกับกูให้รู้เรื่องก่อนดิ”
         
             “มึงจะคุยอะไร ตอนนี้อารมณ์มึงกำลังเดือดเต้ กูเมาด้วย เราไม่ควรจะมาทะเลาะกันตอนนี้”
         
             “แต่กูจะเคลียตอนนี้” มันยื่นคำขาด
         
             “เต้ ใจเย็น” ผมพูด

             “มึงจะ...” เต้หยุดพูดทันทีที่ผมเดินเข้าไปกอดมัน

             “กูขอโทษนะ”

 
--------------------------------------------------------------------------------------------------------

             ถ้าตอนนั้นผมไม่ปากไว ไม่ใช้อารมณ์มาพูดแทนเหตุผล

             “แต่กูจะเคลียตอนนี้” ผมตอบมัน วันนี้ต้องจบ
       
             “แล้วมึงจะให้กูทำไง ห่ะ? ไม่ไหวก็เลิกเลยป่ะ!” และท้ายที่สุดมันก็ควบคุยตัวเองไม่ได้ มันระเบิดคำพูดนั้นออกมา ไม่รู้ว่ามันพูดเพราะรู้สึกจริงๆ เพราะอารมณ์ชั่ววูป หรือเพราะเมา แต่ผมก็ตอบมันไป
       
             “...” ผมชะงักกึก อะไรนะ มันอยากเลิกกับผมหรอ
       
             “...” มันก็ดูเหมือนช็อกกับคำพูดของตัวเอง
       
             “มึงว่าไงนะไนท์”
       
             “เต้...” มันเดินช้าๆ เข้ามาหาผม
       
             “มึงพูดอะไรนะเมื่อกี้ มึงอยากเลิกกับกูหรอ” ตอนนี้ตาผมเริ่มพร่ามัวเนื่องจากมีนำใสๆ กำลังจะเอ่อออกมา
       
             “กูขอโทษ กูไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น กูไม่ได้อยากเลิกกับมึงเลยเต้” สีหน้ามันดูเสียใจกับคำพูดที่มันพูดออกมา “กูรักมึงนะ”
       
           
OOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOO
       
             ถ้าตอนนั้นผมยอมพูดความในใจไป

             ผมหยิบมาต่อสายหาไนท์ เริ่มหงุดหงิดนิดหน่อยที่มันไม่กลับมาสักที         
 
             รอสายสักพักมันก็รับสาย
                       
             “ถึงห้องยัง” มันถามผมทันทีที่รับ         
             
             “มึงอยู่ไหน” ผมไม่ตอบแต่ถามมันด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดนิดหน่อย “เสียงดังชิบหาย”
         
             “กูมาเที่ยวกับเพื่อน”
         
             “มึงเมาแล้วใช่ไหม” เสียงมันเมาสุดๆ
         
             “ยังไม่เมา กูกินไปนิดเดียวเอง”
         
             “กูเป็นห่วงนะ เมาแล้วขำรถดึกๆ ถ้าไม่ไหวก็ให้เพื่อนที่ไม่เมามาส่ง”
         
             “ครับๆ เข้าใจแล้ว” มันตอบ
         
             “แล้วมึงจะกลับตอนไหน” ผมถามมันไป ตอนนี้เที่ยงคืนแล้ว
         
             “เออเดี๋ยวกลับแล้ว”
         
             “รีบกลับนะ กูยังไม่ได้กินกินข้าวเลย รอกินพร้อมมึงเนี้ย” ผมว่า “กูอยากเล่าเรื่องคนที่มาขอเบอร์กูวันนี้ให้มึงฟัง”
                   
             “ห่ะ มันเป็นใครวะ!!!” มันพูดขึ้นด้วยเสียงร้อนรน
         
             “รีบกลับ แล้วจะเล่าให้ฟัง”
         
             “จะไปเดี๋ยวนี้แหละ กูต้องรู้ให้ได้ว่ามันเป็นใคร” ผมหัวเราะกับคำพูดของมัน
         
             
OOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOO
         
             ถ้าตอนนั้นผมรับโทรศัพท์ไนท์
         
             “เต้กูขอโทษ” เสียงมันดังออกมาผ่านมือถือ ตอนนี้ผมกำลังขับรถอยู่บนถนนที่มุ่งหน้ากลับบ้านผมด้วยความเร็วที่แรงตามพายุอารมณ์ในตอนนี้ “กูไม่น่าพูดออกไปเลย”
         
             “...” คำพูดของมันทำให้อารมณ์ผมเย็นลงบ้าง
         
             “กูขอโทษที่กูไม่รอมึง ขอโทษที่กูไม่ค่อยจะอยู่ให้มึงเห็นหน้า ขอโทษที่ไม่มีเวลาดูแลมึงเลย”
         
             “...” ผมหักพวงมาลัยมาจอดที่ข้างทาง
         
             “มึงยกโทษให้กูนะ”
         
             “...” ตอนนี้น้ำใสๆ กำลังอาบแก้มผมอยู่ ผมอยากตอบมันนะ แต่ไม่รู้ว่าจะตอบยังไง ไม่อยากให้มันรู้ว่าผมร้องไห้ ว่าผมอ่อนแอขนาดนี้
         
             “เต้...”
         
             “...”
         
             “เต้...มึงฟังกูอยู่มั้ย”
         
             “...”
         
             มันตัดสายไปแล้วครับ แต่ทันทีที่เสียงจากมือถือผมเงียบไป แสงไฟรกจากด้านหลังก็สาดเข้ามาในห้องโดยสารก่อนจะมาดับลงที่ด้านหลังรถผม ผมเห็นร่างของไนท์ลงมาจากฝั่งคนขับผ่านกระจกแล้วเดินตรงมาที่ประตูรถผม ผมเปิดประตูรถออกไปแล้วถลาเข้าไปกอดมันแน่น
         
             “ไนท์ กูก็ขอโทษนะ ขอโทษที่ไม่ฟังมึง ขอโทษที่กูเอาแต่เรียนจนไม่ได้สนใจมึงเลยจนมึงไปติดเพื่อน” ผมปาดน้ำตาออกจากแก้ม “ขอโทษที่วันนี้ขึ้นเสียงใส่ ฮึก...ขอโทษนะที่บอกเลิก”
         
           
OOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOO
         
             เขาว่ากันว่าเวลาคือสิ่งที่ไม่ไหลย้อนกลับ ไม่สามารถย้อนคืนได้ เหมือนที่เราๆ อาจจะเคยได้ยินสำนวน เวลาไม่เคยรอใคร แต่ผมไม่คิดแบบนั้น ผมว่าเวลาคือสิ่งที่คัดกรองเหตุการณ์ ในที่นี้หมายถึงทุกๆ ช่วงเวลาที่เรากำลังสัมผัสการไหลของเวลา เราอาจจะเคยทำอะไรแบบนี้มาหลายครั้งแล้ว คุณอาจจะเคยอ่านเรื่องเล่านี้มาแล้วหลายล้านรอบ ผมอาจจะเคยเขียนเรื่องนี้มาแล้วเป็นหมื่นล้านครั้ง ทุกๆ รอบที่เรากระทำอาจจะส่งผลที่แตกต่างกันในอนาคต ซึ่งจะส่งผลมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับว่ามันเป็นเหตุการณ์ใหญ่แค่ไหน นั่นคือมีผู้ได้รับผลกระทบมากเท่าใด ยิ่งมีผู้เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นั้นมากเท่าไหร่ ผลกระทบที่ส่งออกมาในอนาคตก็จะยิ่งมาก และเมื่ออนาคตไปถึงจุดที่ไม่มีอนาคตอีกแล้ว ทุกอย่างที่เคยเกิดขึ้นในกรอบของเวลาก็จะย้อนกลับไปในจุดที่มันเริ่มต้น แล้วก็เกิดขึ้นมาอีกครั้ง และผู้ที่อยู่ในเหตุการก็จะเป็นคนกำหนดอนาคตของเหตุการณ์นั้นใหม่ วนซ้ำไปซ้ำมา หลายคนอาจจะเคยรู้สึกว่าเหตุการนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้ว เราอาจจะรู้สึกว่าเคยมาที่นี่แล้วแต่กลับพบว่าตัวเองมาที่นี่ครั้งแรก เราเคยพูดประโยคนี้มาแล้ว แต่ก็เคยพูดแบบนี้ครั้งแรก เคยเห็นคนนี้ใส่เสื้อแบบนี้แล้ว แต่นั่นเป็นเสื้อที่เขาเพิ่งจะซื้อมา ผมคิดว่าหลายคนคนคงเคยประสบกับเหตุการแบบนี้ – เดจาวู
         
             แต่ไม่ว่าเหตุการณ์เหล่านั้นจะเกิดซ้ำๆ กันมาแล้วกี่ครั้ง มีตอนจบมาแล้วกี่แบบ แต่สุดท้ายแล้ว เวลาก็จะให้เราได้รับรู้ได้เพียงแค่รอบเดียวเท่านั้น และตอนจบของทุกๆ เรื่องก็ต้องมีเพียงแค่แบบเดียวเท่านั้นที่เราได้สัมผัส
         
             เราไม่สามารถกลับไปแก้ไขอะไรที่ผ่านมาแล้วได้ ทำได้เพียงเก็บมันไว้เป็นบทเรียนสำหรับตอนต่อไปของชีวิตซึ่งเป็นสิ่งเดียวที่เราสามารถเลือกได้ว่าจะให้มันออกมาเป็นแบบไหน
         
           
OOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOO

             ผมตายไปแล้วใช่ไหม ทำไมผมไมรู้สึกเจ็บปวดอะไรเลย ก่อนที่ทุกอย่างจะดำมืดผมจำได้ว่าได้ยินเพียงเสียงแตรรถดังสนั่นกับเสียงเหล็กกระทบกันโครม หลังจากนั้นผมก็รู้สึกเหมือนได้ยินเสียงของไนท์ตะโกนเรียกผม แต่ผมก็ไม่สามารถตะโกนตอบมันได้ ผมได้ยินเสียงเหมือนคนคุยกันไม่เป็นภาษาแต่ก็ฟังดูเครียดมาก กับเสียงที่ดังติ๊ดๆ ตลอดเวลา ผมได้ยินเสียงแม่ร้องไห้อยู่ในที่ไกลๆ ได้ยินเสียงของพ่อที่กำลังปลอบแม่อยู่


             “เต้! เต้ฟื้นแล้ว คุณ เต้ฟื้นแล้ว ลูกเราฟื้นแล้ว” ผมลืมตาขึ้น ผมอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมที่ดูเหมือนจะเป็นโรงพยาบาล ในห้องมีพ่อ แม่แล้วก็น้องชายผม ผมสังเกตเห็นว่าแม่ตาบวมจากการร้องไห้ และในห้องยังมีพ่อกับแม่ของไนท์ แล้วผมก็เหลือบเห็นตัวมันยืนอยู่ที่ประตู

             น้องชายผมรีบกดเรียกหมอเพื่อมาเช็คอาการผมก่อนที่ผมจะทันไปพูดอะไร

             “แม่...พ่อ” ผมพูดออกมาด้วยเสียงแหบแห้งทันทีที่หมออกจากห้องไปโดยบอกเพียงว่าอาการผมกำลังทรงตัว

             “เต้รู้สึกยังไงบ้างลูก” แม่ผมถาม

             “ผมขอโทษครับ”

             “โถ่ เต้” แม่กำลังจะร้องไห้อีกครั้ง

             “คุณอย่าร้องต่อหน้าลูกสิ ลูกกำลังเจ็บอยู่นะ” พ่อพยุงแม่ออกไปโดยมีน้องผมแล้วก็พ่อแม่ของไนท์เดินตามไป “คุยกันให้รู้เรื่องซะ” พ่อผมหันไปพูดกับไนท์ก่อนทุกคนจะเดินออกจากประตูไป

             “ครับ” ไนท์ตอบ มันเดินช้าๆ เข้ามายืนอยู่ข้างเตียงผม ผมเพิ่งจะสังเกตเห็นว่าตอนนี้ขาข้างหนึ่งผมห้องต่องแต่งอยู่ แล้วที่คอก็มีที่ล็อกไว้ มันดึงมือข้างที่ไม่มีสายน้ำเกลือเสียบอยู่ของผมไปจับไว้แล้วกำเบา ๆ “มึงเป็นยังไงบ้าง เจ็บมากไหม”

             “ก็ยังไม่ตาย อย่างที่มึงเห็น” ผมประชดมัน นึกอยากจะตบปากตัวเองอยู่บ้างที่ปากไว

             “เต้ มึงอย่าพูดแบบนี้สิ กูเป็นห่วงมึงมากเลยนะ มึงรู้ไหมว่าสองวันที่มึงหมดสติไป กูไม่เป็นอันทำอะไรเลย” มันพูด

             “แล้วมึงคิดว่ากูไม่เป็นห่วงมึงหรอที่มึงไปกินเหล้า เมายังกับหมาแล้วขับรถตอนดึกๆ คนเดียว” ผมว่ามันกลับ

             “กูขอโทษ... ขอโทษนะที่ทำให้เป็นห่วง ขอโทษที่วันนั้นกูใช้อารมณ์กับมึง”

             “เห้อ” ผมถอนหายใจ “อืม กูก็ขอโทษเหมือนกันที่วันนั้นกูไม่ตั้งสติให้ดี ขึ้นเสียงใส่มึง แล้วก็ขอโทษที่บอกเลิกมึงทั้งที่กูไม่อยากเลิกกับมึงเลย”

             “กูก็ไม่เคยอยากเลิกกับมึงเลยเต้ กูรักมึงนะ” มันดึงมือผมไปจูบเบาๆ

             “กูก็รักมึงนะไนท์”

             ไนท์ค่อยๆ โน้มตัวลงมาจูบหน้าผากผมให้เราทั้งคู่รู้สึกอุ่นวาบไปทั้งหัวใจ

-จบ-

++++++++++++++++++++++++++++

จบแล้วครับ สำหรับเรื่องที่ดูเหมือนจะแค่วนๆ ไปมา
สิ่งต่างๆที่ผ่านเข้ามาในชีวิตก็ล้วนส่งผลกับเราและคนรอบข้าง
เรื่องนี้ก็เป็นตัวอย่างหนึ่งของบนเรียนที่เวลาได้มอบให้กับตัวเอกของเรา
เราไม่สามารถกลับไปแก้ไขอดีตเพื่อเปลี่ยนอนาคตได้ แต่เราสามารถใช้อดีตเพื่อมาทำให้อนาคตดีขึ้นได้

ทำไมเขียนเองอ่านเองแล้วก็งงเอง 5555
เรื่องนี้พยายามจะไม่ให้มันดราม่ามาก เพราะตัวคนเขียนเองก็กลัวดราม่าเหมือนกัน555555

ฝากคอมเมนต์เป็นกำลังใจด้วยนะค้าบบบ
เจอกันใหม่เมื่อเซลล์สมองประทานพล็อตเรื่องดีๆมาให้ครับ
 :impress2: :bye2:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-04-2017 22:04:24 โดย Mocc1007 »

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
โชคดี...ที่ไม่ตาย เฮ้อ..อออออออ  :เฮ้อ:
รอผลงานเรื่องต่อไปจ้า    :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4
 :mew1: :mew1: :mew1: จบแล้ววว  ดีใจมี่ไม่มาม่า

ออฟไลน์ golove2

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +277/-6
เกือบได้กินมาม่าแล้ว

 :katai1: :katai1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด