♿เข็นรักขึ้นภูเขาᄿ ถ้าผมปล้ำคนพิการจะบาปไหม? - นิยายวายละมุน :)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ♿เข็นรักขึ้นภูเขาᄿ ถ้าผมปล้ำคนพิการจะบาปไหม? - นิยายวายละมุน :)  (อ่าน 92585 ครั้ง)

ออฟไลน์ kyungploy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 335
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
อะตอมเลิกกับแฟนแล้วรึเปล่า , _ ,

ออฟไลน์ HuskyLover

  • นิยาย "วาย" ละมุน
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 95
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-3
EP04 (Part 1)
ผมแพ้ผู้ชายน่ารักซะแล้ว



<<<ATOM>>>

"ถ้ามึงมีอะไรจะเล่าให้กูฟัง ก็เล่าได้นะเว้ย เรื่องไหนเล่าได้ก็เล่า กูพร้อมจะฟังทุกเรื่อง แต่ถ้ามึงแค่อยากพักผ่อนเงียบๆ ไม่อยากเล่าอะไรก็ไม่เป็นไร หรือว่ามึงจะเล่นเกม จะฟังเพลง จะดูหนัง จะออกไปดูวิวตรงระเบียง จะซื้อเบียร์มากิน ก็ตามสบายเลยเพื่อน ทำอะไรก็ได้ที่ช่วยให้มึงสบายใจขึ้น ถ้ากูช่วยมึงได้ กูก็ยินดีช่วย"

ฟังแล้วผมก็ซาบซึ้งในน้ำใจของเพื่อนที่เพิ่งรู้จักกัน ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะทำให้ผมรู้สึกดีและอบอุ่นใจได้ขนาดนี้ วันทั้งวันผมรอให้เสร็จงานเพื่อจะมาหาคนนี้คนเดียว

"ขอเวลาทำใจสงบๆ แป๊บนึงนะเว้ย เรื่องมันเยอะไปหมดเลยว่ะ แต่ยังไงกูก็ต้องเล่า มึงทนฟังกูหน่อยนะเว้ย"

"เออ กูจะฟังมึงพูดจนเช้าเลย มึงพูดมาให้หมดเหอะ"

"งั้นมึงไม่ได้นอนแน่" ผมพยามพูดติดตลก เผื่อจะรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง แต่ที่จริงแค่ได้มาเห็นหน้ากัปตันผมก็รู้สึกดีแล้ว ยิ่งได้กอดก็ยิ่งอุ่นใจ

ที่จริงกัปตันก็แค่นั่งรถวีลแชร์ นอกนั้นเขาก็เหมือนคนทั่วไป เป็นเพื่อนผมได้ ให้กำลังใจผมได้ เป็นที่พึ่งยามท้อใจให้ผมได้ ถ้าจะเป็นมากกว่านี้ ผมก็เชื่อว่าเป็นได้

"พอยัง กูยืนเมื่อยแล้ว" กัปตันเตือน

"ขอโทษๆ" ผมหัวเราะเขินๆ เมื่อนึกได้ จากนั้นจึงคลายอ้อมแขนออกและพยุงกัปตันลงนั่งบนรถวีลแชร์ตามเดิม

"มึงจะอาบน้ำก่อนไหม จะได้สดชื่น" กัปตันเสนอ

"มึงอาบก่อนเหอะ กูขอไปยืนดูวิวตรงระเบียงๆ เงียบๆ แป๊บหนึ่ง อนุญาตเปล่า"

"ตามสบาย งั้น…กูอาบน้ำก่อนนะ ส่วนมึงก็ดูวิวให้สบายใจละกัน รับลมเย็นๆ จะได้สบายใจ"

ผมพยักหน้าเห็นด้วย วันนี้ผมเจอคนและเจอปัญหาหลายเรื่องแล้ว ขอพื้นที่สงบๆ ให้ตัวเองซะหน่อยก็ดี

"อ้อ จะกินอะไรก็ตามสบายเลย ไม่ต้องเกรงใจ คิดซะว่าเป็นห้องของมึง" กัปตันยิ้มกว้างให้ผม อวดเสน่ห์ฟันเขี้ยวแหลมเล็ก

เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นกัปตันยิ้มกว้างขนาดนี้ ปกติเขาจะดูเป็นคนหน้าเฉยๆ ไม่ค่อยแสดงความรู้สึกมาก เดายากว่ารู้สึกยังไง พอยิ้มแบบนี้แล้วกัปตันดูสดใสมากทีเดียว หัวใจที่มืดๆ ของผมก็พลอยสว่างไสวไปด้วย

"เออ" ผมรับคำ

"งั้นกูไปอาบน้ำก่อนนะเว้ย" กัปตันบอกแล้วหมุนรถ ก่อนเข็นเข้าไปในห้องนอนของตัวเอง

ผมเอากระเป๋าที่สะพายมาด้วยวางบนโซฟา จากนั้นก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและกดปิดเครื่อง คืนนี้จะไม่มีใครสามารถติดต่อและรบกวนผมได้ เพราะผมจะใช้เวลากับกัปตันให้เต็มที่ ผมจะเปิดพื้นที่ส่วนตัวให้เขาเข้ามาหาผมมากขึ้น ขณะเดียวกัน ผมก็คงจะมีโอกาสเข้าถึงพื้นที่ส่วนตัวของกัปตันบ้างเหมือนกัน น่าแปลกที่ผมรู้สึกว่ามันน่าตื่นเต้นดี

ผมเดินไปที่ระเบียงและเหม่อมองไกลออกไป แสงสีกรุงเทพยามค่ำคืนดูเย็นตา ผิดจากตอนกลางวันที่ดูร้อนและวุ่นวายสับสน ลมเย็นๆ พัดมาต้องผิวกายผม ผมหลับตาและสูดหายใจลึกๆ ไม่นานเท่าไหร่ใจก็เริ่มสงบเย็น

ตอนแรกผมว่าจะยืนชมวิวตรงนี้เงียบๆ คนเดียวสักพัก แต่พอนึกได้ว่าเพื่อนตัวเองใช้วีลแชร์ ผมก็เกิดสงสัยว่ากัปตันจะอาบน้ำยังไง ต้องการให้ช่วยหรือเปล่า

คิดแล้วผมก็กลับเข้ามาในห้อง ก่อนเดินไปดูห้องน้ำซึ่งก็กว้างขวางพอสมควร น่าจะพอให้วีลแชร์เข้าไปได้ทั้งคันได้ แบ่งพื้นที่เป็นส่วนเปียกและแห้ง มีผ้าม่านสีครีมๆ เอาไว้รูดกั้น ตรงที่อาบน้ำมีเก้าอี้พลาสติกสีขาวๆ ชนิดผิวหยาบวางอยู่ ผมเดาว่ากัปตันน่าจะใช้นั่งอาบน้ำ

ผมออกจากห้องน้ำแล้วเดินไปที่ห้องนอน ก่อนเลื่อนประตูเปิดและเยี่ยมหน้าเข้าไปถาม "มีอะไรให้ช่วยไหม"

กัปตันเอาผ้าเช็ดตัวพันตัวอยู่บนเตียงพอดี เขาหยุดมองผมแล้วก็ตอบ "ไม่เป็นไร แค่นี้สบายมาก กูทำอะไรเองหมดมาตั้งแต่เด็กแล้ว"

"กูรู้ แต่ว่า…กูขอช่วยมึงได้ไหม วันนี้กูยังไม่ได้ช่วยอะไรมึงเลย" ผมต่อรอง ก่อนสาวเท้าเข้าไปใกล้

"จะเข็นเหรอ" กัปตันเอียงคอ

"เปล่า" ผมยิ้ม ก่อนจะย่อตัวลงหน้ากัปตันและหันหลังให้ "ขี่หลังกูดีกว่า เดี๋ยวกูจะพามึงไปอาบน้ำ"

"เฮ้ยไม่เอา" กัปตันปฏิเสธแทบจะทันที

ผมหันไปนิ่วหน้า "อะไรวะ ไหนมึงเพิ่งบอกไงว่ายินดีทำทุกอย่างให้กูสบายใจ ถ้ากูได้ช่วยบริการมึงนะ กูจะโคตรสบายใจเลยรู้เปล่า"

เจอไม้นี้เข้าไปกัปตันก็คงยอมแพ้ กระนั้นก็ยังดูลังเล

"ถ้าไม่ขี่หลัง งั้นกูอุ้มมึงนะ กูว่ากูน่าจะอุ้มได้ มึงตัวไม่หนักเท่าไหร่" ผมเปลี่ยนข้อเสนอ

กัปตันหน้าเหวอ "เฮ้ย เอางั้นเลยเหรอวะ"

ผมลุกขึ้นยืนและยิ้มกรุ้มกริ่ม "น่า กูอยากรู้ว่ากูจะอุ้มมึงไหวเปล่า เผื่อวันหลังไปไหนด้วยกัน กูจะได้รู้ไงว่ากูอุ้มมึงคนเดียวไหวไหม หรือต้องหาคนมาช่วย"

กัปตันไม่ตอบ ผมจึงถือวิสาสะช้อนตัวเขาขึ้นมาอุ้มในท่าอุ้มเจ้าสาว กัปตันดูตกใจเล็กน้อย แต่สักพักก็ทำหน้าเฉยๆ ทว่าผมกลับเห็นสีแดงเรื่อๆ ปรากฎบนแก้มสองข้าง ผิวเนื้อขาวๆ อยู่ในอ้อมแขนของผมแล้ว กัปตันมีกลิ่นกายเฉพาะตัวที่ผมชอบ ไม่หอมแบบผู้หญิงแต่ก็เย้ายวนใจอย่างประหลาด

ผมอุ้มกัปตันเข้าไปในห้องน้ำและพาไปวางบนเก้าอี้พลาสติกสีขาวๆ ตัวนั้น กัปตันคอยใช้มือจับปมผ้าเช็ดตัวไว้เพราะมันจะหลุดแหล่มิหลุดแหล่

"อาบเสร็จแล้วเรียกกูนะ" ผมกำชับ

กัปตันพยักหน้า ตอนแรกผมว่าจะออกไปเลย แต่พอก้าวขาไปได้สองสามก้าวผมก็หยุดกึก

"เฮ้ย กูว่า…กูอาบน้ำพร้อมมึงเลยดีกว่า จะได้ไม่เสียเวลาไง"

"เฮ้ย!" กัปตันอุทานด้วยสีหน้าตกใจ

"อายทำไมวะ ผู้ชายเหมือนกัน มึงไม่เคยอาบน้ำกับเพื่อนเหรอ" ผมแสร้งถาม ที่จริงตั้งใจจะต้อนให้เข้ามุมต่างหาก

"ไม่เคย" กัปตันส่ายหน้าเร็วๆ

"งั้นมึงก็ต้องเคยไว้ ผู้ชายสนิทกันเร็วเพราะแก้ผ้าอาบน้ำด้วยกันนี่แหละ" ผมอ้าง แต่ไม่รับประกันว่ามีงานวิจัยที่ไหนรองรับสมมติฐานนี้หรือเปล่า

กัปตันดูอึ้งๆ ผมก็เลยถอดเสื้อผ้าซะเลย ไม่ถึงนาทีผมก็ล่อนจ้อนไปทั้งตัว อวดหุ่นนายแบบต่อหน้าต่อตากัปตันหน้าตาเฉย ผมเห็นกัปตันมองอึ้งๆ ก็เลยยักคิ้วกวนๆ ให้

"ไง หุ่นกูใช้ได้ไหม" ผมแกล้งพูดหยอก ก่อนเอาเสื้อผ้าไปแขวนกับราวตรงประตู ขณะแขวนก็พูดไปด้วย "กูขอยืมเสื้อผ้ามึงใส่หน่อยนะเว้ยคืนนี้"

"เออ" กัปตันบอกสั้นๆ

ผมแขวนเสื้อผ้าเสร็จก็เดินมาหาคนที่นั่งอยู่ มาถึงก็ยื่นมือขอ "เอาผ้าขนหนูมา เดี๋ยวกูเอาไปแขวนให้"

กัปตันหน้าเหวอหน่อยๆ คงประหม่าน่าดู ผมจึงเปลี่ยนสีหน้าให้ดูจริงจังและย่อตัวลงนั่งอธิบายข้างๆ "มึงรู้ไหมว่าทำไมกูถึงอยากแก้ผ้าอาบน้ำกับมึง เพราะกูอยากให้มึงรู้ว่ากูพร้อมจะยอมรับมึงในแบบที่มึงเป็นไง ไม่ต้องอายกูหรอก"

ผมไล่สายตามองตามตัวของกัปตัน หุ่นมันค่อนข้างดีเพราะไม่มีพุง มีลายกล้ามเนื้อตรงแขนและอกพองาม แถมผิวยังขาวเนียนจนสาวๆ คงอิจฉา ครู่หนึ่งผมก็เงยหน้ามาสบตาด้วย สีหน้ามันยังดูประหม่าอยู่ ผมเดาว่ามันคงไม่เคยเปิดเผยรูปร่างของมันให้ใครเห็น คงจะอายขาตัวเองนั่นแหละ แต่ผมก็ไม่คิดว่าแปลกถ้าขามันจะมีกล้ามเนื้อน้อยไปบ้าง

"มึงไม่รังเกียจกูเหรอ" กัปตันถามเสียงสั่นๆ

ผมส่ายหน้าและยิ้มให้ "กูจะรังเกียจมึงทำไมวะ มึงรู้ไหม…กูอยากเป็นเพื่อนมึงมากเลยนะเว้ย กูยอมผิดนัดกับแฟนกูตั้งสองครั้งก็เพราะกูอยากรู้จักมึงให้มากขึ้นนี่แหละ รู้ไหม…พอเลิกงานถ่ายแบบ กูก็มาหามึงก่อนใคร กูเลือกมาหามึงคนเดียวนะเว้ย มึงอยากให้กูรู้จักมึงมากกว่าที่ใครๆ รู้จักมึงหรือเปล่าวะ กูอยากรู้จักมึงนะเว้ย อยากรู้จักให้มากที่สุดเท่าที่กูจะรู้จักได้"

สงสัยผมจะกดดันเพื่อนมากไป เพราะสีหน้าของกัปตันยังดูไม่สบายใจเหมือนเดิม ถ้างั้นผมก็ไม่ควรรีบเร่ง

"โอเค สงสัยกูจะทำให้มึงเครียด งั้น…กูออกไปรอข้างนอกก็ได้ มึงอาบน้ำคนเดียวละกัน"

ผมลุกขึ้นและทำท่าเดินออกไป พลันกัปตันก็คว้ามือผมไว้

"เดี๋ยวก่อน"

ผมหยุดกับที่และหันไปมอง มือนิ่มๆ อุ่นๆ ของมันทำเอาผมใจเต้น กัปตันก็ปล่อยมือจากผม ก่อนกลับมาจัดการดึงปมผ้าขนหนูของตัวเองออก ไม่นานก็ส่งผ้าเช็ดตัวผืนนั้นมาให้ ผมยิ้มพอใจเมื่อได้เห็นร่างเปลือยเปล่าของเพื่อน

"เอาไปเก็บให้กูหน่อย" เจ้าตัวบอกเขินๆ

ผมพยักหน้าและรับผ้าขนหนูผืนนั้นมา ก่อนเอาไปวางไว้บนอ่างล้างหน้าซึ่งมีที่ว่างอยู่ ครู่เดียวผมก็กลับมายืนข้างๆ เตรียมพร้อมจะอาบน้ำด้วยกันครั้งแรก

"เห็นไหม ไม่เห็นมีอะไรเลย อายทำไม" ผมพูด สีหน้าประหม่าของกัปตันหายไปบ้าง

"ปิดผ้าม่านด้วย เดี๋ยวพื้นเปียก" กัปตันเตือน ผมพยักหน้าแล้วทำตามที่เพื่อนบอก

"เชี่ย _วยมึงจะทิ่มหน้ากูอยู่แล้ว" กัปตันประท้วงขณะที่ผมกำลังเอื้อมมือไปเลื่อนปิดผ้าม่านกั้นพื้นที่เปียกกับแห้ง

เนื่องจากกัปตันนั่งอยู่บนเก้าอี้อาบน้ำ แต่ผมยืนและยืดตัวออกไป ระดับสายตาของกัปตันจึงอยู่ใกล้เคียงกับอาวุธลับของผม ผมรีบเอามือข้างหนึ่งกุมตรงนั้นไว้ อดขำไม่ได้เมื่อเห็นกัปตันหน้าแดง มันดูน่ารักจนผมแทบอดใจไม่ไหว เพราะปกติผมก็แพ้คนน่ารักอยู่แล้ว แต่เพิ่งจะรู้ตัวว่าแพ้ผู้ชายน่ารักก็วันนี้

พอเลื่อนผ้าม่านปิดเรียบร้อย ผมก็แซวอย่างอารมณ์ดี "มันไม่ทิ่มหรอก ถ้ามึงไม่เล่นกับมัน"

"อาบน้ำได้แล้ว" กัปตันเปลี่ยนเรื่องด้วยท่าทางเขินๆ

ผมหัวเราะชอบใจเบาๆ ก่อนหมุนก๊อกเปิดน้ำ ไม่นานน้ำเย็นๆ จากฝักบัวกลมใหญ่เท่ากาละมังบนเพดานก็ไหลลงมารดกายเราสองคน ก่อนเปลี่ยนเป็นน้ำอุ่นสบายในไม่ช้า พอตัวเปียกดีแล้ว ผมก็ปิดน้ำและมองหาสบู่ กัปตันคงรู้ว่าผมมองหาอะไรจึงชี้บอก ผมหยิบมาดูยี่ห้อแล้วก็ถาม

"มึงใช้มายเวย์ด้วยเหรอ"

"อืม ใช้มาตั้งแต่เด็กๆ เลย ใช้ดีนะเว้ย ใช้นิดเดียวเอง อาบสะอาดมาก ฟองนุ่ม หอมด้วย" กัปตันถือโอกาสโฆษณาผลิตภัณฑ์ "มายเวย์" ที่ตัวเองใช้เสียเลย บ้านเพื่อนผมที่ฐานะดีๆ ก็ใช้ยี่ห้อนี้หลายคน

พอบีบมาใช้ ผมก็พบว่ามันมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ไม่ฉุนจมูกเหมือนยี่ห้อท้องตลาด พอเอามาชโลมผิวอาบน้ำ ผมก็ได้สัมผัสกับฟองละเอียดอ่อนละมุนอย่างที่กัปตันโฆษณาไว้ ผมบีบใส่มือแล้วถูเป็นฟอง ก่อนแกล้งเอาไปถูและลูบไล้ตรงหน้าออกของมัน กัปตันถึงกับสะดุ้ง

"เชี่ย ทำไร"

"เสียวเหรอ" ผมเย้า

"เสียวห่าไรล่ะ ตกใจเว้ย" กัปตันแก้ตัว หน้าแดงอีกแล้ว ยิ่งทำให้ผมชอบใจ

"ตกใจทำไม ผู้ชายเขาก็เล่นกันแบบนี้แหละ" ผมอ้าง

"ก็กูไม่เคยอาบน้ำกับเพื่อนแบบนี้นี่หว่า" กัปตันพูดเสียงมุบมิบ

ผมพยักหน้าเข้าใจ จากนั้นต่างคนต่างก็จัดการกับการทำความสะอาดตัวเอง ที่จริงผมอยากช่วยขัดถูให้ แต่กลัวอาวุธลับของตัวเองจะไม่เป็นความลับอีกต่อไป กระนั้นผมก็แกล้งแอบจับตรงนั้นตรงนี้ของมันเรื่อยๆ จนมันเลิกตกใจและชินไปเอง ก็เหลือแค่ที่เดียวเท่านั้น

พอกัปตันเอามือไพล่ไปทำความสะอาดหลัง ผมก็อาศัยทีเผลอแกล้งคว้าหมับเข้าที่อาวุธลับของมันทันที มันถึงกับร้องโวยวาย

"เฮ้ย เล่นเหี้ยอะไรวะ"

"ขอโทษๆ โกรธเหรอวะ ปกติกูก็เล่นกับเพื่อนแบบนี้แหละ มึงไม่เคยเล่นเหรอ" ผมทำหน้าสงสัย

สีหน้าของกัปตันอ่อนลง ผมเดาว่าเขาคงไม่เคยเล่นกับเพื่อนแบบนี้มาก่อน สำหรับผู้ชายทั่วไปแล้ว เรื่องนี้ถือว่าธรรมดามาก มันเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างผู้ชาย บางคนเล่นถึงขนาดชักให้กันก็มี แต่ผมยังไม่เคยทำถึงขนาดนั้นหรอก

"งั้นกูให้จับคืน" ผมแกล้งแอ่นตรงนั้นให้มัน กัปตันหน้าเหวออีก แต่ผมก็หน้าด้านอีกเหมือนกัน "จับดิ"

กัปตันเงยหน้ามองผมด้วยอาการประหม่า สักพักก็ลดระดับลงมามองตรงนั้นของผมอีกครั้ง ดูท่าจะคิดหนักทีเดียว ผมก็ปล่อยให้มันคิด ถ้ามันจะไม่จับก็ไม่เป็นไรหรอก แต่สุดท้ายกัปตันก็กล้า มันเอื้อมมือมาจับและบีบของผมเบาๆ ก่อนจะปล่อยอย่างรวดเร็ว หน้ามันแดงจัดอีกแล้ว ผมชอบหน้าแดงๆ ของมันจริงๆ

"ถ้ามึงไม่เคยเล่นแบบนี้กับเพื่อนคนไหน เล่นกับกูได้นะเว้ย มันสำคัญมากนะมึงรู้เปล่า ผู้ชายน่ะ…ถ้าไม่เล่นแบบนี้ มันไม่สนิทกันหรอก จริงไหม"

กัปตันพยักหน้ายอมรับอย่างเขินๆ ผมว่ามันคงรู้สึกบ้างแหละที่เห็นเพื่อนเล่นจับของลับกัน แต่ไม่มีใครกล้าเล่นกับมันแบบนี้

พอล้างฟองสบู่หมด ผมก็เสนอ "เดี๋ยวกูสระผมให้"

กัปตันไม่มีท่าทางตกใจหรือลังเลอีกแล้ว ดูเหมือนเจ้าตัวจะมีความสุขที่มีคนอาบน้ำเป็นเพื่อน ผมเองก็มีความสุขเหมือนกัน แทบจะลืมเรื่องปวดหัวๆ ที่เจอมาตลอดวันไปเลย

ผมไปยืนด้านหลัง บีบยาสระผมและสระล้างรอบแรกให้ก่อนเพื่อเอาคราบไขมันออกจากเส้นผม จากนั้นจึงสระซ้ำ คราวนี้มีฟองมากขึ้น ผมสูดดมกลิ่นหอมอ่อนๆ พร้อมกับหลับตาพริ้ม จากนั้นก็ก้มไปคุยกับคนที่นั่งข้างหน้า

"โคตรหอมเลย สงสัยต้องหามาใช้บ้างแล้ว"

สระผมให้เพื่อนไปสักพัก ผมก็แกล้งยืนแอ่นให้อาวุธลับของผมไปโดนหลังมัน กัปตันรีบหันมาขู่ทันที

"เดี๋ยวกูบีบไข่แตกเลย"

เราสองคนหัวเราะอย่างมีความสุข ก่อนจะหันกลับมาสนใจการสระผมต่อ สระเสร็จก็ล้างให้สะอาดหมดจด ขณะหยิบขวดครีมนวดมา ผมก็แกล้งถาม

"ถามจริง อย่างมึงเอากับผู้หญิงได้เปล่าวะ"

"งั้นกูขอลองกับมึงก่อนละกัน" กัปตันหันมายิ้มยียวนใส่ผม

"จริงเปล่า งั้นออกไปกูพามึงขึ้นเตียงเลยนะ"

"เชี่ย เรื่องไร" พอกวนสู้ผมไม่ได้มันก็สบถ

"ไรวะ ไม่ลองหน่อยเหรอ ถึงกูจะยังไม่เคยลองกับผู้ชาย แต่กูคิดว่าทำได้นะเว้ย สนเปล่า" ผมแหย่ต่อ

"ไม่เอา"

"ไม่เอาแล้วทำไมหน้าแดงวะ ไม่รู้เหรอ เดี๋ยวนี้เขามีเซ็กซ์เฟรนด์กันเยอะแยะ ธรรมดาจะตาย"

"เชี่ยนี่ พอแล้ว" กัปตันทำเสียงมุบมิบ

"เออ กูพูดเล่นไปงั้นแหละ" ผมหัวเราะ ก่อนก้มไปยิ้มมีเลศนัยใส่มัน "แต่ถ้าได้ก็เอา"

"นี่แน่ะ" กัปตันเอื้อมมือมาจับของลับผมแล้วบีบ ไม่ถึงกับแรงมากแต่ก็เกือบจุก

"โอ๊ย มึงบีบของกูเหรอ" ผมทำท่าขึงขังใส่ ก่อนย่อตัวลงไปนั่งข้างๆ และจ้องตรงนั้นของมัน

กัปตันคงรู้ว่าผมจะจับคืน มันจึงรีบเอามือปิด ผมก็เลยแกล้งดึงมือมันออก เสียงหัวเราะของเราดังลั่นห้องน้ำ มันร้องห้ามใหญ่เลย แต่จู่ๆ เราก็หยุดและมองหน้ากันนิ่ง เหมือนที่เรามักเห็นในทีวีบ่อยๆ ผมเคยสงสัยว่าทำไมพระเอกและนางเอกต้องมีโมเมนต์แบบนี้ก่อนตกหลุมรักกัน คราวนี้ผมคงจะหายสงสัยแล้ว

ผมรู้สึกว่าปากสีชมพูเรื่อๆ ของมันส่งสัญญาณเชิญชวนอีกแล้ว ที่จริงผมคงมโนไปเองนั่นแหละ กระนั้นใบหน้าของผมก็เลื่อนเข้าไปหา นึกอยากจูบและบดขยี้ริมฝีปากสวยๆ ให้สะใจสักครั้ง คงจะเสียวซ่านรัญจวนใจดีไม่น้อย ก็เกือบได้ทำสมใจนึกแล้ว แต่กัปตันดันได้สติซะก่อน

"กูจะนวดผมแล้ว"

ผมเผลอถอนหายใจอย่างเสียดาย หรือจะโล่งใจด้วยก็ว่าได้ จากนั้นก็ลุกขึ้นเตรียมนวดผมให้เพื่อน เอาเถอะ จะว่าไปผมก็ไม่ควรจะจูบมันหรอกเพราะผมยังมีแฟนอยู่ เดี๋ยวจะสร้างปัญหาให้มันเปล่าๆ

อาบน้ำเสร็จ เราก็เช็ดตัวให้ ปกติกัปตันจะเช็ดโทนเนอร์ ทาครีมและทาโลชั่นหลังจากนั้น แต่พอไม่ได้เอาวีลแชร์เข้ามาด้วยก็ทำเองไม่สะดวก ผมจึงหยิบขวดโทนเนอร์และสำลีมาให้ แต่กัปตันก็บ่น

"กูต้องดูกระจกด้วย"

"งั้นเดี๋ยวกูเช็ดให้" ผมอาสา กัปตันก็ไม่ว่าอะไร แถมยังส่งโทนเนอร์และสำลีคืนให้ผม

ผมบีบโทนเนอร์ใส่สำลีแผ่น จากนั้นก็เช็ดทำความสะอาดใบหน้าใสๆ ให้อย่างเบามือ ผู้ชายอย่างผมสมัยนี้เริ่มใช้เครื่องสำอางค์มากขึ้น ส่วนหนึ่งผมก็ได้เรียนรู้จากงานถ่ายแบบด้วย

เพื่อนผมหลับตาพริ้มสบาย ท่าทางคล้ายเชิญชวนให้รุกล้ำอีกแล้ว ผมคงจะเป็นเอามากถึงได้ตีความท่าทางของเพื่อนไปในทางนั้นตลอด ก็เลยต้องรีบสลัดความคิดแผลงๆ ทิ้งโดยเร็ว

เช็ดหน้าเสร็จผมก็ทาครีมให้ แต่ไม่ทาโลชั่นให้มันเพราะกลัวอาวุธลับแผลงฤทธิ์ ในขณะที่กัปตันทาโลชั่น ผมก็เช็ดหน้าด้วยโทนเนอร์ ตามด้วยครีมบำรุงผิว ถือโอกาสลองใช้ครีม "มายเวย์" ของมันไปด้วย

ไม่อยากเชื่อก็ต้องเชื่อ ความเครียดในสมองผมหายไปแทบหมด ทั้งที่อยู่กับกัปตันยังไม่ถึงชั่วโมงด้วยซ้ำ ทว่าก็น่าหนักใจไม่น้อย เพราะผมยังไม่มีคำตอบว่าต่อไปจะเป็นยังไง รู้แค่ว่ามีความสุขที่อยู่กับมันอย่างเดียว

ผมอุ้มกัปตันออกจากห้องน้ำไปวางบนเตียง ปล่อยให้มันใช้วีลแชร์และจัดการหาเสื้อผ้ามาใส่ พร้อมกับเผื่อแผ่ให้นายแบบผู้ยากไร้อย่างผมด้วย



TBC


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-11-2017 10:38:13 โดย HuskyLover »

ออฟไลน์ HuskyLover

  • นิยาย "วาย" ละมุน
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 95
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-3
EP04 (Part 2)
ผมแพ้ผู้ชายน่ารักซะแล้ว



<<<ATOM>>>

หลังใส่เสื้อผ้า ผมกับกัปตันก็มานั่งคุยกันตรงระเบียงสบายๆ ผมเอาเก้าอี้มานั่งด้วย เพราะไม่งั้นกัปตันต้องเงยหน้าคุยกับผม เดี๋ยวจะเมื่อยคอเปล่าๆ เราไม่มีเครื่องดื่มอะไรประกอบการคุยกัน เพราะปกติผมก็ไม่ค่อยติดเหล้าเบียร์ ที่จริงก็เป็นคนงกพอตัว อะไรที่สิ้นเปลืองผมจะไม่ซื้อ เพราะกว่าจะทำงานหาเงินมาได้ก็ลำบาก มีแค่คนเดียวเท่านั้นที่ผมกัดฟันใช้เงินอย่างฟุ่มเฟือยด้วย

"เอาเรื่องที่บ้านกูก่อนละกัน" ผมเกริ่นนำ ก่อนเล่าสืบไป "พ่อกับแม่กูน่ะ…แยกทางกันตอนกูเพิ่งขึ้นมอสี่ มันเป็นเรื่องที่ไม่น่าเกิดขึ้นเลยว่ะ ตอนปิดเทอมใหญ่ น้องสาวกูไม่สบาย พ่อกูก็เลยขึ้นไปเช็ดตัวให้ กูก็ไม่รู้ว่ายังไงนะเว้ย อยู่ดีๆ แม่กับน้องกูเขาบอกว่าพ่อกูลวนลามลูกสาวตัวเอง ตอนนั้นดราม่ากันสุดๆ พ่อแม่กูทะเลาะกันทุกวันเลย แม่กูเขาระแวงมาก เขารับไม่ได้ สุดท้าย…เขาก็เลยขอหย่า แม่เอาน้องไปอยู่ด้วยที่อยุธยา แล้วเขาก็บอกให้กูอยู่กับพ่อ กูก็ต้องอยู่แหละ ไม่งั้นพ่อกูจะอยู่กับใครวะ หลังจากนั้น…พ่อกูก็เฟลไปเลย เขาไม่ทำงาน กินเหล้าทุกวันจนถูกไล่ออกจากงาน เพิ่งจะมาดีขึ้นช่วงหลังๆ นี่แหละ" ผมแค่นหัวเราะ ก่อนถอนหายใจสั้นๆ และเล่าเรื่องต่อไป

"กูบังเอิญรู้จักกับพี่คนหนึ่ง เขาเป็นช่างภาพ ชื่อพี่แอร์ ก็ค่อนข้างมีชื่อเสียงนะ แล้วเขาก็ทำหนังสือภาพขายด้วย ขายออนไลน์นั่นแหละ ส่วนมากลูกค้าก็จะเป็นกลุ่มเพศที่สาม เขาเจอกูที่สยามตอนมอสี่ เขาขอเบอร์กูไป แล้วก็โทรมาชวนกูไปถ่ายแบบ ก็ก็ไปเพราะกูอยากหาเงิน ตอนนั้นพ่อกูก็ตกงาน เอาเงินเก็บมาใช้จะหมดอยู่แล้ว กูรอดช่วงนั้นมาได้เพราะงานถ่ายแบบนี่แหละ พี่แอร์เขาเอ็นดูกูพอสมควร หางานถ่ายแบบหรือเดินแบบเล็กๆ น้อยๆ ให้กูทำเรื่อยๆ ก็ไม่ดังมากหรอก พอมีคนรู้จักบ้าง มีงานเข้ามาเรื่อยๆ เก็บเงินได้พอสมควร" ผมหยุดเว้นจังหวะอีกครั้ง ส่วนกัปตันก็คอยฟังอย่างตั้งใจ

"ตอนอยู่มอห้า กูเจอแฟนกูเป็นครั้งแรก เขาชื่ออั้ม เป็นลูกคนมีฐานะเลยล่ะ หน้าตาน่ารัก เห็นครั้งแรกกูก็ชอบเลย ก็เจอเขาที่สยามนี่แหละ เขามาเดินเที่ยวกับเพื่อน กูก็ลองจีบดู ไม่คิดว่าจะจีบติดหรอก ยังไงไม่รู้ เขาเล่นด้วยว่ะ แต่ที่บ้านเขาไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ เขาไม่อยากให้ลูกสาวมีแฟนตอนเรียน ก็เลยต้องแอบคบกัน กูยอมรับว่ากูพราวด์เหมือนกันนะเว้ยที่จีบเขาได้ เหมือนมีนางฟ้าอยู่ข้างกายเลย แต่ก็เปลืองเงินเหมือนกัน เพราะเขากินใช้แต่ของดีๆ แต่ถ้ากูรักเขา กูก็ต้องพยายามไม่ใช่เหรอวะ อ้อ ที่เขางอนกูคราวนี้ไม่ใช่เพราะเรื่องผิดนัดหรอก เขาโกรธที่กูรับงานถ่ายแบบหนังสือเซ็กซี่นั่นแหละ ไม่รู้มึงเห็นยัง เมื่อก่อน…อย่างมากูก็แค่ถอดเสื้อ ใส่กางเกงขาสั้น อวดหุ่นนิดๆ หน่อยๆ แต่เล่มนี้ พี่แอร์เขาอยากให้แรงขึ้น ก็เลยให้ใส่กางเกงใน เพราะเขาให้โฆษณากางเกงในไง ได้เงินเยอะอยู่ ก่อนมาเรียนที่นี่ กูต้องหาเงินค่าเทอมเตรียมไว้ไง อีกอย่าง…จะถึงวันเกิดอั้มแล้ว เขาอยากได้สร้อยเส้นหนึ่ง กูก็เลยอยากซื้อเป็นของขวัญวันเกิดให้เขา ก็เลยรับงานนี้ แต่พออั้มเห็น เขาก็ไม่พอใจ เขาบอกกูว่าถ้ากูทำแบบนี้ ก็ยากที่บ้านเขาจะยอมรับกู มันก็จริงอย่างที่เขาว่านั่นแหละ แต่มึงจะให้กูทำไงวะ" ผมพ่นลมหายใจ จากที่หายเครียดก็กลับมาเครียดอีกจนได้

"แล้วตอนนี้ พี่แอร์ก็ชักแปลกๆ เขาบอกมีเสี่ยสนใจกู จะให้ค่าเลี้ยงดูเดือนหลายๆ หมื่น แต่ต้องไปเป็นเด็กเสี่ย แถมยังจะให้กูไปถ่ายหนังวายอีก ไม่ใช่วายน่ารักๆ นะเว้ย วายอีโรติกเลย กูโคตรหนักใจ เพราะพี่เขาช่วยกูเยอะ ถ้าไม่ได้เขาช่วย ป่านนี้กูก็ไม่รู้จะเป็นยังไงเหมือนกัน ก็เกรงใจเขานั่นแหละ แต่กูเรียนที่นี่แล้ว มึงว่ากูจะไปรับงานอย่างงั้นได้เหรอวะ" ผมพูดอย่างหนักใจ ก่อนจะปิดท้ายด้วยปัญหาใหม่ที่เพิ่มเข้ามาเมื่อเร็วๆ นี้ "อ้อ ตอนนี้พ่อกูหางานทำได้แล้ว เป็นมูลนิธิเล็กๆ แถวๆ บ้านนั่นแหละ แต่พอไปทำงาน เขาก็มีแฟนใหม่ จะพาผู้หญิงเข้าบ้าน รุ่นลูกเลยนะเว้ย กูว่ามาหลอกพ่อกูชัวร์"

แม้เรื่องที่ผมเล่าฟังดูเครียด แต่กัปตันกลับยิ้มให้ผม เป็นรอยยิ้มที่แฝงความชื่นชมจนผมรู้สึกได้ "มึงเก่งมากเลยนะเว้ยอะตอม ถ้ากูเป็นพ่อมึงนะ กูคงจะภูมิใจกับมึงมาก เพราะมึงไม่ทิ้งพ่อ หาเลี้ยงพ่อ ดูแลตัวเองก็ได้ หรือถ้ากูเป็นแฟนมึง กูก็คงรักมึงมากเหมือนกัน เพราะมึงทุ่มเทกับความรัก กูไม่แปลกใจเลยที่เขาเลือกมึง"

ที่จริงกัปตันพูดดีทุกประโยคเลย แต่ผมรู้สึกสะดุดใจตรงที่กัปตันพูดว่า "ถ้ากูเป็นแฟนมึง กูก็คงจะรักมึงมากเหมือนกัน" นี่แหละ มันทำให้ผมต้องทบทวนว่าผมรู้สึกยังไงกับกัปตันกันแน่ หรือจะเป็นแค่ "โบรแมนซ์" เฉยๆ หรือควรจะเรียกว่า "โฟรแมนซ์" เพราะเราเป็นเพื่อนกัน แต่มันมีด้วยหรือ "โฟรแมนซ์" นี่คืออีกหนึ่งปัญหาของผมที่เพิ่มเข้ามาตอนนี้

"ชมกูซะ ไม่เคยมีใครพูดกับกูแบบนี้เลยนะเว้ย แต่กูก็ไม่ดีอะไรขนาดนั้นหรอก" ผมหัวเราะเบาๆ ก่อนถามกลับ "แล้วมึงล่ะ เคยรักใครแบบนี้หรือเปล่า"

"เดี๋ยวกูค่อยเล่าของกูละกัน เอาของมึงให้หมดก่อน" กัปตันแย้ง

"ก็ได้ แต่กูขอถามมึงอย่างได้ไหม" ผมต่อรอง

กัปตันพยักหน้า "ได้"

"มึงเคยเหงาไหม มึงอยากมีแฟนหรือเปล่า หรือว่ามึงอยากมีคนอยู่ข้างๆ มึงไหม"

กัปตันหัวเราะและยิ้มเศร้าๆ ก่อนมองไกลออกไปข้างหน้า "มึงก็พูดแปลกๆ ใครๆ ก็อยากมีหรือเปล่าเหอะ แต่กูยังไม่รีบ เพราะคนที่จะรักกูได้ เขาต้องรับกูได้ก่อนนะเว้ย"

"เหมือนที่กูรับมึงได้ใช่ไหม" ผมพูดสวนทันที

กัปตันชะงักและหันมามองผม เราสบตากันและครุ่นคิด สักพักกัปตันก็หันหน้าหนีและพูดเฉไฉ "ไม่รู้เว้ย ตอนนี้กูยังไม่อยากรักใคร กลับมาที่เรื่องของมึงก่อน เดี๋ยวกูจะลองปรึกษากับป๊ากูให้ อาทิตย์หน้าป๊าก็จะกลับแล้ว ป๊ากูเก่งนะเว้ย เขาเรียนโทจิตวิทยามา แต่มึงไม่ต้องห่วงนะ กูจะไม่บอกหรอกว่ามึงเป็นใคร เขามีกฎจรรยาบรรณเว้ย"

ผมยิ้มชื่นชมให้กับคนข้างๆ ความรู้สึกดีๆ เต็มตื้นจนนึกอยากจับมือกัปตันขึ้นมา แล้วผมก็ตัดสินใจทำอย่างที่อยากทำเสียด้วย ผมจับมือกัปตันไว้ เขาหันมาสบตากับผมทันที

"อะตอม…เป็นพลังงาน เพราะฉะนั้น…เรื่องใช้พลังงานหรือใช้แรงเนี่ย…กูถนัดมาก แต่กู…ขาดคนนำทางว่ะ ชีวิตแม่งก็เลยวุ่นวายไปหมด เออ…แล้วมึงชื่ออะไรนะ" ผมแกล้งถามยิ้มๆ

"กัปตันไง" อีกฝ่ายตอบงงๆ

"แล้วกัปตันทำหน้าที่อะไร" ผมถามสวนกลับทันที

กัปตันอึ้งไปเลย เขาดูหวั่นไหวจนเก็บซ่อนความรู้สึกในดวงตาไม่ได้ จู่ๆ สายตาผมก็มาหยุดอยู่ที่ริมฝีปากชมพูเรื่อๆ ของกัปตันอีกแล้ว ผมนับหนึ่งถึงสิบในใจเพื่อข่มความรู้สึก แต่ดูเหมือนจะไม่ช่วยเท่าไหร่ ตั้งแต่ตอนอาบน้ำจนถึงตอนนี้ ผมข่มใจเป็นร้อยรอบแล้ว ตอนนี้อารมณ์นั้นคงสุกงอมเต็มที่ สุดท้ายผมก็ทนไม่ไหวจริงๆ มือผมเผลอโน้มคอกัปตันเข้าหาและประทับจูบลงไปอย่างเร็ว รู้สึกเสียวสะท้านเพียงแค่ได้สัมผัสกับริมฝีปากที่ผมถวิลหาเป็นครั้งแรก

ให้ตายเถอะ ผมแพ้ผู้ชายน่ารักอย่างกัปตันไปแล้ว!

กัปตันตัวแข็งทื่อ ดูท่าว่าจะตกใจมาก เขาไม่ยอมเปิดปากให้ผมล่วงล้ำ แต่ผมก็หน้ามืดไปแล้ว จึงพยายามจะส่งลิ้นสอดเข้าไปให้ได้ ซ้ำยังเอามือสอดเข้าใต้ชายเสื้อของกัปตันและลูบไล้ผิวเนื้อขาวเนียนไปด้วย ไม่นานกัปตันก็เผลอครางเพราะความเสียว ก่อนเผลอเผยอปากให้ผมสอดลิ้นเข้าไปหา ผมไม่ปล่อยโอกาสนั้นให้หลุดลอย จึงรีบสอดลิ้นและบดขยี้จูบหน่วงๆ ซอกซอนลิ้นหารสหวานจากอีกฝ่าย ผมพบว่านอกจากกัปตันจะสีปากสวยแล้ว รสปากยังหวานรื่นลิ้นดีเหลือเกิน

กัปตันร่างสั่นสะท้านและครางฮือ เผลอกอดผมแน่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว ส่วนผมก็เพลิดเพลินและอิ่มสุขกับจูบแรกจนแทบสำลัก เผลอครางสะท้านด้วยความซ่านเสียวแข่งกับคู่จูบในอ้อมแขนไปด้วย แต่อยู่ดีๆ สวรรค์ก็พลันล่ม กัปตันผลักหน้าอกผมออกอย่างเร็วและแรงพอสมควร

"เหี้ย! มึงทำอย่างนี้ทำไมวะ มึงมีแฟนอยู่แล้วนะเว้ย"

กัปตันเงื้อมือทำท่าจะต่อยผม น้ำเสียงและสีหน้านั้นบ่งบอกว่าไม่พอใจมาก มือไม้ของกัปตันสั่นเทาด้วยอารมณ์โกรธ กระนั้นก็ยังไม่ซัดลงมาสักหมัด อารมณ์เราเปลี่ยนสุดขั้วจนผมแทบปรับตามไม่ทัน

"ต่อยกูเลย กูยอมให้มึงต่อย เอาให้เจ็บเลย" ผมท้า จากนั้นก็หลับตารอคอยความเจ็บปวด ทว่าผ่านไปสักพักก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผมจึงลืมตาดูและพูดท้าทายอีก "กูบอกให้มึงต่อยกูไง! สั่งสอนคนไม่รู้จักหักห้ามใจอย่างกูหน่อยได้ไหม ต่อยกูเลยกัปตัน"

กัปตันยังเงื้อมือค้างไว้ แต่ไม่นานก็ค่อยๆ ลดลงและตกข้างตัว ผมถอนหายใจอย่างโล่งอก แต่คิดไปคิดมาก็รู้ว่าตัวเองทำไม่ถูก ผมมาหาเพื่อนเพราะอยากได้ความสบายใจ เท่านี้ก็รบกวนเพื่อนมากแล้ว ไม่ควรมาสร้างปัญหาให้เจ้าของห้อง

"กูจะกลับบ้านแล้ว ขอโทษนะเว้ย…ที่ทำให้มึงมีปัญหาไปด้วย"

สีหน้ากัปตันเปลี่ยนเป็นตกใจ แต่ผมก็ตัดสินใจแล้ว จึงกลั้นใจเอ่ยลา "ไปแล้วนะเว้ย พรุ่งนี้เจอกัน"

ยังไม่ทันที่ผมจะลุกขึ้น กัปตันก็โผเข้ากอดผมไว้ เล่นเอาผมตกใจเหมือนกัน กระนั้นผมก็แอบยิ้มพอใจ อารมณ์ที่พลุ่งพล่านเมื่อครู่ลดลงจนเป็นปกติ

บางอย่างบอกผมว่ากัปตันคงรู้สึกเหงา เขาก็คงเหมือนคนทั่วไปที่อยากมีความรักและมีใครสักคนอยู่เคียงข้าง ผมก้มลงดอมดมเส้นผมหอมๆ ของเพื่อนเบาๆ ก่อนวาดสองมือโอบกอดกัปตันไว้ ปล่อยให้ความอบอุ่นแผ่ซ่านซึมทั่วกายของเรา

พลันผมก็นึกสงสัย ควรจะเป็นผมหรือเปล่าที่จะช่วยให้ผู้ชายคนนี้หายเหงา? ความรักของผมหรือเปล่าที่จะแต่งเติมสีสันให้ชีวิตของคนๆ นี้? หรือผมควรจะปล่อยให้กัปตันไปเจอคนอื่นที่ดีกว่า แต่คิดแล้วก็เสียดาย เพราะผมอยากเป็นอะตอมที่ให้พลังงานกับกัปตัน ในขณะเดียวกันก็อยากมีกัปตันช่วยนำทางชีวิตผมด้วย

อะตอมกับกัปตันมาเจอกันเพราะเหตุผลนี้หรือเปล่า!?



TBC


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-11-2017 10:38:57 โดย HuskyLover »

ออฟไลน์ ชมรดา

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 99
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1
ขอบคุณค่ะ
อะตอม  ต้องเลิกกับอั้มแฟนของคุณก่อนนะ
ถึงจะพัฒนาความสัมพันธ์กับ กัปตันได้ 

ออฟไลน์ darling

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1741
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-7
อะตอมเฮ้ยไปหาคำตอบให้ตัวเองให้ได้ก่อนดึกว่า อย่าเห็นกัปตันเป็นตัวแทนใครเลย  :sad4:

ออฟไลน์ ohm

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 424
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-2
ฟินมากตอนนี้
หวานนิดๆหวามหน่อยๆ
ขอบคุณคนแต่งมากค้าบ  ^^

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ GuoJeng

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1268
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
  อ้าว จูบกัปตันเองสับสนเองเลย 555
 รออ่านตอนต่อไป

ออฟไลน์ กบกระชายไทยนิยม

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 502
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
จากตอนที่ 1
กัปตันดูมุ้งมิ้งมากเลยค่ะ ตอนแรกดิฉันก็ออกจะหน่ายๆ คุณแม่ของกัปตันนะคะ แต่พอทราบเหตุ เลยเข้าใจความรู้สึก เป็นดิฉันก็คงรู้สึกว่าทำใจลำบากไม่น้อยทีเดียวค่ะที่จะปล่อยกัปตันให้ห่างตัว +เป็ดค่ะ

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4992
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
อะตอมเคลียร์ตัวเองก่อนไหม ถ้ายังไม่เคลียร์คนที่น่าสงสารคือกัปตันนะ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ HuskyLover

  • นิยาย "วาย" ละมุน
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 95
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-3
ไม่เกินพรุ่งนี้ (16.04.2017) จะได้อ่านนะครับ :)


ออฟไลน์ ohm

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 424
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-2
รออ่านนะครับ

ดูตัวอย่างตอนต่อไปแล้ว หวังว่า กัปตันจะไม่เสียใจมากนะ  :hao5:

ออฟไลน์ ชมรดา

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 99
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1

ออฟไลน์ korinasai

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 309
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
อะตอมรุกแรงมาก เคลียร์เรื่องแฟนก่อนดีกว่าไหม ทำความเข้าใจกับความรู้สึกตัวเองด้วย อย่าดึงกัปตันลงไปในความไม่ชัดเจนของนาย

ออฟไลน์ HuskyLover

  • นิยาย "วาย" ละมุน
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 95
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-3
EP05
พิการแล้วยัง(เสือก)เป็นเกย์อีก?


อ่านจบแล้วชอบ อย่าลืมบวกเป็ดให้คนเขียนด้วยนะครับ :)

<<<CAPTAIN>>>

แปลกดีที่เช้าวันนี้ผมตื่นก่อนนาฬิกาปลุกตั้งหลายนาที สงสัยร่างกายผมคงรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างแปลกๆ ข้างๆ ตั้งแต่น้องชายผมไปเรียนไฮสคูลที่อเมริกา ผมก็แทบไม่เคยตื่นมาเจอใครนอนข้างๆ ในตอนเช้าอีกเลย นี่คือครั้งแรกในรอบหลายปีที่ต่างไปจากทุกเช้า

ว่ากันว่าเรามักจดจำสิ่งสำคัญที่สุดได้ก่อนเสมอ เมื่อสมองพร้อมทำงาน ผมก็นึกทบทวนเรื่องเมื่อคืน สิ่งแรกที่โผล่พรวดมาในความคิดดันเป็นตอนที่ผมโดนคนนอนข้างๆ จูบซะงั้น ตามด้วยตอนที่ผมจับ "ของลับ" ของมันตอนอาบน้ำ แต่สำคัญสุดคือเรื่องโดนจูบนี่แหละ ที่จริงผมควรจะโกรธและไล่มันไปตั้งแต่เมื่อคืน แต่ปรากฎว่ามันก็ยังนอนที่นี่และคุยกับผมจนดึก

เอาเถอะ ทุกอย่างบนโลกนี้คงมีข้อยกเว้นบ้างแหละ

ผมลงจากเตียงไปนั่งบนวีลแชร์ที่จอดข้างๆ อย่างคล่องแคล่ว ป๊าให้ผมฝึกทำอะไรเองหลายอย่างตั้งแต่เด็กๆ แล้ว นับว่าโชคดีที่ป๊าไม่ปกป้องผมมากเกินไปเหมือนแม่ ไม่งั้นผมคงทำอะไรเองไม่เป็นสักอย่าง

ครู่เดียวผมก็พาตัวเองมาที่ครัว จัดการตักโปรตีนผงและฉีกซองอาหารเสริมซึ่งใช้กินแทนมื้ออาหารใส่แก้วเชค เติมน้ำเย็นๆ จากนั้นก็เขย่าๆ เมื่อเข้ากันดีแล้วผมก็เทใส่แก้ว ก่อนทำเพิ่มอีกหนึ่งที่ เตรียมไว้สำหรับผมและอะตอม

เสียงนาฬิกาปลุกจากโทรศัพท์ผมดังขึ้น ไม่นานก็เงียบเสียงไป ครู่ใหญ่ๆ อะตอมก็เดินมาหา มันใส่แค่บอกเซอร์ตัวเดียว ตรงเป้ามันดูตุงๆ เล็กน้อย ผมมันดูยุ่งๆ หน้าก็ยังดูง่วงๆ เห็นหุ่นมันแล้วผมก็อดมองไม่ได้ ตัวมันสูงชะลูดสมกับเป็นนายแบบ กล้ามท้อง ขาและแขนของมันแน่นเปรี๊ยะ แต่ดีที่ไม่ดูล่ำบึ้ก ถ้าจะถามเรื่องความขาว มันขาวสู้ผมไม่ได้หรอก แต่ถ้าเป็นเรื่องความเซ็กซี่ผมคงยอมแพ้

"ทำอะไรวะ" มันถามเสียงงัวเงีย เอามือเกาหัวไปด้วย

"อาหารเช้า" ผมบอก

อะตอมยืนมองงงๆ ในขณะที่ผมส่งแก้วซึ่งมีของเหลวสีชมพูอ่อนๆ อยู่เกือบเต็มให้

"แก้วเดียวเหรอ"

"เออ มีโปรตีน คาร์โบนิดหน่อย วิตามินครบ เกลือแร่ครบ มีไฟเบอร์ด้วย อันนี้รสเชอรี่ กินแล้วอิ่มถึงเที่ยงเลยนะมึง กูกินมาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว ที่บ้านกูกินแบบนี้แหละ สะดวกดี"

อะตอมรับไปดมๆ พอเห็นว่ากลิ่นโอเคก็ลองดื่ม ก่อนยกซดรวดเดียวหมดแก้ว

"อร่อยดี" อะตอมยิ้มแฉ่ง มีคราบขาวๆ ติดที่ปากมันด้วย ผมจึงชี้บอก

"ปากเลอะ"

"เช็ดให้กูหน่อยดิ"

อะตอมรีบเดินไปดึงกระดาษทิชชู่มาส่งให้ผม ก่อนโน้มตัวลงมาหา ผมจึงเช็ดปากให้มัน เช็ดเสร็จอะตอมก็เอามือยีหัวผมเบาๆ

"น่ารักนะมึง"

นี่มันจะให้ผมเขินแต่เช้าเลยหรือไง หวังว่ามันจะไม่ชวนอาบน้ำด้วยอีกล่ะ ปรากฎว่ามันไม่ชวนจริงๆ ด้วย เราจึงต่างแบ่งเวลาทำธุระส่วนตัว ไม่นานก็พร้อมออกเดินทางไปหาความรู้

อะตอมตื่นเต้นมากตอนที่เห็นผมใช้อุปกรณ์เก็บวีลแชร์ขึ้นบนหลังคารถ ถึงกับเอามือถือมาถ่ายคลิปไว้ ปากก็ร้องบอกว่าสุดยอดๆ ส่วนมากใครเห็นครั้งแรกก็เป็นแบบนี้แหละ เพราะคิดไม่ถึงว่าคนอย่างผมขับรถได้ หรือถ้าขับได้ก็คงยุ่งยากหาคนมาช่วย แต่ป๊าผมก็ช่วยทำให้มันง่ายขึ้น

… … …

เช้าวันนี้เราฝึกวาดภาพตีฟอีกแล้ว ช่วงปีหนึ่งเราจะยังไม่ได้ใช้ห้องสตูดิโอเพราะต้องปรับพื้นฐานก่อน แต่หลังจากนั้นคงจะได้ฝึกทำงานกันมากขึ้น โดยเฉพาะการตัดโมเดล เป็นประสบการณ์ที่รุ่นพี่ทุกคนประทับใจไม่รู้ลืม เพราะทำให้ไม่ได้หลับไม่ได้นอนสามสี่วันติดต่อกันหรือมากกว่านั้น

นักศึกษานั่งรวมกันเป็นกลุ่มๆ ตามกลุ่มเพื่อนที่สนิท อะตอมนั่งข้างๆ ผมเหมือนเคย มันวาดไปก็อวดไป แถมยังชอบคลอเคลียเหมือนแมวอีก เพื่อนในกลุ่มเดียวกันเริ่มจับตามอง โดยเฉพาะน้ำหวาน แบงค์และกวิน ผมพยายามปลอบใจตัวเองว่าคงไม่มีอะไรมาก คิดว่าพวกมันคงแค่อยากรู้ความคืบหน้าสามเรื่องที่ฝากผมไว้มากกว่า

"มึงว่าบ้านหมาลอยน้ำมันต้องมีที่เก็บอึหมาไหมวะ หรือว่าให้มันอึลงน้ำไปเลย ถ้างั้นก็ต้องมีช่องให้มันอึ เอ๊ะ แล้วหมามันจะรู้ไหมว่ามันต้องอึตรงไหน" อะตอมถามเองก็ตอบเองไปบางส่วน มันเอียงภาพในกระดาษให้ผมดูและเอียงหัวมาชิดกับไหล่ผมด้วย

"ไม่รู้เว้ย ยังนึกไม่ออกเลย" ผมหัวเราะแหะๆ อาจารย์ก็ช่างสรรหาโจทย์พิศดารมาให้ทำ วันนี้ให้พวกเราวาดภาพบ้านหมาลอยน้ำ

"แต่กูว่าหมามันคงไม่ชอบอึในน้ำหรอก ทำสะพานเชื่อมให้มันไปอึบนบกดีกว่า" อะตอมพูดงึมงำขณะมุ่นคิ้วและจ้องดูภาพตีฟของตัวเอง แล้วก็หันมาถามผมอีก "มึงว่าดีไหม"

เราสบตากันโดยไม่ตั้งใจ แม้จะเป็นเวลาสั้นๆ แต่ผมก็รู้สึกได้ว่าอะตอมมันมองปากผม เพราะจุดเด่นของผมอยู่ที่ปากสีชมพูเรื่อๆ นี่แหละ เพื่อนมัธยมตั้งฉายาผมว่า "ไอ้ปากลอย" เพราะมองไกลๆ จะเห็นปากผมลอยเด่น แต่พวกนั้นมันก็แค่แซวปากผมเล่น ส่วนไอ้คนนั่งข้างๆ มันทำมากกว่าแซวไปแล้ว

ว่าแต่ผมจะวนเวียนคิดเรื่องจูบเมื่อคืนทำไมนักหนา หรือว่าผมชอบที่โดนมันจูบกันแน่!?

ผมรีบหลบสายตาอะตอมแล้วหันมาสนใจงานตัวเอง แต่ปากก็แสดงความคิดเห็นไปด้วย "หมามันไม่กล้าเดินหรอก มันกลัวตกน้ำ มันชอบน้ำที่ไหน กูว่าให้มันอึลงน้ำนั่นแหละ แต่ต้องฝึกมันหน่อย หมามันฉลาด แป๊บเดียวมันก็จำได้แล้ว"

"เออ ก็จริงของมึง" อะตอมเออออด้วย

จะว่าไปผมก็แอบประทับไอ้คนข้างๆ ที่ฉวยโอกาสจูบผมพอสมควร โดยเฉพาะตอนที่อาบน้ำด้วยกันเมื่อคืน ผมรู้โดยสัญชาตญาณว่ามันเป็นคนจิตใจดี รู้จักใส่ใจเรื่องเล็กๆ น้อยๆ อย่างเรื่องจับจู๋กัน อะตอมก็พูดถูก ผมเห็นเพื่อนเล่นกันแบบนี้บ่อยๆ แต่ไม่มีใครกล้าเล่นกับผมเลย อะตอมเป็นคนแรกที่ทำให้ผมมีประสบการณ์นี้ ก็ดีอย่างที่มันว่าแหละ เพราะอย่างน้อยผมกับมันก็สนิทกันมากขึ้น

จู่ๆ สายตาผมก็เหลือบไปเห็นไอ้อินซึ่งนั่งอยู่ไม่ไกล ดูเหมือนมันคอยแอบมองผมอยู่ แถมยังยิ้มแปลกๆ เล่นเอาผมระแวงเหมือนกัน ตอนนี้ผมเหมือนวัวสันหลังหวะที่กลัวอีกาบินโฉบมาจิกแผล น่าจะมีคนเห็นแผลผมบ้างแล้วแน่ๆ

อยู่ๆ ก็มีเสียงกระแอมเบาๆ และตามด้วยเสียงพูด "จะคุยกันแค่สองคนหรือไงวะ"

ผมกับอะตอมหันไปมองน้ำหวานผู้เป็นเจ้าของเสียง เห็นสายตาที่น้ำหวานมองมาแล้วผมก็ทำหน้าไม่ถูก

"ไหนกูขอดูของมึงหน่อยดิ" อะตอมทำเป็นชะโงกหน้าไปดูของเพื่อน ก่อนเอ่ยปากชมและแซวขำๆ "ไอเดียดีนี่หว่า มีโดรนด้วย เอาไว้ให้หมามันบินไปอึที่อื่นเหรอวะ เดี๋ยวมันอึใส่หัวนะเว้ย"

"เออ อึใส่หัวมึงคนแรกเลย" น้ำหวานว่า

ไม่นานแววตาสงสัยของเพื่อนๆ ก็ค่อยๆ หายไป นับว่าอะตอมมันรู้จักแก้ปัญหาได้ดีทีเดียว

… … …

เวลาเที่ยงคงกลายเป็นฤกษ์ไม่งามยามไม่ดีของผมไปซะแล้ว เพราะสองวันที่ผ่านมาผมมีเรื่องตอนเที่ยง วันนี้ก็เช่นเดียวกัน เพื่อนๆ ให้ผมนั่งเฝ้าโต๊ะ ส่วนพวกมันไปเดินเลือกซื้ออาหารมากิน ที่จริงผมจะไปด้วยก็ได้ แต่ผมมักเลือกของเดิมๆ จึงฝากอะตอมซื้อข้าวมันไก่มาให้

พลันผมก็เห็นไอ้อินเดินมากับกลุ่มเพื่อนๆ ไม่น่าเชื่อว่าปากอย่างมันจะมีคนอยากเป็นเพื่อนด้วย พอมันเห็นผม มันก็ปลีกตัวเดินมาหา ผมก็ชักหวั่นๆ มาถึงมันก็สำรากคำพูดเน่าๆ ออกมา

"ไงไอ้เป๋ แหม...ระริกระรี้เชียวนะมึง กูเห็นนะเว้ย อยู่ในคลาสจ้องตากันหวานเยิ้มเลย มึงนี่ยังไงวะ พิการแล้วยังเสือกเป็นเกย์อีก"

พูดจบไอ้อินก็หัวเราะชอบใจ ผมนี่หน้าชาไปหมดเพราะนักศึกษาที่นั่งใกล้ๆ หันมามอง ทั้งรุ่นเดียวกันและรุ่นพี่ ไม่รู้ว่ามีคณะอื่นด้วยหรือเปล่า ผมอายจนอยากกระชากคอเสื้อมันมาต่อยสักหมัด

มันไม่หยุดแค่นั้น ไม่รู้ว่าโกรธแค้นผมมาแต่ชาติปางไหนถึงหาเรื่องผมไม่เลิก "ช่างกล้าเนอะ อะตอมมันมีแฟนแล้วนะเว้ย มึงคิดว่ามันจะมาเอาคนพิการอย่างมึงเหรอวะ"

"แล้วมึงมายุ่งอะไร" ผมสวนเสียงห้วน แต่ไม่กล้าพูดดังมากเพราะกลัวคนอื่นได้ยิน

อินโน้มตัวลงมาใกล้ผม ยิ้มเจ้าเล่ห์ ก่อนพูดด้วยเสียงที่เบาลง "ก็เตือนมึงไง ไอ้อะตอมน่ะมันหน้าหม้อ ขี้อ่อย ฟันแล้วทิ้ง มันหวังจะเกาะมึงไม่รู้เหรอ หรือมึงอยากโดน"

"เชี่ย" ผมสบถอย่างโกรธจัด

ว่าจะกระชากคอมันมาต่อยแล้ว แต่อยู่ดีๆ ก็มีใครสักคนกระชากคอมันไปก่อนผม อะตอมนั่นเอง ไม่รู้ว่ามาตั้งแต่เมื่อไหร่

"มึงมาหาเรื่องอะไรเพื่อนกูอีก" อะตอมพูดเสียงเข้มและยกคอเสื้อของอินสูงขึ้น

"กูไม่ได้มาหาเรื่องเว้ย กูแค่มาเตือนมัน" อินบอกเสียงสั่น ท่าทางดูหวาดกลัวจนน่าแปลก คนปากหมาอย่างมันไม่น่ากลัวเรื่องชกต่อยเลย

"แล้วมึงมาเสือกอะไร" อะตอมกำเสื้ออินแน่นขึ้น นักศึกษาเริ่มแตกตื่น ผมเห็นท่าจะไม่ดีก็เลยรีบเตือน

"อะตอม พอเหอะ"

"มึงอย่ายุ่ง เดี๋ยวกูจัดการไอ้ปากหมานี่เอง" อะตอมหันมาห้ามผมเสียงเข้มพอกัน ก่อนจะหันกลับไปจ้องหน้าอินต่อ

"ขอโทษกัปตันเดี๋ยวนี้"

"ขอโทษเรื่องอะไรวะ" อินหน้าซีด

น้ำหวาน แบงค์และกวินวิ่งมาสมทบ พวกมันยังไม่ได้ซื้ออะไรเลยสักอย่างเพราะกำลังเดินดูอยู่ พอเห็นว่าเกิดอะไรขึ้นก็ตกใจ

"เฮ้ยอะตอม ใจเย็นๆ เพื่อนกันนะเว้ย อย่ามีเรื่องกันเลย" แบงค์ร้องห้าม คงจะรู้จักนิสัยของอะตอมดีว่าเป็นคนใจร้อนแค่ไหน

"พวกมึงไม่ต้องมายุ่ง" อะตอมหันมาตวาดเพื่อนอีก คนที่จะเข้ามาห้ามจึงหยุดกึก ไม่นานมันก็หันไปเล่นงานอินต่อ "เร็วดิ กูบอกให้มึงขอโทษ"

"มีเรื่องอะไรกันน่ะ"

เสียงเข้มๆ ของใครบางคนดังแทรกขึ้นมาจากจุดใดจุดหนึ่ง ทุกคนรีบหันไปมองหาเจ้าของเสียงทันที ครู่เดียวเขาก็ปรากฎกายขึ้น พอผมเห็นก็ยิ้มดีใจ

"พี่โดม"

พี่ชายผมเดินเข้ามาดูเหตุการณ์ด้วยแววตาสงสัย อะตอมกับอินหันมามองคนมาใหม่ด้วย สักพักอะตอมก็ปล่อยมือออก อินไอแค่กๆ สองสามครั้ง

"มีเรื่องอะไรกัน" พี่โดมถามซ้ำขณะมายืนข้างๆ ผม

"เปล่าครับพี่ พอดีเข้าใจอะไรกันผิดนิดหน่อยครับ" อินบอกหน้าแหย

พี่โดมขมวดคิ้วสงสัย ดูเหมือนจะมองอินนานเป็นพิเศษ ถ้ามาทันได้ยินมันพูดเมื่อกี้ ผมว่าพี่โดมนั่นแหละจะต่อยปากไอ้อินเป็นคนแรก เมื่อเห็นว่าไม่น่ามีอะไร พี่โดมก็หันมาคุยกับผม

"กัปตันกินข้าวยัง ไปกับพี่หน่อย"

"ยังเลย" ผมบอก

"งั้นก็ไปกินกับพี่ เดี๋ยวพี่จะพาไปสมัครคิวท์บอยที่คณะนิเทศ"



<<<CAPTAIN>>>

​หลังกินข้าวเสร็จ พี่โดมก็พาผมขึ้นไปห้องประชุมใหญ่ของคณะนิเทศ ที่นั่นจัดโต๊ะลงทะเบียนให้นักศึกษาใหม่มาลงสมัครคิวท์บอย พี่โดมเป็นสมาชิกคิวท์บอยมาตั้งแต่ปีหนึ่งแล้ว มีแฟนคลับเยอะพอตัว จึงเป็นที่รู้จักดีของคนในมหาลัย

พอเข้ามาในห้อง ผมก็เห็นนักศึกษาชายหนุ่มปีหนึ่งยืนต่อคิวกันอยู่สี่ห้าคน แต่คาดว่าน่าจะมาอีกเรื่อยๆ

"จะดีเหรอพี่ ผมกลัวเขาปฏิเสธผมน่ะ" ผมบอกพี่ชายด้วยท่าทางไม่มั่นใจ

"เดี๋ยวพี่จัดการเอง ไม่ต้องกลัวหรอกน่า" พี่โดมปลอบ พลันก็นึกสงสัย "อ้อ ว่าแต่ไอ้หน้าหล่อนั่นมันมีปัญหาอะไรกับกัปตันหรือเปล่า"

"ไอ้อินเหรอ"

"มั้ง ไอ้คนที่มันเตี้ยๆ หน่อย"

"อ๋อ ไอ้อิน"

"แล้วสองคนนั้นมันจะต่อยกันเรื่องอะไร" พี่โดมหยุดเดิน ผมก็หยุดเข็นด้วย

"ถ้าผมบอกพี่ พี่โดมอย่าเล่าให้แม่ผมฟังนะ เดี๋ยวผมไม่ได้เรียน"

"เออ คราวนี้พี่จะไม่หลงกลน้าเล็กแล้ว" พี่โดมรับปากเป็นมั่นเหมาะ

"ไอ้อินน่ะ...มันชอบเรียกผมว่า...ไอ้เป๋ เมื่อกี้...อะตอม...คนที่ตัวสูงๆ มันก็เลยโกรธ" ผมบอกความจริงส่วนหนึ่งไป เพราะนอกจากเรื่องถูกมันเรียกว่า "ไอ้เป๋" แล้ว เมื่อกี้มันยังว่าผมว่า "พิการแล้วยังเสือกเป็นเกย์" อีกด้วย

"จริงเหรอ" พี่โดมแสดงสีหน้าเห็นใจระคนตกใจ คราวนี้คงเข้าใจดีว่าน้าสาวจะรู้เรื่องนี้ไม่ได้อย่างเด็ดขาด "แม่งเอ้ย เดี๋ยวพี่จัดการมันให้เอง ดูท่าทางมันหงอๆ นะ ไม่น่าเชื่อว่าจะปากเสียขนาดนี้"

"อย่ามีเรื่องนะพี่ อีกปีเดียวพี่ก็จะจบแล้ว" ผมเตือน พี่โดมเป็นคนเรียนเก่งมาก มีแววจะได้เกียรตินิยมคณะวิศวะ ผมไม่อยากให้เสียประวัติ

"เออน่า พี่มีวิธีละกัน" พี่โดมยกยิ้ม ดูเจ้าเล่ห์ชอบกล สักพักก็เตือน "รีบไปสมัครดีกว่า"

ผมรีบเข็นตามพี่โดมซึ่งเดินนำไปก่อน นักศึกษาที่ยืนอยู่เมื่อครู่กระจายไปตามจุดต่างๆ หลังได้รับใบสมัครแล้ว ตอนนี้กำลังตั้งหน้าตั้งตากรอกใบสมัครกันใหญ่

"อ้าวโดม จะมาสมัครอีกเหรอ เขารับเฉพาะนักศึกษาปีหนึ่งนะ" พี่ผู้หญิงซึ่งนั่งอยู่ตรงโต๊ะรับสมัครยิ้มให้ ผมจำได้ดีเลยล่ะ เธอชื่อปริม อีกคนชื่อสา แต่ผมไม่รู้จักอีกสองคนที่กำลังง่วนหาอะไรบางอย่างอยู่

"เปล่า พาน้องชายมาสมัคร" พี่โดมเอามือล้วงกระเป๋าสองข้างและฉีกยิ้มให้สองสาว

พี่ปริมกับพี่สาจำผมได้แน่นอน ตอนที่ผมเข็นเข้ามาก็มองผมแปลกๆ แล้ว คราวนี้หน้าเหวอไปเลย

"สมัครได้ไหม" พี่โดมถามเสียงเรียบ

รุ่นพี่สองสาวมองหน้ากัน ก่อนหันมาหัวเราะร่วน พี่สาเป็นฝ่ายตอบ "ได้ๆๆ ทำไมจะไม่ได้ล่ะ"

"อ้าว ก็ได้ข่าวว่าไม่ให้สมัครไม่ใช่เหรอ" พี่โดมถามกวน

"ไปเอามาจากไหน ไม่มี้ เราไม่เคยเลือกปฏิบัติเลย จริงไหมน้องอั้ม น้องมี่" พี่ปริมพูดเสียงสูงและหันไปพยักเพยิดกับรุ่นน้องที่เธอดึงมาช่วยงาน

"ค่ะ" หญิงสาวที่ชื่ออั้มกับมี่รับคำงงๆ พร้อมกัน

แค่ได้ยินชื่อผมก็สะดุดใจ ผู้หญิงที่สวยน่ารักจนเด่นสะดุดตาน่าจะชื่ออั้ม ถ้าเดาไม่ผิด น่าจะเป็นแฟนของอะตอมแน่ๆ

"งั้นก็ดี ขอใบสมัครด้วย" พี่โดมพูดเหมือนสั่ง

"ได้ๆๆ สมัครกับน้องอั้มเลย น้องอั้มเอาใบสมัครให้เขากรอกหน่อยเร้ว" พี่ปริมยังคงพูดเสียงสูง รุ่นพี่สองสาวดูเกรงใจพี่โดมของผมไม่น้อย

พี่โดมยิ้มพอใจ เมื่อกี้ไปหาผมถึงคณะก็เพราะเรื่องนี้ น้องมีปัญหามีหรือที่พี่จะไม่ช่วย อีกอย่างแม่ของผมก็ขอร้องไว้แล้ว ถ้าพี่โดมไม่รับปาก ผมคงไม่ได้มาเรียนและอยู่นอกบ้านได้ง่ายๆ ครั้งหนึ่งผมเคยขอแม่ไปเรียนต่างประเทศกับน้องชาย แต่แม่ก็ไม่ให้ไปเพราะความเป็นห่วง

"นี่ใบสมัคร ได้หมายเลขซีบียี่สิบสองนะ อย่าลืมถ่ายรูปเต็มตัวแล้วก็รูปครึ่งตัวอย่างละรูปส่งมาให้ด้วย ส่งมาตามอีเมล์นี้เลย หรือจะส่งทางไลน์ ทางเฟสก็ได้ แจ้งหมายเลขใบสมัครมาด้วย จะได้รู้ว่าเป็นใคร" หญิงสาวที่ชื่ออั้มอธิบายอย่างคล่องแคล่ว น่าจะเป็นเพราะพูดซ้ำๆ เหมือนเดิมมาหลายรอบแล้ว

"ครับ" ผมยิ้มบางๆ บอกไม่ถูกว่าตัวเองรู้สึกยังไงตอนนี้

"มี่ ขอเอกสารแจกเพิ่มด้วย หมดแล้ว" อั้มหันไปบอกเพื่อน เมื่อได้มาแล้วเธอก็ยื่นให้ผม "อันนี้เป็นรายละเอียดการประกวด อีเมล์ ไลน์ เฟสก็อยู่ในนี้ เข้าไปอ่านในเฟสก็ได้ สงสัยอะไรก็โทรถามได้นะ"

"ครับ" ผมรับคำสั้นๆ ก่อนรับเอกสารมาวางไว้บนตัก ก่อนผมจะเข็นออกไป อั้มก็ถามด้วยท่าทางไม่แน่ใจ

"ใช่...เพื่อนอะตอมหรือเปล่า"

ผมรู้สึกเหมือนตัวเองหน้าเจื่อน หรือไม่ก็อาจจะซีดไปแล้ว ไม่รู้ว่าอั้มคิดยังไงบ้างที่อะตอมผิดนัดกับเธอแล้วมานั่งกินข้าวกับผม

"ใช่ แฟนอะตอมเหรอ" ผมถามกลับ

อั้มยิ้มเล็กน้อยและพยักหน้ายอมรับ เธอดูไม่หยิ่งอย่างที่น้ำหวานบอก แต่ดูจากการแต่งกายแล้วก็บ่งบอกถึงระดับคุณภาพชีวิตที่ดีเลิศ

"อ้อ ประกวดวันที่สามเอ็ดนี้นะ เตรียมตัวให้ดีล่ะ" หญิงสาวที่ชื่อมี่ให้ข้อมูลเพิ่ม ผมพยักหน้ารับรู้ จากนั้นจึงเข็นออกไปหาที่กรอกใบสมัครเหมือนคนอื่นๆ

... ... ...

ช่วงเย็น ผมไปเที่ยวห้างเซ็นทรัลเวิร์ลด์กับเพื่อน เป็นครั้งแรกที่ผมพาเพื่อนในคณะนั่งรถไปด้วย เย็นวันนี้อะตอมมีงานเดินแบบแฟชั่นที่นั่น พวกเราจะแวะไปดูด้วย

งานแฟชั่นโชว์วันนี้เป็นการนำเสนอเสื้อผ้าสุภาพบุรุษและสตรีคอลเลคชั่นใหม่ล่าสุดของดีจี ผมชอบยี่ห้อนี้เป็นการส่วนตัวอยู่แล้ว รู้สึกตื่นเต้นไม่น้อยที่จะได้เห็นคอลเลคชั่นใหม่ ปกติผมไม่ได้ตามแฟชั่นหรอก ที่บ้านผมจะมีแม่คอยดูแลเรื่องพวกนี้ให้

ราวทุ่มเศษๆ งานเดินแฟชั่นโชว์ก็เริ่มขึ้นพร้อมๆ กับเสียงเพลง นายแบบและนางแบบเริ่มเซ็ตแรกด้วยชุดลำลองเท่และหรู เซ็ตต่อๆ มาเสื้อผ้าก็เริ่มน้อยชิ้นลงเรื่อยๆ จนกระทั่งกลายมาเป็นชุดชั้นในในเซ็ตสุดท้าย เรียกเสียงกรี๊ดดังลั่น แสงแฟลชรัววูบวาบไปทุกจุด กระทั่งผมเองก็อดหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายด้วยไม่ได้

อะตอมเดินออกมาด้วยชุดชั้นในสีขาวแบบบรีฟ ดูดีและเซ็กซี่ไม่น้อย ไม่รู้ว่ามันเขินหรือเปล่าที่เพื่อนๆ มานั่งดู เห็นแต่ทำหน้านิ่งเฉย น่าแปลกที่แฟนมันไม่ได้มาดูด้วย คงเป็นเพราะเมื่อวานทะเลาะกันหนักเรื่องอะตอมถ่ายแบบวาบหวิวแน่

หลังงานเดินแบบ ผมชวนอะตอม น้ำหวาน แบงค์และกวินไปกินข้าวเย็นด้วยกันในห้าง อะตอมโดนเพื่อนแซวใหญ่เลยเรื่องหุ่น เราคุยสัพเพเหระกันไปเรื่อย มิตรภาพของพวกเราค่อยๆ งอกงาม น่าแปลกที่ไม่มีใครพูดเรื่องผมกับไอ้อินเมื่อกลางวัน คงเป็นเพราะเพื่อนๆ กลัวผมคิดมากแน่ๆ

กินเสร็จผมก็ขับรถไปส่งเพื่อนๆ ที่หอใน แต่ไม่ได้ขับเข้าไปข้างในเพราะประตูใหญ่ปิดแล้ว เหลือแค่ประตูเล็กๆ ให้คนเดินเข้าออกได้ น้ำหวาน แบงค์และกวินจึงร่ำลากับผมแค่ตรงนี้ ก่อนไป น้ำหวานกำชับอะตอมเรื่องหนึ่งที่ผมยังไม่ค่อยเข้าใจนัก แถมยังฟังดูน่ากลัวด้วย

"เฮ้ยอะตอม ถ้ามึงยังไม่แน่ใจอะไรน่ะ ก็อย่าเพิ่งทำอะไรนะเว้ย ไม่งั้น...พวกกูเอามึงตายแน่"

อะตอมยิ้มแหยๆ ก่อนรับปากเพื่อน "เออ"

จากนั้นผมก็ขับรถออกไป คืนนี้ผมมีเรื่องอยากคุยกับมันด้วย อะตอมก็เลยว่าจะค้างกับผมอีกคืน

"กูโคตรชอบกางเกงในของดีจีเลยว่ะ เพิ่งเคยใส่ แม่งโคตรเท่เลย เนื้อผ้าก็โคตรดี กูโคตรอยากได้ ขอเขาก็ไม่ให้ เขาบอกว่าถ้าจะเอา เขาจะหักค่าตัวกูสี่พัน มึงรู้ไหมว่ากางเกงในตัวนั้นราคาตั้งสี่พันแน่ะ" มาถึงห้อง อะตอมก็เล่าความประทับใจที่มีต่อกางเกงในให้ฟัง

"รู้ดิ ก็กูใช้ยี่ห้อนี้อยู่" ผมบอกสีหน้าเรียบๆ

อะตอมทำหน้าอึ้งๆ "เหรอ เออนั่นแหละ กางเกงในบ้าอะไรวะแม่งแพงชิบหาย จ่ายค่าหอได้เลยนะมึง"

"มึงอยากได้เหรอ" ผมหันไปถาม

"เออ แต่ไม่กล้าซื้อว่ะ ว่าแต่...มึงจะซื้อเป็นของขวัญวันเกิดให้กูไหมล่ะ" อะตอมพูดทีเล่นทีจริง

"เชี่ย เกิดมากูยังไม่เคยซื้อกางเกงในให้ใครเป็นของขวัญเลยนะมึง" ผมหันไปว่า

"งั้น...ให้กูเป็นคนแรกของมึงนะ" อะตอมโน้มมาทำตากะลิ้มกะเหลี่ยใส่ผม

ผมแกล้งจะเอาสองนิ้วเจาะตามัน มันรีบหลบและหัวเราะชอบใจ สักพักมันก็ถาม "มึงอยากนั่งบนโซฟาสบายๆ ไหม นั่งรถวีลแชร์ทั้งวันเมื่อยแย่เลย"

ผมพยักหน้า ไม่ทันไรมันก็โน้มตัวมาอุ้มผมขึ้น ก่อนพาผมไปวางไว้บนโซฟานุ่มๆ วางผมเสร็จมันก็ทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ คล้ายคนหมดแรง ซ้ำยังเผลอถอนหายใจเฮือกใหญ่

"รู้อย่างนี้...กูไม่น่ารีบมีแฟนเลยว่ะ" เจ้าตัวพูดโดยไม่หันมามองผม

"เขายังไม่หายโกรธมึงอีกเหรอ ทำไมมึงไม่ไปคุยกับเขาให้เข้าใจล่ะ" ผมหันไปถาม

อะตอมถอนหายใจอีก ดูท่าจะเครียดอีกแล้ว "กูก็ผิดอยู่ดีแหละ บางทีกูก็เคยคิดนะเว้ยว่าเราต่างกันเกินไปหรือเปล่า"

ผมครุ่นคิดตาม ไม่ถึงกับเห็นด้วยซะทีเดียว "มึงกับกูก็ต่างกันนะเว้ย ต่างกันเยอะเลย คนเรามันต้องเหมือนกันขนาดไหนวะถึงจะคบกันได้"

อะตอมหันมามองผม สายตาดูครุ่นคิด "ไม่รู้ว่ะ กูรู้แต่ว่าเวลากูอยู่กับมึง กูรู้สึกสบายใจ ทั้งๆ ที่กูกับมึงก็โคตรต่างกัน แต่เวลาอยู่กับเขา...กูรู้สึกเหมือนกูต้องพยายามทำอะไรสักอย่างตลอดเวลา มันกดดันว่ะ"

ผมนิ่งเงียบ เพราะไม่รู้จะพูดต่อจากที่มันพูดยังไงดี

"ที่ไอ้อินมันพูดเมื่อกลางวันน่ะ มึงอย่าคิดมากนะเว้ย" อยู่ดีๆ อะตอมก็กระโดดมาอีกเรื่อง สงสัยมันคงจะรู้ว่าผมแอบคิดอะไรบางอย่าง

"เออ กูเจอคำพูดแบบนี้มาเยอะแล้ว ไม่ชินหรอก แต่พอทนได้" ผมยิ้มยืนยัน

อะตอมทำหน้าเห็นใจ แต่ก่อนที่เราจะคุยเรื่องเครียดๆ กันต่อ ผมก็ชิงเปลี่ยนเรื่องซะก่อน "กูถามอะไรมึงหน่อย"

"อะไร"

"มึงยังอยากมีรูมเมทอยู่ไหม" ผมเปรย

"อยากสิ"

"งั้น...มึงมาอยู่กับกูไหม" ผมตัดสินใจชวนตรงๆ

"ไม่มีตังค์จ่ายหรอก ห้องมึงใหญ่ขนาดนี้" อะตอมนิ่วหน้า ท่าทางดูเกรงใจ

"เดือนห้าพันพอไหวไหม ส่วนน้ำไฟ ช่วยกันจ่าย"

"มันก็พอไหวอยู่ แต่...กูเกรงใจเว้ย จะจ่ายห้าพันได้ไงวะ ห้องเบ้อเร่อเบ้อร่า ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวกูลองหาที่อื่นละกัน" อะตอมยังคงเกรงใจอยู่

"มึงไม่อยากอยู่กับกูเหรอ" ผมถามสวนไป

เพื่อนนายแบบของผมอึ้ง ก่อนรีบแก้ตัว "ไม่ใช่อย่างนั้น ทำไมกูจะไม่อยากอยู่กับมึงวะ แต่กูไม่อยากเอาเปรียบมึงเว้ย"

"กูคุยกับแม่แล้ว แม่กูโอเค แต่ถ้า...มึงไม่อยากอยู่ก็ไม่เป็นไร" ผมอดทำท่าน้อยใจไม่ได้ ดูเหมือนจะเป็นไปโดยอัตโนมัติ

อะตอมนิ่งคิด คล้ายกับกำลังชั่งใจ สักพักมันก็เอาข้อศอกมาแตะๆ ข้อศอกผม "กัปตัน...กูไม่ได้รังเกียจมึงนะเว้ย ห้ามคิดเด็ดขาด เมื่อวานก็แก้ผ้าอาบน้ำด้วยกันอยู่ไม่ใช่เหรอ ความจริง...กูก็ว่าจะถามมึงเรื่องนี้ตั้งนานแล้วแหละ แต่กูไม่กล้า"

"ตกลงมึงจะเอาไง อยู่หรือไม่อยู่" ผมถามกึ่งคาดคั้น

"อยู่ดิ" อะตอมรีบตอบเหมือนกลัวผมจะเปลี่ยนใจ

"ถ้ามึงจะมาเป็นรูมเมทกู มึงต้องตกลงและยอมรับเงื่อนไขกับกูสามข้อก่อน" ผมพูดเสียงจริงจัง

"สบาย ว่ามาเลย" อะตอมพูดยิ้มๆ

"ข้อแรก ห้ามซกมก ห้ามทำห้องรก กูไม่ชอบคนซกมกอย่างรุนแรง"

"อุ้ย" อะตอมสะดุ้งเล็กน้อย

"ข้อที่สอง ห้ามพาผู้หญิงมานอนในห้องทุกกรณี"

คราวนี้มันหน้าเหวอและโอดครวญ "หา! แล้วมึงจะให้กูไปไหนวะ บอกไว้ก่อน กูงกนะเว้ย ไม่เคยจ่ายค่าโรงแรมเพราะเรื่องพวกนี้หรอก"

ผมทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ "เรื่องของมึง ให้คู่ขามึงจ่ายดิ ไม่งั้นก็ไปทำในสวน ใต้ต้นไม้ ในห้องน้ำ หรือไปคอนโดเขา มีที่เยอะแยะ แต่ห้ามใช้ห้องนี้เว้ย"

"แม่งโหดว่ะ" อะตอมบ่นอุบ แต่สีหน้าก็ยิ้ม

"ข้อที่สาม โหดกว่านี้อีก" ผมเกริ่นเรียกความสนใจ

อะตอมสะดุ้งอีกครั้ง "โหดกว่านี้อีกเหรอ! อะไรวะ"

"ห้ามหลงรักกู!" ผมพูดเสียงหนักแน่น

อะตอมหน้าตาเลิ่กลั่ก สักพักก็สบถ "เชี่ย!!! กูเนี่ยนะจะหลงรักมึง ผู้ชายนะเว้ย"

"ไม่รู้เว้ย ก็กูเคยเจอนี่หว่า ว่าแต่มึงจะตกลงทั้งสามข้อหรือเปล่า" ผมยกยิ้มมุมปาก หน้าเหวอๆ ของมันตลกดี

"เออ ก็ได้วะ" อะตอมรับปากเสียงอ่อยๆ แต่สักพักก็ยิ้มกว้าง แววตาดูซาบซึ้ง "ขอบใจมึงมากนะเว้ย กูจะพยายามรบกวนมึงให้น้อยที่สุด ให้กูนอนในห้องน้ำหรือโซฟาก็ได้นะ เรื่องทำความสะอาดบ้านกูก็เก่งนะเว้ย ทำเป็นทุกอย่าง ซักผ้า ล้างจาน กวาดบ้าน ถูบ้าน ทำกับข้าวก็ได้ เดี๋ยวกูจะดูแลมึงเอง"

"ไม่ต้องขนาดนั้น" ผมหัวเราะ

"เหอะน่า ให้เป็นหน้าที่กูละกัน ค่าห้องห้าพันใช่ไหม ค่าแรงกูก็อีกซักห้าพัน รวมเป็นหมื่นหนึ่งพอดีเลย"

แม้อะตอมพูดให้ฟังดูตลก แต่ผมรู้ว่ามีความหมายแฝงในนั้น ผู้ชายคนนี้ไม่ชอบเอาเปรียบใคร ถึงงกแต่ก็ยุติธรรม

"เฮ้ย มึงใส่เกงในดีจีจริงเหรอ กูขอดูหน่อยดิ" อยู่ๆ อะตอมก็เปลี่ยนเรื่องและทำหน้าทะลึ่งใส่ผม

"ไม่เอา" ผมทำท่าจะเขยิบหนี

"น่า ขอดูหน่อย กูเห็นของมึงหมดแล้ว จะอายทำไม" มันว่า จากนั้นมันก็เอามือเลิกเสื้อนักศึกษาผมขึ้น ทำท่าจะถอดกางเกงผมออก ผมพยายามป้องกันตัวเอง แต่ไม่จริงจังนักเพราะรู้ว่ามันหยอกเล่น ผมปล่อยให้มันถกขอบกางเกงผมลง พอเห็นขอบกางเกงในผมมันก็หยุด

"เออ จริงด้วย"

อยู่ๆ เราก็เผลอสบตากันอีกแล้ว จะกี่ครั้งที่สบตากันก็เห็นแต่ความหวั่นไหวในนั้น คำถามก็เต็มหัวไปหมด ไม่นานอะตอมก็หันหน้าไปทางอื่น สักพักก็ค่อยๆ เอนตัวมาซบไหล่ผม สีหน้ามันแลดูเศร้าอีกแล้ว

"กูรู้สึกอย่างนี้จริงๆ นะกัปตัน กูไม่น่ารีบมีแฟนเลยว่ะ"

สิ่งที่อะตอมพูดคงมีความหมายสำคัญบางอย่าง แต่พอผมนึกถึงคำพูดของไอ้อินเมื่อกลางวันแล้ว ผมก็ไม่อยากรู้ความหมายที่แอบซ่อนในคำพูดนั้น เพราะแค่พิการอย่างเดียวชีวิตก็ยากแล้ว ถ้าเป็นเกย์ด้วยคงไปกันใหญ่



TBC



// ฝากแสดงความคิดเห็นกับตัวละคร/ฉาก/เหตุการณ์/ความประทับในตอนนี้ด้วย ถ้าถูกใจ อย่าลืมกดบวกคะแนน/บวกเป็ด/หรืออื่นๆ ตามศรัทธา ขอบคุณที่ติดตามครับ ใครอยากติดตามความเคลื่อนไหว เชิญที่เพจ "นิยายวายละมุน" HuskyLover ได้นะครับ
​// คาดว่าตอนต่อไปจะมาวันศุกร์นะครับ ช่วงนี้หมดสงกรานต์แล้ว คงยุ่งๆ เหมือนเดิม :)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-11-2017 10:38:25 โดย HuskyLover »

ออฟไลน์ wutwit

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 259
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-2
อะตอมให้เคลียร์ตัวเองให้ชัดเจนก่อนเดินต่อนะ ชอบกัปตันอะไม่รู้น้องพิการเพราะอะไร แต่อยากให้กลับมาเดินได้มากๆๆๆๆๆๆๆ :mew1: :mew1: :กอด1:

ออฟไลน์ ชมรดา

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 99
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1

ออฟไลน์ HuskyLover

  • นิยาย "วาย" ละมุน
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 95
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-3
ขอบคุณค่ะ

อยากฟังความคิดเห็นน่ะครับ ถ้าสะดวกนะครับ :)

ออฟไลน์ silverspoon

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +275/-12
ชอบค่ะ ละมุนมาก สิ่งที่อินทำทรามมาก ไม่ใช่แค่ปากหมา นี่คือการรังแกกันเเล้ว

ออฟไลน์ Rosary

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 16
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ชอบอ่านนิยายแนวนี้มากกกก :hao5: น้องอะตอมต้องเคลียร์ตัวเองก่อนนะ :m15:
อยากอ่านต่อไวไวจัง 555555 :hao6: :katai4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ohm

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 424
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-2
ชอบนิยายแนวนี้เหมือนกัน
อ่านแล้ว รู้สึกอบอุ่นดี เหมือนได้ที่พักสมองพักใจ
รออ่านตอนต่อไปนะคับ ^^

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4992
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
น่าจะเคลียร์ความรู้สึกตัวเองได้แล้วนะอะตอม
เพราะถ้าอะตอมรักอุ้มจริงจะไม่มีทางคิดเลยว่าตัวเองไม่น่ามีแฟน

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ hibatsumoe

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 211
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
อยากให้อะตอมไปเคลียร์ตัวเองเร็วๆ
นี่นั่งเดาไปร้อยแปดว่าน้องกัปตันเป็นอะไรถึงเดินไม่ได้
รอเฉลยๆ :katai5:

ออฟไลน์ everlastingly

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 476
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
 :pig4: รอติดตามตอนต่อไปนะ เนื้อเรื่องมันดูสนุกๆ นะ แต่ก็แอบหงุดหงิดกับความครึ่งๆ กลางๆ

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ Roman chibi

  • Death is not the end. Death can never be the end. Death is the road. Life is the traveller. The soul is the guide.
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-3
สนุกดีค่ะ รอตอนต่อไปอยู่นะคะ :katai4:

ออฟไลน์ fahsai

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 815
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-2
อินปากแบบนี้ระวังไม่ได้แก่ตายนะ ปากเสียจริงๆ
ส่วนนายอะตอมไปเคลียร์ตัวเองก่อนเลย

ออฟไลน์ HuskyLover

  • นิยาย "วาย" ละมุน
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 95
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-3
ตอนใหม่พร้อมแล้ว ขออีก 1 คอมเมนต์นะครับ มันจะได้ไม่อยู่หน้าเดียวกัน :)

ออฟไลน์ ohm

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 424
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-2

ออฟไลน์ darling

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1741
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-7
กัปตันอย่าใจอ่อนถึงอะตอมจะอ่อยบ่อยๆก็เถอะ  :3123:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด