Cr. Pic [F.GC]
say-hi ในทวิตเตอร์ ฝากติด
#พี่กันต์สายอ่อย ด้วยนะคะ
บท04 l “ชนกันต์ กิจไพศาลกุล”✥ ✥ ✥ ต่อค่ะ 100% ✥ ✥ ✥
“พวกหลอดไฟก็ยังมีอยู่นี่ กูว่าเอาไฟมาทำเป็นสถูปกับอักษรก็น่าจะสวยนะ ส่วนถ้าพวกมึงจะเล่นไฟเย็นก็เล่น เดี๋ยวเว้นพื้นที่เอาไว้จะได้ไม่เป็นอันตรายกับน้องๆ ด้วย” เสียงพูดคุยดังขึ้นภายในห้องเรียนที่ตอนนี้กลายเป็นห้องประชุมของเหล่านักศึกษาปีสองปีสามไปแล้ว
หลังจากปล่อยน้องปีหนึ่งกลับเรียบร้อยพวกเขาจึงมารวมตัวกันเพื่อประชุมถึงงานต่างๆ ที่จะเกิดขึ้น ซึ่งงานที่ใกล้จะถึงในเร็ววันนี้ก็คงคืองานมอบรุ่นให้กับน้องปีหนึ่ง พวกรุ่นพี่เลยต้องมาประชุมกันแบบนี้แล้วค่อยเอาไปคุยกับปีสี่ปีห้ารวมไปถึงอาจารย์
“พวกผมว่าก็ดีนะพี่ ยังจำได้เลยตอนที่เห็นไฟสถูปติดขึ้นมานะ โคตรสวยเลยพี่ ผมว่าน้องๆ ก็น่าจะชอบนะ”
“แล้วก็พวกกระดาษโปรย เตรียมเอาไว้ให้พอ ตอนถ่ายรูปออกมาต้องสวยนะมึง ไม่อย่างนั้นเสียชื่อคณะเราหมด”
“แล้วก็กวาดกันแทบตายจนเกือบเช้าต่อ...”
“เออน่า... เดี๋ยวก็ช่วยๆ กันไง แค่นี้ทำกันได้อยู่แล้วนี่ ว่าแต่ไอ้เหนือเดือน มีอะไรจะเสริมอีกไหมครับ เดี๋ยวจะได้ปล่อยน้องๆ ให้แยกย้ายกันไปพัก”
คนถูกถามเงยหน้าขึ้นจากกระดาษตรงหน้าที่เจ้าตัวกำลังตั้งอกตั้งใจวาดอยู่ “ก็... ไม่มีอะไรแล้วล่ะ ก็เอาตามที่พวกมึงว่ากันนั่นแหละ”
“แล้ว... นั่นน่ะ เรียบร้อยยังวะ” ไข่เจียวถามพลางพยักเพยิบไปยังสิ่งที่กันต์กำลังทำค้างไว้อยู่
“พรุ่งนี้ก็เสร็จ ถ้าเสร็จแล้วเดี๋ยวแสกนส่งให้ จะได้เอาไปสั่งทำที่ร้านได้เลย”
“โอเค... อย่างนั้นวันนี้เริ่มเลยแล้วกันนะ หลังจากนี้ก็... ตามแผนเดิมที่เคยวางเอาไว้นะ วันนี้แยกย้ายได้” พอพูดจบเหล่าปีสองก็พากันยกมือไหว้ก่อนจะทยอยออกจากห้องไป เหลือแต่บรรดาปีสามที่ยังนั่งคุยกันอยู่อีกสักพักก่อนจะแยกย้ายกันกลับ
“เอ่อ ว่าแต่มึงรู้ได้ยังไงวะว่าวันนั้นปีหนึ่งนัดกัน นี่ดีนะที่มึงรู้แล้วโทรหาพวกปีสอง ไม่อย่างนั้นถ้าพวกรุ่นพี่รู้ว่าปล่อยให้ปีหนึ่งนัดแล้วไม่มีคนมาคอยดูแลนี่คงโดนเล่นแน่” ป่าไม้หันมาถามระหว่างที่พวกเขาเดินไปที่รถ
“อ่อ... พอดีกูได้ยินปีหนึ่งคุยโทรศัพท์ก็เลยโทรไปหาพวกไอ้นัท ให้มันไปดูให้ทีว่านัดกันจริงหรือเปล่า” กันต์ตอบ
“บังเอิญดี”
“อือ... บังเอิญดี อยู่คอนโดเดียวกัน ชั้นเดียวกัน ห้องถัดไปไม่กี่ห้อง” กันต์ว่าพลางนึกไปถึงเด็กปีหนึ่งที่แลบลิ้นปลิ้นตาใส่เขาลับหลัง โดยที่เจ้าตัวไม่รู้เลยว่าเขาเห็นทุกอย่างหมดแล้ว
“หือ... หมายถึงใคร เด็กปีหนึ่งน่ะเหรอ” ดิวเลิกคิ้วขึ้นถาม มองหน้าเพื่อนอย่างงงๆ อยู่ๆ ก็อมยิ้มอะไรก็ไม่รู้
“นี่กันต์ อย่าอมยิ้มแบบนั้นมันโรคจิต ถ้าตอนถอดรูปแล้วทำน่ะสาวๆ เห็นคงหลงเสน่ห์ แต่ตอนนี้ยังไม่ได้ถอดรูปมันโรคจิต!” ใบบัวหันมาว่า ยกมือตีแขนเพื่อนไปทีเพราะนอกจากจะไม่หยุดอมยิ้มแล้วยังหันมาแสยะยิ้มใส่สองสาวให้ร้องโวยวาย
กันต์หัวเราะชอบใจที่ได้แกล้งสองสาวประจำกลุ่ม โดนขนมตุบตับจากใบบัวแล้วก็ใยไหมไปคนละตุบสองตุบ
พวกหนุ่มๆ เดินไปส่งสองสาวที่รถ ใบบัวกับใยไหมอยู่หอเดียวกันเป็นรูมเมทกัน สองคนนี้เลยมักจะไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด ปกติก็จะมีดิวอีกคนที่อยู่หอเดียวกัน สองสาวก็มักจะติดรถของดิวเข้ามหา’ลัยตลอด แต่วันนี้ไม่ได้มาพร้อมกัน พวกเขาเลยเดินมาส่งสองสาวที่รถก่อน
“ขับรถกันดีๆ นะ ถึงห้องแล้วไลน์บอกในกลุ่มด้วย เดี๋ยวให้ไอ้ดิวขับตามหลังไป” ไข่เจียวว่า มันเป็นปกติไปแล้วที่เขาจะคอยดูแลสาวๆ ในกลุ่ม ที่จริงก็รวมไปถึงผู้หญิงทุกคนในคณะ ทั้งรุ่นพี่รุ่นน้อง คงเป็นเพราะโดนสอนมาแบบนี้ ถึงแม้จะสนิทกันแบบเล่นหัวได้ไม่ต้องเกรงใจ แต่ก็จะคอยดูแลตลอด
“จ้าๆ เอาไว้พรุ่งนี้เจอกัน ขับรถกันดีๆ ล่ะ” ใยไหมว่าก่อนจะพากันขึ้นรถไป ยืนดูจนแน่ใจว่าสาวๆ ขับรถออกไปแล้วละดิวเองก็ขับตามรถสาวๆ ไปแล้วนั่นแหละถึงได้แยกย้ายกัน
กันต์หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเมื่อได้ยินเสียงแจ้งเตือน เป็นพ่อคินส่งข้อความมาหาเขา
“มึง... กูเพิ่งนึกขึ้นได้ว่ะ พรุ่งนี้กูคงลงวินัยไม่ได้ ลืมไปว่าพรุ่งนี้วันครบรอบ”
“ครบรอบ... อ่อ...” ไข่เจียวทำหน้างงก่อนจะร้องออกมาเมื่อนึกขึ้นได้ “ไม่เป็นไรมึง”
“เออ เดี๋ยวพวกกูจัดการเอง” ป่าไม้ว่า ยกมือตบไหล่เพื่อน
“ขอบใจมาก งั้นแยกย้ายกันเถอะ ขับรถกันดีๆ นะโว้ย” ยกมือให้เพื่อนทั้งสองคนก่อนจะแยกเดินไปขึ้นรถแล้วขับกลับคอนโดของตัวเองบ้าง
กันต์ขับรถเข้าไปจอดในที่จอดรถของตัวเองจัดการล็อครถเรียบร้อยก็เดินไปขึ้นลิฟต์ จังหวะเดียวกับที่เด็กปีหนึ่งที่อยู่ชั้นเดียวกันกับเขาเดินมากับเพื่อนสนิทในกลุ่ม ทั้งสองคนชะงักไปทันทีที่เห็นเขา คงกำลังลังเลว่าจะทำอย่างไรต่อไป จะเดินหนีก็คงไม่กล้าเพราะเขาเองก็เห็นทั้งสองคนนั้นแล้ว
“เข้ามาสิ” กันต์เรียกทั้งสองคนที่ยืนละล้าละลังอยู่ให้เข้ามาในลิฟต์
ทำอะไรไม่ได้นอกจากต้องเดินเข้าไป “ชั้นไหนกัน”
“ชั้นแปดครับ” เดียร์ตอบ คำตอบนั้นทำให้กันต์เลิกคิ้วขึ้นเพราะเจ้าเด็กปีหนึ่งคนนี้อยู่ชั้นเดียวกันกับเขาคือชั้นสิบสอง แต่ดูท่าแล้วชั้นแปดคงเป็นห้องของเพื่อนมากกว่า
กันต์กดลิฟต์ชั้นที่เดียร์ตอบก่อนที่เขาจะขยับไปพิงผนังลิฟต์ ปล่อยให้เด็กปีหนึ่งทั้งสองคนยืนอยู่ด้านหน้า มองทั้งสองคนตบตีถกเถียงอะไรกันสักอย่าง เห็นเจ้าเด็กปีหนึ่งที่ชอบวิ่งชนคนเขาไปทั่วคว้ากระเป๋ามากอดเอาไว้ พร้อมกับแยกเขี้ยวใส่เพื่อน แต่พอเหลือบมาเห็นเขาก็สะดุ้งโหยงก่อนจะพากันออกจากลิฟต์ไปเมื่อประตูลิฟต์เปิดออกที่ชั้นแปด
เขาส่ายหน้าขำๆ กับท่าทางของทั้งสองคน เหมือนจะกลัว แต่ก็ดูกลัวไม่สุด เห็นแล้วน่าหมั่นไส้อย่างบอกไม่ถูก
กันต์ปิดประตูห้องของตัวเองก่อนจะหยิบโทรศัพท์ออกมากดโทรออกหาพ่อคินที่ส่งข้อความมาแล้วเขายังไม่ได้ตอบอะไรกลับไป “พ่อคินครับ”
[ครับ กลับถึงห้องแล้วเหรอ]
“ใช่ครับ พรุ่งนี้พ่อคินจะไปกันตอนกี่โมงครับ ผมจะได้ไปถูก”
[อ้าว... มาได้เหรอ ไม่ต้องไปดูน้องๆ หรือยังไง ถ้าไม่สะดวกก็ไม่เป็นอะไรนะ เอาไว้ไปทำบุญวันหลังก็ได้นะครับ]
กันต์หันไปมองที่โต๊ะทำงานของตัวเอง ก่อนจะตอบพ่อคินกลับไป “ผมไปได้ครับ ไม่เป็นอะไร อีกอย่างผมก็ทำของขวัญเสร็จแล้วด้วยอยากจะเอาไปให้พรุ่งนี้เลย”
[โอเคครับ อย่างนั้นก็เดี๋ยวพรุ่งนี้เย็นเจอกันนะครับ]
“ครับพ่อคิน พรุ่งนี้เจอกันครับ” วางโทรศัพท์เครื่องสวยลงบนโต๊ะก่อนจะหยิบกรอบรูปที่วางอยู่บนโต๊ะทำงานขึ้นมา เป็นภาพบ้านหลังหนึ่งที่เขาออกแบบแล้วก็วาดลงสีเอง ใช้เวลาทำอยู่นานเลยกว่าจะเสร็จเพราะเขาอยากจะทำออกมาให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้
เสียงของอาจารย์ที่ดังอยู่หน้าชั้นเรียนเหมือนยานอนหลับชั้นดีสำหรับนักศึกษาในช่วงบ่ายเช่นนี้ หาวแล้วหาวอีก หาวจนตาจะปิดเวลาก็ยังไม่ขยับไปไหนสักที กันต์ได้แต่นั่งท้าวคางอย่างเบื่อๆ เขาอยากให้หมดคาบเร็วๆ สักที
“ไอ้กันต์ เย็นนี้มึงไม่ลงใช่ไหม” ดิวหันไปถาม
“อือ เดี๋ยวหมดคาบนี้กูก็ไปแล้วล่ะ ฝากดูน้องๆ ด้วยแล้วกันนะ” หันไปตอบเพื่อนก่อนจะหยิบกระดาษในกระเป๋ามาส่งให้ “อันนี้เสร็จแล้ว เอาไปให้พวกตี๋ทำต่อได้เลย”
“โอเค เดี๋ยวจัดการให้”
“อือ กูไปก่อนนะ” กันต์ว่าก่อนจะหยิบกระเป๋ามาสะพายหลังจากที่อาจารย์ปล่อยคลาสพอดี เขาโบกมือให้เพื่อนก่อนจะรีบเดินออกจากห้องไป
รถคันสวยแล่นออกจากมหาวิทยาลัยเพื่อตรงกลับไปที่บ้าน วันนี้เป็นวันเกิดของพ่อศรัณย์ของเขา เขากับพ่อคิน มัมพัทธ์รวมไปถึงน้องแพรเลยจะไปหาพ่อศรัณย์กัน แม้ว่าตอนเช้าที่พ่อคินกับมัมพทธ์ไปทำบุญเขาจะไม่ได้ไป แต่เขาก็อยากจะไปหา ไปไหว้พ่อศรัณย์อยู่ดี
นอกจากวันนี้จะเป็นวันเกิดของพ่อศรัณย์แล้ว ยังเป็นวันที่พ่อศรัณย์จากเขาไปเพราะโรคร้าย เมื่อประมาณสี่ปีก่อน กว่าจะตรวจเจอก็เข้าสู่ระยะสุดท้ายแล้วแต่ถึงอย่างนั้นพ่อศรัณย์ก็ยังสู้ และอยู่ด้วยกันกับเขาอีกเกือบปีก่อนจะจากไปอย่างสงบ ในเวลานั้นเขาลอยเคว้งไปทันที โชคดีที่มีพ่อคิน มัมพัทธ์แล้วก็น้องแพรอยู่ข้างๆ ถึงได้ผ่านเวลานั้นมาได้ ตอนแม่จากไปเขายังเด็กเลยไม่รู้ว่าความรู้สึกที่ต้องสูญเสียนั้นเป็นยังไง พอมาเจอกับตัวก็ตั้งรับไม่ทัน
“พี่กันต์” เสียงใสร้องมาก่อนตัวเมื่อกันต์เลี้ยวรถเข้าไปจอดในบ้าน น้องสาวคนสวยวิ่งกระโดดมาหาทันทีก่อนจะโผเข้ากอดพี่ชายสุดที่รัก “น้องแพรคิดถึงพี่กันต์”
“พี่กันต์ก็คิดถึงน้องแพรค่ะ” กอดน้องสาวแน่นๆ ไปทีอย่างคิดถึง ไม่ได้เจอกันเดือนกว่าๆ
“หนวดเคราพี่กันต์ยาวแล้ว ยังโกนไม่ได้อีกเหรอคะ”
“ใช่ค่ะ ยังรับน้องไม่เสร็จเลย แต่อีกเดี๋ยวก็ได้โกนแล้วค่ะ ป่ะ เข้าไปในบ้านดีกว่าพ่อคินกับมัมอยู่ไหนกันคะเนี่ย” กันต์ชวนน้องสาวเข้าไปในบ้าน
“กำลังรอพี่กันต์อยู่นี่แหละค่ะ วันนี้ที่โรงเรียนน้องแพรได้ปักผ้าเช็ดหน้าด้วย น้องแพรตั้งใจจะเอาไปให้ลุงศรัณย์ด้วยค่ะ มีของพี่กันต์ด้วยนะน้องแพรทำไว้ให้”
“จริงเหรอคะ ดีใจจัง ขอบคุณนะคะ” ยีผมน้องสาวไปทีอย่างรักใคร่ ก่อนจะเดินตรงเข้าไปกอดมัมพัทธ์อย่างคิดถึง “มัม สวัสดีครับ คิดถึงจัง”
มัมพัทธ์ยกมือกอดตอบลูกชายตัวโต ที่ขนาดโตขนาดนี้แล้วก็ยังจะชอบอ้อนเป็นน้องกันต์หัวเห็ดอยู่อีก “ขับรถมาเหนื่อยไหมครับ”
“เห็นหน้ามัมก็หายเหนื่อยแล้วครับ เฮ้อ... คิดถึงมัมที่สุดเลย” ผละออกมาอ้อนก่อนจะกอดมัมพัทธ์อีกรอบเสียแน่นจนอีกฝ่ายต้องยกมือตีแขนลูกชายไปที
“กอดมัมแน่นขนาดนั้นเดี๋ยวมัมก็หายใจไม่ออกหรอกน้องกันต์” เสียงของพ่อคินดังขึ้นให้คนที่กำลังกอดมัมพัทธ์ผละออก เจ้าตัวยกมือไหว้พ่อคินก่อนจะเดินเข้าไปกอดอีกฝ่าย
“สวัสดีครับพ่อคิน”
“สวัสดีครับ ไป... เราไปกันดีกว่าเดี๋ยวจะได้กลับมากินข้าวกัน วันนี้พ่อคินเตรียมทำข้าวผัดคุณหมีเอาไว้ด้วยนะ”
กันต์หัวเราะก่อนจะพยักหน้ารับ ทุกครั้งเวลาที่กลับมาบ้านหลังจากที่ไม่ได้กลับมาสักระยะ เมนูต้อนรับจากพ่อคินก็มักจะเป็นข้าวผัดคุณหมีเสมอ เป็นเมนูที่แสนโปรดปรานของเขามาตั้งแต่เด็กๆ จนตอนนี้อยู่ปีสามแล้วเขาก็ยังชอบข้าวผัดคุณหมีฝีมือพ่อคินเสมอ
กันต์อาสาเป็นคนขับรถเอง โดยมีสาวน้อยอย่างน้องแพรนั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถคู่กัน ส่วนพ่อคินกับมัมพัทธ์ก็นั่งอยู่ที่เบาะหลัง
พวกเขาไปวัดใกล้ๆ บ้าน พ่อศรัณย์อยู่ที่นั่นรวมไปถึงแม่พราวด้วย เพราะเป็นวัดใกล้บ้านใช้เวลาไม่นานก็มาถึง กันต์ถือกรอบรูปที่เป็นของขวัญจะให้พ่อศรัณย์ลงจากรถก่อนที่พวกเขาจะพากันเดินไปเจดีย์ที่บรรจุอัฐิของพ่อศรัณย์แล้วก็แม่พราวเอาไว้
พ่อคินกับมัมพัทธ์ให้น้องแพรเข้าไปไหว้ก่อน ก่อนจะปล่อยให้กันต์ใช้เวลาอยู่กับพ่อแม่ตามลำพังเหมือนอย่างทุกปี เป็นการอยู่พร้อมกันของพ่อแม่ลูกที่ไม่สามารถทำอะไรร่วมกันได้
กันต์วางพวงมาลัยที่มัมพัทธ์เตรียมเอาไว้ให้ลงที่หน้าป้ายชื่อของพ่อกับแม่ ก่อนจะขยับตัวลงนั่งอยู่หน้าเจดีย์นั้น เขาวางกรอบรูปพิงฐานเจดีย์เอาไว้ ตอนเด็กพ่อศรัณย์ถามเขาว่าเขาอยากเรียนอะไร เขาก็บอกไปว่าอยากออกแบบบ้าน เขาจะสร้างบ้านที่ให้เขา พ่อศรัณย์ พ่อคิน มัมพัทธ์ น้องแพร รวมไปถึงตากับยายมาอยู่ด้วยกัน แล้วก็จะพาแม่พราวมาอยู่ด้วย
เขายังจำได้... พ่อศรัณย์ยิ้มกว้างแล้วก็สนับสนุน บอกเขาว่าจะรอดูบ้านหลังนั้น แล้วคราวนี้พวกเขาก็จะได้อยู่กันแบบพร้อมหน้าพร้อมตา
“ตอนเด็กๆ ผมตั้งใจจะออกแบบบ้านหลังใหญ่ๆ พวกเราทุกคนจะได้มาอยู่ด้วยกันได้ แต่ตอนนี้ผมเปลี่ยนใจแล้วครับ บ้านหลังนี้ที่ผมออกแบบหลังมันเล็กน้อย แต่ผมว่าพ่อกับแม่น่าจะอยู่ด้วยกันได้อย่างสบายเลย” กันต์พูด มองรูปบ้านทรงไทยที่เขาวาดออกแบบเอง
“พ่อเคยเล่าให้ฟังว่าแม่ชอบบ้านไทยๆ ไม่ต้องหลังใหญ่มากแต่ชอบสวน ผมก็เลยออกแบบบ้านหลังนี้มา จัดสวนให้แม่เยอะเลยครับ แม่คงใช้เวลาทั้งวันดูแลสวนแน่นอน”
“ผมขอบอกพ่อกับแม่อีกครั้งนะครับว่าผมสบายดี ไม่ต้องห่วงผม ผมมีพ่อคิน มัมพัทธ์ น้องแพร คุณตาคุณยาย แม้ว่าผมจะเสียใจที่เรายังไม่ได้อยู่พร้อมหน้ากันก็ตาม แต่ผมก็ดีใจนะเพราะตอนนี้พ่อคงอยู่กับแม่แล้ว แม่คงมีความสุขที่ได้อยู่กับพ่อ”
“ถึงแม้ว่าผมจะจำแม่ไม่ได้เลย ถึงแม้ว่าเวลาที่ผมได้อยู่กับพ่ออาจจะไม่ใช่ทั้งหมด แต่ผมก็ขอบคุณที่พ่อกับแม่ทำให้ผมเกิดมา ขอบคุณมากนะครับ” กันต์ยกมือไหว้ขอบคุณ เขาไม่เคยนึกน้อยใจในโชคชะตาของตัวเองที่ตั้งแต่เกิดมาจะไม่ได้อยู่กับพ่อแล้วก็แม่ที่แท้จริง แต่เขารู้สึกขอบคุณ... ขอบคุณที่เขาได้เกิดมา ได้เจอมัมพัทธ์ ได้เจอพ่อคิน แล้วก็มีโอกาสได้รู้จัก ได้เจอพ่อแท้ๆ ของเขา แม้จะอยู่ด้วยกันไม่ได้นาน แต่ช่วงระยะเวลาที่ได้อยู่ด้วยกันกับพ่อศรัณย์มันก็เป็นความสุขที่สุดในชีวิตของเขา
กันต์นั่งคุยกับพ่อแม่อีกพักก็ลุกขึ้น ท้องฟ้าทอประกายสีส้มเพราะพระอาทิตย์ใกล้ลาลับขอบฟ้าแล้ว เขาอวยพรขอให้พ่อกับแม่มีความสุขในภพภูมิที่อยู่ ก่อนจะเดินไปหาความสุขของเขาที่ยืนรออยู่ที่รถ เขาสบายดี เขามีความสุขดี เพราะเขายังมีครอบครัวที่อบอุ่นอยู่กับเขาตรงนี้
“ไม่อยู่ต่ออีกหน่อยเหรอ” มัมพัทธ์เอ่ยถามเมื่อเห็นลูกชายเดินกลับมา
กันต์ส่ายหน้า “ไม่แล้วล่ะครับ ให้พ่อกับแม่สำรวจบ้านที่ผมออกแบบไว้ดีกว่า อีกอย่าง... ผมอยากกลับไปกินข้าวผัดคุณหมีฝีมือพ่อคินแล้วด้วย”
“โอเค อย่างนั้นเรากลับไปกินข้าวผัดคุณหมีกันดีกว่า” พ่อคินพูด ก่อนที่พวกเขาจะพากันขึ้นรถเพื่อขับกลับไปที่บ้าน “คืนนี้นอนค้างที่บ้านไหมน้องกันต์”
“ค้างครับ พรุ่งนี้มีเรียนบ่าย ผมค่อยกลับตอนเช้าก็ยังทันไม่ได้นัดน้องๆ ด้วย”
“อย่างนั้นคืนนี้น้องแพรขอไปนอนกับพี่กันต์นะคะ” น้องแพรหันมาอ้อนทันที แต่ก็โดนพี่ชายทำหน้าดุใส่เสียก่อน
“โตเป็นสาวขนาดนี้แล้วจะมานอนน้องพี่ได้ยังไงกันคะ”
“นอนได้ค่ะ เพราะว่านอนด้วยกันกับพี่กันต์ พ่อคินแล้วก็มัมพัทธ์ นอนด้วยกันสี่คนเลยนะคะ” หันไปทำหน้าอ้อนใส่ทุกคน
“มัมว่ายังไงครับ ลูกสาวขอมาแบบนี้น่ะ” พ่อคินหันไปถามหยอกกับคนรัก
“ก็ลูกสาวเล่นอ้อนแบบนี้ จะตอบอย่างอื่นได้ยังไงละครับนอกจากว่า ได้น่ะ” พอได้ยินมัมตอบแบบนั้นน้องแพรก็ร้องดีใจทันที
แล้วคืนนั้นทั้งสี่คนก็นอนเบียดกันอยู่บนที่นอนที่ลากมาปูบนพื้นในห้องนั่งเล่น เพราะไม่สามารถไปนอนเบียดกันบนเตียงได้หมด
************************************************
พาพี่กันต์มาหาแล้วค่ะ พร้อมฉากสะเทือนอารมณ์(หรือเปล่า)นิดหน่อย เผื่อใครที่สงสัยว่าพี่กันต์กับพ่อศรัณย์เป็นยังไงบ้าง ตอนนี้ก็เฉลยแล้วนะคะว่าพ่อศรัณย์ไปไหน คือที่ยังไม่มีบทพี่กับน้อนเจอกันเนี่ยเป็นเพราะว่าฟางอยากจะเล่าถึงเรื่องราวของแต่ละคนก่อนว่าเป็นยังไง ตอนน้อนอยู่กับพี่ฮาร์ทเป็นยังไง อยู่กับแด๊ดมัมเป็นยังไง พี่อยู่กับเพื่อเป็นยังไง อยู่กับพ่อคินมัมพัทธ์เป็นยังไง เพราะครอบครัวของทั้งสองคนเป็นส่วนสำคัญที่หล่อหลอมให้ทั้งสองคนเป็นอย่างที่เป็นอยู่ ก็เลยขอไปพูดถึงนิดหนึ่ง ให้คุยกับที่บ้าน ไปเจอที่บ้าน
แต่เดี๋ยวตอนจากนี้พี่กับน้อนจะได้รู้จักกันมากขึ้นแล้วล่ะค่ะ ยังไงก็ฝากติดตามพี่น้อนคู่นี้ด้วยนะคะ
เจอคำผิด บอกได้ค่า
อ่านแล้วเมนต์หน่อยน้า ไม่งั้นพี่กันต์น้อยใจแย่เลย รักพี่กันต์เมนต์ รักน้องเดียร์เมนต์ รักคนแต่งเมนต์ ไม่รักกันก็เมนต์ค่า
สำหรับเฟสบุ๊คค่ะ https://www.facebook.com/fgc32yaoi
สำหรับทวิตเตอร์ค่ะ https://twitter.com/Fangiily_GC
เข้าไปพูดคุย สอบถาม ทวงหานิยายกันได้เลยนะคะ ยินดีตอบทุกคน ทุกข้อสงสัย(ที่ตอบได้จ้า)
รัก #พี่กันต์สายอ่อย กันเยอะๆ นะคะ กดเฟบ กดเมนต์ กดโหวด กดแชร์ แล้วแต่สะดวกเลยน๊า คนละนิดคนละหน่อยเป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ จุ๊บๆ ขอบคุณค่ะ