.
.
กี่โมงแล้ววะเนี่ย แล้วผมอยู่ไหน ผมตื่นมาด้วยความมึนปรับสภาพสติตัวเองครู่นึงก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าผมมาหาไอ้เปาที่ไม่สบาย แรงที่กอดผมคลายออกแล้วครับ ไอ้เปาพลิกตัวไปกอดหมอนข้างอีกฝั่งนึง ผมลุกขึ้นนั่งแล้วมองไปรอบๆ ห้องไอ้เปา ก่อนหน้าที่มายังไม่ได้สำรวจห้องมันเท่าไหร่เลยครับ
ห้องของไอ้เปาก็สไตล์คนล้นๆ แบบมัน มีโต๊ะอ่านหนังสืออยู่มุมนึง บนโต๊ะมีหนังสือหลายเล่มหนาๆ ทั้งนั้น ใต้โต๊ะมันก็มีกองหนังสือตั้งอยู่ ไม่นึกว่าจะอ่านเยอะขนาดนี้นะเนี่ย มันเปลี่ยนไปเยอะเลย ผมลุกขึ้นไปดูตู้หนังสือของมัน โอ้โห หนังสือทั้งไทยและต่างประเทศ ส่วนมากจะเกี่ยวกับศิลปะและทฤษฎีต่างๆ ครับ ผมไล่ปลายนิ้วไปตามสันบางเล่มนี่ของหายากจริงๆ มันเหลือบไปมองไอ้เด็กขี้เกียจไม่สนใจใครที่ตอนนี้มันพัฒนาตัวเองขึ้นมาก
เอ๊ะ นั่นมันรูปผมนี่นา เหนือจากโต๊ะหนังสือจะเป็นบอร์ดที่มันติดรูปและโน้ตไว้ ผมขมวดคิ้วเพราะรูปที่เห็นมันเป็นรูปที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อนในชีวิต ผมในเสื้อพละและกางเกงนักเรียนสีดำของโรงเรียนมัธยมถือโทรโข่งพาดไว้บนบ่าตัวเอง ผมก้มมองกระดาษบนมืออีกข้าง ด้านหลังเป็นแสตนเชียร์ที่มีน้องๆ นั่งกันอย่างเป็นระเบียบ ไอ้เปามีมันได้ยังไง ผมดึงรูปนั้นอออกหมุดพิจารณาดีๆ ก็พอจะนึกออกว่าอยู่ในช่วงกีฬามัธยม ก่อนที่ผมจะติดรูปนั้นผมบังเอิญเห็นลายมือโย้เย้อยู่ด้านหลังของภาพ
ยังเหมือนเดิมนะหัวหน้า
เป็นกำลังใจให้ด้วย
คิดถึงเสมอ
23-11-xxผมยิ้มแล้วติดรูปนั้นกลับไปที่เดิม ไอ้เปาเอ๊ยยย โคตรเด็กน้อยเลย มันกลับมาเชียงใหม่งั้นหรอตอนนั้น รอมันตื่นผมจะถามมันทุกอย่างเลย ผมหันหลังมองห้องมันอีกครั้ง การตกแต่งก็ธรรมดาครับมีรูปศิลปะของศิลปินดังๆ บ้าง บนหัวเตียงมีผ้าจากธิเบตที่มันใส่กรอบไว้ด้วย ผมทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้สายตาก็มองไปเรื่อยๆ จนไปสะดุดอยู่ที่หนังสือในตู้อีกครั้ง สังเกตดีๆ มันจะมีกระดาษโผล่ออกมาเกือบทุกเล่ม ผมคิดว่ามันคือที่คั่นหนังสือแต่มองดีๆ มันคือรูปครับ
ผมก้มลงไปหยิบมาดูสองสามเล่ม เปิดไปหน้าที่กระดาษนั่นโผล่ออกมา แล้วก็มีเรื่องให้ประหลาดใจอีกครั้ง รูปพวกนั้นมันคือรูปผมในวันกีฬานั่นแต่เปลี่ยนสถานที่ ผมรีบพลิกไปด้านหลังทันที
เชี่ย ท้อชิบหาย
อ่านยังไงก็ไม่เข้าหัว
แม่งพอ!
08-12-xxลายมือของไอ้เปาเขียนหวัดๆ ลงด้านหลังของรูป เหมือนมันจะเลิกอ่านหนังสือเตรียมสอบเล่มนี้จริงๆ ครับ แต่ไม่นานมันก็เขียนเติมไปข้างล่างด้วยปากกาอีกสีนึง
แค่นี้ก็ท้อแล้วหรอวะ พลิกกลับไปดูรูปไป
ไอ้เหี้ยเปา
อ่านต่อเว้ย มึงจะตามเค้าทันได้ไง
อ่านโว้ย!
09-12-xxถ้าจะให้ผมบอกความรู้สึกของตัวเองตอนนี้ ผมคงจะอธิบายไม่ถูกครับ ตื่นเต้น ดีใจ ทุกๆ อย่างมันอบอวลอยู่ในความคิดของผม ภาพตั้งแต่เรารู้จักกันจนถึงวันนี้ ผมรู้ว่ามันพยายามตามผมแต่ไม่คิดว่าพอได้มาเห็นและรับรู้ด้วยตัวเองแล้ว มันตื้นตันจนจะล้นออกมานอกใจ คนๆ นึงที่เปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อใครซักคนนึงมันต้องใช้พลังมากแค่ไหนกันนะ
รูปใบที่สองจากหนังสืออีกเล่มนึง เป็นรูปผมปาดเหงื่อตัวเองอยู่ตรงใต้ต้นไม้ เพื่อนข้างๆ เดินเข้ามาถามอะไรซักอย่างด้วยใบหน้าเคร่งเครียด ตอนนั้นผมจำได้ว่าถังน้ำแข็งของเรายังไม่มาถึงครับแล้วน้องๆ ไม่มีน้ำเย็นดื่ม เราต้องหารถไปขอเช่าถังอย่างด่วน จำได้ว่าตอนนั้นผมเหนื่อยมากและอยากจะทิ้งทุกอย่างไว้ตรงนั้นเลย ทุกคนเอาแต่ถามผมแต่ไม่มีใครช่วยผมคิดแม้แต่คนเดียว
มึงเหนื่อยมั้ยวะกลาง
เรียนวาดรูปวันนี้โคตรโหด
ปวดมือไปหมด
มึงทำได้ไงตั้งแต่เด็ก
มึงคือแรงบันดาลใจของกูเสมอ
14-12-xxแวบนึงที่ผมคิดถึงตอนเด็กๆ ขึ้นมา ผมได้รับเลือกให้ทำหน้าที่ต่างๆ มากมาย คิดว่าตัวเองไม่มีคนเกลียด คนที่เข้ามาเล่นด้วยก็ดูจะชอบผมกันทุกคน ให้ผมสอนวาดภาพ ไม่ก็ถามผมเรื่องการบ้าน พอผมได้รับจดหมายลูกโซ่ที่ด่าผม โลกของผมก็เริ่มกระจ่างขึ้น มาคิดๆ ดูแล้วไอ้เด็กพวกนั้นไม่เคยจริงใจกับผมซักคน ที่ให้ผมสอนวาดภาพก็อยากให้ผมวาดให้ ที่ถามการบ้านก็อยากจะลอกคำตอบ แต่แล้ววันหนึ่งความคิดผมก็เปลี่ยนไปเด็กชายปรมัตตัวผอมที่ไม่เห็นจะชอบผมซักนิด คนที่ผมชอบยัดเยียดให้มันทำกิจกรรมทำนู่นทำนี่ แล้วมันก็มักจะปฏิเสธไม่ก็เดินหนีผมไป ไอ้คนๆ นั้นคือคนที่เห็นผมเป็นแรงบันดาลใจ
ผมยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปกระดานเหนือโต๊ะอ่านหนังสือของไอ้เปา หันไปมองมันที่นอนหลับสนิทแล้วก็ระบายยิ้มเบาๆ อัพโหลดรูปที่สองลงอินสตราแกรมของตัวเอง
Khonklangขอบคุณนะแล้วก็ขอให้หายไวๆ @paramatkrikri
Msjenny งืออออ คนกลางละมุนเว่อร์
Pindao น่ารักกกกกกอะคนกลาง น่ารักแต่เด็กเลยนะคะ
Paramatfc เชียร์คู่นี้ ขอเถอะ
Mango ยังไงคะ คิดนะ #คูก้าโคอาล่ามาร์ช
Bequiet แง ขาสวยกว่าเราอีกอะ คนกลางงง กรีดร้อง
Bananaboat มีไรกันหรอ @khonklamg @paramatkrikri
Teletubbieeee @bananaboat เสือกกกกก ได้เอาคืนสบายตัวเเล้วกู
ผมกดปิดหน้าจอแล้วนั่งลงกับพื้นข้างเตียง เอียงหน้าลงกับแขนตัวเอง มองไอ้เปาที่หายใจเข้าออกไปเรื่อยๆ หลุดขำออกมาบ้างตอนที่ได้ยินเสียงมันกรนฟี้ๆ
หายไวๆ นะเว้ย
.
.
แชะ!
“อ้าวไอ้สัด ลืมปิดเสียง”
“อือ...”
“กลางเย็นแล้ว ตื่นเร็ว เมื่อยคอหมดแล้ว”
นี่ผมหลับอีกแล้วหรอครับเนี่ย ผมลืมตาขึ้นมาก็เห็นเจ้าของห้องนอนก้มหน้ามาจ้องผมตาแป๋ว หน้าตามันดูสดชื่นผมยกมือขึ้นจับหน้าผากมัน โชคดีที่มันเป็นคนแข็งแรงครับ พักผ่อนซักนิดก็ดีขึ้นแล้ว
“แข็งแรวงงง!!” มันกระดกลิ้นพูดรอเรือครับ ดีขึ้นแล้วกวนตีนเลย
“อื้อหืออ น้ำลาย” ผมทำท่าเช็ดน้ำลาย ส่วนไอ้เปาอ้าปากเหวอ
“ไม่เห็นมึงในมุมนี้เท่าไหร่เล้ย”
“ฮ่าๆ เออเห็นซะบ้าง”
“ไม่ทำตัวคูลแล้วหรอ”
“อยู่ต่อหน้ามึงไม่คีพคูลดีกว่า มา...ลุก ออกไปข้างนอกซะบ้าง อุดอู้”
พูดจบไอ้เปาก็ทำตัวอ่อนปวกเปียก ไม่ยอมให้ผมดึงตัวมันขึ้นซักที รู้มั้ยทำแบบนี้ตัวมึงจะหนักกว่าเดิมนะ อึบ ออกแรงเท่าไหร่มันก็ไม่ยอมลุกซักที ผมเท้าเอวมองมันเอือมๆ
“งั้นกลับละ ฝนหยุดตกแล้ว”
“เอออ ลุกแล้วๆ รีบกลับไปไหน ตกนานขนาดนี้น้ำท่วมแล้ว แกล้งนิดเดียวเอง”
“ทีงี้แล้วเดินเร็วเชียว”
ไอ้เปาเดินตามหลังผมออกมาแล้วกอดคอผมจากด้านหลังทิ้งน้ำหนักมาทั้งตัว
“หนักกก เดินดีๆ เป็นมั้ย”
“กูป่วยนะ อ่อนแอ” พูดไม่ฟังก็ปล่อยไป ไอ้เด็กนี่มันดื้อ
“หิวมั้ย”
“นิดหน่อย แต่มานี่ก่อน”
ไอ้เปาเปลี่ยนจากกอดคอมาจูงมือผมไปนั่งโซฟาหน้าทีวีในห้องนั่งเล่นครับ พอผมนั่งปุ๊บมันก็ทิ้งตัวมานอนตักผมทันที ทีแรกผมดันหัวมันออก เชี่ยยย ผมไม่ค่อยชินเลยให้ตายเถอะแต่เห็นมันหลับตาพริ้มผมถึงปล่อยให้มันนอนต่อก็ได้ อ่ะ ยอมให้วันนึงเห็นว่าไม่สบาย
“มีแฟนมันดีอย่างงี้นี่เอง ป่วยก็มีคนมาดูแล นอนตักก็ได้ แถมน่ารักด้วย”
“เมายาไง๊”
“ไรวะ หมดกันความโรแมนติก”
“ไอ้เปา กูถามหน่อยดิ รูปนี้มึงถ่ายหรอ”
มันลืมตาขึ้นมาอย่างรวดเร็วเมื่อผมยื่นรูปที่ผมถ่ายจากโต๊ะมันไปให้มันดู
“เฮ้ย!!!” ไอ้เปาเบิกตากว้างผุดลุกขึ้นนั่งแล้วคว้ามือถือผมไปจ้อง “เห็นแล้วหรอ”
“อื้ม...”
“มึง...เอ่อ...มึงไม่เห็นอย่างอื่นใช่มั้ย”
“อะไรล่ะ”
“เปล่าๆ จะเล่าละๆ ไม่ต้องกดดันๆ”
ผมเปล่ากดดันเลยนะครับ ไอ้เปามันมั่ว ตอนนี้มันนั่งพิงโซฟา ส่วนผมก็นั่งข้างๆ มัน ผมหันหน้าไปฟังมันเริ่มต้นเล่าเรื่องที่ผมอยากรู้
“กูกลับไปเชียงใหม่ ตอนม.5 ไปจัดการเรื่องเอกสารที่บ้านเก่า ตอนนั้นได้ยินว่ามีกีฬามัธยมกูก็อยากไปดู เผื่อเจอมึง หวังว่านะ...”
“....”
“แล้วก็เจอจริงๆ มึงยังเหมือนเดิมเลยเป็นหัวหน้าคอยทำงานนู่นนี่” มันเล่าแล้วก็ยิ้มไปด้วย ลักยิ้มของมันเด่นชัดในสายตาของผม
“มึงโคตรน่ารักเลย...อยากได้”
เชี่ย เกือบหงายหลัง
“เดี๋ยวไม่ใช่ละ”
“ฮ่าๆ ล้อเล่นอยากเห็นรีแอคชั่น เออต่อละๆ แล้วกูก็ตามถ่ายรูปมึงอะ ตั้งแต่เด็กกูยังไม่มีรูปมึงเลยนะเว้ย เฟซบุ๊กอะไรก็ไม่มี ตอนนั้นน่ะ ไม่ได้โซเชียลเหมือนเดี๋ยวนี้”
มันผ่านมานานแล้วครับ ผมไม่ค่อยจะมีรูปสมัยประถมมากนักมีแต่ตอนที่รับเกียรติบัตรหรือแต่งตัวเดินขบวนพาเหรดบ้าง ไม่มีหรอกครับไอ้รูปแบบที่ว่าถ่ายกับแกงค์เพื่อนหรืออะไรทำนองนี้
“บังเอิญกูเจอไอ้นิค มันเข้ามาทักเพราะไอ้เกมส์ชี้ให้มันดู ก็แน่ล่ะกูไม่ใช่เด็กนักเรียนแถวนั้นนี่หว่า มันนึกตั้งนานมันถึงจะรู้ว่าเป็นกู มันโคตรงงที่กูเปลี่ยนไปขนาดนี้ คิดแล้วยังขำหน้ามันไม่หาย เชื่อป่ะตอนที่เจอมึงกูไม่คิดว่ากูจะได้เจอเว้ย กูคิด่าถ้าเจอกูก็คงคิดถึงมึงแบบเพื่อน”
“...”
“แต่ความจริงมันไม่ใช่เว้ย พอได้เดินตามมึงกูก็รู้ว่า มันไม่ใช่จริงๆ ด้วย แต่ตอนนั้นกูพึ่งเสียพ่อ ชีวิตแม่งเคว้ง ไม่อยากเรียนหรือทำอะไรซักอย่าง...พอเห็นมึง กูถึงกลับมาได้ ตามมึงทันและได้อยู่กับมึงตอนนี้ไง”
“มึงรู้ได้ยังไงว่ากูอยากเรียนอะไรต่อ”
“กูมีสายสืบ จากงานนั้นนั่นแหละ”
“ใคร”
“ไม่บอกหรอก” เอ้า ลีลา มันยังคงยิ้มเหมือนเดิมเหมือนเรื่องที่มันเล่ามาเป็นความสุขในชีวิตมัน “สงสัยอะไรอีกมั้ย”
“มึงเหนื่อยมั้ยวะ กูอาจจะไม่เหมือนเดิมแล้วก็ได้”
“ไม่รู้สิ” มันยักไหล่ก่อนจะพูดต่อ “กูแค่อยากอยู่ใกล้ๆ มึงเหมือนเดิมก็พอแล้ว ตอนนั้นกูไม่ได้หวังอะไรมากหรอก กูกลัวมึงเกลียดกูจะตาย ถ้ามึงไม่ได้คิดแบบกู”
“ตอนที่กูเจอมึงตอนรับน้องกูก็ไม่คิดว่าเป็นมึงเหมือนกันนะ เซอร์ไพร์สสุด มึงเปลี่ยนไปมาก เหมือนเป็นคนละคนเลย”
“มึงรู้มั้ย ตั้งแต่เจอมึงมีอย่างนึงนะเว้ยที่กูไม่เคยเปลี่ยนเลย”
ไอ้เปาขยับเข้ามาใกล้ผม มันประคองหน้าผมด้วยมือทั้งสองข้าง นัยน์ตามันแน่วแน่จนทำให้ผมรู้สึกหน้าร้อนขึ้นมาซะอย่างนั้น
“อะไรวะ”
“กับมึงอะ ไม่ว่าจะครั้งไหน กูก็ใจเต้นไม่เคยเปลี่ยนเลย”
บรรยากาศอาจจะพาไปหรืออาจเพราะความทรงจำของเรามันย้อนกลับมาให้มีความสุขได้อีกครั้ง ใบหน้าของเราสองคนก็เคลื่อนเข้ากันช้าๆ ผมไม่เก่งวิทยาศาสตร์ไม่รู้ว่าไอ้แบบนี้มันเกี่ยวกับแรงดึงดูดรึเปล่านะ มันเอียงหน้าเข้าใกล้ผมในขณะที่ผมหลับตาลงช้าๆ
แกร๊ก
“ไอ้เสือเป็นไงบ้า......ง”
ชิบหายแล้ววววว
ผมสะดุ้งผลักไอ้เปาด้วยความเร็วแสงจนมันกระเด็นไปอีกฝั่งของโซฟา ผู้หญิงที่ยืนนิ่งอยู่ตรงหน้าประตูคือพี่สาวของไอ้เปาครับ ผมค่อยๆ เงยหน้าแล้วยกมือไหว้พี่เปลช้าๆ ผมกัดปากกับความกระอักกระอ่วนนี้หวังว่าพี่เค้าคงไม่เห็นอะไรหรอกใช่มั้ยครับ ไอ้เปามันบ่นเบาๆ ก่อนจะเอ่ยทักพี่สาวตัวเองออกไป
“พี่เปลเข้ามาไมวะ”
“เอ้าก็ห้องพี่ไง”
พี่เปลเป็นผู้หญิงผิวสองสี หุ่นอวบอั๋นดูน่ากอดดีครับ เธอวางของทั้งหมดไว้โต๊ะก่อนจะเดินมาเขกหัวน้องชายตัวเอง ผมได้แต่นั่งเกร็งๆ แก้มคงแดงเป็นมะเขือเทศแล้วครับ
“เออ ก็รู้อยู่ ทำไมไม่กลับค่ำๆ ล่ะวะ”
“เอ๊ะ ไอ้เปา ก็แกป่วยไง ฉันต้องมาดูแลตามประสาพี่สาวที่โคตรดี ทำไมพี่มาขัดจังหวะอะไรรึเปล่าน้องเสมอ เอ้ย น้องคนกลาง”
“เอ่อไม่...ไม่ครับ”
“เหี้ยยยยย พี่หยุดพูดคำนี้เลย ไปๆๆ โอ๊ยหิวข้าวแล้วต้องกินยา กลางไปกินข้าวกัน”
ไอ้เปามันเดินหูแดงเข้าไปในห้องครัวแต่พี่เปลชี้มือชี้ไม้ที่ของบนโต๊ะ มันเลยต้องย้อนกลับมาเอาของกินที่พี่เปลซื้อมาไปด้วย หน้ามุ่ยคิ้วชนกันเชียว หน้าคนโดนขัดใจอ่ะนะ
“เขินหรอ ทำตัวแบบนี้กลบเกลื่อน”
อ่า...ผมก็ยังไม่เข้าใจครับว่า เสมอมันคืออะไร ผมนั่งมองสองพี่น้องเถียงกันตาปริบๆ พี่เปลแซวไอ้เปาที่เดินลากเท้าเสียงดังๆ ขัดใจไปทางห้องครัว นี่ผมปล่อยให้คนป่วยเดินไปหาอะไรกินเองแล้วใช่มั้ยครับ ผมกำลังจะลุกตามไปแต่พี่เปลเดินเข้ามาใกล้ซะก่อน
“ว่าแต่คนกลางนี้น่ารักกว่าในรูปอีกนะเนี่...”
“พี่เปลลลลลลลลลลลลล!!!”
ไม่ทันจะพูดจบเสียงคนน้องก็แหวกอากาศออกมา ผมเห็นอีกมุมนึงของไอ้เปาเลยล่ะครับ
“จะตะโกนทำไม เจ็บคอแล้วจะบ้องหูให้”
และพี่เปลก็ตะโกนกลับก่อนจะกอดไหล่ผมเดินเข้าห้องครัว
.
.
มื้ออาหารเย็นของผม ณ คอนโดสุดหรู ผมตักซุปมันช้าๆ มองคนที่นั่งตรงข้ามกันซ้ายทีขวาที ผม...นายคนกลางกำลังกินข้าวอย่างเงียบๆ ท่ามกลางสองพี่น้องที่เถียงกันตลอดเวลา
“กลางรู้ป่ะ ทำไมไอ้เปาไม่ให้กลางมาที่ห้อง”
“อาจจะกลัวรบกวนพี่เปลล่ะมั้งครับ”
“โอ๊ยยย พี่ไม่ค่อยอยู่ห้องหรอก ไอ้เปามันมีความลับไงกลาง”
“จริงอะ” ผมเชื่อนะอย่าหลอกผม ผมเงยหน้าไปมองไอ้เปา มันส่ายหัวเป็นพัลวันแทบจะโยนช้อนกินข้าวแล้วทำท่าถลามาปิดหูผมไม่ให้ฟังพี่เปลพูด
“เฮ้ยยย อย่าไปเชื่อๆๆ พี่เปลกินข้าวไปดิวะ”
“ฮ่าๆ น้องกลางหน้าตกใจน่ารักจัง”
“ถ้าเป็นในห้องนอนผมพอจะรู้แล้วครับ”
ก็ความลับเรื่องรูปนั่นไง ใช่มั้ยล่ะ ผมคิดว่าผมรู้แล้วล่ะครับ
“แค่นั้นยังน้อยไปสิ” พี่เปลขยิบตาให้ผมทำให้ผมพลอยอยากรู้ไปด้วย
“พี่เปล” แต่เพราะไอ้เปาส่งเสียงขู่พี่เปล เธอจึงยอมแพ้ไปซะอย่างนั้น
“เออๆ ไม่พูดก็ได้ ไว้พวกแกไปเซอร์ไพร์สกันเองก็แล้วกัน กินนี่สิ ของโปรดพี่อาหารใต้อร่อยๆ”
“ของโปรดพี่จะให้กลางกินทำไมอะ”
“เอ้า กลางได้รับตำแหน่งเป็นน้องคนใหม่ของฉัน ฉันอยากให้น้องได้กินของที่ฉันชอบ ใช่มั้ยจ๊ะกลาง”
“ไม่ ตอบไปดิ”
“ได้ครับ ผมอยากลองชิม”
“เฮ้ย กลางเป็นพวกพี่เปลแล้วหรอวะ เอามานี่เดี๋ยวกินเอง มึงกินไม่ได้หรอก”
“หยุดไอ้เปา แกกินได้แค่โจ๊กหมูไม่ใส่ขิงเท่านั้นแหละย่ะ”
“พี่เปล! แค่กๆ”
“สมน้ำหน้า”
มื้ออาหารมื้อนี้มีแต่ความสนุกสนานครับ ผมหลุดหัวเราะไปตั้งหลายที นี่คงเป็นวงกลมของครอบครัวที่ไอ้เปาเปิดให้ผมเข้ามาอยู่ด้วยหนึ่งวันสินะครับ พี่เปลดูเป็นห่วงไอ้เปากว่าผมอีก
“กินยาด้วย ลีลาตลอด มันก็งี้แหละกลาง แต่ก่อนขี้โรคจะตาย”
“มันไปอ้วกรดพื้นด้วยพี่เปล”
“จริงอะ พี่ไม่เคยรู้เลย ที่เชียงใหม่ใช่มั้ย”
“ครับ”
“ฮ่าๆๆๆ ขายหน้าประชาชนชะมัด”
“นี่ๆ สองคนนั้นอะ เบาๆ หน่อย คนจะกินยา ขอทำสมาธิ”
พี่เปลเบ้ปากล้อเลียนไอ้เปาก่อนจะลากผมไปนั่งคุยที่โซฟา เธอน่ารักมากเลยครับ ความสัมพันธ์ของผมกับไอ้เปาพี่เปลคงจะรู้แล้ว แต่พี่เปลไม่ได้แสดงท่าทีที่ไม่สบายใจหรือทำให้ผมอึดอัดเลยครับ พี่เปลเล่าเรื่องตอนเด็กของไอ้เปาให้ผมฟัง ส่วนผมก็เล่าเรื่องวีรกรรมตอนอยู่โรงเรียนให้พี่เปลฟัง ตลกๆ ทั้งนั้นเลยครับ
“พี่เปลครับ เสมอคืออะไรหรอ”
“หึหึ กลางต้องไปถามเจ้าตัวเองดีกว่า ว่าแต่กลางนี่น่ารักจังน้า แหน่ะ เขินหรอ”
“เอ่อ น่ารักคงไม่เข้ากับผมเท่าไหร่หรอกครับ” ผมลูบท้ายทอยตัวเองแก้เก้อไปด้วย
“ไม่น่ารักแล้วจะอะไรล่ะ มาพี่ขอถ่ายรูปหน่อย จะไปลงอินสตราแกรมอวดเพื่อน”
แล้วพี่เปลก็จับผมจัดท่าทางไม่กี่วิ หน้าผมกับพี่เปลก็อยู่ในอัลบั้มเรียบร้อยแล้ว
“กลางนอนนี่เลยก็ได้นะ ห้องเล็กยังว่าง”
“ไม่ว่างโว้ยพี่เปล เข้าห้องตัวเองเลยไป”
ไอ้เปาเดินเข้ามานั่งเบียดผมกับพี่เปลครับ ไอ้เปานี่กวนตีนผมขนาดนั้นเลย
“กลางงง ส่งเข้านอนหน่อย สนใจหน่อยดิ ไม่สนใจกูเลย”
“อ่ะ มีคนเรียกร้องความสนใจละ พี่ไปก่อนนะจ๊ะ ตามสบาย”
พี่เปลลุกไปแล้วครับ และแล้วก็เหลือผมและไอ้เด็กมีปัญหากับโซฟาตัวเดิม ไอ้เปาคงเห็นสายตาของผมที่มองไปที่โซฟามันเลยพูดขึ้นมา
“ต่อมั้ย ถ้าติดไข้เดี๋ยวจะดูแลอย่างดี”
“ทะลึ่ง” ผมยื่นมือไปตบท้ายทอยมันเบาๆ ซ่าส์นะครับคุณ “เสมอคืออะไร”
“เอ่อ...” เพราะผมถามขึ้นมากะทันหัน ไอ้เปาที่ดีดๆ เป็นม้าเมื่อกี้เหมือนโดนปิดสวิทซ์ มันเริ่มหูแดงที่เป็นอาการเขินของมันครับ ผมจ้องหน้ามันรอคำตอบแต่เป็นมันเองที่หันหน้าหนีผมหลบความอาย
“ตอบมาเถอะน่า มาถึงขนาดนี้แล้ว”
“มึงอย่าล้อกูนะเว้ย”
“...”
“ก็แบบ...สำหรับมึงคนเดียวนะ แบบว่า...”
“อะไรล่ะ“ พอทำให้มันเขินได้ผมก็ไล่ต้อนมันเรื่อย ไอ้เปาเอนหลังหนีผมก่อนจะหลับตาพูดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
“...ก็รักเสมอไง”
“...อ๊ะ...”
ถ้าหูมันแดง แก้มของผมก็คงไม่ต่างกันใช่มั้ยครับทุกคน
=====
ขอบคุณที่ติดตามนะคะ
มาช้าไปหน่อย ขอโทษทุกคนด้วยค่ะ

แถมให้อีกนิด
เปา: มึงเป็นทุกเสมอของกูเลยนะเว้ย
กลาง: ยังไงวะ
เปา: ก็เช่น รอเสมอ คิดถึงเสมอ รักเสมอ เป็น จุด จุด จุด ก่อนเสมอไง
กลาง: งั้นคำหน้าของเสมอก็เปลี่ยนได้ใช่ป่ะ
เปา: เเน่นอน
กลาง: เเบบนี้ก็ได้ดิ เหี้ยเสมอ จังไรเสมอ โง่เส...
เปา: เดี๋ยวๆ ไปกันใหญ่ละ
กลาง: ไม่ได้หรอ
เปา: (เอือม)มึงนี่มันตัวทำลายความโรเเมนติกของกูจริงๆ
อวยพรเเด่ #คนกลาง ด้วย 555