[ต่อจากด้านบนค่ะ]
.
.
.
เช้าวันเสาร์ ผมต้องพาไอ้เปาไปเที่ยวเชียงใหม่กันสองคน พอเห็นผมยืนงงอยู่หน้าบ้านไอ้เปาที่แต่งตัวซะหล่อก็เดินมาหาผม อย่าพูดถึงเรื่องเมื่อคืนเลยนะครับ กว่าผมจะได้สติไอ้เปาก็ยิ้มจนผมหมั่นไส้ เอาเป็นว่าเรื่องราวหลังจากนั้นผมก็ล้มตัวลงนอนทันที
“กูจะได้เที่ยวมั้ยเนี่ย” ไอ้เปาทักขึ้นเมื่อเห็นผมมองแผนเที่ยวคร่าวๆ ในมือ ผมเป็นเจ้าบ้านนะครับถึงจะไม่ค่อยชอบออกไปไหนแต่เชียงใหม่เนี่ยถิ่นผม “เอาน่า รถแดงไปได้ทุกที่”
“งั้นคุณไกด์เชิญนำผมได้เลยครับ” มันผายมือแล้ววางหมวกแก๊ปสีดำไว้บนหัวผม “ก่อนจะไปช่วยดูแลตัวเองด้วยครับ”
ผมขยับหมวกแล้วเดินออกจากบ้านมาทันที ไอ้เปารีบตามมาพร้อมกับล้อ
“เขินหรอม” เกลียดหรอมเหรอมนี่จริงๆ เลย
“รำคาญญญ”
เชื่อเถอะครับ รถแดงพาเราไปได้ทุกที่จริงๆ ถึงแม้ไอ้เปามันจะเคยอยู่เชียงใหม่มาก่อน แต่การกลับมาของมันครั้งนี้เห็นอะไรก็ตื่นเต้นไปหมด นึกว่าพาน้องมาเที่ยว ผมพามันไปวัดรอบเมืองครับ ที่นี่วัดเยอะมาก นักท่องเที่ยวไทยและชาวต่างชาติก็เยอะมากเหมือนกัน
ตอนนี้เรากำลังเดินออกจากการไหว้พระพุทธรูปในอุโมงค์ เราอยู่วัดอุโมงค์ครับ หลังจากที่ไปวัดเชียงมั่น วัดดวงดิ วัดเจดีย์หลวง และวัดพระสิงห์มาแล้ว เราก็พักกินข้าว จากนั้นเราจบทริปด้วยวัดอุโมงค์ครับ วัดนี้อากาศดีมากครับทั้งต้นไม้ร่มรื่นแล้วอีกอย่างวัดนี้ใช้อิฐเกือบทั้งหมดเลยได้สัมผัสความเย็นสบายเต็มที่
“กลางร้อนมั้ย” ไอ้เปาถามขึ้น
“ไม่ค่อยร้อน”
“ไม่ หมายถึงมึงเข้าวัดแล้วร้อนมั้ย”
“แจ้” ผมทำเสียงเลียนแบบไอ้กล้วย ถ้าทำท่ากรอกตาด้วยผมคงตลกน่าดู
“แจ้หน้ามึงอะ”
“เปาๆ นี่แฟนนะ”
“อ้าวหรอโทษๆ”
“ดีมั้ย ได้มาวัด” ผมถามบ้างเราเดินมาโบกรถแดงครับหลังจากที่เดินมาซักพัก
“ดีแต่มากับมึงก็ดีหมดแหละ”
“โอ้โห ปากหวาน”
“อยากชิมมั้ย” มันหมุนปีกหมวกแก็ปของมันไปด้านหลัง แล้วยื่นหน้ามาใกล้ ชักจะบ้าบอแล้วไอ้เปา
“ชิมบ้าอะไร ไปขึ้นรถ”
“ยิ้มอะไร” มันดูดีใจสุดๆ ไปเลยครับ
“วันนี้เรามาเดทกันที่เชียงใหม่เลยเนอะ” ไอ้เปายิ้มจนเห็นลักยิ้มแล้วตอบผม จากที่เย็นสบายเมื่อกี้ผมร้อนเลยครับ
“เนอะอะไรล่ะ กูพามาเที่ยว” ผมบอกปัดกลบเกลื่อน
“เออๆ พามาเที่ยวก็ได้ แล้วนี่เราจะไปไหน?”
กริ๊ง!
ผมกดกริ่งแล้วลงรถแดงมาก่อนจะเดินไปจ่ายเงิน ไอ้เปาที่เดินลงมาจากรถงงๆ ก็ถามทันที
“ที่นี่ที่ไหนวะ” ไอ้เปามองไปฝั่งตรงข้ามของถนนที่มันร้านเช่าหนังสือการ์ตูน ผมได้แต่ส่ายหัวเบาๆ แล้วจับตัวมันพลิกมาดูฝั่งที่มันลงรถ
ที่สุดท้ายของวันนี้ผมมามันมาที่....โรงเรียนเอกชนที่เราเคยเรียนเมื่อหลายปีก่อนครับ ป้ายชื่อโรงเรียนแผ่หลาอยู่ด้านหน้า ผมเดินนำมันเข้าไปในโรงเรียน จะว่าไปหลังจากเรียนจบผมก็ไม่เคยมาที่นี่อีกเลย กำแพงทั้งสองข้างวาดรูปต่างๆ ครั้งหนึ่งทีชเชอร์เคยให้ผมมาวาดกำแพงด้วย แต่มันผ่านมาหลายปีแล้วรูปที่กำแพงก็ถูกลบแล้วลงสีใหม่
“รอด้วยดิ” ไอ้เปาที่รู้ว่าสถานที่นี้เป็นอะไรแล้วก็เดินตามมา “โห เปลี่ยนไปขนาดนี้เชียว” มันตาโตมองไปรอบๆ โรงเรียน วันนี้วันเสาร์ไม่มีเด็กมาเรียน ประตูทางเข้าไปในตัวโรงเรียนจึงปิดไว้ ผมบอกยามว่าเป็นศิษย์เก่าแต่ก็ยังเข้าไม่ได้อยู่ดี พอเราออกมาทุกอย่างมันก็เปลี่ยนแปลงหมดเลย ในทางที่ดีขึ้นอะนะ
“กลางๆ ไปดูตรงนู้นกัน”
จากที่ผมเดินนำไอ้เปาจับมือผมแล้วจูงไปทางปีกขวาของโรงเรียนที่สามารถเข้าไปได้ ที่นั่นเป็นที่ตั้งโบสถ์คาทอลิคประจำโรงเรียนครับ โรงเรียนนี้จะมีโบสถ์อิฐสีส้มที่สวยมาก โบสถ์จะมีสระน้ำรอบๆ เหมือนตั้งอยู่กลางน้ำ เราต้องเดินข้ามสะพานหินอ่อนเพื่อเข้าไปในตัวโบสถ์ รอบๆ จะมีแผ่นไม้แกะสลักเรื่องราวของพระเยซูก่อนจะถูกตรึงไม้กางเขน กลางสระน้ำด้านหนึ่งจะมีหอนาฬิกาสูง ผมกับไอ้เปาเป็นพุทธแท้ๆ แต่ก็ได้เรียนรู้เรื่องคริสต์ศาสนามาตั้งแต่เรียนที่นี่
“แต่ก่อนเราต้องร้องเพลงพวกนี้ด้วย”
ไอ้เปาดันผมเข้าไปนั่งเก้าอี้ยาวของโบสถ์ก่อนจะนั่งตาม ในโบสถ์มีแค่เราสองคน พนักพิงของเก้าอี้ข้างหน้าจะมีช่องสำหรับใส่บทเพลงที่เราต้องร้องเวลามาทำพิธีกรรม ไอ้เปาหยิบหนังสือเล่มหนาออกมาแล้วเปิดหน้าที่มีเนื้อร้องเหมือนพยายามจะร้องแต่มันก็ไม่ร้องออกมา
“มึงคงร้องไม่ได้น่ะสิ”
“แค่มานั่งกูก็ไม่รู้เรื่องแล้ว แต่มึงไม่เคยมานั่งกับกูเลย ยืนอยู่ตรงนู้นตลอด” ผมหันหน้าไปมองไอ้เปาที่ตอนนี้ไม่ใช่เด็กแก้มย้วย ผมกลับมาที่นี่อีกครั้งพร้อมกับมันที่เป็นวัยนักศึกษาตัวสูง ที่ผมไม่เคยมานั่งกับมันเพราะผมมักจะได้รับหน้าที่ให้ถือกำยานเพื่อให้คุณพ่อแกว่งกำยานในพิธีทางศาสนา แต่เวลามองมาที่มันก็เห็นมันทำปากขมุบขมิบให้เดาก็คงพูดไปเรื่อยแหละครับ บทสวดอะไรก็ไม่รู้เรื่องกับเค้า
“กูเห็นมึงเดินถือคู่กับใครนะ การ์ตูนมั้งที่เรียนเก่งๆ” ไอ้เปามองไม้กางเขนอันใหญ่ที่อยู่ตรงด้านหน้าพลางพูดถึงเรื่องอดีต ผมหันไปมองบ้าง โลงศพหินสีขาวที่ตั้งอยู่ด้านหน้าไม้กางเขนเป็นสิ่งที่เราสงสัยกันมาตั้งแต่เด็กๆ โลงศพนั่นมีศพจริงรึเปล่านะ แต่ไอ้เปาขี้กลัวมันมักจะรีบเดินกลับห้องก่อนทุกที
“อิจฉาหรอ” ผมถามล้อๆ
“หมั่นไส้เว้ย ทำกิจกรรมก็เห็นแต่หน้ามึงสองคน มาสเตอร์ไม่เลือกคนอื่นบ้างรึไงวะ”
“กูบอกให้มึงทำอะไรบ้าง ไม่เห็นจะทำเลย”
“ตอนนั้นกูมันเด็กดื้อ แถมยังทำอะไรไม่เป็น ไม่เก่งซักอย่าง อยู่เฉยๆ คูลสุดละ มาสเตอร์ไม่ด่าด้วย”
“คิดไปเองทั้งนั้นนน”
ผมลากเสียงยาว หันกลับไปมองข้างหน้าโบสถ์หินอ่อนนี้ยังสวยเหมือนเดิม แสงที่ผ่านแผ่นกระจกสีลายพระเยซูในโบสถ์กระทบพื้นระยิบระยับ
“ปะ...จะห้าโมงแล้วกลับกันเถอะ เสียดายที่วันนี้เราเข้าไปในโรงเรียนไม่ได้”
ผมลุกขึ้นยืนก่อนจะยื่นมือไปจับแขนมันให้ลุกขึ้นแต่มันไม่ยอมลุกซักที ไอ้เปาเงยหน้ามันสบตาผม ในสายตานั้นทำให้ผมนิ่งงัน แสงแดดผ่านกระจกกระทบผิวหน้าขาวใสของมันดูน่ามองอย่างน่าประหลาด
เสียงบอกเวลาจากหอนาฬิกาดังขึ้นทั่วบริเวณ “มีคนเคยบอกว่าถ้าขอพรที่นี่ตอนเสียงนาฬิกาดังคำขอจะเป็นจริง” ผมเคยได้ยินผ่านๆ ครับ
“...” ไอ้เปายิ้ม เลื่อนมือมาจับมือผมทั้งสองข้าง ในขณะที่ผมได้แต่ยืนนิ่ง
แตร๊ง แตร๊ง แตร๊ง แตร๊ง
เสียงนาฬิกาดังขึ้นพร้อมกับเสียงใจเต้นของผมที่ไม่รู้ว่าอันไหนดังกว่ากัน ไอ้เปาคลี่ยิ้มพร้อมกับกระชับมือแน่น
“กูไม่มีพรอะไรอยากได้ เพราะเจอมึงอีกครั้งกูก็ไม่อยากขออะไรแล้ว”
“...”
“แต่กูอยากบอกมึงว่า”
“กูรักมึงนะ”
.
.
.
“โคตรเขินเลย”
ผมน่ะเขินครับแต่ไอ้คนข้างๆ เนี่ยเขินกว่า มันแก้มแดงเป็นมะเขือเทศทั้งๆ ที่มันผ่านมาเป็นวันแล้ว “มึงไม่เขินบ้างหรอ” มันถามผมขณะที่เราอยู่ในห้องรับแขก เรากำลังจะออกไปสังสรรค์กับเพื่อนเก่าตามที่ไอ้เก้บอก แต่วันนี้ไอ้โจ๊กจะมารับครับเราจะไปกับมัน หันไปมองไอ้คนแก้มแดง ผมก็ใจเต้นแรงขึ้นอีกครั้ง เหตุการณ์เมื่อวานมัน...
“...”
“ไอ้กลางคนซึนเอ๊ย” ไอ้เปายกมือขยี้หัวผม “ถ้าหายซึนแล้วช่วยบอกกลับกูให้ชื่นใจหน่อยนะ”
“อะแฮ่ม กลางเขยิบไปหน่อย”
ไอ้เล็กมานั่งแทรกกลางระหว่างผมกับไอ้เปาก่อนจะคว้ารีโมททีวีไปกดดูรายการวาไรตี้ ไอ้เปาหน้าเหวอไม่นานก็เปลี่ยนเป็นขำๆ คงจะชินกับน้องผมแล้วล่ะมั้ง
“แล้วกลางไปกี่โมง”
“ก็...ประมาณหกโมงอะ”
“โอเค”
“แล้วอะไร ปกติเห็นวิ่งไปเล่นคอมนู้น วันนี้มาแปลก”
“ก็อยากดูทีวีมั่งไม่ได้หรอ”
“ตามใจน้องเลยครับ”
นั่งดูทีวีไม่นานไอ้โจ๊กเพื่อนรักก็มาครับ จอดรถหน้าบ้านมันก็เข้ามาแหกปากเหมือนเป็นบ้านตัวเอง
“มาแล้วชายกลางงงง” สอบเสร็จแล้วหน้าตาสดใสขึ้นเป็นกอง
“พี่โจ๊ก”
“ไอ้เล็กอยู่บ้านด้วยหรอ” ไอ้โจ๊กทำหน้าแปลกใจเมื่อเห็นน้องผมนั่งตาแป๋วดูทีวี พอมันเห็นผมกับไอ้เปาที่นั่งข้างๆ ไอ้เล็กแล้วก็ร้องอ๋อขึ้นมาอย่างจังไร “มาเฝ้าพี่มึง? คนหน้าตาเป็นหมาอย่างงี้ต้องเฝ้าด้วย”
ไอ้เล็กโกรธพี่คนที่สามของมันหรืออายผมก็ไม่แน่ใจมันลุกขึ้นหยิบโทรศัพท์ก่อนจะเดินออกไปก็ไม่วายกำชับ “ห้ามกินเหล้าเยอะนะกลาง พี่โจ๊กก็เหมือนกันดูกลางด้วย”
“ไม่ต้องบอกพี่หรอก บอกไอ้นี่ดีกว่า” ไอ้โจ๊กชี้มาที่ไอ้เปา ไอ้เล็กมองตามแล้วเม้มปากแน่น
“เอ้า เดินไปนู่นแล้วน่ะน้องมึง งอนเป็นตุ๊ดเลย”
“ไอ้โจ๊ก พ่องมึงดิ เอ่อกูด่าแทนน้อง”
“เบื่อหน้ามึงละ” ไอ้โจ๊กยื่นมือมาผลักหัวผมก่อนจะย้ายมานั่งข้างๆ ไอ้เปาพร้อมกับกระซิบ “เป็นไงวะแม่แฟนน่ารักป่ะ”
“ไอ้เชี่ย” กระซิบบ้านท่านสิครับคุณโจ๊ก ตั้งแต่ไอ้เปามาอยู่ที่บ้านผม ผมแทบไม่ต้องทำอะไรครับ แม่เรียกไอ้เปาตลอดพ่อก็ยิ่งชอบใหญ่ มีคนให้คุยด้วย ไอ้เล็กเลยหมั่นไส้ไอ้เปาขึ้นไปอีก โดนแย่งตำแหน่งลูกรักแล้วล่ะมั้ง
“น่ารักดี” ไอ้เปาบอกแต่พยักหน้ามาทางผม “แต่ลูกคนกลางน่ารักกว่า” เอ่อ...อะไรของมึงเนี่ย
“ไอ้สัด แซวพวกมึงนี่กูเพลียพลังใจ”
“ไปกันยังรีบไปรีบกลับ”
“ไอ้กลาง ไม่ทันไปมึงบอกจะกลับละ มีเพื่อนเป็นตัวตุ่นอยู่ในรูกูล่ะเหนื่อยจริงๆ”
“มึงอารมณ์ดีจังวะวันนี้” ผมหรี่ตา “มีแฟนหรอ”
“เปล๊า...”
“หรือมึงรอเจอในที่งานนี้”
“เชี่ย...ไม่มีเว้ย”
“อย่ามาโกหก ไอ้ลิงบาบูน”
“ไปๆ ลุกได้แล้ว ไอ้เปาไม่ต้องมาขำ เร็วออกมา” ไอ้โจ๊กรีบร้อนลุกขึ้นมาแล้วตะโกนบอกแม่ผมที่อยู่หลังบ้าน “แม่ไปแล้วคร้าบ เดี๋ยวพามาส่ง”
“อย่าเมามากนะลูก! เปาดูกลางด้วยนะลูก!”
“คร้าบแม่”
“มันนัดกันที่ร้านไหนนะไอ้เปาที่ไอ้เก้บอกวันนั้น”
เราออกรถมาได้ซักพักแล้ว ผมก็ยื่นหน้าไปถาม ผมนั่งเบาะหลังคนเดียวครับ ไอ้เปานั่งเบาะหน้าคู่กับไอ้โจ๊ก
“จำไม่ได้ว่ะ โทรไปถามมั้ย”
“พวกมึงถามตอนออกรถมาแล้วเนี่ยนะ ไม่ต้องโทร กูรู้แล้วไปร้านไหน”
“แล้วก็ไม่บอก”
“พวกมึงคุยกันงุ้งงิ้งสนใจกูบ้างมั้ยล่ะ”
ผมไม่ได้คุยงุงงิ้งครับ เมื่อกี้เถียงกับไอ้เปาเรื่องวันกลับ ไอ้เปามันต้องกลับพรุ่งนี้ครับเลยจะให้ผมกลับด้วย แต่ผมยังไม่อยากกลับอีกอาทิตย์นึงถึงจะเปิดเทอม ไอ้เปาก็หาเรื่องผมไปเรื่อย
“กูรู้ว่าเพื่อนโจ๊กรู้ดี”
“นี่มึงหาว่ากูเสือก”
“เปล่า....”
“ตอแหล”
“ไอ้เปา ไอ้โจ๊กว่ากูอ่ะ” ฟ้องแม่งเลย
“มารยา!!!”
“ฮ่าๆๆ พวกมึงสองคนเนี่ยนะ” ไอ้เปาหัวเราะตบท้ายไม่สนใจผมกับไอ้โจ๊กที่เถียงกันเลยซักนิด
หกโมงครึ่งผมมาถึงร้านครับ มันเป็นร้านเหล้าที่ขายอาหาร หรือร้านอาหารที่ขายเหล้าอะไรพวกนี้แหละครับ ร้านติดถนนและไม่มีที่จอดเพราะคนเยอะพอสมควร ไอ้โจ๊กนี่บ่นยับบอกวันอาทิตย์ยังจะมากินเหล้ากันอีก แหมไม่มองตัวเองเลยครับ มึงนี่กระดี๊กระด๊าใหญ่ รู้มาจากไอ้เก้ว่าร้านนี้เด็กเสิร์ฟสวยเด็ดนี่หางตั้งเชียว
ผมเดินนำมากับไอ้เปาที่วันนี้แต่งตัวหล่ออีกแล้ว เสื้อผ้ามันนี่บางทีไม่ต้องซื้อครับเวลาไปถ่ายแบบทีขนกลับมาตั้งหลายตัว เดิมทีพี่เปาถ้าอยู่มอมันจะใส่ชุดบอลครับ ดีนะไม่เอามาด้วย ส่วนผมก็กางเกงยีนส์เสื้อเชิ้ตพับแขนธรรมดาแต่พอใส่ออกมาแล้วไอ้เปาหงุดหงิดแล้วหงุดหงิดอีก อะไรของมันก็ไม่รู้ครับ
“พวกมึงแต่งตัวซะกูเป็นคนขับรถเลย”
ไอ้ลิงโจ๊กที่เดินตามมาบ่นอุบ ตอนเดินผ่านรถที่จอดรถแล้วมีสาวๆ มองแต่ไอ้เปา ไอ้โจ๊กเลยเป็นบ้า
“เปาๆ บอกคนขับรถหน่อยเงียบๆ เดี๋ยวเค้าไม่ให้เข้าร้าน” ผมจับแขนไอ้เปาแล้วหันไปทำหน้าล้อเลียนไอ้โจ๊ก
“ไอ้สัด!”
“คนขับรถอย่าพูดคำหยาบครับ”
“ไอ้เชี่ยเปา มึงก็เอาด้วย เดี๋ยวกูกลับแม่ง”
“โทษๆๆๆ”
ง้อคนขับรถแล้วก็เดินตามกันมาเป็นแถว จอดข้างถนนเดี๋ยวรถเฉี่ยว ร้านนี้ชื่อว่าคำตอบครับแปลไทยแล้ว หน้าร้านมีผู้ชายมีพุงคนหนึ่งกำลังยืนเหมือนพนักงานต้อนรับ
“อ้าว ยีนป่ะ” ถ้ายังจำกันได้นะครับ ไอ้ยีนห้องสาม พอมันเห็นพวกผมก็ปรี่เข้ามาทักทันที
“โห ไอ้กลางมาด้วยหรอวะเนี่ย เสียดายไอ้เกมส์ไม่มา” คิ้วกระตุกเลยครับ ชื่อไอ้เกมส์นี่ได้ยินตั้งแต่เด็กยันโต
“ฮะๆ ดีเว้ย” ดีนี่ไม่ได้ทักทายนะครับ ผมบอกว่าดีแล้วที่มันไม่มา
“ไอ้โจ๊กมาแล้วเว้ย ไปนั่งๆๆ” ไอ้โจ๊กที่เดินตามหลังมาถูกเพื่อนลากเข้าไปข้างในพร้อมกับยัดแก้วเหล้าใส่มือแต่หัววัน ไอ้โจ๊กมัน
เด็กห้องท้ายครับ ผมก็ไม่ได้สนิทกับใครมากนักก็เลยยืนทักทายไอ้ยีนก่อน
“แล้วไอ้กลางมากับใครวะ”
“อ๋อ นี่ไอ้เปาไง มันออกไปก่อนจบอะ”
“ไอ้เปา..” ไอ้ยืนทำท่านึกก่อนจะร้องออกมา “เฮ้ย ตัวเตี้ยๆ นั่นอะนะ” รู้สึกถึงรังสีอำมหิตข้างๆ ผม แต่มันก็กัดฟันยิ้มน้อยๆ
“สูงแล้วเดี๋ยวนี้” ผมว่าก่อนที่คุณเปาเค้าจะอารมณ์เสียน่ะครับ ไอ้เปามันไม่อยากมาก็เพราะแบบนี้แหละ ตอนเด็กๆ มันโดนล้อไม่เป็นท่า ชื่อเสียงกระฉ่อนเรื่องความไม่เอาไหน ถ้าเจอทั้งรุ่นแบบนี้มันทำตัวไม่ถูกเผลอโดนว่าบ่อยมันจะไปพังร้านเข้า แฮ่ ล้อเล่นน่ะครับ
“หล่อด้วยว่ะ ดูพุงกูดิ” ไอ้ยีนลูบพุงตัวเองช้าๆ
“มึงหน้าไม่เปลี่ยนนะแต่พุงเริ่มเปลี่ยนแล้วว่ะ” ไอ้เปาตอบกอดจะวาดมือมากอดไหล่ผม สะ...สถานการณ์แบบนี้มัน
“แล้วมึงมายืนทำไมตรงนี้” ผมเบี่ยงประเด็น
“เอ่อ..อ๋อก็พวกอีพลอยอ่ะดิ มันไม่เคยมาร้านบังคับให้กูมายืนรอเนี่ย ตั้งนานแล้วเมื่อกี้มีคนมาถามกูด้วยนึกว่ากูเป็นเจ้าของร้าน”
“ก็เหมือนอยู่นะ”
“ว่าไงนะไอ้เปา”
“อ๋อๆ เปล่าไอ้เปามันบอกว่าเหมือนจะเห็นเพื่อนแล้ว” ผมเอื้อมมือไปกอดไหล่มันอีกข้างเหมือนเพื่อนที่กอดคอเดินเข้ามาแล้วก็ออกแรงตบเบาๆ
“พวกมึงนี่สนิทกันดีนะ” ไอ้ยีนหัวเราะ “เออๆ เข้าไปได้แล้ว พวกมึงคงหิวแล้วล่ะ”
“เคเว้ย”
พอเดินเข้าร้านผมก็จับมือไอ้เปาออกจากไหล่ตัวเอง แต่กลับเอามาพาดอีกคราวนี้กอดคอกันเลยครับ อกมันแนบกับหลังผมเลย
“ปล่อยก่อน”
“ไม่!”
“เดินไม่สะดวก คนมองด้วย” ไม่รู้ว่าเพราะเราเดินชิดกันแบบนี้หรือเพราะหน้าตาไอ้เปากันแน่
“มึงอย่ายิ้มนะ”
“อื้มๆ” มันค่อยๆ ปล่อยแล้วเราก็เดินเข้าไปด้านในสุดของร้าน ห้องที่จองไว้เป็นห้องกระจกอยู่ด้านในสุด ส่วนด้านนอกที่เราเดินเข้ามาเป็นโต๊ะเล็กบ้าง ใหญ่บ้างแต่เต็มทุกโต๊ะครับ ด้านข้างจะเป็นเวทีดนตรีสด เคาน์เตอร์เบียร์ตรงนั้นงานดีจริงครับ
“ห้ามมองด้วย”
“โอเค”
ไอ้เปาหน้าบึ้งทำท่าจะเอาแขนมารัดคอผมอีกครั้ง ผมจึงรีบเดินไม่มองอะไรทั้งนั้น พอเดินมาถึงประตูห้องเปิดออกเห็นคนข้างในกว่าสี่สิบชีวิตก็เงียบกริบ เคยเป็นมั้ยครับ มึงจะกริบทำไม ผมทำตัวไม่ถูกหันรีหันขวางหาไอ้เปา มีมันก็อุ่นใจครับ รุ่นผมมันมีเยอะกว่านี้ล่ะแต่มาได้นิดหน่อยอย่างที่เคยบอกจบแล้วก็ห่างหายกันไปหมด ผมก็เป็นหนึ่งในนั้นแต่ไอ้เก้เนี่ยแหละตัวดี
“ไอ้เปา ไอ้กลางมาๆๆ” ไอ้โจ๊กเดินมาลากมือผมกับไอ้เปาเข้าห้อง หลังจากนั้นทุกคนก็ฮือฮากันใหญ่ ผมถูกกระชากไปนั่งริมโต๊ะโดนถามคำถามรัวๆ ส่วนไอ้เปาก็โดนเพื่อนรุมถามไม่ต่างกับผม
“เนี่ยนะ ไอ้เปาทีไอ้เก้มาโม้ในกลุ่ม”
“เชี่ยยยย จำแทบไม่ได้”
“มึงเรียนไรวะ ไปอยู่ไหนมา”
“ไอ้เหี้ย หล่อชิบหาย ไปทำไรมา โมหน้าใหม่ป่ะสัด”
สารพัดคำพูดที่มันเตรียมใจไว้แล้ว ไอ้เปารับแก้วเหล้าที่พวกมันยัดใส่ปากแล้วกวาดตามองผม ผมพยักหน้าให้มันก่อนจะถูกสาวๆ ที่นั่งขนาบข้างทักทาย
“กลางงง จำเราได้มั้ย”
“การ์ตูนหรอ” เด็กเรียนในวันนั้นเป็นคนเมาในวันนี้ การ์ตูนแต่งตัวเปรี้ยวจี๊ดแก้มแดงปลั่งทักผมพร้อมกับกอดผมไปด้วย
“อีตูน เมาใหญ่แล้ว กลางอย่ากลัวมันนะ กู...เอ่อเราจี๊ดไง”
“หวัดดีจี๊ด” จี๊ดยิ้มรีบแล้วยื่นแก้วเหล้ามาให้ผม
“อุ๊ย กินเป็นป้ะเนี่ยกลางอะ” ผู้หญิงพูดแบบนี้ใส่ผมก็ไม่โกรธนะครับ
“ก็กินได้อ่ะ”
“เอาอ่อนๆ แล้วกันเนอะ”
“คิกคิก” เสียงหัวเราะดังรอบด้านเลยครับเมื่อสาวยื่นแก้วแอลกอฮอล์สีใสมาให้ผม เอาเถอะครับ แต่ที่แบบนี้ผมไม่คุ้นชินเท่าไหร่ ผมเริ่มมีความอึดอัดก่อตัวขึ้น ไอ้โจ๊กที่หลุดออกจากวงเพื่อนมันก็เดินมาหาผม
“สาวๆ หัวเราะไรกัน”
“กำลังคิดอยู่ว่ากลางเมาเป็นมั้ย” เพื่อนผู้หญิงที่จำชื่อไม่ได้พูดขึ้น ไอ้โจ๊กเหลือบมองผม “ถ้าจะมอมมันมามอมกูดีกว่า”
“โอ๊ย อีโจ๊ก มึงน่ะไม่ต้องมอมเดี๋ยวก็เมา”
“อย่ามาแอ๊บใสต่อหน้าไอ้กลาง ดูมันด้วย กูไปกินตรงนู้นก่อน”
“เออค่ะ! คนดีของโรงเรียนมากูต้องดูแลหน่อย” พวกผู้หญิงหันไปเม้าท์มอยกัน บางคนก็เดินไปชนแก้วกับพวกผู้ชาย ขอโทษนะครับในหัวผมคือเพื่อนยังเป็นเด็กประถมอยู่เลย มองภาพความจริงแล้วรู้สึกตื่นเต้นแปลกๆ
“กลาง” การ์ตูนที่มึนๆ เริ่มเลื้อยครับ ผมอึกอักเพราะไม่รู้จะปฏิเสธยังไง มองซ้ายขวา เพื่อนผู้หญิงก็เริ่มลุกกันไปแล้ว “กลางมีแฟนยังอ่า...เรียนที่ไหนตอนนี้ เราเป็นเพื่อนกันในเฟซยัง” การ์ตูนเริ่มเบียด เอ่อ หน้าอกใกล้กับต้นแขนผม เชี่ย ผมจะทำไงดีครับ
“กลางตอบเราหน่อยดิ”
“เอ่อ เราว่าการ์ตูนนั่ง...นั่งดีๆ ก่อนนะ”
“มีแฟนยังอะ...” ขณะที่ผมนั่งตัวแข็งอยู่แบบนั้น เสียงก็เงียบลงอีกครั้ง การ์ตูนไม่ได้สนใจเอาแต่ยื่นหน้าที่แต่งแต้มไปด้วยเครื่องสำอางเข้ามาใกล้ๆ ผม ช่วยผมด้วยครับ
“มีแล้ว”
เอ่อ ผมไม่ได้ตอบนะครับ เงยหน้าก็เห็นเจ้าของเสียงห้วน ไอ้เปายืนตาเขียวอยู่ข้างผม แก้มมันแดงเล็กน้อย ไอ้เปาค่อยจับไหล่การ์ตูนให้นั่งพิงเก้าอี้ดีๆ ยังไม่ทันจะค่ำเพื่อนคนนี้ก็เมาซะแล้ว
“อย่าใส่ใจเลย อีนี่ผัวทิ้ง” ใครซักคนตะโกนมาแล้วในห้องก็เต็มไปด้วยเสียงพูดคุยดังระงม
“เมายัง” ผมถามไอ้เปา
“ยัง มึงจะนั่งตรงนี้หรือไปนั่งนู่น” ผมมองตามคำว่านู่นของมัน ยิ่งอึดอัดไปใหญ่ที่สำคัญกว่านั้นผมกลัวมันอึดอัดด้วย
“มึงโอเคมั้ย”
“โอเค พวกนั้นแค่ปากหมาแต่ไม่เป็นไรกูก็หมาเหมือนกัน ไอ้เก้ใกล้จะมาแล้วมึงค่อยไปนั่งกับมันแล้วกัน” มันส่งสายเป็นกังวลมาให้ผม ผมไม่เป็นไรหรอกจริงๆ นะครับ ผมเป็นห่วงมันมากกว่า ใช่ว่าผมจะไม่รู้ จุดประสงค์ของเพื่อนเก่าทั้งหลาย ไอ้เปามันโดนแกล้งตั้งแต่เด็ก พวกมันเลยคิดว่าหัวอ่อน ไม่ทันได้พูดอะไรมากเสียงหน้าห้องก็ดังมาก่อน
“พวกมึง กูมาแล้วจ้า!!”
“อีพลอย!!”
ดูเหมือนว่าพลอยจะเป็นที่รอคอยของเพื่อนๆ พอมันเดินเข้ามาเสียงโห่แซวก็ดังขึ้น พลอยเนี่ยมันเป็นคนแรงๆ แล้วก็เริ่มเป็นสาวตั้งแต่ป.6 ที่สำคัญมันเป็นเพื่อนกับไอ้เกมส์ด้วย
“ไหนๆ ไอ้เปาเตี้ยๆ มันมาหรอวะ!” พลอยในชุดเดรสสั้นตะโกน เพื่อนผู้หญิงข้างหลังผมส่งเสียงหมั่นไส้ทันที พลอยมากับเพื่อน
ผู้หญิงอีกสองคนและแน่นอนว่าผมจำไม่ได้ด้วย ไอ้เปาก็คงคิดแบบนั้นเหมือนกัน
“ไอ้เหี้ยยีนบอกหล่อขอดูหน้าหน่อยดิ๊” พลอยเดินตรงเข้ามาเมื่อมีคนส่งเสียงว่าไอ้เปาอยู่ด้านใน
“นี่มึง...ไอ้เปาหรอวะเนี่ย”
พลอยเดินเข้ามาประชิดไอ้เปาที่ยืนอยู่ข้างๆ เก้าอี้ผม ไอ้เปาเลิกคิ้วก่อนจะหันไปตามแรงของพลอย
“วิดวิ้วววว เห็นแล้วตะลึงเลยสิอีพล๊อยยย”
“มันเป็นนายแบบด้วยนะเว้ย กูเห็นมันในหนังสือ” เพื่อนคนหนึ่งพูดขึ้นแล้วเสียงโห่แซวก็ดังขึ้น พอได้ยินคำว่านายแบบสายตาของพลอยก็เริ่มเปลี่ยน ผมไม่ได้ดูถูกผู้หญิงหรอกนะครับ แต่ไอ้เปาเนี่ยตั้งแต่เด็กไม่มีใครเห็นมันอยู่ในสายตา เพื่อนๆ ก็มักจะล้อเล่นกับมันเสมอ รวมถึงพลอยที่อยู่ต่างห้องด้วย พอมาวันนี้ทุกต่างตกใจและสายตาที่มองไอ้เปาก็เปลี่ยนไปด้วย
บรรยากาศให้ห้องครื้นเครงเมื่อเสียงดนตรีสดเริ่มเล่นตอนนี้เกือบสามทุ่มแล้วครับ ไอ้เปามานั่งข้างๆ ผมและเริ่มกินข้าวที่พึ่งจะสั่งเพิ่ม ส่วนไอ้เก้เห็นแว้บๆ แต่มันก็ลอยไปนั่นไปนี่แทน แต่เพื่อนผมนี่ยังไงครับไอ้โจ๊กถึงไปนั่งข้างไอ้เก้ได้
“เปา ตอนนี้เรียนไรอยู่อะ”
อ่า...แล้วนี่ก็มานั่งข้างไอ้เปาได้ไงครับ พลอยนั่นเอง พลอยนั่งข้างไอ้เปาเอาแต่ชวนคุย ส่วนไอ้เปาก็เขยิบเก้าอี้แทบจะนั่งชิดกับผม มันไม่ค่อยกินเหล้ามาก เพราะมีแต่คนอยากคุยกับมันมากกว่าโดยเฉพาะพลอย
“เรียนสินกำอะ”
“วาดรูปตั้งแต่เมื่อไหร่ อะ...ชนหน่อยดิ” พลอยยิ้มเอียงอาย ผมยาวที่ปิดอกนูนของเธอสะบัดเล็กน้อย ผมรู้สึกว่าหน้าตัวเองแดงแน่ๆ
“ไม่อ่ะ เราต้องขับรถ ไอ้โจ๊กเริ่มเมาแล้ว”
“เมาก็ไม่เห็นเป็นไรเลย นอนกับเราก็ได้”
“อีพลอยย เก็บนอ เอ้ย เก็บอาการหน่อย เมาแล้วยิ่งกว่าอีตูนอีก” จี๊ดส่งเสียงมาจากหัวโต๊ะแต่ดูเหมือนว่าในสายตาของพลายนั้นไอ้เปาน่าสนใจอยู่คนเดียว พลอยเท้าคางมองหน้าไอ้เปาก่อนจะปรือตาแล้วยกแก้วขึ้นดื่ม
“อยากกลับยัง” ไอ้เปาหันมากระซิบถามผม ไม่ได้สนใจผู้หญิงข้างๆ แม้แต่น้อย
“อื้ม”
“กลับกันกูไปบอกไอ้โจ๊กก่อน” ไอ้เปาบอกแล้วลุกขึ้นไปหาไอ้โจ๊ก พลอยมองตามไปช้าๆ
“กลางเนี่ยสนิทกับเปาดีเนอะ เปามองตลอดเลย”
“อ่า ก็นิดหน่อยเรียนด้วยกันน่ะ”
“เปามีแฟนยัง”
“ก็...ก็มีแล้วนะ” แทนที่พลอยจะตกใจพลอยกลับยกยิ้ม
“ดีเลย เพราะเราก็มีเหมือนกัน”
“..!! ชู่วๆ กลางอย่าบอกเปานะ คิกๆ แบบนี้ตื่นเต้นดีออก” เธอหัวเราะเบาๆ แล้วมองตามไอ้เปาไปคุยกับไอ้โจ๊กและไอ้เก้ ค่า
อาหารค่าเหล้าในวันนี้พวกเรารวมเงินกันคนละเท่าๆ กันแล้วให้ไอ้ยีนเป็นคนจัดการ
“บอกไอ้โจ๊กแล้ว” ไอ้เปาเดินกลับมา เพื่อนแต่ละคนเมากันสุดเลยทีเดียว ผมเลยตัดสินใจลาแค่คนที่มีสติเท่านั้น
“กูไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ”
“ไปด้วย เดี๋ยวไอ้โจ๊กไปรอที่รถ”
ผมพยักหน้าเดินออกมาเข้าห้องน้ำด้านหลังร้าน ก่อนจะออกจากห้องสังสรรค์ก็เห็นพลอยมาไอ้เปาด้วยสีหน้ายิ้มๆ ไอ้เปายืนรอ
ผมอยู่ข้างนอก ทางเดินจะมืดๆ หน่อย ผมแอบเห็นห้องน้ำด้านข้างคนเยอะทีเดียวเลยเลือกมาเข้าที่นี่แทน อยากกลับแล้วครับล้างมือเสร็จก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ เหนื่อยจริงๆ ครับ ผมเดินออกมาจากห้องน้ำที่ไม่มีคนก็เห็นไอ้เปายืนพิงกำแพงอยู่
“เหม็นกลิ่นบุหรี่เว่อร์”
ไอ้เปาเดินเข้ามาใกล้ดมฟุดฟิดที่ข้างแก้ม เสียงเพลงจากดนตรีสดก็ยังมาต่อเนื่อง
“กูไม่ได้สูบ”
ไอ้เปาขำแต่ก็ยังแกล้งผมไม่หยุด “หึหึ มีคนหึงกูมั้ยวันนี้” ไอ้เปามันก็เป็นไอ้เปา พอเห็นผมเริ่มเบี่ยงหน้าออกมันก็เอาจมูกตามมาแกล้ง มันไม่ได้เมานะครับแค่กรึ่ม
“อยากจูบอะ”
“...!!” ไอ้เด็กนี่ ไอ้เปาพูดพร้อมยิ้ม เลื่อนหน้ามาใกล้เรื่อยๆ
“นะ...”
“นี่หรอ แฟนเปาที่มึงว่า!”
เสียงเอ่ยทักดังขึ้นจากด้านหลัง ผู้หญิงในชุดเดรสสั้นจ้องมาทางเราด้วยสีหน้าถมึงทึงราวกับถูกหักหน้าอย่างรุนแรง
===========
มาเเล้วววว
ขอบคุณทุกคนค่า
ขอให้มีความสุขในวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์

ปล.ไม่ได้ตรวจคำผิดเเละชื่อตอนมันจะงงๆ หน่อย งงตัวเองเหมือนกันเด้อ..555