ண คนกลาง ண แจ้งข่าวเล่มคนกลาง p.23 (1-9-61)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ண คนกลาง ண แจ้งข่าวเล่มคนกลาง p.23 (1-9-61)  (อ่าน 226936 ครั้ง)

ออฟไลน์ Lady~B

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 10
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: ண คนกลาง ண ตอนที่ 22 หน้า 18 (24-07-60)
«ตอบ #540 เมื่อ24-07-2017 23:03:24 »

ประกาศตัวเลยว่า #ทีมคนกลาง
เชื่อแหละว่าเปารักกลาง แต่วิธีแก้ปัญหามันไม่โอเคคคคคค  :angry2:


ออฟไลน์ o4u0n7

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 213
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: ண คนกลาง ண ตอนที่ 22 หน้า 18 (24-07-60)
«ตอบ #541 เมื่อ24-07-2017 23:37:25 »

 :เฮ้อ:
แม่ผิดหวังแล้วถามลูกว่า แม่เลี้ยงลูกผิดหรือเปล่า นี่คือแผลในใจลูกแผลที่หนึ่ง
การจ้ำจี้จ้ำไชลูก ให้รายงานตลอดเวลา คือแผลที่กำลังลุกลาม
ถ้ารักษาหายก็คือเจ็บครั้งเดียว ถ้าไม่หายก็คือมะเร็งร้ายที่อยู่ในใจไปตลอดชีวิต และมักจะย้อนกลับมาหาคนที่ห้าม คือแม่

ถ้าคิดว่าลูกยังเด็ก ควรปล่อยให้ลูกคิดเองจนตกตะกอนแต่ก็ไม่ได้ปล่อยปะละเลยคอยแนะนำ ว่าสิ่งที่เขาเลือกเองมันคือความคิดยังเด็กของลูกหรือเปล่า

ออฟไลน์ bulldog17

  • ❤GOT7
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3689
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +265/-12
Re: ண คนกลาง ண ตอนที่ 22 หน้า 18 (24-07-60)
«ตอบ #542 เมื่อ24-07-2017 23:48:25 »

แม่ขา ต้องมีตายกันไปข้างก่อนใช่ไหมถึงจะเปิดใจ :katai1:

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
Re: ண คนกลาง ண ตอนที่ 22 หน้า 18 (24-07-60)
«ตอบ #543 เมื่อ25-07-2017 00:30:14 »

เห้อออ

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
Re: ண คนกลาง ண ตอนที่ 22 หน้า 18 (24-07-60)
«ตอบ #544 เมื่อ25-07-2017 00:49:49 »

เราไม่โอเคกับผีบ้าพลอยแล้วนะ ยังมาเจอที่พีคกว่าอีก เราว่าที่แม่ทำก็ไม่ถูกนะ ยิ่งกว่าการบังคับ นี่คือการควบคุมบงการชีวิตลูกเลยนะ แม่เอาคำว่ารักของตัวเองมาผูกไว้กับกลาง แม่บอกแม่เลี้ยงกลางไม่ดีตรงไหน การที่กลางมีคนรักเป็นเปา กลางไม่ดีตรงไหน กลางก็ยังเป็นกลางของแม่อ่ะ คำว่ารักของแม่แคร์แต่บรรทัดฐานสังคม คำว่ารักของแม่ต้องแคร์กลางด้วย ลูกเจ็บขนาดนี้ แม่ยังทำเป็นมองผ่านเหมือนปกติได้เหรอคะ

ออฟไลน์ XVIII.88

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 440
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0
    • XVIII.88
Re: ண คนกลาง ண ตอนที่ 22 หน้า 18 (24-07-60)
«ตอบ #545 เมื่อ25-07-2017 06:37:59 »

คุณแม่ใจร้ายยยยยยยย

อ้างถึง
“แม่รักกลางมากนะ ถ้ากลางรักแม่ กลางทำตามที่แม่บอกเถอะ”
อยากจะขอถามคุณแม่กลับ
แล้วคุณแม่ไม่รักกลางเหรอ นั่นก็ความสุขลูกนะคะ  :hao4:

แล้วทำไมเปาถึงให้ผู้หญิงมาเรียกที่รัก คิดจะทำอะไรกันแน่

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
Re: ண คนกลาง ண ตอนที่ 22 หน้า 18 (24-07-60)
«ตอบ #546 เมื่อ25-07-2017 08:49:39 »

เครียดหนักมาก แต่ชอบคำพูดของพ่อกลางอ่ะ

ออฟไลน์ zabzebra

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1043
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +83/-1
Re: ண คนกลาง ண ตอนที่ 22 หน้า 18 (24-07-60)
«ตอบ #547 เมื่อ25-07-2017 11:02:52 »

โอ้ยยยยยยย ทะเลาะกันแบบนี้จะทำให้เลิกกันมั้ยคะเนี่ยยย
เอาใจช่วยเปามากๆ เปามาคนเดียวตลอดเลยยยย
แก๊งค์คอหล่นช่วยพี่เปาหน่อยเร้วววว

ออฟไลน์ Yukina

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
Re: ண คนกลาง ண ตอนที่ 22 หน้า 18 (24-07-60)
«ตอบ #548 เมื่อ25-07-2017 11:20:50 »

ดราม่าเกินนนนนนนนนนน ไม่ไหววววว คนแต่งทำร้ายยยยยย
หลายเรื่องมากกกก ไหนจะอิพลอย ยังไม่ได้เอาคืน
ไหนจะแม่ ยังไม่เข้าใจ
ไหนจะรุปเปากะผญ เฮ้ออออออออออ
ยังไงๆเปา สงสารคนกลางมากกกกกกกกกกก
 :katai1: :katai1: :hao5: :hao5:

ออฟไลน์ 205arr

  • เราคงอยู่ไกลกันเป็นพันหมื่นลี้
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 748
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1
Re: ண คนกลาง ண ตอนที่ 22 หน้า 18 (24-07-60)
«ตอบ #549 เมื่อ25-07-2017 19:56:04 »

เข้าใจในการกระทำของตัวละครนะ
รอดูการแก้ปัญหาในตอนหน้าค่ะ
แอบน้ำตาซึมกับคนกลางด้วยเลย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ண คนกลาง ண ตอนที่ 22 หน้า 18 (24-07-60)
« ตอบ #549 เมื่อ: 25-07-2017 19:56:04 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Chise

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
Re: ண คนกลาง ண ตอนที่ 22 หน้า 18 (24-07-60)
«ตอบ #550 เมื่อ25-07-2017 20:35:35 »

เป็นคนกลางมันเหนื่อยจริงๆ
เข้าใจว่าคุณแม่หวังดีแต่ใช้ความรักมาบังคับแบบนี้ไม่โอเคเลย

เกลียดชะนีพลอย จิตใจต่ำจริงๆ หวังว่าเพื่อนคนอื่นจะรู้เช่นเห็นชาตินางเร็วๆ ช่วยเทนางทิ้งที

ออฟไลน์ lemonpreaw

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 882
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
Re: ண คนกลาง ண ตอนที่ 22 หน้า 18 (24-07-60)
«ตอบ #551 เมื่อ25-07-2017 22:22:41 »

เป็นคนกลางมันเหนื่อย

ออฟไลน์ jaevin

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +79/-3
Re: ண คนกลาง ண ตอนที่ 23 หน้า 19 (02-08-60)
«ตอบ #552 เมื่อ02-08-2017 16:24:58 »

23
ความสว่างกลางหัวใจ

ผมรู้ ผมมันแย่ แต่ผมไม่รู้อะไรเลยแม้แต่น้อย ผมเหมือนคนโง่รอคอยว่าเมื่อไหร่เวลาที่ให้ผมทบทวนเรื่องความรู้สึก เวลาที่ให้กลับไปเพื่อนกัน เวลานั้นมันต้องนานเท่าไหร่ จะกี่วัน กี่เดือน กี่ปี ผมไม่รู้เลยซักนิด ผมอาจจะทำร้ายความรู้สึกมันแต่เพราะมันไม่บอกอะไรผมเลย ทุกคนต่างมีเหตุผลเป็นของตัวเองแล้วเหตุผลต่างๆ เหล่านั้นมันกำลังทำร้ายกันและกันให้ย่ำแย่ไปหมด ผมนั่งนิ่งๆ นึกถึงเรื่องที่ผ่านมาแล้วก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะหยิบมือถือที่วางอยู่บนโซฟามาชาร์จแบต มีคนโทรเข้าจนแบตมันหมดไปสินะ ทันทีที่เปิดเครื่องพี่โตก็โทรเข้ามาพอดี

“พี่โต”

(ไปไหนมา)

“ขอโทษ กลางลืมโทรศัพท์ กลางอยู่กับเพื่อน”

(ที่บ้านเป็นห่วงกลางมากนะ...เมื่อคืนโทรหาไม่ติดเลย)

“ขอโทษครับ”

(แต่คนที่ห่วงกลางที่สุดกลางคงรู้ว่าเป็นใคร)

“พี่โต...” ผมเรียกชื่อพี่ชายเสียงเบาเข้าใจความหมายในประโยคนั้นของพี่โตได้ทันที “กลางไม่รู้ว่าจะทำยังไง กลางรู้ว่ามันผิด แม่เสียใจ...แต่กลาง...” ผมไม่เคยทำอะไรนอกกรอบ ตั้งแต่เกิดมา ผมไม่เคยทำให้พ่อแม่ผิดหวัง เชื่อฟังพ่อแม่เสมอ ผมเป็นลูกคนกลางที่ไม่มีอำนาจอะไรเลย ผมชอบความพอดีแต่มาวันนี้ผมเริ่มไม่มั่นใจซะแล้ว ว่าสิ่งที่ผมพร่ำบอก ผมเป็นแบบนั้นจริงๆ รึเปล่า

(กลางฟังพี่นะ ความรักมันก็คือความรัก จะเพศไหนมันก็ไม่ผิดหรอก)

“...”

(กลางอยากทำอะไรก็ทำ ออกนอกกรอบบ้างก็ได้) ผมออกมาแล้ว ผมรักมันไปแล้วแต่แม่เสียใจแล้วผมต้องทำยังไง

“...”

(กลางไม่อยากให้ใครผิดหวังในตัวกลาง...พี่รู้)

“...”

(แต่ถ้ากลางปล่อยให้ตัวเองเสียใจโดยไม่ทำอะไรเลย มันน่าผิดหวังมากกว่ารู้มั้ย)

“...”

(จำที่พ่อสอนไม่ได้หรอ...ไม่ต้องกังวลเรื่องแม่หรอก พี่จัดการเอง)

“พี่โต...เสียใจมั้ย”

(กลางเอ๊ย มึงน้องกูนะ จะเป็นแบบไหนกูรักมึงเสมอ)

ผมเกือบจะยอมแพ้แล้วล่ะ ขอบคุณครับ


วางสายกับพี่โต ผมก็เลื่อนดูแจ้งเตือนของโทรศัพท์ มิสคอลของเพื่อนและครอบครัวโทรมารวมกันเป็นร้อยสาย ที่มีเบอร์นึงที่มันโทรมากกว่าเพื่อนและครอบครัวรวมกันซะอีก ก็ไอ้คนที่มันรอผมจนถึงเช้านั่นแหละ เหลือบมองลูกกุญแจที่ผมเคยให้มันไว้ซึ่งตอนนี้ถูกวางทิ้งไว้บนโต๊ะ


Rrrrrr
เบส

(ไอ้เชี่ยกลางมึงเป็นบ้าไรวะ ติดต่อไม่ได้เนี่ย)

“กูดื่มหนักไปหน่อย”

(มึงเป็นเด็กไม่ดีตั้งแต่เมื่อไหร่ พวกกูเกือบจะแจ้งตำรวจแล้วเนี่ยมึงรู้มั้ย  แล้วมึงกลับมากี่โมง)

“ตีห้า...”

(ชิบหาย ไอ้เชี่ยเปาไม่เป็นบ้าเลยหรอวะ แม่มึงโทรหาไอ้โจ๊กแต่มันไปดูงานแลปที่มออื่น มันเลยให้ไอ้เปาช่วยตามหามึง แล้วไอ้เชี่ยนั่นไม่ตายห่ากลางทางก็บุญแล้ว มึงนี่น้า...)

“หมายความว่าไงวะ”

(มันไปถ่ายงานที่ชลบุรีแต่ยกเลิกงานมาตามหามึงเนี่ย)

อะ...ไอ้เปา...

ไอ้เบสด่าผมรัวจนผมมึน พอวางสายจากไอ้เบสแล้วโทรกลับไปหาไอ้เปาแต่มันก็ไม่รับสายผมซะแล้ว


วันต่อมาผมตั้งใจว่าจะคุยกับมันให้ได้แต่จนแล้วจนรอด ผมก็ไม่เจอมันอยู่ดี ผมไปหามันที่คอนโดพี่เปลบอกว่ามันทำงานที่ต่างจังหวัดอีกหนึ่งวัน อีกอย่างเทอมนี้ผมลงเรียนวิชาวัฒนธรรมเกี่ยวกับศิลปะคนเดียว เวลาว่างทั้งหมดต้องทุ่มให้กับเปเปอร์เดี่ยวที่หาข้อมูลจนหัวแทบระเบิด เสนอหัวข้ออาจารย์ก็ไม่ให้ผ่านผมต้องค้นแล้วค้นอีกเพราะวิชานี้ไม่มีสอบ กว่าจะได้เนี่ยผมแทบคลาน เด็กศิลปะอย่างเพื่อนๆ ผมไม่มีใครลงหรอกครับ แต่ผมชอบนะ ตอนนี้เริ่มไม่ชอบแล้วผมไม่มีเวลาไปไหนเลย พี่เปลพึ่งส่งข้อความมาบอกว่าไอ้เปากำลังจะกลับแต่เพราะผมมีนัดไอ้บ้าเจที่ตะโกนเรียกผมจากที่นั่งหน้าห้องทันทีที่หมดคลาส ไม่ทันกระดิกตัวไปไหน

“เดี๋ยวนี้มึงสนิทกับไอ้เจหรอวะ” ไอ้เบสถามขึ้น

“มันเรียนคัลเจอร์กับกู” อ้อ ลืมบอกไปยกเว้นไอ้เจไว้คนนึงครับ มันลงทะเบียนวิชานี้มาวินาทีสุดท้ายก่อนหมดวันเพิ่มถอน

“เออ..ปล่อยไอ้พวกเนิร์ดไปเหอะ ฟังแล้วกูอยากจะหลับ” ไอ้กล้วยบ่น

“เอองั้นเดี๋ยวกูไปก่อนนะเว้ย อาจารย์จะให้ส่งดราฟท์แรกวันพฤหัสนี้”

“ไอ้กลาง...” ก่อนที่ผมจะเดินออกจากห้องเพื่อนอีกสามคนก็เรียกผมไว้ ขนาดไอ้กล้วยที่เฮฮาเป็นบ้าบอยังส่งสายตากังวลมาที่ผม เรื่องเมื่อคืนผมโดนพวกมันด่าอีกรอบตอนเข้าเรียน

“ว่าไงวะ”

“พวกกูเป็นห่วงมึงกับไอ้เปานะเว้ย” ไอ้เบสพูดขึ้น

“...ขอบใจพวกมึงมาก”

“ตอนที่ติดต่อมึงไม่ได้ มันเหมือนจะตายเลยว่ะ มึงสองคนเป็นเพื่อนพวกกูนะ...เข้าใจมั้ย” มันเดินมากอดไหล่ผม คำหนักแน่นและความกังวลของเพื่อนส่งมายังผมอย่างหนักแน่น ไม่ว่ายังไง พวกเราก็ยังเป็นเพื่อนกัน เพื่อนกลุ่มแรกในชีวิตของผม

“ช่วงนี้ไอ้เปาแม่งดูเงียบๆ ผอมลงด้วย มึงเองก็เหมือนกัน” ไอ้ทัพหยิบกระเป๋าแล้วพูดเสริม

“ถ้ามึงเจอมัน มึงก็ลากมันไปกินข้าวด้วยนะ” ผมเป็นห่วงมันแต่ในเมื่อไม่ได้เข้าใกล้มันในตอนนี้ เพื่อนอีกสามคนก็เป็นความหวังของผม

ไอ้กล้วยส่ายหน้าช้าๆ “มึงก็ไปเองดิวะ จะได้คุยกัน”

“มันคงไม่ยอมไปกับกูหรอก”

“นะ...ถือว่ากูขอร้อง”

“ไอ้กลาง มาเร็วไอ้สัด” ไอ้เจตะโกนเรียกอีกครั้ง มันถือหนังสือกวักผมอยู่หน้าประตูผมเลยพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ก่อนจะหันไปย้ำเพื่อนอีกครั้ง

“เออกูไปละนะ อย่าลืมล่ะ”


ผมยืมหนังสือที่ใช้เขียนรายงานทั้งหมดมากกว่าสิบเล่ม ต้องทำเรื่องขอยืมเกินกว่าจะแบกกลับหอมาได้เหนื่อยชิบ หอสมุดผมไม่ได้เปิดตลอด 24 ชั่วโมงครับ เลยต้องเอากลับมาทำที่ห้อง ไอ้เจมันไปช่วยผมหาหนังสือครับเพราะเราทำเรื่องคล้ายๆ กัน มันหาเจอเรื่องผมก็มาแบ่งให้ผม ถ้าผมเจอเรื่องของมันก็เอาให้มัน ตอนนี้เราแยกกันได้ตั้งแต่สี่ทุ่มแล้วครับแต่ไอ้เจมันไปหาเพื่อนต่อผมเลยต้องเดินกลับหอคนเดียว

ได้ยินเสียงคนเดินอยู่ข้างหลัง...

ผมรู้สึกแปลกๆ เรื่องที่ไอ้เจเคยบอกผมว่าเหมือนมีคนตามกลับมาในสมองผมอีกครั้ง นี่มันสี่ทุ่มกว่านะเว้ย มันก็เงียบๆ ถึงจะมีนักศึกษาบ้างแต่ระหว่างทางจากมอไปหอผมนี่ก็น่ากลัวเหมือนกันนะครับ ผมเหลือบมองแต่ก็ไม่เห็นอะไรรีบเดินดีกว่าเรา หนังสือที่ผมถือสองข้างนี่หนักใช้ได้ครับ เดินมาไม่นานผมรู้สึกว่าความรู้สึกว่ามีคนเดินตามมันจะหายไปแล้ว

ปริ้น ปริ้น

เชี่ย...แทบสะดุ้ง ไหงไม่ได้ยินเสียงรถเลยวะ พอหันไปมองรถที่มาจอดเทียบใจผมก็เต้นแรงขึ้นมา รถไอ้เปานี่นา มันมาทำอะไรดึกป่านนี้ ผมคลี่ยิ้มที่มุมปากเมื่อเห็นว่ากระจกด้านข้างคนขับลดลง

“น้องคนกลาง? มาทำอะไรดึกๆ แบบนี้คะ”

แต่คนที่เอ่ยทักกลับไม่ใช่เจ้าของรถ ผมคลายยิ้มลงช้าๆ สายตาก็จ้องมองไปที่คนขับมันมองผมอยู่เหมือนกัน ที่กำลังเอ่ยทักผมนั้นคือผู้หญิงในรูปนั่น

“น้องกลาง?” เธอเรียกอีกครั้ง

“อ่า...มาห้องสมุดน่ะครับ” ผมละสายตาจากไอ้เปาแล้วตอบกลับ ถึงจะไม่รู้จักก็เถอะ

“ขึ้นรถ” ไอ้เปาพูดเสียงนิ่งๆ

“มาค่ะ ขึ้นรถเร็ว” เธอพูดเชื้อเชิญเหมือนเป็นเจ้าของรถซะเอง ที่ตรงนั้นมันเคยเป็นของผมมาก่อนนะ ผมกัดริมฝีปากล่างแล้วตัดสินใจ

“ไม่เป็นไรครับ อีกไม่ไกล” ผมปฏิเสธแล้วรีบเดินทันที “ขอตัวก่อนนะครับ”

ปัง!

“กลาง!”

ผมรีบจ้ำเท้าเดิน แต่ไอ้คนที่เดินตามมามันกลับคว้าแขนผมไว้อย่างแรงจนถุงหนังสือตกพื้น ตอนนี้ระหว่างเราเกิดบ้าอะไรกันก็ไม่รู้ ทั้งๆ ที่อยากเจอมันมากแท้ๆ แต่พอเห็นมันกับคนอื่นแล้วผมขอหลบก่อนแล้วกัน

“จะถึงแล้วกูไปเองได้”

ไม่รู้ว่าผมมีสีหน้าแบบไหน ไอ้เปามันถึงเบือนหน้าหนีก่อนจะก้มลงเก็บถุงหนังสือแล้วดึงอีกถุงในมือไปถือให้

“กูจะไปส่ง”

ผมไม่ได้ตอบอะไรออกไปหันไปอีกที ไอ้คนเผด็จการมันก็เปิดประตูหลังแล้ววางหนังสือผมไว้บนเบาะเป็นตัวประกัน ผมถอนหายใจก่อนจะเดินไปที่รถมัน ไม่อยากจะขึ้นไปเลยให้ตาย ไอ้เปามันก็ยังไม่เปิดประตูครับ มองผมอยู่อย่างนั้นเหมือนจะให้แน่ใจว่าผมจะไม่ไปไหนจริงๆ

“พี่เอิร์นเป็นพี่สาวกู” ไอ้เปาก็พูดขึ้นมาเบาๆก่อนจะก้าวเท้าขึ้นรถ

“มึงกำลังบอกกูในฐานะอะไร” คำถามที่ผมถามกลับไปนั้นเบาแทบจะเป็นเสียงกระซิบ

ระหว่างทางจากมอถึงหอผมนั้นไม่ไกลมากนัก ปกติข้ามถนนแล้วเดินเข้าไปในซอยก็ถึงแล้ว แต่เพราะเรานั่งรถเลยได้ยืดเวลาอยู่กับมันอีกหน่อย ไอ้เปาต้องไปกลับรถที่สี่แยกไฟแดงข้างหน้านู่นก่อนจะเข้าหอผม พี่เอิร์นเป็นคนอารมณ์ดี บรรยากาศระหว่างผมกับไอ้เปาเลยไม่ค่อยอึดอัดเท่าไหร่นักล่ะมั้ง ใจจริงผมอยากจะเปิดอกคุยกับมันไปเลย แต่เพราะพี่เอิร์นอยู่แล้วมันต้องไปส่งพี่เค้าต่อ วันนี้ก็คงไม่ได้คุยเหมือนเดิม

“ว่าแต่น้องกลางเนี่ยน่ารักกว่าที่เปลโม้ไว้ซะอีกน้า”

“เปล? พี่เปลหรอครับ”

“ใช่จ้ะ มันคุยกับพี่นะแต่พูดถึงแต่กลาง จนพี่แอบหึงแล้วเนี่ย” พี่เปลหันหน้ามาคุยกับผม พอเห็นไอ้กลางทำหน้างงๆ “อุ๊ย พี่ลืมแนะนำตัว นี่พี่เอิร์นนะเป็นแฟนเปลมันน่ะ อย่าเข้าใจผิดล่ะ พี่กับเปลช่วยกันเลี้ยงไอ้เด็กไม่เอาไหนนี่มาตั้งแต่เริ่มเป็นหนุ่ม แล้วเปายังไงเนี่ย ให้น้องกลางมาเดินคนเดียวได้ ฉันจะฟ้องพี่แก”

“...” ไอ้เปาไม่ได้ตอบอะไรกลับแต่สบตากับผมผ่านกระจกหลัง นี่มันกำลังยืนยันกับผมงั้นหรอ

“เอ่อ...ยินดีที่ได้รู้จักครับ”

“จ้ะ...แกนะเปา แทนที่จะไปส่งฉันก่อนเปลมันด่าชั้นใหญ่แล้วเนี่ย ให้มานั่งรอในมอแล้วเดินหายไปไหนตั้งนาน เงินที่ถ่ายงานวันนี้ไม่ต้องเอาฉันจะเก็บเอง เมื่อวานก็โดดกองทีนึงละไปไหนก็ไม่บอก พี่เจี๊ยบด่าฉันซะเละเลย”

“พูดมากน่าพี่เอิร์น” ไอ้เปาทำหน้าหงุดหงิด ส่วนผมก็ทำหน้าเป็นหมางงมองคนสองคนเถียงกันไปมา คนที่ผมให้ในภาพนั่นคือพี่เอิร์นคนนี้น่ะหรอ

“ตรงนั้นใช่มั้ยคะ หอน้องกลาง” พี่เอิร์นหันมายิ้มตอนที่ไอ้เปาตบไฟเลี้ยวเข้าซอยหอของผม

“อ่า ใช่ครับพี่”

เวลานั่นหมดลงแล้ว ผมลาพี่เอิร์นและบอกขอบคุณไอ้เปาเบาๆ พอรถจอดที่มุมตึก ผมก็ค้อมหัวขอบคุณแล้วเดินออกมาจากรถทันที

“กลาง!” ผมหันไปตามเสียงเรียกก่อนที่จะเดินเข้าประตูหอ ไอ้เปาวิ่งตามมาในมือสองข้างของมันถือถุงหนังสือของผมอยู่ ผมตั้งใจลืมมันเอาไว้ ถ้าผมไม่ลืมมันไว้ เราอาจจะไม่ได้คุยกันเลยก็ได้ ผมเดินกลับมาหามัน

“หนังสือ”

“อ๋อ...ขอบใจมาก”

หลังจากยื่นมือไปรับก็เกิดเดธแอร์โคตรๆ ไอ้เปามองหน้าผมนิ่ง สายตาของมันมองตรงมาที่ผม มันคล้ายจะพูดอะไรแต่ก็อึกอักอยู่แบบนั้น ระหว่างเรามันเป็นแบบนี้ไปได้ยังไง ไอ้บรรยากาศแบบนี้ ผมวางหนังสือที่หนักไว้กับพื้น พอวางลงแล้วมันก็ไม่หนักแล้ว...มันไม่หนักเลย...ถ้าเราวางมันลง

“ไอ้เปา” ก่อนที่อะไรมันจะสายไป... “เรื่องเมื่อวานที่กูตะโกนใส่มึง กูขอโทษนะ...กูรู้ว่ามึงเป็นห่วงแต่ก็ยังพูดจาไม่ดีอีก”

“....”

“กูไม่รู้ว่าแม่พูดอะไรกับมึง ไม่รู้ว่ามึงต้องเจออะไรบ้าง แต่ถ้าเรายังไม่ได้เลิกกันมึงแชร์ให้กูได้มั้ย” ไอ้เปามองผมด้วยสายตาที่มีหลากหลายความรู้สึกอยู่ในนั้น แววตาที่ล้อกับแสงไฟของมันยังน่ามองเหมือนเดิม มันกัดริมฝีปากแน่นพอเห็นสีหน้าของผมเหมือนกำลังข่มความรู้สึกบางอย่าง

“กลาง...กูน่ะเป็นแฟนที่แย่ใช่มั้ย ทำอะไรก็ไม่ได้เรื่อง ดูแลมึงก็ไม่ดี ดูสิ ตอนนี้มึงต้องมาเสียใจเพราะกูอีก” มันยกมือวางบนหัวผม สัมผัสที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิดและขอโทษ มันหลุบตาต่ำก่อนจะพูดเสียงเบา

“วันนั้นที่กูคุยกับคุณน้ากูรู้ทันทีว่าคงต้องเสียมึงไป ทางเดียวที่กูยังเห็นมึงได้คือกลับไปเป็นเพื่อนมึง ทางเลือกกูมีแค่นั้นจริงๆ ถึงจะทรมานแต่ก็ยังพอไหวล่ะมั้ง”

“...” มันฝืนยิ้ม ถึงตรงนี้ไม่เห็นมึงจะไหวตรงไหนเลย

“แต่มึงก็รู้ว่ากลับไปเป็นเพื่อนมึงมันไม่ได้ทำได้ง่ายๆ กูพยายามแล้วแต่แม่งยากจัง ขอโทษนะที่ไม่ได้บอกอะไรมึงเลย ขอโทษที่ทำให้เสียใจ มึงมีครอบครัวที่ดี คุณน้าเค้ารักมึงมาก และครอบครัวมึงก็คือทุกอย่างของมึงเหมือนกัน ขอโทษนะที่กูเห็นแก่ตัวตัดสินใจแทนมึงแบบนั้น”

“...” ทำไมต้องคิดแทนผมขนาดนั้น...เคยคิดถึงความรู้สึกตัวเองบ้างมั้ยวะ

“ถ้าวันนึงคุณน้าเข้าใจ กูก็จะยืนยันคำเดิม กูไม่เคยเปลี่ยนใจ ความรู้สึกของกูที่มีต่อมึงมันเหมือนเดิมตั้งแต่ 6  ปีที่แล้ว ชีวิตกูเหลือแค่มึงกับพี่เปลเท่านั้น”

ความรักของมึงคือการเสียสละสินะ... ไอ้เปาดูภายนอกอาจจะเข้มแข็งแต่เพราะเป็นผม จึงรู้ดีกว่าใครว่าไม่ใช่เลย ถึงมันจะเปลี่ยนไปจากเดิมแค่ไหนแต่ความกลัวที่ถูกมันกดไว้ลึกๆ ก็ยังอยู่กับมันเสมอ 

“กูต้องไปแล้วล่ะ” มันยิ้มขำก่อนจะชูโทรศัพท์มือถือที่โชว์สายโทรเข้าจากพี่เอิร์น “มึงดูแลตัวเองด้วยนะ” พูดจบมันก็รีบหันหลังเดินไปทันทีไม่รอให้ผมตอบอะไร หมายความว่ายังไง

ผมเช็ดน้ำตาจากหางตาที่ไหลมาตอนไหนก็ไม่รู้ก่อนจะรีบตะโกนตามหลังเหมือนพึ่งได้สติ อีกไม่กี่ก้าวจะถึงรถของมันแล้ว คนกลางอย่างผมกำลังจะฉีกทุกกฎ

“ไอ้นกกระปูดแดง! กูน่ะ...ไม่ได้อยากเป็นเพื่อนกับมึงอีกแล้วโว้ย!!”

มันชะงักและหันกลับมาอีกครั้ง ผมจึงรีบพูดต่อ

“ครอบครัวสำคัญกับกูก็จริง แต่มึงก็สำคัญกับกูเหมือนกัน เราผ่านมันไปด้วยกันไม่ได้หรอ!”

“...”

“มึงบอกเองนี่ว่าเป็นเพื่อนกันมันยากถ้างั้นก็ไม่ต้องเป็นสิ!”

“...”

“...เรากลับมาเป็นเหมือนเดิมได้มั้ย!!?...”

วินาทีแรกมันยืนอึ้ง วินาทีต่อมามันยิ้มมุมปากก่อนจะใช้มือปิดตาตัวเองไว้ ผมรีบวิ่งไปหามันทันที

“กลับมาเป็นเหมือนเดิมเถอะ มึงไม่ต้องฝืนหรอก เราจะผ่านมันไปได้ หลังจากฟังกูพูดคำนี้แล้วมึงค่อยตอบกูนะ...”

ผมเอื้อมมือไปจับมือที่มันปิดตาไว้ สัมผัสเปียกชื้นตรงข้ามแก้มมันโดนมือผม ผมยืดตัวไปกระซิบข้างหูมัน พูดให้มันฟังช้าๆ ชัดๆ และนั่นเป็นครั้งแรกที่ผมพูดคำนี้กับมัน

“กู รัก มึง”

จริงๆ นะเว้ย



ก๊อกๆ

“ไอ้กลาง กูเอง”

“แปบนึงง”

แกรก!

“มาทำไมแต่เช้าวะไอ้โจ๊ก” ผมเปิดประตูให้มันแล้วเดินง่วงๆ มานอนต่อที่โซฟา กระดาษและหนังสือกระจายตัวยึดพื้นที่ห้องผมไปหมดแล้ว

ผลัวะ!

“เช้าพ่อมึงสิ นี่จะเที่ยงแล้ว”

ผมมองค้อนมันไปที จะรู้ได้ไงวะ คนพึ่งตื่น ตบมาได้ “มึงรู้ได้ไงว่ากูอยู่ห้อง”

ไอ้โจ๊กใส่เสื้อกล้ามกับบ๊อกเซอร์เน่าๆ มานั่งทับขาผมที่นอนเหยียดอยู่บนโซฟา ลำบากผมต้องลุกขึ้นนั่งอีก แม่ง มันใช้นิ้วเคาะหน้าผากผมพร้อมกับยื่นถุงข้าวมาให้

“ก็ข้าวมึงห้อยอยู่เนี่ย ไม่ออกมาเอาตั้งแต่เช้ากูก็รู้ดิ”

“แสนล้านรู้จริงจริ๊งงง”

“ไม่ต้องมาด่ากู มึงอะ...ไอ้กลาง สีหน้าดีกว่าวันก่อนๆ แล้วนี่หว่า สายของกูรายงานมาว่า มึงไปทำอะไรไว้เมื่อคืน”

“ทำไรวะ” มึงจะยิ้มกรุ้มกริ้มทำไมวะ หน้าตาดูไม่ได้ไอ้ลิงเอ๊ย

“ทำมาไข่สื่อ เอ๊ย ไขสือ”

“ยุ่ง...” ผมไม่ตอบก่อนจะเลี่ยงคำถามมัน “แล้วก็ไม่ต้องซื้อข้าวมาให้กูแล้วนะ ถ้าหิวจะไปหาอะไรกินเอง”

“ข้าวอะไร” มันทำหน้างง

“นี่ไง” ผมชี้ไปที่ถุงโจ๊ก อะไรของมันก็ถือมาเองแท้ๆ

“ไอ้จ๊าดง่าว กูไม่ใช่คนประเสริฐขนาดนั้น ข้าวกูยังขี้เกียจแดกแล้วกูจะไปซื้อให้มึงทำเหี้ยไร” ไอ้เชี่ยโจ๊ก แม่กูบอกให้ดูแลกูมึงยังรับปากเลย

“อ้าวแล้วนี่อะของใคร” แล้วที่มาห้อยหน้าห้องผมทุกวันคือของใครครับ วันไหนที่ผมเรียนเช้าก็จะเป็นน้ำเต้าหู้ปลาท่องโก๋ วันไหนที่ผมไม่มีเรียนก็จะเป็นข้าวเลยทีเดียว

“มีสมองคิดเอาเองครับไอ้โง่! คนที่มึงไปตะโกนใส่เค้าเมื่อคืนน่ะใครครับ เวลามันไม่ว่างก็เสือกมาลำบากกู เป็นกูนะจะปล่อยให้ไอ้กลางแห้งตายแม่งเลย”

ตะโกน เมื่อคืน อะ...ไอ้เปาหรอ.... ประโยคที่สองของไอ้โจ๊กยังวนเวียนซ้ำอยู่ในหัว

นี่มันซื้อข้าวมาให้ทุกวันเลยหรอวะเนี่ย หึหึ ไอ้เปา...เพื่อนกันไม่ได้ดูแลกันขนาดนี้หรอกนะเว้ย รีบๆ ตอบได้แล้ว

“แหน่ะ ยิ้มเลย”

“อะไรของมึง”

“อย่ามาทำซึน แต่ยิ้มแค่ก็ดีแล้ว” มันยื่นมือมาผลักหัวผมอีกทีแล้วเอ่ยถามขณะที่มองหนังสือที่เกลื่อนพื้น “แล้วมึงทำไรอยู่ตื่นสาย”

“ทำเปเปอร์อะดิ เริ่มคิดผิดที่ลงละ”

“สมน้ำหน้า งานคณะมึงก็โหดอยู่แล้วยังเสือกหางานเพิ่ม”

“ก็แม่ง...คนมันเศร้านี่หว่า”

“ไอ้โง่เอ๊ย”

“วันนี้หลายรอบแล้วนะ โง่เนี่ย”

“ก็มึงมันโง่จริงๆ อะ ความรักมักทำให้คนโง่ เพราะว่ารัก คนเราถึงคิดอะไรโง่ๆ ทำอะไรโง่ๆ ที่ไม่ใช่ตัวเองไปชั่วขณะหนึ่ง”



ไอ้โจ๊กไปแล้วครับ ผมเดินไปล้างหน้าออกมากินข้าวที่มีคนเอามาห้อยไว้ เมื่อคืนหลังจากที่ผมบอกรักมันไป อ่า...ให้ตายเถอะครับ อายชะมัด...มันดูอึ้งไปนิดหน่อยแต่เหมือนจะกลั้นยิ้มไว้ยังไงก็ไม่รู้ ผมอยากจะกอดมันแต่พี่เอิร์นเปิดประตูออกมาก่อน ผมกับไอ้เปาถึงหลุดขำ นี่พี่เอิร์นคงรอนานแล้วสินะ

ก็นั่นแหละครับ ไอ้เปามันก็ขับรถออกไปและมันยังไม่ได้ตอบคำถามของผมแต่รอยยิ้มที่ติดมุมปากของมันก่อนจะไปทำให้ผมใจชื้น ไอ้เปาคนบ้ากำลังจะกลับมาแล้วใช่มั้ย ผมตักโจ๊กที่อุ่นเรียบร้อยมานั่งกิน จู่ๆ ก็นึกขึ้นได้ผมยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปโจ๊กแล้วส่งไปให้ไอ้คนที่แอบซื้อมาให้

“โอ้โห อร่อยเว่อร์ คนซื้อให้ใจดีจัง”

ผมออกเสียงขณะที่พิมพ์ไลน์ไปหาไอ้เปา วางโทรศัพท์ไว้ข้างๆ ก่อนจะเริ่มต้นกินอีกครั้ง ตักกินไปพักหนึ่งเสียงแจ้งเตือนก็ดังขึ้น

ติ๊ง
Paramatkrikri
รีบๆ กินซะ
พูดมาก
ข้าวตั้งแต่เช้าแล้วพึ่งจะแดก


ยอมรับแล้วหรอว่าเป็นคนซื้อมา

หึ....ไอ้เด็กน้อยเอ๊ย เป็นห่วงก็บอกมาตรงๆ

ผมกดส่งสติ๊กเกอร์หมีกินอาหารไปให้มัน



Khonklang
เป็นใครหรอมาสั่งอะ


Paramatkrikri
หึ หลอกกูตอบมึงหรอ


มันรู้ทันครับ ผมกวนตีนมันหน่อยๆ แล้วมันก็ขอตัวไปทำงาน ช่วงนี้ได้ข่าวว่ารับเยอะ หาเงินไปทำไรเยอะแยะวะ ผมกินข้าวมื้อเที่ยงนี้อย่างมีความสุข ไอ้เปามันคุยกับผมเหมือนเดิมแล้ว ดีใจโคตรๆ มีแรงทำงานแล้ว คิดแล้วก็รีบตอบนะเว้ย ผมพูดในใจพลางมองรูปที่มันวาดให้อีกครั้ง

ติ๊ง
JJ green
ไอ้เชี่ยกลาง รีบปั่นนะมึงอีกวันเดียว

ไอ้ตัวตัดบรรยากาศเจเอ๊ย หลังจากกินโจ๊กเพิ่มพลังใจแล้วผมเริ่มปั่นงานอีกครั้ง เตรียมข้อมูลพร้อมจะพิมพ์แต่พอพิมพ์ไปจริงๆ กลับคิดว่ามันไม่ถูก วนไปวนมาอยู่อย่างนั้น จะทำยังไงดีวะเนี่ย ผมคุยงานกับไอ้เจยาวเหยียด ปรึกษาแค่มันเท่านั้นแหละครับ ไอ้เจบอกว่าให้ค่อยๆ คิดถ้าไม่ไหวให้ทำตามที่เข้าใจ แล้วค่อยปรึกษาอาจารย์ตอนส่งดราฟท์แรก เผื่อจะลืมไปครับอาจารย์ผมปีหนึ่งเองง

ทำงานข้ามวันใหม่ ง่วงก็นอนที่พื้นสะดุ้งตื่นก็มาพิมพ์ต่อ ตอนฝันยังฝันว่านั่งทำงานเลยครับ ผมไม่ได้ติดต่อใครเพราะตอนนี้กำลังเร่งมือ นอนรวมสองวันยังไม่ถึงห้าชั่วโมง ผมไม่ได้ออกไปไหน ข้าวก็ไม่ได้กิน ในตู้เย็นผมยังพอมีขนมปังเหลืออยู่สองสามแผ่น ยัดๆ ให้มันไปต้านกับน้ำย่อยเท่านั้นแหละครับ

หายนะเริ่มมาเยือน...ขณะนี้ห้าโมงของวันพุธแล้ว หัวผมตื้อไม่ไหวแล้วเลยไปล้างหน้าแปรงฟันให้มันตื่น ส่องกระจกแทบสะดุ้งครับ แม่ก็ไม่ได้โทรมาตั้งแต่วันก่อน ผมขอเวลาทำงาน ตั้งแต่วันที่ติดต่อผมไม่ได้ แม่เหมือนจะกลับมาเป็นปกติ บอกแค่ว่าให้ดูแลตัวเองแล้วก็วางสายไป อ๊ะ...ไอ้เปาล่ะ โทรศัพท์ผมอยู่ไหนวะ ผมเดินถือแปรงสีฟันออกมาที่หน้าโซฟา เดินฝ่ากองกระดาษและโน้ตบุ้คที่ใช้ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง โทรศัพท์ผมอยู่ใต้หนังสือเล่มหนึ่ง

ไอ้เปาโทรมาหนึ่งสายถ้วน เมื่อสิบโมงเช้า ผมเลยรีบโทรกลับไปทันที มันรับสายผมด้วยประโยคนี้

(กูทำงานอยู่คุยนานไม่ได้)

“มึงโทรมาเพราะจะตอบกูแล้วหรอ” ไอ้เปามันคิดอะไรเยอะขนาดนี้ หรือมันเริ่มเอาความคิดมากจากผมไป

(เปล่ากูจะบอกว่าวันนี้กูซื้อข้าวให้มึงเป็นวันสุดท้าย)

“ทำไมล่ะ” ผมตอบคล้ายละเมอ มันจะเลิกแล้วหรอ...

(พรุ่งนี้กูจะพามึงไปกินข้าวเอง) ใจผมเต้นตึกตัก แปรงสีฟันแทบร่วงลงจากมือ

“จริงหรอ จริงๆ นะ”

(อืม แล้วข้าววันนี้อร่อยมั้ย)

“เอ่อ...” ข้าว? ตายล่ะ ผมยังไม่ได้เดินออกไปจากห้องเลยทั้งวัน

(อย่าบอกนะว่ามึงไม่ได้กิน)

“เปล่าๆ อร่อยๆ ต้มยำโคตรอร่อยเลย”

(กูไม่ได้ซื้อต้มยำ กลาง) มันกดเสียงต่ำ ผมไม่ทันได้ตอบอะไรก็มีเสียงเรียกมันดังขึ้นไกลๆ (กูต้องไปแล้ว กินข้าวซะ ติ๊ด..)

รู้สึกเหมือนจะโดนโกรธแฮะแต่ทำไมผมยิ้มล่ะ แปลกจัง

ผมเดินยิ้มเป็นคนบ้าออกไปหน้าประตูก็เห็นข้าวเช้าห้อยอยู่ แกงเขียวหวานกับข้าวสวย แต่มันคงกินไม่ได้แล้วล่ะ ผมเดินไปที่ตู้เย็นมองตู้เย็นที่มีแต่น้ำเปล่าแล้วก็ถอนหายใจ ผมไม่อยากเสียเวลาลงไปพรุ่งนี้ต้องส่งแปดโมงเช้า เอาวะแค่น้ำเปล่าก็ได้

ผมเริ่มต้นทำงานอีกครั้งด้วยสติไม่ค่อยเต็มร้อย ด้วยความที่นอนน้อยมากๆ อาการมึนหัวเริ่มโจมตีผมอีกครั้ง ผมทำงานต่อเนื่องมาจนถึงตีห้ามันยังไม่ดีที่สุดแต่สมองผมล้ามากแล้ว ผมตัดสินใจหลับตาพัก

เฮือก!

ผมสะดุ้งตื่นยกหัวขึ้นจากหมอนบนพื้นหน้าโซฟาอย่างรวดเร็ว ทำให้ต้องล้มตัวลงไปอีกครั้ง เชี่ย....ห้องหมุน ตอนนี้ผมรู้สึกตัวหมุนเป็นวงกลม มองไปทางไหนก็หมุน หลับตายังหมุนเลย กลืนน้ำลายเค็มๆ ลงคอตอนที่นอนนิ่งอยู่แบบนั้น ผมควานหาโทรศัพท์รอบตัว

“7 โมง”

ไม่ได้ ผมต้องลุกขึ้น วันนี้ผมจะได้กินข้าวกับไอ้เปานะ แล้วดราฟท์นี้ต้องส่งเป็นเล่ม อาจารย์คนนี้ต้องตรวจจากงานที่ปริ้นเสร็จแล้วเท่านั้นผมถึงต้องไปส่งด้วยตัวเอง แม่งเอ๊ย หมุนก็หมุนดิวะ ผมเดินคลำทางไปที่ห้องน้ำ ลืมตามากก็หมุน ผมกัดฟันรีบอาบน้ำอย่างเร็วที่สุด คิดว่าจะทำให้ดีขึ้นแต่แม่งยิ่งแย่ลงกว่าเดิม ผมรู้สึกว่าสีหน้าผมตอนนี้แทบไม่มีสีเลือด ได้แต่ด่าตัวเองว่ามึงไม่ควรอาบน้ำนะไอ้กลาง

ทุกอย่างดูช้าไปหมด นาฬิกาโทรศัพท์บอกว่าตอนนี้เจ็ดโมงครึ่งแล้ว ผมแทบคลานออกมาจากหอ ตอนนี้มันไม่หมุนมากเท่าไหร่แต่หัวผมหนักอึ้งเหมือนมีหินมาทับกันไว้ มองหาวินมอเตอร์ไซค์ก็ไม่มีซักคัน ผมตัดสินใจจะเดินข้ามถนนไปมอเอง ถ้าไม่ไปตอนนี้มันจะไม่ทัน

“กลาง!!!”

ขณะที่ผมยืนรอข้ามถนนอยู่นั้นก็มีเสียงเรียกฝั่งตรงข้าม มีคนสองคนกำลังยืนโบกมือให้ผมอยู่

“พ่อ แม่” มาได้ยังไงแล้วไม่โทรบอกผมเลย ผมยิ้มแล้วยกมือหนักๆ ชี้ไปที่ฝั่งนู่นบอกว่าผมกำลังจะข้ามไป มองรถฝั่งนี้ที่เริ่มมีช่องว่างให้ผมข้ามพร้อมกับสติของผมที่เริ่มติดๆ ดับๆ อาการมึนหัวทำให้ผมเริ่มพยุงตัวเองไม่อยู่ ผมจิกเท้าตัวเองจนขามันเริ่มสั่น

ทันใดนั้นคนที่ยืนข้างๆ ผมก็ออกเดินไปรอที่เกาะกลางถนนทีละคนสองคน ลำคอผมแห้งผาก ผมกระชับสายกระเป๋าสะพายไว้แน่นก่อนจะเริ่มก้าวไปที่ทางม้าลาย เพราะผมฝืนมากเกินไป ไหล่ของผมเหมือนโดนกดไว้ ขาแทบจะก้าวไม่ออก สมองไม่รับรู้อะไรอีกแล้ว ขาของผมทรุดลงข้างหนึ่ง แต่ก่อนที่ร่างกายจะล้มลง

“กลาง!!!”

เสียงทุ้มที่บอกว่าจะมารับผมกินข้าวก็ตะโกนลั่น ใช่สิ วันนี้ผมจะไปกินข้าวเช้ากับมัน เสียงมันดังขึ้นพร้อมๆ กับเสียงร้องแทบขาดใจของแม่ที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามและเสียงแตรรถดังสนั่น ผมสัมผัสความตื่นกลัวเป็นครั้งแรกในชีวิตที่แทรกเข้ามาในสติที่แทบไม่เหลือเลย

ปริ้นนนนนนนนนนนนนนนนนนน!!!

.
.
[ต่อด้านล่างค่ะ]

ออฟไลน์ jaevin

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +79/-3
Re: ண คนกลาง ண ตอนที่ 23 หน้า 19 (2-08-60)
«ตอบ #553 เมื่อ02-08-2017 16:25:43 »

.
.
[ต่อจากด้านบน]

ทำไมมันหนักแบบนี้ แค่จะยกตาขึ้นก็ทำไม่ได้ ผมอยู่ที่ไหน นี่วันอะไรแล้ว เจ็บตรงแขน ยกไม่ได้ ทำไมหนักขนาดนี้ แถมยังรู้สึกตึงๆ ที่เข่าด้วย

“กลาง...ลูก” เสียงแม่นี่

“กลาง” เสียงพ่ออีกคน

“กินน้ำก่อน” นั่นพี่โตหรอ

แล้วไหนเสียงอีกคนล่ะ...

“อึก...” ทำไมคอแห้งขนาดนี้ ผมลืมตาขึ้นอย่างยากลำบาก เพ่งมองตั้งนานกว่าจะมองแบบปกติได้

“กินน้ำก่อนลูก”

“แม่....กลางส่งงานรึยัง” จิตใต้สำนึกผมสั่งครับ หลังจากมองรอบๆ ห้องแล้วเห็นครอบครัวตัวเองทำหน้าตาเป็นกังวลมาให้

“เด็กคนนี้หนิ ตัวเองจะตายอยู่แล้วยังจะห่วงส่งงาน เป็นลมกลางถนนเกือบจะโดนรถชนเข้าให้”

“ทำงานอะไรนักหนา กลางความดันต่ำมากเลยรู้มั้ย” พ่อบ่น ส่วนพี่โตกับเล็กก็ค่อยๆ ประคองผมขึ้นเล็กน้อย

“แม่ใจเกือบวายน่ะรู้มั้ย ถ้าไม่ได้เปามารับไว้”

“เปา?”

“ใช่จ้ะ...กลางพักผ่อนอีกซักนิดนะลูก หมอบอกว่ากลางนอนน้อยข้าวปลาก็ไม่กิน นอนอีกหน่อยพรุ่งนี้ก็ได้กลับแล้ว” ผมมองเสาน้ำเกลือข้างๆ พลางรวบรวมความคิด แม่ให้ผมนอนลงอีกครั้งไม่นานผมก็ผล็อยหลับไป






“บอกตามตรงว่ากูเห็นด้วยกับแม่ พอเห็นหน้าน้องกูช้ำแบบนั้นก็สมควรแล้วล่ะที่มึงต้องทำตามแม่”

เสียงพูดคุยดังแว่วมา ผมค่อยๆ ลืมตาขึ้นในห้องตอนนี้มืดสลัวมีแค่ไฟตรงช่องประตูเล็กน้อยทำให้พอมองเห็นอะไรได้บ้าง เสียงที่คุยกันคงดังมาจากระเบียงเพราะผมเห็นชายผ้าม่านปลิวเล็กน้อย ประตูระเบียงคงติดไม่สนิทสินะ ผมกำลังจะร้องบอกแต่ได้ยินเสียงคุ้นๆ จึงนิ่งฟัง และลืมตาในความมืด

“ผมดูแลกลางไม่ได้ มันก็สมควรแล้วที่พี่จะโกรธผม ก็ผม...สัญญากับพี่ไว้แล้วแท้ๆ”

“ที่กูช่วยมึงตั้งแต่แรกเพราะกูเห็นในความพยายามของมึง มึงรับปากกูแล้วว่าดูแลกลางให้ดี กูถึงอนุญาต”

“ขอโทษครับ และผมก็ขอบคุณที่พี่ช่วยผมตลอดเลย”


....หมายความว่ายังไง....


....พี่โตกับไอ้เปารู้จักกันงั้นหรอ...


“ไอ้เปากูรู้จักมึงมาสองสามปีแล้ว มึงก็เหมือนน้องชายกูคนนึง อีกอย่างกูทนเห็นน้องเป็นแบบนั้นไม่ไหวหรอก ทั้งคู่เลย แต่จริงๆ แล้วน่ะมึงรู้มั้ย มึงดูแลน้องกูดีทุกอย่างเท่าที่คนๆ นึงจะทำได้แล้ว กูรู้...ทุกคนรู้...แต่เพราะมึงไม่ใช่ซุปเปอร์ฮีโร่...”

“....”

“มึงไม่ต้องโทษตัวเอง ไม่มีใครทำได้ทุกอย่างหรอก กูเองก็เหมือนกัน ถึงตรงนี้กูเลยกลับมาคิดว่า มึงควรได้รับโอกาส เพราะมึงยอมเจ็บอยู่คนเดียวแบบนี้กูถึงตัดสินใจพูดกับแม่ อีกอย่างกลางมันก็เสียใจมากเหมือนกันถึงมันจะไม่เคยพูดอะไรก็เถอะ แต่กูยังสงสัยทำไมมึงไม่บอกแม่ไปตั้งแต่แรกวะ”

“...”

“ถ้าแม่จำมึงได้ ป่านนี้รีบเอาชื่อมึงเข้ากองมรดกไปแล้ว”

“ผมไม่มีสิทธิ์ขนาดนั้นหรอกพี่ ตอนนั้นผมคิดว่าผมแม่งไม่ดีพอซักอย่าง แถมคนที่กลางรักอย่างคุณน้ากำลังร้องไห้ขอร้องเด็กอย่างผมแบบนั้น...ผมคิดอะไรไม่ออกนอกจาก..ยังอยู่กับมันก็พอ...”

“มึงนี่น้า...แต่ไม่ต้องบอกก็ดีเหมือนกัน ให้แม่รู้สึกด้วยใจของแม่ดีกว่า”

“แต่ยังไงก็ขอบคุณมากนะครับพี่”

“ไม่ต้องขอบคุณบ่อยๆ กูสิต้องขอบคุณมึงมากกว่าครอบครัวกูเป็นหนี้มึงอีกแล้ว”

ครืด!

ผมแทบสะดุ้งแต่ก็หลับตาได้ทันเวลา ได้ยินเสียงฝีเท้าเดินมาข้างๆ เตียง มือใครซักคนวางบนหน้าผากผมแผ่วเบา

“พี่จะนอนที่นี่มั้ย”

“ไม่ล่ะ กูจะไปนอนกับไอ้ภู เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้ามึงจะออกไปรับพ่อกับแม่ใช่มั้ย”

“ครับ”

“งั้นเจอกันพรุ่งนี้ ดูน้องกูดีๆ ล่ะไอ้เล็กฝากมา”

“ครับพี่ เจอกันครับ”

เสียงฝีเท้าดังขึ้นอีกครั้งพร้อมกับเสียงประตู คนที่นอนเฝ้าผมวันนี้คือไอ้เปา นี่แม่ผมยอมรับมันแล้วใช่มั้ย พี่โตบอกพูดหมายความว่ายังไง

“ข้าวปลาก็ไม่กินรอไปกินข้าวกับกูอยู่หรอ หืม...” ไอ้เปาเกลี่ยผมหน้าปรกหน้าผมเบาๆ มันพูดกับผมเหมือนดุเด็กเล็กๆ คนหนึ่ง

 “....”

“อย่าเป็นแบบนี้อีกนะ ไม่รักตัวเองก็เอามาให้กู”

“....”

“กูจะรักให้เอง เข้าใจมั้ย...”

“...”

“ฝันดีนะ..” ไอ้เปาก้มหน้ามาใกล้ผม ลมหายใจร้อนเป่ารดหน้าผากก่อนที่สัมผัสชื้นๆ จะอุ่นวาบที่หน้าผาก ก่อนที่มันจะผละไปผมเรียกมันเสียงเบา

“เปา...”

“เชี่ย...เฮ้ย กลาง! มึงตื่นแล้วหรอ หิวน้ำมั้ย เข้าห้องน้ำหรอ”

“ขอกอดหน่อยได้มั้ย” ผมขอแค่นี้... ไอ้เปาที่ลนลานอยู่หยุดนิ่ง มันเดินมานั่งที่ข้างเตียงอีกครั้งแล้วค่อยๆ พยุงผมขึ้นนั่ง ผมมองมันตาปริบๆ แล้วพูดอีกครั้ง

“ขอกอดหน่อย กู...คิดถึง”

มันส่ายหน้าช้าๆ แต่เลื่อนตัวขึ้นมานั่งบนเตียงคนไข้ ผมวาดแขนกอดเอวของมันให้ความอบอุ่นแทรกซึมเข้ามาระหว่างเรา คิดถึงจะตายอยู่แล้ว

“ตื่นมาทำไมเนี่ย”

“ตื่นมาฟังคำตอบ” ผมเงยหน้ามองไอ้เปา มันชะงักตัวไปนิดหน่อย ใบหน้าที่มีแสงสลัวกระทบดูอิดโรยแต่ทั้งหมดที่เป็นมันก็ยังน่ามองเหมือนเดิม

“งั้นฟังดีๆ นะ กูจะไม่กลับไปเป็นแบบเดิมอีก...”

“...มึง...” มันเอื้อมมาเช็ดน้ำตาให้ผม เจ็บจัง

“เพราะว่าเรายังไม่ได้เลิกกัน ขอโทษสำหรับทุกอย่างและขอบคุณที่มึงไม่เป็นอะไร”

“กูคิดว่า..เราจะ...อึก” ผมมันโคตรอ่อนแอ ผมพิงตัวทั้งหมดไปที่มัน ซบที่ไหล่ของไอ้เปา ปล่อยให้น้ำตาร้อนๆ ไหลออกมา ไอ้เปาลูบหัวผมช้าๆ

“เป็นเพราะความกล้าหาญของมึงมันซัดไอ้เปาคนไม่เอาไหนซะกระเด็นเลย มึงยังสู้ขนาดนี้แล้วกูจะปล่อยให้มันเป็นแบบนี้จริงๆ หรอ เพราะกูรู้แล้วว่าความผิดพลาดครั้งที่เลวร้ายที่สุดคือการที่ปล่อยมึงไว้คนเดียว”

“...”

“ร้องทำไม...”

“กู...ดีใจ....ถ้ากูไม่ตะโกนไปแบบนั้นมึงคิดจะบอกกูบ้างมั้ย”

“คิดตลอดเวลานั่นแหละ อยากจะพามึงหนีไปเลย หึ อันที่จริงกูอยากจะเททุกอย่างทิ้งตั้งแต่ได้ยินเสียงมึงแล้ว ยิ่งมึงไปนอนกับไอ้เจอีก...”

“กูนอนพื้น ไม่ได้นอนกับมัน”   

“ไม่รู้แหละ แม่งหงุดหงิดชิบหายทำงานก็ไม่ได้”

“ก็มึงนั่นแหละคิดอะไรคนเดียวให้กูคิดมากตั้งนาน แถมยังมีรูปกับพี่เอิร์นอีกกูเศร้าอะ”

“พี่เอิร์นเห็นกูนั่งเงียบๆ เลยแกล้งกู แต่ตอนนั้นไม่มีอารมณ์สนใจหรอกกำลังตามหาโทรตามบางคนอยู่” มันเหลือบมองบางคนที่ว่าก่อนจะหัวเราะในลำคอ “...มึงหึงหรอ”

ยังจะถามอีกนะ “...เออ! ขนาดกูไปกับเจมึงยังเป็นบ้าขนาดนั้นเลย ตวาดกูด้วย”

“ขอโทษ...” ปกติมันจะดี๊ด๊าถ้าผมหึงมัน แต่ตอนนี้มันกลับทำหน้าหงอยลงถนัดตา

“ไม่ยกโทษให้โว้ย มึงต้องสัญญากับกูจากนี้ไป มึงต้องบอกกูทุกเรื่อง...เราต้องคุยกันเสมอ” ผมเงยหน้ามองมัน ไอ้เปาทำท่าคิด ส่วนผมก็ยื่นมือซ้ายไปตรงหน้ามัน “เร็วๆ ถ้ามึงไม่สัญญากูไม่หายโกรธมึงหรอก” ไอ้คนกลางอย่างผมไม่อยากขออะไรมาก ให้ผมได้รู้บ้างอะไรที่มันทุกข์ อะไรที่มันสุขผมก็ยินดี

“สัญญา...” มันยื่นมือมาเกี่ยวก้อยกับผมก่อนจะยกยิ้มแสงไฟสลัวทำให้เห็นลักยิ้มของมันชัดเจน ผมเห็นเหมือนรอยช้ำจางๆ ข้างมุมปากแต่ก่อนจะได้คิดอะไร มันก็เอ่ยขึ้น “วันนี้กูก้าวเท้าซ้ายออกจากห้อง”

“อะไร...”

“เอ้า ก็กูสัญญากับมึงแล้วว่าจะบอกทุกเรื่อง”

“กวนตีน แล้วมึงกับพี่โตรู้จักกันได้ยังไง  กูได้ยินนะ แล้วที่พี่โตพูดหมายความว่าไง แม่ล่ะ....แม่ว่ายังไง”

“ถามเป็นหมาสงสัยเลย พรุ่งนี้ก็ถามคุณน้าดูสิ”

“มึงคุยกับแม่แล้วหรอ มึงผิดสัญญาแล้วเนี่ย ยังไม่ทันข้ามวันเลย” ผมโวยไอ้เปาหัวเราะเบาๆ

“มันกี่โมงกี่ยามแล้ว นอนก่อน” ไอ้เปาทำท่าจะลงจากเตียงแต่ผมยึดเอวมันไว้แน่น “ปล่อยมือเร็ว”

“จะไปไหน”

“กูก็จะไปนอนไง ง่วงแล้ววันนี้วิ่งวุ่นทั้งวัน มีไอ้บ้าที่ไหนไม่รู้เป็นลมอยู่กลางถนน รถเกือบจะทับ ปล่อยเร็ว นี่...มึงหัวฟาดหรอ...ก็ไม่นะ กูไปรับทันแล้วทำไมตื่นมามึงดื้อจังเนี่ย” มันพูดยาวแต่กลับส่งสายตาอ่อนโยนมาให้ผม

“มึงอยู่ตรงนี้ก่อน รอจนกูหลับก่อน แล้วถึงกูหลับก็ห้ามไปไหน” ผมขยับตัวออกจากมันแต่มือยังไม่ปล่อย ไอ้เปาส่ายหน้ามันจับมือผมที่จับเอวมันไปออกก่อนจะเปลี่ยนมากุมมือแทนแล้วนั่งลงข้างเตียง

“กูไม่ไปไหนหรอก ไม่ไปอีกแล้ว”

ไอ้เปาเท้าคางมองหน้าผมและผมก็จ้องหน้ามันจนเผลอหลับไป





แกรก!

ผมสะดุ้งตื่นมาตอนเช้าด้วยเสียงเปิดประตู แม่เปิดประตูเข้ามาพร้อมกับพ่อ ตามมาด้วยไอ้เปา ไหนบอกไม่ไปไหนไง! ไอ้เด็กขี้โกหก แม่ทักทันทีที่เห็นผมลืมตามองก่อนจะวางของบนโต๊ะรับแขก แม่เอากระเป๋าของผมมาด้วย แม่กับพ่อคงไปนอนที่ห้องผมแหละมั้ง  เฮ้ยแต่...ผมยังไม่ได้เก็บห้องเลยนะครับแม่...

“ตอนบ่ายก็ออกโรงพยาบาลได้แล้วล่ะลูก เมื่อวานเพื่อนลูกก็มาเยี่ยมนะแต่กลางหลับตลอดเลย” แม่เดินเข้ามาใกล้พร้อมกับก้มลงหอมแก้มผม

“ครับ แล้วพ่อแม่กับพี่โตมาได้ยังไง ทำไมไม่บอกกลางล่ะ”

“มันกะทันหันน่ะลูก พอดีป้ากานต์เค้าเข้าโรงพยาบาลด่วนแล้วต้องส่งตัวมาที่กรุงเทพฯ แม่กับพ่อเลยรีบตามมาพี่นะเค้าติดงานเลยวานแม่กับพ่อแทนเสร็จจากป้ากานต์แล้วแม่กับพ่อก็ตั้งใจมาหากลาง ส่วนพี่โตตามทีหลัง”

“แล้วป้ากานต์เป็นยังไงบ้างครับ”

“ป้ากานต์เจ็บกระดูกสันหลัง คราวนี้เป็นหนักกว่าปกติ แต่ก็โอเคแล้ว” พ่อเดินเข้ามาข้างๆ แม่ก่อนจะวาดแขนกอดไหล่แม่พลางลูบเบาๆ ผมมองพ่อยิ้มให้แม่ด้วยความสงสัย

“เอ้อ เปาพ่อว่าเราไปเดินดูร้านอาหารข้างล่างกันมั้ย พุงพ่อมันร้องเรียกอาหารเช้าแล้วล่ะ” พ่อผละออกจากแม่แล้วหันไปเรียกไอ้เปาที่กำลังจัดผลไม้เข้าตู้เย็น มันขานรับแล้วส่งยิ้มมาให้ผมกับแม่ พ่อขยิบตาให้ผมงงเล่นๆ แล้วเดินกอดคอไอ้เปาออกไป

“แม่...” ผมพึ่งสังเกตว่าใต้ตาแม่คล้ำลง ผมขยับตัวลุกขึ้นนั่งได้นอนพักยาวๆ แบบนี้ร่างกายเหมือนจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ

แม่นั่งลงที่เก้าอี้ข้างเตียง มือข้างหนึ่งที่ทำงานหาเงินและเลี้ยงดูผมมาตั้งแต่เด็กก็ลูบหัวผมช้าๆ แล้วเริ่มต้นพูด “กลาง...”

“....” แววตาของแม่สั่นไหวแต่ในนั้นก็มีความยินดีบางอย่างอยู่ ผมสัมผัสถึงมันได้

“ระหว่างที่แม่ให้กลางกลับไปคิด แม่ก็คิดเหมือนกันว่าแม่ทำถูกแล้วจริงๆ น่ะหรอ แม่ตัดสินใจกลางกับเปาจากอะไร ทั้งเปา กลาง แล้วก็แม่ไม่มีใครมีความสุขซักคน คนรอบข้างก็ไม่มีความสุขซักคนเดียว”

“...”

“กลางเป็นลูกชายที่น่ารักเสมอไม่ว่าจะตอนไหน กลางไม่เคยทำให้พ่อแม่ผิดหวังเลย ทำให้แม่ภูมิใจมากด้วยซ้ำ มีแต่แม่นี่แหละที่ไม่เข้าใจกลาง บังคับกลางแต่กลางก็ไม่เคยโกรธแม่เลย”

“แม่ครับ...”

“กลางรู้มั้ย กลางไม่เคยป่วยจนต้องเข้าโรงพยาบาล ทันทีที่แม่เห็นกลางล้มลง แม่ไม่ขออะไรอีกแล้วนอกจากขอให้กลางปลอดภัย นาทีนั้นแม่ยิ่งเข้าใจแล้วว่ากลางจะเป็นอะไรก็ได้ขอให้กลางเป็นลูกของแม่ก็พอแล้ว” หยดน้ำตาของแม่ไหลกระทบหลังมือของผมกับแม่ที่จับกันไว้ มันซึมเข้าไปในหัวใจของผมจนอุ่นวาบ

“เปาเป็นเด็กดีมากนะลูก แม่เอาความเป็นผู้ใหญ่แย่ๆ มาบีบบังคับให้เปาเลือกได้แค่ทางเดียว แม่เอาความเป็นแม่แย่ๆ มาขีดกรอบให้กลาง แม่ลืมไปได้ยังไง กลางจำได้มั้ยตอนที่กลางขอแม่เรียนวาดรูปตอนเด็กๆ น่ะแม่บอกกลางว่าอยากเรียนอะไรก็ได้แม่สนับสนุนกลางหมด แต่ทำไมตอนนี้เป็นแม่เองที่ไม่สนับสนุนกลาง ทั้งๆ ที่หน้าที่ของแม่ต้องคอยสนับสนุนลูก ตักเตือน แนะนำลูกในสิ่งที่ลูกเลือกแท้ๆ”

“แม่คิดทบทวนมาตลอดและรู้ว่ากลางรู้สึกยังไง จนกระทั่งวันหนึ่งพ่อกับพี่โตเปิดอกคุยกับแม่ แม่ถึงรู้และเข้าใจว่าแม่ได้ทำสิ่งผิดพลาดที่สุดในชีวิตของแม่ลงไปแล้ว....แม่จึงตัดสินใจมาทำให้มันถูกต้องก่อนที่มันจะสายเกินไป”

แม่เงยหน้าที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตามองมาที่ผมซึ่งกัดปากกลั้นเสียงด้วยความรู้สึกที่ยากจะบรรยาย

“กลางให้อภัยแม่ได้มั้ยครับ”

“แม่ครับ...” เสียงที่ออกมาช่างยากลำบาก แต่ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่ผมอยากบอกกับแม่ “กลางรู้ว่าแม่รัก ที่แม่ทำทุกอย่างเพราะรัก กลางก็รักแม่เหมือนกันนะครับ แม่อย่าขอให้กลางให้อภัยแม่เลย กลางเองที่ปิดบังแม่ คนในโลกนี้จะหันหลังให้กลางยังไงก็ได้แต่คนที่สุดท้ายที่กลางไม่อยากให้หันหลังให้คือคนที่กลางรัก”

“กลาง...” แม่โผตัวเข้ามากอดผม หยดน้ำตาไหลซึมผ่านเนื้อผ้า ผมกอดแม่ไว้ด้วยความรู้สึกทั้งหมด ทั้งขอโทษ ขอบคุณและทุกๆ อย่างที่แม่ให้ร่างกายได้เกิดมาและให้หัวใจของผมได้เลือกเอง

“กลางขอบคุณและดีใจที่แม่เข้าใจ...ฮึก”

“แม่ขอโทษนะลูก”

นานมาแล้วที่แม่ไม่เคยร้องไห้แล้วกอดผมไว้แบบนี้ นานมาแล้วที่ผมไม่เคยร้องไห้แล้วกอดแม่ไว้แบบนี้ แม่เคยกอดผมเมื่อตอนที่ยายเสียแล้วร้องไห้ ผมกอดตอบแม่แล้วร้องไห้สงสารแม่และให้แม่รู้ว่ายังมีไอ้เด็กกลางๆ อยู่กับแม่ สถานการณ์และวันเวลาเปลี่ยนไปมากมายแต่อ้อมกอดของแม่ยังกระชับแน่น ให้ผมได้รับรู้ว่าแม่ยังอยู่ตรงนี้เช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นคนกลางที่ฝ่าเท้าเล็กเท่าฝาหอย หรือคนกลางที่เติบโตจนฝ่ามือใหญ่กว่าแม่ก็ตาม



“แม่เคยเจอเปามาก่อนหรอครับ” ผมถามขึ้นหลังจากที่คุณหมอเข้ามาตรวจอีกรอบก่อนกลับบ้าน ตอนนี้ผมกำลังเตรียมตัวกลับ นอนโรงพยาบาลแค่คืนเดียวผมก็คิดถึงห้องของตัวเองมากๆ แม่เข้ามาช่วยผมแต่งตัวให้ห้องน้ำ

“มันผ่านมาหลายปีแล้วล่ะลูก ตอนนั้นแม่กับพี่โตไปแอบดูกลางที่งานกีฬาสีเจอกับเด็กผอมเก้งก้างคนหนึ่งยืนมองกลางด้วยเหมือนกัน พี่โตงี้จ้องเขม็งเลยแต่แม่ไม่ได้ใส่ใจหรอก ตอนนั้นมันร้อนมากแล้วคนที่เข้ามาดูขบวนก็เยอะและเบียดจนแม่กับพี่โตคลาดกัน คนมันเยอะจนน่าเวียนหัว เสียงดังแล้วก็มีแต่กลิ่นน้ำหอม...”

“แม่เดินหลบออกมาจากกลุ่มคนได้ พาตัวเองมานั่งริมต้นไม้หลังแสตนถึงแม้ว่าจะมีอากาศถ่ายเทแต่แม่แน่นหน้าอกมาก บอกไม่ถูกเลย แม่เริ่มหายใจติดขัด ไม่มีสติ คนแถวนั้นก็ไปดูการเเข่งขันกันหมด ขณะที่แม่คิดว่าตัวเองแย่แล้วแน่ๆ แต่แล้วก็มีคนมาช่วยแม่” ผมไม่รู้มาก่อนเลยว่านอกจากไอ้เปาแล้ว แม่และพี่โตก็มาหาผม ไม่รู้มาก่อนว่าแม่ล้มลง ผมยืนนิ่งฟังแม่เล่าด้วยน้ำเสียงเปี่ยมสุขขณะที่ปลดเชือกเสื้อคนไข้ให้ผม

“คนๆ คนนั้นแบกแม่วิ่งอ้อมแสตนด์หลายร้อยเมตรไปที่เต้นท์พยาบาล แม่มองเห็นแต่หลังกับหมวกแก็ปของเขาด้วยอาการไม่มีสติ เขาน่ะวิ่งเร็วกว่าคนที่วิ่งอยู่ในสนามด้วยซ้ำนะ”

“แม่ได้รับการช่วยเหลือจากพยาบาลอย่างเร่งด่วนโชคดีที่ไม่ได้เป็นอะไรมาก แม่อยากขอบคุณเขาที่ช่วยเหลือ แต่คนๆ คนนั้นกลับยืนเกาะรั้วสนามแล้วยืนมองไปที่หนึ่งในฝั่งตรงข้ามของสนาม แม่มองตามเขาแต่ก็ไม่เห็นอะไรนอกจากเด็กๆ บนสแตนด์เชียร์ตัวเล็กเท่ามด”

“น้ำใจคนมันยิ่งใหญ่กว่ามหาสมุทรอีกลูก...แม่อยากขอบคุณเขามาเสมอ และคิดว่าวันหนึ่งแม่คงได้ตอบแทนเขา ไม่ทันจะได้พูดอะไรเขาก็ทำท่าจะเดินออกไป ก่อนไปแม่เรียกเขา ถามเขาว่าชื่ออะไร อยากตอบแทนเขา เขาโบกมือพัลวันและบอกว่าต้องรีบไป เขาอยากมองคนๆ หนึ่งให้นานกว่านี้”

“สุดท้ายแม่ก็ไม่รู้ว่าคนๆ นั้นคือใครจนกระทั่งพี่โตพูดเรื่องนี้กับแม่ เรื่องที่เจอเปาครั้งแรกในวันงานกีฬาสีนั้นเหมือนกัน แม่ถึงได้รู้ว่าเด็กคนนั้นคือเปา เปาก็ไม่เคยเอาเรื่องนี้มาอ้างกับแม่เลย แถมยังกราบขอโทษแม่ขอร้องให้แม่อย่าโกรธกลาง มารู้ทีหลังแม่นี่ใจร้ายจังเลยนะ...”

“เด็กคนนี้ช่วยชีวิตแม่และช่วยชีวิตกลางด้วยนะรู้มั้ย เปาคงเหนื่อยน่าดู กลางเข้าโรงพยาบาลแบบนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เลยนะ คอยเทียวไปรับส่งแม่กับพ่อ จัดการเรื่องโรงพยาบาลให้ และถ้าไม่ได้เปากลางคงไม่ได้ยืนยิ้มตรงนี้หรอกนะ คราวหลังจะทำงานต้องดูลิมิตตัวเองด้วย”

ผมฟังเรื่องของแม่เพลินแต่มาสะดุดเอาประโยคสุดท้าย แม่พูดเสียงเข้มแล้วลงมือตีไหล่ผมสองสามที

“รักแม่นะครับ” ผมยิ้มแล้วกอดแม่ไว้แน่น

“เจ้าลูกคนนี้”

“พ่อมาแล้วหายไปนานเลย พุงพ่อโตขึ้นอีกสามเท่า อ้าว ไปไหนกันล่ะแม่ลูก”

“อยู่นี่ครับ” ผมร้องบอกเมื่อได้ยินเสียงพ่อ หลังจากนั้นไม่นานผมกับแม่ก็ออกมาจากห้องน้ำ ในห้องอยู่กันครบทั้งพ่อ พี่โต แล้วก็ไอ้เปา มันมีแผลที่มุมปากจริงๆ ด้วยแต่สีหน้ายิ้มแย้มไม่เหมือนวันที่เจอกันก่อนหน้านี้

“กลาง พี่จัดการเรื่องค่าใช้จ่ายเรียบร้อยแล้ว”

“ขอบคุณครับ พี่โตอย่าบ่นแม่บ่นไปแล้ว” ผมยกมือห้ามเมื่อเห็นพี่โตกอดอก ขมวดคิ้วปากก็พร้อมจะด่าผมทุกเมื่อ แม่ยิ้มขำๆ แล้วเดินไปนั่งตรงโซฟากับพ่อ

“เปากับกลางมานี่สิลูก” ไอ้เปาเดินเข้ามาหาผมแล้วยื่นมือมาให้ผม

“จับสิ” มันบอกเสียงเบา ไอ้เปาจูงผมไปนั่งตรงหน้าโซฟา พ่อกับแม่ได้แต่มองยิ้มๆ

“เปากับกลางรักกันใช่มั้ยลูก” แม่วางมือไว้บนไหล่ผมและไอ้เปา เปาสบตาผมแววตาของมันแน่วแน่และมั่นคง

“ผมรักกลางครับ”

“แม่ขอโทษที่แม่ไม่เข้าใจลูกทั้งสอง สิ่งที่แม่ทำพลาดไปแม่ขอโทษลูกทั้งสองคนด้วยนะลูก”

“คุณน้าอย่าขอโทษอีกเลยครับ ผมเข้าใจดี ผมต้องกราบขอขมาและขอโทษคุณน้าทั้งสองที่ทำให้คุณน้าต้องลำบากใจ” ไอ้เปาพูดพร้อมกับก้มลงกราบแม่ยื่นมือไปลูบหัวมันช้าๆ ผมมองมันด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูกแต่ก็ก้มตัวกราบพ่อกับแม่เช่นเดียวกัน ฝ่ามืออุ่นของพ่อและแม่สัมผัสผมแผ่วเบา

“กลางขอโทษพ่อกับแม่ด้วยนะครับ”

“พอแล้วขอโทษกันไปขอโทษกันมาแบบนี้ไม่หยุดซักที” พ่อเอ็ดขึ้นมา ใบหน้ายิ้มแย้มทำให้ผมอมยิ้มด้วยถึงแม้ว่าจะรู้สึกแสบจมูก ตาร้อนผ่าว

“เรามาเริ่มกันใหม่นะลูกนะ” แม่จับมือของผมกับไอ้เปาที่พนมอยู่ที่อก “แม่ขอให้ลูกทั้งสองคนขอให้เป็นเพื่อน...”

ทุกสายตาหยุดนิ่งมองมาที่แม่อย่างตกใจ แม่ยิ้มกลั้นขำแล้วพูดต่อ “เป็นเพื่อนที่รู้ใจกัน รักกัน ช่วยเหลือกันแบบนี้นานๆ ถ้าหากว่ามีปัญหาพ่อกับแม่ รวมถึงพี่โตและเล็กด้วยพร้อมที่จะช่วยเหลือ คอยเป็นที่พักใจ ที่พักกายให้ลูกทั้งสอง”

“ขอบคุณครับคุณน้า ขอบคุณครับ” ไอ้เปาพูดขอบคุณแม่ด้วยน้ำเสียงสั่นๆ จนแม่รวบตัวมันไปกอด

“เรียกแม่เหมือนเดิมสิเปา”

“คระ...ครับ” ไอ้เปากลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ เด็กชายนกกระปูดแดงก็ยังเป็นเด็กคนนั้นเสมอไม่เคยเปลี่ยน

“เปาเป็นลูกแม่อีกคนแล้วนะ”

“ขอบคุณครับ” แม่กอดปลอมพร้อมกับกระซิบอะไรบางอย่างที่ทำให้ไอ้เปาน้ำตาไหลยิ่งกว่าเดิม ผมซึบซับภาพนั้นไว้ในความทรงจำ สิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตนี้คือการที่คนที่เรารักเข้าใจเราก็พอแล้ว พ่อมองภาพเดียวกับผมไม่นานก็หันมาพูดกับผม

“พ่อบอกกลางว่าถ้ากลางมีแฟน พ่อขอให้ไม่ต้องหน้าตาดีก็ได้ แค่เป็นคนดีก็พอจำได้มั้ย แล้วเปาก็เป็นคนดีก็พอแล้วลูก แต่ถ้าหน้าตาดีแบบเปาพ่อก็โอเค พ่อชอบ” พ่อหัวเราะจนพุงป่องๆ ของพ่อขยับเขยื้อนผมโผตัวไปกอดพุงพ่อเอาแก้มแนบฟังเสียงน้องชายอีกคนในน้องพ่อ ผมเงยหน้ามองพ่อ ผู้ชายที่ผมเห็นคนแรกในโลกใบนี้

“รักพ่อนะครับ” ผมไม่ค่อยพูดบ่อยนัก พ่อกอดผมแน่นก่อนจะเอาคางมากดที่กลางกระหม่อมผม

“โอ๊ยยย มาบอกรักอะไรกันที่นี่เหม็นกลิ่นโรงพยาบาล”

“พ่ออะ...” ผมพูดค้อน ทั้งห้องนั้นมีเสียงหัวเราะเต็มไปหมด พี่โตที่ยืนมองเงียบๆ ก็เดินเข้ามาข้างหลัง ผมกับไอ้เปาผละออกจากกอดของพ่อกับแม่ เห็นน้ำตาไอ้คนบ้าบอแล้วรู้สึกไม่ค่อยดี ผมเอี้ยวตัวไปหยิบทิชชู่ไปเช็ดน้ำตาให้มัน

“ร้องเป็นเด็กเลย กูยังไม่ร้องเลย” ผมบ่นลงมือเช็ดให้ไม่นานมันก็หล่อเหมือนเดิม ไม่ได้รู้ตัวว่าสายตาอีกสามคู่กำลังมองมา

“เอ่อ กลาง...กลางเห็นมันเลอะเทอะเลย...เลยเช็ด”

“ไปต่อไม่ถูกเลย” พี่โตเท้าเอวพร้อมกับส่ายหัว “ไอ้เปา สัญญาที่มึงให้ไว้กับกูยังมีเหมือนเดิมนะ” พี่โตพูดเสียงเข้ม เเต่กดกำปั้นขยี้บนหัวไอ้เปาอย่างเอ็นดู

“ครับพี่”

“โต ทำไมทำน้องอย่างงั้น แล้วพูดกูมึงต่อหน้าแม่ได้ไง”

“ไม่ทันไร แม่ก็รักลูกไม่เท่ากันแล้วหรอครับ ไอ้เล็กร้องบ้านแตกแน่”

“นี่เดี๋ยวเถอะ!”

Rrrrrrr

“เอ้านี่ไงโทรมาพอดีเลย ลูกคนเล็กใครคุยเองนะครับ”



==============
ตอนที่23 ได้จบลงไปเเล้ว
ขอบคุณนักอ่านทุกคนที่เข้ามาอ่าน
ขอบคุณทุกคอมเม้นท์ อ่านเเล้วตื่นเต้นเหมือนเล่นโรลเลอร์โคสเตอร์
ให้อภัยข้าพเจ้าด้วยที่ใจร้ายให้ม่ามาเป็นมรสุม
ให้อภัยไอ้เปาคนกากๆ คนนึงด้วย
เจอกันตอนหน้าค่ะ
ให้ความหวานมันอยู่นานๆ ไว้
 :L1: :L1: :L1:
รักน้อง #คนกลาง

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: ண คนกลาง ண ตอนที่ 23 หน้า 19 (2-08-60)
«ตอบ #554 เมื่อ02-08-2017 17:08:07 »

 :pig4:

ออฟไลน์ Numai

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 29
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: ண คนกลาง ண ตอนที่ 23 หน้า 19 (2-08-60)
«ตอบ #555 เมื่อ02-08-2017 19:03:41 »

ดีใจกับคนกลาง

  :hao3:

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
Re: ண คนกลาง ண ตอนที่ 23 หน้า 19 (2-08-60)
«ตอบ #556 เมื่อ02-08-2017 19:21:40 »

ดีใจด้วยยยยยเย้

ออฟไลน์ 05th_of_06th

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 102
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
Re: ண คนกลาง ண ตอนที่ 23 หน้า 19 (2-08-60)
«ตอบ #557 เมื่อ02-08-2017 20:10:16 »

แงงงงง ซึ้งงงง อ่านไปน้ำตาจะไหลไปป เหมือนยกภูเขาออกจากอก  :m15: ดีนะมาม่าแค่นี้ ไม่งั้นน้ำตาท่วมม  :sad4:

ออฟไลน์ dyomonrain

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 26
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: ண คนกลาง ண ตอนที่ 23 หน้า 19 (2-08-60)
«ตอบ #558 เมื่อ02-08-2017 20:16:09 »

ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ o4u0n7

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 213
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: ண คนกลาง ண ตอนที่ 23 หน้า 19 (2-08-60)
«ตอบ #559 เมื่อ02-08-2017 21:28:31 »

 :hao5: ในทีสุดแม่ก็เข้าใจและไม่ดันทุรัง ต่อไปก็หน้าที่ของเปาและกลางหล่ะนะที่จะรักษาความรักของตัวเองต่อไป

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ண คนกลาง ண ตอนที่ 23 หน้า 19 (2-08-60)
« ตอบ #559 เมื่อ: 02-08-2017 21:28:31 »





ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0
Re: ண คนกลาง ண ตอนที่ 23 หน้า 19 (2-08-60)
«ตอบ #560 เมื่อ02-08-2017 21:31:50 »

 :katai2-1:

 :L2: :pig4: :L2:

ออฟไลน์ mooping-7

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2527
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-5
Re: ண คนกลาง ண ตอนที่ 23 หน้า 19 (2-08-60)
«ตอบ #561 เมื่อ02-08-2017 21:38:55 »

มันผ่านไปพร้อมกับน้ำตาของเรา

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
Re: ண คนกลาง ண ตอนที่ 23 หน้า 19 (2-08-60)
«ตอบ #562 เมื่อ02-08-2017 21:56:05 »

นกกะปูดตาแดง   :hao3:
เคยช่วยแม่ที่ไม่สบายด้วย ตอนแอบไปดูกลางที่สนามกีฬา
กลางนี่นะ ทำแต่งานไม่กินข้าว พักผ่อนน้อย เป็นบทเรียนสอนทุกคนได้เลย
จนเกือบถูกรถชน เพราะหน้ามืดเป็นลมตอนข้ามถนน
โธ่เอ๊ย....กลาง หวิดไปจากโลกนี้ซะและ ดีที่กกกกเปาช่วยทัน
นี่ขนาดไม่ใช่ซูเปอร์ฮีโร่นะเนี่ย
ช่วยทั้งแม่ ทั้งลูกเลย
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Piima

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 660
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
Re: ண คนกลาง ண ตอนที่ 23 หน้า 19 (2-08-60)
«ตอบ #563 เมื่อ02-08-2017 22:26:41 »

โอ้ยยยยยยยยย โล่ง

ออฟไลน์ wonderbe

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 754
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-2
Re: ண คนกลาง ண ตอนที่ 23 หน้า 19 (2-08-60)
«ตอบ #564 เมื่อ02-08-2017 22:51:46 »

ดีใจด้วยเด้อออออออ

ออฟไลน์ nolirin

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2755
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +274/-5
Re: ண คนกลาง ண ตอนที่ 23 หน้า 19 (2-08-60)
«ตอบ #565 เมื่อ02-08-2017 23:52:57 »

กว่าจะเข้าใจกัน
คนอ่านเสียน้ำตาไปหลายก็อกเลย :mew6:

ออฟไลน์ MSeraph

  • This too shall pass
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1751
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-3
Re: ண คนกลาง ண ตอนที่ 23 หน้า 19 (2-08-60)
«ตอบ #566 เมื่อ03-08-2017 04:21:27 »

ดราม่าหมดแล้วววว
กลางกับเปามีความสุขซะที
การที่ครอบครัวยอมรับได้เป็นอะไรที่เีมากอะ
ดีใจมากที่แม่คิดได้เองด้วยส่วนนึง
เปาขี้แยเหมือนเดิมเลยย น่ารักก

ออฟไลน์ pktherabbit

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 207
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
Re: ண คนกลาง ண ตอนที่ 23 หน้า 19 (2-08-60)
«ตอบ #567 เมื่อ03-08-2017 06:25:47 »

ดีๆ เราชอบความหวาน

ออฟไลน์ gackmanas

  • I Remember your Eyes..
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
Re: ண คนกลาง ண ตอนที่ 23 หน้า 19 (2-08-60)
«ตอบ #568 เมื่อ03-08-2017 09:29:19 »

น่ารักจุงงง  :katai2-1:

ออฟไลน์ lemonpreaw

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 882
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
Re: ண คนกลาง ண ตอนที่ 23 หน้า 19 (2-08-60)
«ตอบ #569 เมื่อ05-08-2017 08:17:21 »

เข้าใจกันซะทีเนอะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด