◆_Likeกัน_◇ ตอนที่ 28 {27.02.62}
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ◆_Likeกัน_◇ ตอนที่ 28 {27.02.62}  (อ่าน 116675 ครั้ง)

ออฟไลน์ leenanhyun

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 66
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +102/-2
◆_Likeกัน_◇ ตอนที่ 28 {27.02.62}
« เมื่อ11-04-2017 21:36:53 »

อ้างถึง
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ
4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ
5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน
7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ
8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).
9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ
10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป
11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว
บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป
12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด
13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ
14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ
15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข
17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ


Likeกัน (yaoi)
by Jiwinil


ใครหลายๆคนบอกว่าความบังเอิญเกิดขึ้นได้เพียงแค่สามครั้ง
แต่สำหรับผมแล้ว ความบังเอิญเกิดขึ้นเพียงแค่ครั้งเดียว
ที่เหลือนั้น เป็นความตั้งใจของใครคนใดคนหนึ่งเสมอ



"เป็นครั้งแรกที่เริ่มต้นทำความรู้จักกับใครสักคนก่อน
เพียงแค่คิดว่าถ้าปล่อยเขาไปตอนนี้ คงไม่มีวันกลับมาเจอกันอีกแล้ว"



//


"เป็นครั้งแรกที่ตกหลุมรักเขาโดยไม่มีข้อแม้
และคิดว่าถ้าปล่อยเขาไปตอนนี้ ก็จะทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้กลับมาเจอเขา"


#Likeกัน

ติดตามการอัพเดทและเรื่องใหม่ๆได้ที่ : https://www.facebook.com/Jiwinil-154939728204230/?fref=ts

ขอบคุณคุณ PP_annann มากๆนะคะที่สละเวลาทำให้ฮือรักๆ
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-02-2019 12:53:10 โดย leenanhyun »

ออฟไลน์ leenanhyun

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 66
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +102/-2
Re: ◆_Likeกัน_◇ #กอดกันนะ Intro {11.04.60}
«ตอบ #1 เมื่อ11-04-2017 21:43:13 »

            Introduction

 

            ทำยังไงดี

            ทำยังไงดีนะ

            หัวใจผมเต้นรัวราวกับจะหลุดออกมาจากอก เหงื่อผุดซึมตามฝ่ามือและขมับ

            ‘สถานีต่อไป สะพานควาย Next Station Saphan Khwai’

            ผมกำหนังสือในมือแน่น มันเป็นหนังสือที่ผมใช้อ่านฆ่าเวลา เป็นหนังสือเล่มโปรดที่อ่านซ้ำไปซ้ำมาเพราะชอบโทนสีของมัน หนังสือที่ผู้ชายคนหนึ่งตัดสินใจบอกชอบหญิงสาวที่เขาเจอบนรถไฟ เพราะเขาคิดว่าถ้าปล่อยเธอไป คงไม่ได้เจอกับเธออีกครั้ง เขาคงจะเสียดายมันมากแน่ๆ

            เหมือนที่ผมกำลังเป็นตอนนี้

            เขายืนอยู่ตรงนั้น สวมชุดนักศึกษาเอาชายเสื้อออกนอกกางเกง แขนเสื้อสองข้างถูกพับขึ้นมาที่ข้อศอก ไม่รู้ว่าเขาเรียนมหาวิทยาลัยไหนเพราะมันคล้ายๆกันไปหมด จะมีก็แต่เสื้อช็อปสีกรมที่เขาพาดไว้ที่บ่า บ่งบอกว่าเขาจะต้องเรียนพวกคณะเกี่ยวกับอะไรวิทย์ๆแน่นอน ตัวสูงจนหัวจะชนเพดานรถไฟฟ้าอยู่แล้ว ใส่หูฟังยืนมองวิวนอกกระจกเงียบๆคนเดียวเหมือนอย่างที่คนอื่นๆบนรถไฟฟ้าเขาทำกัน แต่เขาไม่เหมือนคนอื่น เพราะเขาไม่ใช่คนที่เพิ่งเจอกันครั้งแรก

            ‘เฮ้ยๆ หนังสือหล่นอ่ะ’

            เราเคยเจอกันมาก่อนหน้านี้ และตอนนั้นผมก็คิดว่าคงไม่ได้เจอเขาอีก เลยตัดใจไปแล้ว

            พอมาเจอกันอีกที ผมเลยไม่อยากปล่อยโอกาสนี้ไป เพราะถ้าปล่อยไปล่ะก็ ผมคงไม่มาบังเอิญเจอเขาบนรถไฟฟ้าอีกเป็นครั้งที่สามหรอก ว่าไหมครับ

            โลกนี้มันกว้างจะตาย

            ประเทศไทยก็กว้างแสนกว้าง

            ถึงจะบอกว่าโลกกลม แต่โลกของเขาและผม มันกลมได้แค่ไหนกัน

            ‘สถานีต่อไป สะพานควาย Next Station Saphan Khwai’

            ประกาศบนรถไฟฟ้าดังขึ้นอีกครั้ง รถไฟฟ้าค่อยๆชะลอตัวจนกระทั่งหยุดลง กลุ่มคนบางส่วนค่อยๆทยอยออกไป หัวใจผมเต้นหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ ท้วงจะออกมาจากอกข้างซ้ายซะให้ได้ เขาจะลงสถานีนี้ไหม ผมควรจะเข้าไปหาเขาเลยไหม เราอยู่ไกลกันประมาณหนึ่ง ถ้าผมแทรกตัวออกไปอยู่ข้างๆเขาพร้อมผู้คนตอนนี้ มันอาจจะดูไม่น่าตกใจ

            แรงกดดันถาโถมเข้ามา

            เอายังไงดี

            ลุกออกไปดีไหม

            พอเหลือบมองไป เขายังหยุดนิ่งอยู่ตรงนั้น เหม่อมองออกไปด้านนอก จนกระทั่งประตูรถไฟฟ้าปิดฉับลง

            เฮ้อ

            สุดท้ายก็ได้แต่ปล่อยมันผ่านไปเหมือนทุกครั้งเพราะความขี้ขลาดของตัวเอง

            กลายเป็นควายตามชื่อสถานีไปแล้ว

            รถไฟฟ้าเคลื่อนตัวออกไปอีกครั้ง เขาเริ่มขยับท่าทาง จากเหม่อมองออกไปด้านนอก เปลี่ยนเป็นก้มมองโทรศัพท์ แต่มองได้แค่แวบเดียวก็มองเลยออกไปอีก ปากขยับพึมพำเบาๆเหมือนร้องตามเพลง

            เป็นผู้ชายที่มีเสน่ห์มาก ผิวขาวเหลือง จมูกโด่งๆกับสันกรามที่ชัดเจน เป็นผู้ชายที่โครงหน้าชัดเหมือนเอาปากกาวาดรูปลงบนกระดาษแล้วหลุดออกมาจากภาพทั้งๆที่ยังไม่ได้แต่งแต้มสีสัน ดูเหมือนจะเป็นที่ชื่นชอบของเพศตรงข้ามเอามากๆ เพราะกลุ่มเด็กๆมัธยมปลายมองเขาไม่หยุดตั้งแต่ขึ้นรถไฟฟ้ามา

            โทรศัพท์ในมือผมสั่นครืด ผมที่ได้นั่งตั้งแต่ต้นสายเปิดหน้าจอดูก็พบว่าเป็นเพื่อนสนิทที่ส่งไลน์มา นอกจากอ่านหนังสือแล้ว การได้โต้ตอบเพื่อนๆในไลน์ก็เป็นอะไรที่ผมชื่นชอบ เพราะความครีเอทของแอพพลิเคชั่นที่เราสามารถมีสติ๊กเกอร์ฮาๆเอาไว้กวนประสาทคนเล่นได้

            ถึงบ้านยังเด็กดอย

            *ยัง

            ผมตอบไปสั้นๆ

            อยู่บนรฟฟเหรอวะ

            *แม่นแล้ว

            พรุ่งนี้ติวที่มอ ตึกบัญชี

            มาติวด้วยกันป่ะ

            *ทำไมติวที่บัญชี

            ส่องสาว

            พอเห็นเพื่อนตอบมาแบบนั้น ใจก็อยากจะด่าออกไปแล้ว แต่พอนึกออกว่าตัวเองก็กำลังส่องคนอยู่ ถึงจะไม่ใช่สาว เป็นชายหนุ่มตัวเขื่อง ผมมันก็ไม่ต่างอะไรจากเพื่อนเลย ผมกดปิดหน้าจอลง คิดว่าจะใช้เวลาอยู่กับเขา ณ ที่ไกลๆให้นานที่สุด เพราะไม่รู้ว่าเขาจะลงที่สถานีไหน จะจากไปเมื่อไร

            ‘สถานีต่อไป อารีย์ Next Station Ari’

            เสียงประกาศดังขึ้นอีกครั้งพร้อมกับความกดดันที่ถาโถมเข้ามา เหงื่อชุ่มมือไปหมดจนผมต้องเช็ดมันกับกางเกงตัวเอง รถไฟค่อยๆชะลอตัวลง ผู้คนเริ่มทยอยออกจากรถไฟฟ้าอีกครั้ง ผู้หญิงคนข้างๆที่นั่งอยู่ลุกขึ้นยืนเพื่อฝ่ากลุ่มคนออกไป ผมชั่งใจ…

            เดินไปดีไหม

            ถ้าเขาสงสัยก็ตอบไปว่าเตรียมลงสถานีต่อไป ทั้งๆที่จะต้องนั่งไปลงสยาม

            เอาไงดี

            จะเป็นควายอีกรอบเหรอ

            เอาไงเอากันวะ!

            ผมลุกตามผู้หญิงคนนั้นออกไป ยิ่งเข้าไปใกล้เขา หัวใจก็ยิ่งจะระเบิดออกมาซะให้ได้

            ผู้หญิงคนนั้นไม่ได้ออกจากรถไฟไป หากแต่ยืนหยุดนิ่งอยู่หน้าประตูเพื่อเตรียมลงสถานีต่อไป ส่วนผมกระเถิบมาด้านหลังเล็กน้อย

            หยุดยืนอยู่ข้างหลังเขาพอดีเลย

            เพราะเขายืนติดกับเสา ผมเลยมีที่ยึดไม่ให้ตัวเองล้ม เพราะเจ้าตัวหันหลังอยู่ เขาเลยไม่ได้สังเกตว่าจะมีใครมายืนข้างหลังเขาหรือเปล่า เขาคงไม่ใส่ใจหรอกครับ เพราะคนขึ้นลงตลอดเวลาอยู่แล้ว จะมีใครมายืนซ้อนมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลก

            พอมายืนข้างๆเขาแล้ว ผมกลายเป็นตอม่อไปเลย

            ขายาวๆเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ร่างกายของเขาให้สูงชะลูด กะจากความสูงแล้วน่าจะเกิน 180 แน่นอน แขนขาก็ยาวแต่ไม่ยักจะดูเก้งก้าง กลับกัน มันสมส่วน เหมือนต้นไม้ต้นหนึ่งที่มีลักษณะชัดเจนและโดดเด่น

            กลิ่นน้ำหอมจางๆลอยมาแตะจมูก ไม่ใช่แฟนตัวยงของน้ำหอม เลยตอบไม่ได้ว่ายี่ห้ออะไร

            ผมก้มลงไปมอง เท้าสองข้างของเขากางออกเล็กน้อยเพื่อวางฐานให้มั่น เป็นคนตลกดีครับ ยืนอยู่ข้างเสาแท้ๆแต่ไม่ใช้มือจับเสา แรงเหวี่ยงของรถไฟฟ้าเวลาเบรคอาจจะทำให้เขาล้มตีลังกาไปทับคนอื่นได้ แต่ดูเหมือนเจ้าตัวจะยังยืนยันว่าจะไม่จับเสา จะใช้ตีนตุ๊กแกของเขาเนี่ยแหละพยุงจนกว่าจะถึงจุดหมาย

            รถไฟฟ้าออกเดินทางต่อไปอีกครั้ง เวลาแต่ละช่วงมันช่างยาวนานแต่ก็สั้นไปพร้อมๆกัน เขาจะลงสถานีต่อไปหรือเปล่า นั่นคือสิ่งที่อยู่ในหัวผมไม่ยอมออกไปไหน

            ผมต้องทำอะไรสักอย่าง นั่นคือสิ่งที่ผมคิดต่อมา

            ขอเบอร์เขาคืออะไรที่น่าจะเป็นไปได้ที่สุด หรือจะขอไลน์ แต่ถ้าขอเบอร์ก็จะได้ทั้งเบอร์ทั้งไลน์นะ

            ถ้าเขาเปิดโอกาสให้ถามต่อ ก็คงจะถามว่าเขาเรียนที่ไหน … เขาชื่ออะไร

            ‘สถานีต่อไป สนามเป้า Next Station Sanam Pao’

            เขาไม่กระดิก ยังคงยืนนิ่งอย่างเคย

            ผมเข้าใจอารมณ์ของพระเอกในหนังสือที่ผมอ่านเลย ว่าการจะเข้าไปทักทายคนๆหนึ่งมันอึดอัด กดดัน เต็มไปด้วยความตื่นเต้นขนาดไหน แม้ว่าอยากจะทักทายเขามากขนาดไหนก็ตาม ขนาดนางเอกเป็นผู้หญิง มันยังยากแสนยาก แล้วผมที่เป็นผู้ชาย การจะเข้าไปทักผู้ชายแล้วบอกชอบแบบนั้น อาจจะโดนเตะก็ได้

            อย่าว่าแต่บอกชอบเลย แค่ขอเบอร์ก็อาจจะโดนถีบ

            เปิดหน้าจอโทรศัพท์ขึ้นมาอีกครั้ง คราวนี้ต้องใช้ตัวช่วยแล้วล่ะ

            *ถ้าจะขอเบอร์ใครสักคน เริ่มยังไงวะ

            เฮ้ย ขอเบอร์ใครวะ

            *เออน่า มีทริคป่ะ

            *ทำยังไงไม่ให้โดนเตะก่อนได้เบอร์

            สาวที่ไหนจะมาเตะมึงวะ

            มั่นหน้าหน่อยเพื่อน หน้าตาก็ไม่ได้ขี้ริ้วนะมึงอ่ะ

            เข้าไปขอต่อหน้าเลย


            *ถ้าง่ายขนาดนั้นก็ขอไปตั้งนานแล่วว

            แกล้งทำของหล่นก็ได้

            แล้วก็ขอเบอร์เลย


            *ก่อนได้เบอร์คงโดนเหยียบตายก่อน

            *คนเยอะมาก

            เพราะเผลอคุยมากไปหน่อย เลยไม่ทันระวังและไม่ทันได้ฟังว่าตอนนี้มาถึงสถานีต่อไปแล้ว รถไฟฟ้าชะลอตัวแถมยังมีโบนัสเป็นการกระชากเล็กน้อยจนผมทรงตัวไม่อยู่ เซไปกระทบคนด้านหลัง ฝ่ามือสองข้างของคนข้างหลังจับเข้าที่แขนของผมเพื่อไม่ให้ล้มไปโดนคนอื่น ผมรีบตั้งสติแล้วดึงตัวเองมายืนตัวตรงพลางเอ่ยปากขอโทษขอโพยเขา

            “ขอโทษครับ”

            ดันเด๋อไปชนเขาซะได้

            “ระวังๆหน่อย”

            เสียงทุ้มๆเอ่ยออกมา เป็นครั้งที่สองที่ได้ยินเสียงทุ้มหนักแน่นของเขา แต่พอพูดจบ คนตัวสูงก็เดินผ่านหน้าผมไปเพื่อที่จะลงที่สถานีนี้ ณ เวลานั้นสมองมันตื้อไปหมด คิดอยู่อย่างเดียวแค่

            ผมต้องตามเขาออกไป

            ถ้าไม่ตามออกไปวันนี้

            จะไม่ได้เจอกันอีกแน่นอน

            ฝ่าเท้าสองข้างสัมผัสกับพื้นปูนของตัวสถานี เขาเดินดุ่มๆออกไปอย่างไว ไม่รู้จะทำยังไงเลยเดินตามเขาไป ขายาวๆนั่นก็ก้าวโคตรจะไวเลยให้ตายเถอะ

            ขอบคุณสวรรค์ เขาจอดตัวเองอยู่ที่ร้านชานมไข่มุกร้านหนึ่งก่อนจะถึงบันได ถ้าเขาก้าวเท้าลงจากบันไดไปล่ะก็ นั่นก็หมายความผมหมดสิทธิ์จะได้เจอเขาอีก

            “ชานมธัญพืชหวานน้อยครับ” สั่งเมนูใหม่ที่เพิ่งติดป้ายหน้าร้าน พี่ผู้หญิงหันมามองผมที่ยืนอยู่ด้านข้าง

            “เอ่อ ชานมธัญพืชหวานน้อยครับ”

            ไม่เคยกินหรอก

            แต่ลองดูก็ไม่เสียหาย

            เวลาสั้นๆที่ยืนอยู่ข้างเขา มันดูเหมือนยาวนาน คิดสารพัดไอเดียว่าจะขอเบอร์เขายังไง จนกระทั่งชานมของเขาวางลงบนเคาน์เตอร์นั่นแหละ คนข้างๆควักกระเป๋าสตางค์ขึ้นมาเพื่อที่จะจ่ายเงิน

            ผมที่ไม่รู้จะทำยังไงเลยเอ่ยปากออกไปว่า

            “ไม่ต้องจ่ายหรอกครับ ผมเลี้ยง” ทั้งพนักงานและตัวเขาต่างก็หันมามองหน้าผม อึ้งกิมกี่ไปตามๆกัน

            “เลี้ยงทำไม” ห้วนๆสั้นๆ เขาถามแค่นั้น

            “เอ่อ…” ก็อยากเลี้ยง อยากเลี้ยงไงไม่ได้เหรอ คนจะเลี้ยงต้องทำหน้าดีใจสิ มาทำหน้าดุใส่ทำไมเล่า

            “คือ…”

            สายตากดดันจากทั้งพี่พนักงานและเขาต่างส่งมาไม่ขาดสาย

            “ผมถูกหวยอ่ะ ครั้งแรกในชีวิตเลย” พอพูดออกไป มันเหมือนยกภูเขาออกจากอกเลยครับ   

            โคตรโล่ง

            “ถูกเท่าไร” นับเป็นบทสนทนาที่ยาวมากที่สุด ใจผมเต้นรัวจนมือสั่นไปหมด

            “เอ่อ…” ตาเหลือบไปมองราคาชานม แก้วละสี่สิบ

            “สี่สิบบาทอ่ะ”

            “แล้วเลี้ยงสี่สิบบาทก็หมดตัวเลยดิ”

            “แหะ” ยิ้มแห้งๆส่งกลับไป โถ่เว้ย ผมน่าจะกลับไปที่สถานีสะพานควายแล้วไปเป็นควายให้รู้แล้วรู้รอด

            “ตกลงเลี้ยงใช่ป่ะ” เขาถามออกมาอีกครั้ง แก้วชานมไปอยู่ในมือแล้ว

            “อือ เลี้ยง”

            “งั้นขอบใจมาก”

            แค่นั้น จบแค่นั้นเขาก็เดินหันหลังออกไปเลย ผมงี้คอตกหูตก

            ทำได้แค่นี้ อย่างน้อยเขาก็จำได้ว่ามีไอ้บ้าคนหนึ่งถูกหวยสี่สิบบาทแล้วก็เลี้ยงชานมแก้วละสี่สิบบาทให้กับเขา

            คนเรามันจะป๊อดได้ขนาดนี้เลยเหรอวะ

            โมโหจังโว้ยย

            ผมรับชานมธัญพืชของตัวเองแล้วเดินคอตกเพื่อไปซื้อเหรียญมาแลกบัตรขึ้นรถไฟฟ้าใบใหม่ จะต้องไปลงสยาม ดันตามผู้ชายมาลงอนุสาวรีย์ แม่รู้แม่ด่าตายเลย

            หยอดเหรียญลงในตู้ทีละเหรียญสองเหรียญเหมือนคนสติหลุด พอจะหยอดสี่บาทสุดท้าย ก็มีคนปัดมือผมออกแล้วหยอดสี่บาทของเขาลงไปแทน ผมเงยหน้าขึ้นไปมองคนๆนั้น พอรู้ว่าเป็นใครก็ช็อกค้างไปเลย

            “ไม่ชอบติดหนี้ใคร วันนี้คืนให้ก่อนสี่บาท” เขายืนอยู่ข้างๆในระยะประชิด มือถือแก้วชานมที่ผมซื้อให้

            ได้แต่กระพริบตาปริบๆ ไม่รู้จะพูดอะไร เหมือนโดนสับสวิตช์

            “เหลืออีกสามสิบหกบาทที่ต้องคืน”

            จะต้องพูดอะไร พูดอะไรดี

            “ไม่ต้องคืนหรอก ก็บอกว่าถูกหวย”

            ถูกหวยบ้าไร ทำไมไม่ขอเบอร์ ขอเบอร์สิไอ้บ้า

            “ไม่ได้ จะคืน มีไรป่ะ”

            “คืนก็คืน”

            “แค่นั้น?” เขาเลิกคิ้ว ผมพยักหน้า คนตรงหน้าถอนหายใจออกมาเลยครับ เหมือนจะบอกเป็นนัยๆว่ามีปัญญาพูดได้แค่นี้สินะ

            ขอโทษ ก็คนมันป๊อด ยอมรับแต่ไม่แสดงออก!

            “คืนมาดิ” หงุดหงิดตัวเอง แต่พาลไปลงกับเขาเฉย ยื่นมือออกไปรอรับเงินที่เขาจะคืนกลับ แต่กลับได้เป็นปากกาลูกลื่นจรดลงมาบนฝ่ามือ เป็นเลขสิบตัว

            ทำไรอ่ะ เขียนเลขหวยเหรอ ไม่เล่นแล้วนะ เงินหมดแล้ว

            “กูขี้ลืม ทวงเอาเองละกัน”

            เขียนเสร็จก็เก็บปากกาใส่กระเป๋าเสื้อนักศึกษาแล้วเดินดูดชานมออกไป จู่ๆก็หยุดเดิน หันมามองผม

            “แล้ววันหลังไม่ต้องตามลงมา เสียเงินซื้อตั๋วอีกรอบ บ้านรวยอ่อมึงอ่ะ”

            แหงะ

            พูดจบก็หันหลังออกเดินลงบันไดไปเลย รู้ด้วยว่าตามลงมา ผมทำหน้าหมางงทันทีเลยครับ รู้ได้ไงอ่ะ หรือเขารู้ว่าผมแอบมองเขา ไม่หรอก ไกลขนาดนั้น บ้าบอจัง ไม่รู้จะไปทางไหน ก้มหน้างุดๆเลย

            ผมมองเลขสิบตัวบนฝ่ามือ

            ไม่ใช่เลขหวยนี่หว่า นี่มัน…

            เบอร์โทรศัพท์

            เบอร์โทรศัพท์จริงๆ

            ในที่สุดก็ได้เบอร์แล้วเว้ยยย

            บทจะได้ก็ได้ง่ายๆ เล่นใหญ่รัชดาลัยไปบนรถไฟฟ้าเพื่ออะไร

            จะว่าไป

            เขาชื่ออะไรนะ

            เมื่อกี้ตื่นเต้นอยู่ ลืมถามเลย   







//คลอดเรื่องใหม่ออกมา เรื่องนี้จะเป็นเรื่องที่มาอัพประจำนะคะ
ฝากเอ็นดูเด็กสองคนนี้ ฝากเขาทั้งสองไว้ในอ้อมอกอ้อมใจด้วยน๊า
ติดแท็ก #Likeกัน #กอดกันนะ พูดคุยผ่านทวิตเตอร์ได้นะคะ
Facebook : Jiwinil Twitter : jiwinil_
ขอบคุณที่คอยติดตามกัน รักมากมาย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-04-2017 09:28:08 โดย leenanhyun »

ออฟไลน์ utamon

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 695
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-2
สายเปย์ก็มา ถูกหวย40บาทก็เลี้ยงชานมธัญพืชเขาแล้วอ่ะ เป็นการแถที่ขำดี 555555
ติดตามตอนต่อไปอยู่นะคะ เป็นกำลังใจให้ค่าาา
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-04-2017 22:23:43 โดย utamon »

ออฟไลน์ janeta

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 155
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +74/-2
 :-[ อ่านแล้วเขิน งื้อ
ถ้าชีวิตจริงได้แบบนี้จะดีมากค่ะ 5555
 :z3: ขออีกๆ รอตอนต่อไปนะคะ

ออฟไลน์ Himbeere20

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ชานม แลกกับ เบอร์โทร วุ้ย เกินคุ้มไปไกล :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ Jitsupa_milk

  • Just Milky('s) Way
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 161
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
เขินนน

ออฟไลน์ colorofthewind21

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-1
งือออ ชอบมากกกก แล้วบ้านไหนเขาถูกหวยสี่สิบบาททท555555

ออฟไลน์ leenanhyun

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 66
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +102/-2
Re: ◆_Likeกัน_◇ ตอนที่ 1 {13.04.60}
«ตอบ #7 เมื่อ13-04-2017 15:17:37 »

Chapter 1
สถานีปลายทาง

           ‘ไม่มีหมายเลขที่คุณเรียก กรุณาตรวจสอบใหม่อีกครั้งค่ะ…’

            ผมเชื่อแล้วล่ะ ว่าเขาขี้ลืมอย่างที่ปากพูดจริงๆ

            ขนาดจดเบอร์โทรศัพท์ตัวเองแท้ๆ ยังจดผิดเบอร์เลย

            ตลกดี เมื่อวานผมใช้เวลาทำใจอยู่เป็นชั่วโมงๆ การจะกดทีละหมายเลขต้องใช้ความพยายามมากมายมหาศาล แต่พอกดโทรออกกลับพบว่าเบอร์นั้นไม่มีใครเปิดใช้

            หรือว่าแค่จดขำๆไปอย่างนั้น เพราะยังไงก็คงไม่ได้เจอกันอีกแล้ว

            พอคิดแบบนั้นก็หูตกเลยครับ

            รู้แบบนี้ทวงเงินสามสิบหกบาทคืนตอนนั้นเลยก็ดี … อ่ะไม่ใช่ …

            อาการดีใจเมื่อวานหายเป็นปลิดทิ้ง เหลือทิ้งไว้เพียงแค่รอยปากกาลูกลื่นสีน้ำเงินที่ผมยังไม่ลบมันออกไปจากฝ่ามือ

            ถ้าทิ้งมันไว้แบบนี้ จะได้เจอกันอีกไหม

            แล้วถ้าได้เจอกันอีกล่ะ จะพูดว่ายังไง

            ‘นายจดเบอร์ผิดให้เราอ่ะ’ แบบนี้เหรอ

            ตลกตายเลย

            ‘สถานีต่อไป วงเวียนใหญ่ Next Station Wongwian Yai’

            กลับมาสู่เส้นทางสายเดิมที่ผมเดินทางเป็นประจำ เส้นทางสายที่ไม่มีผู้ชายตัวสูงๆคนนั้น

            ผมนั่งอ่านหนังสือเล่มเดิมเพราะนั่งตั้งแต่ต้นสาย อ่านซ้ำๆย้ำๆวนไปแบบนั้น อาจเป็นเพราะตัวเองเป็นคนซ้ำซากจำเจ ถ้าชอบอะไรก็จะชอบอยู่แบบนั้น ไม่ค่อยจะเปลี่ยนรสนิยมสักเท่าไร

            เฉกเช่นการขึ้นรถไฟฟ้า ที่แพงขึ้นเรื่อยๆ สวนทางกับเงินค่าขนมอันน้อยนิด

            ความสนุกอย่างหนึ่งของการนั่งรถไฟฟ้า ถ้าตัดเรื่องราคาออกไป คือการได้มองผู้คนหลากหลายรูปแบบ ยิ่งในชั่วโมงเร่งด่วนแบบนี้แล้ว ยิ่งเป็นอะไรที่น่าสนใจแบบแปลกๆ

            ผู้คนบนรถไฟฟ้าในชั่วโมงเร่งด่วน ดูรีบร้อนกันไปหมด บ้างก็หนีบกระเป๋าเอกสารจนแทบจะรวมร่าง บ้างก็กดโทรศัพท์ยิกๆด้วยสีหน้าเคร่งเครียด บ้างก็ท่องสคริปเพื่อที่จะไปพรีเซ้นต์กับหัวหน้า บ้างก็เตรียมรายงานการประชุม บ้างก็คอยลุ้นว่าวันนี้รถไฟฟ้าจะมีปัญหาอะไรหรือเปล่าเพราะตัวเองไปทำงานสายแล้ว อาจจะมีเพียงผมคนเดียวแหละมั้งที่ไม่รีบร้อน เพราะวันนี้ไม่มีเรียน แต่ต้องไปติวที่มอตามที่เพื่อนสนิทนัดเอาไว้

            เพื่อนนัดไว้ตอนเที่ยง ผมออกจากบ้านตั้งแต่แปดโมงเผื่อเวลาไปเดินเล่นที่สยามก่อนแล้วถึงจะเข้าไปติว

            อยู่ไหนแล้วยัยหนู

            การแจ้งเตือนของไลน์เด้งขึ้นบนหน้าจอโทรศัพท์ แต่ไม่ใช่เพื่อนสนิท เป็นพี่รหัสที่ทักมา

            *วงเวียนใหญ่ครับ

            *ถึงแล้วเหรอ

            *เร็วอ่ะ


            เปล่า ยังไม่ถึงจ้ะ

            จะบอกว่า

            เขายกเลิกนัดกันแล้ว


            ห๊ะ? ยกเลิกนัด?

            *ไม่เห็นมีใครบอกเลยอ่ะ
           
            ก็เพื่อนแกนั่นแหละปวดท้องเฉย

            ตอนนี้อยู่โรงบาล

            ไส้ติ่งอักเสบจ้า


            *แล้วมันเป็นไงบ้างอ่ะพี่

            ยังไม่รู้ ขึ้นเขียงอยู่

            ไม่เป็นไรหรอก ถึงมือหมอละ

            หมอหล่อด้วย

            แค่นี้แหละที่จะบอก


            ผมส่งสติ๊กเกอร์กลับไปให้พี่รหัสของตัวเอง เป็นกระต่ายหน้าตากวนๆที่มีเสียงน่ารักๆ

            *โอเค ผ่าน

            ไม่ใช่หมอหล่อนะที่ผ่าน

            แต่รถไฟฟ้าเนี่ย ผ่านมาจะถึงสยามแล้ว

            ‘สถานีต่อไป สยาม Next Station Siam’

            ผู้คนจำนวนมากทยอยลงจากรถไฟฟ้า ผมเองก็เช่นกัน

            ลงมายืนอยู่ที่สถานี เหมือนไม่รู้จะไปทางไหนดีทั้งๆที่ความตั้งใจแรกคือมาเดินสยามแล้วค่อยไปติว แต่พอรู้ว่ายกเลิกนัด ก็หมดอารมณ์เดินสยามไปซะอย่างนั้น

            สายตาเหลือบไปมองทางเดินต่อไปเพื่อเปลี่ยนรถไฟไปยังอีกเส้นทางหนึ่ง

            เส้นทางที่ถ้าผมนั่งไป อาจจะโคจรไปเจอกับเขาอีกครั้ง

            สองจิตสองใจ จะเดินลงจากสถานีหรือจะไปต่อ ผมใช้เวลาตัดสินใจนานเกือบสิบนาที สุดท้ายก็พาตัวเองมาหยุดยืนอยู่ที่ชานชาลาเพื่อที่จะนั่งรถไฟฟ้าอีกเส้นทางหนึ่ง

            เส้นทางที่ไม่ได้อยู่ในวงจรชีวิตผม

            เฮ้อ เสียเงินอีกละ

            เบื่อตัวเองจริงๆ

            ถ้าเปรียบกับกระแสไฟฟ้า เส้นทางที่ไปเจอเขาก็เหมือนกับกระแสไฟฟ้าลัดวงจร

            แต่ผมคิดว่า บางครั้งคนเราก็ต้องเดินออกนอกวงโคจรของตัวเองบ้าง เพื่อจะได้ไปโคจรเจอกับคนอื่น จริงไหมครับ

            ผมเคยขึ้นรถไฟเส้นทางนี้แค่สองครั้ง และเป็นสองครั้งที่ผมไปเจอพ่อแท้ๆ พ่อที่ทิ้งแม่ผมไปด้วยเหตุผลไร้สาระ

            แต่วันนี้ผมตั้งใจจะขึ้นมันเอง ไม่ใช่เพราะจะไปเจอพ่อ

            เพราะจะไปเจอใครอีกคนต่างหาก

            ก้าวขาขึ้นมาบนตัวรถไฟ เวลาเช้าๆยังคงเป็นเวลาเร่งรีบของผู้คนอยู่ ผู้คนแออัดกันเป็นปลากระป๋อง ผมนึกในใจว่า นี่ตัวเองคิดถูกหรือเปล่ามาขึ้นเวลานี้ ทำไมไม่รออีกหน่อยแล้วค่อยมาขึ้นกันนะ บ้าบอ

            ‘สถานีต่อไป อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ Next Station Victory Monument’

            พอถึงที่หมาย ก็แทบจะกระโดดออกจากรถ อากาศร้อนๆของประเทศไทยยังสร้างความประทับใจได้ทุกเมื่อ ผมยืนหันซ้ายหันขวาอยู่สักพัก สายตาก็หันไปเห็นร้านขายชานมไข่มุกร้านเดิม

            ปกติแล้วผมไม่ชอบกินชานมเอาซะเลย ยิ่งชานมไข่มุกนี่ยิ่งไม่ชอบ แต่ไม่รู้ทำไมขาถึงได้พาตัวเองเดินไปหยุดอยู่หน้าร้าน ป้ายเมนูใหม่ตั้งอยู่บนเคาน์เตอร์ ผมเอ่ยปากสั่งเมนูนั้นอีกครั้ง

            “ชานมธัญพืชครับ”

            พี่พนักงานขายคนเดิมกับเมื่อวานยิ้มรับ

            ชานมแก้วละสี่สิบบาทมาอยู่ในมือผม เกาหัวตัวเองแกรกๆเพราะคิดว่ามันเป็นสิ่งไร้สาระที่สุดเท่าที่เคยทำมา

            ปลายลิ้นสัมผัสกับตัวหลอด ดูดน้ำชาหอมๆขึ้นมา ตัวชานมมันหอมอยู่แล้วก็จริง แต่พอเจอธัญพืชเข้าไป มันยิ่งหอมคูณสอง

            กินแล้วนึกถึงเขาเลย

            คนที่ไม่รู้จักแม้แต่ชื่อ เบอร์ก็ยังให้มาผิดอีก

            แล้วผมควรจะเรียกเขาว่าอะไร

            นายชานมธัญพืชแบบนี้เหรอ

            ยาวไป ไม่เอาดีกว่า

            “ไม่ได้อยู่แถวนี้เหรอ ไม่เคยเห็นเลย” พี่พนักงานทักทายอย่างเป็นมิตร ผมยิ้มให้

            “ผมอยู่ฝั่งธนครับ”

            “แล้วมาทำอะไรแถวนี้ล่ะ หาเพื่อนเหรอ” เดาว่าเพื่อนที่เธอพูดถึง คงจะเป็นเขา

            จะว่าไป ถ้าผมถามพี่พนักงาน เธอจะพอรู้เรื่องเขาบ้างหรือเปล่านะ

            ผู้ชายตัวสูงๆคนนั้น

            “พี่รู้จักผู้ชายคนเมื่อวานป่ะครับ” เธอทำหน้าครุ่นคิดเล็กน้อย “ที่ตัวสูงๆ”

            “ที่น้องเลี้ยงชานมเขาน่ะเหรอ”

            “ใช่ๆ”

            “ไม่รู้จักเป็นการส่วนตัวหรอก แต่เขามาซื้อชานมบ่อยอยู่นะ ทำไมเหรอ”

            สมองคิดสรรหาคำแก้ตัวมาพูด ทั้งๆที่ความจริงคืออยากรู้จักเขาให้มากกว่านี้

            “คือเขาทำหนังสือตกไว้ ผมเลยอยากจะคืนให้”

            “อ่อ พี่เห็นเขาเคยอยู่กับพวกรุ่นน้อง เรียนอยู่แถวนี้แหละ”

            อ่า รุ่นพี่อย่างนั้นสินะ

            ถ้าเจอกันอีกครั้ง ผมอาจจะต้องระวังคำพูดให้มากกว่านี้

            “เขาจะมาช่วงเย็นๆ แต่วันนี้วันเสาร์ ไม่รู้จะมาหรือเปล่า”

            “อ่า ขอบคุณมากนะครับ”

            “ไม่เป็นไรจ๊ะ”

            ผมส่งยิ้มให้พี่พนักงานอีกครั้งพลางเดินออกมา

            ลืมคิดไปเลยว่าวันนี้เป็นวันหยุด คนทั่วไปในวันหยุดคงไม่มานั่งรถไฟฟ้าเล่นหรอก ใครจะไปเหมือนกับผมที่เสพติดการขึ้นรถไฟฟ้าเป็นบ้าเป็นบอขนาดนี้

           

            ผมขลุกตัวอยู่ในห้างทั้งวันจนกระทั่งถึงเวลาหกโมงกว่าๆถึงได้ออกจากตัวห้างเพื่อที่จะขึ้นรถไฟฟ้ากลับบ้าน เหรียญจำนวนหนึ่งกลิ้งลงไปในช่องสี่เหลี่ยมเล็กๆพร้อมกับบัตรแข็งขนาดเหมาะมือที่มาอยู่บนฝ่ามือผม

            หันมองรอบตัวระหว่างรอรถไฟ พลางถอนหายใจออกมาเล็กน้อย

            คงไม่เจอแล้วล่ะมั้งวันนี้

            วันหยุดนี่เนอะ

            ผมก้าวขาขึ้นไปบนรถไฟฟ้าเพื่อตรงกลับไปยังสยาม ระหว่างทางก็เหม่อออกไปมองวิวด้านนอก ท้องฟ้ามืดช้าตามปกติของฤดูร้อน ผู้คนต่างทยอยกันกลับบ้าน เช่นเดียวกับผม

            บางทีการมองวิวด้านนอก ก็ทำให้จิตใจสงบได้เหมือนกัน ไม่แปลกหรอกที่คนๆนั้นจะชอบมองออกไปด้านนอก พร้อมกับยัดหูฟังปิดกั้นตัวเองออกจากความวุ่นวายของผู้คน

            พลางคิดไปว่า ถ้าไม่ได้เจอเขาวันนี้ ผมก็คงไม่กลับมาเส้นทางนี้อีกแล้ว

            ไม่ใช่เพราะตัดใจ

            แต่เพราะมันแพงอ่ะ

            ถ้าไม่มีจุดหมายปลายทาง ก็คงไม่ไปนั่งเล่นอีกแล้วล่ะ

            คิดว่างั้นนะ

            รถไฟฟ้านิ่งลงเมื่อถึงสถานีที่ผมจะลง เท้าสองข้างสัมผัสกับพื้นคอนกรีตอยู่สักพักถึงได้ออกก้าวเดินไปข้างหน้าเพื่อไปซื้อตั๋วกลับบ้าน

            กลับมายังเส้นทางเดิมที่คุ้นเคย คนยังเบียดเสียดเหมือนเดิมในช่วงเวลาเย็นๆทำให้ผมถูกผลักเข้ามายืนตัวแบนติดกับท้ายขบวนริมประตูอีกฝั่ง

            ต้องยืนแบบนี้ไปจนสุดสายเลยสินะ

            คิดได้แค่นั้นก็คอตก

            รถไฟฟ้าผ่านสถานีหนึ่ง สองตามลำดับ ผู้คนรอบกายสลับเปลี่ยนกันไปตามการเบียดขึ้นลง ผมเลือกที่จะหันหลังให้กับผู้คนแล้วเหม่อมองออกไปด้านนอก ท้องฟ้าเริ่มจะมืดลงเรื่อยๆจนต้องเปิดไฟถนนในยามค่ำคืน การจราจรด้านล่างนั่นยังคงติดขัดสม่ำเสมอ

            ก็แค่หวังอยากจะเจอเขาอีกครั้ง แค่เพียงเสี้ยววินาทีก็ยังดี

            แต่หลายปีที่นั่งรถไฟฟ้ามา ผมไม่เคยเจอผู้ชายคนนั้นที่เส้นทางนี้เลย

            แปลกดีครับ คนๆหนึ่งทำให้เราอยากจะลองอะไรใหม่ๆที่เราไม่เคยทำ ทั้งๆที่ผมเป็นคนซ้ำซากจำเจขนาดนี้ แต่สองวันมานี่ ผมลองกินชานมทั้งๆที่ไม่เคยคิดจะลองมันมาก่อน และครั้งนี้ผมก็มองวิวออกไปนอกตัวรถ ทั้งๆที่ปกติจะจดจ้องอยู่กับตัวหนังสือและผู้คนในรถไฟฟ้า

            เราไม่รู้จักกันด้วยซ้ำ แต่เขากลับมีอิทธิพลกับผมขนาดนี้

            ถ้าได้รู้จักกัน คงซึมซับเอานิสัยส่วนตัวของเขาติดมาด้วยแน่ๆ

            ‘สถานีต่อไป สุรศักดิ์ Next Station Surasak’

            ผู้คนเบียดกันเข้าออกอีกครั้ง สลับหมุนเปลี่ยนกันเป็นเก้าอี้ดนตรี แขนของคนๆหนึ่งสัมผัสกับแขนของผมแต่ผมไม่ได้ใส่ใจอะไรเพราะว่ามันเป็นเรื่องปกติบนรถไฟฟ้า

            ถ้าไม่ใช่เพราะกลิ่นน้ำหอมคุ้นจมูกที่เด่นชัดขึ้นมา

            ผมละสายตาจากวิวด้านหน้าหันไปมองผู้ชายตัวสูงที่ยืนอยู่ข้างๆ แวบเดียวที่เห็นใบหน้าของเขา มันเหมือนกับตัวเองร่วงจากปากเหวแล้วกระแทกกับพื้นจนร่างกายแตกละเอียด ผมหันขวับกลับมาจ้องเงาตัวเองในกระจก คิ้วขมวดเป็นปมโดยอัตโนมัติ

            แค่คิดถึง ก็โผล่มาให้เจอ … คำๆนี้เด้งขึ้นมาในสมอง

            เขายืนอยู่ข้างๆผม เขาคนนั้นนั่นแหละ คนตัวสูงที่ผมตามหาอยู่

            มาอยู่นี่ได้ยังไง

            ตั้งแต่ขึ้นรถไฟฟ้าเส้นทางสายนี้ ก็ไม่เคยเจอเขาเลยนะ

            ผมยืนเงียบ เม้มริมฝีปากของตัวเองแน่น ขาแข็งทื่อไปหมด

            มีใครบางคนเคยบอกกับผมไว้ว่า ความบังเอิญมันไม่มีทางเกิดขึ้นเป็นครั้งที่สามหรอก แล้วจะให้ผมตอบว่ายังไง ในเมื่อสถานการณ์ตรงหน้า มันคือความบังเอิญครั้งที่สามของผม

            สายตาภายใต้ดวงตาเรียวรีของเขาปราดมองผมแวบหนึ่งแล้วหันกลับไปสนใจวิวด้านนอกตัวรถต่อ ถึงแม้จะมองออกไปด้านนอก แต่ริมฝีปากกลับยกยิ้มขึ้นมุมปากเล็กน้อย

            บ้าบอ

            ทำแบบนั้น จะฆ่ากันหรือไง

            วันนี้เขาไม่ได้สวมชุดนักศึกษา นั่นคือสาเหตุว่าทำไมผมถึงไม่ทันสังเกตว่าเป็นเขา เจ้าตัวสวมเสื้อยืดสีดำกับกางเกงยีนส์ขายาว รองเท้าสีขาวคาดแถบฟ้าแดงที่รู้จักกันในนาม โอนิซึกะไทเกอร์ สะพายกระเป๋าหนังคาดกับลำตัว

            คำๆเดียวที่สามารถบรรยายเขาตอนนี้

            ดูดีเกินไป

            อยากจะเอ่ยปากทักทายเขา แต่ลำคอกลับแห้งผากเหมือนเพิ่งเดินผ่านทะเลทรายมา ตามปกติแล้วคนบนรถไฟฟ้าไม่ค่อยพูดคุยกันสักเท่าไร คงถือหลักมารยาทสากลคล้ายๆคนญี่ปุ่น

            ผมกำฝ่ามือของตัวเองนั่น ในสมองคิดไปต่างๆนานาว่าการที่เขามาอยู่บนรถไฟฟ้าสายนี้ เส้นทางนี้ อาจจะเป็นเพราะว่าเขามาเที่ยว มาหาเพื่อน หรือมาทำอะไรกันแน่

            ความคิดที่สองที่ประดังเข้ามา

            เขาจะลงสถานีไหน

            จะอยู่จนสุดสายเลยมั้ย

            ซึ่งคำตอบก็ชัดเจนมากอยู่แล้ว การที่คนตัวสูงไม่ขยับเขยื้อนไปไหน วางตีนตุ๊กแกของเขาแหมะลงบนพื้นตัวรถไฟฟ้า ยืนเหม่อมองออกไปด้านนอก

            เขาไปสุดสายแน่นอน

            ทำยังไงดี ถ้ายังยืนแบบนี้ต่อไป

            พรุ่งนี้คงมีข่าวหน้าหนึ่งว่านักศึกษามหาวิทยาลัยชื่อดังหัวใจวายบนรถไฟฟ้าแน่นอน

            พลันความคิดบางอย่างก็เล่นขึ้นมาในหัว       

            ในเมื่อพูดคุยกันไม่ได้ ก็พิมพ์คุยกันก็ได้

            ผมจัดการเปิดโทรศัพท์ของตัวเอง แอพพลิเคชั่นบันทึกข้อความที่เคยคิดว่ามันไร้ประโยชน์มาตลอดถูกเปิดขึ้นมาใช้ ผมพยายามเรียบเรียงคำพูดออกมาให้ดีที่สุด เพื่อเป็นการเริ่มบทสนทนาครั้งนี้

            *เมื่อวานให้เบอร์มาผิดอ่ะ โทรไม่ติด

            นิ้วชี้ของผมจิ้มลงบนแขนที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อของเขา คนตัวสูงที่ผมควรใช้สรรพนามกับเขาว่าพี่ก้มลงมามองเล็กน้อย ขมวดคิ้วสงสัยว่าไอ้เด็กนี่กำลังทำบ้าอะไรกันแน่ พอเห็นว่าผมยื่นโทรศัพท์ให้ เขาก็รับไปแต่โดยดี อ่านข้อความอยู่พักหนึ่งเขาถึงได้เข้าใจว่าผมต้องการจะคุยกับเขาผ่านทางนี้

            นิ้วเรียวๆของเขากดลงบนแป้นพิมพ์ด้วยความรวดเร็ว ไม่นานนักก็ยื่นโทรศัพท์กลับมา

            กูจงใจ

            จงใจ?

            จงใจให้เบอร์ผิดน่ะเหรอ? ไม่ใช่ว่าลืมเองแล้วแก้ต่างเพราะเขินหรือเปล่า

            ผมอมยิ้มกับข้อความนั้น แม้มันจะสั้น ห้วนและหยาบคาย แต่การที่เขายอมพิมพ์ตอบ นั่นก็เป็นสัญญาณเริ่มต้นบทสนทนาที่ดี

            *ไม่ใช่ว่าลืมเบอร์ตัวเองจริงๆเหรอ

            ยื่นกลับไปให้เขาอีกครั้ง คนตัวสูงรีบรับไปเหมือนรออยู่ก่อนแล้ว

            ไม่ใช่ บอกว่าจงใจก็จงใจดิ ใครจะบ้าลืมเบอร์ตัวเองวะ

            *ถ้างั้นขอเบอร์ที่ถูกต้องหน่อย

            พอเขาอ่านข้อความนั้น ก็หันมาทำตาขวางใส่ผมเลย

            ผมกระพริบตาปริบๆมองเขา จะให้เบอร์ทั้งทีดันให้ผิด อะไรของเขาก็ไม่รู้ คนตัวสูงฟึดฟัดดูไม่ค่อยพอใจ แต่ก็กดอะไรยุกยิกลงบนโทรศัพท์ สักพักหนึ่งถึงจะยื่นกลับมาอีก

            มึงมันเด็กเอาแต่ใจ     

            ก็เอาแต่ใจกับเขาคนเดียวนี่แหละ ขืนไม่เอาแต่ใจ ได้เป็นทั้งนกทั้งแห้วรวมกันเป็นแน่วสมใจแน่ๆ

            *พี่ชื่ออะไรอ่ะ

            ต้องบอกป่ะ ไม่อยากบอกอ่ะ บอกชื่อมึงมาก่อน

            *แต่ผมถามก่อนนะ

            ถ้าไม่บอก กูก็ไม่บอก

            *กอด

            นั่นชื่อหรือว่าจะขอกอด

            กลับกลายเป็นฝ่ายผมที่หันไปมองเขาตาขวาง

            ผมไม่ได้จะขอกอดเขา ผมชื่อกอดต่างหาก

            *ชื่อ แล้วพี่อ่ะ

            กัน 

            ผมจ้องคำๆนั้นอยู่นานสองนาน เม้มริมฝีปากเป็นเส้นตรงเพื่อซ่อนรอยยิ้มของตัวเองเอาไว้ เป็นชื่อเล่นที่สั้น ห้วน และบอกบุคลิกของเจ้าของชื่อได้เป็นอย่างดี

            กันที่แปลว่าปืน เวลาได้เจอทีไรเหมือนโดนยิงตายทุกที

            ‘สถานีต่อไป สถานีปลายทาง บางหว้า ขอบคุณค่ะ’

            ประกาศสุดท้ายบนรถไฟฟ้า ประกาศสถานีปลายทาง

            ถึงจะเป็นสถานีปลายทาง

            แต่เรื่องราวของผมและเขา

            กำลังจะเริ่มต้นตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป

 
            .
            .
            .
            ‘ยินดีที่ได้รู้จักครับ พี่กัน’
         




// น้องกอดกับพี่กันเปิดตัวอย่างเป็นทางการ
ฝากติดตามทั้งคู่ ฝากเอ็นดูเด็กๆด้วยนะคะ
สามารถติดแท็ก #Likeกัน ได้ทางทวิตเตอร์น้ะง้าบ
Facebook : Jiwinil Twitter : jiwinil_

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-04-2017 16:53:24 โดย leenanhyun »

ออฟไลน์ เปลว แว๊บแว๊บ

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 113
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
คนพี่ก็โหเ คนน้องก็น่าเอ็นดูววววววววว รอตอนต่อไปนะคะ

ออฟไลน์ iaum

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
อู๊ยยยย  :-[ อ่านไปฟินไป น้องกอดน่ารัก :z2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ utamon

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 695
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-2
พรหมลิขิต ใช่ มันต้องใช่แน่ๆ  :give2:

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4
 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ ชมรดา

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 99
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1
เรื่องน่ารักดี  ติดตามค่ะ

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
โอ้ยทำไมถึงน่ารักขนาดนี้เขินมากกกกก กอดกันนะะะะะะ  :hao5: :hao5:

ออฟไลน์ panitanun

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 482
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
เอ็นดูอฝะะะ

ออฟไลน์ aunszMT

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-1
แอ่กกก เขินน ไม่รู้ว่าเป็นความบังเอิญหรือคนจงใจ น้องกอดสู้ มุกถูกหวยพี่ขอยืมไปใช้นะคะ พี่ชอบบบบ 55

ออฟไลน์ anterosz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 807
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +112/-1
กอดกัน กอดกัน

ออฟไลน์ นมชมพู

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
จะเอาอีกกก น่ารักกกก :ling1: :ling1:

ออฟไลน์ leenanhyun

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 66
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +102/-2
Re: ◆_Likeกัน_◇ ตอนที่ 2 {23.04.60}
«ตอบ #18 เมื่อ23-04-2017 16:47:21 »

Chapter 2
จุดเริ่มจากความหิว

           

            “ไปกินข้าวกัน หิว”

            คือสิ่งที่แรกที่เขาพูดออกมาเมื่อเหยียบพื้นสถานีปลายทาง

            ทุกอย่างมันรวดเร็วไปหมดจนผมตั้งตัวไม่ติด เหมือนกำลังยืนอยู่ตรงจุดสตาร์ทแล้วรถคันอื่นวิ่งออกไปหมดแล้ว แต่ผมดันวิ่งไม่ออกได้แต่นิ่งค้างอยู่แบบนั้น

            ทั้งดีใจ อบอุ่นใจ ปะปนกันจนเก็บไว้ข้างในไม่ได้

            อยากจะวิ่งกลับขึ้นไปบนรถไฟอีกครั้ง แล้วตะโกนเสียงดังว่า

            พี่เขาชวนกูกินข้าวโว้ยยยยย

            “กินไรอ่ะ”

            คือสิ่งที่ผมตอบกลับไป ในหัวเวลานั้นคิดไม่ออกหรอกว่าอยากจะกินอะไร

            เพราะมันอิ่มไปหมดแล้ว

            “ไม่เคยมาฝั่งนี้ พาไปดิ”

            ประโยคคำสั่งที่ปฏิเสธไม่ได้ สุดท้ายผมก็เลือกร้านที่ง่ายที่สุดคือร้านอาหารตามสั่งริมถนนชื่อดังที่เป็นที่รู้จักของคนฝั่งธนแถมยังไม่ไกลจากตัวสถานีรถไฟฟ้า วันนี้คนค่อนข้างเยอะเพราะเป็นวันหยุด แต่เหมือนการมีเขามาด้วยจะทำให้ความซวยในชีวิตผมแปรเปลี่ยนเป็นความโชคดี

            เราได้ที่นั่งด้านในร้านสองที่ทันทีที่มาถึง

            “รับอะไรดีคะ” พี่ผู้หญิงเจ้าของร้านเดินมาถาม เธอยิ้มให้ผมเหมือนทุกครั้ง อาจจะเพราะจำหน้าผมได้ ร้านนี้ผมมากินกับแม่ค่อนข้างบ่อยเวลาไม่อยากทำอาหารเย็น คนตรงหน้าผมมองเมนูอยู่เพียงแค่พักเดียว เหมือนตัดสินใจไม่ถูกว่าจะกินอะไร เลยหันมาสบตาผมเพื่อขอความช่วยเหลือ

            “เอ่อ เอาเป็นต้มยำกุ้งน้ำข้น กุ้งชุบแป้งทอด แล้วก็ไข่เจียวกุ้งสับครับ”

            “ข้าวสองจานเนอะ”

            “ครับ”

            “แล้วน้ำล่ะ”

            “น้ำเปล่าครับ”

            เมนูถูกเก็บไปจากโต๊ะ เหลือทิ้งเพียงความอึดอัดบางอย่างที่เริ่มก่อตัวขึ้น มันไม่ใช่ความอึดอัดที่ไม่ดีอ่ะ แต่มันเป็นความอึดอัดเพราะทุกอย่างเกิดขึ้นด้วยความรวดเร็ว

            ใครจะไปนึกไปฝันว่าจะได้มานั่งกินข้าวกับคนที่แอบมองแอบชอบมาตลอด

            นี่มันบ้าไปแล้วว 

            “สั่งแต่เมนูกุ้ง ไม่ถามหน่อยเหรอว่ากูแพ้กุ้งมั้ย”

            ผ่าง

            ความประทับใจแรกต่ำเตี้ยเรี่ยดิน

            “ไม่ได้แพ้ใช่ป่ะ”

            หวังว่าเขาจะไม่แพ้ เพราะผมชอบกินกุ้งมากเป็นอันดับต้นๆในรายชื่ออาหารทะเล

            “ไม่”

            ค่อยยังชั่ว

            “แล้วรู้ได้ไงว่ากูเป็นพี่”

            “ผมไปถามที่ร้านชานมมาอ่ะ” เขานิ่งไป

            “ยังกล้าไปถามเขาอีกเนอะ”

            “ก็อยากรู้อ่ะ”

            เงียบ

            ไม่มีบทสนทนาต่อจากนั้น ผมนั่งลูบฝ่ามือของตัวเองไปมาอยู่ใต้โต๊ะ คนตัวสูงไม่ได้ละสายตาไปไหน นัยน์ตาสวยๆใต้กรอบตาเรียวรีนั่นจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าของผมจนผมเกร็งไปหมด

            มองไร

            มองไม

            อย่ามองสิ

            เขินนะ

            ความร้อนกลุ่มก้อนขนาดใหญ่พุ่งขึ้นมาที่ใบหน้าของผม

            ต้องซ่อนมันไว้ ผมคิดแบบนั้น

            ถ้าจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเล่นตอนนี้ มันก็จะดูเสียมารยาท เพราะฝั่งนู้นก็ไม่แม้แต่จะแตะโทรศัพท์ของตัวเอง ดังนั้นวิธีการซ่อนที่ดีที่สุดก็คือการก้มหน้าเอาหน้าผากแนบลงไปกับโต๊ะเหล็กสีแดงดังปัง

            ได้เข้าใกล้เขาตัวเป็นๆแบบนี้ มันยิ่งกว่าความฝันอ่ะ

            แล้วกินข้าวด้วยกัน มานั่งจ้องหน้ากันอีก

            บ้า บ้า บ้า

            ตอนนี้ก็ได้แต่ภาวนาให้กับข้าวมาเร็วๆ จะได้ลงมือกินให้มันจบๆ แต่อีกใจหนึ่งก็อยากให้กับข้าวมาช้าๆ จะได้อยู่กับเขานานๆ

            ‘กริ๊ง กริ๊ง’

            เสียงโทรศัพท์บ้านรุ่นโบราณดังมาจากทางด้านหน้า พร้อมด้วยเสียงทุ้มๆของเขา

            “ว่า”

            “อืม กูอยู่ฝั่งธน”

            “เจอ”

            “เออพรุ่งนี้เจอกัน ฝากเอาเสื้อทีมให้ด้วย”

            เสื้อทีม? เตะบอลเหรอ

            ถ้าเขาเตะบอลล่ะก็ คงจะโคตรเท่แน่ๆ

            เสียงทุ้มเงียบไป ไม่รู้ว่าเพราะวางสายไปแล้ว หรือเพราะกำลังตั้งใจฟังคนในโทรศัพท์ ผมค่อยๆเงยหน้าขึ้นไป หลังจากพยายามสงบสติอารมณ์อยู่สักพัก

            เงยหน้าขึ้นไปสบตากับเขาปุ๊บ ประโยคหนึ่งก็หลุดออกมาจากปากพอดี

            “เออ ฝากบอกหน่อย ว่าเลิกทำตัวน่ารักซักที กูจะเป็นบ้า

            จบกัน พอเจอสายตาเพชรฆาตของเขา

            สิ่งที่พยายามมาทั้งหมดก็พังทลาย

            ชื่อกันนี่ไม่ได้มาด้วยความบังเอิญแน่ๆ พี่จะยิงผมให้ตายหรือไง

            เขาไม่ได้พูดกับผมหรอก เขาฝากเพื่อนบอกใครสักคน แต่มันก็อดคิดไม่ได้ เพราะสายตาที่เขามองมา มันหยุดอยู่ที่ใบหน้าผม

            ผมจะมโนไปเองว่าเขาพูดกับผมแล้วกัน

            “เรียนปีไร” วางสายเสร็จก็หันมาถามด้วยน้ำเสียงโมโนโทน เรียบๆง่ายๆสั้นๆกระชับได้ใจความ

            “ปีหนึ่ง”

            “มหาลัยอ่ะ”

            “มอA”

            “แล้วทำไมไปขึ้นรถไฟฟ้าสายนั้น”

            เจอคำถามนี้เหมือนเจอหมาดักที่หน้าปากซอย อยากจะวิ่งหนีแต่ก็กลัวมันวิ่งไล่ จะเดินตรงไปก็ตายห่าแน่นอน

            “ไปหาพ่อ”

            “แน่เหรอ”

            “แน่ดิ”

            ไม่แน่

            เพราะไปหาพี่นั่นแหละ

            “แล้วพี่อ่ะ อยู่ปีไหน”

            “กูต้องบอกป่ะ”

            ผมมองค้อนเขา ใบหน้าของเขาถึงแม้จะคล้องกับบุคลิก แต่นิสัยกวนประสาทของเขาที่เริ่มโผล่ให้เห็นทีละนิด บ่งบอกว่าเขาเป็นคนกวนตีนใช้ได้เลยทีเดียว

            “ต้องบอก”

            “แล้วถ้าไม่อยากบอกอ่ะ”

            “ผมก็ต้องเสียเงินอีก” เสียเงินไปขึ้นรถไฟฟ้าสายนั้น เพื่อที่จะเจอเขาไง

            “เสียเงินไร”

            “ไม่บอก”

            “กวนตีน”

            แล้วเขาก็ไม่บอกจริงๆครับ ไม่บอกจนกระทั่งกับข้าวมาวางตรงหน้า เราเริ่มลงมือกินกันโดยไม่ได้พูดคุยอะไร ถึงจะไม่ได้พูดคุยอะไร แต่เราสองคนก็ไม่มีใครหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาจับหรือดู ทั้งๆที่ถ้าเป็นคนอื่นล่ะก็ ผมอาจจะก้มลงไปกดโทรศัพท์เพื่อหลีกหนีจากความเงียบ แต่กับเขา แค่เสียงช้อนกระทบจานข้าว มันก็เหมือนเป็นบทสนทนาที่ดีแล้ว

            อีกอย่างหนึ่ง

            ไม่รู้ว่าผมคิดไปเองหรือเปล่า ว่าตัวเขาเองก็ชอบกินกุ้ง

            สังเกตจากการที่เราแย่งตักกุ้งกัน และเปลือกกุ้งที่กองอยู่ข้างจานของเขา

            นอกจากชานมแล้ว

            ผมก็รู้เพิ่มอีกอย่างว่า

            เขาชอบกินกุ้งสินะ

            นั่นทำให้การกินข้าวครั้งแรกของเราสองคนผ่านไปด้วยดี ผมนี่ก็เก่งเหมือนกันนะเนี่ย

            พอกินข้าวเสร็จ ก็ถึงเวลาแยกย้าย

            “กลับละนะ”

            สำหรับผม มันเหมือนความฝันที่ไม่อยากจะตื่น

            คนตัวสูงยืนอยู่ตรงหน้าทางเข้า ทางที่เมื่อเขาเดินเข้าไป เราก็จะแยกจากกันในวันนี้ และในอนาคตก็ไม่รู้ว่าจะได้เจอกันอีกหรือเปล่า มันไม่มีอีกแล้วครับ ความบังเอิญครั้งที่สี่ หลังจากนี้จะเหลือเพียงแค่ ความตั้งใจกับความไม่ตั้งใจ

            ไม่มีทั้งเบอร์ ไม่รู้ว่าเขาเรียนมหาลัยอะไร รู้แค่ชื่อ กับความชอบเล็กๆน้อยๆของเขา ยังไม่ได้ถามด้วยซ้ำมาทำอะไรที่นี่ เพราะหลังจากลงรถไฟฟ้าสิ่งที่ทำเพียงอย่างเดียวคือการมากินข้าวกับผม

            เงยหน้ามองเจ้าตัว ใบหน้าที่สร้างสรรค์มาได้อย่างลงตัวจนอยากจะเห็นหน้าตาพ่อกับแม่ของเขา ผมสบตากับเขาเงียบๆ ไม่มีคำพูดอะไรออกไป

            ผมพูดอะไรไม่ออก ไม่อยากให้เขากลับไป อยากให้อยู่ต่อนานกว่านี้

            แต่ทำไงได้ คนเราก็มีธุระส่วนตัวของตัวเอง มีบ้านต้องกลับ จริงไหมครับ

            “อือ กลับดีๆนะ”

            ไม่รู้ว่าตัวเองแสดงสีหน้าแบบไหนออกไป แต่เหมือนเขาจะจับสังเกตได้ว่า

            ผมกำลังเศร้าที่ต้องจากกับเขาทั้งๆที่ไม่รู้อะไรแบบนี้

            “กอด”

            น้ำเสียงที่ระบบสมองจดจำมันได้แม่น หัวใจเต้นรัวขึ้นมาแบบบ้าคลั่ง อาจจะเป็นเพราะว่านั่นเป็นครั้งแรกที่เขาเรียกชื่อผม

            “อะไร”

            รอฟังอย่างใจจดใจจ่อ

            “พรุ่งนี้กูเตะบอลที่มอB”

            “แล้วไงอ่ะ”

            “เลิกสี่ทุ่ม”

            เดี๋ยวนะ

            อย่าบอกนะว่า

            “มาไม่มาก็เรื่องของมึง”

            พูดจบก็เดินดุ่มๆเข้าไปยังตัวสถานีรถไฟฟ้าทันที ผมยืนมองแผ่นหลังกว้างๆจนลับสายตาไป กระพริบตาปริบๆเรียบเรียงคำพูดของเขาก่อนหน้านี้

            เตะบอลที่มอB

            เลิกสี่ทุ่ม

            มาไม่มาก็แล้วแต่ผม

            สรุปได้ว่า เขาชวนผมไปดูเขาเตะบอลใช่มั้ย?

            แล้วเตะที่มอB

            เรียนที่มอBใช่หรือเปล่า

            คลี่ยิ้มออกมาไม่รู้ตัวจนต้องเกาหัวแก้เก้อ จากที่เมื่อกี้เศร้าๆตอนนี้กลับกลายเป็นมีความสุขจนล้นอก อยากจะวิ่งตีลังกากลิ้งไปตามพื้นคอนกรีตแต่ก็กลัวจะโดนด่าว่าเป็นบ้า

            ก็บ้าจริงๆ ผมกำลังเป็นบ้า

            การเจอกันครั้งต่อไปของผมกับเขา มันไม่ใช่ความบังเอิญอีกแล้ว

            เพราะมันคือความตั้งใจ

เพื่อที่จะได้เจอกันอีกครั้ง

           

            การชอบใครสักคน

            ทำให้เราเป็นบ้า

            ไม่มีใครพูดหรอก แต่ผมพูดเอง

            ทำไมผมถึงเป็นบ้า

            ก็เพราะว่าพอเรียนเสร็จ คนที่ปกติแล้วจะรีบตรงกลับหอไปอ่านหนังสืออย่างผม ผมกลับรีบตรงดิ่งมาที่มหาวิทยาลัยของเขา หาที่นั่งรอในร้านกาแฟจนถึงเวลาสามทุ่มถึงจะได้ฤกษ์เดินไปที่สนามบอล

ในมือของตัวเองถือถุงพลาสติคที่บรรจุน้ำมะพร้าวเย็นๆเอาไว้สองขวด ตอนนี้ผมกำลังยืนอยู่ข้างสนามบอลของมหาวิทยาลัยB มหาลัยอันดับต้นๆของประเทศที่ตีคู่กันมากับมหาลัยของผม 

            ตัวสนามบอลกว้าง แต่สามารถเห็นเขาได้จากไกลๆเลย อาจจะเป็นเพราะว่าเขาโดดเด่นท่ามกลางเพื่อนฝูง สูงเด่นอยู่คนเดียว เขาสวมชุดนักบอลสีน้ำเงินขนาดพอดีตัว ด้านหลังถูกสกรีนเบอร์ 3 พร้อมกับชื่อสั้นๆเป็นอักษรภาษาอังกฤษตัวพิมพ์ใหญ่

            GUN

            ทุกย่างก้าวของเขา ตอบคำถามที่ผมเคยถามเอาไว้ในใจได้เป็นอย่างดี ทำไมเขาถึงยืนยันว่าจะใช้ตีนตุ๊กแกของตัวเองแทนการยื่นมือไปจับราวบนรถไฟฟ้า ก็ดูกล้ามเนื้อที่ขาของเขาสิ เตะก้านคอผมหักได้ง่ายๆเลยอ่ะ

            ทุกท่าทางของเขา ผมบันทึกไว้ในส่วนลึกของสมอง ฝังมันไว้ให้มั่น

            เป็นคนที่ร่างกายเหมาะสมกับการเล่นกีฬา เพราะว่าเขาตัวสูง แขนขายาว นอกจากฟุตบอลแล้ว ผมว่าเขาเหมาะกับการเล่นบาสเกตบอล

            ยืนอยู่เกือบยี่สิบนาที ก็ตัดสินใจเดินไปนั่งในศาลาโล่งๆข้างตัวสนามเพื่อรับลมเย็นๆแบบคนอื่นเขาบ้าง เจ้าตัวบอกว่าจะเตะบอลเสร็จสี่ทุ่ม ดังนั้นมีเวลาอีกครึ่งชั่วโมง ผมเลยฆ่าเวลาด้วยการหยิบชีทที่เรียนวันนี้ออกมาอ่าน

            ขอบคุณประเทศไทย ที่ยังเอื้อเฟื้อลมเย็นๆในยามค่ำคืน แม้ว่าตอนเที่ยงแดดจะร้อนเผาขนหัวจนแทบไหม้

            ‘ปรี๊ด’

            เสียงนกหวีดดังขึ้น การเตะบอลสิ้นสุดลงในเวลาไม่นาน ทุกคนต่างแยกย้ายกลับฝั่งของตัวเอง ผมสอดสายตาหาเขา ไม่นานก็เจอ พี่กันนั่งอยู่บนม้านั่งยาวข้างสนามอีกฟากหนึ่ง เอาผ้าขนหนูพาดคอตัวเองเอาไว้ เพื่อนๆชวนเขาคุยเรื่องอะไรบางอย่าง แอบเห็นว่าเขายิ้มออกมานิดๆ

            เป็นคนที่เวลายิ้มธรรมดา แล้วดูอบอุ่น

            แต่เมื่อไรที่ยิ้มมุมปาก เขาก็ไม่ต่างอะไรจากปลายกระบอกปืนที่ยิงลูกกระสุนออกมาเจาะกลางหัวใจของคนที่ได้เห็น

            เพราะแบบนี้เขาถึงชื่อปืนไง

            สายตาคมๆของพี่กันมองไปรอบๆตัวเหมือนกำลังหาอะไรบางอย่าง ผมมองทุกอากัปกิริยาของเขาอย่างตั้งใจ เหมือนกับการทำข้อสอบ ที่ต้องหาคำตอบว่าผู้ชายคนนี้ ทำไมถึงได้มีอิทธิพลต่อตัวผมมากขนาดนั้น

            เมื่อหาไม่เจอ เขาจึงเริ่มต้นใหม่ จากที่มองผ่านๆเป็นเริ่มตั้งใจหา สายตาเลื่อนไปเรื่อยๆจนกระทั่งมาหยุดอยู่ที่ผม มองตรงมานิ่งๆเงียบๆและไม่เปลี่ยนทิศทางการมองอีก

            สิ่งที่เขากำลังหาอยู่

            คือผมสินะ

            พอเขาอยู่ไกลๆ ผมดันมีความกล้าที่จะสบตาเขาได้นานมากกว่าหนึ่งวินาที อาจจะเป็นเพราะว่าเขาคงไม่มีทางทำอะไรผมได้ ถ้าอยู่ในรัศมีที่ไกลขนาดนั้น

            เหมือนพี่แกจะรู้ตัว ยกยิ้มมุมปากขึ้นอย่างชอบใจ

            เท่านั้นแหละ

            ตายดีกว่า

            รอบๆกายเขาเต็มไปด้วยพวกเพื่อนๆ เมื่อเห็นว่าเพื่อนตัวเองจ้องมองอะไรจากที่ไกลๆอยู่นานสองนาน พวกเขาเลยหันมามองบ้าง พอมองเสร็จก็หันไปกระทุ้งสีข้างแล้วก็หยอกล้อเล่นตามประสากลุ่มเพื่อน

            เมื่อการเตะบอลสิ้นสุดลง ผู้คนทยอยออกจากสนาม ไฟเริ่มดับลงทีละดวงสองดวงเหลือไว้เพียงแค่ไฟถนน เขาเดินดุ่มๆมาหาผม ทิ้งตัวลงนั่งด้านข้าง เสยผมเปียกๆไปด้านหลังเผยให้เห็นใบหน้าที่ชัดเจนมากกว่าเดิม

            หัวใจผมเต้นตึกตักๆ

            “อ่ะ” ผมยื่นน้ำให้กับพี่กัน น้ำมะพร้าวที่ซื้อมาจากเซเว่น

            ขอบคุณที่มันยังเย็นอยู่

            เขารับไป เปิดฝาแล้วกระดกดื่มโดยไม่พูดอะไร ดูท่าทางจะเหนื่อยมาก เพราะเหงื่อนี่เต็มตัวไปหมด ดื่มเสร็จก็นั่งพักรับลมเพื่อให้ตัวแห้งอยู่สักพักถึงได้เอ่ยปากพูดอะไรออกมาขัดความเงียบ

            “มาถึงกี่โมง”

            “สามทุ่ม”

            “รีบเหรอวะ”

            ไม่ค่อยรีบเท่าไร

            เพราะจริงๆแล้วมาถึงตั้งแต่หกโมง

            “เหนื่อยป่ะ” ถามออกไปแบบไม่ได้คิด เลยโดนตอกกลับมา

            “เหงื่อขนาดนี้ มึงคิดว่ากูเหนื่อยมั้ยล่ะ”

            “เหนื่อย”

            “แล้วถามทำไม”

            “ก็ถ้าเหนื่อยจะได้ทำให้หายเหนื่อย”

            คำตอบของผมคงจะทำให้เขาตกใจจนสำลักน้ำมะพร้าว ความหมายของผมคือพาเขาไปกินอะไรเย็นๆอร่อยๆอย่างเช่นขนมหวาน แม้จะไม่ได้มาแถวมหาลัยเขาบ่อยๆ แต่ก็พอได้ยินว่ามีร้านหวานเย็นน่ากินแถวหน้ามหาลัย แต่นี่สี่ทุ่มแล้ว ปิดหมดแล้วมั้ง

            “พูดจาอะไรวันหลังคิดก่อน หัวใจกูจะวาย”

            ผมพูดอะไรผิดไปอย่างนั้นเหรอ

            ก็คนเขาหวังดีนี่หว่า

            โดนดุเลย

            คนข้างๆทำอะไรยุกยิกกับกระเป๋าของตัวเอง เขาหยิบเสื้อยืดสีดำออกจากกระเป๋า มือสองข้างจับชายเสื้อของตัวเองแล้วเลิกมันขึ้น ผมนั่งตัวแข็งเป็นก้อนหิน

            บทจะเปลี่ยนเสื้อก็เปลี่ยนง่ายๆงี้เลยเหรอ

            บอกก่อนได้มั้ย จะได้ยกกล้องมาถ่ายทัน … อ่ะไม่ใช่ …

            สายตาของผมเบือนมองออกไปอีกทางจนกระทั่งเขาเปลี่ยนเสื้อเสร็จ เสียงกรุ๊งกริ๊งของกระดิ่งดังขึ้นข้างหู พอหันไปก็เห็นพี่กันสะพายกระเป๋าสีดำพาดบ่า มีพวงกุญแจหัวหมีห้อยอยู่

            “กินไรป่ะ หิวอีกละ”

            เจอหน้ากันทีไร บ่นหิวตลอด ถ้าสนิทกันมากกว่านี้ ไม่ชวนกันกินตลอดทั้งวันเลยเหรอ

            แต่จะว่าไป ออกจากมหาลัยหกโมงก็ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องนอกจากกาแฟหนึ่งแก้ว

            “อยากกินหมูกระทะอ่ะ”

            “กูเพิ่งเตะบอลชวนแดกหมูกระทะ มึงเป็นคนยังไงวะเนี่ย”

            “เป็นคนที่ดูจะอ้วนๆหน่อย”

            “เหอะ”

            เสียงหัวเราะแบบไม่เต็มใจถูกส่งมา

            “อย่าอ้วนมาก”

            คนตัวสูงเดินนำหน้าออกไป ถึงจะบ่นแต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธว่าจะไม่กินหมูกระทะ

            “เดี๋ยวน่ากอด”

            ประโยคหลังดังขึ้นมาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ความร้อนจำนวนมากพุ่งขึ้นมาที่หน้าผมจนเข้าใจลึกซึ้งถึงคำว่าร้อนจนลมออกหู แต่ไม่ใช่ร้อนเพราะโมโห ร้อนเพราะเขินบ้าเขินบออะไรไม่รู้

            คำพูดลอยๆไร้ทิศทางทำให้คนอย่างผมถึงกับสะดุดขอบฟุตบาทไถลลงไปนอนกองกับพื้น พี่กันตกใจรีบถอยกลับมา ฝ่ามือของเขาจับลงที่ไหล่ของผม เลื่อนมาที่แขนแล้วพยายามจะดึงผมให้ยืนขึ้น

            “เดินยังไงวะเนี่ย”

            ผมขืนตัวไม่ยอมลุกตามแรงดึง นอนก้มหน้าอยู่กับพื้นโดยมีแขนของตัวเองคั่นอยู่ตรงกลาง ก้มหัวอยู่แบบนั้นแทบจะจูบกับพื้นคอนกรีต พลางขอร้องในใจเสียงดังว่า ปล่อยผมไปเถอะ ถ้าเขาดึงผมขึ้นตอนนี้ ผมต้องร้องไห้ออกมาแล้วตะโกนเสียงดังมากแน่ๆว่า

            ผมชอบพี่กัน

            ชอบมากๆ

            ดังนั้นถ้าพี่ไม่ชอบผม เห็นว่าผมเป็นน้อง หรือถ้าพี่เห็นผมเป็นแค่คนคั่นเวลาแก้เหงาล่ะก็

            หยุดให้ความหวังผมตั้งแต่ตอนนี้เลย





/// หิวก็ไปหาอะไรกิน ไม่ใช่หิวแล้วมาจีบกัน
ด้วยรัก จากคนเขียนที่หิวเหมือนกัน
สามารถติดแท็ก #Likeกัน ได้ทางทวิตเตอร์
Facebook : Jiwinil Twitter : jiwinil_




ออฟไลน์ utamon

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 695
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-2
Re: ◆_Likeกัน_◇ ตอนที่ 2 {23.04.60}
«ตอบ #19 เมื่อ23-04-2017 19:54:49 »

น้องกอดเหมือนจะพอมีหวังอยู่นะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-04-2017 22:54:36 โดย utamon »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ◆_Likeกัน_◇ ตอนที่ 2 {23.04.60}
« ตอบ #19 เมื่อ: 23-04-2017 19:54:49 »





ออฟไลน์ k00_eng^^

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 647
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-2
Re: ◆_Likeกัน_◇ ตอนที่ 2 {23.04.60}
«ตอบ #20 เมื่อ23-04-2017 20:02:38 »

โอ๊ย อ่านแล้วเขินตามอ่ะ  :-[

ออฟไลน์ manami1155

  • ~I Still Love You~
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1749
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +99/-1
Re: ◆_Likeกัน_◇ ตอนที่ 2 {23.04.60}
«ตอบ #21 เมื่อ23-04-2017 21:50:44 »

โอ้ยยยย กอดน่ารัก
ดูเหมือนจะมึนๆ ซื่อๆ
แต่นางก้มีความมุ่งมั่นอะ
ชอบจังเลยนายเอกแบบนี้

ส่วนพี่กันนิดูท่าทางแล้ว
ไปไหนไม่รอดแน่ๆ
ต้องตกหลุมรักกอดแน่ๆ
ก้เด็กมันน่ารักอ่ะเนอะ

ออฟไลน์ 205arr

  • เราคงอยู่ไกลกันเป็นพันหมื่นลี้
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 748
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1
Re: ◆_Likeกัน_◇ ตอนที่ 2 {23.04.60}
«ตอบ #22 เมื่อ23-04-2017 22:25:58 »

อ๊ากกกก เขินมาก
อ่านแล้วฟินมาก รู้สึกว่ามันดีต่อใจมากๆ เลยค่ะ
ชอบสำนวนการบรรยายมากเลยค่ะ
รอติดตามนะคะ
 :-[

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4
Re: ◆_Likeกัน_◇ ตอนที่ 2 {23.04.60}
«ตอบ #23 เมื่อ23-04-2017 22:39:42 »

น้องกอดน่ารักมากกกกกก เราเครียดๆอยู่อ่านแล้วอมยิ้มเลย   :mew3: :mew3: :mew3:

ออฟไลน์ นมชมพู

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: ◆_Likeกัน_◇ ตอนที่ 2 {23.04.60}
«ตอบ #24 เมื่อ24-04-2017 11:26:32 »

ยอมแล้ววว พี่กันยอมน้องกอดเถอะะ นางน่าร้ากดก :-[

ออฟไลน์ Himbeere20

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: ◆_Likeกัน_◇ ตอนที่ 2 {23.04.60}
«ตอบ #25 เมื่อ24-04-2017 12:07:28 »

 :-[ :-[ :-[ :-[  กอดดูจะมีหวังนะ

ออฟไลน์ sebest

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 72
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: ◆_Likeกัน_◇ ตอนที่ 2 {23.04.60}
«ตอบ #26 เมื่อ24-04-2017 13:21:00 »

โอ้ยยยยยยย พี่กันกรุ้มกริ้มมากกกก
 :katai5: :katai5: :katai5:

ออฟไลน์ panitanun

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 482
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
Re: ◆_Likeกัน_◇ ตอนที่ 2 {23.04.60}
«ตอบ #27 เมื่อ24-04-2017 18:24:01 »

เขินอะคนบ้าาางื้ออออ

ออฟไลน์ MyLavenderLand

  • ฉันสุขใจ เมื่อได้ Log in เล้า
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1576
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-1
Re: ◆_Likeกัน_◇ ตอนที่ 2 {23.04.60}
«ตอบ #28 เมื่อ27-04-2017 23:13:08 »

ฮอลลลลล อ่านแล้วฟินจิกหมอนมาก  เราขึ้น BTS นี่มโนหนักว่าตัวเองเป็นกอดแล้วคอยมองหาพี่กันเลยทีเดียวนะ หวานอ่ะ ชอบบบบบ  :กอด1:

แว้บไปแนะนำไว้ให้ กระทู้นิยายแนะนำ...เรื่องนี้ต้องอ่าน! เป็นกำลังใจให้ค่ะ มาอัพบ่อยๆนะ อย่าทิ้งห่างเหมือน ก้องxพีช ไม่งั้นไม่รักจริงๆด้วย  :sad4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-04-2017 23:39:51 โดย PP_annann »

ออฟไลน์ PiiNaffe

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 252
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
Re: ◆_Likeกัน_◇ ตอนที่ 2 {23.04.60}
«ตอบ #29 เมื่อ28-04-2017 01:37:42 »

เรื่องนี้น่ารักมากอ่านไปละเขิลคิดว่าตัวเองกำลีงจีบพี่กันอยู่  :o8: :mew3:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด