◆_Likeกัน_◇ ตอนที่ 28 {27.02.62}
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ◆_Likeกัน_◇ ตอนที่ 28 {27.02.62}  (อ่าน 116433 ครั้ง)

ออฟไลน์ ptrwd

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 13
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: ◆_Likeกัน_◇ ตอนที่ 4 {04.05.60}
«ตอบ #60 เมื่อ05-05-2017 10:26:26 »

เอะอะชวนกินข้าวตลอดดดดดดดด อยากอยู่กับน้องนานๆละซี้~

ออฟไลน์ flimflam

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 881
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-4
Re: ◆_Likeกัน_◇ ตอนที่ 4 {04.05.60}
«ตอบ #61 เมื่อ05-05-2017 18:54:09 »

แล้วเมื่อไหร่พี่จะให้เบอร์น้องซักทีคะ 555555555555555

ออฟไลน์ jejiiee

  • cannot open this page
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 202
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
Re: ◆_Likeกัน_◇ ตอนที่ 4 {04.05.60}
«ตอบ #62 เมื่อ06-05-2017 08:33:26 »

เอะอะอาศัยความบังเอิญกันจังโว้ยยย 55555555

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4992
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
Re: ◆_Likeกัน_◇ ตอนที่ 4 {04.05.60}
«ตอบ #63 เมื่อ06-05-2017 09:53:46 »

 :3123: :3123: :3123: :3123: :3123:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ leenanhyun

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 66
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +102/-2
Re: ◆_Likeกัน_◇ ตอนที่ 5 {06.05.60}
«ตอบ #64 เมื่อ06-05-2017 18:57:25 »

Chapter 5
สุราเป็นตัวทำละเมอ

 

            ‘ปั่ก’

            “ไอ้กอด”

            ข้อศอกของคนข้างตัวกระทุ้งเบาๆที่สีข้างของผม เผลอหลับหัวทิ่มจนหน้าผากโขกกับโต๊ะ เรียกเสียงหัวเราะจากเพื่อนรอบๆกาย

            อากาศชื้นๆกับเลคเชอร์แสนง่วง

            ไม่มีอะไรจะเป็นใจกับการนอนหลับได้มากไปกว่านี้แล้ว

            “เมื่อคืนกลับกี่โมงวะเนี่ย”

            น้ำเสียงบ่งบอกถึงความเป็นห่วงถามกลายๆ ผมอ้าปากหาวแล้วโน้มตัวลงนอนพลางจดชีทไปตามคำพูดของอาจารย์

            กี่โมงกันนะ

            เที่ยงคืน หรือ ตีหนึ่ง

            จำไม่ได้แล้วเหมือนกัน

            รู้แค่ว่าพอถึงหอ ก็ล้มตัวลงนอน แล้วก็หลับเป็นตายจนกระทั่งมาสะดุ้งตื่นเพราะเสียงนาฬิกาปลุกนั่นแหละ

            “แล้วตกลงเมื่อวานได้กินข้าวเย็นมั้ย กลับซะดึกขนาดนั้น”

            ผมพยักหน้าให้กับเพื่อนสนิท พลางนึกไปถึงเรื่องเมื่อคืน

            อากาศเย็นๆหลังฝนตก แม้จะมีเม็ดฝนโปรยปรายอยู่บ้าง แต่ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการกินข้าวครั้งที่สองของผมกับเขา ครั้งแรกเรากินข้าวที่ร้านเจ้าประจำของผม ครั้งนี้เลยมากินข้าวที่ร้านเจ้าประจำของพี่กันบ้าง

            ร้านเจ้าประจำของพี่กันก็คือ

            เซเว่นครับ

            ดูเหมือนอาหารที่พี่กันชอบ จะเป็นทุกอย่างที่มีส่วนผสมของอาหารทะเลที่มีชื่อว่ากุ้ง เมื่อวานเขากินไข่เจียวกุ้งสับ ลูกชิ้นกุ้งและข้าวเกรียบกุ้ง ส่วนผมกินเพียงแค่ขนมปังไส้กรอกกับน้ำเต้าหู้แบบถุง

            เขาเป็นคนกินเก่ง จากที่คลุกคลีกันหลายๆวันมานี่ ทั้งปริมาณอาหารที่กิน บวกกับเจอหน้าผมทีไร ไม่ว่าจะดึกดื่นขนาดไหน ประโยคแรกที่เขาจะถามคือ ‘หิวมั้ย ไปหาอะไรกินกัน’ หรือ ‘กูหิว’ อะไรประมาณนั้น

            เราสองคนนั่งกินข้าวกันที่ฟุตบาทด้านหน้าเซเว่น เป็นอีกมุมใหม่ๆที่ผมได้เห็นจากคนตัวสูง เขาเป็นคนกินง่าย อยู่ง่าย ใช้ชีวิตง่าย จนบางทีผมก็คิดว่ามันง่ายเกินไปหรือเปล่าเมื่อเห็นเขาเริ่มเอ่ยปากคุยกับหมาหน้าเซเว่นเป็นเรื่องเป็นราวจนจะลงไปนอนกลิ้งกับมัน

            ณ ตอนนั้น

            ถ้าพี่กันหันกลับมามองซักนิด เขาจะรู้ว่ามีผู้ชายอีกคนยืนยิ้มเป็นบ้าเป็นบออยู่คนเดียว

            ก็แค่คิดว่า เขาน่ารักมากๆ

            เหมือนหมาตัวหนึ่งเลยอ่ะ

            ถ้าเปรียบเขาเป็นหมาล่ะก็ ก็คงจะเป็นสายพันธุ์ขนาดใหญ่ อย่างโกลเด้นรีทีฟเวอร์ล่ะมั้ง

            ก็มันกินเก่งด้วยนี่นา

            “วันนี้กลับบ้านใช่ป่ะ”

            “อือ คงกลับมาหออีกทีวันจันทร์เลยอ่ะ” ผมบอกเพื่อนพลางเก็บชีทลงกระเป๋าผ้าหลังจากจบคลาสที่ง่วงแสนง่วง นักศึกษาต่างก็ทยอยออกจากห้อง บางคนเร่งรีบเพื่อไปเรียนวิชาต่อไป แต่ผมและเพื่อนทำตัวเอื่อยเฉื่อยกันยิ่งกว่าสล็อต เพราะวันนี้นอกจากเลขก็ไม่มีคลาสอื่นอีกแล้ว

            วิชาเลขนี่ไม่ใช่ทางของผมเลยจริงๆ สงสัยจะได้ไปเยี่ยมชมรมหมออยากติวเร็วๆนี้เพราะเห็นพี่รหัสบิ้วนักบิ้วหนาว่าดีดี๊อ่ะ

            เราสองคนเดินออกจากห้องเพื่อลงไปใต้ตึกคณะ ระหว่างทางก็ไปจ๊ะเอ๋กับลุงรหัสที่หัวยุ่งมาแต่ไกล ผู้ชายตัวสูงหนวดเคราขึ้นเขียวโบกมือทักทายผมและเพื่อนอย่างเป็นกันเองเหมือนทุกๆครั้ง

            “จะไปไหนกันวะ”

            “ใต้ตึกครับ มีไรเหรอ หน้ายุ่งอ่ะ”

            พอเพื่อนผมทักไปแบบนั้น ลุงรหัสก็ยิ้มเผล่แล้วเกาหัวแกรกๆ

            “คือ…”

            “คือ?” ผมทวนคำของลุงรหัส

            เว้นวรรคมาให้เติมเองแบบนี้ แสดงว่าต้องมีเรื่องให้ช่วยแน่นอน เพราะปกติแล้วการจะเจอลุงรหัสที่คณะนับเป็นศูนย์ ผู้ชายคนนี้สามารถพบได้ที่ห้องชมรมและร้านเหล้า แค่สองที่เท่านั้น

            แต่เห็นบ้าๆบอๆสติไม่เต็มแบบนี้ ว่าที่เกียรตินิยมอันดับสองของคณะนะครับ

            อย่างที่เขาว่า คนจะเก่งอ่ะนะ ขยันอย่างเดียวไม่พอ มันขึ้นอยู่ที่ดีเอ็นเอด้วย

            จริงมะ

            “หาหนังสือไม่เจอว่ะ ช่วยหน่อยดิ!”

            ประธานชมรมอักษรพาผมและเพื่อนมาเยี่ยมเยียนห้องชมรมที่ซ่อนตัวอยู่ในหลืบชั้นสองของตึกคณะ ปกติแล้วผมกับเพื่อนไม่ค่อยใส่ใจชมรมของลุงรหัสมากนัก เพราะเราสองคนเก่งภาษาอังกฤษกันพอตัว

            ผมเก่งเพราะแม่สอนตั้งแต่เด็กๆ ส่วนไอ้ตัวสูงข้างๆนี่ไปอยู่เมืองนอกตั้งแต่แปดขวบ กลับมาเข้ามัธยมที่ไทยฝึกภาษาไทยอยู่นานสองนานกว่าจะกลับมาพูดได้ชัดเหมือนที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน

            ประตูไม้เลื่อนเปิดออก สิ่งแรกที่ผมเห็นตรงหน้าคือ

            “รังหนู”

            “ไอ้กอด!”

            รังหนูชัดๆ

            นั่นหนูวิ่งรึเปล่านะ

            หนังสือที่ควรจะอยู่บนชั้นหนังสือลงมากองเป็นภูเขาอยู่ที่พื้น สภาพภายในห้องไม่ต่างอะไรจากกองขยะ หันไปมองที่มุมห้องก็พบเจอกับซากอารยธรรมโบราณของถ้วยมาม่า ขนมถุง และสารพัดอย่างที่เริ่มจะส่งกลิ่นเหม็น

            “ลุงทำบ้าอะไรอยู่ในห้องนี้วะเนี่ย”

            “ให้มาช่วย อย่าบ่นเดะ”

            “ไม่ให้บ่นได้ไงวะ กองขยะชัดๆ”

            “เออน่าๆ เดี๋ยวก็ค่อยๆเก็บไป”

            ดูจากหน้าของลุงรหัสแล้ว ผมว่าถ้าไม่ได้เราสองคนมาช่วย ชาติหน้าอ่ะกว่าจะเก็บหมด

            “ช่วยหาหนังสือสันสีแดงหน่อย เล่มหนาประมาณนี้”

            “มันสำคัญยังไงวะ จะหาหนังสือแล้วเอาหนังสือลงมากองที่พื้นทำแมวอะไรวะเนี่ย โอ้ย!”

            “ทำงานๆ อย่าบ่น!”

            เราสามคนเริ่มจากการเรียงหนังสือกลับขึ้นไปบนชั้น ถ้ามันอยู่บนชั้นทุกเล่มแล้ว มันน่าจะง่ายต่อการหาหนังสือที่มีสันสีแดง ผมมั่นใจว่าเป็นแบบนั้น

            ไม่อยากจะเชื่อ ผู้ชายที่สอบได้เอและบีบวกทุกตัวตั้งแต่ปีหนึ่งยันปีสี่ ทำไมถึงโง่เง่าได้ขนาดนี้กัน

            ใช้เวลาหลายชั่วโมงกว่าจะเคลียร์ห้องให้สะอาด ผมเอาขยะลงไปทิ้ง แอบเห็นแมลงสาบนอนดิ้นกระแด่วๆด้วย ฉีดสเปรย์จนหอมฟุ้ง ห้องที่เคยเป็นรังหนูเมื่อตะกี้กลายสภาพเป็นห้องกว้างๆน่าอยู่

            “เจอมั้ยวะ”

            หนังสือเล่มสุดท้ายกลับเข้าไปอยู่ในชั้นหนังสือ

            เราทั้งสามคนไล่สายตาไปบนชั้นที่มีหนังสือเรียงรายอยู่บนนั้น เท่าที่กะด้วยสายตาตอนนี้มีหนังสือสันสีแดงอยู่ประมาณหกเล่ม

            ลุงรหัสไล่หยิบหนังสือหกเล่มออกมา จนกระทั่งเขาได้เล่มที่เขากำลังหาอยู่

            “ขอบคุณว่ะ เดี๋ยวเลี้ยงข้าวเป็นการตอบแทน”

            “ข้าวหรือเหล้าเอาดีๆ”

            “อย่ามาใส่ร้ายลุงดิวะ!”

            “ไอ้ขี้เมา!”

 

            สุดท้ายก็จบลงที่ร้านเหล้าตามสไตล์ไอ้ขี้เมา เพราะลุงเอ่ยปากว่าจะเลี้ยง คนที่ไม่เคยพลาดเวลาลุงรหัสเลี้ยงข้าวหรือเลี้ยงเหล้า ก็คงจะเป็นพี่รหัสที่เป็นวิญญาณตามติดไปทุกที่

            ผู้หญิงตรงหน้ากำลังกระดกวอดก้าเพียวๆเข้าปากแบบไม่สะทกสะท้าน พี่รหัสที่สวยที่สุดภายในสายรหัสสุดขั้ว เพราะว่าเป็นผู้หญิงเพียงคนเดียว

            ร่างเพรียวรับพอดีกับความสูง ใบหน้าเรียวกับทุกอย่างที่คัดสรรมาอย่างลงตัว กลุ่มผมสีดำสนิทที่ถูกรวบไว้อย่างลวกๆ ให้ความรู้สึกว่าเป็นคนที่ง่ายๆสบายๆสไตล์ขาลุย

            ลุยหาผัวอ่ะนะ

            ใครๆก็บอกว่าพี่รหัสไม่น่ามาอยู่ในสายรหัสนี้เลย พอมาเจอลุงรหัสแล้ว จับไอ้ขี้เมามาเจอกับคนขี้มโน บรรลัยกันหมด

            ผมกับปู่รหัสเลยเป็นเหมือนคนคอยดึงสมดุลของกลุ่ม ในขณะที่ลุงรหัสหยาบคายเหมือนจิ๊กโก๋ ปู่รหัสก็เรียบร้อยจนน่าบูชา ในขณะที่พี่รหัสพูดน้ำไหลไฟดับ ผมก็เงียบเหมือนเป่าสาก

            “กินหน่อย แก้วเดียว” แก้วเป๊กพร้อมกับน้ำสีใสๆถูกยื่นมาให้ผมโดยมือของพี่รหัส กระพริบตาปริบๆมองเจ้าตัว

            “ผมไม่กิ…”

            ยังไม่ทันจะพูดจบก็โดนล็อคคอจับกรอกปากเสร็จสรรพ ของเหลวร้อนๆไหลลงคอทำให้อยากจะอาเจียนขึ้นมาซะเฉยๆ

            แหวะ

            “เจ๊แม่ง ก็รู้ว่ากอดมันไม่กิน”

            “เออ ให้มันกินเพื่อรู้ ไม่ได้ให้มันเมา เป็นไงรสชาติ”

            ยังจะมีหน้ามาถามอีกนะ ที่แสดงออกทางสีหน้าว่าขมเหมือนมะระนี่ยังไม่ชัดเจนอีกเหรอ

            ร้านนั่งชิลที่ขายทั้งอาหารและเหล้ายามกลางคืนค่อนข้างคึกครื้น แต่ผมไม่ค่อยจะชอบสักเท่าไร ไม่ชอบกลิ่นบุหรี่ ไม่ชอบกลิ่นเหล้า นานๆมาทีถ้ามีนัดเลี้ยงฉลองหรือมีใครอกหักจนน้ำตาตกใน

            นั่งกินกันอยู่หลายชั่วโมงกว่าจะได้ฤกษ์กลับหอ ตอนแรกผมว่าจะโทรบอกแม่เพื่อเลื่อนวันกลับเป็นวันพรุ่งนี้ แต่พอล้างหน้าอาบน้ำทำตาให้สว่างแล้ว กลับวันนี้เลยแล้วกัน

            ผมแบกเป้ออกจากหอ นาฬิกาบอกเวลาสี่ทุ่ม รีบตรงไปที่รถไฟฟ้าเพื่อที่จะตรงกลับบ้าน ร้านค้าหลายๆร้านบนตัวสถานีปิดร้านกันเกือบหมดแล้ว โชคดีของผมที่ร้านชานมยังคงเปิดไฟอยู่ ผมจึงได้ชานมธัญพืชมาอยู่ในมือเพื่อคลายอาการมึนๆของตัวเองหลังจากโดนยัดเยียดให้กินวอดก้าเพียวๆไปหลายแก้ว

            รสชาติชานมกับธัญพืชหอมๆทำให้คิดถึงเขาอีกแล้ว

            ตอนนี้พี่กันกำลังทำอะไรอยู่นะ

            วันนี้ไปเตะบอลหรือเปล่า

            มันกลายเป็นความเคยชินของผมไปซะเฉยๆ จากตอนแรกที่ตั้งใจว่าจะขอเบอร์ขอไลน์เขา ไม่ว่ายังไงก็จะไม่พลาด ตอนนี้กลายเป็นว่าตั้งหน้าตั้งตารอที่จะเจอกับเขา ไม่ได้เบอร์ไม่ได้ไลน์ก็ไม่เป็นไร เพราะเจอตัวจริง ยังไงก็ดีกว่าเยอะ

            ผมหยุดยืนอยู่ที่ชานชาลาเพื่อนั่งรถไฟฟ้าตรงกลับไปยังฝั่งธนบุรี  ถึงจะเป็นเวลาสี่ทุ่ม แต่ผู้คนมากมายก็ยังยืนรอรถไฟฟ้า ส่วนมากเป็นคนที่อาจจะเลิกงานดึก เลิกเรียนดึก หรือคิดจะกลับในช่วงเวลาดึกๆบ้านแบบผม

            เป็นครั้งแรกที่ผมกินชานมธัญพืชหมดด้วยความรวดเร็ว ส่ายหัวเบาๆไล่ความมึนออกจากร่างกาย พยายามขยับตัวโดยการโยกตัวไปมาแล้วหาอะไรทำไม่ให้ง่วง

            หนังสือเล่มโปรดถูกหยิบออกมาอีกครั้ง อยากจะขอบคุณมันที่ทำให้ผมได้รู้จักพี่กัน

            รถไฟฟ้าค่อยๆแล่นเข้าสู่ตัวชานชาลา เสียงดังๆของมันทำให้ใครหลายๆคนตื่นตัว ประตูของตัวรถเปิดออกพร้อมกับเสียงประกาศจากด้านในที่ดังจนได้ยินชัด

            ‘สถานีสยาม’

            ผู้ชายที่ยืนอยู่ด้านข้างเป็นฝ่ายนำเข้าไปก่อน ตามด้วยกลุ่มเด็กมัธยมปลายสี่ห้าคน หลายๆคนรีบเดินตามเข้าไปเพื่อจับจองที่นั่งและที่ยืน ขาของผมกำลังจะก้าวตามเข้าไปหยุดชะงักเมื่อหางตาสังเกตเห็นอะไรบางอย่างที่คุ้นตา สัญชาตญาณสั่งให้ผมถอยกลับมายืนอยู่ที่ชานชาลา หัวใจเต้นรัวด้วยความประหลาดใจ

            ประตูรถไฟฟ้าปิดลงแล้วค่อยๆเคลื่อนตัวออกไป เหลือผู้คนบ้างประปรายที่รอขึ้นรถไฟเที่ยวหน้า ความเงียบกระจายขึ้นรอบๆตัว ผมปิดหนังสือลงแล้วหันไปมองคนตัวสูงที่ยืนอยู่ไม่ไกล

            ผมไม่ได้คิดไปเอง

            เขายืนอยู่ตรงนั้นจริงๆ อาจจะเป็นเพราะว่าเมื่อกี้ผมไม่ทันสังเกตสิ่งรอบตัว เลยไม่เห็นว่าเขายืนอยู่ถัดไปเพียงแค่นิดเดียว นัยน์ตาคู่สวยหันมามองนิ่งๆ วันนี้เขาสวมชุดนักศึกษา พาดเสื้อช็อปไว้บนบ่าเหมือนวันแรกที่เจอกัน สะพายกระเป๋าหนังใบโปรดกับรองเท้าผ้าใบที่มีแถบคาดฟ้าแดงคู่เดิม

            จากที่เมื่อก่อนไม่ว่าจะไปที่ไหนก็หาเขาไม่เจอ กลับกลายเป็นว่าตอนนี้ เขาอยู่ทุกที่ที่ผมไป

            “มองอะไร ไม่เคยเห็นคนหรือไง”

            เคยเห็นคน

            แต่คนหล่อขนาดนี้เพิ่งเคยเห็น

            ทำท่าจะเดินเข้าไปใกล้เขา ยังไม่ทันจะถึงตัวฝ่ามือหนักๆก็ยันหัวผมเอาไว้ทำให้ไม่สามารถเข้าถึงตัวเขา

            อ่ะ

            ทำแบบนี้ได้ไงวะ

            คิดว่าตัวสูงแล้วจะทำอะไรก็ได้อย่างนั้นเหรอไอ้พี่บ้า

            ต่อสู้กันอยู่พักหนึ่งพี่กันถึงได้ยอมลดมือลงให้ผมเข้าไปใกล้เขา

            “ทำไมมาอยู่นี่อ่ะ” คงเป็นคำถามซ้ำซากที่ถามเขาในช่วงหลายๆวันมานี่

            เส้นทางที่ผมเดินทางมาตลอด ไม่เคยมีผู้ชายคนนี้โผล่มาให้เห็นหน้า แต่หลังจากวันที่เข้าไปทำความรู้จักกับเขา เข้าไปคลุกคลีเพื่อที่จะได้เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเขา กลับกลายเป็นว่าเขาต่างหากที่เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในวงโคจรของชีวิตผม

            คนตัวสูงไม่ได้ตอบคำถามผม หากแต่เปลี่ยนเรื่องคุย

            “กินเหล้ามาเหรอวะ”

            “โดนบังคับอ่ะ”

            “กินกับใคร”

            “สายรหัสแล้วก็เพื่อน”

            พี่กันทำสีหน้าไม่ค่อยชอบใจเท่าไร เขาหยิบอะไรบางอย่างออกจากกระเป๋าของตัวเอง หมากฝรั่งสีเขียวรสมิ้นท์ถูกยื่นมาตรงหน้าผม

            “เคี้ยวซะ มันช่วยได้”

            “ไม่เคี้ยวได้มั้ยอ่ะ”

            “อย่าดื้อกับกู”

            ส่งยิ้มแห้งๆออกไป ก่อนจะเจอเขาผมโด๊ปของคลายความมึนเมาไปหลายอย่างแล้วครับ ไม่ว่าจะเป็นชานม นมสด หรือหมากฝรั่งก็เคี้ยวไปแล้ว ถึงมันจะไม่ค่อยช่วยอะไรก็เถอะเพราะตอนนี้ยังรู้สึกหัวหมุนๆอยู่เลย

            แต่ในเมื่อเป็นของๆเขา ผมก็จะยอมเคี้ยวอีกรอบแล้วกัน

            หมากฝรั่งกลิ่นหอมๆสัมผัสลงที่ลิ้น เป็นกลิ่นและรสที่ผมชอบที่สุดในบรรดาหมากฝรั่ง เวลาง่วงๆช่วยให้หายง่วงได้มากเลยทีเดียว เคี้ยวๆอยู่สักพักช็อปสีกรมก็ลอยมาแปะอยู่บนหัวของผม ฝ่ามือของคนตัวสูงวางตามลงมา แม้จะไม่ได้สัมผัสโดยตรงแต่สัมผัสผ่านความหนาของเสื้อ ก็สามารถรับรู้ได้ว่าฝ่ามือของเขาอบอุ่นขนาดไหน

            “อยากได้เบอร์กูป่ะ”

            น้ำเสียงโมโนโทนถามออกมาทำให้ใจผมเต้นรัวมากขึ้นกว่าเดิมสิบเท่า

            “ตอนแรกก็อยาก”

            “แล้วตอนนี้อ่ะ”

            “ตอนนี้ไม่อยากแล้ว”

            “ทำไมวะ”

            “อยากคุยต่อหน้ามากกว่า”

            ถ้าได้เบอร์มา ก็ไม่มีข้ออ้างในการเจอเขาน่ะสิ

            เพราะไม่ได้เงยหน้าไปมองใครอีกคน เลยไม่รู้ว่าเขาทำสีหน้าแบบไหน ทำได้แค่มองฝ่าเท้าของตัวเองที่ยืนอยู่ไม่ไกลจากเขา รองเท้าผ้าใบสีขาวสะอาดตาของผม กับรองเท้าผ้าใบเน่าๆของเขา ถ้าขยับไปอีกนิดหนึ่ง ก็จะชนกันแล้ว

            “มึงนี่มันจริงๆเลย”

            เขาผลักหัวผมเบาๆเล่นเอาเซไปนิดหน่อยแต่แค่นั้นก็ทำให้อบอุ่นหัวใจ

            ถ้าให้บรรยายความรู้สึกของผมตอนนี้ ก็คงเหมือนกำลังยืนอยู่บนก้อนเมฆ ส่วนคนตรงหน้าก็เป็นพระอาทิตย์ที่สาดส่องความอบอุ่นมาเต็มสูบจนทำให้ร้อนระอุเหมือนจะละลายกลายเป็นน้ำ

            เราสองคนเงียบกันอยู่สักพัก ผมเป็นฝ่ายเรียกชื่อเขาออกไปก่อนเพื่อที่จะถามว่าเขาจะไปไหนต่อ จะกลับไปอีกทางหรือจะไปทางเดียวกับผม

            “พี่กัน”

            “ใครอนุญาตให้เรียกชื่อกู”

            “ก็อยากเรียกอ่ะ”

            คนบ้าอะไร คนเขาเรียกชื่อมาด่าเขาอีก นิสัยเสีย

            “จะไปไหนต่ออ่ะหรือจะกลับเลย”

            “คิดว่ากูมารอมึงหรือไง”

            ตอนแรกก็ไม่คิดหรอก พอเขาพูดก็คิดเลย

            “เหรอ”

            “มั่ว”

            “แล้วจะไปไหนต่ออ่ะ”

            “ยุ่งไรอ่ะ”

            ไอ้…

            ตัดที่ผมบอกว่าเขาอบอุ่นเหมือนพระอาทิตย์เมื่อกี้ออกไปก่อนนะครับ

            ตอนนี้เขาคือคนใจบาปที่แท้จริง

            “นัดเพื่อนกินข้าวฝั่งนู้น”

            ตอนสี่ทุ่มอ่ะเหรอ

            “จริงเหรอ” แต่ถ้าเป็นแบบนั้น ก็จะขึ้นรถไฟฟ้าสายนี้ใช่มั้ย

            “ไม่ต้องดีใจออกหน้าออกตา”

            “แล้วไปสุดสายป่ะ” วิญญาณเจ้าหนูจำไมเข้าสิงร่างผมอีกครั้ง

            “เออ”

            ดีใจจนเนื้อเต้นไปหมด ผมรีบหันไปอีกทางแล้วร้องเยสในใจดังๆ

            “มึงมันตัวขี้เหงา กูเลยต้องไปเป็นเพื่อน”

            “ไม่อยากให้ไปเป็นเพื่อนอ่ะ”

            “…”

            “อยากให้ไปเป็นแฟน…”

            ไม่รู้ว่าเพราะเมาหรืออะไรถึงได้พูดคำนั้นออกไป แผ่วเบาจนเหมือนพึมพำกับตัวเอง อาจจะเป็นเพราะรู้สึกเบลอๆเหมือนจะหลับกลางอากาศถึงได้ละเมอพูดออกไป หรืออาจจะเป็นเพราะจังหวะนั้นรถไฟมาถึงชานชาลาพอดีก็เป็นได้

            เขาไม่ได้ยินหรอก ขนาดผมยังไม่ได้ยินสิ่งที่ตัวเองพูดเลย

            น่าจะเป็นเพราะเมานั่นแหละ ผมถึงได้เห็นภาพหลอนว่าหูของคนตัวสูงเปลี่ยนเป็นสีแดง มือของเขาดึงเสื้อช็อปที่วางอยู่บนหัวผม เลื่อนมันลงมาเล็กน้อยเพื่อปิดตาของผมเอาไว้

            “เมาแล้วเพ้อเจ้อชิบหายไอ้เด๋อ”

            ก็เพ้อกับพี่คนเดียวนั่นแหละ

            “แบมือมา” ตามคำสั่งของพี่ท่าน ผมแบมือออกไปด้านหน้า

            พี่กันวางเหรียญบาทหนึ่งเหรียญลงบนฝ่ามือของผม ทำให้นึกขึ้นได้ คนตัวสูงบอกว่าจะคืนเงินค่าชานม ทั้งๆที่ผมบอกไปว่าผมถูกหวยและต้องการจะเลี้ยงเขา ถูกหวยสี่สิบบาทเป็นข้ออ้างที่ตลกรับประทานจริงๆ

            “ต่อจากนี้จะคืนวันละบาท”

            ยังขาดอีกสามสิบห้าบาท

            “แล้วถ้าครบอ่ะ” ถ้าเขาจ่ายครบจะได้เจอเขาอีกมั้ย

            “ครบเมื่อไรก็คบ”

            ยิ้มมุมปากอานุภาพทำลายล้างสูงปรากฎขึ้นบนใบหน้าของเขา เล่นเอาใจผมสั่นจนแทบบ้า

            เมาชัวร์ๆ เมาแน่ๆ

            เมาจนได้ยินคำว่าครบ เป็นคำว่าคบเฉยเลย





// กอดไม่ได้เมาเหล้าหรอก แต่เมารัก
ติดแท็ก #Likeกัน หวีดผ่านทางทวิตเตอร์ได้นะคะ
ด้วยรัก จากคนที่เขียนที่ดูจะเมาๆหน่อย
Facebook : Jiwinil Twitter : jiwinil_

ออฟไลน์ utamon

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 706
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-2
Re: ◆_Likeกัน_◇ ตอนที่ 5 {06.05.60}
«ตอบ #65 เมื่อ06-05-2017 19:30:50 »

กรี๊ดดดดดดดด หยอดมุขแบบนี้ก็ได้หรอออออออออออ :hao7:
เริ่มหลอนอิพี่กันอ่ะ น้องกอดนึกถึงทีไร ต้องเจอ(พี่)กันทุกที 55555
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-05-2017 20:24:13 โดย utamon »

ออฟไลน์ pui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2194
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +177/-3
Re: ◆_Likeกัน_◇ ตอนที่ 5 {06.05.60}
«ตอบ #66 เมื่อ06-05-2017 19:43:18 »

 :-[  :-[ :-[ ครบเมื่อไรก็คบ

ออฟไลน์ lazysheep

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 273
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +171/-2
Re: ◆_Likeกัน_◇ ตอนที่ 5 {06.05.60}
«ตอบ #67 เมื่อ06-05-2017 20:34:10 »

โอ้ย อิพี่ หมนไส้แต่น่ารักกกกก

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4
Re: ◆_Likeกัน_◇ ตอนที่ 5 {06.05.60}
«ตอบ #68 เมื่อ06-05-2017 20:50:19 »

 :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4992
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
Re: ◆_Likeกัน_◇ ตอนที่ 5 {06.05.60}
«ตอบ #69 เมื่อ06-05-2017 21:04:51 »

โอ๊ยยยยยย หมั่นไส้คบๆกันไปเลย :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ◆_Likeกัน_◇ ตอนที่ 5 {06.05.60}
« ตอบ #69 เมื่อ: 06-05-2017 21:04:51 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ MyLavenderLand

  • ฉันสุขใจ เมื่อได้ Log in เล้า
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1582
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-1
Re: ◆_Likeกัน_◇ ตอนที่ 5 {06.05.60}
«ตอบ #70 เมื่อ06-05-2017 21:27:48 »

อ๊ายยยยยย แบบนี้ก็ได้เหรอพี่กันนนนน???  นุ้งกอดพอสร่างเมาหนูจะจำได้ไหมลูกว่าพูดอะไรกันไว้ น่ารักอ่ะ :-[

ออฟไลน์ PiiNaffe

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 252
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
Re: ◆_Likeกัน_◇ ตอนที่ 5 {06.05.60}
«ตอบ #71 เมื่อ06-05-2017 21:49:14 »

อ่อยแรงทั้งคู่

ออฟไลน์ l2_in*

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 229
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-2
Re: ◆_Likeกัน_◇ ตอนที่ 5 {06.05.60}
«ตอบ #72 เมื่อ07-05-2017 11:18:10 »

โอ้ยพี่กันนนนนนน เขิน

ออฟไลน์ นมชมพู

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: ◆_Likeกัน_◇ ตอนที่ 5 {06.05.60}
«ตอบ #73 เมื่อ07-05-2017 12:08:22 »

ยอมล้าวววว หัวใจจจจ :heaven

ออฟไลน์ flimflam

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 881
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-4
Re: ◆_Likeกัน_◇ ตอนที่ 5 {06.05.60}
«ตอบ #74 เมื่อ07-05-2017 15:58:29 »

ใจง่ายนะเนี่ยพี่กัน

ออฟไลน์ appattap

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 293
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
Re: ◆_Likeกัน_◇ ตอนที่ 5 {06.05.60}
«ตอบ #75 เมื่อ07-05-2017 19:04:27 »

เขินแรงกับคู่นี้!!!! ยิ้มจนปวดแก้มไปหมดแล้วววววว

ออฟไลน์ route rover

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2428
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +221/-7
Re: ◆_Likeกัน_◇ ตอนที่ 5 {06.05.60}
«ตอบ #76 เมื่อ07-05-2017 21:18:02 »

นี่ว่าอีพี่กันก็ต้องแอบส่องน้องเหมือนกันแหละว้าา แอบชอบน้องก็บอก  :katai2-1:

ออฟไลน์ 205arr

  • เราคงอยู่ไกลกันเป็นพันหมื่นลี้
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 748
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1
Re: ◆_Likeกัน_◇ ตอนที่ 5 {06.05.60}
«ตอบ #77 เมื่อ07-05-2017 21:41:40 »

เจออ่อยแบบนี้ ฟินจนเมากว่าเดิมแน่ๆ เลยน้องกอด :hao7:

ออฟไลน์ netich

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 228
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: ◆_Likeกัน_◇ ตอนที่ 5 {06.05.60}
«ตอบ #78 เมื่อ07-05-2017 22:18:47 »

 :katai2-1:รอๆๆ กอดกัน

ออฟไลน์ เมียงู

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 59
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: ◆_Likeกัน_◇ ตอนที่ 5 {06.05.60}
«ตอบ #79 เมื่อ08-05-2017 01:54:42 »

จิกหมอนแรงงง  :hao7:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ◆_Likeกัน_◇ ตอนที่ 5 {06.05.60}
« ตอบ #79 เมื่อ: 08-05-2017 01:54:42 »





ออฟไลน์ iaum

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
Re: ◆_Likeกัน_◇ ตอนที่ 5 {06.05.60}
«ตอบ #80 เมื่อ08-05-2017 08:23:57 »

ฟิน~~~~~~~~~~ นั่งยิ้มอะ55

ออฟไลน์ dukdikdukdik

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2521
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +233/-3
Re: ◆_Likeกัน_◇ ตอนที่ 5 {06.05.60}
«ตอบ #81 เมื่อ09-05-2017 01:20:58 »

โอ้ยยย น่ารักมากกกก :-[

ออฟไลน์ Missmu

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 102
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
Re: ◆_Likeกัน_◇ ตอนที่ 5 {06.05.60}
«ตอบ #82 เมื่อ09-05-2017 03:52:16 »

เขินแทนนนน  :o8:

ออฟไลน์ dekzappp

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 271
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
Re: ◆_Likeกัน_◇ ตอนที่ 5 {06.05.60}
«ตอบ #83 เมื่อ09-05-2017 19:57:03 »

โอ๊ยยยยย จีบกันขนาดนี้เป็นแฟนกันเลยเซ่!!!!!! ไม่ต้องรอให้ครบ40บาทแล้ว

ออฟไลน์ leenanhyun

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 66
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +102/-2
Re: ◆_Likeกัน_◇ ตอนที่ 6 {10.05.60}
«ตอบ #84 เมื่อ10-05-2017 13:26:05 »

Chapter 6
เจอหมีให้แกล้งตาย

 

            ที่นั่งบนรถไฟฟ้ายามค่ำคืนถูกจับจองจนหมดเพียงแค่พริบตา แต่ผมกับใครอีกคนเลือกที่จะไปยืนชิดริมประตูอีกฝั่งเพราะไม่อยากจะไปเล่นลิงชิงเก้าอี้กับคนอื่นๆ ผมยืนแผ่นหลังชิดกับกระจก ส่วนเขายืนสูงๆอยู่ข้างหน้า บังทัศนียภาพทุกอย่างมิด

            เงยหน้ามองคนตัวสูงที่เหม่อมองออกไปยังนอกตัวรถ ที่ผ่านมาเห็นเขาเป็นอย่างไร เขาก็ยังคงเป็นแบบนั้น ชอบมองวิวด้านนอก ชอบยืนเงียบๆเหมือนอยู่ในโลกส่วนตัว นอกจากนั้นยังใช้ขาของตัวเองวางแปะลงที่พื้นตัวรถไฟ กางขาออกเล็กน้อยเพื่อพยุงตัวไม่ให้ล้ม

            ส่วนผมที่เป็นคนศูนย์ถ่วงไม่ดีก็ต้องหาที่ยึดเกาะ จะเดินไปเกาะเสาเขาก็ยืนขวางอยู่ จะหันไปเกาะราวเขาก็ยืนเอาหัวพิงอยู่

            สรุปก็คือ เกาะเขาแล้วกัน ง่ายดี

            “ดีขึ้นยัง ยังมึนอยู่มั้ยวะ”

            เขาถามขึ้นขัดความเงียบ

            “ไม่มึนแล้ว”

            “ไม่มึนของมึงเนี่ย คอเอียงๆนะ”

            “เหรอ”

            หันไปมองตัวเองในกระจก คอที่ควรจะตั้งตรงๆเหมือนชาวบ้านเขา ตอนนี้เริ่มเอียงประมาณแปดองศา คอเอียงอาจจะไม่ใช่ประเด็นเท่าไร แต่หน้าแดงๆเหมือนคนเป็นไข้เนี่ย ยังไงก็โกหกไม่ได้จริงๆ

            ไอ้ที่กินมาเมื่อกี้ ไม่ว่าจะชานมเอย หมากฝรั่งเอย ไม่สามารถฆ่าฤทธิ์เหล้าได้เลย สาบานได้ถ้าครั้งหน้าพี่รหัสบังคับผมอีกล่ะก็ จะต้องมีใครคนใดคนหนึ่งนั่นแหละที่หัวแตก

            ผมแพ้แอลกอฮอล์ ถ้ากินแล้วตัวจะแดงเหมือนลูกหนู ดังนั้นถ้าพี่กันสังเกตว่าผมเมาได้เพียงแค่แวบแรกที่มอง ก็คงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ 

            เราสองคนเงียบกันไปอีกครั้ง คงเป็นนิสัยที่ติดตัวเวลาขึ้นรถไฟฟ้า แล้วเราสองคนก็ไม่คิดจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่น สำหรับเขาผมไม่รู้ อาจจะเพลิดเพลินกับการดูวิว แต่สำหรับผม ผมรู้…

            เพราะผมเพลิดเพลินกับการมองเขาเงียบๆคนเดียว

            ‘ครืด’

            พูดไม่ทันขาดคำ โทรศัพท์ก็สั่นครืด สุดท้ายก็ต้องหยิบออกมาเพื่อดูการแจ้งเตือนจากไลน์ที่เด้งขึ้นมาบนหน้าจอ ที่จำเป็นต้องหยิบออกมาเพราะไม่แน่ใจว่าแม่ติดต่อมาหรือเปล่า ผมกลับบ้านช้ากว่าที่ควรจะเป็นขนาดนี้

            แต่ไม่ใช่ เมื่อบนหน้าจอขึ้นชื่อกรุ๊ปไลน์เด่นหราว่า สายรหัสสุดขั้ว

            เจอหมีให้แกล้งตาย เจอผู้ชายให้แกล้งเมา

            เจอผู้หญิงอย่างมึง ผู้ชายต้องแกล้งตาย

            เห็นกูเป็นหมีเหรอลุง

            เห็นมึงเป็นผี!

            อิเลว

            น้องกอด


            พี่รหัสทักชื่อผมขึ้นมากลางวงสนทนา ทำให้ต้องรีบพิมพ์ตอบอย่างทุลักทุเล เพราะนอกจากจะเห็นนิ้วตัวเองแยกร่างได้แล้ว แป้นพิมพ์ยังซ้อนกันอีก

            *ตับ

            เอ๊ะ มันเป็นตับไปได้ยังไงกัน เมื่อกี้ผมกดคำว่าครับอ่ะ บ้าจริงๆเลย

            ตับ ตับ ตับ ตับ

            เงียบปากดิ๊

            จ้าคนฝวย

            ยัยหนู เมาป่ะเนี่ย


            *ย่าจะ

            ผมจะพิมพ์คำว่าน่าจะนะ แป้นพังป่ะเนี่ย

            เมาแน่นอนร้อยเปอเซง

            ทำไรกันครับ ทำไมน้องกอดเมา

            ระฆังดังเพราะคนตี เหล้าที่ดีทำให้คนเมา ขอบคุณค่า
           
            พี่รหัสครับ

            จ๋าปู่

            พรุ่งนี้โดนตีแน่ๆครับ


            ยิ่งคุยยิ่งปวดหัว เพราะนอกจากตัวอักษรจะเล็กแล้ว มันยังซ้อนทบกันเป็นภาพสามมิติ ผมเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋ากางเกง แต่สุดท้ายก็ต้องหยิบมันออกมาอีกเพราะมีสายเข้าจากคนที่เพิ่งจะตีกับปู่รหัสอยู่ในไลน์เมื่อกี้

            “ครับ”

            (อยู่ไหนยัยหนู)

            “บนรถไฟฟ้า”

            (ไปกับใคร)

            น้ำเสียงห้วนๆของพี่รหัสทำให้ผมต้องเงยหน้ามองพี่กันโดยอัตโนมัติ ถึงได้รู้ว่าคนตัวสูงมองอยู่ก่อนแล้ว

            “มาคนเดียว”

            (อย่าโกหก พี่เห็นว่าไปกับผู้ชาย เพื่อนเหรอ ไม่เคยเห็นเลย)

            กลืนน้ำลายดังเอื้อก ลังเลใจว่าจะตอบยังไงดี

            เขาไม่ใช่เพื่อน แต่เป็นคนที่ผมแอบชอบ

            เหมือนคิดนานไปหน่อย คนตัวสูงถึงได้ยื่นมือมาตรงหน้าเหมือนจะขอโทรศัพท์มือถือ แล้วผมก็ดันยื่นให้เขาง่ายๆ พี่กันรับไปแล้วกรอกเสียงโมโนโทนของเขาลงไป

            “สวัสดีครับ”

            “ครับ น้องมันเมา ผมเลยจะพาไปส่งบ้าน แค่นี้นะครับ”

            “ไม่ต้องห่วงครับ ผมเป็นผู้ชาย มันแกล้งเมาอ่ะถูกแล้ว”

            พี่กันยื่นโทรศัพท์กลับคืนมาให้ในขณะที่ผมยังคงมึนงงกับคำพูดของเขา ปลายสายวางไปแล้ว ผมขมวดคิ้วมองหน้าพี่กัน พยายามเรียบเรียงคำพูดเมื่อกี้ให้เข้าใจง่ายมากขึ้น

            “ทำไมต้องแกล้งเมาอ่ะ”

            “เมาจริงๆมันไม่เท่”

            “เหรอ”

            มีอีกสิ่งหนึ่งที่อยากถามเขา เพราะได้ยินเพียงแค่แวบเดียวก็ใจเต้นเป็นบ้าเป็นบออยู่นี่

            “จะไปส่งที่บ้านเหรอ”

            “แล้วเมามั้ย ถ้าเมาจะไปส่ง”

            “งั้นแกล้งเมาก่อนนะ”

            หึ

            แอบได้ยินเสียหัวเราะเบาๆหลุดมาจากลำคอของเขา

            “อย่างมึงอ่ะ ไม่ต้องแกล้งกูก็ส่ง”

            คำพูดของเขาชัดเจนอยู่ในหัว ดังก้องไปมา

            “เหรอ”

            “หยุดยิ้มเลยไอ้ตัวนิ่ม”

            “แหะๆ” ก็คนมันดีใจจนจะบ้า

            ถ้าเมาแล้วพี่กันตามใจแบบนี้ แกล้งเมาทุกวันเลยก็ได้

           

            ไม่เคยมีวันไหนที่ลงสถานีนี้แล้วมีความสุขเป็นบ้าเป็นบอเท่าวันนี้ อยากจะกระโดดโลดเต้นไปมา อาจจะเป็นเพราะว่าเพียงแค่วันเดียว สามารถทำสิ่งที่อยากทำกับเขาได้ถึงสองอย่าง

            อย่างแรกคือขึ้นรถไฟฟ้าด้วยกัน

            อย่างที่สองคือกลับบ้านพร้อมกัน

            “เออ พวกมึงกินกันก่อนเลย” พอเหยียบสถานี คนตัวสูงก็ต่อสายหาเพื่อนแทบจะทันที

            “เลทประมาณครึ่งชั่วโมงว่ะ”

            “เออ กูพาตัวนิ่มกลับบ้านก่อน”

            สรุปว่าผมเปลี่ยนสถานะกลายไปเป็นตัวนิ่มแล้วใช่ไหม

            “ตัวนิ่มมันน่ารักยังไง” บ่นพึมพำกับตัวเอง ขาก็ก้าวเดินไปตามบันไดทางลง ฝ่ามือหนักๆของใครอีกคนวางลงบนหัวของผมแล้วผลักเบาๆ นอกจากจะใจบาปแล้ว คนๆนี้ยังโรคจิตชอบทำร้ายร่างกายชาวบ้าน ถ้าผมตกบันไดลงไปตาย พี่กันจะต้องชดใช้

            “ไม่น่ารัก”

            “งั้นก็เปลี่ยน”

            “ไม่เปลี่ยน”

            หันมองเขาตาขวาง

            “ตัวนิ่มอ่ะดีละ”

            ไม่พูดเปล่า ดันยื่นมือมาดึงแก้มผมซะจนเซไปหาเขา

            “นิ่มๆอ่ะน่ากอด”

            ผมหยุดเดินแล้วปล่อยให้พี่กันเป็นฝ่ายนำออกไป คนตัวสูงหันหลังมาทำท่าจะเป็นฝ่ายเดินตามผม แต่ผมรีบหมุนตัวเขา ผลักแผ่นหลังของเขาให้เดินนำหน้า

            ขืนเขาหันกลับมามองตอนนี้ล่ะก็

            เขาคงจะหัวเราะเยาะ ที่ผมไม่สามารถซ่อนความดีใจเอาไว้ได้

            ฝ่ามือของผมสัมผัสกับแผ่นหลังของคนตัวสูง ผลักเขาเดินตามฟุตบาทไปเรื่อยๆก่อนจะเลี้ยวเข้าที่ซอยเบอร์หก ไม่ไกลจากตัวสถานีรถไฟฟ้าเท่าไร พอเดินเข้ามาในซอยผมถึงได้สังเกตเห็นว่า ฝ่ามือของผมเมื่อวางลงบนหลังของเขา มันเล็กนิดเดียว

            เขาเหมือนหมีตัวโตๆ ผมวาดภาพไว้แบบนั้น

            พลางคิดเพ้อเจ้อไปว่า ผมไม่อยากเป็นจุดเล็กๆในชีวิตของผู้ชายคนนี้เลย

            เพราะตอนนี้พี่กัน เป็นจุดใหญ่ๆในชีวิตของผม ที่ผมไม่สามารถมองผ่านไปได้

            “เลิกดันหลังกูได้ยัง ไอ้ตัวนิ่ม”

            “ก็ได้” ถอนฝ่ามือของตัวเองออก แล้วติดสปีดเดินให้ทันเขา

            เราสองคนเดินอยู่ข้างๆกันในซอยเปลี่ยว มีเพียงแค่แสงไฟจากหลอดตะเกียบที่ให้ความสว่างเป็นหย่อมๆ บ้านผมอยู่ไม่ไกลจากตัวถนนใหญ่ ดังนั้นเวลากลับบ้านทีไรก็จะชอบเดินแบบนี้คนเดียว มีรถผ่านไปผ่านมาบ้าง แต่ก็ไม่วุ่นวาย

            เดินตอนกลางคืนลมเย็นๆมันสบายใจดีครับ แม้จะโดนเพื่อนสนิทบ่นบ่อยๆว่ามันอันตรายก็เถอะ แต่เดินมาตั้งแต่เด็กก็ยังไม่เคยเจออะไรนะ

            “มึงเดินกลับบ้านแบบนี้คนเดียวเหรอ”

            “อือ”

            “ถามจริง?”

            “ผมก็ตอบจริงๆนะ” มีตรงไหนที่ไม่น่าเชื่อเหรอ

            “กวนกูอีก”

            “ก็เดินแบบนี้บ่อยๆอ่ะ ผมชอบเดิน”

            “แล้วกลับบ้านวันไหนบ้าง”

            “ช่วงนี้ก็เฉพาะศุกร์เสาร์อาทิตย์ ถ้าปิดเทอมก็กลับมาอยู่บ้าน วันไหนไม่มีเรียนเช้าก็จะกลับอ่ะ” เป็นประโยคที่ร่ายยาวที่สุดตั้งแต่คุยกับเขามา

            ไม่รู้สิ ปกติผมเป็นคนสร้างบรรยากาศการสนทนาได้ยอดแย่ถึงขั้นติดลบ พูดง่ายๆก็คือเป็นคนทำเดดแอร์เก่ง ใครชวนคุยมาก็ตอบไปเป็นมารยาทเสร็จแล้วก็หยุดพูดไปซะอย่างนั้น ไม่รู้จะคุยเรื่องอะไร กลายเป็นทำให้อีกฝ่ายเบื่อ

            พอมาอยู่กับพี่กันแล้ว มีหลายเรื่องที่อยากจะพูด เรื่องไร้สาระก็อยากพูด เรื่องมีสาระก็อยากคุย เรื่องส่วนตัวก็อยากถาม กลายเป็นเจ้าหนูจำไมอย่างที่เขาว่านั่นแหละ

            “แล้วก็จะกลับดึกๆแบบนี้เหรอ”

            “ใช่”

            “ไม่กลัวหรือไง”

            “ไม่อ่ะ ไม่มีผีหรอก”

            “กูไม่ได้หมายถึงผี กูหมายถึงโจร”

            “พี่อ่ะเหรอ”

            พี่กันตีหน้ามึน

            “ไรวะ”

            โจรขโมยหัวใจไง

            ไม่พูดออกไปหรอก พูดออกไปเดี๋ยวจะมีคนหัวใจวาย

            “พี่กัน”

            “เรียกชื่อกูอีกแล้ว”

            เอ้า แล้วถ้าไม่อยากให้เรียกชื่อ เขาจะมีชื่อไปทำแมวอะไรอ่ะ

            “ไอ้หมีโฉด”

            “เออดีกูชอบหมี”

            เอ้อ ประหลาดคน เรียกชื่อดีๆไม่ชอบ ชอบเป็นหมี

จะว่าไป เขาคงจะชอบหมีมากๆสินะ แถมเป็นหมีบราวน์หัวกลมหน้าเดียวด้วย ผมว่าผมเคยสังเกตเห็นพวงกุญแจที่เขาห้อยติดกระเป๋ากีฬา

            ความชอบของเขาทุกอย่าง ผมจดบันทึกไว้ในส่วนลึกของสมอง

            “ผมชอบกระต่าย”

            “อยากให้กูเรียกมึงน้องต่ายว่างั้น”

            “ใช่”

            “ตัวนิ่ม”

            “ไอ้…”

            “น่ะๆ หยุดเลย กูเป็นพี่มึงนะ”

            “ครับ”

            พูดพลางเบะปากใส่เขาแบบกวนประสาท เลยโดนผลักหัวไปอีกรอบ

            เดินไม่นานก็ถึงหน้าบ้านเดี่ยวหลังเล็กๆ มีสนามหญ้าอยู่ในตัว ตัวบ้านปิดไฟมืดแล้วบ่งบอกว่าแม่ผมคงหลับไปแล้วแน่ๆ พรุ่งนี้เขาทำงานแต่เช้านี่เนอะ พอเปิดรั้วออกผมก็เดินเข้าไปเปิดไฟโรงรถที่มีรถเก๋งสีขาวจอดอยู่ หน้าประตูบ้านมีกรงนกแก้วกรงเล็ก มีนกแก้วสีเขียวสลับแดงหน้าตาน่ารักอยู่ข้างใน แม่บอกว่าเลี้ยงไว้แก้เหงาเวลาผมไม่อยู่บ้าน

            หันไปมองใครอีกคนที่ยืนสำรวจบ้านผมอยู่ไม่ยอมขยับไปไหน

            “พี่กัน”

            “บอกว่าอย่าเรียกชื่อ”

            “ก็อยากเรียกอ่ะ” เขาทำหน้าไม่พอใจอีกแล้ว

            ยังไงก็จะเรียกไปเรื่อยๆจนกว่าเขาจะชอบ ตั้งใจไว้ว่าแบบนั้น

            “มีไร”

            “เข้ามานั่งเล่นก่อนมั้ย แม่หลับไปแล้ว”

            “ไม่อ่ะ กูมีนัดกับเพื่อน จำได้มั้ย”

            อ่อ … ผมดันลืมไปซะสนิทเลยว่าเขานัดกินข้าวกับเพื่อนฝั่งนี้

            แต่แค่นี้ก็พอแล้ว แค่ได้ขึ้นรถไฟฟ้ากับเขา ได้เดินกลับบ้านพร้อมกับเขา แค่นี้ผมก็สามารถอยู่ต่อไปได้อีกสามสี่วันโดยที่ไม่ต้องเจอเขา มันอิ่มเหมือนกับได้กินข้าวตุนเอาไว้ในพุง แต่กับเขา ผมตุนความรู้สึกดีๆเหล่านี้เอาไว้ในใจ จนมันล้นแล้วล้นอีกก็ยังไม่รู้สึกพอ

            คนตัวสูงเพิ่งจะสังเกตเห็นนกแก้วที่แม่ผมเลี้ยงเอาไว้ เลยสนอกสนใจเข้ามาดูใกล้ๆ เขาน่าจะเป็นประเภทชอบสัตว์ หลังจากที่เคยเห็นเขาพูดกับหมาเป็นเรื่องเป็นราวมาแล้ว

            ซักวันคงไปเที่ยวสวนสัตว์กับเขา เพราะผมเองก็ชอบสัตว์เหมือนกัน

            “มีชื่อป่ะ”

            “กอด”

            “ห๊ะ”

            “แม่ผมตั้งชื่อให้เหมือนผมอ่ะ เวลาเหงาๆก็เหมือนมีลูกอยู่ด้วย”

            เขาพยักหน้าเหมือนจะเข้าใจ นิ้วเรียวๆลูบเบาๆลงบนหัวของกอดเวอร์ชั่นสอง

            “มันคือกอดเวอร์ชั่นสอง”

            “เหรอ … แต่กูชอบเวอร์ชั่นแรกมากกว่า”

            กระพริบตาปริบๆมองเขา ใครอีกคนไม่ได้หันมามองว่าผมจะทำหน้าแบบไหน หากแต่สนใจอยู่กับนกแก้วตัวอ้วนพีเหมือนมันน่ารักนักน่ารักหนา

            ผมเอามือแนบแก้มของตัวเองที่ร้อนผ่าวๆเหมือนซึ้งนึ่งซาลาเปา วันนี้รู้สึกหูชักจะฟังอะไรเพี้ยนๆเยอะเกินไป คงเป็นเพราะเมาแน่ๆ ใช่ ผมเมานั่นแหละ

            “มันพูดได้ป่ะ”

            “พูดได้ แต่ต้องนำทางมันหน่อย” ยื่นหน้าไปใกล้ๆไอ้กอดเวอร์ชั่นสองแล้วพูดเบาๆ “แก้วจ๋า”

            “แก้วจ๋า!”

            “เช้ด แจ่ม” พี่กันหัวเราะออกมาเหมือนเป็นเรื่องน่าประหลาดใจ ผมยืนมองเขาเงียบๆ

            รอยยิ้มของผู้ชายตรงหน้าเป็นทุกสิ่งทุกอย่าง การเห็นเขามีความสุขมันทำให้ผมมีความสุขมากๆเช่นกัน ผมเคยบอกว่ายิ้มมุมปากของเขาเหมือนกระสุน ดังนั้นยิ้มกว้างๆของเขาก็คงจะเป็น…

            กระสุนสามพันนัดพุ่งทะลุร่างในคราเดียว

            เวอร์ไปมะ

            ไม่หรอก

            “แก้วจ๋า สวัสดีจ๊ะ กอดกอด”

            “เออน่ารักว่ะ”

            “แก้วจ๋า กอดกอด”

            แล้วเขาก็เกาหัวเกาคอกอดเวอร์ชั่นสองอย่างสนุกมือ เล่นจนพอใจ จนกระทั่งเพื่อนของเขาโทรตามยิกๆนั่นแหละเจ้าตัวถึงจำต้องหยุดเล่น ถึงจะหยุดเล่นแต่ก็ยังเอามือไปคลอเคลียนกแก้วตัวโปรดของแม่ไม่ยอมหยุด

            “ไปละ พรุ่งนี้เจอกัน”

            ผมที่กำลังรู้สึกเสียดายว่าต้องจากกันอีกแล้วสินะถึงกับเงยหน้ามองเขา สีหน้าจริงจังนั่นบ่งบอกว่าเขาไม่ได้พูดเล่น

            เจอกันเหรอ

            ทั้งๆที่แค่วันนี้วันเดียว ก็ทำให้คลายความคิดถึงเขาไปได้อีกหลายวัน

            แต่พอพูดแบบนี้แล้ว ก็อยากเจอเขาทุกๆวันเลย

            “ที่ไหนอ่ะ”

            “บอกก็รู้ดิ”

            อ้าว ไอ้พี่บ้า

            “พรุ่งนี้กูมีเตะบอลตอนหกโมงเย็น”

            เผลอยิ้มออกมาอีกแล้ว พยายามจะซ่อนมันไว้ แต่ก็ห้ามไม่ได้จริงๆ

            “ฝันดีตัวนิ่ม”

            “ฝะ…”

            พูดยังไม่ทันจบ ไอ้กอดเวอร์ชั่นสองก็พูดแทรกขึ้นมา

            “ฝันดีจ้า ฝันดีจ้า รักกัน กอดกันน๊า”

            หน้าผมร้อนฉ่าขึ้นมาแบบหยุดไม่อยู่ คนตัวสูงชะงักไปแล้วหันมามองผม

            ลืมไปเลยว่าผมชอบพูดทักทายกับมันแบบนี้เสมอเวลาก่อนนอน ซึ่งไอ้คำว่ารักกัน กอดกันเนี่ย เมื่อก่อนมันเป็นเรื่องปกติเวลาได้ยิน แม่ก็ชอบพูดประโยคนี้กับมันบ่อยๆ

            แต่มันไม่ปกติก็เพราะตอนนี้ ผมแอบชอบผู้ชายที่มีชื่อว่า

            ‘กัน’

            ซึ่งผู้ชายชื่อกัน ก็ยืนอยู่ด้านหน้า

            “รักกัน กอดกันน๊า”

            แล้วมันก็ไม่ยอมหยุดพูดด้วย ไอ้กอดเวอร์ชั่นสอง ไอ้นกบ้า

            “มึงสอนมันเหรอ” เขาเอ่ยถาม

            ตอบไงดี ตีมึนไปก่อนดีมั้ย

            “เปล่า”

            “เหรอ”

            “อือ”

            เราสองคนจ้องตากันอยู่นาน ไอ้นกบ้าก็ไม่ยอมหยุดร้องสักที ผมเม้มริมฝีปากของตัวเอง ใจเต้นรัวยิ่งกว่าครั้งไหนๆ

            “กอดกัน” น้ำเสียงโมโนโทนดังออกมาแผ่วเบา แต่ผมกลับได้ยินชัดเจน

            “…”

            “ก็น่ารักดี”

            พูดจบก็จ้องมองมาที่ผมไม่วางตา เหมือนจะรอดูปฏิกิริยาตอบสนองว่าผมจะไปทางไหนต่อ สายตาสงบนิ่งของเขา ทำให้หน้าผมร้อนฉ่าจนต้องเอาฝ่ามือสองข้างมาปิดใบหน้าของตัวเอง

            ตาย

            ตายแล้ว

            ผมกำลังจะตาย

            “กอด”

            สะดุ้งเบาๆเมื่อโดนเรียกชื่อ ไม่รู้หรอกว่าพี่กันจะรู้สึกแบบเดียวกันหรือเปล่า แต่พอเวลาโดนเรียกชื่อทีไร หัวใจก็เต้นรัวจนแทบจะหลุดออกมาจากอก นับเป็นคำต้องห้ามเลยก็ว่าได้

            แต่ก็ดันรู้สึกดีเป็นบ้า เวลาเขาเรียกชื่อออกมาแบบนั้น

            ทั้งชอบทั้งเกลียด เป็นความรู้สึกประมาณนั้นเลย

            “เป็นอะไร”

            “…”

            “ตัวนิ่ม”

            “แกล้งตายอยู่”

            “นั่นท่าแกล้งตายของมึงเหรอ”

            พยักหน้าตอบเขาเบาๆทั้งๆที่ยังปิดหน้าตัวเองอยู่

            ให้เขาเห็นไม่ได้หรอกว่ากำลังยิ้มกว้างอยู่ เขินตายเลย

            “กูเป็นหมีดุนะ”

            “พี่จะฆ่าผมเหรอ” ลดระดับมือลงเล็กน้อยเพื่อสบตากับเขา พี่กันส่งยิ้มจางๆมาให้

            “อือ”

            “จริงเหรอ”

            “เออ เอาให้ตายคาอกเลย

            ทรุดฮวบลงกับพื้นอย่างหมดแรงที่จะต่อต้านผู้ชายคนนี้ นั่งกอดเข่าอยู่เงียบๆคนเดียวพร้อมกับเสียงหัวเราะทุ้มนุ่มเบาๆที่ลอยมาจากที่ไกลๆ

            “ฝันดี ไอ้กอด”

            เสียงฝีเท้าไกลออกไปพร้อมกับผมที่ค่อยๆเงยหน้ามองแผ่นหลังกว้างๆของพี่กัน

            ฝันดีครับ

            พี่กัน

            คุณหมีของผม





// เจอหมีให้แกล้งตาย เจอผู้ชายให้แกล้งเมา
ถ้าเจอหมีผู้ชายอย่างพี่กัน ก็ขอตายคาอกก็แล้วกันค่ะ ฮืออ
Facebook : Jiwinil Twitter : jiwinil_




ออฟไลน์ route rover

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2428
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +221/-7
Re: ◆_Likeกัน_◇ ตอนที่ 6 {10.05.60}
«ตอบ #85 เมื่อ10-05-2017 13:45:46 »

คนอ่านก็ทรุดลงไปตายข้างน้องกอดตัวนิ่มเช่นกัน :katai1:

ออฟไลน์ maemix

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-3
Re: ◆_Likeกัน_◇ ตอนที่ 6 {10.05.60}
«ตอบ #86 เมื่อ10-05-2017 14:31:56 »

พี่หมีกะตัวนิ่มใครอ่อยแรงกว่ากัน

ออฟไลน์ lazysheep

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 273
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +171/-2
Re: ◆_Likeกัน_◇ ตอนที่ 6 {10.05.60}
«ตอบ #87 เมื่อ10-05-2017 16:07:19 »

โอ้ยยยยยย อิพี่หมีดุ โง้ยยย ตัวนิ่มแข้งขาอ่อนหมดล้าว

ออฟไลน์ pui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2194
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +177/-3
Re: ◆_Likeกัน_◇ ตอนที่ 6 {10.05.60}
«ตอบ #88 เมื่อ10-05-2017 16:33:23 »

 o13 o13 o13 o13 o13

ออฟไลน์ PiiNaffe

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 252
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
Re: ◆_Likeกัน_◇ ตอนที่ 6 {10.05.60}
«ตอบ #89 เมื่อ10-05-2017 18:58:27 »

พี่กันดูเป็นผู้ชายดุๆ แต่จริงๆแล้วน่ารักจังเลยยยย

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด