◆_Likeกัน_◇ ตอนที่ 28 {27.02.62}
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ◆_Likeกัน_◇ ตอนที่ 28 {27.02.62}  (อ่าน 116471 ครั้ง)

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4
Re: ◆_Likeกัน_◇ ตอนที่ 6 {10.05.60}
«ตอบ #90 เมื่อ10-05-2017 19:03:52 »

เจอแบบนี้ตายแปป   :jul1: :jul1: :jul1: :jul1:

ออฟไลน์ MyLavenderLand

  • ฉันสุขใจ เมื่อได้ Log in เล้า
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1582
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-1
Re: ◆_Likeกัน_◇ ตอนที่ 6 {10.05.60}
«ตอบ #91 เมื่อ10-05-2017 19:52:13 »

หยอดหนักมากกกกก พี่กัน สงสารน้องกอดบ้างเถอะ แต่ทำไมคนอ่านช๊อบชอบบบบ อะคริ อะคริ

ออฟไลน์ utamon

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 706
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-2
Re: ◆_Likeกัน_◇ ตอนที่ 6 {10.05.60}
«ตอบ #92 เมื่อ10-05-2017 19:59:26 »

แกล้งตายเป็นเพื่อนน้องกอด ฮื่ออออ อิพี่กันจู่โจมแรงมากกกก :sad2:

ออฟไลน์ Yysll

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 82
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: ◆_Likeกัน_◇ ตอนที่ 6 {10.05.60}
«ตอบ #93 เมื่อ10-05-2017 20:14:19 »

ทำไมน่ารักอย่างนี้

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8896
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
Re: ◆_Likeกัน_◇ ตอนที่ 6 {10.05.60}
«ตอบ #94 เมื่อ10-05-2017 21:23:25 »

 :pig4:

ออฟไลน์ l2_in*

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 229
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-2
Re: ◆_Likeกัน_◇ ตอนที่ 6 {10.05.60}
«ตอบ #95 เมื่อ10-05-2017 21:37:48 »

นี่มันไม่ใช่หมีดุแล้ว หมีอ่อย !!

ออฟไลน์ 205arr

  • เราคงอยู่ไกลกันเป็นพันหมื่นลี้
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 748
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1
Re: ◆_Likeกัน_◇ ตอนที่ 6 {10.05.60}
«ตอบ #96 เมื่อ11-05-2017 12:55:08 »

เสพความหวานจนหมดแรงเจ้าค่ะ
 :o8: :o8:

ออฟไลน์ OrangeryLemon

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 129
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
Re: ◆_Likeกัน_◇ ตอนที่ 6 {10.05.60}
«ตอบ #97 เมื่อ11-05-2017 13:37:10 »


เรื่องนี้น่ารักมากๆ

ออฟไลน์ เมียงู

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 59
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: ◆_Likeกัน_◇ ตอนที่ 6 {10.05.60}
«ตอบ #98 เมื่อ11-05-2017 16:40:23 »

หวีดแรง หยอดกันถี่อะไรขนาดนี้  :hao7:

ออฟไลน์ rikulism♡

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 26
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: ◆_Likeกัน_◇ ตอนที่ 6 {10.05.60}
«ตอบ #99 เมื่อ11-05-2017 21:18:39 »

ง่าา น่าร้ากกกก  :-[ :-[

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ◆_Likeกัน_◇ ตอนที่ 6 {10.05.60}
« ตอบ #99 เมื่อ: 11-05-2017 21:18:39 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ leenanhyun

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 66
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +102/-2
Re: ◆_Likeกัน_◇ ตอนที่ 7 {21.05.60}
«ตอบ #100 เมื่อ21-05-2017 13:12:03 »

Chapter 7
ห่วงเธอเท่าห่วงยาง

 

          กลิ่นแกงจืดหอมๆลอยมาจากห้องครัวขณะที่กำลังเดินลงจากชั้นสอง นอกจากนั้นก็ยังมีกลิ่นไข่เจียวแทรกเข้ามา เช้าๆแบบนี้การได้กลิ่นอาหารโชยเข้าจมูกเรียกน้ำย่อยของผมได้ดีทีเดียว

            ขาของผมสัมผัสกับพื้นกระเบื้องไม้สีอ่อน สีอ่อนๆแบบนี้ทำให้ตัวบ้านที่แคบๆดูกว้าง โดยเฉพาะบริเวณที่เคยเป็นผนัง ตอนนี้ถูกปรับเปลี่ยนเป็นกระจกบานใสจนสามารถมองเห็นสนามหญ้าขนาดเล็กหน้าบ้านได้อย่างชัดเจน ขาสองข้างก้าวเดินออกไป มีจุดหมายคือห้องครัวเล็กๆที่ยื่นออกไปจากตัวบ้าน

            เป็นบรรยากาศที่อบอุ่นต่างจากการอยู่หอ ถ้าถามว่าตัวผมชอบอยู่หอหรือบ้านมากกว่ากัน ก็ตอบได้โดยไม่ลังเลเลยว่าที่บ้านนี่แหละคือสถานที่ที่ผมชอบที่สุดแล้ว

            เข้ามาในครัวที่จัดอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย เพราะไม่ค่อยมีคนอยู่บ้านจึงไม่ค่อยมีใครปรับเปลี่ยนที่ของสิ่งของ ถึงผมจะหายไปสี่ห้าวัน กลับมาก็ไม่เปลี่ยนแปลง

            ผู้หญิงวัยกลางคนยืนหันหลังอยู่ ฮัมเพลงเบาๆพลางคนแกงจืดให้เข้ากันอย่างอารมณ์ดี นาฬิกาบอกเวลาเจ็ดโมงเช้า ตัวเองมีงานแปดโมงแต่ก็ไม่ยักจะรีบร้อนอะไร

            “หอมอ่ะ”

            คำทักทายคำแรกดังขึ้นแผ่วเบา แม่สะดุ้งแล้วหันมามองผม ฉีกยิ้มกว้างแล้วปรี่เข้ามากอด โยกตัวไปมาเหมือนสมัยผมยังเด็ก

            “คิดถึงจังเลย แม่เห็นเมื่อวานกลับดึกเลยไม่อยากไปปลุก”

            “พอดีสายรหัสนัดเลี้ยงข้าวกันอ่ะ กอดเลยต้องไป”

            จริงๆไม่ใช่ข้าวหรอก นัดเลี้ยงเหล้าต่างหากล่ะ

            ขืนบอกคุณนายเขาล่ะก็ โดนบ่นแน่ๆ

            “แล้วเมื่อคืนกลับมากับใคร คนเดียวเหรอ”

            “มีคนมาส่งครับ”

            “ถึงว่าล่ะ เมื่อวานเจ้ากอดมันร้องไม่ยอมหยุด แม่สะดุ้งตื่นเลยเนี่ย”

            ได้ยินแบบนั้นก็หน้าขึ้นสีซะเฉยๆ อาจจะเป็นเพราะดันนึกไปถึงเรื่องเมื่อคืน คนตัวสูงมาส่งถึงที่บ้าน ไอ้กอดเวอร์ชั่นสองก็ดันโดนผีนกบ้าเข้าสิงร้องไม่ยอมหยุด

            “ใครมาส่งล่ะ”

            “เพื่อนอ่ะ”

            แม่พยักหน้าอย่างเข้าใจแล้วไม่คิดจะถามอะไรเพิ่มเติมอีก คงนึกว่าเป็นเจ้าเพื่อนสนิทคนนั้นนั่นแหละ ซึ่งผมก็คงปล่อยให้แม่คิดแบบนั้นต่อไป เพราะปกติมีเพื่อนแค่ไม่กี่คน ทั้งพี่รหัส ลุงรหัส ปู่รหัส และเพื่อนสนิท ทั้งหมดนั่นแม่ผมก็รู้จักหมดแล้ว ดังนั้นถ้าขืนบอกว่าเป็นรุ่นพี่ต่างมหาลัยล่ะก็

            โดนซักยาวถึงพรุ่งนี้เช้าแน่ๆเลย

            “วันนี้เย็นไปกินข้าวกันนะ” น้ำเสียงบ่งบอกถึงความดีใจ พร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้าของแม่

            ผมเกาขมับตัวเองเล็กน้อย ตารางชนกันดังปังเลย เพราะวันนี้พี่กันเตะบอลหกโมงเย็น

จะปฏิเสธก็ทำไม่ได้เพราะแม่เป็นฝ่ายเอ่ยปากชวนก่อนตั้งนานแล้ว

            อ่า ถ้าผมไปหาเขาช้าหน่อย เขาจะโกรธผมไหมนะ

            แล้วถ้าเขาโกรธล่ะ ผมจะขอโทษแบบไหนดี

           





            หลังจากกินอาหารญี่ปุ่นกับแม่เสร็จ ก็รีบขึ้นรถไฟฟ้าไปที่มหาวิทยาลัยของพี่กัน   

            นาฬิกาบอกเวลาสองทุ่ม เลทไปสองชั่วโมง

            สุดท้ายก็มายืนหอบแฮ่กอยู่หน้าสนามบอล ครั้งนี้เป็นการมาเยือนครั้งที่สองของผม ไฟสนามบอลปิดไปครึ่งหนึ่งแล้ว ไม่มีผู้คนเตะบอลอยู่ในสนาม เป็นเพียงสนามหญ้าโล้นๆเตียนๆ

            ผมพลาดอย่างมหันต์เลยล่ะ

            แย่จริงๆ ทั้งๆที่เขานัดเอาไว้ก็ดันพลาดซะได้

            ถ้าเจอกัน ก็อยากจะขอโทษเขา หวังว่าเขาจะไม่โกรธนะ

            “อ้าว น้อง”

            น้ำเสียงทุ้มๆดังขึ้นจากทางด้านหลัง พอหันกลับไปมองก็เจอกับคนคุ้นเคย

            เพื่อนเบอร์หนึ่งของพี่กันที่เจอกันที่ห้องสมุดที่สยามเมื่อไม่กี่วันก่อน เขาถือของพะรุงพะรัง กระเป๋าหลายๆใบพาดอยู่บนบ่าเหมือนไม่ได้มีเพียงแค่ของตัวเอง แต่หิ้วเผื่อคนอื่นๆด้วย

            “มาหาไอ้กันเหรอ” พยักหน้าอย่างรวดเร็วเพื่อตอบคำถาม

            “มันอยู่โรงพยาบาลอ่ะ”

            ห๊ะ

            กระพริบตาปริบๆเหมือนหูฝาดไป

            “โรงพยาบาล?” ถามทวนคำพูดของคนตรงหน้าอีกครั้ง

            ไปทำอะไรที่โรงพยาบาลอ่ะ

            “มันแขนหัก เลือดอาบเลย”

            หัวใจกระตุกวูบ

            แล้วเขาเป็นอะไรมากมั้ย เจ็บมากหรือเปล่า ... ถามอะไรโง่ๆไอ้กอด แขนหักเลือดอาบก็ต้องเจ็บมากๆอยู่แล้ว เขาก็เป็นคนนะ

            ตอนนี้ในใจของผมว้าวุ่นไปหมด ทั้งกังวล ทั้งเป็นห่วง อยากจะรีบไปเจอเขา อยากจะถามว่าเขาเป็นอย่างไรบ้าง ไม่รู้ทำไมถึงได้ร้อนรนขนาดนี้

            “ไปด้วยกันป่ะ นี่ของไอ้กัน พี่กำลังจะไปหามันที่โรงบาล”

            ตอบตกลงแบบไม่ต้องคิด ผมยื่นมือออกไป ต้องการที่จะช่วยเขาถือของ เพราะลำพังตัวเขาเองก็ดูจะหนักเอาเรื่อง เขาลังเลเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็ยื่นกระเป๋าของคนที่ผมกำลังเป็นห่วงจนแทบบ้ามาให้

            “ถือของมันแล้วกัน ถ้าไอ้กันรู้ว่าน้องถือให้ มันคงหายเร็ว”

            รถเก๋งสี่ประตูตรงดิ่งออกจากมหาลัย จุดมุ่งหมายปลายทางคือโรงพยาบาลที่อยู่ไม่ไกลมากนัก ผมนั่งเงียบ กัดริมฝีปากของตัวเองไปเรื่อย เหงื่อผุดซึมขึ้นมาตามง่ามนิ้วมือจนต้องถูมันเบาๆกับกางเกง กอดกระเป๋าสีดำที่มีหัวหมีบราวน์ห้อยอยู่ พลางภาวนาในใจขออย่าให้เขาเป็นอะไรมาก

            รถจอดลงที่หน้าโรงพยาบาล หัวใจเต้นรัวหนักขึ้นกว่าเดิม ทั้งผมและเพื่อนของพี่กันต่างก็รีบลงจากรถเพื่อตรงไปยังแผนกฉุกเฉิน มองไกลๆเห็นกลุ่มเพื่อนของเขาห้าหกคนยืนออกันอยู่ด้านหน้าห้อง แต่ละคนมีสีหน้าไม่สู้ดีเท่าไร ยิ่งทวีความเป็นห่วงของผมให้มากขึ้นกว่าเดิมเมื่อไม่เห็นคนตัวสูงที่ได้ยินมาว่าแขนหัก

            ยังไม่ออกจากห้องฉุกเฉินเหรอ           

            อาการหนักเหรอ

            ปล่อยให้เพื่อนเบอร์หนึ่งของพี่กันเดินนำไป ผมถอยหลังทีละก้าว รีบเดินตรงออกไปจากโรงพยาบาล สายตากวาดหาร้านขายยาที่ใกล้ที่สุด

            กวาดมาสารพัดยาที่สามารถซื้อได้ แล้วรีบตรงดิ่งกลับมาที่โรงพยาบาล

            ด้านหน้าห้องฉุกเฉินจากที่มีกลุ่มคนห้าหกคน ตอนนี้เหลือเพียงแค่เพื่อนเบอร์หนึ่งกับเพื่อนเบอร์สองของพี่กันที่ยืนอยู่หน้าห้อง ยืนบังใครสักคนที่นั่งอยู่ตรงเก้าอี้

            เห็นแค่ขาก็รู้แล้วว่าใคร

            ฝ่ามือของพี่กันดันตัวเพื่อนสองคนให้ออกห่าง เหลือเป็นช่องโหว่ระหว่างกลางที่สามารถมองตรงมาแล้วเห็นผมพอดิบพอดี สภาพของเขาดูไม่จืดเลย ใบหน้าเปรอะเปื้อนคราบดิน กลุ่มผมยุ่งเหยิงเหมือนเพิ่งตื่นนอน ไหนจะเสื้อบอลของเขาที่ดำเป็นปื้นเพราะโคลนจากสนามบอล มากไปกว่านั้นมือของเขาถูกพันเป็นมัมมี่ แต่แขนดูเหมือนจะไม่เป็นอะไรมาก

            พอเห็นแบบนั้นก็ใจชื้นขึ้นมา

            ใต้ตาร้อนขึ้นมาเฉยๆ จากที่จะก้าวเดินตรงเข้าไปหาเขา กลับทำได้แค่ยืนนิ่งๆ

            เขาจะรู้มั้ยว่าผมเป็นห่วงเขามากๆ

            นัยน์ตาสีสวยจับจ้องมาที่ผมไม่ละสายตา เหมือนกำลังพินิจพิจารณาว่าที่ยืนอยู่ใช่ผมจริงๆหรือไม่

            “กอด” พอเขามั่นใจว่าใช่ผมแน่ๆ ก็กวักมือยิกๆให้เข้าไปหา

            มาหยุดยืนตรงหน้าพี่กัน สำรวจสภาพร่างกายของเขาทุกตารางนิ้ว ไม่ได้แขนหักอย่างที่เพื่อนเขาว่าเอาไว้ แต่มือซ้ายน่าจะสาหัสเอาการเพราะมีเลือดซึมออกมาด้วย

            “ไหนคนนี้บอกแขนหักอ่ะ”

            ชี้นิ้วใส่เพื่อนเบอร์หนึ่งของเขา เพื่อนพี่กันสะดุ้งโหยง หันมายิ้มแห้งๆเป็นเชิงแก้ตัว คนตัวสูงส่งสายตาอาฆาตแล้วยกเท้าถีบบั้นท้ายเพื่อนอย่างแรง

            “พวกเวร”

            “อ้าว ก็เห็นน้องเป็นห่วง”

            “มึงเลยไซโคให้กูอาการหนักว่างั้น”

            “ใช่จ๊ะเพื่อนรัก”

            “ฟวย มึงเห็นหน้ามันมั้ย จะร้องไห้ละเนี่ย”

            “พี่ขอโทษนะน้องกอด”

            “ผมไม่ให้อภัย”

            เพื่อนเบอร์หนึ่งของพี่กันถึงกับหน้าซีดเมื่อผมตอบออกไปแบบนั้น

            ของแบบนี้มันใช่เรื่องเล่นซะที่ไหนกัน

            โดนถีบซะได้ก็ดี

            “แล้วเอาไง จะกลับกับพวกกูป่ะ ไม่เนอะน้องมาหาแล้ว เราก็หมดความสำคัญ”
           
            “ใครเล่าจะสำคัญเท่าน้อง พวกเรามันลูกเมียน้อย”

            “เออ แต่ถ้าลูกเมียน้อยไม่อยากโดนยิง…”

            “ลาก่อยย” เพื่อนสองคนของพี่กันรีบชิ่งหนีออกไป

            บรรยากาศรอบๆตัวเงียบลงอีกครั้ง กลิ่นของโรงพยาบาลที่ไม่ว่าจะเหยียบเข้ามาทีไรก็ฉุนจมูกทุกครั้งไป เป็นสถานที่ที่ผมไม่ชอบมาเหยียบเท่าไร เพราะถ้ามาทีไร ก็หมายถึงคนใกล้ตัวที่เจ็บป่วย หรือไม่ก็เป็นตัวเองนั่นแหละที่เจ็บป่วย

            ผมยืนมองมือของเขาเงียบๆ ฝ่ามือของผมกระชับถุงพลาสติกบรรจุสารพัดยาและอุปกรณ์ทำแผลที่ไปเหมามาจากร้านขายยา ซื้อมาซะเยอะซะแยะเพราะเป็นกังวลว่าแผลเขาจะหนัก เอาเข้าจริงๆ ซื้อมาเยอะขนาดนี้ ใช้ได้เป็นปีเลยมั้ง

            พอเห็นว่าผมจ้องมือของเขานานไปหน่อย เจ้าตัวถึงได้โพล่งขึ้นมาเบาๆ

            “ไม่ต้องห่วง แค่มือเอง”

            ทรุดตัวลงนั่งข้างๆเขา พลางยื่นถุงยาให้โดยไม่หันไปมอง

            “ซื้อมาให้เหรอ”

            “อือ”

            พี่กันรับถุงยาไปอย่างว่าง่าย แหวกดูอยู่พักหนึ่งก็หลุดหัวเราะออกมา

            “ตลกเหรอ”

            “เปล่า”

            “แล้วขำทำไม”

            “กูจะขำ มีปัญหาอะไรป่ะ”

            มี … มีปัญหามากๆเลยด้วย

            พี่ทำให้ผมเป็นห่วง

            แล้วถ้าผมเป็นห่วงใครล่ะก็ คนๆนั้นต้องสำคัญกับผมมากๆ

            “ทำไมวันนี้มาช้าจัง” พอเห็นผมเงียบไป เขาก็ทักขึ้นมาอีก

            “ไปกินข้าวกับแม่อ่ะ”

            “เหรอ ว่าจะชวนกินข้าวซะหน่อย อิ่มแล้วอ่ะดิ”

            “กินได้เรื่อยๆ”

            เนียนมาก ทั้งๆที่ตอนนี้ยังรู้สึกอิ่มอยู่เลย

            แต่ก็อยากไปด้วย

            “ห่วงยางกี่ชั้นแล้วล่ะ” พูดจบก็เอามือข้างที่สบายดีมาตีพุงผมเล่นแบบไร้มารยาทอีก นี่ถ้าไม่ติดที่ว่าแอบชอบเขาล่ะก็ ซัดคอหลุดไปแล้วจริงๆนะ

            “กินไรอ่ะ”

            “อยากกินอาหารญี่ปุ่น”

            กลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก

            ก็เมื่อกี้เพิ่งกินอาหารญี่ปุ่นมา

            “กินอย่างอื่นได้ป่ะ”

            “กูจะกินอาหารญี่ปุ่น”

            กินก็กิน จะกินอาหารญี่ปุ่นก็ไม่ต้องมาทำหน้าดุใส่กันสิ ไม่ได้บอกว่าไม่ให้กินซะหน่อย

            สุดท้ายเราสองคนก็มาหยุดอยู่ที่ร้านอาหารญี่ปุ่นภายในห้างสรรพสินค้าข้างโรงพยาบาล คนตัวสูงสั่งอาหารที่เขาชอบ นั่นก็คือข้าวหน้ากุ้งเทมปุระ ส่วนผมสั่งราเมนร้อนๆมากินเพราะไม่ค่อยหิวเท่าไร

            พี่พนักงานมองพี่กันแปลกๆเล็กน้อย อาจจะเป็นเพราะว่าเขาเหมือนเพิ่งตกถังขยะมา ส่วนร้านอาหารญี่ปุ่นนี่ก็หรูขัดกับสภาพหัวยุ่งเหยิงของเขาโดยสิ้นเชิง

            สำหรับผม เวลากินข้าวเย็นของคนปกติน่าจะเป็นเวลาหกโมงเย็น แต่คนส่วนมากมักจะชอบกินข้าวเย็นในเวลาค่ำอย่างหนึ่งทุ่ม สองทุ่ม หรือสามทุ่ม ยกตัวอย่างเช่นผู้ชายตัวสูงตรงหน้าผม ที่กินวันละหลายๆมื้อ โดยเฉพาะมื้อค่ำหลังสามทุ่มขึ้นไป ไม่เคยขาดเลยจริงๆ

            อาหารที่นี่ใช้เวลาไม่นานก็มาตั้งหอมฉุยส่งกลิ่นยั่วจมูกอยู่บนโต๊ะ พี่กันกินแบบไม่สนใจสิ่งรอบกาย ผิดกับผมที่สนใจเขามากกว่าราเมนนิดหน่อย

            ราเมนร้านนี้ไม่ใช่เมนูแนะนำเหมือนอย่างข้าวหน้าหมูชีส หรือข้าวหน้าปลาแซลมอน แต่เป็นเมนูลับที่ไม่ค่อยมีใครสนใจจะสั่งเท่าไร น้ำซุปเข้มข้นหอมกลิ่นเต้าเจี้ยวผสมกับงาขาว รสชาติหวานมันเค็มผสมกันอย่างลงตัว มีทั้งไข่ หมู และต้นหอมญี่ปุ่น เป็นเมนูโปรดของผมที่เมื่อมาร้านนี้เมื่อไรก็จะสั่งเหมือนเดิมทุกครั้ง

            “พี่กัน”

            “สรุปว่าจะเรียกชื่อกูใช่มั้ย” ปากบ่นใส่แต่ก็ยังกัดกุ้งอย่างเอร็ดอร่อย

            ผมพยักหน้าเพื่อเป็นการตอบคำถามว่าจะเรียกชื่อเขาไปเรื่อยๆนั่นแหละ เพราะพอได้เรียกชื่อเขา มันเหมือนได้เพิ่มเลเวลความสนิทเข้าไปอีกขั้นหนึ่ง พอคนตัวสูงเห็นแบบนั้น ก็ไม่ได้ว่าอะไร คงจะเริ่มชินแล้วล่ะมั้ง

            “เจ็บมือป่ะ”

            “นิดนึง”

            “เหรอ”

            “เหรอไร” นัยน์ตาคู่สวยละจากข้าวขึ้นมาสนใจผม

            “ไม่มีไร”

            “เป็นห่วงกูอ่ะดิ”

            ก็ใช่ไง

            “อย่าห่วงเลยกูอ่ะ ห่วงกันดีกว่า”

            เอาอีกแล้ว คำพูดแบบนี้ของเขามันหลุดออกมาจากปากง่ายๆเหมือนไม่ต้องคิด แต่กลับทำให้ผมคิดมากซะจนใจสั่นไปหมด

            “จริงจังนะ”

            “แล้วใครว่ากูเล่นอ่ะ”

            เบ้ปากใส่เขา พอเห็นว่าเขากินข้าวแห้งๆนั่นอย่างเอร็ดอร่อยแล้ว ถึงเขาจะเป็นคนกินง่าย แต่ก็อยากให้เขาได้ลองอะไรที่มันอร่อยๆสไตล์ที่ผมชอบบ้าง

            “พี่กัน”

            “ว่า”

            “ชิมป่ะ” ดันชามราเมนไปตรงหน้าเขา

            “ไม่กินหรือไง”

            “เปล่า มันเป็นเมนูลับอ่ะ ไม่ค่อยมีใครสั่ง แต่อร่อยมากนะ ลองชิมดู”

            พี่กันตักน้ำซุปไปชิม ผมนั่งลุ้นอย่างใจจดใจจ่อว่าเขาจะชอบมั้ย

            “เออ อร่อยว่ะ”

            เม้มริมฝีปากเพื่อกลั้นยิ้มเอาไว้

            เวลาเขาชอบอะไรเหมือนๆกับเรานี่มัน รู้สึกดีจริงๆ

            “กินเยอะๆนะ”

            “ไม่เอาอ่ะเดี๋ยวมีห่วงยาง”

            ยิ่งย้ำถึงห่วงยาง ก็ยิ่งอยากจะตีเขา

            “ละไม มีห่วงยางก็ดี น้ำท่วมโลกผมก็ไม่ตาย”

            “เหรอ”

            “ใช่”

            “แล้วถ้าน้ำท่วมโลกจริงๆ จะปล่อยให้กูตายป่ะ”

            คำถามโลกแตกถูกส่งมา ถ้าเป็นเรื่องเกี่ยวกับเขาล่ะก็ ไม่ต้องคิดอะไรให้วุ่นวายเลย

            “ไม่อ่ะ จะให้เกาะห่วงยางไปนะ”

            “ใจดีจัง เป็นห่วงกันอีกละ”

            “ก็ห่วงกันเท่าห่วงยางอ่ะแหละ”

            “แค่กๆ”

            คนข้างหน้าถึงกับสำลักน้ำราเมนไอเป็นวรรคเป็นเวร น้ำหูน้ำตาไหล ถึงจะดูทรมานแต่ก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้ มันเป็นความรู้สึกแบบนี้สินะ เวลาเห็นใครอีกคนตกใจหรืออึ้งไปเพราะคำพูดของเรา

            พี่กันคงจะชอบอกชอบใจน่าดูเวลาเห็นผมทำหน้าเงิบเพราะคำพูดของเขา

            “ถ้างั้นมึงกินเยอะๆ” ชามราเมนถูกผลักกลับมาหาผม

            “ไม่เอาอ่ะ เดี๋ยวห่วงยางใหญ่”

            “ใหญ่ๆอ่ะดี จะได้ห่วงกันม๊ากมาก”

            พูดจบก็ยักคิ้วส่งมาให้ หัวใจระเบิดดังตู้มท่วมทุ่งข้าวสาลี

            บรรยากาศการกินข้าววันนี้ต่างไปจากทุกๆวัน อาจจะเป็นเพราะปกติแล้วผมจะสนใจอาหารตรงหน้าเท่าๆกับเขา แต่วันนี้ผมสนใจเขามากกว่าอาหารตรงหน้า ยิ่งเห็นเขาทำหน้าเบ้เวลาขยับมือซ้ายแล้ว ก็ยิ่งเป็นห่วง

            ถ้ามีคาถารักษาแผลได้อย่างในหนังล่ะก็ ผมอยากจะเสกให้เขาหายจากอาการเจ็บปวดนั่นไวๆ

            จะว่าไป ล่าสุดดูหนังเมื่อตอนไหนกันนะ

            สายตาของผมเหลือบไปมองป้ายโฆษณาขนาดเล็กที่ตั้งอยู่ข้างบันไดเลื่อน ภาพยนตร์ญี่ปุ่นเรื่องที่ผมชอบถูกนำกลับมาฉายอีกครั้งตามเสียงเรียกร้องของผู้คน และมันก็จะฉายอีกเพียงไม่กี่วันก่อนจะออกจากโรง

            ผมยังไม่เคยดู เคยแต่อ่านหนังสือที่แปลจากภาษาญี่ปุ่น ดังนั้นถ้าได้ไปดูกับเขาล่ะก็

            คงจะดีมากๆเลยเนอะ

            จะชวนเขาไปดูหนังตรงๆเลยดีมั้ย

            หรือว่า

            “พี่กัน”

            “อะไร”

            “ได้ตั๋วหนังมาฟรีสองใบอ่ะ ไปดูด้วยกันป่ะ อยากขอโทษที่วันนี้มาช้าอ่ะ”

            คนตัวสูงมองผมเงียบๆ บรรยากาศกดดันเข้ามาแทนที่ เขาทำหน้าเหมือนไม่ค่อยเชื่อเท่าไรที่ผมได้ตัวฟรี แต่สุดท้ายก็ยอมตอบตกลง

            “อืม เอาดิ วันไหนอ่ะ”

            “พรุ่งนี้อ่ะ”

            “ได้ กูจะรอ”

            ดีใจจนอยากจะเป็นบ้า ไม่รู้จะไประบายลงที่ไหนสุดท้ายก็ทำได้แค่ฟุบหน้าลงบนโต๊ะพลางดีดขาไปมาเหมือนเด็กๆ

            ก่อนอื่นก็ … พรุ่งนี้ต้องรีบมาซื้อตั๋วหนังสองใบล่ะนะ





// พูดถึงความมุ่งมั่น ต้องยกให้น้องกอดอ่ะนะ สายเปย์อ่ะค่ะ
เปย์ให้สุด แล้วหยุดที่จน
Facebook : Jiwinil Twitter : jiwinil_

 

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
Re: ◆_Likeกัน_◇ ตอนที่ 7 {21.05.60}
«ตอบ #101 เมื่อ21-05-2017 14:17:57 »

 :L2: :L1:

ออฟไลน์ pui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2194
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +177/-3
Re: ◆_Likeกัน_◇ ตอนที่ 7 {21.05.60}
«ตอบ #102 เมื่อ21-05-2017 14:54:22 »

จีบกันๆ>\\<

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4992
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
Re: ◆_Likeกัน_◇ ตอนที่ 7 {21.05.60}
«ตอบ #103 เมื่อ21-05-2017 14:58:39 »

โอ๊ยยยยย เดี๋ยวห่วงยางเดี๋ยวห่วงกัน :-[ :-[ :-[ :-[ :-[
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ LadySaiKim

  • ▫▪□Dezine'Kim□▪▫
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
Re: ◆_Likeกัน_◇ ตอนที่ 7 {21.05.60}
«ตอบ #104 เมื่อ21-05-2017 16:24:10 »

จะน่ารักไปไหนนนน :กอด1:

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4
Re: ◆_Likeกัน_◇ ตอนที่ 7 {21.05.60}
«ตอบ #105 เมื่อ21-05-2017 17:07:02 »

 :mew3: :mew3: :mew3:

ออฟไลน์ route rover

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2428
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +221/-7
Re: ◆_Likeกัน_◇ ตอนที่ 7 {21.05.60}
«ตอบ #106 เมื่อ21-05-2017 17:20:30 »

แหม่ น้องกอด ตั๋วหนังฟรีสองใบ

ออฟไลน์ 205arr

  • เราคงอยู่ไกลกันเป็นพันหมื่นลี้
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 748
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1
Re: ◆_Likeกัน_◇ ตอนที่ 7 {21.05.60}
«ตอบ #107 เมื่อ21-05-2017 18:34:25 »

จะจีบกันต้องพร้อมเปย์ใช่มั้ยน้องกอด

ออฟไลน์ utamon

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 706
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-2
Re: ◆_Likeกัน_◇ ตอนที่ 7 {21.05.60}
«ตอบ #108 เมื่อ21-05-2017 19:09:09 »

น้องกอดขี้เปย์อีกแล้ว  :hao3:

ออฟไลน์ rikulism♡

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 26
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: ◆_Likeกัน_◇ ตอนที่ 7 {21.05.60}
«ตอบ #109 เมื่อ22-05-2017 00:52:27 »

ง่าากอดน่ารักจังเลยย อยากจับมาบีบแก้ม-/- ส่วนอิพี่ก็หยอดเก่งงง :impress2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ◆_Likeกัน_◇ ตอนที่ 7 {21.05.60}
« ตอบ #109 เมื่อ: 22-05-2017 00:52:27 »





ออฟไลน์ maemix

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-3
Re: ◆_Likeกัน_◇ ตอนที่ 7 {21.05.60}
«ตอบ #110 เมื่อ22-05-2017 09:37:25 »

สายหยอด สายเปย์ ก็มา

ออฟไลน์ Viewonohm

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 844
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-5
Re: ◆_Likeกัน_◇ ตอนที่ 7 {21.05.60}
«ตอบ #111 เมื่อ22-05-2017 14:21:34 »

น่ารักมากเลยย  :ling1:

ออฟไลน์ poppycake

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2670
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-4
Re: ◆_Likeกัน_◇ ตอนที่ 7 {21.05.60}
«ตอบ #112 เมื่อ24-05-2017 08:32:01 »

สายเปย์ตัวจริง 555555555

ออฟไลน์ twenty8

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 285
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
Re: ◆_Likeกัน_◇ ตอนที่ 7 {21.05.60}
«ตอบ #113 เมื่อ26-05-2017 11:06:43 »

ฮือออ เนื้อเรื่องน่ารักมากกกก
อยากอ่านฝั่งพี่กันเป็นคนบรรยายบ้างเลยค่ะ
ฮือ ฟินมาก

ออฟไลน์ flimflam

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 881
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-4
Re: ◆_Likeกัน_◇ ตอนที่ 7 {21.05.60}
«ตอบ #114 เมื่อ26-05-2017 19:32:49 »

สายเปย์ยกให้น้องกอดเลยค่ะ

ออฟไลน์ Toon_TK

  • เ ด็ ก อ้ ว น
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 742
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
Re: ◆_Likeกัน_◇ ตอนที่ 7 {21.05.60}
«ตอบ #115 เมื่อ27-05-2017 15:20:24 »

น่ารักมากกกกก

ออฟไลน์ wichta

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 44
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: ◆_Likeกัน_◇ ตอนที่ 7 {21.05.60}
«ตอบ #116 เมื่อ29-05-2017 13:45:49 »

 :o8: มีความเขินอายยยยยยย รักกัน กอดกัน ห่วงกัน

ออฟไลน์ Ball

  • He exists now only in my memory.
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 870
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +239/-0
Re: ◆_Likeกัน_◇ ตอนที่ 7 {21.05.60}
«ตอบ #117 เมื่อ02-06-2017 22:38:52 »

เป็นนิยายที่น่ารักมากกกกกกกกกก
ทุกตอนที่อ่านมา ทำเราหน้าบานยิ้มไม่หุบ
มันดีต่อใจ มันเขิน มันฟินสุดดดดด
ชอบน้องกอด ชอบพี่กัน ชอบเวลาทั้งคู่อยู่ด้วยกันมากเลย
รักน้องกอด เป็นเด็กที่น่ารักมากๆ พี่กันดูท่าไม่รอดมือน้องแหงๆ
หรือว่าน้องจะไม่รอดมือพี่กันหว่า 555
สายเปย์ที่แท้จริงตอนนี้น้องกอดมาวินเลยค่ะ ตลกดี

ขอบคุณสำหรับนิยายน่ารักๆนะคะ มันดีต่อใจมากจริงๆ
ยังไงจะเป็นกำลังใจให้และรอติดตามค่ะ

ออฟไลน์ leenanhyun

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 66
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +102/-2
Re: ◆_Likeกัน_◇ ตอนที่ 8 {03.06.60}
«ตอบ #118 เมื่อ03-06-2017 13:37:46 »

Chapter 8
แฮปปี้คนเลี้ยงหมู


            กอด

            พรุ่งนี้เอาชีทอิ้งสองมาให้ด้วยนะ


            การแจ้งเตือนของไลน์เด้งขึ้นบนหน้าจอขณะที่ผมกำลังซื้อไอศกรีมอยู่ภายในห้างสรรพสินค้า มือข้างหนึ่งรับไอศกรีมชาไทยสีส้มมาไว้ในมือ มืออีกข้างก็กดแป้นพิมพ์บนโทรศัพท์อย่างคล่องแคล่ว

            *โอเค

            แล้วพรุ่งนี้มีติวเลขที่ชมรมหมออยากติว

            ต้องมา ถ้าไม่มาโดนดีแน่


            กดส่งสติ๊กเกอร์มีเสียงแทนคำตอบไป

            *Sir yes sir

            แล้วช่วงนี้หายไปไหน ไม่เจอเลย       

            *พรุ่งนี้ก็ได้เจอแล้ว

            *เดี๋ยวซื้อขนมไปฝาก

            รสชาติไม่หวานจัดบวกกับความเย็นของไอศกรีมชาไทยที่แตะลงบนริมฝีปากทำให้รู้สึกสดชื่น

            ห้างสรรพสินค้าตอนบ่ายๆในวันหยุดมีผู้คนพลุกพล่าน มองไปทางซ้ายก็ครอบครัวใหญ่ มีทั้งอากง อาม่า ลูกๆ หลานๆ มองไปทางขวาก็ครอบครัวเล็กๆ มีครบทั้งพ่อแม่ลูก ทุกคนต่างยิ้มแย้มแจ่มใสเวลาได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน บ้างก็นัดกันมากินข้าว บ้างก็นัดกันมาพบปะหลังจากที่ไม่ได้เจอกันนาน

            ส่วนผม มีจุดมุ่งหมายคือเคาน์เตอร์ขายตั๋วหนัง

            “สองที่ครับ”

            “กรุณาเลือกที่นั่งเลยค่ะ”

            สายตาของผมเลือกที่นั่งบนหน้าจอคอมพิวเตอร์อย่างใส่ใจ พยายามสรรหาที่นั่งที่ดีที่สุด พี่กันเป็นคนตัวสูง ถ้าเขานั่งตรงกลางหัวจะไปบังคนอื่นไหมนะ ขายาวๆจะนั่งแล้วอึดอัดไหม แล้วถ้าเขานั่งริมเกินไป จะรู้สึกปวดหัวหรือเปล่า

            อืม…

            ผมอาจจะคิดมากไป ตัดสินใจเลยแล้วกัน

            “อีสี่กับอีห้าครับ”

            “ค่ะ แถวอีนะคะ โรงภาพยนตร์หมายเลขสามอยู่ทางขวามือค่ะ”

            “ขอบคุณครับ”

            ตั๋วภาพยนตร์สองใบมาอยู่ในมือผมพร้อมกับเงินเกือบสี่ร้อยบาทที่ปลิวออกจากกระเป๋าไป

            อ่า ไอ้เรื่องได้ตั๋วฟรีนี่ผมโกหกทั้งเพ ไม่ต่างอะไรกับโกหกเรื่องถูกหวยนั่นแหละ แค่อยากจะขอโทษที่เมื่อวานไปเจอเขาช้า ก็เลยหาเรื่องเสียเงินและดูหนังที่อยากดูมานานไปพร้อมๆกับเขาเลย

            บัตรใบแข็งสีขาว มีตัวพิมพ์ภาษาอังกฤษและตัวเลขระบุชัดเจน ภาพยนตร์จะฉายในเวลาบ่ายโมงครึ่ง ซึ่งตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงตรง

            มาก่อนเวลาจนติดนิสัยไปแล้ว

            ผมนัดเจอกับพี่กันตอนบ่ายโมงหน้าร้านทุกอย่างหกสิบบาท เลยถือโอกาสใช้เวลารอเข้าไปสำรวจดูในร้านว่ามีของอะไรน่าสนใจบ้าง

            แค่เดินเข้ามา บรรยากาศแบบคนญี่ปุ่น รวมทั้งเพลงญี่ปุ่น ก็บิ้วซะเหมือนกำลังเดินซื้อของอยู่ที่ญี่ปุ่น ของแต่ละชิ้นหกสิบบาทก็จริง ตอนแรกก็คิดว่ามันถูก แต่พอหยิบไปหยิบมาก็กลายเป็นสามสี่ร้อยไปซะได้

            ตั้งใจแหละว่าจะไม่ซื้อ จะไม่แตะต้องอะไรทั้งนั้น

            เดินไปเดินมาอยู่สักพัก ทำไมของเต็มมือไปหมดล่ะเนี่ย

            “ถ้าจะซื้อเยอะขนาดนี้ ขอซื้อร้านเขาไปเลยดิ”

            น้ำเสียงโมโนโทนที่จำได้แม่นดังขึ้นจากทางด้านหลัง หันไปมองก็เจอคนตัวสูงยืนซ้อนอยู่ พี่กันถึงกับต้องก้มหน้ามองลงมาเวลายืนอยู่ใกล้ผม ไม่รู้ว่าเพราะเขาสูงมากเกินไปหรือผมเตี้ย แต่น่าจะเป็นอย่างแรกมากกว่า

            พอเห็นเหนียงน้อยๆใต้คอของเขาแล้ว ก็ดันเผลอหัวเราะออกมา

            “อันนี้หมอนรองคอเหรอ” ชี้ไปที่ถุงกักเก็บไขมันใต้คางของเขา คนตัวสูงรีบดันมือผมไปไกลตัว

            “เดี๋ยวๆ เดี๋ยวมึงจะโดน”

            อิโถ่

            ว่าคนอื่นเขาพกห่วงยาง ตัวเองก็พกหมอนรองคอเหมือนกันนั่นแหละ

            “ซื้ออะไรเยอะแยะ” ถึงจะบ่นแต่ก็ชะโงกหน้ามาดูว่าผมซื้ออะไรอย่างสนอกสนใจ

            “ยางลบ” ยางลบสารพัดรูปแบบ ทั้งรูปสัตว์ รูปขนมเต็มมือไปหมด

            ผมชอบสะสมยางลบเอามากๆ ไม่รู้ว่าเป็นโรคอะไร ถ้าเจอยางลบรูปแบบใหม่ๆ ก็จะซื้อเก็บเอาไว้ทั้งๆที่ไม่ได้ใช้มันลบอะไร แต่สะสมเพราะความน่ารักและความแปลกของมันมากกว่า

            “ยางลบเนี่ยนะ”

            “อือ”

            “ก็รู้ว่าหิว”

            “หือ”

            “แต่ถึงกับแดกยางลบเลยเหรอ”

            ยกเท้าจะเตะเขา คนตัวสูงรีบกระโดดหลบไปอีกทาง

            สายตาของผมเลื่อนไปเห็นผ้าพันแผลที่พันเป็นมัมมี่อยู่ที่มือด้านซ้ายของพี่กัน ผมรีบถามด้วยความเป็นห่วง

            “มือหายเจ็บยังอ่ะ”

            “ยัง”

            “เหรอ”

            อยากจะลูบมือเขาเบาๆแล้วให้พรว่าหายเจ็บไวๆนะ แต่สุดท้ายก็ทำได้แค่ยืนมองมือของเขาเงียบๆแล้วขอพรให้เขาในใจว่า

            หายเจ็บไวๆนะ

            ผมเป็นห่วง

            “ซื้อเสร็จยัง แล้วหนังฉายกี่โมง”

            พยักหน้าตอบคำถามพลางเดินไปจ่ายเงิน ชูตั๋วหนังให้เขาดูว่าอีกไม่นานก็เข้าโรงหนังแล้ว พอรู้ว่าจะได้ดูหนังด้วยกันแล้ว ก็ตื่นเต้นขึ้นมา

            อีกหนึ่งอย่างที่อยากทำด้วยกันกับเขา

            จะติ๊กถูกตัวโตๆไว้หน้าลิสต์เลย

            “อยากกินป๊อปคอร์นมั้ย” พอเดินมาหยุดด้านหน้าที่ขายป๊อปคอร์น พี่กันก็ถามขึ้น

            ป๊อปคอร์นสามรสนอนเรียงกันเป็นสีขาวนวลอยู่ในตู้ ถามว่าอยากกินมั้ย สามารถตอบแบบไม่ต้องลังเลเลยว่า อยากกินมากๆ อยากลงไปแหวกว่ายในทะเลป๊อปคอร์น แต่เพิ่งซื้อตั๋วหนังไปเมื่อกี้

            “ไม่เอาดีกว่า”

            “โกหกกูอีกละ”

            “ใช่ผมโกหก แต่ไม่อยากกินอ่ะ มันแพง” พูดด้วยเสียงอ่อยๆ พยายามจะลากใครอีกคนเข้าไปในโรงภาพยนตร์ไวๆ จะได้ไม่ต้องมีของกินมาล่อตาล่อใจให้เสียเงินอีก

            “ที่กูถามเนี่ย คือกูจะซื้อ”

            เงยหน้ามองเขา

            “ถ้างั้นผมซื้อเอง”

            “มึงเป็นป๋าเหรอตัวนิ่ม”

            เปล่า แต่ผมกำลังตามจีบเขาอยู่ ดังนั้นผมต้องเป็นฝ่ายเลี้ยงเขา

            “ผมถูกหวย”

            “ตอแหล บอกมาอยากกินรสไร จะไปซื้อ”

            “ชีส”

            “เออ ว่าง่ายแบบนี้สิเด็กดี” พูดจบก็ขยี้หัวผมแล้วเดินดุ่มๆไปซื้อป๊อปคอร์นอย่างอารมณ์ดี ทิ้งให้ไอ้เด็กดีที่เขาเรียกเมื่อกี้ยืนหน้าร้อนใจเต้นรัวเป็นบ้าเป็นบออยู่ลำพัง

            ไม่นานนักป๊อปคอร์นรสชีสในถังขนาดใหญ่ก็มาอยู่ตรงหน้าผม พร้อมกับน้ำอัดลมแก้วใหญ่ พี่กันเอาแขนหนีบถังป๊อปคอร์นไว้กับตัวเพราะมือข้างซ้ายเจ็บอยู่ มือขวาถือแก้วน้ำแบบทุลักทุเล พอเห็นท่าเก้ๆกังๆนั่นแล้วก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ เลยยื่นมือไปช่วยเขาถือแก้วน้ำอัดลมด้วยความเป็นห่วง

            แก้วใหญ่มาก ใหญ่กว่าหัวผมอีกมั้ง

            “นี่ซื้อมากินหรือซื้อมาเลี้ยงหมูอ่ะ”

            “ซื้อมาเลี้ยงมึงไง”

            “ผมไม่ใช่หมู”

            “ใช่ มึงเป็นหมดเลย ทั้งหมู ตัวนิ่ม ตัวขี้เหงา ตัวขี้หิว”

            “มีอีกมะ”

            “มี”

            “อะไรล่ะ”

            “ตัวน่ากอดไง”

            ริมฝีปากเม้มเข้าหากันแน่น อยากจะยืนเผชิญหน้าเขาให้นานกว่านี้ แต่ความร้อนบนใบหน้าสั่งให้ผมต้องรีบหาที่ซ่อน ซึ่งนั่นก็คือการตรงดิ่งไปที่โรงหนังหมายเลขสาม

            ภายในโรงภาพยนตร์ขนาดกลาง ผู้คนไม่มากเท่าไร ผมนั่งลงที่เก้าอี้อีห้า ส่วนพี่กันนั่งลงข้างๆที่เก้าอี้อีสี่ ไฟในโรงหนังยังเปิดอยู่เพื่อรอให้ผู้ชมค่อยๆทยอยเข้ามา

            “ไหนดูตั๋วหน่อย”

            ยื่นตั๋วสองใบติดกันให้คนข้างๆดู คนตัวสูงดูมันอย่างสนอกสนใจ

            “เรื่องไรวะ หนังญี่ปุ่นเหรอ จะดูรู้เรื่องมั้ยเนี่ย”

            “สนุกนะ ผมเคยอ่านหนังสืออยู่”

            “แล้วคำนี้มันแปลว่าไร”

            นิ้วเรียวๆของพี่กันจิ้มไปที่ตัวอักษรคำว่า ‘Date’

            เดทก็คือการออกเดท ออกเดทก็คือการที่คนสองคนซึ่งมีใจให้กัน มาพบกัน ทำความรู้จักกันให้มากขึ้น โดยการไปกินข้าว ดูหนัง ไปเที่ยวตามสถานที่ต่างๆที่อยากไป

            เขาไม่รู้หรอกเหรอ?

            “อะไรดาดๆ”

            ห๊ะ

            ผมมองคนตัวสูงแล้วกระพริบตาปริบๆ พี่กันเองก็มองกลับมา ตอนแรกก็นึกว่าเขาแกล้งไม่รู้ แต่ไอ้สีหน้าบ้องแบ๊วที่ส่งมานั้น บ่งบอกชัดเจนว่าเขาไม่รู้จริงๆ

            “ดาดอะไร มันอ่านว่าเดท”

            “เดท” เขาทวนคำอยู่เงียบๆ

            “แล้วเดทแปลว่าไรวะ”

            แป่ว

            “เดี๋ยวดูหนังพี่ก็รู้เองอ่ะ”

            ไฟเริ่มดับลงทีละดวงสองดวง จนกระทั่งมืดไปทั่วบริเวณ ตัวอย่างภาพยนตร์หลายๆเรื่องฉายไปเรื่อยๆก่อนตัวหนังจะเริ่ม ถึงหนังจะน่าสนใจ แต่คนที่น่าสนใจกว่า…

            น่าจะเป็นคนข้างๆ

            พี่กันดูมีความสุขกับการกินป๊อปคอร์นถังใหญ่ ตอนแรกก็คิดว่าจะกินหมดมั้ย แต่ดูจากการกินไม่หยุดปากแล้ว ผมว่าอาจจะหมดก่อนครึ่งเรื่องอ่ะ

            ภาพยนตร์โทนสีอบอุ่นเหมือนกับแสงแดดอ่อนๆยามเช้า ที่ผมชอบเรื่องนี้เพราะผมอ่านหนังสือมาซ้ำแล้วซ้ำเล่าแต่ไม่มีโอกาสได้มาดูตัวหนังที่ใช้คนแสดง ถึงแม้จะเป็นภาษาญี่ปุ่นบรรยายไทย แต่ผมก็ชอบที่จะได้ฟังโทนเสียงและน้ำเสียงของบุคคลในเรื่อง

            ฉากแรกเป็นฉากบนรถไฟ ที่พระเอกพบนางเอกครั้งแรกแล้วก็ตกหลุมรักเธอครั้งแรก เขามีความคิดอยู่เต็มหัวคิดที่จะสารภาพรักกับเธอ ไม่ต่างอะไรจากผมที่คิดว่าถ้าปล่อยพี่กันไปวันนั้น เขาก็คงไม่ได้มานั่งดูหนังอยู่ข้างๆผมในวันนี้

            สุดท้ายพระเอกก็ใช้ความกล้าของตัวเอง เดินตามนางเอกลงจากรถไฟ แล้วสารภาพว่าเขาชอบเธอ เพียงแค่แวบแรกที่เห็น

            ฉากนั้นเป็นฉากที่ตราตรึงใจ ในหนังสืออธิบายไว้ได้อย่างดี หากแต่พอมาดูตัวหนังแล้ว ยิ่งเห็นภาพชัดเจนว่ามันอึดอัดขนาดไหนเมื่อเราอยากจะสารภาพรักกับใครสักคน

            ยิ่งเขาเป็นคนแปลกหน้าด้วยแล้ว มันยิ่งยาก

            หันไปมองหน้าพี่กัน เขามองผมอยู่ก่อนแล้ว คิ้วเข้มๆขมวดเข้าหากันเหมือนประหลาดใจที่เรื่องราวในหนังมันคลับคล้ายคลับคลาเหมือนกับเรื่องราวของเราสองคน

            ผมยิ้มจางๆให้เขา

            เขาจะรู้หรือเปล่านะ ว่าผมใช้ความกล้ามากขนาดไหน ในการทักทายเขาครั้งนั้น

            ทั้งๆที่ผมไม่เคยเล่นหวยเลยสักครั้งในชีวิต

            ภาพยนตร์ดำเนินไปเรื่อยๆจนกระทั่งจบลง มีหลายอารมณ์และความรู้สึกวนเวียนอยู่ในอกผม มันอธิบายไม่ถูก เป็นภาพยนตร์ที่ดีจนคิดว่า ไม่น่าจะจบลงเลย

            ไฟในโรงหนังถูกเปิดขึ้น สว่างจนสามารถเห็นใบหน้าคนข้างๆได้ชัดเจน ป๊อปคอร์นหมดถังตามที่คิด ทั้งๆที่ผมกินไปเพียงแค่ห้าหกคำเพราะกำลังอินกับหนัง พี่กันค่อยๆลุกขึ้นยืน บิดขี้เกียจเล็กน้อย

            เราสองคนรอให้ฝูงชนกลุ่มใหญ่เดินออกไปจากโรงหนังจนหมดถึงค่อยเดินตามออกไป คนตัวสูงไม่ได้พูดอะไร เขาเงียบจนทำให้ผมเริ่มจะคิดมากว่าเขาชอบตัวหนังหรือเปล่านะ หรือมีเพียงผมคนเดียวที่ชอบและอยากจะดูซ้ำๆอีกหลายๆรอบ

            เมื่อก่อนตัวผมเคยคิดว่าการตกหลุมรักเพียงแค่สบตามันเป็นเรื่องไร้สาระ แต่พอได้มาเจอของจริง ก็เลยคิดอยากจะขอโทษที่เคยคิดแบบนั้นไป

            การตกหลุมรักเพียงแค่สบตาหรือ love at first sight

            มันเป็นอะไรที่ห้ามไม่ได้เลยจริงๆ

            “กินไรมะ”

            เขาพูดพลางดูดน้ำอัดลมในมือ เอ๊ะ เมื่อกี้เขาเพิ่งกินป๊อปคอร์นถังใหญ่เท่าหัวหมูไปนะ

            แต่จะว่าไปก็แอบหิวหน่อยๆ นาฬิกาบอกเวลาเกือบจะหกโมงเย็น ได้เวลากินข้าวเย็นพอดี

            “ชาบูมะ” พี่กันเสนอ

            ตอบตกลงแบบไม่ต้องสงสัย

            “เอา”

            “บิงซูอ่ะ”

            “เอา”

            “ปิ้งย่าง…”

            “เอา”

            “เอ้อ สงสัยกูได้เปิดฟาร์มหมู”

            ผมยกมือขึ้นผลักไหล่เขา

            ไอ้พี่บ้า คนชวนกินก็เขาไม่ใช่หรือไง

            ระหว่างที่เราสองคนกำลังเดินหาร้านอาหาร ผมก็เอ่ยปากถามคนตัวสูงเรื่องหนังที่เราดูไปเมื่อกี้

            “หนังสนุกป่ะ”

            “อือ สนุก”

            ได้ยินเขาตอบแบบนั้นก็ยิ่งต้องฝืนยิ้มเอาไว้

            อย่างน้อยเขาก็ไม่ตอบว่ามันน่าเบื่อล่ะนะ พี่กันเองก็ไม่ได้หลับระหว่างดูหนังด้วย

            สุดยอดไปเลยเว้ยย

            “ขอตั๋วหนังครึ่งนึงดิ”

            “จะเอาเหรอ”

            เขาพยักหน้าเป็นการตอบคำถาม ผมหยิบตั๋วหนังออกจากกระเป๋ากางเกง แล้วฉีกที่นั่งที่เขานั่งยื่นให้เจ้าตัว พี่กันชะโงกหน้ามาดู พลางส่ายหัวเบาๆ

            “กูขออีกอัน”

            หือ

            มีเลือกด้วยแฮะ

            “อ่ะ” ผมยื่นตั๋วเลขที่นั่งของผมให้กับเขา

            ตอนแรกก็อยากจะเก็บไว้สองใบนั่นแหละ แต่ถ่ายรูปเก็บไว้ก่อนหน้านั้นแล้ว เป็นความทรงจำที่ดีที่ได้ดูหนังกับเขาครั้งแรก ผมจะจดจำมันไว้ให้แม่นๆเลย

            คนตัวสูงมองตั๋วหนังเงียบๆพลางหยุดเดิน ผมเลยหยุดยืนข้างๆเขา

            “กูไม่รู้จริงๆว่าเดทแปลว่าอะไร”

            ก็ไม่ได้ว่าซะหน่อย

            ออกจะน่ารักซะด้วยซ้ำ น้อยคนล่ะนะที่จะไม่รู้จักคำนี้ โดยเฉพาะวัยรุ่นอย่างเราๆแล้ว

            “แต่พอดูหนังแล้ว”

            แล้ว…

            “ก็น่ารักดี”

            ผมรีบหันหลังให้พี่กันแล้วเอาหลังมือมาบังใบหน้าครึ่งล่างของตัวเอง มันเป็นความรู้สึกเอ่อล้นขึ้นมาเหมือนการเทน้ำเต็มแก้ว น้ำตาผมคลออยู่ที่เบ้าตา

            ทำไมเขาถึงทำแบบนี้กับผม

            ทำไมเขาถึงทำให้ผมตกหลุมรักเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า

            คนใจร้าย คนใจบาป

            แล้วแบบนี้ผมจะทำยังไง …

            ผมเลิกชอบพี่ไม่ได้เลย

            “กอด”

            “หือ” ส่งเสียงอู้อี้ตอบกลับไป คนตัวสูงแตะไหล่ผมเบาๆ ผมสะดุ้งนิดๆ

            เราสองคนเงียบกันอยู่สักพัก จู่ๆพี่กันก็โพล่งขึ้นมา

            “ตั๋วหนังอ่ะ วันหลังไม่ต้องเลี้ยงกู”

            เขารู้…

            “ชานมด้วย”

            “ก็ผมอยากเลี้ยง”

            “มึงอย่าคิดว่าใจกูซื้อได้ด้วยเงิน”

            คำพูดของเขาทำให้ใจผมแกว่งเล็กน้อย กลืนน้ำลายด้วยความยากลำบาก แต่ก็เข้าใจดี ที่ผ่านมาผมพยายามซื้อใจพี่กันด้วยการใช้เงินซื้อของให้เขา เขาคงไม่ชอบแน่ๆ

            “ไม่ชอบเหรอ” น้ำเสียงสั่นๆดังแผ่วออกไป

            ไม่รู้ว่าตอนนี้เขาทำหน้าแบบไหน จะโกรธผมหรือเปล่า โมโหหรือเปล่าที่ผมโกหก

            “ชอบ”

            อ้าว

            “แล้วทำมะ…”

            แก้วน้ำอัดลมที่คนตัวสูงนั่งดูดมาตลอดทั้งเรื่องถูกยื่นมาตรงหน้าผม ปลายหลอดสีแดงสัมผัสลงบนริมฝีปากของผม พี่กันบังคับให้ผมถือแก้วนั้นไว้ เลยถือวิสาสะดูดน้ำหวานๆซ่าๆในแก้วเข้าปากเพราะตอนนี้คอแห้งเหลือเกิน

            “อย่าลืมว่ากูติดเงินมึงอยู่”

            “แต่ผมเลี้ยงพี่ไม่ต้องคืนก็ได้นี่”

            “กูไม่ชอบติดเงินใคร ถ้าเลี้ยงเยอะ ก็ยิ่งติดเยอะ”

            “แต่ว่า…”

            “ถ้าติดเยอะ ก็ไม่คบซะที

            กระพริบตาปริบๆมองเขา ใจสั่นหวิวเหมือนจะเป็นไข้

            นัยน์ตาสวยๆของคนตัวสูงมองนิ่งๆมาที่ผม ริมฝีปากของเขาคลี่ยิ้มออกมาเล็กน้อย ไม่รู้ว่ายิ้มอะไร แต่จู่ๆก็ดึงแก้วน้ำอัดลมที่ผมถืออยู่กลับไปดูดอย่างหน้าตาเฉย พอดูดจนพอใจก็โยนทิ้งลงถังขยะ

            “กินข้าวมั้ย ยืนเด๋ออยู่ได้”

            “กิน”

            ผมกัดริมฝีปากของตัวเองเบาๆเพื่อกลั้นรอยยิ้มที่แทบจะห้ามเอาไว้ไม่ได้

            พี่กันหยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋ากางเกงของตัวเอง ยกมันขึ้นแนบหูอยู่สักพัก ผมแอบมองเขานิดหน่อย เพื่อนโทรมาเหรอ

            “เออ ดูหนังว่ะ”

            “สนุกดี”

            “หมูมันโง่ วางน้ำให้ก็ไม่กินซักที”

            บทสนทนาเรื่องหมูทำให้ผมถึงกับขมวดคิ้ว

            เขาเล่นเกมเลี้ยงหมูหรือไง หรือว่าเปิดฟาร์มหมู

            “ก็เลยต้องยัดเยียดให้มันกิน”

            “อย่างที่คิด หวานมาก”

            แล้วไอ้หวานมากที่เขาพูดถึงเนี่ย อะไรกัน?

            เนื้อหมูเหรอ...





// ไม่ใช่เนื้อหมูหรอกน้องกอด อาจจะเป็นปากหมูก็ได้ใครจะรู้ ง้อววววว
ขอบคุณที่เอ็นดูกอดกันนะคะ รักกันชอบกันขอให้กอดกันน๊า
Facebook : Jiwinil Twitter : jiwinil_




ออฟไลน์ 205arr

  • เราคงอยู่ไกลกันเป็นพันหมื่นลี้
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 748
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1
Re: ◆_Likeกัน_◇ ตอนที่ 8 {03.06.60}
«ตอบ #119 เมื่อ03-06-2017 13:57:58 »

แล้วเมื่อไหร่จะได้คบกันนะ
ครุ่นคิด :katai5:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด