<<ลมหายใจแห่งผืนทราย>>
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>>  (อ่าน 151280 ครั้ง)

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7697
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
แหม เรียกที่รักเลยนะ

ออฟไลน์ PAtxxkMxxn

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 94
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-1

ออฟไลน์ แฟนตาเซีย

  • หืมม...?
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 557
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
อยากให้วิกเตอร์เคะ แต่หมั่นไส้คาลีล ให้นางเคะละกัน :hao6:

ออฟไลน์ เป็ดอนุบาล

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1405
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
มีบอกรักกันแล้วตอนหน้าจะยังไงต่อนะแต่อันบาสหล่อมากตอนนี้555 :mew1: :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ SaJung13

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-1
เขินแทนกวิน หยอดตลอดดดด

ออฟไลน์ Kei

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
อ๊ายยยมาต่ออีกเร็วๆน้า

ออฟไลน์ PaTtO

  • อาซามิซามะ.. ทาคาบะ4ever
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1638
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-3
ฮาบิบี เจ้าชายจอมเลี่ยน5555

ออฟไลน์ Belove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +703/-2
    • ฺBelove


                                                                      ลมหายใจแห่งผืนทราย


                                                                                บทที่ 14




                แยกกับแอนนิสหลังจากที่สรุปข่าวและส่งไปให้สำนักข่าวเรียบร้อยแล้ววิกเตอร์จึงเดินทางมายังสถานทูตอังกฤษที่สมิธและ

รำไพพรรณพักอยู่ที่นี่ เขาเป็นห่วงความรู้สึกของทั้งสองคนเมื่อทั้งคู่กังวลกับความปลอดภัยของกวินท์ แต่เมื่อมาถึงวิกเตอร์ก็พบว่ามีใคร

บางคนนั่งพูดคุยกับบิดามารดาของกวินท์อยู่ก่อนแล้ว


                “อ้าว วิกเตอร์”


                รำไพพรรณเอ่ยทักขึ้นมา ทำให้บุรุษที่อยู่ในชุดสูทเรียบหรูหากแต่พันศีรษะด้วยผืนผ้าสีขาวและมีเชือกถักสีดำคาดทับผ้า

คลุมศีรษะไว้หันมามองเขา วิกเตอร์แปลกใจเมื่อเห็นว่าอาคันตุกะของสามีภรรยาแอนเดอร์สันคือคาลีล เลขานุการของกษัตริย์ราชิด

            ดวงตาของคาลีลปราศจากอารมณ์ใดแสดงออกให้เห็นราวกับเป็นหุ่นยนต์ไร้ความรู้สึก วิกเตอร์รู้สึกไม่ถูกชะตาเลยสักนิด เขา

มองคาลีลอย่างไม่ไว้ใจพลางเหยียดยิ้มขณะก้าวไปนั่งบนเก้าอี้ว่างตัวหนึ่งของชุดรับแขกในบ้านพักของเจ้าหน้าที่สถานทูต


               “ไม่นึกว่าจะพบคนใหญ่คนโตที่นี่ งานคุณยุ่งมากไม่ใช่หรือมิสเตอร์มาอัซ แล้วทำไมสละเวลาอันมีค่าของคุณมาได้ล่ะ”


                ดวงตาคมของชายชาวอาหรับตวัดใส่เขาแวบหนึ่งถึงความไม่ชอบใจนัก แต่เมื่อหันกลับไปเจรจากับคู่สามีภรรยาตรงหน้าเขา

กลับคลี่ยิ้มและเอ่ยอย่างมีมารยาทที่ฝึกฝนมาอย่างดี


                 “ผมขอรับรองความปลอดภัยของคุณกวินท์ด้วยเกียรติของผมครับท่าน บุตรชายของท่านทั้งสองจะต้องกลับมาโดยไม่ได้

รับบาดเจ็บ”


                 “รู้จักพวกโจรพวกนั้นหรือไงถึงได้รับรองขนาดนี้ได้”


                 “วิกเตอร์”


                 สมิธปรามเพื่อนสนิทของบุตรชายด้วยสายตาเพราะรู้ดีว่าวิกเตอร์ไม่ค่อยระวังคำพูดนักและยังเป็นชายหนุ่มเลือดร้อนอีกด้วย


                “ขอบคุณมากที่มาให้กำลังใจครับ”


                 ผู้อาวุโสหันไปกล่าวตอบแม้จะยังมีความกังวลแต่สมิธก็ยังรักษากิริยาได้เป็นอย่างดี


               “ขอให้เป็นอย่างที่คุณพูดเมื่อสักครู่นี้  ผมหวังให้โจรเหล่านั้นคืนกวินท์กลับมาด้วยร่างกายที่ยังมีชีวิต”


                 คาลีลค้อมศีรษะ สีหน้าของเขาจริงจังกว่าเคย


                “อัลลอฮทราบดีว่าใครที่ควรจะมีลมหายใจต่อบนโลกใบนี้ ได้โปรดเชื่อมั่นเถอะครับ”


                เขาลุกขึ้นยืนเมื่อเห็นว่ามาเยือนเป็นเวลาพอสมควรแล้ว


                “ผมรบกวนเพียงเท่านี้”


                 สมิธและรำไพพรรณลุกขึ้นยืนตาม คาลีลยื่นมือจับอำลาก่อนที่เขาจะหมุนกายแล้วเดินออกไปโดยไม่สนใจวิกเตอร์ที่เบ้ปาก

ตามหลัง


                 “หมั่นไส้ว่ะ”


                “วิกเตอร์ ทำไมถึงจงเกลียดจงชังเขานักนะ มิสเตอร์มาอัซเขาก็น่ารักดี”


                รำไพพรรณส่ายหน้าเมื่อเห็นท่าทางของวิกเตอร์ เจ้าตัวถึงกับกลอกตาขึ้นบนเมื่อฟังคำชมของรำไพพรรณ


               “น้ำหน้าอย่างนี้คุณแม่เรียกว่าน่ารักหรือครับ คุณแม่เห็นเวลามันทำคอแข็งใส่ผมไหม แล้วเวลาปรายตามองผมอีกล่ะ แม่ง

โคตรหยิ่งยโสเลยไอ้หมอนี่”


                  อยู่ ๆ วิกเตอร์ก็นึกอยากลองดี เขาเดาะลิ้นก่อนจะลุกจากเก้าอี้แล้วเดินจ้ำอ้าวตามแผ่นหลังจนไปถึงรถยนต์ของคาลีลที่

จอดอยู่ด้านหน้าสถานทูต คาลีลก้าวขึ้นไปนั่งตำแหน่งคนขับแล้ววิกเตอร์จึงปรี่เข้าไปเปิดประตูฝั่งตรงข้ามและก้าวไปนั่งพร้อมปิดประตู

ทันที


                คาลีลหันมามองด้วยใบหน้าเฉยเมย มีเพียงคิ้วเข้มที่เรียงตัวสวยขมวดเข้าหากันเล็กน้อยแค่นั้นที่พอจะดูออกว่าเขาไม่

ชอบใจการกระทำของอีกฝ่ายนัก


                  “ไปส่งผมที่โรงแรมหน่อยสิ”


                  “รถของผมไม่ใช่รถรับจ้าง”


                 เสียงนั้นกระด้างกว่าเคย วิกเตอร์ยักไหล่แล้วกล่าวต่ออย่างไม่สนใจความขุ่นเคืองของคาลีล


                 “ไหนคุณบอกว่าจะดูแลพวกเราเป็นอย่างดี แค่นี้ก็ทำไม่ได้งั้นเหรอ พูดไม่จริงนี่หว่า”


                  คาลีลพยายามเก็บความโกรธไว้ เขาสะบัดหน้ากลับไปยังเบื้องหน้าและขับรถออกไป วิกเตอร์ยิ้มสมใจที่ได้แหย่ให้หุ่นยนต์

อย่างคาลีลแสดงอารมณ์ออกมาได้


                “นี่คุณ ผมหิวแล้ว พาผมไปหาของกินอร่อยๆหน่อยสิ”


                 “ผมว่าคุณกำลังล้ำเส้น”


                คาลีลเอ่ยเสียงแข็ง ใบหน้าของเขายังมองตรงไปเบื้องหน้า วิกเตอร์เหลียวไปมองด้านข้างของเขาก่อนจะยั่วให้คาลีลยิ่ง

อารมณ์เสีย


                 “อ้าว ผมนี่เป็นแขกบ้านแขกเมืองนะคุณ กษัตริย์ของคุณเชิญมาทำข่าวสำคัญ อย่าลืมสิ”


                เจ้าของรถยนต์ที่ขับมาอาจจะตอบโต้มากกว่านี้ หากว่าเสียงโทรศัพท์มือถือจะไม่ดังขึ้นเสียก่อน คาลีลคว้ามันมารับสายด้วย

สีหน้าเคร่งเครียด วิกเตอร์นิ่งฟังเสียงเจรจาเป็นภาษาที่เขาฟังไม่ออกอย่างสนใจ คาลีลพูดคุยอยู่นานพร้อมกับขับรถไปด้วย จนกระทั่ง

เขาวางสายรถยนต์ที่คาลีลขับมาก็ใกล้ถึงเขตการค้าเข้าทุกที


               “เกิดอะไรขึ้น!”


                วิกเตอร์ขยับตัวนั่งพลางเบิกตามองไปเบื้องหน้า สัญชาตญาณของนักข่าวไหวตัวขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นความวุ่นวายโกลาหล

บนท้องถนน ประชาชนหัวรุนแรงกำลังรวมตัวกันเป็นกลุ่มใหญ่โดยมีทหารของรัฐบาลต้านทานไว้ด้วยโล่และกระบอง วิกเตอร์ดึงกล้อง

ถ่ายรูปจากกระเป๋าสะพายของเขาเมื่อเห็นแนวโน้มว่าจะเกิดความรุนแรงของการชุมนุมประท้วง


                  “จอด คาลีล”


                  เขาหันไปหาชายหนุ่มที่ยังนั่งหน้าเคร่งหลังพวงมาลัย


                  “จอดให้ผมลง ผมจะไปทำข่าว”


                   นอกจากไม่จอดวิกเตอร์ยังได้ยินเสียงล็อกประตูรถอีกด้วย คาลีลหมุนพวงมาลัยรถให้เลี้ยวไปอีกทางห่างจากความวุ่นวาย

ออกไปขณะที่วิกเตอร์มองอย่างเหลือเชื่อ


                     “จะบ้าหรือไง ผมบอกให้จอดและปล่อยผมลงไปทำงาน”


                     คาลีลหันมามองแวบหนึ่ง เขากล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจังทำให้วิกเตอร์รู้ว่าเขาไม่ได้ล้อเล่น


                    “นับตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป ความปลอดภัยของคุณอยู่ในการคุ้มครองของผมแล้วมิสเตอร์คอร์นเนอร์”


                    วิกเตอร์อ้าปากค้างเมื่อคาลีลกล่าวคล้ายจะยึดอิสรภาพของเขาไปด้วย และคาลีลก็ไม่พูดอะไรให้กระจ่างอีกจนกระทั่ง

รถยนต์แล่นมาถึงหน้าประตูรั้วบ้านหลังหนึ่ง คาลีลขับรถเข้าไปทันทีที่ประตูอัตโนมัติทำงาน  วิกเตอร์ถึงกับอึ้งในความใหญ่โตของตัว

บ้านที่ตั้งอยู่ท่ามกลางพื้นที่กว้างขวาง

                        คาลีลจอดรถยนต์หน้าตัวบ้านแล้วก้าวลงไปยืนเด่นขณะที่มีคนรับใช้วิ่งมาดูแล วิกเตอร์ก้าวตามลงไปด้วยความงุนงง

คาลีลหันมานัยน์ตาของเขาเจือร่องรอยขบขันไว้อยู่ลึกๆ


                  “คุณต้องมาอยู่ที่บ้านของผม สิ่งของเครื่องใช้ของคุณที่โรงแรมจะถูกส่งตามมาทีหลัง”


                 “เดี๋ยวนะ ไอ้ท่านเลขา”


                  วิกเตอร์ก้าวพรวดไปกระชากแขนคาลีลไว้แล้วตะคอกเสียงใส่อย่างก้าวร้าว


                  “ทำอย่างนี้เท่ากับว่าคุณกำลังควบคุมตัวผมอยู่นะ คุณไม่มีสิทธิ์จะทำแบบนั้น ผมไม่ใช่นักโทษหรือเชลยของคุณนะโว้ย”


              “ถ้าคุณจะคิดแบบนั้นก็ตามที่คุณสบายใจ คุณจะทำอะไรก็ได้ในบ้านหลังนี้ยกเว้นเดินออกไปจากประตูรั้ว คนของผมรับคำสั่ง

ให้ดูแลคุณเป็นพิเศษจนกว่าเหตุการณ์วุ่นวายจะสงบลงและถ้าหากคุณฝ่าฝืนการดูแลความปลอดภัยนี้ คนของผมก็จะจัดการพาคุณกลับ

มา เข้าใจแล้วใช่ไหมคุณตากล้อง”


                      คาลีลเดินหนีเข้าไปในตัวบ้าน ทิ้งให้วิกเตอร์ยืนนิ่งราวกับสติหลุดออกจากร่าง เขาสะบัดหน้าไปมาก่อนจะวิ่งตามแผ่น

หลังของคาลีลไป


                       “เฮ้ย เดี๋ยวสิวะ ไอ้ท่านเลขา มาคุยกันให้รู้เรื่องก่อน”





มีต่ออีกนิด...











« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-07-2017 22:05:28 โดย Belove »

ออฟไลน์ Belove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +703/-2
    • ฺBelove


ต่อกันตรงนี้...






                    กวินท์มองภาพเบื้องหน้าอย่างหวาดเสียว เมื่อบาดแผลที่ชายโครงของชารุกข์ถูกเปิดออกและลูกน้องคนหนึ่งของเขา

เย็บแผลกันสด ๆ ที่กระโจมของชารุกข์หลังจากที่ยาก็อบพามาส่งที่โอเอซิสอัลกามาร์แล้วเมื่อตอนเกือบเที่ยงวัน

                     ชารุกข์นั่งนิ่ง เขาหลับตากัดฟันต่อสู้กับความเจ็บปวดโดยไม่ท้วงติง พักใหญ่กว่าที่ผ้าก็อซจะปิดทับลงไปแล้วตามด้วย

ผ้ายืดสำหรับพันแผลจะถูกพันไปรอบลำตัวของชารุกข์อีกครั้ง ชายผู้ซึ่งเย็บแผลให้ชารุกข์ก้าวมาหากวินท์พร้อมรอยยิ้ม


                    “ฝากดูแลอามิรด้วย นี่เป็นยาปฏิชีวนะ จะต้องกินวันละสามครั้ง”


                    เสียงภาษาอังกฤษคมชัด กวินท์เบิกตากว้างเมื่อเขามั่นใจว่าสมาชิกของกองโจรทะเลทรายนี้แต่ละคนต้องไม่ใช่ชาวบ้าน

ธรรมดาอย่างที่เขาเข้าใจเมื่อถูกชิงตัวมาใหม่ ๆ เป็นแน่ เขารับซองยามาจากชายผู้นั้นก่อนที่เขาจะจากไปและเหลือเพียงชารุกข์และ

กวินท์ภายในกระโจมที่ยังคงสภาพเดิมทุกอย่าง


                 “เจ็บมากไหมครับ”


                  กวินท์เดินไปเคียงข้าง ปลายนิ้วเรียวแตะลงไปที่บาดแผลแผ่วเบา ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความห่วงใยอาทรจนชารุกข์

ยิ้มออกมาได้แม้จะยังรู้สึกปวดอยู่มาก


                 “เห็นหน้าคุณก็หายเจ็บแล้วกวินท์”


                “นี่ใช่เวลาปากหวานไหมครับคุณปีศาจแห่งดาฟาร์”


                  กวินท์เดินหนีจากความขัดเขินไปยังเตาแก็สเล็กๆ ที่ยาก็อบทิ้งไว้ให้ก่อนจะจากไปเพราะรู้ว่ากวินท์ก่อไฟไม่เป็น กวินท์อุ่น

นมแพะในหม้อต้มและตักใส่ถ้วยมายื่นให้ชารุกข์


               “ดื่มเสียก่อนแล้วกินยา นี่ยาปฏิชีวนะ นี่ยาแก้ปวด คุณต้องพักผ่อน”


                “แต่ว่าผมยังมี...”


                “ชารุกข์” กวินท์ขัดเสียงแข็ง


                  “ผมรู้ว่าคุณยังมีภาระที่ต้องรับผิดชอบ แต่ตอนนี้คุณบาดเจ็บร่างกายต้องการพักผ่อน คุณจะไปสู้กับพวกเขาได้ยังไงถ้าคุณ

ยังมีสภาพแบบนี้”


                  ชารุกข์มองเห็นความห่วงใยจากกวินท์ เขาถอนหายใจและรับถ้วยบรรจุนมแพะมาดื่มจนหมดก่อนจะรับยาจากกวินท์กิน

ตามลงไป กวินท์ยิ้มเมื่อชารุกข์ปฏิบัติตามโดยไม่อิดออดอีก


                “นอนได้แล้วครับ คุณต้องนอนพัก”


                “แล้วคุณล่ะ”


                ชารุกข์ยังมองกวินท์อย่างเป็นกังวล กวินท์ผลักไหล่กว้างลงไปบนแคร่เก่ากลางกระโจม


               “ไม่ต้องห่วงน่า ผมจะอยู่ใกล้ๆคุณนี่แหละ ลูกน้องคุณออกจะมีเยอะแยะใครจะทำอะไรผมได้”


                  นั่นเองชารุกข์ถึงยอมหลับตาลง เขาคล้อยหลับไปเพราะฤทธิ์ยาแก้ปวด กวินท์ดูแลจนมั่นใจว่าชารุกข์หลับเขาจึงหา

ของกินใส่ท้องบ้าง เขามองชารุกข์เป็นระยะเมื่อเห็นว่าชารุกข์ยังหลับสนิทกวินท์จึงนั่งมองพระอาทิตย์ตกดินอยู่หน้ากระโจม

                 กวินท์นั่งเงียบๆ ครุ่นคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้น ความผูกพันกับชารุกข์ทั้งที่รู้จักกันได้เพียงสัปดาห์เดียวทำให้กวินท์แปลกใจไม่น้อย

ยอมรับว่าบัดนี้ร่างสูงที่ยังหลับอยู่เบื้องหลังเข้ามาครอบครองหัวใจของเขาจนไม่เหลือพื้นที่ว่าง


                 “แม่รู้จักกับพ่อนานไหมกว่าจะรักกัน”


                เขาเคยถามมารดาถึงชีวิตรักสมัยหนุ่มสาว รำไพพรรณแม่ของเขายิ้มสดใสเมื่อระลึกถึงความหลัง


                  “แค่สบตากันครั้งแรกแม่ก็รู้สึกว่าผู้ชายคนนี้ไม่เหมือนผู้ชายคนไหนในโลก มันเป็นความประทับใจอยู่ในหัวใจของแม่ และ

ครั้งแรกที่เราไปเดทกันพ่อกับแม่ต่างก็รู้ว่าเราตกหลุมรักกันไปแล้ว”


                   “ทำไมพ่อกับแม่รักกันเร็วจังครับ”


                    จำได้ว่าเขาถามต่ออย่างแปลกใจ แม่ของเขายังยิ้มแย้มและตอบเขาให้กวินท์ตื้นตันในความรักของทั้งคู่


                  “ถ้าลูกได้พบกับใครสักคนที่เกิดมาเพื่อกัน  ระยะเวลาจะไม่ใช่ปัญหาอะไรเลย ถ้าใช่ก็คือใช่ แต่ถ้าไม่ใช่ต่อให้รู้จักกันนาน

แค่ไหนหัวใจก็ไม่ยอมรับ”


                กวินท์นึกอิจฉาความรักของพ่อกับแม่ เขาอยากจะมีความรักมั่นคงดั่งเช่นทั้งคู่ หากแต่เขาก็ไม่เคยรู้สึกเช่นนั้นกับใครจน

กระทั่งเมื่อแรกสบตากับชารุกข์


                “คิดอะไรอยู่ฮาบิบี”


                   สะดุ้งเมื่อวงแขนอุ่นสวมกอดขณะที่เขายังเหม่อมองท้องฟ้าที่มืดมิดลงเพราะแสงอาทิตย์ลาลับ เขาหันกลับไปสบตากับ

ชารุกข์ที่เกยคางไว้กับบ่าของเขา


                 “ผมเห็นคุณนั่งเหม่ออยู่พักใหญ่ ท้องฟ้ามีอะไรดีถึงได้จ้องมองจนไม่สนใจผม”


                 “คิดว่าจะจับปีศาจแห่งดาฟาร์ที่กำลังบาดเจ็บไปส่งให้รัฐบาลอย่างไรดีครับ เผื่อจะได้ค่าหัว”


               ได้ยินเสียงขู่ราวกับสิงห์หนุ่มพร้อมทั้งอ้อมกอดที่รัดแน่นมากขึ้น ชารุกข์พูดเบาๆอยู่ข้างหูจนกวินท์อดยิ้มไม่ได้


               “ลองดูไหมกวินท์ อยากรู้เหมือนกันว่าถ้าผมถูกจับแล้วคุณจะเป็นยังไง”


               “อย่าขู่หน่อยเลยครับ ใครจะกล้าจับหัวหน้ากองโจรอันแสนร้ายกาจ หายปวดแผลหรือยังครับ”


                กวินท์หันกลับไปหา เขามองใบหน้าคมสันและก้มมองบาดแผลอย่างสำรวจ เบาใจที่มองไม่เห็นเลือดที่ซึมออกมาอีกแล้ว

ชารุกข์ดึงมือของเขาไปกุมไว้และวางแนบอยู่กับแผงอกแกร่ง


                “ดีขึ้นมากแล้ว อย่าห่วงเลยนะกวินท์ ผมเคยบาดเจ็บมากกว่านี้อีก”


                 จริงตามที่ชารุกข์บอก รอยแผลเป็นพาดผ่านอยู่ตามลำตัวจนกวินท์ใจสั่น เขาแตะไล้ไปตามรอยแผลพลางเอ่ยเสียงเบาหวิว


                  “แล้วคุณจะต้องมีรอยแผลพวกนี้อีกกี่รอยกว่าเรื่องทั้งหมดจะจบลง”


                    ชารุกข์นิ่งงัน เขามองใบหน้าที่ก้มต่ำด้วยความหนักใจกับเหตุการณ์รุนแรงที่เขารู้แก่ใจว่าใกล้เข้ามาทุกขณะ


                    “ไม่รู้สิ ผมไม่รู้ว่าเรื่องจะจบเมื่อไหร่ และจะจบอย่างไรด้วยซ้ำ”


                   “คุณต้องรู้”


                 กวินท์เงยหน้ามองเขา ดวงตาแสนงามแดงก่ำจนหัวใจของชารุกข์พลันอ่อนยวบ


                  “ก่อนหน้านี้คุณจะไม่รู้ก็ได้ แต่ตอนนี้คุณต้องรู้เพราะว่าคุณมีผม คุณจะปล่อยให้ผมเป็นห่วงคุณแบบนี้ไม่ได้”


                 สายตาของกวินท์ทำให้ชารุกข์ต้องดึงร่างโปร่งเข้ามากอด กวินท์ซุกหน้าเข้าหาอกกว้างปล่อยหัวใจให้สัมผัสกับความรู้สึกที่

ต่างก็ไม่ปิดบังอีกต่อไป ชารุกข์ลูบผมนุ่มเบาๆ


                “ขอบคุณนะกวินท์”


                 รู้ว่ายากที่จะยอมรับในความรักอันไม่อาจบรรจบลงได้ ชารุกข์ยิ่งหนักใจเพราะตระหนักดีว่าอุปสรรคนั้นมีมากมายแค่ไหนทั้ง

เรื่องศาสนาวัฒนธรรม และความเป็นจริงที่ชีวิตของเขายังแขวนอยู่บนเส้นด้าย หากแต่เขาก็มิอาจห้ามใจในความรักครั้งนี้ เขาได้แต่

ภาวนาขอพรอย่างไม่อาจคาดเดาผลลัพธ์


                  “อย่างน้อยอัลลอฮก็ส่งคุณมาให้ผมได้รู้จักความรัก”


                  ชารุกข์ดันไหล่ให้กวินท์พ้นจากอ้อมอกเพื่อที่เขาจะสบตากับดวงตางดงามราวกับดวงดาว เขาเชยคางกวินท์อย่างอ่อนโยน


                   “สัญญากับผมได้ไหมชารุกข์ ว่าจะรักษาตัวเองให้ปลอดภัย ผมอยากเห็นคุณที่ยังมีลมหายใจ”


                  “ผมสัญญา” ชารุกข์กล่าวเสียงหนักแน่น


                     “ส่วนคุณก็ต้องสัญญากับผม ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นขอให้เชื่อใจว่าผมจะทำทุกอย่างเพื่อให้เคียงข้างกับคุณ”


                  กวินท์ประสานสายตา เขาพยักหน้าแทนคำตอบ ชารุกข์คลี่ยิ้มพลางเลื่อนมือสัมผัสไปตามกรอบหน้าของคนที่เข้ามาครอบ

ครองหัวใจของเขา


                   “แต่ว่าตอนนี้ขอผมจูบคุณได้ไหม”


                    เสียงของชารุกข์หวานกว่าทุกครั้ง เขาจ้องมองราวกับจะสะกดให้กวินท์ตกอยู่ในภวังค์ ปลายนิ้วอุ่นแตะอยู่ใต้ริมฝีปากรอ

ให้เจ้าของยินยอม


                    “เอ่อ...”


                  กวินท์ตัวแข็งอยู่ในอ้อมกอด สติของเขาเตลิดไปหมดกับการรุกระยะประชิด ชารุกข์เห็นเช่นนั้นเขาก็ยิ่งมองสายตาวิบวับ


                   “ผมจะถือว่าที่คุณไม่ตอบคือคำอนุญาตนะฮาบิบี”


                      เขาเชยคางมนให้แหงนรับแล้วประทับริมฝีปากลงไปช้าๆ ชารุกข์ขบเม้มปากอิ่มทีละนิดพร้อมทั้งกอดร่างสั่นระริกเข้าหา

ลิ้นร้อนแตะลงทักทายอยู่หลังกลีบปากให้กวินท์ได้รู้จักก่อนที่เขาจะบังคับให้กวินท์เปิดทางยอมรับเมื่อเขาส่งผ่านมันเข้าไปภายในโพรง

ปากฉ่ำหวาน กวินท์สะดุ้งสุดตัวเมื่อลิ้นของเขาถูกตวัดเข้าไปเกาะเกี่ยว


                  “อืม ชารุกข์”


                    หวานและอบอุ่นเกินกว่าจะผลักไส กวินท์พริ้มตาและปล่อยให้ชารุกข์ตักตวงจนพอใจ เขาได้แต่หวั่นไหวอยู่ในวงแขน

แข็งแกร่งที่ไม่ยอมปล่อยจนไม่รู้เลยว่าร่างของเขาลอยจากพื้นและไปอยู่บนเตียงไม้แคบๆได้อย่างไร


                    “นอนนะฮาบิบี”


                    ชารุกข์เอนกายนอนเคียงบนเตียงแคบ เขาให้กวินท์หนุนแขนของเขาต่างหมอนและโอบกอดกันลมหนาวไว้


                 “ผมรักคุณ”


                 กวินท์หลับตาลง เขาซุกกายกอดชารุกข์แทนผ้าห่มในราตรีอันหนาวเหน็บ


                “ผมก็รักคุณครับชารุกข์”


                   ไม่รู้ว่าอนาคตเบื้องหน้าจะเป็นเช่นไร แต่ตอนนี้กวินท์ขอตักตวงไออุ่นนี้ไว้ให้มากที่สุด เขาหลับสนิทอยู่ในอ้อมกอดของ

คนที่กวินท์ยอมรับว่ารักเขาไปแล้วเต็มหัวใจ



               
                                                                          TBC


                                                                  หวานให้อีกตอนนึง

                                                จะเข้าสู่โหมดคราม่าแล้วนาจา


                                                               
                                                           o8 o8 o8 o8 o8




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-07-2017 22:15:30 โดย Belove »

ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1938
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -
หวานมากกกกก ตอนหน้าดราม่าแล้วอ่ะ  งือ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
จะทำยังไงให้ได้อยู่ด้วยกันหนอ

ออฟไลน์ bojaemyboo

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 236
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
โปรดรู้ไว่าว่าใจรักจริง ไม่อยากทอดทิ้งให้ต้องเสียใจ :mew2:

ออฟไลน์ route rover

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2428
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +221/-7
ดราม่าอย่าหนักมากน้าาา ใจคนอ่านบางมาก :mew2:

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
ยังไม่พร้อมจะกินมาม่าา

ออฟไลน์ anntonies

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 848
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0
เตรียมตัวรับแรงกระแทกแล้วสินะ ;- ;

ออฟไลน์ เป็ดอนุบาล

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1405
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
มาม่าอย่าหนักนะ :hao5: :hao5:

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3494
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
แงงง จะมาม่าแล้วหรอคะ  :katai1:

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2685
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
โอ๊ยยย ลุ้นค่ะ

แล้วดูวิคเตอร์ก่อกวนมาก เป็นไง โดนเอาคืนเลย
สรุปแล้วคุณเลขาเป็นคนยังไง

กวินท์น่ารักมากเลยค่ะ เปิดเผยดี ชอบ
ชารุกข์ก็หวานเลยนะคะ ทำเนียนด้วย

อย่าดราม่านานนะคะ สงสารกวินท์

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
คู่ปริ้นซ์ก็หวานไปอี๊กกกกกกก

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7697
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ masochism2018

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 428
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
 :katai1: :katai1:
อารมณ์เขินๆหายไปเลยยย

ออฟไลน์ MSeraph

  • This too shall pass
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1753
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-3
กลัวดราม่าาา

ออฟไลน์ Warnkt

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 82
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ชอบอะไรหวานๆแบบนี้ รักคู่นี้มากกกกกกก
ดร่าม่าได้แต่อย่านานน้าาาาา รออออออออ

ออฟไลน์ hoihak

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 156
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1
กระอักเลือดดดดดดดด :pighaun:
รอออ่านตอนต่อไปจ้าาาา

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6774
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
ละมุนกลางทะเลทรายและทะเลดาว  ฮิ้้ววว

ออฟไลน์ SaJung13

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-1
กลัวมาม่า เรากินดักก่อนเลยได้ไหม

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
รักของ ชารุกข์ กวินทร์ เป็นดั่งเช่นเม็ดทราย
แต่เป็นเม็ดทรายจำนวนมหาสาร ทะเลทรายไง
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ КίmY

  • BJYX♥
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1715
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-3
อ่านไปมีความสุขไป แต่พอบอกตอนหน้าจะเริ่มดราม่าอารมนั้นหายไปทันที   :katai1:

ออฟไลน์ t2007

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2401
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-5
ความรัก จากหัวใจสองดวง ไม่เกี่ยงวันเวลา อื้อๆ หวานอ่ะ

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด