Chapter 27:[Now] วันเกิด
หลังจากเดทของเขากับเมฆาจบลง บนโต๊ะของมธุวันก็ไม่เคยว่างเปล่า
ในวันแรกที่มธุวันเห็นบลูเบอร์รี่ชีสเค้กกล่องเล็กวางอยู่บนโต๊ะของเขา ชายหนุ่มคิดว่าจอมทัพถูกขวัญข้าวหักอกจนต้องซมซานกลับมาตามตื๊อเขาอีกครั้งเสียแล้ว
แต่คู่รักน่าหมั่นไส้ที่ยังคงรักกันหวานชื่นจนมธุวันอดเลี่ยนไม่ได้ทำให้มธุวันมั่นใจว่าเจ้าของเค้กก้อนนี้ต้องไม่ใช่ผู้บริหารหนุ่มแน่
ร่างโปร่งยกเค้กกล่องนั้นให้กับพนักงานคนแรกที่เดินผ่านโต๊ะของตน ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาทำเสมอเวลาที่จอมทัพยัดเยียดของขวัญที่เป็นของกินมาให้เขา ใช่ว่าร่างโปร่งจะไม่รู้ว่าคนที่ซื้อเค้กมาเป็นใคร เพียงแต่เขาไม่ได้คิดจะถนอมน้ำใจหรืออยากรับความรู้สึกที่เขาไม่ต้องการ...ก็เท่านั้น
มธุวันคิดว่าเรื่องจะจบ แต่เขาน่าจะรู้จักเมฆาดีเกินกว่าจะคิดอะไรตื้นๆแบบนั้น
วันต่อมาซูซิถาดใหญ่คลุมแร็พพลาสติกอย่างดีวางนิ่งอยู่บนโต๊ะเขา เมฆาฉลาดพอที่จะรู้ว่ามธุวันไม่คิดจะทิ้งขว้างอาหาร ส่วนของชอบของเขาหากไม่ได้ข้อมูลจากธีรเชษฐ์ก็คงเป็นขวัญข้าวที่โดนหลอกให้ความข้อมูลออกมา
แน่นอน พนักงานผู้โชคดีที่เดินผ่านโต๊ะเขาคนแรกก็ได้ซูชิถาดใหญ่เจ้าดังไปรับประทานตามระดบียบ ถึงแม้มธุวันจะลอบกลืนน้ำลายมองตามด้วยความเสียดายก็ตาม
วันถัดมามธุวันพบกาแฟโบราณแก้วโตเจ้ารถเข็นหน้าบริษัทที่เขาแวะเวียนไปซื้อสลับกับน้ำหวานร้านอื่นๆวางอยู่บนโต๊ะ และเจ้าเครื่องดื่มหวานเย็นคงจะพบชะตากรรมเดียวกับซูชิและเค้กชิ้นก่อนหน้าหากมธุวันไม่ได้สังเกตเห็นกระดาษโน๊ตที่แปะติดไว้กับฝาครอบแก้วกาแฟเสียก่อน
‘ลุงร้านกาแฟคิดถึงนายมาก อย่าทำร้ายจิตใจแกล่ะ’
ขี้โกง...
ลุงเจ้าของรถเข็นขายน้ำหวานเป็นชายผิวกลางคนร่างท้วมเจ้าของรอยยิ้มจริงใจและความเป็นกันเองที่ทำให้มีลูกค้าประจำหลายคน ลุงแกมักจะทำเหมือนลูกค้าทุกคนเป็นลูกหลานของแก ซึ่งนั่นทำให้มธุวันที่เติบโตมากับแผงขายข้าวแกงของป้าที่ตลาดคิดถึงรอยยิ้มของผู้หญิงที่เลี้ยงเขามาเสมอ
แล้วแบบนี้เขาจะกล้ายกให้คนอื่นได้ยังไง?
มธุวันคิดอย่างหงุดหงิด นั่งประจำที่ของตัวเองแล้วเปิดคอมพิวเตอร์ขึ้นเตรียมทำงาน ดวงตาสีเทาอมฟ้าเหลือบมองแก้วกาแฟที่วางนิ่งอยู่บนโต๊ะ กวาดตามองซ้ายขวาก่อนจะหยิบกาแฟโบราณในแก้วพลาสติกมาดูดอึกใหญ่
รสชาติกาแฟผสมกับนมข้นหวานและนมข้นจืดหวานมันทำเอามธุวันหลับตาพริ้มอย่างมีความสุข ที่เขาพยายามไม่ซื้อกาแฟร้านลุงบ่อยนักเพราะความหวานที่ถึงแม้จะเขาชอบมากเพียงใด แต่ก็ไม่ดีกับสุขภาพของเขาในระยะยาวเท่าไหร่นัก
“ชักจะอิจฉากาแฟแล้วสิ”
เสียงทุ้มของคนที่ซื้อกาแฟแก้วนั้นมาให้เขาทำเอามธุวันลืมตาขึ้นทันที ร่างโปร่งนึกเจ็บใจตัวเองที่เผลอปล่อยให้ตัวเอง โดยเฉพาะเมื่อเห็นรอยยิ้มพึงพอใจของเมฆาที่ยืนค้ำศีรษะเขาอยู่ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่อาจทราบ
“มีธุระอะไรครับคุณเมฆา?”
“ไม่มีแล้วมาหาไม่ได้...”
“ไม่ได้ครับ”
มธุวันสวนเสียงนิ่งก่อนที่อีกฝ่ายจะพูดจบประโยค แต่เมฆายังยิ้มไม่หุบ ชัยชนะจากการที่อีกฝ่ายยอมดื่มกาแฟที่เขาซื้อมาให้ยังคงสดใหม่เกินกว่าจะถูกทำให้เสียอารมณ์ได้ง่ายๆ
หลังจากวันนั้น เมฆาที่จับทางมธุวันถูกในที่สุดก็ถือไพ่เหนือกว่าอย่างต่อเนื่อง ผิดกับจอมทัพที่เคยซื้อของชั้นดียี่ห้อดังมาประเคนให้ร่างโปร่งไม่เว้นแต่ละวัน อาหารเครื่องดื่มของเมฆาล้วนแล้วแต่มีที่มาที่ไปเล่าถึงความยากลำบากของลุงป้าตายายที่ขายให้เขาแปะไว้บนบรรจุภัณฑ์ทั้งสิ้น ทั้งที่ตั้งใจไว้แล้วว่าจะไม่อ่าน แต่ก็เผลออดไม่ได้ทุกที
แต่วันนี้เมฆางัดเอาปืนใหญ่ออกมาในสนามรบ
‘ป้าแต้วทำมาฝาก ที่บ้านไม่ค่อยมีคนอยู่กินอาหารฝีมือป้าแกแล้ว...’
มธุวันห้ามตัวเองไม่ให้อ่านข้อความต่อจากนั้น ร่างโปร่งถอนหายใจกับความอ่อนแอของตัวเอง ก่อนจะเปิดกล่องเก็บอุณภูมิ เผยให้เห็นพะแนงหมูกับไข่พะโล้และข้าวสวยที่ยังคงอุ่นๆอยู่วางซ้อนเรียงชั้นกันในกล่อง
“โห น่ากินจังเลยครับคุณหมอก เดี๋ยวนี้มีแฟนทำข้าวกล่องมาให้กินด้วยเหรอครับเนี่ย น่าอิจฉาจัง”
ไม่ต้องเงยหน้าขึ้นมองก็รู้ว่าน้ำเสียงเป็นมิตรอย่างไม่รู้จักเวล่ำเวลานั้นเป็นของจอมทัพ มธุวันเหลือบมองชายหนุ่มหน้าเป็นที่ยิ้มให้เขาอย่างสดใส ก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบ
“อยากให้ผมบอกคุณขวัญข้าวให้มั้ยครับว่าคุณอิจฉา...”
“คุณหมอกอ่ะ...ไม่แซวแล้วก็ได้ครับ”
จอมทัพหน้าเจื่อนกับคำขู่ของเลขาร่างโปร่ง มธุวันส่งสายตาไล่อีกฝ่ายอย่างชัดเจนซึ่งชายหนุ่มที่เคยสลัดเท่าไหร่ก็ไม่หลุดหนีหายไปเสียทีรีบทำตามอย่างไม่มีข้อโต้แย้ง ปีศาจน้ำแข็งที่ผู้คนต่างยำเกรงถอนหายใจ ก่อนจะหยิบช้อนส้อมขึ้นมาจัดการกับอาหารตรงหน้า
“แวะที่นี่ก่อน”
มธุวันขมวดคิ้วอย่างประหลาดใจเมื่อเมฆายื่นโทรศัพท์มือถือให้จากเบาะหลัง หน้าจอแสดงแอพพลิเคชั่นนำทางที่ใส่จุดหมายปลายทางไว้ให้แล้ว ปกติเมฆาจะบอกก่อนล่วงหน้าเสมอหากอีกฝ่ายจะให้แวะไปที่ไหนก่อนไปที่คฤหาสน์
“ที่ไหนครับ?”
“ขับตามไปเถอะน่า ฉันไม่ลักพาตัวนายไปเรียกค่าไถ่หรอก”
เมฆาเอ่ยพร้อมด้วยรอยยิ้มที่มธุวันชักจะเห็นบ่อยขึ้นทุกวัน แต่ไม่ยอมตอบคำถามอะไรมากไปกว่านั้น
มธุวันกลอกตาอย่างเหนื่อยหน่าย ทั้งกับพฤติกรรมเด็กๆของเมฆา และความใจอ่อนของตัวเองที่นับวันชักจะมีมากขึ้นเรื่อยๆ ร่างโปร่งออกรถจากบริษัท มุ่งหน้าไปตามสถานที่ปริศนาตามคำสั่งของเมฆา
มธุวันรู้สึกว่าทางที่ตนกำลังไปนั้นดูคุ้นเคยอย่างประหลาด แต่กว่าร่างโปร่งจะรู้ว่าตนคุ้นเคยกับเส้นทางนี้ได้อย่างไร รถของพวกเขาก็มาหยุดลงที่โรงฝึกที่เขากับเมฆเคยมาฝึกซ้อมอยู่บ่อยๆสมัยก่อน
“อึ้งอะไร? ลงมาสิ”
ในขณะที่มธุวันยังตะลึงค้างกับสถานที่ที่ตนไม่ได้เห็นมาหลายปี เมฆาก็ออกมายืนรอที่ข้างรถของเขาเรียบร้อยแล้ว
“เรา…มาที่นี่ทำไมครับ?”
“ออกกำลัง”
เมฆาตอบราวกับนั่นควรจะเป็นเรื่องที่เขารู้อยู่แล้ว มธุวันที่ยังคงสับสนกับสถานการณ์ตรงหน้าก้าวลงจากรถตามคำสั่งของร่างสูง
“ผมไม่มีชุด”
“ฉันเตรียมมาให้แล้ว”
เมฆายกกระเป๋าเป้ในมือให้อีกฝ่ายเห็น ก่อนที่มธุวันจะได้ประท้วงอะไรเพิ่ม อีกฝ่ายก็คว้าข้อมือของเลขาร่างโปร่งยังตั้งสติไม่ทันแล้วดึงให้ออกเดินตามตนเข้าไปในโรงฝึกที่ไม่มีใครอยู่ข้างใน
--------
สั้นมากเลยอ่ะ
ต้องขอโทษจริงๆนะคะ ตอนนี้เรื่องการเรียนกับสุขภาพหนักมากจริงๆ ทุกอย่างเลยชะลอไปหมด
ขอบคุณนะคะที่ยังเป็นกำลังใจให้กัน