[จบแล้ว]Your Stranger รัก||ไม่||ลืม ตอนพิเศษ คห.1998 P.67 (13/3/63)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [จบแล้ว]Your Stranger รัก||ไม่||ลืม ตอนพิเศษ คห.1998 P.67 (13/3/63)  (อ่าน 501582 ครั้ง)

ออฟไลน์ Premo1492

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 41
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
 :z2: :k :katai5: o13 o13atai5: :hao7:มาช่วยดัน
เรื่องราวชักจะเข้มข้น

ออฟไลน์ fay 13

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5635
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +286/-44

ออฟไลน์ winndy

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1129
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3
ตามติดขอบจอค่ะ สนุกมาก

ออฟไลน์ littlepig

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 429
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +413/-5
Chapter 4: {Then} ผัดไทกุ้งสด



“โห คนเยอะจัง ขนาดรีบมาแล้วนะเนี่ย”



มธุวันพึมพำ มองไปรอบๆห้องบรรยารวมที่มีคนจับจองกว่าครึ่ง อาจจะเป็นเพราะเป็นคาบแรก ที่ให้เหล่านักศึกษาปีหนึ่งกระตือรือร้นเป็นพิเศษ โชคร้ายที่การเรียนภาคเช้าไม่มีรูมเมทของเขาอยู่ด้วยทำให้ร่างโปร่งไม่รู้จักใครเลย ถึงแม้จะมีเพื่อนในคณะที่คุ้นหน้าคุ้นตา แต่ก็ไม่สนิทถึงขึ้นจะกล้าขอนั่งด้วย




เด็กหนุ่มเหลือบไปเห็นที่นั่งแถวด้านหลังที่ว่างอยู่สี่ห้าที่ จึงเดินไปวางกระเป๋าแล้วนั่งลงรออาจารย์




ตื่นเต้นจัง



“เธอๆ” เสียงแหลมเล็กของเด็กสาวดังขึ้น มธุวันหันไปตามเสียง เด็กสาวหน้าตาจิ้มลิ้มน่ารักในชุดนักศึกษาเท้าแขนบนโต๊ะว่างข้างๆเขา เส้นผมหยกศกยาวถูกรวบแกละอย่างน่าเอ็นดูแต่กลับไม่ได้ทำให้เด็กสาวดูเด็กจนเกินไป อาจเป็นเพราะใบหน้าที่ถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางค์พอประมาณ ริมฝีปากเล็กอิ่มที่ถูกเคลือบด้วยลิปสติกสีแดงสดขยับยิ้มน่ามอง “เราเรียนอยู่คณะเดียวกับเธออ่ะ ชื่อยาหยี ยินดีที่ได้รู้จักนะ”



“เอ่อ...เราชื่อหมอก ยินดีที่ได้รู้จักนะ” แม้จะงงๆ แต่ร่างโปร่งก็ยินดีที่มีคนทักทาย



“ตรงนี้ว่างรึเปล่า พอดีเพื่อนเราอยากนั่งด้วย” เด็กสาวชี้ไปยังเด้กสาวอีกคนที่ยืนอยู่ไกลจากตรงนั้นไปพอสมควร มธุวันเห็น
เพียงแค่แว่นกลมๆที่รีบหันหน้าหนีทันทีที่เขามอง




ทำไมเขาถึงรู้สึกว่าอีกฝ่ายไม่อยากนั่งข้างเขาเท่าไหร่นะ...



“คือ…จริงๆก็ว่างนะ”



“เหรออออ สรุปว่านายว่างใช่มะ?” ยาหยีถามอย่างตื่นเต้น มธุวันที่ไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายพูดถึงอะไรตั้งใจจะอ้าปากถามแต่ถูกขัดด้วยกระเป๋าเป้ใหญ่ที่ถูกโยนตุ้บลงที่เก้าอี้ข้างซ้ายของเขา พร้อมกับเจ้าของมันที่นั่งลงที่ด้านขวาของเขาโดยไม่ขออนุญาต



“อุ๊ย...”




เด็กสาวถึงกับเคลิ้มกับความหล่อของผู้มาใหม่ แต่ก็ดึงสติตัวเองกลับมาอย่างรวดเร็ว



“นี่นาย...”


“ไม่ว่าง” เมฆาเอ่ยเสียงเย็น ดวงตาสีควันบุหรี่ตวัดมองเด็กสาว มธุวันไม่รู้ว่าคนข้างๆใช้สายตาแบบไหน แต่ยาหยีที่สบตาร่างสูงก้าวถอยไปก้าวหนึ่งอย่างหวาดกลัว



“มะ..ไม่ว่างก็บอกกันดีๆสิ” ร่างเล็กเถียงเสียงสั่น “เอ่อ...เดี๋ยวไปบอกเพื่อนให้”



ร่างสูงพยักหน้าอย่างพอใจเมื่อเห็นเด็กสาววิ่งกลับไปหาเพื่อน มธุวันที่ยังคงไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นหันไปมองคนข้างๆอย่างต้องการคำอธิบาย แต่ร่างสูงเพียงแต่หยิบสมุดของตัวเองออกมาวางบนโต๊ะรออาจารย์เช่นเดียวกับเขา




“เมฆก็เรียนวิชานี้เหรอ บังเอิญจัง” ร่างโปร่งชวนคุย เมฆาพยักหน้า แต่ไม่ได้ตอบอะไร



ง่า...คุยอะไรต่อดี




“แล้ว...ช่วงบ่ายเมฆเรียนวิทย์พื้นฐานรึเปล่า?” ร่างสูงพยักหน้าอีกครั้ง




นี่เขา...ทำให้รำคาญรึเปล่านะ



มธุวันกัดริมฝีปาก สุดท้ายก็ตัดสินใจเปิดชีทที่ซื้อมาจากร้านถ่ายเอกสารรออาจารย์ไปพลางๆ พยายามห้ามตัวเองไม่ให้กวนคนข้างๆอีก



“น่ารัก...” เสียงทุ้มดังขึ้น ร่างโปร่งเงยหน้าขึ้นจากชีท ไม่มั่นใจว่าอีกฝ่ายพูดกับเขารึเปล่า



“เมื่อกี้เมฆพูดกับเราเหรอ?”




“น่ารัก” ร่างสูงเอ่ยย้ำ ชี้ไปที่พวงกุญแจรูปซูชิปลาแซลมอนดิบที่ห้อยติดกระเป๋าเป้ของเขา



“อ๋อ อันนี้น่ะเหรอ น้องชายซื้อให้น่ะ” ร่างโปร่งหยิบกระเป๋ามาโชว์อย่างภูมิใจตามประสาคนรักน้อง “เพราะเราชอบกินปลาดิบมากๆ”




“น้องชาย?”




“อื้อ ไม่ใช่น้องชายแท้ๆหรอก คุณแม่ของดินรับเรามาเลี้ยงจากสถานสงเคราะห์น่ะ ดินน่ะเป็นเด็กดีมากเลยนะ เรียนก็เก่ง เล่นกีฬาก็เก่ง แถมยังไม่ดื้อไม่ซน น่ารักมากๆเลย...” เสียงเจื้อยแจ้วแผ่วลงเมื่อเห็นอีกฝ่ายนั่งเงียบไม่พูดอะไรเช่นเคย มธุวันเกาแก้มเขินๆ ไม่รู้จะพูดอะไรต่อ “เอ่อ...เมฆมีพี่น้องมั้ย?”



“น้องชายสอง”



แค่นั้น ไม่มีคำขยายความ ไม่มีประโยคต่อท้าย ไม่มีอะไรให้มธุวันได้ต่อบทสนทนาต่อทั้งสิ้น



ขณะที่เขากำลังจะเลิกความพยายามนั้นเอง ร่างโปร่งสังเกตว่า อีกฝ่ายขมวดคิ้วจนแทบชนกันเป็นปม ริมฝีปากได้รูปขยับพึมพำอะไรบางอย่างฟังไม่ได้ศัพท์อยู่นานสองนาน ก่อนที่ร่างสูงจะหันมาพูดกับเขา




“คนกลางชื่อน้ำอุ่น คนเล็กชื่อซัน”



คนคนนี้...หรือว่า...




“นี่…พูดออกมาเลยก็ได้นะ”



“?”เป็นครั้งแรกที่เมฆแสดงสีหน้าประหลาดใจออกมาอย่างไม่ปิดบัง



“ตอนที่ออกมาจากสถานสงเคราะห์ใหม่ๆ เราก็มีปัญหาเรื่องนี้เหมือนกัน” มธุวันยิ้มอย่างเข้าใจ “เรากลัวว่าถ้าพูดอย่างที่คิด คนที่เราคุยด้วยอาจจะไม่ชอบเราก็ได้”



“…”


“แต่ว่านะ เมฆไม่ต้องกลัวเราไม่ชอบเมฆหรอก อยากพูดอะไรก็พูดออกมาเถอะ”


“แปลว่าชอบ?”


“เอ๊ะ?” ร่างโปร่งกระพริบตา ทว่าก่อนจะได้พูดอะไรอาจารย์ประจำวิชาก็เดินเข้ามาเสียก่อน



“นักศึกษาที่ไม่ได้ลงทะเบียนเรียนวิชานี้กรุณามารับแบบฟอร์มด้านหน้า แล้วก็อย่าลืมลงทะเบียนวันที่เปิดให้ลงทะเบียนล่าช้าด้วยนะครับ”



ร่างสูงลุกขึ้นจากที่นั่งพร้อมกับนักศึกษาอีกยี่สิบกว่าคน เดินลงไปเอาแบบฟอร์มที่เวทีด้านล่าง



เดี๋ยวสิ...นี่เมฆไม่ได้ลงเรียนวิชานี้ตั้งแต่แรกเหรอ?



อยากจะถามอยู่หรอก แต่กว่าเมฆาจะเดินกลับมา อาจารย์ก็เริ่มสอน ทำให้เขาต้องเริ่มก้มหน้าก้มตาจดเนื้อหา ร่างโปร่งได้ยินเสียงขีดเขียนข้างกาย แต่ก็ไม่กล้าหันไปชวนคุยด้วยรู้ว่าตัวเองทำหลายอย่างไม่เก่ง




“เลิกคลาสได้ครับ”



มธุวันเก็บข้าวของใส่กระเป๋า ร่างโปร่งก้มมองจนมั่นใจว่าไม่มีอะไรตกอยู่ก่อนจะลุกขึ้นจากที่นั่ง เมื่อหันมาก็พบร่างสูงยืนรออยู่ทั้งที่คนส่วนใหญ่ทยอยกันออกไปแล้ว



“จริงๆเมฆไม่ต้องรอเราก็ได้นะ เราเป็นพวกเก็บของช้า เดี๋ยวโรงอาหารคนเยอะ” ร่างโปร่งบอกอย่างเกรงใจ



“จะรอ”เมฆาตอบทันที ท่าทีขึงขังนั้นทำให้มธุวันไม่กล้าปฎิเสธน้ำใจ



“งั้นไปกินข้าวกันเถอะ”



“โห…คนเยอะแล้วจริงๆด้วย”



อย่าว่าแต่ร้านอาหารเลย ขนาดที่นั่งยังไม่มี มธุวันนั่งลงที่โต๊ะหินอ่อนใต้ต้นไม่ใหญ่ กะจะรอให้ใครในโรงอาหารลุกแล้วค่อยไปนั่งต่อ แต่ร่างสูงที่เดินตามมากลับวางกระเป๋าเป้ของตัวเองลงบนโต๊ะแล้วเดินหายเข้าไปในฝูงชนโดยไม่บอกกล่าว




“อ้าว ไปไหนของเขาล่ะเนี่ย”




ร่างโปร่งพยายามชะเง้อมองแต่ไม่เห็นร่างที่ควรจะสูงเด่นเกินหน้าเกินตาคนอื่นจนเป็นที่สังเกต สุดท้ายจึงยอมแพ้แล้วนั่งรออยู่เฉยๆ คราวนี้จะลุกไปก่อนหากหาที่นั่งเจอก็ไม่ได้เพราะอีกฝ่ายทิ้งกระเป๋าไว้ มธุวันนั่งเปิดสมุดที่ตนจดเนื้อหาวิชาที่แล้วขึ้นมาทบทวนรอ จนกระทั่งสัมผัสเย็นเยียบแตะลงมาที่หลังคอจนเด็กหนุ่มสะดุ้งโหยง




“เมฆ! เล่นอะไรเนี่ย” มธุวันค้อน ลูบหลังคอของตัวเองที่ยังรู้สึกเย็นๆอยู่ คนแกล้งเพียงแต่ยิ้มมุมปาก ส่งกระป๋องน้ำเขียวให้ร่างโปร่งที่รับมาอย่างงงๆแล้ว หยิบข้าวกล่องจากถุงที่มีข้าวอยู่สองกล่องออกมาส่งให้




“เอ๊ะ? ซื้อมาให้เราเหรอ ขอบใจมากนะ เท่าไหร่อ่ะ?” มธุวันเปิดกล่องออกดู ภายในเป็นผัดไทกุ้งสดที่เขากำลังอยากกินอยู่พอดี “โห เมฆรู้ได้ไงอ่ะว่าเราอยากกิน”



“เห็นมองร้าน” ร่างสูงตอบ นั่งลงข้างๆคนที่ตนซื้อกับข้าวมาให้แล้วเปิดกล่องข้าวขาหมูของตัวเอง



“เมฆชอบกินข้าวขาหมูเหรอ?” มธุวันเอียงตัวมองอาหารที่อยู่ภายในกล่อง คนถูกถามส่ายหน้า “อ้าว ไม่ชอบแล้วกินทำไม?”



“แถวร้านอื่นยาว กลัวหมอกรอ”



มธุวันไม่รู้ว่าคิดถูกหรือไม่ที่บอกเมฆาไปว่าให้พูดออกมาตามที่คิด เขารู้สึกว่าอีกฝ่ายตอบเขาเร็วขึ้นก็จริง แต่แต่ละคำตอบนี่มันตบตีหัวใจเขาจนแกว่งซ้ายทีขวาทีมาตั้งแต่ในห้องเรียนแล้วนะ



“โห งั้นเอาของเราไปกินมั้ย ของเราน่ากินกว่า” ร่างโปร่งยื่นกล่องของตัวเองให้ แต่เมฆาไม่ยอมรับไว้


“แพ้กุ้ง”



“อ้าวเหรอ ขอโทษนะ” มธุวันยิ้มเจื่อน ทั้งสองก้มลงทานอาหารเงียบๆ เมฆาแกะกระป๋องน้ำเขียวแล้วเสียบหลอดดูด คนที่นั่งข้างๆเห็นดังนั้นจึงอดเตือนไม่ได้


“น้ำอัดลมกินมากไม่ดีนะ”



คนที่กำลังดื่มอยู่ชะงัก ก่อนจะวางกระป๋องน้ำอัดลมลงกับโต๊ะแล้วไม่แตะต้องมันอีก



“เอ่อ...คือเราไม่ได้จะว่านะ เราแค่เป็นห่วงเมฆ เห็นคราวที่แล้วก็ดื่มโซดา” มธุวันรีบแก้ตัว



“ห่วง..” เมฆาทวนคำเสียงเบา



“อื้อ ถ้าเมฆเป็นอะไรไปเราคงรู้สึกแย่ที่ไม่ห้าม” ร่างโปร่งพยายามอธิบายจุดประสงค์ของตัวเอง แต่คนฟังกลับเบือนหน้าหนีเสียอย่างนั้น “ง่า เมฆ เราขอโทษ อย่าโกรธเรานะ ดีกันๆ”




มธุวันยื่นนิ้วก้อยไปตรงหน้าคนที่ยังคงไม่หันกลับมาอย่างร้อนรน กลัวว่าจะทำให้เพื่อนโกรธเข้าให้แล้วจริงๆ ไม่ได้สังเกตถึงใบหน้าที่แดงก่ำของร่างสูงข้างกายเลยแม้แต่น้อย




“ไม่ได้โกรธ...” เสียงทุ้มพึมพำ



“ไม่โกรธก็เกี่ยวก้อยกันเราสิ ดีกันนะ นะนะ” มธุวันตื๊อ ตอนอยู่บ้าน เขาใช้ไม้นี้ทีไรน้องชายตัวแสบเป็นอันต้องหายงอนทุกที
 



อีกฝ่ายยื่นนิ้วก้อยมาเกี่ยวอย่างเสียไม่ได้ คนตื๊อโยกนิ้วที่เกี่ยวประสานกันไปมาอย่างพอใจ ก่อนที่เมฆาจะดึงนิ้วออกแล้วก้มหน้าก้มตาทานข้าวขาหมูของตัวเองต่อ ทางฝ่ายมธุวันเมื่อเห็นคนข้างๆกินจึงก้มลงงับผัดไทเข้าปากบ้าง




“จะได้เวลาคลาสต่อไปแล้ว ไปกันเถอะ” ร่างโปร่งชวน เมฆาพยักหน้าก่อนจะหยิบกล่องข้าวของคนข้างๆไปทิ้ง ไม่ฟังคำทักท้วงอย่างเกรงใจของมธุวันเลยแม้แต่น้อย





ส่วนร่างโปร่งก็ลืมเรื่องที่ตัวเองยังไม่ได้จ่ายค่าข้าวกล่องไปเสียสนิท







-------(ครึ่งแรก)

ต้องขออภัยเรื่องความสั้น :hao5: :hao5: :hao5:
อย่างที่แจ้งไปในอีกสองเรื่อง สายตาไรท์ไม่ดี ปัญหาสุขภาพ555 น่าจะมาสั้นถี่ ไม่ก็หายไปแล้วลงยาว แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นจะอัพอาทิตย์ละครั้งเป็นอย่างน้อยถ้าไม่มีปัญหาอะไรนะคะ

ขอบคุณมากนะคะที่อดทนกับไรท์ :pig4: :pig4: :pig4:


ฝากเพจด้วยค่า

https://www.facebook.com/LittlePig-246682512474295/
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-05-2017 14:07:00 โดย littlepig »

ออฟไลน์ EoBen

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3306
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-6
เมฆดูชอบหมอกมากนะ ไม่น่าจะใช่รักหน่ายเร็วแน่นอน

แล้วทำไมตอนนั้นถึงอยากเลิกละ

ออฟไลน์ WilpeR

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1556
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-2
ดูแล้วคือเมฆชอบหมอกก่อนเป็นฝ่ายเข้าหาก่อน แต่ทำไมถึงขอเลิกล่ะ หรือว่าหมอกเข้าใจที่เมฆพูดผิดไปเนี่ย

ออฟไลน์ ρℓuto

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 55
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
รอออ รอนิยายเรื่องนี้ทุกวันเลยยย

ออฟไลน์ hoshinokoe

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1042
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-0

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
รอได้ค่ะ แค่อย่าทิ้งก็พอ :pig4:

ออฟไลน์ Fasai25448

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 49
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
สนุกมากเนื้อเรื่องเข้มข้นอ่านแล้วไม่เบื่อ เราชอบ
ได้อ่านแล้วรู้สึกละสายตาไม่ได้เลย งื้ออออ
เราเสพติดเรื่องนี้เข้าแล้วววววว
รักน้องหมอกเป็นเคะที่ดีต่อใจแท้ ส่วนพี่เมฆ//เชอะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ donut4top

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 396
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
เมฆดูเป็นคนรักจริง รักปักใจมากเลยนะ ทำไมตอนนั้นถึงบอกเลิกหมอกเล่า เพราะทางบ้านเหรอ... #แต่มีพ่อติ๊งต๊องแบบนี้ไม่น่าจะใช่นะ5555

ออฟไลน์ donut4top

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 396
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
เมฆดูเป็นคนรักจริง รักปักใจมากเลยนะ ทำไมตอนนั้นถึงบอกเลิกหมอกเล่า เพราะทางบ้านเหรอ... #แต่มีพ่อติ๊งต๊องแบบนี้ไม่น่าจะใช่นะ5555

ออฟไลน์ sang som

  • เจ็บจิต!!
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1609
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-6
ทำไมถึงอยากเลิก ทฝมันต้องมีอะไรแน่ ดูออกจะรักกันขนาดนี้

ออฟไลน์ Orange151987

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 169
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
น่ารักกกก เกิดอะไรขึ้นน้ออออ :mew2:

ออฟไลน์ littlepig

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 429
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +413/-5
----(ครึ่งหลัง)----



“แล้ววันอื่นเรามีเรียนด้วยกันอีกมั้ย?” มธุวันถามระหว่างทางที่เดินไปอาคารเรียนอีกอาคารที่อยู่ไม่ไกล หลังจากที่เขาบอกชั่วโมงเรียนทั้งหมดของตัวเองในสัปดาห์ไปแล้ว ร่างสูงส่ายหน้าเมื่อไม่เห็นชั่วโมงเรียนที่ตรงกัน มธุวันทำหน้าเสียดาย



“ไม่เป็นไรเนอะ เจอกันอาทิตย์ละครั้งก็ยังดี”




“เย็นนี้ก็เจอกัน” เมฆาแย้ง เตือนคนข้างๆว่าพวกเขายังคงมีนัดกัน




“จริงด้วย งั้นก็พอดีเลย เรียนเสร็จไปหาอะไรกินกัน” มธุวันยิ้ม




บรรยากาศในคลาสเรียนที่สองดูอึมครึมกว่าเมื่อเช้าอยู่มาก แต่อาจจะเป็นเพราะเมฆที่เริ่มก่อตัวครึ้มอยู่นอกหน้าต่าง



...หรืออาจเป็นเพราะสีหน้ามืดครึ้มของคนข้างๆเขาที่ทำให้รัศมี่โดยรอบของพวกเขาไม่มีคนกล้านั่งซักคน



มธุวันชักจะรู้สึกดีใจแล้วที่มีคลาสเรียนกับร่างสูงแค่วันเดียว ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่มีเพื่อนจนเรียนจบเทอมนี้แน่ ขณะที่นั่งเคาะโต๊ะรออาจารย์แก้เบื่ออยู่นั้น หางตาของร่างโปร่งพลันเหลือบไปเห็นคนคุ้นตาที่เดินเข้ามาในห้อง



“อ๊ะ โดนัท!” มธุวันชูมือขึ้นโบกไปมาให้รูมเมทเห็น ณัฐภาสเงยหน้าขึ้นเห็นร่างโปร่งจากที่นั่งไกลๆ แต่เมื่อเห็นคนที่นั่งข้างๆรูมเมท เด็กหนุ่มก็ชักจะอยากทำเป็นไม่เห็นอีกฝ่ายขึ้นมาทันที




อย่าว่าแต่เขาเลย ขนาดคนที่ไม่รู้จักสองคนนั้นยังเว้นที่ว่างไว้เหมือนร่องรอยหลุมอุกาบาตอะไรซักอย่างอย่างไรอย่างนั้น
แต่เพื่อนก็คือเพื่อน




“ไงมึง ตัวติดกันหนึบเชียวนะ” ณัฐภาสนั่งลงอีกข้างของมธุวัน พยายามทำเป็นเมินสายตาของเมฆาที่หากหลอมรวมจิตสังหารกลายเป็นของแข็งได้เขาคงถูกแทงพรุนไปแล้ว




“อ๋อ พอดีเมื่อกี้ไปกินข้าวด้วยกันมา เลยมาด้วยกันน่ะ”มธุวันตอบ



“อื้อหื้อ เห็นเงียบๆหงิมๆ มีกินข้งกินข้าวตั้งแต่เรียนวันแรกเลยเว้ย”ณัฐภาสขยี้ผมเพื่อนอย่างหมั่นเขี้ยว มธุวันที่ชอบการถูกแสดงความเอ็นดูเป็นทุนเดิมอยู่แล้วเอนเข้าหาเพื่อนร่วมห้องพร้อมรอยยิ้มอย่างไม่รู้ตัว




จิตสังหารคมกริบที่ส่งข้ามหัวร่างโปร่งมาทำให้ณัฐภาสรีบชักมือออกทันที




“เอ่อ...แฟนดุเนอะ”




“หือ? แฟนใครเหรอ?” มธุวันเอียงคออย่างงุนงง




“อ้าว?” เด็กหนุ่มมองหน้าเมฆาสลับกับเพื่อนร่วมห้องอย่างสับสนไม่แพ้กัน “มึงสองคนไม่ใช่แฟนกันเหรอ?”




“เฮ้ย ไม่ใช่!” มธุวันส่ายหน้า เอ่ยเสียงกลั้วหัวเราะ “จะเป็นไปได้ไงเล่าเรื่องแบบนั้นน่ะ”




อนิจจา เด็กหนุ่มไม่ได้รับรู้ถึงสายตาของคนที่อยู่ด้านหลังซึ่งเล่าเรื่องคนละทางกับตนอย่างสิ้นเชิง




“เออๆ ไม่ใช่ก็ไม่ใช่ เรียนๆ” ณัฐภาสเอ่ยตัดบท หันกลับไปสนใจอาจารย์ที่เพิ่งเดินเข้ามา ไม่อยากโดนร่างสูงหมายหัวตนมากไปกว่านี้




“…โลกเราถือกำเนิดมาด้วย....”



ไม่ทันจะได้พ้นสิบนาที ศีรษะของณัฐภาสก็เริ่มสัปหงก เอนซ้ายเอียงขวาอย่างควบคุมไม่อยู่ ก่อนจะฟุบลงที่ไหล่ของมธุวัน ร่างโปร่งสะดุ้งเล็กน้อยอย่างตกใจ แต่เมื่อเห็นว่าเพื่อนหลับไปแล้ว เขาจึงขยับเพื่อให้อีกฝ่ายพิงได้สบายขึ้น



“ใจดีจังนะ” เสียงทุ้มของคนที่นั่งอีกฝั่งแฝงไปด้วยความไม่พอใจ มธุวันคิดว่าน่าจะเป็นเพราะเขาขยับเบียดอีกฝ่าย จึงซุกตัวเข้าใกล้คนที่หลับอยู่ แต่นั่นยิ่งทำให้แววตาของร่างสูงเข้มขึ้นไปอีก“ถ้าคนหลับ...ก็จะให้พิงอย่างนี้ทุกคนเหรอ?”



“อื้อ ก็เขาหลับนี่ จะผลักออกก็น่าสงสารแย่” มธุวันตอบตามที่ตัวเองคิด เมฆาถอนหายใจ แล้วหันกลับไปสนใจอาจารย์ต่อ
กว่าณัฐภาสจะตื่นก็หลังจากที่อาจารย์บอกเลิกคลาสไปแล้ว การนอนมาราธอนของเพื่อนทำเอาคนถูกพิงเมื่อยไหล่ไปข้างหนึ่งเลยที่เดียว



“เออ แล้วนี่มึงกลับหอเลยป่ะ?” ณัฐภาสหันมาถามเพื่อนหลังจากสติกลับมาอย่างสมบูรณ์ มธุวันส่ายหน้า



“เดี๋ยวเราไปกินข้าวกับเมฆต่อ ไว้เจอกันที่หอนะ”ร่างโปร่งว่า เก็บของลงกระเป๋า แต่ก่อนจะได้หยิบขึ้นมาสะพาย ร่างสูงข้างๆก็ชิงหยิบกระเป๋าเป้ใบนั้นไปสะพายเสียก่อน



“เมฆ ไม่เป็นไร เดี๋ยวเราถือเอง” ทว่าอีกฝ่ายเดินดุ่มๆลงบันไดไปแล้ว มธุวันจึงไม่มีทางเลือกนอกจากเดินตามลงไป




ร่างสูงหยุดชะงักเมื่อเดินมาจนถึงทางออกของตัวตึก มธุวันเดินตามมาติดๆหยุดไม่ทันจึงชนเข้าไปที่แผ่นหลังกว้างเต็มๆ



“อุ๊บ!” คนตัวเล็กกว่ากุมจมูกตัวเอง หักรึยังเนี่ย...



“เป็นอะไรรึเปล่า” เมฆาหันกลับมาถาม แม้น้ำเสียงจะยังราบเรียบแต่แววตาที่แฝงได้ด้วยความกังวลเด่นชัดจนสัมผัสได้ คนเจ็บส่ายหน้า



“เมฆหยุดทำ...ไม?” มธุวันอ้าปากค้าง ภาพตรงหน้าของเขาคือน้ำฝนที่เทลงมาห่าใหญ่ เพราะพวกเขาออกมมาเป็นกลุ่ม
หลังๆ ทำให้คนที่เหลือตกค้างอยู่ในอาคารมีไม่เยอะ



“เราไปนั่งรอฝนหยุดก่อนดีกว่า” มธุวันเสนอ เดินนำคนที่ถือข้าวของทั้งหมดไปยังโต๊ะไม้ใต้ตึกที่เอาไว้ให้นักศึกษาทบทวนบทเรียน เวลาผ่านไปร่วมชั่วโมง ฝนก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดตก ร่างโปร่งเริ่มรู้สึกได้ถึงท้องของตนที่ร้องครางประท้วง แต่ไม่กล้าไปซื้อของกินที่ร้านสะดวกซื้อใต้ตึกเพราะเกรงใจคนที่หมายมั่นปั้นมือเหลือเกินว่าจะเลี้ยงมื้อเย็นเขา



“หิว?”




ทว่าเสียงท้องของเด็กหนุ่มไม่อาจรอดพ้นคนหูดีไปได้ มธุวันพยักหน้ารับพร้อมกับยิ้มแหย




“อือ..นิดหน่อย”




“เอาอะไร”เมฆาลุกขึ้นยืนพร้อมกับหยิบกระเป๋าเงินออกมาจากเป้




“อ๊ะ ไม่ต้อง เมฆเลี้ยงเราเยอะแล้ว เราไปเองดีกว่า” ร่างโปร่งรีบลุกตามด้วยกลัวว่าอีกฝ่ายจะไปซื้ออะไรมาให้ตนอีก




“รังเกียจ?”




“เปล่า! ไม่ใช่อย่างนั้น คือ..”




“งั้นก็นั่งรอนี่” ร่างสูงตัดบท “ถ้าตาม..จะถือว่ารังเกียจ”




แบบนี้ก็ได้เหรอ?!




สุดท้าย เขาก็ต้องก้มหน้าก้มตากินซาลาเปาที่ร่างสูงซื้อมาให้พร้อมกับนมอีกกล่องแต่โดยดี ฝนยังคงไม่มีทีท่าจะซาลง แถมเวลาก็ล่วงเลยมาจนถึงหกโมงเย็นแล้ว บางคนที่มนไม่ไหวก็วิ่งฝ่าฝนไปที่ป้ายรถเรียบร้อยแล้ว แต่พอเห็นเมฆาไม่ขยับ มธุวันจึงนั่งนิ่งตามไปด้วย




ร่างสูงกัดซาลาเปาของตัวเอง สิ่งหนึ่งที่เขาได้เรียนรู้ในวันนี้คือเมฆาเป็นคนทานเร็วมาก ชนิดที่ว่าหันกลับไปอีกทีสิ่งเดียวที่เหลืออยู่มีเพียงกระดาษรองที่ถูกทิ้งลงในถุงพลาสติก ตรงกันข้าม มธุวันเป็นคนทานช้า กว่าจะทานได้แต่ละคำคนรอบข้างลุ้นแล้วลุ้นอีก  ทำให้ตอนเด็กๆ ร่างเล็กผอมแกร็นมากเพราะแย่งอาหารเด็กคนอื่นทานไม่ทันเสียที




แถมยังอิ่มง่ายอีกด้วย




“อิ่ม?” ร่างสูงเลิกคิ้ว ชี้มาที่ซาลาเปาที่เหลืออยู่เกือบครึ่งในมือร่างโปร่ง




“อื้อ อื้อ ขอโทษนะ อุตส่าห์ซื้อมาให้” มธุวันยิ้มแหย ก่อนจะเบิกตากว้างอย่างตกใจเมื่อคนข้างๆก้มลงมางับซาลาเปาในมือตัวเอง เมฆาเคี้ยวแป้งขาวกลมตุ้ยๆพร้อมกับมองหน้าคนถือไปด้วย ร่างโปร่งก้มมองซาลาเปาในมือก่อนจะยื่นให้




“เอ่อ...กินอีกมั้ย?” แทนที่จะยื่นมือมารับ ร่างสูงกลับก้มลงมางับซาลาเปาจากคนที่ยื่นค้างรอ มธุวันที่ทำอะไรไม่ถูกทำได้เพียงนั่งรอให้อีกฝ่ายกินจนหมด




ทำไมถึงได้ชอบทำอะไรให้คนอื่นหวั่นไหวอยู่เรื่อยเลยนะ




หรือว่าเขาเป็นพวกจิตไม่แข็งเองกันแน่?





“เอ่อ...อย่างนี้ก็ถือว่าเป็นข้าวเย็นแล้วแหละเนอะ” มธุวันว่าเมื่อเห็นฝนเริ่มซา รีบคว้ากระเป๋าเป้ของตนมาถือไว้ “เราว่าเดี๋ยวเรากลับหอเลยดีกว่า ฝนจะหยุดแล้ว”



“อือ ค่อยเลี้ยงวันหลัง” เมฆาลุกตาม สะพายกระเป๋าของตัวเองพาดไหล่




“ยังจะเลี้ยงอีกเหรอ?”มธุวันรู้สึกหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้ นี่อีกฝ่ายกะจะเลี้ยงเขาอีกกี่มื้อถึงจะพอ




ร่างสูงพยักหน้า ซึ่งมธุวันเริ่มเรียนรู้แล้วว่าตัวเองเอาชนะอีกฝ่ายไม่ได้ จึงได้แต่ก้มหน้ายอมจำนนต่อโชคชะตาแต่โดยดี ทั้งสองเดินมาตามทางเดินที่มุงหลังคาเรื่อยๆ ฝนเริ่มหยุดตก มธุวันจึงตัดสินใจเดินกลับหอแทนที่จะนั่งวินมอเตอร์ไซค์ไป เมฆาเดินตามเขามาติดๆโดยไม่ปริปากพูดอะไรซักคำ จนกระทั่งร่างโปร่งนึกถึงบทสนทนาเมื่อเช้าของพวกเขาได้เมื่อเดินมาถึงหน้าหอพัก




“เมฆ เมื่อเช้าเมฆบอกว่าเมฆอยู่คอนโดนอกมอไม่ใช่เหรอ?”



ร่างสูงพยักหน้า



“อ้าว แล้วแบบนี้เมฆจะกลับยังไง” มธุวันถามอย่างเป็นห่วง “นี่ก็เริ่มมืดแล้วนะ”



“เดี๋ยวนั่งวินกลับไปเอารถ”



รถ?




“เมฆขับรถมาเรียน?”เด็กหนุ่มเริ่มตามคนตรงหน้าไม่ทัน ลานจอดรถมันอยู่คนละทางกับหอพักเลยไม่ใช่รึไง



ร่างสูงยังคงพยักหน้าแทนการสื่อสาร



“แล้วเมฆเดินตามเรามาทำไม? เดินมาเย็นๆแล้วตากลมไปอีก เดี๋ยวก็ไม่สบายหรอก” มธุวันดุ




“ไม่อยากให้เดินกลับคนเดียว เป็นห่วง” ร่างสูงตอบหน้าตาย




ฮือ...หัวใจติ๊งต๊อง จะเต้นแรงขึ้นมาทำไม เดี๋ยวเมฆก็ได้ยินหรอก




แต่ครั้งนี้มธุวันคิดว่าเขาควรต้องคุยกับร่างสูงอย่างเป็นจริงเป็นจังแล้ว เพราะหากปล่อยให้คนตรงหน้าไปกระตุกใจใครต่อใครเรี่ยราดแบบนี้ ซักวันอาจจะถูกแฟนของสาวคนไหนลากไปซ้อมหลังตึกก็ได้





“เมฆ คือการที่เมฆใจดีแบบนี้เราว่าเป็นเรื่องดีนะ แต่เราว่า..เมฆเพลาๆลงบ้างก็ได้” ร่างโปร่งพยายามเรียบเรียงคำพูดให้ดีที่สุด แต่ดูเหมือนคนตรงหน้าจะไม่เข้าใจสิ่งที่เขาต้องการจะสื่ิอ




“คือ ถ้าเมฆทำแบบนี้ คนที่เมฆใจดีด้วยเขาอาจจะคิดว่าเมฆชอบเขา กำลังจีบเขาอยู่ อะไรแบบนี้น่ะสิ”




เหมือนที่เรากำลังรู้สึกตอนนี้ไง




ผิดคาด แทนที่ร่างสูงจะไม่พอใจที่ถูกเขาเตือน คนตรงหน้ากลับกระตุกยิ้มมุมปากอย่างพึงพอใจขึ้นมาเสียอย่างนั้น




“ก็คิดถูกแล้วนี่”



หือ?



อะไรนะ?



“เจอกัน”



ร่างสููงยกมือเรียกวินมอเตอร์ไซค์ที่ผ่านมาในตอนนั้นพอดี ตวัดขาขึ้นนั่งซ้อนท้ายพี่วิน ก่อนจะหันมาขยิบตาให้เขาอย่างน่าหมั่นไส้เป็นที่สุด



“ไปลานจอดรถบริหารครับ”




มธุวันยังคงยืนค้างอยู่ที่เดิมหลังจากที่ร่างสูงลับสายตาไปไกล





นี่เขาฝันอยู่รึเปล่าเนี่ย?!


---------------

#เมฆานี่มันเมฆาจริงๆ
ขอบคุณทุกคอมเม้นท์ทุกกำลังใจ ฝากเรื่องอื่นด้วยนะคะจุ๊บๆ

ฝากเพจด้วยยยยย: https://www.facebook.com/LittlePig-246682512474295/

ออฟไลน์ Sky

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 933
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-2
เมฆเวอร์ชั่นเก่านี่ชวนใจเต้นจริงๆเลย :-[

ออฟไลน์ fay 13

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5635
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +286/-44

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
สงสารหมอกจัง ทำไมเมฆถึงทิ้งหมอกนะ

ออฟไลน์ agava1313

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-5
รุกน่าดูเลยนะ แสดงว่าต้องมีเหตุอะไรซักอย่างที่ทำให้ขอเลิก แอบคบกันขนาดป๋ายังไม่รู้แสดงว่าไม่ใช่ครอบครัวฝ่ายชายที่เป็นฝ่ายกีดกัน แล้วขอเลิกกันทำไมเหน่อ..?  อยากอ่านเวอร์ชั่นปัจจุบันเร็วๆเลย ลุ้นว่าจะจำได้เมื่อไหร่

ออฟไลน์ Tuffina

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 106
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ว้ายตายแล้ววววววววววว อิพี่เมฆเวอร์ชั่นเก่านี่ดาเมจหัวใจรุนแรงมากค่ะคุณขาาา ฮื้อ อยากรู้แล้วว่าทำไมถึงเลิกกัน  :hao5: :hao5:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ weedear

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-4
เเต่ก่อนก็อ่อยเค้าจังง

พอจะเลิกพอจะลืม ละทำง่ายจัง

อยากรู้ว่าสาเหตุตืออะไรกันนนนน

ออฟไลน์ WilpeR

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1556
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-2
เมฆเวิร์ชั่นก่อนความจำเสื่อมน่ารักอ่ะ

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
ตอนก่อนความจำเสื่อมนี่กรี๊ดเลย เมฆน่ารัก

ออฟไลน์ JACKSON

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ donut4top

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 396
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
เป็นเราเราก็หวั่นไหวค่ะ อารมณ์ประมาณร้ายกับคนทั้งโลกแต่ดีกับเราแค่คนเดียวแบบนี้

ออฟไลน์ TheWanFah

  • ความใกล้ชิด บางครั้ง ทำให้เราเผลอคิดไปเอง
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-1
ขอเวอร์ชันปัจจุบันเยอะๆเลยได้ไหมคะ
อยากเห็นเมฆเวอร์ชันปัจจุบันว่าจะหวงหมอกขนาดไหน

ออฟไลน์ littlepig

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 429
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +413/-5
Chapter 5: [Now] กางเกงในสีดำ




เมฆาตัดสินใจว่าจะไม่ทำให้ไก่ตื่น




เขารู้แล้วว่าทักษะการหาข้ออ้างของอีกฝ่ายไหลลื่นยิ่งกว่าบิดาของเขาตอนโดดประชุมบอร์ดบริหาร เพราะฉะนั้นเขาจะหลอกให้อีกฝ่ายตายใจ แล้วเผลอหลุดคายความลับออกมาด้วยตัวเอง




แต่ก่อนอื่น มีสิ่งหนึ่งที่เขาต้องทำ




รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง





ในเมื่ออีกฝ่ายมีข้อมูลของเขาขนาดนี้ แล้วทำไมเขาจะเล่นสกปรกแบบมธุวันไม่ได้




“ขอโทษนะคะ ดิฉันคงให้ไม่ได้”




หัวหน้าแผนกทรัพยากรบุคคลเงยหน้าขึ้นจากหน้าจอคอมพิวเตอร์หลังจากได้ยินคำสั่งของเขา เมฆาขมวดคิ้ว




“คุณหมายความว่ายังไง?”



“ถ้าไม่ได้กรอกแบบฟอร์มคำร้องขอดูเป็นลายลักษณ์อักษรพร้อมกับเอกสารเห็นชอบจากเจ้าตัว ต่อให้เป็นคุณเมฆาดิฉันก็คง
ให้ไม่ได้”




หญิงสาวอธิบายอย่างใจเย็น วันนี้เธอเข้ามาทำงานเช้ากว่าลูกน้องในแผนกของเธอมากเพื่อตรวจเช็คเอกสารของพนักงานใหม่ ไม่คิดว่าจะได้เจอท่านรองประธานที่ทั้งบริษัทร่ำลือถึงความเฉียบขาด สุขุม และเยือกเย็น แทบจะถลาเข้ามาหาเธอ แถมยังขอดูเอกสารประวัติของพนักงานโดยไม่ผ่านการยื่นคำร้องแบบปกติอีกด้วย




“คุณจะบอกว่า คุณยอมให้พ่อของผมเอาแฟ้มประวัติของผมไปให้คนอื่นอ่าน แต่ผมตำแหน่งสูงไม่พอที่จะทำแบบนั้น?”ร่างสูงกอดอก แต่คำตอบที่ได้รับมีเพียงสีหน้าสับสนของหญิงสาว





“คุณเมฆาคะ เอกสารที่อยู่ในห้องนี้จะถูกเปิดเผยได้ต้องผ่านความเห็นชอบของดิฉัน และดิฉันก็ยืนยันได้เลยค่ะว่าไม่มีใครแตะต้องแฟ้มของคุณตลอดสามปีที่ผ่านมา”




อะไรนะ?





“ถ้าอย่างนั้น ผมขอดูแฟ้มของผมได้มั้ย?” เขาจำได้ว่าตอนนั้นตัวเองยังต้องทำกายภาพบำบัด เรื่องการกรอกข้อมูลบิดาของ
เขาเป็นคนทำให้ทั้งหมด เขาจึงไม่รู้ว่าข้อมูลที่อยู่ในนั้นมีมากน้อยเพียงใด





“ได้ค่ะ” หญิงสาวในชุดสูททำงานเดินกลับเข้าไปในห้องเก็บเอกสาร ก่อนจะกลับออกมาพร้อมกับแฟ้มเอกสารขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ เมฆารับมาเปิดอ่าน ทว่ายิ่งเห็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้า ชายหนุ่มยิ่งสับสนมากกว่าเดิม





เพราะนอกจากชื่อ เลขประจำตัวประชาชน วันเกิด ศาสนา และเบอร์โทรศัพท์ที่สามารถติดต่อได้ ธีรเชษฐ์ไม่แม้แต่จะกรอกกรุ๊ปเลือดหรือที่อยู่ของเขาลงไปด้วยซ้ำ





“คุณแน่ใจนะว่ามีแฟ้มนี้แค่อันเดียว?”




“แน่นอนค่ะ” หญิงสาวตอบอย่างมั่นใจ






เมฆาขมวดคิ้ว ยิ่งพยายามเค้นหาคำตอบถึงสาเหตุที่มธุวันรู้จักตนดีขนาดนั้น ยิ่งพบแต่ทางตันและข้อสงสัยที่เพิ่มพูนขึ้นเรื่อยๆ





น่าหงุดหงิดชะมัด






ทางฝ่ายเลขาคนเก่งยังคงทำงานของตัวเองอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ไม่ได้รับรู้เลยว่ามีใครบางคนกำลังสืบหาเรื่องของตนอยู่




เอ...รายงานการประชุมรอบที่แล้ว





“อ๊ะ..อ๊า..พี่เชษฐ์...อ๊า...”






เสียงครางกระเส่าที่เป็นเหมือนเสียงแมลงหวี่แมลงวันสำหรับร่างโปร่งไปแล้วดังขึ้นไม่หยุดหย่อน ตอนแรกๆที่มาทำงาน มธุวันจำได้ว่าตนหน้าแดงจนต้องซื้อผ้าปิดปากมาปิด ยังพอรับรู้ได้ว่าหลายคนที่เข้าไปในห้องนั้นเป็นผู้ชาย ยิ่งทำให้เขารู้สึกหน้าร้อนผ่าว





แต่ตอนนี้น่ะเหรอ






“ท่านประธาน เอกสารด่วนครับ”





มธุวันก้าวหลบเสื้อผ้าและเข็มขัดทีกองระเกะระกะอยู่บนพื้นอย่างคล่องแคล่ว ร่างสูงนั่งอยู่บนเก้าอี้ทำงานของตนโดยมีชายหนุ่มร่างโปร่งที่มธุวันจำได้ว่าเคยเห็นตามโฆษณาและนิตยาสารแฟชั่นบ่อยๆนั่งคร่อมอยู่บนตัก ร่างขาวเนียนไม่มีอาภรณ์ปิดบังกล้ามเนื้อสมส่วนซักชิ้น เผยให้เห็นแผ่นหลังนวลเนียนบางส่วนซึ่งพ้นจากการถูกปกปิดโดยเส้นผมสีดำสนิทยาวถึงสะโพกมนที่หากไม่ได้เห็นแบบใกล้ชิดติดขอบจออย่างเขาจะแทบไม่สังเกตเห็นริ้วแผลเป็นจางๆประปรายซึ่งอาจเกิดจากกิจกรรมเข้าจังหวะแบบเฮฟวี่เมทัลที่เขาไม่อยากจินตนาการถึงก็เป็นได้ ถึงแม้โต๊ะทำงานตัวเขื่องจะบดบังอะไรก็ตามที่กำลังเกิดขึ้นด้านล่าง ร่างโปร่งก็เดาได้ไม่ยากว่าทั้งสองกำลังทำอะไรอยู่




“อ๊ะ..อ๊า..”





ร่างโปร่งบนตักสะดุ้งเฮือกเมื่อร่างสูงโน้มตัวมาข้างหน้าทั้งที่สะโพกสอบยังขยับไม่หยุด ใบหน้าสวยหวานดุจนางพญาเหยเกด้วยความเจ็บปวดระคนสุขสม เส้นผมยาวสลวยสีดำสนิทชื้นไปด้วยเหงื่อแต่กลับไม่ทำให้อีกฝ่ายดูดีน้อยลงไปเลย ประธานหนุ่มเซ็นเอกสารจังหวะเดียวกับที่ชายหนุ่มบนตักเกร็งไปวูบหนึ่ง ก่อนจะอ่อนยวบลงไปกับแผงอกแกร่งของธีรเชษฐ์




“อีกสิบนาทีแขกจะเข้ามานะครับ รบกวน...อยู่ในสภาพที่พร้อมรับแขกด้วย”




“ได้ยินแล้วนะ เดี๋วพี่โทรหานะครับ” ร่างสูงเชยคางมนขึ้นมามอบจุมพิตดูดดื่มให้ ใบหน้าสวยยิ้มอย่างรู้ทัน





“ไม่ต้องพูดให้ผมรอเก้อหรอกครับ”




“รินเนี่ย รู้ใจพี่จริงๆ”






“ปากหวานไปก็ไม่ได้อะไรเพิ่มหรอกนะครับ แต่งตัวได้แล้ว” แม้จะพูดอย่างนั้น แต่ดวงตาคมสวยสื่อความหมายไปอีกทาง ร่างโปร่งลุกขึ้นจากตักของชายหนุ่ม มธุวันหลุบตาลงมองเอกสาร พยายามไม่ใส่ใจร่างเปลือยเปล่าที่ก้มลงเก็บเสื้อผ้าของตนที่กระจายทั่วห้องขึ้นมาสวม





“เอ๊ะ...พี่เชษฐ์เห็นกางเกงในผมมั้ยครับ?”




คนเรามันจะต้องเปิดเผยขนาดนี้เลยเหรอ?





มธุวันได้แต่ทอดถอนใจเงียบๆ อยู่คนเดียว เมื่อลับร่างของคู่นอนหมายเลขห้าร้อยแปดสิบสี่ ร่างโปร่งหยิบแฟ้มขึ้นมากอดไว้แนบอก เหลือบมองดูนาฬิกาบนผนังพบเวลาอีกแค่สองนาทีจะถึงเวลาที่นัดไว้ ทว่าใต้นาฬิกาแขวนซึ่งมีตู้เอกสารสูงตั้งอยู่ มีบางสิ่งบางอย่างห้อยอยู่บนถ้วยรางวัลนักธุรกิจดีเด่นของประธานคนเก่ง





“มัน…ขึ้นไปอยู่บนนั้นได้ยังไงครับ?”





มธุวันถาม ลืมความสุขุมเยือกเย็นที่สั่งสมมาตลอดสามปีจนหมดสิ้น ทั้งที่เขาคิดว่าเขาเห็นมาหมดทุกอย่างแล้วแท้ๆ แต่ธีรเชษฐ์ก็ยังสามารถทำให้เขาประหลาดใจได้เสมอ






“อ๋อ…คงจะเป็นตอนที่...”







“ผมไม่ได้ต้องการคำตอบ”ร่างโปร่งรีบห้ามก่อนที่ชายหนุ่มจะได้วาดภาพติดเรทในหัวของเขา “ผมต้องการวิธีที่จะเอามันลง
มา”






ภาพที่ประธานบริหารของเครือบริษัทยักษ์ใหญ่กับเลขาผู้มากความสามารถที่ถูกขนานนามจากคนในบริษัทว่าเป็นปีศาจน้ำแข็งที่ไร้หัวใจเงยหน้ามองกางเกงชั้นในสีดำเนื้อดีราคาเพงบนยอดถ้วยรางวัลที่อยู่บนตู้สูงสามเมตรเป็นภาพที่หาดูได้ยาก มธุวันถอนหายใจก่อนจะกดโทรศัพท์ต่อสายไปหาเจนจิรา






“คุณแจนครับ รบกวนช่วยพาแขกของท่านประธานไปที่ห้องรับรองชั้นล่างแล้วเอาแฟ้มที่อยู่บนโต๊ะผมให้อ่านรายละเอียดคร่าวๆก่อนได้มั้ยครับ?”






“เอ๊ะ? ทำไมไม่ไปที่ห้องท่านประธานล่ะคะ โมเดลโครงการอยู่ที่นั่นแล้วนี่คะ แถมคุณวีรภัทรก็ถือเรื่องเวลามากๆด้วย”
ใช่ ปัญหาคือโมเดลโครงการบ้านจัดสรรที่บริษัทเพิ่งเริ่มทำเป็นหมู่บ้านแรกขนาดเท่าโต๊ะทานข้าวสำหรับครอบครัวใหญ่ยังอยู่บนโต๊ะรับเเขกในห้องนี้ ทำให้พวกเขาไม่สามารถใช้โต๊ะนั่นเป็นที่ต่อตัวขึ้นไปหยิบ และไม่สามารถหลีกเลี่ยงการที่จะให้คู่ค้าเข้ามาในห้องนี้ได้





แถมยังเป็นเพื่อนสนิทที่ขึ้นชื่อเรื่องความตรงต่อเวลาของธีรเชษฐ์อีกด้วย...





“ยังไงก็ถ่วงเวลาให้ผมหน่อยนะครับ” มธุวันขอร้องก่อนจะตัดสาย พยายามหาอุปกรณ์ที่จะช่วยเขาให้ปีนขึ้นไปได้จากในห้อง ก่อนจะไปสะดุดกับเก้าอี้ที่ชายหนุ่มเพิ่งทำกิจกามกับคู่ขาคนล่าสุดเสร็จต่อหน้าต่อตาเขา





“อันตรายไปรึเปล่าหมอก ฉันว่าเราเรียกช่างให้เอาบันไดมาดีกว่ามั้ย?” ประธานบริษัทเสนอเหมือนรู้ความคิดของเขา แต่กลับถูกสายตาของเลขาของตนทำให้หงอไปในทันที





“ไม่ทันหรอกครับ ท่านประธานจับเก้าอี้ไว้นะครับ ผมจะขึ้นไปเอา”





“ไม่ต้อง นายนั่นแหละจับ ฉันสูงกว่า น่าจะหยิบถึง”





มธุวันไม่มีทางเลือกเมื่ออีกฝ่ายยืนกรานเช่นนั้น ร่างโปร่งจับฐานเก้าอี้ไว้แน่น ธีรเชษฐ์ถอดรองเท้าและถุงเท้าออก ก่อนจะปีนขึ้นไปยืนแล้วค่อยๆเขย่งเท้าพร้อมกับเอื้อมมือไปยังเจ้าชิ้นผ้าสีดำ แต่ทว่าชายหนุ่มยังคงไม่สามารถเอื้อมถึง





“คุณวีรภัทรคะ คุณเมฆาคะ เข้าไปไม่ได้นะคะ”





เสียงของเจนจิราจากข้างนอกห้องทำมธุวันเสียสมาธิเผลอปล่อยมือออกจากเก้าอี้เพียงเสี้ยววินาที แต่นั่นก็มากพอที่จะทำให้ธีรเชษฐ์เสียหลัก




“เหวอ!!”




โครม!




ร่างสูงใหญ่ยิ่งกว่ายักษ์ของท่านประธานร่วงลงมาจากเก้าอี้และทับเขาจนล้มลงไปนอนกองกับพื้น โชคดีที่ธีรเชษฐ์ใช้แขนยันพื้นไว้ทำให้น้ำหนักตัวของชายหนุ่มไม่ทับเข้าจนเครื่องในปลิ้นออกมาเสียก่อน แต่โชคร้ายอยู่ตรงที่เจ้าชั้นในเจ้ากรรมที่ห้อยต่องแต่งอยู่บนถ้วยรางวัลอย่างหมิ่นเหม่ที่พวกเขาพยายามแทบตายเพื่อเอาลงมากลับถูกแรงสั่นสะเทือนเมื่อครู่ทำให้ปลิวตกลงมา...





…แล้วแปะลงบนศีรษะของธีรเชษฐ์อย่างพอดิบพอดี





“ทั้งที่กูคิดว่ากูทนนิสัยแบบนี้ของมึงได้แล้วนะเชษฐ์..”





เสียงที่เขาคุ้นเคยดีว่าเป็นของคุณวีรภัทร เพื่อนสนิทที่อายุน้อยกว่าคุณธีรเชษฐ์ถึงสองปี และเป็นอาจารย์สอนภาษาอังกฤษที่มหาวิทยาลัยที่เขาเรียนจบมา ดังขึ้นจากหน้าประตู มธุวันหน้าร้อนด้วยความอับอาย ไม่กล้าแม้แต่จะหันไปมองผู้มาใหม่ นึกอยากจะให้ธรณีแยกออกแล้วสูบตัวเองลงไปเสียตอนนี้





“ผมส่งแค่นี้นะครับอาวี” เสียงของเมฆาดังขึ้น ก่อนที่เขาจะได้ยินเสียงฝีเท้าหนักๆของชายหนุ่มเดินจากไป





ช่างเถอะ...เขาไม่ติดค้างคำอธิบายอะไรกับเมฆาอยู่แล้วนี่





“จะลุกขึ้นมาได้รึยัง เดี๋ยวกูต้องพาลูกไปซื้อชุดนักศึกษา” วีรภทัรเดินมาหาร่าางที่นอนกองกันอยู่บนพื้น กอดอกก้มมองทั้งสองพร้อมกับเลิกคิ้ว




“เออๆ รู้แล้วๆ”ธีรเชษฐ์ลุกขึ้น หยิบสิ่งที่อยู่บนหัวออกจากศีรษะอย่างหงุดหงิด พร้อมกับยื่นมือให้เลขาที่นอนอยู่บนพื้น แต่มธุวันไม่ยอมรับความช่วยเหลือ ยันตัวลุกขึ้นมาด้วยตัวเอง





“สวัสดีครับคุณวีรภัทร ต้องขออภัยในความล่าช้า..”





“ไม่เป็นไรหรอกครับคุณมธุวัน เพราะผมว่ามันไม่น่าใช่ความผิดของคุณ” วีรภัทรถอนหายใจ “เริ่มกันเลยดีกว่า”






“หมอก...”





“…”





“หมอกจ๋า...”





“…”





“น้องหมอกคนเก่ง...”




“เฮอะ!”





พนักงานที่เดินผ่านไปผ่านมาถึงกับสะดุ้งตัวเกร็งเมื่อได้เห็น ‘ปีศาจน้ำแข็ง’ สะบัดหน้าหนีการง้องอนของประธานบริษัทราวกับเด็กๆ จริงอยู่ที่พวกเขาเห็นท่านประธานตามง้อเลขาหนุ่มหลังจากทำเรื่องให้มธุวันปวดหัวจนเป็นภาพชินตาแต่ปกติคุณมธุวันจะทำเพียงแค่นั่งทำงานเงียบๆ ปล่อยให้ท่านประธานล่าถอยไปเอง






ครั้งนี้สงสัยจะโกรธจริง...





“ง่า..หมอก อย่างอนเลยน้าาาา” มธุวันหอบเอกสารเดินจ้ำอ้าวเข้าไปในลิฟต์ที่มีเพียงตนและประธานบริษัทที่มีสิทธิ์ใช้ พร้อมกับกดปิดก่อนที่ร่างสูงจะตามทัน ธีรเชษฐ์คอตก ไม่รู้จะง้อร่างโปร่งอย่างไรดี





มธุวันซุกหน้าลงกับแฟ้มเอกสารในอ้อมกอด





เขาแค่โกรธคุณเชษฐ์เพราะทำให้งานล่าช้า แถมยังทำให้คุณวีรภัทรที่เคยเป็นอาจารย์ของเขามาเห็นภาพชวนสงสัยนั่นก็เท่านั้น ไม่ได้โกรธที่อีกฝ่ายทำให้เมฆาเข้าใจผิด




ไม่ใช่ซักนิด..









ตอนนี้ก็ใกล้เวลาพักเที่ยงของมธุวันแล้ว แต่ประธานบริษัทของเขากลับหายศีรษะไปตั้งแต่เกิดเรื่องเมื่อเช้า ถึงแม้จะเป็นช่วงที่ร่างสูงไม่มีนัดอะไร แต่มธุวันก็อดสงสัยไม่ได้ว่าอีกฝ่ายหายไปไหน





คงไม่ได้กลับไปสานต่ออะไรๆกับคุณนายแบบสุดเอ็กซ์นั่นหรอกนะ....




ตอนบ่ายมีประชุมด้วย...โทรไปตามก่อนแล้วกัน




ทว่ายังไม่ได้ยกหูโทรศัพท์ คนที่เขากำลังจะโทรหาก็โผล่หน้าออกมาจากลิฟต์พร้อมรอยยิ้มกว้าง ในมือถือถุงกับข้าวเต็มสองมือ กลิ่นหอมตลบอบอวลชวนน้ำลายสออันแสนคุ้นเคยทำให้เขาและพนักงานที่เดินผ่านไปมาหลายชีวิตเผลอสูดเข้าไปเฮือกใหญ่




“หมอก กินข้าวกัน ฉันซื้อมาฝาก”





“….”ร่างโปร่งเลิกคิ้ว จริงๆเขาก็หายงอนเรื่องเมื่อเช้าแล้ว แต่อยากรู้ว่าเจ้านายจะมาไม้ไหน




“ส้มตำ ต้มแซ่บกระดูกหมู ลาบปลาดุก ไก่ย่าง คอหมูย่าง ของโปรดเธอทั้งนั้นเลยนะ”




การได้เห็นลูกครึ่งรัสเซียร่างยักษ์ในชุดสูทเต็มยศหน้าแดงก่ำและเหงื่อแตกพลั่กจากการเข้าคิวต่อแถวเพื่อซื้อส้มตำให้เขาทำให้มธุวันนึกย้อนไปถึงลูกชายคนโตของชายหนุ่มที่มักจะทำอะไรแบบนี้ทุกครั้งที่ทำให้เขาโมโห





แล้วเขาก็ต้องใจอ่อนทุกทีสิน่า...



“ร้านไหนครับ”




“เจ้าประจำของหมอกที่อยู่ถัดไปสองซอย นี่ต่อคิวตั้งสองชั่วโมงเลยนา” ร่างสูงรีบอวดสรรพคุณเมื่อเห็นว่าเลขาของตัวเองเริ่มสนทนาด้วย




“ส้มตำอะไรครับ?”




“ตำไทยไข่เค็มพริกขี้หนูสามเม็ดครึ่งพริกชี้ฟ้าอีกหนึ่งเม็ดตำละเอียดๆ ไม่หวานครับพ้ม” ธีรเชษฐ์รายงาน “ต้มแซ่บกระดูกหมูเพิ่มพริก เพิ่มมะนาว พิเศษกระดูกหมู คอหมูย่างติดมันน้อย ไก่ย่างไม่แห้ง ไม่อร่อยให้ต่อยเลยครับ”




“พูดเองนะครับ” มธุวันตอบเสียงเรียบ พยายามกลั้นยิ้มกับการพรีเซ้นท์ที่แสนจะโอเว่อร์ประหนึ่งพรีเซ้นท์งานร้อยล้านให้ลูกค้า “จานล่ะครับ”




“ยกโทษให้ฉันแล้วใช่ม้า เดี๋ยวจัดจานให้เดี๋ยวนี้เลยครับ” ธีรเชษฐ์ยิ้มกว้าง ผลุบหายเข้าไปในห้องพักเบรกที่อยู่ไม่ไกลจากโต๊ะของเขา





มธุวันส่ายหัวยิ้มๆแล้วก้มลงทำงานต่อเงียบๆ รอกินข้าวฟรีที่เจ้านายอุตส่าห์ถ่อไปซื้อมาให้






---(ครึ่งแรก)

พี่เมฆมีความตัวประกอบ :laugh: :laugh:


ออฟไลน์ Tuffina

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 106
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
คุณเชษฐ์มีความน่ารัก อยากอ่านเรื่องคุณเชษฐ์กับน้องมีนแล้ว

ออฟไลน์ NuNam

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-3
บางทีก็นึกอยากได้ 3P พ่อลูก+หมอก 5555

ออฟไลน์ ♥lvl♀‘O’Deal2♥

  • หานิยายถูกใจยากจัง!
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2665
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +176/-4
ไม่ต้องมีเมฆาหรอกตัวประกอบไป หมอกกับคุณเชษพอ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด