... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 19/08/17 [END]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 19/08/17 [END]  (อ่าน 487294 ครั้ง)

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3709
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4

ออฟไลน์ Pipetalala

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 6
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
พี่สงงงงงง เท่จุงเบรยน้องชอบบบบ :impress2:
มันมีซัมซุง เอ้ย! ซัมติงค์นะคะขุนพี่สงกับขุนพี่อ้ายยยยย >///<


ออฟไลน์ yamapong

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 199
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
โอยยย ทนายตอนแรกกะตอนนี้ช่างแตกต่าง ไม่คิดว่าจะเป็นคนแบบนี้นะ 555555  ขำำำ
ปล.หนูสงสัยคู่ใหญ่ค่ะเจ้ พี่สงครามมีความรักนี่กะใครร หอสามป่าววว วร้ายยย อยากรู้

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
 :katai3:  รอตอนต่อไปจ้า

ออฟไลน์ Iamex

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 15
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เมื่อไหร่จะมาซักทีน๊า....  :hao5:

ออฟไลน์ kredkaew26

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 102
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
เมื่อไหร่จะมาอะคร้าาาาาาาาา  เค้ารออยู่อ่ะ  นะ นะ นะ นะ นะ นะ นะ นะ   :call: :call: :call:   :monkeysad:

ออฟไลน์ Iamex

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 15
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เมื่อไหร่จะมาน๊าาาาา :sad11:

ออฟไลน์ Chiffon_cake

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 712
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1544/-12





บัลลังก์ปักษา

ตอนที่ 13


นับตั้งแต่วันนั้นลองทายดูสิครับว่าเรื่องของผมกับอาสามีอะไรคืบหน้าหรือเปล่า

กด 1 คืบหน้าโคตรๆ
กด 2 คืบหน้าทีละนิดแบบกระดึ๊บๆ
กด 3 ไม่คืบหน้าเลย
กด 4 มึงจะให้กูกดทำเชี่ยอะไรนักหนา

โอเค ทุกคนกด 4 กันหมดผมรู้ แต่คำตอบที่ถูกต้องจริงๆ ก็คือ 3 ครับ ไม่มีอะไรคืบหน้าเลย ไม่มีเลย! ไม่ใช่ว่าผมไม่พยายามนะ แต่สถานการณ์แม่งไม่เอื้ออำนวยต่างหาก ซึ่งมันมีสาเหตุมาจากหลายเหตุผลด้วยกัน นั่นก็คือหนึ่งเพราะอาสามีงานเข้าเรื่องที่ต้องทำการบ้านส่งอาจารย์ และสองคือผมถูกพี่อ้ายสั่งให้ไปเดินแบบเปิดตัวมอเตอร์ไซค์ที่ในเมือง

บอกตามตรงนะ ผมไม่รู้ว่างานนี้เกี่ยวเหี้ยอะไรกับผม แต่พี่อ้ายบอกว่าผู้จัดจำหน่ายมอเตอร์ไซค์ยี่ห้อนี้เป็นสปอนเซอร์ให้ทางมหา’ลัยมาเนิ่นนาน และเขาต้องการคนที่พอจะเป็นหน้าเป็นตาให้สินค้ากับมหา’ลัยได้ ซึ่งพี่อ้ายบอกว่าตอนนี้ผมเป็นเด็กหน้าใหม่ที่กำลังมาแรงสุดๆ ยอดไลค์ในเพจคิวต์บอยพุ่งพรวดทั้งๆ ที่แอดมินโพสต์แค่รูปผมหันใบหน้าด้านข้างและตัวผมมีขนาดเท่ามด ดังนั้นพี่อ้ายก็เลยขอร้องกึ่งบังคับให้ผมไปเดินแบบให้วันเสาร์นี้

ยังมีอีกหนึ่งเหตุผลที่พี่อ้ายแอบมากระซิบใกล้ๆ ว่าพวกหออื่นก็ส่งคนหน้าดีที่สุดให้ไปเดินด้วย และแต่ละคนที่ถูกส่งมาก็ไม่ใช่ขี้ๆ หอสามซึ่งเป็นหอที่ได้เปรียบที่สุดจะประมาทไม่ได้ ต้องส่งตัวท็อปอย่างผมกับไอ้เชี่ยเตไป

ว่าแต่...พี่ถามผมหรือยังก่อนที่พี่คิดจะทำอะไรอ่ะ โธ่

เย็นวันศุกร์ผมมีนัดซ้อมเดินแบบเล็กน้อย ผมกำลังนั่งอยู่ในห้อง 503 มองดูอาสาที่ทึ้งหัวตัวเองเป็นครั้งที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้ของวัน มันกำลังทำการบ้านของอาจารย์สุดโหดคนหนึ่งอยู่ ซึ่งเป็นงานที่อยู่ดีๆ มันก็นึกขึ้นได้ว่าต้องทำ อาสาบอกผมว่าช่วงที่อาจารย์สั่งมันต้องเผลองีบหลับไปอย่างแน่นอน

คนที่จะช่วยเหลือมันได้มีเพียงไม่กี่คน นั่นก็คือเด็กหอสามที่เรียนอยู่บัญชีปีสองทั้งหมด ซึ่งหนึ่งในนั้นมีไอ้ไมล์ด้วย และตอนนี้มันกับคนอื่นๆ ก็กำลังเดินเข้ามาในห้องของผมกับอาสาเพื่อมาช่วยเหลือ

ดูจากสายตาและการกระทำ อาสากับไมล์ไม่ได้มีอารมณ์ที่จะมาเครียดเรื่องดราม่าระหว่างมันทั้งสองคน ตรงกันข้ามพวกมันกลับเอาแต่คุยเรื่องงาน ช่วยกันคิด ช่วยกันคำนวณ จนผมที่นั่งมองอยู่รู้สึกราวกับว่าสองคนนี้ไม่เคยมีเรื่องอึดอัดใจต่อกัน

มันก็ถือว่าเป็นเรื่องดีนะครับหากตอนนี้ผมไม่ได้รู้สึกอะไรกับอาสา เพียงแต่ว่าตอนนี้ผมชอบอาสาไปแล้วไง
เพราะงั้นผมจึงต้องมานั่งหัวร้อนอยู่ในซอกมุมเล็กๆ แบบนี้

“ตรงนี้มันผิดหรือเปล่าวะ” ไมล์ขยับตัวเข้าไปใกล้อาสา เอื้อมมือไปวางชีทเรียนข้างๆ ดูกลายๆ เหมือนกำลังโอบอาสาที่นั่งอยู่
ผมกำโทรศัพท์แน่น ตอนนี้ผมเข้าแอพฯ อะไรอยู่ก็ไม่รู้ สติสตังหายไปหมดแล้ว

“เชี่ย ผิดจริงด้วย” อาสาโวย “โอ๊้ย กูจะบ้าตาย”

“อย่าเครียด ไม่ยากโว้ย” ไมล์ตบไหล่อีกฝ่ายด้วยท่าทีที่เป็นธรรมชาติ ไม่หวังสิ่งใด

“ถ้าไม่มีมึงกูตายแน่เลย”

เย็นไว้ทนาย มึงเย็นไว้ เขาแค่ทำงานทำการบ้าน เขาไม่ได้จีบกัน...

“เดี๋ยวกูช่วยจนกว่ามึงจะเสร็จ”

“เออ ขอบใจมากนะ”

ทำไมต้องมีงานเดินแบบห่าเหวอะไรตอนนี้ด้วยวะ ผมกลอกตาขึ้นไปบนฟ้า นึกโทษโชคชะตาที่กำหนดให้ผมต้องมาเจอกับอะไรแบบนี้ ไมล์เห็นว่าผมเงียบไปก็เลยหันมาคุยด้วย

“พรุ่งนี้มึงกับเตเดินบ่ายสองใช่ป่ะ”

ผมพยักหน้า

“เดี๋ยวกูกับเชี่ยอาสาจะไปดูนะ”

“แต๊งกิ้วมาก”

“สู้ๆ นะมึง ปีก่อนกูก็โดน” ไอ้ไมล์เล่าด้วยท่าทางสบายๆ “คนที่จะทำให้มึงเครียดไม่ใช่คนจากหออื่น แต่เป็นพี่อ้าย”

“ทำไมวะ” ผมชักจะหวาดระแวง

“พี่มันแม่งกลัวมึงจะทำเสียชื่อหอสามไง ฮ่าๆๆ”

“มันไม่ทำเสียชื่อหรอก” อาสาหันมาพูดบ้าง “มันหล่อสุดๆ แล้ว พี่สงครามที่ว่าโคตรเท่ยังสู้มันไม่ได้เลย”

คำพูดที่เหมือนไม่ได้คิดอะไรของอาสากลับทำให้ผมรู้สึกดีจนอยากรับงานเดินแบบไปอีกห้าร้อยงานโดยไม่คิดค่าตัว

“อวยสัดๆ”

“ให้กำลังใจมันหน่อย มันเครียดจนหน้าเสียไปหมดแล้ว”

กูหวงมึงต่างหากล่ะไอ้บ้า...ผมลุกจากเตียงอย่างเซ็งๆ เพราะถึงเวลาที่ต้องไปซ้อมแล้ว

“เฮ้ย รอแป๊บเดี๋ยวลงไปด้วย” อาสาลุกบ้าง “พวกมึงจะกินอะไร เดี๋ยวซื้อมาให้” ที่แท้มันก็อยากเลี้ยงของกินเพื่อนที่มาช่วยมันนี่เอง ผมรออาสาครู่หนึ่ง จากนั้นเราก็เดินลงไปข้างล่างพร้อมกัน

“เป็นอะไรไป” อาสาเอ่ยท้วงทันทีที่เราสองคนอยู่ตามลำพัง “มึงเครียดเรื่องงานเดินแบบเหรอ”

“เปล่า”

“แล้วมึงเครียดเรื่องอะไรวะ”

“คือ...” ผมมองอาสาอย่างลังเล ในที่สุดผมก็ตัดสินใจที่จะพูดออกมาเลยดีกว่า “มึงอยู่ตามลำพังกับคนพวกนั้นได้แน่นะ”

อาสาอึ้งไปเล็กน้อย “ได้สิวะ”

“ไม่อึดอัดแล้วใช่ป่ะ”

“ตอนนี้กลัวเรื่องงานไม่เสร็จมากกว่า”

“อืม” แทนที่จะเบาใจ ผมกลับหนักใจมากกว่าเดิม ผมพาอาสาไปยังร้านซูเปอร์มาร์เก็ตใต้หอ รอมันเลี้ยงขนมจนพอใจ จากนั้นก็เดินขึ้นไปส่งมันอีกรอบ

“ทำไมยังไม่ไปอีก”

“เออน่า ไปส่งมึงก่อน”

“เป็นห่วงกูเหรอ” อาสาพูดยิ้มๆ “มึงไม่ค่อยทิ้งให้กูอยู่คนเดียวแล้ว พอจะทิ้งให้อยู่กับคนอื่นมึงก็เลยเป็นห่วงกูใช่มั้ยล่ะ”

“เออ” ผมยอมรับอย่างไม่อ้อมค้อม อาสาถึงกับพูดไม่ออก “ตอบไลน์กูบ่อยๆ ได้ป่ะ”

“อย่าห่วงเลยน่า พวกนั้นเป็นเพื่อนที่เรียนด้วยกันมา”

“อย่าลืมนะว่ามีไอ้ไมล์”

“...”

“ไม่รู้ล่ะ กูหวง เอ๊ย ห่วง” เกือบหลุดแล้วมั้ยล่ะไอ้ทนาย!

“ถ้ามันจะทำให้มึงรู้สึกดีขึ้นกูจะตอบไลน์มึงบ่อยๆ ก็ได้” อาสายิ้มอีกรอบ เป็นรอยยิ้มที่หวานกว่าเดิมจนใจผมแทบละลาย นี่มันกำลังอ่อยผมอีกแล้วใช่มั้ยเนี่ย

งูพิษตัวนี้น่ารักขึ้นเรื่อยๆ แฮะ

“พรุ่งนี้เดี๋ยวกูจะไปดู ยังไงวันนี้มึงก็ตั้งใจซ้อมนะ”

“อยากให้กูหล่อที่สุดป่ะ” ผมถามมันต่ออย่างอ้อยอิ่ง

“ถามห่าไรของมึง”

“เออน่า ตอบมาเถอะน่า”

“มึงหล่อที่สุดอยู่แล้ว ยังจะถามกูอีกทำไม”

ผมเก่งด้านหาเรื่องฟินให้ตัวเองจริงๆ ครับ ผมยิ้มกริ่มถูกใจก่อนจะเอื้อมมือไปลูบศีรษะของไอ้อาสาเบาๆ แล้วก็ขอตัวไปซ้อมเดินแบบสักที

โดยไม่รู้เลยว่าลับหลังผม อาสามันมองตามและก็บ่นพึมพำ

“อะไรของแม่ง เดี๋ยวก็หน้าบึ้งเดี๋ยวก็ยิ้ม”







LAWYER : เสร็จยัง
ARSA : ยัง
ARSA : นี่มึงพิมพ์คำเดิมเป็นครั้งที่สี่แล้วนะ
LAWYER : เหรอ ไม่รู้ตัวเลย
ARSA : เลื่อนขึ้นไปดูก็เห็น ไอ้สัด


มันเป็นแผนของผมเองแหละ ผมต้องทักอาสาบ่อยๆ ไอ้ไมล์จะได้ไม่มีโอกาสในการทำคะแนน ตอนนี้ผมกำลังอยู่ในตึกอเนกประสงค์ซึ่งเป็นที่สำหรับซ้อมเดินแบบในครั้งนี้ ตัวแทนแต่ละหอที่ถูกส่งมามีบางคนซึ่งผมคุ้นหน้าคุ้นตาดีอย่างพี่สงคราม ไอ้เต และก็ไอ้พี่คีน

คนที่มากับผมและไอ้เตคือพี่อ้าย เป็นจริงอย่างที่ไอ้ไมล์บอก พี่อ้ายจะเข้ามากดดันแทนที่จะอยู่เฉยๆ พี่มันเอาแต่ขยับปากขมุบขมิบบอกผมกับไอ้เตว่า ‘หล่อๆ นะมึง’ ‘หอเราหล่อสุดอยู่แล้ว’ ‘อย่าให้เห็นนะว่าพวกมึงหลังค่อม’ ‘หออื่นก็งั้นๆ แหละ’

เอาเป็นว่าเรื่องงานที่ต้องใช้หน้าตา พี่อ้ายจะขอสู้ขาดใจ พี่มันสารภาพให้ผมฟังว่าพวกหอสามมีคนจับตามองเยอะก็จริง แต่ก็เหมือนดาบสองคม มีคนชอบเยอะก็มีคนหมั่นไส้เยอะ ถึงคนอื่นจะมองว่ามีดีแต่หน้าตา พี่มันก็ขอใช้จุดนี้เป็นจุดเด่นเพื่อลบคำสบประมาท

ได้ฟังแล้วก็รู้สึกฮึดสู้ขึ้นมา ตัวแทนจากหออื่นที่ถูกส่งมาแต่ละคนก็ไม่ได้ไก่กาเลยครับ อย่างพี่คีนซึ่งน่าจะเป็นคนที่รวยที่สุดในนี้ อาศัยออร่าที่มีอยู่ดึงเสน่ห์ของตัวเองออกมาในตอนซ้อม ผมสังเกตได้ว่าพวกออร์แกไนเซอร์ที่มาดูพากันปรบมือให้ไอ้พี่คีนกันกราวๆ อย่างกับพี่มันเป็นนายแบบระดับโลก

ไอ้เตช่วยไขข้อสงสัยให้ผม บริษัทที่นำเข้ามอเตอร์ไซค์ยี่ห้อนี้มาขายในตัวจังหวัดเป็นของที่บ้านไอ้พี่คีน มิน่าล่ะ มีแต่คนเอาอกเอาใจตั้งแต่พี่มันเดินเข้ามาในห้องนี้แล้ว

ส่วนคนที่น่าจับตามองอีกคนคือพี่สงคราม พี่มันใช้รอยสักในการดึงดูดสายตาของคนอื่น รู้ว่าตัวเองแข็งแรงก็โชว์กล้ามเนื้อใหญ่จนผมอดที่จะมองอย่างทึ่งๆ ไม่ได้ อยากรู้จังว่าพี่มันจะสามารถยกตัวใครสักคนได้ด้วยมือเดียวหรือเปล่า ดูจากกล้ามเนื้อที่โผล่พ้นแขนแล้วผมคิดว่าน่าจะทำได้มั้งครับนั่น

ผมกับไอ้เตซ้อมเสร็จแล้ว มองดูตัวแทนหอห้ากับหอหกถูกสั่งให้เดินใหม่ซ้ำแล้วซ้ำอีกจึงรู้สึกเบื่อ ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความหาอาสาอีกรอบ ระหว่างนั้นเตก็ชวนผมคุยพอดี

“อาสาเป็นไงบ้าง” ดูมันชิลๆ กว่าที่ผมคิดไว้

“ก็เหมือนเดิมแหละ”

“ไอ้ไมล์มันตื่นเต้นใหญ่เรื่องช่วยอาสาทำการบ้าน”

“เหรอวะ” ผมหันไปมองหน้าอีกฝ่าย “แล้วมึงไม่ทำอะไรเลยเหรอ”

“กูลองแล้ว แต่มันไม่เวิร์ก” เตถอนหายใจ “กูเลยถอยออกมา ปล่อยให้เชี่ยไมล์มันทำคะแนนไปก่อน”

ผมถอนหายใจบ้าง ไม่รู้ว่าการที่ผมคุยกับไอ้เตตอนนี้มันเหมือนกับผมใส่หน้ากากเข้าหามันมั้ย ถ้ามันรู้ว่าผมเองก็เหมือนกับมัน มันจะรู้สึกยังไง

“กูรู้แค่ว่าช่วงนี้อาสาไม่ได้ติดต่อกับเตยแล้ว สัดไมล์มันบอกกู”

“อืม”

“มันกำลังว่าง ไร้คนคุย”

“งั้นมั้ง”

“เฮ้อ ถึงจะเป็นงั้นกูก็ไม่รู้ว่าต้องทำไงอยู่ดี”

“แต่มึงก็ใจกว้างนะ ปล่อยไอ้เชี่ยไมล์นำไปก่อนซะได้”

“ไม่ปล่อยแม่งได้ไง วันๆ มีแต่เพ้อให้กูฟังอยู่ได้ ไม่ได้เกรงใจกูเลยว่ากูก็คิดเหมือนกันกับมัน” เตสบโอกาสในการบ่นพอดีเลยบ่นยาว “กูเดาได้เลยนะว่าถ้าเกิดอาสามันเลือกใครขึ้นมา กูคงจะทำใจได้ก่อนไอ้ไมล์"

ทำไมฟังแล้วรู้สึกหดหู่วะ ผมเองก็อยู่ในสถานะรอว่าอาสาจะเป็นคนเลือกหรือเปล่า บอกตามตรงว่าผมยังไม่ได้คิดถึงตอนที่มันไม่ได้เลือกผม ในหัวคิดแค่ว่ายังไงก็ต้องเดินหน้าในเมื่อหัวใจมันรู้สึกไปแล้ว

ไม่เคยคิดเรื่องรับมือจากการอกหักมาก่อนเลย






หลังจากที่พี่อ้ายนัดแนะเรื่องการแต่งหน้าทำผม พี่มันก็ปล่อยให้ผมกับเตกลับหอได้ ผมใช้เวลาไม่นานก็มาถึงห้องตัวเอง อาจเป็นเพราะรีบด้วยมั้ง ถึงได้ถึงที่หมายได้ไวปานนี้

ผมรีบจนเผลอลืมเคาะประตูห้องอ่ะคิดดู

ในห้องตอนนี้มีแค่อาสาอยู่คนเดียว หัวใจผมชื้นขึ้นทันที ในที่สุดไมล์ก็กลับไปแล้ว

“มาแล้วเหรอ” อาสายังคงนั่งอยู่หน้าคอมฯ “เป็นไงบ้างวะ”

“กูเดินไม่ได้เลยว่ะ โดนพี่อ้ายสวดจนหูชาหมดแล้ว กูท้อฉิบหาย”

“หา! อย่างมึงเนี่ยนะเดินไม่ได้”

“ใช่”

ผมแกล้งคอตก เดินไปนั่งที่เตียงตัวเองพร้อมๆ กับถอดถุงเท้าช้าๆ ด้วย อาสาหลงเชื่อผม มันเดินมานั่งข้างๆ พร้อมกับแตะไหล่เป็นเชิงปลอบ

“ใจเย็นดิวะ คืนนี้มึงซ้อมทั้งคืนก็ได้”

“กูเดินไม่ได้จริงๆ”

“ยากตรงไหน แค่เดินเอง”

ช่างเป็นคำพูดที่ดูถูกการเป็นนายแบบ (จำเป็น) ของผมมาก

“มันมีอะไรมากกว่านั้น ต้องเป็นการเดินอย่างมั่นใจ”

“คนอย่างมึงเคยไม่มั่นใจด้วยเหรอ” มันมองผมอย่างไม่อยากจะเชื่อ

“เฮ้ยยยย” ผมเนียนเอียงศีรษะไปซบไหล่มัน “กูไม่มั่นใจจริงๆ”

แม้อาสาจะทำงานหน้าคอมฯ มาหลายชั่วโมงแต่ตัวมันก็ยังคงหอมอยู่ มันนั่งนิ่งๆ ให้ผมซบระหว่างที่มันก็เอาแต่พูดว่าไม่เชื่อที่ผมจะเดินไม่ได้

ผมไม่ได้ฟังที่มันพูดเลย ใจนึกไปถึงเรื่องที่เพิ่งคุยกับไอ้เต ผมชอบอาสาโดยที่ยังไม่ได้คิดถึงตอนที่มันไม่ได้เลือกผม ถ้ามันจะเป็นอย่างนั้น ผมจะรู้สึกเจ็บมากแค่ไหนนะ จะเจ็บมากกว่าไอ้เตกับไอ้ไมล์หรือเปล่า

“แสดงว่ามึงคงเดินไม่ได้จริงๆ” อาสาเห็นท่าทางที่ดูเหนื่อยอ่อนของผมจึงปักใจเชื่อไปแล้วว่าผมเครียดเรื่องเดินแบบจริงๆ “มึงทำได้ กูเชื่อในตัวมึง”

ผมอดยิ้มเล็กๆ กับตัวเองไม่ได้ ผละศีรษะออกมาจากไหล่ของอาสา จากนั้นก็ถามถึงเรื่องของอีกฝ่ายบ้าง

“การบ้านเป็นไงบ้าง”

“ใกล้เสร็จแล้ว อีกนิดนึง แต่คืนนี้ไม่น่าจะได้นอน”

“ขนาดนั้นเลยเหรอวะ”

“...”

“งั้นเดี๋ยวกูอยู่เป็นเพื่อน”

“สาด นอนเหอะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ไม่หล่อ”

“กูหล่ออยู่แล้ว มึงเป็นคนพูดเองว่ากูหล่อ เพราะงั้นกูจะยึดตามนั้น”

อาสาส่ายหน้าเบาๆ ส่งให้ผม เดินหนีไปยังแล็ปท็อปของมัน จากนั้นก็ชี้มือไปที่ถุงอาหารที่มันซื้อมา “กูซื้อมาเผื่อมึง เพราะกูรู้ว่ามึงยังไม่ได้แดกอะไรมา”

“เฮ้ย รู้ได้ไง”

“เรากินข้าวด้วยกันมากี่วันแล้วล่ะวะ” อาสาพูดโดยไม่มองมาที่ผม “กูเดาไปเองว่ามึงคงไม่ชินที่จะต้องไปแดกกับคนอื่น”

ผมมองอย่างทึ่งๆ อาสาไม่รู้หรอกว่าในใจของผมตอนนี้รู้สึกอิ่มอกอิ่มใจขนาดไหน

“เพราะกูแดกกับเพื่อนเมื่อกี้ไม่ค่อยจะลงเลย”

มันใช้ตัวเองเป็นบรรทัดฐานนี่เอง ก่อนที่จะรู้ตัวผมก็เดินไปขโมยหอมแก้มไอ้อาสาซะแล้ว มันเอามือลูบแก้มพร้อมๆ กับทำหน้าโมโหใหญ่

“อีกแล้วเหรอ!”

“ช่วยไม่ได้โว้ย อยากน่ารักเองทำไมล่ะ” ผมยักไหล่พร้อมมองมันอย่างเจ้าชู้ประตูดิน อาสาทำปากขมุบขมิบ แต่ก็เลือกที่จะหันไปสนใจงานตรงหน้าต่ออย่างหงุดหงิดงุ่นง่าน

ผมรู้ว่าเพื่อนกันไม่ทำกันอย่างงี้หรอก และอาสาเองก็ควรจะรู้เหมือนผม

“ชักจะเยอะขึ้นเรื่อยๆ แล้ว” อาสาพึมพำ

“กูได้ยินนะ”

“กูบ่นของกูเองนะ”

“ก็กูได้ยินไง”

“มึงนี่แม่ง...”

“มีเสน่ห์ใช่ป่ะ”

“ฟวยไรล่ะ”

“ฮ่าๆๆ กูก็ไม่ได้ทำอย่างงี้กับทุกคนนะ อยากให้มึงรู้”

“พอ เปลี่ยนเรื่องพูด เดี๋ยวงานกูจะไม่เสร็จ”

“เดี๋ยวกูอยู่เป็นเพื่อนเอง”

“มึงหลับไปก่อนได้เลย”

“ไม่ กูปล่อยไอ้ไมล์ให้อยู่กับมึงนานแล้ว กูอยากอยู่กับมึงบ้าง”

“ทนาย!”

“จ๋า”

“กวนตีนนนน”

“พูดเพราะๆ ไม่ชอบเหรอวะ”

“กูไม่คุยกับมึงแล้ว”

ผมไม่รู้ว่าทำไมมันถึงยอมผมง่ายๆ เรื่องนี้ให้มันไปคิดทบทวนเองก็แล้วกัน มันจะได้คิดแต่เรื่องของผม ไม่คิดถึงเรื่องของคนอื่น






วันต่อมาผมต้องรีบไปแต่งตัวก่อนเวลาเดินแบบจริงสี่ชั่วโมง

ใครจะไปรู้ว่างานนี้จะต้องตัดผมด้วย ไอ้เตที่มากับผมมันยังไม่รู้เลยครับ เราสองคนนั่งให้ช่างตัดผมเขาหั่นผมให้ ทุกคนโดนกันหมดแม้กระทั่งพี่สงคราม พี่มันเอาแต่บ่นเรื่องนี้อยู่ทุกสามวินาทีกันเลยทีเดียว

‘มันจะได้ค่าตัวสักเท่าไหร่กันเชียว ให้กูตัดผมขนาดนี้’
‘ทรงเหี้ยไรเนี่ย’
‘กูจะเอาผมเก่ากูคืน’

แม้จะบ่นแต่พอตัดออกมาแล้วพี่สงครามก็ดูเป็นผู้เป็นคนขึ้นมาอีกสิบระดับ หลังจากที่พี่อ้ายเห็นสภาพที่หล่อขึ้นเป็นกองของพี่สงคราม พี่อ้ายก็เดินเข้ามากำชับผมกับไอ้เตเป็นสิบเป็นร้อยรอบว่าอย่าทำเสียชื่อ

‘ถ้าพวกมึงเดินดีกูจะเลี้ยงหมูกระทะ’
‘เชี่ยเตถ้ามึงอยากแดกหมูกระทะ มึงต้องหล่อที่สุด’
‘มึงอย่าไปทำหน้าอย่างนั้นบนเวทีนะทนาย’

ผมชักจะสงสัยแล้วว่าทำไมคนรอบตัวจริงจังกับงานนี้กันนัก แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่มีเวลาที่จะคิดใส่ใจว่าเพราะอะไร ตอนนี้ผมถูกจับแปลงโฉมทั้งตัว สวมชุดแบรนด์อะไรไม่รู้ที่มีสีสันฉูดฉาดและก็แพงหูฉี่ เป็นเสื้อคลุมตัวยาวที่ไม่คลุมพุงเหี้ยไรเลย ต้องเปิดโชว์ชาวบ้านชาวช่อง ส่วนเรื่องผมนั้นนอกจากจะโดนลากไปตัดอย่างไม่ถงไม่ถามสุขภาพสักคำแล้ว ยังมีการฉีดสเปรย์สีๆ ใส่จนหัวนี่แทบกลายเป็นสีสายรุ้ง คือถ้าจะเปลี่ยนสีผมซะขนาดนี้ จะให้ตัดมันทำไมวะ ไม่เข้าใจ

บ่นไปก็เท่านั้นแหละครับ ตอนนี้ความรู้สึกของผมเหลือแค่เดินๆๆ ให้มันจบไป ผมเล่นโทรศัพท์ พยายามถามไอ้อาสาว่ามาถึงหรือยัง มันบอกอาจจะมาถึงช้าหน่อยเพราะต้องรอไอ้ไมล์

อย่าหึงนะทนาย อย่าหึงนะมึง ถ้าหน้าบึ้งบนเวทีคนที่จะต้องมารับกรรมฟังคำบ่นจากพี่อ้ายก็คือมึง

“เมื่อไหร่จะบ่ายสอง” ผมหันไปบ่นกับไอ้เตที่วันนี้หล่อมากจนผิดหูผิดตา

“นั่นดิ” ไอ้เตก็คงอยากให้ผ่านๆ ไปเหมือนกันกับผม “อาสามายังวะ”

“ยัง มันรอไมล์อยู่”

“เหี้ยนี่แม่งช้าตลอด”

ระหว่างนั้นไอ้ป๊อบก็โทรเข้ามาหา บอกว่ามันขนเพื่อนโรงเรียนมาดูด้วยหมดทุกคน ผมอดที่จะรู้สึกปลื้มใจไม่ได้ อย่างน้อยเพื่อนเก่าก็ยังมีแก่ใจที่จะมาดูผม เมื่อก่อนเวลาผมมีงานเล็กๆ น้อยๆ สมัยที่อยู่กรุงเทพฯ ไอ้พวกห่านี่ไม่เคยจะมาหรอกครับ ส่วนใหญ่ติดเกมไม่ก็ติดสาว

เชี่ยป๊อบแม่งบอกมีเซอร์ไพรส์ แต่เป็นเซอร์ไพรส์ที่ผมอาจจะไม่ค่อยประทับใจเท่าไหร่ อะไรของมันวะ มันจะทำป้ายไฟมาเชียร์ผมเหรอ

ผมกับไอ้เตนั่งคุยกันอยู่ข้างหลังเวทีสักพัก จู่ๆ อาสาก็มาปรากฏตัวตรงหน้าพวกเราเฉยเลย เราสองคนทำหน้าเหมือนเห็นผี

“เฮ้ยยยย!”

“มึงหายตัวเข้ามาเหรอ”

ประโยคหลังเป็นของผม อาสายิ้มแห้งๆ ก่อนจะพยักพเยิดไปหาต้นตอที่ทำให้มันได้มายืนอยู่ตรงนี้

ไอ้พี่คีนนี่เอง

ผมมองไอ้พี่คีนซึ่งหล่อผิดหูผิดตาด้วยสายตาไม่เป็นมิตร อย่าบอกนะว่าพี่มันก็ชอบอาสาอีกคน

“เป็นไง ตื่นเต้นมั้ย” อาสาถาม ก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงตรงหน้า

กูเพิ่งมาตื่นเต้นตอนที่มึงมานี่แหละ

“ไอ้เชี่ยไมล์ล่ะ” เตเอ่ย

“อยู่ข้างนอกว่ะ พี่คีนปล่อยกูเข้ามาคนเดียว”

“สาด ทิ้งมันได้ไง”

“เดี๋ยวกูก็ออกไปแล้ว” อาสาพูด “ข้างนอกคนเยอะมาก กูนึกว่าณเดชน์มา”

“มันเป็นเพราะกูเองแหละ” ผมพูดยิ้มๆ

“มึงก็ช่วยถ่อมตัวหน่อยก็ได้”

“วันนี้กูเป็นไงบ้าง” ผมขยับชุดให้อาสาดู มันมองอยู่หนึ่งวินาทีถ้วน ขอย้ำ ‘หนึ่งวินาที’ “น่าเกลียดเหรอ” ความมั่นใจของผมตกฮวบ จากที่มีทะลุล้านตอนนี้เหลือเพียงศูนย์จุดศูนย์หนึ่ง สายตานางฟ้ามีอิทธิพลต่อผมมากครับ

“ก็โอเค” มันตอบส่งๆ “แต่ไอ้เตหล่อมากเลยวันนี้”

อะไรกันวะ สองมาตรฐานสัดๆ โอเคกับหล่อมันต่างกันมากเลยนะเว้ย ผมกะพริบตาตัดพ้อใส่อาสา ขณะที่เตหัวเราะร่วน

“กูไปดูไอ้ไมล์ก่อน ป่านนี้แม่งสาปแช่งพี่คีนแย่แล้วมั้ง” คู่หูไอ้ไมล์อย่างไอ้เตรีบขอตัวออกจากหลังเวที จึงเหลือแค่ผมกับอาสาที่นั่งอยู่ด้วยกัน

“กูไม่หล่อจริงเหรอ” ผมยังติดใจกับเรื่องนี้อยู่

“อย่างกับความเห็นกูจะสำคัญ”

“ถ้าไม่สำคัญกูไม่ถามบ่อยขนาดนี้หรอกนะ” ผมรีบเก๊กให้มันดู “หล่อเปล่า”

“โอ๊ย มึงคิดว่ามึงหล่ออยู่แล้วไม่ใช่เหรอ”

“กูอยากฟังจากปากมึงไงสาด”

“เออ หล่ออออออ” อาสาหลับหูหลับตาพูด “แต่วันนี้กูชอบพี่สงครามที่สุดแล้วว่ะ ไม่คิดว่าพี่มันจะแต่งตัวขึ้นขนาดนี้”

เป็นการยอมรับในความหล่อของผมที่ผมโคตรจะไม่ฟิน

“ชอบคนมีรอยสักเหรอ”

“อะไรนะ”

“มึงชอบคนมีรอยสักใช่มั้ย”

“ไอ้สัด มึงจะบ้าเหรอ”

“กูจะไปสักมั่ง!”

“ทนาย มึงเมาสเปรย์เปลี่ยนสีผมมาใช่ป่ะ” อาสามองหน้าผมอย่างแหยงๆ “ตั้งสติ”

“สักลายอะไรดี”

“...”

“ลายมังกรแบบพี่สงครามดีมั้ย”

“ไม่ต้องสัก ไม่ชอบบบบ” อาสาดันไหล่ผมแรงๆ

สรุปคือแม่งไม่ชอบให้ผมมีรอยสัก แต่ชมผู้ชายที่มีรอยสักต่อหน้าผม ผมมองอาสาอย่างจับผิด แต่พอจับได้ถึงน้ำเสียงกระเง้ากระงอดตอนที่มันขอให้ผมไม่สัก ผมก็รู้สึกได้เลยว่ามันคงชอบผมที่เป็นแบบนี้

เดี๋ยวๆ นี่มึงชอบกูแล้วเหรอว้า ผมยิ้มคนเดียวจนอาสาสังเกตได้

“ยิ้มไร”

“มึงชอบกูที่กูเป็นกูตอนนี้ใช่ป่ะ”

“ไอ้สัด ใครชอบมึง”

“มึงไง”

“กูพูดตอนไหน”

“กูคิดไปเองก็ได้”

การที่ผมยอมรับตรงๆ ทำเอาอาสาถึงกับไปต่อไม่เป็น มันลุกขึ้นยืน ตั้งท่าจะเดินหนี

“เดี๋ยวๆ ให้กำลังใจกูก่อน”

“มึงนี่ชักจะเยอะเกินไปแล้วนะ”

“มึงสำคัญไงสาด มึงสำคัญกับกู”

ผมมึนไปหมดแล้วครับว่าใช้ความเป็นเพื่อนในการเนียนจีบมัน หรือจีบมันโต้งๆ โดยเอาความเป็นเพื่อนไว้ทีหลัง ไม่รู้แหละ ปกติผมไม่ได้จีบใครก่อนแบบนี้ ขอใช้วิธีมึนๆ ของผมไปนี่แหละ

“เออ สู้ๆ มึงหล่อที่สุด”

“นี่แหละที่อยากได้ยิน”

“ฟวยจริงๆ” อาสาเดินออกไปแล้ว ทิ้งให้ผมนั่งยิ้มอยู่ตามลำพัง









การเดินแบบของผมเกือบจะผ่านไปได้ด้วยดีอยู่แล้ว

อาสาคอยเชียร์และมองผมซึ่งเป็นอะไรที่ดีกับใจผมมากๆ แต่ทุกอย่างต้องมาสะดุดเมื่อผมได้พบกับเซอร์ไพรส์ของไอ้เชี่ยป๊อบ

คนที่ยืนอยู่ข้างมันตอนผมเดินแบบอยู่คือแอล แฟนเก่าที่ผมไม่ได้เห็นหน้ามานานมากแล้ว ถ้ามีคนสังเกตดีๆ จะเห็นว่าก่อนเดินลงเวทีใบหน้าของผมเจื่อนลงไปนิดหน่อย เป็นผลกระทบหลังจากที่ได้เห็นใบหน้าของคนที่ถือว่าเป็นบาดแผลทางความรักของผมคนหนึ่ง

แอลมาเพื่ออะไรและมาทำไมในตอนนี้

หลังจากรับเงินค่าตัว (ซึ่งเป็นเงินตั้งห้าพันบาทเลยทีเดียว แต่ได้ข่าวมาว่าพี่คีนเป็นคนสั่งให้เพิ่ม เพราะถ้าเป็นราคาเดิมซึ่งก็คือหนึ่งพันบาท มันจะดูเป็นการดูถูกเด็กมหา’ลัย B มากเกินไป) ผมก็เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดของตัวเอง นั่นคือเสื้อยืดสีดำกับกางเกงยีนสีทึมๆ มันดูไม่ค่อยเข้ากับผมสีสายรุ้งตอนนี้เท่าไหร่ แต่ก็ยังดีกว่าชุดโชว์พุงล่ะวะ

อาสาเดินมาหาผมพร้อมกับเล่นโทรศัพท์ไปด้วย ดูก็รู้ว่ามันจะกลับพร้อมผม ผมมองภาพนั้นด้วยความสบายใจ แต่ก็มีความหนักใจมารบกวนอยู่ดี

ไอ้ป๊อบไลน์มาสลับกับโทรเข้า มันบอกว่าแอลต้องการเจอผมมาก ซึ่งผมก็เข้าใจได้ทันที เพียงแต่ว่า...ตอนนี้ผมอยู่กับอาสา และผมก็เกรงใจแม่งฉิบหาย เกรงใจทั้งๆ ที่ตอนนี้มันเป็นเพื่อน ไม่ใช่เมีย

“เป็นไรหรือเปล่าวะ” อาสาเริ่มสังเกตเห็นท่าทีแปลกๆ ของผม “เพื่อนโรงเรียนมึงมาเต็มเลย มึงไปทักยัง”

อื้อหือ แม่งถามในสิ่งที่ผมกำลังอยากหลีกเลี่ยง

“ต้องรอเตกับไมล์ป่ะ” ผมตอบมันด้วยคำถาม

“ไม่รู้พวกแม่งหายไปไหน”

“งั้นกลับกันเถอะ” ผมรีบบอกอาสา

“อ้าว ไม่ไปทักเพื่อนโรงเรียนเหรอ”

ผมควรจะทำยังไงกับสถานการณ์นี้ดี หรือแนะนำให้อาสารู้จักกับแอลไปเลยให้จบๆ ไป ผมชักจะสงสัยในตัวเองแล้วนะว่าผมกลัวอาสาเจอแอล หรือกลัวว่าตัวผมเองจะเจอแอลแล้วรู้สึกแปลกๆ

เกิดอะไรขึ้นกับผมวะ

ในที่สุดอาสาก็เดินเข้าไปทักทายเพื่อนโรงเรียนผม หลังจากไปดื่มด้วยกันวันนั้น มันกับเพื่อนผมก็กลายเป็นสนิทกันไปเลย ซึ่งเป็นอะไรที่ถูกอกถูกใจเพื่อนซี้ผมอย่างไอ้เชี่ยป๊อบ เพราะมันปลื้มอาสาอยู่แล้ว

ผมมองดูแอลอย่างกระอักกระอ่วน ไม่กล้าสบตา แอลเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าผม ปล่อยให้อาสาคุยกับเพื่อนไป

ไม่ได้เจอแอลมานานมากแล้ว ดูเหมือนจะดูดีขึ้นกว่าเดิมเยอะเลย

“สบายดีป่ะ” แอลทักผม

“ก็...ตามที่เห็นน่ะ” ผมตอบง่ายๆ

“คนนั้น...เพื่อนเหรอ” แอลมองไปที่อาสาซึ่งกำลังมองมาที่ผมกับแอลพอดี “หวัดดีครับ เราชื่อแอลนะ”

อาสาอ้าปากค้าง ดูตกตะลึงมากจนผมประหลาดใจ

“แอลเหรอ” มันขยับปากเพื่อถามผม

ผมพยักหน้า อาสามันอึ้งจนทำสีหน้าไม่ค่อยถูกแต่ก็ทักทายแอลอย่างมีมารยาท

ผมมองคนทั้งสองสลับกันด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย แอลไม่ได้น่ารักเหมือนอาสา แต่อาสาก็ไม่ได้มีเซ็กส์แอพพีลสูงแม้จะเป็นเพศชายเหมือนแอล

ไม่คิดว่าจะมีวันที่ผมได้มายืนตรงกลางระหว่างสองคนนี้







ระหว่างทางกลับบ้าน

อาสาไม่ได้พูดกับผมนานมากแล้วแม้ว่าเราสองคนจะอยู่บนรถกันตามลำพัง เมื่ออดรนทนในความเงียบไม่ไหวผมจึงต้องเอ่ยถามว่ามันเป็นอะไร

“ทำไมเงียบอ่ะ”

“...”

“มีไรป่ะวะ”

มันพ่นลมก่อนจะตอบ “กูอึ้งว่ะ”

“อึ้งไร”

“กูคิดมาตลอดว่าแอลแฟนเก่ามึงเป็นผู้หญิง”

ผมขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่รู้จะตอบกลับไปว่าไงดี

“กูอึ้งสัดๆ อ่ะ ตอนนี้ยังไม่หายอึ้งเลย”

“หายได้แล้วน่า ไม่มีอะไรหรอก”

“กูคิดมาตลอดจริงๆ นะว่าหน้าอย่างมึงแม่งต้องชอบผู้หญิงชัวร์ๆ”

“ก็ชอบนะ ไม่เคยพูดเลยว่าไม่ชอบ”

“แต่ทำไม...”

“กูรู้สึกชอบใครกูก็คบหมดแหละ ไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชาย” ผมพูด “ตอนกูคบแอล กูก็มีความสุขดีนะ ไม่ได้รู้สึกแปลกๆ อะไร”

อาสากะพริบตาปริบๆ มองผม มันทำหน้าเหมือนสับสนอะไรบางอย่าง ก่อนจะหันออกไปมองข้างนอกหน้าต่าง

“เขาตามมาง้อมึงรึเปล่าวะ” เหมือนมันไม่ได้ถามผม แต่พึมพำกับตัวเองมากกว่า

“ไม่รู้ว่ะ”

“ถ้ามาง้อ มึงจะเอายังไง”

“ก็ไม่เอา”

“เฮ้ย ตอบเร็วไปป่ะ”

“สาด เค้าทิ้งกูนะ”

“ตอนนี้เค้าอาจจะดีขึ้นแล้วก็ได้”

กูชอบมึง มึงยังมีหน้ามาเชียร์คนอื่นให้กูอีกนะ ผมคิดแล้วก็ทำหน้าบึ้ง

“ไม่ก็คือไม่ไง”

ถ้าไม่ใช่มึง จะเป็นใครกูก็ไม่เอาแล้ว...




POP : อาสาทักผมมามีอะไรเหรอ
POP : *สติ๊กเกอร์เจ๊เป่าบางพลัดพร้อมข้อความ ‘ต๊ะเอ๋’*
ARSA : แหะๆ ไม่มีอะไร
ARSA : แฟนเก่าทนายดูดีเนอะ
POP : ...
ARSA : เฮ้ย อย่าถือสา ไม่มีอะไร!







tbc*

ออฟไลน์ Ryoooo

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +288/-2
อาสาหวั่นไหวเรอะๆ
มีไลน์หาป๊อบด้วยยยย
ทำคะแนนเรื่อยๆสิทนาย
อาสาน่าจะใจอ่อนบ้างละ
หอมแก้มได้ด้วยยย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ EoBen

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3322
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-6
แหนะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

พออ่านจบคำนี่ออกมาเลยยย

คิดมากอะดิ


เอาตรงๆนี่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าแฟนเก่าเป็นผู้ชาย 55555555


รู้สึกช็อกพร้อม อาสา

ออฟไลน์ kredkaew26

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 102
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
เย้ เย้ เย้  มาสักทีหลังจากที่รอมานานนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน  5555 เค้าล้อเล้นนะ  ชอบอ่ะ  อย่าว่าแต่อาสาอึ้งเลย  คนอ่านก็อึ้งคร่าาาา  เราก็นึกว่าแอลเป็นผู้หญิงอ่ะ  ตอนอ่านที่แอลบอก "หวัดดีครับ" ก็ หือ  เราอ่านผิด รึว่าผญ.บางคนก็ชอบพูดว่าครับวะ  พออ่านมาเรื่อยๆ ก็ อือออออออออออออออออออออออ อ่ออออออออออออออออออออออ "ผู้ชายยยยยยยยยยย"

อาสา คู่แข่งเจ้ามาแล้วนะ  อย่าปล่อยทนายหลุดมือนะจ๊ะ  ^^

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ badbadsumaru

  • ♡ caramel macchiato
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2461
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-2
เอ๋าาาา มีไลน์ถามป๊อปด้วยอ่ะ
อยากอ่านพาร์ทอาสาจัง

ออฟไลน์ MyLavenderLand

  • ฉันสุขใจ เมื่อได้ Log in เล้า
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1582
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-1
อะหืออออออ นานๆมาที คู่นี้ทำเอาหัวใจคนอ่านพองฟูววววววว ... อาการแบบนี้เขาเรียกหึงเบาๆ หวงหน่อยๆ งอนนิดๆ ใช่ไหมนะอาสา? อะยะ!!  555555 แอบลุ้น ดีใจแทนทนาย มีหวังแล้ว แสงมาแล้วทนาย ลุยเลยๆๆ

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
อุ อุ อาสาถึงกับอึ้งเมื่อเจอแอล  :a5: :a5:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
เอ๋าาาา มีไลน์ถามป๊อปด้วยอ่ะ
อยากอ่านพาร์ทอาสาจัง

คิดเหมือน
ทนาย เนียนถึงเนื้อถึงตัวอาสาตลอด มีหอมแก้มซะด้วย
พอเห็นแฟนเก่าทนายเป็นชาย
อาสาคงนึกถึงทีท่าที่ทนายมีต่อตัวเองเลยแหล่ะ

อาสา น่าจะคิดไรๆกับทนายเมือนกัน
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Chiffon_cake

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 712
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1544/-12





บัลลังก์ปักษา

ตอนที่ 14


พาร์ตของอาสา





ผมไม่เคยเข้าใจในชีวิตของตัวเองเลย

คนที่ผมชอบส่วนใหญ่จะปฏิเสธผมทุกคน เธอเหล่านั้นล้วนแล้วแต่เป็นผู้หญิงครับ

‘อาสา อาสาก็ดีนะ แต่เราว่าอาสาไม่เหมาะกับฟ่างหรอก’
‘คุยกับเธอก็สนุกดี แต่มิลค์ไม่ได้คิดกับเธอแบบแฟน’
‘หวังว่าอาสาจะเจอคนที่ดีกว่าอรนะ’

ส่วนคนที่ผมไม่ได้ชอบก็มักจะเข้ามาสารภาพรักกับผม ส่วนใหญ่เป็นผู้ชาย และที่สำคัญพวกนั้นเป็นเพื่อนของผมเอง

‘ถ้ามึงไม่ชอบกู ไม่นอนข้างกู กูจะฉี่รดที่นอนมึง!’ อันนี้สมัยอนุบาล
‘ลอกการบ้านกู อย่าลืมให้หัวใจกูด้วยนะ’ อันนี้สมัย ม.ต้น
‘กูขอโทษที่ชอบมึง กูพยายามห้ามหัวใจตัวเองแล้ว’ อันนี้สมัย ม.ปลาย
‘กูชอบมึงมาก! กูไม่อยากให้มึงคบกับใครนอกจากกู!’ และนี่คือเพิ่งโดนสดๆ ร้อนๆ จากปากไอ้ไมล์

ถ้าจะบอกว่าโชคดีก็คงจะพูดได้ไม่เต็มปาก แต่ถ้าจะบอกว่าโชคร้ายก็คงจะไม่มีใครเชื่อ ตั้งแต่เด็กจนโตผมถูกคนใกล้ชิดแปรเปลี่ยนความรู้สึกจากความเป็นเพื่อนมาเป็นความรักตลอด ผมหนีความรู้สึกทุกข์ใจนั้นด้วยการพยายามเข้าหาผู้หญิงทุกคนที่ผมรู้สึกพอใจ แต่ไม่รู้ทำไมผมกลับไม่เคยสมหวังเลย

ไม่เคยมีแฟนและก็ไม่เคยมีความสุขกับความรักแม้แต่น้อย

กอเตยคือคนที่ผมมีความสุขที่จะคุยด้วยมากที่สุด แต่ใครเล่าจะรู้ว่าเธอกลับทำลายความรู้สึกดีๆ ของผมด้วยการคุยกับคนนั้นคนนี้ไปทั่ว หลังจากผิดหวังกับกอเตยและทุกข์ทนกับความรู้สึกที่เพิ่งได้รับรู้จากปากเพื่อนของผม ผมก็ไม่คิดว่าตัวเองจะสามารถหันไปพึ่งใครได้อีก

และผมก็คิดผิดถนัด เพราะผมมีไอ้ทนายอยู่

ความประทับใจแรกตอนที่ผมเจอมันน่ะเหรอ มันเป็นคนหล่อสะดุดตา ผมจำมันได้ตั้งแต่เจอกันครั้งแรกที่สนามบินแล้ว คนเหี้ยอะไรไม่รู้หล่อฉิบหาย ผมกับไอ้เตซึ่งอยู่ในหอที่มีแต่คนหน้าตาดี เห็นคนหล่อหลากหลายแบบมาเกือบสองปีก็ยังยอมรับตั้งแต่อยู่ตรงนั้นว่าคนคนนี้แม่งหล่อจริงๆ ติดอยู่อย่างเดียวก็คือทำตัวสนิทกับคนอื่นง่ายเกินไป

ถึงจะเป็นอย่างนั้นแต่นี่ก็กลายเป็นข้อดีของมัน ผมสนิทกับมันอย่างง่ายดายเพราะบทสนทนาที่ไม่จำเป็นต้องสุภาพ ตอนแรกผมมักจะเถียงกับมันบ่อยๆ แม้กระทั่งเรื่องเล็กๆ น้อยๆ อย่างใครจะอาบน้ำก่อนหรือวันนี้ใครจะเป็นคนเอาเสื้อผ้าไปซักในตู้หยอดเหรียญ ไม่รู้ว่าผมสนิทกับมันเมื่อไหร่ ไม่รู้ว่าผมกลายเป็นคู่หูกับมันตอนไหน

ผมไม่กล้าพูดว่าคู่หูอย่างเต็มปาก เพราะผมกับมันตัวติดกันเนื่องจากไอ้เตกับไอ้ไมล์นั้นสนิทกันและอยู่ด้วยกันมากกว่าเราสองคน ผมเคยพูดเรื่องเชื่อในโชคชะตา ซึ่งมันก็อาจจะเป็นเพราะโชคชะตาที่ทำให้ผมสนิทกับทนาย ทำให้ผมต้องหันมาพึ่งมันในวันที่เพื่อนสารภาพความรู้สึกกับผมอย่างกับเดจาวู

ผมรู้สึกดีที่มีทนายคอยอยู่ข้างๆ ความรู้สึกดีแปรเปลี่ยนเป็นความเคยชิน ความเคยชินแปรเปลี่ยนเป็นสิ่งที่ผมขาดไม่ได้ ผมต้องกินข้าวกับทนายทุกวัน กลับบ้านกับมันตลอด ใช้เรื่องอยู่ห้องเดียวกันมาอ้าง แต่จริงๆ แล้วเป็นผมเองต่างหากที่ตัวติดกับมัน

มันเป็นคนที่ผมอยู่ด้วยแล้วสบายใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ไม่ต้องหวาดระแวงว่าเพื่อนคนนี้จะชอบผมอีกคนมั้ย ไม่ต้องกลัวว่าจะอึดอัดหรือลำบากใจอะไร เพราะทนายเป็นคนที่แค่มันกวนประสาท ผมก็สามารถอารมณ์ดีขึ้นมาได้แล้ว...

พักหลังๆ ทนายแม่งเปลี่ยนไป

ไม่ใช่ในแง่ลบ แต่เป็นในแง่ที่ว่าจู่ๆ มันก็เข้าถึงเนื้อถึงตัวผม แกล้งดมซอกคอและก็หอมแก้ม!

ทนายอาจจะแปลกๆ ไป แต่ผมนี่แหละที่แปลกกว่า แปลกตรงไหนรู้มั้ยครับ แปลกที่ผมเองก็เสือกยอมมันง่ายๆ นี่แหละ!

หลายครั้งหลายคราวที่ผมสงสัยว่าทำไมกูต้องมาใจเต้นกับผู้ชายคนหนึ่งที่ไม่ได้ทำห่าอะไรมากมายด้วย แค่มันทำการบ้าน เดินไปเข้าห้องน้ำ แกะถุงขนมจากเซเว่นขึ้นมากิน วิดพื้นกลางห้อง โกนหนวด แกะสิว ทุกอย่างที่เอ่ยมาไม่ควรมีเหตุการณ์ไหนที่ผมหวั่นไหวเลย

แต่เอ๊ะ นี่ผมลืมอะไรไปหรือเปล่า

วันที่ผมค้นพบว่าไมล์มันชอบผม ทนายเป็นคนลากผมไปเรียนกับมันด้วย เพราะมันบอกว่ามันไม่อยากให้ผมคลาดสายตา มันคอยปกป้องและกันท่าผู้ชายทุกคนที่จะเข้ามาหาผม มันเข้าไปดูหนังเป็นเพื่อนผม ทั้งๆ ที่มันไม่ได้อยากดูเรื่องนี้เลยแม้แต่นิดเดียว มันคอยตามใจผมทุกอย่าง แม้ว่าปากมันจะบอกว่าอยากกินอย่างหนึ่ง แต่ผมอยากกินอย่างหนึ่ง มันก็เลือกที่จะทำตามความต้องการของผม

ตั้งแต่วันที่ทนายบอกว่าจะไม่ยอมปล่อยผมให้อยู่คนเดียว มันก็ทำตามคำพูดโดยที่ผมไม่จำเป็นต้องร้องขอหรือเซ้าซี้อะไรให้มากความอีก มันคอยอยู่ข้างๆ ผมตลอดและเคยฉายเดี่ยวบุกไปช่วยผมถึงหอสองด้วย หากวันไหนที่มันติดธุระ มันก็จะคอยทักไลน์หาผมตลอด อย่างเช่นเมื่อวานที่มันทักไลน์มาหาผมแทบจะทุกสองสามนาที ตอนที่ผมต้องอยู่ในห้องกับเพื่อนคนอื่นๆ

มันดีกับผมมากจนผมคิดว่าถ้าผมไม่หวั่นไหว ผมก็คือพระอิฐพระปูนแล้ว!

มันมีบางทีที่ผมกลัวตัวเองจะผิดหวังเหมือนที่ผ่านๆ มา ก็เลยต้องพยายามกั๊กความวูบไหวในหัวใจเอาไว้ ทนายหล่อขนาดนี้ ยังไงมันก็ต้องชอบผู้หญิง ในบางคืนมันยังละเมอชื่อแฟนเก่าซึ่งผมคิดว่าน่าจะสวยหยาดเยิ้ม และผมก็ไม่ควรที่จะหาเรื่องทำให้ตัวเองผิดหวังหรือเสียใจอีก แต่ว่า...ความรู้สึกทั้งหมดของผมนั้นกลับเสียศูนย์เมื่อรู้ว่าแฟนเก่ามันเป็นผู้ชาย

และทนายเองก็ไม่ได้รังเกียจเดียดฉันท์คนที่จะมาชอบมัน แม้คนคนนั้นจะเป็นผู้ชายก็ตาม

ผมใจเต้นไปหมด รู้สึกดีใจระคนหนักใจ ผมไม่รู้ว่ากับเพื่อนคนอื่น ทนายมันได้ปฏิบัติตัวแบบนี้หรือไม่ ผมคิดอย่างหวาดระแวงเพราะกลัวตัวเองจะเสียใจ และยิ่งผมไปเจอแฟนเก่าของมันมาซึ่งเป็นผู้ชายที่ดูดีมาก สไตล์ของแอลเหมือนสไตล์ของพี่อ้าย สง่างาม ดูหรู ดูแพง และดูผู้ดีไปหมด ยิ้มทีไรก็ทำให้รู้สึกถึงคำว่า ‘น่ามอง’

ผมจะมีอะไรไปสู้ได้...

ไอ้ทนายที่นอนอยู่ข้างๆ หลับไปแล้ว ผมทักป๊อบไปกลางดึกเพราะไม่รู้จะคุยกับใครดี ป๊อบตอบผมมาอย่างรวดเร็ว สงสัยจะอ่านหนังสือทั้งคืนอีกตามเคย ความกังวลใจทำให้ผมเผลอพิมพ์แชตที่ไม่น่าพิมพ์ออกไปและก็กดส่ง

ARSA : แฟนเก่าทนายดูดีเนอะ

โชคดีที่ป๊อบไม่ได้ติดใจถามอะไรมากมาย ผมกดปิดโทรศัพท์มองดูเพื่อนที่ทำให้ผมว้าวุ่นใจในขณะนี้ มันกำลังหลับปุ๋ยไม่รู้อีโหน่อีเหน่ นั่นยิ่งทำให้ผมรู้สึกแค้นใจเบาๆ

มึงทำคนอื่นนอนไม่หลับ แต่มึงเสือกหลับสบายเนี่ยนะ

“ยังไม่นอนเหรอ”

เชี่ย จู่ๆ ทนายก็ลืมตาและเอ่ยคำพูดออกมา ผมแกล้งหลับตาปี๋ทันที

“ไม่ทันแล้วมั้ง”

ผมจำเป็นต้องลืมตาขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้

“เป็นอะไรวะ แปลกๆ ตั้งแต่เย็นแล้ว”

“กูกำลังคิด...”

“คิดว่า?”

“พรุ่งนี้จะแดกอะไรดี”

ทนายถอนหายใจใส่ผม

“นี่คือสาเหตุที่มึงนอนไม่หลับเหรอ บ้าป่ะเนี่ย หิวก็ไปเปิดตู้เย็นหาอะไรแดกสิ”

“ไม่ได้หิวเว้ย กูคิดถึงของกินวันพรุ่งนี้เฉยๆ” ผมแถไปเรื่อย

“ให้กูช่วยคิดป่ะ”

“มึงไม่นอนต่อเหรอ”

“นอนไม่ค่อยหลับเหมือนกันว่ะ”

ผมกับทนายนอนมองเพดานท่ามกลางความมืดเหมือนกัน ไม่รู้ว่าในหัวของมันตอนนี้กำลังคิดอะไรอยู่ มันเอาแต่เงียบ จมจ่อมอยู่ในความคิด ขณะที่ผมนั้นรอคอยว่ามันจะพูดอะไรออกมาหรือเปล่า

ในเมื่อมันไม่พูดสักที ผมพูดเองก็ได้

“วันนี้มึงเดินดีนะ”

“อะไรเข้าสิง อยู่ดีๆ ทำไมถึงได้มาชมกูเนี่ย”

“กูก็ชมมึงตลอด”

“ปกติกูต้องถามก่อนไง”

“กูชมแล้วยังจะคิดเยอะอีก”

“อะไรที่เกี่ยวกับมึงแม่งต้องคิดเยอะไว้ก่อน กูพูดเลย” ทนายถอนหายใจอย่างช้าๆ “นี่กูไม่เคยต้องมาคิดอะไรขนาดนี้เลยนะ”

“เพราะกูเหรอ”

“เออ” มันยอมรับอย่างรวดเร็วจนผมถึงกับตะลึง

“มึงคิดอะไรอยู่ล่ะ”

“กูพูดได้เหรอ”

“กูถามมึงเพราะอยากรู้คำตอบ มึงก็ต้องพูดได้อยู่แล้ว” จะมีสักวันมั้ยที่ผมไม่ต้องเถียงเรื่องเล็กๆ น้อยๆ กับมัน

“กูสงสัยเล่นๆ เตกับไมล์มึงจะเลือกใคร”

แม่งมาคิดห่าคิดเหวอะไรในเรื่องนี้วะ ผมอดรู้สึกปวดแปลบในใจไม่ได้ อาจเป็นเพราะผมยังไม่ลืมว่าสองคนนี้เป็นเพื่อนผมอยู่ และคำถามนั้นออกมาจากปากของทนาย คนที่ผมหวั่นไหวด้วยมากที่สุดในตอนนี้

ไม่มีตัวเลือกไหนที่ชื่อว่าทนายเลยเหรอวะ

“คงไม่เลือกว่ะ” ผมตอบหลังจากไตร่ตรองดูดีๆ “เพราะกูมีคนในใจอยู่แล้ว”

สติสตังผมคงไปหมดแล้ว ตั้งแต่ทักไลน์หาป๊อบลามมาจนถึงการรำพึงในตอนนี้ คำพูดของผมทำเอาทนายหันขวับ มันยกศีรษะตัวเองขึ้นมาจากหมอน จ้องมองใบหน้าของผมผ่านความมืด ดูก็รู้ว่าแม่งอยากรู้จนต้องให้ความสนใจขนาดนี้

ผมวางยาพิษฆ่าตัวเองตายชัดๆ

“ใคร”

กะแล้วว่ามันต้องถาม

“ใครวะ คนในใจมึง”

“ไม่บอกไม่ได้เหรอวะ” ผมกลัวว่าทุกอย่างจะเปลี่ยนไปเหมือนตอนที่ไมล์บอกชอบผม ถ้าเป็นวันอื่นก่อนที่ผมจะมาเจอแอล ผมคงกล้าอ้อมๆ แอ้มๆ บอกทนายไปแล้วว่าผมเองก็มองๆ มันอยู่ แต่นี่ผมเพิ่งไปเจอแอลมาแถมยังได้ยินทนายละเมอถึงชื่อแอลบ่อยๆ อีก จะให้ผมเอาความมั่นใจมาจากไหนกันล่ะ

แทนที่ทุกอย่างมันจะเป็นไปได้ด้วยดีหลังจากที่ผมรู้ว่าทนายก็ไม่ได้รังเกียจผู้ชายด้วยกันแท้ๆ

“ไม่ได้” มันดื้อสุดๆ เป็นที่หนึ่ง ผมลืมความจริงข้อนี้ไปได้ยังไง “ถ้ามึงไม่บอกมึงไม่ต้องนอน”

ฉิบหายแล้วกู

“กูรู้จักมั้ย”

“อืม”

“สาด มึงไปชอบใครมาวะ ใช่พวกไอ้เชี่ยป๊อบ เพื่อนโรงเรียนเก่ากูป่ะ”

ผมพยักหน้าแทนคำตอบ ไอ้ทนายมันก็อยู่ในกลุ่มคนพวกนี้นี่

“อะไรนะ!” มันร้องลั่น ก่อนจะลุกขึ้นนั่งบนเตียง ไอ้สัด นั่งทำไมเนี่ย “ใครวะ พวกหอสี่ใช่มั้ย นี่มึงชอบคนรวยเหรอ”

ผมส่ายหน้า

“งั้นก็พวกหอหก มึงชอบคนติสต์เหรอวะ”

ผมส่ายหน้าอีก

“มึงบอกชื่อมาเลยเหอะ กูขี้เกียจทายแล้ว” ทนายบ่น แต่มันก็ยังคงหมกมุ่นกับเรื่องนี้อยู่ดี “ลืมไป มึงชอบผู้หญิงนี่หว่า”

เป็นงั้นไป ผมเอาผ้าห่มมาปิดหน้า พยายามคิดอย่างรวดเร็วว่าควรทำไงต่อไป บอกดีมั้ยหรือไม่บอกดี ถ้าบอกออกไปแล้ว ข้อดีคืออะไร ข้อเสียคืออะไร

การคิดวิเคราะห์อย่างละเอียดให้ว่องไวนั้นไม่เหมาะอย่างยิ่งที่จะคุยกับคนอย่างทนายครับ มันดื้อ มันอยากฟังอะไรมันต้องได้ฟัง
 
“บอกกูมาเดี๋ยวนี้” มันเขย่าตัวผมอย่างรุนแรง “เร็วเข้า กูจะได้รู้ว่ากูควรเอาไงต่อ”

“เหี้ย เป็นไงเป็นกัน” ผมลุกขึ้นนั่งบ้าง ตอนนี้ผมกำลังเผชิญหน้ากับบุคคลที่ทำให้ผมหวั่นไหวที่สุดในสามโลก ผมกำลังจะบอกมัน และผมก็ไม่สนแล้วด้วยว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นต่อไป

ทนายตกใจเล็กน้อย แต่มันก็รอฟังอยู่ พอได้เห็นหน้ามันแล้วผมก็ชักอยากจะเปลี่ยนใจขึ้นมา

“ไม่ได้ว่ะ เดี๋ยวแม่งได้ใจ” ผมกับมันชอบข่มกันเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เพราะงั้นจึงมีประโยคนี้หลุดออกมาจากปากผม

“นี่กูต้องรอจนถึงพรุ่งนี้เช้าเลยมั้ย”

“ยังไม่ได้บอกสักหน่อยว่าจะบอก”

“เลิกลีลาเถอะไอ้สัด ลีลาก็ใช่ว่าจะดี”

ไอ้เหี้ย ขึ้นมาก มึงพูดห่าอะไรของมึงเนี่ย

“เคยลองแล้วเหรอ”

“ลองเลยมั้ยล่ะ”

กลายเป็นเรื่องนี้ไปได้ยังไงวะ...ผมเขย่าสติตัวเองก่อนที่จะบอกทุกอย่างเพื่อตัดปัญหาทั้งหมดทิ้ง

“มึงนั่นแหละ” ผมพูดอย่างก้มหน้าก้มตา “มึงแม่ง...”

“อะไรนะ! กูเหรอ” ทนายตกตะลึงงัน

“เออออ” ทำไมผมต้องพาตัวเองมาอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ด้วยวะ “แม่งมาหอมมาแต๊ะอั๋งกูอยู่นั่น ใจกูสั่น ไอ้สัด”

ผลตอบรับจากทนายเป็นสิ่งที่ผมไม่ได้คาดคิดไว้ มันทิ้งตัวนอนบนเตียง จากนั้นก็ดิ้นแด่วๆ เหมือนที่มันชอบทำบ่อยๆ

“สาดดดดดดด ดีใจโคตร!”

“หา?”

มันดึงตัวผมให้ลงไปทับตัวมัน จากนั้นก็โอบกอดเอาไว้แน่นจนผมหายใจไม่ออก

“ไอ้เหี้ยยยย”

“โอ๊ย กูมีแรงหายใจต่อได้ไปอีกร้อยปี กูไม่เคยลุ้นห่าอะไรกับใครขนาดนี้!”

ใบหน้าของผมที่ซุกบริเวณอกของมันถึงกับต้องขมวดคิ้ว

“ยังไง”

“มึงคิดว่ากูทำแบบนั้นกับทุกคนเหรอวะ กูไม่เคยไปหอมแก้มเพื่อนคนอื่นแบบหน้าด้านๆ นะ”

“...”

“กูชอบมึงอ่ะ”

การยอมรับง่ายๆ ของทนายทำเอาจิตใจของผมพองโตอย่างรวดเร็ว ถ้าอย่างนั้นสิ่งที่มันทำให้ผมสับสนและก็หวั่นไหวแท้จริงแล้วแม่งมีมูลเหตุสินะ

ทนายจับผมให้ไปนอนที่เดิม เราสองคนหันหน้าคุยกันในบรรยากาศที่เงียบและก็มืดมิด ทว่ากลับไม่ได้เปลี่ยวเหงาเหมือนที่ควรจะเป็น

“มึงก็ชอบกูใช่ป่ะ”

“สาด กูพูดออกไปตั้งขนาดนั้นแล้ว” ผมหยิบผ้าห่มขึ้นมาเผื่อจะช่วยปกปิดใบหน้าของตัวเองเอาไว้ได้

“กูอึ้งมากอ่ะ” ทนายเอาแต่ยิ้มด้วยใบหน้าที่เปี่ยมสุข สีหน้าแบบนั้นจะพานทำผมนอนไม่หลับ “เริ่มจากตอนไหนวะ”

“ถามจังไอ้เหี้ย”

“ก็อยากรู้นี่หว่า รู้แล้วมันฟิน”

“สาด” ผมพ่นลม “ก็เพราะมึงอ่ะ เพราะมึงนั่นแหละ”

“ยังไง”

“มาทำดีกับกูไง ห่วงกู หวงกูงี้”

“ไม่ใช่เพราะกูหล่อเหรอ”

ยังจะพูดแบบนี้อีก...

“ไม่ใช่โว้ย”

“นึกว่าจะชอบผู้หญิง”

“ก็ชอบ แต่ไม่เคยได้ไง”

“เปลี่ยนมาชอบผู้ชายอ่ะถูกแล้ว หน้าอย่างมึงควรมาชอบคนอย่างกูนี่”

“ก็ชอบไปแล้วป่ะวะ”

ทนายส่งเสียงร้องอย่างดีใจพร้อมๆ กับฝังจมูกลงบนหน้าผากของผม

“ตายห่าแล้วกู” อะไรคือการที่หอมหน้าผากผมเสร็จแล้วสบถวะ อะไรของมึง สัดทนาย! “กลัวใจตัวเองฉิบหาย นี่ถ้ามึงน่ารักแบบนี้ต่อไปนะ กูตายแน่เลย”

“จะตายไวอะไรขนาดนั้น”

“ตายเพราะหลงมึง”

“...”

“แน่นอน ชัวร์ๆ”

มันเปลี่ยนท่าเป็นนอนหงาย จากนั้นก็มองเพดานอย่างครุ่นคิดและเคร่งเครียด ผมขำกับใบหน้าแบบนั้นของมันมาก แต่มันก็ทำให้ผมรู้สึกมีความสุขที่ได้เห็นความจริงจังในการกระทำนั้น

มันคิดเรื่องผมหนักขนาดนั้นเชียว

ผมเอียงศีรษะไปซบกับไหล่ของทนาย มันหันมามองหน้าผมเล็กน้อย จากนั้นก็ปล่อยให้ผมทำในสิ่งที่อยากทำ

“เหมือนจะหาง่าย แต่ก็ไม่ง่ายเลยว่ะ” ผมพึมพำ

“อะไรวะ”

“คนที่คิดเหมือนกัน”

“ไม่ง่ายเลย ไม่ง่ายจริงๆ” ทนายรีบพูด “นี่อาจจะเป็นแค่การเริ่มต้นของกูกับมึงก็ได้”

“นั่นสิ”

“แต่กูดีใจนะ ดีใจโคตรๆ”

“เหมือนกัน”

“...”

“กูมีอะไรที่อยากจะขอ เหมือนที่กูเคยขอมึงบ่อยๆ”

“มึงขอมาเหอะ กูทำหมดแหละ”

“อย่าทิ้งกูนะเว้ย” ผมใช้กำปั้นทุบไปที่ตัวของมันอย่างขู่ๆ

“จูบกูสิ”

“...”

“ถ้าจูบกูแล้วมึงขออะไร กูจะให้หมดเลย”

ผมยิ้มก่อนจะขยับศีรษะ ทนายเองก็ทำเช่นนั้นเหมือนกัน ก่อนที่จะรู้ตัว ใบหน้าของทนายก็มาอยู่ใกล้ผมจนเกินไปแล้ว

หลังจากนั้นผมก็มองไม่เห็นอะไรอีก สัมผัสหวานๆ ทำเอาผมสติกระเจิงไปหมด ดูเหมือนทนายจะต้องการตักตวงความสุขในช่วงเวลานี้เอาไว้ เพราะแม่งไม่ยอมปล่อยผมให้เป็นอิสระเลย

ถึงจะเป็นอย่างนั้นแต่ทนายแม่งก็...ฮอตสัด แม่งทำผมสั่นสะท้านไปหมดทั้งตัวเพียงเพราะการขยับปากของมันแค่อย่างเดียว ขอย้ำอย่างเดียว ไม่รู้ไปหัดมาจากไหน ทำไมถึงทำผมอ่อนยวบยาบได้ขนาดนี้ มือไม้ของผมแตะตัวมันอย่างสะเปะสะปะ ขณะที่มันนั้นใช้เพียงแค่มือข้างเดียวประคองศีรษะผมไว้เท่านั้น

มึงทำแค่นั้น แต่มึงก็ได้คะแนนลีลาการจูบจากกูไปเต็มๆ

จูบครั้งแรกของมึงกับกู มึงใช้ลิ้นเลยเหรอวะ






“ทีนี้จะเอาไงต่อ” ทนายโพล่งขึ้น คืนนี้ของผมกับทนายคงยังอีกยาวไกล อย่าเพิ่งคิดไปถึงเรื่องสิบแปดบวกนะครับ หลังจากจูบเราสองคนก็ไม่ได้ทำอะไรเกินเลย ตอนนี้นอนอยู่เฉยๆ และทนายก็ดึงมือผมไปบีบเหมือนมือของผมเป็นของเล่น มีการมองอย่างสำรวจด้วยนะ

มือกูมีอะไรผิดปกติเหรอวะ

“อะไรยังไง”

“จะบอกทุกคนมั้ย หรือว่าปิดไปก่อน”

“มึงอยากได้แบบไหนล่ะ” ไหนๆ ก็ใจตรงกันแล้ว ทุกอย่างต้องห้าสิบ-ห้าสิบสิครับ มันไม่ใช่เรื่องของผมคนเดียวอีกต่อไป

“สำหรับคนอื่น...มันก็อาจจะไวไป” เหมือนทนายจะคิดมากเรื่องเตกับไมล์อยู่ แม้มันจะมาใหม่ทีหลังสุด แต่ผมค้นพบว่ามันเป็นคนที่แคร์ความรู้สึกของคนอื่นค่อนข้างมากเหมือนกันนะครับ

“อืม คิดเหมือนกัน”

“แต่กูก็อยากให้คนอื่นรู้ว่ามึงมีเจ้าของว่ะ กูขี้หวงมึงก็รู้” มันบีบมือผมแน่นขึ้นอีก ไอ้นี่เป็นอะไรกับมือผมมากป่ะเนี่ย

“หึ” ผมหัวเราะในลำคอ

“อะไร หัวเราะไร ขำมากเหรอ”

“มึงหวงกูตั้งแต่ยังไม่ได้เป็นไรกันแล้ว”

“กูเป็นเด็กหอสามไง” ทนายเสียงดังมากขึ้นคล้ายกับกลบเกลื่อนอะไรบางอย่าง “หอสามทุกคนต้องหวงมึง พี่อ้ายแทบจะทำไวนิลแปะไว้ที่ส่วนกลางอยู่แล้ว”

“ว้า ถ้างั้นก็เซ็งเลย” ผมแกล้งทำหน้าเซ็ง

“...”

“กูอุตส่าห์เริ่มสนใจมึงเพราะมึงหวงกูมากกว่าคนอื่นแท้ๆ” อันนี้ไม่ได้พูดโกหกนะ ผมจำได้ว่าตัวเองแอบดีใจขนาดไหนตอนที่ทนายแสดงอาการทั้งหวงทั้งห่วงผม แม้กระทั่งเรื่องไปร้านเหล้าถิ่นหอสองกับใส่กางเกงสั้นเกินไป ทนายมันก็ใส่ใจ

“เหรอ” มันเริ่มเปลี่ยนสีหน้า “เออ ก็ได้ ยอมรับก็ได้ กูเองก็ตงิดในใจตั้งแต่ตอนนั้นนั่นแหละว่ากูเยอะเกินไปหรือเปล่า”

“ไม่นะ ยังน้อยไป”

“อื้อหืออออ” มันมองผมพร้อมยิ้มมุมปาก “อ่อยเก่งนะเราอ่ะ ทำให้หลงเก่งจังเลย คนอะไรวะ”

“หลงกูเถอะ” ผมพูดเสียงเบา “กับมึงกูจริงจังมาก มึงคือผู้ชายคนแรกที่กูชอบ”

“บทจะตรงมึงก็ตรงเนอะ” ทนายหัวเราะก่อนจะก้มลงมาหอมแก้มผม “แต่ดี กูชอบ มีอะไรไม่ต้องกั๊กหรอก บอกๆ กันมาเลย”

“ตามนั้นนะ สัญญาแล้วนะ”

“ครับผม”

“เรื่องแอลทำกูอึ้งมากจริงๆ” ผมขอพูดหน่อยเถอะ “กูนึกว่าแฟนเก่ามึงเป็นผู้หญิงมาตลอดอ่ะ พอมาเจอวันนี้แม่งถึงกับ...”

“รู้ใจตัวเองเลยทีเดียว” ทนายหัวเราะ

“ไม่ใช่ป่ะวะ” ผมเถียงเสียงแผ่ว

“เหรออออออ”

“เออก็ได้ ยอมรับว่ามีส่วน”

“มึงไม่กล้าบอกเพราะคิดว่ากูชอบผู้หญิงใช่ป่ะ”

“จริงๆ ก็ไม่ได้คิดจะบอกมึงตั้งแต่แรกอยู่แล้วเฟ้ย”

“กูก็ไม่กล้า คิดว่ามึงชอบผู้หญิงเหมือนกัน ทั้งๆ ที่หน้าอย่างมึงควรจะชอบผู้ชายด้วยกันแท้ๆ”

ผมชักสีหน้า “หมายความว่าไง”

“ลืมสิ่งที่กูพูดเถอะครับ” ทนายใช้มือข้างเดียวของมันทำท่าพนมมือ

“มึงมีแฟนเก่ามาแล้วกี่คนนะ”

“สี่” สัด โคตรเยอะ กูนี่มีมึงเป็นแฟนคนแรก ความยุติธรรมของกามเทพอยู่ที่ไหน!

“ผู้ชายหมดป่ะ”

“แอลเป็นแฟนผู้ชายคนเดียวของกู”

จู่ๆ ผมก็รู้สึกใจวูบขึ้นมาซะอย่างนั้น ความรู้สึกอิจฉานิดๆ เริ่มเกาะกุมหัวใจ แอลคือแฟนผู้ชายคนแรกของไอ้ทนาย ได้ข่าวว่าคบตั้งแต่มัธยมจนถึงตอนปีหนึ่ง ไม่รู้ผ่านอะไรด้วยกันมาบ้าง นี่ถ้าแอลไม่ดูดีจนผมเก็บใบหน้าเขามานึกถึงทั้งๆ ที่ผมไม่ค่อยมองผู้ชายด้วยกัน ผมคงไม่หนักใจขนาดนี้

“เดี๋ยว ทำไมเงียบ”

“เปล่า”

“คิดมากเรื่องแอลเหรอ”

“ก็...มีบ้าง”

“เพิ่งพูดกันไปเองว่ามีอะไรให้บอกกัน อย่าดราม่าตั้งแต่คบกันวันแรกสิครับ”

จริงของแม่ง “แอลแม่งโคตรดูดีอ่ะ”

“ชมแบบนี้คิดไรกับแอลป่ะวะ” ทนายขมวดคิ้ว

“ไอ้บ้า ไม่ใช่ว้อย” มันคิดได้ไง

“ก็ดี ทุกอย่างดี นิสัยดี หน้าดี หุ่นดี”

ทนายกะยั่วให้ผมหึงป่ะเนี่ย

“ทำไมทำหน้างั้น กูหาเรื่องมาคุยกับมึงนะเนี่ย”

“ก็เพราะเขาดูดีมากนี่แหละ กูถึงได้...”

“สาด” ทนายนอนคว่ำลง ร่างกายของมันส่วนหนึ่งทับร่างผมที่นอนหงายอยู่ ใบหน้าของมันที่ฝังอยู่บนหมอนอยู่ชิดติดกับใบหน้าของผม ผมรู้สึกอบอุ่นเมื่อมือข้างหนึ่งของมันสัมผัสศีรษะของผมเอาไว้ “บอกแล้วไงว่าไม่เอาแล้ว เขาทิ้งกูไปนะ อีกอย่างมึงเป็นดาวหอ มึงเป็นนางฟ้าของหอพักชาย และที่สำคัญที่สุดตอนนี้คือมึงเป็นแฟนกู มึงดูดีกว่าเขาเยอะอาสา”

ผมไม่ควรคิดมากใช่ไหม...ในเมื่อทนายพยายามพูดให้ผมสบายใจขนาดนี้แล้ว ผมก็ควรที่จะปล่อยวาง

“มึงอยากเปิดเผยเรื่องของเราให้คนอื่นรู้ป่ะ” ผมถาม

“ให้เขารู้กันเองเถอะ กูก็จะเป็นตามธรรมชาติของกูนี่แหละ” เสียงทนายเริ่มส่อแววง่วง “นอนกันมั้ย”

“ก่อนนอนขอจูบอีกที”

“สาด มึงนี่ไม่เบาเหมือนกันนะ”

“รู้กันแค่สองคนได้ป่ะล่ะ”

ทนายยิ้ม ขยับศีรษะออกมาจากหมอนแล้วจูบผมอย่างที่ผมเรียกร้อง

มันบอกว่ามันกลัวตัวเองจะหลงใหลผมมากเกินไป ผมก็เริ่มกลัวตัวเองเหมือนกันนะเนี่ย กลัวจะติดจูบมัน แล้ววันๆ ผมจะไม่ทำห่าอะไรเลยนอกจากขอให้มันมาจูบ

แต่อย่าไปบอกแม่งเชียว เดี๋ยวจะได้ใจ...





tbc*

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3709
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
ตอนท้าย เหมือนอาสาจะหวั่นไหวนิดๆ อ่ะ

ออฟไลน์ Chiffon_cake

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 712
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1544/-12



บัลลังก์ปักษา
ตอนที่ 15


ผมมีแฟนแล้วครับ สดๆ ร้อนๆ เมื่อคืนนี้เลย

บอกตามตรงว่าโคตรเซอร์ไพรส์ ผมไม่รู้ว่าอาสาจะเก็บเอาเรื่องผมไปคิดเยอะถึงขนาดนั้น แต่ก็ดี มันเป็นผลดีต่อผมที่ชอบมัน เพราะฉะนั้นไหนๆ ตอนนี้ก็ใจตรงกันแล้ว ที่ผ่านมาผมจะปล่อยให้เป็นอดีต ผมจะทำปัจจุบันให้ดีที่สุด

อาสาไว้ใจที่จะมอบความรักให้ผมแล้ว ผมไม่อยากทำให้มันต้องผิดหวัง

อาจเป็นเพราะเราสองคนอยู่ด้วยกันตามลำพัง บรรยากาศเป็นใจ และยังมีอะไรทำร่วมกันอีกมาก ทุกอย่างมันเลยจูนกันติดและเปิดเผยความรู้สึกที่มีต่อกันได้ง่าย สำหรับผมแล้วจะง่ายจะยากก็ไม่สำคัญ เพราะผมได้ใจมันมาแล้ว ไม่อยากจะสนใจเรื่องห่าเรื่องเหวอะไรอีก สิ่งที่ผมควรคิดให้หนักก็คือผมควรดูแลอาสาให้ดี อย่างน้อยก็ต้องตื่นก่อนมันเพื่อที่จะปลุกให้มันตื่น...

“สัดทนาย ลุกขึ้นมาจากเตียง!” เสียงดังเหมือนฟ้าผ่านี่มันอะไรกัน “สายแล้ว เจ็ดโมงยี่สิบแล้ว!”

“เหี้ยยยยยยย” ผมรีบลุกขึ้นมาจากเตียง มองเห็นอาสากำลังใส่ชุดนักศึกษาด้วยสภาพรีบเร่ง ความขาวสะท้อนแสงของมันทำเอาผมตื่นเต็มตา ขาข้างหนึ่งของมันใกล้จะถีบผมให้หล่นลงจากเตียงอยู่รอมร่อ

แสดงความรักต่อกูด้วยลำแข้งเหรอวะ

“อรุณสวัสดิ์” ผมทัก จูบแก้มอาสาอย่างรวดเร็วก่อนจะพุ่งไปอาบน้ำ

“ยังมีเวลามาทำแบบนี้อีก” อาสาจับแก้มตัวเองเหมือนทุกทีหลังจากที่ผมหอมมัน

“กูอยากทำมานานแล้ว”

ผมใช้เวลาอาบน้ำไวโคตรๆ เพราะสายมากแล้ว วันนี้ผมคงไม่หล่อเหมือนทุกวันแน่ๆ ไม่มีเวลาแต่งองค์ทรงเครื่องใดๆ ทั้งสิ้น ผมออกมาจากห้องน้ำด้วยสภาพที่มีน้ำหยดติ๋งๆ มีสิ่งที่เซอร์ไพรส์ผมมากห้อยอยู่บริเวณตู้เสื้อผ้า

อาสาจัดเสื้อผ้าให้ผมเหรอ

“เร็วเข้า” มันพุ่งเข้ามาทำท่าจะช่วยแต่งตัว ผมไม่มีเวลาตัดสินใจอะไรทั้งนั้น รีบจัดการทาแป้งทาโรลออนอย่างรวดเร็ว ผมเหลือบมองอาสา มันหยิบเสื้อมาให้ผมแล้ว “ใส่เสื้อเลย”

“ปกติกูใส่กางเกงก่อน”

“จะอะไรก็เรื่องของมึงเถอะ เร็วๆ”

ผมใส่เสื้อกล้ามจากนั้นก็ใส่เสื้อนักศึกษา “ติดกระดุมให้หน่อย” ผมร้องขอ

“อะไรนะ”

“เลือกเอา จะติดกระดุมให้ หรือจะใส่กางเกงให้กู”

“ไอ้เหี้ย ได้ทีแล้วใช้ใหญ่”

ผมหยิบกางเกงมาใส่ อาสารอให้ผมยืนตรงตอนที่ผมเริ่มสวมเข็มขัด จากนั้นก็เริ่มติดกระดุมให้อย่างรวดเร็ว มันมองตัวมองหน้าผมใหญ่ ไม่ยอมมองลงไปเบื้องล่าง ผมลอบยิ้มมุมปาก

“เขินเหรอ”

“เขินอะไร มองตามึงอยู่เนี่ย” มันใช้ตาโตๆ ของมันจ้องผมอย่างไม่ยอมแพ้

“แน่จริงมองลงไปข้างล่างสิ เช้าๆ แบบนี้ยิ่งน่ามองนะ”

“ฟวย จัญไรแต่เช้าเลยนะ” ในที่สุดมันก็แพ้จนได้ ผมชอบใบหน้าตอนที่มันจำยอมแบบนี้จริงๆ มันน่าหอมฉิบ

“หอมหน่อย”

“ผักชีด้วยมั้ย” อาสาเอียงหน้าเข้ามาใกล้ให้ผมหอมหน้าผากมันได้ตามอำเภอใจ ชื่นใจทนายจริงๆ “เสร็จแล้ว เร็วๆ รีบๆ”

“สาด ไม่ได้เซ็ตผมเลยวันนี้” ผมอดบ่นไม่ได้เมื่อส่องกระจกดูสภาพตัวเอง อีกมือหนึ่งรีบทาครีมกันแดดอย่างว่องไว

“เอาผมลงแบบนี้ก็ดี ใสดี เหมือนเป็นปีหนึ่ง”

“ปกติกูเหมือนปีสี่หรือไงเล่า”

“ใช่”

“อาสา” ผมหันไปด่า “จะดีจะเลวยังไงก็เป็นแฟนมึงแล้วป่ะวะ”

“สาด เสียเซลฟ์เหรอ” อาสายิ้มน้อยๆ

“คำพูดมึงมีอิทธิพลกับกูเสมอ”

“มิน่าถึงชอบถามบ่อยๆ ว่าหล่อหรือเปล่า”

“วันนี้ขอถามอีกสักครั้งละกัน” ผมตรวจความเรียบร้อยอีกนิดหน่อยก่อนจะหันมามองอาสาซึ่งยืนรอพร้อมยื่นกระเป๋ามาให้ผมแล้ว

“เฮ้ย ขอบคุณครับ” ดูแลดีจังเลยวะไอ้สัด ขยันทำกูหลงมึงจริงๆ “วันนี้กูหล่อมั้ย”

“หล่อ พอใจยัง ไปได้แล้ว”

“ไหนบอกหน้าแก่เหมือนปีสี่” ผมดันหลังอาสาให้เดินออกไปจากห้องเพราะผมจะเป็นคนล็อกประตูเอง

“หน้าแก่แต่ก็หล่อ”

“รู้จักพูด”

“กูขี้เกียจเถียงกับมึงแล้วไง กูอยากไปเรียนนนนนน”

“จ้า เสร็จแล้วเนี่ย”









เวลาผ่านไปหนึ่งอาทิตย์

ผมเพิ่งรู้ตัวว่าผมปล่อยเวลาให้ล่วงเลยมาถึงตอนนี้ได้ไง นี่มันใกล้จะสอบมิดเทอมแล้ววววววววววว

จำได้มั้ยครับว่าผมอยากมาเรียนที่นี่เพราะอยากโฟกัสเรื่องเรียนอย่างเดียว แต่ไหงดันได้แฟนซะงั้น! แม้จะผิดแผนไปสักหน่อยแต่ก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องไม่ดี มันเป็นเรื่องที่ดีสุดๆ ไปเลยต่างหาก เพียงแต่ว่าตอนนี้ผมต้องทำให้ได้ดีทั้งสองเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องรักหรือเรื่องเรียน

เพราะอะไรน่ะเหรอ เพราะคุณโสภาพรรณจ้องจะจับผมเข้ามหา’ลัยทัพไทยตลอดเวลา ไอ้มหา’ลัยบ้านี่ก็เป็นอะไรไม่รู้นะ ถ้ามีเส้นใหญ่หน่อยก็สามารถเดินเข้าไปได้เลยไม่ต้องสอบให้ยุ่งยากมากความ เพียงแต่ว่าผู้บริหารคนใหม่เขาคัดคนเข้าไปเรียน (รู้สึกจะชื่อคุณทัพ คุณแทน หรือคุณแทนทัพ* อะไรนี่แหละ ผมชอบสับสนกับชื่อนี้) คัดแบบคัดฉิบหาย ดูตั้งแต่โคตรเหง้าต้นตระกูลลามมาจนถึงเส้นขนแขนของผม

( * ติดตามจากนิยาย #แทนทัพ ได้นะจ๊ะ )

แม่ผมทำธุรกิจกับคนบ้านนี้มาช้านาน เขาจึงไม่รังเกียจหากผมจะเข้าไปเรียนที่นั่นเพื่อจะได้รู้จักและต่อยอดความสัมพันธ์ให้ยาวนานยิ่งขึ้นไปอีก แต่ช้าแต่...ตอนนี้ผมรักมหา’ลัยนี้ไปแล้ว รักสไตล์การใช้ชีวิต การแบ่งแยกหอเป็นสัดเป็นส่วน และที่สำคัญแฟนผมก็อยู่ที่นี่ เพราะงั้นไม่ว่าจะยังไงผมก็ต้องคว้าเกรดเอล้วนในเทอมหนึ่งมาให้ได้ ไม่อย่างนั้นคุณโสภาพรรณจับผมเข้ามหา’ลัยทัพไทยแน่ ดีไม่ดีอาจจะส่งคนมาขนของออกไปทันทีที่รู้เกรดกันเลยทีเดียว

“ตามนี้ใช่ป่ะ” ผมยื่นมือไปรับกระดาษจากไอ้โอ๊ค มันกำลังลิสต์รายชื่อเนื้อหาที่ผมจำเป็นจะต้องอ่านให้จบก่อนสอบมิดเทอม รวมทุกวิชาเสร็จสรรพ “สัดดดดด เยอะมาก”

“มอเราคณะบัญชีเด่น มึงต้องเข้าใจในเรื่องนี้” ไอ้โอ๊ควางท่าเป็นกุนซือรู้ทุกเรื่องตามเคย “แต่ก็ไม่ยากสำหรับมึงอยู่แล้วนี่ ในเมื่อมึงอยู่ห้องเดียวกันกับพี่ปีสอง”

“มีคนติวให้”

“จะติวกันท่าไหนก็ไม่รู้”

“ท่าเก้าสิบหก”

“หกสิบเก้ามั้งไอ้สัด”

“ท่าเหี้ยอะไรไม่มีหรอก” ผมด่า เรื่องของผมกับอาสาผมยังไม่ได้เปิดเผยให้ใครทราบครับ อย่างที่บอกว่าผมรอให้คนเหล่านั้นรู้กันเอง อีกอย่างหนึ่งที่ผมต้องด่าก็เป็นเพราะผมจำเป็นจะต้องปกป้องแฟนบังเกิดเกล้า จำได้ว่าแค่มันเดินเหินธรรมดา ก็ถูกนำไปคิดในแง่นั้นตลอด (พวกหอสองอยากแดกอาสามาก) สำหรับผมอาสาเลอค่าและอยู่บนหิ้งเสมอ ผมต้องรักษาภาพลักษณ์ของมันเอาไว้ครับ

ถึงแม้ว่าอนาคตผมอาจจะกระทำการบางอย่างก็ตาม (ซึ่งมันเป็นการแสดงความรัก) แต่ผมจะไม่บอกเพื่อนผมหรอกนะ

“พี่อาสาเรียนเก่งมากเลยนะ ติดอันดับท็อปเท็นของปีสอง”

“มึงรู้ได้ไงวะ” ผมถามเพื่อนคนที่พูด

“กูไปฟังคนอื่นเค้ามา”

รู้สึกภูมิใจในตัวแฟนหมาดๆ ของตัวเองนิดๆ

“เก่งกว่าพวกหอหนึ่งอีกเหรอ”

“เหอะ อันดับหนึ่งถึงเก้าคือพวกหอหนึ่งหมดอ่ะ”

กำลังจะดีอยู่แล้วเชียวแต่โดนเบรกซะงั้น ผมนึกสงสัยในตัวคนที่เรียนคณะบัญชีเก่งที่สุดในหอสาม เมื่อไม่กี่วันก่อนยังต้องเรียกเพื่อนมาช่วยทำการบ้านอยู่เลย แต่พอนึกลงไปให้ลึกกว่านั้น อาสาอ่านหนังสือเรียนอย่างสม่ำเสมอตลอด มีแต่ผมนี่แหละที่อ่านบ้างไม่อ่านบ้าง

ถึงเวลาสนใจเรื่องเรียนแล้วครับ

“พูดถึงนางฟ้า นางฟ้าก็มา” ไอ้โอ๊คเปิดประเด็น ผมหันไปมองตาม กลายเป็นว่าตอนนี้ทั้งโต๊ะจับจ้องไปที่พวกปีสองซึ่งกำลังเดินลงมาจากตึกเรียน อาสาอยู่ท่ามกลางเพื่อนคนอื่นๆ และก็โดดเด่นที่สุดอีกตามเคย ข้างๆ นั่นก็คือไอ้ไมล์ ผู้ซึ่งไม่ว่าจะยังไงก็ยังคงรักในตัวของอาสาเสมอ

อาสาที่เป็นแฟนผมตอนนี้

ใจผมอยากจะเข้าไปแสดงความเป็นเจ้าของ แต่คำว่าห่วงความรู้สึกเพื่อนมันค้ำคอ เลยได้แต่ทำท่าลุกแต่ก็ไม่ลุก ไอ้โอ๊คหันมาเห็นการกระทำของผมทุกอย่าง แม่งหัวเราะลั่นเหมือนผมเล่นตลกให้มันดู

“อยากพุ่งก็พุ่งไปเลย กลัวอะไร”

มึงไม่เข้าใจเว้ย มันมีอะไรลึกซึ้งกว่านั้นเยอะ

ผมเห็นว่าอาสากำลังจะเดินเข้ามาหา จึงพร้อมเตรียมต้อนรับเต็มที่ แต่แล้วก็มีอะไรบางอย่างเกิดขึ้น มันเป็นสิ่งที่ไม่คาดฝันโคตรๆ
แอลเดินตัดหน้าอาสาอย่างช้าๆ ราวกับละครฉากหนึ่ง แม่งเป็นความบังเอิญที่ควรเกิดกับพระเอกคนอื่น ไม่ใช่ผม

แฟนเก่าของผมมากับไอ้เชี่ยป๊อบและก็เพื่อนโรงเรียนเก่าคนอื่นๆ ผมอึ้งมาก ไม่คิดว่าจะยกขบวนมาหาผมกันทุกคนขนาดนี้

“สัดแอลจะกลับกรุงเทพฯ เย็นนี้แล้ว มันบังคับให้กูพามาหามึง” ไอ้ป๊อบอธิบาย “เมื่อวานมึงไม่ได้อยู่คุยกับเพื่อนเลยไม่ใช่เหรอ”

ผมมองไปที่อาสา มันเดินตามหลังเพื่อนของมันไปโรงอาหารเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ฉิบหาย จะดราม่ามั้ยวะ นี่คบกันวันแรกเองนะ
 
“ไปหาอะไรกินกัน” แอลส่งยิ้มให้ผม

เพื่อนคณะผมที่นั่งโต๊ะเดียวกันพากันอ้าปากค้าง ก่อนจะกระทุ้งสีข้างของผมใหญ่ หาว่าชีวิตผมมีแต่ของดีเข้ามาพัวพัน อาสาก็คนหนึ่ง แอลก็คนหนึ่ง มีแต่ผู้ชายน่ารักๆ และก็เด็ดๆ ทั้งนั้น

สัด กูจะโดนอาสางอนอยู่แล้วเนี่ยยยยย

“ไหนๆ ก็จะไม่ได้เจอกันอีกนาน ไปด้วยกันเถอะนะ”

ผมชั่งใจนิดหน่อยก่อนจะพยักหน้า บอกกับเพื่อนที่ยังคงมองแอลไม่วางตาว่าอาจจะขึ้นไปเรียนตอนบ่ายสายหน่อย จากนั้นก็เดินตามกลุ่มเพื่อนโรงเรียนไป มือของผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโดยอัตโนมัติแล้วทักไปหาอาสา

LAWYER : จะไปกินข้าวกับเพื่อน มีแอลด้วย อย่าคิดมากนะ

ผมลุ้นคำตอบของอาสามาก มันอ่านแล้ว ใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งนาทีมันก็ตอบกลับมา

ARSA : อย่านั่งข้างแอลก็พอ

อื้อหือ ใจผมถึงกับพองโตภายในเสี้ยววินาที ประโยคนี้จากอาสาทำให้ผมเลิกกังวลไปเลย นอกจากจะบ่งบอกว่ามันไม่ได้โกรธหรืองอนแล้ว ยังมีความหึงหวงเล็กๆ แฝงอยู่ด้วย

อาสาแม่งเด็ดจริงๆ ว่ะ เป็นอีกครั้งที่ต้องบอกว่าเก่งจริงๆ เรื่องที่ทำให้ผมหลงใหล

เรื่องนี้กูขอยอมแค่มึงคนเดียวเลย







สวนอาหาร

ผมมองซ้ายมองขวา รู้สึกว่าร้านอาหารแห่งนี้มีความคุ้นตาเหมือนร้านอาหารของที่บ้านแอลในกรุงเทพฯ เมื่อเห็นป้ายชื่อของร้าน ผมก็ถึงกับบางอ้อ ร้านนี้เป็นอีกหนึ่งสาขาของที่บ้านแอลครับ

“เฮ้ย มีตั้งแต่เมื่อไหร่วะ” ผมอดที่จะถามแฟนเก่าไม่ได้ ช่วงที่เป็นแฟนกันเราคุยกันเรื่องที่บ้านน้อยมากครับ ส่วนใหญ่ผมกับมันมีแต่เที่ยวเล่นไปวันๆ มากกว่า เพราะตอนนั้นเราเรียนอยู่ใกล้กันและอยู่ที่กรุงเทพฯ ทั้งคู่ แต่ก็นะ ใกล้กันขนาดนั้นมันยังเปลี่ยนใจไปจากผมอ่ะ #ไม่เอาอย่าไปขุด

“ประมาณเดือนสองเดือนก่อนอ่ะ เพิ่งเปิดได้ไม่เท่าไหร่” พนักงานดูคุ้นหน้าคุ้นตาแอลมาก ทุกคนให้การต้อนรับลูกเจ้าของร้านเป็นอย่างดี

“งั้นก็เป็นช่วงที่เรา...เลิกกัน”

“นั่นแหละ” แอลยิ้มแห้งๆ

“มีอะไรเกิดขึ้นเยอะเนอะ”

“ใช่”

“...”

“หกเดือนมันมากเกินไปจริงๆ”

แอลเดินไปจัดการเรื่องโต๊ะกับอาหารให้เพื่อน ระหว่างนั้นไอ้ป๊อบก็สบโอกาสได้คุยกับผมตามลำพังพอดี

“กูปวดหัวสัด” มันทำหน้าเครียดใส่ผม “กูเป็นเด็กหอหนึ่งนะ ปกติกูต้องอ่านหนังสือแบบอ่านฉิบหาย อ่านจนเลือดตากระเด็น อ่านจนตาหลุด แต่นี่กูต้องมานั่งเครียดเพราะมึง ไอ้หล่อเอ๊ยยย”

“เดี๋ยว เป็นไรสาด เก็บกดห่าไรเนี่ย” ป๊อบมันใส่มาเป็นชุดจนผมต้องรีบปราม กลัวมันหายใจไม่ทัน

“มึงจะเอาไง อาสาหรือแอล ตอบ!”

“หา?”

“แอลแม่งเหมือนยังมีเยื่อใยอยู่ว่ะ มันปรึกษากูตั้งแต่เมื่อคืน แล้วรู้มั้ยว่าเกิดอะไรขึ้นต่อจากนั้น”

“อะไรวะ” ผมกะพริบตาถี่ๆ ฟังในสิ่งที่เพื่อนเล่าด้วยความมึนงง

“อาสาทักมาชมแอลว่าดูดีเฉยเลย”

ผมหลุดขำออกมาหลังจากที่ได้ยิน

“ไม่ขำนะสัด มึงกำลังปั่นหัวเด็กมึงทั้งสองคนนะเว้ย” ไอ้ป๊อบยังคงจริงจังต่อไป “แอลก็เหมือนจะยังรักมึง ส่วนอาสาก็เหมือนชอบมึงเข้าไปแล้ว ตกลงมึงจะเอาไง มึงจะเลือกใคร แม่งเอ๊ย อยากเกิดมาหล่อจริงๆ คนหนึ่งก็โคตรน่าลากขึ้นห้อง ส่วนอีกคนก็น่ารักจนอยากจับฟัด”

น่าลากขึ้นห้องกับน่ารักจนอยากจับฟัดนั่นมันอาสาหมดเลยไม่ใช่เหรอ เอ๊ะ หรือผมหลงแฟนหมาดๆ ของตัวเองมากจนเกินไป

“มึงก็น่าจะรู้แล้ว” ผมตอบแค่นั้น

ไอ้ป๊อบถอนหายใจ “เออ พอจะเข้าใจอยู่”

“ทีแรกมึงไม่ได้เชียร์แอลเลยนี่”

“ก็ตอนนั้นมันทำมึงเจ็บ”

“และตอนนี้กูก็มีหัวใจดวงใหม่ไปแล้ว”

แอลเดินมาเรียกพอดี ผมกับป๊อบจึงไม่ได้คุยอะไรกันอีก ตอนแรกแอลทำท่าจะนั่งข้างผม แต่แล้วมันก็เปลี่ยนใจไปนั่งข้างเชี่ยป๊อบแทน ผมก็เลยได้ทำตามในเรื่องที่อาสาร้องขอ ซึ่งเป็นอะไรที่ผมสบายใจอย่างยิ่ง

วันนี้ไม่ได้กินข้าวด้วยกัน แต่ผมก็นึกถึงมันตลอดการกินข้าวของผมเลยครับ







กว่าจะกินข้าวเสร็จ ถ้าจะไปเรียนตอนบ่ายก็เลตมากแล้ว ผมก็เลยถือโอกาสโดดเรียนซะเลย

ขอแวบไปดูคนที่ผมเพิ่งรู้ว่าเรียนเก่งสักหน่อยว่าจะตั้งใจเรียนแค่ไหน ผมพอจะทราบว่าพวกปีสองเรียนอยู่ห้องอะไร จึงไปหาอาสาได้ไม่ยาก ทันทีที่ผมมองส่องเข้าไปก็ถึงกับสติขาดผึง

หัวอาสากับหัวไอ้ไมล์จะติดกันอยู่แล้ว!

ทั้งคู่กำลังคุยกันเรื่องเนื้อหาในชีทอยู่ ผมรู้ว่ามันไม่มีอะไรในกอไผ่แต่ก็เดือดปุดๆ อย่างควบคุมไม่ได้ ยิ่งได้เห็นรอยยิ้มและการหัวเราะของอาสา มันก็ยิ่งทำให้ผมรู้สึกร้อนเป็นไฟ อยากจะหาอะไรบางอย่างมาดับอาการหัวร้อนของตัวเองฉิบหาย

คบกันวันแรก มึงท่องไว้ทนาย คบกันวันแรก อย่าดึงดราม่าดิวะสาดดดด

“อ้าวทนาย มาหาอาสาเหรอ” ผู้หญิงที่เป็นเพื่อนอาสาซึ่งเคยมาแนะนำตัวกับผมแต่ผมจำชื่อไม่ได้เดินออกมาจากห้องพอดี

“เข้าไปได้นะ อาจารย์ปล่อยพอดี”

“ไม่ดีกว่า เดี๋ยวยืนรอตรงนี้แหละ” ผมยังไม่แน่ใจว่าควรสุภาพกับเธอดีหรือไม่ ก็เลยพูดแบบกลางๆ ไว้ก่อน

“คงอีกนานเลยนะ มีแต่คนไปขอให้อาสาช่วย”

ผมรู้แล้วล่ะ #กัดฟันพูด “งั้นเดี๋ยวไปรอที่อื่นก็ได้”

“จ้า”

ผมเดินออกมาให้ห่างจากห้องเรียนของอาสา รู้สึกว่าตัวเองกำโทรศัพท์แน่นมากระหว่างที่พิมพ์ข้อความอย่างรัวเร็ว

LAWYER : กูไม่นั่งข้างแอล แต่มึงนั่งข้างไอ้ไมล์เนี่ยนะ!







บนรถ

เพราะไม่รู้ว่าควรไปรอที่ไหน ผมจึงมารอบนรถแทน อาสาโทรเข้ามาหาผมหลังจากที่ผมส่งข้อความไปทางไลน์ประมาณเกือบครึ่งชั่วโมงเห็นจะได้

แหม ติวกันนานนักนะ

“ฮัลโหล”

[อยู่ไหน]

“บนรถ”

[งอนเหรอ]

สัดทนาย เงียบทำไมล่ะ เขาถามมึงก็ตอบไปสิว่างอนอ่ะ

“เปล่า” โถ ไอ้พ่อบ้าน นึกว่าจะแน่ ไม่ต้องใช้ใครมาด่าผมให้เมื่อยหรอกครับ ผมนี่แหละด่าตัวเองดีกว่า มันรวดเร็วทันใจที่สุดแล้ว
 
[มึงมาเห็นฉากตอนที่กูอยู่กับไมล์พอดีใช่ป่ะ]

“ก็...อืม”

[หูย งอนจริงว่ะ ฟังเสียงสิ]

“กลับได้ยังเนี่ย รีบๆ ลงมาที่รถได้แล้ว”

[แป๊บนะ กำลังเก็บของ รอก่อน]

“เร็วๆ อยากคุยด้วย”

[คิดถึงหรือว่าอยากจะเคลียร์]

“คิดถึง” โอเค แพ้ ผมแพ้ ผมจะงอนอะไรมันได้นานเหรอครับ ในเมื่อมันน่ารักน่าฟัดซะขนาดนี้อ่ะ

[...] ผมได้ยินเสียงปลายสายหัวเราะถูกใจนิดหน่อย

“ถึงไหนแล้ว”

[เดี๋ยวสิ ยังออกไปไม่พ้นห้องเลย]

“ให้ไวเลย ให้ไว”

[กูจะบอกมึงว่าถึงมึงจะมาเห็นกูกับไมล์ในฉากแบบนั้น แต่ไมล์ก็ไม่ใช่พระเอกสำหรับกูนะ]

“...”

[มึงคือพระเอกของกู]

ผมควรใช้คำว่าอะไรกับอาสาดี แค่น่ารักน่าฟัดมากยังน้อยไป

[เปิดประตูให้หน่อย]

ผมตกใจ ไม่คิดว่ามันจะมาถึงไวขนาดนี้ เอ๊ะ หรือว่ามันมาถึงนานแล้ววะ ผมรีบกดเปิดประตูให้อาสาเข้ามานั่งบนรถพร้อมรอยยิ้ม

“ยิ้มใหญ่เชียว หายงอนแล้วใช่ป่ะ” อาสากดวางสาย ส่วนผมที่เพิ่งทำตามมันก็เอื้อมมือไปขยี้ผมมันอย่างมันเขี้ยว ผมนิ่มดีจริงๆ สมคำเล่าลือ

ว่าแต่ไอ้คนที่เล่าลือแม่งเคยจับผมของอาสาตอนไหนวะ บอกกูมา! #อย่าเพิ่งหึงเรื่องอื่นเพิ่มสิ

“กูงอนอยู่ แต่กูหายก็ได้”

“ง่ายเนอะ”

“ก็มึงง้อได้ถูกจุดอ่ะ”

อาสายักไหล่อย่างภูมิใจ

“หน้าใกล้กันจนแทบจะสิงกันอยู่แล้ว” ผมรำพึงรำพัน

“ไม่ขนาดนั้นสักหน่อย” อาสาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพร้อมขยายรูปให้ดู “มึงก็ใช่ย่อย นานๆ ทีจะเห็นมึงยิ้มได้ถึงขนาดนั้น”

มันเป็นภาพที่ผมกำลังยิ้มอยู่แล้วหันไปมองแอลพอดี ใครวะแม่งถ่ายรูปได้ถูกจังหวะโคตรๆ แต่อาจจะทำให้กูถูกอาสาถีบ ใครวะ ใคร!

“เชี่ยป๊อบส่งให้เหรอ”

“ช่าย”

“สัดเอ๊ย” ผมรีบมองอาสาว่ามันทำหน้ายังไง โชคดีที่มันมองเรื่องนี้เป็นเรื่องขำๆ “ป๊อบคงอยากให้กูมีปัญหากับมึงอ่ะ เมื่อคืนมันเครียดเรื่องกูมาก มันก็เลยแค้น”

“เป็นวิธีการแก้แค้นที่แปลกดีจริงๆ”

“กูมีเรื่องสงสัยเรื่องหนึ่ง” ไม่รู้ทำไมเรื่องนี้ถึงได้สะกิดใจผมนัก “ตอนที่มึงลืมทำการบ้านอ่ะจำได้ป่ะ ก่อนหน้ากูมีงานเดินแบบวันหนึ่ง”

“จำได้สิ มันเกิดขึ้นเมื่ออาทิตย์ที่แล้วนี่เอง กูจะลืมได้ไง”

“เพื่อนกูบอกว่ามึงเรียนเก่งมาก”

“ใครเอามาพูด กูอยู่หอสามนะ กูจะสู้พวกหอหนึ่งได้ไง”

“เก่งที่สุดในเอกบัญชีปีสองของหอสาม”

“ก็...” อาสาไม่พูดต่อแต่ยักไหล่แทนว่ามันคือความจริง

“เรียนเก่งแต่ทำไมลืมทำการบ้านวะ”

“โอ๊ย ทำไมมึงมาสงสัยในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ” อาสาทำเป็นสนใจข้าวของของตัวเองในมือแทน “จำไม่ได้เหรอว่ากูเผลอหลับตอนอาจารย์สั่งการบ้านอ่ะ”

“กูว่ามันทะแม่งๆ” ผมยังคงพูดต่อไป “นี่ถ้าเพื่อนไม่บอกว่ามึงเรียนเก่ง กูก็คงไม่สงสัยหรอก วันนั้นที่ทำการบ้านกันมึงดูดร็อปที่สุดในบรรดาเพื่อนร่วมคณะของมึงเลยนะ”

“สาดดดดดดดด” อาสาโอดครวญ “ก็ได้ ถ้าอยากรู้นักจะบอกให้ก็ได้”

“...”

“กูใจลอยเรื่องมึง จนฟังไม่ทันว่าอาจารย์สั่งการบ้านอะไรไงสัด พอใจหรือยัง”

นั่นยังไงล่ะ! #ตบเข่าฉาด กะแล้วเชียวว่าเรื่องนี้มันต้องส่งกลิ่นผิดปกติ แล้วผมก็ได้รับคะแนนเต็มไปจากเรื่องนี้เพราะผมคิดถูก (ใครเป็นคนให้วะ) ตอนนั้นอาสายังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเริ่มชอบผม นั่นหมายความว่าผมก็มีอิทธิพลต่อจิตใจของมันค่อนข้างมากในช่วงก่อนหน้านี้

ฟินสัดๆ โลกนี้ช่างสวยงาม ปั๊บปาดั๊บปา

“เกลียดตอนมึงทำหน้างี้จริงๆ”

“คนบ้าอะไรเกลียดตอนแฟนตัวเองทำหน้ามีความสุข”

“มึงมีความสุขเพราะความทุกข์ของกู”

“ทุกข์อะไรวะ”

“ไม่ยอมให้กูกั๊กห่ากั๊กเหวอะไรไว้เลย อยากรู้อะไรก็ถาม ถามแล้วตัวเองก็มีความสุข เคยเห็นใจกูบ้างมั้ยว่ากูอยากจะปิดบังหรืออยากจะเก็บเอาไว้ยิ้มๆ กับตัวเองคนเดียว”

“โอ๋ๆๆ” ผมเอื้อมมือไปลูบผมอาสาอีกครั้งก่อนจะสตาร์ตรถเตรียมออกตัว “มึงก็ถามกูบ้างสิ จะได้หายกัน”

“ตอบไหวเหรอ คำถามกูเหี้ยมกว่าของมึงเยอะนะ”

ลืมไปว่ามันเป็นงูพิษ...งูพิษตัวน้อยๆ แต่แม่งก็มีพิษ!

“จัดมาสักหนึ่งแซมเปิ้ลดิ๊”

“รักกูป่ะ”

เหยดแม่ม กูให้ถ้วยรางวัลมึงไปเลย เต็มสิบกูให้ร้อย อาสาเอ๊ย เรื่องเอาชนะกูมึงทำได้เก่งมาก กูยอม กูยอมมมม

นี่สินะคำถามที่ถามเพื่อให้คนถามฟินอย่างแท้จริง ทนายเอ๊ย มึงควรเรียนรู้เอาไว้นะ

“โคตรรักเลย”

วันนี้ผมซึ่งเป็นคนตอบขอพลิกเกมสักหน่อยละกัน อยากเห็นคนถามเขินอ่ะ...ซึ่งแม่งก็เขินผมจริงๆ ด้วย





tbc*

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8896
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ Rumraisin

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 673
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
หูยยยยยยย ทำไมคนอ่านฟินพอๆกับทนายเลยอ่ะ อ๊ายยยยย :hao7: ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7697
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
คิดเหมือนอาสาเลยว่าแอลเป็นผู้หญิงอ่ะ อึ้ง O_O

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3494
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
โอ้โหหหหหหห มาแบบจุใจเลย ในที่สุดแผนการเต๊าะเนียนๆของทนายก็ได้ผลแถมได้เป็นแฟนกับอาสาอีก ดีจริงๆๆๆ

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :o8: :-[ :impress2:

ฟิน  จุใจ  คุ้มค่ากับที่รอคอยมานาน

 :pig4:

ออฟไลน์ plafishy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 10
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ฟินมาก ในที่สุดเค้าก็ใจตรงกัน
และอึ้งเหมือนกัน นึกว่าแอลเป็นผู้หญิง 55555

ออฟไลน์ boboman

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-2
นึกว่าแอลเป็นผู้หญิงเหมือนกันอ่ะ 555
แต่ก็ดีที่ทำให้อาสากล้ายอมรับตัวเองมากขึ้น
อิทนายได้แฟนแล้วจ้าาา ฮิ้ววว
หวานๆ แบบนี้ชอบบบ  :-[

ออฟไลน์ aiyuki

  • รักแท้ไม่แบ่งแม้เพศพันธุ์
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2636
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-6
พอใจตรงกัน ก็ ฟินเลยยย โอยยยยย ป๊าดดดดดด

ออฟไลน์ kredkaew26

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 102
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
คืออะไรอ่ะ  โอ้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย ฟินนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน  5555 ขอไปตายแปบนึงก่อนนะ ^^   :impress2: :-[ :mew1: :impress2: o13

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด