... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 19/08/17 [END]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ... สิ บ ส อ ง เ ศ ร้ า ... l (I) บัลลังก์ปักษา l up : 19/08/17 [END]  (อ่าน 488817 ครั้ง)

ออฟไลน์ Dealta

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 95
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
มาแบบจุใจมาก ทนายฟิน คนอ่านก็ฟินค่ะ หูยยยยย  :katai2-1: :mew1:

ออฟไลน์ why yyy

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +309/-8

ออฟไลน์ minneemint

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1632
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-0
สนุกจัง
อาสาทนาย
พี่สงครามอ้าย

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
โอย.......อ่านไปก็ยิ้มไม่หุบเลย หน้างี้บานทะโล่  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
ดีต่อใจ จริง...จริ๊ง
อาสา หึงทนาย มีห้ามทนายนั่งข้างแอล
ทนาย ก็หึงอาสา ส่วนใหญ่ทนายหึงอาสาแหล่ะ

แอล ยังไง เกิดหวนมาหาทนาย ยังรักทนาย ทั้งที่ทิ้งทนายไปนี้นะ
เข้าใจป๊อบเลย เป็นคนกลาง รู้ว่าทนายชอบอาสาแล้วด้วย

ทนาย อาสา  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ PAiPEiPEi

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 458
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-3
เป็นคู่ที่คุยกันแบบโต้ๆที่ชัดเจน แมนๆและเขินมากกกกกกก     2 คนนี้รู้นะว่าที่ทำไปมันจะเขินขนาดไหนแต่ก็ยังทำเพราะสนองความฟินของตัวเอง  อาสาคนจริงมากนะ  โอ้ยยยยยสมแล้วที่ทนายมันจะชักดิ้นชักงอกระเด่วๆๆ

ออฟไลน์ wichta

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 44
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ชักดิ้นชักงอฟินนนนนนนเหมือนทนาย อาสาคนจริง เอาเข้าไปหยอดกันเข้าไป คนอ่านหมอนขาดหมดแร๊ะ
ฝากบอกคนเขียน เราได้ตัดน้ำตัดไฟ กระโดดถีบหม้อและกระทะ พร้อมทั้งแอบซ่อนห่อมาม่าไว้หมดแล้ว คุณไม่มีสิทธิต้มน้ำใส่มาม่าให้เรากิน 555555555

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ momonuke

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 753
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
บัดจะง่ายก็เอาฉันตามไม่ทันเลยพี่บัวลอยย :ling1: :ling1: :ling1:

ออฟไลน์ K.PanPan

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 13
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
มีความฟิน อ่านไปจิกหมอนไป อ่านไปดึงขนหน้าแข้งไป
ฟินนนนน  :katai5:

ออฟไลน์ maxtorpis

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1442
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-4

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
น่ารักจริงๆคู่นี้
สรุปอาสาต้องบอกก่อน
ทนายแม่งป๊อด 5555
คราวนี้หวังว่าทนายจะไม่ละเมอ แอลๆๆอีกนะ

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
ว้าววว ทนายอาสา คือความดีงาม
อาสายอมรับแล้ว เปิดใจแล้ว

มีความหวานนิดๆ

ออฟไลน์ jimmyjimmy

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1962
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-17
ยังไม่จบใช่มั้ย

ออฟไลน์ Nutty_FanFan13

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 7
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ใจบางกับคู่นี้ ฮืออออออ :mew3:

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
หัวใจคนแก่ระทวยไปหมดเลย  :-[ :-[

ออฟไลน์ kredkaew26

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 88
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
เข้าโหมด  รอออออออออออออออออออออออออออออออออ   :serius2: :serius2: :serius2:

ออฟไลน์ Chiffon_cake

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 712
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1544/-12



บัลลังก์ปักษา
ตอนที่ 16



สวัสดีครับคนอ่านทุกท่าน วันนี้ผมจะมารีวิวการเป็นแฟนกับนางฟ้าแห่งหอพักชายภายใต้เหตุการณ์ทั้งหมดหนึ่งเหตุการณ์ถ้วนในเวลาไม่ถึงห้านาที เหตุเกิด ณ ร้านข้าวติดแอร์หน้ามหา’ลัย เชิญรับฟังและรับชมกันได้เลยครับ

“อาสามาว่ะ”
“เหยดดด วันนี้กูเลือกแดกร้านถูก”

หนึ่ง คนเป็นแฟนอาสาจะต้องอดทนต่อสายตาของพวกเพศผู้ที่มองอาสาตาเป็นมันให้ได้ เจ้าตัวเคยชินกับเรื่องนี้เป็นอย่างดี แต่คนเป็นแฟนจำใจที่จะต้องเคยชิน และต้องหักห้ามใจตัวเองไม่ให้ไปต่อยไอ้พวกที่คอยมองดูอยู่

“รับอะไรดีครับ”
“แป๊บนะครับ ขอดูเมนูก่อน” อาสายิ้มพร้อมเปิดเมนู

สอง คนเป็นแฟนอาสาต้องรับให้ได้เวลาที่มันส่งยิ้มให้คนอื่น ไม่ว่าคนนั้นจะเป็นเด็ก คนชรา สิงสาราสัตว์ หรือแม้กระทั่งพนักงานชายในร้านอาหาร คนเป็นแฟนจะต้องท่องเอาไว้ในใจว่าที่อาสายิ้มให้คนอื่นไม่ใช่เพราะอ่อย แต่มันเป็นคนนิสัยดี เพียงแต่คนที่มันส่งยิ้มให้เขาอาจจะไม่ได้คิดแบบนี้ก็เท่านั้นเอง

ดูจากตาเยิ้มๆ ของแม่งก็รู้

ศอกของอาสาเผลอชนช้อนส้อมจนหล่น อาสาก้มลงไปหยิบ พนักงานชายแบมือขอคืนเพื่อที่จะนำไปเปลี่ยนคู่ใหม่มาให้ ระหว่างที่รับส่งกัน มือของมันเหมือนกำลังจะพยายามแต๊ะอั๋งอาสาอยู่ไม่มากก็น้อย

สาม คนเป็นแฟนอาสาจะต้องรู้เท่าทันคนรอบข้างว่าจะมาไม้ไหน จะพยายามมาเอากำไรชีวิตด้วยการตอดเล็กตอดน้อยหรือไม่
 
ผมเอื้อมมือไปหยิบช้อนส้อมจากมืออาสาก่อนจะส่งต่อให้พนักงานชาย ซึ่งมันคงจะงงว่าผมจะเข้ามาขัดความฟินในแผนลอบสัมผัสมือของอาสาทำไม

สาด เพราะกูเป็นแฟนไอ้เหี้ยนี่ไง

“กินอะไรดี” อาสาถามผม

“สั่งเลย กูแดกหมด”

“...”

“มึงลืมติดกระดุมเสื้อป่ะวะ”

“หา?” อาสาก้มหน้าก้มตาสำรวจสภาพตัวเอง มันไม่ได้ติดกระดุมสามเม็ดบนครับ อ่อยโคตรๆ อ่อยใครไม่รู้แต่ขอคิดว่าอ่อยผมก็แล้วกัน “ไม่ได้ลืม กูร้อน”

“ร้านนี้ติดแอร์นะ”

“...”

“ถ้าเย็นแล้วก็ติดกระดุมซะ” ผมเปลี่ยนใจดีกว่า “ไม่ มึงติดเดี๋ยวนี้เลย”

“เฮ้ย”

“กลับห้องค่อยปลด จะปลดเสื้อผ้าหรือปลดกางเกงด้วยก็ได้ ยิ่งดีใหญ่เลย”

“ทนาย เคยตายมั้ยวะ” ด่าผมทั้งๆ ที่ใบหน้าขึ้นสีแดงระเรื่อ

สี่ อาสาไม่ระมัดระวังตัวเองเลยแม้แต่น้อย คนเป็นแฟนจะต้องคอยระมัดระวังให้ จริงๆ แล้วมันอาจจะไม่ได้ทำอะไรที่ผิดปกติมากมาย เพียงแต่ในสายตาของคนอื่นนั้นกลับไม่ได้คิดเช่นมัน เช่น มันปลดกระดุมสามเม็ดบนออกเพราะร้อน แต่คนหื่นกามสามารถคิดไปได้อื่นไกลว่ามันปลดกระดุมออกเพราะต้องการอ่อย คนมันหื่นก็จะคิดเรื่องหื่นตลอด ซึ่งผมไม่ชอบเวลาที่จะมีใครมาคิดกับแฟนผมในแง่นั้น

ผมคิดได้คนเดียว

“เดี๋ยวมานะ ไปเข้าห้องน้ำ”

“อื้ม เดี๋ยวจะสั่งเผื่อ” อาสาตั้งใจดูเมนูมาก

ผมลุกขึ้นยืน จากนั้นก็เดินห่างออกไปเพื่อที่จะไปเข้าห้องน้ำ เมื่อหันกลับไปมองอีกที ผมเห็นความเคลื่อนไหวรอบตัวอาสา รู้เลยว่าแม่งต้องมีคนพุ่งเข้ามาหามัน ไม่ขอเบอร์ก็ขอไลน์

พวกมึงหยุดความคิดนั้นได้เลย เพราะกูไม่ปล่อยมันให้คลาดสายตาอีกแล้ว กูจำได้ กูแค่ไปซื้อข้าวมันไก่ยังมีคนมาขอไลน์อาสา!
ผมเดินกลับไปที่โต๊ะพร้อมๆ กับกระตุกแขนอาสาให้ยืนขึ้น

“อะไรวะ”

“พาไปเข้าห้องน้ำหน่อย”

“บ้าเหรอ”

“ทางมันเปลี่ยว ไม่กล้าเดินคนเดียว”

“ไม่ใช่แล้วมั้ง ห้องน้ำก็อยู่ในร้าน” มันโวยวายไปก็เท่านั้น เพราะผมลากมันออกมาแล้ว

และห้า คนเป็นแฟนอาสาจะต้องอย่าปล่อยให้อาสาคลาดสายตาเด็ดขาด อาสาก็คืออาสา มันเป็นนางฟ้าที่พวกเพศผู้หมายปองและจ้องจะแดก ไม่ว่ายังไงความจริงข้อนี้ก็ไม่มีวันเปลี่ยน ไม่มีสิ่งใดมาลบล้างได้ คนเป็นแฟนมันจะต้องแอ็กทีฟตลอดเวลา ห้ามเผลอและปล่อยปละละเลยเด็ดขาด มิเช่นนั้นเรื่องปวดหัวอาจจะตามมาได้

ไม่ใช่เพราะอาสา แต่เป็นเพราะไอ้พวกที่คอยจังหวะจะเข้ามารุมตอมนั่นแหละ

นี่แค่รีวิวในส่วนของความฮอตต่อเพศเดียวกันของอาสานะครับ ยังมีเรื่องราวเกี่ยวกับตัวของมันที่ไม่รู้ว่ามีแปดสิบแปดมิติหรือเปล่า บางครั้งก็หวานแต่บางครั้งก็โหด บางครั้งก็โคตรอ่อย (ผม) แต่บางครั้งก็โคตรหวงตัวเอง (กับผม) บางครั้งก็ดูใสๆ ไร้พิษภัย แต่บางครั้งก็เล่ห์เหลี่ยมจัดดุจดั่งงูพิษ นี่คือยกตัวอย่างเท่านั้นนะ เรื่องเกี่ยวกับอาสายังมีมากกว่านี้เยอะเลยครับ

สิ่งที่ผมประทับใจที่สุดก็คืออาสาน่ารักขึ้นทุกวัน มันเริ่มทำตัวเป็นเพื่อนกับผมน้อยลงและทำตัวเป็นแฟนกับผมมากยิ่งขึ้น แม้จะทำเฉพาะตอนอยู่กับผมสองต่อสองก็ตามทีเถอะ แต่นั่นก็ถือว่าเด็ดมากแล้ว เด็ดจนไม่รู้ว่าผมจะทนเรื่องหักห้ามใจตัวเองไม่ให้ฟัดอาสาได้มั้ย

เดี๋ยวพวกท่านจะได้รู้ในลำดับถัดไปครับ

ตอนนี้ผมฉี่เสร็จแล้วและกำลังหิวโคตรๆ เราสองคนกลับมานั่งที่เดิม จากนั้นผมกับอาสาก็พากันสั่งอาหารรัวๆ อย่างไม่แคร์ว่ามันจะราคาเท่าไหร่ เพราะหิวกันมากจริงๆ

“เออนี่” อาสาเอ่ยขึ้นมาหลังจากที่เรากินกันไปได้สักพักแล้ว “ไมล์มันถามว่ามึงจะเอาชีทเก่ามันไปอ่านหรือเปล่า มันจะให้มึงก่อนให้น้องรหัสมันที่อยู่หออื่น”

เรื่องหอมาก่อนสายรหัสอีกเหรอครับเนี่ย

“ไม่เป็นไร กูอ่านแค่ของมึงก็ได้” ผมพูดยิ้มๆ

“ปัญหามันอยู่ตรงที่ว่าชีทตอนปีหนึ่งของกูอยู่บ้าน ไม่ได้อยู่หอว่ะ” อาสาทำหน้ารู้สึกผิด

“ไม่เป็นไร งั้นพี่รหัสกูคือใครเหรอ” ขอพึ่งพี่รหัสก่อนที่จะพึ่งไอ้ไมล์ก็แล้วกัน

“ถ้ากูจำไม่ผิดน่าจะเป็นไอ้เก้นที่อยู่หอสองนะ”

จบกัน ผมไม่มีวันที่จะไปขอชีทเก่าของไอ้พวกหอสองแน่ๆ ฝันไปเหอะ

“ไม่เป็นไร เดี๋ยวอ่านตามพวกไอ้โอ๊คก็ได้”

“โอ๊คมันดูขยันดีนะ”

“มีเด็กหอหนึ่งคนหนึ่งแย่งเครื่องคอมฯ มันในร้านเกมแล้วมันไม่ชอบอ่ะ มันก็เลยชิงดีชิงเด่นมาตั้งแต่ตอนนั้น”

“แบบนี้ก็มีด้วย”

“ช่าย”

“แล้วก็สู้กับพวกหอหนึ่งเนี่ยนะ เชื่อแม่งเลย”

“หอสามเรามีดีกว่าหน้าตาเว้ย มึงต้องมีศรัทธา”

บทสนทนาระหว่างเราสองคนเป็นไปอย่างไหลลื่นอย่างที่ควรจะเป็น แม้ว่าผมจะเคยบอกว่าเราสองคนทำตัวเป็นแฟนกันมากขึ้น แต่ก็ทำในช่วงที่เราอยู่กันสองคน ถ้าเป็นที่สาธารณะ แค่ตักอาหารให้ก็ถือว่าหวานมากแล้วล่ะครับ ใจผมอยากทำมากกว่านั้น แต่อาสาเป็นเป้าสายตามากจนเกินไปจริงๆ ผมไม่อยากให้มันถูกนินทาในแง่เสียๆ หายๆ เพราะผม

เอ...แต่เป็นข่าวกับผมก็ดีกว่าเป็นข่าวกับคนอื่นป่ะวะ ทุกคนจะได้รู้ไงว่าอาสาเป็นของผม ผมกับมันเป็นแฟนกัน

“คิดอะไรอยู่วะ” อาสาเลิกคิ้ว เริ่มกินอาหารที่อยู่ตรงหน้าช้าลงเนื่องจากใกล้จะอิ่ม

“ก่อนหน้านี้ตอนที่คิดในใจกูกำลังรีวิวเรื่องการเป็นแฟนมึงอยู่”

“รีวิวเนี่ยนะ มึงรีวิวให้ใครฟัง”

“ให้ตัวกูฟังนี่แหละ”

อาสาทำหน้าเหมือนจะทักท้วงผมว่า ‘มึงมีมุมพิลึกอะไรแบบนี้ด้วยเหรอ’

“ไหนลองรีวิวให้กูฟังดูซิ” ผมชอบที่มันเอาใจใส่ผมถึงแม้ว่าผมจะแปลกๆ ไปบ้างก็ตาม

“จากที่คบกับมึงมาตลอดสองสามวัน...”

“ฟังดูเหมือนนานเนอะ”

“ถ้าจะคบมึงให้รอด ต้องทำใจเรื่องความโซแดมฮอตของมึง”

อาสาดูอึ้งเล็กๆ “หา?”

“แต่ก่อนกูเคยเถียงพี่อ้ายในใจเรื่องความฮอตของมึงนะ แต่พอได้มาอยู่กับมึง นานวันเข้ากูรู้เลยว่าแม่งเป็นเรื่องจริงเสียยิ่งกว่าจริง”

“เลอะเทอะไปใหญ่แล้ว”

“ถ้ามีบัลลังก์มึงคงได้นั่งไปแล้ว”

“บัลลังก์แห่งความนกน่ะสิวะ จะอวยอะไรกันขนาดนั้น” อาสาส่ายหน้า มองว่าเรื่องที่ผมพูดเป็นเรื่องไร้สาระ

“ไม่เชื่อเหรอ ไม่เชื่อมึงลองหันไปมองโต๊ะนั้นสิ” ผมพยักพเยิดไปทางโต๊ะที่มีผู้ชายคณะไหนไม่รู้นั่งกันอยู่สามคน ผมมองมานานแล้ว สามคนนี้ดูเหมือนจะสนใจอาสามากกว่าโต๊ะอื่น “ถ้ามึงมองไปแล้วพวกนั้นไม่มองมึงกลับมาทั้งสามคน แสดงว่าสิ่งที่กูพูดเป็นเรื่องโกหก”

อาสายอมทำตาม มันหันไปมองโต๊ะนั้นด้วยสายตาแบบไม่ได้ตั้งใจจะมอง พวกนั้นหันกลับมาสบตาอาสาอย่างรวดเร็วจนอาสาหันกลับมาหาผมแทบไม่ทัน

มันกลืนน้ำลายใหญ่ สงสัยจะอึ้งในความฮอตของตัวเอง

“กูก็พอรู้สึกได้บ้างอ่ะนะ แต่ไม่คิดว่าจะอะไรขนาดนี้”

“แสดงว่ากูุโชคดีแล้วที่ได้มึงมา” ผมยิ้มกริ่ม ก่อนจะหุบยิ้มฉับทันควัน “แต่ก็ต้องทนให้ไอ้พวกนั้นมองมึงด้วยสายตาเจ้าชู้แบบนั้นต่อไป บอกตรงๆ หัวกูนี่ร้อนไปหมดแล้ว นี่กูต้องทนเห็นอะไรแบบนี้ไปเรื่อยๆ งั้นเหรอ”

“คนอื่นมองมาแล้วไงวะ กูไม่ได้มองตอบเขานี่หว่า”

เออว่ะ

“สิ่งสำคัญคือกูเล่นหูเล่นตาตอบเขาไปหรือเปล่า กูโดนมาเยอะแล้ว กูมีภูมิคุ้มกัน เชื่อใจกูนะทนาย”

มันพูดเรียบง่ายเหมือนสิ่งที่มันเพิ่งพูดไปไม่ใช่สิ่งที่สะกิดหัวใจของคนฟัง แต่เปล่าเลยครับ แม่งทำผมประทับใจได้อย่างน่าเหลือเชื่อ คนมองอาสาเยอะ แต่ถ้าอาสาไม่มองกลับหรือเล่นไปกับคนพวกนั้นก็คงจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นต่อไป ไม่มีอะไรที่ผมต้องกังวล

เพราะงั้นขอรีวิวการเป็นแฟนอาสาในแบบสั้นๆ ง่ายๆ ทิ้งท้าย...คนที่ได้เป็นแฟนอาสา คนคนนั้นโชคดีฉิบหายเลยครับ







หอสาม

เราสามคนกลับมาที่หออีกครั้ง รู้สึกประหลาดใจกับการเปลี่ยนไปของหอจนอดที่จะอึ้งไม่ได้ ในที่สุดเราก็เดินทางมาถึงฤดูแห่งการเตรียมสอบมิดเทอมเป็นที่เรียบร้อย โซนส่วนกลางถูกจับจองด้วยไอ้พวกหน้าดีที่มาจากคณะหินๆ อย่างเช่นแพทยฯ ทันตฯ เป็นต้น ไอ้พวกนี้ไม่รู้ว่าจะเรียกว่าโชคดีหรือโชคร้าย เรียนเก่งก็จริงแต่หน้าตาเสือกเด่นกว่าความสามารถ แทนที่พวกมันจะได้ไปกองอยู่รวมๆ กันกับพวกคณะเดียวกันที่หอหนึ่ง แต่กลับได้มาอยู่หอสามแทนซึ่งมีพวกคณะเดียวกันอยู่แค่กระจึ๋งเดียว

ช่วงนี้ผมจะเห็นโมเมนต์สนิทกันข้ามห้องบ่อยครับเพราะคนอยู่ห้องเดียวกันใช่ว่าจะอยู่คณะเดียวกันทุกคน ความสามัคคีเป็นปึกแผ่นเริ่มแสดงออกให้เห็นอีกครั้งหนึ่ง คนเหล่านี้ส่วนใหญ่มักจะมีปมในใจ ทุกคนอยากจะลบล้างคำสบประมาทที่ว่ามีดีแค่หน้าตาแต่เรื่องอื่นไม่มีห่าไรใช้ได้ บอกเลยว่าคำนี้โดนกันมาทั้งหอครับ และมันก็สร้างแผลในใจให้พวกเราค่อนข้างมากเลยทีเดียว

นอกจากผมจะมีแผลเพราะคำนั้นแล้ว ผมยังต้องทำเพื่อให้ตัวเองได้อยู่มหา’ลัยนี้ต่อไปอีกด้วยการได้เกรดเอล้วนในเทอมนี้ เรื่องนี้อาสายังไม่รู้ครับ ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องค่อนข้างเล็กน่ะ อีกอย่างวิชาในเทอมหนึ่งก็ไม่ค่อยมีวิชาไหนยากเท่าไหร่ เพียงแต่ต้องขยันอ่านและฝึกฝนทำข้อสอบให้มากหน่อยก็เท่านั้นเอง

อาสาเองก็เริ่มเปลี่ยนไป จากที่อยู่แต่ในห้องก็เริ่มจะไปหาเพื่อนๆ ที่เรียนอยู่คณะเดียวกันแล้ว หนึ่งในนั้นก็มีไอ้ไมล์นี่แหละ
ระหว่างที่อาสาเตรียมตัวออกไปหาเพื่อน เสียงเคาะประตูก็ดังพอดี ผมเดินไปเปิดประตู คนที่มาคือไอ้ไมล์ มันส่งชีทเก่าสมัยปีหนึ่งของมันถุงเบ้อเร่อให้ผม

“สายรหัสกูจดชีทดี อ่านแล้วเข้าใจ ถ้ามึงอ่านได้ตามนี้ เกรดมึงดีมากชัวร์ๆ”

ไมล์ใจดีจนผมรู้สึกประทับใจ ผมบอกขอบคุณมัน มองอาสาที่เดินออกจากห้องและกำลังจะไปหาเพื่อนพร้อมๆ กับไมล์

“นอนเลยไม่ต้องรอนะ ท่าทางคืนนี้เสร็จดึกแน่นอน” อาสาพูด

“จะไปไหนก็บอกด้วยนะ”

“ครับ”

ไมล์ไม่ได้สังเกตถึงความผิดปกติของผมกับอาสาว่าเปลี่ยนไปถึงขั้นไหน มันยังมองอาสาด้วยดวงตาหวานฉ่ำอยู่เลย ผมพยายามลบภาพนั้นออกไปจากสมองระหว่างที่ปิดประตู พร้อมกับเตือนตัวเองในใจว่าอย่าเพิ่งปล่อยให้ตัวเองคิดอะไรมากในตอนนี้ เพราะเรื่องเรียนเป็นเรื่องที่สำคัญ

แม่ผมไม่เคยเงียบใส่ผมนานขนาดนี้ ผมรู้นิสัยของแม่ดี ยิ่งแม่เงียบก็ยิ่งแปลว่าแม่ยังจับตามอง บางทีแม่อาจจะรอหัวเราะเยาะผมด้วยซ้ำตอนที่ผมไม่ได้เกรดเอทุกตัว

ผมนึกถึงเสียงหัวเราะของแม่แล้วฮึดสู้ เปิดชีทขึ้นมาแล้วก็อ่านอย่างตั้งใจ

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ผมอ่านหนัึ่งสือมาหนึ่งชั่วโมงครึ่งแล้ว จึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาตรวจดูว่าอาสาทักอะไรมาหรือเปล่า ปรากฏว่าเงียบ ในเมื่อมันไม่ทักมา ผมก็ต้องทักไปครับ เป็นแฟนกันแล้วไยต้องมาเกรงใจเวลาทักแชทด้วย

LAWYER : ติวกับเพื่อนอยู่ใช่ป่ะ

ไม่มีสัญญาณตอบรับใดๆ จากคนที่ผมทักแชทไป ผมหันมาสนใจชีทต่อ แต่คราวนี้สมาธิสั้นลงไปเยอะ เพราะผมกำลังรอว่าอาสาจะตอบกลับมาเมื่อไหร่

มันไม่ตอบเลยแฮะ นี่ผ่านมาตั้งยี่สิบนาทีแล้วนะ ผมลองทักไปหาไอ้เต เผื่ออาสาจะอยู่ที่ห้อง 204 ทว่าเตตอบกลับมาว่าเห็นอาสาอยู่ที่ส่วนกลางกับพวกบัญชี ผมจึงได้เบาใจว่ามันคงกำลังติวกับเพื่อนอย่างมีสมาธิจนไม่ได้สนใจโทรศัพท์

ผมก็ไม่ได้คิดมากอะไรหรอกครับ นานๆ ทีมันจะมีโอกาสได้ติวกับเพื่อนบ้าง ผมควรปล่อยให้อาสาได้ทบทวนตำราเรียน เวลาสอบจะได้คะแนนดีๆ เกรดสวยๆ ผมจะได้ภาคภูมิใจ

ว่าแต่ทำไมตู้เย็นห้องผมไม่มีขนมอะไรเลยเนี่ย สงสัยต้องลงไปซื้อที่ซูเปอร์มาร์เก็ตข้างล่างละ ผมเดินไปหยิบกระเป๋าสตางค์ทันทีที่คิดได้ จากนั้นก็ออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว

ก็ได้ ยอมรับก็ได้ว่าห่วงและหวง อย่างน้อยก็อยากไปเห็นว่ามันไม่มีอะไรในกอไผ่จริงๆ

ผมมาถึงส่วนกลางอย่างรวดเร็ว ไล่สายตามองดูกลุ่มติวหนังสือทีละกลุ่ม จนในที่สุดผมก็เห็นกลุ่มของบัญชีปีสอง แต่ผมมองไม่เห็นอาสา ไอ้บอมบ์กับไอ้กล้าเห็นผมก็เลยสะกิดคนที่นอนคว่ำอยู่ใต้ผ้าห่มให้หันมา อาสาคือคนคนนั้นครับ เพียงแต่ว่าคนที่นอนคว่ำอยู่ใต้ผ้าห่มไม่ได้มีแค่มันคนเดียว

มีไอ้ไมล์ด้วย...

สาด ที่ก็กว้าง ผ้าห่มกับหมอนก็มีกันเป็นสิบเป็นร้อยผืน (ถ้าเดินไปหยิบที่ห้อง) ทำไมต้องทำเหมือนโลกนี้มีพื้นที่แค่นั้นและก็มีหมอนกับผ้าห่มแค่นั้นด้วยล่ะ

หึงเลยผม...หึงแบบยอมรับตรงๆ นี่แหละ

“มีอะไรเหรอ” อาสาถาม

“กูลงมายืมลิควิด” ผมคิดได้แค่นี้

“แป๊บหนึ่งนะ” อาสาหยิบออกมาและก็ส่งให้ ผมเดินหน้าตึงๆ กลับขึ้นไปบนห้องของตัวเอง

หลังจากนั้นไม่นานผมก็ลงไปใหม่พร้อมกับหอบชีทของวิชาเรียนปีหนึ่ง อีกทั้งยังมีทั้งหมอนและก็ผ้าห่มของอาสาอีกหนึ่งชุด พวกบัญชีปีสองดูอึ้งกันมาก คงไม่คิดว่าผมจะขึ้นลงบันไดห้าชั้นเพื่อที่จะเอาเครื่องนอนมาให้อาสามั้ง

“เอ่อ...” อาสาถึงกับอึ้ง

“นอนของตัวเองดีกว่า” ผมบอกแค่นั้น “อ่านด้วยดิ กูอ่านคนเดียวแล้วเหงาฉิบหายเลย” ผมทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ อาสาที่ลุกขึ้นนั่งแล้ว มันกำลังหยิบจับผ้าห่มของตัวเองด้วยสายตาที่มึนงง แต่มันก็คงจะไม่กล้านอนคว่ำกับใครแล้วล่ะ เพราะสีหน้าของผมตึงมากจริงๆ อีกทั้งการกระทำของผมก็เหมือนเก็บอารมณ์โมโหโทโสเอาไว้อยู่ ซึ่งอาสาคงสัมผัสได้เป็นอย่างดี

ทุกคนปล่อยให้ผมอ่านชีทด้วยอย่างว่าง่าย อาสาเอาผ้าห่มมาคลุมขาเพราะแอร์ในห้องส่วนกลางหนาวมาก มันลอบมองผมอยู่บ่อยๆ ท่าทางเหมือนไม่ค่อยสบายใจ

“ไม่ต้องถาม เดี๋ยวกูตอบเอง กูหึง แค่นั้น” ผมพูดลอดไรฟัน

อาสาถึงกับพูดต่อไม่ถูก “เอ่อ...ขอโทษ”

“ห่มด้วยดิ แอร์เหี้ยไรวะหนาวฉิบหาย” ผมจะไปยื่นเรื่องนี้กับพี่อ้าย แอร์ส่วนกลางหนาวอย่างกับขั้วโลกเหนือ นี่พี่อ้ายหวังดีต่อเด็กหรือแกล้งเด็กวะ ทำไมลดแอร์ให้หนาวอย่างสุดขั้วถึงขนาดนี้

อาสาส่งผ้าห่มของมันมาให้ เราสองคนใช้ผ้าห่มคลุมขาผืนเดียวกัน อาสาเอาหมอนมาวางบนตักและยังคงอ่านหนังสืออย่างต่อเนื่องโดยเอาชีทมาวางบนหมอน แต่แล้วจู่ๆ ผมก็สัมผัสได้ว่ามีมือมือหนึ่งมาสะกิดต้นขาของผม

มือของอาสา

ผมสอดมือลงไปใต้ผ้าห่มบ้าง ก่อนที่จะลอบกุมมือของอาสาเอาไว้ มันบีบมือผมเสียแน่น ดูก็รู้ว่าอยากง้อแต่ยังทำไม่ได้ ผมแอบดีใจกับท่าทางของมัน

เราสองคนแอบกุมมือกันใต้ผ้าห่ม ท่ามกลางชาวหอสามในโซนส่วนกลางหลายสิบ ไม่มีใครรู้ ไม่มีใครมองเห็น ไม่มีใครสนใจ

“ขอโทษ” อาสายังคงพึมพำให้ผมได้ยินคนเดียว

“มึงไม่ผิดหรอก กูผิดที่กูหึง” ผมเองก็พูดเสียงเบาให้อาสาฟังคนเดียวเหมือนกัน

“กูก็ผิด กูผิดที่ทำให้หึง”

ในเมื่อนักโทษยอมรับความผิดขนาดนี้ผมจะทำอะไรต่อได้ ที่จริงมันไม่จำเป็นต้องมาขอโทษผมด้วยซ้ำ มันทำให้ผมหึง แต่แค่ผมลงมาอยู่ด้วยกันกับมัน ผมก็รู้สึกดีขึ้นมากแล้ว อย่างน้อยมันก็อยู่ในสายตาผมตลอดเวลา

“กลับขึ้นห้องไปต้องโดนจูบหนักๆ แล้วล่ะ” ผมแกล้ง สายตายังคงมองชีทอยู่ แต่ตอนนี้มองตัวเลขก็ไม่เป็นตัวเลขแล้วล่ะครับ

“ลงโทษกูเหรอ”

“ใช่”

“ทำไงดี แบบนั้นก็ยิ่งชอบ”

มือผมที่จับมือมันอยู่ถึงกับกระตุก

“ลงโทษอย่างอื่นดีกว่านะ” นี่มึงอยากรับโทษจนต้องบอกว่าอะไรที่มึงสมควรโดนหรือไม่ควรโดนเหรอวะ

“อืม อย่างอื่นเหรอ” ผมทำท่านึก จากนั้นก็ประกาศโพล่ง “อาสา พาไปห้องน้ำหน่อยดิ ปวดฉี่ว่ะ”

อาสาที่ยังงงๆ อยู่ถูกผมดึงแขนให้ยืนขึ้น แล้วมันก็เดินตามผมมา

“อะไรของมึง”

“ไม่ต้องกลับห้องแล้ว ในห้องน้ำนี่แหละ”

“หา! ห้องน้ำส่วนกลางคนเดินเข้าออกอย่างกับห้าง”

โชคดีที่ตอนโผล่เข้าไปไม่มีใครใช้ห้องน้ำอยู่สักคน ผมรีบจับอาสาเข้าไปในห้องน้ำที่อยู่ด้านในสุด จากนั้นผมก็พาตัวเองเข้าไปด้วยพร้อมปิดประตูล็อก

อาสากลืนน้ำลาย มันเลียริมฝีปากเบาๆ เพราะไม่รู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นต่อไป ให้ตายเถอะ แบบนั้นยิ่งทำผมสติขาดกระเจิงนะ

“มึงจะทำอะไรวะ” เสียงอาสาดูตื่นกลัว เดี๋ยวนะ นี่มันคิดไปถึงไหนแล้วเนี่ย ผมแค่หาที่ลับหูลับตาคนเพื่อที่จะจูบมันนะ ไม่ได้ทำอย่างอื่นสักหน่อย

“ลงโทษไง”

“ทำอะไร”

“จะกลัวอะไรขนาดนั้น นี่แฟนมึงนะ”

“ท่าทางมึงตอนนี้น่ากลัวมากอ่ะ”

ผมเขยิบใบหน้าเข้าไปใกล้ แผ่นหลังของอาสาแนบชิดติดกับผนังของห้องน้ำ มันสบตาผมอย่างสั่นเทิ้มไปทั้งตัว ไม่รู้ว่าตอนนี้คิดอะไรอยู่ในหัว

“แค่จูบเอง” ผมเชยใบหน้ามันขึ้นมา จากนั้นก็ประทับรอยจูบอย่างดูดดื่มในแบบที่มันลงไป

เมื่อได้ชิมรสริมฝีปากของอาสาจนพอใจ ผมก็กระซิบออกไปอีกประโยคให้อีกฝ่ายสั่นยิ่งกว่าตอนที่ผมยังไม่ได้จูบ

“แต่ไม่ได้แค่ที่ปากนะ”

พูดจบผมก็ทำตามที่พูดทันทีอย่างไม่ยอมเสียเวลา ในเมื่ออยากโดนผมลงโทษนักก็ต้องโดนแบบนี้

“คนจะได้ยิน”

“...”

“ทนาย มึงอย่า...”

“...”

“อื้อออ”

“...”

“ดูดเบาๆ ดิ อย่าให้มีเสียง”

ริมฝีปาก จมูก หน้าผาก พวงแก้ม ใบหู ซอกคอ และไหปลาร้า

ทุกอย่างในนี้ของอาสาเป็นของผมหมดแล้ว





tbc*




ออฟไลน์ Rumraisin

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 673
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
อาสา ทำไมน่าเอ็นดูอย่างนี้นะ ลงโทษอะไรดันชอบซะด้วย ฮ่าๆๆ เหมือนจะยั่วให้ทนายตบะแตกเลย ขอบคุณมากค่ะ :กอด1:

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ catka12

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 578
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ kredkaew26

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 88
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
เง้อออออออออออออออ อิ อิ ทนาย ลงโทษอะไรอ่ะ  อาสาชอบ  คนอ่านก็ชอบบบบบบบบบบ
 :impress2: :impress2: :impress2:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
หวานๆ ใส่กัน  :mew1:
ทนาย หึง อาสา  :hao3:
จับมือกัน จูบกัน  :hao5: :sad4: :heaven
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ Ryoooo

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3146
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +288/-2
อยากจะแหมมมมมมมมมมมมมมม ให้ถึงดาวเสาร์
ร้ายทั้งคู่เนี่ยละ
เป็นแฟนกันแล้วน่าหมั้นไส้ทั้งคู่เลย

ใจตรงกันมันดีอย่างงี้นี่เอง
อาสาคนจริง ลงโทษก็บอกชอบ
หลังสอบต้องจัดให้หนักๆแล้วละทนาย

ออฟไลน์ mmello07

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 164
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ทนายเราขออาสาเถอะ น่ารักกก
พอใจตรงกันนี่อะไรๆก็ฟิน
ชอบมาก :-[

ออฟไลน์ jimmyjimmy

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1962
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-17
ง้อกันน่ารักดี

ออฟไลน์ MyLavenderLand

  • ฉันสุขใจ เมื่อได้ Log in เล้า
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1576
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-1
อาสาาาาา น่ารักจริงๆ ทนายไม่หลงก็ไม่รู้จะว่าไงอ่ะเนอะ / เวลาเขาอยู่กัน 2 คน เขาดูเป็นธรรมชาติกันเนอะะ คนอ่านฟินมากกกก  :-[

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
ทนายมันร้าย  :z1:

ออฟไลน์ Chiffon_cake

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 712
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1544/-12




ตอนที่ 17



ช่วงนี้ผมพูดได้คำเดียวว่าชีวิตของผมมีแต่การเตรียมสอบเท่านั้น เอ๊ะ ไม่สิ ผมมีอาสาด้วย #ขออวดแฟนหน่อย ผมคบกับมันมาได้อาทิตย์กว่าๆ แล้ว และอีกไม่นานก็จะถึงการสอบมิดเทอมสักที อาทิตย์นี้เป็นอาทิตย์สุดท้ายของการเตรียมตัวสอบ ไม่มีวันไหนที่ผมไม่อ่านหนังสือและก็ไม่มีวันไหนที่อาสาไม่สร้างเรื่องปวดหัวให้ผม

คืออย่างงี้ครับ อาสาก็เป็นอาสานั่นแหละ และผมก็ยังคงเป็นผม เพียงแต่ว่าความรู้สึกของผมที่มีต่อมันมากขึ้นทุกวัน เพราะงั้นความหวงของผมก็ต้องมีเพิ่มมากขึ้นไปด้วย อาสาก็นะ ไม่เคยลดดีกรีความฮอตลงมาสักที นี่ผมชักจะไม่เข้าใจแล้วนะว่าทำไมมันถึงฮอตกับเพศผู้เหมือนกันอยู่ได้ ทำไมไม่มีผู้หญิงคนไหนสนใจที่จะมามองมันเลย

อ๋อ มีมามองอยู่บ้างครับ แต่ไม่ได้มองเหมือนจะเข้ามาจีบ เขามองว่ามันน่ารัก มันสวยอย่างงั้นอย่างงี้ ไอ้โอ๊คกระซิบข้างหูผมบ่อยๆ ว่าสาวที่มากรี๊ดอาสาแบบนี้เป็นสาววาย ซึ่งก็คือผู้หญิงที่ชอบผู้ชายรักกัน

โลกใบนี้มีอะไรแบบนี้ด้วยเหรอครับ

จะอะไรก็ช่างเถอะ อย่างน้อยก็ถือว่าเป็นเรื่องดี พวกเธอสนับสนุนความรักในแบบของผม และที่สำคัญพวกเธอไม่ได้จะมาทำตัวเป็นคู่แข่งอะไรกับผมด้วย เพราะงั้นผมออกจะชอบพวกเธอด้วยซ้ำนะ

ตัดกลับเข้ามาสู่เรื่องผู้ชายที่ชอบอาสา คือผมขอพูดหน่อยเหอะว่าพวกมึงจะมีเยอะไปไหน มีหลายครั้งนะที่ผมนั่งจ้องอาสาว่าทำไมถึงฮอตกับเพศเดียวกันขนาดนี้ โดยส่วนตัวแล้วผมมองว่ามันเป็นผู้ชายที่หน้าตาน่ารักและสะดุดตามากคนหนึ่ง แต่ก็ไม่เคยคิดว่ามันจะมีแรงดึงดูดมากมายถึงเพียงนี้

นี่แหละครับคือเรื่องปวดหัวของผม ผมต้องทนกัดฟันขู่ฟ่อใส่ไอ้พวกที่มองอาสา อยากแดกอาสาจนออกนอกหน้า ยิ่งทำก็ยิ่งมากขึ้นเท่าทวีคูณ จนกระแสข่าวเริ่มถูกพัดโหมกระหน่ำว่าอาสามีเพื่อนซึ่งหวงมันมากๆ คนหนึ่ง ไอ้บ้านั่นหน้าหล่อพิมพ์นิยมแต่มีชื่อที่โคตรแปลกว่าทนาย

ไม่ใช่เพื่อนเว้ย แฟนโว้ยแฟน!

ถึงจะต้องต่อสู้กับเรื่องนี้มากขนาดไหน ผมก็ต้องจำใจเก็บมันเอาไว้ในซอกหลืบของสมอง พยายามใช้พื้นที่ของสมองให้เป็นประโยชน์มากที่สุดด้วยการยัดเนื้อหาที่เคยเรียนเข้าไป อย่าลืมนะครับว่าผมกำลังแข่งขันกับแม่ของผมอยู่ ผมจะไม่ยอมให้ท่านจับผมยัดเข้ามหา’ลัยที่ท่านพอใจหรอก

หลังจากที่เรียนมาทั้งวันและอ่านหนังสือตลอดตอนเย็น ผมก็สัมผัสได้ว่าตัวเองไม่สามารถอ่านมากไปกว่านี้ได้อีกแล้ว ผมทิ้งตัวนอนลงบนเตียง ก่อนจะเลื้อยไปหาอาสาที่นอนคว่ำอ่านชีทอยู่บนเตียง

เสร็จผมล่ะ นอนคว่ำนี่รวบกอดได้ทั้งตัวสบายๆ เลยนะ

“เหนื่อยจัง” ขออ้อนแฟนสักหน่อย

“อืม” แฟนผมก็น่ารักเกิน มันกำลังเครียดกับชีทตรงหน้ามากกว่าที่จะสนใจผม


ฟอด


ผมหอมแก้มมัน มันก็ยังคงนิ่งอยู่

ฟอด

ลองหอมอีกที แม่งก็ยังคงนิ่งเหมือนเดิม

คิดว่าผมจะงอนมันล่ะสิ ใช่ที่ไหนกันล่ะ นิ่งๆ แบบนี้แหละดีงามยิ่งนัก ผมจะได้ฟัดแก้มมันได้ตามอำเภอใจ ผมกระทำการอุกอาจทันทีที่คิดเสร็จ ใช้จมูกของตัวเองฝังลงบนแก้มของอาสาจนพอใจ แก้มมันมีกลิ่นครีมบำรุงจางๆ ซึ่งเป็นอะไรที่หอมโคตร!

ฟินฉิบหาย นางฟ้าที่คนอื่นเขาได้แต่มอง สำหรับผมคือคนที่สามารถทำให้ผ่อนคลายความเครียดได้ดีๆ นี่เอง #รู้สึกชนะ

จริงๆ แล้วผมก็ไม่ใช่คนเจ้าคิดเจ้าแค้นขนาดนี้หรอก ถ้าไม่อดทนกับเรื่องที่มันถูกมองมาทั้งอาทิตย์ ผมก็คงไม่คิดแบบนี้

“เยอะปายยย” อาสาขยับใบหน้าหนีผม เหยื่อรู้ตัวแล้ว แผนการต้องหยุดชะงักแป๊บ “กูไม่มีสมาธิ”

“งั้นถ้าทีละนิดก็ได้งั้นสิ”

“อืม”

แค่คำว่าอืมสั้นๆ รู้มั้ยว่ามันก๊าวใจผมแค่ไหน จากที่ฟัดแก้มมันถี่ๆ คราวนี้ผมฟัดเป็นระยะๆ แทน แบบนี้ก็ฟินไปอีกแบบ

“แดกกูเลยเถอะทนาย” อาสาประชดประชัน

“อนุญาตเหรอ กูพร้อมทุกเวลานะ”

มันหันหน้ามาสนใจผมอย่างเต็มๆ สักที มือซ้ายของมันจับใบหน้าของผมแล้วแกล้งบีบจนปากผมจู๋ จากนั้นมันก็ฝังริมฝีปากของตัวเองเข้ามา เป็นการจุ๊บแบบที่ผมตื่นเต้นเป็นบ้า

มึงอ่อยกูอีกแล้วเหรอ!

“แค่นี้ก่อน” อาสายิ้มน้อยๆ จากนั้นก็อ่านชีทต่อ

ยั่วให้อยากแล้วจากไปมีอยู่จริงว่ะ ผมทำหน้าเซ็งเล็กน้อย แต่ก็เข้าใจมันเป็นอย่างยิ่ง ผมเพิ่งคบกับมันได้อาทิตย์กว่าๆ เอง อาสาคงจะยอมผมง่ายๆ อยู่หรอกนะ เพราะงั้นตอนนี้ขอมีความสุขกับการตอดเล็กตอดน้อยไปก่อนละกัน

“ไม่อ่านหนังสือแล้วเหรอ” มันหลบผมพลางทำตาหยี

“ฟัดมึงมีความสุขกว่าเยอะ”

“มึงมีความสุข กูนี่จะตาย”

“ทำไม”

“กูเขินนนนน”

อยู่กันสองต่อสองมาตั้งนานมึงเขินด้วยเหรอเนี่ย ผมผละใบหน้าตัวเองออกมามองอาสาห่างๆ เฮ้ย เขินจริงนี่หว่า หน้ามันแดงคล้ายกับจะยิ้มอยู่ตลอดเวลา

เหี้ย น่ารักสัดๆ

“พอแล้ว ไม่ต้องอ่านแล้ว” ผมจับชีทของอาสาไปวางไว้ที่อื่น ก่อนจะตั้งใจดึงตัวมันเข้ามากอดอย่างเต็มที่ด้วยการให้มันขึ้นมานอนทับผมซึ่งนอนหงายอยู่ “กอดหน่อยยย”

“อ้อนจัง ไอ้สัด”

“กูเหนื่อย”

“กูก็เหนื่อย”

“ไปไหนกันดี ไปห้างไอ้พี่คีนดีมั้ย” หลังจากที่ได้รู้ว่าพี่คีนหอสี่คือลูกเจ้าของห้าง ผมก็เปลี่ยนจากการเรียกชื่อห้างภารกรเป็นห้างไอ้พี่คีนแบบประชดประชัน (อย่าลืมว่าพี่มันเหมาโรงหนังตัดหน้าผมนะ)

“ไม่มีอารมณ์ไปแล้ว ใกล้สอบแล้ว” มันพูดแต่ก็ยอมนอนนิ่งๆ บนตัวของผม แก้มขวาของมันซบอยู่ที่อกทำให้ผมรู้สึกจั๊กจี้นิดหน่อยตอนมันขยับปาก

“ตอนอยู่กรุงเทพฯ มีสอบหรือไม่มีสอบกูก็อยู่ห้าง”

“นั่นมันสมัยก่อนไง มึงนี่ก็นะ คนบ้าอะไรติดห้างฉิบหาย”

“ตอนนี้กูติดมึงแทนแล้วเนี่ย” ผมพูดอย่างยอมแพ้ “งั้นไม่ไปห้างก็ได้ แต่ไปที่ไหนก็ได้ที่มีมึงไปด้วย”

“เดี๋ยวเพื่อนจะเรียกให้ไปติวให้อีกน่ะสิ”

ผมจับใบหน้าของอาสาให้มันมองลงมาสบตากับผม

“มึงไปติวให้เพื่อนทั้งอาทิตย์แล้วนะ” เป็นความจริงตามที่ผมพูดครับ ทุกวันมันจะกลับดึกตลอดเพราะลงไปติวให้เพื่อนที่ส่วนกลาง หลังจากวันที่ผมหึงอย่างหน้ามืดและก็ไปปล้ำดูด เอ๊ย จูบอาสาในห้องน้ำ มันก็ต้องไปที่ส่วนกลางทุกวัน ผมไม่ได้ไปนั่งกับมันอีกเลย เพราะมันสัญญากับผมว่าจะไม่ไปนอนใต้ผ้าห่มกับใครอีก ผมก็เลยเชื่อใจปล่อยให้มันไป และมันก็กลับห้องตีหนึ่งตีสองทุกวัน “กูเหงานะเนี่ย”

“ไปอ่านหนังสือกับโอ๊คดิ” อาสาจำชื่อเพื่อนผมได้หมดทุกคน

“ไอ้โอ๊คมันระห่ำ มันจะเอาชนะพวกหอหนึ่ง กูไม่อยากอ่านอย่างบ้าระห่ำแบบนั้น” ผมดึงใบหน้าอาสาลงมาเนียร์คิสใกล้ๆ ริมฝีปาก “อ้อนแล้วเนี่ย คืนนี้กูขอไม่ได้เหรอวะ”

หน้าอาสาขึ้นสีชมพู มันดูลำบากใจเล็กน้อย

“กูสัญญากับเพื่อนไปแล้วอ่ะ”

ผมพยายามควบคุมตัวเองไม่ให้หึงจนงี่เง่า ทั้งอาทิตย์ผมต้องทนกับเรื่องที่อาสาเป็นเป้าสายตาและก็ต้องมาทนกับเรื่องที่อาสาเป็นติวเตอร์ให้ไมล์อีก อดรู้สึกโหวงๆ ในใจไม่ได้แฮะ

“งอนอีกแล้วเหรอ” อาสาเอียงหน้าผากของมันให้มาแนบกับแก้มผม อ้อนแบบนี้เหมือนแมวเลย โอ้โห ยอมเลยผม ยอมอย่างง่ายดายมากด้วย มือของผมลูบผมนุ่มๆ ของอาสาทันที “ขี้หึงจริงๆ”

“มาก” ไม่รู้จะเถียงเรื่องจริงเรื่องนี้ทำไม “ถ้ามึงมีสักสิบคนบนโลก กูคงไม่หึงขนาดนี้หรอก”

อาสาเงยหน้าขึ้นก่อนจะหรี่ตามองผม

“แปลว่าถ้ามีกูอีกเก้าคนมึงจะไม่สนใจกู?”

ผมยังไม่ได้พูดแบบนั้นเลยนะ

“ไม่ต้องมีแล้ว กูจะไปตามฆ่าให้หมด”

กูกลัวแล้วจ้า...แม้อาสาจะขู่แบบหมาน้อยเห่าซึ่งไม่ได้มีความน่ากลัวอะไรเลย แต่ผมกลับรู้สึกได้ถึงพลังแห่งความเป็นเมียอย่างเต็มเปี่ยม

“ออร่าเมียขี้หวงแผ่ออกมาเลย” ผมกลืนน้ำลายพร้อมกับพึมพำ

“มึงว่าไงนะ”

“ลืมสิ่งที่กูพูดไปเถอะ” กลัวจะเป็นเรื่องเป็นราวให้เถียงกันอีก เลยชิงหยุดไปก่อน

“ทำยังไงให้มึงสบายใจวะ กูจะได้ไปติวให้เพื่อนแบบไม่ต้องห่วงอะไร”

“ไม่รู้ว่ะ กูหวงมึงตลอดเวลานั่นแหละ ไม่รู้จะลดความหวงนี้ลงไปยังไง ยิ่งคบก็ยิ่งหวง”

อาสาดูปลื้มปริ่มกับคำพูดของผมมาก มันให้รางวัลผมด้วยการจูบอย่างดูดดื่ม ตอนที่มันผละออกไป ผมเผลอเลียริมฝีปากตัวเองอย่างเสียดาย

กำลังเคลิ้มๆ เลย

“ไม่ได้” มันพูดเหมือนจะรู้ว่าผมอยากจูบต่อ “กูติดจูบมึงแล้วเนี่ย เดี๋ยวไม่เป็นอันทำห่าอะไร”

อาสาชอบจูบผมมากครับ ถ้าวันไหนผมไม่จูบมันนะ มันจะแสดงท่าทีหงุดหงิดในแบบของมัน (‘ทำไมมึงไปยอมไปอาบน้ำก่อนล่ะ’ ‘ขนมในตู้เย็นของกู มึงเอาไปกินใช่ป่ะ’ ‘นอนดึกทำไม ปิดไฟได้แล้ว’) ผมเองก็ชอบจูบมันเหมือนกันนะ ตอนนี้กลายเป็นว่าผมไม่ต้องขอมันจูบแล้ว อยากจูบเมื่อไหร่จูบเลย อาสาพร้อมรับความหวานจากปากของผมเต็มที่

เพียงแต่เมื่อกี้แม่งสั้นไปหน่อย

“สอบเสร็จจูบกับกูทั้งวันเลยได้ป่ะ” ผมลองขอดู

“กูว่ามึงจะไม่ทำแค่จูบอ่ะ”

“...”

“เพราะแค่เมื่อตะกี้มึงก็ทำกูขึ้นไปทั้งตัวแล้ว ถ้าเป็นงั้นทั้งวันกูกลัวกูยอมมึงจัง” อาสาบ่นอย่างซื่อๆ ทำให้ผมรู้สึกเอ็นดูมากจนต้องกอดรัดฟัดเหวี่ยงมันบนเตียงจนมันร้องโอดโอย

ก๊อก ก๊อก ก๊อก


มีคนมาขัดจังหวะช่วงเวลาสวีตของผมกับอาสาจนได้ ผมคิดว่าคนเคาะประตูน่าจะเป็นไมล์ ช่วงนี้มันมาเคาะประตูห้องผมบ่อยเหลือเกิน ตอนที่ผมไปเปิด ไอ้ไมล์ก็ยืนยิ้มแฉ่งรออยู่แล้ว

“กูซื้อขนมมาฝาก” มันส่งขนมจากห้างไอ้พี่คีนมาให้ ราคาแพงน่าดู

“เอ่อ ขอบใจมากนะ” ผมรับมาอย่างเก้อๆ รู้สึกผิดที่รับของมันมายังไงก็ไม่รู้ ไมล์ยังไม่รู้เรื่องผมกับอาสาเลย เพราะงั้นผมถึงรู้สึกแย่เวลาที่มันทำดีกับผม ทั้งๆ ที่ผมกำลังทำร้ายมันอยู่

อาสาเก็บของเสร็จแล้ว ไมล์แย่งหนังสือในมือของอาสาไปถือต่อหน้าต่อตาผม ผมรู้สึกชาที่หน้ายังไงก็ไม่รู้

“วันนี้กลับดึกอีกใช่ป่ะ...มึง” ผมถามอาสา ต้องเติมคำว่ามึงลงไปเพื่อลดความมุ้งมิ้งของประโยค เนื่องจากโทนเสียงตอนเริ่มแม่งโคตรหวาน

อาสาจับได้ ก็เลยหลุดหัวเราะออกมานิดนึง

“ใช่ กูเอากุญแจไปด้วย ไม่ต้องกังวลเรื่องตื่นมาเปิดประตูให้กูนะ” ผมกังวลเรื่องนั้นซะที่ไหนล่ะ ผมแกล้งพยักหน้าน้อยๆ รับคำพูดมัน จากนั้นก็มองดูอาสาเดินออกไปจากห้องพร้อมกันกับไมล์

ผมจะไม่รู้สึกอะไรเลย ถ้าพวกมันสองคนไม่ได้มีออร่าสีชมพูแผ่ออกมา มองเผินๆ นึกว่าแฟนกันไอ้ห่า

สูดลมหายใจลึกๆ เข้าไว้ เมื่อกี้อาสายังจูบกับผมอยู่เลย เพราะงั้นถึงไมล์จะมีอะไรในกอไผ่ก็ตาม อาสาไม่มีทางมีแน่นอน แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นมันก็ไม่สามารถทำให้ผมลดความหวาดกลัวอนาคตลงไปได้เลยแม้แต่นิดเดียว







22.02 น.

เวลานี้อาสาก็ยังไม่กลับ ไอ้โอ๊คมันขึ้นมาหาผมที่ห้องเพื่อมาอ่านหนังสือด้วยกันและมันก็กลับไปแล้ว ผมกลิ้งไปมา ตั้งใจอ่านหนังสืออย่างเต็มที่ ทำทุกอย่างที่จะทำให้เวลาผ่านไปเร็วๆ แล้วก็ยังไร้วี่แววว่าแฟนผมจะกลับมา

ปกติแล้วผมไม่ใช่คนที่ชอบเล่นเฟซบุ๊กนะครับ ผมมีมันก็จริงแต่ประมาณแปดล้านปีแสงผ่านไปถึงจะเข้าไปดูทีหนึ่ง วันนี้เนื่องจากผมทำทุกอย่างมาหมดแล้วและผมก็เบื่อมากด้วย เพราะงั้นวันนี้ผมจะลองเข้าไปดูว่ามีอะไรที่ผมต้องอัพเดตหรือเปล่า

การแจ้งเตือนแสดงตัวเลขสีแดงอันน่าสะพรึง แต่ผมเลือกที่จะไม่สนใจ ผมไล่มองดูหน้าฟีด มองดูชีวิตของเพื่อนในเฟซบุ๊กด้วยสายตาเฉยชา ขนาดเพื่อนสมัยเรียนมัธยมมันมีแฟน ผมยังกดไลค์ด้วยความรู้สึกที่นิ่งๆ เลยครับ

อิจฉาแม่งที่สามารถคบอย่างเปิดเผยได้

เอ๊ะ แล้วผมจะดึงดราม่าเข้ามาหาตัวเองทำไม

ผมกดดูนั่นดูนี่ไปเรื่อยจนในที่สุดก็มาหยุดอยู่ที่เฟซบุ๊กของอาสา มันอัพเดตเฟซบุ๊กล่าสุดเมื่อสองสามวันที่ผ่านมา เป็นรูปกองชีทขนาดมหึมา ผมนั่งอยู่ข้างๆ มันเองในตอนนั้น แต่มันก็ไม่ได้ถ่ายรูปผมลง ผมไม่ได้น้อยใจนะ วันนั้นผมก็ไม่ได้ถ่ายรูปอาสาลงเหมือนกัน ผมจะน้อยใจมันทำไม

สักพักหนึ่งการอัพเดตใหม่ของอาสาเมื่อไม่กี่วินาทีที่แล้วก็เข้ามาสู่สายตาของผม เป็นรูปมันเซลฟี่กับไมล์ซึ่งนั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม แคปชั่นไม่มีอะไรมาก เป็นแค่รูปอีโมจิยิ้มเบาๆ ตัวหนึ่ง แต่นั่นกลับไม่ได้ทำให้ผมยิ้มตาม

ตอนนี้อยู่กันสองต่อสองเหรอวะ

เย็นไว้ทนาย แฟนมึงอ่านหนังสือเรียน แฟนมึงไม่ได้ทำอะไรผิดผีกับใคร เย็นไว้สิเย็นไว้

เย็นก็เหี้ยแล้วโว้ย! ผมนึกภาพอาสานั่งอยู่กับเพื่อนหลายคนมาโดยตลอด แต่ความจริงกลับมีแค่มันกับไอ้ไมล์ มันไม่ได้เป็นอย่างที่ผมนึกภาพเอาไว้ และนั่นก็ทำให้ผมรู้สึกเดือดปุดๆ ขึ้นมา

ผมกำลังจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อทักไปหาแฟน ทว่าข้อความจากอาสาดันขึ้นมาซะก่อน

ARSA : กำลังจะย้ายไปร้านที่เปิด 24 ชั่วโมงนะ
ARSA : อ่านแล้วติดลมอ่ะ รู้สึกยังไม่อยากหยุดอ่าน
ARSA : นอนไวๆ นะมึง


ช็อกแป๊บ...นอกจากจะอยู่กับไมล์แค่สองคนแล้ว มึงยังจะมาขยายเวลาขึ้นไปอีก จิตใจมึงทำอะไรด้วยอะไรวะเนี่ยอาสา คิดถึงใจแฟนมึงบ้างดิ กูหลับก่อนมึงทุกคืนมานานหลายวันแล้วนะเว้ย

ไม่ไหวแล้ว ผมหยิบกุญแจรถพร้อมกับชีทที่อ่านค้างไว้ขึ้นมา เตรียมจะไปหาอาสาที่ร้านที่มันกำลังจะไปกับไมล์ ผมรู้ว่าคือร้านไหน แถวมหา’ลัยมีร้านคาเฟ่เปิดยี่สิบสี่ชั่วโมงไม่กี่ร้านหรอกครับ

ทว่าสายตาของผมดันไปเจอโพสต์อิตที่แปะอยู่บนถุงขนมซึ่งไมล์เป็นคนซื้อมาให้

กูขอใช้เวลาอยู่กับอาสาหน่อยนะเว้ย
เป็นกำลังใจให้ด้วยนะ – ไมล์


ผมรู้สึกช็อกหนักมากกว่าตอนที่เห็นไลน์จากอาสาอีกครับ มันทำให้ความตั้งใจของผมที่จะไปหาพวกมันสองคนถึงกับเปลี่ยนไป
ให้ตาย ตอนนี้ผมรู้สึกสับสนเป็นบ้า ผมไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงต่อไปแล้ว







00.30 น.

LAWYER : กลับได้ยังวะ
LAWYER : กลับมานอนเหอะ จะไม่นอนเลยหรือไง
ARSA : อีกแป๊บหนึ่ง
ARSA : ตรงนี้ไมล์มันยังไม่เข้าใจ
ARSA : มึงนอนก่อนได้เลย
LAWYER: กูจะหลับลงได้ไง
ARSA : มึงไม่ต้องเป็นห่วง
ARSA : เดี๋ยวก็กลับแล้ว


ตอนนี้มันไม่ใช่แค่เรื่องอาสาอยู่กับไมล์แล้วล่ะครับ แต่ตอนนี้มันดึกมากแล้ว จะมาห้ามผมไม่ให้รู้สึกเป็นห่วงมันก็คงเป็นไปไม่ได้ ผมชักจะทนเก็บความรู้สึกที่แสนร้อนรนนี้ไม่ไหวแล้ว

ผมหยิบกุญแจรถ เตรียมออกไปหาอาสาที่ร้านคาเฟ่ยี่สิบสี่ชั่วโมง

หลังจากผมออกรถไปได้สักพัก ไมล์ได้ตั้งสเตตัสในเฟซบุ๊กว่า

อยากหยุดช่วงเวลานี้เอาไว้...

ผมไม่รู้ว่าผมจะทนได้อีกนานแค่ไหน แต่ที่แน่ๆ ต้องมีสักวันหนึ่งที่ผมต้องยอมเห็นแก่ตัวและแตกหักกับไอ้เชี่ยไมล์ เพราะถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ผมเองก็ใจจะขาดเหมือนกัน

หวังว่าสักวันแม่งจะเข้าใจผม





TBC*
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-08-2017 21:00:49 โดย Chiffon_cake »

ออฟไลน์ Chiffon_cake

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 712
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1544/-12
ตอนที่ 18
พาร์ตของอาสา


“กูต้องกลับแล้วว่ะ”

“รอแป๊บดิ”

“มีอะไรอีกวะ”

“กูก็แค่...ชอบบรรยากาศในร้าน”

“สัดไมล์ กูง่วงแล้ว”

“กูเพิ่งสั่งขนมไป”

“สั่งมาทำเหี้ยไรตอนเที่ยงคืนวะ”

“ก็กูหิว”

ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนไมล์ก็ยังนิสัยเหมือนเดิม มันเป็นเจ้าของใบหน้าหล่อดูใจดี แต่หารู้ไม่ว่าใต้ความใจดีนั้นมีความเอาแต่ใจหน่อยๆ แฝงเอาไว้ ไอ้เตมักพูดกับผมลับหลังเชี่ยไมล์เสมอว่ามันโตมาอย่างเพอร์เฟ็กต์ ที่บ้านมันมีทุกอย่างโคตรสมบูรณ์แบบ มันอยากได้อะไรก็ต้องได้

อย่างเช่นวันนี้ ผมขอมันกลับหอตั้งแต่สี่ทุ่ม เชี่ยไมล์ก็คอยหาโอกาสต่อเวลาอยู่เรื่อยๆ ผมร้อนใจขึ้นทุกขณะ สิ่งที่ผมกลัวที่สุดไม่ใช่กลัวการอยู่กับไมล์ แต่ผมกลัวว่าทนายจะงอนผมต่างหาก

ผมโคตรแคร์มันเลยครับ แคร์มันฉิบหาย แต่ในบางสถานการณ์ผมก็เลือกยาก ไอ้ไมล์ชอบผมก็จริง แต่ผมก็ไม่อยากเสียมันไป ผมพยายามวางตัวดีทุกอย่าง แม้กระทั่งการนั่งร้านกาแฟด้วยกันผมก็เลือกที่จะนั่งอยู่ห่างๆ เวลาพูดคุยผมก็พูดจาธรรมดา ไม่ใส่คำที่ชวนคิดไปอื่นไกล ผมทำเท่าที่จะทำได้แล้ว แต่มันก็มีความรู้สึกตงิดๆ ในใจว่าเชี่ยไมล์มันจะไม่ได้คิดแบบผม

ขนมถูกเสิร์ฟตอนเวลาเกือบตีหนึ่ง ผมมองดูฮันนี่โทสต์ตรงหน้าด้วยสายตาเรียบเฉย

“ร้านนี้อร่อยนะ” ไมล์หว่านล้อม

“มึงแดกไปคนเดียวเลย”

“เฮ้ย กูแดกไม่หมด”

“แล้วมึงสั่งมาทำไมวะ มึงต้องถามกูก่อนดิ”

ไมล์ดูอึ้งกับคำพูดผม “โกรธเหรอวะ”

“บ้า แค่เรื่องขนมป่ะ”

“งั้นก็กินด้วยกัน”

“กินเสร็จกลับเลยนะ”

“โอเค”

ขอให้จริงเถอะ ผมหยิบช้อนขึ้นมาเตรียมกินขนมบ้าๆ นี่ให้หมดซะ พอตักเข้าปากไปคำแรก สีหน้าของผมเริ่มเปลี่ยน


เออเว้ย อร่อยจริง


“อืม” ผมส่งเสียงพึงพอใจ “ใช้ได้นี่”

“เห็นมั้ย กูบอกแล้ว”

มีคำแรกก็ต้องมีคำต่อไป ผมตักคำต่อไปเข้าปากโดยมีไอ้ไมล์มองอย่างสุขใจ และตอนที่ผมเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นทนายกำลังยืนมองอยู่นอกร้าน

สายตาแบบนี้ไม่ใช่สายตาที่ดีเลย

ผมลุกขึ้นยืนกะทันหันจนไมล์ผงะด้วยความตกใจ ผมเดินออกไปจากร้านทันทีโดยไม่ตอบคำถามของไมล์ที่ถามว่าจะไปไหน
ตอนอยู่หน้าร้าน ผมไม่เคยเห็นทนายทำสีหน้าข่มอารมณ์โกรธขนาดนี้มาก่อน มันยกมือขึ้นสองข้างเหมือนกำลังรอฟังในสิ่งที่ผมจะพูด

“อะไร” ผมถามอย่างไม่เข้าใจ

“มีอะไรจะพูด พูดมาเลย กูจะไม่ถาม”

ผมถอนหายใจ รู้สึกใจสั่นแบบแปลกๆ เพราะกลัวว่าทนายจะโกรธผมไปมากกว่านี้แล้วผมจะง้อมันไม่ได้ ผมไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใครมาก่อน

“กูจะกลับตั้งนานแล้ว แต่ไอ้ไมล์มันยื้อไว้”

“ดูมีความสุขกันมากนี่ แดกขนมกันสบายใจ ปล่อยให้กูคิดมากอยู่คนเดียว”

“มันไม่ใช่อย่างนั้นนะเว้ย”

ทนายแม่งโมโหจริงว่ะครับ สีหน้าของผมตอนนี้ทั้งกังวลและก็เครียด นี่ผมเกรงใจทนายมันจริงๆ นะเนี่ย

“มีอะไรกันวะ” ไมล์เดินออกมาหน้าร้าน ทนายหันหน้าไปทางอื่นทันทีคล้ายกับว่ายังไม่ทันจะเคลียร์กันได้จบ ไมล์ก็ออกมาแล้ว แปลว่าผมกับมันไม่สามารถพูดอะไรทำนองนั้นต่อไปได้อีก “ทนายมึงเป็นไร” ไมล์ถามซ้ำเมื่อเห็นสีหน้าของทนาย

“กู...ไม่มีอะไร” มันแค่นเสียงตอบ

“เข้าไปในร้านก่อนมั้ย มีขนมนะ”

“กูไม่มีอารมณ์แดกตอนนี้ว่ะ”

“...”

“มึงเข้าไปแดกกันสองคนเลย เดี๋ยวกูรอข้างนอก”

ไมล์สบตาผมอย่างงงๆ คงจะคิดว่าผมงงเหมือนมันมั้ง แต่ผมไม่ได้งง ผมรู้ดีว่าทนายกำลังรู้สึกยังไงอยู่

“ไมล์เดี๋ยวกูกลับพร้อมทนายมันเลยนะ” ผมพูด “มึงก็เห็นหน้ามัน มันคงมีเรื่องจะพูดกับกูอ่ะ”

“เอางั้นเหรอวะ” ไมล์พยักหน้าเข้าใจ “เดี๋ยวกูไปหยิบของมาให้ละกัน”

“กูไปหยิบให้เอง” ทนายเดินชนไหล่ผมกับไมล์แล้วก็เข้าไปในร้านทันที ผมมองตามด้วยสายตากังวล เห็นทีคืนนี้ผมคงต้องง้อมันอีกยาววววววววววว

“มันเป็นไรวะ” ไมล์ดูงงมาก “เพราะกูขโมยมึงมาจากมันป่ะเนี่ย”

มึงอาจจะพูดเล่น แต่เสือกเป็นความจริงไง

“งงกับแม่งเหมือนกัน” ผมต้องตอบไปแบบนั้น ทนายออกมาพร้อมของของผมพอดี หลังจากนั้นเราสองคนก็บอกลาไอ้ไมล์






บนรถของทนาย

บรรยากาศรอบตัวค่อนข้างมาคุสุดๆ ผมนั่งสงบเสงี่ยมเจียมตัวอยู่ข้างๆ คนขับอย่างทนาย ไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองตัวเล็กลงขนาดนี้มาก่อน

“มึงรู้เหตุผลที่กูโกรธป่ะ” ทนายโพล่งขึ้นมา

ผมพยักหน้าน้อยๆ

“ไหนลองพูดมาดูซิ”

นี่กูเป็นเด็กสำหรับมึงป่ะเนี่ย

“มึงด่ากูมาเลยไม่ได้เหรอ”

“กูไม่ด่าหรอก ต้องให้มึงรู้เองว่ามึงผิดอะไร มึงจะได้รู้เหตุผลว่าทำไมกูถึงโกรธ ไม่ดิ ต้องพูดว่าทำไมกูถึง...งอนมึง”

“ทำไมไม่ใช้คำว่าโกรธล่ะ”

“โกรธต้องใช้กับเรื่องที่ง้อยากๆ สิ”

“งั้นแสดงว่าตอนนี้กูก็ง้อมึงง่ายอ่ะดิ” ผมรู้สึกสบายใจขึ้นมาทันที

ทนายทำหน้าหงิกก่อนตอบว่า “ลองง้อมาก่อน”

แฟนคนแรกของผมไม่ใช่คนที่งี่เง่าไร้เหตุผลแฮะ ผมมองอีกฝ่ายด้วยสายตาซาบซึ้งก่อนจะค่อยๆ พูด ผมคิดว่าผมน่าจะคิดถูกว่าทำไมทนายถึงเป็นแบบนี้

“มึงงอนกูเพราะกู...กลับดึก”

“ถูก”

“กูอยู่กับไมล์”

“อันนี้ก็ถูก”

“กูอยู่นานเกินไปด้วย”

“อันนี้ก็ใช่”

“หมดแล้ว”

“ยังไอ้สัด”

ผมสะดุ้ง ทนายไม่ได้พูดเสียงดังครับ แต่ผมสะดุ้งเพราะความผิดของผมมันควรจะมีเท่านี้ มันมีห่าอะไรอีกวะเนี่ย

“มึงยิ้มให้ไอ้เชี่ยไมล์...ต่อหน้ากู”

ตอนไหนวะ ผมรีบเค้นสมองหาชนวนเหตุนี้ทันที คิดให้ตายยังไงก็คิดไม่ออก

“ตอนไหน” ผมถามออกมาจนได้

“ก็ตอนที่แดกขนมอ้วนๆ นั่นไง”

ผมยิ้มเหรอตอนนั้น “กูว่ากูไม่ได้ยิ้มให้ไมล์มันหรอก”

“แล้วมึงยิ้มให้อะไร”

“ขนมมันอร่อยมากนะ”

“เฮ้ย มึงยิ้มให้สัดไมล์ ถ้ามึงยิ้มให้ขนมกูคงไม่เป็นแบบนี้หรอก กูไม่หึงขนม”

“กูยิ้มเพราะขนมอร่อยจริงๆ นะตอนนั้นอ่ะ” ผมยืนยันความบริสุทธิ์

“อย่าพูดแบบนั้น กูจะดูเป็นไอ้โง่ กูหึงขนมเนี่ยนะ”

ผมหลุดหัวเราะออกมานิดหน่อย “มีกูรู้อยู่คนเดียวกลัวอะไร”

“ไม่รู้ล่ะ” ฟอร์มไอ้ทนายเริ่มหลุด “ตอนที่พวกมึงสองคนอยู่ด้วยกันในร้านบ้านั่น อาจจะยิ้มให้กันเป็นสิบๆ ครั้งก็ได้”

เถียงไม่ออกเลยแฮะ “โอเค กูผิดเองงงงงงงง” ผมขยับหัวไปไถกับแขนอันบึกบึนของทนาย “กูขอโทษ กูต้องทำยังไงมึงถึงจะหายโกรธ”

“กูไม่ให้มึงออกมาติวดึกๆ แบบนี้กับเชี่ยไมล์สองต่อสองอีกแล้ว”

“เด็ดขาดฉิบ”

“กูคิดมานานแล้ว”

“...”

“ถ้าจะติวกับเชี่ยไมล์ ต้องมีกูอยู่ด้วย”

ผมพยักหน้าหงึกหงัก “โอเค”

“แล้วก็ต้องเริ่มคิดเรื่องที่จะบอกความจริงมันได้แล้ว” ทนายดูจริงจังมาก “กูเป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้แล้วว่ะ”

ผมทำสีหน้าเข้าใจมัน ตอนที่อยู่กับไมล์ในร้านผมก็เริ่มรู้สึกอึดอัดเหมือนกัน บางทีอาจจะถึงเวลาบอกความจริงมันแล้วก็ได้
อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด

“แต่อาจจะต้องผ่านพ้นช่วงนี้ไปก่อน” ทนายถอนหายใจ ดูเป็นผู้นำมากจนผมอดประทับใจไม่ได้

“ทำไมล่ะ”

“ช่วงนี้มีสอบ อย่าลืมสิ”

ยอมใจในความใจกว้างของมัน ถึงจะอยากบอกความจริงไอ้ไมล์แต่ความรู้สึกและอนาคตของไมล์ต้องมาก่อน ผมหอมต้นแขนไอ้ทนายเป็นรางวัล มันใส่เสื้อแขนกุดมา แขนมันก็เลยน่าเล่นมากครับ

“ปากอยู่นี่ นั่นแขน”

“ก็จะจุ๊บแขน”

“เฮ้อ กลับกันเถอะ ง่วงแล้วว่ะ”

“หายงอนแล้วแน่นะ”

“อืม”

“...”

“มึงเป็นแฟนคนแรกที่เข้าใจในความหึงของกู ขอบคุณนะ”

ผมยิ้มให้มันน้อยๆ รู้สึกดีที่คืนนี้ไม่ต้องง้อมันยาวกว่าที่คิดเอาไว้ แต่ก็มีบางอย่างที่สะกิดในหัวใจ

“นี่มึงคิดถึงแฟนเก่ามึงอยู่เหรอ”

“อะไรเนี่ย”

“ก็มึงเอากูไปเปรียบเทียบ”

“อาสา ดึกแล้วเนอะ ไว้ค่อยคุยกันพรุ่งนี้”

“อย่าให้กูขยี้นะ” ผมเองก็เหนื่อยๆ อยากนอนแล้วเหมือนกัน

“อย่าใช้คำพูดขยี้กูเลย ใช้ปากมึงมาขยี้กูดีกว่า”

ผมหุบปากฉับทันที อยู่ดีๆ แม่งมาถึงเรื่องนี้ได้ไงวะเนี่ย...






หลังจากวันนั้นไม่ว่าไอ้ไมล์จะพยายามสร้างโมเมนต์กับผมยังไง ก็จะมีไอ้ทนายมาเป็นมารขวางเอาไว้

ตอนเช้าของวันต่อมา ทนายมีเรียน แต่ผมไม่มี ไมล์ก็เลยจะเข้ามาอยู่กับผมตั้งแต่เช้า

“อาสาอยากไปคณะกับกูว่ะ เห็นว่าอยากคุยกับเพื่อนกู คุยเรื่องอะไรไม่รู้”

มึงก็สรรหาคำพูดมาพูดเนอะ กูไม่มีอะไรจะพูดกับเพื่อนมึง

ไมล์ยอมแพ้และก็กลับเข้าไปในห้อง ผมต้องมาคณะกับไอ้ทนายจริงๆ ครับ เพราะผมไม่อยากโกหกเพื่อน ทนายเข้าไปเรียนแต่ผมมานั่งรอมันที่ห้องสมุดคณะแทน ผ่านไปสักพักไมล์ก็ส่งข้อความมา

MILE : เที่ยงนี้หาไรกินป่ะ

ผมกำลังจะตอบ แต่ทนายก็แย่งโทรศัพท์ในมือของผมไปพิมพ์แล้ว ไม่รู้มันโผล่มาอยู่ข้างหลังผมตอนไหน

ARSA : ต้องแดกกับทนายว่ะ โทษที
MILE : พามันไปแดกด้วยกันเลยสิ


“มันสู้ว่ะ” ทนายชักสีหน้า

มึงจริงจังเกินไปป่ะเนี่ย

“ไมล์มันไม่แดกอะไรวะ”

“พวกอาหารทะเลมั้งนะ”

“งั้นเหรอ” มันพิมพ์ข้อความตอบกลับไปอย่างกระแทกกระทั้น

ARSA : วันนี้จะกินอาหารทะเล

ผมอ่านแล้วมองหน้าทนาย

“อาหารทะเลตอนเที่ยงเนี่ยนะ”

มันยักไหล่ “ยังไงก็ต้องปฏิเสธไอ้เชี่ยไมล์ให้ได้”

“กูเริ่มสงสารมันแล้วนะเนี่ย ไม่ใช่ในฐานะที่มันชอบกูนะ อย่าเพิ่งทำหน้างั้น” ผมต้องรีบพูดเพราะทนายชิงเลิกคิ้วไปก่อนแล้ว “แต่ในฐานะเพื่อน กูไม่เคยปฏิเสธมันขนาดนี้มาก่อนเลย”

“ไม่ช้าก็เร็วยังไงมันก็ต้องเจอแบบนี้” ทนายถอนหายใจ “นี่มึงคิดว่ากูไม่รู้สึกผิดหรือไง”

“เฮ้อ”

“กูกำลังคิดเล่นๆ” จู่ๆ มันก็ทำสีหน้าจริงจัง

“อะไรของมึง”

“หรือกูจะหาคู่ให้มันดี”

“โอ๊ย ไอ้บ้า มึงว่างเหรอ”

“ก็มันจะได้เลิกมายุ่งกับแฟนกูไง”

“เพื่อนมันไม่ชอบให้ถูกจับคู่หรอก ยิ่งคนอย่างไอ้ไมล์ยิ่งไม่ชอบถูกใครบังคับ” คนที่ไม่ค่อยเจอเรื่องแย่ๆ อย่างไมล์จะชอบให้ใครมาบังคับมันเหรอครับ ผมขอถามสักนิดเถอะ

“อืม จะหานางฟ้าจากไหนอีกคนหนึ่งดีนะ” มันทำท่าครุ่นคิด “หายากนะคนอย่างมึงอ่ะ แม่งโคตรลิมิเต็ด เป็นผู้ชายในแบบที่ผู้ชายชอบ แต่ผู้หญิงไม่ชอบเลย”

“กูได้ยินคำพูดมึงทุกคำนะ” ผมกัดฟัน มันตอกย้ำความนกของผมอยู่เหรอ

“ทำไงดีวะ” มันสนใจคำพูดของผมบ้างมั้ยเนี่ย

เสียงแจ้งเตือนของไลน์ดังขัดผมกับทนายเสียก่อน

MILE : อาสามึงเป็นไรวะ
MILE : มึงหลบหน้ากูจัง
MILE : นี่กูเยอะเกินไปใช่ป่ะ


“เชี่ย เห็นมั้ย ดราม่าเลย” ผมร้อง

“ก็มันมากไปจริงๆ ไง” ทนายยังคงใจแข็งอยู่

“ไม่ต้องพิมพ์อะไรตอบไปนะ ไม่ต้องไปขยี้อะไรอีก”

“นั่นสิ” ตอนนี้ทนายเริ่มมีสีหน้าเครียดมากกว่าผมไปแล้ว “นี่กูทำร้ายแม่งมากไปมั้ยวะ”

ผมกับมันไม่มีใครใจแข็งกับเพื่อนได้เลยสักคน ในที่สุดเราก็ตัดสินใจไม่ตอบข้อความตัดพ้อของไมล์ ถึงแม้ว่าข้อความนั้นจะขึ้นว่าผมอ่านแล้วก็ตาม

ไม่ว่าจะมีอะไรแย่ๆ เกิดขึ้น ทนายก็ขอให้ไมล์มันผ่านพ้นช่วงสอบไปก่อน






หอสาม

ในเย็นวันนั้น อยู่ดีๆ พี่อ้ายก็เรียกคนทั้งหอมาประชุมเฉยเลย ทุกคนบ่นเป็นเสียงเดียวกันว่าทำไมพี่อ้ายต้องมาเรียกประชุมในช่วงโค้งสุดท้ายของการอ่านหนังสือสอบมิดเทอมด้วย คิดว่าพี่อ้ายจะแคร์เสียงโอดครวญเหล่านั้นมั้ยครับ

พี่มันไม่แคร์เลยสักนิด แถมยังมีการด่าสวนกลับมาอีกว่า ‘กูก็ต้องอ่านเหมือนกัน พวกมึงอย่าบ่นให้มาก’

“วันนี้มีอะไรเหรอวะสัดอ้าย” พี่ปีสี่จากคณะเศรษฐศาสตร์ยกมือขึ้นถาม

“เอาล่ะ พวกมึงทุกคนตั้งใจฟังให้ดีๆ” พี่อ้ายกระแอม “ห้ามพูดแข่งตอนที่กูพูด หุบปากให้หมด”

ประธานหอผมรอจนเสียงคุยกันเงียบลงแล้วจึงค่อยพูดต่อ

“เทศกาลแข่งโดเนทกลับมาอีกครั้งหนึ่งแล้ว”

สิ้นเสียงของพี่อ้าย เสียงฮือฮาก็ดังขึ้นทันที ทนายที่นั่งอยู่ข้างๆ หันมาหาผมอย่างงงๆ ผมจึงอธิบายให้มันฟังคร่าวๆ

“ทุกปีหอพักชายจะมีการแข่งเรี่ยไรเงินเพื่อเอาไปทำบุญว่ะ ปีที่แล้วทำบุญช่วยเด็กดอยผู้ยากไร้ แต่ปีนี้กูไม่รู้”

“แข่งกับใคร” ทนายถามต่อ

“พวกหออื่นไง”

“แข่งกันหาเงินเนี่ยนะ”

“ใช่”

“สนุกเหรอวะ”

“สนุกสิ ได้เงินไปทำบุญด้วย ได้ทำเพื่อศักดิ์ศรีหอด้วย”

ทนายขมวดคิ้ว บางครั้งมันก็อินกับเรื่องหอแต่บางครั้งมันก็ไม่อิน เรื่องนี้ทำให้มันมีเสน่ห์มากสำหรับผม เพราะมันดูแตกต่างดีครับ ส่วนใหญ่คนทั้งหอเชื่อเรื่องศักดิ์ศรีหอพักกันหมด ผมก็เหมือนกัน

“ปีนี้จะแข่งโดเนทเพื่อช่วยมูลนิธิเพื่อนช้าง อธิการบดีประกาศในที่ประชุมแล้วว่าปีนี้ร่วมโดเนทช่วยช้างน่าจะเหมาะที่สุด” พี่อ้ายพูด มองหน้าทุกคนอย่างทั่วถึง ไม่มีการเขินอายใดๆ

“แข่งกันหาเงินไปทำบุญ งั้นพวกหอสี่ก็ชนะตลอดสิวะ” ทนายพึมพำ “พวกมันก็แค่บริจาคเงินให้มากกว่าหออื่น”

ผมพยักหน้าหงึกหงัก “ทุกปีหอสี่ก็ชนะเพราะเงินพวกมันเองตลอด แต่ประเด็นมันไม่ได้อยู่ที่ตรงนั้นไง เราแข่งเรื่องวิธีการหาเงินและก็จำนวนคนที่เข้ามารุมที่เต็นท์ว่าจะมีเยอะหรือเปล่า”

“หอสามของเราไม่เคยเสียหน้าเลย” พี่อ้ายพูดต่อในส่วนของผมพอดี “ในที่สุดก็จะได้ใช้ความหน้าตาดีของเราเป็นประโยชน์อีกครั้งหนึ่งแล้ว ไปคิดกันมาก็แล้วกันว่าจะทำยังไงให้เต็นท์ของเรามีสีสันมากที่สุด ทนาย อาสา” ผมสะดุ้งเมื่อถูกพี่อ้ายพาดพิง ส่วนไอ้ทนายทำสีหน้าเบื่อขึ้นมาทันที “มึงสองคนอ่ะตัวเรียกแขกเลย วันนั้นพวกมึงต้องช่วยกันทั้งวัน เข้าใจมั้ย”

ปีก่อนผมก็เป็นตัวเรียกแขก ปีนี้ผมก็ต้องเป็นอีกเหรอเนี่ย ไอ้คำว่าตัวเรียกแขกมันไม่ได้สวยหรูอะไรเลยครับ มันคือทาสดีๆ นี่เอง ผมจะต้องเฝ้าเต็นท์ทั้งวัน คอยทำทุกอย่างที่คนบริจาคเขามาขอ ส่วนใหญ่ก็มักจะมาขอถ่ายรูปทั้งนั้น

ยิ้มสู้กล้องทั้งวันมันเหนื่อยนะครับ

“งานแข่งโดเนทจะถูกจัดหลังสอบมิดเทอมพอดี เป็นวันโอเพนเฮ้าส์ของมหา’ลัยด้วย”

ผมโอดครวญทันที แปลว่าคนที่จะมางานนี้ไม่ใช่แค่คนในมหา’ลัย แต่เป็นแขกที่มาชมมหา’ลัยด้วย บอกเลยว่าวันนั้นคงต้องเหนื่อยกันแบบยกกำลังสิบ

“กูมีเรื่องที่จะพูดแค่นี้ หวังว่าพวกมึงจะจริงจังกับการแข่งเพื่อศักดิ์ศรีของหอครั้งนี้ เรื่องเรียกแขกหอสามของเราไม่เคยแพ้ใคร พวกมึงจงใช้สิ่งที่สวรรค์ประทานมาให้เกิดประโยชน์มากที่สุด ได้ช่วยน้องช้างด้วยและได้ช่วยรักษาหน้าตาของหอด้วย มีใครสงสัยอะไรมั้ย”

ไอ้ทนายยกมือโดยที่ไม่ถามความเห็นของผมสักคำ

“มีไรทนาย”

“ปีนี้หอเราไม่อยากชนะเรื่องเงินด้วยเหรอครับ”

พี่อ้ายเลิกคิ้ว “มึงเลิกคิดเรื่องนี้ไปได้เลย รุ่นพี่มึงพยายามกันมาเป็นสิบๆ ปีแล้วยังไงก็ไม่มีทางสู้พวกหอสี่ได้”

หอคนรวย ถ้าเป็นแข่งเรื่องเงินยังไงพวกแม่งก็ไม่มีวันยอม

“น่าจะเปลี่ยนกฎใหม่” ทนายบ่นอุบ “อย่าใช้เงินตัวเอง ใช้เงินของคนที่เข้ามาบริจาคก็พอ”

“มึงใจเย็นๆ นะ” พี่อ้ายปราม “ถ้าเป็นงั้นไอ้พวกหอสี่มันก็จะไม่ลงเงินตัวเองเยอะๆ น่ะสิ อย่าลืมจุดประสงค์ที่แท้จริงของเรา ที่เราแข่งโดเนทเพราะเราต้องทำเพื่อน้องช้าง”

แหม ช่างย้อนแย้ง เชื่อมั้ยครับว่าพี่มันจริงจังเรื่องศักดิ์ศรีหอของคนหน้าตาดีมากกว่าเรื่องโดเนท ผมรู้ดี ปีที่แล้วพี่อ้ายก็เป็นแบบที่ผมพูด พี่มันเรียกมาประชุมล่วงหน้าก่อนงานเริ่มตั้งหลายอาทิตย์แน่ะ

เมื่อไม่มีใครสงสัยอะไรใดๆ แล้ว พี่อ้ายก็ปล่อยให้ทุกคนไปอ่านหนังสือกันต่อ และไม่ลืมที่จะอวยพรทิ้งท้ายว่าขอให้โชคดี ได้เกรดดีๆ กันทุกคน

ผมกับทนายแยกกับไอ้เตไอ้ไมล์แล้วขึ้นมาบนห้อง ใบหน้าของทนายเหมือนกำลังจมอยู่กับความคิดเรื่องงานแข่งโดเนทอะไรนี่อยู่ ผมจึงต้องเอ่ยถามออกไป เพราะหน้าตาของมันตอนนี้ดูตลกมากจริงๆ ไม่รู้มันเครียดอะไรอยู่

“มีอะไรพูดมา”

“งานนี้เมื่อปีที่แล้ว...สภาพมึงเป็นไง”

มันกำลังคิดไปถึงไหน “กูก็ถือกล่องรับบริจาคปกติ”

“แค่นั้นแน่นะ”

“มีคนมาขอถ่ายรูปเยอะหน่อย แต่พวกหอสามก็โดนกันหมดทุกคน”

“มึงแน่ใจนะว่าไม่มีอะไรนอกเหนือจากการขอถ่ายรูป”

ผมพยายามนึกๆ ดู ปีที่แล้วผมค่อนข้างใหม่ เขาขอให้ทำอะไรผมก็ทำให้หมด เขาขอถ่ายรูปด้วย ผมก็ทำให้ เขามาขอเฟซบุ๊ก ผมก็ให้

“มีคนมาขอเฟซบุ๊ก”

“แล้วมึงก็ให้เนี่ยนะ”

“ก็เขาจะบริจาคแบงก์พันอ่ะ”

“ใครขอ ผู้ชายหรือผู้หญิง”

“ให้ทาย” ผมลองแกล้งมันดู

“สัด หน้าอย่างมึงต้องผู้ชายอยู่แล้วป่ะ”

“ถูก”

“โอ๊ยยยยย” ทนายถึงกับเขย่าหัวของผมเบาๆ “มึงก็ซื่อเกิ๊น ให้ไปทำไม”

“เรื่องมันผ่านมานานเป็นปีแล้วนะ ตอนนั้นมึงคงสวีตกับแอลอยู่มั้ง” ทำไมผมต้องพูดถึงแฟนเก่าของทนายอีกล่ะเนี่ย

“ปีนี้ห้ามเลยนะ ห้าม กูจะตามคุมมึงแจเลย กูขอบอกไว้ก่อน”

“มึงคงโดนหนักกว่ากูอ่ะ” ทนายมันป็อปในหมู่ผู้หญิงจะตาย ถ้ามันไม่ตัวติดกับผม ป่านนี้มีกิ๊กมากกว่าสิบคนไปแล้วมั้ง “เอาเป็นว่าช่างเรื่องนั้นก่อนเถอะ เอาเรื่องสอบก่อนเนี่ย จะไม่รอดอยู่แล้ว”

“ขอหอมก่อน” มันไม่รอฟังคำอนุญาตจากผม แต่มันหอมแก้มเลยครับ ผมปล่อยให้แม่งทำตามอำเภอใจจนพอใจ จากนั้นทนายก็แยกตัวไปอ่านหนังสือแต่โดยดี

ตอนนั้นไมล์มันส่งข้อความมาหาผมพอดี

MILE : วันแข่งโดเนทมีอะไรจะให้ด้วยนะ
MILE : รอรับด้วย
MILE : มึงต้องชอบแน่ๆ


“ยอมใจแม่ง” ทนายแอบอ่านจากด้านหลังของผม “วันนั้นสอบเสร็จแล้วใช่ป่ะ กูขอบอกวันนั้นเลยนะ”

ผมเอามือนวดขมับ “กูต้องไปทำบุญวัดไหนวะ เรื่องนี้มันถึงจะผ่านไปได้ด้วยดี”

“กูไปทำด้วยได้มั้ย” ทนายพูดบ้าง “ใจกูไม่แข็งเลย เห็นหน้าสัดไมล์แล้วกูพูดไม่ออก เป็นไรไม่รู้”

“...”

“แต่กูก็อาจจะต้องพูดว่ะ”

“...”

“เพื่อเราสองคน”

ผมเอื้อมมือไปจับมือของทนายเอาไว้ จากนั้นเราสองคนก็ยิ้มแห้งๆ ให้กัน

ถ้าผลลัพธ์ของมันจะเลวร้าย ก็ขอให้มันเลวร้ายน้อยที่สุดทีเถอะ






TBC*

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด