ตอนที่ 7 ...พี่เลี้ยง ..
“คุณปลาเป็นอะไรเหรอครับ”เสียงป๋องคนขับรถ ที่ชะเง้อมองมาเบาะหลังเมื่อเห็นคนเป็นพี่เลี้ยงคุณหนูหน้าบึ้งผิดปรกติ
“เหน็บกินน่ะป๋องเลยงอแง หึหึ “แต่คนที่ตอบดันไม่ใช่พี่เลี้ยงคนโปรดแต่เป็นคุณสงครามที่ตอบพร้อมทั้งรอยยิ้มที่ป๋องดูแล้วมันจั๊กจี้ชอบกล
“เพราะใครกันล่ะ “
หน้าที่ยังบึ้งตึง ไม่ยอมคนเป็นนายจ้าง เสียงงอแงอย่างที่เจ้านายว่าที่ทำให้ป๋องต้องหัวเราะไปกับเจ้านาย
เป็นเรื่องแปลกอีกอย่างที่ป๋องไม่เคยเห็น คุณสงครามเป็นคนเงียบมาก หน้านิ่งอย่างกับรูปปั้น
เขาไม่เคยเห็นเจ้านายยิ้มสักทีตั้งแต่เกิดเรื่องเมื่อห้าปีก่อน ยกเว้นตอนที่อยู่กับคุณหนูเฟีย
แต่วันนี้คุณสงครามผู้เงียบขรึมกำลังเย้าแหย่ให้พี่เลี้ยงของลูกชายงอน ทั้งยังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อารมณ์ดี ผิดจากที่ป๋องเคยรู้จัก
จนป๋องอยากจะถ่ายวีดีโอเก็บเอาไปให้ยายกิ่งกับมะตูมดู
“ทำไมไม่ปลุกล่ะ ฮึ “
“ก็....ฮึ่ย!!”
เมื่อหาเหตุผลไม่ได้ว่าทำไมเขาไม่ปลุกคุณสงคราม มัจฉาก็ยิ่งทำหน้างอกว่าเดิม ทำไมกันนะ เขาไม่เข้าใจ แค่เห็นสีหน้าเหนื่อยๆ
แค่เห็นว่าอีกคนอยากพักผ่อน เขาก็ไม่กล้าจะปลุกแม้ว่าขาทั้งสองข้างจะโดนเหน็บกินจนชา ทำไมเขาต้องเป็นห่วงคนที่โตแต่ตัวคนนี้ด้วยนะ
“หึหึ “
เสียงหัวเราะที่ไม่ได้บอกอะไรมากไปกว่าเจ้าของเสียงอารมณ์ ดี ยิ่งทำให้มัจฉาหงุดหงิด ป๋องที่มองเจ้านายทีมองดูพี่เลี้ยงคุณหนูอีกที
ก็ส่ายหน้าไม่เข้าใจ เขาน่ะไม่เข้าใจเจ้านายรูปหล่อของเขามากกว่า เพราะการที่คุณปลาหน้าบึ้ง งอแง ทำไมเจ้านายยังอารมณ์ดีอีกวะ ป๋องล่ะไม่เข้าใจ
........................
“คุณพ่อ!!..”
เด็กชายวิ่งถลาเข้าหาคนเป็นพ่อ ที่เดินเข้ามารับที่โรงเรียน มันเป็นสิ่งที่เขาคิดมาตลอดว่าอยากให้พ่อมารับมาส่ง นี่เป็นครั้งแรกในรอบปีก็ว่าได้ มันเลยทำให้เด็กน้อยเริงร่ามีความสุขมากเป็นพิเศษ
“ว่าไงตัวเล็ก หืม เป็นเด็กดีหรือเปล่าครับ “
“เฟียเป็นเด็กดีอยู่แล้วฮะ”
“งั้นพ่อมีรางวัลเด็กดี ไปกินไอศกรีมกันดีไหม “
“เย้...ดีฮะๆ “
รอยยิ้มกว้างบนใบหน้าเล็กๆนั่นทำให้สงครามอดที่จะยิ้มไปกับลูกไม่ได้ นี่สินะสิ่งที่พี่เลี้ยงคนเก่งอยากเห็น
สงครามอุ้มเอาร่างเล็กๆของลูกชายมาที่รถ เด็กชายทำตาโตเมื่อเห็นว่ามีอีกคนนั่งรออยู่ในรถ
“พี่ปลา ...”
น้ำเสียงดีใจที่เห็นพี่เลี้ยงมาด้วยทั้งยังดิ้นรนออกจากอ้อมแขนของพ่อเพื่อไปหาพี่เลี้ยงที่นั่งยิ้มกว้างอยู่ในรถ
ทั้งๆที่พออยู่กับเขาดันทำหน้าบึ้ง ทำให้คนเป็นพ่อต้องส่ายหัวอย่างระอากับท่าทางที่เหมือนจะขาดกันไม่ได้ของพี่เลี้ยงกับลูกชาย
“ไปกินติมกันพ่อจะพาไป“
“ครับๆ แต่คุณหนูกินเยอะไม่ได้นะครับ เดี๋ยวกินข้าวไม่ได้ยายกิ่งเสียใจแย่เลย”
“พี่ปลาขี้บ่น ..ชิส์”
ถึงจะว่าอย่างนั้นเด็กชายตัวน้อยก็เขยิบเข้าไปใกล้พี่เลี้ยงก่อนจะยกมือเล็กๆลูบไปที่แผลบนหน้าผากของพี่เลี้ยง
“หายยัง”
“หายแล้วครับ พรุ่งนี้ก็เอาผ้าปิดออกได้แล้ว นะ “
ตอบคำถามนายจ้างตัวน้อยทั้งยังส่งยิ้มไปให้เมื่อเห็นการกระทำที่เหมือนว่าจะเป็นห่วงเขานักหนา
มัจฉารู้สึกดีใจ รู้สึกมีความสุขทุกครั้งที่คุณหนูเริ่มทำตัวอ้อนเขาบ้าง และเรียกชื่อเขา แทนการเรียก ตัว ๆเหมือนทุกครั้ง
ช่องว่างที่เคยมี มันลดลงเรื่อยๆ และพอคิดอย่างนั้นมัจฉาก็ยิ้มกว้างด้วยความสุขที่อัดแน่นอยู่ข้างใน
“อื้อๆ หายนะ เพี้ยง “
เสียงหัวเราะของพี่เลี้ยงกับการกระทำของลูกชายทำให้สงครามที่นั่งนิ่งๆมาตลอดต้องยิ้มตาม เขากำลังคิดว่าหากหยุดงานสักวันแล้วได้อยู่กับบรรยากาศแบบนี้มันก็คุ้มค่า
“ไปร้านไอศกรีม ข้างบริษัทนะป๋อง”
“ครับคุณเดียว” เพราะเป็นทางที่แยกไปไม่ไกลนักจากเส้นทางกลับบ้าน เขาเลยคิดจะให้รางวัลเด็กดีสักหน่อยทั้งพี่เลี้ยงทั้งลูกชาย
“เธอชอบกินอะไรล่ะ”สงครามอดที่จะถามคนตัวบางไม่ได้เพราะยังไงมัจฉาก็เป็นผู้ชายอาจจะไม่ชอบกินพวกไอศกรีมหรือของหวานเหมือนเขาก็ได้
“ไอศกรีมก็ชอบครับ แต่ผมไม่ค่อยกินเท่าไหร่เปลืองเงิน “
คำตอบสมกับเป็นพี่เลี้ยงเขา ไม่แปลกใจเลยสักนิดสงครามยิ้มเมื่อรู้ว่าตัวเองคิดถูก จะว่าเขาตัดสินคนเร็วไปก็ได้
แต่ดูจากพฤติกรรมที่ผ่านมาพร้อมทั้งการันตีจากญาติผู้พี่ มัจฉาคนนี้เป็นคนดีไว้ใจได้ และที่สำคัญ มัจฉา..น่ารัก
ใช่แล้วคำๆนี้เหมาะกับคนอย่างมัจฉามาก ...น่ารัก.. เขามองเห็นแต่ความน่ารักในตัวมัจฉา จนทำให้เขาตกหลุมรักนั้นไปแล้วหรือเปล่านะ ไม่หรอกน่ามันยังเร็วเกินไป
“ฮึบ...อีกหน่อยพ่ออุ้มไม่ไหวแล้วมั้งเนี่ย โตแล้วนะเราน่ะ “
สงครามเอ่ยกระเซ้าลูกชาย เพราะเขารู้ว่าลูกชอบให้เขาอุ้มแม้จะโตแล้ว เขาก็ชอบที่จะอุ้ม
แม้บางครั้งจะเหนื่อยแต่เขาก็ยังอยากจะอุ้มลูกชายของเขาเพราะโตอีกหน่อย เด็กน้อยคงไม่อยากให้พ่ออุ้มแล้ว
“ยังไม่โตฮะ เฟียยังอยากให้พ่ออุ้มนี่นา “
เด็กน้อยเองก็ยังชอบความรู้สึกแบบนี้ จะว่าเขาติดการกอดก็ว่าได้แต่พ่อไม่มีเวลามานอนกอด เขาเลยให้พ่ออุ้มแทน
“เอ้า ลงมาสิ”สงครามหันไปหามัจฉา พลางยื่นมืออีกข้างเข้าไปหาพี่เลี้ยงลูกที่พยายามจะลงจากรถ
“เอ่อ....”มัจฉาทำหน้างงๆ เมื่อเห็นคนตัวโตกว่ายื่นมือมาให้
“ปล่อยให้เดินเองคงไม่ถึงร้านไอศกรีมหรอกวันนี้น่ะ “
เด็กหนุ่มก็พอจะเข้าใจแต่ยื่นมือมาให้เขานี่มันแปลกๆนะที่ผู้ชายสองคนจะเดินจูงมือกันเข้าร้านไอศกรีมน่ะ
“แต่..ผมเดินได้ครับคุณสงครามเดินไปกับคุณหนูก่อนเลยครับ”
“อย่าดื้อได้ไหม “เสียงดุๆที่ส่งมาพร้อมทั้งหน้านิ่งๆทำให้มัจฉาลังเล
“พี่ปลาดื้อ พ่อก็อุ้มเลยสิ ฮะ“เสียงเล็กๆเอ่ยขึ้นขณะที่ผู้ใหญ่ทั้งคู่ไม่ยอมออกจากรถเสียที เมื่อไหร่จะได้กินล่ะ
“ความคิดดีมากลูกชาย ....มา..เดี๋ยวฉันอุ้ม”
สงครามทำท่าจะเข้าไปอุ้มร่างบางตรงหน้าด้วยแขนข้างเดียว จริง ๆเขาไม่ได้บ้าจี้ตามลูกหรอกแต่สีหน้าของพี่เลี้ยงลูกเขานี่มันน่าแกล้งชะมัด
“อะ..อะไรเนี่ย อย่าบ้าตามลูกสิคุณสงครามเนี่ย...ฮึ่ย...จับก็ได้”
มัจฉาเอ่ยตะกุกตะกักเมื่อเห็นว่านายจ้างตัวโตนั่นทำท่าจะเข้ามาอุ้มเขาจริงๆ จนรู้สึกร้อนวูบไปทั้งหน้าอย่างไม่ทราบสาเหตุ
สองพ่อลูกหัวเราะร่าท่าทางอารมณ์ดีทั้งคู่ที่ได้แกล้งพี่เลี้ยงคนเก่ง ให้หงุดหงิด ทั้งคำพูดของมัจฉาที่พูดออกมา
ทั้งดวงหน้าที่ขึ้นสีเรื่อๆที่แก้มใสทั้งสองข้างทำให้สงครามรู้สึกแปลกๆ เหมือนโดนภรรยาดุยังไงไม่รู้
หึหึ สงครามขำทั้งมัจฉาขำทั้งความคิดไร้สาระของตัวเองก่อนจะคอยเป็นหลักให้คนเจ็บพยุงตัวเองเข้าร้านไอศกรีม ทั้งๆที่แขนอีกข้างก็อุ้มลูกชายตัวน้อยเอาไว้ด้วย
สามหนุ่มต่างวัยเดินเข้าร้านไอศกรีม ท่ามกลางสายตาคนมากมายที่มองมา แต่ทั้งสามคนหารู้ไม่ว่าได้กลายเป็นจุดสนใจไปแล้ว
ด้วยหนึ่งหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่หน้าตาหล่อเหลาคมคาย ที่ใบหน้าประดับด้วยรอยยิ้มน้อยๆ
สายตาที่จ้องมองแต่คนตัวบางที่หน้าตาหล่อสดใสในแบบวัยรุ่น ใบหน้าติดจะบึ้งตึงแต่แก้มใสกลับมีสีเรื่อๆราวกับเขินอายการกระทำของคนตัวโต
กับเด็กชายที่ตัวเล็กหน้าตาละม้ายคล้ายคลึงคนตัวโตที่หัวเราะเริงร่าในอ้อมแขนของคนเป็นพ่อ
แววตาหยอกเย้าคนตัวบางให้มีแววขุ่นเคืองอยู่เป็นนิจ แม้จะต้องเดินเขย่งปลายเท้าด้วยความลำบาก
แต่มือเรียวก็เกาะแขนคนตัวโตไว้แน่นไม่ยอมปล่อย ภาพที่ใครเห็นก็ต้องมองว่า มันช่างเป็นภาพที่น่าดูไม่น้อย
สาวๆหลายคนในร้านไอศกรีมถึงกับแอบเบือนหน้าหนีภาพนั้นด้วยใบหน้าแดงก่ำเพราะเขินซะเอง
“พี่ปลาอันนี้อร่อย เฟียชอบกิน “
เด็กชายภูมิใจนำเสนอเมนูโปรดของตัวเองเต็มที่ จนเผลอใช้คำพูดติดปากเวลาอยู่กับพ่อ จะว่าไป ตั้งแต่วันที่เด็กน้อยทำพี่เลี้ยงหัวแตก
เด็กชายมาเฟียก็เริ่มจะเข้าใจว่าคนเป็นพี่ปรารถนาดีต่อตัวเขามากแค่ไหน ตั้งแต่วันแรกที่มา แม้เขาจะตั้งแง่รังเกียจพูดจาไม่ดีใส่
แต่พี่เลี้ยงคนนี้ก็ยังขยันหากิจกรรมที่เขาชอบให้ทำ
อยู่เป็นเพื่อนตลอดเวลาที่เขาเหงา ไม่เคยหาเรื่องฟ้องพ่อ หรือคอยรังแกเขาตอนที่ทุกคนในบ้านไม่อยู่
และคืนที่เขาได้นอนกอดคนอื่นที่ไม่ใช่พ่อเด็กชายกลับพบว่าอ้อมกอดพี่เลี้ยงมันก็อุ่นได้เหมือนกัน เด็กชายเลยวางทิฐิทั้งหมดลง
ไม่ว่าจะเพราะอะไรแต่เขาชักจะชอบพี่ปลาคนนี้เสียแล้ว
“งั้นพี่ปลาเอาอันนี้ก็ได้ครับ “
มัจฉาเอ่ยเสียงใสพร้อมรอยยิ้มกว้างเมื่อนายจ้างตัวน้อยแทนตัวเองด้วยชื่อ มัจฉารู้สึกว่าเขาเข้าใกล้คุณหนูมาเฟียได้อีกขั้นแล้ว
ยิ่งคิดยิ่งปลื้มเพราะในชีวิตไม่เคยได้ดูแลใคร และยิ่งได้รับการตอบรับที่ดีแบบนี้มัจฉาเองอดที่จะดีใจไม่ได้
“คุณหนูกินสองลูกก็พอนะครับ เดี๋ยวกินข้าวไม่ได้ “
ว่าพลางหยิบทิชชู่เช็ดปากให้เจ้าตัวน้อยที่กินเลอะขอบปากไปด้วย สงครามมองภาพนั้นด้วยความรู้สึกที่บรรยายไม่ถูก
มันอุ่นๆอยู่ข้างในเขานั่งมองคนที่คอยเป็นห่วงลูกเขา คนที่คอยบ่นเรื่องการกิน ทั้งยังคอยดูแลลูกเขาตลอดทั้งๆที่ตัวเองก็ยังเจ็บตัวเพราะลูกเขา
สงครามมองเห็นความรักในแววตาคู่นั้นที่มองลูกเขา ทำยังไงเขาถึงจะได้แววตาแบบนั้นบ้างนะนึกอิจฉาลูกแบบไม่มีเหตุผล
พลันความคิดก็มาสะดุดเมื่อคนที่นั่งตรงข้ามเงยหน้าขึ้นมาถาม
“คุณสงครามไม่กินเหรอครับ “มัจฉาหันไปถามคนตัวโตที่นั่งเงียบมาสักพักแล้ว เพราะบนโต๊ะมีแค่ของเขากับของคุณหนู
“เด็กๆกินไปเถอะ “
“ผมโตแล้วเถอะ”สวนกลับทันควัน แต่สิ่งที่ได้มาคือมือใหญ่ที่เอื้อมมาขยี้กลุ่มผมนุ่มนิ่มนั่นอย่างหมั่นเขี้ยว
”คุณสงคราม..ผมยุ่งหมดแล้วเล่นอะไรเป็นเด็กไปได้”
ว่าพลางปัดมือหนาออกให้พ้นหัวที่ยุ่งเหยิงจนต้องละมือจากถ้วยไอศกรีมมาจัดทรงใหม่
“ใครเด็ก เธอนั่นแหละเด็ก”
สงครามรู้สึกสนุกที่ได้เถียงกันแบบเด็กๆกับมัจฉา หน้าตางอง้ำเหมือนโดนขัดใจมันกลับทำให้เขาอารมณ์ดีอย่างบอกไม่ถูก
“คร๊าบๆ คุณผู้ใหญ่”เสียงกึ่งประชดทั้งหน้าที่มุ่ยอย่างขัดใจทำให้สงครามหลุดหัวเราะออกมาจนได้
“กินเลอะเหมือนมาเฟียเลยเด็กน้อย หึหึ”
สงครามว่าพลางใช้นิ้วชี้ปาดเอาไอศกรีมที่ติดอยู่มุมปากของมัจฉาออกให้ ก่อนจะยื่นนิ้วที่เลอะไอศกรีมนั่นเข้าปากมัจฉาที่อ้าเหวอค้างอยู่จนต้องรีบหุบปากฉับ เผลองับเอานิ้วมือใหญ่นั่นอย่างไม่ตั้งใจ
สงครามที่คิดจะแกล้งอีกฝ่ายเล่นกลับเป็นเขาเองที่รู้สึกราวกับไฟฟ้าช็อตที่ปลายนิ้วแล่นเข้าสู่หน้าอกข้างซ้ายอย่างรวดเร็ว
จนต้องดึงมือกลับมาเสมองไปที่ลูกชายแทน อย่างไม่รู้ว่าจะวางสายตาไว้ตรงไหน
มัจฉารู้สึกหน้าร้อนแทบไหม้เมื่อเห็นการกระทำของนายจ้างตัวโตที่ทำไม่รู้ไม่ชี้ แต่กลับยิ้มกว้างเสียจนน่าหมั่นไส้
เสียงกรี๊ดกร๊าดเบาๆดังมาแว่วๆ แต่มัจฉาไม่กล้าที่จะมองหาต้นเสียงหรอกนะเพราะตอนนี้หน้าเขาเห่อร้อนไปหมดแล้ว
ไม่บอกก็รู้ว่ามันคงแดงเถือกไปทั้งหน้า อะไรกันอาการแบบนี้เขาไม่เคยเป็นให้ตายเถอะ เหมือนมันจะหายใจไม่สะดวก
มาเฟียมองพ่อทีมองพี่เลี้ยงทีอย่าง งง ๆ จะถามหาเด็กกันทำไม ก็เขาเป็นเด็กนั่งอยู่นี่แล้วพ่อกับพี่ปลาจะเถียงกันทำไม
แล้วพ่อทำไมยิ้มแปลกๆ พี่ปลาหน้าแดงมากเลย ไม่สบายหรือเปล่านะ เด็กน้อยได้แต่สงสัย
แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรเมื่อเห็นพ่อยกนิ้วชี้ขึ้นแตะปากบอกสัญญาณว่าไม่ต้องพูด พ่อคงแกล้งพี่ปลาสินะ แล้วแกล้งแบบไหนพี่ปลาถึงได้หน้าแดงๆแบบนั้น
................................................
ความร่มรื่นของแมกไม้ในบริเวณบ้านทำให้สงครามต้องหันไปมองรอบๆ เมื่อป๋องพาพวกเขากลับมาถึงบ้าน
ทันทีที่ลงจากรถลมเย็นๆก็พัดเข้ามาพาให้สดชื่นจนต้องมองบ้านตัวเองเหมือนไม่เคยเห็น มันนานจนจำไม่ได้แล้วว่า
ครั้งสุดท้ายที่เขานั่งเล่นที่สวนหน้าบ้านนี่กี่ปีมาแล้ว
“ยายกิ่ง วันนี้เฟียอยากทำแกงเหมือนวันนั้นอีกได้ไหม นะๆ”
“คุณหนูอย่าวิ่งครับ”
เสียงเล็กๆดังมาก่อนจะเห็นตัว ตามด้วยเสียงเอ่ยปรามของพี่เลี้ยงไล่หลังมา ทำให้ ยายกิ่งเงยหน้าขึ้นมองแล้วอยากจะยกมือทาบอกด้วยความแปลกใจ
ก็คุณสงครามของเธอผู้ไม่เคยสนใจใครไม่เคยดูแลหรือเป็นห่วงใครนอกจากลูกชาย กำลังประคองคุณปลาเข้าบ้าน มา พร้อมคุณหนูตัวน้อยที่วิ่งนำ มันดูคล้ายพ่อแม่ลูกยังไง.ไม่รู้
“เฟีย...อย่าไปซนในครัวเดี๋ยวจะเกะกะยายกิ่งนะ”เสียงพ่อดุตามหลังมาทำให้เด็กน้อยชะงักพลางหันไปมองหน้าพี่เลี้ยงอย่างต้องการหาตัวช่วย
“ไม่เป็นไรหรอกครับ เราเข้าครัวกันทุกวัน อีกหน่อยคุณหนูก็ทำกับข้าวเองได้แล้วเนอะ ไปๆ เดี๋ยวพี่ปลาไปด้วย”
มัจฉาบอกคนเป็นพ่อที่ขมวดคิ้วเป็นปมอยู่ข้างๆพลางขยับออกห่างจากคนตัวโตแล้วเดินโขยกเขยกเข้าไปหาเด็กน้อย
โดยไม่รอฟังคำตอบของคนตัวโตสักนิด มาเฟียยิ้มร่าเมื่อไม่เห็นว่าพ่อจะพูดอะไร พี่ปลาของเขาเก่งที่สุด
สงครามเดินตามพี่เลี้ยงและลูกชายเข้าครัวไป ท่าทางกระฉับกระเฉงเมื่ออยู่หน้าเตา และคอยบอกลูกชายเขาเป็นระยะๆว่าต้องทำอะไร
เขาอดไม่ได้ที่จะเดินเข้าไปชะโงกดูว่าทำอะไรกัน แต่คงยืนชิดไปหน่อย เลยกลายเป็นว่ามัจฉายืนพิงอกเขาอยู่
“อ้ะ คุณสงครามอย่ามายืนตรงนี้สิครับ มันเกะกะนะ”
“อยากรู้เฉยๆ “
“เป็นน้องชายของมาเฟียเหรอครับ เล่นอะไรเป็นเด็ก”
พี่เลี้ยงคนสวยหน้าคว่ำเมื่อเขาแกล้งยืนชิดเข้าไปอีก จนคนที่ตัวเล็กกว่าอยู่ในอ้อมกอดของเขาเพราะขยับตัวไม่ได้
“หอม”สงครามได้กลิ่นหอมๆ อยู่รอบตัวมัจฉา กลิ่นที่ดมแล้วสบายใจชอบกล
“ถอยหน่อยครับลูกมองอยู่นะ”
มัจฉาพูดเพื่อเตือนสติคนตัวโตที่เหมือนจะรุ่มร่ามโดยไม่ตั้งใจ แม้ว่าเจ้าตัวที่พูดออกมาจะไม่ได้คิดอะไร
แต่คำพูดเตือนกลับทำให้สงครามยิ้มอย่างถูกใจ ลูกมองอยู่งั้นเหรอ...มันเหมือน......กึก!...
สงครามชะงักเมื่อปลายจมูกสัมผัสเข้ากับแก้มใสของอีกคน
“อ๊ะ !”
“อุ๊ย!”
สองเสียงที่ดังมาด้วยความตกใจ ทำให้สงครามผละออกจากตัวมัจฉาทิ้งตัวลงไปนั่งกับลูกชายบนโต๊ะที่กำลังเด็ดยอดผักบุ้ง
ปล่อยให้มัจฉาและมะตูมที่พึ่งเดินเข้ามายืนหน้าแดงกันอยู่สองคน ใช่ว่าเขาจะไม่รู้ว่าทำอะไรลงไป
ก็มันอดใจไม่ไหวนี่หว่าแก้มแดงๆกลิ่นหอมๆ อยู่ใกล้แค่ปลายจมูก ก็แค่อยากรู้ว่าจะหอมไหม จะนิ่มหรือเปล่า...ก็แค่นั้นเอง..
มัจฉากำลังสับสนกับการกระทำของคุณสงคราม และกำลังสับสนกับความรู้สึกแปลกใหม่ที่เกิดขึ้นกับตัวเอง
หัวใจที่เต้นถี่ขึ้นจนเหมือนเขาจะหายใจไม่ทัน หน้าที่เห่อร้อนวูบวาบเวลาที่คุณสงครามเข้าใกล้ มันคืออะไร เขาไม่เข้าใจ
แต่ก็ได้แต่เก็บเอาไว้ไม่กล้าแม้จะถามมันออกไปทั้งๆที่ปรกติเขาเป็นคนที่สงสัยอะไรจะถามเลยแท้ๆ ช่างเหอะ คงไม่มีอะไรหรอก เขาแค่ตกใจ เท่านั้นเอง
อาหารค่ำมื้อนั้นผ่านไปท่ามกลางความสุขของทุกคน โดยเฉพาะเด็กชายมาเฟีย ที่ได้รับคำชมจากพี่เลี้ยงและพ่อ ไม่ขาดปาก
แม้ว่าเด็กชายจะยังปรุงอาหารเองไม่ได้ แต่การเป็นลูกมือในครัว นั้นก็ฝึกวินัยและสมาธิให้เด็กน้อยได้เป็นอย่างดี
ข้อนี้สงครามอดที่จะเห็นด้วยกับมัจฉาไม่ได้ว่าตัวเขาควรมีเวลาทำกิจกรรมร่วมกับลูกให้มากกว่านี้
และก่อนเข้านอนคืนนั้นพี่เลี้ยงคนเก่งก็ทำเขาประทับใจอีกไม่รู้รอบที่เท่าไหร่ เมื่อลูกชายสุดที่รักของเขาอาบน้ำเองแต่งตัวเอง
ซึ่งพี่เลี้ยงเพียงแค่ช่วยเตรียมเสื้อผ้าและเตรียมน้ำอาบให้เท่านั้น ลูกชายตัวน้อยก็ยิ้มอวดกับเขาตลอดว่าตอนนี้ มาฟียทำอะไรได้ด้วยตัวเองแล้ว
ท่าทางภูมิใจของลูกชาย ทั้งยังสีหน้ามีความสุขของพี่เลี้ยง มันทำให้เขามีความสุขไปด้วย
นับเป็นเรื่องดีจนเขาอดที่จะโทรฯหากันธรไม่ได้ และเล่าเรื่องพี่เลี้ยงคนล่าสุดให้เพื่อนรักฟัง
เขารู้สึกประทับใจในตัวพี่ลี้ยงลูกชายคนนี้มาก มันมากจนเขารู้สึกได้ว่ามันพิเศษ มันรู้สึกดีเมื่ออยู่ใกล้มัจฉา มันจะใช่หรือเปล่านะ
เวลามันเร็วเกินไป อาจจะไม่ใช่ก็ได้ สงครามก็ได้แต่บอกตัวเองในใจ ก่อนจะโทรออกหาเพื่อนสนิท อย่างต้องการที่ปรึกษา
(ไงมึงไม่หลับไม่นอน มีอะไรอีก)
“ธร มึงเคยรู้สึกเขินๆทำตัวไม่ถูกกับผู้ชายหรือเปล่าวะ “
(ถามทำไมมึงไปแอบรักผู้ชายที่ไหนบอกมานะ มิน่าล่ะสาวๆมึงไม่สน)
“เฮ้ย ไม่ใช่อย่างงั้น คือกูแค่อยากรู้ว่า ควงหญิงมาทั้งชีวิตเหมือนมึงนี่จะรู้สึกกับผู้ชายได้หรือเปล่าวะ”
(มึงไม่ต้องมาถามกูเลยเดียว...เล่ามาเดี๋ยวนี้)
“ก็...” เรื่องราวดีๆของพี่เลี้ยงที่เขาประทับใจถูกเล่าผ่านโทรศัพท์ถ่ายทอดไปยังเพื่อนรักแบบไม่มีกั๊ก แต่เขาแค่ยังไม่บอกว่าเขารู้สึกยังไงกับพี่เลี้ยงคนนี้
“กูว่าจะขอบคุณพี่ก้อยสักครั้งที่หาพี่เลี้ยงดีๆมาให้ “
(เสียดายว่ะ)
“เสียดายเรื่องอะไรวะ? “
(พี่เลี้ยงน้องเฟียน่าจะเป็นผู้หญิงนะ มึงจะได้แม่เลี้ยงน้องเฟียไปในตัวเลย)
“คิดอะไรมึงนี่ กูไม่คิดจะหาแม่เลี้ยงให้ลูกกูหรอกนะ แค่.....”คำต่อมาขาดหายไปในลำคอ จนคนเป็นเพื่อนสงสัย
(แค่อะไรวะ..นั่นแน่ )เสียงที่เอ่ยแบบกระเซ้าเพื่อนสนิทดังมาตามสายพาให้สงครามยิ้มไปด้วย
“เปล่าไม่มีอะไรไปนอนได้แล้วไป กูจะนอนแล้วพรุ่งนี้จะต้องตื่นเช้าอีก “
(เออๆ อะไรของมึงวะวู้...แต่ว่านะเดียว บางครั้งความรักน่ะ ใช้ใจนำทางให้มากกว่าสมองนะ ว่าใจรู้สึกยังไง ไม่ใช่ใช้สมองแยกออกว่านั่นหญิงหรือชาย รักได้หรือรักไม่ได้ ... เผื่อมึงจะอยากรู้ ไม่ว่ามึงจะชอบเพศไหนรักใคร กูจะรักด้วย ยกเว้นยัยแจงมึงเข้าใจใช่ไหม )
“ขอบใจเพื่อน”กดตัดสายเพื่อนไปแล้วก็ต้องมานั่งคิดถึงคำพูดที่ขาดหายไป
เพียงแค่...มีมัจฉาอยู่เขาก็ไม่ต้องการใครแล้ว...แอบตกใจกับความคิดตัวเอง.คำพูดนี้อยู่ในห้วงคิดของเขา ..
.ก็พี่เลี้ยงดีๆแบบนี้หายากจะตาย มัจฉาเองก็ตัวคนเดียว หากเขาดูแลดีๆให้เงินเดือนดีๆ เพิ่มสวัสดิการให้ ทั้งเรื่องเรียนด้วยมัจฉาคงไม่ใจร้ายทิ้งเขากับลูกไปหรอกนะ
....หืมม์?...อะไรกัน นี่เขาถึงเวลาที่ต้องมานั่งกังวลกลัวพี่เลี้ยงทิ้งเหรอวะ คิดอะไรบ้าบอสิ้นดี
สงครามสะบัดหัวไล่ความมึนงงเขาเฝ้าคิดตามคำพูดของกันธร ถ้าเป็นอย่างนั้นมันต้องพิสูจน์สินะเวลาแค่นี้ มันเร็วไปไหม
หรือยังต้องรอแน่ใจกว่านี้ เขาลุกไปหาลูกชายที่เข้านอนไปแล้ว พลางคิดถึงภาพที่เขาหวังว่าจะได้เห็นอีกครั้ง
และเขาก็เห็นอย่างที่หวัง มัจฉานอนหลับสนิทสองแขนเรียวโอบกอดลูกชายตัวน้อยของเขาเอาไว้
เจ้าตัวแสบก็ก่ายเกยพี่เลี้ยงเต็มที่ซุกตัวเข้าหาอีกคนราวกับเป็นพ่อลูกกันเสียเอง สงครามยิ้มกับภาพตรงหน้า
ก่อนจะเดินอ้อมไปอีกทาง แล้วก้มลงกดจูบเบาๆที่หน้าผากลูกชาย
“ฝันดีนะเด็กดีของพ่อ”
เสียงกระซิบแผ่วเบาด้วยเกรงว่าอีกคนจะตื่น เขายืนมองหน้าพี่เลี้ยงคนเก่งเงียบๆ ปากบางๆที่มือเขาสัมผัสไปเมื่อตอนอยู่ที่ร้านไอศกรีม
มันนุ่ม ถ้าได้สัมผัสอีกครั้ง.ไวเท่าความคิดสงครามโน้มหน้าเข้าหาคนหลับข้างๆลูกชาย ทั้งยังกดจูบแผ่วเบาลงบนริมฝีปากของมัจฉา
เขาแค่แตะปากลงไปเบาๆ ก่อนจะผละออกมายืนมองคนหลับเงียบๆ และเดินออกไปจากห้อง พร้อมรอยยิ้มที่กระจายทั่วใบหน้า
ยังหรอก เขายังต้องพิสูจน์อะไรอีกเยอะ แต่ตอนนี้เขาตอบตัวเองได้หนึ่งอย่างว่า เขาไม่ได้รังเกียจที่จะสัมผัสตัวมัจฉา
และความรู้สึกดีๆ แบบที่คิดว่าคืนนี้เขาต้องฝันดีแน่ๆ และ เขาจะต้องรู้ให้ได้ว่า เขาคนนี้ ตกหลุมรักผู้ชายที่เป็นพี่เลี้ยงลูกชายเขาคนนั้นจริงหรือเปล่า
ใครจะว่าเขาคิดมากก็ได้ เพราะการที่จะรักเพศเดียวกันมันไม่ง่ายเลยที่จะยอมรับ.... ยิ่งเวลาที่รู้จักกันมันสั้นแค่นี้
ความเป็นไปได้ยิ่งทิ้งห่าง แต่สำหรับมัจฉาอาจจะเป็นข้อยกเว้นก็ได้....สงครามได้แต่ครุ่นคิดวนเวียนไปเรื่อย จนหลับไป
พร้อมทั้งรอยยิ้มที่กระจายอยู่ทั่วใบหน้าแม้ยามหลับสนิท
……………………………………..
.
.
.
.
TBC..........
เป็นเช้าที่วุ่นวายพอควรสำหรับพันวาเมื่อคืนฝนตกหนัก ไฟดับ เน็ตดับ กว่าทุกอย่างจะใช้ได้ปรกติก็สายโด่ง
หลังจากคุณหมอคอนเฟิร์มว่าสามารถเล่นกอล์ฟได้แล้ว พันวาก็เหมือนงานจะเพิ่มขึ้นแหะๆ อาจจะไม่ได้มาอัพบ่อยๆนะคะ
ยังไงก็อย่าพึ่งลืมกันนะ มาเม้นมาถามหากันบ้างแก้เหงาเน้อ...ปรกติทำงานกลางวันกลางคืนปั่นนิยาย แต่ช่วงนี้กลางคืนมัวแต่ตามผู้ชาย5555
นิยายเลยปั่นได้น้อยมาก เรื่องนี้พันวาแยกออกเป็น2 พาร์ทนะคะ พ่อเดียวกับพี่ปลาจบแล้วจะต่อด้วยเรื่องของพ่อเลขาหน้านิ่งกับหุ้นส่วนกวนTeen 555ดูแนวๆเหมือนจะฮาใช่ไหมแต่บอกไว้ว่าหน่วงงงงงงนะจ๊ะ อิอิ
จริงๆพันวาพึ่งจะค้นพบตัวเองว่าชอบแต่งแนวหน่วงๆหนึบๆบีบคั้นน้ำตามาก ทั้งๆที่เป็นคนตลกเนอะ แต่แต่งคอมเมดี้ไม่เป็น
เรื่องนี้ยังไม่ครึ่งทางเลย นี่จะปั่นเรื่องหน้าแล้ว????
เอาเป็นว่าไว้คอยติดตามกันดูนะคะ ขอบคุณที่แวะเข้ามาอ่าน
กอดแน่นๆสำหรับคนเม้นท์ให้เป็นกำลังใจคนเขียนมากค่ะ