from PAST to FUTURE... อดีตเพื่อน อนาคต... หล่ะ? L’épilogue 3 [จบแล้ว]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: from PAST to FUTURE... อดีตเพื่อน อนาคต... หล่ะ? L’épilogue 3 [จบแล้ว]  (อ่าน 35714 ครั้ง)

ออฟไลน์ Grey Twilight

  • Moderator
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 392
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +171/-17
ผมมองในอีกแง่นะครับ คือถ้าตาไม่บอด คนทั่วไปก็คงจะรู้แล้วล่ะว่านัยยะของการกระทำแบบเก็ทนี่มันคงจะเกิน boundary ของเพื่อนสนิทไปหน่อยแล้วล่ะ ผมเคยพูดไว้แล้วตั้งแต่ในคอมเมนท์ที่แล้ว และเอาจริงๆ ใครมันจะชวนไปซื้อของขวัญให้ครอบครัว และชวนไปทานข้าว ไปเจอพ่อแม่กันครับ ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเราจะ introduce คนที่เราคิดว่าเราอยากให้ ‘สนิท’ กับครอบครัว (ซึ่งตรงนี้ ในความเป็นจริง มุมของเพื่อนสนิทที่รักกันมากๆก็เป็นไปได้ แต่มันจะมีตัวแปรอื่นที่เข้ามาเกี่ยวข้อง วิธีดูง่ายๆเลยสำหรับผู้ชายคือ ดูที่การให้เกียรติครับ เช่น ถ้าเป็นการซื้อของขวัญให้ญาติผู้ใหญ่เพื่อน เค้าจะไม่ชวนกันไปซื้อของขวัญครับ ถ้าเป็นการกระทำแนวเพื่อนรักกันจริงๆ มักจะเป็นการซื้อให้เลยโดยที่ไม่ต้องไปซื้อด้วยกันซะมากกว่า เพราะว่ามันถือเป็นการให้เกียรติน่ะครับ เราเจอได้บ่อยๆในชีวิตจริงสำหรับคู่เพื่อนรักกันมากๆ)

ดังนั้นการที่ฟร็องก์ปิดหูปิดตา ผมมองว่ามันเป็นการเลือกปฏิบัติไปหน่อย คือคุณเปิดรับทาร์ตเข้ามาได้ แต่กับเก็ทคุณกลับพยายามยื้อความสัมพันธ์ไว้ที่จุดๆเดิม ทั้งๆที่นัยยะของอีกฝ่ายมันเกินเลยไปตั้งนาน ปัญหาที่เก็ทกับปาร์คมีเหมือนๆกันคือการกระทำค่อนข้างเกินเลย และไม่ยอมพูดให้ชัดเจนครับ อย่างเก็ทนี่เป็นที่นิสัย แต่ปาร์คนี่เราไม่รู้ ประเด็นคือผมพอเข้าใจได้ว่านิสัยเก็ทเป็นยังไง ผมถึงคิดว่าการกระทำของตัวละครนี้ค่อนข้างสมเหตุสมผล สิ่งสำคัญอันดับต่อมาคือ ถ้าฟร็องก์เล่นด้วย แล้วก็ ‘อาจจะ’ ให้ใจไปแล้วโดยที่ไม่รู้ตัว แต่พยายามปฏิเสธเพื่อรักษาจุดยืนของความสัมพันธ์ อันนี้ล่ะครับต้องโทษฟร็องก์ เพราะมันแปลว่าคุณไม่พยายามยอมรับจิตใจของตัวเอง

ส่วนตัวผม ผมมองว่าฟร็องก์เล้าหลือนะครับ (หัวเราะ) คือแบบ แหม...จะกั๊กไว้ทำไมครับ มันไม่เห็นเป็นไรเลย ยังไงเจตนามันไม่บริสุทธิ์กันทั้งสองคนอยู่แล้ว ยอมรับไปแบบเปิดอกเลยเหมือนกับที่ให้โอกาสทาร์ตสิ มันจะได้แฟร์กับชัญญ่าด้วย แต่ก็อย่างที่คุณพีเคพูดนะครับ อีโก้คนสวยจะโดนเทนี่ทำใจลำบากเหมือนกันนะ (หัวเราะ) ผมคิดเหมือนคุณพีเคว่าชัญญ่าคงไม่ได้รักเก็ทอะไรมากขนาดนั้นหรอก และเก็ทเองก็คงคบๆชัญญ่าไปอย่างนั้น เพราะว่าเสียไม่ได้และต้องทรีตในฐานะสุภาพบุรุษ แต่ไม่ได้มีการกระทำอะไรที่มันออกมาจากความรู้สึกลึกๆ เทียบกับการกระทำที่มีต่อฟร็องก์เราจะเห็นความแตกต่างชัดเจนครับ เอาจริงๆผมว่าชัญญ่าน่าจะเป็นคนเริ่มจีบเก็ทก่อนด้วยนะ (หัวเราะ) เพราะถ้าบอกว่านิสัยอย่างเก็ทไปพูดจีบสาว ผมก็ไม่เชื่ออะครับ แค่การกระทำจะเห็นอยู่โต้งๆว่าเขา ‘เนียนจีบ’ ฟร็องก์มาเป็นชาติแล้ว

เคสเก็ทกับฟร็องก์เป็นเคสที่เราเจอในชีวิตจริงบ่อยๆนะครับ และส่วนมากมักเจอในช่วงตั้งแต่มัธยมปลายจนถึงมหาวิทยาลัย เป็นเคสที่ความสนิทสามารถ ‘เปลี่ยน’ ไปเป็นความสัมพันธ์เชิงคู่รักได้ เพราะความสัมพันธ์มัน ‘ไม่บริสุทธิ์’ จากการที่เริ่มเจริญเติบโตเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์ ในวัยนี้ ความรู้สึกหรืออารมณ์ทางเพศจะเริ่มเข้ามาเกี่ยวข้องและมีผลต่อความคิดในการดำเนินความสัมพันธ์

ในแง่ตรงข้าม ส่วนมากเคสที่สนิทกันมาตั้งแต่ประถมหรือมัธยมต้น มักจะเป็นเพื่อนรักกันมากกว่าในความเป็นจริง เพราะระยะเวลาที่นานกว่า และความจริงใจในวัยเด็กมักจะทำให้เกิดความสัมพันธ์ที่บริสุทธิ์ มันจะไม่พัฒนาไปเป็นความเร้าทางเพศ หรือถ้าจะมีข้อยกเว้นก็จะเป็นเคสแบบ ‘รู้จักกันตั้งแต่เด็ก’ คือบ้านติดกัน เล่นกันตั้งแต่ยังอนุบาลอะไรอย่างนี้ครับ คืออยากปกป้องกันตั้งแต่เด็กๆแล้ว แล้วพอเติบโตขึ้นมา รูปลักษณ์ที่เปลี่ยนไปก็มีผลต่อเจตนาดั้งเดิมทำให้เกิดความรู้สึกที่รุนแรงขึ้น ความสัมพันธ์จึงอยากพัฒนาให้มีเรื่องพวกนี้เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย เราจึงจะเห็นในพล็อตมังงะญี่ปุ่นบ่อยๆ

ถ้าอภิปรายต่อสำหรับเคสความสัมพันธ์ที่ไม่บริสุทธิ์ ส่วนตัว...ผมไม่ซีเรียสนะ คือถ้าคุณไม่ได้มีปม alpha male หรือมี fix taste ของรสนิยมทางเพศ (สองสาเหตุนี้ทำให้เกิดการ ‘บังคับ’ จับคู่ทางเพศครับ และในบางสังคมก็ตราเป็นวัฒนธรรมหรือกฎเลย เช่น สังคมมุสลิม)  ส่วนมากเราก็มักจะเห็นความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งของผู้ชายในระดับหนึ่งอยู่แล้ว แค่ว่ามันจะบริสุทธิ์หรือไม่บริสุทธิ์เท่านั้นเอง ซึ่งก็อย่างที่ผมบอก มันต้องไปดูระยะเวลาที่คบกันมา เจตนาและพฤติกรรมสำคัญมากในการพิจารณาตัดสินความสัมพันธ์แบบนี้ครับ

ผมถึงมองว่าเคสปาร์คกับฟร็องก์มันตัดสินยาก หนึ่งคือเขาคบกันมานาน และยังมีหลายๆเรื่องที่มันติดค้างกันอยู่อีก ตั้งแต่เรื่องไปเที่ยวหัวหินในสมัยมัธยมของปาร์คกับฟร็องก์ ซึ่ง ณ ตอนนั้น ฟร็องก์เริ่มรู้ตัวเกี่ยวกับความรู้สึกของตัวเองแล้ว และยังมามีเรื่องการแอบจุ๊บตอนหลับอีก จะเห็นได้ว่าการตอบสนองของปาร์คต่อทั้งสองสถานการณ์นั้นมันไม่ดีเลย ออกแนวรุนแรงและต่อต้านด้วยซ้ำ ผมเลยมองว่าถ้าจะผลักตัวละครนี้เข้ามาจริงๆ มันจะมีตัวแปรต้านมากไปรึเปล่า ทั้งเรื่องครอบครัวที่เราคิดว่าต่อต้านแน่ๆ ซึ่งมันกระทบต่อการอบรมสั่งสอนปาร์คมาตั้งแต่เด็ก และเรื่องความสัมพันธ์ที่มันได้รับผลกระทบมาตั้งแต่ตอนนั้น (นี่ยังไม่นับว่า ปัจจุบันปาร์คคบกับเกลด้วยนะครับ)

แต่ถ้าจะมองแบบเผินๆว่าเรื่องนี้มีผลทำให้ปาร์คต้องก้าวข้ามความสับสนในใจตัวเองไปให้ได้ ก็ถือว่าเป็นประเด็นของบุคลิกตัวละครที่น่าสนใจนะครับ (เพราะจะสื่อถึงปม Coming of Age สำหรับตัวละครนี้) แต่ต้องคุมโทนของเนื้อเรื่องหลักด้วย (เอาจริงๆผมว่าวรรณกรรมเรื่องนี้ก็ Coming of Age กลายๆนะ เพราะแต่ละตัวละครมีประเด็นที่น่าขบต่อ และข้อดีคือ แม้จะมีบทบรรยายความรู้สึกฟร็องก์เยอะมาก แต่ตัวละครอื่นไม่จมครับ เราเห็นปมของตัวละครอื่นเด่นออกมาจนสัมผัสได้และน่าสนใจ อย่างเก็ทนี่ก็เรื่องครอบครัว ความคาดหวัง โดยดึงความเด่นขึ้นมาโดยใช้การบรรยายรูปลักษณ์และเร้าอารมณ์ เป็นเทคนิคที่ดีครับ)

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
เก็ทแปลกๆ จริงๆ ไม่ใช่จะชอบฟร๊อกซ์จริงๆ เข้าให้แล้วหรอกนะ
แล้วฟร๊อกซ์ยังจะหวังที่จะกลับไปคบกับปาร์คอีกเหรอค่ะ
คนใจโลเลพันธุ์นี้ไม่สมควรที่จะกลับไปคบนะคะ

ออฟไลน์ PorschePor

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-0
from PAST to FUTURE... Chapitre 36 [4/8/2017]
«ตอบ #152 เมื่อ04-08-2017 20:12:19 »

Chapitre 36

   นี่ก็ผ่านมาอาทิตย์กว่าแล้วหลังจากที่ผมวอนให้พัฒน์ช่วยสืบเรื่องของเกลให้ แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีความคืบหน้าอะไรเข้ามาเลย ผมเองก็ไม่ได้ทักพัฒน์ไปเพราะเกรงว่าจะรบกวนมันมากเกินไป ตัวพัฒน์เองก็เงียบกริบ ไม่รู้ด้วยว่าจะลืมไปแล้วหรือยัง จะมีก็แต่ชัญญ่าที่คอยทักไลน์มาพูดคุยด้วย บ้างก็ถามเรื่องเก็ท บ้างก็ถามเรื่องที่ผมกำลังสืบว่าได้เรื่องไปถึงไหนแล้ว เธอได้แค่บอกว่าผมจริงๆ เธอก็พอรู้เรื่องอยู่บ้างนะ แต่เธอเองก็ยังไม่แน่ใจเท่าไร อีกอย่างเธออยากให้ผมลองหาทางด้วยตัวเองดูก่อน เพราะเธอให้เกียรติความเป็นส่วนตัวและความสัมพันธ์ของผม เธอจึงไม่อยากเข้ามาก้าวก่ายมาก แต่เธอจะค่อยๆ ช่วยเสริมถ้าได้เรื่องอะไรเพิ่มขึ้น

   ส่วนเรื่องเก็ทเมื่อวาน หลังจากแยกจากเก็ทไปผมก็รีบกลับหอทันที เป็นจังหวะเดียวกับที่ชัญญ่าทักไลน์มาถามว่าเก็ทได้อยู่กับผมหรือเปล่าพอดี ที่เธอทักมาเพราะว่ามันใกล้ถึงเวลานัด คือสองทุ่มครึ่งมากแล้ว และเธอเองก็มารออยู่ที่บ้านของเก็ทกว่าชั่วโมงแล้ว ผมเลยได้แต่บอกไปว่าเห็นเก็ทบอกว่าจะรีบไปซื้อของขวัญ แต่ไม่ได้บอกว่าผมไปด้วย แถมยังเอ่ยชวนผมไปร่วมโต๊ะอาหารอีกต่างหาก ถ้าผมปฏิเสธไม่ได้แล้วต้องไป ความซวยคงบังเกิดกับผมเป็นแน่แท้

    วันนี้ผมก็เป็นปกติเหมือนทุกๆ วันกับเก็ท ราวกับว่าไม่เคยมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น แต่ตอนที่เก็ทมารับก็ดูนิ่งๆ ขรึมๆ มากกว่าปกติ แต่หลังจากนั้นก็เริ่มกลับมาเป็นเหมือนเดิม เก็ทเองก็คงไม่ได้คิดอะไรเพราะกลับไปแล้วเจอชัญญ่า คงรู้สึกดีกว่าที่จะพาผมไปด้วย

   ติ๊ง!

   เสียงไลน์ผมดังขึ้นขณะที่กำลังนั่งอยู่บนอยู่รถของเก็ทเพื่อกลับหอ ก่อนที่ผมจะล้วงเข้าไปหยิบโทรศัพท์มือถือออกจากกระเป๋ากางเกง รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของผมทันทีที่เห็นว่าใครเป็นคนทักไลน์เข้ามา

   ‘ได้เรื่องแล้วนะ’

   เพียงข้อความสั้นๆ ที่แสดงอยู่บนหน้าจอทัชสกรีนนี้ที่ทำให้ผมยิ้มออก ก็เพราะคนที่ส่งเข้ามานั้นก็คือพัฒน์ และเรื่องที่พูดถึงนั้นก็คือเรื่องของผู้หญิงคนนั้น คนที่ชื่อเกล

   “ใครทักมาถึงยิ้มออกขนาดนั้น หรือกลับไปคืนดีกับปาร์คนั่นแล้ว” เก็ทเหล่มองท่าทางยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ของผมอย่างงงๆ

   “เปล่าๆ เพื่อนตอนมัธยมน่ะ พอดีมีเรื่องน่าดีใจนิดหน่อย” ผมตอบโดยไม่ได้หันกลับไปมองผู้ตั้งคำถาม แต่กำลังจดจ่ออยู่กับการปลดล็อคหน้าจอเพื่อเข้าโปรแกรมไลน์ในมือถือของตัวเอง

   เก็ทไม่ได้พูดอะไรต่อ และผมก็ไม่ได้หันไปใส่ใจ เพราะกำลังตื่นเต้นและจดจ่ออยู่กับสิ่งที่พัฒน์รู้ และกำลังจะบอกให้ผมรู้ด้วยเช่นกัน ผมรีบพิมพ์ถามกลับไปทันทีว่าได้เรื่องอะไรมา จังหวะการเต้นของหัวใจผมก็เร็วและแรงมากขึ้นทุกขณะ

   ‘พัฒน์ถามเพื่อนแฟนมาให้ ผู้หญิงคนนั้นชื่อเกล ฟร๊องก์รู้แล้วใช่ไหม’

   ‘อืมๆ รู้แล้ว ถามแล้วได้เรื่องยังไงมั้ง’

   ‘ก็ถามว่าเกลนั่นคบกับปาร์คหรือเปล่า เราเอารูปปาร์คให้แฟนแล้วก็เพื่อนแฟนดู เขาบอกว่าก็เคยเห็นไปกินข้าวด้วยกันครั้งหนึ่งนะ น่าจะเป็นวันที่ถ่ายรูปคู่นั้น แต่เพื่อนแฟนเราที่รู้จักกับเพื่อนในกลุ่มของเกล บอกว่าเกลกำลังตามจีบอีกคนอยู่นะ

   ‘ตามจีบอีกคน?’ ผมถามกลับไปด้วยความสงสัยอย่างเต็มประดา จะเป็นไปได้ไง ก็ในเมื่อเธอประกาศกร่าวกับผมขนาดนั้นว่าเธอกับปาร์คเป็นแฟนกัน คบกันอยู่ แถมยังมีท่าทางหึงหวงออกหน้าออกตาขนาดนั้นอีก แล้วจะตามจีบคนอื่นอยู่ได้ยังไง ผมเริ่มงงไปหมดแล้ว

   ‘อืม’ พัฒน์ตอบกลับมาเพียงสั้นๆ ยิ่งสร้างความไม่เข้าใจให้กับผม ตอนนี้ในหัวผมมันเต็มไปด้วยเครื่องหมายปรัศนีลอยเต็มไปหมด เรื่องราวมันเป็นยังไงกันแน่ ผมสับสนไปหมดแล้ว ก็ในเมื่อคบกับปาร์คอยู่ จะตามจีบอีกคนแบบออกหน้าออกตาเลยเหรอ อีกอย่างทั้งปาร์คและอีกคนจะไม่รู้เรื่องหรือระแคะระคายบ้างเลยเหรอ

   ‘แล้วพัฒน์รู้ไหมว่าคนที่เกลนั่นตามจีบเป็นใคร’ ผมถามต่ออย่างร้อนใจ แต่ดูเหมือนพัฒน์เองจะไม่ได้ใจร้อนอย่างผม เพราะเจ้าตัวยังไม่ได้เปิดอ่านข้อความเลย ทำให้ผมต้องส่งสติกเกอร์ไปอีกครั้งพร้อมทั้งเขย่ามืออย่างลุ้นๆ ไปด้วย และเป็นจังหวะเดียวกับที่รถเก็ทจอดสนิทที่ด้านหน้าของหอผมพอดี

   “อย่าลืมทำรายงานด้วยล่ะ ใกล้จะส่งแล้ว แล้วก็ใกล้สอบแล้วด้วย เรื่องอื่นอย่าเพิ่งไปสนใจมันมาก” เก็ทพูดขึ้นอีกครั้งก่อนที่ผมจะเปิดประตูลงจากรถ

   “อืม เจอกันวันจันทร์นะ” ผมบอกลาห้วนๆ ก่อนจะก้าวลงจากรถไป ใจผมจดจ่อรอคำตอบจากพัฒน์ ซึ่งก็ยังไม่ตอบกลับมาสักที ผมกะว่าถ้าขึ้นไปถึงห้องแล้วยังไม่ตอบ จะโทรถามให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย จะได้ไม่ต้องนั่งลุ้นให้เครียดแบบนี้

   แล้วผมก็ขึ้นมาถึงห้องโดยที่พัฒน์ยังไม่ได้ตอบกลับมา โอ้ย! มัวแต่ทำอะไรอยู่เนี่ย อยากรู้ใจจะขาดอยู่แล้ว ผมจัดการวางกระเป๋า วางหนังสือลงบนโต๊ะก่อนจะกดโทรออกหาพัฒน์แล้วล้มตัวลงนอนบนเตียงทันที

   [ฮัลโหลฟร๊องก์]

   “พัฒน์ เอ่อ... จะถามเรื่องในไลน์เมื่อกี้ต่ออ่ะ” ผมไม่รอช้าตัดเข้าประเด็นทันทีด้วยความร้อนใจ

   [โทษทีๆ พอดีเมื่อกี้แม่เรียกให้ไปดูหน้าร้านอ่ะ] พัฒน์ตอบกลับมา ผมจึงรู้เหตุที่เงียบหายไป บ้านวัฒน์เป็นร้านขายพวกวัสดุก่อสร้าง ท่อ เหล็ก บลาๆ อะไรพวกนั้นอ่ะครับ

   “อ๋อๆ แล้วฟร๊องก์โทรมารบกวนเปล่า” เห็นมันยุ่งๆ ผมเลยลดความกังวลลง

   [คุยได้ๆ รู้ว่าฟร๊องก์ร้อนใจ อยากรู้จะแย่แล้วสิท่าถึงได้โทรมาขนาดนี้] พัฒน์พูดติดตลกแซวผมเล็กน้อย ทำเอาผมแค่นหัวเราะเบาๆ พร้อมกับเกาหัวตัวเองอย่างอายๆ ทั้งที่ไม่ได้คุยกันซึ่งๆ หน้า

   “กะ... ก็เกริ่นมาขนาดนั้นแล้วนิ ว่าแต่พัฒน์รู้ไหมว่าคนที่ผู้หญิงคนนั้นตามจีบคือใคร”

   [รู้ แต่จริงๆ ที่หายไปนานเนี่ยเพราะกว่าเพื่อนในกลุ่มเกลจะยอมปริปากบอกก็นานอยู่เหมือนกัน พัฒน์รู้แล้วยังอึ้งเลย ไม่คิดว่าจะกล้าทำขนาดนี้]

   “อะไร ผู้หญิงคนนั้นทำอะไร ร้ายแรงมากเลยเหรอ” แต่ละคำตอบของพัฒน์ยิ่งทำให้ผมลุ้นมากขึ้นเรื่อยๆ เช่นเดียวกับหัวใจของผมที่เต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน พัฒน์เองก็เหมือนกำลังเล่นเกมสืบสวนสอบสวนกับผมเลย ค่อยๆ ปล่อยทีละนิดละหน่อย แต่เอาผมลุ้นฉี่แทบราดแล้วเนี่ย!

   [อย่าว่าพัฒน์นะ ถ้าจะด่าว่าผู้หญิงคนนี้โคตร ‘เลว’ เลย] เลวงั้นเหรอ ถึงขั้นผู้ชายเอ่ยปากด่าผู้หญิงว่าแล้ว แสดงว่ามันต้องเป็นเรื่องที่แย่มากๆ สิ่งที่ผู้หญิงคนนั้นทำต้องเลวร้ายมากๆ แล้วปาร์คล่ะจะไม่ยิ่งแย่กว่าเหรอ

   “เลวขนาดนั้นเลยเหรอ”

   [ไม่รู้นะ แต่คนที่ผู้หญิงคนนั้นกำลังตามจีบก็เป็นเพื่อนไอ้ปาร์คเหมือนกัน เพื่อนนักบาสที่สนิทกับปาร์คพอสมควรด้วยล่ะ] คำตอบของพัฒน์เล่นเอาผมอึ้ง และนิ่งไปชั่วขณะ ผมเข้าใจแล้วว่าทำไมพัฒน์ถึงออกปากด่าผู้หญิงขนาดนั้น เพราะสิ่งที่ผู้หญิงคนนั้นกำลังทำมันยิ่งกว่าคำว่า ‘เลว’ ธรรมดาซะอีก ผมไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาด่าซะด้วยซ้ำไป คบกับคนหนึ่งอยู่ แต่กลับตามจีบเพื่อนของแฟนตัวเอง แบบนี้ไม่เรียกว่าชั่วว่าเลวก็ไม่รู้จะเรียกว่าอะไรแล้วแหละ หรือจะให้หยาบกว่านี้คงต้องด่าผู้หญิงคนนี้ว่า ‘เหี้ย’ ก็คงไม่ผิดนักหรอก

   [ตอนแรกที่เพื่อนแฟนพัฒน์รู้ มันก็งงเหมือนกัน มันนึกว่าล้อเล่น ก็เลยลองแย็บๆ ถามต่ออีกว่าแล้วคนที่คบอยู่ ซึ่งก็หมายถึงปาร์คล่ะ พอคนที่มันถามหลุดปากออกมาแล้ว คราวนี้ก็ยาวเลย เพื่อนเกลคนนั้นบอกว่าที่เกลคบกับปาร์คด้วยจริงๆ ส่วนหนึ่งก็เพราะอยากจะเข้าเพื่อนปาร์คคนเนี่ยแหละ แต่เหมือนจะมีอะไรมากกว่านั้น แต่เพื่อนในกลุ่มเกลเองก็ไม่รู้เหมือนกัน บังเอิญไอ้ปาร์คมันหน้าตาดีแถมยังรวย ตรงสเปคด้วยไง อีกอย่างเพื่อนปาร์คคนนั้นมันค่อนข้างติสต์สำหรับคนที่ไม่รู้จัก เลยเข้าทางปาร์คก่อน ติดที่ปาร์คมันคงดูแลค่อนข้างดีด้วยมั้งก็เลยไม่ปล่อยง่ายๆ เลย คบซ้อนพร้อมกับตามจีบอีกคนไปเลย เห็นแฟนเพื่อนบอกว่าเกลมีของใหม่ๆ มาอวดเพื่อนหลายอย่างเลย ปาร์คคงซื้อให้ แถมยังได้ยินมาว่าบางทียังให้เงินด้วยซ้ำเวลาที่เกลเอ่ยปากว่าไม่มี แต่พัฒน์เองก็ยังนับถือนะ ว่าสับรางโคตรเก่งเลย]

   “และ... แล้วปาร์คไม่รู้หรือไม่ระแคะระคายบ้างเลยเหรอ”

   [ดูเหมือนว่าจะไม่เลยนะ อย่างที่พัฒน์บอกว่าสับรางเก่งมากๆ หรือจะเป็นเพราะไอ้ปาร์คกับเพื่อนมันโง่ด้วยก็ไม่รู้นะ ถึงไม่รู้อะไรบ้างเลย เพื่อนใกล้ตัวกันเองแท้ๆ] นั่นสิ ที่พัฒน์พูดมาก็ถูก เพื่อนใกล้ตัวปาร์คแท้ๆ แต่กลับไม่รู้สึกแปลกใจหรือเอะใจบ้างเลยเหรอ ผู้หญิงคนนั้นจะแสดงละครตบตาปาร์คได้เนียนขนาดนั้นเลยเหรอ หรือว่าตัวปาร์ครักผู้หญิงคนนั้นมากจนมองข้ามสิ่งรอบตัวไปกันแน่ ข้อนี้ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน

   “แล้วพัฒน์รู้ไหมว่าเพื่อนปาร์คคนนั้นเป็นใคร ชื่ออะไร” มาถึงตรงนี้ ถ้าผมได้ข้อมูลของผู้ชายคนนั้นมา เดี๋ยวผมดำเนินการต่อเองก็ได้ จะได้ไม่เป็นการรบกวนพัฒน์มากนัก

   [มันชื่อดิน เป็นเพื่อนของเพื่อนพัฒน์เนี่ยล่ะ เล่นบาสด้วยกันกับไอ้ปาร์ค เรียนวิศวะเหมือนกับพัฒน์ แต่อยู่คนละสาขา พัฒน์เองก็พอรู้จักนะ แต่ก็ไม่ได้สนิทเท่าไร] โลกกลมจนแทบไม่ไปไหนเลยเนอะ มันก็เพื่อนของเพื่อนผมทั้งนั้นเลย แม้จะไม่ได้รู้จักกับเขาด้วย แต่มันก็คงไม่ยากนักที่จะตามเรื่อง รู้มาถึงขนาดนี้แล้วก็เหลือแค่หาหลักฐานไปให้ปาร์คเห็นธาตุแท้ของผู้หญิงเลวๆ คนนั้นแค่นั้นเอง

   “พอมีทางติดต่อได้ไหม”

   [พัฒน์ไม่มีเบอร์มันว่ะ แต่ถ้าเข้าไปถามโต้งๆ เลยพัฒน์ว่ามันอาจจะไม่บอกนะ คงงงๆ มากกว่าว่าฟร๊องก์เป็นใคร อีกอย่างเรื่องที่เกลคบกับปาร์คก็ดูเหมือนดินมันก็ไม่รู้เหมือนกัน เอาง่ายๆ คือต่างฝ่ายต่างไม่รู้ว่าตัวเองโดนหลอกอ่ะ]

   “งั้นจะทำยังไงดีอ่ะ รู้ขนาดนี้แล้วจะปล่อยไว้แบบนี้อ่ะเหรอ” ผมถามด้วยน้ำเสียงเป็นกังวลอย่างไม่ปกปิด ทั้งที่ปาร์คทำกับผมไว้ก่อนหน้านี้อย่างไม่น่าให้อภัย แต่แค่ชัญญ่าบอกผมว่าผู้หญิงคนนั้นหลอกปาร์คโดยที่ยังไม่รู้ตื้อลึกหนาบาง ผมก็แทบเป็นแทบตายเพราะเป็นห่วงปาร์คจนลืมสิ่งที่ปาร์คทำไว้กับผมเลย แล้วยิ่งได้มารู้ความจริงแบบนี้ จะให้ผมยอมปล่อยไปง่ายๆ ผมทำไม่ได้หรอก ผมปล่อยให้คนเลวๆ แบบนั้นลอยนวลมาทำร้ายคนที่ผมรักไว้เฉยๆ ไม่ได้!

   [เอาแบบนี้ไหม ลองสะกดรอยตามเวลาที่เกลไปกับดินดูดิ] พัฒน์เงียบไปสักครูก่อนจะเสนอความคิดที่น่าสนใจขึ้นมา แต่ปัญหาก็คือ ผมจะตามยังไง แล้วจะรู้ได้ยังไงว่าผู้หญิงคนนั้นไปหาคนชื่อดินหรือเปล่า

   “แล้วเราจะรู้ได้ไงว่าเกลไปหาคนชื่อดินไม่ใช่ปาร์ค”

   [อืม... คิดไม่ออกเหมือนกันอ่ะ] นั่นสิ ผมเองก็คิดไม่ออกเหมือนกัน วิธีที่พัฒน์เสนอถือเป็นวิธีที่ดีนะครับ ถ้าเราตามไปให้เห็นกับตาได้ว่าเธอกำลังคบซ้อนจริงๆ จะได้มีหลักฐานไปแสดงกับปาร์คด้วยว่ามันเป็นเรื่องจริง ไม่ใช่แค่เรื่องที่ผมแต่งขึ้นมา

   “ทำไงดีอ่ะ เราก็คิดไม่ออก” ผมถอนหายใจอย่างเซ็งๆ อุตส่าห์รู้ได้ขนาดนี้แล้วแท้ๆ แต่ดันมาตันเอาเรื่องวิธีปฏิบัติจริง จะให้ตามไปมั่วๆ ก็มีหวังว่าฝ่ายนั้นจะรู้ตัวซะก่อน แล้วแผนจะพัง ทีนี้แหละ อย่าหวังแค่จะตามสืบเลย แค่ล้วงข้อมูลต่อไปยังยาก เผลอๆ ผมอาจจะไม่สามารถแก้ไขอะไรได้เลย แน่นอนว่าผมไม่อยากให้เป็นแบบนั้น ดังนั้นเวลาวางแผนจะต้องรัดกุมมากที่สุด แค่นี้เราก็เสี่ยงแล้วที่เลือกไปถามเพื่อนในกลุ่มของเกลโดยตรง

   แต่คงไม่มีปัญหาหรอก เพราะเพื่อนของแฟนพัฒน์นั้นก็ไม่ได้รู้จักกับผม มันห่างไกลกันมากจนยากที่จะสาวมาถึงตัวผมได้ ฉะนั้นประเด็นนั้นน่าจะสบายใจได้ แต่การจะหาหลักฐานนี่แหละที่สำคัญ ถ้าขั้นตอนนี้พัง ไม่เพียงอีกฝ่ายจะรู้ตัว แต่ความพยายามทั้งหมดที่ทำมาก็จะเสียเปล่า พร้อมทั้งเสียใจด้วยเช่นกัน

   [...] ปลายสายยังคงเงียบอยู่ สงสัยจะคิดไม่ออกจริงๆ ผมยังไม่อยากมาถึงทางตันแค่ตรงนี้หรอกนะ!

   “เพื่อนพัฒน์ที่สนิทๆ กับคนชื่อดินนี่จะพอรู้บ้างไหม” ถ้าอาศัยถามเอาจากเพื่อนพัฒน์อาจจะพอรู้ก็ได้นะว่าสองคนนั้นจะนัดกันหรือเปล่า หรืออย่างน้อยอาจจะพอรู้ว่าดินมีแพลนหรือมีนัดจะไปเที่ยวไหนบ้างหรือเปล่า

   [เดี๋ยวพัฒน์ลองถามดูให้แล้วกันนะ แต่ตอนนี้คิดไม่ออกจริงๆ ว่าจะเอายังไง]

   “ไม่เป็นไร แค่นี้พัฒน์ก็ช่วยได้เยอะแล้ว เยอะมากเลยแหละที่เอาเรื่องชั่วๆ ของผู้หญิงคนนั้นมาบอกให้ฟร๊องก์รู้ ลองถามๆ เพื่อนพัฒน์อาจจะได้เรื่องบ้างแหละ อย่างน้อยให้รู้ว่าดินนั่นมีนัดที่ไหน ถ้าเราลองตามไปอาจจะเจอแจ็คพอตก็ได้ใครจะไปรู้” ผมพูดเข้าข้างตัวเอง แต่มันก็ไม่แน่หรอก อะไรก็เกิดขึ้นได้ โชคมักจะเข้าข้างคนดี คนที่ทำถูกต้องเสมอแหละ บางทีคนเลวๆ ก็ต้องได้ผลกรรมที่ทำ

   [โอเค ถ้าได้ความคืบหน้ายังไงเดี๋ยวจะรีบมาบอกเลย ตื่นเต้นดีเหมือนกัน แล้วก็ไม่อยากให้ไอ้ปาร์คมันโดนหลอกด้วยแหละ ยังไงก็เพื่อนกัน]

   “ขอบใจนะพัฒน์ งั้นแค่นี้ก่อนก็ได้ รบกวนพัฒน์มานานและ” ผมวางก่อนจะวางสายไป แต่ในใจก็ภาวนาให้ได้ความคืบหน้าเร็วๆ ผมไม่อยากปล่อยไว้นาน ใจจริงอยากจะกดโทรศัพท์ออกไปบอกความจริงกับปาร์คเลยด้วยซ้ำ แต่ตัวผมเองก็ยังไม่พร้อมจะคุยกับปาร์คเหมือนกัน คงต้องปล่อยให้ทุกอย่างมันพร้อมมากกว่านี้ก่อน รวบรวมหลักฐานมาทีเดียวเลย ผู้หญิงคนนั้นจะได้ดิ้นไม่หลุด

**********__________**********

   ผมกลับมาถึงบ้านประมาณสามทุ่มเศษๆ ที่ช้าเพราะกว่าจะคุยโทรศัพท์กับพัฒน์เสร็จก็ใช้เวลานานแล้ว แถมยังต้องเก็บของใช้ที่จำเป็นกลับมาอีก รวมทั้งเซฟไฟล์งานฝรั่งเศสพร้อมกับแบกดิกเล่มหนากลับมาอีกต่างหาก แต่ดีหน่อยที่ผมอาบน้ำมาจากหอเลย กะว่ากลับมาถึงบ้านแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างเดียวแล้วนอน ฮ่าๆ สบายไปอีก แต่ก็พูดไปงั้นแหละครับ จริงๆ ผมนอนไม่หลับหรอก เพราะในหัวมันคิดอยู่แต่วิธีหาหลักฐานให้ปาร์คจับเกลได้คาหนังคาเขา

   ติ๊ด! ติ๊ด!

   เสียงโทรศัพท์มือถือของผมดังขึ้นในช่วงเที่ยงวัน ขณะที่ผมกำลังจะตักข้าวเข้าปากอยู่พอดิบพอดี ใครมันช่างโทรมาขัดขวางความความสุขน้อยๆ ของข้าพเจ้าเนี่ย!

   “ฮัลโหล ได้เรื่องแล้วเหรอ” ผมแทบจะทิ้งจานข้าวที่ยังกินไม่หมดไปเลยเมื่อเห็นว่าใครโทรเข้ามา พัฒน์ได้เรื่องไวขนาดนั้นเลยเหรอ ผมเองก็ไม่อยากจะเชื่อเพราะเพิ่งผ่านไปไม่ถึงวันด้วยซ้ำ

   [ก็น่าจะได้มั้ง ว่าแต่เย็นนี้ว่างเปล่า] พัฒน์ทำเสียงกวนๆ กลับมา

   “เย็นนี้เหรอ ก็ไม่มีธุระอะไรนะ ทำไมอ่ะ”

   [ดีเลย จะได้ตามไปดูไอ้ดินมันกัน] หูผมผึ่งทันทีที่ได้ยินชื่อของบุคคลที่สาม

   “กี่โมง ที่ไหน คนชื่อดินนั่นนัดกับเกลเหรอ” ผมรีบรัวคำถามกลับไปอย่างรวดเร็ว เหมือนกลัวว่าพัฒน์จะวางสายไปซะก่อน

   [ใจเย็นนน... ฮ่าๆ เห็นว่าหลังเลิกเรียนมันจะไปร้าน... นะ]

   “แล้วพัฒน์รู้ได้ไงอ่ะว่าจะไปกับเกล”

   [ก็วันนี้พัฒน์ทำเนียนชวนเพื่อนไปกินข้าวกับกลุ่มไอ้ดินมันอ่ะ พอดีเพื่อนในสาขาพัฒน์มันสนิทกับไอ้ดิน เล่นบาสด้วยกันบ่อย เลยลองชวนๆ ดู] พัฒน์นี่ก็ฉลาดเหมือนกันนะ แถมยังเจ้าเล่ห์อีกต่างหาก แอบกลัวมันเล็กน้อย ถ้ามันเกิดคิดแผนจะหักหลังผมขึ้นมา (คิดไปเองนะ)

   “แล้วอยู่ๆ บอกเพื่อนว่าอยากไปกินข้าวกับดินนี่เพื่อนไม่งงเหรอ ไม่คิดว่าพัฒน์เป็นเกย์หรือไง”

   [มันก็ต้องมีข้ออ้างมั้งดิ ใครจะบอกตรงๆ ล่ะ อย่าซื่อ... ดิ]

   “หลอกด่าเราทำไม!”

   [ฮ่าๆ รู้ทันด้วย เข้าเรื่องๆ พัฒน์ก็บอกว่าอยากถามๆ ไอ้ดินมันเรื่องบาสอ่ะ เพื่อนก็ไม่ได้สงสัยอะไรนะ ปกติก็มีเจอกัน ไปกินข้าวกันเป็นกลุ่มๆ กันบ้างอยู่แล้ว ผู้ชายก็แบบเนี่ยล่ะ เข้ากันง่าย] คงจะจริงอย่างพัฒน์บอกแหละ ผู้ชายถ้ามีเรื่องชอบเหมือนกัน คุยกันถูกคอก็เป็นเพื่อนกันได้หมดแหละ แต่ว่าไปไอ้พัฒน์นี่มันก็เจ้าแผนการเหมือนกันนะเนี่ย แคมป์มันแนะนำได้ถูกคนจริงๆ ช่วยให้ผมไม่ต้องเหนื่อยมากเท่าไร

   “เจ้าเล่ห์ว่ะ” ผมแกล้งแซวมัน

   [คุยไปคุยมาเลยแกล้งๆ ถามว่าตอนเย็นว่างไหม กะจะชวนไปเล่นบาสด้วย เลยเจอแจ็กพอตพอดี มันบอกมันมีนัดแล้ว เพื่อนมันเลยร่วมแซว พัฒน์เลยรู้ว่ามันไปกับเกล แล้วก็รู้ว่าไปที่ไหน]

   “เยี่ยมไปเลย!”

   [ว่าไง สรุปว่างเปล่าเนี่ย อุตส่าห์ไปล้วงข้อมูลมาให้ล่ะนะ]

   “ว่างๆ ก็บอกไปแล้วว่าไม่ได้ติดอะไร”

   [นี่อยู่มอหรืออยู่บ้าน]

   “อยู่บ้านๆ ว่าแต่ร้านนั้นมันอยู่แถวไหนอ่ะ” ผมถามไป ร้านที่ดินบอกว่าจะไปผมไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อนเลยไม่รู้ว่ามันอยู่ที่ไหน ถ้าให้หาเองเกรงว่ามันจะเสียเวลาและไม่ทันการเอา

   [อยู่ไม่ไกลจากมอพัฒน์เท่าไรอ่ะ แต่ไม่ค่อยมีใครรู้จักหรอก ร้านมันเล็กๆ เงียบๆ อยู่ในซอยอีกต่างหาก ไม่แปลกหรอกที่ไม่รู้ ขนาดคนในมอยังไม่ค่อยรู้เลย นัดกันที่นั่นคงคิดว่าปาร์คคงไม่บังเอิญไปเจอล่ะมั้ง ส่วนใหญ่ร้านนั้นมีแต่เด็กวิศวะ] ผู้หญิงคนนี้ก็รอบคอบอยู่เหมือนกันนะ ดังนั้นผมต้องระวังตัวให้มากๆ ต้องไม่ให้เธอจับได้โดยเด็ดขาด แต่ผมก็ยังสงสัยนะ ทั้งที่ดินรู้จักกับปาร์ค เพื่อนๆ ของดินเองก็ต้องพอรู้จักบ้างสิ แต่ไม่เคยเห็นเลยเหรอว่าผู้หญิงคนที่กำลังตามจีบตัวเองหรือเพื่อนตัวเองกำลังคบอยู่กับอีกคน

   “แล้วฟร๊องก์จะไปถูกไหมเนี่ย” แค่ที่พัฒน์พูดมาก็งงแล้ว ร้านเล็ก แถมยังอยู่ในซอกในซอยอีกต่างหาก

   [ก็เดี๋ยวไปรับไง เดี๋ยวบ่ายสามเลิกเรียน จะไปรับ ไม่เกินสี่โมงอ่ะ เตรียมตัวไว้เลย พัฒน์ไม่รู้เหมือนกันว่าดินมันนัดไว้กี่โมง มันบอกแค่ว่าหลังเลิกเรียน แต่คงจะเย็นๆ ล่ะมั้ง] แล้วถ้าดินเลิกเรียนก่อนพัฒน์ล่ะ แต่ต้องลองดูก่อนสักตั้ง เผื่อจะได้เห็น ได้หลักฐานอะไรเด็ดๆ มา

   “โอเค ตามนั้น” ผมตอบตกลง ก่อนจะวางสายไป จากนั้นก็นั่งรอเวลาที่จะได้เห็นความจริง ได้เก็บหลักฐานชิ้นเด็ดที่จะช่วยให้ปาร์คตาสว่างขึ้น

   หลังจากที่อาบน้ำแต่งตัวเสร็จ ผมไม่ลืมสวมหมวกและแว่นสายตาที่ผมจะเฉพาะเวลาเล่นคอมพ์ฯ และเวลาไปเรียนในบางครั้ง (ผมสายตาสั้นครับ แต่ไม่มาก จึงไม่ค่อยมีใครเห็นผมเวลาใส่แว่นสักเท่าไร) เพื่อพรางตัวเองไว้ด้วย ก่อนที่พัฒน์จะมารับในเวลาประมาณบ่ายสามโมงกว่าๆ จากนั้นเราสองคนก็รีบตรงไปยังร้านที่เป็นสถานที่นัดแนะของทั้งสองคนนั้นทันที

   มาถึงร้านผมก็รีบมองหาผู้หญิงที่ชื่อเกลนั่นก่อนเลยครับ จะได้รู้ว่ามาแล้วหรือยัง นั่งตรงไหน และจะได้ระวังตัวเองด้วย แต่กวาดสายตามองจนทั่วร้านก็ไม่พบกับคนที่กำลังมองหา แสดงว่ายังไม่มา ร้านที่มาถึงเป็นร้านอาหารสไตล์สบายๆ เป็นกันเอง ตัวร้านไม่กว้างมากนัก แถมยังมีจำนวนโต๊ะไม่เยอะ แต่แต่ละโต๊ะมีความเป็นส่วนตัวอยู่พอสมควร ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมผู้หญิงคนนั้นถึงนัดมาร้านแบบนี้ เพราะนอกจากจะไม่เป็นที่รู้จักเท่าไรแล้ว เข้ามาในร้านยังค่อนข้างส่วนตัวยากต่อการสังเกตด้วย

   ผมกับพัฒน์เลือกนั่งรอในโต๊ะด้านในสุดของร้าน ซึ่งเป็นมุมอับตรงข้ามกับประตูทางออกไปห้องน้ำพอดี แต่โต๊ะนี้สามารถมองเห็นได้เกือบทั่วทั้งร้าน ดังนั้นจึงเหมาะสำหรับการซุ้มมองเป็นอย่างดี

   นั่งสั่งอะไรมากินกันสักพัก ร่างของคนที่ตามหาก็ปรากฏตัวพร้อมกับผู้ชายหน้าตาดี ผิวขาว ตัวสูง ดวงตาถูกอำพรางไว้ด้วยแว่นวินเทจทรงกลม ผมหยักศกบางๆ สีน้ำตาลทองถูกเซ็ตมาเป็นทรงเซอร์ๆ ด้วยความตั้งใจ อยู่ในชุดนักศึกษาพร้อมสะพายกระเป๋าผ้าชื่อดัง ดูๆ แล้วคนละแนวกับปาร์คเลย ผมมองตามสองคนนั้นซึ่งเลือกเข้ามานั่งโต๊ะที่อยู่ถัดจากผมไปอีกสองโต๊ะ ดูท่าทางเกลจะเขินๆ คนที่ชื่อดินนั่นจนไม่ได้สังเกตเลยว่ามีผมแอบมองอยู่ ส่วนตัวผู้ชายดูนิ่งๆ หน่อย แต่ก็แอบเกาหัวด้วยความเขินเล็กๆ เหมือนกัน ตัวผู้ชายอาจจะดูใสซื่อจริงๆ นะ แต่ตัวผู้หญิงนี่ผมอยากจะเดินไปกระชากหน้ากากแล้วบอกว่าเลิกแอ๊บได้แล้ว เห็นแล้วจะอ้วก เพราะเธอไม่ได้เหมาะกับลุคใสซื่อบริสุทธิ์เลยสักนิดเดียว

   ผมกับเกลนั่งฝั่งตรงข้ามกัน ซึ่งก็ทำให้ผมเห็นหน้าเธอได้ชัด แต่เช่นเดียวกัน ผมก็เสี่ยงที่จะถูกเธอสังเกตเห็นได้เช่นกัน แต่เหมือนเธอก็ไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้าง เพราะเธอจดจ่ออยู่กับการเอาใจคนชื่อดินนั่นอย่างเดียว มีจับไม้จับมือด้วย จริงๆ ผมตั้งใจจะถ่ายรูปเก็บไว้เป็นหลักฐาน แต่ลองถ่ายจากตรงนี้มันแทบไม่เห็นผู้ชายเลย จะถ่ายติดก็แต่เกลคนเดียว ซึ่งถ้าเป็นหลักฐาน เขาก็จะบอกว่ามันไม่หนักแน่นมากพอที่จะมัดตัวให้ดิ้นไม่หลุดได้

   พัฒน์กับผมได้แต่นั่งสังเกตทั้งคู่เป็นระยะๆ ผมทำได้แค่นั่งดูทั้งสองคนตั้งแต่สั่งอาหารจนตอนนี้อิ่มกันแล้ว และที่เห็นก็คือเกลเป็นคนอาสาจะจ่ายเงินสำหรับอาหารมื้อนี้เอง เพราะขณะที่ดินกำลังจะหยิบธนบัตรจากในกระเป๋าสตางค์มา มือของเกลกลับเอื้อมไปจับซะก่อน ผมว่าเป็นจังหวะที่ดีที่จะเก็บหลักฐาน ดังนั้นจึงรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปทันที แต่ยังไม่ทันได้กดชัตเตอร์ เกลดันหันมาเห็นผมซะก่อน ท่าทางของเธอดูตกใจไม่น้อยซึ่งก็ไม่ต่างจากผม เพราะเธอรีบชักมือกลับไปแล้ววางเงินของตัวเองลงกับถาดรับเงินแล้วรีบชวนอีกฝ่ายออกนอกร้านไปทันที

   เมื่อเกลเดินออกจากร้านไป พัฒน์ก็เรียกสติผมกลับมา ผมตกใจเหมือนกันเพราะคิดว่าเธอจะเห็น นั่งดูมาได้ตั้งนานแล้วแต่กลับมาตายเอาตอนจบ หลักฐานก็ไม่ได้ แถมเจ้าตัวยังรู้ตัวแล้วซะด้วย ต่อจากนี้ไปเกลคงระวังตัวมากขึ้นกว่าเดิม แล้วทีนี้ผมจะแอบตามไปยังสถานที่ต่างๆ แบบนี้อีกไม่ได้แล้ว โอ้ย! แล้วผมจะทำยังไงต่อไปดี

   “เรากลับกันก่อนดีกว่า ป่านนี้สองคนนั้นคงกลับไปแล้ว” พัฒน์เอ่ยชวนก่อนที่จะเรียกคิดเงิน

   “โอ้ย! ฟร๊องก์พลาดเอง อีกนิดเดียวก็จะสำเร็จอยู่แล้ว อีกนิดเดียวก็จะได้หลักฐานชิ้นสำคัญมากแล้วเชียว!” ผมบ่นอย่างเสียดายขณะที่เดินออกมาจากร้าน และหงุดหงิดตัวเองที่ประมาทไป ทั้งที่พยายามพรางตัวแล้วนะ แต่ดูจากสายตาอึ้งๆ และท่าทางรีบร้อนของผู้หญิงคนนั้น ผมคิดว่าเธอจำผมได้อย่างแน่นอน

   “เอาไว้คราวหน้าก็ได้ วันพระไม่ได้มีหนเดียว” พัฒน์ตบบ่าผมอย่างให้กำลังใจ คราวหน้าเหรอ มันจะมีอีกหรือเปล่าเถอะ วันพระสำหรับผมมันหมดไปแล้วเมื่อกี้

   “อ้ะ... อื้ม...”

   “ไง?” ยังไม่ทันพูดจบก็มีเสียงแทรกขึ้น ทำให้ผมกับพัฒน์หันควับไปมองทางต้นเสียงทันที ก่อนที่จะพบกับ... ใครบางคนที่ทำให้วันนี้ของผมเป็นวันซวยสมบูรณ์แบบ


à suivre...


กลับมาแล้วฮะ หายไปหลายวันอีกตามเคย ปั่นงานอื่นอยู่  :mew2:

เข้าประเด็นนะฮะ หลายคนวิพากษ์วิจารณ์เรื่องการอมพะนำของฟร๊องก์กับเก็ท
อย่างที่คุณ Grey Twilight บอกฮะ เก็ทอ่ะเป็นด้วยพื้นฐานนิสัย ที่เย็นชาอยู่แล้ว
ส่วนตัวฟร๊องก์เอง เท่าที่เรื่องดำเนินมาจนถึงตอนนี้ นิสัยของฟร๊องก์ชัดเจนมากว่าเป็นคนที่ปากหนัก และกลัวจนเกินไป
ด้วยความที่ไม่กล้าพูดความรู้สึกจริงๆ ของตัวเองออกไป เพราะกลัวว่าคนที่ได้ฟังจะรู้สึกต่างๆ
อันนี้เป็นพื้นฐานนิสัยของตัวฟร๊องก์เอง

ส่วนในเรื่องของการที่ฟร๊องก์เปิดใจให้กับทาร์ต ส่วนหนึ่งเป็นเพราะทาร์ตไม่มีสถานะที่ก่ำกึ่ง
ทาร์ตแสดงออกชัดเจนตั้งแต่แรกว่าต้องการจีบฟร๊องก์ ซึ่งตัวฟร๊องก์ที่กำลังมีปัญหา เมื่อมีคนที่ทำให้รู้สึกดีเข้ามา ก็ย่อมใจอ่อน
ต่างจากเก็ทที่สถานะชัดเจนว่าเป็นเพื่อน ตรงนี้เราวางเรื่องไว้คือจริงๆ แล้วฟร๊องก์อาจจะหวั่นไหวกับรูปลักษณ์ของเก็ทอยู่บ้าง
แต่ลึกๆ ฟร๊องก์ไม่ได้รู้สึกพิเศษกับเก็ท เกินกว่าความเป็นเพื่อนที่ไว้ใจมากๆ (เราวางให้มันเป็นแบบนั้น)
ส่วนตัวเก็ทจะเป็นอย่างไร เราอยากให้รอดูต่อ

กลับมาที่ปาร์ค ก็ไม่รู้จะพูดอะไรถึงนาง 5555+
เอาเป็นว่าปล่อยให้นางอยู่ในที่ของนางก่อนแล้วกัน  :laugh:


มาลงตอนใหม่คราวนี้ เราบอกตรงๆ เลยว่าอ่านทุกคอมเม้นต์แล้วเรารู้สึกดีมาก
ขำทุกครั้งที่ได้อ่านบทกวีของคุณ broke-back ได้ข้อคิดจากคุณ pk คุณ fuku คุณ Jibbubu รวมทั้งของคนอื่นๆ ก่อนหน้า
และที่มาเต็มทุกครั้งที่ได้อ่านก็คือคุณ Grey Twilight ที่ทำให้เราเกิดไอเดียใหม่ๆ เสมอ
ขอบคุณมากจริงๆ ที่ทำให้ความรู้สึกดีๆ เกิดขึ้นในใจเรา


จนกว่าจะพบกันใหม่ จุ๊บ  :mew1:

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
น่าเสียดายอีกนิดก็จะได้หลักฐานมาแล้วแท้ๆ แต่ความจริงน่าจะชวนปาร์คมาด้วยเลยมากกว่าไม่ต้องให้ฟร๊อกซ์ชวนเองแต่ให้เพื่อนคนอื่นชวนแทนจะได้เห็นกับตาไปเลยว่าผู้หญิงคนนี้มันเลวยังไงจะได้เลิกโง่ซะที แต่เราไมสนัลสนุนให้ฟร๊อกซ์กลับมาคบกับปาร์คอีกนะ เราว่าทั้งคู่เหมาะกับสถานะเพื่อนมากกว่าคนรัก

ออฟไลน์ oilzaza001

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 619
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
อ่านตอนนี้แล้วได้แต่ร้องว่า เฮ้อออ กับฟร็อง ทำเพื่อเค้าขนาดนี้ สิ่งที่ได้รับตอบแทนมาคือไร ไม่จำเล้ยยย

ออฟไลน์ PorschePor

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-0
from PAST to FUTURE... Chapitre 37 [9/8/2017]
«ตอบ #155 เมื่อ09-08-2017 17:34:23 »

Chapitre 37

   “ไง?” เสียงทักทายอย่างกวนๆ ของคนที่ผมคิดว่ากลับไปแล้วดังขึ้น ก่อนที่ร่างอรชรอ้อนแอ้นจะเดินมาดักหน้าผมกับพัฒน์ไว้ หลังจากที่ผมเดินออกมาจากร้านอาหารได้เพียงไม่กี่ก้าว พร้อมกับมองเหยียดผมกับพัฒน์ “ผัวใหม่เหรอ? อ๋อไม่สิ เด็กในสต็อกของตุ๊ดร่านอย่างแกสินะ”

   “ไม่เกี่ยวกับเธอ ถอย!” ผมพูดอย่างไม่สบอารมณ์ ก่อนจะเดินเลี่ยงไปอีกฝั่ง แต่เกลก็ก้าวมาขวางผมเอาไว้อีกครั้งก่อนจะออกแรงผลักผมที่หัวไหล่อย่างรุนแรงจนผมเองก็เซไปเหมือนกัน ดีที่ว่ามีพัฒน์ที่ยืนอยู่ด้านหลังรับตัวผมเอาไว้ผมจึงไม่ล้มลงไป
 
   “จะไม่เกี่ยวได้ไง! แกคิดจะทำอะไร ตามฉันมาที่นี่ทำไม!” ผู้หญิงที่เพิ่งผลักผมอย่างแรงเอ่ยถามผมด้วยเสียงดังจนแทบจะเหมือนการตวาด พร้อมกับจ้องผมราวกับจะหักกระดูกของผมออกมาแทะเล่นก็ไม่ปาน

   “ฉันเนี่ยนะที่ตามเธอมา เข้าใจผิดหรือเปล่า ฉันกับ ‘เพื่อน’ มาที่นี่ก่อนเธอด้วยซ้ำ อ๋อ... อีกอย่างนะ ถ้าไม่ได้ทำอะไรผิด หรือทำอะไรไม่ดี จะต้องกลัวทำไม จริงไหม?” ผมกระตุกยิ้มเล็กๆ ที่มุมปากก่อนจะเลิกคิ้วถามคนตรงหน้าอย่างยั่วอวัยวะเบื้องล่าง ก่อนจะหันไปถามความเห็นจากคนที่มาด้วยกันกับผม ซึ่งก็แอบหัวเราะในลำคอเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้าเห็นด้วยกับผม พัฒน์นี่มันใช้ได้จริงๆ ฮ่าๆ ร้ายไม่เบาเหมือนกันนะ

   “ก็เห็นอยู่ว่าแกถ่ายรูปฉัน! ไหนโทรศัพท์นั่นอยู่ไหน เอามานี่เลยนะ!” เกลพุ่งเข้ามาหาเรื่องผมอย่างบ้าคลั่ง และพยายามจะล้วงเอาโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกงของผม

   “นี่! หยุดบ้าก่อนที่ฉันจะแจ้งความข้อหาทำร้ายร่างกายและจงใจทำลายทรัพย์สินของผู้อื่น หมิ่นประมาทอีกข้อหาด้วยก็ได้นะ!” ผมผลักคนที่ดิ้นอย่างเสียสติออกมาเต็มแรงจนเธอแทบล้มทั้งยืน ขณะที่พัฒน์เองก็คว้าไหล่ทั้งสองข้างของผมก่อนจะดึงให้ไปอยู่ข้างตัว ตอนนี้เหมือนพัฒน์กำลังโอบผมอยู่นิดๆ แต่จริงๆ มันคงกันผมไม่ให้โดนผู้หญิงบ้าตรงหน้าทำร้ายมากกว่า

   “แก!!” เกลจ้องหน้าผมอย่างเดือดดาล แต่ก็ไม่กล้าพุ่งเข้ามาแบบเมื่อกี้ เพราะคนที่ยืนอยู่ข้างๆ ผมก็ตัวใหญ่อยู่พอสมควร ไม่รู้ว่าผมบอกไปหรือยัง พัฒน์เองก็ตัวสูงเหมือนกันครับ สูงกว่าปาร์คอีก แต่ตัวค่อนข้างจะบางกว่า คือเป็นคนสูงโปร่ง แต่ตัวบางไม่ได้แปลว่าตัวเล็กนะ เพราะพัฒน์เป็นคนที่โครงร่างใหญ่และช่วงไหล่กว้าง ถ้ากับตัวผมยังถือว่าใหญ่ แล้วถ้ายิ่งเทียบกับเกลด้วยก็นะ ถ้าเธอเข้ามาแล้วพัฒน์ไม่ยั้งมือก็ช่วยไม่ได้เหมือนกัน ดีไม่ดีผมจะเข้าไปซ้ำด้วย!

   “ทำไม! ถ้าไม่ได้ทำอะไรไม่ดีจะกลัวทำไม! หึ! เว้นแต่ว่าจะแอบมาพลอดรักผู้ชายอื่นทั้งที่ตัวเองก็มีแฟนอยู่แล้ว!!” ผมตอกกลับด้วยน้ำเสียงฉุนเฉียวเช่นกัน อยากจะรู้เหมือนกันว่าหล่อนจะแก้ตัวอย่างไร ในเมื่อผมกับพัฒน์เห็นเต็มๆ แบบคาหนังคาเขาแบบนี้ เพียงแต่ผมยังไม่สามารถเก็บหลักฐานได้ แต่อย่างน้อยตอนนี้เธอก็เข้าใจผิดว่าผมได้ถ่ายรูปเธอเอาไว้แล้ว ดังนั้นผมกำลังถือไพ่เหนือกว่า และต้องใช้จุดนี้เป็นข้อต่อรอง

   “ฉันมากับเพื่อน ทะ... ทำไม จะไปบอกปาร์คหรือไง คิดว่าปาร์คเขาจะเชื่อเหรอ ปาร์คเขารักฉัน เขาไม่ได้รักแก!” เกลปฏิเสธด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ พูดตะกุกตะกักแบบนี้ใครเชื่อก็โง่แล้ว

   “ลืมไปแล้วเหรอว่าฉันมีหลักฐานอยู่” ผมหยิบโทรศัพท์ออกมาโชว์ให้อีกฝ่ายเห็นพร้อมกับเบ้ปากด้วยความหมั่นไส้ ผมทำเป็นมั่นใจไปแบบนั้นแหละครับ จะวอกแวกไม่มั่นใจไม่ได้ เดี๋ยวจำเลยจะรู้ทันว่าผมทำได้แค่ขู่ (แค่เฉพาะในเวลานี้นะ)

   “แก! เอามานะ เอามาเดี๋ยวนี้!” เธอพุ่งเข้ามาอีกครั้งหมายจะแย่งมือถือจากมือของผม แต่ผมไวกว่าที่ส่งให้พัฒน์ที่ตัวสูงชูไว้เหนือหัวซะก่อน ก่อนที่พัฒน์เองจะใช้มืออีกข้างดันตัวของเกลให้ถอยห่างออกไป

   “หยุดบ้าสักที! นี่ถามจริงๆ ไม่ละอายใจบ้างเลยหรือไง กล้าเรียกปาร์คว่าเป็นแฟนตัวเองแล้ว แต่กลับมากับผู้ชายอีกคน ไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาด่าผู้หญิงอย่างเธอเลยจริงๆ”

   “หวงเหรอ? อยากได้ปาร์คจนตัวสั่นจนต้องตามหาเรื่องกันเลยหรือไง ของตัวเองก็ไม่ใช่ จะยุ่งอะไรนักหนา อีกอย่างฉันจะทำอะไรก็เรื่องของฉัน ไม่เกี่ยวกับแก อย่ามาแส่หาเรื่อง ไม่งั้นจะหาว่าฉันไม่เตือน!” เกลชี้หน้าผมอย่างท้าทาย คิดว่าจะกลัวคำขู่แค่นั้นเหรอ ใครกันแน่ที่จะต้องกลัวเพราะมีชนักปักหลังอยู่ขนาดนั้น!

   “ก็ปาร์คเป็น... ‘เพื่อน’ ฉัน ฉันไม่ปล่อยให้เพื่อนโดนหลอกโดยที่ตัวเองไม่ทำอะไรเลยหรอก”

   “เพื่อนงั้นเหรอ หึหึ น่าขำเนอะ ฉันจะบอกอะไรให้นะ จริงๆ ปาร์คเขาก็ไม่โง่นะ เพื่อนแก แกน่าจะรู้ดี แต่ที่ปาร์คเขาไม่สนใจอะไร เพราะเขาก็รักฉันมากไง รู้แล้วก็ไสหัวโง่ๆ ของแกออกไปได้แล้ว!”

   “ตอแหล!” ผมตวาดกลับด้วยความโกรธจัด ยังได้ยินคำพูดที่บอกว่าปาร์ครักยัยนี่ผมยิ่งเดือด เกลียดสีหน้า เกลียดน้ำเสียงเยาะเย้ยนั่น และเกลียดการกระทำต่ำทรามของคนๆ นี้เหลือเกิน!

   “แล้วไง ยังไงซะปาร์คก็เป็นของฉัน ไม่ใช่ของแก จะว่าไปปาร์คก็ดีเหมือนกันนะ เก็บไว้ทั้งสองคนก็คงไม่เป็นไร ว่าม่ะ”

   “สารเลว!” ผมไม่รู้จะหาคำไหนมาด่าผู้หญิงตรงหน้านี้เลย ผมทำได้แค่ยืนกำหมัดแน่นพยายามยับยั้งไม่ให้มันพุ่งออกไปอัดหน้าของคนที่ยืนพูดป่าวๆ ได้อย่างหน้าไม่อาย “อย่าลืมนะว่าฉันมีรูปของเธออยู่”

   “ตอนแรกก็หนักใจนะว่าจะทำยังไงกับรูปนั่นดี แต่ก็นะ แค่ฉันบอกว่าเป็นเพื่อนกัน ปาร์คเขาก็คงเข้าใจแล้ว อ้อนๆ เพิ่มอีกหน่อยแค่นี้รูปนั่นก็ไร้ประโยชน์แล้ว” เกลหัวเราะเยาะผมอย่างไม่เป็นทุกข์เป็นร้อน กลายเป็นผมที่อารมณ์ร้อนขึ้นซะเอง เพราะจริงๆ แล้วผมไม่ได้มีอะไรไปต่อรองอย่างที่อีกฝ่ายบอกเลย ผมรู้สึกว่าตัวเองสั่นจนพัฒน์ต้องบีบต้นแขนผมเบาๆ เพื่อให้ผมระงับอารมณ์ให้เย็นลง

   “แต่ยังไงฉันก็มีพยาน แถมปาร์คเองก็รู้จักด้วย”

   “ไม่น่าเชื่อว่าจะมีผู้หญิงแบบนี้อยู่ในโลก” พัฒน์ที่เงียบดูสถานการณ์มานานพูดขึ้นเนื่อยๆ แต่เป็นคำพูดที่เจ็บแสบพอสมควร หึ! ขนาดผู้ชายยังด่าเลย

   “หุบปากไปเลยนะ แกสองคนจะเอายังไง!” เกลแหวใส่ผมกับพัฒน์ด้วยอารมณ์คุกรุ่นอีกครั้ง

   “ถ้าเธอคิดจะคบกับคนอื่นโดยใช้ปาร์คเป็นเครื่องมือ ก็เลิกยุ่งกับปาร์คซะเถอะ ปาร์คไม่ใช่ของเล่นของใคร!”

   “ฉันก็ไม่ได้คิดว่าปาร์คเป็นของเล่น ทั้งหล่อ ทั้งรวยขนาดนั้น ปล่อยก็โง่อ่ะดิ! อีกอย่างปาร์คเองก็คงไม่ได้อยากเลิกกับฉัน แกก็เห็นกับตาอยู่แล้ว ว่าปาร์คเลือกไปกับฉัน ไม่ใช่ตุ๊ดอย่างแก”

   “ผู้หญิงอย่างเธอนี่มันไม่เคยมีสามัญสำนึกเลย เธอไม่น่าเกิดมาเป็นคนเลยด้วยซ้ำ เลวขนาดนี้ แบบเธอนี่หมามันยังอายเลย!”

   เพี้ยะ!

   “อย่ามาปากดีกับกูนะ!” ใบหน้าของผมสะบัดด้วยแรงปะทะจากฝ่ามือของเกลหลังจากที่ผมด่าเธอไปแบบไม่ทันได้ตั้งตัว

   “มึง!” ผมกำหมัดหมายจะพุ่งเข้าไปซัดกำปั้นหนักๆ ใส่หน้าผู้หญิงสารเลวคนนี้สักครั้งเผื่อต่อมสามัญสำนึกจะทำงานบ้าง แต่กลับถูกหยุดไว้ด้วยแรงของพัฒน์ที่รั้งตัวผมไว้
 
   “อย่าเลยฟร๊องก์ ทำไปคนแบบนี้ก็ไม่สำนึกหรอก สู้เอาเรื่องไปบอกไอ้ปาร์คมันทีเดียวเลยดีกว่า” พัฒน์พูดด้วยน้ำเสียงฉุนเล็กน้อย ดูพัฒน์เองก็ไม่พอใจอยู่เหมือนกัน  ทั้งความเลวของผู้หญิงคนนั้น แถมยังมาตบผมอีก

   “หึ! คิดว่าพวกแกทำได้ก็เอาสิ แล้วมาดูกันว่าใครกันแน่ที่จะดูเป็นคนเลวมากกว่ากัน!” เกลพูดทิ้งท้ายไว้ก่อนจะเดินไปขึ้นแท็กซี่จากไป ตัวผมยังคงสั่นเทาด้วยความโมโห ผู้หญิงคนนั้นมีแผนอะไรอยู่ จะทำอะไรอีก แต่ถึงอย่างไรก็ตามผมจะต้องบอกเรื่องนี้กับปาร์ค บอกความชั่วช้าของผู้หญิงคนนี้ให้หมดเปลือก ให้ปาร์คได้เห็นธาตุแท้ชั่วๆ ของผู้หญิงคนนี้ ผมไม่ยอมให้เธอทำเลวกับคนที่ผมรักต่อไปได้หรอก!

**********__________**********

   หลังจากเมื่อวันศุกร์ที่เปิดศึกกับเกล ผมก็ใช้เวลานั่งสงบสติอารมณ์ของตัวเองอยู่ภายในรถของพัฒน์อยู่นานพอสมควรกว่าที่อารมณ์จะเข้าที่เข้าทาง มือผมกำแน่นด้วยความโกรธแค้นและอยากจะซัดหน้าผู้หญิงคนนั้นแรงๆ สักครั้งโดยไม่สนว่าต่างเพศกันหรือเปล่า พัฒน์ก็ได้แค่ตบไหล่ให้ผมเย็นลง ก่อนจะไปส่งผมที่บ้าน

   ผ่านมาจนถึงวันอาทิตย์แล้วแก้มข้างที่ถูกตบของผมยังคงช้ำอยู่เล็กน้อย ตอนแรกที่แม่เห็น ท่านตกใจมากรีบเข้ามาถามทันทีว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นไปโดนอะไรมา (แม่เพิ่งเห็นเมื่อวานตอนเช้าครับ) ผมเลยจำต้องโกหกไปว่าเมื่อคืนไปนั่งคุยกับเพื่อน แล้วบังเอิญยุงมันมาเกาะหน้า อารมณ์เม้าท์เพลินๆ เลยตบแรงไปหน่อย ผมบอกออกไปขำๆ ดูท่าทางแม่ไม่ได้เชื่อหรอก แต่แม่เคารพการตัดสินใจของผมเลยไม่เซ้าซี้อะไรต่อ จะว่าไปตอนผมเห็นรอยเองก็ตกใจนะ มือหนักเป็นบ้า! แม่งพูดแล้วก็หงุดหงิด อยากเล่นให้หนัก อยากให้ปาร์ครู้เรื่องนี้เร็วๆ สักที

   แต่จะว่าไป ผมยังไม่รู้วิธีจะเข้าไปบอกปาร์คเลย ไม่ใช่ว่าอะไรหรอก แต่ผมเป็นคนเอ่ยปากไล่ให้ปาร์คเลิกมายุ่งกับผมเอง แล้วจู่ๆ ถ้าไปหาหรือนัดเจอมันก็แปลกๆ แต่ยังไงก็ต้องรีบบอกให้ปาร์ครู้ตัว แค่ขอเวลาแป๊บหนึ่ง แป๊บเดียวจริงๆ

   ผมกำลังเก็บของเพื่อจะกลับหอ พอหันมาเห็นดิกชั่นนารีก็ตาแทบเหลือก ตายห่า ผ่านไปอีกอาทิตย์กับรายงานที่ยังไม่คืบหน้าเลย ผมจะทำทันไหมเนี่ย! มัวแต่สนใจเรื่องอื่นจนไม่มีเวลาทำงานของตัวเองเลย น่าทุบจริงๆ ทุบตัวเองเนี่ย!

   แล้วผมก็ต้องแบกดิกหนักๆ กลับมาที่หออีกครั้ง ผมคิดว่าถึงห้อง เก็บของเสร็จ อะไรเสร็จจะลองโทรหาปาร์คดู อาจจะแค่เกริ่นๆ ว่ามีเรื่องจะคุยด้วยเฉยๆ ก่อน เพราะผมคิดว่าเรื่องนี้ถ้าบอกต่อหน้า บอกกับเจ้าตัวเองเลยน่าจะดีกว่า อย่างน้อยแทนที่ปาร์คจะได้ยินแค่เสียง ปาร์คจะได้เห็นสีหน้าของผมด้วย มันจะได้เป็นเครื่องพิสูจน์อีกอย่างว่าผมไม่ได้โกหก

   ผมจัดแจงเก็บกวาดห้องที่ไม่ได้อยู่มาสามวัน และจัดของต่างๆ ให้เข้าที่ พลันสายตาก็ไปหยุดอยู่กับสิ่งที่อยู่ข้างเตียง สิ่งที่ครั้งหนึ่งมันเคยเปรียบเสมือนตัวแทนของช่วงเวลาที่ผมเคยมีความสุข ตุ๊กตาไม้รูปเด็กผู้ชายตากลมโตตัวนั้น ที่ปาร์คซื้อให้เพราะบอกว่ามันหน้าเหมือนผม ตุ๊กตาที่ปกติผมไม่สนใจเพราะมันยิ่งตอกย้ำให้ผมเจ็บ แต่วันนี้ผมกลับรู้สึกอยากหยิบมันมากอดเอาไว้ กอดเพื่อเป็นกำลังใจกับสิ่งที่ผมกำลังจะทำต่อไป นั่นคือ... โทรบอก ‘ความจริง’ กับปาร์ค

   ตุ๊กตาไม้ตัวนั้นมาอยู่ในมือของผมแล้ว ขณะเดียวกันนิ้วผมก็สัมผัสที่หน้าจอทัชสกรีนเบาๆ เพื่อโทรออกไปหาปาร์ค พร้อมกับหัวใจที่เต้นแรงมากขึ้นทุกขณะ

   ตู๊ดดด... ตึกตัก... ตู๊ดดด...

   เสียงรอสายดังสลับกับเสียงหัวใจที่เต้นแรงอย่างห้ามไม่ได้ของผม

   ก๊อก! ก๊อก!

   แต่แล้วมันก็ถูกขัดขึ้นด้วยเสียงเคาะประตูที่ด้านหน้าห้องผม ทำให้ผมตัดสินใจวางสายไปก่อน แล้วลุกจากเตียงเพื่อไปดูว่าใครมาหา เอาไว้โทรอีกทีหลังคุยธุระเสร็จแล้วกัน ระหว่างนี้จะได้มีเวลาคิดหน่อยว่าจะพูดอะไรยังไง หากแต่สิ่งที่ผมคิดไว้ทั้งหมดทั้งมวลกลับต้องหยุดลงเมื่อผมเปิดประตูออกไป เพราะคนที่โทรหาเมื่อกี้นี้ และต้องการจะพูดด้วยปรากฏขึ้นตรงหน้าของผมแล้ว

   “ปะ... ปาร์ค” ผมเอ่ยทักด้วยด้วยความตกใจ

   “...” ปาร์คไม่ได้ตอบรับหรือทักทายอะไรกลับมา แต่ท่าทางนิ่งๆ กับสายตาที่เย็นชานั้นกลับทำให้ผมรู้สึกขนลุกขึ้นมา ทั้งที่อากาศรอบตัวแสนจะอบอ้าวแต่ผมกลับรู้สึกหนาวเหน็บอย่างบอกไม่ถูกเมื่อได้สบกับสายตานิ่งงันคู่นี้

   “มา... มาได้ไงเนี่ย” ผมปั้นรอยยิ้มทักทายอย่างยากลำบาก แต่ไร้วี่แววที่อีกฝ่ายจะยิ้มตอบเลย ปาร์คยังคงมองหน้าผมนิ่งด้วยแววตาแปลกๆ มันนิ่งแต่ก็แฝงด้วยพลังงานบางอย่าง “โอ้ย!” ก่อนที่มือใหญ่จะคว้าข้อมือผมบีบไว้อย่างแรงพร้อมกับเจ้าตัวที่ก้าวเข้ามาในห้องของผมอย่างเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ และไม่ลืมที่จะกดล็อคประตูด้วย

   ปึก!

   ร่างผมปลิวลงไปกองอยู่บนเตียงอย่างแรงจากแรงเหวี่ยงของผู้มาเยือน หลังจากที่ร่างสูงนั้นกดล็อคลูกบิดประตูเสร็จ ผมรีบถดตัวถอยหนีทันทีด้วยสัญชาตญาณของความกลัว กลัวเหตุการณ์ที่อาจจะเกิดซ้ำรอยเหมือนกับวันนั้น แล้วประเด็นคือผมทำอะไรผิดอีก ปาร์คถึงต้องรุนแรงกับผมขนาดนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า แค่ผมบอกให้เลิกยุ่งกัน แต่กลับเป็นฝ่ายโทรหาน่ะเหรอ หรือเพราะอะไร

   “ฟร๊องก์ทำแบบนี้ทำไม!” ปาร์คถามผมเสียงดังจนมันเหมือนกับการตะคอกมากกว่า ก่อนที่จะร่างสูงนั้นจะพุ่งตัวขึ้นมาบนเตียง

   “ทะ... ทำอะไร ฟร๊องก์ทำอะไร” ผมถามออกไปด้วยน้ำเสียงสั่นเครือด้วยความกลัวอย่างห้ามไม่อยู่ ภาพเหตุการณ์ครั้งก่อนที่คอนโดฯ ของของปาร์คมันฉายซ้ำเข้ามาในหัวผมอีกครั้ง ผมกลัวมันจะเกิดขึ้นอีก เกิดขึ้นโดยที่ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผมผิดอะไร

   “ไม่รู้จริงๆ หรือแกล้งโง่ ยั่วประสาทปาร์คกันแน่ฟร๊องก์!”

   “ปาร์คพูดเรื่องอะไร ฟร๊องก์ไม่รู้เรื่อง ฟร๊องก์ไปทำอะไร” ผมถอยหนีจนติดหัวเตียง แถมยังนั่งชันเข่าแนบอก ให้เหลือพื้นที่ระหว่างผมกับปาร์คให้ห่างกันมากที่สุด เรื่องที่ผมตั้งใจจะพูดกลับหาจังหวะพูดออกไปไม่ได้เลยด้วยซ้ำ แค่จะเกริ่นออกไปปาร์คยังไม่เปิดโอกาสให้ผมเลย กลับเอาแต่ถามในสิ่งที่ผมไม่รู้ ถามในสิ่งที่ผมไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจแม้แต่ตัวคำถามเองด้วยซ้ำ

   “แล้วไปทำอะไรไว้ล่ะฟร๊องก์!” ปาร์คตวาดผมอย่างดุดันก่อนจะพุ่งมาจับขาผมแล้วกระชากอย่างแรงจนผมเสียหลักล้มลงกับเตียง สุดท้ายผมก็ตกอยู่ใต้อาณัติของปาร์คอย่างเต็มตัว มือข้างที่กระชากขาผมเมื่อครู่เปลี่ยนมารวบแขนผมทั้งสองข้างไว้กับเตียงที่เหนือหัวจนทำให้ผมดิ้นออกจากใต้ร่างใหญ่ของปาร์คได้อย่างยากลำบาก “บอกให้ปาร์คเลิกยุ่ง แล้วทำแบบนั้นทำไม! มีอะไรทำไมไม่พูดกับปาร์คตรงๆ ไปลงกับเกลทำไม! เขาเป็นผู้หญิงนะฟร๊องก์! ถึงฟร๊องก์จะตัวเล็กแต่ฟร๊องก์ก็เป็นผู้ชาย ทำแบบนั้นร้อยทั้งร้อยเขาก็แพ้!”

   “ปล่อยฟร๊องก์นะปาร์ค! ฟร๊องก์ไปทำอะไรให้เกลอะไรนั่น มีแต่เกลต่างหากที่หลอกปาร์ค!” ผมตวาดกลับพร้อมกับดิ้นให้หลุดจากการจับกุมอย่างแน่นหนาของปาร์ค

   “ถ้าฟร๊องก์ไม่ได้ทำอะไร เกลจะมีสภาพยับเยินแบบนั้นเหรอ เกลมาหาปาร์คในสภาพที่ดูไม่ได้เลย ปาร์คต้องเค้นอยู่ตั้งนานกว่าที่เกลจะยอมบอกว่าฟร๊องก์เป็นคนดักทำร้ายเธอ ทำไมล่ะฟร๊องก์ เกลเป็นผู้หญิงนะ แล้วอีกอย่างมันไม่ใช่ความผิดของเกลเลยด้วยซ้ำ ทำไมจะต้องไปลงกับเกลแบบนั้น ทำไมมีอะไรไม่มาลงที่ปาร์ค!!!”

   “...” เมื่อได้ยินสิ่งที่ปาร์คพูด ผมถึงกับพูดอะไรไม่ออก ผมเนี่ยนะทำร้ายเกล? แม้แต่ตัวเธอผมยังไม่ได้แตะแม้แต่ปลายเล็บด้วยซ้ำ มีแต่เธอที่ตบผมซะหน้าช้ำแบบนี้ปาร์คเห็นบ้างหรือเปล่า แล้วมันจะเป็นไปได้ไงที่เกลจะกลับไปในสภาพที่ยับเยินอย่างที่ปาร์คบอก มันมีแค่อย่างเดียวคือผู้หญิงคนนั้นตอแหล!

   “อยากได้ปาร์คมากเลยงั้นเหรอ มากจนต้องทำร้ายคนอื่นเลยงั้นเหรอฟร๊องก์! ตอบมาสิ! ปาร์คไม่นึกเลยนะว่าฟร๊องก์จะ ‘เลว’ ได้ถึงขนาดนี้!” แรงบีบที่ข้อมือทั้งสองข้างของผมเพิ่มมากขึ้นจนผมนิ่วหน้าด้วยความเจ็บปวด พร้อมทั้งพยายามบิดให้มันหลุดจากพันธนาการนั้น ปาร์คจ้องผมด้วยแววตาที่เกรี้ยวกราดจนผมไม่กล้าจะสบตา แต่ถ้าผมยิ่งหลบ มันก็ยิ่งแปลว่าผมยอมรับกับสิ่งที่ปาร์คบอก ยอมรับข้อปรักปรำต่ำทรามของผู้หญิงคนนั้น

   “ปาร์ค... ใจเย็นก่อนนะ สิ่งที่ปาร์คเข้าใจน่ะ มันผิด จริงๆ แล้วฟร๊องก์ไม่ได้ทำ...”

   “ถึงขั้นนี้แล้วยังปฏิเสธอีกเหรอฟร๊องก์! จะต้องให้เกลเข้าโรงพยาบาลเลยหรือไงฟร๊องก์ถึงจะยอมรับ!” ยังไม่ทันที่ผมจะพูดจบปาร์คก็ตวาดผมกลับมาอย่างเดือดดาล แม้ผมจะพยายามเอาน้ำเย็นเข้าลูบแต่มันก็ไม่ได้ผลอะไรกับอารมณ์ที่ร้อนรุ่ม ร้อนจนแทบจะเผาผมที่อยู่ตรงหน้าให้สลายเป็นจุลได้แล้ว

   ในไฟแห่งโทสะนั้นมันก็ยิ่งตอกย้ำให้ผมรู้และเข้าใจว่าปาร์ครักผู้หญิงคนนั้นมากแค่ไหน รักและเชื่อใจผู้หญิงคนนั้นมากจนไม่ดูรอบข้าง ไม่สนใจแม้กระทั่งคนที่หวังดีกับปาร์คมาตลอดอย่างผม ไม่แม้แต่จะหยุดฟังคำอธิบายของผมเลยด้วยซ้ำ หรือแม้ถ้าผมทำเรื่องเลวร้ายนั้นจริงๆ ปาร์คก็ไม่คิดจะฟังคำแก้ตัวของผมเลย ปาร์คทำเหมือนว่าไม่รู้จักผมเลย หรือจริงๆ แล้วปาร์คไม่เคยใส่ใจและไม่รู้จักตัวตนของผมเลยจริงๆ

   “ฟร๊องก์ไม่ได้ทำ! ผู้หญิงคนนั้นมันหลอกปาร์ค! มันตอแหล!!!” ผมตะเบงสุดเสียงโดยไม่กลัวห้องข้างๆ ได้ยิน พร้อมกับสะบัดแขนออกจากการจับกุมก่อนจะผลักปาร์คออกอย่างเต็มแรง “ผู้หญิงที่ชื่อเกลนั่นกำลังหลอกปาร์คอยู่รู้หรือเปล่า มันหลอกคบกับปาร์คเพื่อเอาเงินและเข้าหาเพื่อนของปาร์คต่างหาก มันไม่จริงใจกับปาร์คเลย”

   “ว่าแล้วว่าฟร๊องก์ต้องพูดแบบนี้ เหมือนที่เกลบอกไว้ไม่มีผิดว่าฟร๊องก์จะใส่ร้ายเกลเพื่อให้ปาร์คเข้าใจเกลผิด เราคบกันมานานนะฟร๊องก์ แต่ก่อนหน้านี้ปาร์คคงมองฟร๊องก์ผิดไปจริงๆ”

   “ปาร์ค... ฟร๊องก์สาบานได้นะว่าฟร๊องก์ไม่ได้เป็นคนทำร้ายเกล ไม่ได้แตะต้องตัวผู้หญิงคนนั้นเลยด้วยซ้ำ มีแต่ผู้หญิงคนนั้นที่ตบหน้าฟร๊องก์ ดูสิรอยยังอยู่เลย แล้วเรื่องที่ฟร๊องก์บอก ฟร๊องก์ไม่ได้สร้างเรื่องเพื่อใส่ร้ายใคร แต่มันคือเรื่องจริง ฟร๊องก์เห็นมากับตาจริงๆ เชื่อฟร๊องก์สิปาร์ค ผู้หญิงคนนั้นมันเพศยา! ถ้าปาร์คยังไม่เชื่ออีกฟร๊องก์ว่าก็คงเพราะปาร์คโง่เองแล้วแหละ!!”
 
   เพี๊ยะ!

   ใบหน้าของผมสะบัดเนื่องจากแรงของฝ่ามือของคนตรงหน้า คนที่ผมมอบหัวใจให้ทั้งดวงโดยไม่มีข้อแม้ คนที่ผมไม่คิดว่าจะกล้าลงมือทำร้ายผมได้แบบนี้ น้ำตาผมไหลออกมาไม่ใช่ด้วยความเจ็บที่เกิดขึ้นจากการที่โดนตบ แต่มันเป็นเพราะความเจ็บที่หัวใจมากกว่า ผมหันกลับมามองหน้าปาร์คด้วยความผิดหวัง ปาร์คตบผมเพราะปกป้องผู้หญิงคนนั้น ปาร์คเลือกเข้าข้างผู้หญิงคนนั้นโดยคำพูดต่างๆ ของผมไม่มีความหมายเลยด้วยซ้ำ ที่ผมทำไปทั้งหมดเพื่ออะไรกัน ในเมื่อทำไปแล้วคนๆ นั้นกลับไม่เห็นคุณค่ามันเลยด้วยซ้ำ แถมยังเหยียบย้ำความหวังดีของผมจนไม่เหลือชิ้นดี

   “ฟะ... ฟร๊องก์ เจ็บไหม ปาร์คขอโทษ” เมื่อได้สติปาร์ครีบยื่นมือมาประคองใบหน้าของผมอย่างปลอบประโลมทันที แต่เพื่ออะไรล่ะปาร์ค ในเมื่อปาร์คลงมือไปแล้ว ลงมือทำลายความหวังดีของผมด้วยมือของปาร์คเอง!

   “...”

   “ขอโทษนะ ปาร์คไม่ได้ตั้งใจ”

   “หึ! หึหึ! ไม่ตั้งใจงั้นเหรอ... ขอโทษนะถ้าความหวังดีของฟร๊องก์มันเลวร้ายมาก ฟร๊องก์ไม่ขอให้ปาร์คเชื่อหรอก แต่รู้ไว้เลยว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา ฟร๊องก์ไม่เคยคิดร้ายกับปาร์ค ไม่เลยสักนิด ก่อนหน้านี้ฟร๊องก์โกรธปาร์คมาก แต่ก็ไม่กล้าพอที่จะเกลียด ฟร๊องก์แค่อยากช่วยปาร์ค ช่วยคนที่ฟร๊องก์รัก... และยังคงรักอยู่เสมอ ถ้าปาร์คจะมองว่าฟร๊องก์ผิดเพราะทำร้ายผู้หญิงคนนั้น ฟร๊องก์ก็ขอโทษ ตอนนี้ฟร๊องก์เข้าใจแล้ว เข้าใจหมดทุกอย่างแล้ว ในเมื่อปาร์คเลือกจะเชื่อผู้หญิงคนนั้นโดยไม่แบ่งใจมาเชื่อหรือแม้แต่จะฟังฟร๊องก์เลยสักนิด ฟร๊องก์ก็ไม่รู้จะพูดอะไรต่อแล้วเหมือนกัน”

   “ฟร๊องก์...”

   “กลับไปเถอะปาร์ค อย่ามายุ่งกับคนเลวๆ อย่างฟร๊องก์เลย ถ้าผู้หญิงคนนั้นดีสำหรับปาร์คก็กลับไปดูแลคนนั้นเถอะ” ผมประชดกลับไปด้วยความน้อยใจ มือที่แก้มข้างที่โดนตบของปาร์คค่อยๆ เลื่อนออกไปอย่างช้าๆ    

   “ถ้ามีอะไรขอให้บอกปาร์คตรงๆ นะ ยังไงปาร์คก็ยัง ‘รัก’ ฟร๊องก์อยู่เสมอ” ปาร์คพูดทิ้งท้ายไว้ก่อนจะเดินออกจากห้องผมไป คำพูดที่บอกผมไว้ก็ไม่ต่างหากมีดที่กรีดลงที่กลางใจของผมอีก

   คำว่ารักของปาร์คมันช่างไม่น่าพิสมัย มันกลับเคลือบแคลงด้วยด้วยความเป็นห่วงเป็นใยอีกคน ‘มีอะไรให้พูดกับปาร์คตรงๆ’ นั่นก็หมายถึงการออกตัวปกป้องผู้หญิงที่ชื่อเกลนั่นอย่างไม่ปิดบัง แล้วปาร์คจะบอกรักผมอีกทำไม จะหยิบยื่นความรักที่ห่อหุ้มด้วยคมหนามนั้นมาให้ผมอีกทำไม

   รู้บ้างไหมว่าผมเจ็บเพราะคำว่า ‘รัก’ คำนั้นมากแค่ไหน...


à suivre...


กลับมาแล้วฮะ ช่วงนี้หายไปฝึกทำขนม 555+

กลับมาคราวนี้แรงกว่าเดิมอีกอีปาร์ค!! เตรียมตัวโดนด่าได้เลย  :katai4: :z6:
แล้วฟร๊องก์ควรจะปล่อยให้อีปาร์คโง่อยู่แบบนั้นไหม 5555+

ส่วนทั้งคู่จะลงเอยยังไง ลองดูไปเรื่อยๆ ฮะ  :katai2-1:


แอบย่องมาลงแบบเบาๆ แล้วไปฝึกทำขนมต่อก่อนนะฮะ หุหุ

จนกว่าจะพบกันใหม่ จุ๊บ  :mew1:

ออฟไลน์ OoniceoO

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
สุดท้ายก็เหมือนเดิม

ออฟไลน์ oilzaza001

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 619
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
นึกว่าจะมีอะไรเปลี่ยนแปลง สุดท้ายก็วนแต่ลูปเดิมๆ เฮ้อ

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
เอาข้าวสาร เสกใส่ ไล่ผีออก
เอาน้ำมนต์ จับกรอก ออกปากหู
เอาสายสิญจน์ มัดแน่น ทุกช่องรู
เอาให้หาย บ้าตัวผู้ ไอ้ชู้ชาย
#เลิกบ้าได้แล้ว#ฟร๊องก์

พ่อรูปหล่อ กระดอหอม ตอมกันวุ่น
พ่อทำบุญ ด้วยอะไร ไอ่ฉิบหาย
มีแต่คน มารุมล้อม ทั้งหญิงชาย
ทั้งที่จริง เมิงมันควาย สายกระบือ
#ยิ่งอ่านยิ่งอยากจะอ้วกใส่#ไอ่ปาร์ค

+1 พร้อมกับจัดให้เต็มที่
อิอิ

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
สุดท้ายก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนไปเลย รักของปาร์คคืออะไรถ้าจะเชื่อเกลซะขนาดนั้นก็ไม่ต้องมาบอกรักฟร๊อกซหรอกนะเพราะมันไม่มีความน่าเชื่อถืออยู่เลย เลิกเถอะเลิกรักปาร์คได้แล้วแม้แต่ความหวังดีก็ไม่น่ามีให้เลยจริงๆ คนแบบนี่

ออฟไลน์ magic-moon

  • magKapleVE
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 495
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-2
    • Freedom of meetups, no obligations
เชียร์เก็ท ถ้าได้กะเก็ทก็เข้าคอนเซปต์ชื่อเรื่องพอดี ///ก็ว่าไป 55555 แต่นาทีนี้เชียร์เก็ทสุดใจ

ออฟไลน์ PorschePor

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-0
Chapitre 38

   หลังจากวันนั้นที่ผมกลายเป็นผู้ต้องหาโทษฐานทำร้ายร่างกายคนรักของปาร์คไปโดยที่ตัวผมไม่ได้ทำอะไรเลย ปาร์คก็หายไปไม่ได้ติดต่ออะไรมาอีกเช่นเดียวกับก่อนหน้านี้ ส่วนเกลเองก็ไม่ได้มีแผนการอะไรมาทำร้ายผมอีก เพราะแค่นี้เธอคงสะใจและพอใจในผลงานของเธอมากแล้ว ทำให้ปาร์คเชื่อว่าผมเป็นคนเลว ทำร้ายผู้หญิงได้อย่างสนิทใจขนาดนั้น ผมเองก็อยากจะเห็นสภาพที่ยับเยินของเธอตามที่ปาร์คบอกจริงๆ เพราะถ้ามันดูแย่มาก ผมก็อยากจะซ้ำให้ตายไปเสียจริงๆ

   ผมกลับมาใช้ชีวิตแบบปกติ หยุดสืบเรื่องเกลไว้ก่อนสักพัก ผมยอมรับว่าน้อยใจ โกรธปาร์คอยู่ แต่เอาเข้าจริงจะให้ผมปล่อยมือจากเรื่องนี้เลย ผมคงทำไม่ได้เช่นกัน ไม่ใช่เพราะสงสารปาร์ค แต่ผมสงสารตัวเองมากกว่าที่กลายเป็นคนผิดโดยไม่ได้พิสูจน์ตัวเอง หรือหาหลักฐานมาแก้ไขสิ่งที่ผิดที่ถูกยัดเยียดมาเลย ดังนั้นถ้ามีจังหวะดีๆ อีกผมก็พร้อมจะเดินหน้าเปิดโปงความชั่วของผู้หญิงคนนั้นต่อเช่นเดิม และคืนความบริสุทธิ์ให้ตัวเอง

   ผมกลับมาเรียนตามปกติในวันจันทร์ รอยฝ่ามือที่ถูกปาร์คตบซ้ำรอยฝ่ามือเกลก่อนหน้า ทำให้มันเด่นชัดยิ่งกว่าเดิม แม้ว่าผมจะพยายามจะประคบเพื่อให้มันจางไปภายในเวลาชั่วข้ามคืนมากแค่ไหน แต่มันก็ไม่ค่อยจะช่วยอะไรเท่าไหร่เลย วันนี้ผมเลยทำได้เพียงแค่ตบแป้งลงไปเพื่อให้มันจางลง แค่ไม่เป็นที่สังเกตก็พอใจแล้ว อย่าให้เจอคำถามจากใครเลยเป็นพอ!

   “แก้มไปโดนอะไรมา” แต่คำภาวนาของผมกลับไม่เป็นผลซะแล้ว เพราะทันทีที่ก้าวขึ้นมาบนรถของเก็ท ก็เจอคำถามเข้ามาปะทะทันที

   “พอดีเกิดเรื่องเข้าใจผิดนิดหน่อยอ่ะ” ผมตอบเลี่ยงๆ ก่อนจะหันไปคว้าสายเบลท์มาคาด เป็นอันเข้าใจว่าผมไม่อยากตอบ ไม่อยากพูดถึง เก็ททำได้เพียงแค่ถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายแต่ก็ยอมขับรถออกไปโดยไม่พูดอะไรต่อ

   แต่หลังจากหมดคำถามจากเก็ท ผมก็ต้องมาเผชิญกับคำถามจากคนอื่นๆ อีกเช่นกัน ผมว่าผมโบกแป้งมาค่อนข้างเนียนแล้วนะ ยังเห็นรอยกันอีกเหรอวะ แต่จะว่าไปรอยที่ถูกเกลตบก็ค่อนข้างชัด แถมเมื่อวานปาร์คก็ตบผมแรงอยู่เหมือนกัน ขนาดผมเห็นรอยตอนแรกยังตกใจเลย แต่เอาเถอะ ผมก็เลือกที่จะไม่บอกใครเช่นเดิม

   วันเวลาผ่านไปสองสามวัน รอยช้ำบนหน้าผมก็ค่อยๆ เลือนหาย หลังจากวันนั้นที่ผมไม่ยอมบอกให้ใครรู้ถึงสาเหตุของรอยดังกล่าว ก็ไม่มีใครถามผมอีก อีกอย่างที่ไม่รู้ว่าผมนั้นคิดไปเองหรือเปล่าคือเก็ทพยายามหาจังหวะที่จะอยู่กับผมสองคน เพื่อจะถามถึงสาเหตุ แต่ผมกลับไม่เคยเปิดโอกาสให้ตัวเองได้อยู่กับเก็ทสองคนเลย ผมยังคงไว้ใจเก็ทนะ แต่ผมเองก็อยากให้ความสำคัญกับเก็ทเท่ากับเพื่อนคนอื่นๆ จะได้ไม่เกิดประเด็นขึ้นมาอีก

   สิ่งที่ผมเองก็ไม่คิดว่าผมจะเป็นก็คือ เรื่องที่จับเกลได้คาหนังคาเขาและเรื่องที่โดนเกลตบผมกลับบอกชัญญ่าซะจนหมดเปลือก เก็บไว้เพียงแต่เรื่องที่ถูกปาร์คตบ ผมแค่บอกไปว่าปาร์คไม่พอใจมาก เพราะเข้าใจผิดว่าผมไปทำร้ายเกล ชัญญ่าก็ให้ความเห็นมาว่าผู้หญิงคนนั้นไม่ธรรมดาจริงๆ อย่างที่เธอคิด แต่เธอก็ให้กำลังใจผม บอกให้ผมอย่ายอมแพ้ ที่ปาร์คโมโหอาจจะเพราะมารยาของผู้หญิงคนนั้น หน้าที่ของผมจึงต้องเปิดโปงให้รู้เช่นเห็นชาติชั่วๆ ของคนๆ นั้น เพื่อตัวของผมเองที่กลายเป็นคนผิดโดยไม่ได้ทำ ชัญญ่าจึงกลายเป็นเพื่อน เป็นที่ปรึกษาใหม่ไปโดยที่ผมไม่รู้ตัว

   แต่จะว่าไปช่วงที่ผ่านมา ผมก็ไม่ค่อยได้สนใจเรื่องรอบข้างสักเท่านะ หลังจากที่พูดคุยกับชัญญ่าไป ผมก็ไม่ได้ตามเรื่องของเกลต่อ ส่วนเรื่องที่มอความสัมพันธ์กับเพื่อนก็ปกติ ผมก็ยังคุยเล่นกันปกติ ส่วนทาร์ตก็แวะเวียนมาหาบ้างเป็นครั้งคราว พร้อมบอกว่าช่วงนี้เรียนหนักจนไม่มีเวลา แต่ก็คิดถึงผมอยู่เสมอ

   ผมมักจะปลีกตัวไปอยู่ที่หอสมุด และหลังเลิกเรียนผมก็มักจะกลับหอเร็วกว่าปกติ ไม่ใช่เพราะอะไรนะ แต่คือผมจะเร่งเคลียร์งานให้เสร็จ ไหนจะรายงานฝรั่งเศส งานวิเคราะห์หนังสี่เรื่องของ Literature อีก ไหนจะอ่านเนื้อหาที่มีเยอะแยะยิ่งกว่าถั่วที่ตาแป๊ะขายอย่าง Linguistics ไหนจะงานยิบย่อยอื่นๆ อีก มันทำเอาผมต้องลืมเรื่องต่างๆ ไว้ก่อน เอาให้ผ่านพ้นช่วงนี้ไปก่อนค่อยว่ากันอีกที

   ช่วงบ่ายวันนี้ไม่มีคาบเรียน ผมก็มาที่หอสมุดเช่นเดิม แต่ต่างไปจากเดิมตรงที่วันนี้มีเพื่อนมาด้วยอีกคนนั่นก็คือทาร์ต ซึ่งผมก็ไม่ได้ขัดอะไร เผื่อตอนเย็นๆ จะได้ชวนมันไปกินข้าวด้วยเลย

   “นึกยังไงวันนี้ถึงมาหอสมุดกับพี่ได้” ผมเอ่ยถามคนที่มาด้วยหลังจากหาโต๊ะนั่งบริเวณมุมด้านในได้ 

   “พี่รู้ไหม กว่าผมจะหาเวลาว่างๆ แบบนี้มาอยู่กับพี่ได้มันยากแค่ไหน ผมก็อยากจะอยู่ใกล้ๆ กับพี่บ้างสิ อีกอย่างผมก็มีงานค้างตั้งเยอะแยะด้วย เลยหาที่สงบๆ นั่งทำ รู้ว่าพี่มาที่นี่พอดี ผมเลยมาด้วยไง ได้ทั้งทำงาน แถมยังใกล้ชิดกับพี่อีกต่างหาก”

   “เอิ่ม...” ผมไปต่อไม่ถูกเลย เมื่อทาร์ตนั่งลงแล้วเท้าคางมองผมด้วยสายตาเป็นประกาย ที่แฝงด้วยความกวนอยู่ไม่น้อย ยิ่งบวกเข้ากับคำพูดเลี่ยนๆ นั่นด้วยแล้ว เล่นเอาผมไม่รู้จะไปทางไหนต่อเลย

   “ฮาๆ เขินแล้วทำหน้าตลกอีกแล้วนะพี่ แต่ผมก็พูดจริงนะ”

   “พูดมากจริงๆ ไหนงาน รีบเอาขึ้นมาทำเลย” ผมตัดบท ก่อนจะรีบก้มๆ เงยๆ รื้อเอกสารต่างๆ ในกระเป๋าเป้ขึ้นมากองตรงหน้าทันที แม้ใบหน้าจะยังร้อนผ่าวอยู่ก็ตาม

   “พี่ฟร๊องก์...” หลังจากเราสองคนต่างทำงานและเงียบกันไปพักใหญ่ ทาร์ตก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบทำให้ผมเงยหน้าขึ้นไปมอง ก็พบว่าคนที่นั่งอยู่ซ้ายมือของผมกำลังมองมาที่ผมอยู่เช่นกัน “ผมขอถามอะไรพี่หน่อยได้ไหม”

   “อะไรอ่ะ” ผมเลิกคิ้วเล็กน้อย

   “รอยที่แก้มพี่เมื่อไม่กี่วันมานี้ ใครเป็นคนทำเหรอ”

   “คือ...” ผมก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไรทาร์ตถึงถามเรื่องนี้ขึ้น หรืออาจเป็นเพราะวันนี้เป็นวันแรกที่ผมกับทาร์ตได้มีเวลาอยู่ด้วยกันสองคนมากกว่าเดิม หลังจากที่ก่อนหน้านี้ต่างฝ่ายต่างไม่ค่อยมีเวลาได้เจอหรือได้คุยกันมากนัก

   “ใช่คนเดียวกับที่ทำให้พี่ดูเปลี่ยนไปก่อนหน้านี้ด้วยหรือเปล่า”

   “...”

   “ผมเป็นห่วงพี่มากนะ มีอะไรไม่สบายใจ ระบายให้ผมฟังได้นะพี่” ดวงตาของทาร์ตที่มองมา ซึ่งฉายแววความเป็นห่วงที่แสดงออกอย่างชัดเจน

   “พอดี... มีเรื่องเข้าใจผิดกันนิดหน่อย” ผมพูดออกไปด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

   “นิดหน่อยของพี่นี่ต้องถึงขั้นลงไม้ลงมือกันเลยเหรอครับ”

   “พี่คงหาเรื่องใส่ตัวเองด้วยล่ะ ถ้าอยู่เฉยๆ ไม่เข้าไปยุ่ง คงไม่เป็นแบบนี้” ผมแค่นหัวเราะเยาะตัวเองเบาๆ มันคงเป็นเพราะความแส่หาเรื่องของตัวผมเอง ที่ทำให้เรื่องมันวุ่นวายมากขึ้นนี้ และทำให้ตัวเองต้องเจ็บตัวแบบนี้

   “แต่ผมเชื่อว่าที่พี่ทำไปเพราะพี่มีเหตุผล พี่ฟร๊องก์ที่ผมรู้จักไม่ทำร้ายใครก่อนแน่นอน” มือใหญ่เอื้อมมากุมมือข้างหนึ่งของผมไว้อย่างหลวมๆ พร้อมกับรอยยิ้มสดใสของเจ้าของมือนั้น

   “พี่อาจจะไม่ได้เป็นแบบที่ทาร์ตคิดก็ได้นะ ขนาดคนที่พี่คิดว่ารู้จักกันมานาน... เขายังไม่รู้จักพี่เลยด้วยซ้ำ”

   “เขาสำคัญกับพี่มากใช่ไหม พี่ถึงได้รู้สึกมากขนาดนี้เมื่อเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับเขา ผมพอจะรู้เรื่องนี้บ้างได้ไหม เผื่อผมจะได้รู้ว่า... ผมต้องทำยังไงและต้องรอถึงเมื่อไหร่ ที่ผมจะสำคัญต่อความรู้สึกของพี่แบบเขาบ้าง”

   “...” ผมยิ้มตอบบางๆ “เขา... คือคนที่ทำให้พี่รู้จักกับความรัก เป็นคนที่เข้ามาทำให้พี่รู้ว่ารักคืออะไร”

   “...” ทาร์ตไม่ได้ตอบรับอะไร เพียงแต่มองหน้าผมนิ่งเหมือนพยายามตั้งใจฟังในสิ่งที่ผมกำลังพูด

   “มันก็น่าตลกนะ ที่คนเราจะหลงรักเพื่อนตัวเอง และมันก็คงเป็นกรรมด้วย เพราะไม่ว่าเราจะได้ใกล้ชิดมากเพียงใด แต่เราก็ไม่มีวันเป็นคนที่ใช่ ไม่มีวันเลื่อนสถานะมากไปกว่าเพื่อนได้”

   “แต่ก็มีหลายคนที่สมหวัง...”

   “ก็คงใช่ แต่สำหรับพี่ก่อนหน้านี้ มันมีความสุขมากนะ ที่ได้พูดคุย ได้อยู่กับคนที่พี่เรียกว่าความรัก แม้จะได้แค่ในฐานะเพื่อน แต่พี่ก็รู้สึกดีกับการรักข้างเดียว” ผมยังคงพูดต่อไปด้วยรอยยิ้ม เมื่อได้นึกย้อนกลับไปในตอนที่ความรักที่ผมมีให้ปาร์ค มันมีแค่เพียงความสุข สุขจนไม่น่าเชื่อว่าจะมีวันนี้ด้วยซ้ำ

   “สุขแม้พี่จะรู้ว่าพี่ไม่สมหวังอย่างนั้นเหรอ”

   “คงเป็นเพราะมันเป็นความรักที่ไม่คาดหวังอะไรมั้ง มันถึงไม่ทำให้พี่เป็นทุกข์ อีกอย่างมันก็ไม่ได้ก้าวก่ายอีกฝ่ายจนทำให้รู้สึกไม่ดี พี่แค่รักในที่ๆ พี่จะรักได้ เพราะพี่รู้ดีว่าพี่อยู่ในฐานะอะไร มันมีปัจจัยอีกหลายอย่างที่ทำให้พี่เลือกจะรักอย่างไม่หวังให้เขามารักพี่ตอบ แค่เขาไม่ได้รังเกียจความรักที่พี่มีให้ ตอนนั้นก็ดีใจมากแล้ว”

   “...”

   “แต่บางทีคนเราก็ไม่รู้จักคำว่าพอหรอก ยิ่งเมื่อเห็นว่ามีโอกาส พี่เองก็เหมือนกัน ความรู้สึกของพี่ยิ่งถลำลึกลงไปเมื่อเห็นว่าท่าทีของปาร์คเองก็ดูเหมือนจะรู้สึกแบบเดียวกับที่พี่รู้สึก”

   “...”

   “จากที่ไม่อยากครอบครอง แต่เมื่อได้รับมากขึ้น ก็เปลี่ยนเป็นอยากครอบครอง จากที่เคยรักข้างเดียวก็สุขใจ ก็เริ่มมีความหวังมากขึ้น ว่าเขาจะรักตอบ”

   “หมายถึง พี่กับเขา... มีอะไรกัน?”

   “...” ผมไม่ได้ตอบอะไร เพียงพยักหน้าเล็กน้อยด้วยรอยยิ้มจางๆ

   “มันเลยทำให้พี่ยิ่งรักเขามากขึ้นเหรอ”

   “ช่างมันเถอะ ยังไงมันก็ผ่านไปแล้ว รีบทำงานต่อดีกว่า เริ่มหิวแล้วด้วย” ผมตัดบท พลางก้มหน้าทำงานตรงหน้าต่อ

   สิ่งที่ทาร์ตพูดมันก็ไม่เชิงว่าใช่ซะทีเดียว แต่ที่ผมไม่ปฏิเสธก็เพราะในครั้งแรกที่ผมกับปาร์คมีอะไรเกินเลยต่อกัน ความรู้สึกของผมที่มีต่อปาร์ค มันก็เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน แต่บางทีถ้าผมย้อนเวลากลับไปได้...

   ผมคงเลือกจะรักแค่ข้างเดียวในฐานะเพื่อนดีกว่า   

**********__________***********

   หลังจากวันนั้นที่ผมได้พูดเรื่องปาร์คกับทาร์ตไป ท่าทางของทาร์ตก็ไม่ได้ดูเปลี่ยนไป เจ้าตัวยังคงหาเวลาว่างแวะเวียนมาหา และยังคงโทรหาผมเป็นประจำอยู่เสมอ

   ตัวทาร์ตคงได้คำตอบให้กับตัวเองแล้ว แม้ว่าตัวผมเองจะรู้ดีว่ายังไม่ชัดเจนก็ตาม แต่ผมก็รู้สึกดีนะที่ทาร์ตไม่ได้เปลี่ยนไปจากการได้คุยเรื่องนั้นกับผม

   ผมเคลียร์งานที่มีชนิดที่ว่าตัวเป็นเกลียว หัวเป็นน็อตจนลืมเรื่องที่เกิดก่อนหน้าไป และงานหลายๆ อย่างผมก็บรรลุตามเป้าหมายจนรู้สึกโล่ง แม้ร่างจะเกือบแหลกก็ตาม
 
   แต่เห็นทีสิ่งที่ทำให้ผมเหนื่อยสะสมมาหลายวันคงจะได้ผ่อนคลายลงหน่อยก็วันนี้แหละ เพราะวันนี้เป็นวันเกิดไอ้ทาร์ตมันครับ จริงๆ ผมก็ไม่รู้หรอก ถ้าเมื่อวันก่อนมันไม่วิ่งหน้าระรื่นมาหาผม แล้วบอกว่าวันนี้วันเกิดมัน

   ‘พี่ฟร๊องก์! คืนวันพุธนี้ว่างไหม’ ทาร์ตวิ่งหน้าระรื่นพร้อมกับส่งเสียงเรียกผมมาแต่ไกล ก่อนที่เจ้าตัวจะวิ่งมาหยุดตรงหน้าผม

   ‘ก็ว่างนะ จะชวนไปไหนอีกเนี่ย’ ผมเลิกคิ้วถามด้วยความสงสัยและงงกับท่าทางโอเวอร์แอคติ้งของเจ้าทาร์ตนี่ด้วย

   ‘ผมแค่จะชวนพี่ไปงานวันเกิด... ผม’ ทาร์ตว่าพลางยิ้มอย่างเป็นเอกลักษณ์

   ‘เอ้า! ไปดิๆ ที่ไหนอ่ะ’

   ‘ร้าน... ครับพี่ รู้จักใช่เปล่า’

   ‘อ๋อ รู้ๆ’

   มันชวนผมไปที่ร้าน... ซึ่งเป็นร้านเหล้าอยู่ไม่ไกลจากมอสักเท่าไร เป็นร้านนั่งชิลล์ๆ มีวงดนตรีสดเล่นเพราะอยู่เหมือน ช่วงไหนมันก็มันหยดใช้ได้

   มันรีบอ้อนให้ผมไปด้วยใหญ่เลยครับ ซึ่งผมก็ไม่ปฏิเสธมันหรอก ถือว่าไปผ่อนคลายตัวเองด้วย อีกอย่างวันพรุ่งนี้ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะตื่นไปเรียนไม่ทันเพราะมีเรียนบ่ายอยู่แล้ว

   ‘พี่ไปให้ได้นะ อย่าเบี้ยวผมนะ’

   ‘ไปอยู่แล้วน่า ไม่ต้องกลัวเบี้ยวหรอก บอกว่าจะไปก็ต้องไปสิ’ ผมบอกไปพร้อมรอยยิ้ม

   ‘น่ารักที่สุด!’ ทาร์ตดูดีอกดีใจยกใหญ่ ก่อนจะพูดต่ออีกว่า

   ‘แค่พี่ไป ต่อให้ทั้งงานมีแค่พี่กับผมสองคน ผมก็มีความสุขที่สุดแล้ว’

**********__________**********

   วันนี้พวกผมที่อาศัยรถเก็ทไปเรียนเป็นประจำต้องไปเรียนเองเพราะเก็ทโทรมาบอกว่าวันนี้ติดธุระ ไม่ได้เข้าเรียน แต่จริงๆ ผมก็กะจะโดดเหมือนกันนะ วันนี้วิชาไม่ค่อยสำคัญมากเท่าไร กะว่าจะเข้าเรียนคาบบ่ายก่อนชั่วโมงครึ่ง พอหมดคาบผมจะโดดอีกวิชาที่ต่อกันเพื่อไปหาซื้อของขวัญให้ทาร์ต

   อย่างที่ผมบอกว่างานแทบจะทับตัวผมตาย เลยทำให้ตอนแรกที่ตั้งใจว่าจะซื้อตั้งแต่หลังวันที่เจ้าตัวมาบอกแล้ว แต่หลายอย่างยุ่งๆ ก็ลืมจนได้ เลยกะจะไปมันก่อนงานเลี้ยงเนี่ยแหละ มันนัดตั้งสองทุ่มครึ่งครับ ไปตั้งแต่ประมาณสามโมง เลือกซื้อของ กลับมาอาบน้ำแต่งตัวน่าจะทันสองทุ่มแหละ

   หลังเลิกเรียนตอนเกือบสามโมงเย็น ตอนนี้ผมพาตัวเองมาอยู่ภายในศูนย์การค้าชื่อดังที่อยู่ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยเท่าไรแล้ว แต่ขอสารภาพเลยว่า ณ ตอนนี้ผมก็ยังไม่รู้ว่าจะซื้ออะไรให้เจ้าของวันเกิดอยู่ดี เอาเป็นว่าลองเดินหาไปเรื่อยๆ ก่อนแล้วกัน พวกกระเป๋าสตางค์ เนคไทอะไรพวกนี้ผมตัดทิ้งไปเลย มันดูเชยเอามากๆ ดูเหมาะจะให้คนที่อาวุโสกว่ามากกว่า

   เวลาผ่านไปเป็นชั่วโมง แต่ผมยังไม่เจอสิ่งที่ถูกใจที่พอจะให้เป็นของขวัญได้เลย ทาร์ตมันเรียนนิเทศฯ เห็นมันชอบถ่ายรูปอยู่ด้วยเหมือนกัน แต่จะให้ซื้อพวกอุปกรณ์กล้องผมก็คงไม่มีปัญญาให้มันอ่ะ แพงเกิ๊น! ผมเดินผ่านโซนแล้วโซนเล่าดูไปเรื่อยๆ จนไปสะดุดตากับแก้วกระเบื้องใบหนึ่ง ที่มันทำเป็นรูปเลนส์กล้อง เหมือนมาก! แค่มันเงาไปหน่อย แต่ดูๆ แล้วเจ้าทาร์ตน่าจะชอบอยู่นะ

   สรุปผมเอาอันนี้แล้วกัน ขี้เกียจเดินหาแล้วด้วย กว่าจะฝ่ารถติดกลับไปถึงหออีก เดี๋ยวจะไม่ทันเวลานัดเอา โอเคล่ะ ผมตกลงซื้อเจ้าแก้วกาแฟใบนั้นพร้อมกับห่อให้เป็นของขวัญ ส่วนการ์ดผมกะว่าจะไม่ให้ ไหนๆ มันก็ชอบกล้อง ชอบถ่ายรูปแล้ว ผมกะว่ากลับไปถึงห้องจะถ่ายวีดีโอสั้นๆ บอก Happy Birthday ให้มันแทน

   ผมล่ะโคตรเกลียดช่วงเวลาเลิกงานแบบนี้เลย ทั้งรถคนทำงานที่ต่างพากันออกจากบริษัท ไหนจะรถผู้ปกครองที่รับส่งลูกหลานเหลนโหลนกลับบ้านอีก ไม่รู้คนไทยจะออกรถอะไรกันมานักหนา ทั้งที่ถนนก็มีอยู่เท่าเดิม รถมันจะไปไหนล่ะ ก็ติดแบบนี้อ่ะดิ! ทั้งที่ห้างอยู่ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยผมมากเท่าไร แต่ผมกลับต้องใช้เวลาโดยสารร่วมชั่วโมงครึ่งกว่าจะกลับมาถึงหอ เพลียโคตร!

   กลับมาถึงหอ ผมก็จัดการตัดกระดาษเป็นแผ่นเล็กๆ แล้วขยำเป็นก้อนเล็กๆ หลายๆ ก้อน ก่อนจะตั้งกล้องแล้วค่อยๆ ถ่ายวีดีโอแบบสต๊อปโมชัน โดยผมค่อยๆ เรียงก้อนกระดาษเล็กๆ นั้นเป็นตัวอักษรขึ้นมาทีละตัว จนกลายเป็นคำว่า ‘HAPPY BIRTHDAY’ ก่อนจะเกลี่ยคละมันให้กระจายตัว และเรียงใหม่เป็นชื่อของเจ้าของวันเกิด คือ ‘TART’

   กว่าจะทำเสร็จก็เล่นเอาเหนื่อยและเสียเวลาพอสมควร วีดีโออาจจะไม่ได้สวยมากเพราะเวลาที่มีน้อย แต่ผมก็ตั้งใจทำให้ ก่อนที่จะไปอาบน้ำแต่งตัวใหม่ และมาอัดวีดีโอเป็นคำอวยพรอีกครั้ง

   ‘สุขสันต์วันเกิดน๊า ไม่รู้จักอวยพรอะไร แต่ก็ขอให้ทาร์ตมีความสุขมากๆ สดใสน่ารักแบบนี้ตลอดไป แล้วก็ขอบคุณสำหรับทุกๆ อย่างที่ผ่านมาเลยนะ ขอบคุณที่คอยอยู่ข้างๆ และเป็นกำลังใจให้พี่ตลอด ขอเวลาให้พี่นะ หวังว่าของขวัญเล็กๆ น้อยๆ กับวีดีโอง่ายๆ นี้จะถูกใจนะ ขอให้ทาร์ตเป็นทาร์ตที่ร่าเริงและน่ารักกับพี่และคนอื่นๆ แบบนี้ตลอดไป’

   แค่นั้นก็ตัดจบไปครับ ไม่รู้จะพูดอะไรมากมาย ความรู้สึกพวกนี้มันสัมผัสได้ด้วยใจนะผมว่า กว่าจะนำวีดีโอมาตัดต่อรวมกันจนเสร็จก็ใกล้ได้เวลานัดพอดี ผมจึงรีบคว้ากล่องของขวัญแล้วออกไปขึ้นแท็กซี่ไปที่ร้านทันที ส่วนคลิปผมยังเก็บไว้ในโทรศัพท์ กะว่าจะส่งให้ในไลน์หลังจากให้ของขวัญแล้ว

หวังว่าเจ้าของวันเกิดที่แสนสดใสจะชอบสิ่งที่ผมทำให้นะ...


à suivre...


กลับมาแล้วครับผม ขอโทษเช่นเคยที่หายไปหลายวัน

เรื่องต่อจากตอนนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงบางอย่างเกิดขึ้น (นิดหน่อย) 5555+
ขอบคุณทุกคอมเม้นต์เลยนะฮะ คอมเม้นต์ของคุณ broke-back ทำให้ขำอีกแล้ว 555+
ขอโทษที่เนื้อเรื่องและตัวละครมันกลับมาวนลูป  :mew2:
แต่ก็อย่าเพิ่งทิ้งกันไปไหนนะ เรื่องใกล้จะจบเข้าไปเต็มที่แล้ว

จะพยายามหาเวลาว่างมาลงนะครับ

จนกว่าจะพบกันใหม่ จุ๊บ  :mew1:

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
อยากรู้จริงๆ ว่าตอนจบฟร๊องก์จะเลือกใคร

ออฟไลน์ OoniceoO

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
ฟร้องก็เลือกปาร์คเหมือนเดิม รักนี่นา

ออฟไลน์ PorschePor

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-0
from PAST to FUTURE... Chapitre 39 [20/8/2017]
«ตอบ #166 เมื่อ20-08-2017 11:23:00 »

Chapitre 39

   หลังจากที่ผมจัดการถ่ายและบันทึกวีดีโออวยพรวันเกิดให้ทาร์ตเรียบร้อย ก็รีบมาที่งานทันที

    “พี่ฟร๊องก์! มาแล้วเหรอ เข้ามาเร็วๆ” และทันทีที่ผมมาถึง ทาร์ตก็รีบผละออกจากกลุ่มเพื่อนวิ่งมารับผมที่ยืนอยู่หน้าร้านด้วยรอยยิ้มสดใสที่เป็นเอกลักษณ์ประจำตัวของมันไปแล้ว รอยยิ้มพร้อมเหล็กดัดฟันจะลอยเด่นเตะตามาก่อนอย่างอื่นเลย

   วันนี้ทาร์ตมันเหมาทั้งร้านเลย (อย่างว่าแหละ บ้านรวย!) ตอนนี้เลยมีแค่พวกเพื่อนๆ มัน รวมทั้งพวกรุ่นพี่ สายรหัสอะไรต่อมิอะไรของมัน ซึ่งผมเองก็ไม่รู้จัก ตอนนี้ผมเลยเอาแต่สอดส่ายสายตาหาเพื่อนๆ ผมอยู่เหมือนกัน ไม่รู้ไปนั่งซอกไหนของร้าน

   “อ่ะนี่ Happy Birthday นะ” ผมยื่นกล่องของขวัญให้เจ้าของวันเกิดก่อนเลย คือไหนๆ มันก็ซ่อนไม่ได้อยู่แล้ว ก็ให้ๆ มันไปเลย ค่อยไปเซอร์ไพรส์ตอนส่งคลิปในไลน์เอาแล้วกัน รอให้มันเปิดดูเอง ฮ่าๆ

   “โห้ยพี่ ไม่ต้องซื้อผมก็ได้ แต่ก็ขอบคุณมากนะครับ น่ารักที่สุด”

   “นี่! ถอยออกไปเลย อยากหัวโนหรือไง!” ผมรีบผลักทาร์ตออกทันที ก็แม่งเล่นเข้ามากอดผมแบบไม่ทันตั้งตัวซะงั้น แถมยังหน้าร้านอีก เพื่อนๆ มันมองกันหมดแล้ว ไอ้ห่าเอ๊ย!

   “ร่างกายมันไปเอง... ไปตามเสียงของหัวใจ”

   “เสี่ยวว่ะ เลิกซะนะมุกห่วยๆ แบบนี้ ว่าแต่เพื่อนพี่อยู่ไหนเนี่ย” หลังๆ มาผมไม่ค่อยแทนตัวเองว่ากูกับทาร์ตมันแล้วครับ ทาร์ตเองมันขอไว้ด้วย มันบอกไม่อยากให้ผมพูดไม่เพราะกับมัน แถมยังบอกอีกนะว่าให้ผมแทนตัวเองว่า ‘เค้า’ เลยก็ได้ ผมเลยด่าแบบติดตลกกับมันไปชุดใหญ่ พอสนิทกันมากๆ หน่อยเริ่มลามปาม

   “มาดิพี่ เดี๋ยวผมพาไปที่โต๊ะ นั่งกันแถวหน้าเวทีโน้น” ทาร์ตว่าก่อนจะคว้ามือผมเดินตามเข้าไปภายในร้าน จริงๆ ร้านมันก็ไม่ได้ใหญ่มากหรอกนะ แต่ตลอดทางมีสายตานับร้อยมองมาที่ผมกับทาร์ตตลอด แถมยังเจอเพื่อนซี้มันที่กำลังมีซัมธิงกับนุ่นเพื่อนผมเอ่ยปากแซวอีก ผมนี่แทบจะมุดขวดเหล้าหนี แต่ไอ้คนที่จับมือผมไม่ปล่อยนั้นกลับยิ้มร่ารับคำแซวนั้นอย่างไม่รู้สึกรู้สา จนในที่สุดผมก็มาถึงโต๊ะที่เพื่อนๆ ผมนั่งอยู่

   นี่โดนัทใช้สิทธิ์ความเป็นพี่ไอ้ทาร์ตเลือกโต๊ะเปล่าเนี่ย เพราะโต๊ะนี้เป็นหนึ่งในจุดที่ดีที่สุดของร้านเลย เห็นวงดนตรีที่เล่นได้ชัดเจน แถมยังเห็นทั่วทั้งร้านได้หมด แต่ถ้ามองจากมุมอื่นกลับเห็นโต๊ะนี้ได้ไม่ชัดนัก เพราะมันเป็นโต๊ะอยู่ติดเสาเลยทำให้มีเสาบังเอาไว้ ทำให้ตอนแรกผมมองหาพวกนี้ไม่เจอ แถมยังมีพื้นที่กว้างกว่าตรงอื่นด้วย ถือว่าเลือกที่นั่งได้ดี

   “พวกกูเห็นนะว่ามึงสองคนทำอะไรกันที่หน้าร้าน” มาถึงไวน์ก็เอ่ยปากแซวทันที

   “ทำไรมึง ก็แค่ให้ของขวัญเจ้าของวันเกิด” ผมทำไม่รู้ไม่ชี้ก่อนจะนั่งจุ่มปุ๊กลงบนเก้าอี้ว่างข้างๆ ดิว ก่อนจะเฉไฉเปลี่ยนเรื่องไปเนียนๆ “คนอื่นยังไม่มาเหรอ”

   “แก้วไม่มาหรอก ปล่อยคนๆ ดีเหลือไว้สักคน ส่วนนุ่นเห็นบอกกำลังแต่งตัวอยู่ สงสัยจะมาสวยให้คนแถวนี้ดู ส่วนเก็ทนี่ไม่รู้เหมือนกันว่ะ ติดต่อไม่ได้ มึงไม่ได้โทรหามันเหรอ ผัวมึงอ่ะ อุ๊ย! โทษๆ ผัวน้อย น้องกูอยู่ตรงนี้ด้วย ฮ่าๆๆ” โดนัทเป็นคนตอบคำถาม แต่ก็ไม่วายวนกลับเข้าเรื่องเดิมอีก

   “ไม่รู้ว่ะ กูก็ไม่ได้โทรหา ก็เห็นเมื่อเช้าบอกว่าไปธุระ นึกว่าจะมาที่งานเลย แล้วนุ่นมันมายังไงอ่ะ”

   “โอ้ย! มึงไม่ต้องเป็นห่วงอีนุ่นมันหรอก เจ้าชายของมันสแตนบายมอเตอร์ไซด์ขาวรอแล้ว ฮ่าๆ” ไวน์ว่า ก่อนที่ทุกคนจะหัวเราะกับคำตอบนั้น

   “เดี๋ยวไอ้เก่งเพื่อนผมมันไปรับแหละครับ งั้นเดี๋ยวผมไปหาเพื่อนก่อนนะ เดี๋ยวกลับมานั่งด้วย” ทาร์ตว่าก่อนจะเดินจากไป ผมจึงได้แต่ยิ้มกับคำตอบที่ได้ คราวนี้จะได้เห็นนุ่นเวอร์ชั่นอินเลิฟกับเขาแล้วเว้ย ไม่แซวได้ไงแบบนี้

   “สรุปมันคบกันแล้วเหรอ” ผมเอ่ยถามประเด็นเด็ดเกี่ยวกับนุ่นต่อทันที

   “มึงนี่ช้าเนอะ เขารู้กันทั่วแล้ว” ป๊อปอายที่นั่งเงียบอยู่นานเอ่ยขึ้นพร้อมกับเงยหน้าจากหน้าจอมือถือแทบจะทันที

   “ไม่แปลกหรอกที่มันจะไม่รู้ พักหลังมาตัวมันเองก็ยุ่งกับใครที่ไหนล่ะ มาเรียน เสร็จก็กลับห้อง ไม่รู้เป็นห่าอะไร” ไวน์ตอกผมกลับมา แต่ก็จริงอย่างที่มันพูดแหละครับ แต่ผมก็ไม่คิดว่าจะเป็นขนาดนั้นนะ เพราะมาเรียนผมก็พูดคุยกับคนอื่นปกตินะ แต่แค่ไม่ค่อยสนใจเรื่องของใครเลยต่างหาก

   “นั่นดิ เห็นบางทีโดนแซว ฟร๊องก์ก็ไม่ตอบโต้เหมือนแต่ก่อน แถมยังทำเหมือนไม่ได้ยินอีก” เป็นดิวที่ร่วมแสดงความเห็น เออนี่แสดงว่าผมเป็นหนัก เข้าขั้นเป็นสภาวะแอนตี้โซเชียลไปแล้วมั้ง ใกล้บ้าแล้วแหละ

   “กูเป็นขนาดนั้นเลยเหรอ ฮ่าๆ ช่างเหอะ เอาเรื่องนุ่นต่อ กูอยากรู้”

   “ก็อย่างที่เห็นแหละ เดี๋ยวนี้นุ่นมันก็ไม่ค่อยมาเรียนกับดิวแล้ว ให้ไอ้เด็กนั่นไปรับไปส่งตลอด ล่าสุดนี่เห็นไปดูหนังด้วยกันด้วยนะ แต่กูก็แปลกใจนะ ก่อนหน้านี้ก็มีคนเข้ามาชอบมันตั้งเยอะ แต่มันไล่ตะเพิดเขาไปหมด แต่พอเจอเด็กนี่หน่อย จากห้าวๆ ปากจัดนี่เปลี่ยนเป็นลูกแมวเลย” ป๊อปอายนี่รู้ลึกรู้จริงจริงๆ เนอะ

   “เออนั่นดิ น่าแปลก เดี๋ยวมาแล้วกูจะแซวให้สนุกเลย เล่นกูไว้เยอะ ได้เวลาล้างแค้น!” ผมยิ้มกระหยิ่มรอเวลาให้นุ่นมาถึง สนุกปากแน่ๆ ตัวยุตัวชงครบ!

   “ฟร๊องก์ลองโทรหาไอ้เก็ทมันหน่อยดิ เมื่อเย็นโทรไปแล้วมันปิดเครื่อง ไม่รู้ตอนนี้เปิดยัง หายหัวไปไหนมันก็ไม่รู้” ดิวหันมาสะกิดบอกผมท่ามกลางเสียงดนตรีที่เริ่มจะดังขึ้น

   ผมพยักหน้าเป็นอันบอกว่ารู้เรื่องก่อนจะเดินออกไปนอกร้านที่เสียงดนตรีเบาลงหน่อย แล้วจึงกดโทรออกไปยังเบอร์ของเก็ท กะว่าโทรเสร็จจะส่งวีดีโอวันเกิดให้ทาร์ตมันเลย ส่งไปตอนนี้มันก็คงยังไม่ได้เปิดดูหรอก เสียงดังๆ แถมยังอยู่กับเพื่อนแบบนี้ กว่าจะเห็นคงพรุ่งนี้

   ‘เลขหมายที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้’

   อ้าว ปิดเครื่องซะงั้น หายไปไหนของเขาวะ หายไปทั้งวันเลย จะไปไหนก็ไม่บอกกันมั้ง ธุระที่ว่ามันใช้เวลาเป็นวันๆ เลยหรือไง เออ! ลองโทรถามชัญญ่าดูก็ได้

   “ฮัลโหลชัญญ่า เก็ทอยู่กับญ่าเปล่าอ่ะ”

   [ตอนนี้เหรอเปล่านะ แยกกันไปตั้งแต่ตอนเย็นๆ แล้ว]

   “หายไปไหนของเขา โทรไปก็ปิดเครื่อง”

   [มีอะไรหรือเปล่า]

   “เปล่าหรอก พอดีมีงานวันเกิดน้องที่มอไง จะถามว่ามาหรือเปล่าก็โทรไม่ติด”

   [ที่ชื่อทาร์ตน่ะเหรอ] ชัญญ่าถามต่อ แต่ก็ทำให้ผมชะงักเล็กน้อยว่าเธอรู้ได้ไง แต่ก็คงเพราะเก็ทบอกเอาไว้ล่ะมั้ง
   “อืมใช่ๆ รู้ได้ไงเนี่ย”

   [อ๋อเปล่าหรอก เห็นเก็ทเคยพูดอยู่ ยังไงเที่ยวก็ระวังตัวด้วยแล้วกันนะฟร๊องก์ อย่าดื่มเยอะ]

   “ขอบใจนะญ่า แต่ไม่ต้องเป็นห่วง เพื่อนเยอะแยะ”

   [ก็ดีแล้ว ปกติไม่ค่อยเห็นไปเที่ยวแบบนี้ไง งั้นแค่นี้ก่อนก็ได้ เดี๋ยวญ่าลองโทรหาเก็ทให้อีกที ถ้าไม่ติดเดี๋ยวลองถามที่บ้านเก็ทให้ เพราะเราเพิ่งออกจากบ้านเก็ทมา แล้วจะไลน์ไปบอกนะ] ว่าแล้วชัญญ่าก็วางสายไป ทิ้งให้ผมยืนงงกับคำพูดของเธออยู่คนเดียว แต่ก็ส่ายหัวอย่างไม่ใส่ใจ เธอคงพูดด้วยความเป็นห่วง

   “พี่ฟร๊องก์ มายืนทำอะไรตรงนี้”

   “ทาร์ต! มาไม่ให้ซุ่มให้เสียงตกใจหมด! มีอะไรเหรอ” ผมที่เพิ่งวางสายจากชัญญ่าไป ถึงกับสะดุ้งเมื่ออยู่ๆ ทาร์ตโผล่มาทักจากด้านหลังในระยะประชิด

   “เปล่า ก็ไม่เห็นพี่อยู่ที่โต๊ะเลยเดินมาตาม ตกใจเหรอ มาๆ เดี๋ยวผมปลอบ” เจ้าตัวว่าพร้อมกับวาดวงแขนมาโอบผมไว้หลวมๆ

   “ไอ้นี่! ลามปามใหญ่ล่ะนะเดี๋ยวนี้!” ผมโบกมันเข้าที่หัวอย่างหมั่นไส้ ถือเป็นของขวัญวันเกิดอีกอย่างล่ะกัน วันนี้เล่นเยอะเกินไปล่ะ

   “ก็ไม่ค่อยได้เจอเลยนี่นา ขอกอดให้หายคิดถึงหน่อยนะ” มันทำหน้าเหมือนน้อยใจ ทำเอาผมหลุดขำออกมากับท่าทางตลกๆ ของมัน ไม่ค่อยอยากแกล้งมันมากเท่าไร เอาเถอะ ยอมให้วันหนึ่ง ถือว่าเป็นวันพิเศษล่ะกัน

   “เออๆ ยอมให้วันนี้วันเดียวนะ วันอื่นจะตบให้ฉี่ราดที่นอนเลย!” ผมชี้หน้าคาดโทษมัน ก่อนที่เจ้าตัวจะวาดวงแขนมากอดผมไว้อีกครั้ง

   ผมยืนนิ่งอยู่ในอ้อมกอดนั้นอยู่พักใหญ่ จนเริ่มได้ยินเสียงโห่ร้องและเป่าปากแซวดังมาจากในร้าน ทาร์ตจึงละวงแขนออกด้วยท่าทางเขิน ก่อนที่เราทั้งคู่จะเดินกลับเข้าไปที่โต๊ะท่ามกลางเสียงร้องแซวแซ่ซ้องนั้น แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้นั่ง เสียงไลน์ที่ชัญญ่าส่งมาพอดี เธอไลน์มาบอกว่าเก็ทเปิดเครื่องแล้ว แล้วก็บอกให้โทรกลับมาหาผมด้วย ซึ่งก็ยังไม่ทันอ่านจบ เสียงโทรศัพท์ผมก็ดังแข่งกับเสียงเพลงในร้านอีกครั้ง เพิ่งเดินมานั่ง กูต้องเดินออกไปอีกแล้ว

   “ฮัลโหลเก็ท หายไปไหนมา”

   [โทษที พอดีธุระมันยุ่งๆ อ่ะ ไม่ได้จับโทรศัพท์เลย ปิดเครื่องไว้เลยลืมเปิด]

   “อืม ไม่ได้ว่าไร แค่เป็นห่วง เห็นติดต่อไม่ได้ แล้วนี่จะมางานไอ้ทาร์ตมันเปล่า”

   [น่าจะไม่ได้ไปแล้ว ยังไงฝากขอโทษทาร์ตด้วยแล้วกัน]

   “อ้าวเหรอ ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวจะบอกทาร์ตให้นะ แค่นี้ก่อนแล้วกัน เสียงดังอ่ะ ไม่ค่อยได้ยิน” แล้วผมก็ตัดสายไป ก่อนจะเดินกลับไปที่โต๊ะ และพบกับนุ่นในชุดเดรส สวยหวานมาเชียว เห็นดังนั้นผมก็ไม่ปล่อยผ่าน เอ่ยปากแซวทันที

**********__________**********

   เวลาล่วงเลยไปเรื่อยๆ จากหนึ่งชั่วโมง ก็เป็นสอง สาม สี่ชั่วโมงไปเรื่อยๆ จนตอนนี้เป็นเวลาเกือบตีหนึ่งแล้ว ผมเองก็เริ่มมึนๆ แล้วเหมือนกัน เมื่อตอนห้าทุ่มซึ่งเป็นเวลาเกิดของทาร์ตมันก็เพิ่งเป่าเค้กที่โดนัทมันเตรียมไว้กับทางร้านเพื่อเซอร์ไพรส์น้องตัวเอง ก็เลยตัดเค้กมากินกันอีก โคตรเข้ากันเลยของหวานกับเหล้า แบบนี้เมาสิครับ! พวกผมเม้าท์เพลิน แซวนุ่นมันจนมันแทบจะมุดโต๊ะหนี

   ผมไม่ได้ลืมส่งวีดีโอให้ทาร์ตมันนะครับ ตอนแรกว่าจะส่งตอนออกไปโทรหาเก็ท แต่เจ้าตัวดันโผล่มาซะก่อน ผมเลยยังไม่ได้ส่ง อีกทั้งยังนั่งดื่มนั่งคุยกันจนเพลิน มานึกได้อีกทีตอนที่โดนัทกับไวน์เอาเค้กออกมาเซอร์ไพรส์ทาร์ตมานั่นล่ะ ผมเลยอาศัยช่วงชุลมุนนั้นส่งวีดีโอเข้าไลน์ทาร์ต เพราะรู้ว่ายังไงซะตอนนี้เจ้าตัวคงไม่ได้สนใจเปิดดู ดีไม่ดีอาจจะไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำว่ามีข้อความในไลน์เข้า

   “ไวน์ ไปห้องน้ำเป็นเพื่อนหน่อยดิ” ผมเอ่ยปากชวนไวน์อีกครั้ง ไม่รู้ว่าเป็นครั้งที่เท่าไร แต่ผมเป็นคนที่ปวดฉี่บ่อยมากเวลากินเหล้า ทั้งที่ปกติเป็นคนไม่ได้เข้าห้องน้ำบ่อยขนาดนั้นนะ

   “ไปด้วย/กูด้วย” ดิวกับป๊อปอายพูดขึ้นมาพร้อมกันก่อนจะลุกตามผมสองคนมา ทิ้งให้โดนัทกับทาร์ตสองศรีพี่น้องนั่งเฝ้าโต๊ะ ส่วนนุ่นไปเต้นอยู่กับเพื่อนทาร์ตมันแล้วครับ พอเมาแล้วก็กลับมารั่วเหมือนเดิม

   พวกผมเดินกลับมานั่งที่โต๊ะ ซึ่งย้ายที่ออกมาด้านนอกแล้ว เพราะพวกเพื่อนๆ กับรุ่นพี่ที่คณะทาร์ตได้ยึดครองพื้นที่สำหรับการกระโดโล้ดเต้นด้านหน้าเวทีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทำให้พวกผมต้องขยับออกมาด้านนอกหน่อย แต่ก็รับลมดีครับ ร้านนี้ตรงหน้าร้านจะเปิดโล่ง แต่มีหลังคานะ ส่วนตรงโซนเวทีจะมีผนังครับ

   เรายังคงนั่งดื่มกันต่อ แต่ผมหมดแก้วนี้ก็พอแล้วแหละครับ ไม่ไหวแล้ว ส่วนคนอื่นๆ ก็เริ่มหยุดกันไปแล้วครับ เหลือก็แต่ดิวกับทาร์ตแหละที่คอแข็งสุด นั่งจิบ นั่งคุยกันไปเรื่อยๆ

   “กู%@$%)+แล้วว่ะ” ไวน์บ่นกระปอดกระแปดขณะที่ฟุบหน้ากับโต๊ะ ทำให้ผมได้ยินไม่ถนัดนักหรอก ยิ่งเสียงดนตรีสดช่วงนี้ที่กำลังมันด้วยแล้ว ยิ่งไม่รู้เรื่องเข้าไปใหญ่ว่ามันพูดว่าอะไร
แต่ตอนนี้ผมเริ่มรู้สึกมึนหัวยังไงไม่รู้ เสียงเพลงรอบข้างเริ่มน่ารำคาญมากขึ้น มันดังเข้าโสตประสาทจนผมปวดหัว ผมรู้สึกว่าร่างกายมันร้อนขึ้นๆ ทุกขณะ หรือผมจะเมามากแล้วจริงๆ ก็ไม่รู้ ผมเอามือทั้งสองข้างกุมหัวแล้วฟุบกับโต๊ะด้วยความทรมาน

   “พี่ฟร๊องก์เป็นไรเปล่า ไหวไหมพี่” เสียงทาร์ตดังขึ้นข้างๆ หูผม แต่ผมมึนหัวมากจนไม่ได้เงยหน้าขึ้นมาตอบ

   “ฟร๊องก์ไหวเปล่า กลับเลยไหม” เสียงดิวดังขึ้นอีกคน ผมพยักหน้ารับทันที กลับเถอะ! ผมร้อน ผมอยากอาบน้ำ ร้อนมากเลย!

   “กลับๆ กลับเถอะ ปวดหัวอ่ะ ร้อนด้วย” ผมรีบพูดแล้วลุกขึ้นทันที แต่ก็เกือบจะล้มเพราะทรงตัวไม่อยู่ ดีที่ใครสักคนมาคว้าตัวผมไว้ทัน ไม่งั้นคงได้ลงไปวัดพื้นร้านแล้ว ทำไมผมไม่มีแทบแรงเลย ปกติกินแล้วก็ไม่เคยเป็นแบบนี้นะ

   “พวกพี่จะอยู่ต่อกันเปล่าครับ” เสียงทาร์ตดังขึ้น เหมือนกำลังตกลงกันอยู่ว่าจะเอายังไง ทาร์ตนี่เองที่มาประคองตัวผมไว้ ตอนนี้ผมอยู่กลับมานั่งที่เก้าอี้ แต่ตัวเอียงไปพิงตัวทาร์ตเอาไว้เหมือนคนไม่มีกระดูก อ่อนปวกเปียกไปหมด จะเอายังไงก็เอาเถอะ แต่ตอนนี้ผมขอกลับก่อนได้ไหม

   เสียงคุยกันของเพื่อนๆ ผมกับทาร์ตดังระงมอยู่ไม่ไกล แต่ผมกลับฟังไม่รู้เรื่องเลยว่าใครพูดอะไรบ้าง ไอ้ดนตรีบ้านี่ก็หยุดสักทีเถอะ หนวกหู! ผมไม่ไหวแล้ว อยากนอนแช่น้ำอ่ะ อยากกินน้ำด้วย มันร้อนอ่ะ ข้างในผมร้อนลุ่มมาก! หัวผมโงนเงนไปอีกฝั่งซึ่งเป็นใครไม่รู้ที่มาเป็นเสาให้ผมพิง ก่อนที่เสียงของทาร์ตจะดังขึ้นอีกครั้ง

   “พี่ฟร๊องก์ลุกไหวไหม” ทาร์ตว่าก่อนจะค่อยๆ ประคองตัวผมให้ลุกขึ้นยืน ผมได้แต่พยักหน้าตอบ “ทนหน่อยนะ เดี๋ยวผมไปส่ง”

   ไม่รู้ว่าใช้เวลาเท่าไรที่ทาร์ตพาตัวผมมายังห้อง แต่ผมรู้สึกว่ามันนานเหลือเกิน ตอนนี้สติผมแทบจะไม่รับรู้สิ่งรอบข้างแล้ว หัวผมปวดจนแทบระเบิด ตอนนี้อยากได้น้ำเย็น อยากอาบน้ำเย็นๆ ผมเป็นไรไม่รู้ นอกจากจะรู้สึกร้อนวูบๆ แล้ว ยังหายใจเร็วและแรงกว่าปกติด้วย แถมร่างกายที่สัมผัส เสียดสีกับทาร์ตไปมาระหว่างขึ้นมาบนห้อง มันยิ่งทำให้สติผมพุ่งพล่าน ผมรู้สึกว่าไอ้นั่นของผมมันเริ่มแข็งตัวขึ้นมา

   “พี่ฟร๊องก์...” เสียงทาร์ตดังใกล้หูผมขณะที่ผมนอนแผ่อยู่บนเตียง ด้านล่างของผมตอนนี้มันแข็งขืนจนคับกางเกงด้วยความอับอายจนผมต้องเอามือมาปิดเอาไว้

   “อื้อ... ร้อนอ่ะ เปิดแอร์ให้หน่อย” ผมพูดอู้อี้ไม่รู้ทาร์ตมันจะฟังรู้เรื่องไหม

   “พี่...” ทาร์ตพูดด้วยเสียงแผ่วเบา เช่นเดียวกับฝ่ามือของมันเริ่มลูบไล้ไปตามร่างกายของผมอย่างแผ่วเบาเช่นกัน ผมรู้ว่ามันจะทำอะไร แต่ผมห้ามความต้องการตัวเองไม่ได้ เพราะในตอนนี้ผมรู้สึกว่าผม ‘ต้องการ’ มันเหมือนกัน!

   “ทะ... ทาร์ต อื้อ... จะทำอะไร” ผมพูดอย่างหอบกระหาย ผมเริ่มรู้สึกว่าแก่นกลางลำตัวผมเริ่มปวดหนึบๆ มากขึ้นเพราะมันขยายตัวแน่นกางเกงเต็มที่ ก่อนที่ฝ่ามือของทาร์ตจะไปหยุดที่ตรงนั้น... แล้วกำไว้เต็มมือของมัน

   “ผมขอโทษนะที่ต้องทำกับพี่แบบนี้... แต่ผมทำไปเพราะผมรักพี่ ผมอยากให้พี่เป็นของผมจริงๆ ผมรอต่อไปไม่ไหวแล้ว เพราะผมรู้สึกว่ายิ่งรอพี่ยิ่งออกห่างจากผม ผมกลัวว่าพี่จะทิ้งผมไปผมถึงต้องทำแบบนี้ เราจะได้เป็นของกันและกันสักที” ทาร์ตกระซิบข้างหูผมด้วยน้ำเสียงแหบพร่าโดยที่สติผมไม่รับรู้หรือจับใจความอะไรได้ทั้งนั้น ตอนนี้ผมต้องการแค่ใครสักคนที่มาปลดปล่อยความทรมานจากความต้องการด้านมืดในตัวผมให้ที

   “ย่ะ... อย่า... อ๊าาา”

   ก่อนที่ทุกอย่างจะเริ่มบรรเลงไปตามที่อีกฝ่าย รวมทั้งร่างกายของผมต้องการ...


à suivre...


อ้าววววววววววว!!! ทาร์ตที่น่ารักของเราจะทำอะไรฟร๊องก์!?
ทำไมฟร๊องก์ถึงมีอาการแปลกๆ แบบนั้น!

ไม่สปอยล์ตอนต่อๆ ไปล่ะกันเนอะ 555+ อยากให้ลองลุ้นไปเอง
แต่อย่างที่เคยบอกไว้ว่าตัวละครหลักที่ใส่มา มีความเป็นสีเทา ให้ลองเดาทางกันไป


ช่วงที่ผ่านมาไม่ค่อยว่างเท่าไร สัญญาว่าจะพยายามหาเวลามาลง ก็หายไปนานอีกเช่นเคย  :mew6:
เอาเป็นว่าไม่ขอสัญญาแล้วกัน 555+ ว่างแล้วจะพยายามมาลงให้เนอะ

จนกว่าจะพบกันใหม่ จุ๊บ  :mew1:

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
วางยาเหรอทาร์ต ระวังฟร๊อก์งจะโกรธนะ

ออฟไลน์ oilzaza001

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 619
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
ยังไงก็ได้เราคนอ่านยอมหมด..แม้กระทั่งเรื่องวางยา
ขออย่างเดียว..ขอแค่ให้ฟร๊องก์เลิกบ้ากับไอ่ปาร์คได้ซะที

ทาร์ตอย่ารุนแรงกับฟรองก์นะ
เอาแค่พอดีๆ ไม่ต้องมากไม่ต้องน้อย
แค่ฟร๊องก์ไปกลับไปบ้ากับไอ่ตัวซวย
แค่นั้นล่ะ หึหึ

+1 ฮับ

ออฟไลน์ OoniceoO

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
น่าสงสรแต่ปาร์คก็ต้องมาเจอชัว

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
^
^
น่าจะเป็นเก็ทมากกว่าที่เป็นคนมาช่วยฟร๊องก์ได้ทัน
เพราะฮีคือวีรบุรุษของฟร๊องก์

ส่วนไอ่ปาร์คคงยากที่จะโผล่หัวออกมาจากซอกหลืบของหญิงเกล
หึหึ
 :z6:

ออฟไลน์ magic-moon

  • magKapleVE
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 495
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-2
    • Freedom of meetups, no obligations
เก็ทคนเดียว จุดๆนี้

ออฟไลน์ PorschePor

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-0
from PAST to FUTURE... Chapitre 40 [24/8/2017]
«ตอบ #174 เมื่อ24-08-2017 19:37:21 »

Chapitre 40

   “ผมขอโทษนะที่ต้องทำกับพี่แบบนี้... เราจะได้เป็นของกันและกันสักที”

   “ย่ะ... อย่า... อ่าาาห์”

   เสียงครางนั่น เสียงใคร อย่าบอกนะว่าเสียงของผมเอง ความรู้สึกเสียวซ่านยิ่งเพิ่มขึ้นทุกครั้งที่มือของทาร์ตสัมผัสไปตามร่างกายของผม ในหัวผมเริ่มเบลอไปหมด สติผมแทบไม่รับรู้อะไรแล้ว ตอนนี้สนใจเพียงแค่ช่วยให้ผมหายทรมานที ช่วยผมให้เสร็จที ผมไม่ไหวแล้ว ผม... ต้องการมัน!

   ตอนนี้ในหัวผมขาวโพล่นไปหมด ดวงตาก็หนักอึ้งเกินกว่าจะลืมขึ้นมามองว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง ผมรู้ว่าสิ่งที่กำลังเกิดอยู่นี้มันผม และผมเองก็ไม่อยากให้มันเกิด แต่ผมห้ามตัวเองไม่ได้ ห้ามความต้องการไม่ได้ ยิ่งคนตรงหน้าสัมผัสมากเท่าไร มันก็ยิ่งกระตุ้นความต้องการส่วนลึกของผมให้ออกมามากเท่าไรนั้น
   
   ความรู้สึกเสียวแผ่ซ่านไปทั้งตัวเมื่ออีกคนเริ่มซุกไซร้ที่ต้นคอของผม ขณะที่ฝ่ามือนั้นก็ยังบดขยี้ส่วนอ่อนไหวของผมที่แข็งสู้มือนั้นอยู่ ยิ่งแรงบดจากฝ่ามือนั้นกดเน้นลงไปมากแค่ไหน ผมยังอยากให้มันถึงจุดหมายเร็วมากขึ้นเท่านั้น

   “พะ... พอแล้ว ช่วยที อย่า... แกล้ง ไม่... ไม่ไหวแล้ว... อื้อออ... ช่วยที อ๊าาา...”

   “ใจเย็นสิครับพี่ อีกเดี๋ยวผมจะจัดให้พี่แบบ... ถึงใจเลย”

   ผมจวนจะไร้ซึ่งสติใดๆ แล้ว เสื้อผ้าที่ใส่ก็เริ่มถูกถอดออกจากร่างกายอย่างว่าง่าย พร้อมกับรสสัมผัสที่ยิ่งเพิ่มดีกรีความเร้าร้อนและความต้องการของผมให้พุ่งสูงขึ้น แก่นกายปวดหนึบจนอยากจะปลดปล่อยให้หายทรมาน ผมไม่รับรู้อะไรอีกแล้วนอกเสียจากเสียงครางกระเส่าที่หลุดออกมาจากริมฝีปากของตัวเองเมื่อถูกสัมผัสชื้นแฉะที่ตุ่มไตสีชมพูแข็งชันบนเนินอกของผมอย่างไม่ขาดสาย

   “อ๊ะ... อ๊าาา...... อื้มมม...” ผมครางไม่ได้ศัพท์เมื่อคนที่อยู่ด้านบนขมเม้มสลับกับเลียตุ่มไตบริเวณอกของผม

   “ชอบไหมครับ” เสียงของอีกคนดังขึ้น ขณะที่การกระทำดังกล่าวหยุดลงชั่วครู่ ก่อนที่ริมฝีปากนั้นจะบรรจงจูบอย่างเร้าร้อนกับริมฝีปากของผม เรียวลิ้นสอดเข้ามาในโพรงปากพร้อมกวาดต้อนลิ้นขึ้นผม ขณะที่ผมเองก็ไม่ยอมแพ้ กวาดลิ้นสู้สัมผัสนั้นด้วยเช่นกัน

   “ไม่ไหวแล้ว ช่วยที” ผมเอ่ยออกไปอย่างควบคุมไม่ได้ ตอนนี้ผมไม่สามารถด้านทานความ ‘อยาก’ ของร่างกายได้ ส่วนนั้นของผมแข็งขืนจนปวดไปหมด ผมต้องการการปลดปล่อย

   “ผมก็อดใจไม่ไหวแล้วเหมือนกัน...” คนที่คร่อมผมอยู่ด้านบนถอดเสื้อผ้าออกอย่างรวดเร็ว ก่อนจะแทรกตัวเข้ามากลางหว่างขาผมอย่างง่ายดาย โดยที่ผมไม่มีท่าทีขัดขืนแม้แต่น้อย ตอนนี้แค่สติผมยังแทบจะไม่เหลือ ผมรู้อย่างเดียวเพียงแค่ต้องการให้ใครสักคนมาช่วยปลดปล่อยให้ผมที

   ผมกระตุกวูบเมื่อนิ้วเรียวสอดแทรกเข้าไปยังจุดอ่อนไหว แต่นั่นก็ทำให้ผมรู้สึกดีจนหอบหายใจหนักและถี่หลายต่อหลายครั้ง ร่างกายรัดเกร็งแน่นรับสิ่งแปลกปลอมที่แทรกเข้ามา คนตัวใหญ่แช่นิ้วนิ่งอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนจะค่อยๆ ขยับเข้าและถอนออกมันเป็นจังหวะจนผมสั่นสะท้านไปทั้งร่าง

   ขณะเดียวกันผมก็ใช้มือข้างที่ถนัดขึ้นมารูดส่วนกลางลำตัวของตัวเองเพื่อผ่อนคลายความปวดตึงของมัน แม้จะแทบไม่ได้สติ แต่ผมกลับรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก จนนิ้วที่ว่านั้นถูกถอนออกไปทำให้ผมรู้สึกโหว่งในท้อง

   แต่เพียงไม่นาน สัมผัสเปียกชื้นพร้อมกับสิ่งที่ใหญ่กว่าก็ถูกสอดเข้ามาแทนที่...

   “อา...” เสียงครางลึกในลำคอดังขึ้น เมื่อร่างนั้นฝังกายเข้ายังส่วนที่ลึกที่สุดของผมพร้อมแช่ค้างไว้ ผมรับรู้ได้ถึงความร้อนของส่วนนั้น แม้ว่าสติจะเลือนรางเพียงใด 

   ไม่นาน เสียงหอบหายใจหนักๆ ของผมกับอีกคนก็ดังสลับกับเสียงกระทบกันของผิวกายก้องไปทั้งห้อง ร่างที่ใหญ่กว่าผมขยับกายกระแทกเป็นจังหวะ สลับกับการปรนเปรอส่วนนั้นให้กับผม จนในที่สุดความต้องการที่อยากจะปลดปล่อยก็สำเร็จเมื่อของเหลวอุ่นไหลนองเต็มหน้าท้องแบนราบของผม พร้อมกับสติที่หลุดลอยไป...

   “ไอ้เหี้ย! มึงทำไร!” เมื่อกิจกรรมนั้นจบลงไม่นาน เสียงใครบางคนดังขึ้นพร้อมกับเสียงเปิดประตูอย่างแรงจนไปกระแทกกับผนังห้องเสียงดังแทรกขึ้นมา ก่อนที่ริมฝีปากของคนที่ระดมจูบทั่วลำคอผมอย่างอ้อยอิ่งนั้นต้องหยุดลง พร้อมกับแรงกระชากจากด้านหลังจนน้ำหนักตัวที่กดทับลงมาที่ผมในตอนแรกหายไปด้วย

   ผลัวะ! พลั่ก! พลั่ก!

   ใคร!?

   ผมได้เพียงตั้งข้อสงสัยไว้ ก่อนที่สติผมจะดับวูบไป...
   
**********____________***********

   ผมรู้สึกตัวขึ้นมาด้วยอาการปวดหัวอย่างรุนแรง ปวดจนแทบระเบิด ในหัวมันวิ้งๆ เบลอไปหมด ลำคอและริมฝีปากก็แห้งผากจากการขาดน้ำ ก่อนที่จะรู้สึกถึงความชื้นของผ้าชุบน้ำที่สัมผัสลงบนหน้าผากของผมอย่างแผ่วเบา ผมจึงค่อยๆ ลืมตาขึ้นด้วยความยากลำบากเพื่อจะดูว่าใครเป็นเจ้าของสัมผัสนั้น คนที่กำลังเช็ดตัวให้กับผม

   “ปะ... ปาร์ค...” ผมเปล่งเสียงอันแหบแห้งเรียกชื่อคนที่อยู่ตรงหน้า ดวงตาที่ว่าลืมยากในตอนแรกกลับเบิกกว้างเมื่อได้เห็นเจ้าของร่างสูงโปร่งที่กำลังค่อยๆ เช็ดหน้าให้ผมอย่างตั้งใจ ปาร์คมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง แล้วเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นกับผม ทำไมผมถึงปวดหัว และเมื่อยเนื้อเมื่อยตัวมากขนาดนี้

   “...” ปาร์คไม่ได้พูดอะไร แต่มองหน้าผมนิ่ง ขณะที่มือที่กำลังจับผ้าขนหนูหมาดนั้นก็ยังไม่หยุดเช็ดให้ผมด้วยความตั้งอกตั้งใจ

   “หิว... น้ำ” ผมพูดเสียงเบาเพราะอาการคอแห้ง ปาร์คที่มองหน้าผมอยู่นั้นพยักหน้ารับเล็กน้อย ก่อนจะวางผ้าขนหนูในกะละมังใบเล็กแล้วลุกไปเทน้ำให้แก้วมาให้ ก่อนจะกลับมาประคองผมให้ค่อยๆ ลุกขึ้นนั่งดื่มน้ำอย่างเบามือ

   “ดีขึ้นไหม เอาอีกไหม” เสียงนุ่มทุ้มที่คิดว่าจะไม่ได้ยินอีกแล้วดังขึ้นอย่างอบอุ่น ขณะที่วงแขนกำยำนั้นค่อยๆ วางศีรษะผมลงบนหมอนเหมือนเดิมหลังจากที่ผมดื่มน้ำเสร็จ

   “ปวดหัว... ว่า... ว่าแต่ปาร์คมาได้ไง” ผมที่ดื่มน้ำจนหมดแก้วอย่างรวดเร็วส่ายหน้าตอบ ก่อนเอ่ยถาม พร้อมหลบตาลงเล็กน้อย ยิ่งได้เห็นสายตาเป็นกระจายคู่นี้ มันยิ่งทำให้ผมคิดถึงอย่างปฏิเสธไม่ได้

   “มาได้ไงไม่สำคัญหรอก แต่ปาร์คอยู่ที่นี่แล้ว จะไม่มีใครทำอะไรฟร๊องก์ได้อีก” ปาร์คไม่ได้ตอบคำถามของผมในทันที แต่กลับเดินไปล้างแก้วคว่ำ แล้วจึงกลับมาประจำที่ตำแหน่งเดิมแล้วจึงตอบผมด้วยรอยยิ้มบาง พร้อมกับฝ่ามือที่ยื่นมาลูบเส้นผมของผมอย่างอ่อนโยน

   “แล้วใครจะทำอะไรฟร๊องก์ เมื่อคืนมันเกิดอะไรขึ้น”

   “เมื่อคืน... ฟร๊องก์โดนวางยา... ยาปลุกเซ็กส์!” คำตอบของปาร์คเล่นเอาผมลืมอาการปวดหัวไปชั่วขณะ โดนวางยางั้นเหรอ เมื่อคืนผมจำได้ว่าผมดื่มอยู่ในงานเลี้ยงวันเกิดของทาร์ต แล้วหลังจากนั้นก็เริ่มมึนหัวแล้วก็ร้อนในอกขึ้นมาแปลกๆ แล้วผมก็จะจำอะไรไม่ได้อีก ถึงว่าสิอาการแปลกๆ เหล่านั้น แล้วใครกันเป็นคนวางยาผม?!

   “คะ... ใคร”

   “ไอ้เด็กเลว! รุ่นน้องที่ชอบมายุ่งกับฟร๊องก์นั่นไง!” น้ำเสียงอันอบอุ่นที่ใช้พูดกับผมก่อนหน้าแปรเปลี่ยนเป็นเกรี่ยวกราดทันทีที่พูดถึงคนที่ทำร้ายผม จนผมถึงกับสะดุ้งกับเสียงที่แทบจะเหมือนการตวาด แต่ที่ทำให้ผมตกใจมากกว่า ก็เมื่อได้รู้ว่าคนที่ใส่ยาให้นั้นผมคือใคร ก่อนที่ปาร์คจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงและสีหน้าที่ดูเศร้าหมองผิดกับเมื่อกี้ลิบลับ “ปาร์คขอโทษนะที่ปาร์คมาช้าเกินไป ฟร๊องก์ถึงได้... แต่ตอนนี้ปาร์คอยู่นี่แล้ว จะไม่มีใครทำอะไรฟร๊องก์ได้อีก”

   ถ้าอย่างนั้นก็หมายความว่า... เมื่อคืน... ผมกับทาร์ต...

   ‘ทาร์ต’ คนที่ผมอยากเปิดใจ อยากลองเริ่มต้นศึกษาดู อีกหนึ่งคนที่ผมไว้ใจ เชื่อใจ แล้วเอ็นดูในความน่ารักสดใสของเขาในเวลาอันสั้นที่เราได้รู้จักกัน แต่กลับเป็นคนทำเรื่องเลวร้ายกับผมอย่างคาดไม่ถึง ทำลายความหวังดี ความเชื่อใจ ทำลายทุกความรู้สึกดีๆ ทุกๆ อย่างที่ผมมีให้ มันทำได้ยังไง! ทำกับผมแบบนี้ได้ยังไง!

   “ทะ... ทาร์ต เป็นคนทำเหรอ...” ผมเอ่ยถามเสียงสั่นและแผ่วเบา ขอร้องแหละ ขอให้อย่าเป็นจริงเลย ผมไม่อยากเสียคนดีๆ ในชีวิตอีก ขอให้มันเป็นแค่ความฝันก็ได้ บอกผมทีเถอะว่ามันไม่จริง

   “ไอ้เวรนั่นแหละที่มันวางยาปลุกเซ็กส์ ล่ะ.. แล้วก็... ข่มขืนฟร๊องก์!” ผมมองสายตาที่โกรธแค้นของปาร์คขณะที่ตัวเองก็กลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก แววตาที่เปี่ยมไปด้วยเพลิงแค้นนั้นเป็นเครื่องยืนยันว่ามันได้เกิดขึ้นแล้วจริงๆ ผมยอมรับว่ามันยากที่จะทำใจรู้รับและยอมรับเรื่องบ้าๆ นี้ได้ ไหนล่ะคนที่บอกว่าจะอยู่เคียงข้างผมเสมอ จะเป็นกำลังใจให้ผมเสมอ อีกหนึ่งคนที่จะไม่ทิ้งผม แล้วทำไม... ทำไมถึงทำกับผมแบบนี้ได้ ทำไมกัน!

   เหตุการณ์เมื่อคืนมันเริ่มย้อนกลับเข้าในหัวผมเรื่อยๆ แม้จะคิดภาพเหตุการณ์ไม่ออก แต่เสียงรอบข้าง คำพูดต่างๆ ที่ผมยังพอรับรู้ได้มาเริ่มหลั่งไหลเข้ามาในหัวมากขึ้นๆ อาการร้อนเร้าที่เกิดกับร่างกายตั้งแต่อยู่ที่ร้านเหล้า อาการเบลอ มึนหัวจนแทบไม่รับรู้สิ่งรอบข้าง ความต้องการส่วนลึกที่แค่เพียงถูกสัมผัสก็กระตุ้นให้ผมถึงความใคร่มากขึ้น อาการเหล่านี้เพราะยาปลุกเซ็กส์สินะ
    
   เมื่อคืนทุกอย่างดูเรียบเฉยเป็นปกติตลอด แล้วทาร์ตใส่ให้ผมตอนไหนกัน แล้วทำเพื่ออะไรกัน ต้องการร่างกายผมจนถึงกับยอมแลกความเชื่อใจ ต้องการเสพสมโดยแลกความรู้สึกดีๆ ที่มีให้กันเลยงั้นเหรอ ช่วงเวลาหลายเดือนที่ได้รู้จักกันทาร์ตต้องการจากผมแค่นี้เองอย่างนั้นเหรอ
   
   ผมคิดไม่ตก แต่ก็ไม่สามารถหาเหตุผลมาตอบข้อสงสัยของตัวเองได้ เพราะคนเดียวที่รู้คำตอบมากที่สุดก็คือเจ้าตัวเอง น้ำตาเจ้ากรรมก็เอ่อล้นและทะลักออกมาอย่างกลั่นไม่อยู่ ผมหยุดถามตัวเองไม่ได้เลยว่ามันเกิดขึ้นมาเพราะอะไร จนอาการปวดหัวที่ผมลืมไปแล้วย้อนกลับมาแล้วปวดหนักขึ้นด้วยเช่นกัน ยิ่งผมคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะที่ผมไม่รู้สึกตัวเมื่อคืนนี้ ผมยิ่งปวดหัวหนักขึ้นๆ ทุกที จนผมต้องยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาบีบหัวตัวเองอย่างแรงเพื่อให้หยุดคิด

   “ฟร๊องก์! ฟร๊องก์หยุด! มันผ่านไปแล้ว ตอนนี้ปาร์คอยู่นี่แล้ว ไม่มีใครทำอะไรฟร๊องก์ได้แล้ว” ปาร์ครวมแขนทั้งสองข้างไว้ก่อนจะดึงตัวผมเข้าไปอยู่ในอ้อมกอด

   “ฮึก... ฮื้อ...” น้ำตาผมไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้ เกลียดอะไรผมเหรอถึงต้องทำกับผมแบบนี้ ทาร์ตเกลียดอะไร ไม่พอใจอะไรผมงั้นเหรอ ยิ่งคิดก็ยิ่งปวดหัว ผมได้แต่ปล่อยเสียงสะอื้นอยู่ในอ้อมกอดของปาร์ค

   “อย่าคิดมาก เดี๋ยวจะยิ่งปวดหัวนะ เดี๋ยวกินยาแล้วนอนพักก่อนเถอะ  เรื่องอื่นค่อยว่ากัน เดี๋ยวปาร์คอยู่เป็นเพื่อนเอง ไม่ร้องนะครับคนดี” ตอนนี้ผมรู้สึกอุ่นใจเหลือเกินในอ้อมกอดของผู้ชายคนนี้ แม้ว่าก่อนหน้าจะเป็นอย่างไรก็ตาม ปาร์คกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้นก่อนจะค่อยๆ โน้มคอลงมาจูบประทับที่หน้าผากของผม

   ไม่ว่าตื่นมาแล้วผมจะต้องเจอเรื่องอะไร ต้องทำใจยอมรับเรื่องที่เกิดนี้อย่างยากเย็นแค่ไหน จะต้องทนกลั่นน้ำตาไว้มากเพียงใด แต่ตอนนี้ขอผมได้ซึมซับอ้อมกอดอันอบอุ่นจากคนที่ผมคิดถึงนี้ก่อนเถอะ คิดถึงมากแม้จะเคยถูกทำร้ายจากคนที่โอบกอดนี้ก็ตาม

**********___________**********

   ไม่รู้ว่านานแค่ไหนที่ผมกินยาแล้วหลับไปในอ้อมกอดของปาร์ค ผมรู้สึกตัวขึ้นมาอีกครั้งแล้วพบว่าตั้งแต่นอนหนุนแขนของปาร์คอยู่ ในขณะที่เจ้าตัวก็กำลังนอนมองด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะใช้มืออีกข้างเกลี่ยผมด้านหน้าที่ปรกหน้าผากอย่างแผ่วเบา

   ปาร์คคนที่อ่อนโยนอยู่ตรงหน้าผมในตอนนี้ ช่างต่างกับปาร์คที่ทำร้ายผมในวันนั้นเหลือเกิน ต่างมากจนบางทีผมก็ไม่รู้ว่าแบบไหนคือตัวปาร์คที่แท้จริงกันแน่ ปาร์คที่กำลังดูแลผมในตอนนี้ หรือปาร์คคนที่เลือกจะปกป้องผู้หญิงคนนั้น...

   “เอ่อ... ฟร๊องก์... ไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ” ผมรีบลุกออกจากเตียงไปยังห้องน้ำทันที ก่อนจะมายืนเป่าปาก พร้อมเอามืออังแก้มที่ร้อนผ่าวทั้งสองข้าง ทั้งที่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ใกล้กันมากขนาดนี้ แต่ทำไมผมกลับรู้สึกประหม่าและใจเต้นแรงขนาดนี้ก็ไม่รู้ ต้องแอบหลบมาสงบสติในห้องน้ำก่อน ถ้าขืนยังอยู่ในสถานการณ์แบบนั้นต่อประกอบกับดูจากสายตาคู่นั้นที่มองมาแล้ว ผมกลัวว่ามันจะไม่จบที่แค่มองหน้ากัน

   ผมจัดการล้างหน้าแปรงฟัน และใช้เวลาในห้องน้ำอยู่พักใหญ่ ก่อนจะเริ่มสำรวจร่างกายตัวเอง เงาของผมที่สะท้อนในกระจกนั้นแดงเป็นจ้ำไปทั่วทั้งตัว นี่คงเป็นฝีมือของทาร์ตด้วยสินะ

   น้ำตาที่เหือดแห้งไป กลับไหลลงมาอีกครั้งเมื่อรับรู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นไม่ได้เป็นแค่ความฝัน มันคือความจริงอันโหดร้าย ที่ผมเองก็ไม่รู้ว่าจะจัดการกับมันอย่างไรด้วยซ้ำ

   ก๊อก! ก๊อก!

   “ฟร๊องก์ เป็นอะไรหรือเปล่า เข้าไปนานแล้วนะ” เสียงเคาะประตูพร้อมคำถามของปาร์คดังขึ้น ขณะที่ผมทำได้เพียงนั่งกอดเข่าร้องไห้อยู่เช่นเดิม ทำไมถึงเกิดเรื่องร้ายๆ กับผมแบบนี้ด้วย แค่ปัญหาที่ผมมี ผมก็ไม่สามารถแก้ไขมันได้แล้ว จะต้องมาซ้ำเติมผมอีกทำไมกัน

   ผมทำใจอยู่ครู่ใหญ่หลังจากที่ปาร์คร้องเรียกจากอีกด้านของประตู ก่อนจะตัดสินใจออกมาจากห้องน้ำ อย่างไรซะเรื่องมันก็เกิดขึ้นแล้ว ผมไม่สามารถกลับไปแก้ไขอะไรมันได้แล้ว ต่อจากนี้คงทำได้เพียงแค่ยอมรับมัน

   “ฟร๊องก์...”

   “อึก... ฮือ...”

   “ปาร์คขอโทษนะ... ขอโทษที่มาช่วยฟร๊องก์ไม่ทัน ขอโทษ...” เสียงของปาร์คเศร้าลงไปถนัดตา พร้อมกับดึงตัวผมเข้าไปโอบกอดอย่างปลอบโยน “ขอโทษที่เคยทำร้ายฟร๊องก์เช่นกัน ปาร์คไม่ได้ตั้งใจจริงๆ”

   “ยะ... อย่าพูดถึงมันอีกเลย” ไม่ใช่ว่าผมไม่รู้สึก แต่ยิ่งย้ำ ผมยิ่งเจ็บปวด เจ็บปวดจากการถูกหักหลัง

   “หิวไหม” ปาร์คจำต้องเปลี่ยนเรื่อง แต่น้ำเสียงนั้นก็ยังคงดูเหงาหงอยต่างจากไม่กี่นาทีก่อนหน้าอย่างลิบลับ ผมจึงพยักหน้าแทนคำตอบ

   ปาร์คพูดถึงเรื่องนี้เพราะรู้สึกผิดอย่างนั้นเหรอ ถ้าไม่เกิดเหตุการณ์ร้ายๆ แบบนี้กับผม แล้วปาร์คบังเอิญมาช่วยไว้ ปาร์คจะรู้สึกหรือเปล่า คิดจะขอโทษผมไหม ผมรู้ว่ามันผิดที่จะเรียกร้องสิ่งเหล่านี้อีก รู้ดีว่าคนตรงหน้าผมนี้มีเจ้าของแล้ว แม้เจ้าของหัวใจนั้นจะหลอกลวงปาร์คยังไง แต่การกระทำของปาร์คในวันนั้นก็บอกได้ว่าปาร์คแคร์เขามากขนาดไหน แต่ตัวผมเองก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าผมยังไม่สามารถตัดใจได้ ไม่สามารถหยุดความคิดถึงที่มีต่อคนๆ นี้ได้เลย เพียงแต่ความคิดของผมมันไม่สามารถส่งความรู้สึกไปถึงปาร์คได้

   “งั้นออกไปกินข้าวกัน” ปาร์คว่าด้วยรอยยิ้มเศร้าๆ ก่อนจะยกมือมายีหัวผมเบาๆ

   หลังจากผมรอปาร์คอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ ก็ออกมาหาอะไรกินไม่ไกลจากหอเท่าไร ด้วยความที่ผมเองก็ยังเพลียๆ และยังมีอาการปวดหัวอยู่เล็กน้อย เลยเลือกที่จะไม่ไปไหนไกลมากนัก มื้อแรกของวันนี้ก็ปาเข้าไปตอนทุ่มหนึ่งแล้ว ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมตัวเองถึงกินเหมือนเขมือบขนาดนี้ ปาร์คเองก็เช่นกัน ที่สั่งผัดกระเพรามากินถึงสองจาน

   ผมถามข้อสงสัยที่ยังติดใจอยู่ว่าเมื่อคืนปาร์คมาช่วยผมได้ยังไง ปาร์คไม่ได้ตอบอะไร เพียงแค่บอกว่ามันไม่สำคัญหรอกว่าปาร์คมาได้อย่างไร แต่สุดท้ายปาร์คก็มาไม่ทันช่วยผมอยู่ดี ผมก็ไม่ถามอะไรต่อ และก็ไม่ได้ปลอบใจปาร์คที่เอาแต่โทษตัวเองด้วย ต่างคนก็ต่างนั่งกินเงียบๆ ผมเองก็ได้แต่ย้อนคิดหาเหตุผลของการกระทำของทาร์ต คิดแล้วน้ำตามันก็พาลจะเอ่ยล้นขอบตาขึ้นมา อย่างที่บอกแม้ว่าจะเพิ่งรู้จักกันได้ไม่นาน แต่ทาร์ตก็ดีกับผมมาก ดีจนผมตายใจ ก่อนจะใช้ความดีนั้นมาแทงผมได้อย่างเลือดเย็น

   ทาร์ตใช้เวลาไหนใส่ยาในแก้วผมโดยที่คนอื่นรวมทั้งผมไม่เห็น ทั้งที่ก็นั่งอยู่ด้วยกันตลอด แล้วตอนไหนล่ะ ตอนที่ทุกคนไม่อยู่ที่โต๊ะ ตอนที่ทุกคนไปเข้าห้องน้ำ! ตอนนั้น! เหลือแค่ทาร์ตกับโดนัทที่โต๊ะ ใช่แน่ๆ ต้องเป็นตอนนั้นแน่ๆ เพราะหลังจากนั้นไม่นานผมก็มีอาการผิดปกติขึ้นมา
   
   งั้น... ก็แสดงว่าโดนัทมีส่วนรู้เห็นเรื่องนี้ด้วยอย่างนั้นหรือ สองคนนี้ร่วมมือกันมอมยาผมงั้นเหรอ มือของผมถึงกับสั่นอย่างห้ามไม่อยู่ น้ำตาที่เอ่ยอยู่ตอนแรกเริ่มไหลลงมาเรื่อยๆ ในท้องผมเริ่มมวน รู้สึกโหว่งๆ จนอยากจะอาเจียนเอาสิ่งที่กินเมื่อกี้ออกมา พอปาร์คเห็นท่าไม่ดีจึงรีบจ่ายเงินแล้วพาผมขึ้นห้องทันที

   หลังจากอาการของผมเริ่มแย่ลงจนปาร์คต้องรีบพาขึ้นมาปลอบบนห้องจนผมดีขึ้น ผมก็บอกให้ปาร์คกลับไปได้เลย ถือเป็นการเอ่ยปากไล่ก็ได้ แต่ก็ยังดีกว่าที่จะสานเรื่องของผมกับเขาต่อ อย่าให้มันผิดมากไปกว่านี้เลย ส่วนเรื่องของทาร์ตผมจะถือว่าเป็นคราวซวย เป็นเคราะห์กรรมของผมไปแล้วกัน เหตุการณ์เดียวกลับทำให้ผมสูญเสียคนใกล้ตัวไปถึงสองคน สองคนที่คิดเชื่อใจ สองคนที่ให้ใจเป็นทั้งเพื่อนและน้อง แต่ก็ทำสิ่งที่ไม่น่าให้อภัยกับผม

   “ปาร์คกลับไปเถอะ ขอบคุณมากนะที่มาช่วยฟร๊องก์ แต่ฟร๊องก์ยังยืนยันคำเดิม หลังจากนี้อย่ามาเจอกันอีกเลยนะ อย่าทำให้ฟร๊องก์สับสน อย่าทำร้ายความรู้สึกฟร๊องก์ต่อไปอีกเลย” ผมพูดทิ้งท้ายไว้ก่อนที่ปาร์คจะออกจากห้องไป
 
   ปาร์คกลับไปแล้ว และก็ไม่ลืมเอ่ยขอโทษอีกครั้งก่อนจะจากไป ปฏิเสธไม่ได้ว่าผมยังคงมีความรู้สึกดีๆ ให้คนๆ นี้เสมอไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าไร ไม่ว่าจะเกิดเรื่องเลวร้ายสักแค่ไหน แต่ผมก็ยังไม่สามารถตัดใจได้สักที ในสถานการณ์เลวร้ายแบบนี้ปาร์คยังไม่ทิ้งผมเลย แล้วผมจะทิ้งให้ปาร์คเผชิญกับคนเลวๆ อย่างเกลต่องั้นเหรอ เห็นทีผมอาจจะต้องจัดการเรื่องนี้อีกครั้งซะแล้ว อย่างน้อยก็จะได้ทำให้ผมไม่ต้องคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน

   ผมหยุดความคิดฟุ้งซ้านของตัวเองด้วยการโทรหาใครสักคน เพื่อนที่ผมไว้ใจมากที่สุด ‘เก็ท’ นั่นเอง ไม่ว่ายังไงเขาก็ยังเป็นคนเดียวที่ผมจะเชื่อใจได้ เป็นคนเดียวที่จะคอยอยู่เคียงข้างผมเสมอไม่ว่าจะในเวลาที่ทุกข์หรือสุข เก็ทไม่เคยทิ้งผมไปไหนเลย
   
   ผมไม่อายที่จะเล่าทุกอย่างให้เก็ทฟังทั้งน้ำตา น้ำตาแห่งความเจ็บปวด ผิดหวัง เก็ทได้แต่ปลอมประโลมผมอย่างอบอุ่น ก่อนจะกล่าวโทษตัวเองที่ไม่ไปที่นั่นกับผม ถึงทำให้ผมต้องเจอเรื่องร้ายๆ แบบนี้ โทษที่ตัวเขาไว้ใจทาร์ต เพราะคิดว่าทาร์ตจะดูแลผมได้ จนกลายเป็นว่าผมต้องเป็นฝ่ายปลอบใจเก็ทซะเองเพื่อไม่ให้เขาโทษตัวเอง เพราะเรื่องทั้งหมดไม่ใช่ความผิดของเก็ทเลย
   
   มันเป็นความผิดของอีกคนที่ผมเคยเชื่อใจและเปิดใจให้ต่างหาก!


à suivre...


กลับมาแย้ววววว

ฟร๊องก์ถูกวางยาจริงๆ ฮะ และก็มีคนเดาถูกว่าจะมีคนมาช่วยจริงๆ
แต่... ถึงจะมาช่วย ก็ไม่ทันซะแล้ว เพราะฟร๊องก์ก็ตกเป็นของทาร์ตอีกคนแล้ว 555+

ส่วนคนที่หวังว่าจะเป็นเก็ท คงผิดหวังไม่น้อย แต่อย่างที่เก็ทบอก คือเก็ทไม่ว่างจริงๆ
บทตำรวจที่มาตอนเรื่องมันจบแบบในละคร ก็เลยตกเป็นของปาร์คแทน มาไม่ทันการณ์ 555+

แต่จะว่าไปทาร์ตก็ไม่ได้รุนแรงอะไรกับฟร๊องก์นะ แค่ฟร๊องก์ไม่รู้สึกตัวและควบคุมตัวเองไม่ได้แค่นั้นเอง

ยังไงก็ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านและขอบคุณทุกคอมเม้นต์นะฮะ

จนกว่าจะพบกันใหม่ จุ๊บ  :mew1:

ออฟไลน์ oilzaza001

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 619
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
เกลียดปาร์คอ่ะ เอามันมาทำไมว่ะ เราปลดออกจากการเป็นพระเอกแล้วไม่เชียร์แล้ว พูดจริงๆ เราว่าเราเกลียดคนแบบปาร์คอ่ะ พวกจับปลาสองมือ อยากให้ปาร์คเจ็บมากๆ  ซะจริง ฟร็องก์ขอร้องเถอะเข้มแข็งให้มากๆ อย่าใจอ่อนกับปาร์คให้มากนะ

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
อย่าตบหัว แล้วลูบหลัง ให้ฟังกล่อม
หยุดใช้คำ จอมปลอม ย้อมสวยหรู
อย่าทำหน้า เห็นใจ ให้มองดู
หยุดทำเป็น เหมือนรู้ ว่ารักกัน

เธอรู้ไหม กายเจ็บ แค่เจ็บเนื้อ
ไม่เท่าทน ทานเหลือ เนื้อใจฉัน
ถ้าเจ็บกาย ก็หายได้ ไม่กี่วัน
แต่กระทืบ หัวใจกัน มันยาวนาน

ผลุบๆโผล่ๆ ไอ่หน้าโง่ดักดาน
ยังไงก็ไม่ยอมรับให้เป็นพระเอกเรื่องหรอกโว้ยยยยยยยย
กลับไปเอาหน้าซุกหีบหญิงเกลของเมิงต่อไปเหอะ ไอ่ปาร์ค

แม่งงงงงงง กูเกลียด
หุหุ

ออฟไลน์ OoniceoO

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
ยังไงดีๆ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด