Heartbeat: A Retelling of Beauty and the Beast เอาเล่มตัวอย่างมาอวดค่ะ (p.8)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Heartbeat: A Retelling of Beauty and the Beast เอาเล่มตัวอย่างมาอวดค่ะ (p.8)  (อ่าน 62594 ครั้ง)

ออฟไลน์ swoooaa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 72
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 6 (28/5/17)
«ตอบ #30 เมื่อ03-06-2017 01:11:52 »

ดีงามมมม สนุกมากเลยค่ะ รอคอยคุณอสูรจีบหนูโจทุกวันเลย  :o8: :-[

ออฟไลน์ pipoo

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 326
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
    • https://twitter.com/dokpeepo
Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 6 (28/5/17)
«ตอบ #31 เมื่อ03-06-2017 13:15:03 »

ปักๆๆๆๆๆรออ่านนต่อออ

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 6 (28/5/17)
«ตอบ #32 เมื่อ03-06-2017 17:25:30 »

อยากอ่านอีกๆ

ออฟไลน์ minemomo

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 89
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-1
Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 7 (4/6/17)
«ตอบ #33 เมื่อ04-06-2017 05:25:18 »












Heartbeat 










: A Retelling of Beauty and the Beast












มาแล้วๆ ตอนใหม่รับเช้าวันฝนพรำ แต่ในเรื่องนี้จะมีแต่พายุหิมะ คือแบบเวลาไม่มีอะไรจะเขียนก็ให้พายุตั้งเค้า หิมะถล่มเอาไว้ก่อน บิวท์ตัวเองว่าฉันกำลังอยู่ท่ามกลางหิมะ จิบกาแฟร้อนๆอยู่หน้าคอม เวลาพูดทีมีไอออกจากปากทั้งที่ความเป็นจริงร้อนจะตาย_่า 555


ขอบคุณสำหรับคำทักทาย กำลังใจมากมายให้หนูโจค่ะ  :mew1:























7












แม้จะมีพลูมแมทเป็นสาวใช้ประจำตัว โจชัวร์ก็ยังเลือกที่จะทำทุกอย่างด้วยตัวเองเพื่อความสะดวกกายและสบายใจ พอได้รู้สึกคุ้นเคยกับบ้านใหม่และเตียงนอนหลังใหญ่ก็สามารถหลับสนิทและตื่นเช้าเหมือนที่เคยเป็น เขาจะตื่นและจัดการตัวเองก่อนที่พลูมแมทมาปลุกเสมอ เพิ่งจะมีวันนี้ที่ต้องสะดุ้งตื่น รู้สึกงงกับเสียงเรียกจนกระทั่งประตูห้องนอนเปิดออก






“อรุณสวัสดิ์ค่ะ คุณไม่สบายหรือเปล่า ดิฉันเรียกอยู่ตั้งนานเลยต้องเสียมารยาทเข้ามาเอง สงสัยจะเป็นเพราะอากาศดีเลยนอนเพลินแน่เลยใช่มั้ยคะ” สาวใช้ช่างพูดทักทายเสียงใส เมื่อเห็นสภาพของว่าที่นายหญิงก็ยิ้มกับอาการงัวเงียน่าเอ็นดู ดวงหน้าเรียวขาวผ่องแต่โหนกแก้มกับริมฝีปากกลับมีสีแดงระเรื่อ เส้นผมสีอ่อนยุ่งนิดๆยิ่งทำให้ดูเย้ายวนจนอยากให้ผู้เป็นนายได้มาเห็นกับตาเสียเดี๋ยวนี้






“ก็... คงใช่ รู้สึกหนาวนิดหน่อยด้วย” ม่านหนาถูกเปิดออกจนสุด แสงแดดจ้าบอกให้รู้ว่าตนตื่นสายจนน่าตำหนิ และใจจริงก็ยังอยากจะซุกตัวลงกับไออุ่นของที่นอนต่ออีกสักหน่อย






“ไม่นิดหน่อยหรอกค่ะ เมื่อคืนพอตกดึกจู่ๆก็มีพายุ อากาศหนาวจะแย่ ทั้งลมทั้งหิมะพัดแรงจนดิฉันยังกลัวว่าคุณจะนอนไม่ได้ นี่หิมะก็เพิ่งจะหยุดตกไปตอนก่อนฟ้าสาง...”






เสียงของพลูมแมทยังแว่วอยู่ในหูในขณะที่โจชัวร์หวนนึกถึงค่ำคืนที่ผ่านมา เรื่องของวิเศษทั้งสองชิ้น และภาพสุดท้ายของเพื่อนร่วมทานมื้อค่ำติดตาติดใจจนยากจะข่มตาหลับ พอตกดึกเขาได้ยินเสียงลมพัดแรงและรู้สึกหนาวขึ้นเรื่อยๆจนกระทั่งเคลิ้มหลับไป ในความฝันคล้ายเมื่อครั้งเดินทางมาที่นี่แล้วหลงทางอยู่กลางพายุ ซ้ำร้ายไม่มีเจ้าอาชาแสนรู้อยู่เป็นเพื่อน เหมือนเขากำลังวิ่งตามหาบางสิ่งอยู่ในความมืดมิด จนเมื่อไร้ทั้งเรี่ยวแรงและหนทางให้เดินต่อ จึงได้แต่ห่อตัวด้วยความหนาวบวกความกลัว ฟังเสียงลมหวีดหวู่จนกระทั่งรอบตัวไร้ซึ่งสรรพสำเนียงใดๆ เขาอาจหนาวจนหมดสติไป หรืออาจจะเป็นความฝันซ้อนในความฝันอีกชั้นหนึ่ง แต่ในห้วงความรู้สึกนั้นเขาได้ซุกตัวเข้าหาอ้อมกอดหนึ่งที่แสนจะอบอุ่น เสียงทุ้มนุ่มขับกล่อมบทเพลงให้คลายความหวาดกลัว กลิ่นหอมอ่อนๆชวนให้นึกถึงแสงแดดยามเช้า สายลมอุ่นๆจากทุ่งหญ้าไล้ผ่านใบหน้าและผิวกาย เขาจึงหลับสนิทลงได้อีกครั้งจนกระทั่งมีเสียงเรียกดัง ลืมตาขึ้นมาก็ต้องตกใจที่พลูมแมทเข้ามาใกล้จนอาจจะเห็นความผิดปกติอะไรจากตัวเขาได้   






“เป็นอะไรหรือเปล่าคะ ดิฉันเรียกอยู่หลายทีคุณก็ยังไม่รู้สึกตัว เช้านี้คงต้องทนอุดอู้กันสักหน่อยเพราะข้างนอกทั้งหนาวทั้งเฉอะแฉะไปหมด ลูมิแยร์ก็ฝากให้มาเรียนว่าวันนี้ต้องงดขี่ม้าสักวัน คุณลุกไปล้างหน้าล้างตาก่อนสิคะ ดิฉันจะเตรียมชุดให้”






โจชัวร์รีบสลัดความง่วงงุน ก้าวลงจากเตียงไปยังห้องน้ำ ได้ยินเสียงน้ำอุ่นเปิดไว้รอท่า แต่ก็ไม่ลืมหันกลับมาเน้นย้ำเรื่องสำคัญ






“ไม่เอากระโปรงนะพลูมแมท เสื้อที่ติดลูกไม้ฟูๆนั่นก็ไม่เอาด้วย ขอตัวที่แบบเรียบๆแล้วก็ใส่ง่ายที่สุด”






“แต่ว่า... แหม!... คุณโจล่ะก็...”






โจชัวร์ต้องฝ่าฟันเสียงคร่ำครวญและเงื่อนไขต่อรองขอเพิ่มขอเปลี่ยนอยู่ตลอดการแต่งตัวจนสามารถลงมาที่โต๊ะอาหารได้ในเสื้อผ้าอย่างที่ต้องการ ทุกคนต่างแอบขำกับอาการงอนป่องของพลูมแมท แต่สิ่งที่ทำให้เขายิ้มกว้างคือข่าวดีจากคุณคอกซ์เวิร์ธว่าเจ้าของคฤหาสน์ได้มอบหมายหน้าที่ให้ตามที่เขาร้องขอ






“ห้องสมุดของที่นี่ความจริงควรเรียกว่าเป็นห้องเก็บหนังสือของนายท่านเท่านั้นล่ะครับ เราไม่มีบรรณารักษ์ที่คอยดูแลโดยเฉพาะมาก่อน เรื่องทำความสะอาดหลักๆจะเป็นหน้าที่ของเดบูตองท์ ส่วนหนังสือเล่มไหนจะเก็บยังไงหรือเอาไว้ตรงไหนนายท่านจะสั่งลูมิแยร์ไว้ซึ่งบางทีเจ้านั่นก็เก็บได้ตามนั้นบ้าง วางมั่วๆเอาบ้าง ถ้านายท่านรู้ก็โดนสำเร็จโทษไปตามระเบียบ”






“แต่ข้าก็ไม่ได้มีความรู้เรื่องการจัดเก็บหรือดูแลรักษาหนังสือเหมือนกันนะ”






“ไม่ต้องกังวลไปหรอกครับ ค่อยๆทำ ค่อยๆศึกษาไป อย่างน้อยเวลาว่างๆหรือเวลาที่ออกไปข้างนอกไม่ได้อย่างวันนี้ คุณจะได้ไม่เหงา ที่นี่มีหนังสือสะสมไว้มาก นายท่านอนุญาตให้คุณจัดการกับหนังสือได้ทุกเล่ม จะอ่าน จะเก็บ หรือจะมอบให้ใครก็แล้วแต่ความต้องการของคุณเลยครับ”






โจชัวร์รู้สึกโชคดีที่ได้รับหน้าที่ที่เหมาะกับตัวเองอย่างที่สุด ในวัยเด็กเขามักจะขลุกอยู่ในห้องหนังสือของพ่อเพื่อหลบพวกพี่สาวที่คอยตามหาเรื่อง เขาจึงมีหนังสือเป็นเหมือนเพื่อนคลายเหงา เหมือนครูที่คอยให้ความรู้และความเข้มแข็งเพื่อต่อสู้กับอุปสรรคต่างๆในชีวิต น่าเสียดายที่พอครอบครัวสิ้นเนื้อประดาตัว หนังสือเหล่านั้นต้องถูกทิ้งไว้ที่บ้านในเมือง ได้แต่หวังว่าสักวันเขาจะได้กลับไปอ่านพวกมันอีกครั้ง






คำบอกเล่าของคุณคอกซ์เวิร์ธทำให้โจชัวร์วาดภาพถึงห้องโถงกว้างที่มีชั้นหนังสืออยู่ทุกด้าน แต่ละช่อง แต่ละชั้นจะเห็นสันปกต่างสี ต่างขนาดอัดแน่นตั้งแต่พื้นจรดเพดานถึงขนาดต้องปีนบันไดขึ้นไปเลือกหยิบ สภาพแสงค่อนข้างสลัวบวกกับอุณหภูมิที่ต่ำกว่าปกติเพื่อประโยชน์ในการรักษาสภาพของเนื้อกระดาษอาจทำให้เกิดกลิ่นอับอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว แต่ก็ถือเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งที่ทำให้บรรดาหนอนหนังสือรู้สึกเหมือนได้อยู่ในที่ทางของตน






ทว่ายังไม่ทันที่เขาจะได้สัมผัสประตูแห่งสวรรค์ที่เปิดรอท่า...






“พี่โจฮะ!”






หนูน้อยคนเดียวของบ้านส่งเสียงเรียกและวิ่งเต็มฝีเท้ามาแต่ไกล พอมาถึงก็ลากแขนเขาให้วิ่งตาม กว่าจะรู้เรื่องก็เมื่อมาพบกับลูมิแยร์ที่กำลังอยู่ในอาการรีบร้อนไม่แพ้กัน






“มีคนมาแจ้งข่าวว่าเมื่อเช้ามืดมีรถเสียหลักเกือบจะตกลงในแม่น้ำ นี่ทั้งม้าทั้งรถก็ยังติดอยู่ริมตลิ่ง นายท่านรีบออกไปดูแล้ว ส่วนกระผมอยู่เตรียมของกับม้ากำลังจะออกไปสมทบ แต่เจ้าหนูนี่สิทำให้เสียเวลา บอกให้รอก่อนๆ ก็ไม่นึกว่าจะไปตามคุณโจมาด้วย แต่ผมว่าคุณอย่าไปเลย ทั้งอันตรายแล้วก็ไม่มีอะไรน่าดูหรอกขอรับ”






“ขอไปด้วยคนเถอะ อาจจะมีอะไรที่พอช่วยๆกันได้ หรืออย่างน้อยจะคอยดูพินช์ให้ จะได้ไม่เกะกะพวกผู้ใหญ่เวลาทำงานไงล่ะ”






โจชัวร์ไม่รอให้ลูมิแยร์ได้มีเวลาลังเลหรือปฏิเสธ เรียกว่าพอพูดจบก็เป็นฝ่ายพาพินช์วิ่งตรงไปยังคอกม้า ทางสโนว์เองก็เหมือนรู้ล่วงหน้า พอใส่อานก็พร้อมออกวิ่งโดยไม่ต้องรอให้สั่ง ใช้เวลาไม่นาน พวกเขาก็มาถึงยังจุดเกิดเหตุ สภาพพื้นดินเฉอะแฉะจากหิมะที่ละลายทำให้เห็นรอยไถลจากทางสายหลักลงไปยังริมฝั่งแม่น้ำซึ่งกระแสน้ำทั้งเย็นเฉียบและเชี่ยวกราก รถคันเกิดเหตุยังค้างเติ่งอยู่ริมตลิ่ง ด้านท้ายกระบะจมลงในน้ำเกือบครึ่ง ส่วนม้าที่ถูกผูกโยงยังอยู่ในอาการตื่น ยิ่งมันตะกุยตะกายเพื่อเอาตัวรอดก็ยิ่งทำให้รถลื่นไถลมากขึ้น หากปล่อยไว้คงจมลงในแม่น้ำ ไม่รอดทั้งรถทั้งม้า และปัญหาด่วนที่สุดคือบนรถคันนั้นมีเด็กน้อยคนหนึ่งซึ่งกำลังร้องไห้จ้า อยู่ในอาการตื่นกลัวไม่ต่างจากผู้ใหญ่หลายสิบคนที่เฝ้าดูเหตุการณ์อยู่






เมื่อสอบถามจากชาวบ้านก็ได้ความว่า ในขณะที่ลื่นไถลจากถนน พ่อแม่เด็กถูกสะบัดตกจากรถได้รับบาดเจ็บ ส่วนลูกชายที่อยู่ในวัยเตาะแตะนอนหลับสนิทอยู่กับกองสัมภาระจึงยังติดอยู่ในกระบะไม้ด้านหลัง ไม่สามารถปีนออกมาได้เอง วิธีการช่วยเหลือหากไม่ลุยน้ำลงไปรับตัวเด็กก็ต้องรีบลากรถทั้งคันขึ้นจากน้ำซึ่งไม่ว่าวิธีไหนก็ต้องอาศัยความชำนาญ และความกล้าชนิดที่ต้องเสี่ยงชีวิตตัวเองด้วยกันทั้งนั้น






ท่ามกลางเสียงร่ำไห้อ้อนวอนของผู้เป็นพ่อเป็นแม่ที่ถูกฉุดรั้งให้รออยู่บนฝั่ง ภาพที่สะดุดตาโจชัวร์คือร่างสูงใหญ่ที่กำลังสืบเท้าเข้าไปยังรถม้าทีละก้าวๆ ดวงตาสีอำพันประหลาดจดจ่ออยู่กับอาชาที่กำลังตื่นกลัว เขาส่งเสียงคำรามต่ำแต่สามารถปลอบประโลมจนม้าค่อยๆสงบลง ชาวบ้านที่ชุมนุมอยู่โดยรอบพาลหยุดนิ่งด้วยความลุ้นระทึกจนเหลือเพียงเสียงร้องไห้ที่ยังดังชัดเจน ลูมิแยร์ค่อยๆไต่ลงไปหาผู้เป็นนายและช่วยผูกเชือกเส้นใหญ่เข้ากับรถเพื่อให้ม้าและคนบนฝั่งช่วยกันออกแรงลากขึ้นจากน้ำ ส่วนเจ้าอสูรรีบเข้าไปรับตัวเด็กน้อยโดยไม่สนใจอุณหภูมิระดับติดลบของสายน้ำที่เย็นเฉียบ






เมื่อรถทั้งคันพ้นจากน้ำ และเด็กชายได้คืนสู่อ้อมอกผู้เป็นแม่ เสียงโห่ร้องด้วยความยินดีก็ดังก้องขึ้นทั่วบริเวณ






“ขอบคุณนายท่าน ถ้าไม่ได้นายท่าน พวกข้าคงต้องเสียลูกชายคนเดียวไปแล้ว” พ่อของเด็กประคองทั้งเมียและลูกของตนให้น้อมตัวลงแสดงความซาบซึ้งต่อร่างสูงใหญ่ที่เปียกโชกเกือบทั้งตัว “บุญคุณครั้งนี้ครอบครัวของเราจะไม่มีวันลืมตราบชั่วชีวิต ขอบคุณนายท่าน ขอบคุณมากจริงๆขอรับ”






“ไม่เป็นไร คราวหน้าคราวหลังก็ระวังให้มากกว่านี้ เดี๋ยวตามกลับไปด้วยกันทั้งหมดนี่ล่ะ พวกเจ้าจะได้ทำแผลให้เรียบร้อย คนที่คอกม้าจะดูแลม้าของเจ้าให้ ส่วนรถค่อยดูกันอีกว่าต้องซ่อมแซมมากแค่ไหน แล้วข้าวของที่หล่นลงน้ำไปหมดจะทำยังไงกัน สำคัญมากมั้ย ถ้าที่บ้านเจ้าขาดเหลืออะไรบอกให้ลูมิแยร์จัดหาให้ก่อนแล้วกันนะ”






“ไม่เป็นไรมิได้ครับ แค่นี้ก็เป็นพระคุณมากแล้ว พวกผมไม่อยากรบกวนนายท่าน”






“ไม่รบกวนหรอก อากาศหนาวออกอย่างนี้ แล้วนี่ก็สายมากแล้ว อย่างน้อยลูกชายเจ้าก็คงอยากได้ซุปหรือนมอุ่นๆสักถ้วย” 






โจชัวร์ไม่อาจเห็นสายตาของผู้ที่มีรูปลักษณ์ผิดมนุษย์ แต่ภาพที่เด็กน้อยในอ้อมแขนผู้เป็นแม่ตะปบมือใหญ่ที่ยื่นมาหาพลางยิ้มรับพร้อมเสียงหัวเราะเอิ้กอ้ากก็สะท้อนถึงความอ่อนโยนซึ่งจิตอันบริสุทธิ์พึงสัมผัสได้ และก่อนที่เขาจะสามารถละสายตาจากภาพน่าประทับใจนั้น ร่างสูงใหญ่ดังแผ่นหินก็หันกลับมาและพบว่าตนเองกำลังถูกจับจ้อง ดวงตาสีประหลาดจงใจมองตอบและเหมือนมีมนต์สะกดให้เขาไม่อาจหลบสายตา ชั่ววินาทีนั้นทุกอย่างรอบตัวพลันเลือนรางราวกับภาพฝัน โครงร่างและใบหน้าอย่างสัตว์ป่าไม่ได้ดูน่ากลัวอย่างที่เคยเห็น คมเขี้ยวใหญ่หรือกรงเล็บแหลมก็เหมือนไม่ใช่ของอันตราย อาจจะฆ่ากระต่ายตัวเล็กๆสักตัวไม่ได้เลยด้วยซ้ำ ยิ่งมองเขาก็ยิ่งไม่แน่ใจว่าเจ้าอสูรไม่เหมือนเดิมหรือตัวเขากันแน่ที่กำลังเปลี่ยนไป






“คุณโจขอรับ!” เสียงเรียกดังขึ้นข้างตัวทำให้เขาถึงกับสะดุ้ง “ที่นี่ไม่มีอะไรแล้ว แต่กระผมต้องอยู่จัดการกับรถม้าเสียก่อน ให้สโนว์พาคุณกับพินช์กลับเถอะ ข้างนอกนี่อากาศหนาว เดี๋ยวจะไม่สบายกันไปหมด”






โจชัวร์ไม่ดื้อดึงอยู่ต่อเพราะเห็นว่าคนส่วนใหญ่ก็เริ่มแยกย้ายกลับบ้านของตัวเอง สโนว์เดินกุบกับมาใกล้ๆโดยมีพินช์นั่งอยู่บนหลัง ห่อตัวเองจนอุ่นเรียบร้อยและยังเหลือผ้าห่มอีกผืน






“ลูมิแยร์...” เขาหลุดปากไปอย่างไม่รู้ตัว ฝ่ายนั้นเดินกลับมาหาและมองสิ่งที่เขายื่นให้งงๆ “เดี๋ยวข้าก็ถึงบ้านแล้วไม่ต้องใช้ก็ได้ แต่นายของเจ้าตัวเปียกอย่างนั้นคงหนาวแย่”






โจชัวร์รีบตวัดตัวขึ้นหลังม้าและจากมาโดยไม่สนใจว่าลูมิแยร์จะจัดการอย่างไรกับผ้าห่มผืนนั้น แต่ถึงไม่ได้หันไปมองก็รู้สึกได้ถึงสายตาคู่หนึ่งที่ตามติดมาจนต้องเร่งให้สโนว์วิ่งเร็วขึ้น ถึงอย่างนั้นเขาก็พบว่าเรื่องที่ริมฝั่งแม่น้ำเดินทางมาถึงคฤหาสน์เร็วเสียกว่าฝีเท้าม้า ยิ่งได้พยานในเหตุการณ์อย่างเจ้าหนูพินช์ด้วยแล้ว...






“นายท่านเก่งที่สุดเลยฮะ นายท่านค่อยๆย่องๆๆเข้าไปยังงี้ แล้วก็ทำให้เจ้าม้ายอมอยู่นิ่งๆ...” ร่างเล็กโก่งตัวแล้วจิกปลายเท้าก้าวให้ดูเป็นตัวอย่าง แต่ที่ใช้นิ้วจรดริมฝีปากเป่าลมฟู่ๆนั้นคงเป็นส่วนที่แถมเพิ่มให้






โจชัวร์ไม่ได้อยู่รอดูว่าพินช์จะแสดงภาพการช่วยชีวิตได้สมจริงแค่ไหน เขาปลีกตัวมายังห้องหนังสืออย่างที่ตั้งใจไว้แต่แรกและไม่ผิดหวังกับหนังสือจำนวนมากมายที่อัดแน่นอยู่ในพื้นที่ทุกตารางนิ้ว จากการเดินสำรวจอย่างคร่าวๆเขาพบว่ามีหนังสืออยู่เกือบทุกประเภท จำพวกที่ไม่ค่อยถูกหยิบมาอ่านจะจัดวางเป็นหมวดหมู่อย่างเรียบร้อย ผิดกับอีกส่วนที่เจ้าของสนใจก็จะถูกเลือกออกมา แต่พออ่านจบตรงไหนก็คงวางกองๆไว้ตรงนั้น ไม่ได้ใส่ใจจะเก็บคืนที่เดิม ถือว่าโชคดีมากที่มีคนคอยทำความสะอาดอยู่เสมอจึงยังพอจะเรียกได้ว่าห้องหนังสือแทนที่จะเป็นห้องเก็บของรกๆ






“พี่โจฮะ”






พินช์แอบอยู่หลังประตูแล้วโผล่หน้ามาส่งเสียงเรียก สีหน้าลังเลเพราะคงไม่คิดว่าห้องที่มีแต่หนังสือจะมีอะไรน่าสนุก โจชัวร์ยิ้มรับ ระหว่างที่เดินไปหาก็หยิบหนังสือนิทานติดมือไปด้วยเพื่อหลอกล่อให้เขาเริ่มคุ้นเคยกับการอ่าน แม้จะยังไม่รู้หนังสือก็สามารถเข้าใจเรื่องราวผ่านภาพการ์ตูนน่ารักๆ ไม่ช้าเด็กน้อยก็เพลินจนงีบหลับอยู่บนพรมกลางห้องรายล้อมด้วยนิทานกองโต ซึ่งมีหลายเล่มที่โจชัวร์รู้จัก และอีกหลายเรื่องที่เขาไม่เคยอ่านมาก่อน






“โฉมงามกับเจ้าชายอสูร...” เขาสะดุดตากับหน้าปกซึ่งเป็นภาพพิมพ์จากการแกะสลัก แม้จะไม่ชัดเจนเหมือนการวาดลายเส้นระบายสีแต่ก็ดูออกว่าเป็นรูปของสัตว์ป่าตัวใหญ่เคียงคู่กับร่างบอบบางของหญิงสาว และดอกกุหลาบหนึ่งดอกจึงลองเปิดออกอ่านด้านใน






“... กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้วในดินแดนอันไกลโพ้น  ยังมีเจ้าชายอาศัยอยู่ในปราสาทอันโอ่อ่า ถึงแม้พระองค์จะมีทุกอย่างดังที่ปรารถนา แต่พระองค์ก็เอาแต่ใจ เห็นแก่ตัว ไม่มีความเมตตา คืนหนึ่งในฤดูหนาว มีหญิงชราขอทานมาที่ปราสาท นางนำดอกกุหลาบดอกหนึ่งมามอบให้เจ้าชายเพื่อขอแลกกับที่พักหลบความหนาว...”







เสียงอ่านสะดุดลงเมื่อรู้สึกว่ามีศีรษะเล็กขยับยุกยิกอยู่บนหน้าตัก เขาก้มลงยิ้มให้หนูน้อยที่กระพริบตามองปริบๆแล้วเริ่มอ่านนิทานต่อ






“... แต่เนื่องจากความอัปลักษณ์ของนาง เจ้าชายมองกุหลาบอย่างเหยียดหยาม พร้อมขับไล่หญิงชราออกไป นางกล่าวเตือนเขาว่าอย่าตีคุณค่าจากรูปกายภายนอกมากกว่าความงดงามจากภายใน พอเจ้าชายได้ออกปากไล่อีกครั้ง หญิงชราหน้าตาน่าเกลียดก็ได้กลับกลายเปลี่ยนร่างเป็นหญิงสาวผู้สวยสดงดงาม เจ้าชายพยายามจะขอโทษ แต่ก็สายเกินไปเพราะนางรู้แล้วว่าเจ้าชายเป็นคนที่ไม่มีความรักในหัวใจ เพื่อเป็นการลงโทษ นางสาปเจ้าชายให้กลายเป็นอสูรน่าเกลียดและร่ายเวทย์มนต์ศักดิ์สิทธิ์ครอบคลุมทั่วปราสาทและทุกคนที่อยู่ที่นั่น เมื่ออับอายในความอัปลักษณ์ อสูรจึงเก็บตัวซ่อนเร้นอยู่แต่ในปราสาท มีเพียงกระจกวิเศษที่เป็นหน้าต่างสู่โลกภายนอกของพระองค์ ดอกกุหลาบที่นางมอบให้นั้นความจริงเป็นกุหลาบวิเศษ...”






เขาสะดุดใจอีกครั้งเพราะพาลนึกถึงดอกกุหลาบเรืองแสงกับกระจกพูดได้ซึ่งนับเป็นสิ่งวิเศษได้อย่างไม่ต้องสงสัย จนเด็กที่นอนฟังนิทานอยู่ต้องสะกิดเตือน






“... ดอกกุหลาบวิเศษจะบานจนกระทั่งเจ้าชายมีอายุ 25 ชันษา หากเจ้าชายรู้จักรักใครสักคนและได้รับความรักตอบจากคนผู้นั้นก่อนกุหลาบกลีบสุดท้ายโรยรา ตอนนั้นเจ้าชายจะพ้นคำสาป มิฉะนั้นพระองค์จะต้องเป็นอสูรเช่นนี้ไปตลอดกาล เวลาผ่านไปหลายปี เจ้าชายเริ่มรู้สึกท้อแท้และหมดสิ้นความหวัง จะมีใครกันเล่าที่ทำใจรักอสูรได้... อ้าว!”






“พี่โจอ่านต่อสิฮะ นิทานจบแล้วเหรอ ทำไมสั้นจัง”






โจชัวร์ส่ายหน้าเบาๆ เขาเองก็แปลกใจและคิดว่าเนื้อเรื่องแค่นี้ดูจะสั้นเกินไปสำหรับนิทาน แต่เมื่อพลิกกระดาษก็ไม่พบตัวหนังสือหรือรูปวาดใดๆ พยายามกวาดตามองก็ไม่พบว่ามีนิทานเล่มไหนที่มีเนื้อเรื่องต่อกัน






“พี่คิดว่ายังไม่จบนะ แต่เหมือนหน้าที่เหลือจะหายไป ไม่รู้กระดาษหลุดไปเองหรือโดนใครฉีกไปหรือเปล่า”






“ว้า! อยากรู้จังว่าเจ้าชายจะทำยังไง จะต้องฆ่ามังกรไฟกับยักษ์สามตาแล้วก็จะพ้นคำสาปได้ใช่มั้ยฮะ”






“ไม่ใช่หรอกพินช์ ในนิทานเรื่องนี้เจ้าชายไม่ต้องสู้กับใครแล้วก็ไม่ต้องออกไปฆ่าตัวประหลาดที่ไหนด้วย แค่เจ้าชายพบคนที่เขารัก และคนๆนั้นรักเจ้าชายตอบ เมื่อใดที่คนทั้งสองมีความรักให้กันจากหัวใจที่แท้จริง คำสาปก็จะสลายไปและทุกคนในปราสาทก็จะได้อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขตลอดไป”






“ว้าว! ดีจังๆ หนูก็อยากช่วยให้เจ้าชายมีความรัก คำสาปจะได้สลายไป พี่โจก็ต้องช่วยเจ้าชายด้วยนะฮะ เราทุกคนจะได้อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขตลอดไปเลยยยย”    






โจชัวร์เห็นอาการร้องเต้นด้วยความดีใจก็ได้แต่แบ่งรับแบ่งสู้ เพราะสำหรับคนอย่างเขา การรักใครสักคนและได้รับความรักตอบก็ดูจะเป็นสิ่งที่ไกลเกินกว่าจะฝันถึง ถ้าไม่นับความรักจากพ่อแม่ หรือพี่สาวซึ่งต้องละในฐานที่เข้าใจว่าคงมีเพียงเบลล่าที่นับว่าเขาเป็นน้องชายจริงๆ เขาก็ไม่เคยมีประสบการณ์ด้านความรักกับใครมาก่อน ตั้งแต่เด็กเขาเก็บตัวอยู่แต่ในบ้าน เมื่อไม่ค่อยได้พบใครจึงไม่แปลกที่เขาไม่เคยสนใจหรือแอบชอบใคร และไม่เคยมีใครมาพะเน้าพะนอเอาใจ ไม่เคยถูกสารภาพรัก อ้อ! อาจจะยกเว้นแต่นายแกสตันที่จู่ๆก็ประสาทกลับมาบอกรักได้ไม่เว้นแต่ละวัน แต่จะให้นับว่านั่นคือความรักก็คงประหลาดเหลือทน






สรุปแล้วตัวเขาเองก็คงมีชะตากรรมคล้ายกับเจ้าชายในนิทาน เป็นคนจำพวกที่ไม่รู้จักความรัก แต่กลับต้องตามหาความรักแท้จริงเพื่อจะได้หลุดพ้นจากคำสาป ตอนจบที่ขาดหายไปทำให้เรื่องของเจ้าชายกลายเป็นปริศนา ส่วนตัวเขาที่ถูกจองจำอยู่ในคฤหาสน์แห่งนี้ก็คงไม่แตกต่างกัน นักโทษอย่างเขาจะเอาปัญญาที่ไหนไปรักใคร และจะมีใครอยากมอบหัวใจให้คนไร้อนาคตเช่นเขากันล่ะ






เขารับปากพินช์ว่าจะตามหานิทานส่วนที่เหลือมาเล่าให้ฟัง ความคิดจึงยังหมกมุ่นจนเริ่มรู้สึกสับสนกับความเหมือนราวกับไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ภาพของเจ้าอสูรที่กำลังจิบชาหลังอาหาร กุหลาบดอกใหญ่ กลีบดอกหนาสีก่ำสะท้อนแสงไฟจากเตาผิงราวกับมีชีวิต แล้วไหนจะกระจกวิเศษที่พบในห้องลับ จะไม่ให้รู้สึกได้อย่างไรว่าตัวเขาเองนี่ล่ะที่กำลังหลุดเข้ามาในโลกแห่งจินตนาการของนิทานเรื่องนั้น






“ทำไมถึงทานได้น้อย”






โจชัวร์หลบสายตาลง รู้สึกเหมือนไอร้อนจากถ้วยชาลอยขึ้นมากระทบจนอุ่นวาบไปทั้งหน้า






“ไม่สบายหรือว่าเหนื่อย งานที่ห้องหนังสือหนักเกินไปหรือเปล่า”






คำถามยังคงส่งมาเรื่อยๆ เมื่อไม่มองหน้า น้ำเสียงห้าวลึกอย่างนี้ก็ไม่ได้ฟังดูน่ากลัวหรือคุกคาม กลับชวนให้นึกถึงภาพที่เจ้าอสูรเสี่ยงเข้าไปหาม้าที่กำลังตื่น ยอมลงไปในน้ำที่เย็นเฉียบเพื่อช่วยเด็ก แล้วยังให้ความช่วยเหลือโดยไม่หวังผลใดๆตอบแทน ผู้คนทั้งในคฤหาสน์และชาวบ้านต่างให้ความเคารพนบนอบสมกับที่เรียกขานว่านายท่านทุกคำ แม้แต่รูปลักษณ์อย่างสัตว์ป่านี้ก็ไม่ได้ดูแปลกประหลาด ไม่มีสายตารังเกียจหรือหวาดกลัวเลยสักนิดเดียว






“แปลก ทำไมวันนี้เงียบจริง”






โจชัวร์ผงะเมื่อเพิ่งรู้สึกว่ามีมือใหญ่ยื่นมาจะสัมผัสใบหน้า มือนั้นความจริงก็มีลักษณะเดียวกับมือมนุษย์แต่มีขนาดใหญ่และมีขนปกคลุมจนตลอดนิ้ว เล็บยาวแหลมเปื้อนคราบสีแดงยิ่งดูน่าหวาดเสียว เขาเงยหน้าขึ้นก็พบดวงตาสีอำพันเป็นประกาย กุหลาบที่กลางโต๊ะถูกหยิบติดมือมาและกลีบหนาก็คงถูกปลิดออก ขยี้จนเกิดน้ำสีกุหลาบกับกลิ่นหอมฉุนติดบนปลายนิ้ว






“กลีบของกุหลาบพันธ์นี้ถ้ายิ่งช้ำจะยิ่งมีน้ำมันหอมระเหยมาก ได้กลิ่นทีแรกอาจจะฉุนแต่ทิ้งไว้สักพักจะหอมลึก ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย ชวนให้หลับสบาย”






เขาหรุบสายตาลง ได้กลิ่นหอมดังว่าแต่ก็ยังไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายต้องการสื่ออะไร ซ้ำเศษซากกุหลาบชวนให้นึกย้อนไปถึงสาเหตุที่ตนต้องมาอยู่ที่นี่ ความรู้สึกดีๆที่กำลังก่อตัวขึ้นจึงถูกแทนที่ด้วยโทสะ สายตาพาลขุ่นมัวด้วยอคติ






“พ่อข้าถูกลงโทษเพราะบังอาจไปเด็ดกุหลาบในสวน แต่ตัวท่านเองกลับทำลายดอกกุหลาบเพียงเพราะอยากรู้สึกผ่อนคลาย โลกนี้ช่างยุติธรรมเสียจริง!”






“ในสายตาเจ้า ข้าคงแย่มากเลยสินะ” น้ำเสียงของฝ่ายที่ถูกปฏิเสธก็พลันเย็นเยียบ “ข้าคงจะเป็นอสูร ปีศาจ หรือไม่ก็สัตว์ร้ายที่น่าเกลียด น่ากลัว ยินดีกับการเข่นฆ่า สังหารชีวิตใครต่อใคร เป็นความโชคร้ายของเจ้าเองที่ได้มาเจอข้า เพราะจะหาความดีงามหรือความยุติธรรมอันใดจากอสูรอย่างข้าก็คงยาก เจ้าจงทำใจยอมรับชะตากรรมเสียเถิด”






“ข้าไม่ยอมรับ!”






“แล้วเด็กน้อยอย่างเจ้าจะทำอะไรได้ อย่าบอกว่าคิดจะหนีไปจากที่นี่ ขอเตือนว่าอย่าแม้แต่จะฝัน เพราะแค่ย่างเท้าออกไปก็คงหลงทางจนโดนหิมะกลบฝังอยู่กลางป่า หรือไม่ก็กลายเป็นอาหารของสัตว์ที่หิวโหย แต่แย่หน่อยที่ตัวเล็กแกร็นอย่างเจ้า แม้แต่ลูกหมาป่าก็คงกินไม่อิ่มท้อง”






“สักวัน! ข้าจะต้องไปจากที่นี่ ท่านไม่มีวันขังข้าไว้ได้ตลอดไป!”






กุหลาบทั้งดอกถูกกำรวบแล้วบดขยี้อยู่ในอุ้งมือใหญ่จนกลิ่นกุหลาบลอยฟุ้งชวนคลื่นเหียน






“ถ้าแน่จริงก็พิสูจน์สิว่าทำได้อย่างที่พูด แล้วอย่าชะล่าใจไปล่ะ เพราะไม่แน่ว่ารู้ตัวอีกที เจ้าอาจจะอยู่กับข้าไปทั้งชีวิตแล้วก็ได้”






โจชัวร์ไม่เคยรู้สึกถึงความโกรธที่พลุ่งพล่านอยู่ในตัวมากเท่านี้มาก่อนในชีวิต คำสบประมาท แววตาเยาะเย้ย ถากถางของเจ้าอสูรทั้งน่าเกลียด น่าขยะแขยง การอยู่ที่นี่คือความสุขสบาย ห้องนอนใหญ่โต เสื้อผ้าหรูหรา อาหารเลิศรสก็จริง แต่ฐานะนักโทษที่มีผู้คุมจอมโหด ฉากหน้าเป็นนักบุญ ช่วยเหลือผู้คน แต่เบื้องหลังทั้งป่าเถื่อน ไร้มนุษยธรรม จ้องแต่จะเอาชีวิตผู้อื่นแบบนี้ เขาขอเลือกกลับไปใช้ชีวิตขัดสน ทนให้พี่สาวทั้งสองโขกสับเหมือนที่ผ่านมาดีกว่า














อั๊ยย่ะๆ จบตอนบรรยากาศเปลี่ยนซะงั้น

ขอบอกเลยว่าตอนหน้าเป็นตอนที่คนเขียนชอบมากกกกกกก ดูเหมือนจะเป็นตอนที่ยาวที่สุดด้วยเพราะไม่สามารถแบ่งครึ่งหรือตัดฉับตรงไหน ส่วนจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง รอติดตามกันอาทิตย์หน้าค่ะ

อะไรคือยั่วให้อยากแล้วจากปายยยยยย    :z2:












^__^







----- Mine -----










ออฟไลน์ donut4top

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 396
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 7 (4/ุ6/17)
«ตอบ #34 เมื่อ04-06-2017 15:48:08 »

ปักไว้ก่อน

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 7 (4/ุ6/17)
«ตอบ #35 เมื่อ04-06-2017 18:52:44 »

คร่ำครวญไปเถอะ

ออฟไลน์ mirimiror

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 33
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 7 (4/ุ6/17)
«ตอบ #36 เมื่อ08-06-2017 11:09:41 »

เพิ่งได้เข้าอ่าน ชอบการเล่าเรื่องมากเลย รอติดตามนะคะ

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0
Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 7 (4/ุ6/17)
«ตอบ #37 เมื่อ09-06-2017 10:02:33 »

 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:


 :L2: :pig4: :L2:

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4015
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 7 (4/ุ6/17)
«ตอบ #38 เมื่อ09-06-2017 11:22:12 »

หนูโจเกรี้ยวกราดจัง สงสารพ่ออสูรผู้อ่อนโยนนน  :hao5:

ออฟไลน์ mooplapoo

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 3
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 7 (4/ุ6/17)
«ตอบ #39 เมื่อ10-06-2017 00:00:17 »

ถ้าถามนี่ยังไงก็เข้าข้างอสูรนะ พ่อของโจชัวร์ไปเด็ดดอกไม้ของคนอื่นเอง ทั้งๆ ที่เขาเตือนแล้ว หากจะอ้างว่าเล็กน้อย แต่ยังไงก็เป็นของของคนอื่นไม่ใช่ของเรา หากอยากเก็บให้ลูกจริง ทำไมไม่ลองย้อนกลับไปเอ่ยปากขอเขา แต่ก็เข้าใจโจชัวร์แหละ ที่ว่ารู้สึกถูกขัง ถูกบังคับ แม้จะอยู่อย่างสุขสบายก็เถอะ ส่วนตอนล่าสุดนี่สงสารอสูรมาก เหมือนพยายามจะช่วยให้โจชัวร์ผ่อนคลายแต่โดนตอกกลับมาซะงั้น เกือบละมุนแล้ว โถ่เอ้ย สู้ๆ นะพ่อคุณ ส่วนโจก็ใจอ่อนไวๆ นะจ๊ะ

เป็นกำลังใจให้นักเขียนนะคะ :)

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 7 (4/ุ6/17)
« ตอบ #39 เมื่อ: 10-06-2017 00:00:17 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ minemomo

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 89
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-1
Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 8 (11/ุ6/17)
«ตอบ #40 เมื่อ11-06-2017 05:18:35 »










Heartbeat 









: A Retelling of Beauty and the Beast














อ่านคอมเมนท์แล้วก็ร้องอ้าวววว เฮ้ยยยย ต้องยอมรับว่าเซอร์ไพรส์กับทีมเจ้าอสูรเลยค่ะ 

อาจเป็นเพราะเวลาเขียน เราจะมองจากฝั่งของโจชัวร์ก็เลยเทใจมาทางนี้มากกว่าจนอาจลืมดูหัวจิตหัวใจนายท่านไปเหมือนกัน

ซึ่งก็ขอบคุณจริงๆสำหรับทุกๆคอมเมนท์ที่ฝากกันมา ความคิดเห็นของคนอ่านช่วยเปิดมุมมองและเป็นกำลังใจให้คนเขียนได้มากๆเลยค่ะ


















8











โจชัวร์ตัดสินใจหนีโดยไม่มีอาการลังเล ไม่ว่ากลับถึงบ้านได้หรือไม่ก็จะต้องออกจากคฤหาสน์แห่งนี้ในทันที เขาแสร้งวางท่าเป็นปกติ ทนฟังพลูมแมทเล่าถึงความเป็นห่วงของเจ้าอสูรที่เห็นเขาทานมื้อค่ำได้น้อยจึงสั่งให้เอานมอุ่นๆมาให้ และยอมดื่มเข้าไปจนหมดแก้วเพื่อไล่เธอออกจากห้องทางอ้อม เมื่อได้เวลาที่ทุกคนน่าจะเข้านอนเรียบร้อยก็แอบย่องออกจากห้อง ทุกอย่างดูจะเป็นใจให้การหลบหนี ท้องฟ้ามืดสนิท บรรยากาศสงบ เงียบสงัดราวกับคฤหาสน์ร้าง






เขาตรงไปยังคอกม้าซึ่งโชคดีที่ไม่มีเวรยามคอยเดินตรวจตราเช่นกัน แม้จะเสี่ยงต่อการถูกตามจับได้ภายหลังแต่เขาก็เลือกสโนว์เป็นตัวช่วย เจ้าม้าแสนรู้ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี มันพาเขาออกจากเขตคฤหาสน์อย่างปลอดภัย จนกระทั่งล่วงเข้าแนวป่า สโนว์กลับชะลอฝีเท้า ทำท่าจะหมุนตัวกลับทางเดิมจนเขาต้องยื้อไว้สุดแรง






“สโนว์...” เขาเรียกเสียงอ้อนและต้องเป็นฝ่ายดึงสายบังเหียนให้ม้าเดินตาม “ไปกันต่อเถอะนะ อีกนิดเดียว แป๊บเดียวก็ถึงบ้านแล้ว เจ้าช่วยข้าหน่อยไม่ได้เหรอ”






เจ้าม้าขาวสะบัดหน้าพรืด ส่งเสียงฟืดฟาด สี่เท้าแทบจะปักลงในดิน ไม่ยอมเดินต่อแม้แต่ครึ่งก้าว






“ข้าอยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้แล้วจริงๆ ข้าอยากกลับบ้าน เจ้าพาข้ากลับบ้านทีเถิด หรือแค่พาออกไปให้พ้นป่านี่ก็ได้ แล้วข้าจะหาทางกลับบ้านต่อเอง นะสโนว์นะ”






โจชัวร์อ้อนวอน ทั้งดึงลาก ทั้งผลักดัน แต่ก็ไม่อาจเปลี่ยนใจเพื่อนสี่ขา สุดท้ายก็ต้องเป็นฝ่ายตัดใจเสียเอง






“เอาล่ะ ข้าจะไม่บังคับให้เจ้าต้องทรยศนายของเจ้าหรอก แต่ข้าก็จะไม่กลับไปที่นั่นเหมือนกัน งั้นเราแยกทางกันตรงนี้ เจ้ากลับไปเถอะ ข้าขอโทษที่พาเจ้าออกมาลำบาก หวังว่าเขาคงจะไม่ลงโทษเจ้า ขอบคุณที่เจ้าดีกับข้าเสมอมา แต่ต่อนี้ไปเราคงไม่ได้พบกันอีกแล้ว โชคดีนะสโนว์”






โจชัวร์กอดลาอีกครั้งและออกเดินทางเพียงลำพัง แม้หนทางข้างหน้าจะมีความหวังเพียงริบหรี่ก็พยายามปลุกปลอบตัวเองไม่ให้หันหลังหรือเปลี่ยนใจตามเจ้าสโนว์กลับคฤหาสน์ รู้ตัวอีกทีเขาก็ล่วงเข้าสู่ความมืดมิดของป่ากว้าง แนวไม้สูงพ้นสายตาปิดกั้นแสงจากท้องฟ้ายิ่งทำให้มืดจนเหมือนกำลังหลับตาเดิน สายลมแรงพรูผ่าน กิ่งก้านใบเสียดสีเกิดเสียงหวีดก้อง สัตว์กลางคืนส่งเสียงร้องรับกันเป็นทอดชวนให้รู้สึกวังเวงจนขาสั่น เขากลั้นใจรีบเร่งฝีเท้าไปข้างหน้า แม้จะเสี่ยงกับการเดินวนจนหลงทางก็ยังดีกว่าตกอยู่ในความกลัวจนประสาทเสียอยู่กลางป่า






ในเวลาไม่นาน โจชัวร์ก็พบว่าตนเองตัดสินใจพลาดครั้งใหญ่ ตอนที่ออกจากคฤหาสน์อาจถือเป็นฤกษ์ดี จะไปตรงไหนก็ทางสะดวก แต่ตอนนี้เขาได้แต่เดินหลงไปมาอย่างไม่รู้ทิศทาง ซ้ำร้ายอากาศแปรปรวนจนเกิดเป็นพายุ ทั้งลมทั้งหิมะโหมกระหน่ำสมกับเป็นป่าต้องสาปที่จงใจกลืนกินทุกชีวิตที่หลงเข้ามา ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมพ่อของเขาถึงได้หลงทางไปติดกับดักของเจ้าอสูร ส่วนตัวเขาพยายามทนฝ่าพายุไปเรื่อยๆจนมาพลาดตกลงจากเนินดินหรืออาจจะเป็นหน้าผาเตี้ยๆ ยังโชคดีที่พื้นด้านล่างมีกองใบไม้และหิมะทับถมกันหนาจึงไม่ได้รับบาดเจ็บมากนัก และไม่ไกลจากตรงนั้นมีซอกถ้ำที่ใหญ่พอให้หลบพักจนกว่าพายุจะพัดผ่านไป






สถานการณ์ภายนอกดูไม่น่าวางใจเอาเสียเลย แม้หิมะจะเบาลงในบางช่วงแต่ก็ยังไม่มีทีท่าจะสงบจริงๆ สายลมพัดแรงจนผนังถ้ำพาลสั่นตามไปด้วย พอช่วงไหนลมเบาลงก็ยังมีเสียงเห่าหอน เสียงร้องคำรามแทรกมาให้ใจสั่น บางครั้งบางครามีเงาดำเคลื่อนไหววูบวาบ เงาสะท้อนจากดวงตาของนักล่าที่สอดส่ายหาเหยื่อ เขาได้แต่นั่งกอดตัวเองอยู่ในส่วนลึกที่สุดของถ้ำ แม้จะไม่ช่วยให้หายหนาวแต่ก็ยังพออุ่นใจว่าปลอดภัยจากสัตว์ร้ายที่วนเวียนอยู่ใกล้ๆ จนกระทั่งมีเสียงสวบสาบของฝีเท้าหนักๆดังใกล้เข้ามา เขาหรี่ตามองฝ่าความมืดไปยังต้นเสียง ในมือมีไม้ท่อนใหญ่เตรียมพร้อม เมื่อเงาดำมาหยุดอยู่ใกล้ๆ เขาก็ส่งเสียงข่มขวัญแล้วกระหน่ำตีสุดแรงเกิด






“พอได้แล้ว!”






เสียงตวาดลั่นในจังหวะเดียวกับที่อาวุธถูกกระชากออกจากมือแล้วโยนทิ้งไปไกล และเสียงนั้นก็ทำให้เค้าร่างสูงใหญ่ปรากฏชัดขึ้นในสายตา






“เจ้า... อสูร!”






“ก็ใช่น่ะสิ อสูรร้ายที่กำลังจะโดนมนุษย์ตัวเล็กๆอย่างเจ้าตีจนตายไงล่ะ” 






ถึงจะมืดจนมองไม่เห็นก็ไม่ใช่อุปสรรคที่จะฟาดฟันกันด้วยคำพูด น้ำเสียงของเจ้าอสูรโกรธจัดชนิดที่อยากจะบีบคนตรงหน้าให้แหลกคามือ ส่วนโจชัวร์แม้จะยอมรับว่าดีใจอยู่ลึกๆก็ใช่จะยอมอ่อนข้อ






“ใครใช้ให้เข้ามาเงียบๆ ข้านึกว่าตัวอะไรก็ต้องตีไว้ก่อนสิ”






“แล้วเจ้าล่ะ รู้ตัวมั้ยว่าทำให้ทุกคนเดือดร้อนกันไปหมด เกิดเพี้ยนอะไรขึ้นมา สติดีหรือเปล่าถึงเที่ยวมาเดินอยู่ในป่ากลางดึกแบบนี้ หรือว่าใจดีนึกอยากจะให้อาหารสัตว์ป่า ข้าบอกแล้วไงตัวเล็กๆอย่างเจ้ากินยังไงก็ไม่อิ่ม ไม่สู้ขุนตัวเองให้มีเนื้อกว่านี้ก่อนค่อยหนีออกมา”






เสียงตะคอกแรงจนกลายเป็นขู่คำราม คล้ายกับเจ้าตัวกำลังใช้อารมณ์โกรธปิดบังความรู้สึกบางอย่าง






“เงียบทำไม เก่งนักไม่ใช่เหรอ ทำไมไม่พูด หรือว่าเถียงไม่ออก!”






“นักโทษอย่างข้าจะมีสิทธิ์พูดอะไร ในเมื่อจับได้แล้วจะลงโทษยังไงก็เชิญ”






เมื่อคนหนึ่งเสียงอ่อนลงก็เหมือนช่วยลดความโกรธที่ปะทุขึ้น ฝ่ายที่เหนือกว่าก็คร้านจะทะเลาะกันทั้งที่มองไม่เห็นหน้า เมื่อจับความรู้สึกได้ว่ามีบางคนกำลังยืนตัวสั่น ไม่แน่ใจว่าเพราะความโกรธหรืออากาศหนาว เจ้าอสูรจึงทรุดตัวลงแล้วกระชากอีกคนให้นั่งลงข้างๆ






“รู้ฐานะตัวเองอย่างนี้ก็ดี จะได้ไม่ก่อเรื่องให้ใครต้องเดือดร้อนอีก” 






“จะรออะไรอีกเล่า จะเอาไปฆ่าหรือต้มยำทำแกงก็เร็วสิ ข้าขี้เกียจนั่งรอความตายอยู่ที่นี่แล้ว”






“ไม่เห็นเหรอว่าพายุพัดแรงขึ้นอีกแล้ว ขืนออกไปตอนนี้ แม้แต่ตัวข้าเองก็คงไม่รอด เพราะฉะนั้นเราต้องรออยู่ที่นี่จนกว่าพายุจะสงบจริงๆ ข้าจะพักเอาแรงไว้ลากตัวนักโทษกลับไปชำระความ ส่วนเจ้าก็นั่งคิดนอนคิดไปแล้วกันว่าอยากรับโทษแบบไหน กว่าจะเช้าก็คงเลือกวิธีตายที่เจ้าพอใจที่สุดได้อยู่หรอกนะ”






โจชัวร์ได้แต่ข่มความอาฆาต อยากจะลุกหนีก็ติดตรงไม่รู้จะไปไหนพ้น โพรงถ้ำที่เล็กอยู่แล้วยิ่งแคบลงเมื่อมีคนเพิ่มเข้ามา แต่ร่างใหญ่โตก็มีประโยชน์ช่วยบังลมหนาว ทำให้อากาศภายในถ้ำอุ่นขึ้น ร่างกายที่เหน็ดเหนื่อยจากการหลงวนอยู่ในป่า จิตใจที่ต้องทนรับแรงกดดัน ต่อสู้กับความหวาดกลัวอยู่ตลอดจึงผ่อนคลายลงจนผล็อยหลับไปในที่สุด






กว่าที่เขาจะรู้สึกตัวอีกครั้งก็พบว่ารอบกายสว่างขึ้นแล้ว รู้สึกถึงลำแสงอุ่นและกลิ่นหอมอ่อนๆของทุ่งหญ้ายามเช้า บวกกับความนุ่มของเตียง...!






ดวงตาสีน้ำตาลเบิกค้างเมื่อเจ้าตัวพลันนึกถึงเรื่องเมื่อคืน เขาแอบหนี แต่ถูกจับได้ และต้องค้างแรมอยู่ในถ้ำกับผู้คุมที่คงไม่รู้ว่ากำลังอุทิศตัวเองให้กลายที่นอนของนักโทษไปเสียแล้ว เขาไม่กล้าขยับตัวแต่ค่อยๆเลื่อนสายตาสำรวจ แสงแดดอ่อนส่องกระทบเส้นขนเกิดประกายสีทองสว่างตลอดทั้งลำตัวของเจ้าอสูร ใบหน้ายามหลับสนิทดูไร้พิษสง อาจจะเป็นเครื่องหน้าที่ใหญ่โตไปทุกส่วน ปลายเขี้ยวขาวที่โผล่พ้นริมฝีปากสีคล้ำเท่านั้นที่ทำให้เขาดูผิดแผก แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าอุ้งมือใหญ่แม้มีเล็บแหลมน่ากลัวก็สามารถส่งไออุ่นผ่านมาสู่มือของเขาได้ เมื่อลองแนบหูกับแผ่นอกกว้าง จังหวะหนักแน่นก็เหมือนจะสอดคล้องกับเสียงหัวใจตัวเอง จนเขาได้ข้อสรุปที่น่าตกใจว่าการตกอยู่ในเงื้อมมือของเจ้าอสูรกลับทำให้รู้สึกอุ่นใจกว่าอยู่ท่ามกลางมนุษย์ด้วยกันเองด้วยซ้ำ






โจชัวร์รีบหลับตาลงทันทีที่ร่างหนาเริ่มขยับ เขาจับได้ว่าเจ้าอสูรก็คงตกใจ กล้ามเนื้อทุกมัดแข็งขืนอยู่ครู่หนึ่งจึงผ่อนคลายลงพร้อมๆกับที่ลำแขนใหญ่ค่อยๆยกออกจากตัว เขารู้สึกถึงลมหายใจแรงแถวใบหน้าจนกลัวว่าจะถูกจับได้ว่ากำลังแกล้งหลับ






“ถ้าอยากจะนอนหลับตาอยู่อย่างนี้ไปทั้งวันก็ตามใจ ข้าไม่ได้รีบไปไหน จะรอเอาตัวเจ้ากลับไปนานเท่าไหร่ก็ได้”






น้ำเสียงเหน็บกัดกระแทกให้โจชัวร์ลุกพรวด เขาตั้งท่าพร้อมสู้แต่ร่างสูงใหญ่กลับลุกขึ้นด้วยท่าทางเมินเฉย ทั้งๆที่มีคราบเลือดแห้งกรังบนต้นแขน อาการค่อยๆขยับก็บอกชัดว่าไม่ปกติ






“ท่าน... บาดเจ็บนี่”






ดวงตาสีอำพันชำเลืองมองแวบหนึ่ง ไม่ใส่ใจทั้งแผลหรือคนที่ทำให้เกิดแผล






“แค่โดนไม้ทุบจนได้เลือดนิดหน่อย คงเป็นโชคดีของข้าล่ะมั้งที่เจ้ามีแรงตีได้แค่นี้”






โจชัวร์ได้แต่หมายมาดในใจว่าหากมีโอกาสอีกครั้งจะทุ่มแรงสุดตัว ถึงเป็นเจ้าอสูรก็จะเอาให้หมดท่า ไม่มีหน้ามาเยาะเย้ยเขาอย่างนี้อีกแน่






เมื่อออกมาที่หน้าถ้ำก็พบว่าพายุหนักตลอดคืนทิ้งร่องรอยไว้เป็นพื้นหิมะหนาเกือบฟุต แสงแดดตกสะท้อนพื้นหิมะขาวจนสว่างจ้าไปทั้งผืนป่า แม้จะรู้สึกชื่นชมทัศนียภาพอันงดงามแต่โจชัวร์รู้ตัวว่ากำลังมีปัญหาใหญ่ ข้อเท้าที่ดูเหมือนปกติดีกำลังระบมขึ้นทุกที ยิ่งต้องมาตะลุยพื้นหิมะหนา เขายิ่งต้องกัดฟันในทุกๆครั้งที่ก้าวขา การต้องเดินกลับคฤหาสน์ก็ไม่ต่างจากการลงโทษที่แสนทรมาน






แต่ก่อนที่เขาจะรู้สึกตายทั้งเป็น คนที่นำหน้ากลับย่อตัวลงแล้วกระชากตัวเขาเข้าไปปะทะแผ่นหลัง จากนั้นก็ลุกขึ้นเดินต่อ ทำให้เขาต้องรีบยึดร่างสูงใหญ่ไว้แน่นก่อนจะตกลงไปนอนจุกอยู่บนพื้น






“ทำไมไม่บอกว่าเจ็บ หรือว่าแค่แกล้งทำขากะเผลกจะได้ค่อยๆเดิน หอยทากยังคลานเร็วกว่าเจ้ารู้ตัวหรือเปล่า”






ถ้านี่คือการช่วยคนขาเจ็บด้วยการให้ขึ้นขี่หลัง ก็คงเป็นวิธีช่วยเหลือที่ทำให้โจชัวร์รู้สึกจุกจนพูดไม่ออกในหลายๆความหมาย






“ข้าไม่ได้เป็นอะไรมากสักหน่อย ปล่อย...”






“อย่าบอกว่าจะทำในสิ่งที่ทำไม่ได้ เก็บแรงไว้รอการลงโทษตอนที่กลับไปถึงคฤหาสน์ดีกว่า”






โจชัวร์สงบปากคำเพราะรู้ว่าพูดอะไรไปก็เปล่าประโยชน์ ซ้ำรอยแผลบนต้นแขนก็ยิ่งย้ำความผิด ยอมถูกแบกกลับสบายๆคงดีกว่าดื้อจนอาจบาดเจ็บมากขึ้นทั้งสองฝ่าย สถานการณ์จึงตกอยู่ในความเงียบ มีเพียงเสียงฝีเท้าย่ำลงบนพื้นหนาและสายลมพัดเป็นระยะ ไอชื้นจากหิมะที่เริ่มละลายพาลให้กลิ่นอันเป็นเอกลักษณ์ของป่าหอมกำจาย






“หนีออกมาทำไม”






“แล้วจะให้ข้าอยู่ต่อไปทำไม”






คำถามดังขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย คำตอบก็ห้วนสั้นจนฝ่ายที่ถามต้องพยายามหาเรื่องชวนคุยต่อ






“อยู่ที่นี่... เจ้าไม่มีความสุขเลยเหรอ”






ร่างสูงใหญ่รับรู้ถึงเสียงถอนหายใจเบาๆกับอาการกำมือแน่นของคนบนแผ่นหลัง จังหวะก้าวเชื่องช้าลงคล้ายจะสะท้อนจิตใจที่อ่อนล้าด้วยกันทั้งสองฝ่าย






“ขอโทษ” เสียงคล้ายคำรามเบาๆจากในคอทำให้คนฟังต้องเลื่อนตัวเข้าใกล้มากขึ้น “อย่างน้อยในฐานะเจ้าของบ้าน ข้าควรทำให้คนที่เป็นแขกมีความสุขเหมือนอยู่บ้าน แต่สิ่งที่เจ้าตัดสินใจทำก็บอกชัดแล้วว่าข้าเป็นเจ้าบ้านที่เลวมาก”






“ไม่ใช่หรอก ข้าต่างหากควรขอโทษที่แอบหนีออกมา ทำให้ทุกคนต้องเดือดร้อน ความจริงแล้วข้าชอบที่นี่มาก ทุกๆคนดีกับข้า ทำให้ข้ามีความสุขยิ่งกว่าบ้านตัวเองเสียอีก อยู่ที่บ้านข้าไม่เคยได้สบายอย่างนี้ ไหนจะต้องทำงานตั้งแต่เช้าจรดค่ำ ห้องนอนก็ไม่มี หนังสือก็ไม่ได้อ่าน แถมพวกพี่ๆก็ไม่ค่อยจะชอบขี้หน้าข้าสักเท่าไหร่ ถ้าเทียบกันแล้วคฤหาสน์ของท่านเหมือนสวรรค์สำหรับคนอย่างข้าด้วยซ้ำไป”






โจชัวร์แอบมีรอยยิ้มให้แผ่นหลังกว้าง และเหมือนมีเสียงหัวเราะเบาๆแว่วมาจากที่ไม่ใกล้ไม่ไกล 






คำหนึ่งคำอาจเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวร้อยพัน คำขอโทษที่ออกจากความรู้สึกที่แท้จริงก็เปรียบเสมือนการที่สองฝ่ายพร้อมใจกันถอยคนละครึ่งก้าว ช่องว่างที่เกิดขึ้นไม่ใช่ความห่างเหินแต่คือพื้นที่เล็กๆสำหรับเมล็ดพันธ์แห่งความเป็นมิตรจะได้ผลิบานและเติบโตขึ้นเป็นความสัมพันธ์ที่มั่นคงยืนยาว






“แล้วตัวข้าล่ะ” อีกหนึ่งคำถามตามมาหลังจากเงียบกันไปพักใหญ่ “ในสายตาเจ้า เห็นข้าเป็นยังไง”






“ท่านก็... เป็นคน... ดี” เขาไม่ได้ลังเลที่จะกล่าวคำนี้ ความกังวลมีเพียงอาจทำให้คนฟังผิดหู เมื่อพูดออกไปแล้วก็เผลอชะโงกตัวเข้าไปใกล้ขึ้นเพื่อลอบสังเกตปฏิกิริยา






“เจ้ามักเรียกข้าว่าเจ้าอสูรแล้วยังจะมองเห็นอสูรอย่างข้าเป็นคนดีอีกหรือ”






“ข้าขอถามได้มั้ย...” ในน้ำเสียงยังมีรอยกังวล รอจนแน่ใจว่าความเงียบคือการอนุญาตจึงค่อยเอ่ยต่อ “ทำไมท่านถึงอยู่ในสภาพแบบนี้ ข้าถามใครๆก็ไม่เคยได้คำตอบ แต่ทุกคนก็ดูจะไม่แปลกใจหรือมองว่าท่านประหลาดเลยสักนิด”






บรรยากาศตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง สรรพเสียงของป่าดังกังวานจนกลบเสียงฝีเท้า หรือความจริงจังหวะก้าวเดินอาจหยุดลงด้วยเหตุผลบางอย่าง






“มันเป็นคำสาป... เจ้าอาจคิดว่าเป็นเรื่องน่าเหลือเชื่อ แต่เมื่อนานมาแล้ว ข้าได้ทำผิดเลยถูกสาปให้ต้องอยู่ในสภาพนี้จนกว่า...”
เสียงของเจ้าอสูรคล้ายสะท้อนออกจากอกและหยุดลงจนคนรอฟังทนไม่ไหว






“จนกว่าคำสาปจะสลายไปใช่มั้ย แล้วคำสาปจะสลายไปได้ยังไง? หรือว่า... ท่านไม่รู้วิธีแก้คำสาป?!”






“วิธีที่ไม่มีทางเป็นไปได้ เพราะฉะนั้นรู้หรือไม่รู้ก็ไม่ต่างกันหรอก เราเลิกคุยเรื่องนี้กันเถอะ ข้าเบื่อเรื่องของตัวเองเต็มทีแล้ว” 






เจ้าอสูรตัดบทและเริ่มออกเดินอีกครั้ง มีลมเย็นพัดมาระลอกใหญ่ คนบางคนจึงฉวยโอกาสนั้นอิงซบแผ่นหลังกว้างเพื่อหลบลมและกระซิบคำปลอบใจ






“แต่ข้ารู้ว่าท่านเป็นคนดี ข้าเชื่อว่าสักวันคำสาปจะต้องสลายไป”






“เจ้าสัญญาได้มั้ยว่าจะอยู่ด้วยกันไปจนกว่าจะถึงวันนั้น”






โจชัวร์ปล่อยให้คำขอนั้นลอยหายไปกับลมเพราะยังไม่สามารถให้คำตอบที่ซื่อสัตย์มากพอ เขาถูกบังคับให้มาที่นี่ ถูกขู่เข็ญไม่ให้หลบหนี แต่ตอนนี้ทุกอย่างกลับตาลปัตร ความหมายเดิมแต่รูปประโยคเปลี่ยน จากผูกมัดด้วยคำสั่งกลายเป็นการขอสัญญา น้ำเสียงเว้าวอนเชิญชวน คนที่ไม่เคยมีสิทธิ์ตัดสินชะตาชีวิต ไม่เคยมีโอกาสเลือกเพื่อสนองใจตนเองจึงเกิดลังเล ไม่มีความมั่นใจ กลัวไปหมดทุกสิ่งอย่าง






ถือเป็นโชคดีที่เจ้าอสูรไม่ได้เซ้าซี้เอาคำตอบ เขาจึงเลี่ยงการสนทนาด้วยการซบหน้าลงกับแผ่นหลังอุ่น กำลังเคลิ้มไปตามจังหวะก้าวเดินจนเกือบจะหลับตาลงก็บังเอิญเห็นบางอย่างผิดสังเกต 






“มีอะไรสักอย่างกำลังตามเรามา!”





(ถ้าตัดจบตรงนี้ ครึ่งหลังต่ออาทิตย์หน้า จะมีคนขู่ฆ่าเรามั้ยนะ 555

ล้อเล่น ต่อด้านล่างเลยค่ะ)




 :katai4:



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-06-2017 05:24:42 โดย minemomo »

ออฟไลน์ minemomo

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 89
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-1
Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 8 (11/ุ6/17)
«ตอบ #41 เมื่อ11-06-2017 05:21:27 »



ต่อเลยค่ะ

^^








“ความรู้สึกช้าเหลือเกินนะ” เจ้าอสูรหยุดเดินอีกครั้ง มีเสียงหัวเราะเบาๆก่อนจะหันไปในทิศทางเดียวกันแล้วออกปาก “ออกมาเถอะเกรย์”









แนวพุ่มไม้ที่เป็นเป้าสายตาสั่นไหวอยู่ครู่หนึ่งยิ่งเพิ่มความลุ้นระทึก ในเสี้ยวกระพริบตาบางสิ่งก็กระโจนออกมาแล้วแตะปลายเท้าว่องไวจนไปหยุดอยู่บนเนินเล็ก ใกล้พอให้อยู่ในระยะสายตาของมนุษย์แต่ไม่มากเกินระดับการระวังตัวตามสัญชาตญาณสัตว์ป่า หมาป่าโตเต็มวัยมีโครงร่างใหญ่กำยำลักษณะสมบูรณ์พร้อมตั้งแต่ส่วนหัวจรดพวงหาง ขนฟูหนาสีเทาต้องแสงแดดเป็นประกาย และสิ่งที่น่ากลัวไม่น้อยไปกว่าอุ้งเท้าแข็งแรงหรือคมเขี้ยวที่จะกัดกระชากลำคอให้ขาดวิ่นก็คือดวงตาที่สามารถสะกดเหยื่อของมันได้อยู่หมัด แววตาคมดุประเมินมองร่างเล็กที่กำลังลงมายืนบนพื้นโดยมีร่างสูงใหญ่ประคองไม่ห่าง และรู้ว่าดวงตากลมโตคู่นั้นก็กำลังทำเฉกเดียวกัน






“เกรย์เคยพลาดติดบ่วงพวกพรานเถื่อน ชาวบ้านไปเจอเลยเอาตัวมาส่งที่คฤหาสน์ ข้าช่วยทำแผลให้แล้วปล่อยมันกลับมา มันกับครอบครัวอาศัยอยู่ในป่าแห่งนี้ ไม่ค่อยจะออกมาให้เห็นบ่อยนักหรอก แต่เมื่อคืนมันมาช่วยนำทางไปที่ถ้ำ ไม่อย่างนั้นข้าคงหลงคลำทางอยู่นานจนอาจไม่เจอเจ้าก็เป็นได้”






โจชัวร์พลันรู้สึกคุ้นกับดวงตาวาววับคู่นั้นขึ้นมา






“ขอบใจมากนะ... เกรย์” เขาส่งเสียงบอกพร้อมรอยยิ้ม สังเกตเห็นใบหูคู่นั้นกระดิกก็เข้าใจว่าเจ้าหมาป่ายอมรับคำขอบคุณของเขาเช่นกัน






“ที่บอกว่าครอบครัวของเกรย์อาศัยอยู่ที่นี่ แล้วท่านเคยเจอเมียกับลูกๆมันบ้างมั้ย”






“ตอนพามันกลับมาที่ป่า ข้ากับลูมิแยร์ลองสะกดรอยตามไปที่รังแต่ก็เข้าใกล้ไม่ได้มาก เพราะมันกำลังมีลูกอ่อน ตัวเมียเลยดุมาก พอรู้อย่างนั้นก็เลยแอบเอาอาหารมาให้หลายครั้งเพราะกลัวมันยังล่าเหยื่อไม่ได้เต็มที่ คิดว่ามันก็คงรู้ว่าพวกเรามาดี ไม่ได้จะมาล่าหรือทำร้าย แต่สัตว์ป่ายังไงก็มีสัญชาตญาณระวังภัยสูงอยู่ดี”






“แล้วทำไมเมื่อคืนมันถึงช่วยข้าล่ะ ข้าก็รู้สึกเหมือนกันว่ามันตามข้าไปจนถึงที่ถ้ำ”






“มันชอบเด็กน้อยอย่างเจ้าล่ะมั้ง... คงคิดว่าเนื้อของเจ้าจะนุ่มหวาน กระดูกก็อ่อน น่าอร่อยดี”






โจชัวร์ถลึงตาใส่แล้วเดินหนีเสียงหัวเราะของคนโรคจิตที่เอะอะก็เห็นคนอื่นเป็นอาหาร เขาค่อยๆก้าวไปหาหมาป่าอย่างระวัง หวังให้มันรับรู้ว่าเขามาอย่างมิตรแต่จู่ๆเจ้าสี่ขากลับเกร็งตัว ส่งเสียงคำรามขู่ เจ้าอสูรถลันเข้ามาขวางหน้า แต่ก่อนที่สถานการณ์จะบานปลาย ต้นเหตุที่ทำให้เจ้าหมาป่าระวังมากขึ้นก็ปรากฏตัว ลูกหมาป่าในลักษณะของเกรย์แบบย่อส่วนบุกตะลุยพื้นหิมะหนามาหยุดอยู่ด้านซ้ายและขวา มันคงไล่ฟัดกันมาตลอดทาง ขนสีเทาเงินจึงเปรอะหิมะตลอดทั้งตัว พอมาถึงก็รุมกันกัดขาหน้าคนละข้างจนตัวพ่อต้องคำรามเสียงดุ






“นั่นล่ะลูกๆของเกรย์ คอกนี้ที่จริงมีสามแต่รอดมาสอง ดูรวมๆเหมือนพ่อแต่ตรงหลังหูกับช่วงหางสีออกน้ำตาลเหมือนแม่” ร่างสูงใหญ่เบี่ยงตัวหลบ แถมด้วยคำอธิบายและรอยยิ้มเอ็นดูหมาป่าน้อยทั้งสองที่เขาเห็นมาตั้งแต่ยังไม่ลืมตา






“น่ารักมาก!” เสียงอุทานเรียกความสนใจจากเจ้าตัวน้อย ยิ่งพวกมันหันมาเอียงคอมองตาแป๋ว เขาก็ยิ่งตื่นเต้น เขย่าท่อนแขนใหญ่ที่ช่วยพยุงอยู่ ร้องขอราวกับเด็กเห็นของเล่นถูกใจ “ถ้าเข้าไปใกล้กว่านี้จะเป็นอะไรมั้ย ขอลองอุ้มพวกมันได้หรือเปล่า นะๆ แค่จับนิดเดียวก็ได้”






เจ้าอสูรทรุดตัวลงพาให้คนข้างกายทำตาม มีเสียงครางต่ำจากลำคอในขณะที่อุ้งมือใหญ่กวาดปุยหิมะเบาๆเป็นนัย ไม่ช้าสองหมาน้อยก็กลิ้งไถลลงเนินมาหยุดอยู่ใกล้ๆ ดวงตากลมใสจ้องอย่างสนใจมากกว่าจะระแวงเหมือนสัตว์ป่าโตเต็มวัย มันอาจรู้สึกคุ้นหรือเห็นเจ้าอสูรเป็นพวกเดียวกันอยู่แล้ว ส่วนสิ่งมีชีวิตแปลกหน้าก็ไม่ได้ดูน่ากลัว หรือมีกลิ่นที่บ่งถึงอันตราย






“ยื่นมือให้มันลองดมดูก่อน ช้าๆ อย่าทำท่ากลัวหรือตกใจเพราะจะทำให้มันรู้สึกเหมือนกันแล้วจะกลายเป็นระแวงไป”






โจชัวร์วางมือตัวเองลงในอุ้งมือใหญ่ที่ค่อยๆพาเข้าไปใกล้ปลายจมูกเล็กๆ ทีแรกเขาเกือบสะดุ้ง สักพักก็รู้สึกจั๊กจี้ที่โดนปลายจมูกสีดำที่เย็นชื้นราวกับหิมะซุกไซ้ไปทั้งมือ






“ลองอุ้มได้มั้ย” เขารีบหันมาขออนุญาตคนข้างตัว






“อย่าเพิ่งเลย แค่ค่อยๆจับอย่างเดียวดีกว่า เพราะถ้ากลับไปที่รัง เกิดแม่ของเจ้าสองตัวนี่ผิดกลิ่นเจ้ามากไปจะไม่ดี”






“ข้าคงไม่ได้มีกลิ่นตัวอะไรแรงขนาดนั้นหรอก หรือถึงมีก็คงเป็นกลิ่นของท่านนั่นแหละ ข้านอนอยู่กับท่านทั้งคืน แล้วยังได้ขี่หลังมาตลอดทาง ตอนนี้กลิ่นตัวข้าหรือของท่านก็คงผสมกันจนแยกไม่ออก พวกมันคุ้นกับกลิ่นท่านอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นอุ้มได้ ไม่เป็นไรหรอกจริงมั้ย”






ดวงตาสีอำพันเขม้นมองด้วยความรู้สึกอย่างที่อธิบายไม่ถูก






“เคยมีใครบอกมั้ยว่าเจ้าน่ะดื้อ”






“ข้าดื้อก็ได้ งั้นตกลงให้อุ้มได้แล้วนะ น๊าาา แค่นิดเดียวก็ได้”






เจ้าอสูรผู้เคยเป็นที่หวาดกลัวถึงคราวต้องพ่ายแพ้ เขาถูกโจมตีด้วยสีหน้า แววตา น้ำเสียงและรวมถึงท่าทางออดอ้อนขนาดนี้จะให้ทนใจแข็งได้ถึงแค่ไหน สุดท้ายจึงต้องยอมตามคำร้องขอ อุ้งมือใหญ่ช้อนลูกหมาป่ามาตัวหนึ่งแล้วส่งต่อให้อ้อมแขนเล็กอย่างระวัง เจ้าตัวที่เหลือเห็นอย่างนั้นก็ตะกุยตะกายเรียก เขาเลยจับขึ้นมาประคองไว้ ปล่อยให้มันดิ้นยุกยิกก่อนจะไต่ตามท่อนแขนขึ้นมาเกาะอยู่บนไหล่แล้วชะโงกหน้าลง วางท่าเหนือกว่าพี่น้องจนน่าหมันไส้






ส่วนโจชัวร์นั้นเอาแต่จ้องมองเจ้าตัวน้อยที่นอนมองตาแป๋วอยู่ในวงแขน ขนของลูกหมาป่าฟูหนา ไม่นุ่มนิ่มเหมือนอย่างขนตุ๊กตาแต่ก็ไม่สากหยาบจนระคายมือ เขาประคองมันไว้แล้วค่อยๆสัมผัสอย่างระมัดระวัง พอลูบหัวใบหูเล็กก็กระดิกรับ เลื่อนมือลงมาเกาเบาๆมันก็เอียงแก้มตอบ แถมยังหันมาแลบลิ้นเลียแผลบจนเขากลั้นหัวเราะไม่อยู่






“มันชอบเจ้า” เสียงห้าวกระซิบใกล้ๆ






“ข้าก็... ชอบ” เขาเงยหน้าแล้วต้องชะงักกับรอยยิ้มที่ส่งให้ดวงตาสีอำพันยิ่งทอประกายสวย






เจ้าอสูรหันไปส่งเสียงปรามลูกหมาอีกตัวที่เริ่มจะไม่อยู่สุข






“ดูแล้วตัวนั้นตัวโตกว่านิดหน่อย สงสัยจะเป็นพี่”






“เจ้าตัวพี่เลยอิจฉาน้อง มันคงอยากให้อุ้มเหมือนกัน วางเจ้าตัวเล็กลงก่อน เจ้าอุ้มสองตัวไม่ไหวหรอก”






โจชัวร์ยิ้มรับแล้วกระชับอ้อมแขนเบาๆเพื่อกอดลาแต่ยังไม่ทันจะได้ปล่อย เจ้าหมาตัวพี่ก็กระโจนลงมาหา ตัวน้องคงคิดว่าอยู่ในที่ปลอดภัยแล้วเลยไม่หนี จึงกลายเป็นการเข้าคลุกวงในกันอยู่ในอ้อมแขนที่เล็กเกินไปสำหรับลูกหมาสองตัว เขามัวแต่ตกใจในขณะที่เจ้าอสูรส่งเสียงคำรามแล้วกระชากพวกมันออกจากกัน






“ข้าไม่เป็นไร!” เขารีบบอกก่อนที่เจ้าขนฟูทั้งสองที่กำลังถูกหิ้วหลังคอจนดิ้นกระแด่วๆ ส่งเสียงร้องงี้ดๆจะถูกลงโทษ ที่สำคัญคือตัวพ่อซึ่งนอนคุมเชิงอยู่ถึงกับลุกขึ้นมามอง อาจจะเข้าใจผิดไปได้ว่าลูกๆกำลังถูกทำร้าย






“ทั้งดื้อทั้งซน!” เจ้าอสูรบ่นเสียงขุ่น ไม่ระบุชัดว่าหมายถึงอะไร






“ท่านรีบวางพวกมันลงเถอะ”






เจ้าอสูรเขย่ามือให้สองหมาน้อยหัวโยกหัวคลอนเป็นการลงโทษแบบเบาะๆก่อนจะปล่อยเป็นอิสระ แต่วิสัยเด็กไม่ว่าจะคนหรือสัตว์ก็รักแต่การเล่นสนุก พอถึงพื้นก็กระโจนเข้าฟัดกันต่อทันที ไม่มีอาการสลดเลยสักนิด






“ข้าไม่เป็นไรจริงๆ” เขาย้ำหนักแน่นแต่ก็ยังถูกพบว่ามีแผลที่เกิดจากรอยฟันและเล็บแหลม ถึงจะเป็นแค่รอยครูดมีเลือดซึมเล็กน้อย เจ้าอสูรก็รีบพาเขาไปริมลำธาร อุณหภูมิน้ำเย็นเฉียบนอกจากจะทำให้แผลสะอาด ยังทำให้ชาจนไม่รู้สึกเจ็บอีกเลย






“อูยยยยย” เขาร้อง แต่พอเห็นคนหน้าดุชักคิ้วขมวดก็รีบบอก “น้ำมันเย็น”






เจ้าอสูรอมยิ้ม หลังจากช่วยเช็ดจนมือเล็กแห้งดีก็ประคองไว้แล้วเป่าเบาๆ ลมปากอุ่นไล้ฝ่ามือขาวซีดให้หายสั่น และคงมีผลช่วยสูบฉีดเลือดให้แรงขึ้นจนเห็นชัดว่ารอยแดงได้ลามไปจนตลอดทั้งตัว โดยเฉพาะสองแก้มระเรื่อสีกลีบกุหลาบน่ามอง






โจชัวร์จงใจหลบสายตาหันไปตามเสียงเจาะแจะ สองหมาน้อยเล่นจนเหนื่อยเลยตามมากินน้ำอยู่ใกล้ๆ เสร็จแล้วก็ตั้งท่าจะวิ่งมาหาแต่ถูกหยุดไว้ด้วยเสียงคำรามเบาๆของหมาป่าตัวพ่อที่ลงมาคุมเชิงอยู่ใกล้ๆ






“เกรย์” เขาลดตัวลงให้อยู่ในระดับเดียวกันและพยายามจะสื่อสารเข้าไปในหน่วยตาเฉี่ยวคมคู่นั้น “ขอบใจนะที่ช่วยข้าไว้เมื่อคืน แล้วก็ยังยอมให้ข้าเล่นกับลูกๆของเจ้าอีกด้วย”






จู่ๆหมาป่าทั้งสามก็ไหวตัวราวกับได้รับสัญญาณบางอย่าง 






“พวกมันต้องไปแล้ว เราเองก็ได้เวลากลับเสียที ถ้าเกิดเจอพายุขึ้นมาอีกจะแย่”






โจชัวร์เข้าใจในทันทีว่าเจ้าอสูรก็คงได้ยินเสียงบางอย่าง เขาจึงรีบเอ่ยลาและหวังว่าจะได้พบครอบครัวหมาป่าอีกครั้ง เขามองเจ้าสองตัวเล็กวิ่งฉิวแข่งกันไปแล้วอดขำในความซุกซนของมันไม่ได้ และต้องประหลาดใจจนตัวแข็งค้างเมื่อหมาป่าหนุ่มซึ่งวางท่าเฉยชาตั้งแต่เริ่มจนจบค่อยๆเดินตามลูกๆของมันผ่านหน้าเขาไปชนิดที่แค่เอื้อมมือก็จะจับลำตัวสีเทาประกายเงินนั้นได้เลย






“ขอบใจนะเกรย์ ขอบใจที่ยอมรับข้าเป็นเพื่อนอีกคน แล้วพบกันอีกนะ โชคดี”






เขาอาศัยร่างสูงใหญ่ช่วยประคองเพื่อตะโกนบอกและโบกมือลาสุดแรง ทั้งยิ้มและหัวเราะดีใจจนน้ำตาซึมที่สุดท้ายก็ได้รับมิตรภาพอันดีเป็นการตอบแทน






“ทีนี้เบาใจได้ล่ะว่าถ้าเข้าป่ามาอีกก็ไม่ต้องกลัวหลงทาง หรือถึงหลงก็ไม่ต้องกลัวว่าจะถูกกิน เพราะยังไงเจ้าสามตัวนี้คงเว้นเพื่อนไว้สักคน” เจ้าอสูรบอกยิ้มๆ เขารีบพยักหน้าเห็นด้วย แต่พอได้ยินทั้งหมด... “หรือว่าที่จริง พวกมันคงคิดว่าตัวเล็กๆอย่างเจ้ากินไปก็ไม่อิ่ม เนื้อไม่ค่อยจะมี เคี้ยวๆไปกระดูกติดฟันแย่”






โจชัวร์รัวกำปั้นอย่างไม่กลัวตาย เจ้าอสูรหัวเราะร่า ไม่หลบ ไม่หนี ยอมยืนให้ต่อยจนเขาต้องเป็นฝ่ายรามือ เพราะแต่ละหมัดนั้นเหมือนออกแรงทุบกำแพงหนา อีกฝ่ายไม่เจ็บเลยสักนิด แต่เขานี่สิกำลังทำร้ายตัวเองชัดๆ เมื่อเสียงหัวเราะเงียบลง อุ้งมือใหญ่ก็ยื่นมารอแทนการง้อและเมื่อเขาตัดสินใจวางมือลงไป สัมผัสถึงไออุ่นที่กำมือของตนไว้ ก็รู้สึกเหมือนกำลังจะได้กลับบ้านอย่างแท้จริง




















เป็นอีกตอนหนึ่งที่เปิดมาคล้ายจะเหมือนในหนังแต่ก็ฉีกไปเยอะทีเดียว โดยเฉพาะหมาป่าของเราไม่ร้าย แต่น่าร้ากกกกกกกก ส่วนไซส์ของเจ้าสองหน่อจอมซนก็จะประมาณนี้นะคะ (cr. ภาพจาก Game of Thrones ซีซันส์แรก)








สำหรับตอนนี้ก็ถือว่าเจ้าอสูรและหนูโจได้เริ่มแง้มๆหัวใจให้กันแล้ว จากนี้จะหวานกันบ้างมั้ย มีอะไรให้เสี่ยงตายอีกหรือเปล่า ติดตามกันต่อไปค่ะ

 :mew1:














^__^








----- Mine -----











« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-06-2017 18:58:29 โดย minemomo »

ออฟไลน์ praewp

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 203
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 8 (11/ุ6/17)
«ตอบ #42 เมื่อ11-06-2017 06:43:56 »

สนุกมากเลยค่ะ  :-[

ออฟไลน์ sun.bunny

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 9
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 8 (11/ุ6/17)
«ตอบ #43 เมื่อ11-06-2017 21:56:57 »

ตอนอ่านครึ่งแรกจบนี่เกือบหวีดจริงๆนะคะ 5555
ความสัมพันธ์ค่อยๆดีขึ้นแล้ว ชอบจังเลยค่ะ ค่อยๆเป็นค่อยๆไป รอตอนถัดไปนะคะ กว่าจะถึงอาทิตย์หน้าติดถึงหนูโจกับคุณอสูรแย่เลย
ตอนนี้ติดเรื่องนี้ที่สุดแล้วว :ling1:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 8 (11/ุ6/17)
«ตอบ #44 เมื่อ12-06-2017 02:45:25 »

ความสัมพนธ์เริ่มกระเตื้องขึ้นแล้วละสิ

ออฟไลน์ dukdikdukdik

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2521
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +233/-3
Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 8 (11/ุ6/17)
«ตอบ #45 เมื่อ13-06-2017 21:51:50 »

ค่อยเป็นค่อยไปเนอะ กำลังน่ารักเลย  :mew1:

ออฟไลน์ EoBen

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3322
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-6
Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 8 (11/ุ6/17)
«ตอบ #46 เมื่อ16-06-2017 14:06:04 »

เหยยย น่ารักมากเรื่องนี้

เราชอบหนุ่มดาร์กแต่ใจดีแบบนี้


เหมือนกำลังอ่านนิทานสักเรื่องนึงอบุ่เลยค่ะ


ชอบมากก

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0
Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 8 (11/ุ6/17)
«ตอบ #47 เมื่อ17-06-2017 00:55:25 »

 :L2: :pig4: :L2:

ออฟไลน์ olivevjs89

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 8
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 8 (11/ุ6/17)
«ตอบ #48 เมื่อ17-06-2017 14:38:57 »

งือออ ชอบมากกก สนุกก รอตอนต่อไปนะคะ

ออฟไลน์ minemomo

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 89
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-1
Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 9 (18/ุ6/17)
«ตอบ #49 เมื่อ18-06-2017 05:17:01 »









Heartbeat 









: A Retelling of Beauty and the Beast














มาแล้วๆ  สวัสดีตอนเช้ามืดค่าาาา

คนอ่านรออ่าน คนเขียนก็รออัพ อยากให้ถึงวันอาทิตย์เร็วๆเหมือนกัน
พอดีว่าเรื่องนี้เป็นนิยายที่ค่อนข้างสั้น ยี่สิบกว่าตอนเท่านั้น เลยต้องขอโทษจริงๆที่อัพรัวๆไม่ได้ แต่ก็ดีใจมากๆที่ทุกคนชอบนะคะ


จากในคอมเมนท์ มีหลายจุดที่คนอ่านสงสัย เราเองก็คันปาก คันไม้คันมืออยากจะตอบ แต่ก็ทำไม่ได้ เพราะจะกลายเป็นสปอยเนื้อเรื่องไปเลยจริงๆ  ถึงอย่างนั้นก็เชื่อว่าจะมีเซอร์ไพรส์แบบที่ต้องร้อง เฮ้ย! จะเล่นยังงี้เลยใช่มั้ย?! ยังไงก็ขอให้คาดเดาและติดตามกันต่อไปจนจบนะคะ


ส่วนตอนนี้ไปแอบดูเจ้าอสูรกับนุ้งโจเขาสวีทกัน (รึเปล่า?) กันได้เลยจ้า   


 :-[

















9












โจชัวร์ตื่นแล้วและกำลังรู้สึกสบายตัวจนคร้านจะลืมตาหรือลุกขึ้นจากที่นอน สิ่งที่ทำจะเรียกว่าฝันกลางวันก็คงไม่ผิดนักเมื่อนึกย้อนไปถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นตั้งแต่ตอนอยู่ในป่า สถานการณ์เล็กๆมากมายที่ชวนให้รู้สึกจั๊กจี้จนต้องพลิกตัวซุกหน้าลงกับหมอนเพื่อซ่อนยิ้ม และแม้ในยามหลับตา ภาพของร่างสูงใหญ่ที่ไม่เคยอยู่ห่างตัว คอยปกป้อง ให้ไออุ่น และประคับประคองในทุกย่างก้าวก็ชัดเจนจนลบความหวาดกลัวออกไปจากใจของเขาได้จนหมดสิ้น





“คุณโจ... ตื่นหรือยังคะ”







มีเสียงเรียกไม่ดังนักพร้อมกับแรงเขย่าเบาๆที่ปลายเท้า เขาเลยจำใจลุกขึ้นแล้วส่งยิ้มให้พลูมแมทที่คงมาเฝ้าอยู่นานแล้ว







“ถ้าหายเพลียแล้วก็ลุกขึ้นมาล้างหน้าล้างตาแล้วเดี๋ยวจะได้ลงไปทานมื้อค่ำเถอะค่ะ คุณไม่ได้ทานอะไรมาทั้งวันเดี๋ยวจะไม่สบายไปกันใหญ่นะคะ”







โจชัวร์รีบทำตามด้วยอาการกระฉับกระเฉงโดยมีเสียงของพลูมแมทช่วยให้ไม่เหงาหู กระทั่งมานั่งอยู่หน้ากระจก เธอก็ยังช่วยหวีผมให้เขาไปคุยจ้อไปไม่หยุดปาก







“... เมื่อคืนตอนเจ้าสโนว์กลับมาก็ยิ่งวุ่นวายกันใหญ่ นายท่านเห็นมันเท่านั้นก็ให้ดิฉันรีบขึ้นมาที่ห้องนี้ พอไม่เจอคุณ ดิฉันนี่เข่าอ่อน แทบจะเป็นลมเชียว คุณอย่าแอบหนีออกไปแบบนี้อีกนะ เข้าป่าตอนกลางคืน ไหนจะไม่รู้ทาง จะไปเจอตัวอะไรน่ากลัวๆเข้า แล้วยังจะพายุอีก มีแต่อันตรายทั้งนั้น พวกเราทุกคนเป็นห่วงคุณมาก ไม่มีใครได้หลับได้นอนกันเลย...”







โจชัวร์โผเข้าไปกอดเธอด้วยความรู้สึกขอบคุณและซาบซึ้งใจอย่างที่สุด เมื่อตอนที่กลับมาถึง เขาอยู่ในอาการอ่อนเพลียจนถูกเจ้าอสูรอุ้มมาส่งถึงเตียงเลยไม่ทันได้บอกกับทุกคนว่า...







“ขอโทษที่ทำเรื่องโง่ๆ สัญญาว่าจะไม่ทำอีกแล้ว แล้วก็ขอบคุณมากที่เป็นห่วง ทุกคนดีกับข้ามากจนข้าไม่รู้จะตอบแทนได้ยังไง ขอบคุณมากจริงๆ”







“โธ่ คุณโจ...” พลูมแมทโอบแขนตอบ และลูบหลังให้เบาๆ







“ถึงแม้ว่าตอนแรกข้าจะกลัว แล้วก็ไม่ได้เต็มใจมาที่นี่เลยสักนิด แต่พอได้มาเจอทุกคนกลับกลายเป็นว่าข้าโชคดีเหลือเกินที่ได้มาเจอแต่คนดีๆ มีน้ำใจแล้วก็ใจดีกับข้ามาก เมื่อคืนข้าทำเรื่องบ้าๆไปโดยไม่คิดให้ดีก่อน ทำให้ทุกคนเดือดร้อนแต่ไม่มีใครโกรธหรือตำหนิสักคำ ข้าไม่รู้จะขอบคุณยังไงเลยจริงๆนะพลูมแมท”







พลูมแมทมองคนที่กำลังพูดไปป้ายหน้าเช็ดน้ำตาไปด้วยความเอ็นดู ส่วนตัวเธอเองก็ต้องสะกดกลั้นไม่ร้องไห้อย่างสุดกำลัง







“ถ้าอย่างนั้นก็อย่าหนีไปไหนอีกเลยนะคะ พวกเราทุกคนก็รักคุณ อยากให้คุณอยู่ที่นี่ด้วยกัน”







พลูมแมทยกมือของอีกฝ่ายขึ้นมากุมไว้ แปลกที่มือคู่นี้ปรากฏร่องรอยของคนทำงานหนักผิดวิสัยของคุณหนูลูกสาวพ่อค้าใหญ่ แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังจำภาพที่เกิดขึ้นได้ติดตา เมื่อรู้ว่าโจแอนหายไป นายท่านผู้ซึ่งไม่เคยมีสายตาให้สาวงามนางไหนกลับรีบบุกตะลุยไปชนิดที่ไม่มีใครตามทัน ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในป่า เกือบทั้งคืนและอีกครึ่งวันกว่าที่เขาจะกลับออกมาพร้อมกับคนที่ตามหา ทุกคนที่คฤหาสน์แทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง บนหลังเจ้าสโนว์คือนายท่านที่ประคองกอดเธอไว้แนบอก แววตาอ่อนโยนทอดมอง ระวังในทุกจังหวะที่อาจทำให้เธอตกใจตื่น พอลงจากหลังม้าก็อุ้มขึ้นมาส่งถึงเตียง ตรวจดูอาการบาดเจ็บให้โดยไม่ท่าทีรังเกียจ ทั้งยังคอยเฝ้าอยู่จนแน่ใจว่าเธอหลับสนิทแล้วจึงได้ยอมให้คุณคอกซ์เวิร์ธกับลูมิแยร์ช่วยกันลากไปดูแผลที่แขน ฉะนั้นแล้ว สิ่งที่ทุกคนในคฤหาสน์ต้องการ และอยากจะร้องขอต่อหญิงสาวคนสำคัญคงไม่พ้น...







“คุณโจอยู่กับพวกเรา อยู่กับนายท่านตลอดไปเลยนะคะ”   







โจชัวร์ยังอ้ำอึ้งกับคำขอเดิมๆที่ได้ฟังนับตั้งแต่ย่างเท้าเข้ามาที่นี่ แม้ใจจะตอบตกลงไปกว่าครึ่งแล้วแต่คงต้องอาศัยความกล้าอีกสักหน่อยเพื่อจะยอมรับออกมาได้อย่างเต็มปากเต็มคำ เขาจึงได้แต่ส่งยิ้มและจงใจถามถึงเจ้าอสูรเพื่อเปลี่ยนประเด็น







“นายท่านนอนพักอยู่ที่ห้อง คงจะลงไปพบคุณตอนมื้อค่ำเลยทีเดียว แต่ลูมิแยร์บอกว่าก็ยังไม่แน่ เพราะแผลที่แขนหนักเอาการอยู่ คุณคอกซ์เวิร์ธบอกว่าพอตัดแขนเสื้อออกยังตกใจว่าไปโดนอะไรมา แผลถึงได้ช้ำแล้วก็บวมมากขนาดนั้น ถามเท่าไหร่นายท่านก็ไม่ยอมบอก สั่งแต่ว่าให้ทำแผลแล้วก็ห้ามเอาเรื่องนี้มา... อุ๊ย... นี่ดิฉันเผลอหลุดปากเสียแล้ว!”







“เขาห้ามไม่ให้บอกข้าเหรอ” เขาแปลกใจและยิ่งซึ้งน้ำใจที่เจ้าอสูรไม่ถือโทษแล้วยังช่วยปิดบังความผิด เพราะหากทุกคนรู้ว่าเขาคือคนที่ทำร้ายเจ้านายจนสาหัสขนาดนั้นคงไม่ปล่อยเขาไว้แน่







“ค่ะ นายท่านสั่งไว้ว่าถ้าคุณถามก็ให้บอกว่าไม่เป็นอะไรมาก แค่แผลเล็กน้อย ใส่ยาพันผ้าก็หาย แต่คุณคอกซ์เวิร์ธก็บอกแล้วว่าไม่ได้แย่ถึงขนาดรักษาไม่ได้ แค่อาจจะใช้เวลามากสักหน่อยกว่าแผลจะหายสนิทเท่านั้นเองค่ะ”







เมื่อรู้อย่างนี้ โจชัวร์จึงตัดสินใจบุกไปให้เห็นกับตา บรรยากาศของปีกขวาดูทึบทึมและเงียบสงัดกว่าส่วนอื่นของคฤหาสน์ เขามาหยุดอยู่หน้าประตูบานใหญ่ที่แย้มเปิดอยู่จึงไม่ได้เคาะให้สัญญาณเพราะเกรงจะรบกวนคนป่วย เมื่อเข้ามาด้านในก็ต้องปรับสายตาให้เข้ากับความมืดสลัวของห้องอยู่สักพัก เตียงหลังใหญ่ไร้เงาเจ้าของห้องแต่มีร่องรอยการนอน เขาเลยเดินสำรวจจนออกมายังห้องเล็กติดกันซึ่งมีลักษณะเหมือนห้องทำงาน กลางห้องมีโต๊ะตัวใหญ่ ผนังคือตู้กระจกซึ่งมีหนังสือจัดเก็บอยู่เต็ม และที่ชุดเก้าอี้ตรงมุมหนึ่งของห้องปรากฏร่างสูงใหญ่ที่เขากำลังตามหา







เจ้าอสูรเปลือยท่อนบนแต่มีแถบผ้าสีขาวพันทบตั้งแต่ช่วงไหล่จรดข้อศอกลามไปถึงครึ่งหนึ่งของแผงอก บาดแผลมีอาการบวมและคงเป็นสาเหตุให้เจ้าตัวกำลังหลับสนิท เขาทรุดตัวลงบนพื้นเพื่อจะได้มองคนตรงหน้าได้ถนัด ใบหน้ายามหลับไม่ต่างจากตอนอยู่ในถ้ำ เว้นก็แต่ร่องเล็กๆตรงหน้าผากที่บอกว่าอาจจะกำลังเจ็บหรือตกอยู่ในฝันร้าย เขาลองวางนิ้วลงไปเบาๆเพื่อคลายอาการขมวดคิ้ว ไม่นานใบหน้านั้นก็กลับมาดูสงบเหมือนคนนอนหลับสบาย







เขาไล่สายตาจากใบหน้าลงมาถึงไหล่กว้างและช่วงลำตัวที่ได้สัดส่วน ภายใต้เส้นขนยาวคือแนวกล้ามเนื้อเป็นมัดสวย และรอยแผลเป็นหลายแห่งซึ่งตอกย้ำชีวิตที่เต็มไปด้วยการต่อสู้ เขานึกภาพไม่ออกเลยว่าเจ้าอสูรเคยผ่านอะไรมาบ้าง แม้จะเป็นนายท่านที่มีคฤหาสน์ใหญ่โต แต่รูปลักษณ์ผิดธรรมชาติย่อมไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปเห็นว่าปกติ สายตาหวาดกลัว คำพูดดูถูก หรือการขับไล่ไสส่ง เขาจะต้องใช้ความพยายามและอดทนมากมายแค่ไหนกันถึงจะผ่านวันเวลาเหล่านั้นมาได้ เทียบกันแล้ว ชีวิตลูกคนใช้ที่มีพี่สาวนิสัยแย่สองคนยังดูสบายกว่าหลายเท่านัก







“ขอบคุณ...” โจชัวร์ส่งเสียงกระซิบ เมื่อแน่ใจว่าคนฟังยังหลับสนิทจึงพูดต่อ “...สำหรับทุกสิ่งที่ท่านทำให้ข้า”







เจ้าอสูรขยับตัวเล็กน้อย มีเสียงครางเบาๆแล้วนิ่งไป มือใหญ่เลื่อนตกลงข้างลำตัว โจชัวร์รออยู่ชั่วอึดใจจึงทาบมือตัวเองลงไป ทั้งลักษณะและขนาดที่ต่างกันมากทำให้เขาแอบอมยิ้ม ฝ่ามือใหญ่มีผิวหนากร้าน ข้อนิ้วแข็ง แต่ให้ความรู้สึกอุ่นอย่างบอกไม่ถูก







“มีบางเรื่องที่ข้าอยากบอกท่าน... จริงๆควรเรียกว่าสารภาพมากกว่า...”







เขาสูดลมหายใจเข้าลึกรวบรวมความกล้า ได้กลิ่นหอมคล้ายไอแดดในสายลมที่พัดผ่านทุ่งหญ้ายามเช้า ความคิดที่กำลังวุ่นวายถูกคัดกรอง ไตร่ตรอง เพื่อบอกเล่าถึงสิ่งที่อีกฝ่ายควรได้รู้







“ข้าไม่ใช่คนที่ท่านคิดว่าข้าเป็น... ข้าไม่ใช่ลูกสาวที่พ่อต้องส่งตัวมาแต่งงานกับท่าน ถ้าจะเอาให้ง่ายและตรงที่สุดก็คือ... ข้าเป็นผู้ชาย เป็นลูกชายคนเดียวของพ่อ ไม่ใช่ผู้หญิงอย่างที่ทุกคนคิด”







นี่อาจเรียกว่าเป็นแค่การซ้อม ยังไม่ใช่การสารภาพความจริงต่อหน้า  แต่เมื่อพูดออกมาแล้วก็เหมือนได้ระบายความอึดอัดออกไป ทำให้รู้สึกหายใจโล่งขึ้นเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่มาถึงที่นี่







“ข้ามีพี่สาวสามคน และคนที่ควรจะถูกส่งมาที่นี่จริงๆคือเบลล่า นางเป็นคนสวย นิสัยน่ารักแล้วก็ใจดีมาก ถ้าท่านได้พบจะต้องตกหลุมรักแน่ๆ แต่เบลล่ามีคู่หมั้นอยู่แล้ว ทั้งสองคนรักกันมาก และข้าเชื่อว่าผู้ชายคนนั้นจะรักและดูแลพี่สาวของข้าเป็นอย่างดี พวกเขาควรจะได้แต่งงาน มีลูกๆที่น่ารักและมีครอบครัวที่มีความสุข ส่วนเหตุผลว่าทำไมข้าถึงกลายเป็นคนที่ถูกส่งมาแทนพี่สาวอีกสองคนมันก็ไม่สำคัญอะไรแล้วล่ะ เพราะถึงยังไงข้าก็ไม่ได้ถูกบังคับเสียทีเดียว อย่างน้อยข้าก็ได้มีโอกาสทำอะไรเพื่อครอบครัว ได้ทดแทนพระคุณของพ่อ หากจะมีอะไรที่ทำให้เสียใจก็คงเป็นเพราะต้องมาโกหกหลอกลวงท่านและทุกคนที่นี่ ข้าไม่รู้ว่าจะกล้าบอกความจริงกับท่านเมื่อไหร่ แต่ถ้าวันนั้นมาถึง ขอท่านได้โปรดให้อภัย หรือหากเห็นว่าความผิดของพวกเราร้ายแรงจนยกโทษให้ไม่ได้จริงๆก็ขอให้ลงโทษข้าคนเดียว ข้ายินดีรับผิดและจะชดใช้ให้ท่านทุกอย่าง โปรดเมตตาละเว้นพ่อกับพวกพี่ๆด้วยเถิด”







โจชัวร์ซบหน้าลงกับฝ่ามือใหญ่ หวังได้ไออุ่นช่วยปลอบประโลมความรู้สึกผิดที่เกาะกินใจ ตลอดชีวิตที่ผ่านมาเขาไม่ใช่คนเข้มแข็งอย่างที่ใครๆคิด เมื่อไม่เป็นที่ต้องการของครอบครัว เขาก็เลือกที่จะหนี หลบซ่อน พยายามทำตัวให้เล็กจนเสมือนไม่มีตัวตนในบ้าน เมื่อต้องย้ายไปอยู่นอกเมือง เรื่องของแกสตันทำให้เขาไม่เป็นที่ต้อนรับ ถูกตราหน้าว่าเป็นต้นเหตุของเรื่องวิปริต เขาก็ยิ่งหลีกหนีจากผู้คน วันๆใช้เวลาไปกับงานบ้าน อยู่แต่กับต้นไม้ พืชไร่และสัตว์เลี้ยง แต่ที่คฤหาสน์นี้ ทุกอย่างเปลี่ยนไปอย่างกับหน้ามือเป็นหลังมือ เขารู้สึกถึงความจริงใจ ได้รับการต้อนรับอันอบอุ่น และเป็นที่ต้องการของทุกคนอย่างแท้จริง ความรู้สึกเหล่านี้เหมือนของขวัญที่เขาไม่เคยได้รับมาก่อนในชีวิต มันดีจนเขาหวงแหน และหวาดกลัวหากจะต้องสูญ... 







อาการเคลื่อนไหวทำให้ความคิดหยุดชะงัก เขาค่อยๆเงยหน้าขึ้นดู โล่งอกที่เจ้าอสูรคงเพียงแค่ขยับตัว เลยถือโอกาสทบทวนความรู้สึกที่ค่อยๆเปลี่ยนแปลงไป ความประทับใจแรกที่เขามีต่อเจ้าอสูรเรียกได้ว่าติดลบ ภาพความโหดร้ายที่พ่อเล่าให้ฟังสอดคล้องกับรูปร่างหน้าตาประหลาด ยิ่งมาเจออาการอาละวาด น้ำเสียงอย่างกับตะคอก คำรามขู่แทบจะทุกคำพูด เขาก็ปักใจว่ากำลังเผชิญหน้ากับสัตว์ป่าในร่างมนุษย์







ทว่าในความเป็นจริง เจ้าอสูรคือตัวอย่างอันดีที่พิสูจน์ว่ารูปลักษณ์หรือการแสดงออกหาใช่เนื้อแท้ที่ซ่อนอยู่ภายใน ผู้ที่มีรูปกายอย่างสัตว์ร้ายกลับเป็นมิตรและมีน้ำใจกับมนุษย์ทุกคนไม่เลือกหน้า เขาทุ่มเทกำลัง ยอมเสี่ยงแม้แต่ชีวิตตัวเองเพื่อให้เด็กน้อยได้คืนสู่อ้อมอกของพ่อแม่ และภายใต้ท่าทางวางอำนาจ บังคับขู่เข็ญสารพัด โจชัวร์กลับพบว่าตัวเองมีอิสระเกินกว่าฐานะนักโทษ เขาไม่เคยถูกกักขัง หรือบังคับฝืนใจในสิ่งที่ไม่ต้องการ ดูอย่างเรื่องการขอแต่งงานแสนน่าขัน เจ้าอสูรเพียรเอ่ยปากขอ เมื่อถูกปฏิเสธก็ได้แต่เฝ้ารออย่างไม่มีเงื่อนไข ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าต้องเสียเวลารออีกนานแค่ไหน







ไม่เพียงเท่านั้น ทุกสิ่งที่เจ้าอสูรทำยังเหมือนเป็นการซื้อใจจากเขาไปได้ทีละน้อย การตามเข้าไปหาตัวถึงในป่าทั้งๆที่เสี่ยงต่ออันตราย ความเอาใจใส่จนเห็นอาการบาดเจ็บที่เขาพยายามซ่อนไว้ และการยอมตามใจแม้แต่ในเรื่องไร้สาระ จนถึงตอนนี้เขายอมรับว่าหวั่นไหว หัวใจแอบมีอาการเต้นผิดจังหวะในทุกครั้งที่นึกถึง เริ่มไม่แน่ใจว่าถ้าถูกถามด้วยประโยคนั้นซ้ำอีกครั้ง คำปฏิเสธจะยังหนักแน่นเหมือนเคย เพราะหากถามถึงความกลัวที่เขามีต่อเจ้าอสูร คำตอบย่อมไม่มีทางเหมือนเดิมอย่างแน่นอน







คนที่กำลังหลับเริ่มขยับตัวและค่อยๆลืมตาขึ้นมาในที่สุด แววตาสะลึมสะลือจ้องใบหน้าชวนมองอยู่ครู่หนึ่งก็เกิดมีคำถาม







“เจ้าเป็นใคร”







โจชัวร์ถึงคราวเจอเรื่องน่าตกใจของจริง เขาเหลียวหาทั่วร่างใหญ่เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีบาดแผลไหนนอกจากฝีมือตัวเอง จำได้ว่าใช้ไม้ตีที่แขนและอาจจะลงหมัดทุบซ้ำไปอีกหลายที แต่ทำไมคนเจ็บถึงตื่นมามีอาการความจำเสื่อมไปเสียได้







“ท่านจำข้าไม่ได้เหรอ”







ดวงตาสีอำพันทอประกายกร้าวจนโจชัวร์ต้องหลบสายตา แต่ติดตรงที่ถูกอีกฝ่ายล็อคปลายคางไว้แล้วย้ำถามเสียงหนัก







“จงบอกมาว่าคนที่อยู่ตรงหน้าข้าคือใคร”







โจชัวร์วาบลึกในอก หัวใจเต้นรัวเมื่อรู้ถึงสัญญาณอันตราย เหมือนมีเสียงร้องดังในหัวว่าความลับได้ถูกเปิดเผยออกแล้ว เจ้าอสูรอาจจะแกล้งหลับและคงได้ยินเรื่องทุกอย่าง... ทุกคำที่เขาสารภาพออกไป







“ข้าคือ... โจชัวร์” เขายอมรับตามตรงและพยายามแก้ไขความผิดของตน “ข้ารู้ว่าข้าไม่ใช่คนที่ท่านต้องการ ข้าขอโทษ แต่ข้าไม่ได้มีเจตนา...”







“โจชัวร์”







เจ้าอสูรเอ่ยเรียกเพื่อหยุดอาการพล่ามที่เขารู้สึกว่าไร้สาระ น้ำเสียงและสายตาดุดันจนคนถูกเรียกใจเสีย







“คะ.. ครับ”







“ข้าบอกชายคนนั้นว่าต้องการลูกคนเล็กของเขามาชดใช้ความผิดแทน แล้วเจ้าคือ...”







“ก็ใช่ที่ข้าเป็นลูกคนสุดท้องของพ่อ แต่ว่า...”







“ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็คือคนที่ข้าต้องการตัว”







โจชัวร์จ้องอีกฝ่ายอย่างไม่เชื่อสายตา เขานึกกลัวไปสารพัดแต่เจ้าอสูรกลับสรุปเอาอย่างหน้าตาเฉย มันง่ายจนเขารู้สึกรับไม่ได้แทน







“แต่ข้าเป็นลูกชาย ไม่ใช่ลูกสาว ข้าเป็นผู้ชายท่านไม่เห็นเหรอ!”







มือใหญ่ปล่อยปลายคางเล็กแล้วลูบข้างแก้มเบาๆ สายตาเหมือนจะส่งรอยยิ้มออกมาได้ ส่วนน้ำเสียงนั้นยิ่งไม่ต้องพูดถึง







“เจ้าคือคนที่ข้าต้องการ จำเอาไว้แค่นี้ก็พอ”







โจชัวร์กุมหน้าอกตัวเองแน่นเพราะกลัวหัวใจจะเต้นแรงจนหลุดออกมา เขารู้ตัวว่ากำลังเขิน ทั้งใบหน้า ใบหู สองแก้ม และแม้แต่ผิวเนื้อก็รู้สึกเห่อร้อนไปทั้งหมด เขาไม่อยากให้เจ้าอสูรรู้ถึงความผิดปกตินี้ แต่พอจะลุกหนีก็ถูกคนที่นอนอยู่คว้าตัวเข้าไปเบียดกับแผงอกกว้าง   







“ท่านเจ็บอยู่นะ”







โจชัวร์รีบร้องเตือนแต่คนมีแผลกลับยิ้ม ท่าทางไม่รู้สึกรู้สาหรือสนใจผ้าที่พันตัวอยู่เลยสักนิด







“และคนที่ทำให้เจ็บก็ควรจะรับผิดชอบ” สองแขนใหญ่รัดร่างเพรียวบางไว้แนบอกในตำแหน่งที่เขาสามารถประทับริมฝีปากลงบนเรือนผมนุ่มและหน้าผากหอมๆได้ถนัด “อยู่นิ่งๆอย่างนี้ก่อน ขอพักสายตาอีกสักหน่อย เจ้าคงไม่อยากทำให้ข้าเจ็บหนักกว่าเดิมใช่มั้ยล่ะ”







เมื่อเจ้าอสูรนอนหลับตานิ่ง โจชัวร์ก็ต้องยอมทำตามคำสั่งอย่างช่วยไม่ได้ เขาไม่กล้ากระดุกกระดิกตัวแต่หัวใจก็ยังเต้นแรงจนรู้สึกเหนื่อยจึงทาบศีรษะลงบนร่างหนา ไออุ่นและจังหวะหัวใจหนักแน่นทำให้ผ่อนคลายลง เมื่อรู้สึกว่ายังพอขยับตัวได้ เขาจึงยกแขนออกจากอ้อมกอดแล้วลูบท่อนแขนใหญ่ที่มีขนยาวปกคลุมเบาๆ







“ท่าน...” เขาลองส่งเสียงเรียกเมื่อเวลาผ่านไปพอควร เมื่อไม่มีการตอบรับจึงลองเปลี่ยนเป็นคำอื่นที่ไม่เคยใช้มาก่อน “... นายท่าน...”







อ้อมกอดกระชับแน่นเข้าเล็กน้อยพร้อมกับสัมผัสแผ่วเบาแถวขมับบอกถึงอาการรับรู้







“เรียกอย่างนี้ตกลงว่าเจ้ายอมเป็นคนของข้าแล้วสิ”







“หรืออยากให้เรียกว่าเจ้าอสูรอีกล่ะ”







เจ้าของชื่อลืมตาขึ้นมอง ไม่ทันเห็นอาการค้อนขวับแต่ก็รู้สึกได้ว่ากำลังถูกประชด มือใหญ่แตะปลายคางเล็กให้หันมาหาแล้วสะกดไว้ด้วยแววตาเป็นประกาย 







“จะเรียกอะไรก็ตามใจ ขอแค่เจ้าเรียกหาแต่ข้าคนเดียวก็พอ”







น้ำเสียงเอาแต่ใจกระซิบแผ่วขณะประทับรอยที่ข้างมุมปากสีฉ่ำแล้วเสียดสีริมฝีปากของตนกับแก้มนุ่มทั้งสองข้าง เขี้ยวคมทิ้งรอยบางๆทั่วลำคอระหง ริมฝีปากสวยถูกดูดชิมความหวานจนร่างเพรียวบางสั่นเทิ้ม กลุ่มขนหนาถูกมือเล็กขยุ้มเพื่อประคองตัวกึ่งผลักไส แต่อาการต่อต้านอย่างนี้กลับยิ่งทำให้ถูกเชยชิมจนได้แต่ส่งเสียงครางประท้วง







“นะ.. นายท่าน...”







โจชัวร์พยายามเค้นเสียงเพื่อเรียกสติของฝ่ายที่ถูกสัญชาติญาณดิบครอบงำ แน่นอนว่าไม่ได้ผล เจ้าอสูรยังคงละเลียดเนื้อตัวเขาด้วยความกระหาย เสื้อที่ใส่ถูกดึงทึ้งเพื่อเปิดทางให้ลิ้นใหญ่สากอย่างผิวทรายครูดผ่าน ยอดอกทั้งสองถูกดูดชิมราวลูกอมรสหวาน ให้รู้สึกเสียวซ่านเหมือนในร่างกายมีคลื่นลูกใหญ่ซัดสาดลูกแล้วลูกเล่า จนเมื่อถึงที่สุดก็เกิดเสียงครวญประหลาดดังออกมาจากท้องซึ่งสามารถหยุดการกระทำทุกอย่างได้ราวกับสับสวิตซ์







เจ้าอสูรสะกดอารมณ์ตัวเองลงได้ในฉับพลัน ไม่ใช่แค่เสียงท้องร้องจะทำให้ขำจนกลั้นไม่อยู่ แต่หลักฐานคือรอยแดงที่บ่งชี้อาการหื่นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนก็ทำให้รู้สึกสงสารคนที่ตกเป็นเหยื่อ







“กระเพาะเจ้านี่ช่างไม่รู้กาลเทศะจริงๆ”







ฝ่ายหนึ่งบ่นขำๆพลางช่วยจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อยก่อนจะอดใจไม่อยู่อีกรอบ ส่วนอีกคนก็ได้แต่ก้มหน้าแก้ตัวด้วยความเขิน







“ก็ข้ายังไม่ได้กินอะไรเลยทั้งวัน”







“นั่นสิ ข้าเองก็ยังไม่ได้กินเหมือนกัน ชักจะรู้สึกว่าอะไรๆแถวนี้หอมน่ากินเหลือเกิน”







โจชัวร์ผงะ รีบเขยิบหนีจนพ้นจากระยะจู่โจม ถึงอีกฝ่ายจะเอาแต่นั่งมองเขายิ้มๆ ไม่มีท่าทีจะลุกตามมา แต่ก็ไม่น่าไว้ใจ ตอนนี้เขาเพิ่งรู้ตัวว่าหิวจนแสบท้อง ร่างกายต้องการอาหารไม่ใช่ต้องตกเป็นอาหารปากหรืออาหารตาของใครทั้งนั้น







“เย็นนี้ข้าขอกินมื้อค่ำบนห้อง ส่วนตัวท่านแผลยังไม่หายดีไม่ควรลงไปข้างล่าง เดี๋ยวคุณคอกซ์เวิร์ธก็คงจะจัดสำรับกับยาขึ้นมาให้ที่นี่เหมือนกัน”







“งั้นเราก็มากินด้วยกันสิ ข้าชักไม่ค่อยชินที่จะต้องนั่งกินข้าวคนเดียวแล้ว”







“ตะ.. แต่ว่า...”







“เถอะนะโจชัวร์ เจ้าก็เห็นว่าข้าพันแผลออกทั้งตัว ไม่มีปัญญาทำอะไรเจ้าได้หรอก”







โจชัวร์ถลึงตาตอบด้วยความหมันไส้คนที่บอกว่าไม่มีปัญญาแต่สามารถทำเอาเขาลายพร้อยไปทั้งตัว มันน่าสงสัยว่าผ้าพันแผลพวกนั้นคือของจริงหรือแค่ตัวหลอกให้หลงกล เพราะฉะนั้นหากเขาจะตอบรับคำชวนก็เพื่อหาโอกาสพิสูจน์ว่าเจ้าอสูรบาดเจ็บจริงหรือตอแหล ไม่ใช่เพราะใจอ่อนต่อสายตาออดอ้อนหรือน้ำเสียงน่าสงสาร ไม่ใช่เพราะเขาเองก็คงเหงาถ้าต้องนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารเพียงลำพัง และไม่ใช่เพราะเขาอยากจะใช้เวลาอยู่กับใครบางคนให้มากที่สุด ไม่ว่าจะมองจากมุมไหนก็ไม่ใช่อย่างเด็ดขาด!











เชื่อว่าคงมีคนขัดใจ แต่ก็นะ มันบ่ายแก่แล้วอ่ะค่ะ ท้องคนเรามันจะส่งเสียงคร่ำครวญออกมาบ้างคงไม่แปลกหรอก จริงมั้ยคะ 555


นิยายเรื่องนี้เป็นแนวนิทาน ระดับความฟินจะแค่จิกหมอนเบาๆ ไม่ถึงกับซับเลือด ไม่มีฉากกินกัน อย่างมากสุดจะแค่ชิมๆแล้วตัดเข้าม่าน เข้าโคมไฟ

สำหรับคนเขียนนั้น การที่เจ้าอสูรขนยาว เวลาโดนขยุ้ม โดนกระชากแล้วมันเอสดีจัง ช๊อบ ชอบ 











^__^






----- Mine -----











CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 9 (18/ุ6/17)
« ตอบ #49 เมื่อ: 18-06-2017 05:17:01 »





ออฟไลน์ k00_eng^^

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 647
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-2
Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 9 (18/ุ6/17)
«ตอบ #50 เมื่อ18-06-2017 07:28:08 »

เริ่มหวานแล้ว

ออฟไลน์ PAiPEiPEi

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 459
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-3
Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 9 (18/ุ6/17)
«ตอบ #51 เมื่อ18-06-2017 09:45:21 »

ตอนแรกวันนี้รีบตื่นมาจะอ่านนส.สอบ   เจอเรื่องนี้เเวะยาวๆไปเลย  ฮรื่อออรู้ตัวอีกทีอ่านทันถึงตอนล่ทสุดซะงั้น   รออาทิตย์หน้าจ้าาา

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 9 (18/ุ6/17)
«ตอบ #52 เมื่อ18-06-2017 12:47:10 »

 :impress2:

ออฟไลน์ utamon

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 706
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-2
Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 9 (18/ุ6/17)
«ตอบ #53 เมื่อ19-06-2017 01:08:16 »

ยอมพ่ายแพ้ให้แก่นายท่านเลยค่ะ หวานเว่อร์ :impress2:

ออฟไลน์ EoBen

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3322
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-6
Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 9 (18/ุ6/17)
«ตอบ #54 เมื่อ19-06-2017 07:19:35 »

โอ๊ยย ชอบความมุน อ่านไปนิ้มหน้าบานไป

ออฟไลน์ swoooaa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 72
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 9 (18/ุ6/17)
«ตอบ #55 เมื่อ20-06-2017 00:54:37 »

โอ้ยยย. ดีงามมม พัฒนาไปอีกขั้น :katai2-1:

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4015
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 9 (18/ุ6/17)
«ตอบ #56 เมื่อ21-06-2017 11:29:04 »

โหหหหห ชอบความเอสเวลาเขี้ยวอสูรโดนตัวน้องมาก เป็นรุ่นมีอุปกรณ์เอสเอ็มในตัวครบชุด ไม่ต้องมีโซ่แส้  อยากให้โจชัวร์โดนย่ำยีเยอะๆจะผิดไหมคะ 55555555555555555 เขินฉากเอามือขยุ้มขนมาก มันก๊าวในหัวใจเหลือเกิน ทีนี้ต่อไปน้องก็แต่งตัวแบบแมนๆได้แล้วสินะ รอตอนต่อไปค่ะ  :กอด1:

ออฟไลน์ Fonz_Juz19

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 9 (18/ุ6/17)
«ตอบ #57 เมื่อ21-06-2017 20:30:45 »

น่ารักกกกกกก
โจชัวร์ก็น่ารัก นายท่านก็น่ารัก
สนุกมากๆเลยค่ะ
รอตอนต่อไปนะคะ สู้ๆนะคะคนเขียน

ออฟไลน์ Tyche

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 16
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 9 (18/ุ6/17)
«ตอบ #58 เมื่อ21-06-2017 23:10:59 »

เพิ่งเจอเรื่องนี้เลยอ่านรวดเดียวเลยค่ะ เป็นเลิฟซีนที่เขินมาก ฮือออ นายท่านอ่อนโยนกับน้องหน่อยเดี๋ยวน้องช้ำน้าา

ออฟไลน์ yamapong

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 199
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 9 (18/ุ6/17)
«ตอบ #59 เมื่อ23-06-2017 08:45:17 »

โอยยย เขินนน

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด