Heartbeat: A Retelling of Beauty and the Beast เอาเล่มตัวอย่างมาอวดค่ะ (p.8)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Heartbeat: A Retelling of Beauty and the Beast เอาเล่มตัวอย่างมาอวดค่ะ (p.8)  (อ่าน 62587 ครั้ง)

ออฟไลน์ Piima

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 660
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
Re: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 18 (20/8/17)
«ตอบ #180 เมื่อ22-08-2017 09:26:31 »

โอ้ยยย

ค้างมาก

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4015
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 18 (20/8/17)
«ตอบ #181 เมื่อ22-08-2017 21:17:55 »

โหยยยค้างมากกกกก คนจมพายุหิมะควรเป็นแกสตันค่ะ ลำไยมากกก

เราชอบสำนวนภาษามากเลยค่ะ ยิ่งอ่านยิ่งชอบ อยากให้แต่งแนวเทพนิยายแบบนี้อีกหลายๆเรื่องเลย ถ้าทำเป็นบ๊อกเซ็ตรวมเทพนิยายคือแจ่มมาก จินตนาการในหัวคืออลังการสุด 555555555

ออฟไลน์ natsikijang

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 540
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-4
Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 18 (20/8/17)
«ตอบ #182 เมื่อ24-08-2017 21:24:11 »

สนุกจัง  รอ ขอให้โจชัวร์ปลอดภัย

ออฟไลน์ ammchun

  • Don't Worry,Be Happy
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-4
Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 18 (20/8/17)
«ตอบ #183 เมื่อ25-08-2017 02:37:25 »

ทำไมไม่ใส่กฏที่หัวเรื่อง?  ผ่านมาหลายเดือนแล้ว ไม่มีใครแจ้งเลยหรอ?

ออฟไลน์ minemomo

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 89
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-1
Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 19 part 1 (27/8/17)
«ตอบ #184 เมื่อ27-08-2017 04:37:32 »











Heartbeat 







: A Retelling of Beauty and the Beast













ความจริงแล้วตอนนี้ไม่ยาวมาก แต่เนื่องจากความพีคของอารมณ์ค่อนข้างสูง
และพอดีมีคนแนะว่าน่าจะลองแบ่งอัพตามจังหวะของอารมณ์ที่โหนไปมาเพื่อดูว่าเราจะโดนด่ามากน้อยแค่ไหน (นี่คือมันหวังดีใช่มั้ย -_-)


ดังนั้นจึงขอแบ่งตอนนี้ออกเป็นสองพาร์ท และพาร์ทสองจะขออัพอีกทีวันพุธนะคะ


ถ้าใครกลัวค้างจะรออ่านทีเดียวทั้งตอนก็ได้ แต่เราก็อยากให้คนอ่านได้ลองประสบการณ์ใหม่ๆเหมือนกับที่เราก็ได้พบสิ่งที่ไม่คาดคิดในตอนที่เขียน เพราะจริงๆเนื้อเรื่องเริ่มฉีกจากพล็อตที่วางไว้ตั้งแต่ตอนที่แล้ว พล็อตเดิมจะคล้ายกับในดิสนีย์ คือแกสตันพาคนทั้งหมู่บ้านเฮกันมาปราบอสูร แต่ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเขียนตามนั้นไม่ออก แล้วก็มาจบที่แกสตันบุกเดี่ยวมาแล้วก็เกิดเรื่องราวตามที่ได้อ่านกันไป


เนื้อเรื่องในตอนที่ 19 นี้ก็เช่นเดียวกัน จำได้ว่าเป็นตอนที่เขียนโครงคร่าวๆได้เร็วและรวดเดียวมาก เรียกว่ากลั้นใจพิมพ์จึ้กๆๆๆๆๆๆ เหนื่อยแต่มันส์สุดๆ แล้วจึงค่อยกลับมาใส่รายละเอียด เสริมบทบรรยายจนสมบูรณ์ แต่จากนั้นก็ชั่งใจอีกพักใหญ่ว่าตกลงจะเอาตามนี้แน่ๆใช่มั้ย แต่สรุปแล้วก็ซื้อไอเดียนี้ มันบ้ามากแต่ก็ชอบมาก ตัดใจรื้อเขียนใหม่ไม่ลงจริงๆ


สรุปก็เอาตามสะดวกของแต่ละคนแล้วกันเนาะ จะรออ่านทั้งตอน หรือจะอ่านครึ่งแรกวันนี้ก่อน แล้วอ่านทั้งหมดอีกทีวันพุธก็ได้ แล้วมาดูว่าความรู้สึกที่เกิดขึ้นจะแตกต่างกันมากน้อยแค่ไหน ลุ้นดีออก ว่ามันแตกต่างกันมากน้อยแค่ไหน ลุ้นดีออก ว่ามั้ยคะ




























ตัดสินใจได้แล้วชะมะ ถือว่าเราเตือนคุณแล้วน๊าาาาาาา






























19





โจชัวร์รู้สึกตัวแล้วและกำลังทวนความจำว่าเกิดอะไรขึ้น ในขณะที่เขาทำให้เจ้าอสูรและแกสตันหยุดต่อสู้กันได้ ทุกสิ่งก็พลันวูบหายไป เขารู้สึกเหมือน... ไม่ใช่สิ! เขาตกลงมาจริงๆ น่าจะเป็นหน้าผาที่มีความสูงประมาณหนึ่งแต่โชคดีที่ความหนาของพื้นด้านล่างช่วยลดแรงกระแทกไปได้มาก คงจะคล้ายกับคราวหลงป่าที่ซากใบไม้ทับถมรวมกับหิมะช่วยรับตัวเขาเอาไว้





ทว่าในความเป็นจริงนั้น โชคดีอาจไม่เกิดขึ้นในทุกครั้งที่เราตกอยู่ในอันตราย แต่การมีใครสักคนอยู่เคียงข้างในทุกครั้งที่เราต้องการความช่วยเหลือนั่นต่างหากที่ถือเป็นความโชคดี ครั้งนี้เขาไม่ได้รอดเพราะโชค แต่เพราะมีคนที่ไม่ห่วงชีวิตตัวเองช่วยไว้ ร่างของเจ้าอสูรชุ่มโชกไปด้วยเลือด บาดแผลจากกระสุนปืนถูกซ้ำให้สาหัสจากการต่อสู้ และตอนนี้ภายในคงยิ่งบอบช้ำจากการยอมเอาตัวเป็นเบาะรองรับแรงกระแทก





“นายท่าน!” เขารีบพลิกตัวออกจากอ้อมแขนแล้วเป็นฝ่ายกอดร่างใหญ่โตเอาไว้ ไออุ่นที่สัมผัสได้พอทำให้เขาใจชื้นแต่ลักษณะลมหายใจก็แผ่วเบาจนน่ากลัว





“นายท่าน... เจ้าอสูร... ได้ยินมั้ย ลืมตามามองข้าสิ เจ้าอสูร!”





โจชัวร์พยายามกลั้นน้ำตาเพราะอยากจะได้เห็นอีกฝ่ายอย่างชัดเจนที่สุด เขาร้องเรียกและออกแรงเขย่าสุดกำลัง เพื่อเรียกสติของคนเจ็บ นานทีเดียวกว่าจะได้เห็นอาการขยับแสดงถึงการรู้สึกตัว มีเสียงครางเบาๆพร้อมกับที่เปลือกตาค่อยๆเปิดขึ้นอย่างยากลำบาก





“โจ...” คนที่เพิ่งฟื้นส่งเสียงได้เพียงเท่านั้น เลือดกระอักใหญ่ก็พุ่งออกจากปาก





“ข้าอยู่นี่ ไม่เป็นไรนะ ท่านไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ข้าอยู่ตรงนี้แล้ว”





โจชัวร์ยังพยายามกลั้นเสียงไม่ให้สั่นทั้งๆที่หยดน้ำที่เต็มปริ่มค่อยๆไหลออกจากตา เขาช่วยยกอุ้งมือใหญ่ขึ้นแนบแก้มตัวเอง หัวใจพลันชาวาบกับความเย็นชืดที่สัมผัสได้ อุณหภูมิของร่างกายนี้กำลังลดลง และเมื่อจ้องเข้าไปในดวงตาหรี่ปรือก็ไม่เห็นประกายสีอำพันที่เคยคุ้น กลับมีแต่ความดำมืดเหมือนท้องน้ำที่ลึกสุดจะหยั่งถึง





“ท่านเลือดออกมาก ข้าจะรีบไปตามคนมาช่วย ท่านต้องรอข้าอยู่ที่นี่ อย่าไปไหน อย่าเป็นอะไรไปเด็ดขาด ข้าจะรีบกลับมาให้เร็วที่สุด ได้ยินมั้ยเจ้าอสูร รอข้าอยู่ที่นี่เข้าใจหรือเปล่า?!”





เขาส่งเสียงเน้นย้ำใส่หูคนเจ็บ แต่พอขยับ มือใหญ่กลับรีบจับตัวเขาเอาไว้ 





“ยะ... อย่าไป... อยู่กับข้า...”





“ได้ๆ ข้าไม่ไปแล้ว ข้าจะอยู่ แต่ท่านต้องไม่เป็นอะไร ห้ามจากข้าไปไหนทั้งนั้นนะ!”





เจ้าอสูรหลับตาลง มีอาการกลืนน้ำลายลงคอก่อนจะเปิดปากเปล่งเสียงอย่างลำบาก





“ขะ... ขอโทษ...”





“ข้าต่างหากที่ต้องขอโทษ เป็นความผิดของข้าที่ดื้อจะกลับบ้านให้ได้ ข้าไม่รู้ว่าจะทำให้ท่านเดือดร้อน ต้องเสี่ยงอันตรายจากคำสาปแล้วยังมาถูกทำร้ายแบบนี้ ข้าขอโทษจริงๆ”





มือใหญ่พยายามยกขึ้นเพื่อช่วยเช็ดน้ำตา เขาจึงรีบก้มลงไปหา แต่ปลายนิ้วเย็นเฉียบก็ยิ่งทำให้น้ำตาไหลไม่ขาดสาย 





“ข้าไม่... ไม่ใช่...”   





“พอเถอะ ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ข้าสัญญาว่าจะไม่จากไปไหนอีกแล้ว ไม่ว่าท่านจะเป็นอะไร จะมีคำสาปหรือไม่ก็ตาม ข้าก็จะอยู่กับท่าน เราจะอยู่ด้วยกันตลอดไป”





ดวงตาเข้มลึกปิดลงราวกับจะจารจำถ้อยคำทั้งหมดไว้ในหัวใจ ริมฝีปากกว้างพยายามเหยียดออกเป็นรอยยิ้ม





“โจชัวร์... ข้ารักเจ้า...”





หนึ่งห้วงหายใจค่อยๆระบายออกมาพร้อมกับเลือดที่ไหลจากมุมปากจนเกือบจะกลบคำพูดสุดท้าย





“... รักเจ้า... คนเดียว...”





สิ้นจากคำบอกรักนั้น โจชัวร์ก็รู้สึกเหมือนคนหูดับ เขาไม่ได้ยินแม้แต่เสียงของตนเองที่พยายามร้องเรียกอย่างบ้าคลั่ง แขนขาชาจนเหมือนร่างกายมีแต่ความว่างเปล่า ประสาทสัมผัสที่เหลืออยู่คือดวงตาที่ไม่อาจปิดลง เหมือนมีมือของปีศาจร้ายมาขืนเปลือกตาให้เบิกโพลงเพื่อเป็นพยานรับรู้ในสิ่งที่เขาไม่อยากให้เกิดขึ้น เขาถูกบังคับให้ต้องมองทุกๆขณะที่คนในอ้อมแขนพยายามเกร็งตัวแต่เลือดสดๆก็ยังทะลักออกจากปาก ดวงตาค่อยๆเลื่อนลอยไปอย่างไร้จุดหมาย แผ่นอกหนาขยับกระชั้นในจังหวะเหมือนคนสำลักอากาศสองสามครั้งก่อนจะ...หยุด... สนิท... ตลอดกาล





ชั่ววินาทีนั้นเขารู้สึกเหมือนแสงสว่างดับวูบลง ไม่มีสายลมหนาวบาดผิว ไม่มีเสียงก้องของผืนป่า รู้สึกเหมือนถูกกระชากออกจากร่างแล้วถอยห่างออกไปเพื่อจะยืนมองสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น ทุกอย่างเจื่อนจางลงคล้ายรูปถ่ายสีซีด เขาเห็นตัวเองกำลังซุกซบเพื่อหาไออุ่นที่ยังเหลือค้างจากแผ่นอกกว้าง เขาสะอื้นไห้ตัวสั่นในขณะที่ร่างหนานิ่งสนิทราวกับรูปสลักที่ไร้ชีวิต





เขามองภาพนั้นด้วยความสงสัยว่ามันจะเป็นไปได้หรือ... แววตาอันอบอุ่น รอยยิ้มอ่อนหวาน สัมผัสอันแสนอ่อนโยน ทุกสิ่งหายวับไปในเวลาเพียงเสี้ยววินาที... ก่อนหน้านี้เขามีคนที่รักเขา คนที่พร้อมจะปกป้องดูแลเท่าชีวิต แต่เพียงหลับตาลงและลืมตาขึ้นอีกครั้ง คนๆนั้นก็หายไป ทิ้งเขาไว้กับความเศร้าอย่างที่ไม่อาจพรรณนาออกมาเป็นคำพูดได้





เมื่อเขาหลับตาและรู้สึกถึงหยดน้ำตาที่ตกลงบนหลังมือ ความรู้สึกทุกอย่างก็วาบกลับมาเป็นปกติ เสียงกรีดร้องคร่ำครวญดังก้องในหู ความหนาวเหน็บเสียดแทงจนเจ็บไปถึงกระดูก และรอยแดงฉานบนพื้นหิมะขาวโพลนเด่นชัดเสียจนหลับตาก็ยังมองเห็น





“นายท่าน... เจ้าอสูร... เจ้าอสูร!”





เขาพยายามปลุกคนที่เหมือนแค่นอนหลับไป ทั้งเรียก ทั้งเขย่า กระทั่งออกแรงทุบจนเจ็บมือ





“ตื่นสิ ได้ยินข้ามั้ยเจ้าอสูร ลืมตาสิ ลืมตามามองข้า! ลุกขึ้นมา เราต้องรีบกลับไป ทุกคนกำลังรออยู่ ท่านต้องลุกขึ้นมา ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้! ได้โปรด ลุกขึ้นมา...”






ในขณะที่โจชัวร์กำลังทุ่มเทเหมือนคนไร้สติ ชายหนุ่มอีกคนที่ร่วงจากหน้าผาลงมาพร้อมกันก็เริ่มรู้สึกตัว...








พบกับ part 2 วันพุธ
สงครามยังไม่จบ อย่าเพิ่งนับศพทหารค่ะ




















สรุป Heartbeat คือนิยายที่มีทุกอย่างที่ไม่ควรมีในนิยายหรือเปล่า...

#อ่านแล้วจุก

#คนเขียนวิ่งหลบหลังบังเกอร์โดยพลัน

#ยังยืนยัน Happy Ending เป็นคำตอบสุดท้ายค่า


See U on the Orange Day














^__^








----- Mine -----











ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 19 part 1 (27/8/17)
«ตอบ #185 เมื่อ27-08-2017 04:46:06 »

มันค้างคานะคะ

ออฟไลน์ insomniac

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1483
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
Re: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 19 part 1 (27/8/17)
«ตอบ #186 เมื่อ27-08-2017 06:21:49 »

ไม่ติดใจที่ตัดค้างแบบนี้ครับ ตอนเด็กดูดราก้อนบอลเจอมาจนชิน 55 แต่มันสั้นและเนื้อเรื่องยังไม่ขยับไปไหนจนน่าจะเป็นช่วงท้ายของตอนที่แล้วมากกว่า หรือไม่ก็มาเป็น Sneak Peek ของตอนหน้าไปเลย พอบอกว่าเป็น Part 1 เลยรู้สึกว่ามันควรจะยาวกว่านี้ถึงจะมีคำเตือนก็เถอะ

ในส่วนของเนื้อเรื่องยังไม่ตกใจครับ เพราะยังแอบคิดว่าเทพนิยายต้องจบด้วยความสุข เพราะฉะนั้นไม่ได้ตายจริง คนเขียนแกล้งเฉยๆ เอาไว้ถ้าเรื่องเดินไปแบบให้อสูรตายไปจริงๆ เดี๋ยวจะมาบอกความรู้สึกใหม่ครับ

ออฟไลน์ pigarea

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 748
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 19 part 1 (27/8/17)
«ตอบ #187 เมื่อ27-08-2017 07:41:24 »

อสูรไม่ตายแน่นวล

ออฟไลน์ ciaiwpot

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1106
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 19 part 1 (27/8/17)
«ตอบ #188 เมื่อ27-08-2017 08:53:13 »

จุกมาก
กว่าจะมีความสุข
ต้องทรมานขนาดนี้เลยหรอ
สงสาร

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0
Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 19 part 1 (27/8/17)
«ตอบ #189 เมื่อ27-08-2017 10:07:24 »

 :a5:


 :L1: :pig4: :L1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 19 part 1 (27/8/17)
« ตอบ #189 เมื่อ: 27-08-2017 10:07:24 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ทั่วหล้า

  • ไม่ช่างพูดแต่ช่างพิมพ์
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1051
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-3
Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 19 part 1 (27/8/17)
«ตอบ #190 เมื่อ27-08-2017 18:08:16 »

ร้องเรียกโจชัวร์ด้วยคนนนนน

ออฟไลน์ minemomo

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 89
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-1
Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 19 part 2 (30/8/17)
«ตอบ #191 เมื่อ30-08-2017 05:26:06 »













Heartbeat 









: A Retelling of Beauty and the Beast










ทีแรกก็ว่าจะกลับไปเติมในโพสต์เก่า แต่พอดีไม่ได้แจ้งไว้ กลัวจะงงก็เลยขอแตกออกมาใหม่นะคะ



แต่ก็เอาเป็นว่าทำความเข้าใจและสรุปสั้นสำหรับส่วนแรกของตอนที่ 19 คือ... เจ้าอสูรตาย

ใช่ค่ะ นิยายเรื่องนี้พระเอกตาย แล้วไงล่ะ ไหนนั่งยันนอนยันว่าแฮปปี้ ก็ไปลุ้นกันต่อสิคะ จะรออะไร...



















19

part 2










ในขณะที่โจชัวร์กำลังทุ่มเทเหมือนคนไร้สติ ชายหนุ่มอีกคนที่ร่วงจากหน้าผาลงมาพร้อมกันก็เริ่มรู้สึกตัว เขาหันไปตามเสียงเรียกและมองภาพตรงหน้าด้วยความงุนงง หลังจากสำรวจร่างกายแล้วพบบาดแผลมากมายโดยเฉพาะรอยเหมือนโดนของมีคมฟันเป็นทางยาวที่หัวไหล่ซึ่งทำให้ขยับแขนค่อนข้างลำบาก บนใบหน้าก็คงมีรอยคล้ายกันแต่ขนาดเล็กกว่าและโชคดีที่เฉียดดวงตาไปเพียงนิดเดียว จึงสรุปได้ว่าเขาเจ็บปวด เลือดโชกและยับเยินไปทั้งตัว แต่ทั้งหมดนี้ก็เทียบไม่ได้เลยกับเรื่องอัศจรรย์ที่กำลังเกิดขึ้น






เขาพยายามพาร่างเข้าไปหาคนที่กำลังคร่ำครวญเพื่อพิสูจน์ และแน่นอนว่าทุกสิ่งที่เห็นช่วยตอกย้ำว่าเขาไม่ได้ฝัน คนที่เขารักกำลังร้องไห้กับการจากไปของคนรัก และเขาได้แต่ยืนตะลึงเหมือนถูกสาปให้กลายเป็นก้อนน้ำแข็งเพราะคนๆนั้นก็คือ... ตัวเขาเอง!





ร่างสูงใหญ่กว่ามนุษย์ทั่วไป ขนยาวรุงรังโดยเฉพาะแผงคอหนาคล้ายสิงโต เขี้ยวยาว กรงเล็บแหลม ท่อนแขน ขา และอุ้งเท้า ทุกสิ่งที่กล่าวมาประกอบกันเป็นสิ่งมีชีวิตที่ใครๆพากันเรียกว่าเจ้าอสูร และใช่! แม้จะไม่เคยเห็นทุกส่วนของร่างกายตัวเองชัดเจนขนาดนี้มาก่อน แต่นั่นคือสิ่งที่เขาเป็นมากว่าค่อนชีวิต เขาคืออสูรที่นอนแน่นิ่งอยู่ตรงนั้น   





“โจชัวร์” เขาลองส่งเสียง แน่นอนว่านั่นไม่ใช่เสียงแหบห้าวอย่างกับคำราม แต่เป็นเสียงของผู้ชายคนที่ต้องการจะแย่งโจชัวร์ไปจากเขา นั่นทำให้เขารู้สึกแปลกอย่างบอกไม่ถูก เหมือนว่าถ้อยคำเหล่านั้นไม่ใช่สิ่งที่ผ่านปากตัวเองออกไป และที่ทำให้เขาใจหายวาบคือสายตาที่หันมาตามเสียงเรียก ดวงแก้วสีน้ำตาลใสไม่แสดงถึงความรักหรือเกลียดชัง มันว่างเปล่ายิ่งกว่าที่ใช้มองคนไม่รู้จัก เจ้าตัวไม่ใช่ไม่เห็น แต่กำลังมองผ่านราวเขาเป็นอากาศ เป็นสายตาที่ทำให้คนถูกมองรู้สึกเจ็บปวดที่ต้องกลายเป็นคนไม่มีตัวตน





“โจชัวร์! นี่ข้า...”





“กลับไปเถอะ ทุกอย่างมันจบแล้ว ข้ากับเจ้าจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก ลาก่อน”





โจชัวร์ตัดบทอย่างไม่มีเยื่อใย ซึ่งนับว่าเขายอมให้อย่างที่สุดแล้ว เพราะหากจะโทษว่าแกสตันเป็นคนก่อเรื่อง เขาเองก็มีส่วนรับผิดชอบในฐานะตัวต้นเหตุ แกสตันมาที่นี่เพราะเขา จงใจทำร้ายเจ้าอสูรก็เพราะเขา เรื่องเลวร้ายทั้งหมดล้วนเกิดขึ้นเพราะเขา เขาควรจะสำนึกสักทีว่าตัวเขานั่นเองที่ถูกสาปให้ชีวิตไม่มีวันได้พบกับความสุข หากฝืนชะตาเกิดมีความรักขึ้นมาเมื่อไหร่ก็จะต้องจบลงด้วยโศกนาฏกรรมเช่นนี้





“ไม่ใช่อย่างนั้น เจ้ามองข้าให้ดีๆสิโจชัวร์ นี่ข้าเอง” ชายหนุ่มยังคงตื๊อไม่เลิก พยายามจะทำให้อีกฝ่ายยอมมองเขาให้เต็มตา





“อย่าให้ข้าต้องหมดความอดทนนะแกส...!” เสียงตวาดพลันสะดุด โจชัวร์รู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างกระแทกในอกจนเปล่งเสียงต่อไม่ออก ผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าคือแกสตันไม่ผิดแน่ แม้จะมีบาดแผลมากมายก็ไม่ถึงกับเสียโฉมไปทั้งหมด แต่... แต่เขากลับให้ความรู้สึกบางอย่างที่ต่างไปจากเดิม อาจจะเป็นท่าทาง บรรยากาศ หรือแววตา...





ใช่แล้ว! โจชัวร์รู้สึกเหมือนลมหายใจจะหยุดลงยามที่จมดิ่งไปในประกายสีอำพัน แววตาอันแสนอบอุ่นที่มักทอดมองอย่างอ่อนหวาน ดวงตาซึ่งสะท้อนความรู้สึกที่ตรงกันของตัวเขาและเจ้าอสูร





“ข้าไม่ใช่แกสตัน” เมื่อเห็นปฏิกิริยาของเด็กหนุ่ม เขาก็รีบย้ำความด้วยความยินดี “เจ้าก็รู้สึกใช่มั้ยว่าไม่ใช่เขา แต่เป็นข้า เจ้าอสูรของเจ้ายังไงล่ะ”





ร่างสูงขยับเข้าหาแต่โจชัวร์กลับถอยหนี พยายามรักษาระยะห่างเพื่อให้แน่ใจว่าไม่ได้กำลังก้าวเข้าไปในความฝัน เจ้าอสูรตายแล้วเป็นเรื่องจริงที่เขาไม่อาจปฏิเสธ ร่างใหญ่โตนอนแน่นิ่งอยู่ตรงนั้น ไม่มีวันที่จะฟื้นกลับมามีชีวิตได้อีก ส่วนผู้ชายที่ยืนอยู่ต่อหน้าคือคนที่เขาเคยนับว่าเป็นเพื่อน ซึ่งตอนนี้เหลือสถานะแค่คนรู้จักหรือน้อยกว่านั้น ไม่มีวันจะเทียบกับคนที่เขารักได้เลย





“ไม่จริง! เจ้าอสูรตายแล้ว! เจ้า... เจ้าไม่ใช่เขา เป็นไปไม่ได้!”





“ข้าก็คิดว่ามันเป็นไปไม่ได้ และไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง แต่มันก็เป็นไปแล้วนะโจชัวร์”   





“ไม่! ข้าไม่เชื่อ เจ้าเล่นตลกอะไรอยู่แกสตัน เลิกทำตัวบ้าๆแล้วกลับบ้านเจ้าไปซะ ชั่วชีวิตนี้ก็ไม่ต้องมาให้ข้าเห็นหน้าอีก!” โจชัวร์ประกาศกร้าว แม้จะมีความลังเลในแววตาวาวใส แต่ลักษณะท่าทางบอกชัดว่าถึงจะพยายามเกลี้ยกล่อมไปก็ไร้ประโยชน์





“เจ้าจะให้ข้ากลับบ้าน บ้านของข้า อย่างนั้นใช่มั้ย?” คนถูกไล่ย้ำถาม คำตอบที่ได้คืออาการดื้อเงียบ





“ได้! งั้นเราก็ต้องไปด้วยกัน เพราะตอนนี้บ้านของข้าก็คือบ้านของเจ้า ทุกคนที่คฤหาสน์กำลังคอยให้เรากลับไป คุณคอกซ์เวิร์ธกับลูมิแยร์เห็นสภาพเราสองคนได้บ่นเป็นหมีกินผึ้งแน่ๆ แต่เอาเถอะ เดี๋ยวมิสซิสพอทส์ก็จะปลอบใจเราด้วยซุปร้อนๆแสนอร่อย ส่วนพลูมแมทกับเดบูตองท์คงรีบมาช่วยกันพาเจ้าไปอาบน้ำแต่งตัวใหม่ ข้าจะยุให้จับเจ้าใส่กระโปรงเสียให้เข็ด แล้วไหนจะเจ้าหนูพินช์อีกคน ระหว่างที่เจ้าไม่อยู่ เขาขยันท่องตัวอักษรทั้งวันทั้งคืน แถมยังค้นห้องหนังสือของข้าได้นิทานเล่มใหม่ๆมาเป็นตั้ง รับรองว่าเจ้าได้อ่านจนตาแฉะเชียวล่ะ”





“นี่เจ้า... เจ้าพูดเรื่องอะไร... ทำไมถึงได้...” โจชัวร์อ้าปากค้างมองอีกฝ่ายอย่างไม่เชื่อสายตา สิ่งที่ได้ยินบอกชัดว่าไม่ใช่การรู้จักเพียงผิวเผิน แต่ต้องอาศัยความสนิทสนมคุ้นเคยจึงจะสามารถบรรยายถึงลักษณะของแต่ละคนในคฤหาสน์ได้อย่างละเอียดชัดเจนขนาดนี้





ชายหนุ่มไม่ทันได้สนใจว่าโจชัวร์จะเชื่อหรือคิดว่าเขายิ่งเพี้ยนหนักกว่าเก่า เขาเหลียวมองรอบด้านด้วยสีหน้าหนักใจ หน้าผาที่พวกเขาตกลงมาสูงพอสมควร ในสภาพบาดเจ็บไปทั้งตัวยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะปีนกลับขึ้นไป คงต้องอ้อมไปทางอื่นและโดยเร็วที่สุดเพราะสภาพอากาศเริ่มไม่น่าไว้ใจสักเท่าไหร่





“เจ้าเก็บความสงสัยเอาไว้ก่อนเถอะ ลมแรงขึ้นทุกที เราควรรีบหาทางออกจากป่าก่อนพายุจะมาอีกรอบดีกว่า”





“ไม่! ข้าจะไม่มีวันทิ้งเจ้าอสูรไปเด็ดขาด!”





ร่างสูงนิ่งงัน ความรู้สึกประหลาดทำเอาเขาจนด้วยคำพูด บอกไม่ถูกจริงๆว่าควรรู้สึกยังไงที่เห็นโจชัวร์ยังคงกอดร่างของตนไว้อย่างหวงแหน เขานึกถึงความเป็นจริงว่าคนที่ตายไปแล้วไม่มีทางที่จะรับรู้อะไรได้อีก แต่เขากลับมีโอกาสได้รู้ว่าคนที่เขารักรักเขามากถึงขนาดที่ปฏิเสธเขาโดยสิ้นเชิง





ให้ตายเถอะ! เขาปวดแผลไปทั้งตัวแล้วยังต้องมาปวดหัวกับปัญหาโลกแตกที่ไม่มีวันจะเกิดขึ้นกับใครบนโลกใบนี้อีกอย่างนั้นหรือ





“ปล่อยนะ! เจ้าไม่ได้ยินที่ข้าพูดหรือไง ข้าไม่ไป!”





โจชัวร์ดิ้นรนเมื่อจู่ๆก็ถูกกระชากให้หลุดจากร่างของเจ้าอสูร นึกเจ็บใจที่สู้แรงไม่ไหวทั้งๆที่อีกฝ่ายก็บาดเจ็บสาหัส และนึกชังตัวเองที่หลงใจอ่อนไปกับดวงตาคู่นั้น ทั้งที่แน่ใจว่าเป็นไปไม่ได้แต่ก็ยังรู้สึกเหมือนได้หัวใจตัวเองคืนมาอีกครั้ง ยามที่จ้องเข้าไปในดวงตาสีอำพัน ความหนาวเหน็บที่เกาะกินใจก็พลันมลายไปราวกับต้องมนต์





ในจังหวะนั้น หมาป่าสีเทาร่างยักษ์ก็ปรากฏตัวขึ้นพาให้คนทั้งคู่หยุดการฉุดกระชาก ฝ่ายหนึ่งดีใจที่ได้ตัวช่วยมานำทาง อีกคนก็ใจชื้นที่มีกองหนุน เมื่อสองเสียงประสานเรียกด้วยอารมณ์ที่แตกต่างกัน หมาป่าหนุ่มถึงกับเกิดอาการลังเลอย่างเห็นได้ชัด





“เจ้ารู้ใช่มั้ยว่าข้าคือใคร” ชายหนุ่มเน้นเสียงหนักและจ้องเข้าไปในดวงตาคมดุเพื่อระลึกถึงความสัมพันธ์หนหลัง เขาเชื่อในสัญชาติญาณการรับรู้ของเพื่อนเก่า เพราะสัตว์ป่าคงไม่มีอคติหรือยึดติดกับรูปร่างหน้าตาเหมือนอย่างมนุษย์





“อย่าไปฟังนะเกรย์ เขาเป็นคนร้าย เขาเกือบจะยิงเจ้าด้วยซ้ำจำได้หรือเปล่า”





“ไม่บอกมันไปด้วยล่ะว่าข้าเป็นคนที่ทำให้ตัวเองนอนตายอยู่ตรงนั้น” ร่างสูงกลอกตามองฟ้า ทั้งขันทั้งเหลืออดจนแอบส่งเสียงประชดออกมาเบาๆ





“ก็ใช่! ถึงจะไม่ใช่ความผิดของเจ้าทั้งหมด แต่เจ้าก็มีส่วนทำให้เจ้าอสูรต้องตาย”





“โจชัวร์ เมื่อไหร่เจ้าจะยอมรับสักทีว่าข้าไม่ใช่แกสตัน ข้าไม่ใช่เพื่อนของเจ้าแต่คือเจ้าอสูรที่นอนไม่หายใจอยู่นั่น”





“เจ้าต่างหากที่ไม่ยอมรับ เจ้าก็คือเจ้า จะเป็นคนอื่นไปได้ยังไง”





สองคนยืนประจันหน้า จ้องตากันอย่างไม่ลดละ ต่างรู้สึกเหมือนได้ย้อนเวลากลับไปตอนที่ยังเอาแต่ตั้งแง่ เถียงกันจนลั่นโต๊ะอาหาร สุดท้ายจึงกลายเป็นอาการเก้อเขิน เมินหน้ากันไปคนละทาง





“เอาเถอะ เรายังมีเวลาเถียงเรื่องพวกนี้กันอีกนาน แต่ถ้าไม่รีบออกจากป่า เจ้ากับข้าคงได้ถูกฝังอยู่ใต้หิมะนี่แน่ๆ” 





“นั่นเจ้าจะทำอะไร?!” โจชัวร์ส่งเสียงแว้ดเมื่อเห็นอีกฝ่ายเข้าไปวุ่นวายกับร่างบนพื้นหิมะ





“เจ้าไม่อยากทิ้งข้าไว้กลางป่าไม่ใช่เหรอ” เสียงห้าวตอบส่งๆ แต่ก็อดใจหายไม่ได้ที่ต้องมาเห็นตัวเองนอนจมกองเลือด เมื่อร่างเพรียวบางถลันเข้ามาขวาง จึงต้องรีบอธิบายเพื่อไม่ให้เสียเวลามากไปกว่านี้





“วางใจเถอะ ข้าจะให้เกรย์พาไปหาโพรงถ้ำที่พอจะเก็บร่างของข้าไว้ก่อนค่อยย้อนกลับมาจัดการให้เรียบร้อยทีหลัง เพราะเราทั้งคู่ต้องรีบกลับไปสมทบกับสโนว์และออกจากป่าให้เร็วที่สุด แต่ถ้าเจ้าอยากกำจัดข้าให้พ้นๆไปก็ไม่ยากหรอกนะ แค่ถ่วงเวลารออยู่ที่นี่อีกไม่นาน ข้าก็คงทนพิษบาดแผลไม่ไหวจนขาดใจตายไปอีกรอบเอง”





โจชัวร์พลันสะดุดใจว่าคนตรงหน้าก็บาดเจ็บจากการต่อสู้ไม่น้อยกว่าฝ่ายที่จากไปแล้ว บนใบหน้าชวนฝันของสาวๆทั้งหมู่บ้านนอกจากรอยแตกช้ำ ยังมีรอยกรีดยาวพาดผ่านหางตาและแก้มซ้ายทั้งแถบซึ่งคงจะเหลือแผลเป็นที่ดูน่าหวาดเสียว บนหัวไหล่ด้านเดียวกันยังมีเลือดไหลจากบาดแผลค่อนข้างเหวอะหวะจากการถูกตะปบ ส่วนอื่นของร่างกายแม้ไม่เห็นแผลแต่เลือดก็ยังซึมออกมาจนรอยแดงขยายวงกว้างขึ้นเรื่อยๆ





“ถ้าเจ้าบาดเจ็บมากขนาดนั้นก็ไม่ต้อง...” ยิ่งพูดไม่ออกเมื่อเห็นคนเจ็บพยายามพยุงร่างไร้ชีวิตขึ้นหลัง





“ไม่เป็นไร ข้ายังพอไหว แล้วอีกอย่าง...” เสียงห้าวชะงักไปเมื่อร่างเพรียวบางเข้ามาช่วยซับหยดเลือดที่กำลังจะไหลเข้าตา ความห่วงใยในดวงตาสีน้ำตาลสวยทำให้เขาใจชื้น มีแรงเพิ่มขึ้นมาเป็นกอง





“เจ้าแบกข้าไม่ไหวหรอกเด็กน้อย”





โจชัวร์ค้อนขวับและรีบเร่งฝีเท้าตามเกรย์ที่ล่วงหน้าไปก่อนแล้ว หมาป่าหนุ่มเชื่อฟังและทำตามคำสั่งที่ได้รับเป็นอย่างดี มันพาทั้งคู่แวะที่โพรงถ้ำแห่งหนึ่งซึ่งมิดชิดพอเหมาะที่จะซ่อนร่างของเจ้าอสูรจากสัตว์ป่าอื่นๆ โจชัวร์จำต้องร่ำลาผู้เป็นที่รักด้วยความอาดูรสุดหัวใจ ชายหนุ่มเองก็ดูเหมือนจะเข้าใจแต่สถานการณ์จวนตัวทำให้เขาต้องเร่งเดินทางต่อ โชคดีที่เมื่อออกจากถ้ำก็พบสโนว์มารออยู่แล้ว น่าแปลกอีกเช่นกันที่เจ้าม้าขาวดูจะคุ้นเคยและรับคำสั่งชายแปลกหน้าเฉกเดียวกับเจ้านายของตน 





แม้จะไม่ได้อยู่บนหลังสโนว์เพียงลำพังแต่โจชัวร์ก็รู้สึกเหมือนเมื่อครั้งแรกที่เดินทางมายังคฤหาสน์ พายุหิมะพัดกระหน่ำชนิดไม่ลืมหูลืมตา เขาได้แต่โน้มตัวกอดคอเจ้าม้าจอมอึดไว้แน่นและปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามสัญชาติญาณของมัน ลมหนาวเสียดแทงร่างกายที่ยังอ่อนล้าพาให้สติเริ่มพร่าเลือนไปทีละน้อย มีหลายครั้งที่เขารู้สึกหมดแรง เหมือนจะวูบหล่น คล้ายตัวจะเบาจนลอยอยู่ในอากาศก่อนจะรู้สึกถึงความอบอุ่นที่ละลายความอดทนของเขาให้ค่อยๆหมดไปในที่สุด





















 :laugh: :laugh: :laugh:




 :z6:



ไม่ต้องมองหาค่ะ คนเขียนเผ่นแน่บไปแล้ว


บ้ากว่าพระเอกตายตอนจบ ก็โดนสลับวิญญาณนี่ล่ะนะ

อย่าถามว่าคิดได้ไงพล็อตยังงี้ มันก็จะลี้ลับหน่อยๆ เพราะไม่ได้คิด มันปิ๊งขึ้นมาเองจริงๆ

555




ถ้าเกิดเป็นนิยายเล่มๆอยู่ในมือ อ่านมาจบตอนนี้มีใครอยากปาทิ้งมั้ย


#(บอกแล้ว)คนเขียนมันซาดิสม์+บ้ามากๆด้วย



แต่เรื่องราวก็ยังไม่จบแค่นี้ ถ้ายังไหว มาลุ้นกันต่อ บอกแล้วเรื่องนี้ต้องเคลียร์กันยาวยาววววววววววว













^__^











----- Mine -----







ออฟไลน์ มาม่าหมูสับ

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 140
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 19 part 2 (30/8/17)
«ตอบ #192 เมื่อ30-08-2017 05:38:49 »

ตอนใหม่มาแล้ววววว เจ้าอสูรจะทำไงเนี่ย โจชัวร์ดูไม่เชื่อเลย

ออฟไลน์ insomniac

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1483
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
Re: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 19 part 2 (30/8/17)
«ตอบ #193 เมื่อ30-08-2017 05:43:50 »

บ้าจริงๆ ด้วย อึ้งไปเลยครับ คิดได้ไง 55

แอบคิดต่อ หรือจริงๆ แล้วสองคนนี้คือคนเดียวกันตั้งแต่แรก แต่ตอนถูกสาปโดนแยกออกเป็นสองคน หัวใจส่วนดีถูกเอาไปใส่ในร่างอสูร ส่วนหัวใจที่มีกิเลสเอาไปใส่ในร่างเดิมแล้วกลายเป็นแกสตัน มโนไปเรื่อย 55

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 19 part 2 (30/8/17)
«ตอบ #194 เมื่อ30-08-2017 07:40:34 »

แอบมาชะโงกดู  :katai2-1:

ออฟไลน์ EoBen

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3322
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-6
Re: Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 19 part 2 (30/8/17)
«ตอบ #195 เมื่อ30-08-2017 10:14:14 »

เอาแล้วไงละ

ที่นี่สงสัยเพิ่มอีกเพียบเลย

คนที่กระโดดลงมาตอนแรกคือใคร เจ้าอสูญใช่ไหม ถ้าใช่ แอสตันตายตั้งแต่อยุ่ข้างบนแล้วหรอ หรือยังไง หรือตายพร้อมกัน

หรือจริงๆแล้วคนนี้คือคนเดียวกันตั้งแต่แรก  มันก็เป็นไปได้ เพราะเจ้าอสูญเคยร้ายมาก่อนไม่งั้นจะถูกสาบหรอ

ตอนนี้ก็แค่กลับคืนร่างเดิม แต่ถ้าเป็นแบบนั้นตอนแกสตันไปที่คฤหาส คนเก่าคนแก่ต้องแปลกใจบ้างสิทำไมหน้าเหมือนตอนก่อนถูกสาบ

แล้วพ่อแม่ในหมู่บ้านละ คืออะไร


ถ้าอย่างนั้นแปลว่าสองคนนั้นเป็นคนละคนกันจริงๆ แต่ไปเปลี่ยนร่างเอาตอนไหนกันแน่ ตอนแรกแกสตันดูไม่ได้สาหัสขนาดนั้น


อืมมมม รอเฉลยค่ะ



ออฟไลน์ donut4top

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 396
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 19 part 2 (30/8/17)
«ตอบ #196 เมื่อ30-08-2017 12:07:38 »

อ่านแล้วเหวอเลยค่ะ อย่างนี้ก็ได้หราาาาาาาาาาา ถ้างั้นก่อนแกสตัน(ในร่างอสูร)จะตายก็คือพยายามบอกโจว่าตัวเองไม่ใ่ช่อสูรสินะ

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0
Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 19 part 2 (30/8/17)
«ตอบ #197 เมื่อ30-08-2017 16:04:56 »

 :hao7: o13 :hao7:

 :L2: :pig4: :L2:

ออฟไลน์ ซีเนียร์

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 778
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 19 part 2 (30/8/17)
«ตอบ #198 เมื่อ30-08-2017 19:41:52 »

เราพึ่งเข้ามาอ่าน
เนื้อเรื่องสนุกมาก
รอตอนต่อไปจ้า  :L2:

ออฟไลน์ Malimaru

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 483
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-4
    • facebook
Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 19 part 2 (30/8/17)
«ตอบ #199 เมื่อ31-08-2017 11:59:56 »



เราอ่านตอนนี้แล้วคิดว่า ถ้าจะให้คนอ่านเชื่อ พอ ๆ กับที่โจชัวร์เชื่อ
เนื้อเรื่องตอนที่เหลือ ควรให้เวลากับตัวละครเรียนรู้กันใหม่อีกพักใหญ่ ๆ
 
เพราะถ้าเร่งรัดรวบจบเกินไป ความนุ่มนวลของการก่อสานความสัมพันธ์ที่ทำมาทั้งหมดจะแทบไม่มีความหมาย
ที่สำคัญ ถ้าเป็นเรา เราคงไม่อาจปักใจเชื่อคนที่ทำร้ายเรา ถึงขั้นรุนแรงว่าเป็นคนอื่นได้ร้อยเปอร์เซนต์ในเร็ววันแน่ ๆ
(คือ เราไม่เห็นเค้าว่าโจชัวร์จะมีลักษณะนิยมของนางเอกนิยายหลาย ๆ เรื่อง ที่โดนข่มเหงจิตใจ (แม้จะไม่สำเร็จก็ตาม) แล้วจะหลงรักคนที่ทำตัวร้ายกาจกับเราได้ในชั่วข้ามคืนน่ะค่ะ)

อย่างไรก็ดี ไม่ว่าคุณจะตัดสินใจอย่างเรา เราก็เคารพสิ่งที่คุณเขียน และจะติดตามไปจนจบค่ะ ^_^
ขอบคุณที่เขียนนิยายดี ๆ ให้พวกเราได้เสพกันนะคะ  :pig4:


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 19 part 2 (30/8/17)
« ตอบ #199 เมื่อ: 31-08-2017 11:59:56 »





ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4015
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 19 part 2 (30/8/17)
«ตอบ #200 เมื่อ31-08-2017 17:26:12 »

ไม่คิดว่าจะพลิกมาเบอร์นี้  :hao7:

ออฟไลน์ uyong

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 19 part 2 (30/8/17)
«ตอบ #201 เมื่อ31-08-2017 18:38:03 »

เดี๋ยวๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆไหงเป็นเงี้ย ถึงกับอ้าปากค้างเลย  :a5: :a5: :a5: o22 o22

ออฟไลน์ ทั่วหล้า

  • ไม่ช่างพูดแต่ช่างพิมพ์
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1051
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-3
Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 19 part 2 (30/8/17)
«ตอบ #202 เมื่อ02-09-2017 17:35:00 »

ทำไมเจ้าอสูรดูพูดมาก
หรือนี่เป็นการรวมร่างของเจ้าอสูรกับแกสตัน

ออฟไลน์ minemomo

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 89
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-1
Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 20 (3/9/17)
«ตอบ #203 เมื่อ03-09-2017 04:44:25 »











Heartbeat 










: A Retelling of Beauty and the Beast















มีหลายคนเหวอ ห๊ะ! ยังงี้ก็ได้เหรอ

คำตอบคือก็เอาจนได้นั่นล่ะค่ะ

ส่วนคำถามมากมายที่ตามมา จะได้รับความกระจ่างจนถึงที่สุดมั้ยก็คงต้องลุ้นกันต่อจนบรรทัดสุดท้ายค่ะ


ปล. เห็นคอมเมนท์น่ารักๆของคุณทั่วหล้าว่าอสูรในตอนที่แล้วทำไมพูดมากจัง รวมร่างกับแกสตันเหรอ

คืออ่านแล้วทำไมภาพในหัวนึกไปถึงดรากอนบอล แบบโงกุนรวมร่างกับเบจิต้าอะไรยังงั้น 555

ก็เปล่านะคะ ไม่ได้รวมร่างค่ะ เอาแค่สลับล่างนี่ก็แฟนตาซีจนจะรับไม่ไหวแล้วล่ะค่ะ

แต่เราลองกลับไปย้อนดูเจ้าอสูรในบทก่อนๆก็ปรากฏว่านางก็พูดเยอะอยู่นะคะ แถมออกแนวจิกกัดซะเยอะอีกต่างหาก เล่นเอาหนุโจของเราทั้งฉุน ทั้งขำ เดี๋ยวก็ค้อน เดี๋ยวก็เอือมกันสนุกสนาน ส่วนบทที่แล้วก็จะผสมอารมณ์ตกใจๆ จู่ๆตื่นมาสลับร่างก็เหมือนคนลนๆ ยิ่งอยากจะอธิบายให้โจชัวร์เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นน่ะค่ะ

























20














โจชัวร์สะดุ้งตื่นขึ้นด้วยอาการเหมือนคนเพิ่งหลุดจากฝันร้าย สภาพของห้องนอน สัมผัสของเตียงกว้างที่คุ้นเคยกลับยิ่งหลอกหลอนให้รู้สึกกลัวด้วยไม่แน่ใจว่าตนเองกำลังตื่นอยู่หรือว่าฝัน เหตุการณ์ทุกอย่างคลับคล้ายคลับคลาว่าได้เคยเกิดขึ้นมาแล้ว เขาหนีออกจากคฤหาสน์แต่ก็ถูกจับตัวกลับมาได้ในวันรุ่งขึ้น ซึ่งคนที่ไปพาเขาออกมาจากป่าก็คือ...






“เจ้าอสูรล่ะ?!” เขารีบหันไปถามสาวใช้คนสนิทที่ดูจะตกใจกับสภาพเพิ่งตื่นนอนของเขา “เจ้าอสูรอยู่ไหน อยู่ที่ห้องใช่มั้ย?!”





โจชัวร์เข้าถึงตัวพลูมแมทโดยไม่สนว่านั่นจะยิ่งทำให้เธอขวัญเสีย บอกไม่ได้ว่าที่เห็นคืออาการพยักหน้าหรือโดนเขย่าจนหัวคลอนแต่เขาก็ถือเป็นคำตอบที่ทำให้รีบวิ่งออกจากห้อง อีกฟากของคฤหาสน์สว่างไสวผิดจากทุกที เดบูตองท์และคนงานแปลกหน้าสองสามคนวิ่งวุ่น พอเห็นเขาที่หน้าตื่นมาก็ส่งยิ้มให้และรีบซ่อนข้าวของที่หอบหิ้วกันอยู่ สีของเลือดเด่นสะดุดตาแต่เขารีบยั้งปากไว้ ไม่เชิงไม่กล้าถามแต่กลัวว่าคำตอบจะยิ่งทำให้คุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้





ประตูห้องนอนใหญ่เปิดกว้าง กลิ่นฉุนของยาฆ่าเชื้อลอยกรุ่น เจ้าของห้องทอดกายไม่ได้สติ แทบทุกตารางนิ้วของร่างกายและใบหน้าอีกครึ่งซีกถูกพันไว้ด้วยแถบผ้าราวกับมัมมี่ แต่ถึงอย่างนั้นนั่นก็ยังไม่ใช่เหตุผลที่ทำเอาเขาหมดแรงจนต้องยึดเสาเตียงไว้เป็นหลัก เพราะภาพที่เห็นได้ช่วยยืนยันความจริงอันน่าอัศจรรย์ที่ว่าเจ้าอสูรกลับฟื้นคืนชีวิตมาอยู่ในร่างของแกสตัน... จริงๆน่ะหรือ!





“คุณโจชัวร์กลับไปพักก่อนเถอะขอรับ คงอีกนานกว่านายท่านจะได้สติ”





“นายท่าน...?” เขาทวนคำแทนการถาม และพยายามสบตาทุกคนที่เรียงรายอยู่รอบเตียงซึ่งล้วนเป็นคนที่คุ้นเคยกับเจ้าอสูรเพื่อหาพิรุธว่าทั้งหมดนี้อาจเป็นแค่ตลกร้ายฉากหนึ่งเท่านั้น





“บาดแผลค่อนข้างสาหัส ถ้าพูดกันตามจริงก็ต้องยอมรับว่าสาหัสมาก ถ้าหากผ่านคืนนี้ไปแล้วอาการไม่ทรุดลงก็คงพอวางใจได้ แต่ถ้าไม่...”





อาการที่คุณคอกซ์เวิร์ธเหลือบตามองคนบนเตียงแล้วพูดต่อไม่ออกแพร่ลามไปยังคนอื่นๆ มิสซิสพอทส์ยกผ้าขึ้นซับหางตาแล้วคว้าแขนหลานชายพากันออกไปจากห้อง ลูมิแยร์ที่กำลังนั่งชิดขอบเตียงเพื่อคอยซับคราบเลือดและเม็ดเหงื่อกำผ้าในมือแน่น แม้แต่สาวช่างจ้ออย่างพลูมแมทยังเอาแต่ปิดปากเงียบสนิท





บรรยากาศชวนสลดหดหู่แต่โจชัวร์ไม่อาจเก็บความสงสัยไว้ให้กลายเป็นเสี้ยนคอยทิ่มตำใจ เขาเลือกที่จะปรึกษากับคุณพ่อบ้านซึ่งมีอาวุโสและน่าจะรู้เรื่องทุกอย่างดีที่สุด คุณคอกซ์เวิร์ธไม่ได้ตอบในทันทีแต่พาเขาขึ้นไปยังห้องใต้หลังคา ทุกสิ่งยังคงเหมือนเมื่อครั้งที่เขากับเจ้าอสูรใช้เวลาอยู่ด้วยกันยกเว้น...





“คุณคงทราบอยู่แล้วว่านี่ไม่ใช่กุหลาบธรรมดา”





โจชัวร์เพ่งมองผ่านครอบแก้วด้วยความประหลาดใจ ดอกกุหลาบที่เคยอยู่ในนั้นเหี่ยวแห้งลงจนเหลือเพียงก้านแห้งแกร็นๆก้านหนึ่ง ตัวดอกขนาดใหญ่ประกอบด้วยกลีบเรืองแสงอัดกันแน่นกลายเป็นเศษซากชิ้นเล็กชิ้นน้อยที่มองแทบไม่ออกว่าเคยเป็นกลีบกุหลาบมาก่อน





“จำได้ว่าก่อนที่ข้าจะกลับบ้าน กุหลาบเริ่มโรย มีกลีบหลุดร่วงไปบ้าง แต่ก็ไม่น่าจะถึงกับ...”





คุณคอกซ์เวิร์ธพยักหน้าน้อยๆและยกครอบแก้วขึ้น ทันใดนั้นซากกุหลาบที่เห็นก็สลายตัวลงเป็นผง สายลมจากภายนอกพัดมาวูบหนึ่งพาให้ทุกอย่างหายวับไปราวกับไม่เคยมีอะไรอยู่ตรงนั้นมาก่อน โจชัวร์ยิ่งรู้สึกประหลาดใจจนเกือบจะร้องออกมา ผิดกับดวงตาของผู้มากด้วยวัยที่ดูเหมือนจะยิ่งเข้าใจอะไรได้มากขึ้น





“ดอกกุหลาบและกระจกวิเศษเกิดขึ้นมาพร้อมกับคำสาปที่ทำให้นายท่านของพวกเราตกอยู่ในคราบของอสูร แต่จากสภาพของดอกกุหลาบ และตัวกระจกวิเศษก็เช่นกัน...”





โจชัวร์เพิ่งได้สังเกตว่ามีกระจกวางอยู่ใกล้ๆ เมื่อคุณคอกซ์เวิร์ธหยิบมาส่งให้ เขาจึงได้เห็นรอยร้าวเป็นทางยาว ตัวกระจกเกิดฝ้าขาวทั้งบาน หมดสภาพของความเป็นกระจกเงา และเมื่อไม่มีเสียงใดๆดังออกมาก็น่าไม่จะเหลือความเป็นกระจกวิเศษเช่นกัน 





“ต้องขออภัยที่นำกระจกคืนจากห่อสัมภาระของคุณมาโดยพลการ แต่กระผมและคนอื่นๆต่างก็สงสัยในความเกี่ยวพันระหว่างของวิเศษเหล่านี้กับตัวของนายท่าน และอย่างที่คุณเห็น ทั้งกระจกและกุหลาบตกอยู่ในสภาพไม่ต่างกัน พวกเราจึงได้ข้อสรุปว่าคำสาปคงสลายไปแล้ว แต่ด้วยสาเหตุใดหรือจะมีผลอะไรกับตัวนายท่านหรือไม่นั้นยังไม่อาจทราบได้”





โจชัวร์มองครอบแก้วว่างเปล่าและกระจกที่ใช้งานไม่ได้สลับกันไปมา อดไม่ได้ที่จะนึกถึงตัวเลือกของตอนจบในนิทานที่กระจกเคยเอ่ยถึง...





“... พบรักแท้ที่ล้างคำสาปทั้งหมดหรือทุกอย่างสูญสลายไปตลอดกาล...”





เห็นชัดอยู่แล้วว่ามีเพียงสองทางเลือกสำหรับเจ้าอสูร กลับคืนสู่ร่างเดิม หรือ ตายไปพร้อมคำสาป แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้ควรจะเรียกว่าแค่ก้ำกึ่ง ไม่อาจฟันธงได้ว่าเป็นอย่างใดอย่างหนึ่ง และการมีตัวละครอื่นแทรกเข้ามาก็ยิ่งทำให้เรื่องราวผิดเพี้ยนไปกันใหญ่





“แต่การที่คำสาปสลายไปก็ไม่น่าจะกลายเป็นแบบนี้ไม่ใช่เหรอ พวกคุณอาจจะไม่รู้ว่าผู้ชายคนนั้นคือแกสตัน จริงๆแล้วเขาเป็นเพื่อนของข้าที่อยู่ที่หมู่บ้าน และที่เขามาที่นี่ ทำเรื่องวุ่นวายทั้งหมดก็มีต้นเหตุมาจากข้า แล้วตอนนี้เขากับเจ้าอสูรยัง...”





คุณคอกซ์เวิร์ธมองอาการอึกอักของเด็กหนุ่มอย่างเข้าใจเพราะทุกคนในคฤหาสน์ล้วนตกที่นั่งเดียวกัน ไม่มีใครเชื่อว่าร่างโชกเลือดที่พยายามพาโจชัวร์กลับมาอย่างปลอดภัยจะเป็นเจ้านายของพวกตน แต่ความเหมือนทั้งอากัปกริยา คำพูด การกระทำ ทุกสิ่งที่เขาแสดงออก และโดยเฉพาะดวงตายามทอดมองทุกดวงหน้ายิ่งให้ความรู้สึกเหมือนนายท่านราวกับพิมพ์เดียวกัน





“ทีแรกพวกเราก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้นที่จู่ๆก็มีผู้ชายคนหนึ่งมาอาละวาดแล้วบังคับพาตัวนายท่านเข้าไปในป่า พอกลับออกมากลับบอกว่าตัวเขาเองคือนายท่านที่ได้สลับวิญญาณเข้ามาอยู่ในร่างใหม่ ช่างเป็นเรื่องน่าเหลือเชื่อยิ่งนัก แต่ถึงอย่างนั้น... จากข้อพิสูจน์หลายอย่างก็ทำให้เชื่อได้ว่าชายผู้นั้นคือนายท่านจริงๆ”





“มันจะเป็นไปได้เหรอ?! แล้วถ้ามีอะไรผิดพลาด... ถ้าเขาไม่ใช่...”





ใบหน้ามากด้วยวัยยังคงมีรอยยิ้มบางๆ เมื่อคิดดูให้ดี หากคนๆหนึ่งถูกสาปให้กลายร่างเป็นอสูรได้ แล้วทำไมการที่วิญญาณของคนๆหนึ่งจะย้ายเข้าไปอยู่ในร่างของอีกคนจะเกิดขึ้นไม่ได้ หรืออาจจะเป็นเพราะทุกคนคุ้นเคยกับเรื่องมหัศจรรย์มานานจึงสามารถยอมรับเรื่องการสลับร่างได้ง่ายกว่าที่คิด และโดยส่วนตัวเขาเองก็เชื่อว่าแม้แต่เรื่องมหัศจรรย์ที่สุดก็ย่อมมีคำอธิบายและเหตุผลบางอย่างซ่อนอยู่





“ไม่ผิดเลยที่คุณจะสงสัยหรือต้องการหาทางพิสูจน์ แต่กระผมเชื่อว่าสิ่งหนึ่งที่มนุษย์ทุกคนควรได้รับก็คือโอกาส ไม่ว่าคุณจะเชื่อหรือไม่ก็ควรให้โอกาสชายผู้นี้ได้พิสูจน์ตัวเอง และให้โอกาสตัวคุณเองที่จะเปิดใจยอมรับเขาเหมือนที่ครั้งหนึ่งเคยเกิดขึ้นมาแล้ว”





โจชัวร์เก็บเอาคำพูดของคุณคอกซ์เวิร์ธมาคิดตามอย่างหนัก เขาพยายามถามตัวเองว่าทำไมไม่อาจยอมรับเจ้าอสูรในร่างแกสตันได้ง่ายดายเหมือนกับคนอื่นๆ อาจเป็นเพราะเขารู้จักแกสตันมาก่อน และรู้ว่าแกสตันสามารถทำเรื่องร้ายกาจได้มากแค่ไหน เขาจึงไม่อาจวางใจว่าเรื่องประหลาดนี้จะไม่ใช่แผนการหนึ่งของคนเจ้าเล่ห์ที่หวังจะกำจัดและครอบครองทุกอย่างของเจ้าอสูรไปในคราวเดียวกัน





เมื่อหวนนึกถึงวาระสุดท้ายที่เหมือนฝันร้ายคอยตอกย้ำให้หัวใจเจ็บแปลบ ก็เหมือนได้เห็นภาพเดิมๆในมุมมองที่ต่างออกไป หากลองก้าวข้ามความเสียใจและเจ็บปวดกับความสูญเสียก็ต้องยอมรับว่ามีบางสิ่งของร่างในอ้อมแขนที่ชวนสะกิดใจ ดวงตาที่เคยทอประกายอบอุ่นกลับเข้มขึ้นจนเหมือนท้องน้ำดำมืด





“...ข้าไม่... ไม่ใช่...”





ถ้อยคำที่แทบจับความไม่ได้หากคิดดีๆแล้วก็ชวนให้สงสัยว่าเจ้าตัวต้องการสื่ออะไร





“...โจชัวร์... ข้ารักเจ้า... รักเจ้า... คนเดียว...”





ไหนจะคำบอกรักที่เหมือนเคยได้ยินผ่านหูมานับครั้งไม่ถ้วน แต่ฟังแล้วกลับไม่รู้สึกว่าจะเป็นคำพูดของเจ้าอสูร เพราะเจ้าตัวชอบสื่อความรู้สึกด้วยการกระทำมากกว่า เขายังจำได้ว่าตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกัน คำรักเคยออกจากปากหนักๆนั้นเพียงแค่ครั้งเดียว 





“เข้าใจผิดแล้วเด็กน้อย ข้าไม่ได้ชอบ... แต่ข้ารักเจ้า รักมาก เหมือนที่เจ้าเองก็รักข้าไม่ต่างกัน”





เป็นถ้อยคำที่เพียงแค่นึกถึงก็ทำให้รู้สึกหวิวไหวเหมือนเจ้าตัวมากระซิบบอกที่ข้างหู





เขาถอนหายใจและหยิบกระจกขึ้นดูแม้จะรู้ว่าเปล่าประโยชน์ กระจกวิเศษไม่อาจสะท้อนอะไรได้อีกแล้ว ไม่ว่าจะเป็นความจริงที่แสนเจ็บปวดหรือความปรารถนาที่ซ่อนลึกอยู่ในจิตใจ ตัวเขาในตอนนี้ก็คงไม่ต่างกัน ในหัวเต็มไปด้วยฝ้าขาว สมองขุ่นมัวจนไม่อาจหาทางออกจากความคิดของตัวเองได้เลย










บรรยากาศของห้องพักคนเจ็บสงบเรียบร้อยลงเพราะขั้นตอนการรักษาพยาบาลทั้งหมดเสร็จสิ้นแล้ว เหลือเพียงแต่รอดูอาการให้คนเจ็บฟื้นตัวเพื่อจะได้กลับมาเป็นปกติโดยเร็วที่สุด ไม่นานโจชัวร์ก็พบว่าเหลือตัวเขาอยู่เพียงลำพังที่ข้างเตียงนอนหลังใหญ่





“หากเจ้าอยากรู้เรื่องของนายท่าน เขาก็อยู่ตรงหน้าเจ้าแล้ว ไม่เห็นจะต้องมาถามข้าหรือใครคนอื่นเลยนี่”





เขาอมยิ้มอย่างนึกขันที่จู่ๆก็นึกถึงคำแนะนำของกระจกวิเศษ ครั้งนั้นเขาสงสัยในตัวเจ้าอสูร และน่าแปลกที่ครั้งนี้เขาก็ยังคงสงสัยในตัวคนที่ใครพากันเชื่อว่าคือเจ้าอสูร





สิ่งเดียวที่ทำได้คงเป็นการเฝ้ารอให้ผู้ต้องสงสัยฟื้นขึ้นมาเพื่อจะพิสูจน์ตัวตนที่แท้จริง แต่เวลาก็ผ่านไปจนเขาเริ่มกังวล คนเจ็บยังไม่ฟื้น ไม่มีอาการรู้สึกตัวแม้แต่น้อย แถมยังมีไข้สูงเป็นระยะจนทุกคนในคฤหาสน์พากันวุ่นวาย กินไม่ได้นอนไม่หลับไปตามๆกัน





“ข้าว่าบอกเขาไปตรงๆดีกว่าว่าทางเรายังไม่พร้อม ถ้า...” โจชัวร์เหลือบตามองอย่าชั่งใจ จนป่านนี้เขาก็ยังลังเลทุกครั้งที่จะเอ่ยปากเรียกคนที่นอนนิ่งอยู่บนเตียง “คนเจ็บฟื้นเมื่อไหร่จะส่งคนไปแจ้งอีกทีแล้วค่อยมาเยี่ยมตอนนั้นจะสะดวกกว่า และฝากให้เรียนท่านเฮนรี่กับคุณหนูลิเดียด้วยว่าไม่ต้องเป็นห่วง”





คุณพ่อบ้านรับคำสั่ง และวางของที่ถือติดมือมาลงบนโต๊ะใกล้ๆก่อนจะออกจากห้องไปด้วยอาการสำรวม ดวงตามากด้วยวัยเต็มไปด้วยความอ่อนล้าแต่ยังฉายแววชื่นชมเด็กหนุ่มที่แม้ปากจะบอกว่าสงสัยแต่ก็ไม่เคยอยู่ห่างจากเจ้านายของเขาเลยสักวินาทีเดียว





“อุณหภูมิลดลงเป็นปกติแล้ว รอบนี้น่าจะพอเบาใจได้ คุณโจชัวร์ไปพักบ้างเถอะขอรับ เดี๋ยวกระผมเฝ้านายท่านต่อให้เอง”





“ข้าไม่เป็นไร เจ้านั่นล่ะที่ควรไปพัก อย่างน้อยก็หลับสักงีบ เดี๋ยวก็ต้องออกไปตรวจงานที่ไร่อีกไม่ใช่เหรอ” 





โจชัวร์เอ่ยปากพลางส่งผ้าที่ใช้เช็ดตัวคนไข้คืนให้ เทียบกันแล้วงานดูแลคนป่วยนั้นจะมีก็แต่ความหนักใจ เรื่องเหนื่อยกายนั้นคงเทียบไม่ได้กับหน้าที่ที่ทุกคนรับผิดชอบอยู่ โดยเฉพาะลูมิแยร์ที่ต้องจัดการงานแทนเจ้าอสูรทั้งที่คอกม้าและแปลงเพาะปลูก คุณคอกซ์เวิร์ธจะคอยดูแลธุระต่างๆในเมือง ทั้งยังต้องออกหน้าระวังไม่ให้ข่าวการบาดเจ็บส่งผลให้เกิดความวุ่นวาย ส่วนอีกหนึ่งเรื่องสำคัญคือร่างของอสูรที่ถูกเก็บไว้ในถ้ำกลางป่านั้นก็ได้ถูกนำกลับมาทำพิธีอย่างถูกต้องและสมเกียรติ แต่ก็ยังต้องเก็บไว้เป็นความลับเพื่อจะเลี่ยงคำถามที่ไม่อาจหาคำตอบให้ได้





แม้จะหนักใจกับอาการของคนเจ็บ แต่ก็ยังมีเรื่องที่ทำให้ทุกคนในคฤหาสน์ได้อมยิ้ม ส่วนตัวโจชัวร์เองอยากจะขำก็ขำไม่ออก สิ่งที่คุณพ่อบ้านได้รับและนำมาวางอยู่บนโต๊ะให้นั้นคือบัตรเชิญดื่มน้ำชายามบ่ายซึ่งระบุตัวเขาเป็นผู้ถูกรับเชิญ เป็นธรรมเนียมของพ่อแม่ที่มีลูกในวัยสมควรออกเรือนจะเฟ้นหาผู้ที่เหมาะสมกับลูกๆของตนโดยการเชิญชายหนุ่มหรือหญิงสาวที่หมายตาให้มาร่วมดื่มน้ำชาเพื่อทำความรู้จักและพัฒนาความสัมพันธ์ในลำดับต่อไป





แน่นอนว่าไม่มีใครกล้าส่งของประเภทนี้มาถึงเจ้าอสูร ส่วนตัวเขาความจริงเริ่มได้รับเชิญตั้งแต่มาถึงที่นี่ใหม่ๆ แต่คุณคอกซ์เวิร์ธบอกว่าเจ้าของคฤหาสน์สั่งให้กำจัดบัตรเชิญทุกใบในทันทีที่ส่งมาถึง เมื่อเจ้าตัวนอนป่วยอยู่อย่างนี้  บัตรเชิญจึงได้ตกมาถึงมือและทำให้เขาเพิ่งรู้ตัวว่าเป็นที่ต้องการถึงขนาดที่ว่าบางบ้านอยากได้เป็นลูกเขย ในขณะที่อีกหลายบ้านก็อยากได้ไปเป็นสะใภ้





“รอบนี้สามต่อหนึ่งขอรับ แต่ถ้าคุณยอมให้พลูมแมทช่วยแต่งตัวให้สักหน่อย กระผมว่าสัดส่วนน่าจะกลับมาสูสีกันเหมือนเดิม”





ลูมิแยร์ถือวิสาสะเปิดดูเพื่อรายงานผล และสิ่งที่เขาถูกสั่งให้ทำจนกลายเป็นหน้าที่อีกอย่างหนึ่งก็คือนำบัตรเชิญทั้งหมดไป...





“วางไว้อย่างนั้นแหละลูมิแยร์ ไม่ต้องเก็บไปเผาหรอก ว่างๆข้าจะได้เอาไว้ดูเล่นบ้าง”





“แต่ว่าถ้านายท่านรู้เข้า... คงไม่ชอบใจแน่ๆ”





ลูมิแยร์ไม่วายเหลือบตามองคนที่ยังนอนอยู่บนเตียง ตัวเขานั้นก็ไม่ต่างจากคนอื่นๆที่ไม่อยากเชื่อแต่สุดท้ายก็สามารถยอมรับว่าชายผู้นี้คือนายท่าน และสิ่งหนึ่งที่ทำให้เขาหมดข้อกังขาก็คือหัวใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรักต่อคนเพียงคนเดียว เพราะแม้ในยามที่ใกล้จะหมดสติ ดวงตาสีอำพันคู่นั้นก็ยังมั่นคงขณะเอ่ยประโยคที่เขาได้ยินจนจำได้ขึ้นใจ





‘ข้าฝากโจชัวร์ด้วย ดูแลเขาดีๆ ต้องให้ดีกว่าที่ดูแลข้า เข้าใจมั้ยลูมิแยร์’





ตอนนั้นเขายังเผลอรับคำเหมือนที่เคยรับปากมาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง เมื่อลองสำรวจความรู้สึกก็ยิ่งไม่อาจปฏิเสธว่าชายผู้นี้คือคนที่เขาคุ้นเคยมาตั้งแต่จำความได้ คือเพื่อนตายและเจ้านายที่เขาจะจงรักภักดีไปตลอดชีวิต 





“เอาน่า ข้ารับผิดชอบเอง เจ้ากลับไปพักผ่อนได้แล้ว”





โจชัวร์ตัดบทและรีบยึดบัตรเชิญเอาไว้ เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นบัตรเชิญกับตาตัวเอง สัดส่วนสามต่อหนึ่งที่ลูมิแยร์พูดถึงคือจำนวนคู่ดูตัวของเขาที่ปรากฏว่าเป็นผู้หญิงสามกับหนึ่งหนุ่ม โชคยังดีที่เขาไม่เคยรู้จักครอบครัวหรือตัวชายหนุ่มผู้นี้ ไม่อย่างนั้นหากได้พบกันคงทำหน้าไม่ถูก





“โซฟี ลิลลี่ หืม! มิแรนด้าด้วยเหรอ แต่นางอายุมากกว่าข้าตั้งหลายปีเลยนะ” เขาลองไล่รายชื่อพลางนึกถึงสามสาวในบัตรเชิญ ชักสงสัยว่าพ่อแม่ของพวกนางจะรู้จักเขาจริงๆหรือเปล่า เพราะทำอย่างกับว่าแค่ขอให้ลูกสาวได้ดูตัวกับใครก็ได้ทั้งนั้น





ดวงตาสีน้ำตาลที่หม่นแสงลงไปทุกวันหันมองบนเตียงกว้าง แถบผ้าที่เคยพันไว้เกือบครึ่งศีรษะถูกถอดออกหมดแล้ว รอยฟกช้ำจางลงจนเกือบเป็นปกติ สิ่งที่ปรากฏชัดคือรอยกรีดลึกเป็นทางยาวจากหางตาพาดผ่านแก้มซ้ายทั้งซีก ผลจากการสลบติดต่อกันมาหลายวัน สิ่งที่ได้รับมีเพียงยาและน้ำที่ถูกป้อนให้โดยไม่รู้สึกตัว ร่างกายจึงเริ่มปรากฏความผ่ายผอม ใบหน้าซูบตอบลงจนแทบจะไม่เหลือเค้าหนุ่มรูปงาม





“คำเชิญพวกนี้ก็น่าสนใจดี ถ้าว่างๆข้าอาจจะไปพบพวกเขาก็ได้ เริ่มจากคุณหนูโซฟี ลิลลี่ แล้วก็มิแรนด้า แล้วถ้าขืนท่านยังไม่ตื่นมาห้าม ข้าจะไปดื่มน้ำชาที่บ้านตระกูลเพอร์คินส์จริงๆด้วย!”





โจชัวร์เอื้อมมือไปใกล้แผลเป็นตรงข้างแก้ม หากแผลแห้งสนิทและจางลงสักหน่อยคงจะดูคล้ายรอยน้ำตา





“... เจ้าอสูร...” หลายวันมาแล้วที่คำเรียกนี้ไม่เคยออกจากปาก ไม่ใช่แค่ความตะขิดตะขวงใจ แต่เพราะภาพของร่างสูงใหญ่ที่เต็มไปด้วยเลือดจะวาบขึ้นมาตอกย้ำจนเขารู้สึกทนไม่ได้





“... แกส... ตัน...” นี่ยิ่งไม่ใช่ชื่อที่อยากจะเอ่ย หรือได้พบเจอเจ้าตัวอีกเป็นครั้งที่สอง แต่จะให้ทำอย่างไรในเมื่อหน้าตาแบบนี้ รูปร่างอย่างนี้ก็คือคนผู้นั้นไม่ผิดเพี้ยน





“... แมกซ์... แมกซิมิเลียน...” แม้จะไม่ชินปากหรือคุ้นความรู้สึก แต่เขาก็ลองเอ่ยเรียกเพราะนึกถึงเรื่องที่คุณคอกซ์เวิร์ธเล่าให้ฟังว่านายน้อยของคฤหาสน์เดิมมีนามว่าแมกซิมิเลียน เป็นชื่อที่ตั้งตามท่านปู่ของเขาซึ่งมีศักดิ์เป็นผู้ปกครองอาณาเขตแถบนี้ทั้งหมด แต่หลังจากที่โดนคำสาป ทุกคนก็พาเรียกขานว่าเจ้าอสูรจนอาจจะลืมชื่อจริงๆของเขาไปเสียแล้ว





แมกซิมิเลียน ชื่อที่ถูกลืมก็อาจเปรียบได้กับตัวตนที่พร่าเลือน น่าจะเป็นโอกาสที่ดีสำหรับการเริ่มต้นทำความรู้จักและ... รักได้อีกครั้ง





“แมกซิมิเลียน... ได้ยินข้ามั้ย...” มือใหญ่ร้อนผ่าวถูกช้อนขึ้นมากุมไว้เพื่อส่งผ่านความคิดคำนึง “เมื่อไหร่ท่านจะตื่นสักที ได้โปรดเถอะ ลืมตาขึ้นมาแล้วบอกข้าทีว่าท่านคือใคร”





ดวงตาสีน้ำตาลเริ่มฉ่ำวาวด้วยหยดน้ำและแววตัดพ้อ แม้จะไม่ย่อท้อแต่บางครั้งก็รู้สึกเหนื่อยกับความพยายามที่ไม่เห็นผล อดไม่ได้ที่จะรู้สึกกลัวว่าหากสูญเสียอีกครั้งจะไม่สามารถเรียกคืนมาได้อีกเลย





“ไหนบอกว่าจะพาข้ากลับบ้าน... ถ้าที่นี่คือบ้านของเรา ข้าก็อยู่ตรงนี้แล้ว แล้วท่านล่ะอยู่ที่ไหน... ทำไมถึงไม่รู้สึกตัวสักที ฟื้นขึ้นมาได้แล้ว... ท่านบอกว่าจะรอข้ากลับมา ตอนนี้ข้าเองก็รอท่านอยู่นะ รออยู่ทุกลมหายใจ... เราจะได้อยู่ด้วยกันใช่มั้ย ท่านจะไม่ทิ้งข้าไป... ใช่มั้ย...”





โจชัวร์ก้มลงจรดริมฝีปากกับอุ้งมือใหญ่และนำมาแนบเข้าที่กลางอก ตัวเขาเองก็วางมือลงบนแผ่นอกที่ขยับขึ้นลงแผ่วเบา





“แมกซ์ ใครๆต่างก็บอกว่าท่านคือเจ้าอสูร ข้าไม่รู้ว่าท่านจะใช่เขาหรือไม่ แต่ข้าก็จะขอสารภาพกับท่านว่าข้ารักเจ้าอสูร ข้ารักเขามาก รักอย่างที่ไม่คิดว่าชีวิตนี้จะรักใครได้อีกแล้ว... ข้าไม่รู้ว่าตอนนี้คนที่ข้ารักยังอยู่หรือจากไปแล้ว ข้าไม่รู้จริงๆ... แต่เจ้าอสูรเคยบอกว่าทั้งตัวและหัวใจของเขาล้วนเป็นของข้าคนเดียว ถ้าข้าเชื่อในคำมั่นนั้น มันจะหมายความว่าหัวใจของท่านก็เป็นของข้าด้วยหรือเปล่า...”





เขาเลื่อนฝ่ามืออุ่นขึ้นมาแนบแก้ม ซบใบหน้าลงเพื่อซ่อนความรู้สึก ที่ผ่านมาเขาพยายามทำตัวให้เข้มแข็ง ไม่ร้องไห้ ไม่คร่ำครวญ ความเสียใจถูกเก็บขังจนถึงจุดหนึ่งก็ไม่ต่างจากกระแสน้ำสาดกระแทกทำนบจนพังทลาย กลายเป็นหยดน้ำตาที่ร่วงหล่นตามกันไม่ขาดสาย





 “ถ้าข้ายังหวังให้คนที่ข้ารักกลับคืนมาจะเป็นไปได้หรือไม่ ถ้าข้าจะวอนขอให้หัวใจของเราทั้งคู่กลับมาเต้นในจังหวะเดียวกันอีกครั้ง ท่านคิดว่าข้าจะสมหวังมั้ย... ข้าจะขอแลกทุกอย่างกับโอกาสที่ข้าจะได้พูดคำว่ารัก แค่ครั้งเดียวที่ข้าจะได้เห็นเงาของตัวเองในดวงตาคู่นี้ แล้วบอกว่าข้ารักท่าน ได้โปรดเถอะ ขอโอกาสให้ข้าสักครั้ง ข้าแค่อยากบอก...”





คำแสนสำคัญยิ่งทบทวีจนล้นอยู่ในอก อึดอัดที่ไม่อาจพูดออกไปให้อีกฝ่ายได้รับรู้











“ข้ารักเจ้า”










โจชัวร์รีบกลั้นหายใจเพื่อหยุดอาการสะอื้น บางทีเขาอาจจะร้องไห้ดังจนทำให้ตัวเองหูฝาดไป หรือม่านน้ำตาอาจทำให้เขาเห็นภาพลวงว่าเจ้าของฝ่ามืออุ่น... ฟื้นขึ้นมาแล้ว!





ใบหน้าซูบเซียวมีรอยยิ้มบางๆ เห็นชัดว่าเจ้าตัวกำลังฝืนแรงเพื่อลืมตาขึ้นให้กว้างที่สุด ดวงตาสีอำพันอาจจะยังไม่ส่งประกายสดใสแต่ก็ให้ความรู้สึกคุ้นเคยและงดงาม เมื่อเห็นคนที่มองอยู่พูดอะไรไม่ออกจึงมีเสียงกระแอมในคอก่อนจะเอ่ยออกมาเบาๆแต่ชัดเจนทุกถ้อยคำ





“ข้ารักเจ้า เด็กน้อย ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ต่อให้สิ้นลมหายใจอีกกี่ครั้ง ไม่ว่าจะในชีวิตจริงหรือความฝัน หัวใจของข้าจะเป็นของเจ้าคนเดียว”





“เจ้า... เอ่อ... ท่าน... ข้าควร...” ไม่เพียงแต่อาการสะอื้นที่ทำให้กำหนดลมหายใจไม่ถูก ความรู้สึกหลากหลายที่ปะดังเข้ามาก็ทำเอาเขาพูดไม่เป็นภาษา





คนเจ็บกลับเป็นฝ่ายช่วยคนสบายดีด้วยรอยยิ้มขันในแววตา ฝ่ามือใหญ่กำรวบมือที่กำลังสั่นเทาไปแนบไว้กับแผ่นอกอุ่น ทำให้ร่างเพรียวต้องกระเถิบตัวเข้าไปชิดแต่ก็ต้องระวังไม่ให้กระเทือนบาดแผลที่ยังไม่หายสนิท ซึ่งสรุปแล้วไม่รู้ว่าจะทำให้ดีขึ้นหรือยิ่งแย่กว่าเดิม





“เรียกข้าว่าแมกซิมิเลียนก็ได้ ที่จริงก็ไม่ได้ยินชื่อนี้มานานจนข้าเกือบลืมชื่อตัวเองไปแล้ว”





“แต่ถ้าท่านไม่ชอบ ข้าก็จะ...” ดวงตาสีน้ำตาลเบิกกว้างในขณะที่ถูกปิดปากด้วยรอยจูบ... อาจจะไม่ตรงตัวนัก แต่ก็ใกล้เคียงความหมายอย่างที่สุดเมื่อจู่ๆคนที่นอนอยู่ยื่นมือมาไล้ที่ริมฝีปากของเขาแล้วทำเช่นเดียวกันกับริมฝีปากตัวเอง





“ข้าเคยบอกแล้วไม่ใช่หรือ อยากจะเรียกเช่นไรก็ตามใจ ขอแค่เจ้าเรียกหาแต่ข้าคนเดียวก็พอ”





โจชัวร์แอบค้อนด้วยความหมันไส้ เขาค่อยๆเอนตัวลงกับแผงอกกว้างอย่างระวัง ชอบที่สุดคือได้นอนฟังเสียงจังหวะหัวใจ เพราะนั่นคือสัญญาณของชีวิต คือหลักฐานที่ยืนยันว่าเขาจะไม่ถูกทิ้งเอาไว้กับความอ้างว้างเปล่าเปลี่ยว เขาได้หัวใจของเขาคืนมาแล้ว





“นี่ข้าคงไม่ได้ฝันไป เป็นท่านจริงๆใช่มั้ย”





“แล้วคนที่เจ้ากำลังฝันถึงคือใครกันล่ะโจชัวร์”






เด็กหนุ่มหลับตาลงอย่างอิ่มสุข สอดเรียวแขนกอดตอบอ้อมอกแสนอุ่น รับรู้ถึงรอยจูบที่ประทับลงบนหน้าผาก ไม่ว่าสิ่งที่รู้สึกอยู่ตอนนี้จะเป็นเรื่องจริงหรือแค่ความฝัน แต่เขาก็ได้คำตอบที่แน่ชัดว่าคนผู้นี้คือฝันที่กลายเป็นจริง คือคนที่จะเป็นทุกอย่างในชีวิต คอยเช็ดน้ำตาและปัดเป่าความเศร้าหมอง ให้ไออุ่นในยามที่เหน็บหนาว ปกป้องด้วยอ้อมกอดที่อ่อนโยน และรักเขาด้วยหัวใจอันสุดแสนพิเศษอย่างแท้จริง

















จริงๆในบางเวอร์ชันเจ้าชายอสูรก็มีชื่อนะคะ แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่ได้เอ่ยถึง เรียกกันแต่เดอะบีสต์

ส่วนของเราถ้าถามว่าชื่อแมกซิมิเลียนนี้ท่านได้แต่ใดมา ก็ขอตอบใช้คำตอบเดิมๆที่ว่า จู่ๆมันก็แว้บขึ้นมาค่ะ

ตอนนั้นแวบมาสองชื่อ แมกซิมิเลียน กับ มาร์คัส แล้วก็เลือกชื่อแรกด้วยความที่ฟังแล้วอลังการดีค่ะ






ในส่วนเนื้อเรื่องก็ถือว่าเริ่มจะโล่งอกขึ้นแล้ว

แล้วอาทิตย์หน้าโจชัวร์จะมาเล่าตอนจบของนิทานเรื่องโฉมงามกับเจ้าชายอสูรให้ฟังกัน

หือออ มันใช่เหรอ??



















^__^







----- Mine -----










« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-09-2017 04:51:28 โดย minemomo »

ออฟไลน์ pigarea

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 748
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 20 (3/9/17)
«ตอบ #204 เมื่อ03-09-2017 07:46:42 »

พึ่งได้มาอ่านพาส 2 กับตอนใหม่ต่อกัน
ในฐานะคนอ่านนะคะ บอกเล่าความรู้สึกกันนะ
เรามันชอบเลยที่สลับไปเป็นแกสตัน มันรู้สึกว่า เราเกลียดคนนี้ ไม่ชอบคนนี้ แล้วต้องมาทำใจให้รักชอบกัน ต่อให้รู้ว่าเนื้อแท้เป็นใครก็เถอะ

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 20 (3/9/17)
«ตอบ #205 เมื่อ03-09-2017 12:05:11 »

รอตอนต่อไปค่ะ

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0
Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 20 (3/9/17)
«ตอบ #206 เมื่อ03-09-2017 12:30:57 »

 :katai2-1: :hao7: :katai2-1:


 :L1: :pig4: :L1:

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4015
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
Re: Heartbeat : A Retelling of Beauty and the Beast... CH. 20 (3/9/17)
«ตอบ #207 เมื่อ03-09-2017 14:02:48 »

ออกจากร่างแกสตันได้ไหมคะ ไม่โอเคเลย รู้สึกแปลกๆ แบบจะหวานก็ไม่สุด   :katai1:

ออฟไลน์ minemomo

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 89
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-1
























Heartbeat 

















: A Retelling of Beauty and the Beast












ถึงตอนจบของนิทานแล้ว

แอบใจหายแต่ก็รู้สึกสนุกมากได้เขียนนิยายเรื่องนี้

เรื่องราวอันแสนมหัศจรรย์จะจบลงอีท่าไหน ไปลุ้นกันจนกว่าจะได้เห็น The End เลยจ้า

























21














ในชั่วขณะที่ร่างกายลอยคว้าง สติของเจ้าอสูรกลับมุ่งมั่นไปตามแรงสัญชาติญาณ และความรู้สึกที่สามารถคว้าร่างเพรียวบางเข้ามาไว้ในอ้อมแขนได้ทำให้เขาโล่งอกจนลืมสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเองไปจนหมด กระทั่งยามลงสู่พื้นด้วยแรงกระแทกมหาศาลยังเหมือนล้มลงบนฟูก ไม่ได้กลิ่นคาวเลือด ลืมว่ามีลูกกระสุนฝังอยู่ในร่าง พูดได้เต็มปากว่าเขาไม่เหลือความรู้สึกใดๆอีกเลยนอกจากความสุขที่สามารถปกป้องคนที่เขารักไว้ได้อีกครั้ง 





หลังจากที่เวลาน่าจะผ่านไปครู่ใหญ่ เขาค่อยๆลืมตาขึ้นเมื่อได้ยินเสียงร้องเรียก แล้วก็ต้องผงะจนเกือบจะล้มทั้งยืนเมื่อได้เห็นร่างโชกเลือดในอ้อมแขนของโจชัวร์ เพราะอย่างที่บอก แม้จะไม่เคยเห็นทุกส่วนของร่างกายตัวเองชัดเจนขนาดนี้มาก่อน แต่ก็มั่นใจว่านั่นคือร่างอสูรที่อยู่กับเขามากว่าค่อนชีวิต ถ้าเขาไม่ได้ตาฝาด และท่าทางของโจชัวร์ที่ไม่ได้กำลังล้อเล่นก็หมายความว่าเขาในตอนนี้คือวิญญาณที่หลุดออกจากร่าง หรือจะพูดให้ง่ายกว่านั้นก็คือ... เขาตายแล้ว!





“นายท่าน... เจ้าอสูร... ได้ยินมั้ย ลืมตามามองข้าสิ เจ้าอสูร!”





เขามองโจชัวร์และยิ้มให้กับทั้งโชคร้ายและโชคดีที่จู่โจมเข้ามาพร้อมกัน เขาไม่อาจตอบรับเสียงเรียกนั้นได้อีกแล้ว แต่อย่างน้อยในวาระสุดท้าย เขาก็สามารถปกป้องคนที่เป็นเสมือนดวงใจ หวังว่าจากนี้ไปเด็กน้อยของเขาจะได้มีชีวิตที่มีความสุข และสมหวังในทุกสิ่งที่ปรารถนา





เขารู้สึกละอายที่เป็นต้นเหตุของความโศกเศร้า ไม่อาจทนฟังเสียงเรียกหรือเห็นน้ำตาได้อีกจึงจำต้องตัดใจหันหลังเพื่อจากไปตามทาง





“เดี๋ยวก่อน!”





คนที่หยุดเขาไว้ ไม่ใช่สิ! สิ่งที่หยุดเขาไว้คือวิญญาณอีกดวงที่อยู่ในสภาพบาดเจ็บสาหัสไม่น้อยไปกว่ากัน ดูจากสีหน้าแล้วก็คงตกใจกับสถานะที่ไร้ชีวิตแบบปุบปับนี้เช่นกัน





“เจ้าจะไปไหนอสูร โจชัวร์เรียกเจ้าอยู่ ไม่ได้ยินหรือไง?!” แกสตันร้องถาม ยิ่งหันไปเห็นความพยายามของโจชัวร์ที่จะปลุกเจ้าอสูรขึ้นมาให้ได้ก็ยิ่งรู้สึกปวดใจ “เขาต้องการเจ้า แล้วเจ้าจะจากไปง่ายๆอย่างนี้น่ะเหรอ?!”





“ไม่มีประโยชน์ ข้าไม่มีโอกาสที่จะได้อยู่กับเขาอีกแล้ว” เขาเบือนหน้าหนี อยากจะอุดหูเพื่อจะไม่ได้ยินเสียงที่รังแต่จะกรีดลึกลงในใจ





“ทำไมล่ะ เจ้าจะบอกว่าไม่มีโอกาสได้อย่างไรในเมื่อโจชัวร์ก็อยู่ตรงนี้แล้ว เขาไม่ได้ผิดสัญญา เขาพยายามทุกอย่างที่จะกลับมาหาเจ้า แต่เป็นข้า... ข้าทำผิดไป ข้าพยายามรั้งเขาไว้ทั้งที่รู้ว่าไม่มีประโยชน์ ข้าอยากทำให้เขารักจนกลายเป็นการทำร้าย แต่ข้าก็ไม่ได้ตั้งใจ ไม่เคยคิดเลยว่าจะทำให้เขาเสียใจ” เมื่อนึกถึงสิ่งที่ได้ทำลงไป ความรู้สึกผิดก็ท่วมท้นจนพูดไม่ออก ทั้งยังละอายที่ต้องมาสารภาพผิดในเวลาที่สายไป





“ข้าว่าเจ้ายังมีโอกาสแก้ตัว รีบกลับเข้าร่างเถอะ กลับไปกล่าวคำขอโทษและอย่าทำผิดพลาดซ้ำอีก ข้าเชื่อว่าโจชัวร์จะให้อภัยเจ้าได้” เจ้าอสูรเอ่ยด้วยใจเป็นกลาง ความรู้สึกบางอย่างบอกว่าอีกฝ่ายยังพอมีหวัง ผิดกับตัวเขาที่บอบช้ำเกินเยียวยา แม้จะฝืนก็คงเป็นเพียงการยื้อเวลาสูญเสียเท่านั้น





“ฝากโจชัวร์ด้วยเพราะข้าไม่มีโอกาสดูแลเขาอีกแล้ว”





“ขอบคุณ” แกสตันสบดวงตาสีอำพันแล้วเอ่ยออกจากใจ ความรู้สึกที่ชัดเจนของทุกฝ่ายทำให้เขาตัดสินใจทำในสิ่งที่ถูกต้อง





“ข้าสัญญาว่าจะทำให้โจชัวร์มีความสุขให้ได้”





เมื่ออีกฝ่ายเลือนหายไป เจ้าอสูรจึงตัดใจหันหลังกลับ ถึงเวลาที่ต้องจากไปจริงๆเสียที





“โจ...”





เขาชะงักอีกครั้งกับเสียงที่ไม่เชิงคุ้นหู เมื่อหันกลับไปยิ่งไม่อาจบรรยายความรู้สึกต่อสิ่งที่เกิดขึ้น การได้เห็นตัวเองกลับมามีชีวิตก็ส่วนหนึ่ง สภาพบาดเจ็บสาหัสชนิดที่แค่เอ่ยปากก็กระอักเลือดนั่นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่สิ่งที่เขาข้องใจที่สุดคงหนีไม่พ้นจุดประสงค์ของคนที่กล้าเอาชีวิตของตัวเองเป็นเดิมพัน การกลับเข้าไปอยู่ในร่างที่ไม่อาจมีลมหายใจต่อไปได้จะมีประโยชน์อะไรกัน 





“ขะ... ขอโทษ...”





ในที่สุด เขาก็เริ่มเข้าใจและรู้สึกนับถืออดีตศัตรูหัวใจผู้นี้ไม่น้อย แกสตันรู้สึกผิดจากใจจริงจึงต้องการเอ่ยคำขอโทษเพื่อจะไม่ต้องมีสิ่งใดติดค้างใจ และเขาคงต้องการเพียงโอกาสที่จะได้บอก...





“โจชัวร์... ข้ารักเจ้า... รักเจ้า... คนเดียว...”





นั่นคือคำพูดที่เอ่ยออกมาพร้อมลมหายใจสุดท้ายของร่างกายที่บอบช้ำเกินเยียวยา แม้แต่เขาซึ่งตอนนี้ถือเป็นคนนอกยังรู้สึกได้ถึงหัวใจที่ยิ่งใหญ่ ความรักของแกสตันไม่ใช่เรื่องหลอกลวง และเขาหวังว่าสักวันโจชัวร์จะได้รับรู้ความจริงในข้อนี้





“...ได้ยินข้ามั้ยเจ้าอสูร ลืมตาสิ ลืมตามามองข้า! ลุกขึ้นมา เราต้องรีบกลับไป ทุกคนกำลังรออยู่ เจ้าต้องลุกขึ้นมา ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้!”





เขาลังเลที่จะต้องตัดใจอีกครั้ง ทั้งๆที่ไม่มีร่างกายกลับรู้สึกหนักจนไม่อาจขยับตัว โจชัวร์กำลังพยายามปลุกคนที่เหมือนแค่นอนหลับไปทั้งที่รู้ว่าหมดหวัง เห็นแล้วยังแอบคิดว่าหากโดนเข้าไปขนาดนั้นคงจะเจ็บไม่ใช่น้อย เหมือนอย่างตอนนี้ที่เขาเริ่มรู้สึกอึดอัด แขนขาเหมือนโดนถ่วงให้หนัก พอพยายามขยับก็จะรู้สึกเจ็บร้าวไปทั้งตัว





“นายท่าน...”





เสียงเรียกยังแว่วอยู่ในหู แต่เขากลับมองไม่เห็นอะไรเลย พยายามจะลืมตาก็ทำไม่ได้อย่างใจ





“เป็นอะไรไป เมื่อครู่ก็ยังดีๆอยู่ หรือว่าจะมีไข้อีกแล้ว”





มีบางสิ่งวางลงบนหน้าผาก และสัมผัสไปยังส่วนอื่นๆอย่างนุ่มนวล





“ท่านกำลังฝันร้ายอยู่เหรอแมกซิมิเลียน ถ้าได้ยินก็ลืมตามามองข้าสักนิด นะครับที่รัก”





เห็นได้ชัดว่าหัวใจของเขาตอบรับกับน้ำเสียงนั้นเพราะเพียงแค่ได้ยินหัวใจก็ไหวระริก เลือดในกายสูบฉีดไปทั่วร่าง เมื่อลืมตาขึ้นมาก็พบว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นไม่เชิงเป็นความฝันเสียทั้งหมด เขาเคยเกือบตายไปแล้วจริงๆ ตอนนี้เขาอยู่ในสภาพคนเจ็บที่กำลังฟื้นตัว และไม่ว่าร่างกายนี้จะเคยเป็นของใคร เขาก็แน่ใจในตัวตนว่าไม่ใช่ทั้งเจ้าอสูรผู้อัปลักษณ์ หรือแกสตันขวัญใจของสาวๆ แต่คือ แมกซิมิเลียน ชายหนุ่มผู้มีความสุขที่สุดในโลกเพราะมีคนที่เขารักเท่าชีวิตคอยอยู่เคียงข้าง และรายล้อมด้วยบริวารที่จงรักภักดี





ทว่า... ก็ยังต้องทนทรมานกับตัวยาขมปี๋อย่างเลี่ยงไม่ได้!





“ยานี่เยอะขึ้นหรือเปล่า ทำไมยิ่งกิน ถ้วยมันก็ยิ่งใหญ่ขึ้นล่ะ”





“ถ้วยใบเดิม ยาเท่าเดิม ตัวยาก็สูตรเดิม” โจชัวร์เก็กตอบเสียงขรึมทั้งที่นึกขำสีหน้าราวกับจะต้องกลืนยาพิษ จริงๆเขาเองก็อดสงสารคนเจ็บไม่ได้ เพราะขนาดยาสำหรับคนที่มีรอยฟกช้ำเล็กน้อยยังทำให้เขาต้องดื่มน้ำล้างคอจนอิ่ม ไม่อยากคิดเลยว่ายาสำหรับคนที่มีอาการปางตายจะมีรสชาติเกินคำบรรยายแค่ไหน





“แต่ข้าว่าท่าทางมันจะขมกว่าเดิมนะ” แมกซิมิเลียนยังพยายามเลี่ยงเพราะแค่กลิ่นที่โชยเข้าจมูกก็ทำให้รู้สึกขมคอเสียแล้ว





“ก็ถ้าเมื่อเช้า ท่านไม่แกล้งทำเป็นหลับแล้วยอมกินยาตามปกติ มิสซิสพอทส์ก็คงไม่สั่งให้เพิ่มเวลาเคี่ยวยาให้นานขึ้นหรอก เพราะฉะนั้นท่านเลิกงอแงแล้วยอมกินดีๆดีกว่า ไม่อย่างนั้นข้าไม่รับประกันว่ายาถ้วยต่อไปอาจจะทั้งใหญ่และข้นคลั่กกว่านี้ก็เป็นได้”





โจชัวร์วางถ้วยยาใส่มือคนเจ็บแล้วโอบมือประคองไว้อีกชั้น เป็นวิธีบังคับคนกินยายากที่ค่อนข้างได้ผล เพราะสุดท้ายแมกซิมิเลียนก็ยอมยกถ้วยขึ้นจรดริมฝีปาก กลั้นหายใจแล้วดื่มเข้าไปหมดในรวดเดียว เสร็จแล้วเขาแทบจะโยนถ้วยทิ้ง ไม่วายออกปากบ่นเจ้าของตำรับยาเหมือนทุกครั้ง





“มิสซิสพอทส์น่าจะเอาฝีมือทำกับข้าวมาใช้บ้างนะ เผื่อว่ายาที่ต้มจะอร่อยขึ้นสักนิดก็ยังดี”





โจชัวร์แอบค้อนแทนคนถูกบ่น รู้ว่าทั้งหมดเป็นแค่ลูกเล่นของคนเจ้ามารยาเท่านั้น เพราะไม่เห็นว่าจะแสดงอาการขมปากขมคอหรือต้องดื่มอะไรตามเพื่อล้างปากสักนิด





“ท่านก็อย่าทำตัวเป็นเด็กกินยายากไปหน่อยเลยน่ะ”





“เจ้าลองดูมั้ยล่ะจะได้เข้าใจความรู้สึกของข้าบ้าง”





ดวงตาสีอำพันฉายประกายเจ้าเล่ห์ขณะดึงร่างเพรียวบางเข้าสู่อ้อมแขนแบบไม่ทันให้ตั้งตัว เป็นความลับที่รู้กันตั้งแต่ตอนที่โจชัวร์แอบหนีแล้วหลงอยู่ในป่า ครั้งนั้นเจ้าอสูรได้รับบาดเจ็บกลับมาจึงถือโอกาสสร้างเงื่อนไขว่าเมื่อใดที่เขาถูกบังคับให้ดื่มยาก็จะได้รางวัลเป็นจุมพิตจากพยาบาลพิเศษ หากจะว่าไปก็นับเป็นหลักฐานอีกชิ้นที่ยืนยันได้ว่าชายผู้นี้คือจอมอสูรเจ้าเล่ห์ตัวจริง





“พินช์ก็อยู่ด้วย...”





โจชัวร์บ่นอุบพลางเหลียวหาทางหนีทีไล่ ตอนนี้พวกเขาอยู่ในห้องหนังสือ ก่อนที่เขาจะออกไปเอายา พินช์ยังนอนอ่านนิทานอยู่บนพรมตรงหน้า แต่พอกลับมาก็ไม่รู้ว่าหายไปไหน ถ้าออกไปวิ่งเล่นข้างนอกแล้วก็ดีไป เพราะสิ่งที่เขากำลังถูกขอให้ทำมันค่อนข้างจะ... ประเจิดประเจ้อ





“ไม่เป็นไรหรอก เจ้าหนูนั่นคงยังหาหนังสือเพลินอยู่ เถอะนะโจชัวร์ ขอจูบหวานๆล้างรสเฝื่อนในปากข้าสักที”





อดีตเจ้าอสูรเอ่ยอ้อนเสียงนุ่มแล้ววางริมฝีปากของตนแนบสนิทลง ไรหนวดครูดผิวเนื้อจนเจ้าของแก้มเนียนหลุดเสียงหัวเราะคิก ริมฝีปากอุ่นลากต่ำลงแล้วขบเม้มลำคอขาวจนขึ้นเป็นรอย





“อ๊ะ! ไหนบอกว่าจะจูบ...”





โจชัวร์ส่งเสียงประท้วงเบาๆจึงถูกปิดปากให้เงียบสนิท เขาหลับตาลง เสพย์รสขมเฝื่อนที่แทรกลึกเข้ามาด้วยความเต็มใจ ส่วนแมกซิมิเลียนนั้นยิ่งดื่มด่ำรสหวานละมุน ทั้งกระหวัดรัดลิ้นเล็กที่ตอบรับสัมผัส และดูดดึงริมฝีปากแสนเย้ายวน เขาเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงได้ถวิลหา อยากจะกอด อยากจะจูบ อยากจะได้สัมผัสเด็กหนุ่มคนนี้ทั้งในยามหลับหรือตื่น รสเสน่หาที่ได้รับราวกับยาเสพย์ติดที่ทำให้เขาไปไหนไม่รอด ไม่ต้องรอให้สิ้นลมหายใจ แค่ต้องอยู่ห่างสักนิดเขาก็คงรู้สึกเหมือนตายทั้งเป็น





ยาถ้วยไม่ไหญ่ แต่กรรมวิธีล้างรสเฝื่อนกลับไม่จบลงง่ายๆ ริมฝีปากสวยแดงช้ำเพราะโดนจูบแล้วยังต้องเม้มให้สนิทเพื่อไม่ให้มีเสียงครางเล็ดลอดออกมาในขณะที่เนื้อตัวของตนถูกเปิดเปลือยเพื่อให้ริมฝีปากอุ่นซุกไซ้ ฝากรอยช้ำย้ำลงทั้งจุดเก่าและใหม่ ชายหนุ่มมองผลงานของตนอย่างพอใจ แต่พอถูกดวงตาฉ่ำวาวมองค้อน กล่าวโทษที่ถูกล่วงเกิน เขาจึงตั้งใจจะง้อด้วย...





“พี่โจ! เจอแล้วๆ อยู่นี่ไงฮะ” 





ภวังค์อารมณ์ที่ลุกโชนมอดลงราวกับเปลวไฟที่ถูกกลบทับด้วยหิมะกองใหญ่ ดับสนิท ไม่เหลือแม้แต่ควัน แต่คงไม่อาจลบหลักฐานไปได้อย่างหมดจด 





“อ้าว! พี่โจกัดปากตัวเองทำไม หูยยย แดงแจ๋เลย ไม่เจ็บเหรอฮะ”





โจชัวร์จนใจจะอธิบาย ส่วนตัวการก็เอาแต่อมยิ้ม ไม่คิดจะช่วยแก้ต่าง แต่ยังดีที่รู้จักปิดปากเงียบ ไม่เผยพิรุธให้เด็กยิ่งสงสัย เขาจึงรีบเปลี่ยนประเด็นไปยังหนังสือเล่มที่เด็กน้อยชูโร่มาแต่ไกล





“พินช์ไปเจออะไรมาเหรอ เอ๊ะ! นี่มัน...”





อาการที่เด็กหนุ่มสะดุดใจเรียกให้คนที่นั่งซ้อนอยู่ด้านหลังยื่นหน้ามาขอดู ปกหนังสือเป็นภาพพิมพ์รูปคล้ายสิงโตกับผู้หญิงและดอกกุหลาบดอกใหญ่พาดทับชวนให้เขารู้สึกคุ้นๆ แต่นึกไม่ออกว่าเคยได้อ่านหรือเห็นอยู่ในชั้นหนังสือของตนมาก่อน





“หนูจำรูปนี้ได้ มันเหมือนกับนิทานเรื่องที่พี่โจยังเล่าไม่จบ ใช่มั้ยฮะ” หนูน้อยร้องถาม เมื่อได้คำตอบก็รีบบอกด้วยความกระตือรือร้น “งั้นพี่โจอ่านต่อสิฮะ อ่านเลยนะ หนูอยากฟัง”





พินช์ปีนขึ้นมาบนเก้าอี้ตัวยาวแล้วเอนตัวลงหนุนตักเพื่อรอฟังนิทาน ถือเป็นท่าประจำที่ทำเอาเจ้าของคฤหาสน์รู้สึกอิจฉาแต่ทำอะไรไม่ได้ เจ้าของหน้าตักก็มัวแต่เปิดหนังสือดูด้วยความสนใจ เขาเลยถือโอกาสสอดแขนโอบรอบเอวบางแล้วดึงตัวให้เอนลงมาพิงอก แถมยังดึงหนังสือไปช่วยถือไว้ เหลือหน้าที่ให้คนอ่านแค่ออกแรงพลิกหน้ากระดาษ เพราะอย่างนี้เขาจึงได้รางวัลเป็นยิ้มหวานและรอยอุ่นที่ข้างแก้ม ก็ถือว่าได้ประโยชน์กันไปทุกฝ่าย 





หลังจากกวาดสายตาคร่าวๆ โจชัวร์ก็พบว่านิทานเล่มนี้คือ โฉมงามกับเจ้าชายอสูร ที่เริ่มเรื่องแล้วทิ้งค้างไว้อย่างน่าสงสัย เหมือนจู่ๆหน้าที่ว่างก็ปรากฏตัวอักษรขึ้นอย่างอัศจรรย์ แต่เขาก็คร้านจะหาเหตุผลว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น เมื่อกวาดสายตาจนเจอตอนที่อ่านค้างไว้แล้วจึงเริ่มอ่านต่อ...





“... ณ หมู่บ้านที่อยู่ห่างไกลออกไปยังมีพ่อค้าคนหนึ่งผู้เคยมีฐานะร่ำรวย แต่หลังจากการค้าประสบปัญหา เรือสินค้าทั้งหมดอับปางกลางทะเลทำให้เขาถึงกับสิ้นเนื้อประดาตัว ต้องหอบหิ้วครอบครัวย้ายมาตั้งรกรากในที่ห่างไกล เขามีลูกสาวสามคน พวกนางล้วนแต่งดงาม น่ารัก โดยเฉพาะ บิวตี้ ลูกสาวคนสุดท้องซึ่งกลายเป็นที่หมายปองของหนุ่มๆทั้งหมู่บ้าน
อยู่มาวันหนึ่งมีจดหมายมาถึงพ่อค้าแจ้งว่าพบเรือสินค้าลำสุดท้ายเหลือรอดจากพายุ เขาดีใจมากเพราะนั่นจะทำให้ครอบครัวได้ลืมตาอ้าปากอีกครั้ง ก่อนออกเดินทางกลับเข้าไปในเมือง ลูกสาวทั้งสองต่างร้องขอของขวัญมากมาย แต่บิวตี้นั้นห่วงความปลอดภัยของผู้เป็นพ่อเหนือสิ่งอื่นใด เธอจึงขอแค่เพียงกุหลาบสักดอกที่พ่อพบระหว่างทาง...”






เพียงแค่เริ่มต้น โจชัวร์ก็ต้องประหลาดใจกับความคล้ายคลึงอย่างน่าประหลาด จะผิดกันก็แค่พ่อของเขามีลูกทั้งหมดสี่คน และเขาซึ่งเป็นคนสุดท้องก็ไม่ใช่ผู้หญิง ไม่อย่างนั้นเขาคงรู้สึกว่ากำลังอ่านเรื่องของตัวเองอยู่





“... เหมือนเคราะห์ซ้ำกรรมซัด ข่าวเรื่องเรือสินค้าไม่เป็นความจริง พ่อค้าต้องกลับบ้านพร้อมความผิดหวัง ระหว่างที่เดินทางผ่านป่าด้วยความยากลำบาก ทั้งเหนื่อยล้าและหิวโหย เขาได้พบปราสาทลึกลับที่กลางป่า เมื่อเข้าไปด้านในก็พบว่าเป็นปราสาทที่ร้างไร้ผู้คนแต่กลับอบอุ่นด้วยไฟจากเตาผิง มีอาหารค่ำเลิศรสและเตียงนอนแสนอุ่นที่ช่วยให้เขามีชีวิตผ่านค่ำคืนอันโหดร้ายไปได้





ตื่นเช้ามาอีกวัน พ่อค้าเดินทางออกจากปราสาทด้วยความรู้สึกขอบคุณอย่างสุดซึ้ง และระหว่างที่ผ่านสวนดอกไม้ซึ่งเต็มไปด้วยต้นกุหลาบที่แสนงดงาม เขาพลันนึกถึงคำขอของบิวตี้จึงตั้งใจจะเด็ดกุหลาบสักหนึ่งดอกกลับไปฝากนาง แต่ทันทีที่ทำเช่นนั้น เจ้าชายอสูรผู้มีรูปร่างน่าเกลียดน่ากลัวก็ปรากฏตัวและกล่าวโทษต่อการกระทำอันอุกอาจ...”






โจชัวร์เหลียวไปมองคนข้างกายที่กำลังตั้งใจฟัง เจ้าอสูรของเขายามนี้คือชายหนุ่มที่ดูเป็นตัวของตัวเองขึ้นทุกวัน เขาอาจจะคิดไปเอง หรืออาจเป็นเรื่องบังเอิญที่ไม่อาจอธิบายได้เหมือนกับสีของนัยน์ตาคู่นี้ อาการบาดเจ็บส่งผลทางอ้อมทำให้เค้าหน้าของหนุ่มหล่อขวัญใจสาวๆเริ่มเกิดความเปลี่ยนแปลง ผิวกระจ่างใสตัดกับไรหนวดและเครายาวขึ้นสีครึ้มขับโครงหน้าให้ยิ่งชัดเจน คมเข้ม ประกายตาสีอำพันส่งให้ดูมีอำนาจ น่าเกรงขาม ทว่าแผลเป็นคล้ายรอยน้ำตากลับให้ความรู้สึกอ้างว้าง โดดเดี่ยว ทุกอย่างประกอบกันจนกลายเป็นชายหนุ่มที่ดูมีมิติทางอารมณ์หลากหลายได้อย่างไม่น่าเชื่อ





“เจ้าชายอสูรนี่แย่จริง น่าเกลียดแล้วยังทำตัวร้ายกาจอีก ถ้าเขาเหมือนข้าได้สักครึ่งก็คงสบายไปแล้ว”





โจชัวร์ฟังแล้วก็อดถลึงตาใส่คนอวดตัวด้วยความหมันไส้ไม่ได้












ยาวไปค่ะ ต่อด้านล่างนะคะ












ออฟไลน์ minemomo

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 89
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-1









ไปฟังนิทานกันต่อเลย



















“... พ่อค้าพยายามร้องขอชีวิต เขาอธิบายเหตุผลและเล่าถึงลูกสาวทั้งสาม เมื่อเจ้าชายได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดก็ตัดสินใจให้โอกาส เขายอมละเว้นชีวิตของพ่อค้าโดยแลกกับการส่งลูกสาวคนใดคนหนึ่งให้มาอยู่กับเขาที่ปราสาท พ่อค้าจำต้องรับข้อเสนอและกลับบ้านด้วยความปวดใจอย่างที่สุด





พี่สาวทั้งสองกล่าวโทษบิวตี้ว่าเป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด ซึ่งเธอก็ยอมรับและตั้งใจจะกลับไปรับโทษแทนผู้เป็นพ่อ บิวตี้ตกใจแทบสิ้นสติเมื่อได้พบกับเจ้าชายอสูรผู้เป็นเจ้าของปราสาท แต่อย่างน้อยเจ้าชายก็ต้อนรับเธอด้วยความเป็นมิตร เมื่อได้รู้ว่าเธอเต็มใจมาที่นี่ด้วยตนเองก็รู้สึกชื่นชมและหวังว่าเธอจะอาศัยอยู่ที่ปราสาทอย่างสุขสบายทั้งกายและใจ





บิวตี้พบว่าการใช้ชีวิตอยู่ในปราสาทแห่งนี้ไม่ได้น่ากลัวหรือเลวร้ายอย่างที่คิด เธอได้พักในห้องที่ใหญ่โต หรูหรา มีคนคอยรับใช้ มีเสื้อผ้าวิจิตรงดงาม ได้ลิ้มลองอาหารรสเลิศ เวลาว่างเธอจะอ่านหนังสือ เล่นดนตรี เล่นกับแมวแสนสวยหรือไม่ก็คุยกับเจ้านกแสนรู้ นอกจากนี้เจ้าชายยังมอบกระจกวิเศษที่ทำให้เธอได้เห็นภาพของพ่อและพี่ๆซึ่งช่วยให้เธอคลายความคิดถึงบ้านไปได้มากทีเดียว





สิ่งเดียวที่เจ้าชายอสูรร้องขอและทำให้เธอรู้สึกอึดอัดคือการต้องพบหน้ากันในตอนมื้อค่ำ เพราะหลังจากจบมื้ออาหารทุกครั้ง เขาจะเอ่ยกับเธอว่า...





“ตัวข้านั้นทั้งอัปลักษณ์และขลาดเขลา แต่ข้าก็รักเจ้า เจ้าจะแต่งงานกับข้าได้หรือไม่บิวตี้”





แน่นอนว่าเธอไม่อาจทำใจตอบรับคำขอนั้น เธอไม่คิดว่าจะสามารถหลงรักผู้ที่มีรูปร่างหน้าตาอัปลักษณ์เช่นเขาจึงได้แต่ตอบออกไปว่า...





“ไม่ค่ะเจ้าชาย”





ทีแรกเธอนึกกลัวว่าเจ้าชายจะโกรธที่ถูกปฏิเสธ แต่เขาแค่ถอนหายใจและลุกจากโต๊ะไปด้วยสีหน้าเศร้าหมอง ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังเพียรถามและรับคำปฏิเสธจากเธออยู่ทุกค่ำคืน...”






โจชัวร์นิ่งอึ้งไปกับความเหมือนระหว่างความจริงกับเรื่องเล่าอีกครั้ง ทั้งเรื่องที่หญิงสาวต้องมาอยู่ที่ปราสาทเพื่อรับผิดแทนพ่อ กระจกวิเศษ และการขอแต่งงานในทุกค่ำคืน และเพียงหันหน้าไปก็พบดวงตาสีอำพันที่มองอยู่ก่อนแล้ว





“ข้าไม่เคยคิดว่าตัวเองเป็น ยังไงนะ...” ชายหนุ่มก้มลงมองหน้ากระดาษแวบหนึ่ง “อัปลักษณ์และขลาดเขลา” พอเห็นคนฟังอมยิ้มก็เอ่ยต่อ “และเจ้าก็ไม่ใช่บิวตี้ของเจ้าชายอสูรหน้าโง่นั่น แต่เจ้าคือโจชัวร์ ดวงใจของข้า เข้าใจหรือเปล่า”





โจชัวร์ผงะหนีเพราะคนถามเล่นยื่นหน้าเข้ามา พินช์ยังนอนมองตาแป๋ว จะให้เขายอมโดนจูบต่อหน้าเด็กได้อย่างไร 





“... กระทั่งวันหนึ่งเธอเห็นภาพจากกระจกวิเศษว่าพ่อกำลังล้มป่วยจึงขออนุญาตเจ้าชายเพื่อกลับบ้าน โดยสัญญาว่าจะกลับมาหาเขาอย่างแน่นอน เขาอนุญาตโดยมีเงื่อนไขว่าเธอจะต้องกลับมาภายในหนึ่งอาทิตย์ ไม่เช่นนั้นตัวเขาซึ่งรักเธอมากเหลือเกินก็คงจะสิ้นใจไปด้วยความความโศกเศร้า พร้อมกันนี้ยังได้มอบแหวนวิเศษที่จะทำให้เธอเดินทางไปที่ไหนก็ได้ เพียงหมุนหัวแหวนก่อนเข้านอน เมื่อตื่นมาก็จะพบตัวเองไปอยู่ในที่ที่ต้องการ





เช้าวันต่อมา บิวตี้ตื่นขึ้นมาในบ้านของเธอท่ามกลางความยินดีของผู้เป็นพ่อที่คิดถึงเธออย่างสุดหัวใจ แต่ทว่าพี่สาวทั้งสองกลับรู้สึกอิจฉาและละโมบ อยากจะได้อยู่ในปราสาทใหญ่โตและมีชีวิตสุขสบายราวกับเจ้าหญิงเหมือนอย่างน้องสาวบ้าง ทั้งสองจึงวางแผนรั้งตัวบิวตี้ไว้จนกระทั่งเวลาผ่านไปเกินกว่ากำหนดที่เจ้าชายให้ไว้





คืนหนึ่งบิวตี้ฝันเห็นเจ้าชายอสูรกำลังนอนสิ้นใจอยู่ข้างกอกุหลาบ เธอตกใจตื่นและรู้ตัวว่าได้ทำผิดสัญญาเสียแล้ว เธอจึงรีบหมุนหัวแหวนและตื่นมาอีกครั้งที่ปราสาท เธอออกตามหาแต่ไม่พบแม้แต่เงาของเจ้าชาย กระทั่งมาถึงสวนกุหลาบ ภาพที่เห็นในฝันก็ปรากฏเป็นความจริงตรงหน้า...”





โจชัวร์บีบตอบมือใหญ่ที่วางทาบลงบนมือตน รู้สึกถึงอ้อมแขนกระชับที่รอบเอวและริมฝีปากอุ่นที่กดลงบนไหล่เป็นการปลอบประโลม





“... เธอตรงเข้าไปกอดร่างของเจ้าชายและร่ำไห้ด้วยความเสียใจอย่างสุดซึ้งที่ไม่ได้กลับมาหาเขาตามสัญญา ทันใดนั้นเจ้าชายก็ลืมตาขึ้นและเอ่ยขอแต่งงานอีกครั้ง แน่นอนว่าครั้งนี้เธอรีบตอบเขาด้วยความเต็มใจ





“ฉันจะแต่งงานกับท่านค่ะอสูร เพราะฉันก็รักท่านมากเหมือนเกิน”





ทันใดนั้นเอง ปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้น อสูรที่น่าเกลียดพลันเปลี่ยนร่างเป็นเจ้าชายผู้งามสง่า เขาคุกเข่าลงต่อหน้าบิวตี้และกล่าวกับเธอว่า





“บิวตี้ที่รัก ข้าถูกสาปให้กลายเป็นอสูรจนกว่าจะได้พบหญิงสาวผู้งดงามและดีพร้อม ผู้ที่จะมองข้ามรูปร่างอัปลักษณ์และความขลาดเขลา และแต่งงานกับข้าด้วยความรักจากหัวใจที่แท้จริง และตอนนี้เวทมนต์ก็ได้สลายไปแล้วเพราะความรักของเจ้านั่นเอง”





ทั้งสองกลับไปยังปราสาทและได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากเหล่าข้าราชบริพารที่รอแสดงความยินดีกับเจ้าชายและเจ้าสาวของเขา พิธีแต่งงานที่ยิ่งใหญ่ถูกจัดขึ้นเพื่อเป็นพยานแห่งความรักของหญิงสาวผู้งามพร้อมทั้งร่างกายและจิตใจกับเจ้าชายผู้หลุดพ้นจากรูปอสูรอันอัปลักษณ์ แล้วทั้งสองก็ได้ครองรักและ...”






เมื่อถึงตรงนี้ โจชัวร์ก็ละจากหน้ากระดาษเพื่อก้มลงสบดวงตาใสซื่อที่เป็นประกายด้วยความตื่นเต้น





“อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขตลอดไปใช่มั้ยฮะ เย้ๆๆๆๆๆๆๆ”





พินช์ถามด้วยความมั่นใจ แม้ไม่มีใครตอบ เขาก็ลุกขึ้นกระโดดโลดเต้นเพื่อฉลองให้กับตอนจบที่เต็มไปด้วยความสุขนั้น





“เอ้าๆ ดีใจพอแล้วพินช์ เจ้านี่ชอบนิทานมากขนาดนี้เชียว”





“ฮะนายท่าน หนูอยากให้พวกเราเป็นเหมือนอย่างในนิทาน คนที่ไม่ดีต้องถูกลงโทษ เจ้าชายกับเจ้าหญิงแต่งงานกัน แล้วทุกคนก็ได้อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขตลอดไปเลยฮะ”





“ข้าสัญญาว่าพวกเราทุกคนจะได้อยู่ด้วยกันอย่างที่เจ้าต้องการ” เขารีบเออออ พยายามซ่อนสายตาเจ้าเล่ห์ “แต่ว่าตอนนี้ ทำไม่ไม่ลองไปที่ในครัวเผื่อว่าจะมีใครใจดีเตรียมขนมอร่อยๆเอาไว้ให้เจ้าแล้วก็ได้นะ”





โจชัวร์อมยิ้มรู้ทัน มีผู้ใหญ่บางคนกำลังคิดหลอกเด็กไปให้พ้นๆ ถ้าเช่นนั้นเขาก็ควรยืมใช้แผนเดียวกันดัดหลังกลับบ้างจะได้สาสมกัน





“งั้นพี่ฝากเตือนเรื่องยามื้อต่อไปของนายท่านด้วยแล้วกันนะพินช์”





โจชัวร์ยิ่งต้องกลั้นขำเมื่อได้ยินเสียงถอนหายใจดังพร้อมกับที่หน้าผากอุ่นทิ้งลงมาบนไหล่





“ได้เลยฮะ” พินช์รีบตะเบ๊ะรับ เสียงแจ่มแจ๋วร้องทวนประโยคที่อาจจะมีใครเคยสอนเอาไว้จนค่อยๆเงียบหายไป





“ขนมอร่อยๆของผม ยาขมๆของนายท่าน ขนมอร่อยๆของผม ยาขมๆของนายท่าน...”





เมื่อกำจัดส่วนเกินพ้นทางไปได้แล้ว แมกซิมิเลียนก็ถือโอกาสรวบกอดคนในอก วางคางค้ำบนไหล่เล็กแล้วส่งเสียงกระซิบอุ่นๆที่ข้างหู ออกอาการออดอ้อนเสียจนเด็กน้อยยังต้องยอมแพ้





“ไม่กินไม่ได้เหรอ ข้าสบายดีแล้วจริงๆนะ แต่ถ้าจะป่วยอีกรอบก็เพราะยาของมิสซิสพอทส์นี่แหละ”





“ถ้าอย่างนั้นข้าจะไปบอกให้เปลี่ยนสูตรจากยารักษาเป็นบำรุงแทน ร่างกายที่เพิ่งฟื้นตัวจะได้กลับมาแข็งแรงเป็นปกติเร็วๆ” โจชัวร์ตอบเสียงเรียบ พยายามไม่สนใจ ไม่หันไปมอง ไม่อย่างนั้นหัวใจของตนคงยิ่งเต้นแรงจนหลุดออกจากอก





“สรุปคือยังไงข้าก็ต้องทนกินต่อไปสินะ งั้นไม่เอายาของมิสซิสพอทส์ แต่เปลี่ยนให้เจ้าเป็นคนปรุง แล้วก็ขอยาแรงๆที่จะช่วยบำรุง... หัวใจ”





คนถูกหมายหัวว่าป่วยแกล้งอมพะนำ รอจนพยาบาลพิเศษยอมหันมาสบตาจึงค่อยเฉลยพร้อมรอยยิ้มชนิดที่ภูมิต้านทานแข็งแรงแค่ไหนก็ไม่อาจสู้ได้ พวงแก้มขาวเปลี่ยนสีราวกับผลมะเขือเทศสุกในชั่วกระพริบตา เป็นตัวยาที่ทั้งถูกโรคและจริตของคนป่วยที่รีบอ้าปากงับโดยไม่มีอาการงอแงสักคำ ผลของยาคงช่วยให้หัวใจของคนป่วยคึกคักราวม้าศึกในขณะที่คนป้อนกลับรู้สึกหน้ามืดเหมือนหัวใจจะวายเอาเสียให้ได้





เมื่อได้ชิมยาสูตรพิเศษจนอิ่มหนำ เจ้าของวงแขนอุ่นจึงชวนคุยต่อ





“โชคดีเหลือเกินที่เราได้พบกัน เจ้าเป็นเหมือนแสงสว่างให้กับชีวิตที่มืดมนของข้า” 





“เพราะอย่างนี้ท่านถึงได้ชอบแอบดูข้ามาตลอดเลยใช่มั้ย ไม่ต้องทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ กระจกวิเศษบอกข้าหมดแล้ว”





“เจ้ากระจกปากมากจะไปรู้อะไร” แมกซิมิเลียนจ้องลึกในดวงตาสีน้ำตาลอ่อน รู้ว่าอีกฝ่ายแกล้งขัดคอเพราะความเขิน จึงตอบโต้ด้วยการทำให้เขินยิ่งขึ้นไปอีก





“กระจกก็แค่รู้เท่าที่สายตามองเห็น แต่ไม่อาจเข้าถึงส่วนลึกในจิตใจ เมื่ออยู่ในสภาพของอสูรที่ใครๆต่างพากันเมินหน้า ไม่อยากเข้าใกล้จนรู้สึกว่าจะกลายเป็นสัตว์ร้ายจริงๆเข้าไปทุกที แต่เด็กหนุ่มคนนั้นกลับทำให้ข้ารับรู้ถึงความเป็นมนุษย์ในตัวเองอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน รัก โลภ โกรธ หลง ไม่ว่าข้าจะตกอยู่ในอารมณ์ไหนก็ล้วนเกี่ยวข้องกับเขา ข้ารักเขาทั้งที่ไม่เคยได้พบกันจริงๆ ข้าโลภอยากจะได้ครอบครอง อยากจะมีเขาไว้ในอ้อมกอด เวลาเห็นเขาอยู่กับใคร โทสะก็จะพุ่งขึ้นมาอย่างควบคุมไม่อยู่ หากจะถามหาเหตุผลก็บอกได้เลยว่าเพราะความอิจฉา และทั้งหมดนี้ก็อธิบายได้ง่ายที่สุดว่าเป็นเพราะข้าหลงเขาอย่างห้ามใจไม่อยู่ ทั้งหลงรัก หลงใหล และหลงเพ้ออยู่ทุกเมื่อเชื่อวันว่าจะได้มีโอกาสบอกจากปากสักครั้งว่าข้ารักเขามากเหลือเกิน”





แมกซิมิเลียนโน้มกายเข้าหาและประทับคำรักกับริมฝีปากแดงฉ่ำอย่างที่เคยฝันไว้ เด็กหนุ่มดูตกใจในทีแรกก่อนจะค่อยๆโอนอ่อนไปตามจังหวะการจุมพิต แต่เขาก็สัมผัสได้ถึงความขืนเกร็งของร่างในอ้อมแขนซึ่งอาจสะท้อนจิตใจที่ยังมีความเคลือบแคลงสงสัย โจชัวร์คงยังตะขิดตะขวงใจกับตัวตนที่เขาเป็นอยู่ ซึ่งเขาไม่คิดจะน้อยใจหรือถือสา โจชัวร์ไม่ผิดที่จะรู้สึกแบบนั้นเพราะมันเท่ากับยืนยันความมั่นคงที่มีต่อเจ้าอสูร เขาไม่คิดจะลบล้างหรือสอดแทรกเข้าไปในส่วนนั้น แต่เขาตั้งใจที่จะ...





“ขอโอกาสให้ข้าได้ทำให้เจ้าตกหลุมรักอีกครั้งได้มั้ยโจชัวร์ ข้าสัญญาว่าวันหนึ่งเจ้าจะสามารถบอกรักผู้ชายคนนี้ได้อย่างเต็มหัวใจ โดยไม่มีข้อกังขาใดๆหลงเหลืออยู่อีกเลย”





โจชัวร์สูดลมหายใจเข้าลึกแล้วเผลอกลั้นไว้ในขณะที่ดวงตาก็จ้องค้างอยู่อย่างนั้น จนเมื่อรู้สึกอึดอัดจึงค่อยๆผ่อนลมหายใจออกแต่สายตายังคงจดจ่ออยู่กับใบหน้าชวนมอง นัยน์ตาสีประหลาดแต่ให้ความรู้สึกคุ้นเคยอย่างที่สุด จมูกโด่งเป็นสันที่ผิดรูปไปเล็กน้อยจากการต่อสู้แต่น่าจะกลับคืนเป็นปกติในไม่ช้า ริมฝีปากหนาได้สัดส่วน เวลาฉีกยิ้มจะเห็นเขี้ยวแหลมมุมปากซึ่งเป็นสิ่งหนึ่งที่เขาไม่เคยสังเกตเห็นมาก่อน ส่วนความซูบตอบของโครงหน้าถูกซ่อนไว้ภายใต้แนวเคราและไรหนวดที่ยิ่งเพิ่มความคมเข้ม และชวนจั๊กจี้นิดๆ เพราะความยาวที่น่าจะได้เวลากันให้เข้ารูปเสียที





ถ้าเพียงพูดถึงรูปร่างหน้าตา โจชัวร์คงบอกได้ว่ากำลังสร้างความคุ้นเคย ความรู้สึกที่มีต่อแมกซิมิเลียนยังไม่อาจซ้อนทับกับเจ้าอสูรได้อย่างสนิทใจ ในยามค่ำคืนที่ถูกชายคนนี้ขอให้อยู่ข้างกาย เขายังคงฝันถึงอ้อมแขนใหญ่ที่มีขนยาวรุงรัง และชั่วแวบแรกที่ลืมตาก็ยังงุนงงปนตระหนกที่ตื่นขึ้นมาในอ้อมกอดไม่คุ้นชิน คงต้องใช้เวลาอีกสักพักกว่าที่เขาจะสามารถปรับตัว ปรับใจ เพื่อที่จะ...





“อย่าได้นึกสงสัยหัวใจดวงนี้”





ความคิด และแม้แต่ความลังเลก็ยังสะดุดเมื่อมือของเขาถูกนำไปทาบกับแผงอกกว้าง สถานการณ์และบรรยากาศคุ้นๆเหมือนกับว่าเคยเกิดขึ้นมาแล้ว





“มันกลับมาเต้นได้อีกครั้งเพื่อยืนยันว่ามันเป็นของเจ้า และด้วยลมหายใจนี้ ข้าจะใช้ชีวิตที่เหลืออยู่เพื่อความสุขของเจ้าคนเดียว”





โจชัวร์มองลึกเข้าไปในดวงแก้วสีอำพัน แม้แต่หยดน้ำตาที่เอ่อคลอก็ไม่อาจปิดบังภาพสะท้อนใบหน้าของคนที่มีความสุขที่สุดในโลก คนโชคดีที่ได้ความรักที่เกือบสูญเสียไปกลับคืนมา เขาเคยร้องขอโอกาสที่จะได้เอ่ยคำว่ารักสักครั้ง แต่มาถึงตอนนี้ คำอ้อนวอนเหล่านั้นไม่จำเป็นอีกแล้ว ไม่จำเป็นต้องค้นหา ไม่จำเป็นต้องตั้งคำถาม เพราะผู้ชายคนนี้คือคำตอบที่สามารถปลดล็อกทุกอย่างในหัวใจของเขา





ไม่ว่าจะอีกกี่ครั้ง แมกซิมิเลียนก็คือคนที่รอเขาอยู่ตรงก้นบึ้งของหัวใจ คนที่ทำให้เขายินดีจะตกหลุมรักเสมอและตลอดไป





“ถ้าท่านต้องการแบบนั้นจริงๆ ก็คงมีแค่วิธีเดียว”





มือเรียวคู่เล็กเลื่อนขึ้นประคองข้างใบหน้าคมเข้ม ดวงตาสีน้ำตาลส่งยิ้มซนๆจนคนที่รอฟังอยู่เกิดอาการคิ้วกระตุก





“แมกซิมิเลียน...” น้ำเสียงเจ้าเล่ห์ยื้อไว้จนถึงจังหวะที่แนวคิ้วเข้มกำลังจะขมวด “ท่านยินดีจะแต่งงานกับข้าหรือไม่”





บรรยากาศที่ยังไม่ทันจะตึงเครียดสลายลงทันที ชายหนุ่มผู้ไม่คิดมาก่อนว่าจะเป็นฝ่ายถูกขอแต่งงานส่งเสียงหัวเราะก้อง ขำเสียจนต้องงอตัวเพราะอาการเสียวแปลบๆแถวชายโครง เมื่อตั้งสติได้แล้วจึงจ้องเข้าไปในดวงตาทะเล้นแล้วเอ่ยตอบด้วยความรู้สึกทั้งหมดในหัวใจ





“แน่นอนโจชัวร์ที่รัก และเราจะได้อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขตลอดไป”





แมกซิมิเลียนรวบร่างเพรียวบางเข้ามากอดแน่น หลังจากการเอ่ยขอและตอบรับคำขอแต่งงาน เขาเชื่อว่าการกระทำทุกอย่างที่จะเกิดขึ้นในวันข้างหน้าจะเป็นสิ่งที่ศักดิ์สิทธิ์กว่าคำสาบานปากเปล่า จึงขอข้ามไปยังขั้นตอนที่สองฝ่ายจะได้แลกจุมพิตต่อหน้าสักขีพยาน เขาเริ่มอุ่นเครื่องด้วยจูบแผ่วเบาบนหน้าผากและแก้มนุ่ม และทันทีที่ริมฝีปากสัมผัสกันก็พลันรับรู้ถึงสิ่งที่ไหลเวียนอยู่ทั่วร่าง เลือดเนื้อและจิตใจพลอยตื่นเต้นเหมือนกับเป็นจูบแรก เพียงแต่ทั้งสองฝ่ายไม่ได้เคอะเขินกับการส่งผ่านความรู้สึก โจชัวร์เปิดเผยและตอบรับเขาด้วยความเต็มใจ ความเข้าขากันในทุกจังหวะยิ่งเร่งเร้าร่างกายให้ร้อนเป็นไฟ ความเงียบของห้องหนังสือขับเน้นให้เสียงจูบและเสียงครางดังชัดจนอาจก้องไปทั้งคฤหาสน์





อีกเพียงนิดเดียวที่สองฝ่ายจะพร้อมใจกันกระโจนลงสู่ห้วงอารมณ์ลึกล้ำ ร่างแกร่งก็พลันกระตุกเหมือนคนวิ่งมาสุดฝีเท้าแล้วชะงักอยู่ตรงปากเหว เขาเกือบลืมไปจริงๆว่าในพิธีศักดิ์สิทธิ์ย่อมต้องมีสักขีพยาน และดูเหมือนทุกคนจะพร้อมใจกันมาเสนอหน้าอยู่ไม่ไกล แต่ละคนทำเป็นเขินอายแต่ก็ยังตั้งใจแอบดูจนน่าขำ พอเขาตวัดสายตาไปก็พากันแตกฮือราวฝูงผึ้ง เหลือคุณพ่อบ้านที่รีบดึงประตูปิดล็อกให้... ก็ยังดีที่รู้หน้าที่!





ฝ่ายโจชัวร์ที่รู้ตัวช้ากว่าค่อยๆโผล่หน้าออกจากแผงอกกว้าง ดวงหน้าใสแดงก่ำ หรือที่จริงคือแดงไปทั้งตัว ริมฝีปาก ลำคอ และผิวกายหลายจุดแดงช้ำจนยากจะเก็บซ่อน เมื่อดวงตาคมดุหันกลับมา เขาถึงกับสะดุ้ง เก้อเขิน แต่ก็ยังมองตอบด้วยแววตาฉ่ำหวาน





“ข้ารักท่าน”





“ข้ารู้





แมกซิมิเลียนอมยิ้มเมื่อเห็นท่าทางเอียงคอนิดๆ กับแววตาช่างสงสัย





“เหมือนที่เจ้าก็รู้ว่าข้ารักเจ้ายังไงล่ะเด็กน้อย”





เขาโน้มตัวลงเพื่อสานต่อสิ่งที่ค้างคา ขั้นตอนสุดท้ายของพิธีแต่งงานคือเวลาที่บ่าวสาวจะได้อยู่กันตามลำพัง แม้จะขลุกขลักไปบ้างแต่การเข้าหอในห้องหนังสือก็น่าตื่นเต้นท้าทายดี






ไม่ว่าสิ่งที่พาให้แมกซิมิเลียนและโจชัวร์มาพบกันจะเป็นคำสาปที่ไม่น่ามีอยู่จริง โชคชะตาซึ่งอยู่เหนือการควบคุม หรือกระทั่งตลกร้ายที่ไม่มีใครคาดคิด แต่ทั้งสองก็ได้ผ่านช่วงเวลาที่บ่มเพาะความรู้สึกให้เติบโตขึ้นจนกลายเป็นความรักแสนพิเศษที่มองลึกถึงตัวตนที่แท้จริง มองผ่านรูปกายภายนอกเข้าไปถึงจิตใจที่งดงาม และมองข้ามกระทั่งเพศสภาพซึ่งไม่ควรถูกใช้เป็นกำแพงกีดขวางความรัก





แม้ว่าในวันหนึ่งข้างหน้า การจากลาอันเป็นนิรันดร์จะมาถึง แต่เรื่องราวอันน่ามหัศจรรย์ของหนึ่งอสูรและหนึ่งโฉมงามจะยังคงเป็นที่เล่าขาน เพื่ออวยพรให้ทุกหัวใจได้พบรักแท้และครองคู่อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขตลอดไป





THE  END





















ก็บอกแล้วว่า Happy Ending จริงๆนะ




ในที่สุดเรื่องราวของเจ้าอสูรและโจชัวร์ก็เดินทางมาถึงตอนสุดท้าย หรือในอีกนัยหนึ่งก็คือจุดเริ่มต้นของเรื่องราวที่เราไม่อาจคาดเดาว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่เชื่อว่าความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่จะดำเนินต่อไปอย่างราบรื่น เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่เพียงแต่ความรักที่ฉาบฉวย แต่คือความรู้สึกที่ผ่านบททดสอบมากมายจนผูกพันใจสองใจไว้ได้อย่างเหนียวแน่น


เหนืออื่นใดคือ 'โอกาส'  ที่ทั้งคู่ต่างได้รับ  เพราะ Heartbeat คือ เรื่องราวที่เต็มไปด้วยโอกาส เมื่อทั้งคู่ได้พบกัน เจ้าอสูรได้รับโอกาสให้หลุดพ้นจากคำสาป โจชัวร์เองก็ได้รับโอกาสให้ก้าวออกจากชีวิตที่มีแต่ความขมขื่นและเดียวดาย และเมื่อผ่านเหตุการณ์อันสุดพิสดาร เจ้าอสูรยังได้รับโอกาสต่อลมหายใจอีกครั้ง โจชัวร์เองก็ได้เรียนรู้ว่าความรักที่ว่าเกิดขึ้นได้ยากนั้นยากยิ่งกว่าที่จะรักษาให้คงอยู่ตลอดไป ชีวิตคนเราไม่ได้มีโชคดีกันบ่อยนัก หากได้รับโอกาสนั้นแล้วก็ควรถนอมรักษาเอาไว้ด้วยหัวใจ กระทั่งแกสตันผู้หลงผิดก็ยังได้รับโอกาสที่จะสำนึกและพยายามแก้ไขในสิ่งที่ตนได้ทำลงไป


ในโลกแห่งความเป็นจริงก็เช่นเดียวกัน คนเราทุกคนควรได้รับโอกาสที่จะรักคนที่อยากรัก และได้เป็นในแบบที่อยากเป็น อย่าให้อคติบดบังสายตาจนเห็นคนเป็นอสูร แต่ขอให้มองลึกเข้าไปถึงข้างใน เข้าใจในเนื้อแท้ของความรู้สึก แล้วคุณจะรู้ว่าความรักไม่ว่าจะเกิดขึ้นกับใครก็สวยงามเสมอค่ะ





ส่วนแผนการที่จะพิมพ์นิยายยังไม่ชัดเจนร้อยเปอร์เซนต์ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าพอผ่านจุดหักมุมที่ทำเอาเหวอขนาดนี้แล้วจะยังมีใครอยากได้อยู่หรือเปล่า ล่าสุดสุดๆเลยกำลังละเลงตอนพิเศษที่สองอยู่ และหากเขียนได้ถึงสามตอนที่วางไว้ก็ถึงจะพิมพ์เป็นเล่มออกมาให้เชยชมกัน


ส่วนในเล้านี้ก็จะได้แจ้งให้ทางแอดมินย้ายไปอยู่กระทู้นิยายที่เขียนจบแล้ว สำหรับตอนพิเศษอาจจะมีหรือไม่นั้น... คงต้องติดตามลุ้นกันต่อไปนะคะ ซึ่งทั้งเรื่องรูปเล่มและตอนพิเศษเพิ่มเติมก็จะได้ส่งข่าวให้ทราบ และสามารถติดตาม สอบถาม พูดคุยกันมาได้กันมาได้ทางเพจ Minemomo เลยค่ะ


ขอลาและขอบคุณที่ทุกคนร่วมสนุกไปกับนิทานยำใหม่เรื่องนี้


ขอบคุณทุกๆคำติชม กำลังใจและการติดตามกันมาตลอดๆ


ขอบคุณที่รักเจ้าอสูรและหนูโจชัวร์


บ๊าย บายยยยยยจ้า



^____^
 















^__^










----- Mine -----













 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด