┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[จบ]==
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[จบ]==  (อ่าน 274938 ครั้ง)

ออฟไลน์ PKT

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[8]==[P.5]== [01/05/60]
«ตอบ #150 เมื่อ01-06-2017 21:36:59 »

รักคนเขียนนนน เม้นก่อนค่อยอ่าน

ออฟไลน์ 205arr

  • เราคงอยู่ไกลกันเป็นพันหมื่นลี้
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 748
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[8]==[P.5]== [01/05/60]
«ตอบ #151 เมื่อ01-06-2017 22:55:46 »

เจ็บนี้คุ้มนัก ใช่มั้ยก้อน :hao6:

ออฟไลน์ Margarita

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 85
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[8]==[P.5]== [01/05/60]
«ตอบ #152 เมื่อ02-06-2017 15:19:58 »

 :pig4:

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4015
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[8]==[P.5]== [01/05/60]
«ตอบ #153 เมื่อ03-06-2017 15:00:51 »

พอใจไหมนังก้อนนนน  :hao7:

ออฟไลน์ CHESS.

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 212
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +228/-2
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[8]==[P.5]== [01/05/60]
«ตอบ #154 เมื่อ05-06-2017 19:11:11 »





-9-

 

ผมรู้สึกตัวเพราะความหนาว…

อากาศภายในห้องเย็นเฉียบจนต้องฝืนเปิดเปลือกตาช้าๆ แต่แค่ขยับร่างกายนิดเดียวก็ปวดร้าวระบมไปหมดจนแทบกลั้นเสียงไว้ไม่ไหว ผมกระชับผ้าห่มที่คลุมกายให้แน่นขึ้นแล้วขดตัวเพื่อลดความเจ็บปวด แสงที่เล็ดรอดมาจากด้านนอกผ่านม่านทึบทำให้รู้ว่าตอนนี้คงเป็นเวลาเช้าแล้ว

เพราะไม่ได้กินข้าวมาตั้งแต่เมื่อคืนเลยรู้สึกหิวจนลำไส้บิดไปหมด ผมคิดจะฝืนกายลุกขึ้นนั่ง แต่ติดอยู่ที่แค่ขยับนิดเดียวมือก็ไปแตะโดนใครบางคนเข้า

พี่ภูยังนั่งอยู่ที่เดิม!

ผมแสร้งหลับตาต่อเนียนๆ ไม่ลืมขยับตัวนิดหน่อยเหมือนท่านอนไม่สบาย ซึ่งแน่นอนว่าต้องขยับโดยการเข้าไปใกล้ชิดเขามากขึ้นกว่าเดิมด้วย

“ได้หรือยัง” เสียงทุ้มราบเรียบพูดขึ้นมาลอยๆ เป็นภาษาอังกฤษ เขาน่าจะกำลังคุยโทรศัพท์กับใครสักคนอยู่

“ผมสั่งงานคุณตั้งแต่เมื่อวานตอนค่ำ ทำไมถึงได้ช้านัก”

เมื่อวานตอนค่ำ...งั้นก็น่าจะเป็นช่วงที่เขาทำแผลให้ผม คงเป็นตอนที่พี่ภูทำอะไรสักอย่างอยู่ในโน้ตบุ๊ก

“ผมไม่สนใจว่าพวกนั้นจะเป็นลูกหลานใคร อีกครึ่งชั่วโมงส่งข้อมูลมา” น้ำเสียงแฝงอารมณ์หงุดหงิดของเขาคงทำให้ปลายสายขวัญผวาพอควร เพราะถ้าเป็นผมก็คงสยองเหมือนกัน

หลังจากนั้นพูดประโยคนั้นจบพี่ภูก็เงียบไปพักใหญ่ ผมคิดว่าเขาน่าจะวางสายไปแล้ว แต่ไม่กี่นาทีต่อมาเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีก

“ดีมาก คืบหน้าแล้วบอกผมด้วย”

อะไรดี คืออยากรู้ด้วย อยากเผือก

“คนบ้าอะไรจะแกล้งหลับแต่ดันขมวดคิ้ว”

ผมลืมตาจ้องคนรู้ทันตาแป๋ว ไม่มีเหตุผลให้ทำเนียนต่อในเมื่อเขารู้แล้ว แถมดูท่าจะรู้แต่แรกแล้วเสียด้วย

“ผมไม่อยากกวนพี่โทรศัพท์ไง” ผมตอบหน้าตาเฉย ซึ่งพี่ภูก็มองกลับมาด้วยสายตาเหมือนกำลังมองคนหน้าด้าน ทั้งยังยื่นมือมาจิ้มแผลที่มุมปากผมโดยไม่ให้ตั้งตัวอีก

“โอ๊ย...เจ็บนะ”

“ก่อนจะร้องปรับสีหน้าให้ดูเจ็บจริงก่อนดีไหม”

ลืม…สงสัยหิวจัดหน้าเลยยังตายด้านอยู่ แต่ไอ้ที่จิ้มเมื่อกี้มันเจ็บจริงๆ นะ

“หิวจนหน้าแข็งไปแล้ว” ผมเอามือลูบท้องแล้วพยุงตัวลุกขึ้นนั่งคุกเข่า ตาจ้องพี่ภูปริบๆ เป็นเชิงบอกว่าต้องการอะไร

“ไปหาอะไรกินในครัว”

“ผมทำอาหารไม่เป็น”

“แล้ววันนั้นที่ทำมา” พี่ภูเลิกคิ้วสงสัย เขาคงไม่เข้าใจว่าทำไมผมบอกว่าทำไม่เป็นทั้งที่ข้าวต้มหมูวันนั้นออกจะอร่อย

“อันนั้นพี่กีล์คอยบอกทุกขั้นตอนเลย...แล้วตอนนี้ผมก็อยากกินข้าวมันไก่กับชาเขียวเย็นด้วย...”

“สรุปว่าอยากออกไปกินข้างนอก?”

“ครับ”

“กุญแจรถอยู่บนโต๊ะ” พี่ภูชี้ไปทางโต๊ะข้างประตู แต่ผมยังคงนั่งมองเขาไม่ขยับไปไหนจนคนถูกมองขมวดคิ้วน้อยๆ ก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงไร้อารมณ์ “อย่าบอกนะว่าขับไม่เป็น”

“ไม่เป็น”

พอผมพูดจบปุ๊บพี่ภูก็ยกมือนวดขมับปั๊บ ท่าทางดูปวดหัวจริงจังจนผมอยากถามว่าเป็นอะไรหรือเปล่า

“จริงจังเหรอวะเนี่ย” เขาพึมพำ ผมเลยพยักหน้าหงึกหงักยืนยันอีกที

“จริงพี่ คือผมไม่อยากขับ เพราะยังไงหอก็อยู่ใกล้อยู่แล้ว แถมยังโดนจ๋าตัดค่าขนมอีก...ไม่มีเงินจ่ายค่าน้ำมันหรอก”

โดนหักมาหลายเดือนแล้วจ๋ายังไม่ใจอ่อนเลย อยากกินของแพงๆ ก็ต้องเกาะไอ้โซเอา สงสารตัวเองชะมัด

“เรื่องเยอะจริงๆ”

ผมเอามือลูบท้องแล้วทำหน้าจ๋อยสนิท คิดว่าอาจต้องไปหาอะไรกินมั่วๆ ในครัว แต่คนที่อยู่ข้างกายกลับลุกขึ้นยืนแล้วโยนโน้ตบุ๊กมาให้

“ถือไป” ว่าจบพี่ภูก็เดินไปคว้ากุญแจรถแล้วเดินออกไปจากห้องทันที ผมได้แต่ยิ้มกว้างแล้วรีบอุ้มโน้ตบุ๊กตามออกไป

ใจแม่งเต้นแรงจนเจ็บไปหมดแล้วเนี่ย ถ้ามากกว่านี้ผมคงได้เข้าโรง’บาลแน่

“ช้า” คนที่ยืนรอปิดห้องขมวดคิ้วหงุดหงิด ผมรีบวิ่งไปหา เดินอยู่ข้างๆ เขาโดยที่ไม่อาจหยุดรอยยิ้มของตัวเองได้

พอขึ้นมาบนรถแล้วผมถึงได้สังเกตเห็นว่าพี่ภูไม่ได้ใส่เสื้อผ้าชุดเดิมแล้ว เขาอยู่ในชุดนักศึกษา ถึงจะไม่ได้เซตผมอะไรแต่ก็ดูเรียบร้อยพอสมควร และแน่นอนว่าดูเท่เป็นปกติ…คูลมาก

“พี่อาบน้ำตอนเช้าแล้วเหรอ”

“ใครจะสกปรกเหมือนมึง”

ว่าแล้วไง…

“ผมแค่หิวจนลืม” ผมหน้าหงิก รีบเถียงก่อนจะโดนเข้าใจผิด

ถ้าคนอย่างผมสกปรกในโลกนี้คงไม่มีใครสะอาดแล้ว ผมเป็นคนรักความสะอาดมากถึงมากที่สุด ประเภทว่าห้องต้องเรียบร้อยตลอดเวลา จะหยิบอาหารก็ต้องล้างมือก่อนอะไรแบบนั้น แต่ก็ไม่ได้มากมายขนาดที่ต้องหยีใส่ความสกปรกเล็กๆ น้อยๆ ไปหมดทุกอย่าง

“แล้วพี่มีเรียนเหรอ”

“เปล่า..”

“แล้วทำไมใส่ชุด…” ผมทำหน้างงในขณะที่มองเครื่องแต่งกายของเขาด้วยความไม่เข้าใจ

“จะเข้าไปจัดการอะไรหน่อย”

จัดการ…

“เรื่องผมเหรอ”

ทันทีที่พูดจบพี่ภูก็หันมามองผมวูบหนึ่ง สายตาของเขาบ่งบอกชัดเจนว่ากำลังแปลกใจ

“ผมเก่งไง” ว่าแล้วก็ฉีกยิ้มแถมยักคิ้วให้อีกที

“เก่งเรื่องที่ไม่จำเป็น” เขาส่ายหน้าแล้วหันกลับไปขับรถต่อ

“ผมว่าผมเก่งทุกเรื่องนะ”

“ให้พูดอีกที”

“ทุกเรื่อง...เอ่อ…” พูดไปพูดมาชักไม่แน่ใจ “อาจจะยกเว้นเรื่องพี่”

เพราะแลดูจะโดนรู้ทันไปหมดจนเสียเซลฟ์เบาๆ

“กระต่ายบ้า” พี่ภูพูดเสียงค่อย แต่ไม่รู้ทำไมพอเป็นคำนี้ทีไรมันถึงได้ดังเข้าหูผมตลอดทั้งที่เจ้าตัวก็ไม่ได้พูดดัง กระต่ายบ้าบ้างล่ะ กระต่ายงี่เง่าบ้างล่ะ ไม่มีสักครั้งที่คำว่ากระต่ายเล็ดลอดออกไปจากหู ทั้งที่ผมไม่อยากได้ยินเลยสักนิด

 แต่จะว่าไป…

‘อย่ามาแตะกระต่ายกู’

ยกเว้นประโยคนี้ไว้หน่อยแล้วกัน...มันกระแทกใจ

“คือว่า...ที่บอกว่าผมเป็นกระต่ายของพี่” ผมกัดริมฝีปาก พยายามกลั้นยิ้มอย่างสุดความสามารถ ถ้าไอ้โซอยู่ข้างๆ มันคงมองแรงใส่ผมแล้วถามว่าคนหน้าด้านเขินเป็นด้วยเหรอแน่ๆ “ถึงผมจะเคยขอเป็นกระต่ายแล้วพี่ตอบว่าอืมไปแล้วก็เถอะ แต่พอได้ยินแบบนี้แล้วมัน…”

มันอะไรวะ…

“...”

“เอ่อ…”

“กูหมายความตามที่พูด”

“จริงนะ” ผมหันไปมองพี่ภูทันควัน ปากยิ้มจนแทบจะฉีกไปถึงใบหู ต่างจากคนพูดที่หน้านิ่งเป็นรูปปั้นน้ำแข็งไม่เปลี่ยนแปลงโดยสิ้นเชิง

“อือ”

“ฮือ…”

โป๊ก!

“โอ๊ย!”

“Shit!” เสียสบถดังขึ้นพร้อมกับที่พี่ภูรีบบังคับให้รถเข้าจอดข้างทาง ผมเอามือกุมหัวที่จงใจเอาไปโขกกระจกเพราะทำอะไรไม่ถูกไว้แน่น มันสะเทือนไปถึงใบหน้าที่กำลังปวดจนต้องกัดริมฝีปากเอาไว้ ส่วนมืออีกข้างรีบจับโน้ตบุ๊กราคาแพงที่วางไว้บนตักตามสัญชาตญาณ

“มึงเป็นบ้าเหรอ เอาหัวไปโขกกระจกทำไม!” พี่ภูพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด เขาใช้มือข้างหนึ่งจับใบหน้าผมให้หันไปหาแล้วมองมาด้วยดวงตาดุๆ เหมือนจะตำหนิ

“ผมทำอะไรไม่ถูก” ง่ายๆ คือเอาหัวไปโขกกระจกเล่นด้วยความโง่ของตัวเองล้วนๆ “ขอโทษครับ”

“ปวดใช่ไหม” พี่ภูขมวดคิ้วแล้วพูดเหมือนจะขัดใจ มือของเขาจับหน้าผมหันไปมาเบาๆ

“นิดหน่อย…”

“รู้งี้น่าจะให้อาบน้ำทายาก่อน” เขาบ่นแบบไม่จริงจังนัก ผมได้แต่กะพริบตามองใบหน้าคนเป็นห่วงนิ่งๆ จะว่าดีใจมันก็ดีใจ แต่ก็พอมองออกว่ามันยังไม่ถึงขั้นห่วงแบบคนรักหรืออะไรแบบนั้น

อ่า...น่าจะเป็นแบบเจ้าของห่วงกระต่ายนั่นล่ะ ผมบอกแล้วว่าพี่ภูใจดี

“ปกติก็ดูฉลาดไม่ใช่หรือไง ทีแบบนี้ล่ะโง่นัก” พี่ภูปล่อยมือออกแต่ใบหน้ายังไม่คลายความดุ ผมเลยได้แต่อธิบายเสียงหงอย

“ก็บอกแล้วว่าตอนอยู่กับพี่ผมไม่อยากฉลาด”

อยู่ด้วยแล้วควบคุมตัวเองไม่ได้ กลายร่างเป็นเด็กปัญญาอ่อนเพิ่งหัดรักทุกที ผมรู้ดียิ่งกว่าใครว่าเวลาอยู่กับพี่ภูตัวเองเปลี่ยนไปมากขนาดไหน เขามีอิทธิพลต่อผมไม่ว่าจะในด้านใดก็ตาม และผมรู้สึกยินดีที่มันเป็นแบบนั้น

คนหน้าดุได้ยินผมตอบแล้วก็ถอนหายใจก่อนจะหันกลับไปขับรถเหมือนเดิมโดยไม่มองมาอีก ผมกลัวเขาจะโกรธเลยได้แต่นั่งพิงเบาะเฉยๆ อย่างว่าง่าย

“เดี๋ยวแวะร้านข้าวข้างหน้า ข้าวมันไก่เอาไว้วันหลังแล้วกัน มึงต้องกินยา”

“แต่ผมไม่ได้เอายา…” ยังไม่ทันจบประโยคคนที่กำลังขับรถก็ควักแผงยาออกมาจากกระเป๋ากางเกงแล้วโยนมาให้โดยไม่หันมามองแม้แต่น้อย ผมมองแผงยาแล้วก็ได้แต่อมยิ้ม ลืมไปเสียสนิทว่าตัวเองไม่ชอบมันเพราะเอาแต่ดีใจกับความใส่ใจเล็กๆ น้อยๆ ที่ได้รับ

พี่ภูจอดรถที่ร้านข้าวเล็กๆ ข้างทางร้านหนึ่ง ผมเดินเข้าไปสั่งอาหารที่ต้องการแล้วนั่งลงที่โต๊ะ พี่ภูเองก็สั่งแบบเดียวกันแล้วเดินตามมานั่งลงฝั่งตรงข้าม เขาเอื้อมมือมาหยิบโน้ตบุ๊กที่ผมถือลงมาด้วยไปเปิดโดยไม่ได้พูดอะไร ในขณะที่ผมได้แต่มองอย่างแปลกใจเมื่อเห็นเขาสั่งอาหารมากินด้วยกัน

“พี่กินข้าวร้านแบบนี้ได้ด้วยเหรอ”

“กูก็คน”

ผมหน้าบูดแต่ก็ไม่ได้กวนตีนอะไรต่อเพราะกลัวโดนเตะหน้าชากว่าเดิม แต่นั่งนิ่งๆ ไปได้สักพักก็เบื่อ ผมเลยขยับเก้าอี้ไปนั่งฝั่งเดียวกับเขาแล้วยื่นหน้าไปมองจอโน้ตบุ๊ก

“กล้าดีนะ” คนที่กำลังตั้งใจอ่านงานภาษาอังกฤษพูดขึ้นมาลอยๆ ซึ่งมันก็ไม่ได้อยู่นอกเหนือจากการคาดเดาของผมเท่าไหร่

“นี่กระต่ายไงจำไม่ได้เหรอ” ผมเอาคางวางไว้ใกล้ๆ แขนพี่ภูที่กำลังกดโน้ตบุ๊กอยู่แล้วเอียงหน้ามองเขา “กระต่ายทำอะไรก็ไม่ผิด”

ที่ยอมลงทุนเป็นกระต่ายด้วยตัวเองย่อมมีเหตุผล ในเมื่อเขาบอกว่าผมเป็นกระต่ายของเขาแล้ว ผมก็คงต้องยอมรับแล้วเอามันมาใช้ให้เป็นประโยชน์เพื่อที่จะได้ขยับสถานะให้ใกล้เขามากขึ้น...และจะได้ไปไกลๆ จากสถานะกระต่ายบ้านี่เสียที

“เข้าใจพูด” ถึงน้ำเสียงจะเฉยชาแต่รอยยิ้มน้อยๆ ที่มุมปากของเขาก็ทำให้ผมยิ้มตามได้ไม่ยาก

อยากบอกว่ามันดี...ดีมากๆ

“สรุปว่าที่พี่คุยนั่นเป็นเรื่องผมจริงๆ ใช่ไหม”

“แค่จัดการอะไรที่มันค้างคามานาน”

เรื่องผมจริงๆ ด้วย...ถ้าให้เดาคงหมายถึงเรื่องพวกรุ่นพี่พวกนั้น บางทีพี่ภูอาจโดนแบบนี้มานานแต่ไม่เคยสนใจ พอผมโดนเพราะเรื่องของเขาแบบนี้เลยจะจัดการให้เรียบร้อย แต่คำถามคือ…

“พี่จัดการยังไง”

ความเงียบคือคำตอบของคำถามนั้น

“ผมไปด้วยนะ” ผมรีบบอกความต้องการของตัวเอง รอจนคนที่นั่งนิ่งเบนสายตามาสบแล้วถึงพูดต่อ “พี่จะไปมหา’ลัยใช่ไหม ให้ผมไปด้วยนะ”

“กลับไปอาบน้ำนอนไป”

“พี่ห่วงผมใช่เปล่า” ที่อยากให้กลับไปอาบน้ำนอนพักก็เพราะเป็นห่วงแน่ๆ แค่คิดก็หุบยิ้มไม่ได้แล้ว

“หลงตัวเองฉิบหาย”

ประโยคสนทนาทั้งหมดหยุดลงเพราะอาหารมาเสิร์ฟพอดี เราใช้เวลาทานอาหารไม่นานนักโดยที่พี่ภูเป็นคนออกเงินทั้งหมด พอเรียบร้อยแล้วผมก็คว้าโน้ตบุ๊กมาถืออย่างรู้หน้าที่แล้วเดินตามไปขึ้นรถ ตอนแรกผมคิดว่าจะโดนเอาไปปล่อยไว้ที่หอ แต่พอเห็นเส้นทางแล้วกลับกลายเป็นว่ารถกำลังมุ่งหน้าไปที่มหา’ลัย ทั้งยังจอดลงหน้ากองอำนวยการเสียด้วย

“พี่ภู…” ผมรั้งแขนคนที่เดินนำไว้ตอนที่เรากำลังจะเดินไปขึ้นลิฟต์ “เสื้อผ้าผม”

พี่ภูเลิกคิ้ว กวาดตามองสภาพผมแล้วส่ายหน้าเบาๆ ผมเลยต้องมองตาม สภาพของผมตอนนี้คือเสื้อแขนยาวใส่นอนกับกางเกงขายาว ถ้าไม่นับรอยช้ำต่างๆ ก็น่าจะพอดูได้อยู่ แต่ก็ไม่ใช่เสื้อผ้าที่ควรใส่มาที่ตึกนี้อยู่ดี

“มันก็เข้าไปได้นั่นล่ะ กูแค่แต่งตามมารยาท”

ตอนแรกผมค่อนข้างงงกับสิ่งที่เขาพูดพอสมควร เพราะมหา’ลัยนี้เคร่งครัดเรื่องกฎ เวลาจะติดต่องานอะไรโดยเฉพาะที่ตึกนี้นักศึกษาต้องแต่งตัวเรียบร้อยเท่านั้น และเมื่อพี่ภูเดินมาหยุดอยู่หน้าห้องอธิการบดีผมก็ยิ่งแปลกใจกว่าเดิม

ปกติอธิการบดีเขาให้เจอง่ายๆ ด้วยหรือไง

พี่ภูตอบคำถามในใจผมด้วยการยืนรออยู่นิ่งๆ ไม่นานนักผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งน่าจะเป็นเลขาของอธิการบดีก็เดินเข้ามาหาอย่างรีบร้อน

“ท่านบอกให้เข้าไปได้เลยค่ะคุณภูริ”

อื้อหือ...สุภาพขนาดนั้นเชียว

“เส้นใหญ่นะเนี่ย” ผมเดินไปอยู่ใกล้ๆ แล้วกระซิบกระซาบ

“มึงรออยู่นี่”

“ไม่ให้ผมเข้าไปด้วยเหรอ”

“รอตรงนี้” เขาย้ำเป็นการยืนยัน ผมเข้าใจดีแต่ก็อดหน้าบึ้งไม่ได้ และมันคงบึ้งมากพอควรพี่ภูเลยถอนหายใจแล้วยื่นโทรศัพท์ของตัวเองมาให้ “โทรหาเพื่อนมึงด้วย เห็นว่าติดต่อไม่ได้”

เออว่ะ...จะว่าไปเหมือนโทรศัพท์จะหายโดยไม่รู้ตัว...ฉิบหายละ

“ขอบคุณครับ” ผมรีบยกมือไหว้ รอจนพี่ภูเดินเข้าไปในห้องแล้วถึงกดโทรศัพท์อย่างรีบร้อน

[มีอะไรหรือเปล่า]

เสียงรับสายเป็นภาษาอังกฤษเหมือนคุ้นเคยกันอยู่แล้วทำให้ผมหงุดหงิดใจอยู่หน่อยๆ แต่เพราะมีเรื่องที่ควรกังวลมากกว่านั้นเลยได้แต่ปล่อยผ่านไป

“โซ กูทำโทรศัพท์หาย น่าจะในห้องเมื่อวาน” ผมรีบพูดเข้าเรื่อง

[กูว่าแล้ว…] ปลายสายถอนหายใจยาว ยิ่งได้ยินเสียงมันเหมือนยุ่งยากใจผมยิ่งกังวล

“จ๋าโทรหามึงแล้วใช่ไหม”

[เปล่า…]

“ค่อยยังชั่ว” ผมโล่งอก รู้สึกขอบคุณที่จ๋าไม่โทรหาไอ้โซในวันที่ผมทำโทรศัพท์หาย เพราะถ้าเป็นแบบนั้นมันต้องกลายเป็นเรื่องใหญ่แน่ จ๋าเป็นคงเก่ง ถ้ารู้ว่าติดต่อผมไม่ได้ก็จะถามเข้าเรื่องอย่างรวดเร็ว ซึ่งไอ้โซไม่มีทางโกหกแน่นอน คนอย่างมันคงไม่เดินมาเคาะห้องพี่ภูเพื่อให้ผมไปรับโทรศัพท์หรอก แต่ไอ้เพื่อนบ้ามันต้องเล่าหมดเปลือกไม่ให้ผมอยู่สบายชัวร์ๆ

[เก้า]

“ว่า”

[กูจะบอกว่ามันแย่กว่านั้นอีก]

“อย่าบอกนะ…” ผมปวดหัวขึ้นมากะทันหัน บางทีก็เบื่อเหลือเกินที่รู้ทันมันไปหมด

[คนที่โทรมาคือพ่อมึง]

“ไอ้โซ…” ผมเอนตัวนอนหมดแรงอยู่บนเก้าอี้ยาว รู้สึกว่าตอนนี้ไม่ใช่แค่ปวดหัวแล้ว แต่ปวดตับปวดไตคลื่นไส้ไปหมด “มึงบอกหมดเลยใช่ไหม”

[อือ หมดเลย]

“ไอ้*********”

[ฮ่าๆๆๆๆๆ]

กูด่าให้เจ็บ ไม่ใช่ให้หัวเราะ!

ผมถลึงตามองโทรศัพท์ที่ถูกตัดสายด้วยความหัวเสีย อยากจะเขวี้ยงทิ้งให้หายหงุดหงิด แต่เพราะยังระลึกได้ว่ามันเป็นของใครเลยได้แต่หยุดตัวเองไว้

ปกติถ้าผมไม่ยอมติดต่อกลับไปจ๋าจะเป็นคนโทรมา ไม่ใช่ว่าต้องโทรทุกวันหรืออะไร แต่ถ้าป๋าไม่ได้ไปทำงานที่ไหนแล้วอยู่บ้าน ป๋าจะสั่งให้จ๋าโทรมาเช็คเพราะอ้างว่าห่วงผมตลอด และโชคร้ายเหลือเกินที่เมื่อวานป๋าไม่ได้ไปทำงานที่อื่น...แถมยังโทรมาเช็คด้วยตัวเองอีกต่างหาก ผมไม่ได้กลัวว่าป๋าจะดุด่า แต่ที่ผมเครียดเป็นเพราะ...

ป๋าเล่นใหญ่ตลอด!

ใหญ่มาก ใหญ่มากๆ แล้วยิ่งเป็นเรื่องแบบนี้...ผมไม่อยากจะคิดเลย

“นอนเหมือนเป็นบ้านตัวเอง” น้ำเสียงราบเรียบแฝงความเหนื่อยหน่ายของคนที่เดินออกมาเมื่อไหร่ไม่รู้ทำให้ผมรู้สึกตัวจนต้องรีบลุกขึ้นนั่งดีๆ ก่อนจะยิ้มให้พี่ภูเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“พี่คุยอะไรมาเหรอ บอกผมได้ไหม”

พี่ภูทำหน้าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งเหมือนกำลังทบทวนว่าจะบอกหรือไม่บอกดี แต่แล้วเขาก็พยักหน้าน้อยๆ เป็นคำตอบ

“ออกไปคุยกันข้างนอก”

ตอนแรกผมคิดว่าพี่ภูจะเดินไปนั่งแถวเก้าอี้หินหน้าตึก แต่พอเห็นว่ามีคนมองไปมองมาแล้วเริ่มยกกล้องขึ้นมาถ่ายรูปเขาก็ขมวดคิ้วก่อนจะเดินกลับไปที่รถเหมือนเดิม

บรรยากาศในรถเงียบสนิทจนแทบได้ยินเสียงกลืนน้ำลาย ผมได้แต่มองไปข้างหน้าเพราะไม่อยากเซ้าซี้อะไร ในเมื่อเขาบอกว่าจะบอกแล้วก็คงพูดเองเมื่อถึงเวลา แต่ที่ไม่เข้าใจคือทำไมเส้นทางที่รถขับผ่านไปถึงไม่ใช่เส้นทางที่คุ้นเคยอย่างทางไปหอผมหรือคอนโดเขา

จวบจนผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงแล้วรถก็จอดลงที่สวนสาธารณะตรงข้ามโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง

“พวกนั้นออกไปหมดแล้ว” ประโยคแรกที่ดังออกมาจากปากพี่ภูทำให้ผมหันไปมองเขาโดยอัตโนมัติ

“พี่หมายถึง…”

“ทุกคนที่ทำร้ายมึงเมื่อวาน...ออกไปหมดแล้ว”

ออกไปหมดแล้ว...แสดงว่าที่พี่ภูเข้าไปคุยกับอธิการนั่น

“แล้วที่พี่เข้าไปคุย…”

“เมื่อวานกูแค่ให้คนหาหลักฐานให้ กะว่าจะทำตามขั้นตอนที่สมควรจะได้ไม่มีปัญหามาก แต่อธิการบอกว่าพวกนั้นลาออกไปหมดแล้ว”

“ลาออก?” ลาออกด้วยตัวเองเนี่ยนะ ผมพอจะดูออกว่าพวกนั้นต้องเป็นพวกมีฐานะ ต่อให้มายื่นเรื่องก็ไม่น่าทำได้ง่ายๆ แต่กลายเป็นว่ามาลาออกเอง…

“จริงๆ ถ้ายื่นเรื่องแล้วไม่เรียบร้อย กูก็กะจะให้คนทำให้พวกมันออกไปเองอยู่แล้ว…” พี่ภูพูดด้วยหน้าตาเรียบเฉยไม่เปลี่ยนแปลง ทำเหมือนกับกำลังพูดเรื่องดินฟ้าอากาศทั่วไป

ไม่ต้องพูดออกมาผมก็พอรู้ว่า ‘ให้คนทำให้ออก’ ของเขาหมายถึงอะไร

“แล้วทำไมพวกมันถึงออกไปก่อนได้…” ผมมองพี่ภูด้วยความไม่เข้าใจ เขาเองก็มองกลับมา ดวงตาคู่นั้นกำลังบอกอะไรบางอย่างโดยไม่ต้องเอ่ยปาก และน่าแปลกที่ผมเข้าใจ “หรือว่า…”

“มีคนชิงลงมือตัดหน้าไปก่อนแล้ว...และดูเหมือนคนๆ นั้นจะข้ามการทำตามขั้นตอนไปเลยด้วย”

“...”

“ตอนนี้พวกที่ทำร้ายมึงทุกคน...อยู่ในนั้น” พี่ภูมองออกไปนอกรถ ผมมองตามและเข้าใจในทันทีว่าทำไมเขาถึงขับรถมาที่นี่

พวกมันที่ว่า...อยู่ในโรงพยาบาล

“ผมไม่เข้าไปดูนะ”

อย่างที่เคยบอก...ผมไม่ชอบโรงพยาบาล แล้วก็ไม่ใจดีพอที่จะเข้าไปดูสภาพของพวกที่ทำร้ายตัวเองด้วย ตอนที่รู้ว่าพวกนั้นโดนทำร้ายคืนแล้วก็ไม่ได้รู้สึกอะไร ออกจะเฉยๆ เสียด้วยซ้ำ ยังไงก็เป็นฝ่ายนั้นที่เริ่มก่อน ไม่ใช่ความผิดของผมที่ทุกอย่างเป็นแบบนี้

“อืม...มึงรู้ตัวคนทำแล้วใช่ไหม”

“ครับ…” ผมพยักหน้า มาถึงขนาดนี้แล้วไม่มีทางเป็นคนอื่นได้เด็ดขาด “พ่อผมเอง”

ความเงียบครอบคลุมไปทั่วรถเมื่อพี่ภูไม่ได้พูดอะไรตอบกลับมา เขาแค่พยักหน้าเงียบๆ แล้วทำหน้าเหมือนครุ่นคิดอะไรอยู่ตลอดเวลา จนออกรถมาสักพักแล้วก็ยังเงียบอยู่ กลายเป็นผมเองที่ทนความอึดอัดไม่ไหว

“พวกนั้นไม่ชอบพี่เหรอ”

“ไม่ใช่แค่พวกนั้น” พี่ภูตอบด้วยน้ำเสียงไร้อารมณ์เหมือนปกติ

“ทำไมล่ะ”

“คงหมั่นไส้กู”

“ทำไมต้องหมั่นไส้ด้วยนะ…” ผมทำหน้าไม่เข้าใจแรง กวาดตามองพี่ภูแล้วก็ไม่เห็นมีส่วนไหนที่น่าหมั่นไส้ ออกจะสมบูรณ์แบบ

เออ...สมบูรณ์แบบ

“...”

“แล้วยิ่งประกอบกับข่าวลือพวกนั้นด้วยสินะ” ผมพูดต่อตามที่คิดโดยไม่รู้ตัว ในขณะที่พยายามประกอบเรื่องราวที่ได้รู้ในหัว ถึงจะไม่มีทางรับรู้เรื่องราวทั้งหมด แต่แค่อะไรนิดๆ หน่อยๆ ที่ทำให้รู้เรื่องของเขามากขึ้นก็พอแล้ว

ถ้าตัดเรื่องที่ผมชอบเขาออกไปแล้วมองในมุมคนอื่น คนทั่วไปก็คงหมั่นไส้หรือเหม็นขี้หน้าเขาได้ง่ายๆ จริงๆ นั่นล่ะ ทั้งท่าทางหรือหน้าตารวมถึงความสมบูรณ์แบบทุกอย่าง พอประกอบกับข่าวพวกนั้นก็ยิ่งทำให้เขาดูแย่เข้าไปใหญ่ ไม่แปลกที่จะมีพวกขี้อิจฉาเอาเรื่องแย่ๆ มาเล่นงาน

“อยากรู้จัง” ผมพึมพำกับตัวเองเบาๆ พร้อมกับคิดหาหนทางไปด้วย แย่หน่อยตรงที่ผมไม่รู้ว่าเรื่องพวกนั้นมันเกิดตอนไหน ถ้าเป็นตอนพี่ภูอยู่ปีหนึ่งคงยากที่จะถามคนอื่น เพราะพวกรุ่นเดียวกับเขาเรียนจบกันไปหมดแล้ว

“รู้ไปก็แก้ไขอะไรไม่ได้” คนที่นั่งเงียบพูดขึ้นมาเบาๆ เขาไม่ได้หันมามองผม แต่เจาะจงชัดเจนว่าหมายถึงอะไร “แล้วกูก็ไม่ได้ต้องการแก้ไขด้วย”

“ผมก็ไม่ได้อยากช่วยแก้ไข” ผมหันไปหา ยกยิ้มตามปกติแม้ว่าเขาจะไม่ได้หันมามอง “ผมแค่อยากรู้เรื่องของพี่...ที่เป็นแบบนี้ก็ดีแล้ว จะได้ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้พี่ ผมขี้เกียจหาวิธีกำจัดคู่แข่ง”

ยิ่งพวกผู้หญิงยิ่งน่ารำคาญ ถ้ามาเกาะแกะเขาผมต้องบ้าตายแล้วโทรให้ป๋าจัดการให้แน่

“มึงนี่แม่ง…” พี่ภูหันมามองด้วยสายตาเอือมระอาเหมือนจนด้วยคำพูด ในขณะที่ผมยิ้มแฉ่งมั่นใจในความคิดตัวเองสุดๆ

“ให้ผมชอบพี่คนเดียวก็พอแล้ว”

“...”

“พี่ต้องเลี้ยงผมคนเดียวนะ” ผมเอียงตัวเข้าไปหาคนขับรถ แต่โดนผลักหัวกลับมาจนเกือบติดกระจก

“มึงตัวเดียวก็ปวดหัวจะตายอยู่แล้ว จะเลี้ยงเพิ่มทำไม”

“...”

โป๊ก!

“Shit! กระต่ายเหี้ยไรเขินแล้วเอาหัวโขกกระจกวะ!”

ก็เพราะรู้ว่าจะเป็นห่วงถึงได้ทำ

---------------------------

 

 

 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31-07-2017 14:31:12 โดย CHESS. »

ออฟไลน์ Matia

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 18
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[9]==[P.6]== [05/05/60]
«ตอบ #155 เมื่อ05-06-2017 21:39:19 »

โอยยยยยยยยยยยย น่ารักกก

ออฟไลน์ me12inzy

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 458
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[9]==[P.6]== [05/05/60]
«ตอบ #156 เมื่อ05-06-2017 21:57:30 »

ขำ555555555 คุณป๋าโหดแรง เริ่ด

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4992
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[9]==[P.6]== [05/05/60]
«ตอบ #157 เมื่อ05-06-2017 22:50:13 »

 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[9]==[P.6]== [05/05/60]
«ตอบ #158 เมื่อ05-06-2017 23:06:11 »

อ้อนเข้าไปเยอะๆ

ออฟไลน์ idoloveyou555

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 88
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[9]==[P.6]== [05/05/60]
«ตอบ #159 เมื่อ05-06-2017 23:13:16 »

กระต่ายเก้า เอาหัวโขกกระจกเรียกร้องความสนใจ อิอิ #ภูของกระต่าย :z3: :z3: :z3: :z3: :hao3: :hao3:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[9]==[P.6]== [05/05/60]
« ตอบ #159 เมื่อ: 05-06-2017 23:13:16 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ hpimmc

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[9]==[P.6]== [05/05/60]
«ตอบ #160 เมื่อ05-06-2017 23:15:34 »

คุณป๋าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา ฮืออออออออ
ชอบเหลือเกิน
นิถ้าเจอกับพี่ภูน่าจะเข้าขากันได้ดี ใช่ม้าา
แต่ก่อนอื่นต้องให้อิพี่ใจอ่อนก่อน
ฮิฮิ

ออฟไลน์ onlyplease

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[9]==[P.6]== [05/05/60]
«ตอบ #161 เมื่อ05-06-2017 23:58:08 »

กระต่ายทำอะไรก็ไม่ผิด o13 o13 o13

ออฟไลน์ jaokhwan

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 425
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[9]==[P.6]== [05/05/60]
«ตอบ #162 เมื่อ06-06-2017 00:33:22 »

เก้านี่นะ ฮ่าๆๆๆ :hao3: :hao3: :hao3:

ออฟไลน์ Mura_saki

  • แค่เรารู้จักกัน...มันก็ดีที่สุดแล้ว :)
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2067
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +179/-9
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[9]==[P.6]== [05/05/60]
«ตอบ #163 เมื่อ06-06-2017 00:46:12 »

น่ารักอ่ะ

คุณป๋าโหดไปค่ะ

ออฟไลน์ wonderbe

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 754
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-2
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[9]==[P.6]== [05/05/60]
«ตอบ #164 เมื่อ06-06-2017 07:35:36 »

 :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ rayaiji

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 817
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
    • ray's deviantart
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[9]==[P.6]== [05/05/60]
«ตอบ #165 เมื่อ06-06-2017 08:33:21 »

งื้ออออ เขิมมมมมม  โขกมั่ง//ปั่่กๆๆๆๆๆๆๆ :ling1:

ออฟไลน์ 205arr

  • เราคงอยู่ไกลกันเป็นพันหมื่นลี้
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 748
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[9]==[P.6]== [05/05/60]
«ตอบ #166 เมื่อ06-06-2017 12:25:00 »

ลึกๆ แล้ว หนูเก้าจะโหดเหมือนคุณป๋าไหมหนอ
 :katai3:

ออฟไลน์ Margarita

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 85
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[9]==[P.6]== [05/05/60]
«ตอบ #167 เมื่อ06-06-2017 20:05:42 »

 :pig4:

ออฟไลน์ PKT

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[9]==[P.6]== [05/05/60]
«ตอบ #168 เมื่อ06-06-2017 22:30:44 »

โอ๊ยยย ป๋าโคตรโหด  ชอบออ่ะอ่านแล้ววแบบบ..

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3494
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[9]==[P.6]== [05/05/60]
«ตอบ #169 เมื่อ07-06-2017 03:34:32 »

เราเพิ่งเห็นว่ามีภาคต่อของเก้า ดีใจมากกกกกกก
ชอบเก้ามาตั้งแต่เรื่องออกซิเจน ดูเป็นตัวแสบอ่ะ พอมาอ่านเรื่องนี้เก้ามันน่ารัก น่ารักมากกกก หลงเลย 555555 ครอบครัวเก้าก็น่ารักอ่ะ โดยเฉพาะเวลาเก้าคุยกับแม่จ๋า น่ารัก×2 แต่เวลาเก้าอยู่กับพี่ภูนี่น่ารัก×100เลย 555555 จะรออ่านตอนต่อไปนะคะ สู้ๆค่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[9]==[P.6]== [05/05/60]
« ตอบ #169 เมื่อ: 07-06-2017 03:34:32 »





ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[9]==[P.6]== [05/05/60]
«ตอบ #170 เมื่อ07-06-2017 06:25:42 »

กำแพงน้ำแข็ง มีรอยแล้ว
เก้ามีมานะอดทน จนได้รับการยอมรับแล้ว กระต่ายของกู
‘อย่าแตะกระต่ายกู’
แสดงการยอมรัการเป็นเจ้าของเก้าแล้ว  :hao3:

พี่ภู ไม่พูดอ่อนโยนกับเก้า ปากจิกกัด
แต่ตามใจเก้าตลอด แม้จะทำเป็นทำตามอย่างเสียไม่ได้
พวกเลวทำกับตัวเอง ก็เฉย ไม่สนใจ
แต่มาทำกับเก้า ยอมไม่ได้
แต่คนที่แก้แค้นให้เก้าก่อนอย่างไวเป็นคุณพ่อที่รักเก้าที่สุด

ปากก็ว่าเก้าอย่างนั้นอย่างนี้ แต่การแสดงออกนี่ห่วงใยเก้าชัดๆ
เก้ารุกเข้าใกล้พี่ภูได้ผล น่าจะเกินครึ่งละมั้ง
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ CHESS.

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 212
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +228/-2
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[9]==[P.6]== [05/05/60]
«ตอบ #171 เมื่อ09-06-2017 13:36:16 »




-10-

 

ผมใช้เวลานอนตายอยู่ที่หอถึงสองวันเต็ม…สองวันเต็มที่ผมไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับโลกภายนอกเลย เอาแต่กินนอนอาบน้ำวนไปวนมาทั้งวัน ตอนนี้ผมไม่ค่อยปวดตัวเท่าไหร่แล้วถ้าไม่กระแทกโดนแรงๆ หน้าก็ไม่ได้บวมอะไรแต่ยังเหลือรอยช้ำนิดหน่อยพอให้รู้ว่าโดนต่อยมา

การหยุดเรียนไปสองวันทำให้ผมได้เจอกับเรื่องดีๆ และเรื่องน่าปวดหัวปะปนกันไป

เรื่องดีๆ อย่างแรกคือไอ้โซเอาโทรศัพท์มาให้ผมเมื่อสองวันก่อน มันบอกว่าเพื่อนในคลาสที่ไปช่วยเก็บได้ และนั่นทำให้ผมไม่ต้องบากหน้าไปขอเงินจ๋าซื้อโทรศัพท์ใหม่ ส่วนอีกเรื่องคือผมได้คุยกับพี่ภูผ่านทางโทรศัพท์ก่อนนอนติดกันมาสองวันแล้ว โดยที่ผมเป็นคนวอแวโทรไปก่อนเอง อย่างน้อยเขาก็ไม่เคยตัดสาย...แม้จะเป็นการพูดคนเดียวเสียส่วนใหญ่ก็ตาม

ส่วนเรื่องปวดหัว…พูดแล้วก็ปวดจี๊ดๆ จนต้องยกมือนวดขมับ

ทันทีที่ผมได้โทรศัพท์คืนจากโซ สิ่งแรกที่เห็นคือสายที่ไม่ได้รับกว่าร้อยสายของป๋า ขนาดผมเพิ่งเปิดเครื่องฝั่งนั้นยังโทรมาอยู่เลย และพอรับเท่านั้นล่ะ…

‘ต้องฆ่ามัน!’

กว่าผมจะกล่อมป๋าให้หยุดงอแงได้ก็ใช้เวลากว่าสามชั่วโมงเต็ม ต้องขอบคุณที่จ๋าแย่งโทรศัพท์มาคุยแทน แต่หลังจากดีใจได้ไม่นานผมก็โดนสวดยับต่ออีกสองชั่วโมง ใจความหลักๆ คือ…

‘ปล่อยให้โดนทำร้ายได้ยังไงกันคะ ทำไมคุณอชิรากากแบบนี้!’

หึ…ผมก็แค่พลาดไปนิดเดียวเท่านั้นล่ะ อย่าหวังว่าจะมีครั้งที่สองเลย

จ๋าบอกผมว่าตอนรู้ข่าวจากโซป๋าแทบจะบึ่งรถมาหา จ๋าต้องเอาเชือกมัดไว้ถึงจะยอมหยุด แต่เผลอแป๊บเดียวกลับหยิบโทรศัพท์สั่งคนให้ไปเอาคืนหน้าตาเฉย จ๋าจะห้ามก็ห้ามไม่ทัน ไม่ใช่ว่าจะห้ามไม่ให้ป๋าสั่งนะ แต่จะห้ามไม่ให้ใช้แผนไก่ก่า

‘คุณแม่กะจะให้คนจับแก้ผ้าแล้วเอาไปปล่อยป่าเสียหน่อย คุณป๋าก็ใจร้อนจริงๆ เลย โดนแค่นั้นจะไปรู้สึกอะไรกัน’

ผมก็คิดแบบเดียวกัน พวกลูกคุณหนูนี่ก็นะ...โดนซ้อมนิดๆ หน่อยๆ เอะอะเข้าโรงพยาบาล ผมโดนตั้งกี่ตีนไม่เห็นร้องสักคำ

ครืด ครืด

“ว่า” ผมรับโทรศัพท์ด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่าย กลิ้งไปกลิ้งมาอยู่หลายทีด้วยความขี้เกียจ

[มึงรู้ข่าวแล้วใช่ไหม]

“เออ” ถ้าหมายถึงข่าวในเพจมหา’ลัยที่พวกเด็กบริหารพากันลาออก ผมเห็นตั้งแต่เช้าแล้ว แต่เพราะไม่เห็นพาดพิงถึงตัวเองเลยไม่ได้สนใจ

[ยังสบายใจแบบนี้แสดงว่ายังไม่เห็นข่าวล่าสุดล่ะสิ] โซถามเสียงเรียบ แต่ผมรู้สึกเหมือนมันดูกังวลแปลกๆ

“ข่าวอะไร”

[มึงเปิดดูเอง ถ้าจะให้ไปรับก็โทรมา]

ยังมีอะไรแย่กว่าเรื่องของป๋าอีกเหรอ

ผมกดปุ่มเข้าโปรแกรมสีน้ำเงิน เห็นจำนวนการแจ้งเตือนหลายสิบแล้วก็ต้องขมวดคิ้วมุ่น ส่วนใหญ่จะเป็นพวกคนรู้จักที่แท็กเข้ามาเต็มไปหมด แต่ดูแล้วไม่น่าใช่ลางดี...เพราะพวกมันแท็กโดยไม่พิมพ์กวนตีนสักคำ เหมือนแค่แท็กให้ผมเข้าไปดูเฉยๆ

เพจข่าวมหาลัย…

 

Xuni-news

เมื่อสองวันก่อนมีคนเจอน้องเก้า นักร้องดุริยางค์คนดัง ในสภาพเหมือนเพิ่งโดนทำร้ายมา โดยคนที่ไปเจอเล่าว่าน้องเก้าเดินมากับรุ่นพี่บริหารปีสี่คนดังคนหนึ่ง ไม่แน่ใจว่าน้องโดนทำร้ายหรือเปล่า แต่ตอนนี้น้องไม่มาเรียนสองวันแล้ว แฟนคลับหลายๆ คนเป็นห่วงมาก ถ้าใครทราบข่าวคราวเพิ่มเติมก็บอกกันบ้างนะคะ

*แนบรูปถ่ายด้านหลังเก้าที่กำลังขึ้นรถ

2.3kถูกใจ 323ความคิดเห็น 121Shares

 

ผมอยากจะก่นด่าคนที่ถ่ายรูปชวนเข้าใจผิดสักร้อยรอบ ไม่รู้สรรหามุมไหนเลยถ่ายให้ผมดูเหมือนโดนบังคับให้ขึ้นรถแบบนั้น ดีที่ไม่ถ่ายติดพี่ภูไปด้วย แต่แย่ที่ถ่ายติดรถคันหรูราคาแพงเข้าเต็มๆ จะมีสักกี่คนที่ขับรถแบบนี้ ไม่ต้องเดายังรู้เลยว่าของใคร

 

Ae Wanida

เราก็เห็นเหมือนกันนะ แต่ไม่กล้าเข้าไปทัก พี่คนนั้นน่ากลัวมากเลย TT

154ถูกใจ 38ความคิดเห็น

 

Solo Siwarokin

@Kao Ashira

139ถูกใจ 44ความคิดเห็น

 

ดูเหมือนการที่ไอ้โซแท็กผมจะทำให้เกิดกระแสมากพอควร ส่วนใหญ่จะถามมันว่าผมเป็นยังไงบ้างหรือไม่ก็ผมต้องการความช่วยเหลือหรือเปล่า รวมถึงมีบางคนที่กล้าเอ่ยชื่อพี่ภูโดยตรงแล้วถามว่าเขาทำอะไรผมด้วย

ผมมองคอมเมนท์ผ่านสายตาไวๆ รู้สึกหนักใจมากขึ้นเรื่อยๆ คนที่ห่วงแล้วไม่ได้พาดพิงก็แล้วไป แต่คนที่เข้ามาจู่โจมพี่ภูโดยอาศัยเรื่องผมให้เป็นประโยชน์ก็มีอยู่มาก ไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่าจะไม่ชอบขี้หน้าอะไรกันขนาดนั้น แต่ยังไงก็ตาม...ถ้าปล่อยไว้แบบนี้คนที่เสียหายก็มีแต่พี่ภู ให้ลบโพสต์ตอนนี้ก็ลังแต่จะทำให้เกิดประเด็นหนักกว่าเดิม เผลอๆ อาจกล่าวหาว่าพี่ภูสั่งให้ลบด้วยซ้ำ

ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา กดส่งข้อความไปทางไลน์ให้โซมารับ ก่อนจะลุกขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัว เตรียมไปเผชิญหน้า…กับปัญหาปัญญาอ่อนที่เกิดได้ไงก็ไม่รู้

 

 

“มึงจะเอาไง”

เอายังไงเหรอ…

“ไม่รู้ว่ะ”

ตั้งแต่ขึ้นรถมาจนถึงหน้าตึกบริหาร ผมก็ยังคิดถึงวิธีการแก้ไขเรื่องนี้ไม่หยุด ไม่ใช่ว่ายังคิดไม่ออก แต่ยังไตร่ตรองอยู่ว่าควรใช้วิธีไหนถึงจะได้ผลดีที่สุด

“ถ้าเป็นมึงจะทำยังไง” ผมลองถามกลับเผื่อจะช่วยได้ แต่ลืมไปว่าหมาอย่างมันไม่มีสมอง โดนเมียดูดไปหมดแล้ว

“กีตาร์ไม่มีทางโดนมองไม่ดีอยู่แล้ว”

นั่นไง…

“กูแค่สมมติมะ”

“ตอบยาก” ไอ้โซขมวดคิ้ว ท่าทางคิดหนักจริงจัง “เอาเป็นว่าถ้ากูเป็นภู กูคงไม่แคร์อะไรทั้งนั้น”

“เรื่องนั้นไม่ต้องบอกกูก็รู้” ไม่ว่าจะมันหรือพี่ภูก็ดูไม่แคร์โลกเหมือนกันทั้งคู่นั่นล่ะ “เออ...แล้วทำไมตอนโทรหากูมึงดูกังวลนักวะ”

“กังวล?” มันทำหน้าโง่ แต่พอโดนผมถลึงตาใส่ก็ยักไหล่ “ดูออกด้วยเหรอ”

“ไม่ออกเลยเพื่อน ที่ถามนี่กูพูดออกมามั่วๆ” ผมกัดมันไปทีด้วยความหมั่นไส้ ส่วนคนลีลาหน้ามึนดันยิ้มอารมณ์ดี ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าการได้กวนตีนผมจะทำให้มันฉลาดขึ้นหรือยังไง

“ด่ากูทางสายตาอีกละ”

“เบื่อมึงว่ะ”

“กูก็เบื่อมึง”

“แล้วสรุปจะตอบได้ยัง” ผมรีบวนกลับเข้าเรื่องก่อนจะได้ตีกันตายบนรถ โซมันถอนหายใจก่อนจะยอมคลายรอยยิ้มแล้วทำหน้าตาจริงจังมากกว่าเดิม

“กูเคยบอกมึงแล้วว่าภูไม่ธรรมดา ไม่ใช่คนที่จะเล่นด้วยได้” มันเกริ่นแล้วเหลือบตามองผม “ถ้าข่าวพวกนั้นไม่อยู่ในความสนใจก็แล้วไป...แต่ถ้าหัวเสียขึ้นมาเมื่อไหร่ กูก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเป็นยังไง เพราะงั้นเลยอยากให้มึงจัดการก่อนอะไรๆ จะเลยเถิด”

“พ่อซีบอกมึงใช่ไหม”

“ใช่”

ว่าแล้ว…

พ่อซีดูเหมือนจะรู้จักกับพี่ภูมานาน แล้วก็เคยเตือนผมเหมือนกันว่าอย่าทำอะไรเล่นๆ ผมไม่แน่ใจนักว่าพี่ภูเคยทำอะไรมา แต่ค่อนข้างแน่ใจว่าเขาคงมีอำนาจเกือบจะเทียบเท่าพ่อตัวเองไปแล้ว เห็นได้จากงานภาษาอังกฤษที่ผมทำเนียนแอบดูอยู่หลายครั้ง ถึงจะเหมือนเข้าไปเกาะแกะเฉยๆ ไม่ได้สนใจอะไรแต่ผมก็ไม่เคยละเลยอะไรเล็กๆ น้อยๆ พวกนั้น

ไม่ว่าจะเอกสารที่เขาอ่านในห้องเรียนตอนผมไปหา หรือจดหมายในโน้ตบุ๊กพวกนั้นก็ล้วนแล้วแต่เป็นจดหมายทางธุรกิจที่ดูมีความสำคัญทั้งหมด

“ดูเหมือนว่านอกจากพ่อมึงจะส่งคนไปจัดการไอ้พวกนั้นแล้ว ภูยังทำอย่างอื่นด้วย” ไอ้โซโยนโทรศัพท์ซึ่งเปิดหน้าอีเมลทิ้งไว้มาให้ผม ข้อความในนั้นเป็นจดหมายจากใครสักคนที่ลงชื่อส่งถึงพ่อซี เนื้อความโดยสรุปคือการขอให้ช่วย “พวกเด็กปีสี่พวกนั้นเป็นลูกคนมีเงิน ส่วนใหญ่ประกอบธุรกิจส่วนตัวกันทั้งนั้น และดูเหมือนจะมีอยู่คนหนึ่งที่รู้จักพ่อกู...และติดต่อมาบอกให้ช่วยเรื่องการตั้งโรงแรมในอังกฤษที่อยู่ๆ ก็โดนปฏิเสธ”

“พี่ภู?” ผมมองหน้าเพื่อนด้วยความแปลกใจ พร้อมกับส่งโทรศัพท์คืนมัน ในหัววุ่นวายอยู่กับการปะติดปะต่อเรื่องราวที่ได้รู้

“อ่า...ดูเหมือนที่ดินตรงนั้นจะเป็นของภู” มันตอบง่ายๆ “รายนั้นไม่ได้ไร้เหตุผลแต่ก็ไม่ได้ใจดี ทั้งที่เข้าไปยุ่งกับหุ้นหรือธุรกิจได้หลายๆ อย่างแต่ก็ไม่ได้ทำขนาดนั้น...แค่จัดการคนละนิดคนละหน่อยให้พวกนั้นวิ่งเต้น ออกคำสั่งง่ายๆ ว่าให้อยู่เฉยๆ อบรมลูกหลานตัวเองไป ถ้าพอใจแล้วจะยอมฟังคำอธิบายเอง”

“โคตรเจ๋ง” ผมพึมพำเบาๆ และหมายความตามที่พูดจริงๆ คนอะไรทำไมโคตรเท่...เจ๋งสุดๆ

โซทำหน้าเหมือนอยากตาย มันกลอกตาเอือมๆ แล้วถอนหายใจทีเดียวหมดปอด

“กูลืมไปว่ามึงเป็นใคร”

“อะไรวะ”

“ภูออกมาแล้วนะ มึงจะเอาแผนไหนก็เอาสักแผน” มันตัดบทแล้วมองออกไปนอกรถ ผมหันไปมองตามแล้วก็เห็นพี่ภูกำลังเดินล้วงกระเป๋าออกมาจากตัวตึก

“เออ กูไปละ” ผมโบกมือลา ใช้เวลาเรียกสติแล้วลืมเรื่องที่คุยเมื่อครู่อยู่สองสามวิก่อนจะเปิดประตูรถออกไปโดยไม่สนใจสายตาของใครหลายๆ คนซึ่งมองมาด้วยความตกใจรวมถึงคนที่ยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูป

ไม่ใช่ว่าผมไม่สนใจเรื่องที่ได้รู้จากโซ...แต่ผมคิดว่าเรื่องพวกนี้ไม่ควรเอาไปพูดหรือถามพี่ภูต่างหาก มันจะแลดูเหมือนผมยุ่มย่ามกับเรื่องของเขามากเกิน และอีกอย่าง…

ปล่อยให้ตัวเองเข้าใจว่าเขาโมโหแทนก็ดีอยู่แล้ว

พี่ภูไม่ได้แสดงท่าทีอะไรเมื่อหันมาเห็นผม แต่ไม่รู้ทำไมผมถึงมองออกว่าเขาจะสื่ออะไร อารมณ์ประมาณว่า ‘มึงอีกแล้วเหรอ’ อะไรแบบนั้น

“พี่ภู” ผมเดินเข้าไปหาก่อนจะฉีกยิ้มกว้างเพื่อให้กล้องเห็นได้ชัดๆ แต่เหมือนใครอีกคนจะไม่เข้าใจด้วย เขาถึงได้มองผมด้วยสายตาเหมือนมองตัวประหลาด

“ทำหน้าอะไร”

“ฉีกยิ้มอยู่” ผมว่าแล้วหมุนตัวให้หันไปทางเดียวกับเขาโดยไม่ลืมมองไปทางกล้องที่ถ่ายอยู่แล้วยิ้มให้เห็นจะๆ

“ปากยิ้ม...แต่ตาเหมือนจะไปฆ่าคน”

เวร...ลืมตัว

“พี่ภู ผมขอเกาะแกะหน่อยนะ”

คนฟังเลิกคิ้วน้อยๆ ด้วยความไม่เข้าใจแต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ ผมนิ่งรอสักพักจนแน่ใจแล้วว่าน่าจะได้รับคำอนุญาต จากนั้นก็ใช้มือข้างหนึ่งยกขึ้นเกาะแขนเสื้อเขาไว้โดยไม่ได้ฉวยโอกาสไปมากกว่านั้น

“จะเล่นอะไร” พี่ภูหรี่ตาลงคล้ายไม่ไว้ใจแต่ก็ไม่ได้สะบัดออก ผมยิ้มให้เขาเป็นคำตอบโดยไม่พูดอะไร เพราะแค่กวาดสายตามองโดยรอบก็ดูเหมือนคนฉลาดแบบเขาจะเข้าใจเรื่องราวได้อย่างรวดเร็ว

“พี่เห็นข่าวแล้วใช่ไหม”

“อืม”

“ผมขอโทษที่ทำให้พี่เดือดร้อน” ผมพูดด้วยความสำนึกผิดจริงๆ

ไม่ใช่ว่าผมไม่รู้ว่าเหตุการณ์ทุกอย่างมันเกิดจากตัวเองเป็นหลัก ถ้าวันนั้นผมอดทนได้แบบที่พี่ภูไม่สนใจมาตลอด พวกนั้นก็คงไม่หมั่นไส้ถึงขนาดต้องมาดักทำร้ายกันจนเกิดข่าวลือแบบนี้ขึ้น

ผมไม่ได้เสียหายแต่พี่ภูโดนเต็มๆ...ปกติคนก็กลัวเขามากอยู่แล้ว ข่าวเดิมๆ ก็ไม่ได้แก้ไขแล้วยังมีข่าวใหม่มาเพิ่มอีก ถึงเจ้าตัวจะไม่สนใจอะไรแต่ผมไม่ชอบเลยที่คนอื่นมองเขาไม่ดี

“กูไม่ได้สนใจอยู่แล้ว” พี่ภูพูดตัดความคิดของผม เขามองตรงไปข้างหน้า ไม่มีวี่แววจะสนใจสายตารอบด้านแม้แต่น้อย

“แต่ผมสนใจ” ผมออกแรงดึงแขนเสื้อที่จับอยู่ไว้ บังคับให้คนหน้าดุหันกลับมามอง ผมไม่รู้ว่าตัวเองหยุดยิ้มจอมปลอมไปตั้งแต่เมื่อไหร่ เพราะตอนนี้ที่ต้องการทำมีเพียงการส่งสายตาแสดงความจริงใจไปให้คนตรงหน้า “ถึงผมจะชอบที่คนอื่นไม่กล้ายุ่งกับพี่ แต่ผมก็ไม่ต้องการให้พวกเขามองพี่เป็นคนไม่ดี...โดยเฉพาะถ้าผมเป็นต้นเหตุ”

ข่าวเก่าๆ ก็ช่างหัวมัน ใครอยากเชื่อก็เชื่อไป ผมแค่อยากรู้แต่ไม่คิดสนใจแก้ แต่มันจะต้องไม่มีข่าวแย่ๆ เกี่ยวกับพี่ภูเกิดขึ้นเพราะผมเด็ดขาด

“แล้วมึงจะทำยังไง” พี่ภูก้าวเท้าเข้ามาใกล้ ก้มหน้าลงมองผมด้วยสายตาเป็นคำถาม ถึงหน้าจะเย็นชาแต่น้ำเสียงขบขันน้อยๆ ของเขาก็ทำให้ผมรู้สึกโล่งใจได้ไม่ยาก “ฉีกยิ้มเหมือนคนบ้าใส่กล้องอีกเหรอ”

“นั่นแค่แผนแรก ตอนนั้นยังคิดอะไรไม่ออกไง” ผมอธิบายทั้งหน้าบึ้ง รู้สึกเหมือนโดนด่ายังไงไม่รู้

ตอนแรกเห็นพี่ภูออกมาแล้วเลยคิดไม่ทัน ได้แต่ใช้วิธียิ้มให้เห็นจะๆ จะได้รู้ว่าผมไม่ได้โดนบังคับอะไร แต่เหมือนอารมณ์หงุดหงิดจะค้างมากไปนิดตาเลยไม่ยิ้มไปด้วยจนเกือบทำให้ทุกอย่างแย่ลงไปอีก ดีที่ขอคีบแขนเขาไว้ได้ทัน

“พี่ไม่ต้องทำอะไรเลย แค่เดินนิ่งๆ ไปที่รถเหมือนเดิมก็พอ”

“จะทำอะไร”

“แต๊ะอั๋ง” ผมตอบหน้าตาเฉยและยืนยันคำพูดด้วยการกอดแขนข้างหนึ่งของเขาไว้พร้อมกับยิ้มกว้าง รู้สึกขอบคุณที่เกิดมาเตี้ยกว่าเขาก็วันนี้ เพราะถ้าสูงเท่ากันแล้วภาพที่ออกมามันต้องไม่มุ้งมิ้งแน่นอน

ยิงปืนนัดเดียวได้นกสามตัว นอกจากจะได้แต๊ะอั๋งพี่ภูแล้วผมยังได้แก้ข่าวให้เห็นจะๆ ด้วย และที่สำคัญ…

คืนนี้ต้องไปนั่งสูบรูปให้หมด!

“กระต่ายบ้า” คนโดนเกาะบ่นพึมพำแต่ก็ยอมให้เกาะ เล่นเอาผมยิ้มไม่หุบหนักกว่าเดิม อารมณ์ดีถึงขนาดหันไปแจกยิ้มให้คนรอบๆ ส่งเสียงวี๊ดว๊ายเล่นด้วยซ้ำ

เห็นหน้าตาเหมือนอยากถามแต่ก็ไม่กล้าถามของพวกนั้นแล้วตลกชะมัด

ผมกลายมาเป็นตุ๊กตาหน้ารถของพี่ภูด้วยความสมัครใจอีกครั้ง จริงๆ เขาก็ไม่ได้เชิญหรอก แต่หน้าด้านขึ้นมาเอง ถือว่าเป็นกระต่ายของเขาแล้วจะทำอะไรก็ไม่ผิด เข้าใจตรงกันนะ

“มึงจะไม่กลายร่างใช่ไหม” เสียงติดจะจริงจังของพี่ภูทำให้ผมต้องกะพริบตาปริบๆ แล้วหันไปมองเขาเป็นเชิงถาม “ทำหน้าเหมือนจะกลายร่าง”

“พี่เล่นมุขเหรอ”

“หน้ากูเหมือนเล่นมุขไหม”

ไม่เหมือนเลย…

ผมเปิดกระจกหน้ารถส่องหน้าตัวเองเพื่อหาคำตอบว่าตัวเองเป็นแบบที่เขาบอกหรือเปล่า แล้วก็ต้องหัวเราะแห้งเมื่อพบว่าหน้าตาค่อนข้างจะ...คือว่า แผลที่ยังมีบนหน้าพอบวกรวมกับรอยยิ้มกว้างแล้วก็ตาที่ไม่กะพริบแล้วมันก็ดูน่ากลัวอยู่...นิดๆ

“ผมไม่อยากหน้าช้ำแบบนี้แล้ว” ผมบ่นแล้วยกมือลูบหน้าลูบตาให้เป็นปกติ “ยิ้มแล้วก็โดนหาว่าจะแปลงร่าง...ผมมีความสุขต่างหาก”

“งอแง”

“ไม่ได้งอแง” ผมเถียงก่อนจะหันไปมองคนที่กำลังขับรถ “แต่ถ้าลูบหัวแล้วจะหาย”

“สรุปงอแงหรือไม่งอแงกันแน่”

“ไม่ได้งอแงแต่เรียกร้องความสนใจ ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าได้ก็จะดีมากๆ”

มีความจะเอาแต่ก็ยังรักษาหน้าตัวเองเผื่อไม่ได้ แบบนี้สิดี เหมือนวันนี้ผมจะพกสมองมาด้วยนะ

“ให้ตายเหอะ…” พี่ภูถอนหายใจยาวเหยียดแล้วก็ไม่ยอมพูดอะไรอีก

ผมนั่งมองหน้าเขาอยู่สักพักก็รู้ว่าคงไม่ได้ตามที่พูดเลยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดแทน ถึงจะผิดหวังนิดหน่อยแต่ก็ไม่ได้ซีเรียสอะไร

ยังเหลืออีกอย่างที่ต้องทำ

 

Xuni-news

เมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมามีคนส่งรูปเข้ามาให้เพจมากมายเรื่องที่น้องเก้าไปปรากฎตัวอยู่ที่คณะบริหาร เหมือนหลายๆ คนจะพูดตรงกันว่าน้องดูสนิทสนมกับพี่ปีสี่คนนั้นนะคะ มีการจับไม้จับมือกันด้วย เพราะงั้นเรื่องอาจไม่ใช่แบบที่คิดก็ได้ ทุกคนอย่าเพิ่งตื่นตกใจนะคะ

*แนบรูปเก้าเกาะแขนภู

775ถูกใจ 67ความคิดเห็น 32Shares

 

หืม...ขนาดผมเพิ่งขึ้นรถมาไม่ถึงสิบนาทีนะเนี่ย ข่าวไวชะมัด

ผมเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจเมื่อพบว่าพี่วินแท็กอะไรบางอย่างมา ทั้งยังไม่ใช่เพจข่าวสารมหา’ลัยเสียด้วย

 

Admin Page Cute:

คู่ใหม่หรือเปล่าคะเนี่ยยยยย ดูท่าทางแล้วของจริง น้องเก้าคนดังเกาะแขนพี่ภูแล้วกร๊าวใจมากกก แล้วคนพี่ก็ให้น้องเกาะด้วยนะ น่ารักมากกกกก หมดโมเมนท์โซโล่กีล์จากเมื่อปีก่อนไปแล้วก็มีภูเก้ามาแทน ดีมากๆ เลย ฮือออ

*แนบรูปเก้าเกาะแขนภูแล้วเงยหน้ายิ้ม

1.3kถูกใจ 245ความคิดเห็น 121Shares

 

อันนี้ก็เอ่ยชื่อพี่ภูเหมือนกัน แต่มาคนละแนวเลย คิดไปคิดมาแล้วก็น่าสนใจดี เพราะนอกจากจะเป็นการกลบกระแสแย่ๆ แล้วคนยังหันมามองด้านอื่นแทนด้วย

ได้นกตัวที่สี่เฉย

ผมเลื่อนอ่านคอมเมนท์ผ่านๆ ส่วนใหญ่พวกเพจข่าวยังคงมีคนมาหาเรื่องอยู่บางส่วน ประเภทว่าผมโดนบังคับหรืออะไรแบบนั้นก็มีอยู่ ต่างจากอีกเพจที่มีแต่ผู้หญิงเข้ามากรีดร้องโดยสิ้นเชิง

จะอยู่เฉยๆ ไม่ทำอะไรเลยก็แลดูจะไม่ใช่นิสัยผมด้วยสิ...ผมเปิดเข้าหน้าไทม์ไลน์ตัวเองที่มีคนติดตามอยู่พอควร ก่อนจะบรรจงพิมพ์ข้อความลงไปตามที่คิด พอตรวจทานเรียบร้อยแล้วก็กดโพสต์ก่อนจะปิดการแจ้งเตือนตัดความรำคาญล่วงหน้า

 

Kao Ashira

ที่ผมหยุดไปเพราะโดนคนดักทำร้ายจริงๆ แต่ตอนนี้ไม่มีปัญหาอะไรเพราะพวกนั้นลาออกกันไปหมดแล้ว เพราะงั้นขอความกรุณา...อย่างน้อยแค่คนที่รู้จักผม ช่วยอย่าพาดพิงถึงคนสำคัญของผมนะครับ ขอบคุณที่เป็นห่วง

 

ตอบแบบพระเอกหน่อยๆ นอกจากจะดูคูลแล้วผมยังเบี่ยงประเด็นให้คนไปสนใจว่าใครคือคนที่ลาออกไปได้ด้วย และเมื่อมันดันพอดิบพอดีกับข่าวเด็กบริหารลาออกแบบนี้คงเดาได้ไม่ยากว่าเป็นใคร...เกิดประเด็นร้อนแรงแน่ๆ

นี่ยิงปืนนัดเดียวได้นกตัวที่เท่าไหร่แล้วนะ…

“เก่งสุด”

“คนบ้าอะไรชมตัวเอง”

ผมเงยหน้ามองคนขับรถทันควัน แล้วก็ได้แต่ยกมือเกาหัวเมื่อพบว่าพี่ภูกำลังนั่งกอดอกมองมาที่ผมซึ่งไม่รู้เลยว่ารถจอดอยู่หน้าหอตัวเองตั้งแต่เมื่อไหร่

“พรุ่งนี้ผมต้องเริ่มซ้อมดนตรีแล้ว…” ผมเริ่มเกริ่นเมื่อนึกได้ว่าโซมันเอาตารางงานมาให้ตอนมารับ “คงไม่มีเวลาไปเกาะแกะพี่เยอะ”

แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีเลย

“ยังไม่เริ่มออกกำลังเลยด้วย แบบว่า…ผมนัดกับไอ้โซไว้ว่าจะไปว่ายน้ำพรุ่งนี้หลังซ้อม ประมาณหกโมง พี่ไป…”

“กูต้องกลับมาคุยกับน้องตอนเย็น”

“อ๋อ” ผมรับคำเสียงอ่อย ไม่ใช่ไม่เข้าใจหรือจะนอยอะไร แต่ความอยากรู้มันกำลังพุ่งพล่านเลยต้องระงับไว้

“แต่หลังจากนั้นก็ว่าง ถ้าอยากจริงๆ ก็มาว่ายที่คอนโด”

ผมจะบอกเป็นรอบที่ร้อย...ว่าพี่ภูโคตรใจดี และจะบอกเป็นรอยที่ร้อยเหมือนกัน…ว่า...

“ผมชอบพี่...ชอบมากๆ” ไม่ว่ากับคนอื่นเขาจะเป็นยังไง จะน่ากลัว จะอันตรายขนาดไหน แต่คนที่อยู่ตรงหน้าผมก็ยังเป็นพี่ภูคนที่ผมชอบอยู่ดี

ผมไม่รู้ว่าตัวเองยิ้มกว้างขนาดไหนถึงได้รู้สึกเจ็บแผลบนใบหน้า แต่อย่างน้อยมันก็คงไม่ได้ดูแย่มากนัก…พี่ภูถึงได้มองมานิ่งงันโดยไม่ได้ตำหนิอะไรอีก

 “บอกให้เอากลับไปคิดไม่ใช่หรือไง”

เรื่องนั้น…

“ผมไม่เคยต้องคิดหาคำตอบเลย เพราะมันชัดเจนมาตั้งแต่แรก” ผมตอบเขาตามที่คิดก่อนจะส่งผ่านสายตาจริงจังไปให้

“...”

“ถ้าพี่ยังไม่ให้ผมเข้าไปใกล้กว่าเดิมด้วยเหตุผลที่ว่าพี่ไม่มั่นใจในความรู้สึกของผม ผมบอกไว้ตรงนี้เลย...ผมไม่เคยเห็นเรื่องความรู้สึกเป็นของเล่น ไม่เคยคิดว่าต้องเอาชนะ” ผมใช้ปลายนิ้วแตะหลังมือของเขาเบาๆ และวางทิ้งไว้อย่างนั้น

“...”

“ชอบก็คือชอบ ผมชัดเจนกับความรู้สึกของตัวเองมาตลอด อย่างเดียวที่ผมอยากชนะ...มีแค่ใจพี่”

พูดอะไรออกไปวะน่ะ…น้ำเน่าโคตร

ผมเงยหน้ามองพี่ภูลุ้นๆ ไม่รู้เหมือนกันว่าจะลุ้นอะไร แต่รู้ว่าเกร็งไปหมดเพราะเฝ้ารอคำตอบของเขา ในขณะที่คนหน้าดุแค่ยิ้มที่มุมปากน้อยๆ เหมือนทุกที แต่ใบหน้าคมเย็นชากลับอ่อนลงกว่าครั้งไหนๆ

“อืม”

และประโยคตอบรับสั้นๆ ของเขากำลังจะทำให้ผมตาย

“งั้นผมไปแล้วนะ” ผมบอกลาเมื่อรู้สึกว่าตัวเองนึกอะไรไม่ออก ในหัวว่างไปหมดจนไม่รู้จะชวนคุยอะไรอีกดี

“อ่า”

“...”

“ไปสิ” พี่ภูไล่

“ไม่ได้จริงๆ เหรอ”

“อะไรไม่ได้”

“ลูบหัวไง” ผมเอามือชี้ที่หัวตัวเองแล้วขยับหน้าไปใกล้ๆ แต่คนมองกลับส่ายหน้าแล้วเอานิ้วดันหน้าผากผมออก

“ไปได้แล้ว”

“ไปก็ได้...เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมไปเคาะห้องนะ”

พี่ภูพยักหน้าตอบ เป็นอันตกลงรู้เรื่อง ผมเลยเปิดประตู ยอมก้าวออกจากรถแต่โดยดี

“เดี๋ยว”

“ครับ?”

“พรุ่งนี้เจอกัน” แล้วมืออุ่นๆ ของคนขับรถก็ขยับมาลูบหัวผมเบาๆ สองสามทีก่อนจะผละออกไป

ผมยืนเอามือแตะหัวตัวเองอยู่หน้าหอ ตามองป้ายทะเบียนรถที่ขับออกไปแล้วจนสุดสายตา สมองมีเพียงความว่างเปล่า แต่เมื่อนึกได้ว่าเมื่อครู่เกิดอะไรขึ้นใจที่เต้นเป็นปกติมาตลอดก็กระหน่ำเต้นแรงขึ้นมาเสียเฉยๆ ทั้งยังร้อนผ่าวที่หน้าจนต้องทรุดตัวลงนั่งยองๆ ซ่อนใบหน้าตัวเองไว้

ตาย ตาย ตาย ตาย ตาย ตาย

ผมเลียริมฝีปากแห้งผากแล้วยิ้มออกมาอย่างอดไม่ได้ ถ้าคุมสติไม่อยู่อีกนิดคงหัวเราะออกมาแล้ว

วันนี้ผมเข้าใกล้พี่ได้มากขึ้นอีกก้าวแล้ว...

“มีความสุขว่ะ…”

การได้ทำอะไรเพื่อตัวเอง...แม่งโคตรมีความสุขเลย

 

---------------

 

 

 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31-07-2017 14:31:27 โดย CHESS. »

ออฟไลน์ Babelilong

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 305
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
    • Facebook  เข้ามาขอเป็นเพือนได้เลย
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[10]==[P.6]== [09/05/60]
«ตอบ #172 เมื่อ09-06-2017 14:02:56 »

ง่อวววววเขินแทนเก้าเลยอ่ัะ :-[ :-[ :pig4: :pig4: :pig4:


ออฟไลน์ hpimmc

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[10]==[P.6]== [09/05/60]
«ตอบ #173 เมื่อ09-06-2017 14:37:01 »

นังแรด !

อยากเห็นครอบครัวน้องเก้าอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา จะเป็นยังไงกันนะ
ที่สำคัญอยากเห็นครอบครัวน้องเก้าเจอพี่ภู จะเป็นยังไงน้าาาา



ออฟไลน์ jaokhwan

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 425
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[10]==[P.6]== [09/05/60]
«ตอบ #174 เมื่อ09-06-2017 17:23:09 »

 :o8: :o8: :o8: :-[ :-[

ออฟไลน์ xxSunShinexx

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[10]==[P.6]== [09/05/60]
«ตอบ #175 เมื่อ09-06-2017 17:36:36 »

ถ้าป๊าไม่เล่นใหญ่ เราอาจจะได้เห็นพี่ภูเล่นใหญ่แทนได้นะ
แอบหมั่นนังเก้า โอ้ยๆๆๆๆ
ตลกคุณจ๋าอ่า จับแก้ป้าแล้วไปปล่อยกลางป่า คิดได้ไง 555+
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-06-2017 09:12:54 โดย xxSunShinexx »

ออฟไลน์ missm2c

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 86
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[10]==[P.6]== [09/05/60]
«ตอบ #176 เมื่อ09-06-2017 18:00:41 »

มันก็จะมีความละมุนๆหน่อยนึง #พี่ภูของบ่าว
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-07-2017 15:10:33 โดย missm2c »

ออฟไลน์ fahdekkom

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 212
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[10]==[P.6]== [09/05/60]
«ตอบ #177 เมื่อ09-06-2017 18:52:09 »

เราก็ชอบให้คนลูบหัวเหมือนกันมันรุ้สึกดีจริงๆนะ เขาใจความรู้สึกเก้าเลยว่ามันฟินขนาดไหน 555

ออฟไลน์ Mura_saki

  • แค่เรารู้จักกัน...มันก็ดีที่สุดแล้ว :)
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2067
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +179/-9
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[10]==[P.6]== [09/05/60]
«ตอบ #178 เมื่อ09-06-2017 19:45:14 »

เขินอ่ะ ขอเก้าได้ไหมอ่ะ ชอบเด็กมันอ้อนแบบนี้ ใจบางหมดแล้วววววว ยิ้มแก้มจะแตก เด็กอะไรมั่นใจในความรู้สึกตัวเอง แค่นี้พี่ภูก็หลงจะแย่แล้วว แค่ทำเป็นเก๊กแค่นั้นเอง

ออฟไลน์ myd3ar

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-4
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[10]==[P.6]== [09/05/60]
«ตอบ #179 เมื่อ09-06-2017 19:55:58 »

น้องเก้า เคลิ้มไปเลย

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด